ดังกล่าว จึงมีพระราชด�ำริให้จัดท�ำโครงการจตุรทิศตะวนั ตก-ตะวนั ออก เพอื่ บรรเทาปญั หาจราจรและเชอื่ มโยงพื้นที่ชานเมืองฝั่งตะวันตกกับชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรงุ เทพมหานคร นอกจากนี้ ยงั มโี ครงการขยายถนนคอขวดตามจุดต่าง ๆ อีกหลายแหง่ พระองคท์ รงหว่ งใยพสกนกิ รทไี่ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นจากปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ในพ.ศ. ๒๕๓๖ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กรมต�ำรวจนำ� ไปซอ้ื รถจกั รยานยนตเ์ ปน็ หนว่ ยเคลอื่ นทเ่ี รว็ ในโครงการ“ต�ำรวจจราจรในโครงการพระราชด�ำริ” เพื่อท�ำหน้าท่ีช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัด และบริการประชาชนท่ีได้รับผลกระทบจากปญั หาจราจรดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพิตรสนพระราชหฤทัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้ังแต่ทรงศึกษาอยู่ในต่างประเทศ และทรงนำ� ความรนู้ ม้ี าประยกุ ตใ์ ชพ้ ฒั นาประเทศผา่ นโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชด�ำรติ ่าง ๆ เช่น โครงการฝนหลวงโครงการแก้มลิง สงิ่ ประดิษฐก์ งั หันนำ�้ ชัยพฒั นา โครงการพฒั นานำ้� มนั ปาลม์ เพอ่ื ใชก้ บั เครอ่ื งยนตด์ เี ซล ทรงตง้ั สถานีวิทยุ อ.ส. เพ่ือเป็นส่ือประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร50
สู่ประชาชน ทรงศึกษาและทดลองรับ-ส่งวิทยุทางไกลพระราชทานพระราชด�ำริเกี่ยวกับสายส่งสัญญาณและสายอากาศวทิ ยแุ บบตา่ ง ๆ ใหผ้ ทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งไปพจิ ารณาศกึ ษาส่งผลให้มีการปรับปรุงระบบการสื่อสารของทางราชการจนได้สมรรถนะสงู ทรงศกึ ษาคดิ คน้ สรา้ งโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื การประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ทรงสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ส�ำหรับพิมพ์ตัวอักษรเทวนาครี ทรงประดิษฐ์รูปแบบตัวอักษรไทยหลายแบบ เช่น ฟอนตจ์ ิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์ทรงประดิษฐ์ ส.ค.ส. ด้วยคอมพิวเตอร์เพ่ือทรงอวยพรปวงชนชาวไทย และทรงใช้เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ในงานส่วนพระองคด์ ้านดนตรี ทรงเช่ียวชาญการแปลความหมายของภาพถ่ายทางอากาศ และใช้ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาคาดคะเนแนวเคล่ือนตัวของพายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนได้อย่างถกู ตอ้ งใกลเ้ คยี ง ภายในหอ้ งทรงงานจะมเี ครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ตดิ ตง้ั ทงั้ เครอ่ื งรบั -สง่ วทิ ยแุ รงสงู ทกุ เครอื ขา่ ย โทรสารโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศเพ่ือทรงใช้บ�ำบัดทุกขบ์ ำ� รุงสุขของราษฎร 51
52
ประชาคมโลกยกย่อง ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษท่ีผ่านมาพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ดา้ นการพฒั นาโดยมปี ระชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงทรงได้รับการยกย่องจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ท่ัวโลก และทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายรางวัลต่าง ๆ เปน็ จ�ำนวนมาก รางวลั ทที่ รงไดร้ บั การทลู เกลา้ ฯ ถวายเปน็ พระองคแ์ รกรางวัลเหรียญทอง International Rice Awardเม่ือพ.ศ. ๒๕๓๙ จากสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ(The International Rice Research Institute) ซ่ึงมีส�ำนักงานอยู่ท่ีฟิลิปปินส์ เพื่อสดุดีการท่ีทรงพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรด้วยการส่งเสริมการศึกษาและวิจัยการปลูกข้าว รางวัลความส�ำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(UNDP Human Development Lifetime AchievementAward) เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๙ จากการท่ีได้ทรงพระวิริยอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจกว่า ๔,๐๐๐ โครงการเพ่ือประโยชน์และความเจริญยั่งยืนของประเทศไทยเหรียญรางวัล Dr. Norman E. Borlaug Medallionจากมูลนิธิ World Food Prize เม่ือพ.ศ. ๒๕๔๙ ด้วยพระราชกรณยี กจิ อนั โดดเดน่ ดา้ นมนษุ ยชนในการบรรเทาความอดอยากของประชาชน รางวัลพระอัจฉริยภาพทาง 53
การประดิษฐ์ (Glory to the Greatest Inventor Award)ซึ่งสมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ (The InternationalFederation of Inventors’ Associations: IFIA) ทลู เกลา้ ฯถวายเมอื่ พ.ศ. ๒๕๕๑ ในฐานะทรงมผี ลงานประดษิ ฐค์ ดิ คน้กวา่ ๑,๐๐๐ ชน้ิ ถอื เปน็ รางวลั แรกและรางวลั เดยี วของโลก ทรงไดร้ บั การทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวลั นกั วทิ ยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยชาติ (The Human Soil Scientist)จากสหภาพวทิ ยาศาสตรท์ างดนิ นานาชาติ ประเทศฝรงั่ เศสเมอื่ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพอื่ สดดุ ที ท่ี รงใหค้ วามสำ� คญั กบั การบรหิ ารจัดการทรัพยากรดินอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรบั ทัง้ ในประเทศและนานาประเทศ และเมือ่ วนั ท่ี ๒๐ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สหประชาชาติได้มีมติให้วันที่ ๕ธนั วาคมของทกุ ปี ซงึ่ ตรงกบั วนั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุยเดชบรมนาถบพิตร เป็นวันดินโลก (World Soil Day) เพ่ือเฉลิมพระเกียรติท่ีทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเก่ียวกับการพฒั นาดนิ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เชน่ สง่ เสรมิ การปลกู หญา้ แฝกและทรงริเร่มิ ทฤษฎีแกล้งดนิ โครงการหลวงได้รับรางวัลแมกไซไซเม่ือพ.ศ.๒๕๓๐ และรางวัลจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเม่ือพ.ศ. ๒๕๔๙ ขณะท่ีมูลนิธิโครงการหลวงได้รับรางวัลColombo Plan Award เม่อื พ.ศ. ๒๕๔๖54
พ.ศ. ๒๕๓๖ สมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินนานาชาติ (The International Erosion Control Association)ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล International Merit Awardเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณในการส่งเสริมการใช้หญ้าแฝกองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติทูลเกล้าฯถวายเหรยี ญ Agricola Medal เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๘ เพอ่ื สดุดีพระเกียรติคุณที่ทรงเป็นผู้น�ำการพัฒนาการเกษตรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเหรียญ Telefood Medal เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๒ จากพระราชกรณยี กจิ เพอ่ื ตอ่ สกู้ บั ความอดอยากและความยากจน สมาคมส่งเสริมและคุ้มครองนักประดิษฐ์ของราชอาณาจกั รเบลเยยี ม ทลู เกลา้ ฯ ถวายรางวลั Brussels Eurekaสำ� หรบั สงิ่ ประดษิ ฐก์ งั หนั นำ้� ชยั พฒั นา เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๔๓ และรางวัลส่ิงประดิษฐ์ดีเด่นรวม ๕ รางวัลในงานนิทรรศการBrussels Eureka 2001 ต่อมาเม่อื พ.ศ. ๒๕๔๗ ทรงไดร้ ับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล Habitat Scroll of HonourAward เพอื่ สดดุ พี ระราชกรณยี กจิ ดา้ นโครงการการพฒั นาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำรติ า่ ง ๆ วนั ที่ ๒๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สมชั ชาสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กได้จัดประชุมวาระพิเศษ เพ่ือสดุดีถวายพระเกียรติ และยืนไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคต ซึ่งเป็นเหตกุ ารณ์พเิ ศษทเี่ กดิ ขึ้นไม่บ่อยนัก 55
56
เสด็จสวรรคต พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดชบรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�ำเนินจากพระต�ำหนักจติ รลดารโหฐานไปประทบั ณ โรงพยาบาลศริ ริ าช เพอ่ื รกั ษาพระอาการประชวรอันเน่ืองมาจากพระโรคไข้หวัด และพระปปั ผาสะ (ปอด) อกั เสบในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ตอ่ มาในเดอื นสงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระต�ำหนักเปี่ยมสุขวงั ไกลกงั วล อำ� เภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ เพอ่ื เปลยี่ นพระอิริยาบถ ในระหว่างท่ีเสด็จประทับที่วังไกลกังวลราว ๑ ปี ระหวา่ งนนั้ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ทอดพระเนตรโครงการตา่ ง ๆ เป็นคร้ังคราว วันท่ี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เสดจ็ พระราชด�ำเนนิมาประทบั ณ โรงพยาบาลศิรริ าชเน่อื งจากมพี ระอาการไข้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาจนพระอาการท่ัวไปดีขึ้นตามลำ� ดบั ตลอดระยะเวลาทป่ี ระทบั ณ โรงพยาบาลศริ ริ าชส�ำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับพระอาการประชวรใหท้ ราบเป็นระยะมาโดยตลอด วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ส�ำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เร่ือง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สวรรคต ความว่า “พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหติ ลาธเิ บศรรามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธริ าช 57
บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�ำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราชต้ังแต่วันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามที่สำ� นกั พระราชวงัได้แถลงใหท้ ราบเปน็ ระยะแลว้ นนั้ แมค้ ณะแพทยไ์ ดถ้ วายการรกั ษาอยา่ งใกลช้ ดิ จนสดุความสามารถแต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนกั ลงตามลำ� ดบั ถงึ วนั พฤหสั บดที ี่ ๑๓ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช๒๕๕๙ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๒ นาที เสด็จสวรรคต ณโรงพยาบาลศริ ริ าชดว้ ยพระอาการสงบ สริ พิ ระชนมพรรษาปที ี่ ๘๙ ทรงครองราชย์สมบัตไิ ด้ ๗๐ ป”ี วนั ศกุ รท์ ่ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ไปโรงพยาบาลศิริราชเพอื่ เคลอ่ื นพระบรมศพไปยงั พระบรมมหาราชวงั มพี ระราชพิธีสรงน้�ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา อัญเชิญพระบรมโกศประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทรัฐบาลประกาศให้สถานที่ราชการ รฐั วสิ าหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่งลดธงครึ่งเสา ๓๐ วัน และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ ไว้ทุกข์๑ ปี ต้ังแต่วนั ที่ ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๙58
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (๑๐๐ วนั ) ถวายพระบรมศพ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วัมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุลองคมนตรี คณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม องคก์ รอสิ ระรฐั วสิ าหกจิ และภาคเอกชน รว่ มเปน็ เจา้ ภาพในการบำ� เพญ็กุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ นอกจากนี้ประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ ท่ัวประเทศ พร้อมใจกันเดินทางมากราบสกั การะพระบรมศพดว้ ยความจงรกั ภกั ดี และระลึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณอย่างหาท่สี ุดมิได้ 59
60
การจัดงานพระราชพธิ ีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร 61
พระเมรมุ าศพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั พ.ศ. ๒๔๕๓ 62
โกบารราถณวารยาพชประรเะพเพลิงณพี ระบรมศพ ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทยตงั้ แตส่ มยั สุโขทัยเปน็ ต้นมานนั้ พระมหากษตั รยิ ์นอกจากจะทรงเปน็ ผ้นู �ำในการก่อตัง้พระราชอาณาจกั รแลว้ ยงั ทรงทำ� นบุ ำ� รงุ สรา้ งศลิ ปวฒั นธรรมและระเบียบประเพณีต่าง ๆ ในการดำ� รงชวี ิตให้เปน็ มรดกของชาตสิ ืบทอดมา หลกั ฐานที่กล่าวถงึ การจดั พระราชพธิ ีพระบรมศพที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏอยู่ในหนังสือไตรภูมิกถาหรอื ไตรภูมพิ ระรว่ ง หนังสือวรรณคดที างพระพุทธศาสนาเล่มแรกของชาติไทย ซึ่งพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ หรือพญาลิไท แห่งกรุงสโุ ขทัย ทรงพระราชนพิ นธ์ไวเ้ มอ่ื ปีระกาพุทธศักราช ๑๘๘๘ พรรณนาการจัดการพระศพพระยามหาจักรพรรดิราชไว้ ครน้ั ถงึ สมยั อยธุ ยาตอนตน้ ไมป่ รากฏหลกั ฐานเรอื่ งการพระบรมศพ เชน่ เดยี วกบั สมยั รปู แบบของอยธุ ยาตอนกลางในพระราชพงศาวดารกล่าวถึงเฉพาะลักษณะพระเมรุมิได้กล่าวถึงรายละเอียดพระราชพิธี ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนปลายปรากฎหลกั ฐานในจดหมายเหตพุ ระบรมศพ สมเดจ็พระเจา้ อยหู่ วั ทา้ ยสระ พรรณนาเฉพาะการถวายพระเพลงิและการแหพ่ ระบรมอฐั ิและพระบรมราชสรรี างคารไปประดษิ ฐานณ พระอารามหลวง และงานพระบรมศพสมเดจ็ เจา้ ฟา้ สดุ าวดีกรมหลวงโยธาเทพ พระราชธดิ าสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชาพรรณนารายละเอียดการพระราชพิธีพระบรมศพไว้ค่อนขา้ งละเอียด 63
