หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 รายวิชาประวัติศาสตร์ รหสั วชิ า ส2310๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม จดั ทำโดย นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม ตำแหนง่ พนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ตำบลช่างเค่ิง อำเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนกั งานการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ เร่ือง ปฐมนเิ ทศและข้อตกลงในการเรียน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา ๒๕๖4 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง/สปั ดาห์ หน่วยกิต 0.5 (นน./นก.) ผู้สอน นางสาวณัฐธิกา นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา 1 ชัว่ โมง ๑. สาระสำคัญ การจดั การเรยี นรรู้ ายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 เป็นไปตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สำหรบั นกั เรียนระดบั มัธยมศกึ ษา โดยไดก้ ำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ ของรายวิชาพ้ืนฐาน ประวัติศาสตร์ ม.3 เป็น 3 มาตรฐาน และยังได้กำหนดตัวชี้วดั ชั้นปีที่สอดคลอ้ ง กับมาตรฐานการเรียนรู้ เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ หลักสตู รกำหนด ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ช้นั ป/ี ผลการเรยี นรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อย่างเปน็ ระบบ ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์และการ เปลยี่ นแปลง ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชนชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธำรงความเป็นไทย ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี/ผลการเรียนรู้ ส 4.1 ม. 3/1 วิเคราะห์เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างมีเหตุผลตาม วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ส 4.1 ม. 3/2 ใช้วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ในการศกึ ษาเรื่องราวตา่ ง ๆ ทต่ี นสนใจ ส 4.2 ม. 3/1 อธบิ ายพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของภมู ภิ าคต่างๆ ในโลก โดยสงั เขป ส 4.2 ม. 3/2 วิเคราะห์ผลของการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความร่วมมือและความขัดแย้งใน ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 ตลอดจนความพยายามในการขจดั ปัญหาความขัดแย้ง ส 4.3 ม. 3/1 วิเคราะห์พฒั นาการของไทยสมยั รตั นโกสินทรใ์ นด้านตา่ งๆ ส 4.3 ม. 3/2 วิเคราะห์ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุง่ เรอื งของไทยในสมยั รัตนโกสนิ ทร์
ส 4.3 ม. 3/3 วิเคราะห์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ และอทิ ธิพลต่อการ พัฒนาชาตไิ ทย ส 4.3 ม. 3/4 วเิ คราะหบ์ ทบาทของไทยในสมัยประชาธปิ ไตย ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นักเรยี นสามารถอธบิ ายขอ้ ตกลงในการเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานประวัติศาสตร์ ม. 3 ได้ ๓.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ : Process ๑. นกั เรยี นมที กั ษะกระบวนคดิ - คิดวิเคราะห์ ๓.๓ ด้านคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ : Attitude นักเรยี นมคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ และมที ัศนคติท่ีดตี ่อการศกึ ษารายวิชาประวตั ิศาสตร์ ๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน ๔.๑ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๕. คุณลกั ษณะของวชิ า - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน ภาระงาน – การตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าพื้นฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 – การอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรยี น พร้อมทั้งแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ จากนัน้ ครูแนะนำ ตนเอง แลว้ ให้นกั เรยี นแนะนำตนเองตามลำดับตัวอกั ษร หรือตามลำดบั หมายเลขประจำตัว หรือตาม แถวทนี่ ั่งตามความเหมาะสม 2. ครูให้ความรู้ทัว่ ๆ ไปเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน ประวัติศาสตร์ พร้อมซกั ถาม นักเรยี นในประเด็นต่างๆ เชน่ ทำไมเราจึงต้องเรยี นวชิ าสงั คมศึกษาฯ วชิ าประวัตศิ าสตร์มีความสำคัญ และจำเป็นต่อเราหรอื ไม่ เพราะอะไร ขน้ั สอน 3. นกั เรยี นศกึ ษาคำอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน และข้อมลู เร่อื ง การจัดการ เรียนรู้รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ม. 3 โดยใช้ข้อมูลจากหน้าสารบัญในหนังสือเรียนรายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3
4. นักเรียนศึกษาแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้รายวิชาพ้ืนฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 รวมทงั้ เกณฑ์ตดั สินผลการเรยี นรู้ ในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น 1) รายวิชาพ้นื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 มเี วลาเรยี นเทา่ ไร 2) รายวชิ าน้ีจะสอบและเกบ็ คะแนนอยา่ งไร เท่าไร 3) รายวชิ าน้ีจะตัดสินผลการเรียนอย่างไร 4) แนะนำการเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ที่จะใชป้ ระกอบการเรยี นรู้ รายวิชาพน้ื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 เพอื่ ทำความเข้าใจถงึ แหลง่ สืบค้นความรูแ้ ต่ละอยา่ ง ข้นั สรปุ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียนรายวิชาพื้นฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 โดยให้นักเรยี นบันทกึ ขอ้ สรปุ ลงในแบบบันทกึ ความรู้ หรือสรปุ เป็นแผนที่ความคิด หรือผังมโนทัศน์ลงในสมดุ พรอ้ มทั้งตกแตง่ ใหส้ วยงาม 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการทางประวัติศาสตร์ เรื่อง หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ เป็นการบา้ นเพ่อื เตรยี มจดั การเรียนร้ใู นครงั้ ตอ่ ไป ๘. สื่อการเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สื่อการเรยี นการสอน ๑) หนังสอื เรียน ประวัตศิ าสตร์ ม.3 2) คมู่ ือการสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 3) สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) อินเทอร์เนต็ ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์ วิธกี าร สมุด รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจสมุด สงั เกตความสามารถในการคิด แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ วิเคราะห์ นักเรียน สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึง ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์
๑๐. จดุ เนน้ ของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพยี ง ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ ร้จู กั ใช้เทคโนโลยีมาผลิตส่ือที่ มจี ติ สำนึกที่ดี เอื้ออาทร เหมาะสมและสอดคลอ้ งเน้ือหาเปน็ ประนีประนอม นกึ ถงึ ประโยชน์ ประโยชน์ต่อผเู้ รียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลุม่ ปัญญาของผู้เรยี น ความมีเหตุผล ยึดถือการประกอบอาชพี ดว้ ยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุด ถกู ต้อง สจุ รติ แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชวี ิต ปฏบิ ตั ิตนใน คำตอบเพือ่ ใหห้ ลุดพน้ จากความไม่รู)้ แนวทางท่ดี ี ลด เลกิ สง่ิ ยั่วกิเลสใหห้ มดสนิ้ ไป ไม่ก่อความช่ัวให้เปน็ เครือ่ งทำลาย ตวั เอง ทำลายผอู้ ่นื พยายามเพิม่ พนู รักษา ความดี ทีม่ อี ยู่ให้งอกงามสมบูรณย์ ่งิ ขน้ึ มีภูมคิ ้มุ กนั ในตวั ท่ีดี ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสยี สละและแบ่งปนั เง่ือนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ืองวธิ กี ารทาง ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ที่เกย่ี วข้องรอบดา้ น ความ ประวตั ศิ าสตร์ กรณีทเ่ี กิดงาน ปริมาณ รอบคอบทจี่ ะนำความร้เู หลา่ นนั้ มา ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ พจิ ารณาให้เช่อื มโยงกัน เพ่ือประกอบการ สามารถนำความรู้เหล่านัน้ มาพิจารณา วางแผน การดำเนนิ การจดั กจิ กรรมการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน เรยี นรู้ให้กบั ผูเ้ รียน ชีวิตประจำวนั เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนกั ในคณุ ธรรม ซ่ือสัตยส์ จุ รติ และมีความอดทน มคี วาม มีความซ่ือสตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน เพียร ใช้สติปญั ญาในการดำเนินชวี ติ มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ัญญาในการ ดำเนินชวี ติ กิจกรรม ครู ผ้เู รียน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ประวัตขิ องต้นไม้แตล่ ะตน้ ประวตั ขิ องต้นไม้แตล่ ะต้น ประวัตขิ องต้นไม้แตล่ ะตน้ อธบิ ายชนิดของตน้ ไม้และ ระบุชนดิ ของตน้ ไมแ้ ละประวัติ ประวตั แิ ละความเปน็ มาของ ประวัติความเปน็ มาของตน้ ไม้ ความเปน็ มาของต้นไม้ ตน้ ไม้
๑1. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงชือ่ )……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผู้สอน
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 กลุม่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ เร่ือง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา ๒๕๖4 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ หน่วยกิต 0.5 (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เวลา 2 ช่วั โมง ๑. สาระสำคญั หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์เป็นร่องรอยการกระทำของมนษุ ยใ์ นอดีตท่ียงั คงหลงเหลอื อยู่ใน ปัจจุบัน การแบ่งประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์มี 2 วิธี ได้แก่ แบ่งตามความสำคัญของ หลักฐาน มี 2 ประเภท ได้แก่ หลักฐานชั้นต้นหรือชั้นปฐมภูมิและหลักฐานชั้นรองหรือหลักฐานช้ัน ทุติยภูมิ และแบ่งตามรูปลกั ษณะของหลักฐาน มี 2 ประเภท ได้แก่ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อกั ษร และหลักฐานทีไ่ มเ่ ป็นลายลักษณอ์ กั ษร ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัดช้นั ป/ี ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่าง ๆ อย่างเปน็ ระบบ ตวั ชี้วัดชั้นป/ี ผลการเรยี นรู้ ส 4.1 ม. 3/1 วิเคราะห์เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างมีเหตุผลตาม วิธีการทางประวัติศาสตร์ ส 4.1 ม. 3/2 ใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตรใ์ นการศกึ ษาเรอ่ื งราวต่าง ๆ ทตี่ นสนใจ ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นักเรียนอธิบายความหมาย ความสำคัญ และประเภทของหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้ ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process นกั เรียนมีทักษะการสอื่ สาร ๓.๓ ด้านคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ : Attitude นกั เรียนมีความใฝ่เรียนรู้ และมที ศั นคตทิ ด่ี ตี ่อการศกึ ษารายวชิ าประวัตศิ าสตร์ ๔. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น ความสามารถในการสอื่ สาร
๕. คณุ ลกั ษณะของวชิ า - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน ๖.๑ ชิ้นงาน 1) ใบงานที่ 1.1 เร่ือง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ 2) แบบทดสอบก่อนเรยี น 6.2 ภาระงาน ๑) นกั เรียนทำกิจกรรมกล่มุ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน พรอ้ มท้งั ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ครใู ห้นกั เรยี นดูภาพอนสุ าวรยี ป์ ระชาธปิ ไตยแลว้ ซกั ถามว่าเปน็ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ได้หรือไม่ ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยใช้ข้อมูลจากเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา จากนั้นครู อธบิ ายสรุปเพ่ือเช่อื มโยงเข้าส่เู นอื้ หาทจี่ ะเรียน ขัน้ สอน 3. ให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 6–8 คน โดยแตล่ ะกล่มุ เลือกประธาน 1 คน เลขานุการกลุ่ม 1 คน เปน็ ผ้จู ดบันทึกความคดิ เหน็ ของกลุ่ม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มดำเนินการอภิปรายตามหัวข้อที่ครูกำหนด ในขณะที่กลุ่มดำเนินการ อภปิ ราย ครูคอยสงั เกตและกระตนุ้ ให้ทกุ คนได้แสดงความคิดเห็นกนั อย่างเตม็ ท่ี 1) หลักฐานทางประวัติศาสตรม์ ีความสำคัญอยา่ งไร (2) หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ บ่งออกเปน็ กี่ประเภท อะไรบ้าง (3) หลกั ฐานชน้ั รองหมายถึงอะไร (4) จดหมายเหตุเป็นหลักฐานชัน้ ต้นหรอื หลกั ฐานชน้ั รอง เพราะอะไร (5) หลักฐานท่เี ป็นลายลักษณ์อักษรมีอะไรบา้ ง 5. ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการอภิปรายหน้าชั้นเรียน ขั้นสรุป 6. ครูเปดิ โอกาสให้ผู้ฟังซกั ถามขอ้ สงสยั ผอู้ ภปิ รายตอบคำถาม ครูคอยชว่ ยเหลอื ใหค้ ำแนะนำ ชว่ั โมงท่ี 2 ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี น พรอ้ มทบทวนเน้อื หาคาบท่ีผ่านมา เพ่อื เชอ่ื มโยงเข้าสูเ่ นอ้ื หา
ขน้ั สอน 2. ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้า เรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ จากหนังสือเรียนวิชา ประวัติศาสตร์ ม.3 หนังสือเพิ่มเติม แหละแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม จากนั้นให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ แลว้ ช่วยกันเฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง 3. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม โดยใช้กลมุ่ เดิมคาบท่ีผ่านมา หาข่าวเก่ียวกับการค้นพบหลักฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ แลว้ รว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นภายในกลุ่ม 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มดำเนินการอภิปรายเนื้อหาข่าวเกี่ยวกับการค้นพบหลักฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ ของตัวเองให้ครูฟัง และครใู ห้คำแนะนำ ข้ันสรุป 5. ครูเปดิ โอกาสให้ผู้ฟังซักถามข้อสงสยั ผอู้ ภิปรายตอบคำถาม ครูคอยช่วยเหลอื ให้คำแนะนำ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตรแ์ ละสืบค้นข้อมูลเพอ่ื ตอบคำถามวา่ เราใชว้ ธิ กี ารใดในการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นการบ้านเพ่ือเตรียมจดั การเรยี นรู้ในคร้ัง ตอ่ ไป ๘. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ ๘.๑ ส่ือการเรยี นการสอน ๑) แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2) ภาพอนุสาวรยี ์ประชาธปิ ไตย 3) ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ 4) แบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่ม 5) หนังสือเรยี น ประวัติศาสตร์ ม.3 6) คมู่ ือการสอน ประวัติศาสตร์ ม. 3 7) สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) อนิ เทอร์เน็ต ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบทดสอบก่อนเรยี น ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความสามารถในการสอ่ื สาร แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม นกั เรยี น สังเกตความใฝ่เรยี นรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึง ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์
๑๐. จดุ เนน้ ของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพยี ง ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ ร้จู กั ใช้เทคโนโลยีมาผลิตส่อื ที่ มจี ติ สำนึกที่ดี เอื้ออาทร เหมาะสมและสอดคลอ้ งเน้ือหาเปน็ ประนีประนอม นกึ ถงึ ประโยชน์ ประโยชน์ต่อผเู้ รียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลุม่ ปัญญาของผู้เรยี น ความมีเหตุผล ยึดถือการประกอบอาชพี ด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุด ถกู ต้อง สจุ รติ แม้จะตกอยูใ่ นภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชวี ิต ปฏบิ ัติตนใน คำตอบเพือ่ ใหห้ ลุดพน้ จากความไม่รู)้ แนวทางท่ดี ี ลด เลกิ สง่ิ ยัว่ กิเลสใหห้ มดสนิ้ ไป ไม่ก่อความช่ัวให้เปน็ เครือ่ งทำลาย ตวั เอง ทำลายผอู้ ่นื พยายามเพม่ิ พนู รักษา ความดี ทีม่ อี ยู่ให้งอกงามสมบูรณย์ ่งิ ขน้ึ มีภูมคิ ้มุ กนั ในตวั ท่ีดี ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสยี สละและแบ่งปนั เง่ือนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ืองวธิ กี ารทาง ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ที่เกย่ี วข้องรอบด้าน ความ ประวตั ศิ าสตร์ กรณีทเ่ี กิดงาน ปริมาณ รอบคอบทจี่ ะนำความร้เู หลา่ นนั้ มา ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ พจิ ารณาให้เช่อื มโยงกัน เพ่ือประกอบการ สามารถนำความรู้เหล่านัน้ มาพิจารณา วางแผน การดำเนนิ การจดั กจิ กรรมการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน เรยี นรู้ให้กบั ผูเ้ รียน ชีวิตประจำวนั เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนกั ในคณุ ธรรม ซ่ือสัตยส์ จุ รติ และมีความอดทน มคี วาม มีความซ่ือสตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน เพียร ใช้สติปญั ญาในการดำเนนิ ชวี ติ มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ัญญาในการ ดำเนินชวี ติ กิจกรรม ครู ผ้เู รียน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ประวัตขิ องต้นไม้แตล่ ะตน้ ประวตั ขิ องต้นไม้แตล่ ะต้น ประวัตขิ องต้นไม้แตล่ ะตน้ อธบิ ายชนิดของตน้ ไม้และ ระบุชนดิ ของตน้ ไมแ้ ละประวัติ ประวตั แิ ละความเปน็ มาของ ประวัติความเป็นมาของตน้ ไม้ ความเปน็ มาของต้นไม้ ตน้ ไม้
๑1. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงชือ่ )……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผู้สอน
แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ คำชแ้ี จง เลือกคำตอบท่ถี กู ตอ้ งท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดียว 1. นักประวัติศาสตร์ใช้เกณฑ์อะไรแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ออกเป็นสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัย ประวตั ศิ าสตร์ ก. ตัวอกั ษร ข. การต้ังถิน่ ฐาน ค. เครอื่ งมอื เครอื่ งใช้ ง. ตำนานหรอื คำบอกเล่า 2. ข้อใดต่อไปน้ีเปน็ หลกั ฐานชั้นตน้ ก. หนังสือเรยี น ข. วิทยานิพนธ์ ค. หนังสอื พมิ พร์ ายวนั ง. อนสุ าวรยี ช์ ัยสมรภูมิ 3. หลกั ฐานขอ้ ใดแตกตา่ งจากข้ออ่ืน ก. จารกึ ข. จดหมายเหตุ ค. จติ รกรรมฝาผนงั ง. พระราชพงศาวดาร 4. งานเขียนทางประวัตศิ าสตรท์ ี่บนั ทึกเร่อื งราวเก่ยี วกบั พระมหากษตั ริย์ จดั เปน็ หลักฐานประเภทใด ก. ตำนาน ข. จดหมายเหตุ ค. จดหมายสว่ นตวั ง. พระราชพงศาวดาร 5. กฎหมายทร่ี ชั กาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้ชำระข้นึ เรียกวา่ อะไร ก. กฎหมายอาญา ข. กฎหมายรฐั ธรรมนญู ค. กฎหมายตราสามดวง ง. กฎหมายพระมนูธรรมศาสตร์ 6. “เมื่อ พ.ศ. 2475 เกดิ เหตกุ ารณอ์ ะไรขน้ึ ” สมชายคน้ หาขอ้ มูลจากหนงั สือทห่ี อ้ งสมดุ และอินเทอร์เน็ตเพ่ือ ตอบคำถามดงั กล่าว การกระทำของสมชายอย่ใู นข้นั ตอนใดของวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ ก. การกำหนดปัญหา ข. การตีความหลกั ฐาน ค. การรวบรวมหลกั ฐาน ง. การเรยี บเรียงและนำเสนอ 7. “วัฒนธรรมมีความสำคัญอยา่ งไร” อยูใ่ นขน้ั ตอนใดของวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ก. การกำหนดปัญหา ข. การตคี วามหลกั ฐาน ค. การรวบรวมหลักฐาน ง. การตรวจสอบและประเมินคุณคา่ ของหลักฐาน 8. เมอื่ มกี ารตรวจสอบและประเมินคณุ คา่ ของหลักฐานแล้ว ขน้ั ตอนต่อไปจะทำอย่างไร ก. กำหนดปญั หา ข. การตคี วามหลักฐาน ค. การรวบรวมหลักฐาน ง. เรียบเรียงและนำเสนอ 9. ขอ้ ใดเปน็ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ท่ีแตกต่างจากวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ ก. การกำหนดเรอื่ งทีจ่ ะศึกษา ข. การตคี วามเพอ่ื ตอบปญั หา ค. การค้นหาและรวบรวมหลักฐานตา่ ง ๆ ง. ตรวจสอบ วิเคราะห์ และประเมินคณุ ค่าของหลักฐาน 10. ถ้าวิธกี ารทางวิทยาศาสตรเ์ ปน็ สรุปผลการทดลองเปน็ ข้อความรู้ วธิ ีการทางประวัตศิ าสตรค์ อื อะไร ก. การกำหนดปญั หา ข. การตคี วามหลกั ฐาน ค. การรวบรวมหลักฐาน ง. การเรยี บเรียงและนำเสนอ
ใบงานท่ี 1.1 เรื่อง หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ ตัวชีว้ ัดชนั้ ปี 1. วิเคราะห์เรื่องราวเหตุการณส์ ำคัญทางประวตั ิศาสตรไ์ ด้อยา่ งมเี หตุผลตามวิธกี ารทาง ประวตั ศิ าสตร์ (ส 4.1 ม. 3/2) 2. ใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ในการศึกษาเร่ืองราวตา่ ง ๆ ที่ตนสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2) คำชี้แจง ตอบคำถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกต้อง 1. หลกั ฐานช้ันต้นแตกต่างจากหลกั ฐานชน้ั รองอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. ...ห...ล..ัก...ฐ..า..น..ช...ั้น..ต...น้ ..เ.ป...น็...ห..ล...ัก..ฐ..า..น...ท..ีเ่..ก..ดิ..ข...น้ึ ..ใ..น..เ..ห..ต...ุก..า..ร..ณ...์ท...เ่ี.ก...ิด..ข..ึ้น...ใ.น...ช..่ว..ง..เ..ว..ล..า..น...้ัน...แ...ต..่ห...ล..กั..ฐ...า..น..ช...นั้ ..ร..อ...ง.เ..ป..น็...ห...ล..ัก..ฐ..า..น...ท..่ี.. ...เ..ก..ดิ..ข...้นึ ..ภ...า..ย..ห...ล..ัง..จ..า..ก..เ..ห..ต...กุ ..า..ร..ณ...น์...น้ั...ไ.ป...แ..ล..ว้.............................................................................................................. 2. ตำนานหมายถึงอะไร .............................................................................................................................................................................. ...เ..ป..น็...เ.ร..ือ่..ง..เ..ล..า่ ..ส..ืบ...ต..่อ..ก...นั ...ม..า..เ.ป...็น..เ..ว..ล..า..ช..้า..น...า..น....ภ..า..ย...ห..ล...ัง.ไ..ด..ม้...กี ..า..ร..น...ำ..ม..า..ร..ว..บ...ร..ว..ม..แ...ล..ะ..เ.ร..ีย...บ..เ..ร..ยี ..ง..เ.ป...น็ ..ล...า.ย...ล..กั...ษ..ณ....์ .......... ...อ...ัก..ษ...ร................................................................................................................................................................... 3. หลักฐานที่เป็นลายลกั ษณ์อักษรคอื อะไร มอี ะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ...ห...ล..กั...ฐ..า..น..ท...ี่ป...ร..า.ก...ฏ..เ..ป..็น...ต..วั..ห...น...งั ..ส..ือ....ไ.ด..้แ...ก..่..จ..า..ร..ึก...ต...ำ..น...า.น....พ...ร..ะ..ร..า..ช...พ..ง..ศ...า.ว...ด..า..ร...จ..ด...ห..ม...า..ย..เ.ห...ต..ุ..เ.อ..ก...ส..า..ร..ก...า..ร............... ...ป...ก..ค...ร..อ..ง..ห...ร..อื ..เ.อ...ก..ส..า..ร..ร..า..ช..ก...า..ร............................................................................................................................... 4. หนงั สือเทศนห์ มายถึงอะไร .............................................................................................................................................................................. ...ห..น...งั ..ส..ือ..ท...่รี..ว..บ...ร..ว..ม..บ...ท..เ..ท..ศ...น..์ข...อ..ง..พ...ร..ะ..ภ...ิก..ษ...ุ ............................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. 5. กฎหมายตราสามดวงเปน็ หลักฐานทเี่ ป็นลายลกั ษณอ์ ักษรหรือไม่ เพราะอะไร .............................................................................................................................................................................. ...เ..ป..น็....เ.พ...ร..า..ะ..เ..ข..ีย..น...เ.ป...็น..ล...า.ย...ล..ัก..ษ...ณ....อ์ ..กั..ษ...ร................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 6. หลักฐานทไ่ี ม่เปน็ ลายลักษณอ์ ักษรคืออะไร .............................................................................................................................................................................. ...ห...ล..ัก...ฐ..า..น..ท...่ไี .ม...่ป...ร.า..ก...ฏ..เ..ป..น็...ต..ัว..ห...น...ัง.ส...ือ...................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 7. หลกั ฐานท่ไี มเ่ ปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษรประกอบด้วยอะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ...โ..บ..ร..า..ณ....ส..ถ..า..น....โ..บ..ร..า..ณ....ว..ัต..ถ..ุ..เ.ค..ร..ื่อ...ง..ม..ือ..เ..ค..ร..อื่...ง.ใ..ช..้.เ..ค..ร..่ือ...ง.ป...ร..ะ..ด...บั ....ค..ำ..บ...อ..ก..เ..ล..่า............................................................. .............................................................................................................................................................................. ชอ่ื นามสกลุ เลขท่ี ช้ัน โรงเรยี น .
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 3 กล่มุ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ วิธีการทางประวัติศาสตร์ เรื่อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖4 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ หน่วยกิต 0.5 (นน./นก.) ผู้สอน นางสาวณัฐธิกา นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา 2 ชั่วโมง ๑. สาระสำคญั วิธีการทางประวัติศาสตร์เป็นกระบวนการในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากหลักฐานซึ่งเป็น ร่องรอยจากอดีตทห่ี ลงเหลอื อยู่ วธิ ีการทางประวัติศาสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การกำหนดปัญหาหรือ เรื่องที่จะศึกษา การรวบรวมหลักฐาน การตรวจสอบและประเมินคุณค่าของหลักฐาน การตีความ หลกั ฐาน และการเรยี บเรยี งและการนำเสนอ ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดชั้นปี/ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ตวั ชวี้ ัดชั้นป/ี ผลการเรยี นรู้ ส 4.1 ม. 3/1 วิเคราะห์เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างมีเหตุผลตาม วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ส 4.1 ม. 3/2 ใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตรใ์ นการศึกษาเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ท่ตี นสนใจ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นกั เรียนอธิบายความหมาย ความสำคัญ และขน้ั ตอนของวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ได้ ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ : Process นักเรยี นมที กั ษะการสื่อสาร ๓.๓ ดา้ นคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude นักเรยี นมคี วามใฝเ่ รยี นรู้ และมที ัศนคตทิ ี่ดีต่อการศกึ ษารายวิชาประวัตศิ าสตร์ ๔. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น ความสามารถในการสอ่ื สาร ๕. คุณลักษณะของวิชา - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่
๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน ภาระงาน ๑) นักเรยี นทำกจิ กรรมกลุม่ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขนั้ นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน แล้วตั้งประเด็นคำถามซักถามนักเรียนว่า เราใช้วิธีการใดใน การศึกษาประวัติศาสตร์ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันตอบ โดยใชข้ ้อมลู จากเร่ืองทไ่ี ด้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา จากนน้ั ครสู รปุ เพอ่ื เชือ่ มโยงเข้าสเู่ นอ้ื หาทีจ่ ะเรียน ขั้นสอน 2. นักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็น 4 กล่มุ จากน้ันศึกษา เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ จากนั้น ซกั ถามนกั เรยี นในประเด็นตา่ ง ๆ เช่น 2.1) วธิ กี ารทางประวัติศาสตรห์ มายถึงอะไร 2.2) วิธกี ารทางประวัติศาสตรส์ ำคญั ต่อการศึกษาประวัตศิ าสตรอ์ ยา่ งไร 2.3) ขัน้ ตอนวิธกี ารทางประวัติศาสตร์มอี ะไรบ้าง 2.4) เราสามารถศกึ ษาประวตั ิศาสตรโ์ ดยไมใ่ ชว้ ธิ ีการทางประวัตศิ าสตรไ์ ดห้ รอื ไม่ อย่างไร โดยศกึ ษาคน้ ควา้ จากหนงั สือประวัตศิ าสตร์ ม.3 หนงั สอื เพ่ิมเตมิ และแหลง่ เรียนร้เู พม่ิ เติม 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็นดงั กลา่ ว จากนัน้ สรุปสาระสำคัญ ลงในกระดาษชารจ์ ทค่ี รแู จกให้ 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอความคดิ เห็นของกลุ่มตัวเองหน้าชนั้ เรยี น ขนั้ สรุป 5. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหา และเปดิ โอกาสให้ผูฟ้ ังซักถามข้อสงสัย ผู้อภิปรายตอบ คำถาม ครูคอยช่วยเหลือใหค้ ำแนะนำ ชั่วโมงท่ี 2 ข้ันนำเขา้ สู่บทเรยี น 1. นกั เรียนสังเกตภาพเกย่ี วกับการขุดคน้ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ จากนนั้ ร่วมกันสนทนา โดยการตอบคำถาม ดังน้ี ภาพนี้คือภาพเกี่ยวกับอะไร นักเรียนคิดว่า การขุดค้นทางโบราณคดีมี ความสำคัญต่อมนุษยชาติหรือไม่ อย่างไร และนักเรียนคิดว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเรียนรู้ ประวัตศิ าสตรข์ องตนเองในอดตี เพ่ือเชื่อมโยงเขา้ สูเ่ นอื้ หา
ข้ันสอน 2. นักเรียนศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้วิธีการทางประวัติศาสตรว์ ิเคราะหเ์ หตุการณ์ ทางประวตั ิศาสตร์ จากหนงั สอื เรียนและแหลง่ การเรยี นรอู้ ื่น ๆ เพ่มิ เตมิ 3. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับการใชว้ ธิ ีการทางประวตั ิศาสตรว์ ิเคราะห์เหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์ โดยใช้คำถาม ดงั นี้ 3.1 การศึกษาเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์มีแนวปฏิบัติอย่างไร และแนวปฏิบัติดังกล่าวส่งผล ดีตอ่ การศึกษาเหตุการณ์ทางประวตั ศิ าสตร์อยา่ งไร 3.2 วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์มกี ่ีข้ันตอน ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง 3.3 ประโยชนข์ องการศกึ ษาเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์มีอะไรบา้ ง 3.4 การศกึ ษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตรม์ ีความสำคญั ต่อมนษุ ยโ์ ลกอย่างไร 4. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มเลือกศึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์ทาง ประวัตศิ าสตร์ของโรงเรยี นตนเองมา 1 เหตุการณ์ โดยนำวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์มาใช้ในการศึกษา และบอกเลา่ เหตกุ ารณ์สำคัญทเ่ี กดิ ขึ้น 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มตัวเอง หน้าช้ันเรียน ข้ันสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหา และเปิดโอกาสให้ผู้ฟังซักถามข้อสงสัย ผู้อภิปรายตอบ คำถาม ครูคอยช่วยเหลอื ใหค้ ำแนะนำ ๘. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ สือ่ การเรยี นการสอน 1) ภาพเกย่ี วกับการขุดคน้ หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ 2) แบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือเป็นกลมุ่ 3) หนงั สือเรียน ประวัตศิ าสตร์ ม.3 4) คูม่ ือการสอน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 5) สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน ประวัตศิ าสตร์ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) อินเทอรเ์ นต็ ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์ สังเกตความสามารถในการส่ือสาร แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของ ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ นักเรียน สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์
๑๐. จดุ เน้นของโรงเรยี น การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผู้เรยี น พอเพยี ง ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดีด้านจติ ใจ รจู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลิตสือ่ ท่ี มจี ิตสำนึกที่ดี เอือ้ อาทร เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนอ้ื หาเปน็ ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ ประโยชน์ต่อผเู้ รยี นและพฒั นาจากภูมิ สว่ นรวม/กล่มุ ปญั ญาของผูเ้ รียน ความมเี หตผุ ล ยดึ ถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุด ถกู ตอ้ ง สจุ ริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชวี ิต ปฏบิ ตั ิตนใน คำตอบเพือ่ ใหห้ ลดุ พ้นจากความไม่ร)ู้ แนวทางทด่ี ี ลด เลกิ สง่ิ ยวั่ กิเลสใหห้ มดสนิ้ ไป ไม่ก่อความช่วั ใหเ้ ป็นเคร่อื งทำลาย ตวั เอง ทำลายผูอ้ น่ื พยายามเพิม่ พูนรักษา ความดี ทีม่ ีอยู่ให้งอกงามสมบรู ณย์ ง่ิ ข้ึน มีภมู คิ ้มุ กันในตัวท่ดี ี ภมู ปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซ่อื สัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปนั ตรงต่อเวลา เสียสละและแบง่ ปัน เงอื่ นไขความรู้ ความรอบรู้ เรอื่ งวธิ กี ารทาง ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ท่ีเกยี่ วข้องรอบดา้ น ความ ประวตั ิศาสตร์ กรณีทเี่ กดิ งาน ปริมาณ รอบคอบทจ่ี ะนำความรเู้ หลา่ นนั้ มา ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ พิจารณาให้เชอ่ื มโยงกนั เพ่ือประกอบการ สามารถนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณา วางแผน การดำเนนิ การจดั กจิ กรรมการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน เรยี นรใู้ หก้ ับผเู้ รยี น ชีวิตประจำวัน เงื่อนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มคี วาม มีความตระหนักในคณุ ธรรม ซ่ือสัตยส์ ุจรติ และมีความอดทน มคี วาม มีความซอ่ื สตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน เพยี ร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชีวติ มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการ ดำเนินชวี ิต
กจิ กรรม ครู ผ้เู รียน สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ประวัติของต้นไมแ้ ต่ละตน้ ประวัติของตน้ ไมแ้ ต่ละตน้ ประวตั ิของต้นไมแ้ ตล่ ะตน้ อธบิ ายชนดิ ของต้นไม้และ ระบชุ นดิ ของต้นไมแ้ ละประวัติ ประวัตแิ ละความเป็นมาของ ประวตั คิ วามเปน็ มาของตน้ ไม้ ความเป็นมาของต้นไม้ ต้นไม้
๑1. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงชือ่ )……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผู้สอน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ เรื่อง วิธกี ารทางประวัติศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖4 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ หน่วยกติ 0.5 (นน./นก.) ผ้สู อน นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เวลา 1 ชวั่ โมง ๑. สาระสำคัญ การวิเคราะห์ตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ เราสามารถนำวิธีการทาง ประวัติศาสตร์มาใช้ในการวิเคราะห์ได้ นอกจากนี้เรายังสามารถนำวิธีการทางประวัติศาสตร์มา ประยุกต์ใชใ้ นการศกึ ษาเร่ืองราวของตนเองและครอบครัวได้ ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี/ผลการเรยี นร้/ู เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วธิ กี ารทางประวัติศาสตรม์ าวิเคราะห์เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี/ผลการเรยี นรู้ ส 4.1 ม. 3/1 วิเคราะห์เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างมีเหตุผลตาม วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ส 4.1 ม. 3/2 ใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตรใ์ นการศึกษาเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ท่ีตนสนใจ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นักเรียนอธบิ ายเรอ่ื งราวเหตกุ ารณ์สำคญั ทางประวตั ิศาสตร์โดยใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ได้ ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process นกั เรียนมีทักษะการคดิ วิเคราะห์ ๓.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความใฝเ่ รียนรู้ และมีทัศนคตทิ ่ดี ตี ่อการศกึ ษารายวชิ าประวตั ิศาสตร์ ๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๕. คุณลักษณะของวิชา - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
๖. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 6.1 ชนิ้ งาน 1) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ 2) แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ภาระงาน ๑) นกั เรียนทำกิจกรรมกล่มุ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูกล่าวทกั ทายนักเรียน ครูทบทวนเก่ยี วกับวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ เน้ือหาทจ่ี ะเรยี น ขั้นสอน 2. นักเรียนศึกษาตัวอย่างการวเิ คราะห์เหตกุ ารณ์สำคญั ในสมยั รัตนโกสินทร์และตัวอย่างการ ใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ศกึ ษาเรือ่ งราวของตนเองและครอบครัว 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 5 กลุ่ม สรุปเนื้อเนื้อหาเกี่ยวกับตัวอย่างการวิเคราะห์ เหตุการณ์สำคัญในสมัยรตั นโกสนิ ทรแ์ ละตวั อยา่ งการใช้วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ จากนั้นให้นกั เรยี น สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรียน จากน้ันเพ่ือน ๆ กล่มุ ทเ่ี หลอื ร่วมกันแสดงความคิดเห็น 4. นักเรียนทำใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ แล้วชว่ ยกนั เฉลยคำตอบทถ่ี กู ต้อง 5. นกั เรียนนำวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใชใ้ นการศกึ ษาเรื่องราวของตนเองและครอบครัว ขัน้ สรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรูเ้ ร่ือง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ โดยให้นักเรียนสรุปลง ในสมดุ หรือเขยี นเปน็ แผนทีค่ วามคิด พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม 7. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบที่ถกู ต้อง ๘. สื่อการเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ สือ่ การเรียนการสอน ๑) แบบทดสอบหลังเรียน 2) แบบบันทึกความรู้ 3) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ 4) หนังสือเรยี น ประวตั ิศาสตร์ ม.3 5) คูม่ อื การสอน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 6) สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) อินเทอรเ์ นต็
๙. การวัดผลและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบทดสอบหลังเรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานที่ 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตความสามารถในการคิด วเิ คราะห์ แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ นักเรยี น สงั เกตความใฝเ่ รียนรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จดุ เน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รยี น พอเพยี ง ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ รจู้ ักใช้เทคโนโลยมี าผลิตสื่อที่ มจี ิตสำนึกที่ดี เอือ้ อาทร เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนอ้ื หาเปน็ ประนีประนอม นกึ ถงึ ประโยชน์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภมู ิ ส่วนรวม/กลุ่ม ปัญญาของผู้เรียน ความมเี หตผุ ล ยดึ ถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุด ถูกตอ้ ง สจุ ริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชีวติ ปฏบิ ตั ิตนใน คำตอบเพื่อใหห้ ลดุ พ้นจากความไมร่ ู้) แนวทางทดี่ ี ลด เลกิ สงิ่ ยัว่ กเิ ลสใหห้ มดส้นิ ไป ไม่กอ่ ความชวั่ ใหเ้ ป็นเครื่องทำลาย ตัวเอง ทำลายผ้อู น่ื พยายามเพ่มิ พนู รักษา ความดี ทม่ี อี ยู่ใหง้ อกงามสมบรู ณ์ยิง่ ข้ึน มีภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ท่ีดี ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมัดระวัง สร้างสรรค์ ภูมิธรรม : ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ ขยันอดทน ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปัน ตรงตอ่ เวลา เสียสละและแบ่งปนั เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้ เรอื่ งวธิ ีการทาง ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ประวัตศิ าสตร์ที่เกยี่ วขอ้ งรอบด้าน ความ ประวตั ศิ าสตร์ กรณีทเี่ กดิ งาน ปริมาณ รอบคอบท่จี ะนำความรู้เหล่าน้ันมา ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ พิจารณาให้เช่ือมโยงกนั เพ่อื ประกอบการ สามารถนำความรู้เหล่านน้ั มาพิจารณา วางแผน การดำเนินการจดั กจิ กรรมการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน เรียนรใู้ ห้กบั ผเู้ รียน ชีวติ ประจำวัน
ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รยี น พอเพยี ง มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม มคี วามตระหนักในคุณธรรม เงอ่ื นไขคุณธรรม ซ่อื สัตยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มีความ มคี วามซอื่ สัตยส์ ุจริตและมีความอดทน เพยี ร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชวี ิต มคี วามเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ดำเนินชีวิต กจิ กรรม ครู ผู้เรยี น สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ประวัตขิ องตน้ ไมแ้ ตล่ ะตน้ ประวัติของตน้ ไมแ้ ต่ละตน้ ประวัติของต้นไม้แต่ละตน้ อธบิ ายชนดิ ของต้นไมแ้ ละ ระบชุ นิดของต้นไมแ้ ละประวัติ ประวตั แิ ละความเป็นมาของ ประวตั คิ วามเป็นมาของตน้ ไม้ ความเป็นมาของตน้ ไม้ ต้นไม้
๑1. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ัญหา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงช่ือ)……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธิกา นวลหอม) ผู้สอน
ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี 1. วิเคราะห์เร่อื งราวเหตกุ ารณ์สำคัญทางประวัติศาสตรไ์ ด้อย่างมีเหตุผลตามวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 3/2) 2. ใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาเรื่องราวตา่ ง ๆ ทีต่ นสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2) คำชีแ้ จง แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวเหตุการณ์สำคัญท่ี เกิดข้ึนในสมยั รัตนโกสินทร์ดว้ ยวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์มากลมุ่ ละ 1 เร่อื ง แล้วนำมา อภิปรายแสดงความ คดิ เหน็ รว่ มกัน และสรปุ ลงในกรอบที่กำหนดให้ ........................................................................ ............................................................................................................................. .. ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ......................................................................................................................................................................... .............................. ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................................. .......................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. . ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .............................................................. ............ ............................................................................................................................. .......................................................................... .......................................................................................................................................................................... ............................. ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... .............................................................................................................................................. ......................................................... กล่มุ ที่.................... สมาชกิ กล่มุ 1........................................................................ 2...................................................................... 3....................................................................... 4...................................................................... 5....................................................................... 6......................................................................
แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ คำช้แี จง เลือกคำตอบทีถ่ กู ตอ้ งที่สุดเพียงคำตอบเดียว 1. ข้อใดหมายถงึ หลกั ฐานช้นั ต้น ก. เอกสารที่ผา่ นการวิเคราะหต์ ีความ ข. เอกสารที่เขยี นจากคำบอกเล่าของผอู้ น่ื ค. เอกสารทบี่ นั ทึกโดยผทู้ อ่ี ยู่ในเหตกุ ารณ์น้ัน ๆ ง. เอกสารท่ีบันทึกขน้ึ ภายหลงั จากเหตกุ ารณน์ น้ั ๆ 2. ข้อใดคอื หลกั ฐานชนั้ รอง ก. ข่าวในหนงั สือพมิ พ์ ข. อนสุ าวรยี บ์ คุ คลสำคัญ ค. จดหมายเลา่ เรอื่ งตา่ ง ๆ ง. โบราณสถานและโบราณวัตถุ 3. ข้อใดคือการแบ่งหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรต์ ามลกั ษณะของหลักฐาน ก. หลกั ฐานชั้นต้นกับหลักฐานชั้นรอง ข. หลักฐานสมยั กอ่ นประวัติศาสตรก์ ับหลักฐานสมยั ประวัติศาสตร์ ค. หลกั ฐานท่เี ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรกับหลักฐานทีไ่ ม่เป็นลายลักษณอ์ กั ษร ง. หลักฐานทีม่ นษุ ย์ต้ังใจสร้างขึ้นกบั หลักฐานทม่ี นุษย์ไม่ไดต้ ง้ั ใจสร้างข้นึ 4. บนั ทึกท่เี กดิ จากการสลกั ตัวอักษรลงบนหินหรอื โลหะเปน็ เรื่องราวตา่ ง ๆ เรียกวา่ อะไร ก. จารึก ข. ตำนาน ค. พงศาวดาร ง. จดหมายเหตุ 5. เพราะเหตใุ ดพงศาวดารจงึ เป็นหลักฐานทม่ี ีความสำคญั ในการศึกษาเร่อื งราวในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ ก. ไม่มหี ลกั ฐานอ่ืนๆ ให้ศกึ ษา ข. เป็นหลกั ฐานทมี่ ีความน่าเช่อื ถอื มากท่สี ุด ค. เป็นหลกั ฐานที่บอกเรอ่ื งราวไดล้ ะเอยี ดกวา่ หลักฐานอื่น ง. เป็นหลักฐานท่ีถกู บันทกึ โดยผูท้ ่ีอยู่ในเหตกุ ารณ์จริง และถูกเขียนโดยไม่มีผลประโยชนแ์ อบแฝง 6. ข้อใดเปน็ หลักฐานทเี่ ขยี นขนึ้ โดยชาวตา่ งชาติ ก. นริ าศลอนดอน ข. กรุงเทพฯ เดลเิ มล์ ค. จดหมายเหตเุ สด็จหวา้ กอ ง. จดหมายเหตเุ ร่ืองมชิ ชันนารอี เมรกิ ันเข้ามาประเทศสยาม
7. หนงั สือพมิ พ์ใดมีจดุ มุง่ หมายทางการเมือง ก. ดรโุ ณวาท ข. เสียงอ่างทอง ค. กรุงเทพฯ เดลิเมล์ ง. บางกอกรีคอรเ์ ดอร์ 8. ขอ้ ใดเป็นข้ันตอนแรกในการศึกษาประวัตศิ าสตร์ ก. การตีความหลักฐาน ข. การรวบรวมหลักฐาน ค. การกำหนดปัญหาหรือเรอื่ งทต่ี ้องการจะศึกษา ง. การตรวจสอบและประเมินคุณค่าของหลกั ฐาน 9. บคุ คลใดตอ่ ไปนไ้ี ม่ได้กำลังตรวจสอบและประเมนิ คณุ ค่าของหลกั ฐาน ก. แมวกำลังพิจารณาวา่ ใครเป็นผเู้ ขียนพระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี 2 ข. กบกำลงั พิจารณาว่าผูเ้ ขียนพระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลท่ี 2 คิดอย่างไรเก่ียวกับ เหตกุ ารณ์ในสมยั นัน้ ค. นกกำลังพิจารณาวา่ ผู้เขยี นพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี 2 เป็นผู้ท่ีมชี ีวติ อยู่ในสมยั รัชกาลที่ 2 หรือไม่ ง. ปลากำลังพจิ ารณาว่าผเู้ ขยี นพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี 2 เขยี นเรอ่ื งราวตรงกบั ความ เปน็ จรงิ หรือไม่ 10. การตีความหลักฐานทางประวัตศิ าสตรค์ วรหลกี เลยี่ งข้อใด ก. การสังเกตและเปรียบเทียบข้อมูล ข. การใช้ความคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ค. การตีความข้อเท็จจริงอย่างมเี หตผุ ล ง. การใชท้ ัศนคติในปจั จุบนั ไปวนิ จิ ฉยั อดตี
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พัฒนาการของไทย ในสมยั รัตนโกสินทร์
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พัฒนาการของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 รายวชิ าประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส2310๓ กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม จัดทำโดย นางสาวณัฐธิกา นวลหอม ตำแหน่ง พนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ตำบลชา่ งเคิ่ง อำเภอแม่แจม่ จังหวัดเชยี งใหม่ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนกั งานการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 พัฒนาการของไทยในสมัยรตั นโกสินทร์ เรื่อง การสถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา ๒๕๖4 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ หนว่ ยกิต 0.5 (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณฐั ธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา 2 ชัว่ โมง ๑. สาระสำคญั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริยแ์ หง่ ราชวงศ์จักรี และสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ใน พ.ศ. 2325 โดยทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายงั กรงุ เทพฯ เนอื่ งจากมีทำเลทตี่ ั้งและชยั ภมู ทิ ่ีเหมาะสมกว่ากรงุ ธนบุรี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิง่ ต่อการสร้างสรรค์ความ เจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของชาติ และทรงประกอบพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อสร้างความ ม่นั คงใหอ้ าณาจักร ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ใหอ้ ยอู่ ย่างร่มเย็นเป็นสุข และสร้างสรรค์ความ เจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ ให้เป็นมรดกตกทอดมาจนปัจจุบัน ในสมัยรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรง สถาปนาราชวงศ์จักรี เม่ือ พ.ศ. 2325 หลังจากนน้ั พระมหากษัตริย์รัชกาลตอ่ ๆ มาได้สืบสันตติวงศ์ มาจนกระทัง่ ปจั จุบนั รวม 10 รัชกาล ๒. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชีว้ ัดชน้ั ปี/ผลการเรยี นร้/ู เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชนชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธำรงความเปน็ ไทย ตัวชีว้ ดั ช้นั ปี/ผลการเรยี นรู้ ส 4.3 ม. 3/1 วเิ คราะห์พฒั นาการของไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ในดา้ นต่าง ๆ ส 4.3 ม. 3/2 วิเคราะห์ปัจจัยทีส่ ่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุง่ เรอื งของไทยในสมัย รัตนโกสินทร์ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นักเรียนอธบิ ายเหตกุ ารณ์การยา้ ยราชธานีและการสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ได้ถกู ตอ้ ง ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process นกั เรียนมีทักษะการคดิ วิเคราะห์
๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude นกั เรยี นมีความมงุ่ มนั่ ในการทำงาน และมีทศั นคตทิ ่ีดตี อ่ การศึกษารายวชิ าประวัตศิ าสตร์ ๔. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๕. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน 6.1 ชนิ้ งาน 1) ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง การสถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทร์ 2) แบบทดสอบกอ่ นเรียน 6.2 ภาระงาน ๑) นักเรียนทำกิจกรรมกล่มุ ๗. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ 1 ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี น พร้อมท้ังให้นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ครใู ห้นักเรียนดูพระบรมฉายาลักษณร์ ัชกาลท่ี 1 แลว้ ซกั ถามว่า บคุ คลในภาพคอื ใคร และ มคี วามสำคัญตอ่ การสถาปนากรงุ รตั นโกสินทร์อย่างไร ใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบ โดยใช้ความรู้จากเรื่อง ทไี่ ด้รับมอบหมายให้ไปสืบค้นขอ้ มลู มา เพ่ือเชื่อมโยงไปสเู่ นื้อหาทจี่ ะเรยี น ขน้ั สอน 2. นกั เรียนศึกษาความรกู้ บั นักเรียนเก่ียวกับการสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยวิธีนับหมายเลข (1–4) เลือกเฉพาะเจาะจง หรือจับสลาก แล้วแต่ความเหมาะสม ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากเลือกประเด็นการ อภปิ รายทีค่ รูได้กำหนดไว้ ไดแ้ ก่ 3.1) เพราะเหตุใดรัชกาลที่ 1 จงึ ประกอบพระราชพิธีราชาภเิ ษก 3.2) ปจั จยั ท่ที ำใหร้ ชั กาลท่ี 1 ย้ายราชธานคี อื อะไร 3.3) บทบาทของพระมหากษัตริยแ์ ห่งราชวงศ์จกั รใี นการสร้างสรรค์ความเจริญและ ความมนั่ คงของชาตแิ ต่ละพระองคเ์ ดน่ ในด้านใดบา้ ง 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ เลอื กประธาน เลขานุการจดบันทึก และผู้นำการอภิปราย จากนน้ั ให้แต่ ละกล่มุ ศกึ ษาค้นคว้าหาข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับประเด็นการอภิปรายจากสื่อและแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น เอกสารความรู้ อินเทอร์เน็ต หลังจากได้ข้อมลู เพียงพอแล้ว ครูให้นักเรียนมารวมกลุม่ กนั ที่ห้อง ประชุมหรือสนามหญา้ ใตต้ ้นไม้ น่งั แยกเป็นกลมุ่ ครึ่งวงกลม แตล่ ะกลมุ่ นั่งหา่ งกันพอสมควร
5. ครูแจ้งวัตถุประสงค์การอภิปราย กฎ กติกา และเวลาในการอภิปราย จากนั้นให้แต่ละ กลุ่มดำเนินการอภปิ รายตามประเดน็ และตามเวลาที่กำหนด โดยครูคอยเป็นผูด้ แู ลและใหค้ ำแนะนำใน การอภปิ รายใหด้ ำเนินไปด้วยความเรยี บร้อย ข้ันสรุป 6. ครูให้แต่ละกลุ่มสรุปและบันทึกผลการอภิปราย พร้อมทั้งเตรียมตัวนำเสนอผลการ อภิปรายในรปู แบบท่ีหลากหลาย เช่น ภาพประกอบ แผนท่ีความคิด แผ่นใส วดี ิทัศน์ PowerPoint ใน ช่ัวโมงต่อไป ช่ัวโมงที่ 2 ข้ันนำเข้าสู่บทเรยี น 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมทั้งทบทวนความรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ เน้อื หา ขั้นสอน 2. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนนำเสนอผลการอภปิ ราย กลมุ่ ละ 5 นาที พร้อมเปดิ โอกาสให้ เพอ่ื นนกั เรยี นกล่มุ อืน่ ซักถามและวจิ ารณ์ผลงาน โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี กลุ่มที่ 1 นำเสนอ กลุ่มที่ 2 วจิ ารณ์ผลงาน กลมุ่ ที่ 2 นำเสนอ กลุม่ ท่ี 3 วิจารณผ์ ลงาน กลุ่มที่ 3 นำเสนอ กลุ่มท่ี 4 วิจารณผ์ ลงาน กลุม่ ท่ี 4 นำเสนอ กลมุ่ ที่ 1 วจิ ารณ์ผลงาน 3. เมื่อนำเสนอผลงานครบทุกกลุ่มแล้ว ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์เกี่ยวกับการสถาปนากรุง รัตนโกสินทร์ จากน้ันรว่ มกนั สรุปความรูท้ ่ีไดร้ ับจากการอภปิ รายและการดูวีดิทัศน์ 4. นักเรียนทำใบงานที่ 2.1 เรื่อง การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ แล้วทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับ การสถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ แล้วชว่ ยกนั เฉลยคำตอบท่ีถูกตอ้ ง ขัน้ สรุป 5. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรเู้ รอื่ ง การสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ โดยใหน้ ักเรยี นสรุป ลงในสมุดวชิ าประวตั ศิ าสตร์ 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง เป็น การบ้านเพ่อื เตรยี มจดั การเรียนรู้ในคร้ังตอ่ ไป
๘. สอื่ การเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ ๘.๑ ส่ือการเรียนการสอน ๑) แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2) สือ่ วีดิทัศน์เก่ยี วกับการสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์ 3) ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง การสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ 4) หนังสอื เรยี น ประวัติศาสตร์ ม.3 5) คู่มือการสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 6) สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 ๙. การวัดผลและประเมินผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจใบงานท่ี 2.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมุ่งมัน่ ในการทำงาน นกั เรยี น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึง ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเนน้ ของโรงเรยี น การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกจิ ครู ผู้เรียน พอเพียง ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รจู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ สื่อท่ี มีจิตสำนกึ ที่ดี เอ้อื อาทร เหมาะสมและสอดคล้องเนื้อหาเปน็ ประนปี ระนอม นึกถงึ ประโยชน์ ประโยชนต์ ่อผู้เรยี นและพัฒนาจากภมู ิ ส่วนรวม/กลุม่ ปัญญาของผู้เรียน ความมเี หตุผล ยึดถอื การประกอบอาชพี ดว้ ยความ ไม่หยุดนิ่งทีห่ าหนทางในชีวิต หลุด ถูกตอ้ ง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชวี ติ ปฏิบตั ิตนใน คำตอบเพือ่ ให้หลดุ พ้นจากความไม่รู้) แนวทางที่ดี ลด เลกิ สิ่งย่ัวกเิ ลสใหห้ มดสน้ิ ไป ไม่ก่อความชวั่ ให้เป็นเครอื่ งทำลาย ตวั เอง ทำลายผอู้ ่นื พยายามเพม่ิ พนู รกั ษา ความดี ท่ีมอี ยู่ให้งอกงามสมบรู ณ์ย่ิงขึ้น
ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผูเ้ รียน พอเพยี ง ภมู ปิ ญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ มภี มู ิคมุ้ กันในตัวที่ดี ระมดั ระวงั ระมัดระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน เงอื่ นไขความรู้ ภมู ธิ รรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและแบ่งปนั ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปนั เง่ือนไขคณุ ธรรม ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ความรอบรู้ เรือ่ งวธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ กรณีทเ่ี กิดงาน ปริมาณ ประวตั ิศาสตร์ที่เก่ียวขอ้ งรอบด้าน ความ ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ รอบคอบท่ีจะนำความรเู้ หล่านนั้ มา สามารถนำความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณา พิจารณาให้เชื่อมโยงกนั เพื่อประกอบการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน วางแผน การดำเนนิ การจดั กิจกรรมการ ชวี ติ ประจำวนั เรยี นรใู้ ห้กบั ผูเ้ รียน มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มีความ มคี วามซอ่ื สตั ยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ซ่ือสัตย์สุจรติ และมีความอดทน มีความ มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการ เพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนินชีวติ ดำเนนิ ชวี ิต กิจกรรม ครู ผ้เู รยี น สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ประวตั ิของต้นไมแ้ ต่ละต้น ประวัติของตน้ ไมแ้ ตล่ ะต้น ประวตั ิของต้นไมแ้ ตล่ ะต้น อธิบายชนิดของต้นไม้และ ระบุชนดิ ของต้นไมแ้ ละประวัติ ประวตั แิ ละความเปน็ มาของ ประวัติความเป็นมาของต้นไม้ ความเปน็ มาของต้นไม้ ต้นไม้
๑1. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ัญหา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงช่ือ)……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธิกา นวลหอม) ผู้สอน
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พฒั นาการของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ คำชีแ้ จง เลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดยี ว 1. เพราะเหตุใดพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจงึ ทรงย้ายราชธานี ก. เมอื งธนบุรีไมม่ ีทางออกทะเล ข. เมอื งธนบรุ ีมขี นาดใหญ่เกินไป ค. เมอื งธนบรุ ีมีประชากรอาศยั อยู่เบาบาง ง. พ้ืนทฝ่ี ั่งตะวันออกมีความอุดมสมบรู ณ์ 2. ขอ้ ใดไม่ใช่ปจั จัยทสี่ ่งผลต่อความมั่นคงและความเจรญิ รุ่งเรอื งของไทยสมยั รัตนโกสินทร์ ก. พ้ืนท่สี ว่ นใหญ่อดุ มสมบูรณ์ ข. มีทางออกทะเลไม่ไกลจากปากน้ำ ค. มีแมน่ ำ้ เจ้าพระยาผา่ กลางเปน็ เมืองอกแตก ง. เปน็ ศนู ย์กลางการค้าระหว่างตะวนั ออกกบั ตะวนั ตก 3. กรมใดมหี นา้ ท่ีดแู ลกิจการการค้ากับจีนและชาติตะวนั ออก ก. กรมท่า ข. กรมเมอื ง ค. กรมทา่ ขวา ง. กรมท่าซา้ ย 4. หนา้ ทข่ี ององคมนตรสี ภาในสมยั รชั กาลที่ 5 คืออะไร ก. รา่ งกฎหมาย ข. พจิ ารณาระเบยี บราชการ ค. ปรกึ ษาราชการส่วนพระองค์ ง. ถวายคำปรกึ ษาราชการแผ่นดนิ 5. รัชกาลท่ี 5 ทรงจัดเสนาบดีดูแลรับผดิ ชอบสว่ นใด ก. อำเภอ ข. จงั หวดั ค. กระทรวง ง. เทศาภบิ าล 6. เหตุการณ์ใดเปน็ การยำ้ เตือนวา่ ถึงเวลาเปลยี่ นแปลงรูปแบบการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตย ก. กบฏบวรเดช ข. กบฏ ร.ศ. 130 ค. วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 ง. คำกราบบงั คมทูล ร.ศ. 103 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั 6 ประการของคณะราษฎร ก. หลกั เอกราช ข. หลักเศรษฐกิจ ค. หลกั เสมอภาค ง. หลักวัฒนธรรม 8. “เป็นชนชนั้ ต่ำที่สุดในสงั คม ไม่มีอิสระในตวั เอง เป็นกรรมสทิ ธิข์ องนายเงนิ ” ขอ้ ความนีก้ ล่าวถึงใคร ก. ไพร่ ข. ทาส ค. ผู้ท่ีไมม่ ีบรรดาศักด์ิ ง. ชาวต่างชาติทีอ่ พยพเข้ามา 9. โรงเรยี นราษฎรที่รชั กาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้สร้างคอื โรงเรียนอะไร ก. โรงเรียนราชวนิ ติ ข. โรงเรยี นสตรีวิทยา ค. โรงเรยี นวดั มหรรณพาราม ง. โรงเรยี นพระตำหนกั สวนกหุ ลาบ 10. นโยบายตา่ งประเทศของไทยปัจจุบันมีลกั ษณะอยา่ งไร ก. เน้นการทหารเพือ่ ปอ้ งกันประเทศ ข. เน้นพฒั นาสงั คมให้มคี วามเจรญิ กา้ วหน้า ค. เนน้ การเมอื งการปกครองภายในประเทศ ง. เน้นการทูตยึดผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ
ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง การสถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทร์ ตัวช้ีวัดชน้ั ปี 1. วเิ คราะห์พัฒนาการของไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ในดา้ นต่าง ๆ (ส 4.3 ม. 3/1) 2. วิเคราะหป์ จั จยั ท่สี ่งผลตอ่ ความม่นั คงและความเจรญิ ร่งุ เรอื งของไทยในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ (ส 4.3 ม. 3/2) คำชแ้ี จง ตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ ูกตอ้ ง 1. เหตผุ ลสำคัญท่ที ำใหร้ ชั กาลท่ี 1 ทรงยา้ ยราชธานีคืออะไร ............................................................ ............................................................................................................................. .............. ......1...)...พ...ร..ะ...ร..า..ช...ว..งั..เ..ด..มิ...ข...อ...ง..ก..ร...งุ ..ธ..น...บ...รุ...ีค..ับ...แ...ค...บ............................................................................................................................ ......2...)...ท...ต่ี ..้งั..ก...ร..ุง...ธ..น...บ...รุ..มี...ีข...อ้ ..เ..ส...ีย..เ..น...่อื ..ง...จ..า..ก...ต...้งั ..อ...ย..บู่...น...ท...อ้...ง..ค...ุ้ง..ข...อ..ง...แ..ม...่น...้ำ..เ..จ..้า..พ...ร..ะ...ย...า...น...้ำ...ก..ัด...เ.ซ...า..ะ...ต...ล..ง่ิ..อ...ย...ู่ต...ล..อ...ด...เ.ว...ล..า....ไ..ม...่ .... ......เ.ห...ม...า..ะ...แ..ก...ก่...า..ร..ก...่อ...ส..ร...า้ ..ง..ถ...า..ว..ร..ว...ตั ...ถ..ตุ...า่..ง....ๆ................................................................................................................................ ......3...)...ก..ร...ุง..ธ..น...บ...รุ..ไี..ม...เ่ .ห...ม...า..ะ...แ..ก...่ย...ทุ ...ธ..ศ...า..ส...ต...ร..์..เ.พ...ร..า...ะ..ม...ีแ...ม..่น...ำ้...เ.จ...้า..พ...ร..ะ...ย...า..ผ..่า...ก..ล...า..ง..เ..ป...็น...เ.ส...ม...อื ...น...เ.ม...อื ..ง..อ...ก...แ..ต...ก....เ..ม..อ่ื...ใ..ด...ท...่ี ........ ......ข..า้..ศ...ึก...ย...ก..ท...ัพ...ม...า...ต..า...ม..ล...ำ..น...้ำ..ก...็ส...า..ม...า..ร..ถ...เ..ข..า้...ถ..งึ..ใ..จ...ก..ล...า..ง..เ.ม...อื...ง..ไ..ด...ง้ ..า่ ..ย........................................................................................ ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ................................................................................................................................. ...................................................................... 2. ปัจจยั ท่ีส่งผลต่อความม่นั คงและความเจริญรุ่งเรืองของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์มีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ....................................................................... ... ......1...)...ม..ที...่ีต...ัง้ ..ใ..น...ท...า..ง..ย...ทุ ...ธ..ศ...า..ส...ต...ร..เ์ ..ห...ม..า...ะ..ส...ม........................................................ ......................................................................... ......2...)...เ.ป...็น...บ...ร..เิ..ว..ณ....ท...่มี...ีค...ว..า..ม...อ...ุด..ม...ส...ม...บ...รู ..ณ....เ์ .ห...ม...า..ะ...แ...ก..่ก...า..ร..เ..ก...ษ...ต...ร............................................................................................. ......3...)...เ.ป...็น...ศ...นู ...ย..์ก...ล...า..ง..ก...า..ร..ค...้า..ซ...่งึ..ม...ที...่ีต...ัง้ ..ไ..ม..ไ่..ก...ล...จ..า..ก...ป...า..ก...แ...ม...่น...ำ้ .................................................................................................. ......4...)...พ...ร..ะ...ม..ห...า...ก..ษ...ตั...ร...ยิ ..์ท...ร..ง...พ...ร..ะ...ป...ร..ีช...า..ส..า...ม...า..ร..ถ........................................................................................................................ ......5...)...ป...ร..ะ..เ..ท...ศ...เ.พ...่ือ...น...บ...้า..น...ม...ปี ...ัญ....ห...า..ภ...า..ย...ใ..น...แ..ล...ะ..ถ...กู ...ค...ุก..ค...า..ม...จ...า..ก...ช..า...ต..ิต...ะ...ว..นั ...ต..ก........................................................................ ........................................................................................................................................................... ............................................ ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ............................................................................................................................. .......................................................................... ชื่อ นามสกลุ เลขท่ี ชั้น โรงเรยี น .
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พัฒนาการของไทยในสมยั รัตนโกสินทร์ เร่ือง พฒั นาการเมอื งการปกครอง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖4 เวลาเรยี น 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ หน่วยกติ 0.5 (นน./นก.) ผูส้ อน นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เวลา 2 ชว่ั โมง ๑. สาระสำคญั การเมืองการปกครองสมัยประชาธปิ ไตยพ.ศ. 2475–ปจั จุบัน ที่สำคัญ ได้แก่ สาเหตุที่ทำ ให้เกดิ การเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เกิดจากเศรษฐกจิ ตกตำ่ แนวคดิ ทไ่ี ดร้ ับจากตะวันตก อิทธิพลของสื่อมวลชน เมื่อมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วประเทศไทยก็เกิดวิกฤตการณ์ ทางการเมืองเรื่อยมาทั้งในเรื่องเค้าโครงการเศรษฐกิจ กบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 การสละราชสมบตั ิ ของรชั กาลท่ี 7 และมวี ิกฤตการณเ์ กิดขนึ้ เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจบุ ัน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั ชั้นป/ี ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชนชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธำรงความเป็นไทย ตวั ชว้ี ัดชั้นป/ี ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม. 3/1 วิเคราะหพ์ ัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ในด้านตา่ ง ๆ ส 4.3 ม. 3/2 วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมัน่ คงและความเจริญรุ่งเรอื งของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ : Knowledge นกั เรียนอธิบายพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทรไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process นกั เรียนมีทักษะการแกป้ ัญหา ๓.๓ ด้านคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ : Attitude นกั เรียนมคี วามม่งุ มน่ั ในการทำงาน และมีทศั นคตทิ ี่ดีตอ่ การศึกษารายวิชาประวตั ิศาสตร์ ๔. สมรรถนะสำคญั ของนักเรยี น ความสามารถในการแก้ปญั หา
๕. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ ๖. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 6.1 ช้ินงาน 1) ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง การเมืองการปกครองของไทยสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น 2) ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื งการเมืองการปกครองสมัยปรบั ปรงุ ประเทศให้ทันสมัย 3) ใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง พฒั นาการด้านการเมืองการปกครองของไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ 6.2 ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทำกจิ กรรมกลมุ่ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน แล้วซักถามนักเรียนว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง การปกครอง พ.ศ. 2475 คืออะไร ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ โดยใช้ความรู้จากเรือ่ งท่ีได้รับมอบหมาย ให้ไปอา่ นมา จากน้ันครูสรุปแลว้ เชอื่ มโยงไปส่เู นือ้ หาที่จะเรียน ขัน้ สอน 2. นักเรียนศึกษาความรู้กับนักเรียนเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของไทย สมัยรตั นโกสินทร์ โดยใชแ้ ผนภูมกิ ารเมอื งการปกครองสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น 3. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ออกเปน็ 4 กลุ่ม โดยวธิ นี ับหมายเลข (1–4) เลอื กเฉพาะเจาะจง หรือ จับสลาก แล้วแต่ความเหมาะสม โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสบื ค้นขอ้ มูลพัฒนาการดา้ นการเมอื ง การปกครองของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ดว้ ยวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ โดยปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 เรื่องที่ศึกษา ร่วมกันกำหนดหัวข้อหรือประเด็นปัญหาและวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ พัฒนาการดา้ นการเมืองการปกครองใหส้ อดคลอ้ งกบั หวั ข้อดังกล่าวข้างต้น ขั้นที่ 2 แหล่งรวบรวมหลักฐาน นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา สืบค้นข้อมูลและ ดำเนนิ การรวบรวมหลักฐานตามท่ไี ด้เตรียมการไว้ ขั้นที่ 3 การตรวจสอบและประเมินคุณค่าของหลักฐาน ให้แต่ละกลุ่มย่อยตรวจสอบและ ประเมินหลกั ฐานวา่ เชือ่ ถือได้หรือไม่ เพราะอะไร และบนั ทึกผล ข้ันท่ี 4 การตีความหลกั ฐาน ใหน้ ักเรียนตคี วามจากหลกั ฐานที่รวบรวมได้ตามความเปน็ จรงิ ขั้นที่ 5 การเรียบเรียงและนำเสนอ สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันออกแบบวางแผนการ นำเสนอผลการศกึ ษาและสบื คน้ ข้อมูลของกลุม่ ต่อที่ประชมุ หรือกลุ่มใหญ่ในรปู แบบทีห่ ลากหลาย เช่น การอภิปราย การสนทนา การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร จากนั้นเมื่อแต่ละกลุ่มนำเสนอผล
การศกึ ษาจบแล้ว เพ่อื นกลุ่มอื่นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นและช่วยกนั ตรวจสอบขอ้ มลู ครแู ละนกั เรียน รว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญและแนวคดิ ทไ่ี ดจ้ ากการสบื ค้นข้อมูลดว้ ยวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ในคร้งั น้ี 4. นักเรียนทำใบงานที่ 2.2 เรื่อง การเมืองการปกครองของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และใบงานที่ 2.3 เรื่อง การเมืองการปกครองสมัยปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย แล้วช่วยกันเฉลย คำตอบท่ีถกู ต้อง ขน้ั สรปุ 5. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้ รือ่ ง พัฒนาการเมืองการปกครอง โดยให้นักเรียนสรุป ลงในสมดุ วิชาประวัติศาสตร์ ช่วั โมงท่ี 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี น สนทนากบั นกั เรียนเรอ่ื ง การเมืองการปกครองสมยั ประชาธปิ ไตย พ.ศ. 2475–ปัจจุบัน เพื่อทบทวนความรู้จากคาบเรียนที่ผ่านมา จากนั้นเชื่อมโยงไปสู่เนื้อหาที่จะ เรียน ขน้ั สอน 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกนั ระดมสมองและวิเคราะห์ว่า อะไร เปน็ สาเหตุสำคญั ทที่ ำให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 พร้อมยกตัวอยา่ งเหตุการณ์ ท่ีเกิดขนึ้ บันทกึ ผลลงในแบบบนั ทึกความรู้ และสง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน 3. นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามเกี่ยวกบั พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครองของไทยสมัย รัตนโกสนิ ทร์ แลว้ ชว่ ยกนั เฉลยคำตอบที่ถกู ต้อง 4.นักเรียนทำใบงานท่ี 2.4 เรื่องพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองของไทยสมัย รตั นโกสินทร์ ขัน้ สรปุ 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้เร่ือง พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครองของไทยสมัย รัตนโกสนิ ทร์ โดยใหน้ ักเรียนสรุปลงในสมุด 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนือ้ หาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านสังคมและเศรษฐกิจของไทย สมยั รัตนโกสนิ ทร์ เป็นการบ้านเพอ่ื เตรียมจัดการเรียนรู้ในครงั้ ต่อไป
๘. ส่อื การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ ๘.๑ สือ่ การเรยี นการสอน ๑) แผนภมู ิการเมืองการปกครองสมัยรัตนโกสนิ ทรต์ อนต้น 2) แบบบนั ทกึ ความรู้ 3) ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง การเมอื งการปกครองของไทยสมัยรัตนโกสินทรต์ อนตน้ 4) ใบงานท่ี 2.3 เร่ืองการเมอื งการปกครองสมยั ปรับปรุงประเทศให้ทนั สมัย 5) ใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง พัฒนาการด้านการเมอื งการปกครองของไทยสมยั รตั นโกสินทร์ 6) หนงั สือเรียน ประวัตศิ าสตร์ ม.3 7) คมู่ อื การสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 8) ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 ๙. การวดั ผลและประเมนิ ผล เครือ่ งมอื เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานท่ี 2.2 , 2.3 , 2.4 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.2 , 2.3 , 2.4 สงั เกตความสามารถในการ แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แก้ปัญหา สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ นกั เรียน สงั เกตความมุ่งม่นั ในการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึง ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ ๑๐. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพียง ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ ร้จู ักใช้เทคโนโลยมี าผลติ สือ่ ท่ี มจี ิตสำนึกที่ดี เออ้ื อาทร เหมาะสมและสอดคล้องเนอื้ หาเป็น ประนปี ระนอม นึกถงึ ประโยชน์ ประโยชนต์ อ่ ผเู้ รียนและพฒั นาจากภูมิ ส่วนรวม/กล่มุ ปัญญาของผู้เรียน ความมเี หตผุ ล ยึดถอื การประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุด ถกู ตอ้ ง สจุ รติ แม้จะตกอย่ใู นภาวะขาด พ้นจากความทุกข์ยาก (การค้นหา แคลน ในการดำรงชวี ติ ปฏบิ ัติตนใน คำตอบเพอื่ ให้หลดุ พ้นจากความไม่ร้)ู แนวทางท่ีดี ลด เลกิ ส่งิ ยว่ั กเิ ลสใหห้ มดสน้ิ ไป ไม่ก่อความช่ัวให้เป็นเคร่ืองทำลาย ตวั เอง ทำลายผ้อู ่ืน พยายามเพิ่มพูนรักษา ความดี ที่มีอยู่ให้งอกงามสมบรู ณ์ย่ิงขึน้
ปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผูเ้ รียน พอเพยี ง ภมู ปิ ญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ มภี มู ิคมุ้ กันในตัวที่ดี ระมดั ระวงั ระมัดระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน เงอื่ นไขความรู้ ภมู ธิ รรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงต่อเวลา เสียสละและแบ่งปนั ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปนั เง่ือนไขคณุ ธรรม ความรอบรู้ เรื่องวิธีการทาง ความรอบรู้ เรือ่ งวธิ ีการทาง ประวัติศาสตร์ กรณีทเ่ี กิดงาน ปริมาณ ประวตั ิศาสตร์ที่เก่ียวขอ้ งรอบด้าน ความ ที่เกี่ยวข้อง การคำนวณสูตรที่ต้องใช้ รอบคอบท่ีจะนำความรเู้ หล่านนั้ มา สามารถนำความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณา พิจารณาให้เชื่อมโยงกนั เพื่อประกอบการ ให้เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน วางแผน การดำเนนิ การจดั กิจกรรมการ ชวี ติ ประจำวนั เรยี นรใู้ ห้กบั ผูเ้ รียน มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มีความ มคี วามซอ่ื สตั ยส์ ุจริตและมคี วามอดทน ซ่ือสัตย์สุจรติ และมีความอดทน มีความ มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการ เพียร ใช้สตปิ ัญญาในการดำเนินชีวติ ดำเนนิ ชวี ิต กิจกรรม ครู ผ้เู รยี น สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ประวตั ิของต้นไมแ้ ต่ละต้น ประวัติของตน้ ไมแ้ ตล่ ะต้น ประวตั ิของต้นไมแ้ ตล่ ะต้น อธิบายชนิดของต้นไม้และ ระบุชนดิ ของต้นไมแ้ ละประวัติ ประวตั แิ ละความเปน็ มาของ ประวัติความเป็นมาของต้นไม้ ความเปน็ มาของต้นไม้ ต้นไม้
๑1. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ๑1.๑) ผลการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๒) ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๑1.๓) แนวทางการแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ (ลงชือ่ )……………………………….…………….......... (นางสาวณัฐธกิ า นวลหอม) ผ้สู อน
ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง การเมืองการปกครองของไทยสมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี 1. วเิ คราะหพ์ ฒั นาการของไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ในดา้ นต่าง ๆ (ส 4.3 ม. 3/1) 2. วิเคราะห์ปจั จัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจรญิ รงุ่ เรอื งของไทยในสมยั รตั นโกสินทร์ (ส 4.3 ม. 3/2) คำช้แี จง อธิบายคำท่ีกำหนดให้ อคั รมหาเสนาบดี สมุหพระกลาโหม สมุหนายก มีอำนาจบังคบั บัญชาหวั เมอื ง มอี ำนาจบงั คบั บัญชาหัวเมอื ง ฝ่ายใต้ท้งั ด้านทหารและพลเรือน ฝ่ายเหนอื ท้งั ดา้ นทหารและพลเรอื น จตสุ ดมภ์ กรมเมอื ง กรมวัง กรมคลัง กรมนา ควบคุมดูแลรกั ษา ดูแลพระราชวัง ดแู ล ควบคมุ การ ดูแลท่ีนาหลวง ความสงบเรยี บรอ้ ย พระราชพธิ ีตา่ งๆ จัดเกบ็ ภาษอี ากร เกบ็ ภาษขี า้ ว และ ในพระนคร รวมถึงดแู ลดา้ นคดี หารายได้เข้า พิจารณาคดีความ ความต่างๆ ที่ ทอ้ งพระคลงั เกยี่ วกบั ที่นา เกดิ ข้นึ ในเขต การคา้ ขาย การใช้ พระราชวงั จ่าย เกบ็ รกั ษาพระ ราชทรพั ย์ ตดิ ตอ่ กับต่างประเทศ ชื่อ นามสกุล เลขท่ี ช้ัน โรงเรยี น .
ใบงานท่ี 2.3 เรือ่ ง การเมืองการปกครองสมยั ปรับปรุงประเทศให้ทนั สมยั ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี 1. วิเคราะห์พัฒนาการของไทยสมยั รตั นโกสินทร์ในด้านตา่ ง ๆ (ส 4.3 ม. 3/1) 2. วิเคราะห์ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ความม่นั คงและความเจริญรงุ่ เรอื งของไทยในสมัยรตั นโกสินทร์ (ส 4.3 ม. 3/2) คำชี้แจง แบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มศึกษาและสืบคน้ ข้อมูลเรอื่ ง การเมืองการปกครองสมยั ปรับปรงุ ประเทศใหท้ นั สมยั พ.ศ. 2394–2475 แลว้ สรุปลงในกรอบ พิจารณาจากคำตอบของนกั เรียน การปฏิรปู การปกครอง การปฏริ ูปกระบวนการยตุ ิธรรม การปฏริ ปู การทหารและตำรวจ การเรียกร้องระบอบประชาธปิ ไตย ในประเทศไทย กล่มุ ท่ี.................... สมาชกิ กลุ่ม 1........................................................................ 2...................................................................... 3....................................................................... 4...................................................................... 5....................................................................... 6......................................................................
ใบงานที่ 2.4 เร่ือง พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง ตัวช้วี ัดช้นั ปี 1. วิเคราะหพ์ ฒั นาการของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ในดา้ นต่าง ๆ (ส 4.3 ม. 3/1) 2. วเิ คราะหป์ ัจจัยท่ีส่งผลต่อความมนั่ คงและความเจรญิ รุ่งเรอื งของไทยในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ (ส 4.3 ม. 3/2) คำชีแ้ จง เขียนเครือ่ งหมาย หนา้ ข้อท่ถี ูก และเขยี นเครอ่ื งหมาย หนา้ ขอ้ ทผ่ี ิด 1. ในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ สมหุ นายกดแู ลบงั คบั บญั ชาหัวเมอื งฝ่ายใต้ท้งั ด้านการทหารและ พลเรอื น 2. กรมท่าขวาดูแลกจิ การการค้ากับชาวอินเดยี อาหรบั และชาตติ ะวันตก 3. การปฏิรปู การปกครองเปน็ แบบกระทรวงมขี น้ึ คร้งั แรกในสมยั รัชกาลท่ี 6 4. ในสมัยรัชกาลท่ี 7 มีการปลดข้าราชการออกเนือ่ งจากพระบรมราโชวาทท่จี ะลดทอนรายจ่าย แผน่ ดิน 5. รชั กาลท่ี 5 ทรงแยกกิจการทหารเรือออกจากกระทรวงกลาโหม และตงั้ เปน็ กระทรวงทหารเรอื เร่มิ มกี ารนำเครื่องบนิ มาใช้ 6. กลมุ่ ก้าวหนา้ ร.ศ. 130 เป็นกลุ่มทหารหนุม่ ซ่ึงมแี นวคดิ ใหมท่ ต่ี ้องการให้ประเทศมกี ารปกครอง แบบตะวันตก โดยมี จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นหัวหน้า 7. สาเหตขุ องการเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เกิดจากเศรษฐกจิ ตกต่ำ แนวคิดท่ีได้รับจาก ตะวันตก อทิ ธพิ ลของสอ่ื มวลชน อทิ ธิพลของความคิดชาตนิ ิยม 8. หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไดจ้ ดั การบริหารราชการแผน่ ดนิ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื การบริหาร ราชการส่วนกลางและการบริหารสว่ นภมู ภิ าค 9. นายกรัฐมนตรคี นแรกที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ คอื พระยามโนปกรณ์นติ ิธาดา 10. เค้าโครงการเศรษฐกจิ เรียกส้นั ๆ ว่า สมุดปกเหลือง ชื่อ นามสกุล เลขที่ ชน้ั โรงเรยี น .
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 พฒั นาการของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ เรอ่ื ง พฒั นาการด้านสังคมและเศรษฐกิจ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา ๒๕๖4 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ หนว่ ยกิต 0.5 (นน./นก.) ผสู้ อน นางสาวณฐั ธิกา นวลหอม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เวลา 2 ชว่ั โมง ๑. สาระสำคญั สังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยังคงแบ่งแยกชนชั้น จนกระทั่งรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิก ระบบไพรแ่ ละทาส ทำให้ไพร่มอี ิสระมากขน้ึ และเมือ่ เปล่ียนแปลงการปกครองเปน็ ระบอบประชาธิปไตยทำ ให้ประชาชนท่วั ไปมีสทิ ธเิ สรภี าพในทุก ๆ ดา้ น เศรษฐกิจสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นการผลิตเพื่อยังชีพ ต่อมาเมื่อไทยมีการค้าขายกับชาติ ตะวันตกทำใหเ้ ศรษฐกจิ ไทยขยายตวั ขนึ้ จนกระทง่ั ภายหลงั การเปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ไทย ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี และได้ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา ต้ังแต่ พ.ศ. 2504 ถงึ ปจั จุบัน ๒. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชีว้ ัดช้นั ป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชนชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจและ ธำรงความเปน็ ไทย ตวั ช้วี ดั ชั้นป/ี ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม. 3/1 วเิ คราะห์พฒั นาการของไทยสมยั รัตนโกสินทรใ์ นดา้ นต่าง ๆ ส 4.3 ม. 3/2 วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของไทยในสมัย รตั นโกสินทร์ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ : Knowledge นกั เรยี นอธบิ ายพฒั นาการด้านสังคมและเศรษฐกจิ ไดถ้ กู ตอ้ ง ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ : Process นักเรียนมีทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ๓.๓ ดา้ นคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude นักเรียนมีความมุ่งมัน่ ในการทำงาน และมีทศั นคตทิ ่ีดตี ่อการศึกษารายวชิ าประวัตศิ าสตร์ ๔. สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๕. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน 6.1 ช้ินงาน 1) ใบงานที่ 2.5 เร่อื ง พฒั นาการดา้ นเศรษฐกจิ ของไทยในสมยั รัตนโกสินทร์ 6.2 ภาระงาน ๑) นกั เรยี นทำกจิ กรรมกล่มุ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูกล่าวทกั ทาย แลว้ นำภาพวดั พระศรีรัตนศาสดารามใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถามวา่ ภาพนี้เกย่ี วข้อง กบั สังคมไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้นอย่างไร ให้นกั เรยี นช่วยกันตอบ โดยใหน้ กั เรยี นใช้ความรู้จากเรื่องที่ ได้รับมอบหมายให้ไปอา่ นมา จากนน้ั ครสู รปุ เพอ่ื เชื่อมโยงเข้าส่เู น้อื หาทจี่ ะเรียน ขั้นสอน 2. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านสังคม จากหนังสือเพิ่มเติม และแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น หอ้ งสมุด อินเทอร์เนต็ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน หลังจากนั้นให้สมาชิกภายในกลุ่มจับสลากเพื่อสืบค้นข้อมูล เรือ่ ง พัฒนาการดา้ นสังคม จากแหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ ในหวั ข้อดังนี้ คนท่ี 1 สงั คมไทยสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนต้น พ.ศ. 2325–2394 คนที่ 2 สังคมไทยสมัยการปรบั ปรงุ ประเทศใหท้ นั สมยั พ.ศ. 2394–2475 คนท่ี 3 สังคมไทยสมัยประชาธิปไตย พ.ศ. 2475–ปจั จุบัน 4. นักเรียนแบง่ กล่มุ ออกเป็น 4 กล่มุ (สมุ่ นับเลข 1-4) จากน้นั ให้แตล่ ะกลุ่มแข่งขนั กนั ตอบปัญหา โดยการยกมือตอบ ภายใน 1 กลุ่ม จะประกอบไปดว้ ย คนยกมอื ตอบคำถาม และสมาชิกค้นหาคำตอบเร่ือง พฒั นาการด้านสงั คมของไทยสมัยรตั นโกสินทร์ตวั อย่างคำถาม เช่น - ในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้นมกี ารแบง่ ชนช้ันทางสังคมอยา่ งไร - เพราะเหตใุ ดพระบาทสมเด็จพระพุทธยออดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ใหช้ ำระ พระไตรปิฎก - ในสมยั รัตนโกสินทรต์ อนตน้ การศึกษามลี กั ษณะอยา่ งไร - เพราะเหตุใดรัชกาลที่ 5 จงึ ทรงยกเลกิ ระบบไพรแ่ ละระบบทาส - หลังเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สงั คมไทยเป็นอยา่ งไร แลว้ บันทกึ คำตอบลงบนกระดานหนา้ ชนั้ เรยี น 5. นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ พร้อมทั้งรวมคะแนนของแต่ละกลุ่ม กลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ ชนะ ครูให้รางวลั หรือกลา่ วคำชมเชยกลมุ่ ทช่ี นะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105