คู่มือ phonics

คู่มือ Phonics โรงเรียนเทศบาล 7 (วัดแก่งขนุน) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี

ทำไมต้อง Phonics? เพราะโฟนิกส์ คือ วิธีการออกเสียง ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถ ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ได้ดีมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นให้เด็ก คุ้นชินกับการฝึกผสมเสียง พยัญชนะ และสระต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษฝึก พู ดก่อนฝึกเขียน เพื่อเปิดใจให้ชอบ “เก่งเสียง” ทำให้อ่านศัพท์ภาษาอังกฤษออก สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจนอ่านเขียนและ สามารถ สะกดคําศัพท์ต่างๆได้ด้วยตนเองอย่าง คล่องแคล่วเรียนรู้ ได้อย่างรวดเร็วการเรียนภาษา อังกฤษแบบทั่วไปมีความ แตกต่างด้านภาษารักการ อ่าน รักค้นคว้าหาความรู้เกิด การเรียนรู้อย่างต่อ เนื่องยั่งยืน

โฟนิกส์ (Phonics) คืออะไร? โฟนิคส์ คือ วิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอด รหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจ เสียงของตัวอักษรต่าง ๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถ ผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยเรา ๆ จะท่อง กันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียง แต่เป็นการท่องจำการสะกดคำ เสียมากกว่า จากตัวอย่างนี้ ถ้าเรียนตามหลักโฟนิคส์จะสอนให้รู้จัก ตัว “c” จากเสียงของมันคือเสียง “ค” (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัว “a” เป็นเสียง “แอะ” และ ตัว “t” เป็นเสียง “ท” (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ลองออกเสียง ค-แอะ-ท ซ้ำ ๆ เร็ว ๆ จะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น “แคท”) หลักการถอดรหัสเสียง และผสมเสียง แบบนี้แหละค่ะที่เรียกว่าโฟนิคส์นั่นเอง ซึ่งผู้เรียนจะต้องฝึกผสมเสียงพยัญชนะ สระต่าง ๆ ที่หลากหลายจนคล่องแคล่วโดยใช้หลักโฟนิคส์นี้

การเทียบเสียงโฟนิกส์(Phonics) ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ABC

แนวทางการสอนโฟนิกส์ (Phonics) ภาษาอังกฤษมี 26 ตัวอักษร ที่ประกอบไปด้วยพยัญชนะ (Consonant) 21 ตัว และสระ (Vowel) 5 ตัว แต่เสียงใน ภาษาอังกฤษนั้นมีถึง 44 เสียง เราลองมาทำความรู้จักกับ แนวคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับโฟนิกส์กัน Phoneme (อ่านว่า โฟนีม) คือ หน่วยย่อยที่สุดของเสียง ซึ่งทำให้เราสามารถแยกความแตกต่างของคำออกจาก กันได้ โดยบาง Phoneme อ่านมาจากตัวอักษรเดียว ขณะที่ Phoneme อื่น ๆ อาจเกิดจากการรวม กันของตัวอักษร 2 หรือ 3 ตัวก็ได้ วิธีการอ่านแบบโฟนิกส์ก็คือการ (Blending) หรือนำเอาแต่ละ Phoneme มาประสมกันเป็นคำนั่นเอง Grapheme (อ่านว่า กราฟีม) หมายถึง ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ของที่ใช้แทนเสียง (Phoneme) ซึ่งอาจเป็นตัว อักษรหนึ่งตัวหรือหลายตัวมาผสมกัน

Digraph หมายถึง ตัวอักษร 2 ตัวที่อยู่ติดกันแล้วเกิดเสียงใหม่ (เช่น ee ออกเสียงว่า “อี” แทนที่จะเป็น “เอะ เอะ”) Trigraph หมายถึง ตัวอักษร 3 ตัวที่อยู่ติดกันแล้วเกิดเสียงใหม่ (เช่น igh ออกเสียงว่า ‘ไอ’ แทนที่จะเป็น “อิเกอะฮะ”) Split Digraph (บางครั้งอาจเรียกว่า “Magic E”) คือ ตัวอักษร 2 ตัวที่ออกเสียงเดียว (Digraph) แต่ถูกแยกออก จากกันด้วยพยัญชนะ เช่น Cake (a-e) ดังนั้น แทนที่จะท่องจำคำศัพท์ต่าง ๆ แยกกันเป็นคำ ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนวิธี ถอดรหัสการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษผ่านโฟนิกส์ และหลายงานวิจัยพบว่า วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถอ่านคำในภาษาอังกฤษได้กว่า 95% โดยประมาณ

ตารางเรียนโฟนิกส์(Phonics) จัดการเรียนการสอนโฟนิกส์ ในช่วงเวลา 08:30 - 09:30 น. ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ในทุกระดับชั้น ขั้นตอนการสอนโฟนิกส์ ระดับชั้น เดือนที่ 1 เดือนที่ 2 เดือนที่ 3 เดือนที่ 4 เดือนที่ 5 อนุบาล Letter Letter Letter sound/ Short Short sound sound Short vowel vowel A, E vowel i, o, u A, E ป.1 - ป.3 Letter Letter Short Short Short sound sound vowel vowel A, E vowel A, E i, o, u ป.4 - ป.6 Letter Short Short Short CVC sound vowel vowel vowel U/ CVC Long vowel ม.1 - ม.3 Letter A, E i, o sound Short vowel Short Short U/ Long vowel vowel vowel A, E i, o

ตัวอย่างการเรียนการสอนโฟนิกส์

ตัวอย่างการเรียนการสอนโฟนิกส์

ช่องทางการติดตามการสอนโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาล 7 (วัดแก่งขนุน)