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ทรงได้รับการเทิดทูนเสมอด้วยสมมติเทพตามคติพราหมณ์เม่ือเสด็จพระราชสมภพ ถือเป็นเทพอวตาร คือ เทวดาจุติลงมาอุบัติบนโลกมนุษย์ ครั้นเมื่อเสดจ็ สวรรคตจงึ ถอื เปน็ การเสดจ็ กลบั สสู่ วรรค์ พระราชพธิ ีอนั เกย่ี วเนอื่ งกบั พระบรมศพจงึ ถอื เปน็ พระราชพธิ ที จี่ ดั ขน้ึเพ่ือเฉลิมพระเกียรติอยา่ งสูงสุด การพระราชพิธีพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ในสมยั รัตนโกสินทรเ์ ป็นโบราณราชประเพณีทมี่ ีแบบแผนธรรมเนียมมาแตค่ รง้ั สมัยอยุธยาตอนปลาย มคี วามสำ� คญัทดั เทยี มกบั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก แมว้ า่ จะมกี ารปรบัเปลย่ี นในรายละเอยี ดปลกี ยอ่ ยของพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ อยบู่ า้ งตามยคุ สมยั และสภาวะของสงั คม แตย่ งั คงยดึ ถอื คตติ ามทก่ี ลา่ วในไตรภมู กิ ถาอยอู่ ยา่ งมนั่ คง มกี ารประดษิ ฐานพระบรมศพบนพระเมรุมาศซึ่งเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุล้อมรอบด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์ เพื่อเป็นการส่งดวงพระวิญญาณกลับสู่สรวงสวรรค์อันเป็นที่สถิตของเทพยดาท้ังหลายมกี ารประกอบพระราชพธิ อี ยา่ งยง่ิ ใหญอ่ ลงั การ เรม่ิ ตง้ั แตก่ ารสรงนำ�้ พระบรมศพการเชญิ พระบรมศพประดษิ ฐานในพระบรมโกศการบ�ำเพ็ญพระราชกุศล การเชิญพระบรมศพจากพระบรมมหาราชวงั มาประดษิ ฐานณพระเมรมุ าศทอ้ งสนามหลวงการถวายพระเพลิงพระบรมศพการเชิญพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรรี างคารกลบั สพู่ ระบรมหาราชวงั ลำ� ดบั พระราชพธิ ีเหลา่ นมี้ แี บบแผนทำ� เนยี มปฏบิ ตั สิ บื ทอดมาแตโ่ บราณ และการเตรยี มการต้องใช้เวลานานหลายเดือน64
หลังจากเชิญพระบรมโกศข้ึนประดิษฐานบนพระที่น่ังดุสิตมหาปราสาทแล้ว จึงจัดให้มีการพระราชพิธีบ�ำเพ็ญพระราชกุศลเป็นประจ�ำทุกวัน และพระราชพิธีบ�ำเพญ็ พระราชกุศล ครบ ๗ วัน (สัตตมวาร) ครบ ๑๕ วนั(ปณั รสมวาร) ครบ ๕๐ วนั (ปญั ญาสมวาร) และครบ ๑๐๐ วนั(สตมวาร) การบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ล ณ พระทนี่ ่ังดุสิตมหาปราสาทภายใน พระบรมมหาราชวังในแต่ละวัน จะมีพระบรมวงศานวุ งศเ์ สดจ็ มาบำ� เพญ็ พระกศุ ล จนครบ ๑๐๐ วนัแต่ละวันมีการสวดพระอภิธรรมโดยพระพิธีธรรมจากพระอารามหลวง ๑๐ แหง่ ไดแ้ ก่ วดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฏิ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวรารามวัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสระเกศ วัดระฆังโฆสิตารามวัดประยุรวงศาวาส วัดอนงคาราม วัดราชสิทธารามและวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสับเปล่ียนหมุนเวียนกันไปพระพธิ ธี รรมแตล่ ะพระอารามจะใชท้ ำ� นองสวดแตกตา่ งกนัปัจจบุ นั มี ๔ ท�ำนอง คอื ท�ำนองกะ ทำ� นองเลอ่ื น ทำ� นองลากซงุ และท�ำนองสรภัญญะ นอกจากน้ี ยงั มกี ารประโคมยำ�่ ยามในงานพระบรมศพหรอื พระศพ ซง่ึ เป็นราชประเพณีโบราณ เพอื่ เปน็ สญั ญาณใหข้ า้ ราชการรกู้ ำ� หนดเวลาในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี การประโคมย่�ำยามนี้ใช้ในงานมีพระบรมศพ และพระศพพระราชวงศ์ขุนนางผู้ใหญ่ แต่เดิมดนตรีท่ีใช้ประโคมย�่ำยามมีเฉพาะวงแตรสังข์ และวงปี่ไฉน กลองชนะ โดยก�ำหนดประโคมยำ่� ยามทกุ สามชวั่ โมง คอื เวลา ๐๖.๐๐ น. ๑๒.๐๐ น. ๑๘.๐๐ น.๒๑.๐๐ น. และ ๒๔.๐๐ น. การประโคมน้จี ะท�ำทุกวันจนครบกำ� หนดไวท้ กุ ข์ ๑๐๐ วนั ๒ เดอื น ๑ เดอื น ๑๕ วนั ๗ วนั 65
ตามพระเกยี รตยิ ศพระบรมศพ หรอื พระศพ การประโคมยำ่�ยามพระบรมศพพระมหากษตั รยิ ์ เครอ่ื งประโคมจะประกอบด้วยมโหระทกึ - สงั ข์ - แตรงอน - เปงิ - และกลองชนะ -หากเปน็ พระศพ ไม่มีมโหระทกึ เมอื่ ถงึ กาลอนั ควรคอื สรา้ งพระเมรมุ าศ หรอื พระเมรุท่ีท้องสนามหลวงเสร็จพร้อมท่ีจะถวายพระเพลิงได้ ก็จะเชญิ พระบรมศพ พระศพจากพระบรมมหาราชวงั ไปยงั ทอ้ งสนามหลวงเพอ่ื ถวายพระเพลงิ ณ พระเมรมุ าศ ซง่ึ สรา้ งเปน็พเิ ศษดังกล่าวแล้ว เรยี กวา่ “งานออกพระเมรุ” การเชิญพระบรมศพ พระศพ สู่พระโกศการบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ตลอดจนการสร้างพระเมรุมาศพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง การเคลื่อนพระบรมศพพระศพจากพระบรมมหาราชวงั สพู่ ระเมรุ ทท่ี อ้ งสนามหลวงการตกแต่งพระจิตกาธาน การเชิญพระบรมอัฐิ พระอัฐิพระบรมราชสรรี างคาร และพระสรรี างคารกลบั เขา้ สพู่ ระบรมมหาราชวงั ลว้ นมแี บบแผนกำ� หนดไวเ้ ปน็ แนวทางใหป้ ฏบิ ตั ิ ขนั้ ตอนพระราชพธิ ใี นแตล่ ะขนั้ ตอนดงั กลา่ วตอ้ งใช้เวลาเตรยี มการเปน็ แรมเดอื น นบั ตง้ั แตก่ ารสรา้ งพระเมรมุ าศหรอื พระเมรุ การดแู ลและตกแตง่ ราชรถ ราชยาน คานหามสำ� หรบั เชญิ พระโกศพระบรมศพ พระศพ พระบรมอฐั ิ พระอฐั ิตลอดทง้ั เครอื่ งประกอบอนื่ ๆ ในการออกพระเมรุ เชน่ พระโกศไมจ้ นั ทน์ เครอ่ื งฟนื ไมจ้ นั ทน์ พระโกศบรรจพุ ระบรมอฐั ิพระอัฐิ ผอบบรรจุพระสรรี างคาร หรอื พระราชสรีรางคารทั้งน้ีไม่รวมเครื่องสดที่ประดับพระเมรุมาศ และงานแทงหยวกเปน็ ลวดลายประดบั พระจติ กาธาน ซงึ่ ตอ้ งทำ� ใหแ้ ลว้66
เสรจ็ ก่อนการถวายพระเพลิงเพยี งไม่ก่ีช่วั โมง นอกจากนั้นยงั ต้องมกี ารซ้อมรว้ิ ขบวนในแตล่ ะจุด แตล่ ะพิธีการด้วย ตามโบราณราชประเพณี พระราชพธิ ถี วายพระเพลงิพระบรมศพ หรือเรียกว่า “งานออกพระเมรุ” มีขั้นตอนการปฏิบัติท่ีถูกก�ำหนดไว้อย่างมีแบบแผน การเตรียมการแต่ละข้นั ตอนใชเ้ วลาหลายเดอื นหรือนานนบั ปี เพอ่ื ให้สง่างามสมพระเกียรติ โดยเฉพาะศูนย์กลางของพระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ คือการก่อสรา้ งพระเมรุมาศ และเครอื่ งประกอบอื่น ๆ ในการออกพระเมรุต้องมีการออกแบบให้เหมาะสม หากพระเจา้ อยหู่ วั ในพระบรมโกศเคยมรี บั สง่ั ไว้เช่นไร จะต้องถือปฏิบัติตามน้ัน ดังเช่นพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานกระแสพระราชดำ� ริและมีพระบรมราชโองการให้จัดการพระเมรุพระบรมศพของพระองคไ์ วว้ า่ “แตก่ อ่ นมา ถา้ พระเจา้ แผน่ ดนิ สวรรคตลงก็ต้องปลูกเมรุใหญ่ ซึ่งคนไม่เคยเห็นแล้วจะนึกเดาไม่ถูกว่าใหญ่โตเพียงใด เปลืองทั้งแรงคน และเปลืองท้ังพระราชทรัพย์ ถ้าจะท�ำในเวลาน้ีก็ดูไม่สมควรกับการที่เปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ไม่เป็นเกียรติยศยืนยาวไปได้เท่าใด ไม่เป็นประโยชน์แก่คนท้ังปวง กลับเป็นความเดือดร้อน ถ้าเป็นการศพท่านผู้ที่มีพระคุณ หรือมีบรรดาศักด์ิใหญ่อันควรจะได้เป็นเกียรติยศ ฉันก็ไม่อาจจะลดทอน ด้วยเกรงวา่ คนจะเขา้ ใจวา่ เพราะผนู้ นั้ ประพฤติไมด่ อี ยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด จงึ ไมท่ ำ� การศพใหส้ มเกยี รตยิ ศซงึ่ ควรจะได้ แต่เมื่อถงึ ตวั ฉันเองแล้ว เหน็ วา่ ไมม่ ีข้อขดั ขวางอันใดเปน็ ขอ้ ค�ำท่จี ะพดู ไดถ้ นัด จงึ ขอใหย้ กเลกิ งานพระเมรใุ หญ่ 67
นั้นเสีย ปลูกแตท่ ี่เผาพอสมควรในทอ้ งสนามหลวง แลว้ แต่จะเห็นสมควรกันต่อไป” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงอนวุ ตั ตามรบั สง่ั ของสมเดจ็ พระบรมชนกนาถงานพระเมรพุ ระบรมศพในครั้งนน้ั จึงต่างจากธรรมเนยี มท่ีเคยมีมา พระองค์ทรงให้ประกาศการพระราชพิธีพระเมรุพระบรมศพในราชกิจจานุเบกษาเพ่ือให้ประชาชนทราบการเปลี่ยนแปลงน้ีโดยทั่วกัน โดยอัญเชิญพระราชด�ำรัสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประกอบดว้ ย ทง้ั นง้ี านพระเมรพุ ระบรมศพในครง้ั นนั้ นบั เปน็ ตน้ แบบของการสร้างพระเมรุมาศในสมยั ต่อมา พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเร่ิมจากงานพระราชกศุ ลออกพระเมรุ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระองค์ใหมจ่ ะเสด็จพระราชดำ� เนินไปทรงบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ลในเวลาเยน็ วนั รงุ่ ขน้ึ เจา้ พนกั งานเปลอื้ งพระบรมโกศออกแลว้ถวายตาด (ผา้ ตาดทอง) คลุมพระลองเงินทรงพระบรมศพแล้วเชิญลงจากพระแท่นแว่นฟ้าทอง ออกพระทวารด้านทิศตะวันตกลงจากพระที่น่ังดุสิตมหาปราสาทไปประดิษฐานเหนือพระยานมาศสามล�ำคานที่หน้าประตูกำ� แพงแกว้ ดา้ นตะวนั ตก เจา้ พนกั งานประกอบพระบรมโกศภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วเชิญพระบรมโกศออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตเู ทวาภริ มย์ ยาตรากระบวนพระบรมราชอิสริยยศไปตามถนนมหาราช ถนนพระเชตพุ น ถนนสนามไชย เมอ่ื กระบวนถงึ หนา้ พลบั พลายกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อัญเชิญพระบรมโกศข้ึน68
ประดษิ ฐานบนพระมหาพชิ ยั ราชรถ เคลอื่ นสทู่ อ้ งสนามหลวงโดยยาตราไปตามถนนสนามไชย ถนนราชดำ� เนินเล้ียวเขา้ถนนพระจันทร์เทียบพระมหาพิชัยราชรถตรงถนนด้านทิศเหนือประตูราชวัตรของพระเมรุมาศ แล้วอัญเชิญพระบรมโกศลงจากพระมหาพชิ ยั ราชรถประดษิ ฐานบนราชรถปืนใหญ่เวียนอุตตราวัฏรอบพระเมรุมาศ จากนั้นอัญเชิญพระบรมโกศขึ้นสู่พระเมรุมาศเปล้ืองพระโกศทองใหญ่แล้วอัญเชิญพระลองทรงพระบรมศพประดิษฐานณ พระจิตกาธานยอดพระมหาเศวตฉัตร ประกอบพระโกศจนั ทน์ จากนนั้ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปถวายพระเพลงิ ในชว่ งเยน็ วนั รงุ่ ขนึ้ อญั เชญิ พระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทรยานและพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยยาตราดว้ ยกระบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศจากพระเมรมุ าศไปประดิษฐานในพระบรมมหาราชวงั คนไทยแต่เดิมยึดถือไตรภูมิตามคติทางพระพุทธศาสนาทก่ี ล่าวถงึ จักรวาล ซึ่งมเี ขาพระสเุ มรเุ ป็นศนู ย์กลางของภูมิท้ังสามที่รายล้อมด้วยสรรพสิ่งนานาต้ังแต่วิมานท้าวจตุโลกบาล เขาสัตตบริภัณฑ์จึงน�ำคติดังกล่าวมาเป็นแนวทางประกอบพิธีถวายพระเพลิง เพื่อให้ได้ถึงภพแหง่ ความดงี ามอนั มแี ดนอยู่ท่เี ขาพระสเุ มรนุ ัน้ เอง ด้วยเหตุนี้ ส่ิงก่อสร้างในการพระราชพิธีถวายพระเพลิง จึงมีสว่ นจำ� ลองใหค้ ลา้ ยกบั ดนิ แดนเขาพระสเุ มรุ เชน่ การสรา้ ง 69
พระเมรุมาศในสมัยโบราณนับแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมาจะมีรูปสัตว์หิมพานต์นานาชนิด บนหลังตั้งสังเค็ด ผ้าไตรถวายพระสงฆ์อยู่ในขบวนอิสริยยศเชิญพระบรมศพสพู่ ระเมรมุ าศ การสรา้ ง “พระเมรมุ าศ” จะมขี นาดและแบบงดงามวิจิตรแตกต่างกันตามยุคสมัยและตามความบันดาลใจของช่างที่มีปรัชญาในการออกแบบว่าเป็นพระเมรุของกษัตริย์ นักรบ หรือฝ่ายสตรี ซึ่งจะประกอบข้ึนเป็นพระเมรุมาศและปริมณฑลโดยยึดคติโบราณที่สืบทอดกันมา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานรศิ รานวุ ัดติวงศ์ ทรงสนั นิษฐานคตกิ ารสรา้ งพระเมรุมาศหรือพระเมรุว่า ได้ชื่อมาจากการปลูกสร้างปราสาทอันสูงใหญ่ท่ามกลางปราสาทน้อยที่สร้างข้ึนตามมุมทิศมีโขลนทวาร (โคปุระ) ชักระเบียงเช่ือมถึงกัน ปักราชวัติเปน็ ชน้ั ๆ ลกั ษณะเหมอื นเขาพระสเุ มรตุ ง้ั อยทู่ า่ มกลางมเี ขาสตั ตบรภิ ณั ฑล์ อ้ ม จงึ เรยี กเลยี นชอื่ วา่ “พระเมร”ุ ภายหลงั ทำ�ยอ่ ลง แม้ไมม่ อี ะไรลอ้ ม เหลือแค่ยอดแหลม ๆ กย็ ังคงเรียกเมรดุ ว้ ย แผนผังพระเมรุมาศเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส พระเมรุมาศอยู่กลาง แวดล้อมด้วยอาคารรายรอบเป็นปริมณฑล ประดุจโบสถ์หรือวิหารซ่ึงมีระเบียงล้อมรอบคือ ทับเกษตร เป็นท่ีพัก ซ่างหรือส�ำส้าง คือมุมคดของทับเกษตร ทั้ง ๔ มุม เป็นที่พระสวดพระอภิธรรมตรงข้ามพระเมรุมาศจะเป็นพระที่นั่งทรงธรรมส�ำหรับพระมหากษตั รยิ ป์ ระทบั ในการถวายพระเพลงิ บรเิ วณองค์70
พระเมรุมาศจะประดับตกแต่งด้วยราชวัติฉัตรธง เสาดอกไม้พุ่ม สรรพสัตว์ตกแต่งให้ประดุจเขาพระสุเมรุราชในเร่ืองไตรภูมิ กล่าวกันว่าในสมัยโบราณพระเมรุมีขนาดสูงใหญ่โอฬารมาก เช่น พระเมรุมาศของสมเด็จพระนารายณม์ หาราชในสมยั อยธุ ยา การถวายพระเพลิง หรือ “ออกพระเมรุ” ในสมัยโบราณจะทำ� เปน็ งานใหญแ่ ลว้ แตก่ ำ� หนดตงั้ แต่ ๓ วนั ๕ วนั๙ วัน ถงึ ๑๕ วัน สุดแต่สะดวก ซึง่ ในปจั จุบนั พระราชพธิ ีจะมีขอบเขต คอื วันแรก เชญิ พระบรมศพออกสู่พระเมรุ ด้วยขบวนพระบรมราชอิสริยยศข้ึน ประดิษฐานบนพระเมรมุ าศ วนั ทสี่ อง ถวายพระเพลิงพระบรมศพ มเี ครื่องประกอบพระราชพิธแี ละวิธี ปฏบิ ตั ิเฉลิมพระเกียรติยงิ่ ใหญ่ วนั ท่สี าม สมโภชพระบรมอัฐิ เม่ือถวายพระเพลิงแล้วจะประกอบพระราชพิธีสามหาบตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วเชิญพระบรมอัฐิ พระอัฐิ ด้วยขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระอสิ รยิ ยศสมโภชภายในพระบรมมหาราชวงั พระบรมอฐั ิพระอัฐิจะบรรจุในพระโกศทองค�ำ แล้วประดิษฐานไว้บนพระมหาปราสาท จัดให้มีการบ�ำเพ็ญพระราชกุศลสว่ นพระบรมราชสรรี างคาร พระสรรี างคารจะนำ� ไปประดษิ ฐานไวย้ งั พุทธสถาน พระอารามหลวงตามราชประเพณี 71
