Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โอ่งมังกร

โอ่งมังกร

Published by pisut.pro, 2019-02-22 01:38:24

Description: โอ่งมังกรเป็นภูมิปัญญาช่างฝีมือดั้งเดิมที่เกิดจากการบุกเบิกของช่างชาวจีน คือนายจือเหม็ง แซ่อึ้งและนายซ่งฮง แซ่เตีย ได้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดราชบุรีจึงนำดินเหนียวไปทดลองปั้น พบว่ามีคุณภาพดี จึงชักชวนเพื่อนมาตั้งโรงงานในระยะแรกทำอ่าง ไหน้ำปลา ต่อมาผลิตโอ่งไม่มีลวดลายเรียกว่า “โอ่งเลี่ยน” และได้เขียนลวดลายบนโอ่งซึ่งเลียนแบบโอ่งมังกรของจีน ลวดลายโอ่งราชบุรีมีหลายลายแต่ที่นิยมคือ “ลายมังกร” เนื่องจากความเชื่อของคนจีนถือว่า มังกรเป็นสัตว์ชั้นสูงและเป็นมงคล ประกอบกับคุณสมบัติของโอ่งเคลือบสามารถกักเก็บน้ำได้ดี จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เรียกว่า “โอ่งมังกร” จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดราชบุรีได้รับขนานนามว่า “เมืองโอ่งมังกร” โอ่งมังกรมีกระบวนการทำ ๕ ขั้นตอน คือ การเตรียมดิน การขึ้นรูป การเขียนลายโอ่ง การเคลือบและการเผาโอ่ง
ต่อมาสภาพการผลิตโอ่งมังกรได้ประสบปัญหาการผลิตหลายประการ อาทิ ขาดแคลนแรงงาน การขาดแคลนช่าง จึงทำให้จำนวนโรงงานลดลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบช่างฝีมือในการผลิตโอ่ง โรงงานโอ่งจึงได้ร่วมมือกันจัดตั้งเป็นสมาคมเครื่องเคลือบดินเผาราชบุรี

Keywords: โอ่งมังกร,โอ่ง

Search

Read the Text Version

๑ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวดั ราชบุรี ส่วนท่ี ๑ ลักษณะของมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม ๑. ชื่อรายการ : โอํงมังกร ชอ่ื เรียกในท้องถ่ิน : โองํ มังกร ๒. ลักษณะของมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม : งานชํางฝมี ือดงั้ เดิม ๓. พืน้ ทปี่ ฏิบตั ิ โอํงมงั กรเป็นงานศลิ ปหัตถกรรมท่แี สดงฝมี อื เชิงชํางและความสวยงามทางศลิ ปะพนื้ บา๎ น นับวาํ เป็นภูมิปัญญาท๎องถ่ินท่ีมีช่ือเสียงและมีความสําคัญตํอจังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะด๎านเศรษฐกิจท่ีสร๎างรายได๎ สรา๎ งงานใหก๎ ับคนในท๎องถ่ิน ในอดีตนั้นโรงงานโอํงเคยมีมากท่ีสุดในประเทศไทยเกือบ ๔๐ โรง ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๖๑) โรงงานโอํงได๎ลดลงเหลือ ๒๒ โรง ท่ียังคงการผลิตแบบอนุรักษ๑ภูมิปัญญาชํางฝีมือดั้งเดิม สํวนใหญํ ยังคงผลิตท่ีตาํ บลดอนตะโก ตําบลเจดีย๑หัก ตําบลหน๎าเมือง ตําบลโคกหม๎อ ตําบลทําราบ อําเภอเมือง จังหวัด ราชบุรี ๔. สาระสาคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมโดยสงั เขป โองํ มงั กรเปน็ ภูมปิ ญั ญาชํางฝมี ือดง้ั เดิมทเ่ี กิดจากการบุกเบิกของชาํ งชาวจีน คอื นายจอื เหมง็ แซํ อง้ึ และนายซํงฮง แซํเตยี ได๎เดินทางมาทํองเท่ียวจังหวัดราชบุรีจึงนําดินเหนียวไปทดลองปั้น พบวํามีคุณภาพดี จึงชักชวนเพ่ือนมาต้ังโรงงานในระยะแรกทําอําง ไหน้ําปลา ตํอมาผลิตโอํงไมํมีลวดลายเรียกวํา “โอํงเล่ียน” และได๎เขียนลวดลายบนโอํงซ่ึงเลียนแบบโอํงมังกรของจีน ลวดลายโอํงราชบุรีมีหลายลายแตํที่นิยมคือ “ลาย มังกร” เน่ืองจากความเชื่อของคนจีนถือวํา มังกรเป็นสัตว๑ช้ันสูงและเป็นมงคล ประกอบกับคุณสมบัติของโอํง เคลือบสามารถกักเก็บน้ําได๎ดี จึงเป็นท่ีนิยมอยํางแพรํหลาย เรียกวํา “โอํงมังกร” จนกลายมาเป็นสัญลักษณ๑ ประจําจังหวัดราชบุรีได๎รับขนานนามวํา “เมืองโอํงมังกร” โอํงมังกรมีกระบวนการทํา ๕ ขั้นตอน คือ การ เตรียมดนิ การขึ้นรูป การเขยี นลายโองํ การเคลอื บและการเผาโอํง ตํอมาสภาพการผลิตโอํงมังกรได๎ประสบปัญหาการผลิตหลายประการ อาทิ ขาดแคลนแรงงาน การขาดแคลนชาํ ง จึงทาํ ใหจ๎ ํานวนโรงงานลดลงเปน็ จํานวนมาก ซง่ึ มีผลกระทบชํางฝีมือในการผลิตโอํง โรงงาน โอํงจึงได๎รํวมมือกันจัดต้ังเป็นสมาคมเครื่องเคลือบดินเผาราชบุรี เพื่อแก๎ไขปัญหารํวมกัน ด๎วยเหตุนี้จึงมีการ สืบทอดภูมิปัญญาด๎านชํางฝีมือด้ังเดิมการทําโอํงมังกร การปั้น การเขียนลวดลายและชํางอ่ืน ๆ ขึ้น ปัจจุบัน โอํงมังกรจึงได๎ปรับเปล่ียนตามยุคสมัยจากที่เคยรับใช๎ทุกครัวเรือนใช๎กักเก็บน้ําใช๎สอยในชีวิตประจําวัน ได๎พัฒนาผลิตภณั ฑ๑รปู แบบใหมํ ๆ แตคํ งอนรุ กั ษล๑ วดลายเดมิ คอื ลายมังกร หรือพัฒนาให๎เป็นงานศิลปะเซรามิค รํวมสมัยเป็นงานประติมากรรม เพ่ือการตกแตํงประดับสวน ของที่ระลึก ของประดับ โรงงานโอํงได๎ ตํอยอด ภูมิปัญญาเป็นแหลํงเรียนรู๎ พิพิธภัณฑ๑ เพ่ือการเผยแพรํความรู๎ สํงเสริมการทํองเท่ียวเชิงอนุรักษ๑ ตลอดจน หนํวยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนได๎รํวมกันสํงเสริมอนุรักษ๑สืบสานนําโอํงมังกรมารับใช๎สังคม ใหโ๎ องํ ยงั คงอยูํสบื ไป ๕. ประวตั คิ วามเปน็ มาโรงงานโอ่ง โอํงมังกรเป็นมรดกและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมชํางฝีมือพ้ืนบ๎านที่ได๎รับอิทธิพลชํางฝีมือ กระบวนการทําและลวดลายมาจากชํางชาวจีนท่ีเข๎ามาอาศัยอยูํในจังหวัดราชบุรี ต้ังแตํสมัยกํอนสงครามโลก

๒ คร้ังท่ี ๒ และได๎มกี ารพัฒนางานชํางฝีมือมาจนถึงปัจจุบัน ในท่ีน้ีจะขอกลําวถึงความเป็นมาของโอํงในประเทศ ไทยและความเปน็ มาของโองํ มงั กรจงั หวัดราชบรุ ตี ามลําดับดังน้ี ความเป็นมาของโอ่งในประเทศไทย จากหลักฐานประวัติศาสตร๑ไทยโอํงที่มีการผลิตในประเทศไทย ซ่ึงสามารถแบํงประเภทตามยุค สมัย ได๎ ๕ ยุคคือ สมัยทวาราวดี สมัยลพบุรี สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร๑ ซึ่งแตํละสมัยมีการ คน๎ พบลักษณะโองํ ไทยท่แี ตกตํางกันดงั นี้ สมยั ทวาราวดี ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๑ โองํ ในสมัยนี้เป็นโองํ ท่ที าํ ด๎วยหนิ และมีการประดบั ลวดลายจาํ หลกั รอบบรเิ วณไหลํของโองํ สมัยลพบุรี ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ - ๑๘ พบโอํงในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมี แหลํงผลิตที่จังหวัดบุรีรัมย๑ โอํงในสมัยนี้ทําด๎วยเนื้อดินป้ัน เผาแกรํง มีทั้งไมํเคลือบและเคลือบสีนํ้าตาลเข๎มซ่ึง ไมสํ มํา่ เสมอตลอดทัง้ ใบ และมกี ารตกแตงํ รอบตัวโองํ ดว๎ ยลายเสน๎ นูน ๓ - ๔ เส๎นหรือตกแตํงด๎วยลายหวี มีปาก แคบ ขอบปากมว๎ นผายออกเล็ก คอส้ัน โอํงท่ีพบในสมัยน้ีเรียกวํา “เครื่องถ๎วยขอม” ซ่ึงมีลักษณะเป็นไหขนาด ใหญํ ปากเล็ก ตอนกลางลําตัวของเครื่องถ๎วยขอมปุองออกและมีขนาดคํอนข๎างใหญํ มีทรงสูง มีน้ําหนักมาก ขอบปากคํอนข๎างหนาและคอสั้น ขณะที่ไหทรงกลมรูปไขํ มีลักษณะปากกว๎าง คอแคบ ตอนกลางของไหทรง กลมรปู ไขปํ อุ งออก มีลักษณะทรงกลมหรอื วงรีคล๎ายรปู ไขํ หรืออาจเปน็ ทรงกระบอก มีขนาดปานกลางและโอํง บางใบมหี ู สมัยสุโขทัย ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ – ๒๑ มีโอํงหลายขนาดตั้งแตํสูง ๘๐ – ๑๒๐ เซนติเมตร รอบไหลกํ ว๎างยาวประมาณ ๘๐ – ๑๐๐ เซนติเมตร ทําจากเนื้อดินเผาแกรํง มีท้ังแบบไมํเคลือบสี และเคลอื บสี โดยสเี คลอื บมสี ีนํา้ ตาลอมเหลอื ง นํ้าเคลือบมันเป็นเงาและน้ําเคลือบหนาแตํเคลือบสม่ําเสมอไมํ จรดกน๎ ปากแคบ ขอบปากมว๎ นออกเลก็ นอ๎ ย คอสัน้ ไหลผํ ายกลม ก๎นสอบเข๎าเล็กน๎อย ท่ีรอบคอบางคร้ังก็มีหู ประดับเป็นจีบเล็กๆ ๔ หู แตบํ างชนิดกไ็ มํมี บางชนิดก็มกี ารประดับรอบไหลํดว๎ ยลายประทับเป็นลายคล๎ายใบ โพธิ์ บางชนิดกป็ ระดบั ด๎วยลายขูดเปน็ ลายคล่นื เล็กๆ ๑ – ๒ แถวรอบไหลํ สมยั อยุธยา ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๒๒ – ๒๓ ระยะแรกยงั คงนยิ มโอํงแบบสุโขทัย หลังจากนั้น ได๎นําเข๎าเคร่ืองป้ันดินเผามาจากจีน ญ่ีปุนและฝรั่งเศส เพื่อเป็นของกํานัลเป็นเครื่องราชบรรณาการหรือ นาํ มาใชเ๎ องในครัวเรือน เชํน ส่ิงของจําพวก ชาม จาน เชิง โถ ถ๎วย กระโถน เป็นต๎น เคร่ืองป้ันดินเผาท่ีได๎รับ ความนยิ มเพมิ่ ข้นึ จนแพรหํ ลาย มีขายทวั่ ไปในทอ๎ งตลาดซ่ึงเป็นเคร่ืองปน้ั ดนิ เผาที่สั่งมาจากประเทศจนี สมยั รตั นโกสินทรต๑ อนต๎น มีการสง่ั โองํ จากเมอื งจนี เขา๎ มาจําหนํายในเมืองไทย มีลักษณะก๎นสอบ ปากกว๎าง กลางผายออก ขอบปากเลก็ มหี ลายลวดลาย เชํน ลายมังกร ลายกนก ลายสิงโต สําหรับโอํงที่ส่ังทํา จากจีน อาจมีการเขยี นอักษรไทยบนขอบโองํ ดา๎ นบน เขยี นวํา“อยํเู ยน็ เป็นสุข” หรือมีตรายี่ห๎อเป็นตัวอักษรจีน ประทับ โองํ ที่ผลิตจากประเทศจนี มที ้ังทรงกลมและทรงเหล่ียม คนไทยมักเรียกช่ือกันตามสี เชํน เคร่ืองเคลือบ สีเขียวเรียกวํา เขียวไขํกา เครื่องเคลือบสีน้ําเงินเรียกวํา จูชา เครื่องเคลือบสีนํ้าตาลเรียกวํา ข๎าวเหนียวดํา เคร่ืองเคลือบสีขาวเรียกวํา งาช๎าง ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ โอํงจากประเทศจีนและโอํงลายมังกรจากแถวจีนใต๎ถูก นําเขา๎ มาใชซ๎ ง่ึ ไดร๎ ับความนยิ มกนั อยํางแพรํหลายในประเทศไทย และได๎รับความนิยมถึงในสมัยรัชกาลท่ี ๖ ท่ีมี การสํงเสริมให๎มีการผลิตโอํงขึ้นในประเทศไทย ซ่ึงยังคงวิธีการดําเนินการผลิตและรูปแบบโอํงแบบเดิมหรือ มกี ารปรับปรงุ เพียงเล็กนอ๎ ย มีการรวมกลุํมเพ่ือผลิตโอํงท่ีมีลักษณะการผลิตเหมือนๆกัน เรียกวํายําน ตํอมาใน สมยั รัชกาลที่ ๗ โอํงทเ่ี ป็นฝมี ือของชํางจีนแท๎ ๆ และนําเข๎าจากประเทศจีน มีราคาสูงมาก บางชิ้นประมาณคํา ไมํได๎ ดังน้ันตั้งแตํรัชกาลท่ี ๗ จนถึงปัจจุบัน จึงเกิดแหลํงผลิตเครื่องป้ันดินเผาแบบพ้ืนบ๎านของแตํละท๎องถ่ิน ที่มีการผลิตโอํงอํางอยํางแพรํหลายเป็นอุตสาหกรรม และทําเพ่ือใช๎สอยภายในหมูํบ๎านตํางๆทั่วประเทศ

๓ เชํน จงั หวัดนครราชสีมา ท่ีบ๎านดํานเกวียน ผลิตโอํงมีลักษณะทรงกระบอกสูง ปากกว๎างไมํเคลือบสีผิวนํ้าตาล เข๎มเกือบดํา จังหวัดราชบุรี ผลิตโอํงเคลือบข้ีเถ๎าสีนํ้าตาลลายมังกรเรียกวํา “โอํงมังกร” จังหวัดนนทบุรีท่ี เกาะเกร็ด ผลิตโองํ ดินเผาสแี ดง มีลายเถา เรยี กวํา “โอํงสลัก” เป็นต๎น ความเป็นมาของการผลิตโอ่งในจังหวัดราชบรุ ี โองํ มงั กรหรือโอํงราชบุรีมีจุดเร่ิมต๎นจากชํางชาวจีนมคี วามชํานาญในการทําเคร่ืองเคลือบดินเผาเข๎ามา เท่ียวแล๎วได๎นําดินไปทดลองป้ัน จึงได๎กลับมาชวนเพ่ือนมาตั้งโรงงานโอํง ต้ังแตํปี ๒๔๗๗ หลังจากนั้นโรงงาน โองํ ก็ไดม๎ กี ารพัฒนาเรอ่ื ยมามาจนถงึ ปัจจุบนั แบงํ ออกได๎ ๓ ยุค ดังน้ี ยคุ ที่ ๑ ชว่ งเริม่ ตน้ กาเนดิ โอ่ง โองํ จังหวดั ราชบุรเี ริ่มตน๎ เมือ่ ชาํ งชาวจีน ช่อื นายจอื เหม็ง แซอํ ้ึง เปน็ ชํางเขียนลวดลายเคร่ืองปั้นดินเผา หมูํบ๎านโปวตัน ตําบลปังโคย มณฑลแต๎จ๋ิว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได๎เข๎ามาเย่ียมญาติท่ีเมืองไทย โดยนัง่ เรือมาขึ้นที่ทําเรือคลองเตย ตอนแรก ๆ ก็รับจ๎างทํางานทั่วไป ทําขนมขายเพ่ือหารายได๎ และสํงกลับไป ให๎ญาติพ่ีน๎องท่ีเมืองจีน หลังจากน้ันได๎กลับเข๎ามาอีกคร้ัง ทํางานเป็นชํางเขียนลวดลายท่ีโรงงาน เคร่ืองป้ันดินเผาเถ๎าไหํปิงและโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเถ๎าเฮ็งเล็งเซ็ง เชิงสะพานซังฮี้ ฝ่ังธนบุรี ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร ตํอมาได๎มาเย่ียมญาติและหาเพื่อนท่ีจังหวัดราชบุรี จึงเสาะหาแหลํงดินเพื่อมาเป็นวัตถุดิบในการทํา เคร่ืองป้ันดินเผา และในที่สุดก็พบวํา ดินราชบุรีมีความเหนียว ไมํมีกรวด จึงได๎เก็บตัวอยํางดินไปด๎วยแล๎ว ทดลองป้นั ทาํ เคลือบทโี่ รงงานท่ีตนเป็นชํางอยํู ปรากฏวําได๎ผลิตภณั ฑท๑ มี่ ีคณุ ภาพดี เนื้อแกรํง ลักษณะสวยงาม จึงเลําให๎เพ่ือน ๆ ฟัง และได๎ชักชวนเพื่อนฝูงท่ีเป็นชํางป้ันชาวจีนด๎วยกันมาลงทุนต้ังโรงงานในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ช่ือโรงงาน “เถ๎าเซํงหลี” เป็นโรงงานแหํงแรกตั้งบริเวณฝ่ังตรงข๎ามศูนย๑อนามัยแมํและเด็กเขต ๗ ปัจจุบันได๎ เลิกกิจการไปแล๎ว (ปี พ.ศ. ๒๕๔๕) บริเวณที่ต้ังโรงงานน้ีใกล๎กับทุํงนาที่เป็นแหลํงดินวัตถุดิบของการผลิต เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผานัน่ เอง การผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาในระยะแรก เป็นการรํวมมือกันทํางานผลิตแบบหัตถอุตสาหกรรมใน ครอบครัวของกลํุมชํางชาวจีนดว๎ ยกัน โดยใชว๎ ธิ กี ารผลิตแบบดงั้ เดิม ตัง้ แตกํ ารเตรียมดินที่ขุดมาจากทุํงนา แล๎ว นํามาหมักในบํอ นําดินมานวดด๎วยการย่ําเท๎า เพื่อให๎เนื้อดินละเอียดจากนั้นนวดดินให๎ละเอียดอีกคร้ังด๎วยมือ ชํางป้ันหรือไส๎หู๎ป้ันจะมีผู๎ชํวยในการเตรียมดิน และใช๎แรงคนถีบแปูนหมุนเพื่อการข้ึนรูปเสร็จเรียบร๎อยแล๎ว นําเข๎าเตาเผาขนาดใหญํ มีชํองตาไฟใสํฟืนตามแบบอยํางของเตาจีนเรียกวํา “เตามังกร” ผลิตภัณฑ๑ที่ผลิตใน ครั้งแรกน้ันเป็นภาชนะเล็กๆ ได๎แกํ อํางน้ําข๎าวเคลือบ กระปุกใสํนํ้าปลา ไหกระเทียม และไหแบบตํางๆ ซึ่ง ผลิตภัณฑ๑เหลํานี้ใช๎เป็นภาชนะในการบรรจุผลผลิตทางการเกษตร เชํน การทําผักกาดดอง ผักกาดเค็ม หมัก เต๎าเจี้ยว เปน็ ตน๎ การดําเนินการผลิตในระยะแรกประสบปัญหาอุปสรรคหลายประการ เชํน ขาดความเข๎าใจ ในการ บรหิ ารงาน อีกทั้งดินราชบุรี มีคุณสมบัติแตกตํางไปจากดินท่ีเคยป้ัน เมื่อนําเอากรรมวิธีการผลิตแบบจีนมาใช๎ จึงทําให๎ผลติ ภณั ฑเ๑ สยี หาย เม่ือเผาเสร็จก็ต๎องใสํรถเข็นไปเรํขายเอง เมื่อขายหมดก็กลับมาผลิตใหมํ เตาเมื่อต้ัง ไวน๎ านจะดดู ความช้ืนขึ้นมาทําให๎เม่ือเผาผลิตภัณฑ๑ใหมํอีกครั้งก็จะแตกเสียหาย ตลอดจนภาษาท่ีใช๎ส่ือสารกับ ลกู จ๎างชาวไทยในพื้นทค่ี ํอนข๎างลําบาก ความยากลําบากดงั กลําวจึงทาํ ให๎หนุ๎ สวํ นบางคนทนไมไํ ด๎ต๎องเลิกไป แตํ ก็มีกลํุมชํางบางสํวนท่ียังคงทําอยูํ จึงได๎ติดตํอหาชํางปั้นชาวจีนท่ีเคยทํางานเครื่องปั้นดินเผาจากโรงงานอ่ืนๆ เขา๎ มารํวม ยคุ ท่ี ๒ เปน็ ยคุ ท่ีมีการกระจายตัวของโรงโอ่ง

๔ ภายหลังสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ – พ.ศ. ๒๔๘๘ เกิดภาวะขาดแคลนสิ่งของ เครื่องใช๎บริโภคตําง ๆ ที่มีการนําเข๎ามาจากจีนได๎หยุดชะงักไป โรงงานเครื่องเคลือบดินเผาในขณะนั้น เชํน โรงงานเถ๎าเซํงหลี เถ๎าเย่ียเง็ก เลํงฮํงเฮง และอีกไมํกี่โรงงานที่มีอยํูในชํวงเวลานั้น จึงได๎ผลิตผลิตภัณฑ๑ทดแทน สินค๎าที่นําเข๎าจากจีนให๎กับลูกค๎าโดยผลิตกระปุก ไหนํ้าปลา ไหกระเทียมดอง สํงขายโรงงานน้ําปลาและ โรงงานเหล๎าบางย่ีขัน ทาํ ให๎เกิดปริมาณการผลติ เป็นจํานวนมาก กจิ การเคร่อื งเคลือบดินเผาราชบุรีเรม่ิ ดขี ้ึน ตํอมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ กลุํมนายจือเหม็ง แซํอ้ึง และนายซํงฮง แซํเตีย ได๎ขอถอนห๎ุนและมารํวมกับหุ๎นสํวน ใหมํต้ังโรงงานใหมํวํา “เถ๎าแซํไถํ” โดยมีชํางชาวจีนมารํวมงานหลายคน เมื่อกิจการดีย่ิงข้ึนจึงได๎ตั้งโรงงานอีก ๒ แหํง คือ “เถ๎าฮงไถํ” และ “เถ๎าเส็งไถํ” ตํอมากิจการดีข้ึนจึงแยกการบริหารเรื่อยมา ซ่ึงชํวงน้ีจึงทําให๎เกิด โรงงานเพม่ิ ขึน้ เป็นจํานวนมากขึ้นตามลาํ ดบั แตํท่จี ริงแลว๎ โรงงานท่ีเกิดใหมํ ๆ ท่ีเพิ่มข้ึนก็คือ หุ๎นสํวนที่แยกตัว ออกมาทาํ เอง หรอื ไมกํ ค็ อื ชํางทเี่ ก็บสะสมเงนิ ทองแล๎วเข๎าห๎ุนกับเพ่ือนๆ ชํางด๎วยกัน โรงงานที่เกิดข้ึนมาในชํวง นี้คือ กลุํมชาํ งหรือหุ๎นสํวนท่ีแยกตัวออกมาจากโรงงานเดิม เชํน โรงงานสหกิจมาจากการขยายตัวของชํางชาว จีนที่โรงงานเถ๎าเล่ียงฮั้วที่ประกอบด๎วย นายชุนบั๊ค แซํเบ๎ และเพื่อน คือ นายเล๎ง แซํซ้ิน นายนพคุณ แตระกุล นายรตั นชัย โฆษะบดี และนายซ๎งเฮง แซํซ้ิน ได๎รํวมห๎ุนกันทําโรงงาน เริ่มแรกก็ประสบปัญญาเร่ืองดิน การป้ัน การเผาหลังจากแก๎ปัญญาเรื่องดังกลําวได๎ ก็เร่ิมประสบความสําเร็จ หุ๎นสํวนท้ังหลายก็ได๎แยกตัวออกมาทํา กิจการสํวนตัว เชํน นายเล๎ง แซํชิ้น ตั้งโรงงานเรืองศิลป์ นายรัตนชัย โฆษะบดี ตั้งโรงงานรัตนโกสินทร๑ นายซ๎งเฮง แซํช้ิน ตั้งโรงงานเถ๎าเฮงปุู นายนพคุณ แตระคุณ ตั้งโรงงานสหศิลป์ และนายซุนบ๊ัค แซํเบ๎ ตัง้ โรงงานสหกิจ อาจกลําวไดว๎ าํ การขยายตัวของกลุมํ เจา๎ ของกิจการโรงงานเคร่ืองป้ันดนิ เผาในระยะเร่ิมแรกคือ กลุํมของบรรดาห๎ุนสํวนหรือชํางที่ได๎แยกตัวออกมาจากโรงงานเดิม เป็นกลุํมชํางชาวจีนท่ีเข๎ามาบุกเบิก และ ชาํ งฝีมอื ทีร่ ับเขา๎ มาทํางานในระยะแรก เม่ือโรงงานได๎เริ่มขยายตัวไปอยํางรวดเร็ว และอีกทั้งชํางเกิดความเข๎าใจในการใช๎ดิน และมีความ ชํานาญการปั้นมากข้ึน หลายโรงงานจึงได๎เพิ่มการผลิตด๎วยการผลิตโอํงทดแทน โอํงเคลือบเขียว และโอํง เคลอื บลายมังกรของจีนในชํวงแรกของการผลิตโอํง ชํางป้ันได๎พยายามเร่ิมเลียนแบบรูปทรงโอํงจีน โดยคํอยๆ ข้ึนรูปทรงคล๎ายกับไห แตํทําขนาดใหญํขึ้นให๎ได๎ รูปทรงคล๎ายโอํง เม่ือชํางป้ันขึ้นรูปโอํงได๎จึงเริ่มทําโอํงหลาย ขนาดเป็น ๒ ป๊ีป ๓ ปี๊บ ๔ ป๊ีบ ๕ ปี๊บ และ ๖ ปี๊บ ตามลําดับ โอํงท่ีผลิตได๎เป็นโอํงเคลือบข้ีเถ๎า ไมํเขียน ลวดลายเรยี กวํา “โองํ เลีย่ น” ตํอมาชํางบางโรงงานจึงคิดตกแตํงลวดลายบนโอํง โดยใช๎วิธีการแกะสลักไม๎เป็นลวดลายงํายๆ เชํน ลายดอกไม๎ ลายเส๎น หรือลายรูปสัตว๑กดปรับบนบําโอํง เพื่อความสวยงาม หรือเปรียบเหมือนตราสัญลักษณ๑ สินค๎าหรือย่ีห๎อของแตํละโรงงาน และชํวงประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กลุํมนายจือเหม็ง แซํอ้ึง และนายซํงฮง แซซํ ้ิน ไดส๎ ่ังดนิ ขาวจากเมืองจนี เพอ่ื มาทดลองเขียนลายบนตัวโองํ เชนํ เดียวกับโองํ จีน เปน็ ลายดอกไม๎หรือพันธุ๑ ไม๎แบบงาํ ย ๆ จากนั้นจึงเริม่ เขียนลายมังกรปรากฎวําได๎ผลดี จึงเร่ิมผลิตโอํงลายมังกร เมื่อขายไปได๎ระยะหน่ึง มีปัญหาการนําเข๎าวัตถุดิบดินขาวจากประเทศจีนท่ีมีราคาแพงขึ้น ทางกลํุมชํางผ๎ูผลิตจึงหาแหลํงดินขาว ภายในประเทศมาทดแทน พบวําดินที่บ๎านนาสาร จังหวัดสุราษฎร๑ธานี เป็นแหลํงดินท่ีมีคุณภาพ นํามาเขียน ลวดลายแทนดินขาวจากประเทศจีนได๎ จึงอาจกลําวได๎วําหมดยุคนําเข๎าดินขาวจากประเทศจีน และจากการ เขยี นลวดลายมงั กรบนโอํงได๎ เจ๎าของโรงงานไดห๎ ันมาผลติ โอํงลายมงั กรมากย่งิ ขน้ึ ในระยะแรกน้ี ถึงแม๎จะมีการผลิตโอํงออกมาเป็นสินค๎าได๎ แตํเม่ือนําเข๎าเตาเผายังเกิดการแตกหัก เสียหายและมีตําหนิมากประกอบกับไมํรู๎วิธีการซํอมแซมทําให๎ต๎องทิ้งไป จึงเกิดการขาดทุน ตํอมาชํางปั้นชาว ราชบรุ ี ไดร๎ บั ความรก๎ู ารซํอมแซมโองํ จากชาวมอญท่ีลํองเรือมาเรํขายตุํมแดง ตามแมํน้ําแมํกลองท่ีราชบุรี และ ขากลับได๎ซ้อื โอํงท่ีมีตําหนิกลับไป เม่อื ซอํ มแซมโอํงได๎แล๎ว ก็กลับมาขายโอํงตามลํุมนํ้าแมํกลองอีก ชาวมอญจึง

๕ ได๎ถํายทอดวิธีการซํอมแซม โอํงท่ีเสียหายให๎กลับมาใช๎ได๎ให๎แกํกลํุมชํางท่ีผลิตโอํงในจังหวัดราชบุรี ให๎ต๎นทุน การผลติ ลดลงและทํากําไรได๎มากขึ้น จึงทําให๎กิจการของโรงงานเร่ิมดีข้ึน เม่ือกิจการค๎าขายดีขึ้นโรงงานก็ผลิต ไมํทัน หุน๎ สวํ นกเ็ ริ่มแยกตวั ไปตง้ั โรงงานเพ่ิมมากขน้ึ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ เริ่มมีการนําเครื่องจักรกลเข๎ามาใช๎ในการผลิตเป็นเครื่อง โมดํ ินขนาดเล็กและเครือ่ งโมดํ ินขนาดใหญํ และนํามอเตอร๑ไฟฟูามาใช๎กับแปูนหมุน สามารถผลิตโอํงลายมังกร ได๎รวดเร็วยิ่งขึ้น กิจการค๎าโอํงมังกรก็จําหนํายได๎ดี และเป็นที่ต๎องการของตลาดท่ัวประเทศ เพราะโอํงมังกร สามารถกักเกบ็ นํ้าได๎ดี ใช๎แล๎วไมํร่วั ซึม ไมํเกิดตะไครํนํ้าสกปรก ล๎างทาํ ความสะอาดงําย ทําให๎โอํงลายมังกรเป็น ที่รู๎จักและนิยมใช๎มากกวําตุํมแดง ในระหวํางน้ีก็ได๎มีการคิดดัดแปลงลวดลายใหมํๆ ขึ้นมาเพื่อจําหนําย แตํคน ไมนํ ิยมใชเ๎ พราะคดิ วําโอํงลายอนื่ ๆ ท่ไี มใํ ชํลายมังกรเปน็ โองํ ปลอมไมํใชํโอํงราชบุรี เม่ือกิจการค๎าโอํงได๎ดีก็มีการแตกกลํุมมาต้ังโรงงานก็ขยายจํานวนเพ่ิมมากขึ้น จากหุ๎นกลํุมใหญํก็แตก กลํุมมาเป็นกลุํมยํอย ๆ แตํละคนก็แยกตัวออกจากห๎ุนสํวนมาตั้งเป็นโรงงานของตนเองจนไมํมีใครรํวมห๎ุนกับ ใครอีก เชํน เรอ่ื งศลิ ป์ สกุ จิ ดินไทย เจริญดินไทย เจริญศิลป์ แดนทอง เถ๎าเลี่ยงฮ้ัว เถ๎าชุนหลี เถ๎ายงหยูํ เถ๎าฮะ เสง็ เถา๎ เฮงปุู ฤทธ์ิศิลป์ รงํุ ศิลป์ รัตนโกสนิ ทร๑ สหศิลป์ สหกิจ ศริ ิมงคลชัย เถ๎าเฮ็งเส็ง เป็นต๎น นอกจากน้ียังเกิด โรงงานท่ีเกิดจากกลุํมผ๎ูสนใจประกอบธุรกิจเกี่ยวกับโอํงขึ้น เชํน โรงงานรวมศิลป์เป็นโรงงานโอํงที่ ผ๎ปู ระกอบการรุํนแรก ๆ เคยทํากิจการค๎าสินค๎าประเภทอื่นมากํอน เม่ือเห็นวําความต๎องการของตลาดท่ีกําลัง นิยมโองํ จงึ ไดม๎ าสนใจการทาํ เครือ่ งเคลอื บดินเผา ต้ังเป็นโรงงานโอํงขึ้น ดังน้ันเมื่อเกิดโรงงานข้ึนมาอีกจํานวน มาก จึงเกิดปัญหาการแยํงตัวชํางฝีมือตําง ๆ ในโรงงานโอํงในรุํนแรก ๆ ทําให๎เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน จาํ เป็นต๎องรับแรงงานจากที่อ่นื เขา๎ มาทดแทน จากน้ันผู๎ประกอบการ โรงงานที่ผลิตโอํงในจังหวัดราชบุรี จึงรวมกลุํมกันต้ังสมาคมเครื่องเคลือบดิน เผาข้ึน มีการเลือกตั้งนายกสมาคมดํารงตําแหนํงครั้งละ ๑ ปี สมาคมจะมีบทบาทสําคัญในการเรียกประชุม กลํมุ สมาชิก ผ๎ผู ลิตเครื่องเคลอื บดินเผาและโอํงมงั กร เพื่อมาตกลงและชํวยกันแก๎ปัญหาตํางๆ ท่ีเกิดขึ้นจากการ ผลิตระหวํางกลํุมสมาชิกด๎วยกัน เชํน แก๎ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน กําหนดราคาของผลิตภัณฑ๑ เครือ่ งป้นั ดินเผา เปน็ ต๎น จากท่ีกลําวมาท้ังหมดจะเห็นได๎วําชํวงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ถึง ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นระยะเวลาที่ อุตสาหกรรมโอํงของจังหวัดราชบุรีรํุงเรืองและเฟื่องฟูมากที่สุด จนสามารถสร๎างรายได๎ให๎แกํผู๎ประกอบการ และจังหวัดราชบุรีเป็นจํานวนมาก ทําให๎เกิดการขยายตัวของโรงงานโอํงประกอบกับได๎มีการผลิตโอํงมังกร ซง่ึ เป็นสินค๎าทไี่ ดร๎ ับความนยิ ม และจําหนํายได๎ท่ัวประเทศ ยุคที่ ๓ โอง่ ในยคุ ปัจจุบัน ตลอดระยะเวลา ๘๐ ปีจนถึงปัจจุบันท่ีผํานมาของอุตสาหกรรมโอํงในราชบุรี มิใชํวําจะประสบ ความสําเรจ็ เสมอไป ผผ๎ู ลติ สวํ นใหญํยังประสบปญั หาในการผลติ หลายด๎านด๎วยกนั สรุปไดด๎ ังน้ี ๑. ขาดแคลนดินเหนียวเป็นวัตถุดิบสําคัญในการผลิตโอํง เริ่มขาดแคลนลงไปจากบริเวณเดิม ดินเหนียวที่เหลือจะเป็นดินที่ไมํมีคุณภาพ จึงจําเป็นต๎องสํารวจหาแหลํงดินแหํงใหมํ นอกจากดินเหนียวที่ ขาดแคลนแลว๎ ยังมีปญั หาในเรอื่ งความยดื หดของดนิ เมือ่ ไดร๎ บั อณุ หภูมิความร๎อนแล๎วเกิดการยุบตัวของดินทํา ใหไ๎ มไํ ด๎ทรวดทรงทตี่ อ๎ งการเกดิ ความเสยี หายหลังจากการเผา ๒. เชื้อเพลิง ซ่ึงต๎องใช๎ฟืนขนาดเล็ก สํวนฟืนขนาดใหญํใช๎น๎อย หากจะใช๎เชื้อเพลิง อยํางอ่ืนไมํ เหมาะสมหายากและราคาแพง

๖ ๓. การตลาด ผลิตภัณฑเ๑ ครอื่ งเคลอื บดนิ เผาทีเ่ ป็นหลักคอื โอํงและไหนาํ้ ปลา เมอื่ มผี ลติ ภณั ฑ๑พลาสติก เขา๎ มาทดแทนท่ี คณุ ภาพดไี มํแตกงําย เบาทําให๎ยอดจําหนํายโอํงลดลง และเม่ือรัฐบาลพัฒนาแหลํงนํ้า เพ่ือใช๎ ในการเกษตรกรรมและบรโิ ภคจํานวนมาก ความจําเปน็ ในการใช๎ โอํง ไห ใสํนาํ้ จึงลดลง ๔. ขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากการผลิตโอํงมังกรกันเป็นจํานวนมาก จําเป็นต๎องใช๎ชํางป้ันที่มีฝีมือใน การข้นึ รูปเป็นอยํางมาก ปจั จุบันคนรนํุ ใหมํไมํให๎ความสําคัญกับอาชีพดังกลําว จึงทําให๎ขาดการสืบทอดชํางรุํน ตํอมา การขาดแคลนแรงงานมากท่ีสุดคือ ขาดแคลนแรงงานขั้นต่ําเป็นจํานวนมาก จําเป็นต๎องวําจ๎างแรงงาน ตํางชาติเข๎ามาทาํ งานในโรงงาน เพอ่ื ใหก๎ ารผลิตดาํ เนินตํอไปได๎ จากปัญหาทีพ่ บ กลํมุ ผูป๎ ระกอบการไดร๎ ํวมกับสมาคมเครือ่ งเคลือบดินเผารํวมกันแก๎ปัญหาในการผลิต โองํ ดังตอํ ไปนี้ ๑. ขอความรํวมมือไปยังกรมทรัพยากรธรณี สํารวจหาแหลํงดินแหํงใหมํ คือ ตําบลสมถะ อําเภอ โพธาราม จงั หวัดราชบุรี ๒. จดั หาซ้ือฟืนจากโรงเลือ่ ยไมย๎ างพาราจากภาคใต๎มาเปน็ เช้ือเพลงิ ทดแทนไมย๎ ูคาลปิ ตสั ๓. ออกแบบรูปทรงและเคลือบสี รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ๑ด๎วยการผลิตด๎วยมือที่เป็นเอกลักษณ๑ ของผลิตภัณฑ๑ เพอ่ื ใหต๎ รงตามความต๎องการของตลาด ๔. จดั หาแรงงานจากตํางประเทศ เชํน พมํา มอญ กระเหร่ียง เข๎ามาทดแทนแรงงานฝีมือข้ันต่ําท่ีเคย เป็นคนไทย สํวนชํางฝีมือ เชํน ชํางปั้น ชํางเขียนลาย ยังใช๎คนพ้ืนท่ีของจังหวัดราชบุรีท่ีมีฝีมือ และได๎รับการ สืบทอดฝีมือจากชํางรุํนเกําๆ โรงงานจึงต๎องพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาชํางฝีมือเหลําน้ีให๎ได๎นานที่สุด สํวนชํางเขียนลายนั้นโรงงานได๎พัฒนาฝีมือของชํางโดยรับชํางท่ีผํานการอบรมจากสถาบันการศึกษา เชํน นกั ศกึ ษาทางดา๎ นศลิ ปะของวทิ ยาลยั เทคนคิ และสถาบนั อืน่ ๆ นอกจากแนวทางแก๎ปัญหาดังกลําวแล๎ว สมาคม เครือ่ งเคลอื บดนิ เผายังไดร๎ ํวมมือกับสถาบันพัฒนาฝมี ือแรงงานจังหวัดราชบุรี จัดต้ังศูนย๑ฝึกอบรมอาชีพและจัด ฝึกอบรมชํางเขียนลายให๎แกํผ๎ูสนใจท่ัวไป ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ แตํทําได๎ระยะหนึ่งไมํประสบความสําเร็จ เพราะ คนในท๎องถนิ่ ไมํใหค๎ วามสนใจเทําที่ควร จึงตอ๎ งรับแรงงานจากทอี่ นื่ มาทดแทน ๕. หาความรแู๎ ละขอความรวํ มมอื จากหนํวยงานภายนอก เชํน ขอความรวํ มมือจากกองการวิจัยเหมือง แรํ กรมทรัพยากรธรณี ให๎ศึกษาวิจัยคุณสมบัติของดินเหนียวท่ีใช๎ทําโอํง และกรมวิทยาศาสตร๑บริการกับ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล๎าพระนครเหนือรํวมกันจัดทําโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ๑เครื่องป้ันดินเผาในเรื่อง การเคลือบ การปรับปรุงวิธีการเตรียมดิน กระบวนการเผาผลิตภัณฑ๑เคร่ืองปั้นดินเผาในเตามังกร การพัฒนา รูปแบบผลิตภัณฑ๑ด๎วยเน้ือดินของจังหวัดราชบุรี ซึ่งจะเห็นได๎วําความรํวมมือจากหนํวยงานดังกลําว ชํวยให๎ อุตสาหกรรมเครื่องป้ันดินเผาของจังหวัดราชบุรีได๎รับการชํวยเหลือ และแก๎ปัญหาตําง ๆ ด๎านการผลิต สํงผล ให๎อุตสาหกรรมเคร่ืองเคลือบดินเผาของจังหวัดราชบุรียังคงอยํูได๎ และปรับตัวทันตํอความเปล่ียนแปลงของ สังคมท่เี ปลี่ยนแปลงไปตามกระแสความตอ๎ งการของตลาด จากปัญหาด๎านการผลิตและการตลาดดังกลําวข๎างต๎น ถึงแม๎วําสมาคมได๎พยายามรํวมมือกับโรงงาน ตําง ๆ ในการแก๎ปัญหาแตํยังสํงผลให๎บางโรงงานต๎องยุบเลิกกิจการ สํวนโรงงานที่เหลืออยูํ ได๎มีการพัฒนา รปู แบบใหเ๎ ป็นผลติ ภณั ฑแ๑ บบเซรามคิ มีการนาํ เตาแกส๏ มาใช๎ในโรงงาน ทาํ ให๎เกดิ การพฒั นาท้ังในด๎านวิธีการทํา ดว๎ ยการหลอํ จากพิมพ๑หลอํ ปนู พลาสเตอร๑ เพอ่ื ได๎ปริมาณมากและขนาดสมา่ํ เสมอกนั ทกุ ช้ินแตํจะเป็นผลิตภัณฑ๑ ขนาดเล็ก และรูปแบบผลิตภัณฑ๑ให๎เป็นแบบเซรามิคเคลือบสี ซึ่งทําให๎แตํละโรงงานพยายามทํารูปแบบสินค๎า ให๎เป็นเอกลักษณ๑แตกตํางไปจากโรงงานอ่ืนๆ ดังเชํน โรงงานรัตนโกสินทร๑ ๑ และรัตนโกสินทร๑ ๔ เป็นต๎น แตํเน่ืองจากการผลิต จะต๎องมีอัตราการผลิตตํอเนื่องท้ังปี ผ๎ูประกอบการหลายรายจึงพยายามค๎นคว๎าและ พฒั นาผลติ ภณั ฑ๑แตํคณุ ภาพยังไมํดีพอ ผปู๎ ระกอบการสวํ นใหญจํ งึ ยงั คงใชว๎ ธิ กี ารผลติ ด๎วยเทคโนโลยีและความร๎ู

๗ แบบเดิม ๆ เชํน ยังคงใช๎วิธีการผลติ โอํงมังกร และเผาดว๎ ยเตามังกรแบบดั้งเดิมอยูํ มีเพียงบางโรงงานท่ียังคงใช๎ เตาเผามังกรควบคํไู ปกับเตาแกส๏ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ – พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงเป็นชํวงท่ีภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยซบเซาอยําง หนัก สํงผลกระทบตํออุตสาหกรรมโอํง คือ เกิดภาวการณ๑ขายโอํงไมํออกท้ังตลาดภายในประเทศและ ตํางประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักในภาคอีสาน ที่เคยสั่งซ้ือนับแสนใบกลับหายไปเหลือไมํถึง ๑๐ เปอร๑เซ็นต๑ เพราะภาคการเกษตรกรรมของประเทศไดร๎ บั ผลผลติ น๎อย จงึ ทําให๎ประชาชนในชนบทมีรายได๎น๎อย การซ้ือโอํง จึงนอ๎ ยตามไปดว๎ ย ประกอบกับมกี ารนําภาชนะพลาสติกมาทดแทนโอํง เพราะมรี าคาถูก และคุณภาพใกล๎เคียง กับโอํงทท่ี าํ ด๎วยดนิ ปน้ั จึงทําให๎โองํ ล๎นตลาด โรงงานตอ๎ งลดปริมาณการผลิตลง เกดิ การแยงํ ตัวชํางและตัดราคา ขายแขงํ กันจึงถอื ได๎วาํ อุตสาหกรรมโองํ ของจงั หวัดราชบรุ อี ยํูในชํวงวิกฤต จากประสบการณ๑และปัญหาท่ีเกิดข้ึนกับผู๎ประกอบการ สํงผลตํอการพัฒนาของโรงงานโอํงแตํละโรง ไมํเทําเทียมกัน จึงทําให๎โรงงานโอํงบางโรงงานมีการเปล่ียนแปลงไปบ๎าง แตํบางโรงงานยังคงผลิตแบบดั้งเดิม อยํู ซง่ึ เห็นได๎วําโรงงานโอํงมีความแตกตํางกันอยํางชัดเจน จนสามารถแบํงออกได๎เป็น ๓ กลุํมดังน้ี คือ กลุํมที่ ๑ ผ๎ูประกอบการที่ยังคงอนุรักษ๑แนวทางวิธีการทําแบบด้ังเดิมใช๎เตาเผาแบบเตามังกร ขึ้นรูปด๎วยมือที่มีมาแตํ โบราณ คงเอกลักษณ๑ของท๎องถิ่น กลุํมที่ ๒ ผ๎ูประกอบการที่ผลิตเฉพาะกระถางปลูกต๎นไม๎ กลุํมท่ี ๓ ผ๎ปู ระกอบการทมี่ กี ารพัฒนารูปแบบและลวดลายผลิตภัณฑ๑เซรามิคและเป็นสินค๎าที่ระลึก เชํน โอํงเล็ก แจกัน ถว๎ ยโถโอชาม เบญจรงค๑ เคร่ืองเคลอื บดนิ เผาสตี ําง ๆ และได๎หันมาผลิตผลิตภัณฑ๑หลากหลายรูปแบบมากขน้ึ จากประวัติความเป็นมาของโอํงราชบุรี อาจกลําวโดยสรุปได๎วํา การทําโอํงในครั้งแรกจะเป็นกลุํมชําง ชาวจีนท่ีรํวมกันทําแบบหัตถอุตสาหกรรมในครอบครัว เมื่อกิจการดีข้ึนจึงมีการขยายกิจการหุ๎นสํวนเร่ิมแยก ออกไป ผลิตภัณฑ๑เร่ิมแรกจะเป็นไหนํ้าปลา กระปุกขนาดเล็ก เป็นต๎น ตํอมาจึงได๎ผลิตโอํงโดยการเลียนแบบ โอํงจีน เพ่ือจําหนํายเมื่อกิจการดีย่ิงข้ึน จึงมีการนําเครื่องมือทุํนแรงเข๎ามาใช๎ทําให๎ผลิตได๎มากย่ิงขึ้น และ จําหนํายโอํงไปท่ัวประเทศไทย และด๎วยคุณสมบัติของโอํงมังกรที่เก็บน้ําได๎ดี มีความเย็น จึงเป็นที่นิยมของ ชาวบา๎ นโดยทัว่ ไป และเมอ่ื อตุ สาหกรรมโอํงเกิดประสบปญั หามากมาย เชํน สินค๎าอยํางอ่ืนเข๎ามาทดแทน ขาด แคลนแรงงาน วัตถดุ ิบ การตลาดไมํรุงํ เรือง โรงงานโอํงเร่ิมปดิ ตัวลง ดังนั้นวงการอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดิน เผาต๎องหาทางรอดให๎กับตนเองโดยปรับเปลี่ยนพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ๑ ท่ีไมํใชํมีแตํโอํงมังกร สามารถ ตอบสนองตํอความต๎องการของสังคม จึงแปรเปล่ียนบทบาทหน๎าท่ีของโอํงท่ีใช๎ในชีวิตประจําวันไปเป็นของท่ี ระลึกประดบั ตกแตํงไป ส่ิงเหลําน้ที าํ ให๎ผ๎ูประกอบการได๎มีทิศทางในการผลิตที่เป็นกลํุมของตนเองอยํางชัดเจน ยิ่งข้ึน ๓ กลํุม คือ กลํุมผู๎ผลิตโอํงมังกรอยํางเดียว กลํุมผู๎ผลิตกระถางอํางบัว ของประดับตกแตํงบ๎านและ จําหนาํ ยในประเทศและกลมํุ ผูผ๎ ลติ เครื่องเคลอื บดนิ เผา เพอ่ื การสงํ ออกตํางประเทศจนถึงปัจจบุ ัน การกระจายตวั ของโรงโอ่ง การกระจายตวั ของโรงงานโองํ พบวาํ ในอดีตการผลิตโอํงมีจุดเริ่มตน๎ มาจากกลุํมชํางชาวจีนและเพ่ือน ท่ีรํวมห๎ุนกันเข๎ามาตั้งโรงงานแรกคือ เถ๎าเซํงหลี เม่ือโรงงานมีกิจการดีขึ้นบรรดาเพื่อนที่เคยรํวมห๎ุนและชํางที่ เคยทาํ งานจงึ ได๎แตกตัวออกไปตั้งโรงงานและบริหารงานอีกตํอหนึ่ง การรวมห๎ุนของการตั้งโรงงานจะเป็นแบบ รวมห๎ุนกับเพื่อนอีกกลํุมหน่ึง เมื่อกิจการดีแล๎วจึงแยกตัวไปรวมกลํุมกับเพื่อนอีกกลุํมหนึ่ง ตลอดจนกลํุมชํางที่ ทํางานในโรงงานท่ีเป็นทั้งชาวไทยและชาวจีนในท๎องถ่ิน ทําให๎เกิดการกระจายตัวของโรงงานไปเป็นจํานวน มาก ซง่ึ การกระจายตัวดงั กลําวออกไปในกลํุมเครือญาติอีกดว๎ ย ในการประกอบกิจการของผู๎ผลิตโอํงในจังหวัดราชบุรี สํวนใหญํจะเป็นการทํางานที่สืบทอดตํอกันมา ไดแ๎ กํ ลกู ชาย ซ่งึ รํนุ ลูกบางคน บางครอบครัวของเจ๎าของกิจการท่ีรํวมกํอต้ังในลักษณะของรํวมห๎ุนกับเพื่อน ๆ ในรุํนแรก ๆ ยังคงควบคุมกิจการอยูํในปัจจุบัน สําหรับการสืบทอดมรดกไปยังรํุนตํอไป บางโรงงานก็ไมํได๎คิด

๘ ให๎ลูกหลานสืบตํอ เพราะสํงลูกไปเรียนที่กรุงเทพ และลูกหลานมีงานประจําทําถาวร บางโรงงานต๎องการให๎มี ผ๎ูสืบทอดกิจการได๎สํงเสริมให๎มีการศึกษาในสาขาที่เอื้อตํอการประกอบกิจการท างด๎านเครื่องเคลือบดินเผา เป็นตน๎ ในชํวงทธี่ ุรกิจการค๎าโองํ ในจงั หวัดราชบรุ ไี ปได๎ดี ได๎มีกลุํมบุคคลท่ีสนใจในการทํางานโรงงานโอํง โดยที่ อาจจะไมํเคยทําธุรกิจโรงงานมากํอน ซ่ึงกํอนหน๎าเคยทําธุรกิจการค๎าอยํางอื่นมากํอน ได๎สนใจที่จะประกอบ กิจการคา๎ โอํงจงึ ได๎รวมกลุํมได๎มีการกํอต้ังโรงงานข้ึนมาอีก ดังนั้นจากการรวมตัวของผู๎ประกอบการโรงงานโอํง ดังกลําว จะเหน็ ได๎วําการขยายโรงงานโอํงมีลักษณะการกระจายตัวออกเหมือนดังต๎นไม๎ ที่มีการแตกแขนงจาก ลําต๎นเป็นก่ิงก๎านใบตามลําดับ และมกี ารสืบทอดกจิ การไมนํ ๎อยกวาํ ๓ รํุน แบํงออกได๎ ๓ กลํมุ สรุปไดด๎ ังนี้ ๑. กลํุมที่ ๑ คือ กลํุมชํางชาวจีนและเพื่อนท่ีได๎เข๎ามารํวมห๎ุนกัน และกํอต้ังกิจการโรงงานโอํงขึ้นเป็น ครั้งแรก และตํอมาได๎มีการขยายกิจการเร่ือยมา และมีการสืบทอดจนถึงปัจจุบัน เชํน เถ๎าฮํงไถํ เถ๎าแซํไถํ เปน็ ต๎น ๒. กลํุมท่ี ๒ คือ กลุํมชํางท่ีเคยทํางานในโรงงานโอํงรุํนแรก แล๎วรํวมหุ๎นต้ังโรงงานโอํงขึ้นมา หรือผ๎ูท่ี เคยทํางานในโรงงานโอํงรุํนแรกๆ มากํอนแล๎วได๎เก็บเงินทองรํวมหุ๎นกันตั้งโรงงานโอํงขึ้นมา แล๎วมีการขยาย กิจการออกมาเป็นแตํละโรงงาน มีการสืบทอดติดตํอกันมาในกลุํม เครือญาติและเพื่อน เชํน เถ๎าฮะเส็ ง เถ๎า เลี่ยงฮ้ัว เรอื งศิลป์ เรอื งศิลป์ ๒ เรืองศิลป์ ๓ สหศิลป์ สหกิจ รัตนโกสินทร๑ ๑ รัตนโกสินทร๑ ๒ รัตนโกสินทร๑ ๓ รัตนโกสินทร๑ ๔ เถ๎าเฮงปูุ เถ๎าเฮงเส็ง ฤทธิ์ศิลป์ ดินทอง ดินทอง ๒ แดนทอง มิตรศิลป์ อุดมดินไทย ประดิษฐ๑ ดินไทย อตุ สาหกรรมดินไทย เยี่ยมศิลป์ เจริญดินไทย เถ๎าชุนหลี สุริยะศิลป์ รุํงศิลป์ผลิตภัณฑ๑ดินเผา กิจถาวร ๑ กิจถาวร ๒ เปน็ ต๎น ๓. กลุํมท่ี ๓ คือ กลุํมบุคคลที่สนใจประกอบธุรกิจโรงงานโอํง ได๎รํวมทุนต้ังโรงงานโอํงแล๎วมีการ ขยายตัวในกลุํมเครือญาติหรือเพ่ือน เชํน แสงทองอุตสาหกรรม สุกิจดินไทย รวมศิลป์ เถ๎าเจี่ยหลี ๒ เถ๎าเจี่ยหลี ๔ ทาํ ราบดินเผา โรจน๑ศลิ ป์ แกนํ จนั ทน๑เครื่องเคลือบ จากที่กลําวมาข๎างต๎นจะเห็นได๎วํา ผู๎ประกอบการโรงงานโอํงโดยสํวนใหญํจะเป็นกลํุมชํางชาวจีนแตํ ด้ังเดิม ตํอมาเป็นชํางชาวไทยหรือผ๎ูท่ีเคยทํางานในโรงงานโอํง หรือประกอบกิจการในการค๎าโอํงมากํอน และ ได๎มีการรวมห๎ุนกันในการประกอบธุรกิจ เมื่อรํวมห๎ุนกับเพ่ือนกลํุมหนึ่งได๎กิจการดี จึงแยกตัวออกมารวมกลุํม กบั เพอื่ นอกี กลํมุ หน่ึงไปเร่อื ย จงึ ทําให๎เกิดการขยายตัวของโรงงานโอํงอยูํในกลํุมเพ่ือนฝูงและเครือญาติ จึงเห็น ได๎วําโรงงานผลิตโอํงจะมีหลายสาขาแตํผู๎ประกอบการคนเดียวกันหรือลูกหลาน เครือญาติดูแล และบาง โรงงานก็มกี ารเปล่ียนชอ่ื โรงงานไปบ๎างตามกลไกทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการขยายพ้ืนที่ของโรงงานอยูํในเขต กลุํมหรือยํานในพ้ืนท่ีเดียวกัน ที่มีความสะดวกตํอการค๎าต้ังแตํอดีตจนถึงปัจจุบัน อีกท้ังช่ือโรงงานยังมี ความหมายเก่ียวข๎องกับกิจการที่ทําอยูํดังเชํน โรงงานขึ้นต๎นด๎วยเถ๎าซึ่งมาจากคําวํา เถ๎าซ้ือ แปลวํา กิจการ เคร่ืองเคลือบดินเผา เชํน เถ๎าฮะเส็ง เถ๎าเฮงปุู เถ๎าเล่ียงฮั้ว เถ๎าฮงไถํ เถ๎าแซํไถํ เถ๎าเจ่ียหลี ๒ เถ๎าเจี่ยหลี ๔ เถ๎า เสํงเฮง เถ๎าเฮงเส็ง เถ๎ายํงหยู เถ๎าชุนหลี เป็นต๎น หรือมีความหมาย ความสัมพันธ๑ท่ีเกี่ยวกับดิน เชํน เจริญดิน ไทย ดนิ ทอง ๒ สหศิลป์ สหกิจ เจริญศิลป์ผลิตภัณฑ๑ดินเผา รุํงศิลป์ผลิตภัณฑ๑ดินเผา สุกิจดินไทย อุดมดินไทย ประดิษฐ๑ดินไทย ทําราบดินเผา แกํนจันทร๑เครื่องเคลือบ อุตสาหกรรมดินไทย เป็นต๎น ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๖๑) ยงั คงมีโรงงานโอํงในจงั หวดั ราชบุรที ี่เป็นสมาชกิ สมาคมเคร่อื งเคลือบดินเผาราชบุรี จาํ นวน ๒๓ โรงงาน

๙ ตารางที่ ๑ โรงงานทีเ่ คยเป็นสมาชิกของสมาคมเคร่ืองเคลือบดนิ เผาราชบุรี (ปี ๒๕๔๘) ที่ ช่ือโรงงาน เจา้ ของและผ้จู ัดการ ทอ่ี ยู่ ๑ กิจถาวร นายสุเมธ ตันติวิศาล ๒๒๒ ถ. เพชรเกษมสายใหมํ ๒ แกํนจนั ทรเ๑ ครื่องเคลอื บ นายธวชั ชยั ลมิ ปศรตี ระกูล ๗๓ หมํู ๙ ต.ดอนตะโก ๓ เจริญดนิ ไทย นายธวัชชัย เจริญดินไทย ๑๐๓ / ๕ ถ.เพชรเกษมเกาํ ๔ เจรญิ ศลิ ป์ นายสมชาย จงึ เจริญสขุ ๔๔๑ ถ.ศรสี รุ ยิ วงศ๑ ๕ ดนิ ทอง ๑ นายสมบูรณ๑ โรจน๑สุวรรณพงศ๑ ๕๗/๒ หมูํ ๔ ต.โคกหมอ๎ ๖ ดนิ ทอง ๒ นายสมหมาย โรจนส๑ วุ รรณพงศ๑ ๒๖๐ / ๒ ถ.เพชรเกษมเกาํ ๗ แดนทอง นายนวิ ัตร เตชะกลุ วโิ รจน๑ ๖๔ หมูํ ๔๙ ต.โคกหมอ๎ ๘ เถา๎ เจี่ยหลี ๒ นายสันติ ฐติ อิ าชากุล ๒๓๔ / ๕ หมํู ๒ ต. เจดยี ห๑ กั ๙ เถ๎าเจย่ี หลี ๔ นายสมสุข ศรที องสขุ ๙๘ หมูํ ๕ ต.เจดยี ห๑ ัก ๑๐ เถา๎ เลี่ยงฮั้ว นายขาว ศรวี ลิ ยั ๒๒๘ ถ. ศรสี ุริยวงศ๑ ๑๑ เถา๎ ชุนหลี นายวนิ จิ โฆษะบดี ๕๐ หมํู ๓ ต.โคกหม๎อ ๑๒ เถ๎ายงํ หยู นายฐติ ิพนั ธ๑ ไตรนภากลุ ๙๐ หมํู ๓ ต. โคกหมอ๎ ๑๓ เถา๎ แซํไถํ นายศุภรตั น๑ สตี ะธรรมาภรณ๑ ๖๔ ถ. ทําแจ ๑๔ เถา๎ เสง็ ไถํ นายกวีพันธ๑ สตี ะธรรมาภรณ๑ ๑๘๒ ถ.เขางู ๑๕ เถ๎าฮะเส็ง นายสิทธิศกั ด์ิ เชฐบณั ฑิตย๑ ๑๑๗ ถ. เพชรเกษม ๑๖ เถ๎าฮงไถํ นายชยั รตั น๑ สพุ านชิ วรภาชน๑ ๒๓๔ / ๑ ถ.เจดีย๑หัก ๑๗ เถา๎ เฮงปุู นายสมปอง ช้ินแสงชยั ๑๔๐ / ๒ ถ.เพชรเกษม ๑๘ เถ๎าเฮงเส็ง นายมานะ โพธ์ิพทุ ธประสิทธ์ิ ๑๗๓ หมูํ ๓ ต. โคกหม๎อ ๑๙ เถา๎ เสํงฮง นายธนโชค โชตธิ ีรธร ๑๘๑ /๑ หมํู ๓ ต.เจดยี ห๑ ัก ๒๐ ฤทธ์ศิ ิลป์ นายสาํ เรงิ โพธ์พิ ทุ ธประสิทธ์ิ ๒๑๒ / ๓ ถ.ศรีสุริยวงศ๑ ๒๑ ทําราบดนิ เผา นางบังอร ตั้งรตั นสมบูรณ๑ ๑/๑ หมูํ ๓ ต. ทําราบ ๒๒ ประดิษฐด๑ นิ เผา นายเลง๎ โขฐนพงศ๑ ๒๕/๘ หมูํ ๓ ต.เจดยี ๑ ๒๓ รุํงศลิ ป์ นายทศั นยั ศลิ ป์ประดษิ ฐ๑ ๔๑/๓ ถ.เจดียห๑ ัก ๒๔ โรจนศ๑ ลิ ป์ นายสมศกั ด์ิ จงึ เจริญสุข ๖๑ หมํู ๙ ต.ดอนตะโก ๒๕ รวมศิลป์ นายณฐั พนธ๑ วรณุ ไพศาล ๒๘/๑ หมูํ ๒ ต.เจดียห๑ กั ๒๖ เรอื งศิลป์ ๓ นายสมหมาย ชนิ ภาณุวัฒน๑ ๖๔ หมํู ๖ ต.ดอนตะโก ๒๗ เรอื งศิลป์ ๒ นายสมนึก ชินภาณวุ ฒั น๑ ๓๔/๑ หมูํ ๒ ต.เจดีย๑หัก ๒๘ รัตนโกสนิ ทร๑ ๑ นายชศู ักด์ิ โฆษะบดี ๑๒๑ หมูํ ๕ ต.เจดียห๑ ัก ๒๙ รตั นโกสินทร๑ ๒ นายชัยชนะ แก๎วอรําม ๘๒ หมํู ๕ ต.เจดีย๑หกั ๓๐ รตั นโกสินทร๑ เซรามิค ๔ นายสขุ ชาติ โฆษะบดี ๕๑/๕ หมูํ ๑ ต.ทําราบ ๓๑ สรุ ยิ ะศลิ ป์ นายสมบัติ สงิ หปัญจนที ๕๔ หมํู ๓ ต.โคกหม๎อ ๓๒ สุกจิ ดนิ ไทย นายสนุ ยี ๑ วชิรศรสี นุ ทรา ๕๖ ถ.ทําแจ ๓๓ สหศลิ ป์ นายวีระ แตระกุล ๒๑๒ / ๑ ถ.ศรสี ุริยวงศ๑ ๓๔ สหกิจ นายบญุ เชยี่ ว บุญญานชิ ยกลุ ๒๑๒ / ๕ ถ. ศรสี ุรยิ วงศ๑ ๓๕ แสงทอง นายอนนั ต๑ ลมิ ปสายชล ๑๑๒ ถ.เจดยี ห๑ ัก

๑๐ ๓๖ อดุ มดินไทย นายง่ีเต็ก อุดมสันตธิ รรม ๑๗๔ หมํู ๓ ต.เจดียห๑ ัก ๓๗ อตุ สาหกรรมดินไทย นายศรี มะลิขาว ๘๔ หมูํ ๙ ต.เจดีย๑หกั ๓๘ กิจถาวร ๒ นางศิรดา เชฐบณั ฑติ ย๑ ๑๗๙ / หมูํ ๓ ต.เจดยี ๑หัก ๓๙ เรืองศลิ ป์ ๔ นายสมหมาย ชนิ ภานวุ ฒั น๑ ในปี ๒๕๖๑ โรงงานโอง่ มงั กรได้ลดลงจาก ๓๙ โรงงาน คงเหลอื ๒๒ โรงงานดังน้ี ตารางท่ี ๒ โรงงานทเี่ ป็นสมาชกิ ของสมาคมเครือ่ งเคลอื บดินเผาราชบรุ ี (ปี ๒๕๖๑) ที่ ช่อื โรงงาน เจ้าของและผ้จู ัดการ ท่อี ยู่ ๑ เจรญิ ดนิ ไทย นายธวัชชยั เจรญิ ดินไทย ๑๐๓ / ๕ ถ.เพชรเกษมเกํา ๒ ดนิ ทอง ๒ นายสมหมาย โรจน๑สุวรรณพงศ๑ ๒๖๐ / ๒ ถ.เพชรเกษมเกาํ ๓ แดนทอง นายนวิ ตั ร เตชะกลุ วโิ รจน๑ ๖๔ หมํู ๔๙ ต.โคกหม๎อ ๔ เถา๎ เจ่ยี หลี ๒ นายสนั ติ ฐติ อิ าชากลุ ๒๓๔ / ๕ หมูํ ๒ ต. เจดียห๑ กั ๕ เถ๎าเจย่ี หลี ๔ นายสมสุข ศรีทองสขุ ๙๘ หมํู ๕ ต.เจดยี ๑หกั ๖ เถ๎ายงํ หยู นายฐิตพิ นั ธ๑ ไตรนภากลุ ๙๐ หมํู ๓ ต. โคกหมอ๎ ๗ เถา๎ ฮงไถํ นายชัยรัตน๑ สุพานชิ วรภาชน๑ ๒๓๔ / ๑ ถ.เจดยี ๑หกั ๘ เถ๎าเฮงปูุ นายสมปอง ชนิ้ แสงชัย ๑๔๐ / ๒ ถ.เพชรเกษม ๙ ฤทธ์ศิ ลิ ป์ นายสาํ เริง โพธพิ์ ทุ ธประสิทธิ์ ๒๑๒ / ๓ ถ.ศรสี รุ ิยวงศ๑ ๑๐ ทาํ ราบดนิ เผา นางบังอร ตัง้ รตั นสมบูรณ๑ ๑/๑ หมูํ ๓ ต. ทําราบ ๑๑ รงุํ ศิลป์ นายทศั นัย ศิลป์ประดษิ ฐ๑ ๔๑/๓ ถ.เจดยี ห๑ กั ๑๒ โรจนศ๑ ิลป์ นายสมศกั ด์ิ จงึ เจริญสุข ๖๑ หมูํ ๙ ต.ดอนตะโก ๑๓ เรอื งศิลป์ ๓ นายสมหมาย ชนิ ภาณวุ ัฒน๑ ๖๔ หมูํ ๖ ต.ดอนตะโก ๑๔ เรอื งศลิ ป์ ๒ นายสมนกึ ชินภาณุวัฒน๑ ๓๔/๑ หมูํ ๒ ต.เจดีย๑หัก ๑๕ รตั นโกสินทร๑ ๑ นางสาวชษู ร โฆษะบดี ๑๒๑ หมํู ๕ ต.เจดียห๑ ัก ๑๖ รตั นโกสินทร๑ เซรามิค ๔ นายสขุ ชาติ โฆษะบดี ๕๑/๕ หมํู ๑ ต.ทาํ ราบ ๑๗ สุกิจดินไทย คุณสุนีย๑ วชิรศรสี ุนทรา ๕๖ ถ.ทําแจํ ๑๘ สหกิจ นายบุญเชย่ี ว บญุ ญานิชยกุล ๒๑๒ / ๕ ถ. ศรีสรุ ยิ วงศ๑ ๑๙ อุดมดินไทย นายงเี่ ตก็ อุดมสนั ติธรรม ๑๗๔ หมูํ ๓ ต.เจดีย๑หกั ๒๐ อุตสาหกรรมดนิ ไทย นายรํงุ ศกั ดิ์ มะลิขาว ๘๔ หมํู ๙ ต.เจดีย๑หกั ๒๑ กิจถาวร ๒ นางศิรดา เชษฐบณั ฑติ ย๑ ๑๗๙ / หมํู ๓ ต.เจดยี ห๑ ัก ๒๒ เรอื งศลิ ป์ ๔ นายสมหมาย ชินภานวุ ัฒน๑ ๖๔ หมํู ๖ ต.ดอนตะโก ท่ีมา รุํงศักด์ิ มะลิขาว (สัมภาษณ๑ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑)

๑๑ จากโรงงานดังกลําวข๎างตน๎ ยังคงเหลอื โรงงานทผี่ ลิตทม่ี ีการผลติ แบบดัง้ เดมิ และอนรุ ักษ๑แบบโบราณ จํานวน ได๎แกํ ตารางท่ี ๓ โรงงานทโ่ี องํ อํางกระถาง ไหแบบโบราณดง้ั เดิม (ปี ๒๕๖๑) ที่ ชอ่ื โรงงาน เจ้าของและผู้จดั การ ที่อยู่ ๑ เจรญิ ดินไทย นายธวัชชัย เจรญิ ดนิ ไทย ๑๐๓ / ๕ ถ.เพชรเกษมเกํา ๒ ดนิ ทอง ๒ นายธีระพล โรจนส๑ ุวรรณพงศ๑ ๒๖๐ / ๒ ถ.เพชรเกษมเกํา ๓ แดนทอง นายนวิ ตั ร เตชะกุลวิโรจน๑ ๖๔ หมํู ๔๙ ต.โคกหมอ๎ ๔ เถา๎ เจยี่ หลี ๒ นางสาวสภุ าวดี ประเสริฐ ๒๓๔ / ๕ หมูํ ๒ ต. เจดียห๑ ัก ๕ เถ๎าเจ่ยี หลี ๔ นางสมสขุ ศรีทองสขุ ๙๘ หมํู ๕ ต.เจดยี ๑หัก ๖ เถา๎ ยงํ หยู นายฐิติพนั ธ๑ ไตรนภากุล ๙๐ หมูํ ๓ ต. โคกหมอ๎ ๗ เถ๎าเฮงปุู นายสมปอง ชิน้ แสงชยั ๑๔๐ / ๒ ถ.เพชรเกษม ๘ ฤทธ์ิศิลป์ นายสําเรงิ โพธ์ิพทุ ธประสทิ ธ์ิ ๒๑๒ / ๓ ถ.ศรสี รุ ิยวงศ๑ ๙ ทําราบดนิ เผา นางบงั อร ตั้งรตั นสมบูรณ๑ ๑/๑ หมูํ ๓ ต. ทาํ ราบ ๑๐ รุํงศิลป์ นายทศั นยั ศิลปป์ ระดษิ ฐ๑ ๔๑/๓ ถ.เจดียห๑ ัก ๑๑ โรจนศ๑ ิลป์ นายศภุ กจิ จึงเจรญิ สุข ๖๑ หมูํ ๙ ต.ดอนตะโก ๑๒ สุกิจดินไทย นางสุนีย๑ วชิรศรสี ุนทรา ๕๖ ถ.ทําแจํ ๑๓ สหกจิ นายจตุรงค๑ อดุ มสันติธรรม ๒๑๒ / ๕ ถ. ศรีสุรยิ วงศ๑ ๑๔ อดุ มดนิ ไทย นายรฐั นันท๑ อดุ มสนั ตธิ รรม ๑๗๔ หมํู ๓ ต.เจดียห๑ ัก ๑๕ อุตสาหกรรมดนิ ไทย นายรุงํ ศกั ด์ิ มะลขิ าว ๘๔ หมํู ๙ ต.เจดีย๑หัก ๑๖ กจิ ถาวร ๒ นายศิรดา เชษฐบัณฑิตย๑ ๑๗๙ / หมํู ๓ ต.เจดยี ห๑ ัก ๑๗ เรอื งศิลป์ ๔ นายสมหมาย ชินภานุวัฒน๑ ๖๔ หมูํ ๖ ต.ดอนตะโก ที่มา รํงุ ศักดิ์ มะลิขาว (สมั ภาษณ๑ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑) จากโรงงานดังกล่าวขา้ งต้นยังคงเหลอื โรงงานที่ผลิตโอ่งลายมงั กรแบบโบราณดัง้ เดิม จานวน ๖ โรงงาน ไดแ้ ก่ เถ้าเจย่ี หลี่ ๔ เถ้าเจย่ี หล่ี ๒ โรจนศ์ ิลป์ รุ่งศลิ ป์ ดินทอง และเจรญิ ดินไทย โรงงานท่ีมกี ารพฒั นาผลิตภณั ฑ๑เป็นส่งิ ของเคร่ืองใช๎ตกแตํงประดบั สวน เปน็ เซรามิคสสี ันสดใส และมี การพัฒนาตํอยอดภมู ิปญั ญาเป็นศูนยก๑ ารเรียนรแ๎ู ละแหลงํ ทํองเทีย่ ว จํานวน ๕ โรง ไดแ๎ กํ ตารางที่ ๔ โรงงานท่ีเคยเปน็ สมาชิกของสมาคมเครื่องเคลอื บดินเผาราชบรุ ี (ปี ๒๕๖๑) ที่ ชือ่ โรงงาน เจ้าของและผ้จู ัดการ ท่อี ยู่ ๑ เถา๎ ฮงไถํ นายพงษ๑ศกั ดิ์ สุพานิชวรภาชน๑ ๒๓๔ / ๑ ถ.เจดยี ห๑ ัก ๒ เรอื งศิลป์ ๓ นายสมหมาย ชนิ ภาณุวัฒน๑ ๖๔ หมูํ ๖ ต.ดอนตะโก ๓ เรอื งศลิ ป์ ๒ นายสมนึก ชนิ ภาณุวัฒน๑ ๓๔/๑ หมูํ ๒ ต.เจดียห๑ กั ๔ รตั นโกสินทร๑ ๑ นางปาลิดา ประถมภัฏ ๑๒๑ หมูํ ๕ ต.เจดียห๑ กั ๕ รัตนโกสนิ ทร๑ เซรามคิ ๔ นายสุขชาติ โฆษะบดี ๕๑/๕ หมูํ ๑ ต.ทําราบ ท่มี า รงํุ ศักดิ์ มะลิขาว (สัมภาษณ๑ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑)

๑๒ จากสภาพการณ๑ดังกลําวขา๎ งตน๎ ของจาํ นวนโรงโองํ ที่ลดลงเป็นจํานวนมาก ทําให๎ผ๎ูประกอบการโรงโอํง ปรับตัวให๎อยํูรอดได๎ในสภาวะปัจจุบัน จึงมีการปรับตัวดังน้ี ๑) โรงงานท่ีมีการอนุรักษ๑ภูมิปัญญาเชิงชํางแบบ ดง้ั เดมิ เป็นการผลิตโอํงเพื่อการจําหนํายอยํางตํอเนื่อง เชํน โรงเถ๎าเจียหลี ๒ และโรงเถ๎าเจียหลี ๔ ซึ่งโรงงาน เหลําน้ียังคงทําโอํงขาย ๒) โรงงานที่มีการปรับตัวท่ียังคงอนุรักษ๑วิธีการดั้งเดิม แตํคงรักษาเอกลักษณ๑ของ ลวดลายมังกร พัฒนาในเร่ืองของรูปทรงผลิตภัณฑ๑เป็นกระถาง อํางบัว สิ่งของตกแตํงสวน ได๎แกํ โรงงาน อุตสาหกรรมดินไทย โรงงานเรืองศิลป์ โรงงานเรืองศิลป์ ๓) โรงงานที่มีการพัฒนาในเรื่องกระบวนการผลิต การออกแบบผลติ ภณั ฑ๑ลวดลายเป็นงานประตมิ ากรรม งานเซรามกิ ทม่ี ีสีสันสดใส เน๎นการใช๎ประโยชน๑เพ่ือการ ตกแตํงและการสํงออก ได๎แกํ โรงงานเถ๎าฮงไถํ โรงงานรัตนโกสินทร๑ ๑ จากวิกฤตการยุบกิจการโรงโอํงใน ปัจจุบันมีผลกระทบตํอฝีมือชํางโอํงมังกรอยํางหลีกเลี่ยงไมํได๎ เมื่อโรงงานเลิกชํางก็คํอย ๆ หายไป เชํนกัน จึงนําเป็นหํวงอยํางมากตํอการสืบสานภูมิปัญญาเชิงชํางโอํงมังกรที่อาจคงเห ลือแตํรํองรอยของความรุํงเรือง ของเมืองโองํ มงั กรราชบรุ ี ๖. ลกั ษณะเฉพาะทแี่ สดงถงึ อัตลกั ษณข์ องมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม โดยให๎มรี ายละเอียด ๖.๑ ความหมายของโอ่ง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ ให๎ความหมายของโอํงและตํุมไว๎วํา โอํงคือ “ภาชนะ ดนิ เผาสาํ หรับขงั นา้ํ ก๎นสอบเลก็ นอ๎ ย ปากกวา๎ ง บางทีก่ ็เรียกวาํ ตมํุ และคาํ วําตุมํ หมายถึง ภาชนะสําหรับขังน้ํา ก๎นสอบเล็กนอ๎ ย ปากแคบกวําโองํ ” การใช๎โอํงและตุํมเป็นภาชนะ ใช๎เก็บกักนํ้าไว๎ใช๎ในชีวิตประจําวัน ความแตกตํางของโอํงและตํุม พจิ ารณาจากรปู ทรงท่ีมีความแตกตํางกัน โองํ มีขนาดใหญแํ ละปากกว๎างกวําตํมุ ๖.๒ โอ่งจีน โองํ จนี เป็นโองํ ทม่ี แี หลงํ ผลิตในประเทศจีน มขี นาดใหญํ แบํงเป็น ๒ ลักษณะ คือ ทรงกลม ทรงเหล่ียม โอํงทรงกลมมีลักษณะทรงกลม ปากกว๎าง ก๎นสอบเล็กน๎อย ชํวงกลางของโอํงกว๎าง ขอบปากเล็ก มีลวดลาย หลายรปู แบบ สวํ นโอํงรปู ทรงเหล่ยี มมี ๒ ชนิด คือ ทรงหกเหล่ียมและทรงแปดเหลี่ยม นอกจากน้ียังมีลักษณะ คล๎ายกบั โอํงทรงเหลีย่ มคอื ถ้ําชา ซึ่งมีลักษณะเคลือบใสใํ บชาหลายขนาด บางใบมีขนาดใหญํใกล๎เคียงกับโอํงมี ฝาปิด แตรํ ูปทรงเป็นรูปเหลี่ยมเทาํ นน้ั เมื่อพิจารณาท่ีบําไหลํของโอํงจะมีลักษณะโค๎งลง ขอบปากเคลือบ สํวน ถาํ้ ชาจะมไี หลํตรง ขอบปากไมํเคลือบเพราะมีฝาปิด เน่ืองจากโอํงจีนมีขนาดใหญํจําเป็นต๎องใช๎การปั้นแบบตํอเนื่องเป็นชํวง ไมํสามารถปั้นทีเดียวท้ังใบได๎ โดยเริ่มจากการป้ันฐานให๎มีก๎นสอบเล็กน๎อยแล๎วรอให๎ดินแห๎งหมาด แล๎วนําไปตํอชํวงตัวและชํวงปาก ตกแตํง รูปทรงให๎โค๎งมน ปากกว๎าง โอํงทรงกลมมีการแบํงพ้ืนที่โอํงออกเป็น ๓ สํวน คือ สํวนบําของโอํง สํวนตัวโอํง และสํวนขา แตลํ ะชวํ งจะมกี ารตกแตงํ ลวดลายที่แตกตํางกัน โดยสํวนบําและสํวนขาเป็นสํวนที่แคบ มักตกแตํง ด๎วยลายงํายๆหรือลายพรรณพฤกษาหรือลายประดิษฐ๑ ซึ่งอาจแตกตํางกันระหวํางลายบําหรือลายขาโอํงก็ได๎ ไมํเน๎นรายละเอียดมากนัก สํวนชํวงลําตัวของโอํงทรงกลมมีพ้ืนท่ีกว๎างมักตกแตํงลวดลายที่เป็นจุดเดํนเน๎น เร่ืองราวจากธรรมชาติ เชํน มา๎ สงิ โต ไกํ เป็นต๎น สํวนโอํงทรงเหลยี่ มจะแบํงพื้นที่โอํงและตกแตํงลวดลายคล๎าย กับโอํงทรงกลม แตํแตกตํางกันท่ีชํวงลําตัวโอํง เพราะทรงท่ีเป็นเหล่ียมแบํงพื้นที่เป็นชํองๆ แล๎วเขียนลวดลาย สํวนใหญํเป็นลายจากธรรมชาติเป็นรูปสัตว๑หรือดอกไม๎ โดยเขียนลวดลายสลับชํองแตํละชํองบนตัวโอํง ลวดลายนั้นอาจเหมือนกันหรือแตกตํางกันก็ได๎ จากน้ันเทน้ําเคลือบราดทั่วโอํงท้ังด๎านนอกและด๎านในแล๎ว นําไปเผา

๑๓ ลวดลายท่ีใช๎ประดับบนโอํงจีนนั้นมีหลายลวดลาย สํวนใหญํเป็นลวดลายที่มาจากธรรมชาติ และ ลวดลายสํวนใหญํไมํได๎เขียนมาเพ่ือความสวยงามเทําน้ัน แตํยังมีความหมายในเชิงสิริมงคลตามคติความเช่ือ ของชาวจีน ดังน้ันลวดลายท่ีปรากฏบนโอํงจีนจึงสะท๎อนความคิดและคํานิยมของคนจีนสมัยกํอนมาจนถึง ปจั จุบัน ความหมายของลวดลายนน้ั แบงํ ออกเปน็ สิงโต หมายถงึ ยศศักดิ์หรือเช่อื กนั วาํ เป็นสตั ว๑วิเศษ สามารถขจัดภูตผปี ศี าจได๎ กวางดาว หมายถึง โภคสมบัติจัดอยใํู นความหมายของคําวํา ฮก กวาง หมายถึง ความมอี ายุยนื ยาว นกส่ีเซี่ยะ หมายถึง การมีอายุยืนยาว โดยมีความเช่ือวําถ๎าใครได๎ยินเสียงนกสี่เซ่ียะในตอนเช๎าตรํูจะ ไดร๎ บั ขําวดี นกกระเรยี น หมายถึง นกประจาํ เทพแหงํ ความยง่ั ยืน แทนคาํ วาํ ซ่ิว ม๎า หมายถงึ ความรบี ดวํ น รวดเรว็ เมอ่ื ใชใ๎ นคําอวยพรหมายถงึ สุขภาพทส่ี มบูรณใ๑ นเร็ววัน ปลาหล่ีฮอ่ื หมายถึง ยศศักด์ิ มงั กร หมายถึง ผ๎ดู แู ลความปรารถนาแหํงเทพเจ๎าและพทิ กั ษท๑ รัพยส๑ มบัตแิ หํงเทพเจา๎ กระตําย หมายถึง ความมีอายยุ ืนยาว เสอื ดาว หมายถึง ความกลา๎ หาญ ปลา หมายถึง ความอุดมสมบูรณ๑ ต๎นสน หมายถงึ ความยง่ั ยนื อยูํในกลมุํ ความหมายของคาํ วาํ ซวิ่ ดอกบวั หมายถงึ ฤดูร๎อนและความอุดมสมบรู ณ๑ ดอกเหมย หมายถึง ฤดูหนาว ดอกโบต๋ัน หมายถึง ฤดใู บไมผ๎ ลิ ดอกเบญจมาศ หมายถงึ ฤดใู บไมร๎ วํ งและความยง่ั ยนื หรือความราํ เรงิ ดอกสยํุ เสียน หมายถงึ เซียนหรอื เทพ ตน๎ ไผํ หมายถงึ ความมีอายยุ นื ยาว นาํ้ เต๎า หมายถึง ความลึกลบั และเวทมนต๑และเปน็ สญั ลกั ษณ๑ของเซียน ดอกมะลิ หมายถึง เพศทสี่ วยงามและความออํ นหวาน ดอกบัว หมายถึง สัญลักษณแ๑ หงํ ฤดูรอ๎ นและความอุดมสมบูรณ๑ ไขํมุก หมายถึง สัญลักษณ๑แหํงความเฉลียวฉลาด มีปัญญา เน๎นถึงความงามและความบริสุทธิ์ของ หญิงสาว เปน็ ต๎น

๑๔ โองํ จนี ลายมงั กรและลายสัตว๑ ทม่ี า http://playgrizz.blogspot.com/๒๐๐๙/๐๖/blog-post_๒๔๒๐.html สบื คน๎ เมอ่ื วันท่ี ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๖.๓ โอ่งมังกรราชบุรี โอํงมังกรราชบุรี หมายถึงโอํงท่ีมีแหลํงผลิตในจังหวัดราชบุรี มีลักษณะเดํน คือ วัตถุดิบที่ใช๎ในการปั้น โอํงเป็นดินเหนียวท่ีมีแรํเหล็กอยูํมาก สีของเน้ือดินเป็นสีน้ําตาลแดงสลับจุดขาว เรียกดินมันปู คุณสมบัติของ เน้ือดินเหนียวละเอียด ไมํรํวนเหนียวเกาะกันได๎ดี เผาไฟด๎วยความร๎อนสูงได๎ ดินมันปูสามารถหาได๎บริเวณทํุง อรัญญิก ในเขตอําเภอเมืองราชบุรี กระบวนการผลิตโอํงมีกรรมวิธีและขั้นตอนในการผลิตด้ังเดิมแบบจีนที่ใช๎ แรงงานคนขึ้นรูปปน้ั โองํ ดว๎ ยมอื และการเขยี นลาย รปู ทรงของโอํงเป็นเอกลักษณ๑ของท๎องถ่ิน มีรูปทรงกระบอก ปากกลม ก๎นสอบเล็กน๎อย สูงประมาณ ๑๐๐ เซนติเมตร หรือเป็นทรงกระบอกแปดเหลี่ยม ปากกลม สอบเข๎าเล็กน๎อย สีของโอํงที่เผาเรียบร๎อยแล๎วจะมีพ้ืนสีนํ้าตาลและลวดลายเป็นสีเหลือง เกิดจากการใช๎ดิน เหนียวเป็นพนื้ และดินขาวสอี ํอนสําหรบั เขยี นลาย และมีการพัฒนาในเร่ืองสีผิวโอํงท่ีมีการใช๎สีทารองพ้ืนบนตัว โอํงกํอน แล๎วตกแตํงลายใช๎ ดินขาว เม่ือเผาออกมาแล๎วจะทําให๎โอํงมีพื้นผิวออกสีน้ําตาลเข๎มเกือบดํา ลวดลายเปน็ สีเหลอื งออํ น ลวดลายที่ใชม๎ าแตโํ บราณคือ ลายมังกร ซึ่งเสมือนเป็นสัญลักษณ๑ของจังหวัดราชบุรี การเขยี นลายใชด๎ นิ ตํางสีเขยี นเรียกดนิ ติดดอก มาเขียนลวดลายแบบเรียบและป้ันแปะลงบนตัวโอํง ลวดลายที่ เขยี นบนโอํงเม่ือเผาและเคลือบทําให๎เห็นลายชัดเจนเพราะสีอํอนกวําดินราชบุรี ประกอบกับลายนูนจึงชํวยให๎ เห็นลายชัดเจน ลักษณะเดํนอยํางสุดท๎ายของโอํงราชบุรีคือ น้ําเคลือบใช๎วิธีการทํานํ้าเคลือบแบบโบราณท่ีใช๎ ข้ีเถ๎าผสมเลน คนให๎เข๎ากัน กรองเอาแตํกากขี้เถ๎าออกให๎เหลือแตํน้ําข้ีเถ๎า แล๎วผสมกับเลนให๎ข๎นพอดีที่ใช๎ เคลือบ น้ําเคลือบชนิดน้ีใสไมํมีสี ถ๎าต๎องการให๎มีสีต๎องผสมสีลงไป แบบโบราณใช๎สนิมเหล็กปุนผสมน้ําเคลือบ จะไดน๎ า้ํ เคลือบสีเหลอื งอมแดงซึง่ มักใชก๎ ับโองํ ลายมังกร ๖.๓.๑ รูปทรงโอํงมังกร ๑) รูปทรงโองํ มังกรทีเ่ ปน็ เอกลักษณ๑ของจังหวดั ราชบุรี คอื รปู ทรงโอํงท่มี ลี ักษณะขอบปากหนา ปากกวา๎ ง บาํ โอํงเรยี วสอบลงมายังสวํ นขาใหม๎ ีความสมดุลกัน สวํ นกลางลาํ ตัวปุองออก สํวนกน๎ เว๎านูน ผิวด๎าน นอกมลี วดลายมังกรหรือลายอ่นื ๆ ดา๎ นในเรยี บเกลยี้ งเสมอกนั เคลอื บขเี้ ถ๎าใหผ๎ ิวมันท้งั สองดา๎ น เรียกงาํ ย ๆ วํา “โอํงเคลือบขเ้ี ถา๎ ลายมังกร” นยิ มผลติ กนั มานานกวํา ๘๐ ปจี นถงึ ปจั จบุ ัน ที่มาของรูปทรงโองํ เป็นรูปทรง

