แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วชิ า ส 31102 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 กลุม่ สาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จัดทำโดย นางสาวณฐั ธิกา นวลหอม ตำแหนง่ พนักงานราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ตำบลช่างเคงิ่ อำเภอแม่แจม่ จังหวัดเชียงใหม่ สำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ พระรตั นตรยั
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ พระรัตนตรยั เรอ่ื ง การกอ่ ต้ังพระพทุ ธศาสนา ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ หนว่ ยกติ ๑ (นน./นก.) ผ้สู อน นางสาวณฐั ธิกา นวลหอม โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ช่ัวโมง ๑. สาระสำคญั การก่อตั้งพระพุทธศาสนาเกิดจากการนำหลักธรรมการตรัสรู้ไปเผยแผ่ตามแนวพุทธจริยา ทรงสอน โดยการปรับให้สอดคล้องกับบุคคลและสถานการณ์จนมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสมานับถือปฏิบัติตาม หลักคำส่งั สอนเปน็ จำนวนมาก ๒. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชนั้ ป/ี ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวตั ิ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ตี น นบั ถือและศาสนาอนื่ มศี รัทธาท่ถี กู ต้อง ยดึ มั่นและปฏบิ ตั ิตามหลักธรรม เพือ่ การอยรู่ วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ ตัวช้วี ัดช้นั ปี/ผลการเรยี นรู้ ส 1.1 ม.4-6/2 วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนไดอ้ ยา่ งสงู สุดในการตรัสรู้การ ก่อตงั้ วิธีการสอน และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรอื วิเคราะหป์ ระวตั ิศาสดาที่ตนนับถือตามท่ีกำหนด ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge นกั เรยี นสามารถอธิบายการกอ่ ต้ังพระพุทธศาสนา วิธีการสอน และการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาได้ ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process ๑. นักเรยี นมที ักษะกระบวนคิด - คดิ วิเคราะห์ ๓.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้ และมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๕. คณุ ลักษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ ๖. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ชน้ิ งาน 1) ใบงาน 1.1 การกอ่ ตง้ั พระพทุ ธศาสนา 6.2 ภาระงาน ๑) นักเรยี นทำกจิ กรรมกล่มุ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมทั้งแจ้งจุดประสงค์การเรียนรูใ้ ห้นักเรียนทราบ จากนั้นครูให้ นักเรียนสังเกตภาพดอกบัว 4 เหล่า แล้วร่วมกันสนทนาว่า พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบบุคคลเหมือน ดอกบวั 4 เหล่าว่าอยา่ งไร นกั เรียนคดิ วา่ ตนเองเปรยี บดงั ดอกบวั เหล่าใด เพราะเหตใุ ด เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ เนือ้ หา ขั้นสอน 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๔ กลุ่ม ตามความสมัครใจ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกัน แสวงหาความรู้ เรื่อง การก่อตั้งพระพุทธศาสนา วิธีการสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนว พทุ ธจริยา จากหนงั สือเรยี น หนังสอื ค้นควา้ เพมิ่ เตมิ หอ้ งสมดุ ๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ สรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยตอบคำถาม ดังนี้ การก่อตั้งพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในช่วงใด พระพุทธเจ้าก่อตั้งพระพุทธศาสนา ได้สำเร็จ เป็นเพราะสาเหตุใด เพราะเหตใุ ดพระพุทธเจ้าจึงได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นพระบรมครู ลงใน ใบกิจกรรมท่ี 1.1 การกอ่ ต้ังพระพุทธศาสนา ขนั้ สรปุ 4. นักเรยี นและครูชว่ ยกนั สรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั การก่อตัง้ พระพุทธศาสนา วิธกี ารสอน และการเผย แผ่พระพุทธศาสนา ๘. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ ส่อื การเรียนการสอน ๑) หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.4 ๒) หนังสือค้นคว้าเพ่ิมเตมิ
๘.๒ แหลง่ เรียนรู้ ๑) หอ้ งสมดุ ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจใบกจิ กรรมที่ ๑.1 ใบกจิ กรรมที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความสามารถในการคิด แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ วเิ คราะห์ นกั เรียน สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รียน พอเพยี ง พอดีด้านเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ ความพอประมาณ รู้จักใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ สอื่ ท่ีเหมาะสมและ มจี ิตสำนกึ ท่ีดี เอ้ืออาทร ความมเี หตผุ ล สอดคลอ้ งเนือ้ หาเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้เรยี นและ ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ พฒั นาจากภูมิปัญญาของผูเ้ รยี น สว่ นรวม/กลมุ่ มีภมู คิ ้มุ กันในตวั ทดี่ ี - ยึดถอื การประกอบอาชพี ด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต ถกู ต้อง สจุ ริต แม้จะตกอย่ใู นภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ ในการดำรงชวี ติ ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก ความไมร่ ู้) - ปฏิบัติตนในแนวทางทด่ี ี ลด เลิก สิง่ ยั่ว กิเลสให้หมดสน้ิ ไป ไม่กอ่ ความช่วั ใหเ้ ป็นเครอ่ื ง ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ทำลายตัวเอง ทำลายผอู้ ่นื พยายามเพ่ิมพูน และระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ รกั ษาความดี ทม่ี อี ยู่ใหง้ อกงามสมบูรณย์ ิ่งขน้ึ ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ภูมปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน ระมดั ระวัง ภูมธิ รรม : ซือ่ สตั ย์ สุจริต ขยนั อดทน ตรงต่อเวลาและแบ่งปัน
เง่อื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรอ่ื งพระรตั นตรัยท่ี ความรอบรู้ เรือ่ งพระรตั นตรัย เงื่อนไขคณุ ธรรม เกีย่ วขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบท่ีจะนำ กรณีท่เี กดิ งาน ปริมาณท่ีเกี่ยวขอ้ ง ความรูเ้ หล่านั้นมาพิจารณาให้เชือ่ มโยงกัน การคำนวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถ เพ่อื ประกอบการวางแผน การดำเนนิ การจดั นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ กิจกรรมการเรียนรใู้ หก้ บั ผู้เรียน เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคณุ ธรรม ซ่ือสัตยส์ ุจรติ และมีความอดทน มีความ มคี วามซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และมีความ เพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชีวิต อดทน มคี วามเพยี ร ใช้สติปัญญา ในการดำเนินชวี ิต กิจกรรม ครู ผเู้ รยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ตน้ ไมท้ พี่ ระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรสั รู้ ตน้ ไม้ทพี่ ระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ตน้ ไม้ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ ตรัสรู้ ปรนิ พิ พาน ตรัสรู้ ปรินพิ พาน ปรนิ ิพพาน - ประวัตแิ ละความเปน็ มาของ - อธบิ ายชนดิ ของต้นไม้และ - ระบุชนิดของต้นไม้และประวัติ ต้นไม้ทพ่ี ระพุทธเจ้าทรง ประวตั คิ วามเปน็ มาของต้นไมท้ ี่ ความเป็นมาของต้นไม้ท่ีพระพุทธเจ้า ประสตู ิ ตรัสรู้ และปรินิพาน พระพุทธเจ้าทรงประสตู ิ ตรสั รู้ ทรงประสตู ิ ตรัสรู้ และปรนิ ิพาน และปรินพิ าน
๑1. บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงชือ่ )……………………………….…………….............. (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผู้สอน
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ พระรัตนตรัย เรื่อง ประวตั พิ ุทธสาวกสาวกิ า ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ช่ัวโมง/สัปดาห์ หน่วยกิต ๑ (นน./นก.) ผู้สอน นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. สาระสำคัญ การศกึ ษาประวตั พิ ุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า ชาดก และศาสนกิ ชนตัวอย่าง ยอ่ มทำให้ไดข้ ้อคิดเพื่อ นำไปฝกึ ฝน พัฒนาตนเอง พงึ่ พาตนเอง และเปน็ แบบอย่างในการดำเนนิ ชีวติ ๒. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั ชัน้ ป/ี ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี น นบั ถือและศาสนาอ่ืน มศี รัทธาทถ่ี กู ตอ้ ง ยดึ ม่นั และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่อการอยรู่ วมกันอย่างสันตสิ ุข ตัวช้ีวดั ชั้นป/ี ผลการเรียนรู้ ส 1.1 ม.4-6/14 วิเคราะห์ข้อคิดและแบบอย่างการดำเนินชีวิตจากประวัติสาวก ชาดก เรอ่ื งเลา่ และศาสนกิ ชนตัวอยา่ งตามทก่ี ำหนด ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge นักเรียนสามารถอธิบายข้อคดิ ทไี่ ดร้ บั จากประวตั ิพทุ ธสาวก สาวิกา และศาสนิกชนตัวอยา่ งได้ ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ : Process ๑. นกั เรยี นมที ักษะกระบวนคิด - คิดวเิ คราะห์ ๒. นักเรียนมีทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ๓.๓ ดา้ นคุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้ และมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม
๔. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๕. คุณลกั ษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๖.๑ ชิ้นงาน ๑) ใบกจิ กรรมท่ี ๑.๑ เรือ่ ง ประวัตพิ ทุ ธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชนตวั อย่าง ๖.๒ ภาระงาน ๑) นักเรยี นทำกิจกรรมกล่มุ ๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงท่ี ๑ เร่ือง พระพทุ ธศาสนาเน้นการพฒั นา ศรัทธาและปญั ญาที่ถูกต้อง นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่ือง พระรตั นตรยั จำนวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมทั้งแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูครู ถามนักเรียนว่าพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา ที่นักเรียนรูจ้ ักมีใครบ้าง เพ่อื เชือ่ มโยงเข้าสเู่ นื้อหา ข้ันสอน ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๔ กลุ่ม ตามความสมัครใจ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกัน แสวงหาความรู้ เรื่อง ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชนตัวอย่าง จากหนังสือเรียน หนังสือ ค้นคว้าเพ่ิมเตมิ ห้องสมุด ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับใบงานที่ ๑.๑ เรื่อง ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชนตวั อย่าง โดยแบ่งหน้าทก่ี นั ปฏบิ ตั ิ ดังนี้ - สมาชกิ คนท่ี 1 อา่ นคำถาม และแยกแยะส่ิงทเ่ี ปน็ ประเด็นสำคญั ของคำถาม - สมาชิกคนที่ 2 วิเคราะห์หาแนวทางตอบคำถาม อธิบายให้ได้มาซ่ึงแนวคำตอบหรอื อธบิ าย ให้ได้มาซงึ่ คำตอบ - สมาชกิ คนท่ี 3 รวบรวมข้อมูลและเขยี นคำตอบ - สมาชิกคนท่ี 4 สรุปขน้ั ตอนทงั้ หมด ตรวจคำตอบ สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ รว่ มกนั ตอบคำถามตามท่ีกำหนดไว้จนเสรจ็ เรียบร้อย โดยมีการช่วยเหลือ กนั และมีการอธบิ ายใหก้ ันฟังจนเข้าใจ จนสมาชิกทุกคนสามารถตอบคำถามได้ครบทกุ ขอ้
๔. ครูเฉลยคำตอบในใบงานที่ ๑.๑ เรื่อง ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชนตวั อยา่ ง โดยสมาชกิ แต่ละกลุ่มตรวจคำตอบของกล่มุ ตนเอง ขน้ั สรุป ๖. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ คุณธรรมสำคญั ของพุทธสาวก พุทธสาวิกา (พระอนรุ ุทธเถระ พระ องคุลิมาลเถระ พระธัมมทินนาเถรี จิตตคหบด)ี และแนวทางนำไปประยกุ ตป์ ฏบิ ัติ ๘. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ ๘.๑ ส่ือการเรยี นการสอน ๑) หนังสือเรียน พระพุทธศาสนา ม.4 ๒) หนังสือคน้ คว้าเพิม่ เตมิ ๘.๒ แหล่งเรียนรู้ ๑) หอ้ งสมุด ๙. การวดั ผลและประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ ๑.๑ สงั เกตความสามารถในการคิด ใบงานท่ี ๑.๑ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ วิเคราะห์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของ ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ นักเรยี น สังเกตความใฝเ่ รียนรู้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รียน พอเพียง พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจติ ใจ ความพอประมาณ รู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลิตสอื่ ท่เี หมาะสมและ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร สอดคล้องเนอ้ื หาเป็นประโยชน์ตอ่ ผเู้ รยี นและ ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ พัฒนาจากภมู ิปัญญาของผ้เู รยี น ส่วนรวม/กลุ่ม
ความมเี หตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต มภี มู ิคมุ้ กนั ในตัวทีด่ ี เง่ือนไขความรู้ ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ เง่ือนไขคณุ ธรรม ในการดำรงชวี ิต ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก - ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่งย่ัว ความไมร่ ู้) กิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่อง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รกั ษาความดี ทม่ี ีอยู่ให้งอกงามสมบรู ณ์ยง่ิ ขน้ึ ภูมิปญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั และระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซื่อสตั ย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน ความรอบรู้ เรอ่ื งพระรัตนตรัยที่เกยี่ วขอ้ ง ความรอบรู้ เรอื่ งพระรตั นตรยั รอบดา้ น ความรอบคอบทจ่ี ะนำความรเู้ หลา่ น้ัน ก ร ณีที่เก ิดง าน ปร ิมา ณ ที่ มาพิจารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกัน เพือ่ ประกอบการ เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้อง วางแผน การดำเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ใช้ สามารถนำความรู้เหล่านั้นมา ให้กับผู้เรียน พิจารณาให้เชื่อมโยงกัน สามารถ ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคุณธรรม ซื่อสัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มคี วามเพียร มคี วามซือ่ สตั ย์สุจริตและมคี วาม ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชวี ิต อดทน มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญา ในการดำเนนิ ชีวติ กิจกรรม ครู ผเู้ รยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ตน้ ไม้ท่พี ระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ตรัสรู้ ต้นไม้ที่พระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ตน้ ไมท้ พี่ ระพุทธเจา้ ประสูติ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ตรัสรู้ ปรินิพพาน ปรนิ พิ พาน - ประวตั ิและความเป็นมาของ - อธิบายชนิดของต้นไม้ - ระบุชนิดของต้นไม้และ ตน้ ไม้ท่พี ระพุทธเจา้ ทรง และประวตั ิความเป็นมา ประวตั ิความเป็นมาของต้นไม้ ประสตู ิ ตรัสรู้ และปรนิ พิ าน ของตน้ ไม้ที่พระพุทธเจา้ ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และ ตรสั รู้ และปรินิพาน ปรนิ ิพาน
๑1. บนั ทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงชอ่ื )……………………………….…………….............. (นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม) ผสู้ อน
ใบงานท่ี เรอ่ื ง ประวัติพทุ ธสาวก พุทธสาวกิ า และศาสนิกชนตัวอยา่ ง ๑.๑ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี 1. เพราะเหตุใด เจ้าชายอนรุ ทุ ธะจงึ ตดั สนิ ใจบวช ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ๒. เพราะเหตุใด พระอนุรทุ ธะสามารถปฏบิ ัตมิ หาปริสวิตกขอ้ ท่ี 8 ได้ .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................... ........................................................... ๓. เพราะเหตใุ ด พระอนุรุทธะจึงมคี วามเช่ียวชาญเรอ่ื ง ทิพพจักขุ ............................................................................................................................. ............................................. ..................................................................................................................................................... ..................... ๔. พระอนรุ ทุ ธะมสี ่วนสำคญั ในการทำปฐมสังคายนาอยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ........................... ๕. คุณธรรมท่คี วรถอื เป็นแบบอยา่ งของพระอนรุ ทุ ธะ คืออะไร .......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ................. ๖. เพราะเหตุใด องคุลมิ าลจงึ เปน็ ทรี่ กั ของอาจารยท์ ศิ าปาโมกข์ .......................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... ..................................... ๗. เพราะเหตใุ ด องคุลมิ าลจงึ ฆา่ คนแล้วเอานิว้ มอื มาร้อยเปน็ พวงแขวนคอไว้ ..................................................................................................................................................... ..................... .......................................................................................................................................................................... ๘. พระพทุ ธองคต์ รสั ตอบองคุลมิ าลว่า “เราหยุดแล้ว แตเ่ ธอยงั ไมห่ ยดุ ” หมายความว่าอย่างไร .............................................................................................................................................. ............................ ..........................................................................................................................................................................
๙. เพราะเหตใุ ด ประชาชนจงึ ไม่ใส่บาตรและทำร้ายพระองคุลมิ าลในระยะแรกของการบวช .......................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ................................... ๑๐. พระองคุลมิ าลได้รับการสรรเสริญวา่ ตน้ คดปลายตรง หมายความว่าอยา่ งไร ....................................................................................................................................................... ................... .......................................................................................................................................................................... ๑๑. คณุ ธรรมอนั เป็นแบบอยา่ งของพระองคุลิมาล ได้แกอ่ ะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................ .................................. ๑๒. พระธมั มทินนาเถรมี ีวธิ กี ารปฏบิ ตั ิอยา่ งไร จึงสามารถบรรลุเป็นพระอรหนั ต์ ..................................................................................................................................................................... ..... .......................................................................................................................................................................... ๑๓. พระภิกษุณีธมั มทนิ นาเถรไี ด้รบั การยกยอ่ งจากพระพทุ ธองคว์ า่ เป็นเอตทัคคะในด้านใด ยกตัวอย่างประกอบ .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ๑๔. พระภกิ ษณุ ีธัมมทนิ นาเถรีมคี ณุ ธรรมอันเป็นแบบอย่าง อยา่ งไรบ้าง ...................................................................................................................................... .................................... .......................................................................................................................................................................... ๑๕. จิตตคหบดีมกี ารกระทำอย่างไรทแี่ สดงว่าเปน็ ผมู้ ใี จบุญ ................................................................................................................................................................... ....... .......................................................................................................................................................................... ๑๖. เพราะเหตใุ ด จิตตคหบดจี ึงไดร้ ับการยกยอ่ งเปน็ เอตทคั คะเป็นเลศิ กว่าผ้อู ื่นในทางธรรมกถึก ........................................................................................................................................................ .................. .......................................................................................................................................................................... ๑๗. คุณธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอย่างของจติ ตคหบดี คอื อะไร ..................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................................................. .............
เฉลย ใบงานท่ี เร่ือง ประวตั พิ ทุ ธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง ๑.๑ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เพราะเหตุใด เจา้ ชายอนรุ ุทธะจงึ ตดั สินใจบวช .................................................................................................................................................. ........................ ..เ.พ...ร..า.ะ...ไ.ด..้ข..้อ...ค..ิด..จ..า..ก..พ...ร..ะ..เ.ช..ษ...ฐ..า...จ..งึ..น..ำ..ม...า.เ..ป..ร..ีย..บ...เ.ท..ีย...บ..ร..ะ..ห...ว.่า..ง..ช..ีว..ิต..ก...า..ร.ค...ร.อ..ง..เ.ร..ือ...น..ซ..งึ่..ม..กี...ิจ..ท..่ีต..้อ...ง.ท...ำ..ม..า..ก..ก..ว..่า..ก...า.ร..บ...ว..ช.... ๒. เพราะเหตุใด พระอนรุ ทุ ธะสามารถปฏิบัติมหาปริสวิตกข้อท่ี 8 ได้ ............................................................................................................................. ............................................. ...ไ.ด...้ร.ับ...ค..ำ..แ..น...ะ..น..ำ..จ..า..ก..พ...ร..ะ..พ..ทุ...ธ..อ..ง..ค..จ์..งึ..เ.ข..้า..ใ..จ........................................................................................................... ๓. เพราะเหตุใด พระอนุรทุ ธะจึงมีความเช่ียวชาญเรอื่ ง ทพิ พจักขุ ......................................................................................................................................................................... . .เ.พ...ร..า..ะ..ท..า่..น..ช...อ..บ..เ..จ..ร..ิญ...อ..า..โ.ล..ก...ก..ส..ิณ....เ..พ..ง่..แ..ส..ง..ส..ว..า่..ง..เ.ป...็น..ป...ร.ะ...จ.ำ..................................................................................... ๔. พระอนรุ ุทธะมีส่วนสำคัญในการทำปฐมสงั คายนาอยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .ไ..ด..้เ.ข..า้..ร..่ว..ม..เ..ป..น็...พ..ร..ะ..ส..ัง..ค..ตี..ิก...า..จ..า.ร..ย...์อ..ง..ค..์ห..น...ึง่ ............................................................................................................. ๕. คณุ ธรรมทีค่ วรถอื เป็นแบบอย่างของพระอนรุ ทุ ธะ คอื อะไร ............................................................... .................................................................................................... ....... .๑...)...ม...ีค..ว..า..ม..พ...า..ก..เ.พ...ีย..ร..........๒..)....เ.ป..น็...ผ..ู้ส..ำ..ร..ว..ม..ร..ะ..ว..ัง..ย..ิง่.........๓..)....เ.ป..น็...ห..ล..ัก...แ..ห..ง่..พ...ร..ะ..ธ..ร..ร..ม..ว..นิ ..ัย.......................................... ๖. เพราะเหตุใด องคุลมิ าลจงึ เป็นท่ีรกั ของอาจารยท์ ิศาปาโมกข์ .เ.พ..ร..า..ะ..เ.ป...็น..ผ...ู้ท..ีต่..ง้ั..ใ.จ...เ.ร..ยี ..น...ว..า่..น...อ..น..ส...อ..น..ง..่า..ย...ป...ร..ะ..พ..ฤ...ต..ิด..ีเ.ร..ยี..น...เ.ก..่ง................................................................................. .......................................................................................................................................................................... ๗. เพราะเหตใุ ด องคุลมิ าลจึงฆา่ คนแล้วเอานิ้วมือมารอ้ ยเปน็ พวงแขวนคอไว้ .เ.พ...ร..า..ะ..เ.ช..อ่ื..ฟ...งั..อ..า..จ..า..ร..ย..ท์ ..่ีไ..ม..ห่..ว..งั..ด..ี..เ.น..อ่ื..ง..จ..า..ก..อ...า..จ..า.ร..ย...์ถ..ูก..ย..ยุ..ง..จ..า..ก..ศ...ษิ ..ย..อ์...ื่น..ท...อ่ี ..ิจ..ฉ..า..อ..ง..ค..ุล...ิม..า..ล........................................... .......................................................................................................................................................................... ๘. พระพุทธองคต์ รัสตอบองคลุ มิ าลวา่ “เราหยุดแล้ว แตเ่ ธอยงั ไม่หยุด” หมายความว่าอย่างไร .พ...ร.ะ...พ..ทุ...ธ..เ.จ..า้..ห..ย..ุด...ท..ำ..บ...า.ป....แ..ต...่อ..ง..ค..ลุ ..ิม..า..ล...ย..งั .ไ..ม..ห่...ย..ุด................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
๙. เพราะเหตใุ ด ประชาชนจงึ ไม่ใส่บาตรและทำร้ายพระองคลุ มิ าลในระยะแรกของการบวช เ..พ..ร..า..ะ..ป...ร.ะ...ช..า..ช..น..เ.ก...ล..ยี ..ด..แ..ล...ะ..ไ.ม...่ช..อ..บ..พ...ฤ..ต...กิ ..ร..ร..ม..อ..ัน...โ.ห...ด..ร..้า..ย..ข..อ..ง..พ...ร.ะ...อ..ง..ค..ุล..มิ..า..ล....เ.ม..อ่ื..ค...ร..้งั .ย...งั .ไ..ม..บ่ ..ว..ช...แ...ล..ะ..ฆ..่า..ค..น................. เ..ป..็น...จ..ำ..น..ว..น..ม...า..ก..เ.พ...่อื ..เ.อ..า..น...วิ้ .................................................................................................................................... ๑๐. พระองคลุ ิมาลได้รบั การสรรเสรญิ วา่ ต้นคดปลายตรง หมายความวา่ อย่างไร ป...ร..ะ..พ..ฤ...ต..ติ ..น...พ..ล..า..ด..พ...ล..ง้ั..ไ.ป...ใ.น...ร..ะ..ย..ะ..ต..้น....แ..ต...ต่ ..อ่ ..ม..า..ก..ล...ับ..ต..วั..เ..ป..็น..พ...ร..ะ..ส..า..ว..ก..ท...่ีด..ี................................................................ ................................................................................................................................................................... ....... ๑๑. คณุ ธรรมอนั เป็นแบบอยา่ งของพระองคลุ มิ าล ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ..๑...)....ม..ขี ..ัน...ต..ธิ ..ร..ร..ม..อ..ย..า่..ง..ย..งิ่......๒..)....ม..สี..ัม...ม..า..ค..า..ร..ว..ะ..อ..ย..า่..ง..ย..่งิ....๓...)....เ.ป..น็...บ..คุ...ค..ล..ป...ร..ะ..เ.ภ..ท...ต..้น...ค..ด..ป...ล..า..ย..ต..ร..ง.............................. ..๔...)....เ.ป..็น...ผ..มู้ ..ีเ.ม...ต..ต..า..ก..ร..ุณ...า..ม...า.ก................................................................................................................................ ๑๒. พระธมั มทนิ นาเถรมี ีวธิ ีการปฏิบตั ิอย่างไร จงึ สามารถบรรลุเปน็ พระอรหนั ต์ ..พ...ร..ะ..ภ..กิ...ษ..ณุ...ธี..มั...ม..ท...นิ ..น..า..ไ..ด..้ต..ดิ...ต..า..ม..พ...ว..ก..ภ..กิ...ษ..ณุ...ไี..ป..ย..ัง..ช..น...บ..ท...ต..่า..ง..ๆ...บ...ำ.เ..พ..็ญ...เ.พ...ยี..ร..ท...า..ง.จ..ติ...จ.น...บ..ร..ร..ล..ุเ.ป...น็ ..พ...ร..ะ..อ..ร..ห...ัน..ต..์.......... ............................................................................................................................................. ............................. ๑๓. พระภิกษณุ ีธัมมทนิ นาเถรีไดร้ บั การยกยอ่ งจากพระพุทธองค์ว่าเปน็ เอตทคั คะในดา้ นใด ยกตวั อย่างประกอบ ............................................................................................................................. ............................................. .ด..้า..น...แ..ส..ด..ง..ธ..ร..ร..ม...(.เ..ป..น็...พ..ร..ะ..ธ..ร..ร..ม..ก...ถ..ึก..)..ต...ัว..อ..ย..่า..ง..เ.ช..่น....ก..า..ร..ต..อ..บ..ป...ัญ...ห..า..ธ..ร..ร..ม..ข..อ...ง.ว..ิส...า.ข...ะ..เ.ศ..ร..ษ...ฐ..ีไ.ด..้อ...ย..่า..ง.ถ...ูก..ต..้อ..ง................. ๑.ช.๑.๔ัด.)..เ..จ.มพ.น.ปี.ร.ะ.ัญ..ภ.ญ.กิ..าษ..แ.ุณ.ล..ะีธ..มัใ.ช.ทม..ปุ้ก.ท.ญัเ.นิ.ร.ญื่อ.น..งาา.ท.เแ.ถ.ุกก.ร.ป.ป้มี..รญัคี..ะ.ณุห.เ.ด.าธ.น็ช.ร..วีร.ิต.ม..อ..นั...เ๒.ป..)น็...แ.ใ.ฝบ..่คบ..ว.อ.า.ย.ม.า่..รง.แู้..อ.ล.ย.ะ..า่ค.ง.ว.ไ.า.ร.ม.บ.ก.า้..้าง.ว..ห...น..า้..ใ..น..ค..ว..า..ม..ด..ีท...ุก..เ.ร..่ือ..ง..ท...กุ ..ป..ร..ะ..เ..ด..็น.............. .......................................................................................................................................................................... ๑.๑..๕.).....นจ..ิมิต..ตน...คต..หท์..บ.า่ .น.ด..มมี..หกี...าา.รน..ก.า..รม..ะะ..ทไ..ปำ..อฉ..ยัน..่า.ภ.ง.ตั.ไ.รต..ท.า.ห.แ่ี ..สา..รด..ทง..วี่ค..่าฤ..เ.หป..า็น..ส.ผ.น.มู้..เ์ ีใ.ป.จ.น็.บ..ปญุ..ร..ะ..จ..ำ....แ..ล..ะ..ส..ร..า้..ง..ท..่พี...ำ..น..ัก..ช...่อื ...อ..ัม...พ..า..ฏ...ก..า..ร..า..ม...ใ..ห..ท้..า่..น........... ..๒อ......ย)....เู่ ..ป..ถ..น็..ว....าป..ย..ร....ทะ....าจ....นำ......อ....ย....่า....ง....ป....ร....ะ....ณ......ีต....ม......โ..ห......ฬ....า....ร....ต....ิด......ต....อ่ ....ก....นั......จ....ำ....น....ว....น.....ม.....า....ก............................................................................................................................................................................ ๑๖. เพราะเหตุใด จิตตคหบดจี งึ ไดร้ บั การยกยอ่ งเป็นเอตทคั คะเป็นเลศิ กว่าผู้อน่ื ในทางธรรมกถกึ .เ.พ...ร..า.ะ...ท..่า..น..ม...ีป..ฏ...ิภ..า..ณ...เ.ฉ..ยี...บ..แ..ห...ล..ม..แ...ล..ะ..ม..ีค...ว.า..ม...ส..า..ม..า..ร..ถ..ใ.น...ก..า..ร..แ..ส..ด...ง.ธ..ร..ร..ม..ม...า..ก............... ............................................. .......................................................................................................................................... ................................ ๑๗. คุณธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอย่างของจิตตคหบดี คอื อะไร .๑..)....เ.ป...็น..ค..น...ใ.จ..บ...ญุ ...ส..นุ ...ท..า..น........๒..)....เ.ค...า.ร..พ...พ..ร..ะ..ส...ง.ฆ...์ม..า..ก........๓..)....เ.ป..็น...ค..น...เ.ก..่ง..แ..ล..ะ..ค...น..ด..ี................................. ................. ..........................................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ พระรัตนตรัย เรอ่ื ง หลกั ธรรม ภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรยี น ๒ ช่ัวโมง/สัปดาห์ หน่วยกิต ๑ (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณฐั ธิกา นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ชวั่ โมง ๑. สาระสำคญั หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในกรอบอรยิ สัจ 4 เปน็ หลักสำคัญท่ผี ูป้ ฏิบตั ิตามยอ่ มดำเนนิ ชีวติ ไป ในทางที่ถูกต้อง สง่ ผลตอ่ การอยรู่ ่วมกนั อย่างสันติสขุ และการอยู่ร่วมกันเปน็ ชาตอิ ย่างสมานฉันท์ รวมไปถงึ คา่ นิยมและจรยิ ธรรมที่มีอทิ ธิพลตอ่ ความเจรญิ หรอื ความเส่ือมของสังคม ๒. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวัดชั้นปี/ผลการเรียนรู/้ เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวตั ิ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ตี น นบั ถอื และศาสนาอืน่ มีศรัทธาท่ถี กู ตอ้ ง ยึดมัน่ และปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรม เพอ่ื การอยูร่ วมกันอยา่ งสนั ติสุข ตัวชีว้ ัดชนั้ ป/ี ผลการเรียนรู้ ส1.1 ม.4-6/1๓ วเิ คราะหห์ ลกั ธรรมในกรอบอรยิ สัจ 4 หรือหลกั คำสอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge อธบิ ายความหมาย และวเิ คราะหห์ ลกั ธรรมอริยสัจ ๔ ได้ ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process มที กั ษะกระบวนการทำงานกลมุ่ ๓.๓ ด้านคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความมุ่งมั่นในการทำงาน และมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการแกป้ ัญหา
๕. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ช้นิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทำกิจกรรมกลุม่ ๒) นักเรยี นนำเสนอ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำเขา้ ส่บู ทเรียน ๑. ครูนำขา่ วเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบปญั หาชีวิต แล้วไมส่ ามารถแกไ้ ขปัญหาได้ หรือแก้ไขปัญหา ไม่ถูกต้องมาเล่าให้นักเรียนดู จากนั้นให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่าในข่าวปัญหาหรือทุกข์คืออะไร สาเหตุของปัญหา คืออะไร ความต้องการหมดปัญหา คืออะไร และวิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกวิธี คืออะไร เพ่ือเชอ่ื มโยงเข้าสเู่ น้ือหา ข้นั สอน ๒. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 2 กลุ่ม ตามความสมัครใจ ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกันแสวงหา ความรู้ เรื่อง หลกั ธรรม จากหนงั สอื เรยี น หนังสอื คน้ ควา้ เพิ่มเตมิ หอ้ งสมุด ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียนบทละครคุณธรรมและทำคลิปละครคุณธรรม โดยนำ หลกั ธรรมท่ีนกั เรียนศึกษามาประกอบกบั บทละครท่นี กั เรียนเขยี นขึ้นมา ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอละครของกลุ่มตัวเอง ให้กลุ่มที่รับชมตั้งคำถามกลุ่มละ 1 คำถาม ถามกลุ่มทีน่ ำเสนอ ขั้นสรุป ๕. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเรื่องหลักธรรมและครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในประเด็นท่ี นกั เรียนสงสัยหรอื ไมเ่ ขา้ ใจ ๘. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ ๘.๑ สอ่ื การเรยี นการสอน ๑) หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.4 ๒) หนงั สอื ค้นควา้ เพ่ิมเติม ๘.๒ แหลง่ เรยี นรู้ ๑) หอ้ งสมุด
๙. การวัดผลและประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความสามารถในการ นกั เรียน แก้ปญั หา สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมุ่งมัน่ ในการทำงาน แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพียง พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ ความพอประมาณ รจู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยมี าผลติ สื่อที่เหมาะสมและ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร ความมีเหตผุ ล สอดคลอ้ งเนอ้ื หาเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผเู้ รียนและ ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ มภี มู ิคมุ้ กันในตัวทด่ี ี พฒั นาจากภูมปิ ัญญาของผเู้ รียน สว่ นรวม/กลุ่ม - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ ในการดำรงชวี ติ ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก - ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่งย่ัว ความไมร่ )ู้ กิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความชั่วใหเ้ ป็นเครือ่ ง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รักษาความดี ทม่ี อี ยใู่ ห้งอกงามสมบูรณ์ยิง่ ขน้ึ ภมู ิปญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และระมัดระวงั สร้างสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปัน อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปัน
เงอ่ื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัยที่ ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย เงือ่ นไขคุณธรรม เก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวข้อง ความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนำ เพ่อื ประกอบการวางแผน การดำเนนิ การจัด ความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ กจิ กรรมการเรียนรู้ใหก้ บั ผเู้ รยี น เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจำวนั มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซือ่ สัตยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มีความ ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน เพยี ร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวติ มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ ดำเนินชวี ิต กจิ กรรม ครู ผู้เรยี น สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ตน้ ไมท้ พ่ี ระพทุ ธเจ้าประสตู ิ ตรสั รู้ ต้นไม้ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ประสูติ ต้นไมท้ ่ีพระพุทธเจา้ ประสูติ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ตรัสรู้ ปรนิ พิ พาน ปรนิ พิ พาน - ประวัติและความเปน็ มาของ - อธิบายชนิดของต้นไม้ - ระบุชนิดของต้นไม้และ ตน้ ไม้ทพี่ ระพุทธเจา้ ทรง และประวัติความเป็นมา ประวัตคิ วามเปน็ มาของต้นไม้ ประสูติ ตรัสรู้ และปรนิ ิพาน ของต้นไม้ท่ีพระพุทธเจา้ ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และ ตรัสรู้ และปรนิ ิพาน ปรนิ พิ าน
๑1. บันทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงช่ือ)……………………………….…………….............. (นางสาวณัฐธิกา นวลหอม) ผู้สอน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔ กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ พระรัตนตรัย เรื่อง วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ หน่วยกติ ๑ (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณัฐธิกา นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. สาระสำคัญ โยนิโสมนสิการเป็นวิธีคิดโดยอุบายแยบคาย เพื่อพัฒนาจติ และการเรียนรู้ของตนเองให้รู้เทา่ ทัน ตามสภาพความเปน็ จรงิ ที่ถกู ต้อง ด้วยปัญญาที่คดิ เป็นระเบียบสภาวะและตามความสมั พนั ธ์แห่งเหตปุ ัจจัย ๒. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ดั ชั้นป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๑ รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ตี น นบั ถอื และศาสนาอืน่ มีศรัทธาที่ถูกตอ้ ง ยึดมน่ั และปฏบิ ัติตามหลักธรรม เพือ่ การอยู่รวมกนั อย่างสนั ตสิ ุข ตวั ชี้วัดชั้นปี/ผลการเรียนรู้ ส 1.1 ม.4-6/1๙ เห็นคุณค่า เชื่อมั่นและมุ่งมั่นพัฒนาชีวิตด้วยการพัฒนาจิตและพัฒนาการ เรียนรู้ดว้ ยวิธคี ดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร หรอื การพัฒนาจิตตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถือ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge อธบิ ายวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการด้วยวิธีคิดแบบต่างๆ ได้ ๓.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ : Process - นักเรียนมที กั ษะกระบวนการกลุม่ - นักเรยี นมีทักษะกระบวนการคิดวเิ คราะห์ ๓.๓ ด้านคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความใฝ่เรียนรู้ และมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์
๕. คณุ ลักษณะของวชิ า - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ช้นิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ชน้ิ งาน ๑) แผนภาพความคิด ๖.๒ ภาระงาน ๑) นักเรียนทำกิจกรรมกลมุ่ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรยี น ๑. ครูทบทวนเน้ือหาจากคาบทแ่ี ลว้ พร้อมกบั ร่วมกันสนทนา โดยตอบคำถาม เพือ่ เชื่อมโยงเข้าสู่ เน้ือหา ขนั้ สอน ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน ตามความสมัครใจ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาวิธีคิดแบบ โยนโิ สมนสิการจากหนงั สือเรียน หนงั สอื เพมิ่ เตมิ ๓. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสรุปเนอ้ื หาที่ศึกษาเปน็ ความคดิ รวบยอดแล้วตอบคำถาม ดงั นี้ - วธิ คี ดิ แบบคณุ -โทษ และทางออกมีหลกั การคิดและประโยชนอ์ ยา่ งไร - วธิ ีคดิ แบบคณุ ค่าแท-้ คณุ คา่ เทยี มมีหลกั การคิดและประโยชนอ์ ยา่ งไร - วธิ คี ิดแบบอุบายปลกุ เร้าคุณธรรมมีหลักการคดิ และประโยชน์อย่างไร - วธิ คี ิดแบบเป็นอยใู่ นขณะปจั จุบันมีหลกั การคิดและประโยชน์อย่างไร - วธิ ีคดิ แบบวภิ ชั ชวาทมหี ลกั การคดิ และประโยชนอ์ ยา่ งไร ๔. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ภาพท่ีกำหนดให้ แล้วตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีคิดแบบคุณ-โทษและ ทางออก และวิธีคดิ แบบคณุ คา่ แท-้ คณุ ค่าเทียม ลงในแผนภาพความคดิ แล้วสรุปเปน็ ความคิดรวบยอด ขั้นสรปุ ๕. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเรื่องวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ และครูเปิดโอกาสให้นักเรียน ซักถามในประเดน็ ที่นกั เรียนสงสัยหรอื ไมเ่ ข้าใจ ๘. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ ส่ือการเรยี นการสอน ๑) หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.4 ๒) หนงั สือคน้ ควา้ เพ่ิมเติม
๙. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แผนภาพความคิด รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแผนภาพความคิด สงั เกตความสามารถในการคิด แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ วเิ คราะห์ นักเรยี น สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สังเกตความใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึง ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผูเ้ รยี น พอเพียง พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจติ ใจ ความพอประมาณ รูจ้ ักใช้เทคโนโลยมี าผลิตสอ่ื ท่ีเหมาะสมและ มีจิตสำนึกท่ีดี เอือ้ อาทร ความมีเหตผุ ล สอดคลอ้ งเนอ้ื หาเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้เรียนและ ประนปี ระนอม นึกถึงประโยชน์ มีภมู ิค้มุ กันในตวั ที่ดี พัฒนาจากภูมปิ ญั ญาของผเู้ รียน ส่วนรวม/กลุม่ - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไมห่ ยุดน่ิงทีห่ าหนทางในชวี ิต ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพน้ จากความทกุ ข์ยาก (การ ในการดำรงชีวิต ค้นหาคำตอบเพอ่ื ใหห้ ลดุ พ้นจาก - ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่งย่ัว ความไมร่ ู)้ กิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครือ่ ง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รักษาความดี ทีม่ ีอยูใ่ หง้ อกงามสมบรู ณ์ยิ่งข้นึ ภูมปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั และระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซอ่ื สัตย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปนั อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปัน
เงอ่ื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัยท่ี ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย เงือ่ นไขคุณธรรม เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวข้อง ความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนำ เพือ่ ประกอบการวางแผน การดำเนินการจดั ความรู้เหล่านั้นมาพิจาร ณาให้ กิจกรรมการเรียนรู้ใหก้ ับผเู้ รยี น เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจำวนั มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ และมีความอดทน มคี วาม ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน เพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดำเนินชวี ติ มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ ดำเนินชวี ติ กจิ กรรม ครู ผูเ้ รียน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ตน้ ไมท้ พ่ี ระพทุ ธเจ้าประสูติ ตรสั รู้ ต้นไม้ท่พี ระพทุ ธเจา้ ประสูติ ตน้ ไมท้ ่ีพระพุทธเจ้าประสตู ิ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ปรนิ พิ พาน - ประวัติและความเปน็ มาของ - อธิบายชนิดของต้นไม้ - ระบุชนิดของต้นไม้และ ตน้ ไม้ทพี่ ระพุทธเจา้ ทรง และประวัติความเป็นมา ประวตั คิ วามเปน็ มาของต้นไม้ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินพิ าน ของต้นไม้ท่ีพระพทุ ธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และ ตรัสรู้ และปรินิพาน ปรินิพาน
๑1. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงชอื่ )……………………………….…………….............. (นางสาวณฐั ธิกา นวลหอม) ผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ พระรัตนตรัย เร่อื ง หนา้ ที่ชาวพทุ ธ ภาคเรยี นท่ี ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์ หน่วยกติ ๑ (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ชวั่ โมง ๑. สาระสำคญั นกั เรยี นเข้าใจว่า การปฏบิ ัตดิ ี ปฏบิ ตั ิชอบทางกาย วาจา และใจตอ่ พระภกิ ษุ เป็นการแสดงออก ถงึ การเป็นศาสนิกชนท่ีดี และชาวพทุ ธที่ดคี วรปฏบิ ัติตนเป็นศาสนกิ ชนที่ดีของครอบครวั และสังคม ๒. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวัดช้ันปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดีและธำรงรักษาพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาท่ตี นนบั ถอื ตวั ชวี้ ัดชน้ั ป/ี ผลการเรียนรู้ ส 1.2 ม.4-6/1 ปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนทดี่ ีตอ่ สาวก สมาชกิ ในครอบครัวและคนรอบขา้ ง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge อธบิ ายการปฏิบตั ติ นเป็นชาวพทุ ธทีด่ ีได้ ๓.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ : Process นกั เรยี นมีทักษะกระบวนการกลมุ่ ๓.๓ ดา้ นคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตและมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔. สมรรถนะสำคัญของนักเรยี น ๔.๑ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
๕. คณุ ลักษณะของวิชา - กระบวนการกลมุ่ - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ ๖. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ชิ้นงาน ๑) แผนภาพความคิด ๖.๒ ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทำกิจกรรมกลุ่ม ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน ๑. ครทู บทวนเนอ้ื หาจากคาบทแ่ี ลว้ พร้อมกับรว่ มกนั สนทนา โดยตอบคำถาม เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่ เนอ้ื หา ข้นั สอน ๒. นกั เรียนแบง่ กลุม่ กลมุ่ ละ ๕ คน ตามความสมัครใจ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาการปฏิบัติตน เป็นชาวพุทธทีด่ ีจากหนังสอื เรียน หนังสอื เพ่ิมเตมิ และหอ้ งสมุด ๓. นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดีตามหลกั ทิศเบื้องบน ในทิศ 6 และการปฏิบัติตนที่เหมาะสมในฐานะผู้ปกครองและผู้อยู่ในปกครองตามหลักทิศ เบ้อื งลา่ งในทศิ 6 แลว้ สรปุ เปน็ ความคิดรวบยอด ๔. นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับให้เพื่อนๆกลุ่มที่เหลือถาม คำถาม กลมุ่ ละ 1 คำถาม ขัน้ สรปุ ๕. ครูและนักเรียนชว่ ยกันสรุปเรื่องการปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี และครูเปิดโอกาสให้นกั เรียน ซักถามในประเดน็ ทนี่ กั เรยี นสงสยั หรือไมเ่ ขา้ ใจ ๘. สอ่ื การเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สื่อการเรียนการสอน ๑) หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.4 ๒) หนังสือค้นคว้าเพ่ิมเตมิ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด
๙. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ ตรวจแผนภาพความคิด แผนภาพความคิด ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความสามารถในการใช้ แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ทักษะชีวิต นกั เรียน สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความความสามารถในการใช้ แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึง ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ทกั ษะชีวติ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศ าสตร์ โรงเรยี นปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผู้เรยี น พอเพยี ง พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ ความพอประมาณ รู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ ส่อื ท่ีเหมาะสมและ มจี ติ สำนกึ ที่ดี เอ้อื อาทร ความมีเหตผุ ล สอดคลอ้ งเน้อื หาเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้เู รยี นและ ประนปี ระนอม นึกถงึ ประโยชน์ มภี มู คิ มุ้ กันในตัวที่ดี พฒั นาจากภมู ิปญั ญาของผ้เู รียน สว่ นรวม/กลมุ่ - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนงิ่ ทหี่ าหนทางในชวี ิต ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทกุ ข์ยาก (การ ในการดำรงชวี ติ คน้ หาคำตอบเพือ่ ให้หลดุ พน้ จาก - ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่งยั่ว ความไมร่ ้)ู กิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความชั่วใหเ้ ป็นเครื่อง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รกั ษาความดี ทม่ี ีอยูใ่ ห้งอกงามสมบูรณ์ยงิ่ ขนึ้ ภมู ปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง และระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซอื่ สตั ย์ สุจริต ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปนั อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน
เงอ่ื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัยท่ี ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย เงื่อนไขคุณธรรม เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวข้อง ความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนำ เพือ่ ประกอบการวางแผน การดำเนินการจดั ความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ กิจกรรมการเรยี นรู้ใหก้ ับผู้เรยี น เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มคี วาม ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน เพียร ใชส้ ติปัญญาในการดำเนินชวี ติ มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ ดำเนินชีวติ กจิ กรรม ครู ผ้เู รยี น สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ตน้ ไมท้ พ่ี ระพทุ ธเจ้าประสูติ ตรสั รู้ ต้นไม้ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ประสูติ ตน้ ไมท้ ี่พระพุทธเจา้ ประสูติ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ตรัสรู้ ปรนิ ิพพาน ปรินพิ พาน - ประวัติและความเปน็ มาของ - อธิบายชนิดของต้นไม้ - ระบุชนิดของต้นไม้แล ะ ตน้ ไม้ทพี่ ระพุทธเจา้ ทรง และประวตั ิความเปน็ มา ประวตั คิ วามเปน็ มาของต้นไม้ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินพิ าน ของต้นไม้ท่ีพระพทุ ธเจา้ ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และ ตรัสรู้ และปรนิ ิพาน ปรนิ ิพาน
๑1. บันทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. (ลงชอื่ )……………………………….…………….............. (นางสาวณัฐธิกา นวลหอม) ผูส้ อน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 โครงสรา้ งทางสังคมและลกั ษณะทางสงั คมไทย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เรือ่ ง โครงสร้างทางสังคม หนว่ ยกติ ๑ (นน./นก.) หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างทางสังคมและลกั ษณะทางสังคมไทย ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลา ๒ ชัว่ โมง ผ้สู อน นางสาวณัฐธิกา นวลหอม โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ๑. สาระสำคญั การจัดระเบียบทางสังคม เป็นกระบวนการทางสังคมที่จัดตั้งขึ้น เพื่อควบคุมสมาชิกให้มี ความสมั พันธก์ ันภายใตแ้ บบแผน และกฎเกณฑ์เดยี วกนั เพอื่ ให้เกิดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย ๒. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัดช้ันป/ี ผลการเรยี นร้/ู เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรงรักษา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยูร่ ว่ มกนั ในสังคมไทย และสงั คมโลกอยา่ งสันตสิ ขุ ตวั ชี้วดั ช้นั ป/ี ผลการเรียนรู้ ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการ เปลีย่ นแปลงทางสังคม ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นกั เรยี นสามารถอธบิ ายโครงสรา้ งทางสงั คมในเรอ่ื งการจดั ระเบยี บทางสงั คมได้ ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ : Process ๑. นกั เรียนมีทกั ษะกระบวนคิด - คดิ วิเคราะห์ ๓.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความใฝ่เรียนรู้และมีทัศนคติที่ดีต่อการศึกษารายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ๔. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์
๕. คุณลักษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่ ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ช้ินงาน ๑) แผนผังความคิด เรื่อง การจัดระเบยี บทางสงั คม ๖.๒ ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทำกิจกรรมกลุ่ม พร้อมกบั นำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน ๑. ครกู ล่าวทักทายนกั เรียน พร้อมท้งั แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ จากน้ันครูถาม นักเรียนวา่ เพราะเหตุใดมนุษย์จึงจำเป็นต้องอยู่ร่วมกนั เปน็ สงั คม แล้วนักเรียนคิดว่าอะไรเป็นตวั ควบคุม ใหค้ นในสังคมอย่รู ว่ มกันได้อยา่ งสงบสุข เพ่อื เชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ นอื้ หา ข้ันสอน ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๔ กลุ่ม ตามความสมัครใจ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม พจิ ารณาข่าวเกย่ี วกับการจดั ระเบียบทางสังคม แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถาม ดงั นี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยวา่ การจดั ระเบียบร้านค้า หาบเร่ แผงลอยที่เกิดข้ึน เป็นผล มาจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตัดสินใจยินยอมให้ความร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานคร ช่วยเข้ามา จัดระเบียบ ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าแผงลอยเหล่านี้ ตั้งร้านกีด ขวางทางเท้า ทิ้งเศษอาหารลงท่อระบายน้ำ ส่งผลกระทบต่อสงั คมส่วนรวมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจงึ หา้ มไมใ่ หม้ ี รา้ นคา้ หาบเร่ แผงลอย ตัง้ รา้ นกดี ขวางรกุ ล้ำทางเทา้ และถนนอีก โดยมีการผอ่ นผนั หรอื ยืดระยะเวลา ท่ีมา : http://www.posttoday.com/politis/report/553282 - ขา่ วดงั กล่าวเก่ยี วขอ้ งกับเร่อื งใด - จากขา่ ว แสดงให้เหน็ ถึงลกั ษณะของสังคมอย่างไร - หากผู้ท่ีเกีย่ วข้องละเลยตอ่ การกระทำ ไม่เร่งดำเนินการแก้ไข จะเกดิ ผลอย่างไร ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแสวงหาความรู้ เรื่อง การจัดระเบียบทางสังคม องค์ประกอบของ การจัดระเบียบทางสังคม บรรทัดฐานทางสังคม สถานภาพ บทบาท การควบคุมทางสังคม จากหนังสือ เรยี นวิชาหน้าท่ีพลเมือง ม.4 และหนังสือเพิ่มเติม
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ จำแนกองคป์ ระกอบของการจดั ระเบยี บทางสังคมการปฏิบตั ติ นตามบรรทัด ฐานทางสังคม เปรยี บเทียบความเหมือนและความแตกต่างของบรรทัดฐานทางสงั คมแบบวิถีชาวบ้านและ แบบจารีต สรุปความรู้เป็นแผนภาพความคิด แล้วร่วมกันสนทนาโดยใชค้ ำถาม ดังนี้ - การจัดระเบียบทางสงั คมมคี วามหมายวา่ อย่างไร - องคป์ ระกอบของการจดั ระเบียบทางสังคมประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง - บรรทัดฐานทางสังคมคอื อะไร - สถานภาพทางสงั คมได้แก่อะไรบา้ ง - นักเรียนยกตัวอยา่ งการปฏิบัติตนตามบทบาทตามท่นี กั เรยี นเขา้ ใจมา 1 ตัวอย่าง - การควบคมุ ทางสังคมคืออะไร 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับให้กลุม่ ที่เหลือตัง้ คำถาม กลุ่มละ 1 คำถาม ขั้นสรปุ 6. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรุปเร่ืองโครงสร้างทางสงั คม และการจดั ระเบียบทางสงั คม พร้อมกับ เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในประเดน็ ท่นี ักเรียนสงสัยหรอื ไมเ่ ข้าใจ ๘. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ ส่ือการเรยี นการสอน ๑) หนงั สือเรียน หน้าท่พี ลเมือง ม.4 ๒) หนังสอื ค้นคว้าเพิ่มเติม ๙. การวัดผลและประเมินผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ สงั เกตความสามารถการคิด วเิ คราะห์ แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ นักเรยี น สงั เกตความใฝเ่ รยี นรู้ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์
๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผู้เรยี น พอเพยี ง พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รูจ้ กั ใชเ้ ทคโนโลยมี าผลติ ส่อื ทเี่ หมาะสม มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร มภี ูมคิ มุ้ กนั ในตัวทีด่ ี และสอดคล้องเน้อื หาเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้เรียน ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ เง่อื นไขความรู้ และพัฒนาจากภมู ิปญั ญาของผูเ้ รียน ส่วนรวม/กลมุ่ เง่ือนไขคณุ ธรรม - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ ในการดำรงชีวติ ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก - ปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ดี ี ลด เลิก สง่ิ ยั่ว ความไมร่ ู้) กิเลสใหห้ มดส้ินไป ไม่ก่อความชว่ั ให้เป็นเครือ่ ง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รักษาความดี ทมี่ อี ยู่ใหง้ อกงามสมบรู ณ์ยง่ิ ข้ึน ภมู ปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และระมดั ระวงั สร้างสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซ่อื สัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปนั อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปัน ความรอบรู้ เรอ่ื งพระรัตนตรยั ท่ีเกี่ยวข้อง ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย รอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวขอ้ ง เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่ือ การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถ ประกอบการวางแผน การดำเนินการจัด นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ให้กับผ้เู รียน เชือ่ มโยงกนั สามารถประยุกตใ์ ช้ใน ชีวิตประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความ ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชีวติ อดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญา ในการดำเนินชีวติ
กจิ กรรม ครู ผเู้ รยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องตน้ ไม้ โครงสร้างและหนา้ ทีข่ องต้นไม้ ต้นไม้ทีพ่ ระพุทธเจา้ ประสูติ ตรัสรู้ - ส่วนต่างๆของตน้ ไมม้ ี - อธิบายโครงสร้างและ ปรนิ พิ พาน โครงสรา้ งและหน้าท่แี ตกตา่ ง หนา้ ท่ีของต้นไม้ - ระบุชนดิ ของตน้ ไม้พร้อมกับ กัน โครงสร้างและหน้าที่ของ ต้นไม้
๑1. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงชอื่ )……………………………….…………….............. (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผสู้ อน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เร่อื ง สถาบันทางสงั คม หน่วยกติ ๑ (นน./นก.) หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 โครงสร้างทางสังคมและลกั ษณะทางสังคมไทย ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ เวลา ๒ ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ๑. สาระสำคัญ สถาบันทางสังคมเป็นแบบแผนในการคิดการกระทำที่คนในสังคมยึดถือ ยอมรับและประพฤติ ปฏิบัตสิ ืบตอ่ กันมาภายใตก้ ฎเกณฑข์ องสังคม เพ่อื ตอบสนองความต้องการพ้ืนฐานของสมาชกิ ในสงั คมและ กำหนดสถานภาพและบทบาทของบุคคลต่าง ๆ ๒. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัดช้ันปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม และธำรงรักษา ประเพณี และวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวติ อยรู่ ่วมกันในสังคมไทย และสงั คมโลกอย่างสนั ติสขุ ตัวชวี้ ดั ชั้นปี/ผลการเรียนรู้ ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการ เปล่ียนแปลงทางสงั คม ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge นักเรยี นสามารถอธบิ ายบทบาทของสถาบนั ทางสังคมได้ ๓.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ : Process ๑. นกั เรยี นมที ักษะกระบวนคดิ - คดิ วเิ คราะห์ ๓.๓ ด้านคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude นักเรยี นมีวินัยและมีทัศนคติทีด่ ตี ่อการศึกษารายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔. สมรรถนะสำคญั ของนักเรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
๕. คุณลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๖.๑ ช้นิ งาน ๑) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง สถาบนั ทางสงั คม ๖.๒ ภาระงาน ๑) นักเรยี นทำกิจกรรมกลุ่ม ๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน จากนั้นครูนำข่าวเกี่ยวกับสถาบันทางสังคมมาให้นักเรียนอ่าน แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดยใช้คำถาม ดังน้ีเพอื่ เชื่อมโยงเข้าส่เู นอ้ื หา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว โดยกำหนด ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ทมี่ ่งุ เน้นการพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพคนตลอดทุกช่วง วัย และสร้างโอกาสความเสมอภาคซึ่งสถาบันครอบครัวเป็นหนึ่งในกลไกหลักหรือ ยุทธศาสตร์ท่ีสำคัญในการเสรมิ สร้างและพฒั นาคนให้เปน็ คนดี มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และมี จิตอาสา ด้วยการรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ร่วมกันดูแลแก้ไขปัญหาสังคม อันเป็น ประโยชน์ต่อความมั่นคงแข็งแรงของสังคมไทย และในโอกาสนี้จึงได้มอบโล่เชิดชูเกียรติ “ครอบครัวร่มเย็น” แกค่ รอบครวั และบุคคลท่ีปฏิบัตงิ านด้านการสง่ เสริมสัมพันธภาพและ เสริมสร้างความเข้มแขง็ ของครอบครวั ทม่ี า : https://www.thairath.co.th/content/1246897 - จากข่าวก่อให้เกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งไรต่อสังคม - นักเรียนมคี วามคดิ เหน็ อยา่ งไรกบั ข่าวน้ี - นักเรยี นคิดว่าควรทำอย่างไรให้คนในสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม และมจี ติ อาสา ขน้ั สอน 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๔ กลุ่ม ตามความสมัครใจ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ บทบาทและหน้าที่ของสถาบันทางสังคมสถาบันต่าง ๆ และยกตัวอย่างเกี่ยวกบั บทบาทหน้าที่ในสถาบนั ทางสังคม ว่าถ้าปฏิบัติจะเกิดผลอย่างไร ถ้าไม่ปฏิบัติจะเกิดผลอย่างไร แล้วสรุปความรู้เป็น แผนภาพ ความคดิ
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูล และวิเคราะห์ความสำคัญของโครงสร้างทางสังคม สถาบันต่าง ๆ จากหนังสือเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง ม.4 และหนังสือเพิ่มเติม จากนั้นสรุปความรู้ ลงในใบงานที่ 2.1 เรื่อง สถาบันทางสังคม พร้อมกับตอบคำถามว่า นักเรียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบัน ทางสงั คมของไทยสถาบันใดบา้ ง เพราะเหตุใด ขัน้ สรุป 4. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเรื่องสถาบันทางสังคม พร้อมกับเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามใน ประเดน็ ท่นี ักเรียนสงสัยหรือไมเ่ ขา้ ใจ ๘. สอื่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สอ่ื การเรยี นการสอน ๑) หนงั สือเรียน หน้าท่ีพลเมือง ม.4 ๒) หนงั สอื ค้นควา้ เพิม่ เตมิ ๙. การวัดผลและประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 สังเกตความสามารถการคิด ใบงานท่ี 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ วเิ คราะห์ สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ นกั เรียน สังเกตความมีวินัย แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผู้เรยี น พอเพยี ง พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ ความพอประมาณ รจู้ กั ใช้เทคโนโลยมี าผลิตสอ่ื ทเี่ หมาะสม มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร และสอดคล้องเนอื้ หาเป็นประโยชนต์ อ่ ผเู้ รยี น ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ และพัฒนาจากภูมปิ ัญญาของผู้เรยี น ส่วนรวม/กล่มุ
ความมเี หตผุ ล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต มีภูมิคมุ้ กนั ในตวั ทดี่ ี เงือ่ นไขความรู้ ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ เง่อื นไขคุณธรรม ในการดำรงชวี ติ ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก - ปฏิบตั ิตนในแนวทางทด่ี ี ลด เลกิ ส่งิ ย่ัว ความไม่รู้) กเิ ลสใหห้ มดส้ินไป ไมก่ อ่ ความชัว่ ให้เป็นเคร่ือง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รักษาความดี ทมี่ ีอยูใ่ หง้ อกงามสมบูรณย์ ง่ิ ขึ้น ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั และระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซ่อื สตั ย์ สุจริต ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปนั อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน ความรอบรู้ เรือ่ งพระรตั นตรัยท่ีเก่ียวข้อง ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย รอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวขอ้ ง เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่ือ การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถ ประกอบการวางแผน การดำเนินการจัด นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ กจิ กรรมการเรียนร้ใู ห้กบั ผู้เรยี น เชือ่ มโยงกัน สามารถประยุกต์ใชใ้ น ชวี ิตประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความ ใชส้ ติปัญญาในการดำเนินชีวติ อดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญา ในการดำเนินชีวิต กิจกรรม ครู ผูเ้ รยี น สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของต้นไม้ โครงสรา้ งและหน้าท่ีของต้นไม้ ตน้ ไม้ท่พี ระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ - ส่วนตา่ งๆของต้นไมม้ ี - อธิบายโครงสร้างและ ปรนิ ิพพาน โครงสร้างและหนา้ ท่แี ตกตา่ ง หนา้ ทข่ี องตน้ ไม้ - ระบุชนิดของตน้ ไม้พรอ้ มกบั กนั โครงสร้างและหน้าที่ของ ตน้ ไม้
๑1. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. (ลงช่อื )……………………………….…………….............. (นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม) ผสู้ อน
ใบงานที่ 2.1 เร่ือง สถาบันทางสังคม คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษา คน้ คว้าความรูเ้ รอ่ื ง สถาบันทางสังคม จากนน้ั สรุปความรูเ้ ป็นแผนภาพความคดิ พร้อม ตกแต่งให้สวยงาม สถาบันสื่อสารมวลชน สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ ความสาคญั ของ สถาบันการศึกษา สถาบนั ทางสังคม สถาบันการเมืองการปกครอง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 โครงสร้างทางสงั คมและลกั ษณะทางสงั คมไทย เรอ่ื ง การขัดเกลาทางสงั คมภาค เรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖3 เวลาเรียน ๒ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ หนว่ ยกิต ๑ (นน./นก.) ผู้สอน นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เวลา ๒ ชว่ั โมง ๑. สาระสำคัญ การขัดเกลาทางสังคมเป็นกระบวนการทางสังคมทีเ่ กิดขึ้นพร้อมกับกระบวนการทางจติ วิทยา ที่จะทำให้ สมาชิกในสงั คมไดเ้ รียนรู้ ยอมรับค่านิยม กฎเกณฑ์ วฒั นธรรม ระเบียบแบบแผนท่ีสังคมได้กำหนดไว้เพ่ือให้บุคคล สามารถพฒั นาบคุ ลิกภาพ และปรบั ตวั ให้เป็นสมาชิกในสงั คมท่สี ามารถอยู่รว่ มกับผ้อู นื่ ได้อยา่ งสงบสขุ ๒. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี/ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ิตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมอื งดี มีค่านิยมทีด่ ีงาม และธำรงรักษาประเพณี และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยรู่ ว่ มกนั ในสังคมไทย และสังคมโลกอยา่ งสนั ติสุข ตัวช้ีวดั ช้นั ป/ี ผลการเรียนรู้ ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสำคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม และการ เปลยี่ นแปลงทางสังคม ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นกั เรียนสามารถอธิบายการขดั เกลาทางสังคมได้ ๓.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ : Process ๑. นักเรยี นมที ักษะกระบวนคิด - คิดวิเคราะห์ ๓.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude นกั เรียนมีความใฝ่เรยี นรู้และมีทัศนคติท่ีดตี ่อการศกึ ษารายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
๔. สมรรถนะสำคัญของนักเรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๕. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ ๖. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๖.๑ ภาระงาน ๑) นักเรยี นทำกจิ กรรมกลมุ่ ๗. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนำเขา้ ส่บู ทเรียน ๑. ครูกล่าวทักทายนกั เรียน จากนน้ั ครนู ำภาพมาให้นกั เรียนดู 2 รูป แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกันสนทนาโดยใช้ คำถาม ดงั นี้ เพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สู่เนอื้ หา ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2 - ภาพที่ 1 และภาพที่ 2 คือภาพอะไร (ตวั อยา่ งคำตอบ ภาพสังคมเมือง ภาพสงั คมชนบท) - ภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่าสังคมมีลักษณะอยา่ งไร (ตัวอยา่ งคำตอบ สงั คมแออัดมีชีวติ ที่เร่งรบี เปน็ สงั คมเมอื ง) - ภาพที่ 2 แสดงใหเ้ ห็นว่าสังคมมีลกั ษณะอย่างไร (ตวั อยา่ งคำตอบ ใชช้ ีวิตเรยี บง่ายอยู่กับธรรมชาติ เป็นสังคมชนบท) - นกั เรยี นจะเลอื กดำรงชีวิตเหมือนในภาพใด เพราะอะไร (ตัวอย่างคำตอบ ภาพท่ี 2 เพราะเปน็ ชวี ติ ทสี่ ุขสบาย ไมว่ นุ่ วาย ไดอ้ ยกู่ บั ธรรมชาตทิ ่ีสงบ ร่มรน่ื ) ขนั้ สอน 2. นักเรียนแบง่ กล่มุ ออกเปน็ ๔ กลุ่ม ตามความสมคั รใจ แลว้ แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับ เร่ือง การขดั เกลาทางสังคม จากหนังสอื เรียนวชิ าหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ม.4 และหนงั สือเพ่มิ เติม 3. นักเรียนกลุ่มที่ 1 ศึกษาเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของการขัดเกลาทางสังคม จากนั้นวิเคราะห์แล้วสรุป ความรูเ้ ป็นแผนภาพความคดิ นกั เรียนกล่มุ 2 ศึกษาเกี่ยวกับการปฏบิ ัตติ นในการขัดเกลาทางสังคมทง้ั ทางตรงและ ทางอ้อม จากน้นั วิเคราะห์ผลทเี่ กิดขึน้ แล้วสรุปความรู้เปน็ แผนภาพความคิด กลมุ่ ท่ี 3 ศกึ ษาเกย่ี วกับบทบาทของ
ตัวแทนของการขัดเกลาทางสังคม จากนั้นวิเคราะห์ว่าแต่ละบุคคลมีบทบาทอย่างไร แล้วสรุปข้อมูลเป็นตาราง ความรู้ และกลุม่ ที่ 4 ศกึ ษาเกีย่ วกบั ประโยชนข์ องการขัดเกลาทางสังคม จากนนั้ วิเคราะหว์ า่ ส่งผลต่อตนเอง และ สังคมอย่างไร แล้วสรปุ ความรเู้ ปน็ แผนภาพความคิด 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรียน พร้อมให้กลมุ่ ที่เหลือต้ังคำถามกลุ่มละ 1 คำถาม ข้ันสรุป 5. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรุปเรื่องการขดั เกลาทางสงั คม พรอ้ มกับเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามใน ประเดน็ ที่นักเรยี นสงสัยหรือไม่เขา้ ใจ ๘. ส่ือการเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ ๘.๑ ส่อื การเรยี นการสอน ๑) หนงั สอื เรียน หนา้ ท่ีพลเมอื ง ม.4 ๒) หนังสอื คน้ คว้าเพมิ่ เติม ๙. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ สังเกตความสามารถการคิด วิเคราะห์ แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม นกั เรียน สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึง ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์
๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผ้เู รียน พอเพียง พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยมี าผลิตส่ือทเ่ี หมาะสม มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร มภี มู ิคุม้ กันในตัวทด่ี ี และสอดคล้องเน้ือหาเป็นประโยชนต์ ่อผูเ้ รียน ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ เง่ือนไขความรู้ และพฒั นาจากภมู ิปัญญาของผู้เรยี น สว่ นรวม/กลุ่ม เงื่อนไขคุณธรรม - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต ถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลน หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก (การ ในการดำรงชีวิต ค้นหาคำตอบเพื่อให้หลุดพ้นจาก - ปฏบิ ตั ติ นในแนวทางทดี่ ี ลด เลิก สิ่งยั่ว ความไมร่ )ู้ กเิ ลสให้หมดสิ้นไป ไมก่ อ่ ความชวั่ ให้เปน็ เคร่ือง ทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูน รักษาความดี ทม่ี ีอย่ใู หง้ อกงามสมบูรณ์ยง่ิ ข้นึ ภมู ิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั และระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภมู ิธรรม : ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน ตรงต่อเวลาและแบ่งปัน อดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปัน ความรอบรู้ เร่อื งพระรัตนตรยั ท่ีเก่ียวข้อง ความรอบรู้ เรื่องพระรัตนตรัย รอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวขอ้ ง เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่ือ การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถ ประกอบการวางแผน การดำเนินการจัด นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ กจิ กรรมการเรียนรู้ให้กบั ผ้เู รยี น เช่อื มโยงกัน สามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ น ชีวติ ประจำวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ มีความตระหนักในคุณธรรม มี ซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความ ใช้สติปญั ญาในการดำเนนิ ชวี ิต อดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญา ในการดำเนินชีวิต
กจิ กรรม ครู ผเู้ รยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องตน้ ไม้ โครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องต้นไม้ ต้นไม้ทีพ่ ระพุทธเจา้ ประสตู ิ ตรัสรู้ - ส่วนต่างๆของตน้ ไมม้ ี - อธิบายโครงสร้างและ ปรนิ พิ พาน โครงสรา้ งและหน้าท่แี ตกตา่ ง หนา้ ท่ีของต้นไม้ - ระบุชนดิ ของตน้ ไม้พร้อมกับ กัน โครงสร้างและหน้าที่ของ ต้นไม้
Search