72
หมายก�ำหนดการงานพระราชพธิ ีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพิตรระหว่างวันท่ี ๒๕-๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐วนั พุธที่ ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐เวลา ๑๗.๓๐ น. พระราชกุศลออกพระเมรุสถานท ่ี พระทน่ี ั่งดสุ ติ มหาปราสาทการแต่งกาย เตม็ ยศ ไว้ทุกข์ มงกฎุ ไทยวันพฤหสั บดที ่ี ๒๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐เวลา ๐๗.๐๐ น. เชิญพระบรมศพไปพระเมรมุ าศสถานท่ี พระท่ีน่ังดสุ ิตมหาปราสาท พลบั พลายก วดั พระเชตพุ นฯ ถนนสนามไชย ถนนราชด�ำเนนิ ใน พระเมรมุ าศ ท้องสนามหลวง ถนนตดั กลางสนามหลวง หนา้ พลับพลายก พระเมรมุ าศการแตง่ กาย เต็มยศ ไวท้ กุ ข์ สายสะพายจักรี หรือช้างเผือก 73
เวลา ๑๗.๓๐ น. ถวายพระเพลงิ พระบรมศพสถานท่ี พระทน่ี ง่ั ทรงธรรม พระเมรุมาศการแตง่ กาย เต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายจักรีเวลา ๒๒.๐๐ น. ถวายพระเพลงิ พระบรมศพสถานที่ พระทีน่ ่ังทรงธรรม พระเมรมุ าศการแต่งกาย ปกติขาว ไวท้ กุ ข์วันศกุ ร์ที่ ๒๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐เวลา ๐๘.๐๐ น. พระราชกศุ ลพระบรมอัฐิสถานที ่ ตกึ ถาวรวัตถุ (ตกึ แดง) พระจิตกาธาน พระท่ีน่งั ทรงธรรม วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม (พระศรรี ัตนเจดีย์) พระทีน่ ่ังดสุ ิตมหาปราสาท การแต่งกาย เตม็ ยศ ไวท้ กุ ข์ สายสะพายจลุ จอมเกลา้ 74
วนั เสาร์ท่ี ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐เวลา ๑๗.๓๐ น. พระราชกุศลพระบรมอฐั ิสถานท ่ี พระที่นง่ั ดสุ ิตมหาปราสาทการแต่งกาย เตม็ ยศ สายสะพายจกั รีวันอาทติ ย์ท่ี ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐เวลา ๑๐.๓๐ น. เลยี้ งพระและอญั เชญิ พระโกศพระบรมอฐั ิ ขนึ้ ประดษิ ฐานพระวิมานสถานท ี่ พระทนี่ ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาท พระทน่ี ง่ั จักรมี หาปราสาทการแตง่ กาย เต็มยศ จุลจอมเกล้าเวลา ๑๗.๓๐ น. บรรจุพระบรมราชสรรี างคารสถานที ่ วัดราชบพิธสถติ มหาสมี าราม วดั บวรนเิ วศวหิ ารการแตง่ กาย เต็มยศ จุลจอมเกล้า 75
การจดั ซอ้ มขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศ 76
การจัดขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศ การเชิญพระบรมศพจากพระมหาปราสาทไปสู่พระเมรุมาศหรือเชิญพระบรมอัฐิจากพระเมรุมาศมาสู่พระบรมมหาราชวัง พระบรมราชสรีรางคารไปบรรจุหรือลอยพระอังคาร ตามโบราณกาลจะเชิญไปด้วยขบวนพระราชอิสริยยศ ซง่ึ เรยี กว่า “ร้ิวขบวน” ซงึ่ ในแตล่ ะรว้ิ ขบวนมีคนหาม คนฉุดชักจ�ำนวนมาก พรอ้ มดว้ ยเครอื่ งประกอบพระบรมราชอิสริยยศ ได้แก่ เครื่องสูง พระกลด บังสูรย์พดั โบก บงั แทรก พ่มุ เงิน พ่มุ ทอง จามร พระอภริ มุ ชมุ สายแวดล้อมตามพระราชฐานันดรศักด์ิแห่งพระบรมศพ หรือพระศพน้นั ๆ พรงั่ พรอ้ มดว้ ยเคร่ืองประโคม เช่น สังขแ์ ตรปี่ กลองชนะพร้อมสรรพด้วยโขลนพลโยธาแห่น�ำตามแซงเสด็จ ทัง้ คแู่ ห่ ค่เู คยี ง เปน็ จ�ำนวนมาก ซง่ึ จะเขา้ ขบวนและเคล่อื นขบวนไปอยา่ งมรี ะเบียบและสง่างาม การจดั รว้ิ ขบวนเครอื่ งประกอบพระบรมราชอสิ รยิ ยศในพระราชพธิ ถี วายพระเพลงิ พระบรมศพเปน็ สงิ่ สำ� คญั จงึตอ้ งบรู ณะและตกแตง่ ราชรถ รวมทง้ั ราชยาน คานหาม ให้พรอ้ มสำ� หรบั การเชญิ พระบรมศพ พระบรมอฐั ิ และพระบรมราชสรีรางคาร รวมท้ังซักซ้อมการเคลื่อนขบวนให้งดงามประหน่ึงราชรถเคล่อื นบนหมู่เมฆสง่ เสด็จส่สู รวงสวรรค์ การจดั ขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศงานพระราชพธิ ีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มี ๖ รว้ิ ขบวน กำ� ลงั พลจ�ำนวน ๕,๖๑๓ นาย ดังน้ี 77
วนั พฤหสั บดที ี่ ๒๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๐๗.๐๐ น. ริ้วขบวนที่ ๑ เชิญพระบรมโกศโดยพระยานมาศสามล�ำคานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เส้นทางจากประตูเทวาภิรมย์ - ถนนมหาราช - ถนนท้ายวัง - ถนนสนามไชย ระยะทาง ๘๑๗ เมตร ใชเ้ วลา ๓๐ นาที เดินตามจังหวะเสียงกลอง โดยการเดินปกติ จัดก�ำลังพล จ�ำนวน๙๖๕ นาย รวิ้ ขบวนที่ ๒ เชญิ พระบรมโกศโดยพระมหาพชิ ยั ราชรถจากหนา้ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลารามไปยงั พระเมรมุ าศเส้นทางจากหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม - ถนนสนามไชย - ถนนราชดำ� เนนิ ใน - ถนนเสน้ กลางสนามหลวงระยะทาง ๘๙๐ เมตร ใชเ้ วลา ๒ ชวั่ โมง เดนิ แบบเปลยี่ นเทา้ประกอบเพลงพญาโศก จัดกำ� ลังพลจำ� นวน ๒,๔๐๖ นาย ร้ิวขบวนท่ี ๓ เชิญพระบรมโกศโดยราชรถปืนใหญ่เวียนรอบพระเมรุมาศ โดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ๓ รอบแลว้ เชญิ พระบรมโกศประดษิ ฐานบนพระเมรมุ าศ ระยะทาง๒๖๐ เมตร ตอ่ รอบ ใช้เวลา ๓๐ นาที เดินตามจงั หวะเสียงกลอง โดยการเดนิ ปกติ จดั กำ� ลังพลจ�ำนวน ๗๘๑ นายวนั ศกุ รท์ ี่ ๒๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๐๘.๐๐ น. รวิ้ ขบวนที่ ๔ เชญิ พระบรมอฐั โิ ดยพระทนี่ งั่ ราเชนทรยานและเชญิ พระบรมราชสรรี างคารโดยพระทน่ี ง่ั ราเชนทรยานนอ้ ย78
จากพระเมรมุ าศเขา้ สพู่ ระบรมมหาราชวงั เสน้ ทางจากถนนกลางสนามหลวง - ถนนราชดำ� เนนิ ใน - ถนนหนา้ พระลาน - เขา้ประตวู เิ ศษไชยศรพี ระบรมมหาราชวงั ระยะทาง ๑,๐๗๔ เมตรใชเ้ วลา ๓๐ นาที เดนิ ตามจงั หวะเสยี งกลอง โดยการเดนิ ปกติจดั กำ� ลงั พลจำ� นวน ๘๓๔ นายวนั อาทติ ยท์ ี่ ๒๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๐.๓๐ น.และเวลา ๑๗.๓๐ น. ตามล�ำดบั รวิ้ ขบวนที่ ๕ เชญิ พระบรมอฐั โิ ดยพระทน่ี ง่ั ราเชนทรยานจากพระที่น่ังดุสิตมหาปราสาทขึ้นประดิษฐานท่ีพระวมิ านบนพระทน่ี ง่ั จกั รีมหาปราสาท เสน้ ทางจากพระทน่ี ่ังดสุ ิตมหาปราสาท - พระท่นี ั่งจกั รีมหาปราสาท ระยะทาง๖๓ เมตร ใชเ้ วลา ๑๐ นาที เดินตามจังหวะเสียงกลอง โดยการเดินปกติ จัดกำ� ลงั พลจำ� นวน ๕๕๐ นาย รวิ้ ขบวนท่ี ๖ เชญิ พระบรมราชสรรี างคารจากพระศรีรตั นเจดยี ์ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ไปบรรจุ ณ วดั ราชบพธิสถติ มหาสมี าราม และวดั บวรนเิ วศวหิ าร โดยรถยนตพ์ ระทนี่ งั่เสน้ ทางจากวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม - ประตวู เิ ศษไชยศรี- ถนนหน้าพระลาน - ถนนสนามไชย - วัดราชบพิธสถิตมหาสมี าราม และจากวดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม - ถนนอัษฎางค์ - ถนนสนามไชย - ถนนราชดำ� เนนิ กลาง - ถนนพระสุเมรุ - วดั บวรนเิ วศวหิ าร จัดขบวนม้าจำ� นวน ๗๗ ม้า 79
พระที่น่งั ดุสติ มหาปราสาท 80
พระท่ีนั่งดสุ ติ มหาปราสาท พระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาทสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นหมู่พระท่ีน่ังประธานคู่กับหมู่พระมหามณเฑียรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยชิ้นเอกของกรุงรัตนโกสินทร์และเป็นพระท่ีนั่งทรงไทยแท้เพียงองค์เดียวในพระบรมมหาราชวัง สร้าง ณ บริเวณเดิมท่ีเปน็ พระทน่ี งั่ อนิ ทราภเิ ษกทถ่ี กู ฟา้ ผา่ ไฟไหมเ้ สยี หายทง้ั หมดตงั้ อยทู่ างทศิ ตะวนั ตกของพระราชฐานชน้ั กลาง ดา้ นหนา้ สดุทางตะวันตกของพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทมีพระที่น่ังพิมานรัตยา พระปรัศว์ซ้าย พระปรัศว์ขวา เรือนบริวารหรือเรือนจันทร์ต่อเน่ือง ถัดเข้าไปทางด้านหลังในเขตพระราชฐานชน้ั ในมมี ุขเดจ็ เป็นมขุ คดอีกชน้ั รวมด้านหน้าเปน็ ๕ ชนั้ แตล่ ะชน้ั มงุ ดว้ ยกระเบอ้ื งเคลอื บสพี นื้ เขยี วอมสม้ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกาและนาคเบือนแทนหางหงส์พระบญั ชรและพระทวารมซี มุ้ ยอดมณฑปทกุ องค์ สว่ นหนา้ บนัทม่ี ขุ ทงั้ ๔ ทศิ เปน็ ไมจ้ ำ� หลกั ลายลงรกั ปดิ ทองรปู พระนารายณ์ทรงสุบรรณบนพ้ืนกระจกสีน้�ำเงินล้อมรอบด้วยลายกนกกา้ นเทพนม มขุ ดา้ นใตข้ องพระทนี่ งั่ ดสุ ติ มหาปราสาทเชอื่ มต่อกับพระที่น่ังพิมานรัตยาด้วยมุขกระสัน ส่วนมุขด้านทิศตะวันออกมีทางเดินเช่ือมกับพระที่น่ังอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท และมขุ ด้านทศิ ตะวนั ตกมีทางเดินเช่ือมกบั ศาลา 81
เปล้ืองเครื่อง มีอัฒจันทร์ทางข้ึนพระที่น่ังสองข้างมุขเด็จและทางข้ึนด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกด้านละ๑ แหง่ ซงึ่ สรา้ งเพมิ่ เตมิ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้เจ้าอยหู่ ัว พระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาทใช้เป็นสถานท่ีประกอบพระราชพธิ สี ำ� คญั ๆ ตา่ ง ๆ มาโดยตลอด เชน่ ใชเ้ ปน็ ทเ่ี สดจ็ออกวา่ ราชการของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ต่อมาเม่ือพระบรมวงศ์ฝ่ายในช้ันสูงสิ้นพระชนม์จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� พระศพมาประดษิ ฐานไว้บนพระที่น่ังดุสิตมหาปราสาทเพื่อบ�ำเพ็ญพระราชกุศลเชน่ สมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยาเทพสดุ าวดีสมเดจ็ พระเจา้ พ่นี างเธอ เจา้ ฟ้ากรมพระศรสี ดุ ารกั ษ์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพเป็นตน้ ครัน้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสดจ็ สวรรคตเมอื่ พ.ศ. ๒๓๕๓ ไดเ้ ชญิ พระบรมศพมาประดษิ ฐานบนพระมหาปราสาทแห่งน้ี ภายหลังจงึ เปน็ธรรมเนยี มในการประดษิ ฐานพระบรมศพพระมหากษตั รยิ ์พระองคต์ ่อ ๆ มา รวมทงั้ พระอัครมเหสี และบางโอกาสก็ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานใหต้ ง้ั พระบรมศพพระศพพระบรมวงศ์ชน้ั สงู บางพระองค์ดว้ ย พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ในรชั กาลพระบาทสมเด็จ82
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเคยใช้เปน็ ทปี่ ระกอบพระราชพธิ พี ระราชทานเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์จลุ จอมเกลา้ เนอื่ งในวนั ฉตั รมงคล เปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระบรมศพสมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้สมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลท่ี ๗สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี และสมเดจ็ พระเจา้พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสริ โิ สภาพณั ณวดี จงึ เปน็ ธรรมเนยี มประดษิ ฐานพระบรมศพพระมหากษตั รยิ ์ พระมเหสแี ละพระศพพระบรมวงศานวุ งศ์ช้ันสูงสบื มา 83
วดั ราชบพธิ สถติ มหาสีมาราม 84
วดั ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม เปน็ พระอารามหลวงชน้ัเอกชนดิ ราชวรวหิ าร พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วัทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ เพอื่ เปน็ วดั ประจำ� รชั กาลและเป็นท่ีบรรจุพระอัฐิและพระสรีรางคารของเจ้านายในราชตระกลู ภายในวดั แบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ น คอื เขตพทุ ธาวาสเขตสงั ฆาวาส และเขตสสุ านหลวง พระอุโบสถภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทยแท้ประกอบด้วยกระเบ้ืองเคลือบเบญจรงค์รูปเทพประนมภายในเปน็ สถาปตั ยกรรมแบบโกธคิ พระประธานคอื พระพทุ ธอังคีรส ซึ่งฐานบัลลังก์บรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั และสมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลท่ี ๗ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามนับเป็นพระอารามหลวงสุดท้ายท่ีพระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณที มี่ กี ารสรา้ งวดั ประจำ� รชั กาล ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานนามวา่ วัดราชบพธิ สถติ มหาสมี ารามหมายถึงวดั ทพ่ี ระมหากษัตรยิ ์ทรงสรา้ ง และมีมหาสมี าคอืเสาศิลาจ�ำหลักยอดเป็นรูปเสมาธรรมจักร ๘ เสา ตั้งเป็นสีมาที่กำ� แพง ๘ ทศิ ล้อมรอบอาณาเขตของวัด 85
วดั บวรนิเวศวหิ าร86
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามมีสุสานหลวงตั้งอยู่นอกเขตก�ำแพงมหาสีมาธรรมจักรของวัดด้านติดกับถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างข้ึนเป็นที่บรรจุพระอัฐิและพระสรีรางคารของพระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจา้ จอมมารดา พระราชโอรสและพระราชธดิ าในพระองค์ รูปแบบสถาปตั ยกรรมตา่ ง ๆทงั้ พระเจดยี ์ พระปรางค์ วหิ ารแบบไทย แบบขอม และแบบโกธคิ โดยตง้ั ในสวนทมี่ ีพรรณไม้ตา่ ง ๆ งดงามวดั บวรนเิ วศวิหาร วัดบวรนิเวศวิหารที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพติ ร เปน็ พระอารามหลวงชน้ั เอกชนดิ ราชวรวหิ ารฝ่ายธรรมยุต สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ในรชั กาลที่ ๓ ทรงสรา้ งขน้ึเพอ่ื ปลงศพเจา้ จอมมารดา (นอ้ ย) ของพระองคเ์ จา้ ดาราวดีพระราชชายา ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๗ และ พ.ศ. ๒๓๗๕วัดบวรนิเวศวิหาร อยู่ใกล้กับวัดรังษีสุทธาวาสท่ีสมเด็จเจา้ ฟา้ กรมขนุ อศิ รานรุ กั ษท์ รงสถาปนาขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๖๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงอาราธนาสมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช เจา้ ฟา้ มงกฎุ ฯ 87
มาครองวดั นข้ี ณะทรงผนวชอยทู่ ว่ี ดั สมอราย (วดั ราชาธวิ าสปัจจบุ ัน) เจา้ ฟ้ามงกฎุ ฯ ทรงปรับปรุงวางหลักเกณฑ์ความประพฤตปิ ฏบิ ตั พิ ระสงฆใ์ หเ้ ปน็ ไปโดยถกู ตอ้ งตามพระธรรมวนิ ยัโดยมพี ระสงฆป์ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามอยา่ งพระองคเ์ ปน็ อนั มากในคราวที่พระองค์เสด็จมาครองวัดก็ได้น�ำการประพฤติปฏบิ ตั นิ นั้ มาใชใ้ นการปกครองพระสงฆ์ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ ารดว้ ย ซง่ึ ในครงั้ เดมิ เรยี กพระสงฆค์ ณะนว้ี า่ “บวรนเิ วศาทคิ ณะ”อนั เปน็ ชอื่ สำ� นกั วดั บวรนเิ วศวหิ าร ตอ่ มาจงึ ไดช้ อ่ื วา่ “คณะธรรมยตุ กิ นกิ าย” ซงึ่ แปลวา่ คณะสงฆผ์ ซู้ ง่ึ ปฏบิ ตั ติ ามพระธรรมวนิ ยัจึงถอื ว่าวดั บวรนิเวศวหิ ารเปน็ สำ� นักเอกเทศแห่งคณะสงฆ์ธรรมยตุ ิกนิกายเป็นวัดแรก ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วัทรงพระราชดำ� รวิ า่ วดั รงั ษสี ทุ ธาวาสซงึ่ อยตู่ ดิ กบั วดั บวรนเิ วศวหิ ารนนั้ มสี ภาพทรดุ โทรมมาก จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯให้ยุบรวมเข้าเป็นวัดเดียวกับวัดบวรนิเวศวิหาร เรียกว่าคณะรงั ษี และหลงั จากถวายพระเพลงิ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ญั เชญิพระบรมราชสรรี างคารมาบรรจไุ ว้ ณ ใตบ้ ลั ลงั กพ์ ระพทุ ธชนิ สหี ์ในพระอุโบสถ เมือ่ วนั ที่ ๒๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๘ วัดบวรนิเวศวิหาร นับเป็นพระอารามที่มีความส�ำคัญทั้งในทางคณะสงฆ์และในทางบ้านเมือง กล่าวคือในทางคณะสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารเป็นจุดก�ำเนิดของ88
คณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย เพราะเป็นท่ีเสด็จสถิตของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัวขณะทรงผนวชอยู่และขณะทรงดำ� รริ เิ รมิ่ ปรบั ปรงุ วตั รปฏบิ ตั ขิ องพระสงฆ์ อนัเปน็ เหตุให้เกิดเป็นพระสงฆ์คณะธรรมยตุ ข้นึ ในเวลาต่อมา วัดบวรนิเวศวิหารเป็นท่ีสถิตของสมเด็จพระสังฆราช องค์ประมขุ ของคณะสงฆ์ไทยถึง ๔ พระองค์คอื สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช วัดบวรนิเวศวิหารเป็นแหล่งก�ำเนิดการศึกษาของคณะสงฆค์ อื เปน็ ทก่ี ำ� เนดิ มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั สถานศกึ ษาสำ� หรบั พระภกิ ษสุ ามเณร ซงึ่ ไดพ้ ฒั นามาเปน็ มหาวทิ ยาลยัมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทยในปัจจุบัน เป็นท่ีก�ำเนิดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมทเี่ รยี กกนั สน้ั ๆ วา่ “นกั ธรรม” อนั เปน็ การศึกษาข้นั พนื้ ฐานของคณะสงฆ์ไทย วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปส�ำคัญคือพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ซ่ึงสร้างโดยพระมหาธรรมราชาลิไทย สมัยกรุงสุโขทัย สมัยเดียวกับพระพุทธชินราช พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์เคยประดิษฐานอยูด่ ้วยกัน ณ วัดพระศรีรตั นมหาธาตุ จังหวดั 89
พิษณุโลก นอกจากน้ียังเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธบาทคบู่ นศลิ าแผน่ ใหญส่ มยั สโุ ขทยั และพระไสยา (คอื พระนอน)ทง่ี ดงามสมยั สโุ ขทัยด้วย ในทางบ้านเมือง วัดบวรนิเวศวิหารได้เคยเป็นท่ีต้ังกองบัญชาการศึกษาหัวเมืองเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้มีการจดั การศกึ ษาหวั เมอื งทวั่ พระราชอาณาจกั รเมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๑โดยทรงอาราธนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสขณะทรงด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ให้ทรงอ�ำนวยการในการจดั การศกึ ษาในหวั เมอื ง อนั เปน็ การวางรากฐานการประถมศึกษาของไทย วดั บวรนเิ วศวหิ าร เปน็ ทป่ี ระทบั ของพระมหากษตั รยิ ์ที่เสด็จออกทรงผนวชทุกพระองค์ ได้แก่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และพระบาทสมเดจ็พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ตลอดถงึพระบรมวงศช์ นั้ สงู ทที่ รงพระผนวชเกอื บทกุ พระองคต์ งั้ แต่รัชกาลท่ี ๔ ต่อเนอื่ งมาจนถึงปัจจบุ ัน วดั บวรนเิ วศวหิ ารมพี ระพทุ ธรปู สำ� คญั ๒ องคท์ สี่ รา้ งขนึ้ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชบรมนาถบพิตร ได้แก่ พระพุทธสยามาภิวัฒนบพิตร90
ภูมิพลนริศทสสหัส สทิวัสรัชการี ปัณณาสวรรษศรีอุภัยมหามงคล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อในลีลาปางหา้ มแก่นจนั ทน์ขนาดเท่าพระองค์ (๑๗๒ เซนติเมตร) เมื่อวันท่ี ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐ และทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ัญเชญิ ขนึ้ ประดิษฐานไวบ้ นฐานชุกชีเบอ้ื งพระหตั ถข์ วาพระพทุ ธชนิ สหี ภ์ ายในพระอโุ บสถ และพระพทุ ธวิโลกนญาณบพิตร สิริกิติธรรมโสตถิมงคล ซึ่งสมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ ๙ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่ พระพทุ ธรปู ประจำ� พระชนมวาร (ปางรำ� พงึ )ขนาดเทา่ พระองคข์ นึ้ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๐และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชญิ ขนึ้ ประดิษฐานไว้บนฐานชุกชีเบ้ืองพระหัตถ์ซ้ายพระพุทธชินสีห์ภายในพระอโุ บสถ 91
พระเมรมุ าศ 92
พระเมรุมาศและส่ิงกอ่ สรา้ งภายในมณฑลพิธีทอ้ งสนามหลวงมณฑลพิธี หมายถึงบริเวณท่ีใช้ประกอบพระราชพิธี พิธี ซึ่งมีสญั ลกั ษณห์ รอื สง่ิ กอ่ สรา้ งเปน็ เครอ่ื งหมายแสดงอาณาบรเิ วณหรือขอบเขตที่แนช่ ดั เชน่ มณฑลพธิ ีท้องสนามหลวงใช้ในการประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ รวมทั้งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพและพระราชทานเพลิงพระศพมาตง้ั แตค่ รง้ั รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช จึงเรียกว่า “ทุ่งพระเมรุ” โดยองค์ประกอบของสถาปตั ยกรรมและสง่ิ ปลกู สรา้ งภายในมณฑลพธิ พี ระราชพธิ ีถวายพระเพลงิ พระบรมศพ และพระราชทานเพลงิ พระศพมดี ังน้ี องคพ์ ระเมรมุ าศหรือพระเมรุสร้างขน้ึ ตรงกลางของ 93
มณฑลพิธีตามคติการเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาลรายล้อมด้วยพระทน่ี ่งั ทรงธรรม ศาลาลกู ขนุ พลับพลายกหอเปลื้อง ซ่าง ทับเกษตร ทิม คด และประดับด้วยสัตว์หิมพานต์ กินนร กินรี รอบพระเมรุมาศ ช้ันนอกสุดล้อมรอบด้วยราชวัติซ่ึงเป็นแนวร้ัวก�ำหนดขอบเขตมณฑลพิธีประดบั ตกแต่งดว้ ยฉตั รและธงเปน็ ระยะ คตคิ วามเชอื่ เรอื่ งโลกและจกั รวาลตามทก่ี ลา่ วถงึ ในเตภมู กิ ถา หรอื ไตรภมู พิ ระรว่ ง ซงึ่ เปน็ ทรี่ จู้ กั กนั อยา่ งแพรห่ ลายในสังคมไทยได้บรรยายไว้ว่า โลกและจักรวาลมีลักษณะเป็นวงกลม มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ใต้เขาพระสุเมรุเป็นเมืองอสูร บนเขาพระสุเมรุเป็นที่ต้ังของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีไพชยนต์ปราสาทอยู่กลางเมือง เขาพระสเุ มรุล้อมรอบด้วยทะเล ๗ ชน้ั เรยี กวา่ ทะเลสีทันดรสลับดว้ ยภเู ขา ๗ ลกู เรยี กวา่ สตั ตบรภิ ัณฑ์ หรอื สัตตภัณฑ์คอื ยคุ นธร อสิ นิ ธร กรวกิ สทุ สั สนะ เนมนิ ธร วนิ นั ตกะ และอสั สกัณณะ ถดั ออกมาเป็นมหาสมุทรทง้ั ๔ และทวปี ทงั้ ๔กลางทะเลนั้นมีเกาะอยู่ ๒,๐๐๐ เกาะ มนุษย์เราน้ีอาศัยอยใู่ นชมพทู วปี อนั เปน็ ทต่ี ง้ั ของปา่ หมิ พานต์ ชนั้ นอกสดุ เปน็กำ� แพงจกั รวาลลอ้ มรอบเป็นเขตสดุ ขอบจกั รวาล คตคิ วามเชอื่ เรอ่ื งโลกและจกั รวาลในเตภมู กิ ถาดงั กลา่ วข้างต้นเป็นท่ีมาในการสร้างพระเมรุมาศอันมีปริมณฑลรายลอ้ มดว้ ยสงิ่ กอ่ สรา้ งตา่ ง ๆ พระเมรมุ าศจงึ เปน็ การจำ� ลองโลกและจกั รวาล มอี งคพ์ ระเมรมุ าศเปน็ เสมอื นเขาพระสเุ มรุ94
อันเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ส่วนอาคารรายล้อมองค์พระเมรมุ าศเปรยี บเสมอื นสงิ่ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยรู่ ายลอ้ มจกั รวาล เชน่สตั ตบริภัณฑ์ ทวปี ท้ัง ๔ ปา่ หมิ พานต์ และก�ำแพงจกั รวาลอยา่ งไรกต็ าม เปน็ เรอ่ื งยากทจ่ี ะระบคุ วามหมายอยา่ งแนช่ ดั ในแบบแผนของพระเมรมุ าศทงั้ หมด เพราะสง่ิ กอ่ สรา้ งบางอยา่ งสร้างขึ้นตามประโยชน์ใช้สอย เช่น ศาลาทรงธรรม เป็นพระทน่ี งั่ โถงสำ� หรบั พระมหากษตั รยิ ป์ ระทบั เมอ่ื เสดจ็ ฯ ไปงานถวายพระเพลงิ และอกี ประการหนงึ่ คอื ในสมยั หลงั ลงมานนั้ พระเมรมุ าศสรา้ งยอ่ ใหเ้ ลก็ ลงและเปน็ ไปโดยประหยดัซง่ึ เปน็ แบบแผนของงานพระเมรใุ นสมยั ตอ่ มา อยา่ งไรกต็ ามก็ยังคงไว้ซ่ึงโบราณราชประเพณีอันยิ่งใหญ่สมพระเกียรติตามพระราชอสิ ริยยศของพระบรมศพหรือพระศพ 95
พระเมรุมาศพระเมรุมาศ96
พระเมรมุ าศ พระเมรุมาศเป็นสถาปัตยกรรมช่ัวคราวส�ำหรับประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์หรือพระราชทานเพลิงพระบรมศพพระบรมวงศ์เชน่ พระบรมราชนิ ี พระบรมราชชนนี พระบวรราชเจา้ (วงัหน้า) เป็นต้น ตามรูปศัพท์ “พระเมรุมาศ” แปลว่า พระเมรุที่ประดับตกแต่งด้วยทองหรือวัสดุอ่ืนที่ให้สีเรืองอร่ามดุจด่ังทอง ส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์เรียก “พระเมรุ”และของสามัญชนเรียก “เมรุ” นอกจากน้ี ยงั เปน็ เครอื่ งประกอบพระราชอสิ รยิ ยศส�ำหรับการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินโดยเป็นโบราณราชประเพณีที่ท�ำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยอยธุ ยา การสรา้ งพระเมรมุ าศในพระราชพธิ ถี วายพระเพลงิพระบรมศพ คอื การแสดงความเคารพอยา่ งสงู สดุ ทสี่ มเดจ็พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ทรงถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ในพระบรมโกศ โครงสรา้ งพระเมรมุ าศของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มขี นาดสงู ๕๐.๔๙ เมตรประกอบด้วย อาคารทรงบษุ บกจ�ำนวน ๙ องค์ ตั้งอย่บู นฐานชาลารปู ส่ีเหลีย่ มจัตรุ ัส ๓ ชัน้ มบี นั ไดทางข้ึนทัง้ ๔ ทศิทิศตะวันตกหันหน้าเข้าพระท่ีน่ังทรงธรรม ทิศตะวันออกติดต้ังลิฟต์ ทิศเหนือติดตั้งสะพานเกรินส�ำหรับเชิญพระบรมโกศจากราชรถปืนใหญ่ขน้ึ บนพระเมรุมาศ 97
บษุ บกองคป์ ระธานตงั้ อยทู่ จ่ี ดุ กงึ่ กลางฐานชาลาชน้ับนสดุ เปน็ อาคารทรงบษุ บกยอดมณฑป ชนั้ เชงิ กลอน ๗ ชน้ัที่ยอดบนสุด ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ผนังโดยรอบเปดิ โลง่ ตดิ ตงั้ พระวสิ ตู ร และฉากบงั เพลงิ เขยี นภาพพระนารายณอ์ วตารตอนบน และภาพโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รติ อนลา่ ง ฐานบษุ บกประธานประดบั ประตมิ ากรรมเทพชมุ นมุ โดยรอบ รองรบั ดว้ ยฐานสงิ หซ์ งึ่ ประดบั ประตมิ ากรรมครุฑยดุ นาคโดยรอบอกี ชั้นหนงึ่ มมุ ทัง้ ส่ีของฐานช้นั ที่ ๓ นี้เปน็ ทต่ี งั้ ของซา่ งทรงบษุ บกยอดมณฑปชน้ั เชงิ กลอน ๕ ชนั้ใชเ้ ปน็ ทสี่ ำ� หรบั พระพธิ ธี รรม ๔ สำ� รบั นงั่ สวดพระอภธิ รรมสลับกันไปตลอดนับตั้งแต่พระบรมศพประดิษฐานบนพระจติ กาธาน จนกระทั่งถวายพระเพลงิ พระบรมศพเสรจ็ ฐานชาลาชั้นที่ ๑ ซ่ึงเป็นช้ันล่างสุด ล้อมด้วยรั้วราชวัติ มีเทวดาเชิญฉัตรและบังแทรก มีองค์มหาเทพ ๕พระองค์ คอื พระพฆิ เนศวร พระอนิ ทร์ พระพรหม พระศวิ ะและพระนารายณ์ ทีม่ มุ ทั้งสี่ของฐาน มปี ระติมากรรมทา้ วจตโุ ลกบาลประทบั ยนื หนั หนา้ เขา้ สบู่ ษุ บกประธาน รายรอบพระเมรุมาศชั้นลานอุตราวรรตมีสระอโนดาตท้ังสี่ทิศ มีนำ�้ ไหลจากสตั วม์ งคลประจำ� ทศิ สสู่ ระอโนดาต มเี ขาจำ� ลองประดับดว้ ยประติมากรรมสตั ว์หมิ พานตต์ ระกลู ต่าง ๆ ฐานชาลาช้ันที่ ๒ มีหอเปลื้องทรงบุษบกรูปแบบเดยี วกนั ตง้ั อยทู่ มี่ มุ ทง้ั สี่ ใชส้ ำ� หรบั จดั เกบ็ พระโกศทองใหญแ่ ละพระโกศไมจ้ ันทน์รวมถงึ อปุ กรณ์ส�ำหรบั งานพระราชพิธี98
ส่วนประดับตกแต่งราวบันไดทางข้ึนของฐานไพทีแตล่ ะขน้ั ประดบั เปน็ รปู พญานาค ซง่ึ เปน็ แบบเดยี วกบั ทางข้ึนอาคารซ่างและหอเปลือ้ งเครื่อง การกอ่ สรา้ งพระเมรุมาศรวมถึงอาคารหรือส่งิ ปลกูสรา้ งประกอบในพระราชพธิ จี ะอาศยั กรรมวธิ แี ละเทคนคิ ของงานสถาปตั ยกรรมแบบลำ� ลอง (ชวั่ คราว) กลา่ วคอื เปน็ การสรา้ งโดยใชโ้ ครงเหลก็ รปู พรรณ ทสี่ ามารถประกอบไดง้ า่ ยและรวดเรว็ ตงั้ แตห่ ลงั คาของบษุ บกซงึ่ ใชโ้ ครงเหลก็ ถกั (Truss)ถา่ ยน้ำ� หนักลงสู่เสาเหลก็ ประกอบ ๔ ชุด รองรบั ด้วยโครงเหลก็ ถักขนาดใหญ่ (Super truss) โครงสรา้ งทง้ั หมดนจ้ี ะตงั้ อยบู่ นฐานรากแผค่ อนกรตี หลอ่ ในทซ่ี งึ่ รบั นำ�้ หนกั บษุ บกแยกกนั ท้ัง ๙ องค์ ส่วนชาลาและบนั ไดจะวางบนฐานรากคอนกรีตส�ำเร็จรูป โครงเหล็กท้ังหมดจะกรุด้วยแผ่นวัสดุส�ำเร็จรูปและไมอ้ ดั ตกแต่งดว้ ยผา้ ทองย่นฉลุลายสอดแววซงึ่ เปน็ วสั ดชุ ว่ั คราว รวมทง้ั งานประตมิ ากรรมทป่ี ระดบั โดยรอบพระเมรมุ าศกข็ น้ึ รปู ดว้ ยการถอดพมิ พต์ น้ แบบและหลอ่เรซนิ แลว้ ตกแตง่ สีใหเ้ หมือนโลหะ 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220