๑๕ เลียนแบบรปู ทรงโอํงเคลือบลายมังกรของจนี ทมี่ ลี กั ษณะขอบปากเล็ก ปากแคบ ทรงกระบอกสูงเพรียว บําโอํง ปอุ งออก ลาํ ตัวเรยี วสอบมายังสํวนก๎นตดั เรียบ รูปทรงโอํงมสี ํวนประกอบอยํู ๓ สํวน คอื ๑. สํวนปากหรอื ตุ๏น คือ สํวนบนสดุ ของโอํง มีขอบปากหนา ปากกว๎าง บาํ หรือไหลลํ าดโคง๎ เรยี วลง มายังลําตัว ๒. สวํ นตวั หรือจ๏อโองํ คือ สวํ นอยูรํ ะหวํางปากและขา ซ่งึ สํวนกลางลําตวั ปุองออกแล๎ว คํอยๆ เรียวลง มายังขาโอํง ความกว๎างของตัวโอํง มขี นาดกวา๎ งกวําปาก ๓. สํวนขาโอํง คือ สวํ นท่ีตํอจากลําตวั เรยี วสอบ กน๎ เวา๎ นนู ปัจจุบันรูปทรงโอํงเปล่ียนไป เกิดจากปัจจัยสําคัญ คือ กระบวนการผลิตโดยเฉพาะอยํางย่ิงขั้นตอน การเผา เพราะหากข้ึนรูปแบบโอํงจีน ทรงสูงเพรียว บําปุองออก ขอบปากเล็ก เม่ือยกซ๎อนกันในเตามังกร นํา้ หนักโอํงทอ่ี ยูดํ า๎ นบนจะกดทับปากโอํงด๎านลําง ทําให๎บําโอํงยุบตัว เสียรูปทรงแตกเสียหายและ ปากโอํงบิด เบ้ียวได๎งําย ดังน้ันจึงต๎องดัดแปลงรูปทรงให๎ขอบปากหนา บําลาดเอียง ลําตัว ปุองกลางเรียวโค๎ง ก๎นสอบ จะ ทําให๎น้ําหนักและแรงกดจะได๎ไมํพํุงลงสํูก๎นโอํงมากนัก เหมือนรูปทรงกระบอก ความปุองโค๎งของผนังจะชํวย เฉลี่ยน้ําหนักไปโดยรอบตัวโอํง จะทําให๎แรงกด และแรงดึงของรูปทรงอยํูตัว เกิดความสมดุลทําให๎คงรูปอยูํได๎ ท้ังนี้มีผลตํอการลดต๎นทุนการผลิตและแก๎ปัญหาความเสียหายจากการเผา และอีกประการหนึ่ง คือ การผลิต รปู ทรงแบบนที้ ําใหส๎ ะดวกตอํ การข้นึ รปู การตที รงโอํง และสามารถผลิตโอํงได๎อยํางรวดเร็วยิ่งข้ึน รูปทรงโอํงท่ี เป็นเอกลักษณ๑จังหวัดราชบุรี ยังเป็นที่นิยมผลิตอยูํเกือบทุกโรงงาน และยังคงมีลวดลายที่นิยมเขียน คือ ลาย มังกรเรยี บและลายมังกรนนู จึงทําใหเ๎ ปน็ ท่ีร๎ูจกั ของคนทั่วไปและเรียกติดปากวํา “โอํงลายมังกร” ๒) รูปทรงโอํงแบบประยุกต๑คือ โอํงท่ีมีการออกแบบรูปทรงโอํงข้ึนมาใหมํหรือดัดแปลงรูปทรง โอํงมาจากแหลํงผลิตอื่นให๎มีความแตกตํางไปจากรูปทรงโอํงท่ีเป็นเอกลักษณ๑ของราชบุรี ซึ่งอาจกลําวได๎วํา เป็นรูปทรงท่ีมีการพัฒนาเปล่ียนแปลงไปจากรูปทรงแบบดั้งเดิม ซึ่งเกิดจากผู๎ประกอบการที่ต๎องการ ปรับเปลี่ยนรูปทรง และลวดลายโอํงให๎ทันสมัยในยุคปัจจุบัน เป็นท่ีนําสนใจแกํผู๎บริโภคตามความต๎องการของ ตลาดหรอื ผลติ ตามคําส่ังของลูกค๎า รูปทรงโอํงแบบประยุกต๑มีท่ีมาหรือแนวคิดในการออกแบบจากการไปศึกษาดูงานตามแหลํง ผลิตเครื่องปั้นดินเผาอ่ืน ๆ ของไทยและตํางประเทศ เชํน แหลํงดินเผาเกาะเกร็ด แหลํงดินเผาสุโขทัย แหลํง ดนิ เผาจนี แหลงํ ดนิ เผาพมาํ เป็นต๎น แล๎วถํายภาพหรือเขียนภาพรูปทรงโอํงของแหลํงผลิตนั้น นํามาให๎ชํางปั้น และชาํ งตีเลียนแบบรปู ทรงโองํ จากแหลงํ ผลิตนน้ั ๆ ก็จะเรียกชอ่ื ทรงโอํงตามแหลํงผลติ วํา ทรงมอญ ทรงสุโขทัย ทรงจีน ทรงพมํา เป็นต๎น หรือจากการศึกษาดูตํารา หนังสือ เอกสารที่เกี่ยวกับ เคร่ืองป้ันดินเผาของไทยและ ตํางประเทศ แล๎วนํามาออกแบบดัดแปลงรูปทรงข้ึนมาใหมํ นอกจากน้ี รูปทรงโอํงแบบประยุกต๑ยังได๎รูปแบบ มาจากการออกแบบของลูกค๎าท่ีเป็นชาวไทยและชาวตํางประเทศ ที่นํารูปแบบมาให๎โรงงานผลิตตามความ ต๎องการ อยํางไรก็ตามการเรียกชื่อโอํงแตํละแบบนั้นเป็นการกําหนดโดยรวม ๆ โดยพิจารณาจาก ลักษณะเดํน ของรูปทรงและแหลํงท่ีมา แตํทั้งนี้ในบางครั้งชํางหรือผู๎ประกอบการยังมีการเรียกช่ือ ทรงโอํงให๎มีความ สอดคล๎องกับลักษณะรูปทรงให๎แตกตํางกันออกไป เชํน ลักษณะทรงกระบอกสูงเพรียว คอยกสูง ปากบาน คล๎ายแจกัน เรียกวํา ทรงแจกัน หรือรูปทรงกระบอก ขอบปากหนา ปากแคบ รูปทรงสูงคล๎ายไห เรียกวํา ทรงไห หรอื รปู ทรงเหลีย่ ม ๖ เหลย่ี มหรือ ๘ เหลี่ยม เรียกวํา ทรงเหลี่ยม เป็นต๎น หรือถ๎าทําเป็นรูปสัตว๑หรือรูป ผลไม๎หรอื ทาํ ลวดลายเกลยี วนนู กอ็ าจเรียกชื่อเฉพาะเจาะจงได๎ เชนํ โองํ ทรงมะยม โอํงทรงกลอง โอํงลายเกลียว เปน็ ต๎น

๑๖ เม่ือรูปทรงของโอํงได๎มีการพัฒนาเปลี่ยนไปการตกแตํงลวดลายบนโอํงน้ันก็ ยํอมเปล่ียนแปลงตามไป ดว๎ ยเชํนกนั เปน็ ลวดลายแบบสมยั ใหมํ เชํน ลายเรขาคณติ ลายเสน๎ นนู ลายขูดขีด ลายฉลุ เป็นต๎น ทั้งนี้เพื่อให๎ ลวดลายนั้นเหมาะสมกับรูปทรงของโอํง นอกจากนี้ยังมี การปรับปรุงสีของน้ําเคลือบ ซ่ึงแตกตํางไปจากการ เคลือบขี้เถ๎าเป็นนา้ํ เคลอื บสแี บบหลายสหี รือ แบบสเี ดียว รูปทรงและลวดลายโอํงที่ได๎รบั การออกแบบข้ึนใหมํนี้ จะมีโรงงานโองํ บางแหงํ เทาํ น้นั ที่ผลิต แลว๎ ประสบความสาํ เร็จ แตํโรงงานโอํงสํวนใหญํก็ยังคงผลิตโอํงลายมังกร ท่ีเป็นเอกลกั ษณข๑ องจงั หวัดราชบุรีอยํู ๖.๓.๒ ลวดลายโอํงมงั กร ลวดลายทตี่ กแตํงบนรปู ทรงโอํงมหี ลายรปู แบบ เชํน ลายมังกร ลายชา๎ ง ลายกวาง ลายดอกบัว ซึ่งเป็น การเรียกช่ือลายตามลักษณะรูปแบบที่ปรากฎ นอกจากน้ียังมี ลายเรียบ ลายนูน ลายขูด ลายกด ลายพิมพ๑ เป็นการเรียกช่ือลายตามวธิ กี ารทํา จงึ ขอนาํ เสนอประเภทของลวดลายได๎ ๒ รูปแบบ คือ จําแนกตามวิธีการทํา และจําแนกตามลักษณะรปู แบบท่ีปรากฏ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ลวดลายตามวิธีการทาํ มี ๕ ลาย ได๎แกํ ๑. ลายกดประทับ คือ ลวดลายท่ีเกิดจากการแกะสลักลวดลายตํางๆ บนไม๎เนื้อแข็ง เรียกวํา ไม๎ตีลาย มีหลายลาย เชํน ลายกระหนก ลายประจํายาม ลายดอกไม๎ ลายสัตว๑ เป็นต๎น แล๎วนําไปกดประทับบนบําโอํง ในขณะท่ีดินหมาดๆ จะได๎ลวดลายท่ีต๎องการ เป็นวิธีการ สร๎างลวดลายในระยะแรกของการตกแตํงลวดลาย โอํง ปจั จบุ นั ไมนํ ิยมทาํ ๒. ลายขูดขีด คือ ลวดลายท่ีเกิดจากการใช๎เครื่องมือแกะสลัก หรือวัสดุปลายแหลมขูดขีด บนผิวโอํง เป็นลายเส๎นคํู ลายเส๎นตรง ลายดอกไม๎ ลายไทย เปน็ ตน๎ ๓. ลายเรียบ คือ ลวดลายที่เกิดจากการใช๎นิ้วมือวาดเป็นลวดลายลงบนตัวโอํง เรียกวํา ลายเรียบท่ี นิยมวาดลาย ไดแ๎ กํ ลายมังกรเรยี บ ลายพนั ธไุ๑ ม๎ ลายชอํ งกระจก ลายชํองกระจกใสรํ ูปพันธ๑ไุ ม๎ เป็นต๎น ๔. ลายพิมพ๑ คือ ลวดลายท่ีเกิดจากการใช๎แมํพิมพ๑พลาสติกแกะฉลุเป็นลวดลาย เชํน ลายมังกร ลาย ไทยประยกุ ต๑ ลายพันธุไ๑ ม๎ ลายชํองกระจกทีใ่ สภํ าพท่ีมเี ร่อื งราวและลายประแจจนี เปน็ ตน๎ ๕. ลายนนู คือ ลวดลายทีเ่ กิดจากการปั้นดินให๎เป็นลวดลายเรียกลายนูน ลายที่นิยม ได๎แกํ ลายมังกร ลายดอกบัว ลายชํองกระจกใสํภาพสัตว๑ ลายเส๎นและลายตามสมัยนิยม เป็นต๎น ลักษณะลายมีความนูนข้ึนมา จากพน้ื ผวิ โองํ เป็นแบบนูนตา่ํ แบบนูนสงู หรอื แบบลอยตัวเป็นวิธีการทนี่ ิยมตกแตํงโองํ ในปจั จุบนั ลวดลายตามลกั ษณะรปู แบบ ลวดลายตามลกั ษณะรปู แบบที่ปรากฏบนโอํง มี ๖ ลาย ไดแ๎ กํ ๑. ลายมงั กร ๒. ลายพันธพ๑ ฤกษา ได๎แกํ ลายดอกไม๎แบบเดีย่ ว ลายดอกไม๎แบบตอํ เนอ่ื ง ลายกลบี บัว ๓. ลายศลิ ปะจีน ๔. ลายศิลปะไทย ๕. ลายชอํ งส่ีเหล่ียมหรือลายกรอบ ได๎แกํ ลายชํองส่ีเหลี่ยมใสํรูปสัตว๑ ลายชํองส่ีเหล่ียมใสํรูปพันธุ๑ไม๎ ลายชํองสี่เหล่ียมใสํภาพเร่ืองราว ๖. ลายเบ็ดเตล็ด ไดแ๎ กํ ลายเรขาคณิต ลายสมยั นยิ ม ความหมายลวดลายโองํ มังกรราชบรุ ี ลายมังกร นับวําเป็นลายสัญลักษณ๑ของท๎องถิ่นและเป็นลายที่เป็นมงคล มีความหมายถึง “เทพเจ๎า” ตามคติความเช่ือของชาวจีนและเป็นลายท่ชี าํ งเขยี นลายถํายทอดและเลยี นแบบกนั มาตัง้ แตํอดตี จนถึงปัจจุบัน

๑๗ ลายมังกรหรือเล๎งเป็นสัตว๑ในอุดมคติของจีนประกอบด๎วยสัตว๑เก๎าชนิด คือ หัวคล๎ายอูฐ มีไขํมุกลอย ด๎านหน๎า หนวดเครายาว ลิ้นแหลมเหมอื นดาบ มีลมหายใจลักษณะคล๎ายก๎อนเมฆและลมหายใจ สามารถเปลี่ยนเป็นน้ํา หรือไฟได๎ เสยี งคลา๎ ยกับเสยี งตีฆอ๎ ง มเี ขาเหมอื นกวาง ดวงตาเหมือนตาของกระตํายปุา หูเหมือนหูกวาง ลําคอ ยาวเหมือนงู ชํวงท๎องเหมือนกบ มีเกล็ดเหมือนปลา ขาและกรงเล็บเหมือนนกเหย่ียว และมีฝุาเท๎าเหมือนกับ เสือ มังกรตามคติความเช่ือของชาวจีนมีความหมายที่แตกตํางกัน เชํน เป็น สัญลักษณ๑ของจักรพรรดิทรง ประทับบนบรรลังก๑มังกร และทรงฉลองพระองค๑ทรงปักลายมังกรตามปรัชญาชาวจีน คือ สัญลักษณ๑ของมหา บรุ ษุ ตามตาํ ราเฟงิ สุยํ (ฮวงจุ๎ย) หรือภูมิสถานทองคํา พยากรณ๑การสร๎างบ๎านเรือนสร๎างสุสาน มีความเช่ือวําจะ มีผลกระทบกระเทือนโชคชะตาแกํลูกหลานรํุนหลัง ถ๎าไมํถูกทิศทางที่อยํูของมังกรหรือเรียกวํา “วิถีมังกร” อยํางไรกต็ ามมังกรทเ่ี ปน็ สญั ลักษณ๑ของจักรพรรดิมี ๕ เล็บ ใช๎ได๎กับพระจักรพรรดิและราชวงศ๑ช้ันที่ ๑ และ ๒ มังกร ๔ เล็บ ใช๎กับเจ๎านายชั้นที่ ๓ และ ๔ สํวนเจ๎านายช้ันท่ี ๕ และขุนนางชั้นผู๎ใหญํให๎ใช๎เป็นรูปสัตว๑คล๎ายงู มเี ลบ็ ๓ เล็บเทาํ นั้น ตามความเชื่อของจนี แบํงมงั กรออกเปน็ ๓ ชนิด คอื ๑. หลง เป็นพวกทมี่ อี ํานาจมากที่สุดอยบูํ นฟูา ๒. หลี เป็นพวกไมมํ เี ขา ชอบอยใูํ นมหาสมุทร ๓. เจียว เปน็ พวกมเี กล็ด อยตูํ ามแมนํ าํ้ ลาํ คลองหรือถ้ํา นอกจากนี้จนี ยังจดั ใหม๎ ังกรมรี ะดบั และหนา๎ ทแี่ ตกตํางกนั ไปคอื ๑. มังกรฟาู หรอื มงั กรสวรรค๑ (เทยี่ นหลง) เปน็ มังกรช้นั สูง มีหน๎าท่ีคม๎ุ ครองดูแลสวรรค๑ ๒. มงั กรเทพเจ๎าหรอื มงั กรจติ วญิ ญาณ (เซนิ หลง) มหี น๎าทีท่ ําใหเ๎ กิดลมฝน แกํมวลมนษุ ย๑ ๓. มงั กรพิภพ (ตีห้ ลง) มีหน๎าที่กาํ หนดเสน๎ ทางดูแลแมนํ ้ํา ลาํ ธาร ห๎วยหนองคลองบงึ ๔. มังกรเฝูาทรัพย๑ (ฝู ซาง หลง) มีหนา๎ ทเ่ี ฝาู ขุมทรพั ยข๑ องแผนํ ดนิ มังกรมหี ลายชนดิ คือ มังกรทะยานฟาู เรยี กวํา เท๎งเล๎ง มงั กรบินมงั กรมปี ีก เรียกวํา เอ๎งเล๎ง มังกรลาย กนกเรียว เรียกวํา มั้งเล๎ง มังกรด้ันเมฆ เรียกวํา อุ๎งเล๎ง มังกรโชว๑หน๎า เรียกวํา เจียเล๎ง มังกรลายเส๎น เรียกวํา พวั เล๎งและมังกรในวงกลม เรียกวํา ทํวงเล๎ง ในบรรดามังกรทั้งหมดท่ีย่ิงใหญํที่สุดคือ ก๎ุยเล๎ง เป็นเจ๎าแหํงมังกร ถอื ศีลอดและไมลํ งกินน้ําสกปรกหรือด่มื กนิ นํ้าสกปรก มคี วามหมายถึง ความสงํางาม นอกจากน้ันมังกรยังมีลูก อกี เกา๎ ตวั เรยี กวาํ เล๎งแซเก๎าอือ้ คติความเชื่อเกี่ยวกับมังกรของจีนได๎ปรากฏอยํูในงานการผลิตโอํงของจีน เชํน โอํงลายมังกรด้ันเมฆ ซึ่งมีความหมายถึง สัญลักษณ๑แหํงการเกิดฝนเป็นรูปมังกร ๒ ตัว ลอยตัวอยูํบนก๎อนเมฆกําลังเลํนกับมุกไฟ มังกรมีลักษณะลําตัวเรียวเล็กคล๎ายลําตัวงู ชํวงตัวแอํน ไปข๎างหน๎า ขาหน๎าเหยียดตรงไปข๎างหน๎ามี ๕ เล็บ ขาหลงั ไมมํ ีเลบ็ ไมํมีครีบ หางเรยี วเล็กคล๎ายหางงู หนา๎ ตาของมงั กรไมํเน๎นใหเ๎ ดนํ ชัด ขอ้ แตกตา่ งลายมงั กรราชบรุ แี ละลายมังกรจีน ลายมงั กรได๎เลียนแบบมาจากลายมังกรจีนท่ีปรากฏบนโอํงลายมังกรราชบุรี เกิดข้ึนเมื่อประมาณ ๕๐ กวําปีมาแล๎ว เม่ือมีชํางชาวราชบุรีได๎เรียนรู๎วิธีการเขียนลาย และเลียนแบบลายมังกร มาจากชํางชาวจีนท่ีเข๎า มาเปน็ ชํางเขียนลายในสมัยแรก ๆ ที่เริ่มมีการผลิตโอํง ลายมังกรน้ีนับวําเป็นลายเกําแกํด้ังเดิมที่ชํางเขียนลาย ทุกคนต๎องฝกึ ฝนเขยี นให๎ได๎ แล๎วจงึ จะเขียนลายอื่น ๆ ไดเ๎ รียกวํา เป็น “ลายขึ้นครู” ลายมังกรมีตัวเดียวแตํชําง เขียนลายมังกรให๎มีหลายลีลาทําทาง เชํน มังกรลอยตัวขึ้นข๎างบนปลายหางช้ีหันหน๎าด๎านซ๎าย และเป็น ลวดลายที่โรงงานเกือบทุกแหํงยังคงเขียนลายตกแตํงไว๎บนโอํงและผลิตภัณฑ๑อื่น ๆ ลายมังกรทั่วไปมี ๔ เล็บ มีบางโรงงานท่ีเขียนลายมังกร ๕ เล็บ การเขียนลายมังกร ๕ เล็บ เป็นลายที่ส่ังทําเป็นพิเศษไมํเหมือนคนอื่น

๑๘ เพื่อให๎เป็นเอกลักษณ๑เดํนของโรงงาน และบางโรงงานไมํทํามังกร ๕ เล็บน้ัน อาจเป็นเพราะวําชํางนับถือมังกร วําเป็นของสูง หรือเปน็ เพราะไดร๎ ับการฝกึ หดั มาจากชาํ งเขียนลายรนุํ กํอน ๆ จงึ ไมํถนดั ท่จี ะเขียนกเ็ ปน็ ได๎ ลวดลายมังกรราชบรุ ีนนั้ มีความคล๎ายคลึงกับลวดลายมังกรจีน ในลักษณะรูปแบบแตํมีความแตกตําง กันในรายละเอียดและวิธีการทํา ซึ่งลวดลายมังกรของจีนแฝงไปด๎วย ความหมายหรือคติความเช่ือของชาวจีน ในขณะทล่ี วดลายมังกรราชบุรีเหมือนกับต๎นแบบเชํนน้ี มิได๎หมายความวําชํางเขียนลายและผู๎ประกอบการ ได๎ ทราบความหมายหรือรับคติความเชื่อเหลํานั้นมา เป็นเพียงคําบอกเลําท่ีสืบทอดตํอกันมา ทําให๎แนวคิดเกี่ยว ลายมังกรแตกตํางกันไป จากการสัมภาษณ๑ผู๎ประกอบการและชํางเขียนลายเกี่ยวกับความหมายของลายมังกร พบวํา สํวนใหญํจะเห็นวําลวดลายมังกร หมายถึง สัตว๑ในจินตนาการของชาวจีนที่คนจีนถือวําเป็นสัตว๑ที่ เก่ียวข๎องกับกษัตริย๑และเป็นสัตว๑ท่ีมีความหมายเป็นมงคลคล๎ายกับลายพญานาคท่ีเป็นสัตว๑มงคลของไทย ตามความเช่ือทางพทุ ธศาสนา เปน็ คาํ นิยมของลวดลายท่ีสืบทอดกันมา มีเพียงสํวนน๎อยที่เห็นวํามังกรเป็นสัตว๑ นําโชค และมีการกราบไหว๎มังกรเพราะเหน็ วาํ ลายมงั กรเป็นต๎นแบบท่ีดีของโรงงานและเป็นลายสัญลักษณ๑ของ จังหวัดราชบุรี ลายมงั กรราชบรุ ีมหี ลายแบบโดยสํวนใหญํเปน็ ลายมงั กรกับมกุ ไฟ ซ่งึ แตลํ ะแบบมลี ักษณะดังนี้ ๑. ลายมังกรตัวเดียว ลกั ษณะของมังกรมตี ัวเดยี วโดด ๆ ลําตัวพันรอบตัวโองํ มีมุกไฟและกอ๎ นเมฆ ๒. ลายมังกรสองตัว ลักษณะของมังกรสองตัวหันหน๎าเข๎าหากันกําลังเลํนมุกไฟ และก๎อนเมฆ หรือ มงั กรหันหน๎าตรง และอีกตัวหันหน๎าดา๎ นขา๎ ง ตรงกลางมมี ุกไฟ และก๎อนเมฆ ๓. ลายมังกรส่ีตัว ตกแตํงบนบําโอํง ๒ ตัว ลําตัวโอํง ๒ ตัว ลักษณะของมังกร ลอยตัวอยํูทํามกลาง ก๎อนเมฆ กาํ ลังเลนํ มุกไฟ ๔. ลายมังกรหลายตวั ลักษณะมังกรลอยตัวมีลีลา และขนาดแตกตํางกัน กระจายรอบตัวโอํง หน๎าตา ของมงั กรแตกตํางกันไปตามจินตนาการของชําง ๕. ลายมังกรกับหงส๑ ลักษณะของมังกรกับหงส๑ลอยตัวอยูํกลางก๎อนเมฆ มังกรกําลังแสดงลีลาทําทาง หยอกล๎อกับหงส๑และมีมุกไฟอยูํตรงกลาง ลายมังกรกับหงส๑เป็นลายท่ีต๎องสั่งทําเป็นพิเศษ เพราะหงส๑ป้ันยาก และไมํนยิ ม วิธีการเขียนลายมังกร แบํงตามวิธีการเขียนลายได๎ ๒ ประเภท คือ ลายมังกรเรียบและ ลายมังกรนูน มีรายละเอยี ดดังน้ี ๑. ลายมังกรเรียบ คือ ลายมังกรท่ีเกิดจากวิธีการวาดด๎วยน้ิวมือหรือเขียนด๎วยน้ิวมือ ใช๎ดินสีขาวนวล รูดเปน็ เสน๎ ยาว ใชน๎ ว้ิ หัวแมํมือปาดดนิ วาดลายมังกรบนตวั โองํ แล๎วใช๎แผํนสังกะสีสับเกล็ดมังกร ใช๎ปลายหวีขูด ขีดหน๎าตามังกรให๎ชัดเจน ลายมังกรคล๎ายกับลายมังกรจีนมีลําตัวยาว ตัวแอํนไปข๎างหน๎า หน๎าตาของมังกร ชัดเจน มีเส๎นครีบ ของลําตัว ตํอมาชํางได๎ดัดแปลงลายมังกรตามจินตนาการให๎มังกรมีความแตกตํางกัน ออกไปมังกรมีลําตัวขนาดใหญํหนา ขาหน๎างอ หน๎าตามังกรมีความชัดเจน ขาหน๎าและขาหลังมี ๔ เล็บ หางเรียวมีเส๎นครีบชัดเจน และได๎เปล่ียนแปลงจากลายมังกร ๔ ตัวมาเป็นลายมังกร ๒ ตัว หรือลายมังกรตัว เดียวท่ีมีการเขียนรูปมังกรอยํางครําว ๆ ตัดทอนรายละเอียดของมังกรจนมองดูไมํใชํมังกร ขาดความประณีต และความงดงาม ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะวําชํางติดลายจะต๎องเรํงรีบเขียนลายอยํางรวดเร็ว ให๎ทันตํอชํางตีท่ีต๎อง ชํวยกันยกโอํงขึ้นลงจากแปูน และการเขียนลายคิดคําแรงเป็นรายชิ้น ย่ิงทํามากก็ได๎คําตอบแทนมากเชํนกัน ดงั นั้นความพถิ ีพิถันจงึ ลดลง

๑๙ โองํ ลายมังกรลายเรียบ ที่มา http://playgrizz.blogspot.com/๒๐๐๙/๐๖/blog-post_๒๔๒๐.html https://sites.google.com/site/aongratchaburi๐๑/xeksar-prakxb-kar-reiyn สบื คน๎ เมอ่ื วนั ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ลายมังกรเรียบราชบุรีท่ีเลียนแบบมาจากลายมังกรเรียบจีนนั้นมี ความแตกตํางกันในรายละเอียดที่ เกดิ จากการดัดแปลงของชํางเขียนลาย ลายมังกรจีน มีลําตัวขนาดเล็กเรียวคล๎ายกับลําตัวงู ชํวงตัวสั้น แอํนไป ขา๎ งหนา๎ มีเกล็ดอยํางชัดเจน หางยืดออกไปยาวไมํเป็นพวง ลักษณะคล๎ายกับกําลังเลื้อย ก๎อนเมฆยาว มีมุกไฟ เปน็ รูปวงกลม เปลวเพลงิ เป็นเสน๎ สวํ นลายมงั กรราชบรุ จี ะมีการตกแตงํ รายละเอยี ดมากกวํา คือ ลําตัวมีขนาด ใหญํหนาและขดลําตัวงอท้ังชํวงด๎านหน๎าและหางคล๎าย ตัวอักษร W ลีลาทําทางเหมือนจะพุํงไปข๎างหน๎า มีครีบเป็นเส๎น มีเกล็ดอยํางชัดเจน ขายาวเหมือน ขาไกํ หางเป็นพวงพลิ้วคล๎ายหางปลา หน๎าตาแสดงความ ดุดนั มชี วี ิตชวี าก๎อนเมฆลักษณะกลมปูอม มเี ปลวเพลิงกระจายท่ัวทั้งภาพ จะเห็นได๎วําลายมังกรราชบุรี แสดง หน๎าตาของมังกรท่ีชัดเจนตามจินตนาการ คือ หัวเหมือนอูฐ เขาเหมือนกวาง ตาเหมือนตากระตําย หูเหมือน กวาง เกล็ดเหมือนปลา ขาและกรงเล็บเหมือนเหยี่ยว และฝุาเท๎าเหมือนเสือ และถึงแม๎วําชํางเขียนลายได๎ เลียนแบบมาแตํกไ็ ดด๎ ดั แปลงลกั ษณะหน๎าตา ลีลาทําทางให๎แตกตํางไปจากเดิม และแสดงเทคนิค วิธีการเขียน ลายมากกวําลายมงั กรของจนี สวํ นลายมงั กรที่เกิดจากวิธีการพิมพ๑ลายจะใช๎แมํพิมพ๑พลาสติกแกะฉลุลายมังกร วางทาบบนตัวโอํงใช๎ดินขาวลบู ให๎ท่วั แล๎วยกแมํพิมพอ๑ อก ๒. ลายมังกรนูน เป็นการป้ันขึ้นรูปมังกรให๎มีความนูนข้ึนมาจากพ้ืนเป็นนูนต่ําหรือนูนสูงแล๎วใช๎ ดนิ ติดดอกสีขาวนวลพอกทบั แตงํ ลวดลายอีกครั้ง ปจั จบุ ันลายมงั กรนนู ไดม๎ กี ารเปล่ียนแปลงจากการตกแตํงโอํง มาตกแตํงผลิตภัณฑ๑อื่น ๆ เชํน ลายมังกรนูนเกาะบนแจกัน สํวนหัวอยูํบริเวณบําแจกัน สํวนขาและหาง อยูํบริเวณฐานของแจกัน หน๎าตาของมังกรมีความเหมือนจริง หรือลายมังกรนูนสูงตัวเกาะบนแจกัน สํวนหัว พาดปากแจกัน สํวนแนวโน๎มลวดลายมังกรในอนาคตนั้นลวดลายมังกรเรียบไมํแตกตํางไปจากเดิมเทําใดนัก แตํท่เี ปล่ียนแปลงคอื ลายมงั กรนนู ทจ่ี ะเปลย่ี นรปู ทรงของมังกรใหม๎ ลี ลี าแปลกออกไปหรือนํามังกรไปตกแตํงกับ ลายอืน่ ๆ ลวดลายท่เี ปลีย่ นไปนข้ี ึ้นอยูํกบั จินตนาการของชาํ ง และวิธีการทําที่ต๎องการแสดงลวดลายให๎มีความ เหมอื นจรงิ มากยิง่ ขึน้ และในอนาคตหากขาดแคลนชํางฝีมือคงต๎องปรับเปลี่ยนวิธีการสร๎างลาย โดยการอัดรูป ลายมงั กรจากแมพํ ิมพแ๑ ตคํ งใช๎กับผลิตภณั ฑ๑ท่มี ีขนาดเล็ก

๒๐ โองํ ลายมงั กรนนู ทมี่ า http://playgrizz.blogspot.com/๒๐๐๙/๐๖/blog-post_๒๔๒๐.html สืบค๎นเมือ่ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ๖.๓.๓ เครอื่ งมอื และอปุ กรณท๑ ่ใี ชท๎ ําโองํ มังกร เครอ่ื งมอื และอุปกรณ๑ที่ใช๎ในการทาํ โอํงมงั กรนนั้ มีหลายแบบและมวี ิธีใชท๎ ี่แตกตํางกนั ดงั นี้ ๑. เครือ่ งโมํดนิ เปน็ เคร่ืองท่ใี ชน๎ วดดนิ แล๎วรีดดนิ ออกมาเป็นแทํงใช๎ปั้นขึ้นรูป ในอดีตใช๎วิธีการเหยียบ ย่าํ กบั พนื้ แล๎วใช๎แรงงานชํางป้ันนวดดิน ๒. แปูนหมุน เป็นแทํนปั้นใช๎สําหรับข้ึนรูปโอํง ชํางปั้นแตํละคนจะมีแปูนหมุนประจําของแตํละคน ในอดีตแปูนหมุนจะทําจากไม๎ และใช๎แรงงานชํางป้ันถีบหมุนข้ึนรูปโอํง สํวนแปูนหมุนใหมํที่ชํางปัจจุบันใช๎จะ เปน็ แปูนเหล็กหมนุ ด๎วยมอเตอร๑ไฟฟาู ๓. แปูนหมุนไม๎ เป็นแปนู หมุนที่ใชว๎ างโองํ สําหรับเขียนลายในอดีต และปจั จุบันยังคงใช๎อยํู ๔. ไม๎แทํงส่ีเหลี่ยม ขนาดตําง ๆ กัน ใช๎เพ่ือประคองข้ึนรูปโอํง แตํงรูปทรงโอํง และทําให๎ผิวเรียบ ขณะท่ีกําลังปั้น ๕. ลวดเส๎นบาง ใชส๎ าํ หรบั ตัดขาโอํงออกจากแทํนปนั้ ๖. ไม๎กระดาน ไวส๎ ําหรบั เปน็ พ้นื รอง เม่อื ต๎องการวางดนิ เหนยี ว ๗. ไมต๎ า๏ เป็นไมแ๎ ผนํ บางๆ ขนาดพอเหมาะมอื ผิวเรยี บ ใช๎ขดุ แตํงผวิ โองํ ให๎เรียบ ๘. เหล็กเส๎นวงกลม ใช๎วัดขนาดความกว๎างของขาโอํง เมื่อชํางปั้นข้ึนรูปขาโอํงได๎ ระดับท่ีต๎องการ จะต๎องใช๎เหลก็ วงกลมวัดความกว๎าง เพือ่ วดั ขนาดของโองํ และประคองโองํ ไมใํ หเ๎ สียรปู ทรง ๙. ภาชนะสาํ หรับใสนํ ํา้ ใช๎กระป๋องนํา้ พลาสติก หรือวัสดุอ่ืนก็ได๎ใสํนํ้าเพ่ือให๎ชํางใช๎ล๎างเครื่องมือ และ ชุบผ๎าตลอดจนการใช๎งาน เม่ือต๎องการให๎ผิวดินโอํงหมาดหรือไมํต๎องการให๎ เคร่ืองมือป่ันแห๎งจนดินติดมากับ เคร่ืองมอื ขณะที่มีรปู ทรงโอํง ๑๐. ไม๎ตโี องํ เป็นแทํงไม๎แผนํ แบน มดี ๎ามจับใช๎ตีผิวด๎านนอกโอํง เพื่อชํวยให๎เนื้อดินนั้น ขยายออกเป็น รปู ทรงและเนื้อดนิ แนํนในขณะเดียวกัน

๒๑ ๑๑. ฮุยหลุบ คล๎ายกับลูกประคบทําจากไม๎ หรือดินเผาเป็นลูกกลมมนมีที่จับอยูํตรงกลางใช๎สําหรับ รองรบั นา้ํ หนกั ดา๎ นในผิวโองํ เวลาตโี องํ จะใชค๎ ํูกับไม๎ตี ๑๒. เชอื กมนิลา ใช๎สาํ หรับยกโอํงที่ป้ันเสรจ็ แล๎วไปผึ่งใหแ๎ หง๎ ๑๓. พลาสติกคลมุ ดิน โอํงทข่ี น้ึ รปู เสรจ็ แลว๎ จะต๎องใช๎พลาสติกคลุมดินเอาไว๎กันความชื้น ไมํให๎ดินแห๎ง เร็วเกินไป ๑๔. แชแปู เปน็ แทํงดนิ เผาหรอื แทงํ ไมส๎ ําหรบั ประคองขึน้ รูปโอํง และทาํ ใหผ๎ ิวโองํ เรยี บ ๑๕. ลวดโถวํ เก็งเปน็ เหลก็ รูปตวั ยู ผกู ด๎วยลวดใช๎สาํ หรบั การตดั ดนิ ๑๖. โคว เป็นหํวงกลม ใช๎สําหรับประคองรูปทรงขณะยกโอํงที่พ่ึงป้ันเสร็จและประคองโอํงที่พ่ึงป้ัน เสร็จแตลํ ะทํอน ๑๗. เหล็กเสน๎ ทําเปน็ วงกลม ใชส๎ ําหรบั วดั ขนาดความกวา๎ งของขาโอํง ๑๘. ภาชนะสําหรบั ใสนํ ้ําเพ่อื ชบุ ลา๎ งมือ ๑๙. ค๎อนไม๎สาํ หรบั ทุบกน๎ โอํงใหห๎ ยํอนลง แปนู หมนุ ไฟฟาู แปนู สาํ หรบั ตดิ ลายโองํ ไม๎ตโี องํ แปูนไม๎รองป้นั ลวดตัดดนิ (โถวํ เกง็ ) เชือกมะนิลา

๒๒ ไม๎รองตชี ํวงก๎นโองํ ทมี่ อื เอ้ือมไมํถึงแทนฮุยหลุบ โควหวํ งกลมใช๎ประคองรูปทรงโอํง ไมต๎ า๏ ใชข๎ ูดแตงํ ดนิ ฟองนํ้า ถงั นํา้ ๖.๓.๔ วัตถุดิบและแหลํงที่มาของวัตถุดบิ วัตถุดิบท่ีใช๎ในการทําโองํ มังกร เปน็ วัตถุดิบท่ีมีในท๎องถิ่นมีดังน้ี ๑. ดินสําหรับป้ัน เป็นดินเหนียวสีแดง หรือท่ีชาวบ๎านเรียกดินมันปู ได๎จากการเปิดหน๎าดิน ท๎องนาถึงระดับ ๑ – ๒ เมตรแล๎วแตํท๎องที่ ดินนี้ประกอบด๎วยแรํดินชนิดเคโอลิไนต๑ มอนต๑มอริล ไรไนต๑ อัลไลต๑และ ควอร๑ทช ที่มีอยํูในท๎องนาจากเดิมอยูํในเขตอําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นแหลํงที่สําคัญ คือ ตําบลหลุมดนิ ตําบลเกาะพลับพลา ตําบลเจดยี ๑หกั และตาํ บลหน๎าเมอื งทง้ั ๔ ตําบล อยูํในเขตพื้นที่อําเภอเมือง อยูํตามทํุงนาทั่วไป โดยมีรถบรรทุกรับถมท่ีเหมาซื้อหน๎าดินกับเจ๎าของท่ีดินเป็นรถ แล๎วใช๎รถตักดินทําการขุด หนา๎ ดินขายกับรถบรรทกุ สงํ ให๎แตํละโรงงานโอํงท่ีเข๎าคิวซ้ือไว๎ใน ๑ ปี จะมีชํวงเวลาทําดินเหนียวประมาณ ๓ - ๔ เดือน ปจั จบุ ันแหลงํ ดนิ ดงั กลําวได๎หมดไปจากทํุงนานี้แล๎ว เหลือแตํดินที่ไมํมีคุณภาพเป็นดินรํวนทางสมาคม เครอ่ื งเคลือบดนิ เผาท่ีมีเจ๎าของโรงงานโอํงเป็นสมาชิกอยํูได๎รํวมกับกรมทรัพยากรธรณี รํวมกันสํารวจหาแหลํง ดินเหนยี วแหํงใหมคํ อื ตาํ บลสมถะ อําเภอโพธาราม ซงึ่ เป็นแหลํงดินที่ใช๎ ผลิตโอํงในปัจจุบัน พบวํา มีแหลํงดิน เหนียวทม่ี คี ุณภาพดใี กลเ๎ คียงกบั แหลํงดินเดิม การจัดซ้ือขายดิน นั้นทางสมาคมเครื่องเคลือบดินเผา ได๎รํวมกับ สมาชกิ ทเี่ ปน็ เจ๎าของโรงงานโอํงไดร๎ ํวมหุ๎นกนั ต้ังบริษทั ขน้ึ มาเหมาซ้ือหนา๎ ดินกับเจา๎ ของที่นาเป็นไรํ แล๎วจึงใช๎รถ แมค็ โคทําการขุดหน๎าดินใสํ รถบรรทุกสิบล๎อมาขายให๎กับโรงงานแตํละแหํงท่ีเจ๎าของโรงงานได๎เข๎าคิวซ้ือดินไว๎ ตํอ ๑ ปี ใน ราคาประมาณคันละ ๑,๒๐๐ บาท จะใช๎ดินประมาณ ๒๐๐ - ๔๐๐ เที่ยวตํอปี การซ้ือเตรียม

๒๓ ดนิ เหนยี วจะซอื้ ชํวงหนา๎ แลง๎ ประมาณเดอื นมนี าคมถงึ เดอื นมิถนุ ายน ดินเหนยี วท่ีขดุ กองไว๎นาน ๆ เป็นการตาก ดนิ ทําให๎ดินมีคุณภาพดกี วําดินเหนยี วท่ขี ุดมาใหมํ ๆ เพราะชํวงหนา๎ ฝน ฝนท่ตี กลงมาทาํ ใหด๎ นิ ถกู ชะล๎างความ เค็ม เนือ้ ดินมคี วามออํ นตวั ไดด๎ ี การท่ีเลือกใช๎ดินเหนียวเพราะทําให๎เกิดความนวลเนียนของผิวโอํง สํวนดินรํวน เมื่อนํามาปั้นโอํงจะทําให๎แตกหักเสียหายได๎งําย การกองดินเหนียวให๎พอกับการป้ันโอํงตลอดท้ังปี แตํละ โรงงานจะมีการกองดนิ เหนียวขนาดใหญํมากอยํดู า๎ นขา๎ งโรงงานเกอื บทกุ โรงงาน ดินเหนยี วสําหรับป้ันโอํงจะกองไว๎ข๎างโรงงานเป็นการตากดิน ๒. ทรายที่ใชผ๎ สมกบั ดนิ ปั้นจะใช๎ทรายจากแมนํ ้าํ เรือจะดูดทรายจากแมนํ าํ้ แมํกลองแล๎วลํองเรือมาสํง ให๎แตํละโรงงาน การใช๎ทรายจะต๎องรํอนให๎ได๎ทรายเม็ดละเอียดที่สุด แยกกากเศษกรวดหินออก เพราะทราย เนอื้ ละเอียดเม่อื ผสมกบั ดนิ เหนยี ว เมอ่ื ปัน้ จะทาํ ให๎โองํ ทป่ี นั้ มีความแขง็ แรงไมํยุบตัวหลงั ขึ้นรูป ลดการหดตัวไมํ แตกแห๎ง และมีความแขง็ แกรงํ เม่ือเผาเสร็จ ปจั จุบันการซ้ือทรายโรงงานจะส่ังซื้อทรายจากพํอค๎าคนกลาง ท่ีใช๎ รถบรรทุกมาเป็นคิว บางโรงจะมีการคัดเลือกเศษกรวดหิน หากไมํคัดกรวด หิน เมื่อนํามาผสมกับเน้ือดิน ปั้นโอํง ทาํ ให๎โองํ ท่ปี นั้ และเผาออกมาแตกเสียหาย

๒๔ ทรายละเอียด ๓. ดินขาวเป็นดินท่ีใช๎สําหรับตกแตํงเขียนลายโอํง ในอดีตจะส่ังซื้อดินขาวมาจากประเทศจีนเป็น จํานวนมาก ประกอบกับการส่ังซ้ือดินขาวจากจีนมีราคาแพง จึงได๎หาแหลํงดินขาวในเมืองไทย พบวํา มีท่ี จงั หวดั ระนอง จนั ทบุรี ลําปาง และสรุ าษฏร๑ธานี มกี ารส่ังซอื้ เรือ่ ยมาจนถงึ ปจั จุบัน ดนิ ขาว ๔. นํ้ายาเคลือบหรือนํ้าเคลือบ เป็นสํวนผสมของขี้เถ๎า และน้ําโคลนหรือเลน แตํละโรงงาน จะมีสูตร การผสมนํ้าเคลือบเฉพาะของแตํละแหํง เชํน บางโรงงานใช๎ดินเลน ๖๕ สํวน และขี้เถ๎าจากฟืนหรือในเตาเผา ๓๕ สํวน หากต๎องการให๎เกิดสีตําง ๆ ตามต๎องการให๎ใช๎สีผสมที่เป็นอ๏อกไซด๑ของโลหะตําง ๆ เชํน สีไบเออร๑ หรอื สอี นิ เดยี ทีเ่ ปน็ ออกไซด๑ของเหล็ก เป็นต๎น ผสมใหเ๎ กิดสีตามต๎องการ นา้ํ เคลือบ

๒๕ ๔. เชอื้ เพลงิ ฟนื ที่ใช๎เผาจะใช๎ฟืนไมต๎ ะเกยี บ มลี ักษณะเปน็ ทํอนยาวประมาณ ๑ - ๒ เมตร เปน็ ไม๎ ยูคาลิปตัส หรือไม๎กระถินยักษ๑ ปัจจุบันพ้ืนท่ีในเขตจังหวัดราชบุรีหายากย่ิงข้ึน จึงได๎สั่งซื้อฟืนไม๎ยางพาราจาก โรงงานไม๎แปรรูปท่ีใช๎ทําเฟอร๑นิเจอร๑ มีอยูํหลายแหลํงจากโรงงานทางภาคใต๎ เชํน ชุมพร สุราษฎร๑ธานี นครศรธี รรมราช และยงั มโี รงงานทอี่ ยูํใกลก๎ ับราชบรุ ี คือ สมทุ รสงครามทไ่ี ดซ๎ อยปีกไมย๎ างพาราแล๎วขายสงํ ใหก๎ ับโรงงานโอํง ฟนื ใชเ๎ ผาโองํ จะใช๎ฟืนตะเกียบหรอื ฟืนไม๎ยางพารา ๖.๓.๕ ขั้นตอนการทาํ โองํ มงั กร มีดงั นี้ ๑) การเตรยี มดินสําหรับทําโองํ นําเนือ้ ดนิ เหนียวมาหมักไว๎ในบํอหมกั ดินใสํน้ําให๎ทํวมดนิ แชนํ ้ําทงิ้ ไว๎ประมาณ ๑ สปั ดาห๑ เพ่ือให๎น้ําซึมเข๎าไปในเน้ือดินทําให๎ดินอํอนตัวท่ัวถึงกัน หวํานทรายลงในหลุมดินให๎ทั่วถึงในอัตราสํวน ๓ ตํอ ๑๐ หมักไว๎ ๓ - ๔ วัน และเป็นการทําความสะอาดดิน ไปในตัวด๎วย วิดน้ําให๎แห๎งและท้ิงไว๎ ๑ วัน เพ่ือให๎น้ํา แห๎งและดินเหนียวเกาะตัว เมือ่ ครบ ๑ วันแล๎วใช๎พล่ัวเสียมดินข้ึนมากองไว๎บนปากบํอ แทงดินหรือตัดดินด๎วย เหลก็ ลวดเปน็ ก๎อน นาํ เข๎าเครอื่ งโมํหรือเคร่ืองนวด ในขั้นตอนนี้จะใสํทรายที่ละเอียดลงไปผสมในอัตราสํวนดิน เหนียว ๒ สํวน : ทราย ๑ สํวน นวดดินให๎เข๎าเป็นเนื้อเดียวกัน ดินที่ได๎จะไมํเหลวหรือแข็งเกินไปเหมาะท่ีจะ นําไปใช๎ข้ึนรูปภาชนะตําง ๆ ดินผสมที่นวดออกมาจากเครื่องนวดจะเป็นดินกองใหญํ เวลาใช๎จะนําดินไปเข๎า เครื่องรีดดินออกมาเป็นแทํง กํอนใช๎เคร่ืองมือตัดดินเรียกกันวํา “โถํวเก็ง” เป็นเหล็กเส๎นกลมนํามาโค๎งเป็น รูปตวั ยู ปลายเหล็กเส๎นรูปตวั ยจู ะขงึ ลวดไว๎จนเส๎นตึง ใช๎เป็นเครื่องมือตัดดินออกมาเป็นทํอน ๆ เทํากับจํานวน ตอ๎ งการใช๎ การนวดดินผสมกับทรายนัน้ เพอ่ื ให๎โองํ มเี น้อื ทีแ่ กรงํ และคงทนยง่ิ ข้ึน

๒๖ นําดนิ เหนยี วลงแชํน้ําให๎ดนิ อํอนตัว ผสมทรายแมํนํ้าแลว๎ วดิ น้ําให๎แห๎งทง้ิ ไว๎ เมื่อดินเหนียวเกาะตัว แลว๎ ใช๎พลัว่ เสยี มดนิ ขึ้นมากองไว๎บนปากบํอ นําดนิ เหนยี วลงเข๎าเครื่องโมํดินออกมาเป็นกอ๎ นแลว๎ ใช๎พลาสตกิ คลุมกนั ดนิ แห๎ง

๒๗ นําดนิ เหนียวเขา๎ เครื่องรีดดินอกี คร้ังใช๎ลวดโถํวเกง็ ตดั ดินขนาดทีต่ อ๎ งการ ใช๎ไม๎แบํงขนาดท่ีต๎องการเทําๆกัน เปน็ ก๎อน ๒) การข้ึนรูป มีเครื่องมือสําคัญคือ แปูนหมุนซึ่งเป็นแผํนเหล็กกลมมีแกนกลาง หมุนได๎ รอบตวั ด๎วยเครอ่ื งมอเตอรไ๑ ฟฟูา การขนึ้ รูปโอํงแบํงข้นั ตอนการขนึ้ รูปออกเป็น ๓ สวํ น คอื ๒.๑ สวํ นขาหรอื สวํ นกน๎ เรียกวํา “ตัวเก๊ียว” หรือ “ตัวกิ้ว” โดยคนเตรียมดินจะตัดดินท่ี นวดแลว๎ นํามาตดั แบํงเปน็ ก๎อนให๎พอเหมาะกบั การปัน้ นาํ ไปแปูนหมุน เน้ือดินสํวนแรกท่ีนํามาข้ึนเป็นสํวนก๎น มีลักษณะเป็นก๎อนกลม หรือก๎อนส่ีเหล่ียม ชํางปั้นจะใช๎ข้ีเถ๎าโรยบนแผํนไม๎ เพ่ือกันมิให๎เนื้อดินติดกับแผํนไม๎

๒๘ แล๎วใช๎มือทั้งสองข๎างบีบกดเนื้อดินให๎เป็นก๎อนกลมหมุนอยํูตรงกลาง เปิดก๎อนดินโดยกดที่จุดศูนย๑กลางของ ก๎อนดิน พร๎อมทั้งแบะกว๎างให๎ได๎เส๎นผําศูนย๑กลาง ใช๎มือประคองก๎อนดิน ดึงเน้ือดินให๎ข้ึนรูปได๎ทรงสูงตามที่ ต๎องการ จากน้ันนําดินเส๎นหรือดินเป็นแทํง มาวางตํอกันเป็นช้ันๆ เรียกวํา “การตํอเส๎น” สําหรับขนาด มาตรฐานของโอํง โอํงขนาด ๗ ปี๊บ (ขนาดท่ีใช๎กันทั่วไป) จะใช๎ดินเส๎นตํอเป็นสํวนขา จํานวน ๘ เส๎นหรือตํอ เข๎าด๎วยกันทั้งหมด ๔ ข้ัน (ดินเส๎นขนาดยาว ๓๐ เซนติเมตร) หรือโอํงขนาด ๖ ปี๊บ ใช๎ดินเส๎น ๗ เส๎น โอํงขนาด ๔ ปบี๊ ใชด๎ ินเสน๎ ๕ เส๎น โอํงขนาด ๒ ใบ ใช๎สําหรับ ๔ - ๕ เส๎น เป็นต๎น เม่ือได๎รูปแบบและขนาดท่ี ต๎องการจะใช๎เส๎นเอ็นตัดดินก๎นโอํงให๎ขาดออกจากแปูนแล๎วจึงหยุดแปูน ข้ันตอนนี้จะได๎โอํงท่ีมีเฉพาะก๎นและ ตัวเทําน้ันยังไมํมีปากหรือขอบโอํง ผ๎ูชํวยจะต๎องชํวยชํางป้ันประคองตัวลงจากแปูนหมุน แตํเน่ืองจากท่ีดินยัง ไมํแข็งตัว จึงอาจทําให๎รูปทรงบิดเบี้ยวได๎งําย จึงต๎องใช๎ไม๎หํวงสองหํวงเรียกวํา “โคว” มาชํวยบังคับรูปทรง คือจะวางหํวงอันเล็กเอาไว๎ท่ีก๎นโอํงด๎านในและใสํหํวงใหญํไว๎ที่คอโอํง เม่ือยกหรือย๎ายโอํงลงจากแปูน ก๎นโอํง และคอโองํ จะยังคงสภาพเดมิ สวํ นตรงกลางอาจบิดเบีย้ วไปบ๎างแตํสามารถตกแตงํ ได๎ภายหลัง ขาโองํ เม่อื ยกลงจากแปนู แลว๎ ตบแตํงผิวดา๎ นนอกและดา๎ นใน โดยการขุดดนิ ทีไ่ มํเสมอกันออกให๎ผิว เรยี บ แลว๎ ใช๎น้ําลบู เพื่อให๎ผิวเนียนอีกครั้งหน่ึง และเป็นการซับน้ําให๎แห๎งเสมอกัน จากน้ันนําไปผึ่งลมประมาณ ๒ คืน ให๎แห๎งพอ หมาด ๆ การผึ่งให๎คว่ําปากลง เพื่อไมํให๎ปากด๎านบนบิดเบ้ียวไมํได๎รูป หลังจากน้ันใช๎ค๎อนไม๎ ทุบ ก๎นโอํงให๎หยํอนลงไปเล็กน๎อย ท้ิงไว๎อีก ๑ วัน ที่ต๎องทุบก๎นโอํง เพราะเมื่อนําโอํงไปเผา ดินจะมีการหดตัว และเพือ่ ใหก๎ ๎นโองํ ตัง้ กับพน้ื ได๎ นวดดินใหเ๎ ปน็ กอ๎ นกลม เรยี กวาํ ตวั ก้ิว

๒๙ ใช๎ขเี้ ถา๎ โรยบนแปูนหมนุ นาํ ก๎อนดนิ วางบนแปนู หมนุ ใชม๎ ือกดดนิ เหนียวแผํใหเ๎ ป็นฐาน

๓๐ ใช๎มือกดดนิ เหนียวใหเ๎ ปน็ จุดศูนยก๑ ลางเปดิ ดนั เน้ือดินออกขึ้นรปู ขาโอํง ใช๎มอื ดนั ดนิ เปิดออกคํอย ๆ ประคองดงึ เนื้อดินข้นึ รูป ดึงเนื้อให๎ได๎ขาโองํ สูงเทาํ ท่ีต๎องการแลว๎ ใช๎เหล็กขูดเน้ือดนิ สํวนเกินออก

๓๑ ชาํ งปั้นและลูกน๎องชํวยกนั ตกแตงํ กน๎ โอํงขูดเนื้อดนิ สวํ นเกินออกและลูกน๎องชํวยกันยกโอํง ใช๎เหล็กกลมวางท่ีฐานและสํวนดา๎ นบนเพื่อประคองรปู ทรงขาและก๎นโองํ ใช๎ไม๎ต๎าขูดดนิ ที่ไมํเสมอกันออก ตกแตํงให๎ผิวเรยี บ มือประคองดันเน้ือดิน

๓๒ นําขาโองํ มาวางผ่ึงลมไว๎ ๑ - ๒ คืน ให๎แห๎งแล๎วควํา่ ขาลง ใช๎คอ๎ นไมท๎ ุบกน๎ โองํ ใหห๎ ยํอนลงผ่ึงไว๎ประมาณ ๒ วัน ๒.๒ สํวนลําตัวเรียกวํา “จ๏อ” นําสํวนขาโอํงท่ีแห๎งพอหมาดมาวางบนแปูนยิ ซ่ึงจะมีขนาดเตี้ย กวาํ แปูนหมุนขนึ้ รปู ตกแตงํ ผวิ อีกครงั้ ดว๎ ยฮุยหลบุ (หรอื หนิ ดุ) และไม๎ตี นําดินเส๎นมาวางตํอกันเป็นชั้น สําหรับ สํวนลาํ ตัวเชํนเดยี วกับสํวนขาให๎ได๎ความสูงและขนาดเส๎นผําศูนย๑กลางตามต๎องการ ใช๎ไม๎ต๏าขูดดินและตบแตํง ผวิ ให๎เรียบ นําไปผึ่งลมพอหมาด ประมาณ ๑ - ๒ วนั นาํ ดนิ เส๎นมาตอํ สวํ นขาขนึ้ รปู ทรงตัวโองํ ๒.๓ สํวนปาก เรียกวํา “ต๏ุน” ในการข้ึนรูปปากโอํงจะต๎องนําตัวโอํงขึ้นวางแปูนหมุนอีกครั้ง แตํแปูน หมุนคราวนี้จะใช๎แรงคนหมุนขึ้นชํวงปากโอํง กํอนจะตํอเส๎นใช๎น้ําราดตัวโอํงให๎ดินอํอนนุํมแล๎ว ตบแตํงผิว สํวนจ๏อ และสํวนขาด๎วยไม๎ต๎าเสียกํอน ใช๎ดินเส๎นท่ีนวดคลึงเป็นเส๎นยาว ๆ ไว๎ ใช๎ประมาณ ๓ ข้ันคร่ึง หรือ ๕ เส๎น วัดความสูงได๎ ประมาณ ๗๐ เซนติเมตร สําหรับโอํงขนาด ๗ ป๊ีป การวัดความสูงของโอํงจะใช๎ไม๎วัดหรือ “ปี๊” วัดระดับความสูงของโอํงให๎ได๎ระดับกับปากโอํง โดยผู๎ชํวยจะเตรียมดินเส๎นมาวางวนรอบคอโอํง แล๎ว ชาํ งป้นั ใช๎เท๎าถีบแปูนให๎หมุน มือท้ังสองขา๎ งก็บบี ดนิ ให๎ตดิ กับคอโองํ แล๎วแตงํ ใหเ๎ ปน็ ปากโอํง พอวนจวนจะได๎ท่ีก็ ใช๎ฟองนํ้าชุบนํ้าปาดวนไปรอบ ๆ ปากโอํงอีกทีหนึ่ง เพื่อให๎ปากโอํงเรียบ แล๎วจึงยกลงไปผึ่งลมในลานดิน เพือ่ เตรยี มเขียนลายตํอไป การขนึ้ รปู โองํ แตํละใบจะใช๎เวลาประมาณ ๒๐ - ๓๐ นาที วธิ กี ารยกลงจากแปูนน้ัน

๓๓ จะตอ๎ งใช๎สองคนชํวยกันยกด๎วยเชือกมะนิลา เป็นเชือกที่นํามามัดไขว๎กันเป็นวง เส๎นผําศูนย๑กลางเทํากับขนาด รอบตัวโองํ ได๎พอดี ปลอํ ยปลายยาว ท้ังสองด๎านสําหรับจับยกหาม การปั้นโอํงความสูงและความกว๎างของปาก โอํงจะมคี วามยาวเทํากนั เนอ่ื งจากหลังจากการเผาโองํ จะหดตัวประมาณ ๘ – ๑๐ เซนติเมตร นอกจากการขน้ึ รูปด๎วยแปูนหมุนแล๎วยังมกี ารข้ึนรปู ดว๎ ยมอื หรอื ทเ่ี รียกวํา ยิ ซ่งึ ต๎องอาศยั ความชํานาญ มากกวําการขึ้นรูปด๎วยแปูนหมุนและกวําจะได๎งานแตํละชิ้นต๎องใช๎เวลาอยํางสูง การข้ึนรูปลักษณะนี้เป็นการ ข้ึนรูปแบบดั้งเดิม ซ่งึ เป็นการถาํ ยทอดมาจากการเครื่องปน้ั ดินเผาของจีน สําหรับการข้ึนรูปแบบน้ีจะใช๎กับการ ขึ้นรูปทรงโอํงที่มีความสูงมาก ๆ เนื่องจากแปูนหมุนขึ้นรูปเมื่อภาชนะ มีความสูงมากจะถูกแรงเหวี่ยงทําให๎ ไมไํ ดร๎ ูปทรงท่ตี ๎องการ ๑. นาํ ดินเขา๎ เคร่ืองดินออกมาเป็นเสน๎ ยาว ตัดออกทํอน ๆ เรยี กตวั เกยี๊ ว

๓๔ ผชู๎ วํ ยจะนําตวั โองํ มาให๎ไส๎หู๎ป้ัน บรเิ วณชวํ งบนจะมีลวดกลมรดั ปาก บงั คับรปู ทรงไว๎ นําเสน๎ ดนิ มาวางบนขอบตวั โอํง กดเสน๎ ดนิ ให๎แนนํ รอบตวั โอํง ดึงดนิ ใหข๎ ึ้นรูปทรงขอบปากโองํ เป็นเสน๎ กลม

๓๕ ใช๎มือดนั ประคองดินให๎ข้ึนรูปทรงขอบปากโอํง นํารถเข็นมาเข็นโอํงไปผง่ึ บนลานดนิ การขึ้นรูปทั้งสามข้ันตอนนี้เป็นการประสานฝีมือระหวํางชําง ๔ คน คือ ชํางนวดดิน ชํางป้ัน ขน้ึ สํวนขา สํวนลาํ ตวั หรอื สวํ นจอ๎ และชาํ งปนั้ สวํ นปากหรือสวํ นต๏นุ ตามลําดบั หลังจากขึ้นรปู ทรงโอํงไดต๎ ามทต่ี ๎องการและตากลมไวจ๎ นหมาดดีแล๎ว ต๎องทําการตกแตํงผิวโอํง ให๎เรียบและตกแตํงรปู ทรงของโอํงให๎ดี ไมบํ ิดเบ้ียว มีวิธีการทําคือ นําโอํงมาล๎างน้ําให๎ท่ัว เพ่ือให๎เน้ือดินน่ิมสม่ําเสมอ การตกแตํงผิวโอํง ใช๎ เคร่ืองมอื ๒ ชนิด คือ ฮวยหลบุ และไมต๎ ีซ่ึงเป็นไมผ๎ วิ เรยี บแบน ๆ ขนาดพอเหมาะมือ คํอย ๆ ไลํตีบนผิวโอํงท้ัง ดา๎ นในด๎านนอก จนไดโ๎ อํงที่มีผิวเรียบและรปู ทรงตามทต่ี ๎องการ สําหรับ “ฮุยหลุบ” น้ีเป็นช่ือเรียกในภาษาจีนไมํมีในภาษาไทย จะทําด๎วยดินเผาลักษณะ เหมือนลูกประคบ มีที่จับอยูํตรงกลาง เวลาใช๎ตกแตํงให๎โอํงเข๎ารูปทรงก็ใช๎ฮุยหลุบรองท่ีผิวด๎านใน สํวนด๎าน

๓๖ นอกจะใช๎ไม๎ตี เม่ือเห็นวํารูปทรงได๎ท่ีและเรียบดีแล๎วใช๎ไม๎กระดานท่ีเรียกวํา “ไม๎ต๏า” ซ่ึงถากมาให๎เข๎ารูปทรง ของโอํงขดู ผิวภายนอกใหเ๎ รยี บอกี ครง้ั หนงึ่ ใชไ๎ ม๎ตีตีดนิ และฮยุ หลยุ ดันรปู ทรงโอํงให๎สมดลุ ทั้งสวํ นปาก สํวนขา สวํ นตัวใหป๎ อุ งออก ขดู ผิวใหเ๎ รียบ เพ่อื นําไปเขยี นลาย ๓) การเขยี นลวดลาย หลังจากตกแตงํ รูปทรงโองํ แลว๎ นาํ มาเขียนลวดลาย วัสดุอุปกรณ๑และ วิธีการทําดังนี้ ๓.๑ วัสดอุ ปุ กรณ๑ ไดแ๎ กํ ๓.๑.๑ ดินเน้ือละเอียดผสมกับดินขาว เรียกวํา“ดินติดดอก” มีสีนวล สีอํอนกวําตัว โอํง ดินขาวน้ันได๎มาจากจังหวัดระนอง จันทบุรี หรือสุราษฏร๑ธานี (ในยุคแรกของการทําสั่งมาจากจีน) เหมาะ สําหรับนํามาเป็นดินติดดอกบนตัวโอํงราชบุรี มีการเตรียมดินเขียนลายนําดินขาวผสมกับดินเหนียวราชบุรี หมักรวมกัน ๒ - ๓ คืน นํามาใสํเคร่ืองตี กวนให๎ละเอียดเป็นเน้ือเดียวกันให๎ดินกับน้ําแยกตัวออกจากกัน แล๎ว เทนาํ้ ออกเอาแตดํ ินข้นึ มาผึ่งไว๎ ในรํมใชผ๎ า๎ รองกน๎ พน้ื สําหรับผึ่งดนิ รอดินหมาดพอเหมาะจงึ นาํ ไปเขียนลายได๎ ๓.๑.๒ ดินสีน้ําตาลเน้ือดินเหนียว สําหรับป้ันขึ้นรูปลายมังกรกํอนท่ีจะใช๎ดินขาว พอกทบั อีกคร้ัง ๓.๑.๓ แปนู ไม๎หมุนทเี่ ปน็ แกนใชเ๎ ท๎าถีบบนแปูน เพื่อเขียนลายรอบโองํ ๓.๑.๔ เครือ่ งมือป้ัน ใช๎สําหรับตกแตงํ ลวดลาย ๓.๑.๕ แมํพิมพ๑แผํนพลาสติกท่ีแกะเป็นลวดลายตําง ๆ ใช๎สําหรับพิมพ๑ลวดลายลง บนโองํ ไดแ๎ กํ ลายมังกร ลายไทย ลายดอกไม๎ ๓.๑.๖ ภาชนะใสนํ ํ้า ๓.๑..๗ ฟองนาํ้ สําหรับชุบนํา้ ลบู บนตัวโองํ เพ่อื ใหเ๎ น้อื ดินประสานกนั ๓.๑.๘ หวี ใช๎ขีดเส๎นรอบนอก เพอ่ื เน๎นใหเ๎ ปน็ รปู ลายมังกรใหเ๎ ดํนชดั ๓.๑.๙ สงั กะสี ทีต่ ัดปลายหยักเพอื่ ใชส๎ ําหรับสับเกล็ดบนตัวลวดลายมังกร

๓๗ วตั ถุดิบและขัน้ ตอนการทาํ ดินตดิ ดอก ดินเหนียวสีดาํ ดนิ ขาว ดนิ ติดดอก ดินติดดอก นาํ ดนิ เหนยี วและดินขาวแชนํ ้ํา ใช๎ไม๎พายคนใหเ๎ ข๎ากนั ดนิ ติดดอก

๓๘ ใช๎ตะแกรงกรองนาํ้ ดนิ ไดเ๎ น้อื ดินละเอียด ดนิ ตดิ ดอก นํานาํ้ ดินขาวผ่ึงให๎หมาดบนผ๎าแล๎วนวดให๎เป็นเนอื้ เนยี น เรียกวาํ ดนิ ตดิ ดอก

๓๙ อปุ กรณ๑วาดลายมงั กร หวีใช๎ปลายเขียนลวดลาย สังกะสใี ช๎สบั ดินให๎เปน็ เกลด็ แมํพิมพ๑ลายมังกร ๓.๒ วธิ ีการเขียนลวดลายโองํ มีดังนี้ แตํเดิมจะตีลายและเขียนลายมังกร แตปํ ัจจบุ ันมกี ารออกแบบลวดลายตาํ ง ๆ เชนํ ลายไทย ลายสพุ รรณหงส๑ ลายเส๎นและมีวิธกี ารท่หี ลากหลายกนั ออกไปดงั น้ี ๑) การกดประทับ ใช๎ไม๎ตีลายเป็นไม๎ส่ีเหลี่ยมผืนผ๎า แกะสลักลายลงบนเน้ือไม๎ มี ด๎ามจับเป็นสํวนหน่ึงกับแปูนที่หัว ใช๎สําหรับกดประทับลาย จะเร่ิมตีตั้งแตํคอโอํงกํอนและไลํลงมาจนรอบบํา โอํง คลา๎ ยกบั การตกแตงํ รูปทรงโอํง ไม๎ตีลายน้ันมีลวดลายหลายแบบ มีทั้งแบบซํ้ากันและแปลกกวํากันออกไป มีลายรูปสตั ว๑ ลายดอกไม๎ ลายไทย ลายเส๎นแบบตํางๆ เป็นต๎น ลวดลายบนไม๎ตีมากมายหลายลายแตกตํางกัน ไปตามความคดิ สร๎างสรรค๑ของชาํ ง มีท่มี าจากสิ่งแวดล๎อมหรือธรรมชาติ เชํน ลายดอกไม๎หรือลวดลายปูนป้ันที่ ประดับตกแตํงอยํูตามวัดลวดลายประจํายาม ลายก๎ามปู เป็นต๎น ลวดลายท่ีตกแตํงบนบําโอํงบางโรงงานจะ แกะสลกั ลวดลายทีแ่ ตกตําง ไปจากโรงงานอ่ืนๆ แลว๎ กดประทับลวดลายลงบนบําโอํง ลวดลายดังกลําวเสมือน กับเป็นการปั๊มตราของโรงงาน เพื่อระบุแหลํงท่ีมา เชํน ปั๊มเป็นรูปปูเป็นโอํงของโรงงานไทนํา (ปัจจุบันได๎เลิก

๔๐ กิจการไปแล๎ว) ปัจจุบันวิธีการตกแตํงลายแบบน้ีไมํเป็นท่ีนิยมทํา ดังนั้นลวดลายเกําแบบด้ังเดิมท่ีปรากฏตาม แบบไมต๎ ีลายกค็ ํอย ๆ หายไป ๒) การเขียนด๎วยน้ิวมือ ใช๎ดินสีขาวรูดเป็นเส๎นยาวแล๎วใช๎น้ิวหัวแมํมือ ปาดดิน วาดลายมังกรบนตัวโอํงแล๎วใช๎แผํนสังกะสีสับเป็นเกล็ดมังกร และใช๎ปลายหวีเซียะขูดขีด หน๎าตามังกรให๎ ชัดเจนย่ิงข้ึน ป้ันดินเป็นก๎อนกลมติดเป็นลูกตา เป็นวิธีการเขียนที่งํายและสะดวกท่ีสุด ชํางเขียนลายมีเทคนิค วธิ ีการเขียนเฉพาะตวั ใชเ๎ วลาในการเขียนลายประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาที ๓) การพมิ พ๑ ใช๎แมํพิมพพ๑ ลาสติกที่แกะฉลุลายมงั กรวางทาบบนตัวโอํงแล๎ว ใชด๎ นิ ตดิ ดอกลูบบนแมํพิมพ๑ใหท๎ ัว่ จะได๎ลายมงั กรที่มคี วามคมชดั เป็นวิธีที่สะดวกรวดเรว็ แตํลายมงั กรท่ีไดน๎ ้นั จะถูก ดดั แปลงไกลจากลายตน๎ แบบที่เป็นลายมงั กรของจีน ๔) การป้นั ลายนูนใช๎ดนิ เหนียวทีเ่ ป็นดินปนั้ โอํง ปัน้ ขน้ึ รปู มังกรแบบนนู ตํ่า แบบนนู สูง หรือแบบลอยตัวตามต๎องการ ใชด๎ นิ ดอกสีขาวนวลพอกทับแตงํ ลายอกี คร้ัง แลว๎ ใชเ๎ ครอ่ื งมือป้นั ตกแตํง รายละเอยี ดของลายมังกรให๎มีความชดั เจนย่ิงขึ้น ๓.๓ ขัน้ ตอนการเขียนลายโองํ มงั กร เมื่อจะเขียนลายบนโอํง นําโอํงที่ตบแตํงผิวเรียบร๎อยแล๎วมาวางบนแปูนหมุนอีกคร้ัง แทนํ น้จี ะหมุนด๎วยมือ เพื่อควบคุมการหมุนได๎อยํางอิสระ ชํางติดลายใช๎ดินติดดอกปั้นเป็นเส๎นเล็ก ๆ ปูายไปท่ี โอํงแบงํ โองํ เป็น ๓ ชํวง คือ ปากโองํ ตวั โองํ ขาโอํง แตํละชวํ งจะเขยี นลายไมํเหมือนกนั ชํวงปากโอํง นิยมติดลายดอกไม๎หรือลายเครือเถา เพื่อความสะดวกรวดเร็วและ ความเป็นระเบียบสวยงาม การติดลายชํวงนี้ จึงมีแบบฉลุบนแผํนพลาสติกใสเป็นลายที่ต๎องการเอาไว๎เวลาติด ลาย ชํางก็นําเอาแบบฉลุมาทาบลงบนผิวโอํง แล๎วนําดินติดดอกกดปาดลงบนแบบฉลุ พอยกแบบออก ดินติด ดอกก็จะตดิ บนผวิ โองํ เป็นลวดลายตามแบบ ชํวงลําตัว นิยมเขียน ลายมังกร มีหลายแบบ เชํน มังกรดั้นเมฆ มังกรคาบแก๎วและ มงั กรสองตัวพนั เกยี่ วกัน เปน็ ต๎น ชํางเขียนลายมงั กรนี้จะมีเทคนิควธิ กี ารเขียนลายมังกรที่แตกตํางกันไป ขึ้นอยูํ กับความชํานาญและประสบการณ๑ของแตํละคน โดยปาดเน้ือดินด๎วยน้ิวหัวแมํมือเป็นรูปมังกรอยํางครําว ๆ โดยไมํต๎องมแี บบราํ ง จากน้นั ใช๎ปลายหวขี ีดเป็นหัวมงั กร ใช๎หวตี กแตํงเป็นสํวนหนวด นิ้วและเล็บ สําหรับเกล็ด มังกรใช๎ สังกะสีที่ตัดปลายหยักมาสับบนตัวมังกรเป็นเกล็ดและเน๎นสํวนลูกตาของมังกรให๎มีความนูนออกมา ใช๎ฟองนํา้ ลูบตกแตงํ ลวดลาย ชํวงลํางโอํง ชํวงขาโอํงเขียนลายข๎าวหลามตัดหรือลายเครือวัลย๑ คล๎ายกับสํวนปาก โอํง

๔๑ ปั้นดินติดดอกให๎เป็นแทํงแล๎วรูดเป็นเส๎นยาว ใชด๎ นิ ติดดอกเขยี นลายเสน๎ บนปากโองํ ให๎รอบ เขียนลายเส๎นรอบบาํ โองํ แลว๎ ใชม๎ อื วาดลายบัว สํวนขาโองํ วาดลายเส๎นเหมอื นบาํ โอํง สวํ นลําตวั วาดดว๎ ยนว้ิ มือ สวํ นหัวตดิ ดอกแมพํ มิ พ๑ลายมังกร

๔๒ สวํ นลําตัวใช๎น้วิ มือวาดลายมังกรเรยี บ ใชห๎ วขี ีดลายเส๎นลาํ ตัวและใชส๎ ังกะสีสับใหเ๎ ปน็ เกลด็ มงั กร ฟองน้ําชบุ นํ้าวนปาดรอบโองํ เก็บความเรยี บร๎อย โองํ ทเี่ ขียนมงั กรเรยี บร๎อยแลว๎ ผึง่ ลมใหแ๎ ห๎งทิ้งไว๎ ๑ คืน กํอนนําไปเคลือบ

๔๓ ๔) การเคลือบ เม่อื ทาํ การติดลายลงบนตัวโอํงเรียบรอ๎ ยแลว๎ กจ็ ะนําโองํ มาเคลือบ โดยการ เคลือบใช๎นํ้าเคลือบขี้เถ๎าได๎มาจากข้ีเลนผสมข้ีเถ๎าไม๎ฟืน มีวิธีการทําคือ นําขี้เถ๎ามารํอนกํอนแล๎วนํามากรอง และนําไปใสเํ ครอ่ื งโมํให๎ละเอียดมากที่สุด หากต๎องการให๎โอํง มีผิวสีน้ําตาลเข๎ม มีความมันวาวใช๎สนิมเหล็กตํา ให๎ละเอียดแล๎วนํามารํอนและกรองนํามาเป็นสํวนผสมของข้ีเถ๎า และผสมสีอินเดียหรือสีไบเออร๑เล็กน๎อย สตู รนา้ํ เคลือบขี้เถ๎าของแตํละโรงงาน มอี ัตราสวํ นท่ไี มํเหมอื นกันเปน็ สูตรของแตํละโรงงาน วิธีการเคลือบนําโอํงไปวางหงายมาต้ังบนแผํนไม๎ขาตั้ง ซึ่งมีแผํนพลาสติกอยํางหนารองรับ หากเป็น โอํงขนาดเล็กหรือกระถางใช๎วางบนกระทะขนาดใหญํ (กระทะใบบัว) ซ่ึงมีไม๎รองพาดอยํู ๒ อัน ใช๎นํ้าเคลือบ ราดให๎ทั่วทั้งด๎านในด๎านนอก เคลือบให๎ทั่วทั้งใบยกเว๎นขอบปากโอํง แล๎วจึงนําไปวางผ่ึงลม ไว๎ ๑ คืน การพึ่ง โองํ หลังจากเทราดนํ้าเคลือบ ควรตะแคงโอํงซ๎อนกัน เพื่อให๎ลมพัดผํานให๎โอํง แห๎งเสมอกัน จากนั้นควํ่าโอํงลง เพ่ือขูด ตกแตํงก๎นโอํงให๎เรียบร๎อยทิ้งไว๎อีก ๑ - ๒ วัน เสร็จแล๎วก็หงายข้ึนมาผ่ึงลมอีก ๓ - ๕ วัน เพราะถ๎า ไมํขูดแตํง เมื่อนําไปเผาโอํงที่ยกซ๎อนกันจะทําให๎น้ําเคลือบจากโอํงด๎านบนติดกับปากโอํงด๎านลํางได๎ โอํงท่ี เคลือบนํ้าเคลือบขี้เถ๎านั้นนอกจากจะทําให๎เกิดสีสวยเป็นมัน เมื่อเผาแล๎วยังชํวยในการสมานรอยตําง ๆ ใน เนื้อดินใหเ๎ ข๎ากันทําให๎โอํงทไ่ี ดเ๎ มื่อนําไปใสํนาํ้ จะกักเกบ็ น้าํ ได๎ดี วัสดแุ ละอุปกรณท๑ ํานา้ํ เคลอื บ สีไบเออร๑และสารเคมี

๔๔ เครือ่ งบด เครอ่ื งกวนนาํ้ เคลือบ นา้ํ เคลือบผสมสี นา้ํ เลนหรือนํา้ ขเ้ี ถ๎า วางโอํงบนแผนํ ไม๎ใชน๎ ้ําเคลอื บราดให๎ท่วั ท้งั ดา๎ นในและดา๎ นนอกโอํง

๔๕ โองํ ท่ีเคลือบแล๎วรอการนาํ ไปเผา ๕) การเผาโองํ เปน็ กรรมวิธีขน้ั สดุ ท๎ายของทําโองํ ทีใ่ ชจ๎ ะเปน็ เตาที่มีขนาดใหญํ เรยี กวํา “เตา อุโมงค๑” หรือเตาจีนหรือเตามังกร ลักษณะของเตาจะกํอด๎วยอิฐเป็นรูปยาว ผนังกํอด๎วยอิฐทนไฟก๎อนใหญํ หลังคาโค๎งใช๎อิฐขนาดเล็ก สํวนประกอบเตาคือ กะโหลกเตาใช๎เป็นห๎องเผาไหม๎ เพ่ือให๎เกิดความร๎อนในการ อุํนเตาและเผาผลิตภัณฑ๑ ลําตัวเตาลักษณะคล๎ายอุโมงค๑เป็นท่ีวางผลิตภัณฑ๑ที่จะเผา ประตูถํายผลิตภัณฑ๑ ตาไฟมีไว๎สาํ หรบั สอดฟนื เข๎าไปเผาผลติ ภณั ฑ๑ ผนงั ชํองไฟมีลักษณะคล๎ายกับรังผึ้งอยูํท๎ายเตา เพื่อไมํให๎ก๏าซร๎อน ผํานออก และปลํองไฟสําหรับระบายก๏าซร๎อนออกสํูบรรยากาศ เตาอุโมงค๑หนึ่ง ๆ จะมีชํองประตูและตา มากน๎อยแคํไหนนั้นขึ้นอยํูกับขนาดของเตา เชํน เตาท่ีมี ๔ ชํองประตู จะทําตาไว๎ข๎างเตา ๗๐ ตา ปลายด๎าน หน่งึ ของเตามงั กร จะใชเ๎ ป็นหวั เตาสาํ หรบั กํอไฟ สวํ นปลายอีกดา๎ นเป็นทา๎ ยเตา ใช๎เปน็ ปลอํ งสําหรับระบายควัน ออกจากเตา ประตเู ตามังกรชํองตาไฟ และทางขน้ึ เตา

๔๖ หวั เตาและท๎ายเตามงั กร การสมุ ไฟเร่ิมสุมที่หวั เตากํอนแลว๎ จงึ สมุ ไฟตามชอํ งตาไฟ วิธีการเผากํอนท่ีจะเผาจะต๎องเกล่ียพื้นเตาด๎านในให๎เรียบเสมอกันเสียกํอน แล๎วจึงเรียงบรรจุโอํงเข๎า เตาเผา โอํงน้ันจะต๎องแห๎งสนิทดี ไมํมีรอยแตกร๎าวปรากฏให๎เห็นซึ่งสามารถมองเห็นด๎วยตาเปลําได๎ การบรรจุ โอํงหรือ “จึ่ง” น้ันจะต๎องจัดให๎มีระยะชํองพอสมควร ไมํแนํนหรือไมํวําง จนเกินไปจัดโอํงให๎เป็นระเบียบ ซ่ึงการวางโองํ ใบลาํ งสุดจะมี “กวยจักร” เหมอื นกระถางใบเลก็ ควาํ่ เพื่อไมํให๎โอํงเปรอะพื้นดินทราย พอจะวาง ชั้นสองตอ๎ งเอา “โถวํ เปยี้ ะ” เปน็ ตัวรองไว๎ระหวํางก๎นโอํงใบบนและปากโอํงใบลําง เพ่ือมิให๎ขาโอํงและปากโอํง ติดกัน โถํวเป๊ียะเป็นแผํนดินเผาวางบนปากโอํงขั้นแรกกํอน เพ่ือกันปากโอํงใบลํางติดกันกับก๎นโอํง ใบบน แลว๎ จึงยกโอํงขนาดเดียวกันวางซ๎อนกันข้ึนไป นอกจากตัวโอํงแล๎วถ๎ายังมีท่ีวํางเหลือ ก็นําเอาไห ชาม กระถาง ที่มีขนาดเล็กมาวางเผาพร๎อม ๆ กัน การเรียงของทุกชิ้นจะต๎องเรียงให๎ชิด และเต็มพ้ืนท่ีมากท่ีสุดให๎มีความ

๔๗ สมํ่าเสมอทั่วทุกสํวนของเตา เพราะความร๎อนจะเดินได๎สม่ําเสมอ และการเผาไหม๎ก็เป็นไปอยํางสะดวก ทําให๎ สามารถควบคมุ บรรยากาศในเตาไดด๎ ี ถา๎ ทางเดนิ ลม ไมํดีกจ็ ะมผี ลตอํ การเผาไหม๎ หลังจากจ่ึงของเรียบร๎อย เร่ิมสุมหัวเตากํอนใช๎ฟืนทํอนใหญํความร๎อนจะว่ิงไหลจาก หัวเตาหรือปาก เตาไปยังท๎ายเตา ซงึ่ จะทาํ ให๎อณุ หภูมใิ นเตาสูงข้นึ เรื่อย ๆ จนถงึ ประมาณ ๑,๒๐๐ องศาเซลเซียส แล๎วจึงทยอย ใสํฟนื ตะเกียบ (พนื ทอํ นเล็กมัดรวมกนั ) ตามชอํ งตาไฟท้ังสองข๎าง โดยเร่ิมจากชํองแรกกํอน ในการท่ีจะดูวําโอํง น้ันเผาสุกได๎ท่ีหรือยังต๎องดูตามชํองใสํพืนและจะต๎องดูจากชํองท่ีต่ําสุดกํอน หากยังไมํสุกดีก็เติมไฟลงไปอีก เมื่อสุกแล๎วก็ย๎ายชํองไฟตาถัดไป แล๎วจึงนําอิฐไปปิดชํองไฟตาแรกท่ีสุดแล๎วก็เร่ิมชํองท่ี ๓ กรรมวิธีเหมือนชํอง แรก ๆ จนหมดท้ังเตา จะใช๎เวลาในการใสํไฟประมาณ ๑๔ - ๑๖ ช่ัวโมง อุณหภูมิอยํูที่ ๑,๑๐๐ - ๑,๑๕๐ องศาเซลเซียส เม่ือเสร็จแล๎วก็ทิ้งไว๎ ๖ - ๘ ช่ัวโมง เพ่ืออบผลิตภัณฑ๑ไว๎ในเตา เม่ือครบเวลาแล๎วคํอยแย๎มชํอง ตาไฟ ครั้งแรกจะเปิดชํองตาไฟ ๓ ชํองไฟกํอนท้ิงไว๎ ๒ ช่ัวโมง เพ่ือให๎อากาศภายนอกเข๎าไปปรับ อุณหภูมิใน เตา ตํอมาก็ทําการเปิดอีก ๑๐ ชํองตาไฟ ทิ้งไว๎ครบคร่ึงชั่วโมงตํอคร้ัง/เปิดชํองตาไฟไป เร่ือย ๆ จนหมด เสร็จ แล๎ว จึงเปิดประตเู ตาโดยประตูจะมีอิฐเรียงปิดอยํูหลายช้ัน จะเปิดทีละชั้น เปิดชั้นแรกท้ิงไว๎ ๒ ช่ัวโมง ชั้นที่ ๒ เปิดทงิ้ ไวค๎ รง่ึ ชั่วโมง ทาํ การเปิด ๑ ชั้น ตํอคร่ึงช่ัวโมงไป เรื่อย ๆ จนเหลืออิฐท่ีปิดอยูํคร่ึงประตูเตา ใช๎เวลาเปิด ประตูประมาณ ๑ คืน รวมท้ังใช๎เวลาใน การเผา ๓ วัน ๒ คืน พอรุํงเช๎าก็ขนผลิตภัณฑ๑ออกมาจากเตานํามา คัดเลอื กคณุ ภาพที่สมบูรณ๑ไมํแตกร๎าวรัว่ หรอื บิดเบี้ยว โถวํ เปย้ี ะ กวยจกั ร สภาพภายนอกและภายในเตา

๔๘ เตรียมพ้นื เตาโรยทรายและโรยขี้เถา๎ เป็นช้ัน ๆ สลับกนั ไปแลว๎ เกลี่ยใหเ๎ รียบ โองํ เคลือบท่รี อการนําเข๎าเตาเผา โองํ ทบี่ รรจุภายในเตารอการเผา

๔๙ โองํ และกระถางท่ีเผาเสร็จแล๎วจะมคี วามมนั วาว โองํ และกระถางท่เี ผาเสร็จแล๎วจะมคี วามมนั วาว ๖) การคดั แยกและการซํอมแซมโองํ ทีช่ ํารดุ หลังจากเผาโอํงเรียบร๎อยแล๎ว จะมีการคัดเลือกคุณภาพของโอํง โดยการใช๎แทํงเหล็กเคาะ บนตัวโอํงฟังเสียงหาจุดที่ร๎าวและแบํงเป็นเกรดสินค๎า เพื่อจําหนํายตามคุณภาพของผลิตภัณฑ๑ เกรด A คือ ผลติ ภัณฑ๑ท่อี อกมาสวยงามไมํมีตําหนิ เคาะแล๎วเสียงดังกังวานเป็นที่ต๎องการของ ผ๎ูผลิตและลูกค๎า เกรด B คือ ผลิตภัณฑ๑ที่เสียหายเล็กน๎อย สามารถซํอมแซมได๎ เกรด C คือ ผลิตภัณฑ๑ท่ีเสียหายมาก สามารถซํอมแซมได๎ สํวนผลิตภัณฑ๑ท่ีแตกเสียหายไมํสามารถจําหนํายได๎ ราคาก็จะลดหล่ันกันไปหรือโรงงานจะนําไปถมที่หรือต้ัง เรียงรอบโรงงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook