Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นาวสาวสุนิสา เรืองชัย เลขที่22 ม4/2

นาวสาวสุนิสา เรืองชัย เลขที่22 ม4/2

Published by chompupuntong2148, 2020-07-31 11:00:02

Description: วิชาสังคมศึกษา วัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา

Search

Read the Text Version

วชิ าสงั คมศกึ ษา วฒั นธรรมและพระพุทธศาสนา จดั ทาโดย นางสาวสุนิสา เรืองชยั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี4/2 เลขท2่ี 2

1.1ประชาธิปไตยในพระพทุ ธศาสนา ประชาธิปไตยทวั่ ไปในพระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนาเป็ นศาสนาประชาธิปไตยมาต้งั แต่เริ่มแรก กอ่ นท่ีพระพุทธเจา้ จะทรงมอบ ใหพ้ ระสงฆเ์ ป็ นใหญ่ในกิจการท้งั ปวงเสียอกี ลกั ษณะท่ีเป็ นประชาธิปไตยในพระพทุ ธศาสนา มตี วั อยา่ งดงั ต่อไปน้ ี 1. พระพุทธศาสนามพี ระธรรมวนิ ัยเป็ นธรรมนูญหรือกฎหมายสงู สุด พระธรรม คือ คาสอน ที่พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง พระวินัยคอื คาสงั่ อนั เป็ นขอ้ ปฏบิ ตั ิท่ีพระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิข้ นึ เมอ่ื รวมกนั เรียกว่า พระธรรมวินัย ซ่ึงมีความสาคญั ขนาดที่พระพุทธเจา้ ทรงมอบใหเ้ ป็ น พระศาสดาแทนพระองค์ กอ่ นที่พระองคจ์ ะปรินิพพานเพียงเล็กนอ้ ย

2. มีการกาหนดลกั ษณะของศาสนาไวเ้ รียบรอ้ ย ไมป่ ล่อยใหเ้ ป็ นไปตามยถากรรม ลกั ษณะของพระพทุ ธศาสนาคอื สายกลาง ไมซ่ า้ ยสุด ไม่ขวาสุด ทางสายกลางน้ ีเป็ น ครรลอง อาจปฏบิ ตั ิคอ่ นขา้ งเคร่งครดั กไ็ ด้ โดยใชส้ ิทธิในการแสวงหาอดิเรกลาภ ตามที่ทรงอนุญาตไว้ ในสมยั ต่อมา เรียกแนวกลางๆ ของพระพุทธศาสนาวา่ วิภชั ชวาที คือศาสนาที่กล่าวจาแนกแจกแจง ตามความเป็ นจริงบางอยา่ งกล่าวยนื ยนั โดย ส่วนเดียวได้ บางอยา่ งกล่าวจาแนกแจกแจงเป็ นกรณี ๆ ไป 3. พระพทุ ธศาสนา มีความเสมอภาคภายใตพ้ ระธรรมวนิ ัย บุคคลท่ีเป็ นวรรณะ กษตั ริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศทู รมาแต่เดิม รวมท้งั คนวรรณะตา่ กวา่ น้ัน เช่นพวก จณั ฑาล พวกปุกกุสะคนเก็บขยะ และพวกทาส เมื่อเขา้ มาอปุ สมบทใน พระพุทธศาสนาอยา่ งถูกตอ้ งแลว้ มคี วามเท่าเทียมกนั คือปฏบิ ตั ิตามสิกขาบทเท่ากนั และเคารพกนั ตามลาดบั อาวุโส คือผอู้ ปุ สมบทภายหลงั เคารพผอู้ ปุ สมบทกอ่ น

4. พระภกิ ษุในพระพทุ ธศาสนา มสี ิทธิ เสรีภาพภายใตพ้ ระธรรมวินัย เช่นในฐานะภกิ ษุ เจา้ ถิ่น จะมสี ิทธิไดร้ บั ของแจกก่อนภิกษุอาคนั ตุกะ ภกิ ษุท่ีจาพรรษาอยดู่ ว้ ยกนั มีสิทธิ ไดร้ บั ของแจกตามลาดบั พรรษา มีสิทธิรบั กฐิน และไดร้ บั อานิสงสก์ ฐินในการแสวงหา จีวรตลอด 4 เดือนฤดหู นาวเท่าเทียมกนั นอกจากน้ันยงั มเี สรีภาพที่จะเดินทางไปไหน มาไหนได้ จะอยจู่ าพรรษาวดั ใดก็ไดเ้ ลือกปฏบิ ตั ิกรรมฐานขอ้ ใด ถือธุดงควตั รขอ้ ใดก็ได้ ท5.้งั สม้ ินีกฃารแบ่งอานาจ พระเถระผใู้ หญ่ทาหนา้ ที่บริหารปกครองหมคู่ ณะ การบญั ญตั ิพระ วินัย พระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิเอง เช่นมภี ิกษุผทู้ าผิดมาสอบสวนแลว้ จงึ ทรงบญั ญตั ิพระ วินัย ส่วนการตดั สินคดีตามพระวินัยทรงบญั ญตั ิแลว้ เป็ นหน้าท่ีของพระวนิ ัยธรรมซ่งึ เท่ากบั 6. พระพุทธศาสนามหี ลกั เสียงขา้ งมาก คือ ใชเ้ สียงขา้ งมาก เป็ นเกณฑต์ ดั สิน เรียกว่า วิธีเยภุยยสิกา การตดั สินโดยใชเ้ สียงขา้ งมาก ฝ่ ายใดไดร้ บั เสียงขา้ งมากสนับสนุน ฝ่ าย น้ันเป็ นฝ่ ายชนะคดี

หลกั ประชาธิปไตยในการท่ีพระพุทธเจา้ ทรงมอบความเป็ นใหญ่แก่สงฆ์ การมอบความเป็ นใหญ่แกส่ งฆม์ ลี กั ษณะตรงกบั หลกั ประชาธิปไตยหลาย ประการ ส่วนมากเป็ นเร่ืองสงั ฆกรรม คอื การประชุมกนั ทากิจสงฆอ์ ยา่ งใด อยา่ งหน่ึงใหส้ าเร็จ การทาสงั ฆกรรมประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 5 ประการ ถา้ ทาผิดพลาดประการใดประการหนึ่ง จะทาใหส้ งั ฆกรรมน้ันเสียไป ใชไ้ ม่ได้ ไมม่ ี ผล คอื เป็ นโมฆะ ส่วนสาคญั 5 ประการมดี งั น้ ีคือ 1 จานวนสงฆอ์ ยา่ งตา่ ที่เขา้ ประชุม การกาหนดจานวนสงฆผ์ เู้ ขา้ ประชุม อยา่ งตา่ ว่าจะทาสงั ฆกรรมอยา่ งใดไดบ้ า้ งมี 5 ประเภท คอื 1.1 ภิกษุ 4 รปู เขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆจ์ ตุรวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมได้ เกือบทุกชนิด เวน้ แต่ การอปุ สมบทหรือการบวชพระ การปวารณาหรือ พิธีกรรมในวนั ออกพรรษาที่ทรงอนุญาตใหว้ า่ กล่าวตกั เตือนกนั และกนั และ การสวดอพั ภาน หรือการเพิกถอนอาบตั ิหนักของภิกษุบางรปู

1.2 ภิกษุ 5 รูป เขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆป์ ัญจวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมที่ สงฆจ์ ตุรวรรค ทาไดท้ ้งั หมด และยงั เพิม่ การปวารณา การอปุ สมบทในชนบท ชายแดนไดอ้ กี ดว้ ย 1.3 ภกิ ษุ 10 รูป เขา้ ประชุม เรียกวา่ สงฆท์ สวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมที่ สงฆป์ ัญจวรรคทาไดท้ ้งั หมด และยงั เพ่ิมการอุปสมบทในมชั ฌิชนบท คือ ใน ภาคกลางของอนิ เดียไดอ้ กี ดว้ ย 1.4 ภิกษุ 20 รูปเขา้ ประชุม เรียกว่า สงฆว์ สี ติวรรค สามารถทาสงั ฆกรรมได้ ทุกชนิด รวมท้งั สวดอพั ภาน เพกิ ถอนอาบตั ิหนักดว้ ย 1.5 ภกิ ษุกวา่ 20 รูปเขา้ ประชุม เรียกวา่ อติเรกวสี ติวรรค สามารถทาสงั ฆ กรรมไดท้ ุกชนิด สาหรบั ประเพณีไทย นิยมนิมนตภ์ ิกษุเขา้ ประชุมใหเ้ กิน จานวนอยา่ งตา่ ของการทาสงั ฆกรรมน้ันๆ เสมอ เพอ่ื ใหถ้ ูกตอ้ งอยา่ งไมม่ ี โอกาสผิดพลาดในเร่ืองจานวนสงฆ์

การประกาศเร่ืองที่ประชุม และการประกาศขอความเหน็ ชอบ สงฆจ์ ะประชุม กนั ทาสงั ฆกรรมเรื่องอะไรก็ตาม จะตอ้ งมีการประกาศเร่ืองน้ันใหส้ งฆท์ ราบ ผู้ ประกาศมีรูปเดียวหรือ 2 รปู กไ็ ด้ เรียกว่า พระค่สู วดหรือพระ กรรมวาจาจารย์ เมอ่ื ประกาศใหท้ ราบแลว้ ยงั มกี ารประกาศขอความเห็นชอบ จากสงฆอ์ กี ถา้ เป็ นเร่ืองไม่สาคญั นัก มีการประกาศใหท้ ราบ 1 คร้งั และ ประกาศขอความเห็นชอบอีก 1 คร้งั เรียกว่า ญตั ติทุติยกรรม เช่น การ ประกาศมอบผา้ กฐินแก่ภกิ ษุรปู ใดรปู หนึ่ง การแต่งต้งั ภิกษุเป็ นเจา้ หนา้ ที่ทา การสงฆต์ ่างๆ ถา้ เป็ นเร่ืองสาคญั มาก มกี ารประกาศใหท้ ราบ 1 คร้งั และ ประกาศขอความเห็นอีก 3 คร้งั รวมเป็ น 4 คร้งั เรียกว่า ญตั ติจตุตถกรรม เช่นการใหอ้ ปุ สมบท การลงโทษภิกษุผปู้ ระพฤติมชิ อบ 7 อยา่ ง มตี ชั ชนียก รรม (การตาหนิโทษ) เป็ นตน้ การยกโทษเมื่อภิกษุน้ันประพฤติตนดีแลว้ และ การแต่งต้งั ภิกษุใหเ้ ป็ นผสู้ อนภกิ ษุณี เป็ นตน้

หลกั สาราณียธรรม แปลวา่ ธรรมเป็ นเครื่องระลึกถึงกนั เป็ นหลกั การที่จะทา ใหเ้ กิดความประสานพรอ้ มเพยี งสามคั คแี ละผนึกร่วมกนั เป็ นเอกภาพ หลกั ธรรมน้ ีมสี าระสาคญั ท่ีสอนว่า สงั คมประชาธิปไตยจะตอ้ ง มเี ครื่องผูกพนั คนใหม้ ีความสามคั ครี ่วมมอื ร่วมใจกนั เพราะ การท่ีแต่ละคนจะอยไู่ ดด้ ว้ ยดีและเอาศกั ยภาพของตนมาร่วม สรา้ งสรรคส์ งั คมประชาธิปไตยไดน้ ้ันคนเหล่าน้ันจะตอ้ งมี ความสามคั ครี จู้ กั ร่วมมือกนั และอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยดี การร่วมมือ กนั และอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยดีน้ันมีลกั ษณะการแสดงออกต่าง ๆ ซึ่ง เนน้ ความมเี มตตาปรารถนาดีหวงั ประโยชน์สขุ ต่อกนั อนั จะโยง ไปหาหลกั การพ้ นื ฐานคือการท่ีคนเราจะตอ้ งใชป้ ัญญา คอื จะตอ้ งใชป้ ัญญาน้ันบนพ้ นื ฐานของเมตตา หมายความว่าใช้ ปัญญาโดยมเี มตตาประกอบ หลกั ของความเป็ นเอกภาพที่ เรียกว่า สาราณียธรรม มี 6 ประการคอื

1. เมตตากายกรรม คือ จะทาอะไรก็ทาต่อกนั ดว้ ยเมตตา หมายความว่าทาดว้ ยความรกั ดว้ ย ไมตรีดว้ ยความปรารถนาดีต่อกนั มคี วาม ช่วยเหลือกนั มีการร่วมมอื กนั มคี วามพรอ้ มท่ีจะ ประสานงานกนั 2. เมตตาวจกี รรม คอื จะพดู อะไรกพ็ ดู ดว้ ย เมตตา โดยเจรจากนั ดว้ ยเหตุผล โดยใช้ ปัญญา ไมใ่ ชโ้ ทสะเป็ นตวั นาฉะน้ันตอ้ พดู ดว้ ย ความปรารถนาดีต่อกนั มจี ิตสานึกใน ผลประโยชน์สุขร่วมกนั ตอ้ งการสรา้ งสรรค์

3. เมตตามโนกรรม คือ จะคดิ อะไรกค็ ิดต่อกนั ดว้ ยเมตตา นัน่ คือ การมคี วามหวงั ดีต่อกนั ปรารถนาดีต่อกนั โดยการคดิ พจิ ารณาวนิ ิจฉยั คิดวางแผนต่าง ๆ โดยมุ่งทาใหเ้ กิดประโยชน์ สุขแกก่ นั สรา้ งสรรคส์ งั คมและมไี มตรีต่อกนั อยา่ งแทจ้ ริง 4. สาธารณโภคี หมายถึง การมีกินมใี ช้ ร่วมกนั หรือมกี ารแบ่งปันเอ้ ือเฟ้ ื อเผื่อแผ่ต่อ กนั หรือการม่งุ ช่วยเหลือและบาเพ็ญ ประโยชน์ต่อสาธารณะโดยการไม่เหน็ แก่ตวั เป็ นตน้

5. สีลสามญั ญตา หมายถึง มีศีลเสมอกนั คือ มคี วามประพฤติดี รกั ษาระเบียบวนิ ัย รกั ษา กฎกติกาของสงั คม มคี วามสุจริตกายวาจาท่ี เสมอกนั ไมเ่ บียดเบียนผอู้ นื่ ไมก่ อ่ ความ เดือดรอ้ นแกส่ งั คม 6. ทิฐิสามญั ญตา หมายถึง มที ิฐิ มคี วามเหน็ มีความเชื่อมนั่ ยดึ ถือในหลกั การอดุ มการณ์ และอดุ มคติร่วมกนั หรือสอดคลอ้ งกนั คนใน สงั คมประชาธิปไตยจะตอ้ งมีความเห็นความ เขา้ ใจและความเชื่อมนั่ ในหลกั การ ประชาธิปไตยร่วมกนั เช่น การยอมรบั ระบอบประชาธปิ ไตย การเขา้ ใจเรื่องสิทธิ และหน้าที่ การเขา้ ใจเร่ืองเสรีภาพ ภราดร ภาพหรือเอกภาพ เป็ นตน้

กล่าวโดยสรุป พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนสาหรบั พระสงฆก์ อ่ น ว่าพระสงฆ์ จะตอ้ งอยดู่ ว้ ยหลกั 6 ประการน้ ี ถา้ อยดู่ ว้ ยหลกั 6 ประการแลว้ แต่ละคนท่ี เป็ นสมาชิกของสงั คมก็จะระลึกถึงกนั มนี ้าใจประสานกลมกลืนพรอ้ มท่ีจะ ร่วมมอื กนั เพราะต้งั แต่ทางกายเราก็มีเมตตาต่อกนั ปฏบิ ตั ิต่อกนั ดว้ ย เมตตาช่วยเหลือเอาธุระต่อกนั ทางวาจาเราก็พดู ดว้ ยน้าใจรกั กนั ในจติ ใจ เรากค็ ดิ ปรารถนาดีต่อกนั ในการอยรู่ ่วมกนั มีของอะไร หรือไดร้ บั ส่ิงใดมาก็ มาแบ่งปันกนั ในการรกั ษาสถานภาพของสงั คมเรากร็ กั ษาระเบียบวนิ ัย มี ศีลเสมอกนั ไม่เบียดเบียนกอ่ ความเดือดรอ้ นแก่กนั และปฏบิ ตั ิตามกฎ กติกาของส่วนรวม เราก็มคี วามเชื่อมนั่ ยดึ ถือและเขา้ ใจหลกั การสาคญั ของ ประชาธิปไตยร่วมกนั ตลอดจนเขา้ ใจร่วมกนั ในความจรงิ ท่ีเป็ นธรรมชาติ ของโลกและชีวติ ท่ีจะรองรบั ความเป็ นมนุษยข์ องเราไวด้ ว้ ยกนั เพียงเท่าน้ ีก็ อยเู่ ป็ นสุขและพฒั นาไดด้ ีแน่ บนฐานแหง่ ความสมั พนั ธท์ ี่ดีงามมนั่ คง โดยที่ แต่ละคนก็มีความระลึกถึงกนั มีน้าใจประสานร่วมมือต่อกนั สงั คมก็ยดึ เหนี่ยวเกาะกุมกนั อยใู่ หเ้ กิดภาวะท่ีเรียกวา่ เอกภาพ

อา้ งอิงจาก about:blank#blocked https://r.search.yahoo.com/_ylt=Awr 9FqxBJCRf7D0AKK.jzbkF;_ylu=X3oD MTBtdXBkbHJyBHNlYwNmcC1hdHRya WIEc2xrA3J1cmw- /RV=2/RE=1596232897/RO=11/RU= https%3a%2f%2fthn246577social.blo gspot.com%2f2016%2f08%2fblog- post_69.html/RK=2/RS=S.zFdtA2OsR Matsljazfgylm3AQ-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook