6. เป็นตัวอยา่ งทีด่ ี การเลย้ี งลกู ใหม้ รี ะเบยี บวนิ ยั สง่ิ แรก คณุ พอ่ คณุ แมต่ อ้ งเรมิ่ ตน้ จากตวั เองกอ่ น เนอื่ งจากเดก็ ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กมักจะชอบเลียนแบบ เด็กจะซมึ ซับความมีระเบียบวนิ ัยจากพอ่ แม่ ดังนั้นหากพ่อแม่ ตอ้ งการใหล้ กู มีระเบียบวนิ ยั กต็ อ้ งท�ำเป็นตัวอยา่ งใหล้ ูกเห็น 7. ปฏิบัติอยา่ งสม�ำ่ เสมอ การปลูกฝังวินัยต้องเป็นส่ิงที่ท�ำซ้�ำๆ อย่างสม่�ำเสมอ จนเด็กยอมรับและจดจ�ำได้ ฉะนั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป และใช้เวลาในการฝึกสอน สิ่งส�ำคัญคือ ต้องท�ำสิ่งน้ันให้เหมือนกันทุกครั้ง เช่น สอนลูกให้เก็บท่ีนอนหลังจากตื่นนอนทุกครั้ง แต่คุณพ่อคุณแม่กลับปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูก ทำ� บ้าง ไม่ทำ� บ้าง เด็กกจ็ ะขาด การปฏิบัติอยา่ งสม่�ำเสมอต่อเน่ือง 8. เลี่ยงการลงโทษรนุ แรง เม่ือลูกไม่มีระเบียบวินัย ไม่ควรลงโทษลูกอย่างรุนแรง เพราะจะท�ำให้ลูกเกิดการต่อต้าน ควรทำ� ความเขา้ ใจกบั ลกู และลงโทษดว้ ยการงดไมไ่ ดล้ กู ทำ� กจิ กรรมทชี่ นื่ ชอบ เชน่ หา้ มดโู ทรทศั น์ 2 วนั หรอื ลดเงินคา่ ขนมไปโรงเรยี น เพอ่ื ใหเ้ ขาเรียนร้วู า่ ส่งิ ท่ที �ำนน้ั ไม่ถูกต้อง บรรณานุกรม ผศ.พญ. จริ นนั ท์ วรี กลุ .วนิ ยั สรา้ งไดท้ บี่ า้ น.สบื คน้ วนั ท่ี 13 มถิ นุ ายน 2562.จากhttp://www. med.nu.ac.th/dpMed/fileKnowledge/77_2016-09-26.p ไมโล.บทความสขุ ภาพนา่ รู้ สง่ เสรมิ พฒั นาการลกู ใหเ้ ตบิ โตไดอ้ ยา่ งสมวยั .สรา้ งวนิ ยั ทดี่ ี ใหเ้ จา้ คนเกง่ เร่มิ ตน้ งา่ ยๆ จากที่บา้ น.สบื ค้นวันท่ี 13 มถิ ุนายน 2562.จากhttps://www.milo.co.th/blog /%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0% B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A2 %E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0% B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89 %E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B 8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95% E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8 %B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 95 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมการสอนโรงเรียนพอ่ แม่ กิจกรรมที่ 2.6 “กา้ วย่าง สร้างตวั ตนทด่ี ีให้แกล่ กู ” วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื ใหพ้ ่อ แม่ ผูด้ แู ลเดก็ มคี วามร้แู ละทราบถึงแนวทางการปลกู ฝงั คุณธรรมในเดก็ เลก็ 2. เพอ่ื ใหพ้ ่อ แม่ ผู้ดูแลเด็กทราบแนวทางฝึกใหล้ ูกมที ักษะการควบคุมตนเอง 3. เพ่ือสรา้ งสัมพันธท์ ด่ี ีระหวา่ งสมาชกิ ในครอบครัวด้วยการทำ� กิจกรรมรว่ มกัน ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั 1. พ่อ แม่ ผดู้ ูแลเด็กเกิดความเข้าใจและมีแนวทางในการปลูกฝังคณุ ธรรมใหก้ ับลกู ไดอ้ ย่าง เหมาะสม 2. พ่อ แม่ ผู้ดูแลเด็กมีแนวทางในการฝกึ ให้ลกู มีทกั ษะการควบคุมตนเอง มสี มาธิจดจ่อ 3. พ่อ แม่ และผู้ดแู ลเด็กเกิดสายใยรกั ความผกู พันในครอบครวั จากการท�ำกจิ กรรมรว่ มกัน หลกั การและวิธกี าร ขนั้ ตอนส�ำคัญ จุดสำ� คญั 1. เตรียมความพร้อม • เตรยี มสถานทสี่ ภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศ • จดั นัง่ เก้าอ้เี ปน็ ครึง่ วงกลม การเรยี นรู้ ดว้ ยการพูดคยุ ทกั ทาย ผ้ปู กครอง • บรรยากาศภายในห้องเปน็ กนั เอง • แนะน�ำทีมวิทยากรเปิดสมองด้วยกิจกรรม • ผเู้ รยี นตอ้ งมคี วามพรอ้ ม โดยมสี หี นา้ แววตา “สง่ ดอกไม้ สรา้ งสมาธิ” พรอ้ มดนตรีบรรเลง น�้ำเสียง ท่าทางท่ีให้ความร่วมมือ สนุกสนาน • วิทยากรสรุปกจิ กรรม สง่ ดอกไม้ สรา้ งสมาธิ ผอ่ นคลาย และเปน็ กนั เองกบั วิทยากร (ตามใบความรทู้ ่ี 1) 2. ขั้นน�ำเขา้ สู่บทเรยี น • วทิ ยากรเปิดคลปิ วดิ ีโอ พฤตกิ รรมวัยร่นุ ...กบั • สงั เกตการณโ์ ตต้ อบหรอื การมสี ว่ นรว่ มในการ ความรุนแรงและคลิปวิดีโอ “ท�ำดี ให้เด็กดู” แบง่ ปันประสบการณ์ https://www.youtube.com/watch?v= • คลิปวิดีโอพฤติกรรมวัยรุ่นกับความรุนแรง Ca9KO8EP23M (ทำ� ดใี หเ้ ดก็ ดู) สามารถปรับเปลี่ยนเน้ือหาให้สอดคล้องกับ จากนั้นสนทนาซักถามเก่ียวกับส่ิงที่เห็นในคลิป สถานการณท์ ่เี กิดขน้ึ ในปัจจุบนั ได้ โดยใช้แนวค�ำถาม 96 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ขัน้ ตอนส�ำคญั จดุ ส�ำคัญ • ผู้ปกครองรู้สึกอย่างไร เห็นอะไรท่ีเกิดข้ึนใน คลปิ วิดีโอนบี้ า้ ง • ปจั จยั หรอื สาเหตทุ ท่ี ำ� ใหว้ ยั รนุ่ เกดิ พฤตกิ รรมนี้ และมีวิธีแกไ้ ขปญั หาน้ีได้อย่างไร • วทิ ยากรชว่ ยสรปุ ความรสู้ กึ ของผปู้ กครองและ ปจั จยั หรอื สาเหตแุ ละแนวทางการแกป้ ญั หาเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว (ตามใบความรทู้ ี่ 2) 3. การใหอ้ งค์ความรแู้ ละลงมือปฏบิ ัติ • วทิ ยากรให้ความรู้ เรื่อง การสอนศลี 5 ในเดก็ • สงั เกตการณโ์ ตต้ อบหรอื การมสี ว่ นรว่ มในการ ปฐมวยั (ตามใบความรทู้ ่ี 3) แบ่งปันประสบการณ์/กิจกรรมท่ีช่วยส่งเสริม • วทิ ยากรนำ� เข้าสกู่ จิ กรรม “ก้าวย่าง สรา้ งตวั ใหล้ กู เปน็ คนดี มคี ณุ ธรรมภายในกลมุ่ ได้ ตนทด่ี ใี ห้แก่ลูก” โดยให้ผ้ปู กครองแบ่งกลมุ่ ย่อย 5 กลุ่ม จากน้ันให้ผู้ปกครองแต่ละกลุ่มช่วยกัน คิดกิจกรรมท่ีสามารถปลูกฝังให้เด็กๆ เป็นคนดี มคี ณุ ธรรมและขอตวั แทนนำ� เสนอ 4. ข้นั สะท้อนกลับและทดสอบความรู้ • วิทยากรพูดคุยเก่ียวกับกิจกรรม “ก้าวย่าง • กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม ค่อยๆ สร้าง สร้างตัวตนท่ีดีให้แก่ลูก” โดยขอตัวแทน บรรยากาศให้ผ่อนคลาย ไม่ถามเฉพาะเจาะจง ผู้ปกครอง เพือ่ พูดคยุ สักถาม ตามแนวทางดังนี้ ดคู นทพ่ี ร้อมตอบก่อน 1) ผู้ปกครองได้ข้อคิดอะไรจากการท�ำกิจกรรม วันน้ี และจะน�ำไปปรับใชก้ บั ลกู อยา่ งไร จากน้นั วิทยากรและผู้ปกครองร่วมกันสรุปประโยชน์ ท่ีได้จากการแลกเปล่ียนประสบการณ์ในกล่มุ 5.ข้ันสรปุ • วิทยากรสรุปประโยชน์ที่ได้รับจากการท�ำ • ผู้ปกครองบอกได้ถึงความส�ำคัญของการ กจิ กรรม “กา้ วยา่ ง สรา้ งตวั ตนทด่ี ใี หแ้ กล่ กู ”รว่ ม อบรมส่ังสอนให้ลูกมีคุณธรรมและสามารถบอก กนั อกี ครั้งกบั ผปู้ กครอง ถึงกิจกรรมท่ีช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นคนดีมี • ให้ผู้ปกครองช่วยสะท้อนความรู้สึกท่ีได้จาก คุณธรรมทจ่ี ะนำ� กลบั ไปทำ� เมื่ออยู่ท่บี า้ น การทำ� กจิ กรรมธรรมะสรา้ งสมาธิ “กา้ วยา่ ง สรา้ ง ตัวตนท่ีดีให้แก่ลูก”และกิจกรรมท่ีผู้ปกครอง จะกลับไปฝึกลูกท่ีบ้าน คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 97 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain-based Learning 1. มีการเตรยี มความพรอ้ ม พอ่ แม่ และผดู้ ูแลเดก็ ด้วยการเปดิ สมองกอ่ นทำ� กจิ กรรม 2. การท�ำกิจกรรมร่วมกันระหว่างบุคคลในครอบครัวเป็นการส่งเสริมสายใยความรัก ความผกู พนั ระยะเวลา 30 – 45 นาที สอื่ / วสั ดุอปุ กรณ์ : ถ้วยดอกไม/้ เทียน ,เพลง ผลการประเมิน 1. สังเกตการมีส่วนร่วมในกิจกรรม การตอบข้อซักถาม หรือแลกเปล่ียนความคิดเห็น ของผู้ปกครอง 2. ตดิ ตามการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งเดก็ และผปู้ กครองขณะอยทู่ บ่ี า้ น โดยใหผ้ ปู้ กครอง ส่งภาพกิจกรรม หรอื VDO ผา่ นทางแอพพลเิ คช่นั Line ของช้ันเรียน 98 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ี่ 1 กิจกรรมส่งดอกไม้ กิจกรรมส่งดอกไม้สร้างสมาธิเป็นกิจกรรมท่ีครูผู้ดูแลเด็กมักจัดให้เด็กปฐมวัยหลังจาก เดก็ สวนมนตไ์ หวพ้ ระในชว่ งเชา้ เพอื่ ใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ การควบคมุ ตนเอง สมาธิ และมคี วามจดจอ่ กบั กจิ กรรม ท่ีท�ำ โดยเด็กจะน่ังเป็นวงกลมและส่งต่อถ้วยดอกไม้ให้เพื่อนด้านข้างไปเรื่อยๆ จากคนแรกจนถึง คนสุดทา้ ย โดยคนสุดท้ายจะตอ้ งนำ� ถ้วยดอกไม้มาบูชาพระในหอ้ งเรียน ครูผู้ดแู ลเดก็ อาจจะเปดิ เพลง “ลมหายใจเข้า...ลมหายใจออก ด่ังดอกไม้บ้าน ภูผาใหญ่กว้าง ด่ังสายน�้ำฉ�่ำเย็น ดั่งนภาอากาศ อนั บางเบา” คลอเบาๆ ระหวา่ งทำ� กิจกรรม กิจกรรมนี้จะช่วยฝึกสมาธิ ความจดจ่อให้แก่เด็ก เน่ืองจากในขณะที่ต้องรับและส่งถ้วย ดอกไม้เด็กๆ จะต้องมีสมาธิรู้ตัว และต้องคอยระวังไม่ให้ถ้วยดอกไม้ในมือพลัดตกหรือท�ำน�้ำในถ้วย หกรดตนเอง กิจกรรมน้ีเมื่อท�ำบ่อยเป็นประจ�ำทุกวัน จะช่วยให้เด็กสงบมีสมาธิและสามารถก�ำกับ พฤติกรรมตนเองได้ดีขนึ้ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 99 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ที่ 2 พอ่ แม่คือตน้ แบบทดี่ ีให้แก่ลูก “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” “ลูกปูเดินตามแม่ปู” หรือ “ย�่ำตามรอยเท้าพ่อ” ข้อความเหล่าน้ี สะทอ้ นถงึ ความสำ� คญั ของพอ่ แมใ่ นการเปน็ ตน้ แบบหรอื แบบอยา่ งใหล้ กู มงี านวจิ ยั ทยี่ นื ไดว้ า่ พฤตกิ รรม ของพ่อแม่มีผลต่อพฤติกรรมของลูก เช่น เด็กที่เติบโตในบ้านท่ีพ่อแม่สูบบุหรี่มีแนวโน้มท่ีจะสูบบุหร่ี มากกว่าคนอื่นท่ัวไป ลูกที่มีพ่อแม่ใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ มักจะเสพสารเหล่านี้เม่ือโตข้ึน ผู้ใหญ่ท่ีมีประวัติถูกทารุณกรรมในวัยเด็กมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมทารุณลูกของตนเองได้ พ่อแม่ ท่ีมีความเช่ือม่ันในตนเองต�่ำมักมีลูกที่ขาดความมั่นใจในตนเอง เด็กที่มาจากครอบครัวแตกแยก มีความเสีย่ งมากกว่าทจ่ี ะมีปญั หาความสมั พันธ์กับคู่ของตนเมือ่ เป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่มีอิทธิพลต่อเด็กและเด็กจะซึมซับหรือเลียนแบบพฤติกรรมบางอย่าง ดังน้ันพ่อแม่ จึงควรเป็นต้นแบบท่ีดีให้แก่เด็กในด้านต่างๆ เช่น เป็นต้นแบบที่ดีด้านคุณธรรม โดยปฏิบัติให้ลูก เหน็ วา่ พอ่ แมม่ คี วามเมตตาตอ่ เพอ่ื นมนษุ ย์ แสดงใหล้ กู เหน็ วา่ พอ่ แมร่ จู้ กั การแบง่ ปนั และเผอ่ื แผแ่ กค่ นอน่ื หากมีโอกาสท�ำให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่พร้อมท่ีจะช่วยเหลือผู้อ่ืน พ่อแม่ควรตระหนักว่าการสอนคุณธรรม จากหนงั สอื หรอื การพรำ่� บอกไดผ้ ล นอ้ ยกวา่ จากทล่ี กู เหน็ ตวั อยา่ งในชวี ติ จรงิ ในบางสถานการณพ์ อ่ แม่ ไมส่ ามารถแสดงแบบอยา่ งได้ แตก่ ารตัดสนิ ใจบางอย่างของพอ่ แมใ่ นทางที่ดหี รอื เรอื่ งส�ำคัญ ควรให้ลูก ไดเ้ รยี นรบู้ า้ ง ลกู สามารถเรยี นรหู้ รอื เลยี นแบบจากการทเี่ ขาไดย้ นิ กระบวนการคดิ ของพอ่ แม่ บางโอกาส พ่อแม่ควรคิดออกมาดังๆ ว่าพ่อแม่มีกระบวนการคิด ตัดสินใจอย่างไร มีการพิจารณาข้อดีข้อเสีย ของทางเลือกต่างๆ และตัดสินใจลงไปอย่างไร ในอนาคตเม่ือลูกมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน เขาจะสามารถตดั สนิ ใจและลงมอื ได้ดเี ช่นพอ่ แม่ของพวกเขา 100 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความร้ทู ่ี 3 การปลูกฝังลักษณะนสิ ัยในเรื่องคุณธรรมและเจตคติ ให้กบั เดก็ ปฐมวยั การเรียนรูเ้ กีย่ วกบั การปลูกฝงั ลกั ษณะนิสยั เรือ่ ง คุณธรรมและเจตคติ ซึง่ เปน็ ตัวหล่อหลอม เด็กให้เป็นคนดีของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เพื่อน�ำไปสู่การด�ำเนินชีวิตอย่างมีความสุข มี 2 ประการ คือ ยดึ ม่ันในคุณธรรม และมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อตนเอง ผอู้ นื่ และการท�ำงาน 1. การยดึ ม่นั ในคุณธรรม การพฒั นาคุณธรรมใหเ้ กดิ ขนึ้ ในตัวเดก็ ด้วยการท�ำตนเป็นแบบอย่าง และนำ� ให้เดก็ ปฏบิ ัติ ตามคำ� สอนของพระพทุ ธศาสนา 3 ประการ คอื เวน้ ชว่ั ทำ� ดี และฝึกจติ ใหผ้ อ่ งใส ดงั นี้ 1.1 การเว้นชวั่ หรือไมท่ �ำความช่ัว เพ่ือป้องกันเด็กจากความชั่ว ดว้ ยการหา้ มปรามไมใ่ ห้ทำ� ส่ิงท่ผี ิด ชีแ้ นะให้เหน็ เหตุผลและโทษของการทำ� ผดิ ได้แก่ การรักษาศลี 5 คอื 1.1.1 ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์ ไมร่ งั แกหรือไมท่ ำ� รา้ ยผู้อนื่ 1.1.2 ไม่ลักทรพั ย์ หรอื ไม่เอาของผู้อื่นมาเป็นของตน 1.1.3 ไมแ่ ย่งชิงของรกั ของหวงของผอู้ นื่ 1.1.4 ไม่พูดปด ไม่พูดค�ำหยาบคายด่าทอ หรอื ไมพ่ ูด ใสร่ ้ายผูอ้ น่ื 1.1.5 ไม่ลองสบู บหุ รี่ หรอื ไมด่ ่ืมสิง่ มึนเมา การเว้นช่ัวด้วยการรักษาศลี 5 น้ี จะควบคมุ ความประพฤตขิ องเด็กใหเ้ ปน็ ไปในทางดงี าม 1.2 การทำ� ดี หรอื ทำ� ความดี ไดแ้ ก่ การมคี ณุ ธรรมอนั เปน็ พนื้ ฐานทางจติ ใจทน่ี ำ� ไปสกู่ ารกระทำ� ทดี่ แี ละถูกต้อง ซง่ึ อ�ำไพ สุจริตกุล ไดก้ ลา่ วว่า คุณธรรมทค่ี วรปลูกฝงั ใหแ้ กเ่ ด็กปฐมวยั มี 9 ประการ คือ 1.2.1 ความมีวนิ ัย หมายถงึ ความสามารถควบคุมกาย วาจา ใจ ใหอ้ ย่ใู นระเบียบและ วฒั นธรรม ปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์ กตกิ า หรอื ขอ้ ตกลงทก่ี ำ� หนดกนั ไว้ และเชอื่ ฟงั พอ่ แม่ คณุ ครู และผใู้ หญ่ เช่น การฝึกให้เด็กยอมรบั ข้อตกลงและทำ� ตามขอ้ ตกลง การควบคมุ ให้กระทำ� กิจกรรมต่างๆ ตามเวลา เช่น กินอาหาร เลน่ พักผ่อน ฟงั วิทยุ หรือดโู ทรทศั น์ ตน่ื นอน แต่งตวั ไปโรงเรียน 1.2.2 ความมสี ติ หมายถึง ความรู้สึกตวั ทัว่ พรอ้ ม คอื รตู้ วั ทุกขณะวา่ กำ� ลงั ทำ� อะไรอยู่ ระมัดระวังในการเคลอ่ื นไหวร่างกายตลอดเวลา รู้ตวั ว่าก�ำลังยืน กำ� ลงั เดิน กำ� ลังนง่ั ก�ำลงั นอน หรอื ก�ำลังว่ิง ถ้าเรามีสติในการกระท�ำทุกอย่าง ไม่ว่าจะคิด จะพูด หรือท�ำส่ิงใดจะเกิดสมาธิ คือ ใจสงบ ซึ่งจะเกดิ ผลทด่ี งี ามและถูกตอ้ ง มคี วามเขา้ ใจ จ�ำแมน่ และสามารถตัดสนิ ใจไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 101 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
1.2.3 ความกตญั ญู คอื การรจู้ กั บญุ คณุ ของคนอนื่ ทมี่ พี ระคณุ แกต่ นระลกึ ถงึ คณุ ความดี ของทา่ นอยูเ่ สมอ และมีกตเวที คอื การตอบแทนพระคุณของผู้มีพระคณุ น้นั ดว้ ยการช่วยเหลอื เก้อื กูล เท่าทจ่ี ะท�ำได้ 1.2.4 ความเมตตา หมายถงึ ความรกั หวังดี อยากให้ผอู้ นื่ มีความสขุ กรณุ า หมายถึง การช่วยเหลือให้ผู้อ่ืนพ้นทุกข์ ผู้มีเมตตากรุณาจะไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนรังแกผู้ใด มีแต่จะรู้จัก เห็นใจผู้อื่นและเออื้ เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ให้แกผ่ อู้ ืน่ 1.2.5 ความอดทน คอื การมีจติ ใจเขม้ แขง็ ยอมรับสภาพทีต่ นไม่พอใจได้ เชน่ อดทนต่อ ความเหนอื่ ย ความหวิ ความเจบ็ ปวดเลก็ นอ้ ย อดทนตอ่ ความโกรธ ความไมพ่ อใจ ความเศรา้ โศกเสยี ใจ อดทนต่อความอยากได้ และการรอคอย ความอดทน ท�ำใหเ้ ป็นคนเข้มแขง็ รจู้ กั ให้อภยั ผู้อ่ืน ทำ� ใหอ้ ยู่ รว่ มกบั ผ้อู น่ื ได้ดี และสามารถท�ำงานใหส้ �ำเรจ็ ได้ 1.2.6 ความซื่อสัตย์ คือ การปฏิบัติตนตรงต่อความเป็นจริง ตรงไปตรงมา ท้ังกาย วาจา ใจ ตอ่ ตนเองและผอู้ นื่ ทัง้ ตอ่ หนา้ และลับหลัง รกั ษาคำ� ม่ันสญั ญา มคี วามยตุ ิธรรม ไมเ่ อาเปรยี บ ผู้อ่นื และยอมรบั ผิดเมื่อทำ� ผิด 1.2.7 ความประหยัด คือ การรู้จักใช้ทรัพย์สิน ส่ิงของ และเวลาน้อยที่สุด แต่ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด หากมีส่วนท่ีเหลือก็รักษาเพ่ือเก็บออมไว้ใช้ในโอกาสอื่น ผู้ที่มีความประหยัดจะพอใจ ในสง่ิ ทีต่ นมอี ยแู่ ละใชใ้ หค้ มุ้ คา่ รูจ้ กั ประมาณในการกิน รจู้ กั ท�ำของเล่นหรอื ของใช้จากวัสดุเหลือใช้ 1.2.8 ความขยัน คือ ความพยายามในการท�ำส่ิงใดสิ่งหนึ่งอย่างสม�่ำเสมอ ไม่ท้อถอย เพ่อื ให้งานส�ำเร็จ กระตือรือร้นในการท�ำงาน ไมผ่ ลัดวันประกันพรงุ่ 1.2.9 ไมเ่ หน็ แกต่ ัว คอื การกระทำ� ทคี่ ำ� นึงถงึ ประโยชนส์ ่วนรวมก่อนส่วนตน ไมเ่ อาแต่ ใจตัวเอง ไม่เอาเปรียบใคร ไม่เอาตัวรอดแต่ผู้เดียว รู้จักเกรงใจผู้อ่ืน ให้แก่ส่วนรวมโดยเสียสละ ความสขุ และประโยชน์ของตนเพือ่ สันติสขุ ของสังคม 1.3 การทำ� จิตใจให้ผอ่ งใส และสงบ 1.3.1 ฝกึ สติใหว้ อ่ งไว 1.3.2 ฝึกสมาธิ ให้มีความคดิ แนว่ แน่ ต้ังใจจรงิ ท�ำใจให้สงบ 1.3.3 มีความเพยี รถูกตอ้ ง 2. การมเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ ตนเอง ผู้อืน่ และการทำ� งาน 2.1 เหน็ คุณคา่ ของตนเอง ผอู้ ื่น และส่งิ ทีม่ ีผลต่อคุณภาพชีวติ 2.2 ภาคภมู ใิ จในความส�ำเรจ็ 2.3 เห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่ืน 2.4 มีความเชื่อมั่นในตนเอง 102 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
2.5 มุ่งม่นั ในการทำ� งานให้เสรจ็ 2.6 ยอมรับและเรยี นรูจ้ ากสงิ่ ที่ผิดพลาด 2.7 มองโลกในแงด่ ี 2.8 ควบคมุ อารมณ์ตนเองไดต้ ามวัย บรรณานกุ รม จอม ชมุ ชว่ ย. พอ่ แมค่ ือตน้ แบบของลกู . Dotor’s note นิตยสาร Mother&Care. สบื คน้ วันท่ี 13 มิถนุ ายน 2562. จาก https://www.motherandcare.com/parents-are-rolemodel/ พนู สขุ บญุ ยส์ วสั ดิ์ (2561). คณุ ธรรมและเจตคตสิ ำ� หรบั เดก็ อนบุ าล. Pecerathailand. สบื คน้ วนั ที่ 13 มิถุนายน 2562. จาก http://www.pecerathailand.org/2018/01/664.html คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 103 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 3 สง่ เสริมการดแู ลสขุ ภาพช่องปากและฟัน เปา้ หมายรว่ ม กจิ กรรมนที้ ำ� เพอ่ื ใหพ้ อ่ แม่ และผดู้ แู ลเดก็ มคี วามรแู้ ละตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของฟนั นำ้� นม ผลเสียหากฟนั น้�ำนมผแุ ละหลกี เลย่ี งพฤติกรรมการเลี้ยงดูท่ีเป็นสาเหตุให้เด็กฟนั ผุ สาระสำ� คัญ 1. ความส�ำคญั ของฟนั น�้ำนมผลเสยี และสาเหตุท่ที �ำใหฟ้ ันนำ้� นมผุ 2. หลักและวิธีจัดการที่ไม่ท�ำให้ฟันผุในช่วงขวบปีแรก เช่น การให้ดื่มนมแม่ท่ีสามารถ ชว่ ยปอ้ งกนั ฟนั ผุ การเลอื กขวดนม การใหล้ กู ดม่ื นมจากขวดทถี่ กู วธิ ใี นชว่ งเวลาเหมาะสม และแนวทาง ให้ลกู เลกิ ดมื่ นมม้อื ดกึ การให้อาหารเสรมิ และการปอ้ นอาหารใหล้ ูก 3. การดแู ลสขุ ภาพชอ่ งปากแม่เพอ่ื ลดความเสีย่ งของการส่งเชื้อฟนั ผใุ ห้ลกู 4. เรยี นรู้ และฝึกปฏบิ ัตแิ ปรงฟันให้ลกู กิจกรรมท่ีก�ำหนด กิจกรรมท่ี 1 รปู้ ญั หา เกิดปญั ญา ป้องกันแก้ไข กิจกรรมท่ี 2 ก้าวแรกของการเลี้ยงลกู ใหม้ ีฟันดี กจิ กรรมที่ 3 แปรงฟนั ลกู ได้ ไมย่ ากอย่างทค่ี ดิ ประโยชน์ท่ไี ด้รบั พ่อ แม่และผู้เล้ียงดูเด็ก เกิดความตระหนักถึงความสำ� คัญของฟันน้�ำนม สามารถป้องกัน ไม่ปล่อยให้ลูกฟันผุ สามารถจัดอาหารให้ลูกขวบปีแรก ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง ให้ดีเพ่อื ลดความเสยี่ งของการส่งเชื้อฟันผุใหล้ ูก สามารถดูแลสุขภาพอนามยั ชอ่ งปากลกู และแปรงฟนั ใหล้ ูกได้ถกู ต้อง ระยะเวลาทั้งหมด 2 ชวั่ โมง รปู แบบ/วิธีการสอน 1. บรรยาย 2. แลกเปล่ียนประสบการณ์ 3. ฝกึ ปฏิบัติ 104 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมการสอนโรงเรียนพอ่ แม่ กจิ กรรมท่ี 3.1 : รปู้ ญั หา เกิดปัญญา ป้องกนั แก้ไข วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อให้พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กมีความรู้และเข้าใจถึงความส�ำคัญของฟันน้�ำนม รู้สาเหตุ และผลเสยี ท่เี กดิ ขึน้ หากปล่อยให้ฟันน�ำ้ นมผุ สิง่ ทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กตระหนักถึงความส�ำคัญของการเลี้ยงลูกให้มีฟันดี ซ่ึงมีความสำ� คัญ เปน็ พืน้ ฐานทชี่ ว่ ยสง่ เสริมใหล้ ูกมีสุขภาพและพฒั นาการท่ีสมบรู ณ์ หลกั การและวธิ ีส�ำคญั ข้นั ตอนสำ� คญั จดุ ส�ำคัญ 1. เตรียมความพร้อม • สร้างความคุ้นเคยโดยการแนะน�ำตนเองท้ัง • ซักถามพูดคยุ อยา่ งเปน็ กนั เอง ผเู้ รยี นและผู้สอน • สังเกตความพร้อมของผู้เรียน จากท่าทาง • เปิดสมอง : โดยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ แววตา สีหน้า นำ้� เสียง ไมบ่ ังคบั ถ้าไมพ่ ร้อม เพื่อให้ผู้เรยี นผ่อนคลาย เชน่ ใหห้ ายใจเขา้ และ • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรับเปล่ยี นได้ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ โดยผู้สอนพูด ตามความถนัดของผู้สอน นำ�้ ดว้ ยนำ�้ เสยี งแผว่ เบาใหท้ ำ� ประมาณ 4-5 ครงั้ 2. น�ำเขา้ สู่บทเรยี น: • วทิ ยากรนำ� ภาพเด็กฟันหลอย้ิมเหน็ ฟันผุ • กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นพดู คยุ แสดงความคิดเหน็ หลายซี่แล้วถามว่า “เด็กฟันผุเป็นเร่ืองธรรมดา และวิทยากรควบคุมเวลาให้เหมาะสม ใชห่ รอื ไม่ ?” และ“ท่านคิดวา่ ถ้าลกู ฟนั ผจุ ะมีผล เสียอยา่ งไรบ้าง?” • วทิ ยากร รวบรวมคำ� ตอบและสรปุ วา่ นอกจาก ค�ำตอบที่ช่วยกันตอบแล้วยังมีผลเสียอ่ืนๆ อีกหรือหรือไม่และบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นทันที ตอนน้ีสาเหตุเริ่มแรกมาจากการมีฟันผุใน วัยเด็ก คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 105 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ขนั้ ตอนส�ำคัญ จดุ สำ� คญั 3. ให้องคค์ วามรูเ้ รื่องที่ 1 • ผู้สอนให้ความรู้ โดยใชว้ ีดทิ ศั น์ภาพหรือ • สงั เกตความสนใจ/ความเขา้ ใจของผเู้ รยี นอาจ สไสด์ power point ประกอบการบรรยาย(ตาม อธิบายชา้ ๆ ชดั ๆ และมสี ื่อประกอบ ใบความรทู้ ่ี 1) 4. การสะท้อนกลับและทดสอบความรู้ความ เขา้ ใจ • เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงความคิด • วิทยากรใหผ้ เู้ รยี นชว่ ยสรปุ ความรู้ทีไ่ ด้รับ เหน็ อยา่ งทั่วถงึ • ถ้าผู้ปกครองสรุปไม่ถูกต้อง ให้วิทยากร อธบิ าย ว่าผิดเพราะอะไร พรอ้ มแกไ้ ขให้ถูกต้อง และเพม่ิ เตมิ ใหส้ มบูรณ์ 5. การสรุป • วทิ ยากร สรปุ การทลี่ กู ฟนั ผเุ ปน็ ปญั หาทก่ี อ่ ให้ เกิดผลเสียหลายอย่าง แต่โรคฟันผุป้องกันได้ การปล่อยให้ลูกมีฟันผุแสดงถึงความบกพร่อง ของพอ่ แมแ่ ละผเู้ ลยี้ งดทู ไ่ี มใ่ สใ่ จดแู ลสขุ ภาพฟนั ลูก ดังน้ันเพื่อให้พ่อ แม่และผู้เลี้ยงดู สามารถ เล้ียงลูกให้มีฟันดีก่อนอ่ืนพ่อ แม่และผู้เล้ียงดู ควรร้จู ักฟันลกู และสาเหตทุ ที่ ำ� ใหล้ กู ฟนั ผุ 6. ใหอ้ งคค์ วามรู้เรื่องท่ี 2 • วิทยากร ให้ความรู้ โดยใช้วดิ ทิ ศั น์ภาพหรือ power point ประกอบการบรรยาย(ตามใบ ความรู้ท่ี 2) 7. การสะท้อนกลับและทดสอบความรู้ความ เข้าใจ: กระตุ้นให้ผู้เรียนช่วยกันสรุปความรู้ • สังเกตความสนใจ ความเข้าใจของผู้ร่วม ที่ได้รับ หากสรุปไม่ครอบคลุมสามารถเพ่ิมเติม กิจกรรมอธิบายช้าๆ ชัดๆ และมีสอื่ ประกอบ ใหส้ มบูรณ ์ 106 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ข้นั ตอนส�ำคัญ จุดส�ำคัญ 8. การสรุปสร้างแรงบันดาลใจและเช่ือมโยง กิจกรรมที่ 2 • วิทยากร เปิดภาพเด็กยิ้มสดใสฟันสวยช่อง • เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงความคิด ปากไม่มีฟันผุ และสรุปว่าพ่อแม่ทุกท่านต่าง เห็นอยา่ งทั่วถงึ ควบคมุ เวลาให้เหมาะสม ต้องการที่จะเห็นลูกน่ารักยิ้มสดใสเหมือนเด็ก ในภาพ แต่ลูกจะมีฟันดีหรือไม่ ไม่ใช่เพราะ โชคชะตาลขิ ิต ไม่ใชเ่ พราะหมอฟนั เก่งดี แตเ่ ป็น เพราะฝีมือของพ่อแม่ ซ่ึงพ่อแม่ทุกคนสามารถ เล้ียงลูกให้มีฟันดีได้ ถ้ามีความตั้งใจเรียนรู้และ นำ� ความรู้ทีใ่ ชเ้ ลีย้ งลกู อย่างถกู ต้อง • วทิ ยากรกลา่ วเชอื่ มสู่ กจิ กรรมท่ี 2 วา่ การเลย้ี ง ลูกให้มีฟันดีจะต้องวางรากฐานต้ังแต่ก่อนที่ ฟันน�้ำนมจะขึ้นมาในช่องปากโดยเร่ิมจากการ จดั การ เรอ่ื ง อาหารของลกู ในขวบปแี รกของชวี ติ ซ่งึ จะทำ� อย่างไรจะไดเ้ รียนรกู้ นั ตอ่ ไป คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 107 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กจิ กรรมการสอนโรงเรยี นพ่อแม่ กจิ กรรมท่ี 3.2 : กา้ วแรกของการเลยี้ งลกู ใหม้ ีฟนั ดี วัตถุประสงค์ เพ่ือให้พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กมีความรู้และเข้าใจหลักการจัดอาหารให้ลูกในขวบปีแรก โดยสนบั สนนุ ให้เล้ียงลกู ด้วยนมแม่ กรณีตอ้ งใหน้ มลกู โดยใช้ขวดนม สามารถเลือกขวดนม และใหล้ กู ดื่มนมจากขวดได้ถูกวิธี รู้ช่วงเวลาเหมาะสมและจัดการให้ลูกเลิกนมม้ือดึก และระมัดระวังไม่ส่งต่อ เช้ือฟันผุให้ลูก ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กเข้าใจและตระหนักถึงความส�ำคัญของการให้อาหารลูกที่จะส่งเสริม ให้ลูกมีสุขภาพช่องปากดี ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานและต้องเร่ิมด�ำเนินการก่อนที่ลูกจะมีฟันข้ึนมาในช่องปาก รวมทัง้ ตระหนักถึงความส�ำคัญท่ีจะตอ้ งดูแลช่องปากตนเองใหด้ เี พื่อลดฟันผใุ หล้ ูก หลักการและวธิ ีการ ข้นั ตอนส�ำคัญ จุดสำ� คญั 1. เตรียมความพรอ้ ม • สรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ ให้ผ้รู ่วมกจิ กรรม • สังเกตความพร้อมของผู้ร่วมกิจกรรมจาก ผอ่ นคลายพรอ้ มทีเ่ รียนรู้ โดย วิทยากรใหผ้ รู้ ่วม ทา่ ทาง แวดตา สหี นา้ นำ้� เสยี ง ไมบ่ งั คบั ถา้ ไมพ่ รอ้ ม กิจกรรม ตบมือเป็นจังหวะพร้อมๆ กัน เป็น • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรบั เปลย่ี นไดต้ าม สัญญาณความพรอ้ มทจี่ ะเรียนกันต่อไป ความถนัดของวทิ ยากร 2. ข้นั นำ� เข้าสู่บทเรยี น • วิทยากรถามผู้เข้าอบรมถึงวิธีการเล้ียงลูก • ซักถาม พูดคุยอย่างเป็นกันเอง กระตุ้นและ และปัญหาที่พบ เพ่ือให้วิทยากรทราบว่าใคร เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงความคิดเห็น (แมห่ รอื คนเลยี้ ง) เปน็ ผดู้ แู ลลกู ..แมย่ งั ตอ้ งใหน้ ม อยา่ งทั่วถงึ ม้ือดึกกับลูกอยู่หรือไม่....ลูกกินนมจากเต้าหรือ • วิทยากร ควบคุมเวลาใหเ้ หมาะสม จากขวด และกนิ นมแมห่ รอื นมผง หรอื อาหารบด • สังเกตความสนใจ/ความเข้าใจของผู้ร่วม ท�ำเองหรือไม่ วิธีให้อาหารท�ำอย่างไร วิทยากร กิจกรรม จากปฏิกิริยาตอบโต้ และการตอบ รวบรวม/สรุปข้อมูลกลมุ่ ค�ำถาม 3. ให้องค์ความรู้ • วิทยากรให้ความรู้ (ตามใบความรู้ท่ี 3) ใช้ • สังเกตความสนใจ/ความเข้าใจของผู้ร่วม 108 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ขนั้ ตอนสำ� คญั จุดส�ำคัญ วดี ทิ ศั น์ ภาพ หรอื สไสด์ power point ประกอบ กิจกรรม จากปฏิกิริยาตอบโต้ และการแสดง การบรรยาย ความเหน็ 4. ทดสอบความรู้ความเข้าใจ • กระตุน้ ใหก้ ลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความรูท้ ไ่ี ด้ • เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมแสดงความคิด หากสรปุ ไมค่ รอบคลุม เพิ่มเติมใหส้ มบูรณ์ เห็นอยา่ งทั่วถงึ ควบคุมเวลาให้เหมาะสม 5. สรุป และกระตุ้นให้แม่น�ำความรู้ท่ีได้ไป ปฏบิ ตั ิ • วิทยากร สรุปปิดท้าย หากปล่อยลูกฟันผุ จะสง่ ผลเสยี ตลอดชวี ติ และฟนั ลกู จะดหี รอื ไมอ่ ยู่ ท่ีการเล้ียงดูของพ่อแม่ ซ่ึงการจัดการอาหาร ของลกู ในขวบปแี รกอยา่ งเหมาะสม เปน็ กา้ วแรก ของการฝึกวินัยการกินให้กับลูก เป็นจุดเร่ิมต้น ของการเลีย้ งลกู ให้มีสขุ ภาพทดี่ ี ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain – based Learning (BBL) 1. เป็นการเรียนรใู้ นบรรยากาศทผ่ี ่อนคลาย คอ่ ยๆ เรยี นทลี ะเรอ่ื ง 2. เปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ผี่ รู้ ว่ มกจิ กรรมเขา้ ใจเหตผุ ล/ความสำ� คญั /ประโยชนข์ องการดแู ล/ รักษาสุขภาพช่องปากลกู รู้สาเหตขุ องปัญหา และวธิ กี ารแกป้ ญั หา 3. เปน็ การเรยี นรแู้ บบสองทาง มกี ารซกั ถามจะทำ� ใหผ้ รู้ ว่ มกจิ กรรมมเี วลาไดค้ ดิ ทบทวนดว้ ย ตนเองและไดเ้ รยี นร้จู ากประสบการณก์ ลมุ่ 4. มีส่ือท่ีช่วยให้ผู้เรียนเกิดจินตนาการและมีความเข้าใจต่อเนื้อหาวิชาการเพิ่มข้ึน และ สามารถน�ำไปเรยี นรู้ได้หลายคร้ัง ส่ือ/เครื่องมอื : รปู ภาพ หรอื ภาพพลิก หรือสไลด์ Power point หรอื วดิ ีทัศน์ เวลา : 45 นาที -1 ชว่ั โมง การวดั ประเมนิ ผลกจิ กรรม : จากการสงั เกตความสนใจ ปฏกิ ริ ยิ าตอบโต้ การตง้ั คำ� ถามและตอบคำ� ถาม ของผรู้ ่วมกิจกรรม คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 109 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรทู้ ี่ 1 ปล่อยลูกฟันผมุ ีผลเสียตลอดชีวิต โรคฟนั ผุในเดก็ เล็ก หรอื โรคฟันน้ำ� นมผเุ ปน็ โรคที่ป้องกนั ได้ แตก่ ลบั พบว่าเดก็ ไทย มากกว่า ร้อยละ 50 เป็นโรคฟันน�้ำนมผุ ที่เป็นเช่นน้ีเพราะมีปัจจัยเสี่ยงในกระบวนการเลี้ยงดูเด็กหลายอย่าง ที่ส่งผลให้เด็กฟันผุ ปัจจัยเสี่ยงเหล่าน้ีถูกละเลยที่จะแก้ไข เพราะพ่อแม่คนเล้ียงดูเด็กเห็นเด็กฟันผุ จนชนิ ชา มองเหน็ วา่ เดก็ ฟนั ผเุ ปน็ เรอ่ื งปกติ และยงั มคี วามเขา้ ใจผดิ ๆ ทเ่ี กดิ จากความไมร่ ู้ วา่ ฟนั นำ�้ นมผุ ไม่เปน็ ไร เพราะอยูไ่ ม่นาน เม่ือเด็กโตขน้ึ ก็จะมีฟนั แท้ (หรือฟนั ถาวร) ข้ึนมาแทนที่ ดังนน้ั เราจึงจำ� เปน็ ต้องให้ความรู้ท่ีถูกต้อง เพราะการปล่อยให้เด็กมีฟันน�้ำนมผุ จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการและสุขภาพเด็ก รวมทั้งยงั มผี ลเสียต่อเนอ่ื งในระยะยาวเมื่อเด็กเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ ดว้ ยดงั น้ี 1. ฟันน�้ำนมผุเป็นแหล่งแพร่เชื้อท�ำให้เกิดการอักเสบติดเช้ือที่อวัยวะต่างๆ โรคฟันผุในฟัน น้�ำนมจะลุกลามเร็วมาก เพราะฟันน�้ำนมซ่ีเล็กและเน้ือฟันบางถ้าดูแลไม่ดีไม่นานรอยผุก็จะทะลุโพรง ประสาทฟัน ท�ำให้เกิดการติดเช้ือและอักเสบเป็นหนองที่รากฟัน เด็กจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานและ ยังเปน็ ช่องทางท�ำให้เช้ือโรคแพร่ไปยังอวัยวะอ่นื ๆ ท้ังบริเวณคอใบหนา้ หรอื เขา้ สู่กระแสโลหติ เกดิ การ ตดิ เชอื้ ทอ่ี วยั วะตา่ งๆ ไดท้ ว่ั รา่ งกาย ทพี่ บบอ่ ยคอื ฟนั ผเุ ปน็ แหลง่ ของการตดิ เชอื้ ในหู ในปอด และกอ่ ใหเ้ กดิ โรคภมู แิ พ้ ซ่ึงอาจมีอนั ตรายร้ายแรงเพราะเด็กเล็กๆ มภี ูมติ า้ นทานต่�ำ 2. การนอนหลับมีความส�ำคัญต่อการเจริญเติบโต ท�ำให้เด็กมีพัฒนาการและสมองที่ดี แต่ความเจ็บปวดจากการปวดฟันอาจรบกวนการนอนหลับพักพ่อนของเด็ก จึงส่งผลกระทบต่อการ เจรญิ เตบิ โต และการเรยี นรู้ ความเจบ็ ปวดเรอ้ื รงั จากฟนั ผยุ งั ทำ� ใหเ้ ดก็ หงดุ หงดิ ไมอ่ ยากเลน่ ไมอ่ ยากเรยี น มีปญั หาพฒั นาการดา้ นอารมณ์และจติ ใจ 3. เด็กท่ีฟันน้�ำนมผุจะมีปัญหาการบดเคี้ยว จึงกินอาหารได้น้อยลง ท�ำให้ขาดสารอาหาร เตบิ โตไมส่ มวยั แคระแกรน หรอื อาจอว้ นแตอ่ มโรค เพราะเดก็ จะเลอื กกนิ เฉพาะอาหารทนี่ มิ่ ออ่ น เหลว ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ อาหารจำ� พวกแปง้ และนำ�้ ตาลเดก็ บางคนกนิ แตน่ ม นำ�้ อดั ลม และขนม ทำ� ใหไ้ ดพ้ ลงั งาน มากเกินไป แต่ขาดสารอาหารสำ� คญั ท่ีจำ� เปน็ ต่อรา่ งกาย เชน่ เน้อื สัตว์ ผักและผลไม้ 4. พฤติกรรมการกินเช่นน้ีในท่ีสุดจะกลายเป็นความเคยชินต่อเนื่องถึงวัยผู้ใหญ่ ท�ำให้เป็น ผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมการกินท่ีเส่ียงต่อการเป็นโรคเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง เส่ยี งตอ่ การเปน็ โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง 5. การบดเคี้ยวจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของสมอง เพราะท�ำให้เลือดมาเล้ียงสมองได้ดีขึ้น และอาหารที่ต้องบดเคี้ยว เช่น เน้ือสัตว์ ผักและผลไม้ มีสารอาหารที่ส�ำคัญต่อการเจริญเติบโตของ ร่างกายและสมอง จากการทดลองพบหนูท่ีเล้ียงด้วยอาหารแข็ง มีสมองโตกว่า มีการเช่ือมต่อของ 110 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใยประสาท และการไหลเวยี นของเลอื ดดีกว่าหนทู ่ีกินอาหารออ่ น การศึกษาในคนพบเด็กทมี่ ีฟันน�้ำนม ผุล้วนมีเส้นรอบวงสมองเล็ก และมีภาวะแคระแกร็นกว่าเด็กท่ีไม่มีปัญหาน้ี รวมท้ังยังพบว่าเด็กอายุ 0-2 ปี มีภาวะแคระแกรน็ น้นั มีระดบั สติปญั ญาและความสามารถในการเรยี นรู้เมอ่ื อายุ 8 และ 11 ปี นอ้ ยกวา่ เดก็ ปกติ 6. เด็กท่ีมีฟันผุมากเม่ือโตเป็นผู้ใหญ่ มักมีปัญหาด้านสุขภาพช่องปาก ทั้งนี้เพราะเด็กท่ี ฟนั นำ้� นมผุ ขากรรไมค่ อ่ ยขยายทำ� ใหฟ้ นั แทข้ น้ึ ซอ้ นเกทำ� ใหก้ ารดแู ลอนามยั ชอ่ งปากยากขนึ้ ประกอบกบั ขาดการฝึกทักษะการดแู ลช่องปากตง้ั แตเ่ ดก็ จึงท�ำใหเ้ กิดปญั หาสขุ ภาพชอ่ งปากตอ่ เนื่อง ปญั หาสขุ ภาพชอ่ งปากในวยั ผใู้ หญ่ เปน็ สาเหตหุ นง่ึ ทท่ี ำ� ใหโ้ รคเรอ้ื รงั ตา่ งๆ เชน่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะสมองเสื่อม ปอดติดเชื้อ โรคอัลไซเมอร์ เกิดปัญหา รุนแรงมากข้ึน ท�ำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั่วไปท้ังด้านร่างกาย และจิตใจ และยังเป็นสาเหตุของ การเสยี ชวี ติ ทสี่ �ำคัญของประชากรไทย คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 111 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ท่ี 2 ฟันนำ้� นม และปัญหาฟนั ผใุ นเดก็ เลก็ เด็กเร่ิมสร้างตัวฟันน�้ำนมต้ังแต่เด็กยังอยู่ในครรภ์มารดา เม่ือเด็กเกิดจะมีหน่อฟันน้�ำนม ในกระดูกขากรรไกรแลว้ และเมอ่ื เดก็ อายุ 6 เดอื น จะมฟี นั น�้ำนมซ่ีแรกขึ้นมาในชอ่ งปาก และทยอยข้ึน จนครบ 20 ซี่ เมอ่ื เด็กอายุ 2 ปี 6 เดอื น -3 ปี เด็กเมื่อแรกคลอดในช่องปากปราศจากเช้ือฟันผุเด็กจะค่อยๆ ได้รับเชื้อฟันผุชนิดต่างๆ เขา้ สชู่ อ่ งปากผา่ นอาหารทร่ี บั ประทานและการสมั ผสั ตดิ ตอ่ จากคนใกลช้ ดิ ดงั นน้ั ถา้ แมแ่ ละคนเลย้ี งเดก็ มีปัญหาฝันผุมากก็จะส่งต่อเชื้อโรคฟันผุไปสู่เด็กได้มาก เด็กจึงมีความเส่ียงที่ฟันจะผุมาก แม่หรอื คนเลีย้ งจงึ ควรดแู ลฟนั ของตนเองใหด้ ี หากมีฟนั ผุควรรบี รักษา ในเด็กไทยพบปัญหาฟันน้�ำนมผุต้ังแต่เด็กอายุ 9 เดือน ซ่ึงเป็นช่วงเวลาเพียง 3 เดือน หลงั จากมฟี นั ข้นึ มาในชอ่ งปาก ปจั จยั ทที่ �ำใหเ้ ด็กไทยมีปญั หาฟนั น้ำ� นมผุสูงมาจากพฤติกรรมการเลยี้ ง ดูเด็กที่ไม่เหมาะสม เช่น ให้เด็กดูดนมและหลับคาขวด ให้เด็กดื่มนมหวาน ให้เด็กดูดนมมื้อดึก หรือ ดนมจากขวดท้ังที่ถึงวัยควรเลิกได้แล้ว (ควรเลิกนมมื้อดึกเม่ืออายุประมาณ 6 เดือน และเลิกดื่มนม จากขวดเมื่ออายุประมาณ 1 ปี) การปล่อยให้เด็กกินขนมมากกว่าวันละ 2 คร้ัง (กินจุบจิบ) รวมถึง ขาดการท�ำความสะอาดช่องปากเด็กอยา่ งเหมาะสม 112 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
การป้องกันฟันน�้ำนมผุ มีหลักการปฏิบัติที่ส�ำคัญเร่ืองแรก คือ การจัดการอาหารลูก ที่ให้ความส�ำคัญกับการส่งเสริมให้ลูกมีสุขภาพช่องปากท่ีดี ซึ่งการจัดอาหารในช่วงขวบปีแรกอย่าง เหมาะสม จะเปน็ กา้ วแรกของการฝกึ วนิ ยั การกนิ ใหก้ บั ลกู และเมอื่ ลกู มฟี นั ขนึ้ มาในชอ่ งปาก กต็ อ้ งดแู ล ความความสะอาดช่องปากของลูกเป็นประจ�ำทุกวันอย่างสม่�ำเสมอ ซึ่งช่วงแรกท่ีมีฟันข้ึนอาจใช้ ผ้าสะอาดชุบน้�ำต้มสุขเช็ดคราบอาหารที่ติดบนฟันและสันเหงือก หรือแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่มี ฟันซีแ่ รกข้นึ มาในชอ่ งปาก การแปรงฟนั ใหล้ กู ตง้ั แต่ซแ่ี รกมขี ้อดคี อื ทำ� ได้ง่ายเพราะมฟี ันไมก่ ซ่ี ่ี และ อย่ดู า้ นหนา้ แมจ่ ะคอ่ ยๆ เรียนร้กู ารแปรงฟนั และลกู จะคอ่ ยๆ เรยี นรทู้ ่ีจะยอมรับการแปรงฟัน ได้ นอกจากนี้ในช่วงการเลี้ยงดูลูกสุขภาพช่องปากของแม่และผู้เล้ียงดูจะมีผลต่อการเกิดฟันผุ ของลูก โดยแม่และผู้เล้ียงดูท่ีสุขภาพช่องปากไม่ดี มีฟันผุมาก ลูกก็จะมีปัญหาฟันผุมากด้วยเช่นกัน ท้ังนี้เพราะเช้ือโรคฟันผุ จะส่งต่อจากแม่หรือคนเล้ียงดูไปสู่เด็กผ่านทางน้�ำลาย เช่น จากการใช้ช้อน/ ถว้ ยน�้ำรว่ มกนั การเปา่ อาหาร ชิมอาหารเดก็ การจูบ และการอมมือเดก็ การเกดิ ฟนั ผุในเด็กจะเกดิ ได้ ง่ายข้นึ หากได้รบั เชอื้ ซำ�้ ๆ และบอ่ ยครง้ั คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 113 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ี่ 3 “การดูแลอาหารลูกขวบปีแรกอยา่ งไร ใหล้ ูกมีฟันด”ี การจัดการอาหารของลกู ในช่วงขวบปแี รก นับเปน็ ก้าวแรกของการฝกึ วนิ ัยการกนิ ใหก้ บั ลกู เดก็ แรกเกดิ ถึง 6 เดือน อาหารท่ีดที ีส่ ุดของลูกคอื นมแม่ ควรใหก้ นิ นมแม่อยา่ งเดียว ไมต่ อ้ งใหอ้ าหาร อื่นแม้แต่น้�ำ เด็กท่ีกินนมแม่จะมีอัตราการเกิดฟันผุต�่ำกว่าเด็กท่ีกินนมผสมในขวด เพราะนมแม่ มภี มู คิ มุ้ กนั และมเี อม็ ไชมช์ ว่ ยยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเชอื้ โรค รวมทง้ั กลไกการดดู นมแม่ นำ�้ นมจะพงุ่ สู่โคนลิ้นท�ำให้ฟันมีโอกาสสัมผัสกับโคนล้ินได้ท�ำให้ฟันมีโอกาสสัมผัสกับน้�ำนมน้อย และการออกแรง ดูดนมยงั กระตนุ้ ใบหนา้ และขากรรไกรเดก็ เจรญิ เตบิ โตสมส่วน ในกรณีท่ีแม่ท�ำงานนอกบ้านไม่สามารถให้เด็กดื่มนมจากเต้าและได้เลือกวิธีให้นมจากขวด ควรเลือกขวดนมท่ีได้รับการรับรองว่าปลอดภัยโดยดูจากเครื่องหมายมาตรฐานมอก. ส่วนจุกนมมีรู ขนาดพอดี เมื่อใส่น้�ำและคว่�ำขวดนมลง น�้ำจะไหลเป็นสายในช่วงแรก และเปล่ียนเป็นหยดๆ จุกนม ที่มีรูใหญ่ เด็กไม่ต้องออกแรงดูด ท�ำให้ขากรรไกรและใบหน้าขาดการกระตุ้น รวมท้ังน้�ำนมท่ีไหลเร็ว เกนิ ไปจะทำ� ใหเ้ ดก็ สำ� ลกั จงึ ตอ้ งเอาลนิ้ มาดนุ จกุ นมทำ� ใหพ้ ฒั นาการกลนื ทผ่ี ดิ ปกติ สง่ ผลใหก้ ารเรยี งตวั ของฟนั ทผี่ ิดปกติได้ รวมทั้งฟันมโี อการสมั ผสั น้ำ� นมจงึ เสย่ี งต่อการผสุ งู 114 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ในการใหน้ มลกู ไมว่ า่ จะใหโ้ ดยดดู จากเตา้ หรอื จากขวด แมค่ วรนง่ั และอมุ้ ใหเ้ ดก็ นอนในออ้ มแขน ไม่ควรให้เด็กนอนราบ เม่ือให้นมเสร็จแล้วจึงให้เด็กนอนราบได้ ถ้าจ�ำเป็นต้องให้นมผง เช่น แมบ่ างคนมนี ำ้� นมไมพ่ อตอ้ งใหน้ มผงเสรมิ ควรเลอื กนมสำ� หรบั เดก็ ชว่ งวยั นเ้ี ทา่ นนั้ และตอ้ งไมเ่ ตมิ สาร ใหค้ วามหวานใดๆ ในนำ้� นม ให้เดก็ ดดู นมและดมื่ น�้ำตามหา้ มหลบั คาขวดนม เพราะเป็นสาเหตุให้เดก็ มีฟนั ผุมาก เมอ่ื เด็กอายุ 6 เดอื น ควรเลิกนมม้อื ดกึ เพราะเดก็ สามารถนอนหลับช่วงกลางคืนติดต่อกัน ไดโ้ ดยไม่หวิ การใหน้ มม้ือดึกจะเปน็ การรบกวนวงจรการนอนของเดก็ ถา้ เดก็ ต่ืนให้กอด กลอ่ ม ตบกน้ เบาๆ เด็กจะหลบั ต่อได้ และควรให้อาหารเสรมิ ควบคกู่ ับนมแม่ การให้อาหารเสริมยึดหลกั สมวัยตาม ความพรอ้ มของเดก็ เพยี งพอ ตามปรมิ าณพลงั งาน และสารอาหารทต่ี อ้ งการในแตล่ ะวยั และปลอดภยั จากสิ่งสกปรกและสารเคมี ผู้ปกครองควรปรุงอาหารเองจากวัตถุดิบในท้องถิ่นเพ่ือให้ได้อาหารที่ สดใหมม่ คี ณุ คา่ ทางโภชนาการ ประหยดั และเปน็ การฝกึ ใหท้ ารกกนิ อาหารทม่ี ใี นทอ้ งถน่ิ ไมค่ วรใสเ่ ครอ่ื ง ปรุงรส หรือผงชูรส เพ่ือใหท้ ารกคนุ้ เคยกบั รสอาหารตามธรรมชาติ ไมต่ ิดหวาน ส�ำหรบั นมแมส่ ามารถ ให้ไดจ้ นถงึ อายุ 2 ปี การปรับเปล่ียนเร่ืองการกินน้ี จะมีผลต่อสุขภาพในช่องปากของลูก เพราะลูกเร่ิมจะมีฟัน ขึ้นมาในช่องปากแล้ว ควรใหล้ กู ดมื่ น�้ำตามหลงั กินอาหารเสรมิ และต้องแปรงฟันใหล้ ูกทกุ วนั ส�ำหรบั เดก็ นอกจากชนดิ และการจดั เตรยี มอาหารแลว้ วธิ กี ารกนิ กม็ คี วามสำ� คญั ในการปอ้ นอาหารและนำ�้ ใหเ้ ดก็ ควรใชภ้ าชนะแยกสำ� หรบั เดก็ ไมค่ วรใชช้ อ้ น ถว้ ยนำ�้ รว่ มกบั อน่ื และไมค่ วรเปา่ หรอื เคยี้ วอาหารปอ้ นเดก็ เพ่ือป้องกนั ไม่ใหเ้ ด็กรับเชื้อโรคฟันผุของผู้เล้ยี งดผู า่ นทางนำ�้ ลายของผเู้ ล้ยี งดู เม่อื ลูกอายุ 6 เดือน ควรเรมิ่ ฝึกให้เด็กกนิ นมจากถว้ ย โดยเริม่ แบ่งนมใส่ถว้ ยให้ลูกดม่ื จำ� นวน น้อยๆ และค่อยๆ เพ่ิมจ�ำนวน ถ้าฝึกอย่างต่อเนื่องเม่ือเด็กอายุได้ประมาณ 1 ปี เด็กก็จะคุ้นชินกับ การด่มื นมจากถ้วย และสามารถเลิกขวดนมได้ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 115 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมการสอนโรงเรยี นพ่อแม่ กิจกรรมที่ 3.3 แปรงฟนั ลกู ไมย่ ากอย่างที่คดิ วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ ให้พอ่ แม่ และผู้ดแู ลเดก็ มีทักษะการแปรงฟันเดก็ ผลทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ พ่อ แม่ และผดู้ แู ลเดก็ สามารถแปรงฟนั ใหล้ ูกได้ และได้ทบทวนแลกเปล่ียนเรยี นรู้ แนวทาง การเล้ียงลกู ให้มีฟนั ดี หลักการและวิธกี าร ขัน้ ตอนสำ� คัญ จดุ ส�ำคญั 1. เตรยี มความพร้อม • สร้างความคุ้นเคยโดยวิทยากรแนะน�ำตนเอง • ซักถามพูดคุยอย่างเปน็ กันเอง และผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรม • สังเกตความพร้อมของผู้ร่วมกิจกรรมจาก • กิจกรรมเปิดสมอง โดยสร้างบรรยากาศการ ท่าทาง แววตา สหี น้า น�้ำเสยี ง ไมบ่ งั คบั ถา้ ไม่ เรยี นรู้ เพ่อื ให้ผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรมผ่อนคลาย เชน่ พร้อม หายใจเขา้ ลกึ ๆ และคอ่ ยๆ ผอ่ นลมหายใจออกชา้ ๆ • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถ ปรบั เปลย่ี นไดต้ าม โดยวิทยากรพูดน�ำโดยน�้ำเสียงแผ่วเบา ให้ท�ำ ความถนดั ของวทิ ยากร ประมาณ 4-5 คร้งั 2. น�ำเข้าส่บู ทเรียน • ทบทวนความรู้ แก้ไขปัญหาการน�ำไปปฏิบัติ • ข้อมูล จะช่วยให้ประเมินความรับรู้ ความ : วทิ ยากรสอบถามถงึ อายุบุตร ผู้เล้ยี งดู การกนิ สนใจ และปัญหาการเล้ียงบุตร ท�ำให้สามารถ นมแม่ นมมื้อดึก การกินนมจากขวด การกิน ปรับหัวข้อการเรียนรู้ได้เหมาะสมกับกลุ่ม นมผง และพฤติกรรมการเล้ียงท่ีอาจท�ำให้ลูกมี เป้าหมาย ฟนั ผุ เช่น หลบั คาขวดนม (กรณีไมไ่ ดก้ นิ นมแม่ กจิ กรรม “เตรยี มความพรอ้ มใหล้ กู มฟี นั ด”ี เรยี น ไดด้ ม่ื นำ้� หลงั ดดู นมหรอื ไม)่ รวมทง้ั การใหอ้ าหาร รู้เร่ืองสาเหตุ และผลเสียหากลูกมีฟันผุ เรื่อง เสริม (การแยกชามช้อน ปอ้ นอาหาร ดมื่ น้�ำตาม การเลิกนมม้ือดึก และเร่ืองการเลือกใช้ขวดนม หลังกินอาหารเสริม และการเล้ียงลูกไม่ให้ติด อยา่ งถกู วธิ ี หากพบวา่ ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมลมื /ไมร่ ู้ รสหวาน) ควรทบทวนความรูด้ ังกล่าวอกี คร้ัง 116 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ขนั้ ตอนส�ำคัญ จุดส�ำคญั • จากนั้นทบทวนสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากกิจกรรม • ข้อแนะน�ำในกิจกรรมที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติควร คร้ังท่ี 1 “เตรียมพร้อมให้ลูกมีฟันดี”โดยใช้วิธี สอบถามสาเหตุและเสนอแนะแนวทางแก้ไข ถาม-ตอบ ถ้าข้อสรุปไม่ครอบคลุม เพ่ิมเติมให้ โดยใช้ประสบการณ์ของคุณแม่ในกล่มุ ช่วย สมบูรณ์ จากนั้นวทิ ยากรสอบถามถึงการเตรยี ม ลูกเพอ่ื เลิกขวดนม 3. ให้องคค์ วามร้เู รื่องท่ี 1 • วิทยากรให้องค์ความรู้ตามใบความรู้ที่ 1 • สังเกตความสนใจ/ความเข้าใจของผู้ร่วม (หรือเปิดวิดิทัศน์ บ๊ายบาย, ขวดนมช้าไปฃโรค กจิ กรรม อธบิ ายชา้ ๆ ชดั ๆ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใหค้ วาม ภยั ตามมา” หรอื ใช้ power point ประกอบการ รู้ท้ังหมดตามใบความรู้ อาจคัดเฉพาะท่ีคิดว่า บรรยาย) แม่/คนเลยี้ งต้องปฏิบัติ ช่วงก่อนมาเขา้ โรงเรยี น พ่อแม่ 4. ทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ: • เม่ือจบการบรรยาย วิทยากรเปิดโอกาสให้ • กระตุ้นให้ผู้ร่วมกิจกรรมพูดคุยแสดงความ ผรู้ ว่ มกจิ กรรมซกั ถามขอ้ สงสยั วทิ ยากรตง้ั คำ� ถาม คิดเห็นอย่างทว่ั ถึง ควบคมุ เวลาให้เหมาะสม ทบทวนความรู้ เน้นประเด็นส�ำคัญ 5. สรปุ ความเขา้ ใจ • วทิ ยากรสรุปประเด็นส�ำคญั ท่กี ลุ่มตอบถา้ ขอ้ สรุปไมค่ รอบคลมุ เพิ่มเติมใหส้ มบูรณ์ 6. น�ำเข้าสูบ้ ทเรยี นที่ 2 : • วทิ ยากร สอบถามถงึ การข้ึนของฟันน�้ำนมใน • ซักถาม พูดคุยอยา่ งเปน็ กันเอง กระตุ้นผ้รู ว่ ม ชอ่ งปาก และการทำ� ความสะอาดชอ่ งปากลกู ซง่ึ กิจกรรมพูดคุยแสดงความคิดเห็น หากพบว่า อาจมที งั้ คนทแี่ ปรงฟนั ใหล้ กู แลว้ หรอื คนทใ่ี ชผ้ า้ มีแม่ที่แปรงฟันลูกได้ ให้เล่าประสบการณ์ หรอื ถงุ นว้ิ เชด็ ฟนั ลกู ซงึ่ ถกู ตอ้ งทง้ั สองวธิ ี แตก่ าร ปญั หาท่ีพบ การแก้ปญั หา และควบคมุ เวลาให้ ใชผ้ า้ หรือถงุ มอื เชด็ ฟันลูก เหมาะทจ่ี ะใชเ้ มื่อลูก เหมาะสม มีฟันข้ึนไม่ก่ีซ่ีเฉพาะทางด้านหน้า เมื่อฟันหลัง เร่ิมขึ้นก็ไม่สามารถท�ำความสะอาดได้จึงต้อง แปรงฟันให้ลูกด้วย แต่แม่หลายคนอาจไม่กล้า แปรงฟันให้ลูกเพราะ ลูกดิ้นไม่รู้จะควบคุม อยา่ งไร กลัวแปรงไปกระแทกปากลูก ทำ� ให้ลกู เจ็บ ดังน้ันจึงควรเร่ิมจากการแปรงฟันบริเวณ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 117 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ข้ันตอนสำ� คญั จุดสำ� คัญ งา่ ยๆ เพอ่ื ใหแ้ มแ่ ละลกู คนุ้ เคยและคอ่ ยๆ เรยี นรู้ การแปรงฟนั นน้ั คอื การแปรงฟนั ตงั้ แตล่ กู มฟี นั ซ่ีแรกข้ึนมาในช่องปาก เพราะมีฟันไม่กี่ซ่ีทาง ด้านหน้า ใช้เวลาแปรงฟันสน้ั และลกู ยังเลก็ แรง ตา้ นไมม่ าก วนั นจ้ี ะมาเรยี นรกู้ ารแปรงฟนั ใหล้ กู กนั 7. ให้องค์ความรู้ และฝึกปฏบิ ัติ : • ใหค้ วามรู้ ตามใบความรทู้ ี่ 2 หรอื เปดิ วดิ ทิ ศั น์ • ขณะฝึกปฏบิ ัติ วทิ ยากรสังเกตการปฏิบัติ เรอื่ ง “การแปรงฟนั ใหล้ กู ” หรอื ใชภ้ าพ/power • ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้องอธิบายให้เหตุผลว่าท�ำไม point หรอื สาธติ กบั ตกุ๊ ตาประกอบการบรรยาย ไม่ถกู ตอ้ งพรอ้ มชแ้ี จงแก้ไขใหถ้ ูกต้องทนั ที เมื่อจบวิดิทัศน์ วิทยากรเปิดโอกาสให้ผู้ร่วม • ถ้าปฏิบัติถูกต้องให้เน้นย้�ำในส่ิงท่ีท�ำถูกต้อง กิจกรรมซักถามข้อสงสัย จากน้ันเร่ิมการฝึก พรอ้ มให้เหตผุ ลและชมเชยให้กำ� ลงั ใจ ปฏิบัติ • สังเกตความพร้อมและความสนใจ ของผรู้ ่วม กิจกรรม จาก แววตา สหี นา้ น้ำ� เสียง ไม่บงั คับ ถา้ ไมพ่ ร้อม 8. ทดสอบความรคู้ วามเข้าใจ : • เมื่อจบการปฏิบัติวิทยากรสอบถามความ • เนน้ ยำ้� ใหป้ ฏบิ ตั ติ อ่ เนอ่ื งทกุ วนั ทบี่ า้ นจะทำ� ให้ ม่ันใจของผู้ร่วมกิจกรรมท่ีจะน�ำไปปฏิบัติ คุ้นชนิ มคี วามชำ� นาญทำ� ได้โดยง่าย ที่บ้าน และเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมซักถาม ขอ้ สงสัย 9. สรปุ ความเข้าใจ : • วิทยากรสรุปประเด็นส�ำคัญ (ความสะอาด • เนน้ ยำ�้ ใหค้ ณุ แมห่ รอื ผเู้ ลยี้ งดเู ดก็ รกั ษาอนามยั การใช้แปรงสีฟัน/ยาสีฟัน การวางขนแปรง ชอ่ งปากของตนเองทกุ วนั การควบคุมตัวเด็ก/ใช้น้ิวป้องกันแปรงกระแทก ปากเด็ก และการจัดเก็บอุปกรณ์การแปรงฟัน ของลกู ) จากนน้ั วทิ ยากรสอบถามวา่ คณุ แมห่ รอื ผเู้ ลีย้ งดูยังมฟี นั ผุอย่หู รอื ไม่ ถา้ มีหาโอกาสไปรบั การรักษา เพื่อให้คุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูมีสุขภาพ ชอ่ งปากดี และลดการสง่ ต่อเชื้อโรคฟนั ผใุ หล้ ูก 118 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ความสอดคล้องของกิจกรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain – based Learning (BBL) 1. เปน็ การเรยี นรใู้ นบรรยากาศท่ีผอ่ นคลาย คอ่ ยๆ เรียนทีละเร่อื ง 2. เปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ผี่ รู้ ว่ มกจิ กรรมเขา้ ใจเหตผุ ล/ความสำ� คญั /ประโยชนข์ องการดแู ล/ รกั ษาสขุ ภาพช่องปากลูก รสู้ าเหตุของปญั หา และวธิ ีการแก้ปญั หา 3. มกี ารทบทวนเน้นย�ำ้ ความรเู้ ก่าทำ� ใหเ้ กดิ การเรียนรหู้ ลายครง้ั ท�ำให้เข้าใจได้ 4. เปน็ การเรยี นรแู้ บบสองทาง มกี ารซกั ถามจะทำ� ใหผ้ รู้ ว่ มกจิ กรรมมเี วลาไดค้ ดิ ทบทวนดว้ ย ตนเองและได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์กลุ่ม และการฝึกปฏบิ ัตมิ ีการตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้อง 5. มีส่ือที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดจินตนาการและมีความเข้าใจต่อเนื้อหาวิชาการเพิ่มขึ้นและ สามารถน�ำไปเรียนรูไ้ ดห้ ลายครัง้ ระยะเวลา : 1 ช่วั โมง ส่อื /วสั ดุอปุ กรณ์ : ภาพ/สไลด์ Power point /วิดที ัศน์/ตกุ๊ ตาสาธติ อปุ กรณ์ใชฝ้ ึกแปรงฟันเด็ก การประเมินผล : จากการสังเกตความสนใจ ปฏิกิริยาตอบโต้ การต้ังค�ำถามและตอบค�ำถามของ ผู้รว่ มกจิ กรรม คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 119 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ท่ี 4 บ๊ายบาย ขวดนมช้าไป โรคภยั ตามมา เมือ่ ลูกอายุ 6 เดือน ควรเรม่ิ ฝึกให้เดก็ กินนมจากถ้วย โดยเรมิ่ แบ่งนมใส่ถว้ ยในลกู ดม่ื จำ� นวน น้อยๆ และค่อยๆ เพม่ิ จ�ำนวนจนเด็กสามารถดืม่ นมจากถว้ ยได้ทง้ั หมด เดก็ อายุ 1 ปีข้นึ ไป ควรเลกิ ดดู นมจากขวดได้ เน่อื งจากสามารถจบั แก้วยกดื่มเองได้ ถ้ารอจนอายุ 2-3 ปี เดก็ ตดิ ขวดนมแลว้ จะเลิกได้ ยาก การปลอ่ ยใหเ้ ดก็ ตดิ ขวดนมจนโต การใหเ้ ดก็ หลบั คาขวดหรอื ดดู นมจากขวดบอ่ ยๆ นอกจากทำ� ให้ ฟนั ผุแล้ว ยงั ทำ� ใหเ้ กิดปัญหาอ่นื ๆ เชน่ เด็กไมย่ อมกินขา้ ว ชอบอมข้าว ไม่ยอมกนิ อาหารอืน่ ปฏเิ สธ อาหารท่ตี อ้ งเคีย้ ว เพราะคนุ้ เคยกับอาหารเหลวท่กี ลืนงา่ ย เดก็ ตดิ ขวดนมมากเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคทอ้ งผกู เรอ้ื รงั เพราะนำ�้ นมไมม่ กี ากใยอาหารและยงั เสย่ี ง ต่อการขาดธาตุเหล็กซึ่งส�ำคัญต่อการพัฒนาสมองเพราะน�้ำนมอย่างเดียวมีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ รวมทั้งแคลเซียมในน้�ำนมยังมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมของธาตุเหล็กนอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่ติดขวดนม มักจะดูดนมวันละหลายม้ือ ท�ำให้ติดนิสัยรับประทานจุบจิบ บางรายใช้ขวดนมเป็นส่ิงปลอบโยน ลดความคบั ข้องใจ จึงอาจมผี ลไปลดโอกาสทจ่ี ะพฒั นาทกั ษะทางดา้ นภาษาอารมณ์และสังคม วิธีการฝึกให้เด็กดื่มนมจากแก้วและเลิกดื่มนมจากขวด ควรฝึกเด็กแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามระดับพัฒนาการของเด็ก จะท�ำให้เด็กด่ืมนมจากแก้วเป็นและเลิกขวดนมได้เม่ือถึงเวลาที่ควรเลิก ขน้ั ตอนการฝกึ เด็กด่มื นมจากแก้วตามระดบั พฒั นาการมี ดังน้ี อายุ พฒั นาการ วธิ ีการฝึก 6 เดอื น คอตั้งได้ม่ันคง ปฏิกิริยาดันลิ้นออก เรม่ิ ฝกึ ลกู ดม่ื นมจากแกว้ และเรมิ่ ใหอ้ าหารเสรมิ ค่อยๆ หายไป โดยเรมิ่ ที่ปริมาณน้อยๆ และให้งดนมมื้อดึก 8 เดอื น นง่ั ไดเ้ อง ถอื ของมอื เดย่ี ว และถา่ ยโอน ให้เด็กถือแก้วพลาสติกใบเล็ก ฝึกให้เด็กดื่ม ไปอีกมือได้ ของเหลวทุกชนิดจากแก้ว โดยค่อยๆ เพ่ิม ปรมิ าณทีละนอ้ ย 10 เดอื น เข้าใจคำ� สั่งชอบเลียนแบบพอ่ แม่ พ่อแม่ควรดื่มน�้ำจากแก้วให้เด็กดูบ่อยๆ และ ค่อยๆ เพ่ิมปริมาณนมท่ีให้เด็กดื่มจากแก้วให้ มากขึ้น 1 ปี เร่ิมเดินได้ สนใจสิ่งแวดล้อม ชอบ ให้ดื่มนมจากแก้วและค่อยๆ ลดนมขวดต่อ ใหช้ ม เน่ือง ช่ืนชมเมื่อเด็กปฏิบัติและไม่ให้เด็กถือ 1.6 ปี ห่วงเล่นมากกว่าเดิน กล้ามเนื้อมือ ขวดนมตดิ ตวั พฒั นาดีขึน้ เดก็ ใช้แกว้ ไดเ้ กง่ ข้ึน ควรเลิกขวดนมได้แล้ว 120 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
พร้อมๆ ไปกับการฝึกให้เด็กด่ืมนมจากแก้ว เด็กก็จะค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มนมจากขวด ซงึ่ จะเป็นการเตรียมความพรอ้ มสำ� หรับเลกิ ขวดนมซงึ่ ทำ� ได้ 2 แบบคอื 1. แบบเลกิ กบั ทนั ทีทนั ใด (หักดิบ) เหมาะกบั เดก็ ที่ลดขวดนมบ้างแล้วไมค่ อ่ ยสนใจขวดนมวธิ ีการ คอื - บอกให้เด็กร้ลู ่วงหน้าประมาณ 1 สปั ดาห์ โดยบอกเด็กวา่ หนโู ตแลว้ ไม่ตอ้ งใช้ขวดนมแลว้ - เก็บขวดนมให้พ้นมือเด็กหรือให้เด็กช่วยเก็บใส่ถุงไปทิ้งหรือบริจาค เพื่อให้เด็กตัดใจ จากขวดนม - เตรียมน�ำ้ เปลา่ หรือน้ำ� ผลไม้ใส่แก้วพร้อมสำ� หรบั ให้เด็กเม่อื เด็กรอ้ งหาขวดนม - ให้เด็กมตี ัวแทนขวดนมอาจเป็นตกุ๊ ตาหรอื ของทชี่ อบเอาไวก้ ่อนกอดเมอื่ คิดถงึ ขวดนม - ระหว่างฝึกต้องอดทน เด็กงอแงสักพักก็จะปรับตัวได้เอง ควรเพิ่มการกอดและช่ืนชม ถา้ ลกู ทำ� ได้ 2. แบบคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป เหมาะกบั เด็กที่ติดขวด มวี ิธีการ คอื - กรณียังกินนมมื้อดึก ควรค่อยๆ ลดปริมาณนมในมื้อดึกจาก 8 ออนซ์ เหลือ 4 ออนซ์ จนงดได้ - ค่อยๆ ลดขวดนมทีละขวดทุก 2-4 วนั โดยลดมื้อทีไ่ ม่ส�ำคัญกอ่ น เช่น มอ้ื กลางวนั - ให้เด็กดื่มนมจากแกว้ หรือกล่องแทน หากเด็กงอแง อาจใสน่ �้ำในขวดใหเ้ ด็กดดู แทนนม - หากเด็กยังงอแงอาจใช้วิธีขยายจุกนมให้รู้กว้างข้ึน เพื่อให้เด็กระมัดระวังการดูดมากขึ้น ไมส่ ามารถนอนดดู สบายๆ เหมอื นกอ่ นแตต่ อ้ งไม่กวา้ งจนเดก็ สำ� ลัก - ระหว่างการหยา่ ขวดนม อาจใช้แก้วสวยๆ หลอดดูดแบบแปลกๆ ดงึ ดูดความสนใจ ของเดก็ - ถ้าเลกิ แบบค่อยเป็นคอ่ ยไปไมไ่ ดผ้ ล ใหใ้ ช้วธิ ีหักดิบ เม่อื เด็กมีอายุ 1 ปี ขึน้ ไป ควรให้อาหารหลกั 3 มื้อ และอาหารวา่ งไม่เกนิ 2 ครั้งตอ่ วัน ชนิดของอาหารว่าง ควรเป็นอาหารตามธรรมชาติที่มีคุณค่า เช่น ผลไม้ หรือนมรสจืด ไม่ควรให้เด็ก กนิ ขนมหวานเหนยี วตดิ ฟนั ขนมถงุ กรุบกรอบ ทอฟฟ่นี ้�ำหวาน นำ�้ อดั ลม และอาหารใส่สหี รือผงชูรส รวมทงั้ ควรดแู ลไมใ่ ห้เด็กกนิ จบุ จิบ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 121 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ี่ 2 ลกู หลบั ฟันดตี งั้ แตซ่ แี่ รก (การแปรงฟนั ให้ลูก) เม่ือเด็กมีฟันขึ้นในช่องปาก จะเร่ิมกินอาหารหลากหลาย ท�ำให้การดูแลเร่ืองความสะอาด ของช่องปากจึงมีความส�ำคัญมากขึ้น แต่เด็กยังดูแลด้วยตนเองไม่ได้ ต้องให้แม่หรือคนเลี้ยงดูท�ำให้ ซงึ่ ในเดก็ เลก็ ๆ มฟี นั ดา้ นหนา้ ไมก่ ซ่ี ี่ อาจทำ� ไดห้ ลายวธิ ี เชน่ ใชผ้ า้ สะอาดชบุ นำ้� ตม้ สกุ เชด็ ฟนั ลกู ใหส้ ะอาด วนั ละ 2 ครงั้ หรอื ใชว้ ธิ ีแปรงฟนั แต่ถา้ เดก็ โตมฟี นั หลังขนึ้ และมีฟนั หลายซี่ การแปรงฟนั จะทำ� ความ สะอาดฟันได้ดีกว่า การฝึกแปรงฟันในเด็กโตเด็กอาจมีแรงขัดขืนจนแม่ถอดใจไม่กล้าแปรงฟันให้ลูก ดงั นนั้ จงึ แนะนำ� ใหแ้ มแ่ ปรงฟนั ลกู ดว้ ยยาสฟี นั ผสมฟลอู อไรดต์ ง้ั แตฟ่ นั ซแ่ี รกขน้ึ มาในชอ่ งปาก เนอื่ งจาก มฟี ันขน้ึ เฉพาะด้านหนา้ ไม่ก่ซี ่ี สามารถแปรงไดง้ ่าย เด็กไม่คอ่ ยขดั ขนื เป็นการเร่ิมตน้ ท่ดี ีทงั้ แม่และลกู ที่จะท�ำความค้นุ ชนิ และค่อยๆ ปรบั ตัวเรยี นรกู้ ารแปรงฟนั ไปพรอ้ มๆ กนั การเตรียมอุปกรณ์แปรงฟนั เร่มิ จากการเตรียมแปรงสฟี ัน ใหใ้ ช้แปรงสฟี นั ท่ฉี ลากระบอุ ายุ ตามวยั ของเดก็ และใชย้ าสฟี นั ผสมฟลอู อไรดส์ ำ� หรบั เดก็ (เพราะกลน่ิ หอมรสไมเ่ ผด็ เดก็ จะยอมรบั ไดง้ า่ ย) ปรมิ าณยาสีฟนั ที่ใช้ช่วงแรกอาจไมใ่ ชย้ าสีฟันเล็กนอ้ ยแตะปลายคนแปรงสฟี นั พอช้นื ๆ การใช้ยาสฟี นั ในเดก็ เล็ก • น้อยกวา่ 1.6 ปี ใชย้ าสีฟันแตะปลายคนแปรงพอช้นื • อายุ 1.6-3 ปี ใช้ปรมิ าณยาสฟี นั เทา่ เมล็ดถวั่ เขียว • อายุ 3-6 ปี ใชย้ าสฟี นั ขนาดเทา่ เมล็ดข้าวโพด • อายมุ ากกวา่ 6 ปี ใช้ยาสฟี ันยาว 1 เซนตเิ มตร 122 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
วธิ ีการแปรงฟันใหเ้ ดก็ ใชว้ ธิ ีถูไปมามขี ้นั ตอนดังนี้ ขั้นเตรียมการ ผู้แปรงฟันให้เด็กควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้�ำสบู่ เตรียมแปรงและยาสีฟัน สำ� หรบั เดก็ แตะยาสีฟนั เปน็ จดุ เล็กๆ ขน้ั ปฏบิ ตั ิ ผแู้ ปรงฟนั ใหเ้ ดก็ นง่ั พน้ื หรอื ใหเ้ ดก็ นอนหนนุ ตกั (ในกรณที เี่ ดก็ โตและยนื ไดอ้ าจใช้ วิธีนง่ั บนเกา้ อี้ให้เด็กยนื หันหลงั ใหด้ งั ภาพ) ใช้นวิ้ แหวกกระพ้งุ แกม้ เดก็ เพ่อื ใหม้ องเห็นฟันทจี่ ะแปรงได้ ชดั เจน และช่วยกันไมใ่ หแ้ ปรงสีฟนั กระแทกริมฝีปาก และกระพ้งุ แกม้ ผู้แปรงจับแปรงแบบจับดินสอ เขียนหนังสือ วางขนแปรงตั้งฉากกับตัวฟันให้ขนแปรงครอบคลุมถึงบริเวณคอฟันและขอบเหงือก ขยับโยกแปรงไปมาบริเวณละ10 คร้ัง จึงเปล่ียนท่ีใหม่ให้ซ้อนกับบริเวณเดิมเล็กน้อย ขยับไปเร่ือยๆ จนครบทุกซี่ ทัง้ ด้านในและดา้ นนอก แลว้ ใชผ้ ้าสะอาดเชด็ ยาสฟี ันออก ถา้ เด็กดนิ้ ให้ใชข้ าควบคมุ แขน และขาของเด็กไว้ใหน้ งิ่ (ทา่ นง่ั บนพนื้ ใหง้ อเขา่ และวางขาบนหนา้ ขาอกี ข้าง ระวัง อยา่ ให้ขาทับตัวเด็ก) การแปรงฟันเป็นสิ่งจ�ำเปน็ ต้องทำ� ทุกวันเหมอื นการอาบน้ำ� ควรแปรงฟันให้ลกู วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) การแปรงฟนั เปน็ วนิ ัยท่ีต้องฝกึ ใหเ้ ดก็ ในช่วงแรกเดก็ อาจไม่ยอม แมห่ รอื ผู้เลีย้ งดูตอ้ งใจแขง็ และปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความระมดั ระวงั อยา่ งสมำ่� เสมอ ประสบการณท์ เ่ี ดก็ แปรงฟนั ไมเ่ จบ็ จะสรา้ งความคนุ้ เคย ท�ำให้เด็กเรียนรู้และยอมรับการแปรงฟันได้ ดังน้ันต้องระมัดระวังใช้แปรงขนนุ่ม แปรงเบาๆ ระวัง ไม่ให้ขนแปรงกระแทกเหงือก คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 123 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
เม่ือเด็กเดินได้ จะชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ เด็กอาจอยากแปรงฟันตามผู้ใหญ่ จึงหัดให้เด็ก แปรงฟนั ไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตามแม่ยังต้องแปรงซ�้ำให้เช้า-เย็นเม่ือเด็กอายุ 2-3 ปี เด็กท่ีเข้าสู่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจะได้รับการฝึกให้แปรงฟันด้วยตนเอง แม้เด็กจะแปรงฟันเก่งขึ้น แต่ยังไม่สะอาด เด็กสามารถแปรงฟันให้สะอาดได้เองเม่ือกล้ามเน้ือมัดเล็กของเด็กพัฒนาได้เต็มท่ี ซ่ึงจะเป็นช่วงอายุ ประมาณ 8 ปหี รอื อย่างน้อย 6 ปี บรรณนกุ รม เมธินี คุปพิทยานันท์ และนนธนวนัณท์ สุนทรา. ( 2561). แผนการสอนที่ 8 ลูกฟันดี ฝมี ือพ่อแม่ ตอนที่ 1 “เตรียมพร้อมใหล้ ุกมีฟันด”ี . ใน นนธนวนัณท์ สุนทรา และคณะ (บก.), โรงเรยี น พ่อแม่ BBL นวัตกรรมการเปลี่ยนพฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ดูแลเด็ก. (น.211-229). กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั พาณิชพระนคร (2535) จ�ำกัด. 124 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 4 สง่ เสริมและเฝา้ ระวงั พฒั นาการสขุ ภาพและการปอ้ งกนั โรคในเด็กเล็ก เป้าหมายรวม : เพือ่ สง่ เสริมใหเ้ ด็กมีสุขภาวะทด่ี มี กี ารเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการสมวัย สาระสำ� คัญ 1. เฝ้าระวงั ปัญหาพฒั นาการดว้ ยคู่มอื เฝ้าระวงั และส่งเสรมิ พัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM) 2. การสง่ เสรมิ การนอนในเดก็ ปฐมวยั 3. การดแู ลเดก็ เบ้อื งต้นเมอื่ เดก็ เกดิ การเจ็บปว่ ย กิจกรรมท่กี ำ� หนด กิจกรรมที่ 1 การเฝ้าระวังและส่งเสริมพฒั นาการลูกนอ้ ยด้วยคู่มอื DSPM กจิ กรรมท่ี 2 ส่งเสรมิ การนอนในเดก็ ปฐมวัย นอนอย่างไร ใหเ้ ติบโตแขง็ แรง กิจกรรมที่ 3 เช็ดตวั ลดไข้ ประโยชน์ที่ไดร้ บั พอ่ แม่ และผดู้ แู ลเดก็ ตระหนกั ถงึ บทบาทของตนเองในการสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ปฐมวยั มสี ขุ ภาวะทดี่ ี เตบิ โตแขง็ แรง มพี ฒั นาการทสี่ มวยั มที กั ษะในเฝา้ ระวงั และสง่ เสรมิ พฒั นาการ และการดแู ลเดก็ เบอ้ื งตน้ เมอื่ เกดิ การเจบ็ ป่วย ระยะเวลาทง้ั หมด 90 นาที รูปแบบ/วิธีการสอน 1. บรรยาย 2. ทำ� กิจกรรมกลมุ่ 3. สาธิตและฝกึ ปฏบิ ัติ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 125 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
กจิ กรรมการสอนโรงเรียนพอ่ แม่ กจิ กรรมที่ 4.1 การเฝา้ ระวงั และส่งเสริมพัฒนาการลูกนอ้ ย ด้วยค่มู ือ DSPM วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการประเมินและส่งเสริม พัฒนาการลูกดว้ ยค่มู อื การเฝ้าระวงั และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM) 2. เพ่ือให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กมีทักษะในการใช้คู่มือการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการ เด็กปฐมวัย (DSPM) กับลกู ได้ ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ เด็กได้รับการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการด้วยคู่มือการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการ เด็กปฐมวัย (DSPM) หลักการและวิธกี าร ข้นั ตอนส�ำคัญ จดุ ส�ำคญั 1. เตรียมความพรอ้ ม : • ผเู้ รยี นตอ้ งมคี วามพรอ้ ม โดยมสี หี นา้ แววตา • พดู คยุ ทกั ทายผูป้ กครอง • แนะน�ำทีมวิทยากรเปิดสมองด้วย เพลง น�้ำเสียง ท่าทางท่ีให้ความร่วมมือ สนุกสนาน “คางคก” กอ่ นเข้าสูก่ จิ กรรม ผ่อนคลาย และเป็นกันเองกบั วิทยากร • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรบั เปลยี่ นไดต้ าม ความถนัดของวทิ ยากร 2. ขนั้ นำ� เข้าสู่บทเรยี น • วิทยากร พูดคุยกับผูป้ กครองถงึ ชว่ งอายขุ อง • สังเกตความสนใจ และปฏิกิริยาการ บุตรหลาน จากน้ันดูวีดีทัศน์หนังสั้นส่งเสริม โต้ตอบ หรือการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยน พฒั นาการเดก็ เร่อื ง “อ่มิ อุ่น” ประสบการณ์ • วิทยากร พูดคุยกับผู้ปกครองหลังดูวีดีทัศน์ • ผู้ปกครองบอกไดถ้ ึงความสำ� คญั ของการ ดังน้ี 1) พฒั นาการของเดก็ ในเรอ่ื งเป็นอย่างไร เฝา้ ระวังและสง่ เสรมิ พัฒนาการลูก 2) การดูแลของพ่อและแม่เป็นอย่างไร (ตาม ใบงานที่ 1) 126 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ข้ันตอนส�ำคัญ จดุ ส�ำคัญ • วิทยากรและผู้ปกครองร่วมกันสรุปประเด็น ตามใบงานท่ี 1 3. การใหอ้ งค์ความรแู้ ละลงมอื ปฏบิ ตั ิ • วิทยากรให้ความรู้เรื่องพัฒนาตามช่วงวัย • ถ้าผู้ปกครองปฏิบัติไม่ถูกต้อง วิทยากรต้อง (ตามใบงานที่ 1) จากน้ันแนะน�ำการใช้คู่มือ แนะนำ� และแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่ การคำ� นวณอายุ DSPM การเตรียมความพรอ้ มก่อนการประเมิน การใชค้ ู่มือ DSPM การคิดอายุ ของเด็กในแต่ละชว่ งวยั • เปดิ โอกาสใหผ้ ู้ปกครองได้ฝกึ ปฏบิ ัตทิ ุกคน • วิทยากรแบง่ ผปู้ กครองเป็น 3 กลมุ่ ตามชว่ ง • ผู้ปกครองได้แลกเปลี่ยนและให้ข้อคิดเห็น อายุของบุตรหลาน ดงั น้ี 1.อายุแรกเกิด- 1 ปี เกีย่ วกับกจิ กรรมส่งเสริมพัฒนาการได้ 2.อายุ1-2 ปี และ 3.อายุ 2- 3 ปี จากน้นั ทดลอง ฝึกปฏิบัติการประเมินพัฒนาการด้วยคู่มือ DSPM และแลกเปล่ียนประสบการณ์กิจกรรม สง่ เสริมพฒั นาการตามช่วงอายุ 4. ข้ันสะท้อนกลับและทดสอบความรู้ • วิทยากรและผู้ปกครองช่วยกันสรุปข้ันตอน • ผู้ปกครองบอกสามารถบอกข้ันตอนการ การประเมินพัฒนาการและกิจกรรมส่งเสริม เฝา้ ระวงั และสง่ เสริมพัฒนาการลูกได้ พัฒนาการ • วิทยากรสรุปเน้ือหา กระชับ เข้าใจง่าย นา่ จดจ�ำ 5. ขัน้ สรุป • วิทยากรซักถามพ่อแม่ผู้ปกครองถึงสิ่งที่ได้ • กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม ค่อยๆ สร้าง เรียนรู้ความรู้สึก/ความประทับใจในกิจกรรม บรรยากาศให้ผ่อนคลาย ไม่ถามเฉพาะเจาะจง วันน้ี และกิจกรรมที่ผู้ปกครองจะกลับไปฝึกลูก ดูคนท่พี ร้อมตอบกอ่ น ทีบ่ า้ น • ผู้ปกครองสามารถบอกกิจกรรมส่งเสริม พัฒนาการลูกได้ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 127 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมตามหลกั การพัฒนาสมอง (Brain-based Learning) 1. มกี ารเตรียมความพร้อม พ่อ แม่ และผดู้ ูแลเด็กดว้ ยการเปดิ สมองกอ่ นท�ำกิจกรรม 2. เป็นการเรียนรู้ในบรรยากาศท่ีผ่อนคลาย คอ่ ยๆ เรยี นทีล่ ะเรอ่ื ง 3. พ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กได้มีส่วนร่วมในแลกเปลี่ยนประสบการณ์และฝึกปฏิบัติการประเมิน พฒั นาการลกู ระยะเวลา 45-60 นาที สือ่ / วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. วดี ีทัศน์ หนังส้นั สง่ เสรมิ พัฒนาการเด็กเรอื่ ง“ อ่มิ อุ่น” 2. คู่มือการเฝา้ ระวงั และส่งเสริมพฒั นาการเดก็ ปฐมวัย (DSPM) และอปุ กรณ์การประเมนิ ผลการประเมนิ : 1. สังเกตการมีส่วนร่วมในกิจกรรม การตอบข้อซักถาม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ของผปู้ กครอง 2. ตดิ ตามการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั ระหวา่ งเดก็ และผปู้ กครองขณะอยทู่ บี่ า้ น โดยใหผ้ ปู้ กครอง สง่ ภาพกจิ กรรม หรือ VDO ผา่ นทางแอพพลเิ คช่นั Line ของช้นั เรยี น 128 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบงานท่ี 1 เปิด วีดีทัศน์ หนังส้ันส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เร่ือง“ อิ่มอุ่น” และให้พ่อแม่ / ผู้ดูแลเด็ก ด�ำเนินกจิ กรรม ดงั นี้ 1. ให้พ่อแม่ / ผ้ดู แู ลเด็ก แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับพฒั นาการของน้องอนุ่ ในเรื่อง 2. ให้พ่อแม่ / ผู้ดูแลเด็ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดูแลของพ่อและแม่ ในเรื่อง “อิม่ อนุ่ ” เปน็ อยา่ งไร สิง่ ไหนชว่ ยสง่ เสรมิ หรือยับยั้งพฒั นาการของนอ้ งอุน่ ? 3. ใหต้ ัวแทนผูป้ กครองช่วยและนำ� เสนอ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 129 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ท่ี 1 พัฒนาการเด็กปฐมวยั วัยแรกเกิด 3 ปี อายุ พฒั นาการ แรกเกิดถงึ 1 เดือน • ยกศีรษะและหันเปล่ยี นขา้ งได้ในท่านอนคว่ำ� • มองตามส่งิ ของจากด้านข้างถงึ ระยะก่ึงกลางลำ� ตวั ได้ • แสดงการรับรู้เม่ือได้ยินเสียงได้ เช่น กะพริบตา สะดุ้ง หรือ เคล่ือนไหวร่างกาย • ท�ำเสียงออ้ แอ้ได้ • มองหน้าผูพ้ ูดไดอ้ ย่างนอ้ ย 1 วนิ าที 1 – 2 เดอื น • ยกศรี ษะข้นึ ได้ 45 องศา ในทา่ นอนควำ�่ • เด็กมองตามสิง่ ของจากดา้ นข้าง ผา่ นจดุ กึ่งกลางล�ำตวั ไดต้ ลอด โดยไมห่ นั ไปมองทางอืน่ • มองหน้าผพู้ ดู ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 5 วินาที • ทำ� เสยี งอู / อื้อ / อา ได้ • ย้ิมหรือส่งเสียงตอบโต้ได้ 3 – 4 เดือน • ยกศรี ษะและอกโดยใช้แขนยนั กับพนื้ ในทา่ นอนควำ�่ ได้ • มองตามส่ิงของได้ 180 องศา • หนั ตามเสียงไดถ้ ูกทิศทาง • สง่ เสยี งสงู ๆ ตำ�่ ๆ แสดงความรู้สึกได้ • ย้มิ ทักได้ 5 – 6 เดือน • ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้าง ยันตัวข้ึนจนข้อศอกเหยียดตรง ท้องและ หนา้ อกต้องยกขึ้นพ้นพื้น • เอ้ือมมือไปหยบิ และถือสงิ่ ของได้ • หันตามเสียงเรียกได้ถูกทิศทาง, แสดงความสนใจเม่ือมีเสียง คนพูดด้วย • เลยี นแบบการเล่นปาก, เลน่ เสียง เชน่ จับปาก เปา๊ ะปากได้ 130 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
อายุ พัฒนาการ 7 – 9 เดอื น • นง่ั ได้ เอย้ี วตวั ได้ หมนุ ตวั ไปหยบิ ของแลว้ กลบั มานงั่ ตวั ตรงอกี ได้ • ยนื เกาะไดอ้ ยา่ งน้อย 10 วนิ าที 10 เดอื น – 1 ปี • หันตามเสียงเรียกชอ่ื • เลียนเสียงพดู คยุ 13 – 15 เดือน • เล่นจะ๊ เอ๋ • แสดงความสนใจภาพในหนงั สือ • ยืนไดเ้ อง โดยไม่ต้องช่วยพยุงอยา่ งน้อย 2 นาที • หยิบของชนิ้ เล็กดว้ ยนิว้ โป้งและนว้ิ ชี้ • โบกมือหรอื ตบมอื ตามค�ำสั่ง โดยไมต่ ้องมีคนทำ� ท่าน�ำ • แสดงความตอ้ งการ โดยท�ำท่าทาง หรอื เปลง่ เสียง เชน่ ยื่นมอื ให้อุม้ ช้ี ดงึ เสอื้ • เล่นของเล่นหรอื ใชข้ องถูกวธิ ี เช่น เอาช้อนมาทำ� ท่ากิน เอาหวี มาหวผี ม • ยืนไดเ้ องอย่างน้อย 10 วินาที • ขดี เขียนเป็นเสน้ บนกระดาษ • จำ� ชอ่ื สงิ่ ของรอบตัวได้บ้าง เช่น บอกใหห้ ยบิ ของแล้วหยบิ ถกู • เลยี นแบบทา่ ทางการท�ำงานบา้ น ได้อย่างนอ้ ย 1 อย่าง 6 – 18 เดือน • เดินลากรถของเลน่ หรอื สิ่งของได้ • ท�ำตามค�ำสั่งง่าย ๆ โดยไม่มีท่าทางประกอบได้มากขึ้น เช่น สง่ รถใหแ้ ม่ • พดู เองได้ 1 – 3 ค�ำ • เลน่ สมมุติงา่ ย ๆ ไดเ้ ช่นใชช้ ้อนปอ้ นตุ๊กตา คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 131 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
อายุ พฒั นาการ 1 ปี 6 เดือน • วิ่งได้อยา่ งมั่นคง • เดนิ ถอื ของได้ 1 ปี 7 เดือน – 2 ปี • พลิกหน้าหนงั สอื ไดท้ ลี ะแผ่น • ชห้ี รอื หยิบวัตถตุ ามค�ำสั่งไดถ้ ูกตอ้ งมากขึ้นเรอ่ื ยๆ • พูดเลียนค�ำที่เด่น หรือค�ำสุดท้ายของค�ำพูดได้ เช่น “หนูเป็น เดก็ ดี” เด็กเลียนคำ� เดก็ หรือ ดี • พูดไดอ้ ย่างนอ้ ย 3 – 5 ค�ำ • ยกแกว้ ขน้ึ ดมื่ โดยไม่หก • เตะลูกบอลได้ • ต่อก้อนไม้เปน็ หอสูง จำ� นวน 4 ก้อน พูดเปน็ วลี (2 คำ� ต่อกัน) ได้เอง เช่น แม่น่ัง กินนม • ใช้ชอ้ นตักอาหารกนิ เองได้ 2 ปี 5 เดือน • กระโดดเทา้ พน้ พ้นื ทัง้ 2 ข้าง 2 ปี 6 เดอื น • แก้ปญั หาง่ายๆ โดยใช้เครอ่ื งมอื ด้วยตวั เอง เช่น เวลาหยบิ ของ ไม่ถึง ใชเ้ กา้ อปี้ นื หรอื ไมเ้ ข่ีย • พูดตอบรับและปฏเิ สธได้ เชน่ เอา (คะ / ครับ) • พูดเป็นวลีมากขึน้ • ลา้ งมือและเชด็ มอื ไดเ้ อง • กระโดดไปข้างหน้าไดพ้ ร้อมกนั 2 ขา • ขว้างบอลไดโ้ ดยยกมือขึ้นเหนอื ศรี ษะไปทางด้านหลังแล้วขวา้ ง • สนใจฟังนิทาน มองตาม พูดตาม และ/หรือพูดโต้ตอบตาม เรอ่ื งราวในหนงั สือได้ • เข้าใจคำ� บอกตำ� แหน่งงา่ ยๆ เชน่ ขา้ งบนข้างใต้ • พดู ตดิ ตอ่ กนั 2 ค�ำขึน้ ไป (วสี) โดยมคี �ำกริยาทถี่ กู ต้อง • รอ้ งเพลงตามได้ โดยอาจร้องชัดแค่บางคำ� หรอื คลอตามทำ� นอง • ร้จู กั รอใหถ้ ึงรอบของตนเอง เมอ่ื ต้องพลดั กันเลน่ 132 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
อายุ พฒั นาการ 2 ปี 6 เดอื น – 3 ปี • ยืนขาเดยี วได้นาน 1 วินาที • ลากเส้นเปน็ วงหมุนๆ ได้ • พูดเป็นประโยคหรือวลีท่ีเป็นค�ำ 3-4 ค�ำ เช่น “ไปหาแม่” ,” ไปกนิ ข้าว “, “ ไมก่ นิ นม “ • ใสก่ างเกงได้เอง บรรณานกุ รม กรมอนามัย. 2562. คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (Developmental Surveillance and Promotion Manual (DSPM). กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การ สงเคราะหท์ หารผา่ นศึก. คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 133 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
กิจกรรมการสอนโรงเรยี นพอ่ แม่ กจิ กรรมที่ 4.2 ส่งเสรมิ การนอนในเดก็ ปฐมวยั “นอนอย่างไรใหเ้ ติบโตแข็งแรง” วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความส�ำคัญ ของการนอนในเด็กปฐมวยั 2. เพ่ือให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็ก ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเทคนิควิธีการสร้าง สุขนิสัยที่ดใี นเร่อื งการนอนของเด็กปฐมวัย ส่งิ ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั เด็กปฐมวัยมีสขุ นสิ ัยทีด่ ใี นการนอนและเจริญเตบิ โตสมวัย หลักการและวิธกี าร ขนั้ ตอนสำ� คญั จุดสำ� คญั 1. เตรยี มความพร้อม • จัดน่ังเกา้ อี้เป็นคร่งึ วงกลม • พูดคยุ ทกั ทายผ้ปู กครอง • เพลงที่ใช้ในการเปิดจะเป็นเพลงบรรเลงแนว • แนะนำ� วทิ ยากรเปดิ สมองดว้ ยการกดจดุ คลาย อบอ่นุ เพื่อสร้างบรรยากาศเปน็ กันเอง เครยี ดด้วยตนเอง • กจิ กรรมเปดิ สมองสามารถปรบั เปลย่ี นไดต้ าม ความถนัดของวทิ ยากร 2. ทบทวนความรู้เดมิ • วิทยากรน�ำเข้าสู่กิจกรรมโดยเกริ่นน�ำเรื่อง • สงั เกตสีหน้าแววตาท่าทางน้ำ� เสียงผู้เรียน ความส�ำคัญของการนอนในเด็กปฐมวยั (ตามใบ ไม่ควรถามเจาะจงบังคับให้ใครตอบ แต่คอย ความรู้ที่ 1) กระตุ้นใหท้ ุกคนมสี ว่ นรว่ ม 3. เร้าความสนใจ • วิทยากรสอบถามผปู้ กครองเกี่ยวกับปัญหา • สังเกตสีหนา้ แววตา ทา่ ทาง นำ้� เสียง ผเู้ รยี น การนอนท่ีไม่เพียงพอของเด็กปฐมวัย จากนั้น ไม่ควรถามเจาะจง บังคับให้ใครตอบ แต่คอย ร่วมกนั สรปุ (ตามใบความร้ทู ่ี 2) กระตุน้ ใหท้ ุกคนมีส่วนร่วม 134 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ขั้นตอนสำ� คญั จุดสำ� คญั 4. การใหอ้ งค์ความรแู้ ละลงมอื ปฏบิ ัติ • วิทยากรแบ่งผู้ปกครองออกเป็นกลุ่มๆ จาก • มกี ารทบทวนความร้โู ดยใชบ้ ตั รภาพเพอ่ื สรุป นั้นให้ผู้ปกครองเลือกจ�ำนวนชั่วโมงนอนที่เด็ก ชั่วโมงการนอนของเดก็ ปฐมวัย ต้องการหลับในแต่ละวัยและติดลงบนกระดาษ • เนอื้ หาสน้ั กะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ยนา่ จดจำ� และรว่ ม ฟลิปชาร์ท (ตามใบงานที่ 1) กันสรปุ ความเขา้ ใจอกี ครง้ั • วทิ ยากรสรปุ จำ� นวนเวลาการนอนทเี่ หมาะสม ของแตล่ ะวัย • วทิ ยากรใหผ้ ปู้ กครองแลกเปลยี่ นประสบการณ์ เกี่ยวกับปัญหาพฤติกรรมการนอนและวิธีการ จัดการเพ่ือให้บุตรหลานมีพฤติกรรมการนอน ทถี่ กู สขุ นิสัย • วทิ ยากร สรปุ แนวทางการสรา้ งสขุ นสิ ยั ทดี่ ใี นเดก็ ทพี่ อ่ แมแ่ ละผดู้ แู ลเดก็ ควรรู้ (ตามใบความรทู้ ี่ 3 ) 5. ขน้ั สรุป • วทิ ยากร เปิดคลิปวดิ ีโอ เรอ่ื ง การนอนในเด็ก • กระตุ้นให้ทกุ คนมสี ว่ นร่วมในการสรุปเน้อื หา ปฐมวัย จากน้ันวิทยากรและผู้ปกครองร่วมกัน ให้ ส้นั กระชับ เขา้ ใจง่าย นา่ จดจ�ำ เพ่อื น�ำไปสู่ สรปุ ความรสู้ กึ และประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากเขา้ รว่ ม การปฏิบัตไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม กิจกรรมในวนั น ี้ • วทิ ยากรสรปุ เนอื้ หากระชบั เขา้ ใจงา่ ยนา่ จดจำ� ความสอดคลอ้ งของกจิ กรรมตามหลักการพฒั นาสมอง (Brain-based Learning) 1. มกี ารเตรียมความพร้อม พอ่ แม่ และผูด้ ูแลเด็กด้วยการเปิดสมองก่อนท�ำกิจกรรม 2. พ่อ แม่ และผู้ดูแลเด็กได้มีส่วนร่วมในแลกเปลี่ยนประสบการณ์เทคนิควิธีการสร้าง สุขนสิ ัยท่ีดีในเร่อื ง การนอนของบตุ รหลานของตนเอง ซึ่งช่วยเป็นแนวทางใหก้ ับผูป้ กครองทา่ นอ่ืนๆ ระยะเวลา : 30 - 45 นาที สื่อ / วัสดุอุปกรณ์ กระดาษการ์ด ปากกาเมจิก กาวสองหน้า กระดาษฟลิปชาร์ท คลิปวิดีโอ เรอ่ื ง “การนอนในเด็กปฐมวยั ” (https://www.youtube.com/watch?v=YGBvmvrPMMw) ผลการประเมิน : สงั เกตการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรม การตอบข้อซักถาม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ของผ้ปู กครอง คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 135 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ท่ี 1 การนอนในเด็กปฐมวยั การนอนหลับของคนเรานั้นมีอยู่ 2 ชนิด คือ การหลับที่สนิทจริงๆ หรือการหลับลึก เป็นการนอนหลับที่การท�ำงานของสมองลดลง จะพบว่าลูกนอนหลับเงียบ ใบหนา้ สงบ ดวงตาปิดสนทิ หายใจสม�่ำเสมอ และการเคล้ิมหลับเป็นการนอนท่ียังมีการเคลื่อนไหวของลูกตา และสมองยังมีการ ท�ำงาน การหายใจและชีพจรจะเร็วขึ้น และไม่สม่�ำเสมอ ความฝันมักเกิดข้ึนช่วงน้ี ท่ีส�ำคัญวงจร การนอนของเดก็ กบั ผใู้ หญจ่ ะไมเ่ หมอื นกนั ชว่ งตน้ ของเดก็ ทารกและสว่ นใหญก่ ารนอนจะเปน็ การเคลมิ้ หลบั แต่เมื่อเด็กโตการเคลิ้มหลับจะลดลง และเด็กจะค่อยๆ พัฒนาความสามารถในการนอนหลับเองและ นอนในเวลากลางคืนได้นานขึ้นเมื่ออายุเพ่ิมข้ึนและเนื่องจากฮอร์โมนท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตมักจะ หลั่งในช่วงของการนอน ดังน้ันการมีสุขลักษณะการนอนท่ีดีจะส่งผลให้เด็กมีการเจริญเติบโต และมพี ฒั นาการท่ดี ีตามลำ� ดบั 136 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ี่ 2 ปัญหาท่เี กี่ยวข้องกับการนอนไมพ่ อของเด็กปฐมวยั การนอนหลับไม่เพียงพอในเด็กเป็นสาเหตุของการเกิดโรค โดยเด็กที่ได้รับการเล้ียงดูให้มี พฤติกรรมการนอนที่ดีจะมีสภาวะอารมณ์ในเชิงบวกมากกว่าและมีความเส่ียงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า ในวยั ผใู้ หญต่ ำ�่ กวา่ เดก็ ทถ่ี กู จำ� กดั การนอน และมคี วามเกย่ี วขอ้ งกบั พฒั นาการของเดก็ ซงึ่ เปน็ วยั ทเี่ รยี น รู้ส่ิงใหม่ทุกวันเม่ือหลับสมองจะท�ำหน้าท่ีจัดระเบียบข้อมูลท่ีเด็กเรียนรู้มาในแต่ละวัน การนอนท่ีไม่ เพียงพอจึงส่งผลตอ่ การสร้างระบบการท�ำงานของร่างกายและสุขภาพ เช่น 1. ความสามารถในการเรียนรู้ลดลง (Cognitive function) การนอนไม่พอจะท�ำให้เด็ก ต่นื ขนึ้ มารสู้ ึกงวั เงีย มนึ เบลอ ไม่มีสมาธิ สมองไม่เปิดรบั การเรยี นรู้ 2. ประสิทธภิ าพการทำ� งานของระบบภูมิคุ้มกันลดลง (immune system) 3. มีความเส่ียงต่อสุขภาพของหัวใจ (heart health) ระบบย่อยอาหาร (appetite and metabolism) 4. มคี วามเส่ยี งเป็นโรคมะเร็ง (Cancer risk) ท�ำใหป้ ว่ ยเป็นโรคได้ง่าย คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 137 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ท่ี 3 การสร้างสขุ นิสยั การนอนท่ดี ีในเดก็ : พอ่ แม่ควรสรา้ งสุขนิสัยการนอนทีด่ ีส�ำหรับลกู 1. ก�ำหนดเวลาเข้านอน และกจิ วตั รประจ�ำวนั กอ่ นนอนใหช้ ัดเจน 2. ปรับเวลาเขา้ นอน และเวลาตืน่ นอนทง้ั วนั ธรรมดาและวันหยดุ ให้ต่างกนั ไม่เกิน 1 ชวั่ โมง 3. หลีกเลีย่ งการนอนชดเชยในวนั หยดุ 4. ควรท�ำกจิ กรรมเงยี บๆ ก่อนเวลาเขา้ นอน 30-60 นาที 5. หลกี เลยี่ งไม่ใหห้ ิว งดอาหาร / เครอื่ งดม่ื ทม่ี คี าเฟอีนก่อนเขา้ นอน 6. ห้ามใช้ยานอนหลับ หรือยาต่างๆ เพื่อชว่ ยใหน้ อนหลับ 7. ควรส่งเสรมิ ให้ลกู ออกกำ� ลงั กายทกุ วัน 8. ปรบั หอ้ งนอนให้เงียบสงบ ไมส่ วา่ งเกินไป และมอี ณุ หภมู ิพอเหมาะ 9. หากตอ้ งนอนตอนกลางวนั ควรนอนสน้ั ๆ ไมเ่ กนิ 3 ชว่ั โมง และควรนอนตงั้ แตช่ ว่ งบา่ ยตน้ ๆ 10. ไม่ควรใช้หอ้ งนอนเป็นที่ลงโทษลูก 11. ควรใชเ้ ตยี งสำ� หรับการนอนหลบั เพียงอย่างเดยี ว 12. ไมค่ วรมีและใชอ้ ปุ กรณ์ส่อื อิเล็กทรอนิกสต์ ่างๆ ในห้องนอน เพราะจะรบกวนการนอน ของลูกได้ 138 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
ใบงานท่ี 1 จ�ำนวนชวั่ โมงการนอนของเดก็ ปฐมวยั • แบ่งพ่อแม่และผู้ดูแลเด็กออกเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมเพ่ือติดกระดาษข้อความ เก่ียวกบั จำ� นวนชว่ั โมงทเี่ ด็กต้องการนอนหลับในแต่ละวัย อายุ พฤตกิ รรม ให้สอดคล้องกนั วัยของเดก็ สรปุ จ�ำนวนช่วั โมงท่เี ดก็ ตอ้ งการ พฤตกิ รรม จำ� นวนชว่ั โมงทต่ี ้องการ นอนหลบั ในแต่ละวัย อายุ การนอนหลบั / วนั 0-1 ป ี มกั หลับตอนกลางวนั บอ่ ยครงั้ - 12-16 นอนหลับตอนกลางวนั 2 ครั้ง / วนั 11-14 1-2 ปี หลับตอนกลางวัน 1-2 ครัง้ / วนั 10-13 3-5 ปี หลับตอนกลางวัน 0-1 คร้ัง / วัน 9-12 6-12 ปี 8-10 13-18 ป ี ไมจ่ ําเปน็ ต้องหลบั ตอนกลางวนั ไมจ่ �ำเป็นต้องหลับตอนกลางวนั บรรณานุกรม THE POTENTIAL. เรอื่ งนอนเรื่องใหญ:่ นอนไมพ่ อ สมองพฒั นาชา้ แถมอารมณ์เสียงา่ ย. วนั ที่ 20 สิงหาคม 2563. จาก https://thepotential.org/2018/04/24/the-truth-about-sleep พงษศ์ กั ด์ิ นอ้ ยพยคั ฆ,์ วนิ ดั ดา ปยิ ะศลิ ป,์ วนั ดี นงิ สานนท,์ ประสบศรี อง้ึ ถาวร, บรรณาธกิ าร, ราชวทิ ยาลยั กมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย, สมาคมกมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย, Guideline in Child Health Supervision, ม.ป.ท. : 2562 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. ค่มู อื ส�ำหรบั พ่อแมเ่ พื่อเผยแพรค่ วามรู้ด้านการดูแลและพัฒนาเด็ก ตอนวยั เด็กเล็ก 0.3 ปี. กรุงเทพฯ: ราชวทิ ยาลัยกมุ ารแพทย์แหง่ ประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, 2562 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 139 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
กจิ กรรมการสอนโรงเรียนพอ่ แม่ กิจกรรมที่ 4.3 เช็ดตวั ลดไข้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ความรู้พ่อแม่และผู้ดูแล ทราบถึงอันตรายที่เกิดจากการมีไข้สูงในเด็กเล็ก และ การดูแลเม่ือมีอาการไข้สูง เช่น การใช้เทอร์โมมิเตอร์และการเช็ดตัวลดไข้เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย 2. เพือ่ ใหค้ วามรพู้ อ่ แม่และผ้ดู แู ล ฝกึ ทักษะการเชด็ ตัวลดไขเ้ ม่ือเด็กมีอาการไข้สงู ส่ิงที่คาดว่าจะได้รับ 1. พ่อแมแ่ ละผูด้ ูแลเดก็ เกิดความตระหนักถึงอันตรายเมื่อปล่อยใหล้ ูกมไี ข้สูง 2. พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กมีทักษะในการดูแลเม่ือเด็กมีไข้สูง เช่น การใช้เทอร์โมมิเตอร์ และการเชด็ ตัวลดไขเ้ พือ่ ลดอณุ หภมู ใิ นร่างกาย หลักการและวิธีการ ขน้ั ตอนสำ� คัญ จุดสำ� คัญ 1. เตรียมความพรอ้ ม : • จดั สถานทแ่ี บบคลาสรมู มโี ตะ๊ สำ� หรบั วางอปุ กรณ์ • ทกั ทายผปู้ กครองแนะน�ำตวั ทมี วทิ ยากร • ผู้เรียนต้องมีความพร้อม โดยมีสีหน้า แวว • เปิดสมอง ดว้ ยวธิ ีการเปิดคลปิ 12 ทา่ บริหาร ตาน้ำ� เสยี ง ท่าทางท่ใี ห้ความรว่ มมือ สนกุ สนาน ร่างกาย สไตล์ไทยๆ แค่ 5 นาที ท�ำได้ง่ายๆ ผ่อนคลาย และเป็นกันเองกับวทิ ยากร ทุกที • กิจกรรมสมองสามารถปรับเปลี่ยนกิจกรรม เปดิ ไดต้ ามความถนดั ของวิทยากร 2. ทบทวนความรเู้ ดมิ • วทิ ยากร สอบถามถงึ ความรเู้ ดมิ ประสบการณ์ • สังเกตความสนใจและปฏิกิริยา การโต้ตอบ ในการดูแลเด็กเม่ือเกิดอาการไข้สูง โดยพูดคุย หรอื การมสี ว่ นรว่ มในการแลกเปลย่ี นประสบการณ์ ตามแนว ดังนี้ “คุณพ่อ คณุ แม่ทราบหรือไม่วา่ ขณะทำ� กิจกรรม อาการไข้เป็นอย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง และมวี ธิ กี ารดแู ลลูกอย่างไร” 3. เร้าความสนใจ • วทิ ยากร เปิดคลิปวิดีโอ (เดก็ หนง่ึ ขวบ 1 ขวบ • หลังจากดูคลิปวิดีโอเกิดการตระหนักถึง 11 เดือนชกั ) และพูดคยุ ถงึ ความสำ� คญั ของการ อนั ตรายของการปล่อยให้ลกู มีไขส้ งู โดยไม่ได้รบั เช็ดตวั ลดไข้ เชน่ ชว่ ยลดอุณหภูมิในรา่ งกายให้ การเชด็ ตวั ลดไข้ 140 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ขั้นตอนส�ำคัญ จุดส�ำคัญ กบั ลูกลดลงมา และลดการรบั ประทานยาลดไข้ • ผู้ปกครองตอบได้ถูกต้องว่าอุณหภูมิใน กรณีที่เด็กมีไข้ไม่สูงมาก ป้องกันไม่ให้เด็กเกิด รา่ งกายในระดับ 39-40 องศาเปน็ ระดับมีไข้สูง อาการชักที่ส่งผลต่อสมองท�ำให้พิการจากการ ตอ้ งรีบให้การช่วยเหลอื ด้วยการเชด็ ตวั ลดไข้ ขาดออกซิเจนและเกิดปัญหาการเรียนรู้และ พัฒนาการ (ตามใบความรทู้ ่ี 1) 4. การให้องคค์ วามรู้ • วิทยากร สาธิตการเช็ดตัวลดไข้โดยแนะน�ำ • สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องในข้ันตอน อุปกรณ์และแบ่งผู้ปกครองออกเป็นกลุ่มตาม การเช็ดตัวและวิทยากรช่วยเหลือให้ค�ำแนะน�ำ ความเหมาะสม กรณผี ู้ปกครองปฏิบัตไิ มถ่ กู ต้อง • วิทยากรสาธิตและให้ผู้ปกครองปฏิบัติตาม • มีภาพขั้นตอนประกอบการฝึกปฏิบัติเพ่ือให้ (ตามใบความรทู้ ี่ 2) โดยเรมิ่ จากการใชเ้ ทอรโ์ มมเิ ตอร์ ง่ายต่อการท�ำความเข้าใจและปฏบิ ตั ิตามได้ วดั ไข้ การถอดเสอ้ื ผา้ และการนำ� ผา้ เชด็ ตวั ชบุ นำ�้ จากนั้นให้วิทยากรผู้ช่วยเป็นผู้สาธิตและให้ ผูป้ กครองได้ทดลองปฏิบัตติ ามขั้นตอน ดงั น้ี 1. บริเวณศีรษะและล�ำคอ 2. บรเิ วณแขนและรักแล้ 3. บรเิ วณล�ำตัว 4. บริเวณปลายเท้าและขา 5. การสะท้อนกลับและทดสอบความรู้ความ เขา้ ใจ • วิทยากรช่ืนชมในความสามารถของพ่อแม่ • กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม ค่อยๆ สร้าง และผู้ดูแลเด็กที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างถูกต้อง บรรยากาศให้ผ่อนคลาย ไม่ถามเฉพาะเจาะจง จากนนั้ ใหพ้ อ่ แมไ่ ดช้ ว่ ยกนั สรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รยี นรจู้ าก ดคู นทีพ่ ร้อมตอบกอ่ น วันนี้คนละ 1 ข้อ และสอบถามความรู้สึกหลัง • วทิ ยากรสรุปเนือ้ หา กระชบั เขา้ ใจงา่ ย จากได้เขา้ รว่ มกิจกรรมน้ี นา่ จดจำ� คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 141 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ความสอดคล้องของกจิ กรรมตามหลกั การพัฒนาสมอง (Brain-based Learning) 1. มีการเตรยี มความพร้อม พ่อ แม่ และผู้ดแู ลเด็กดว้ ยการเปดิ สมองก่อนท�ำกจิ กรรม 2. ได้เรยี นรู้และฝกึ ปฏิบตั ิ ระยะเวลา : 30-45 นาที สอ่ื /วัสดุอุปกรณ์ 1. กะละมงั ใสน่ ้�ำ สำ� หรบั สาธติ การเชด็ ตวั ลดไข้ จ�ำนวน 2 ใบ 2. ผา้ ขนหนูผนื เล็ก จ�ำนวน 2-4 ผืน และผ้าขนหนผู นื ใหญ่ จ�ำนวน 1 ผืน 3. น�้ำอุณหภมู ิหอ้ ง/น้ำ� อนุ่ จำ� นวน ครงึ่ กะละมัง 4. คลปิ วิดิโอเด็กชกั จากไขส้ งู และคลิป 12 ทา่ บรหิ ารรา่ งกายสไตล์ 5. เทอร์โมมิเตอร์ ผลการประเมิน : ประเมินความถกู ตอ้ งจากการฝึกปฏิบัติ 142 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรู้ที่ 1 ความสำ� คญั ของการเชด็ ตัวลดไข้ การเช็ดตวั เพอ่ื ลดไขเ้ ป็นการดูแลเดก็ ทส่ี ามารถท�ำได้โดยเฉพาะในเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิง่ ใน 3 ขวบปีแรกหากปล่อยใหเ้ ด็กมไี ข้จะมโี อกาสชักจากภาวะไขส้ งู ได้ ปกตอิ ุณหภูมิ ในร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ 36.0 ถึง 37.5 องศาเซลเซยี ส ถ้าวดั ไข้แล้วและพบวา่ มีไข้ต�ำ่ หรือมีไข้สงู ดไู ดจ้ ากปรอทวดั ไข้ ถา้ อณุ หภมู ทิ วี่ ดั ไดอ้ ยรู่ ะหวา่ ง 37.6 - 38.4 องศาเซลเซยี ส จดั วา่ มไี ขต้ ำ่� ถา้ อณุ หภมู ิ ทวี่ ดั ได้ตงั้ แต่ 38.5 เซลเซียสขน้ึ ไป จัดวา่ มไี ข้สงู การเช็ดตัวจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย โดยใช้น้�ำเป็นตัวน�ำพาความร้อนออกจากร่างกาย ท�ำให้เด็กเกิดความสุขสบาย และยังเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการชัก จากไข้สูง การเชด็ ตวั ลดไขส้ ามารถใชไ้ ด้กับทุกวยั ตั้งแต่เด็กออกไปจนถึงวยั ผู้สูงอายุ คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) 143 ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต่�ำกว่า 3 ปี
ใบความรูท้ ่ี 2 ขัน้ ตอนการเช็ดตวั ลดไข้ 1. น�ำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน�้ำแล้วบิดให้หมาด เร่ิมลูบที่ใบหน้าของเด็กให้ท่ัวรวมท้ังสีข้าง แล้ววางพกั ที่คอลูบซ้ำ� ๆ 3-4 ครั้ง 2. ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้�ำบิดหมาดๆ ลูบบริเวณหน้าอกและหยุดพักตรงหัวใจสักครู่ แล้วเปลยี่ นผา้ เช็ดตวั ชุบน้�ำลูบซ�ำ้ ๆ 2-3 ครง้ั 3. เช็ดมอื ท้งั 2 ข้างหรือใหเ้ ด็กกำ� ผา้ ไว้ในมือสักครู่ 4. เช็ดแขนทีละข้าง เร่ิมต้นลูบแขนด้านไกลตัว โดยลูบจากไปแขนเข้าสู่หัวใจแล้ววางพัก ท่ขี ้อพับ รักแล้ ลบู ซ้�ำๆ 2-3 คร้ัง แล้วลูบแขนด้านใกล้ตัว ท�ำเชน่ เดยี วกัน 5. ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลูบขาด้านไกลตัวก่อน และพักไว้ท่ีฝ่าเท้า ข้อพับ ใต้เข่า ขาหนีบ ลบู ซ้�ำๆ 2-3 คร้งั แลว้ ลูบขาด้านใกล้ตวั ทำ� เชน่ เดียวกัน 6. ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลูบด้านหลัง ต้ังแต่ต้นคอเข้าหาหัวใจ แล้วลูบจากก้นกบเข้าหาหัวใจ หยุดพบั ผ้าบรเิ วณตรงขา้ มหัวใจลบู ซ�้ำหลายๆ ครัง้ 7. เชด็ ตวั ให้แห้งและแต่งตัวใหเ้ รยี บร้อย 8. การดูแลผปู้ ่วยภายหลังเชด็ ตัวลดไข้ หลงั จากเช็ดตวั แลว้ วัดอณุ หภูมิซ้ำ� อกี คร้งั บรรณานกุ รม ORYOR.COM. วิธีการเช็ดตัวเด็กท่ีถูกต้อง เมื่อลูกน้อยเป็นไข้. สืบค้นเมื่อ. ตุลาคม 256. จาก https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/detail/media_printing/1761 144 คู่มือการจัดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ตามหลักการพัฒนาสมอง : BBL (Brain – based -Learning) ส�ำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ดูแลเด็กต�่ำกว่า 3 ปี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154