รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๔๗ 8.แผ่นพับ โรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) มีการจัดทาแผ่นพบั เพอื่ เผยแพรแ่ ละประชาสมั พันธ์ถึงความสาเรจน ของ การจัดทากิจกรรมสหกรณ์โรงเรียน โดยมีการจัดทาแผน่ พบั วารสารประชาสัมพนั ธข์ องโรงเรยี น
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๔๘ ด้านท่ี ๔ แหลง่ เรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ที่ ๔.๑ แหล่งการเรยี นรู้ - กิจกรรมสง่ เสรมิ การผลิต โรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) ได้จดั กจิ กรรมสง่ เสริมการผลติ มฐี านการเรียนรู้จานวน 10 ฐาน ดงั น้ี ฐานที่ 1 การเรยี นรู้การเพาะเลีย้ งไส้เดือน ครูทป่ี รกึ ษา นายโสภณ สุตานันท์ หลักการและเหตผุ ล ไส้เดอื น” เปนนสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลัง มีลกั ษณะลาตวั เปนน ขอ้ ปลอ้ ง พบไดท้ วั่ ไปในดินใต้กองใบไม้ หรือใต้ มูลสตั ว์ ไสเ้ ดือนเปนนสตั ว์ท่มี ี 2 เพศในตัวเดียวกัน แตม่ กี ารสบื พันธ์ุแบบท้งั อาศยั เพศและไมอ่ าศัยเพศ สัตว์ชนดิ นี้มักจะมีให้เหนนอยู่ท่ัวไปภายในบริเวณรอบบ้านตามแหล่งหรือสถานที่ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ และในปัจจุบัน มกี ารเพาะเลี้ยงไส้เดือนกันเปนนอาชีพ และมกี ารเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเก่ียวกับไส้เดือนเพิ่มและกว้าง มากข้ึน การใช้ไส้เดือนดินกาจัดขยะอินทรีย์นับว่าเปนนวิธีการหนึ่ง ท่ีสามารถกาจัด ขยะอินทรีย์ได้รวดเรนวมาก ภายใน 5 วัน อกี ทง้ั ยงั ไดผ้ ลตอบแทนกลับมาอกี นน่ั คอื ปุ๋ยมูลไสเ้ ดือนดนิ น้าหมกั มลู ไสเ้ ดือนดนิ และตัวไส้เดือน ดินซ่ึงมูลไส้เดือนดินเปนนปุ๋ยที่ดีมาก เหมาะอย่างย่ิงในการใช้ปลูกพืช ส่งเสริมการออกดอกผลของพืช ส่วนน้า หมักมูลไส้เดือนดินสามารถนาไปใช้ปรบั สภาพดิน ฟื้นฟูต้นพืชที่เส่ือมโทรมหรือติดโรคและสามารถปรับสภาพ นา้ เน่าเสีย หรือดบั กลิ่นเหมนน ของห้องส้วมได้ ประชากรท่ีเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ขยะอินทรีย์เปนนปญั หาอย่างมาก ดังน้ันหากมีการเปลี่ยนขยะอินทรีย์เปนนปุ๋ยสาหรับใช้ในการปลูกพืชจะส่งผลให้สังคมสะอาดข้ึน ลดค่าใช้จ่าย ในการกาจัดขยะ ลงจานวนมาก วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ กาจดั ขยะอินทรีย์ทเี่ หลอื ใช้ภายในโรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ิศ) 2. เพ่ือผลติ ปยุ๋ จากมลู ไส้เดอื นและน้าหมักจากมูลไสเ้ ดือนดิน หลักการเพาะเล้ยี งไส้เดือนดนิ การเล้ียงไส้เดือนมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้เล้ียงตั้งแต่แบบง่ายๆ ใช้วัสดุในท้องถ่ิน ลงทุนน้อยไปจนถึงการทาโรงเรือนผลติ ในระดบั อุตสาหกรรมที่ลงทุนสูง เช่น เล้ียงบนพื้นดินโดยทากองเล้ยี งให้สูง จากพื้นเลนกน้อยหรือขุดร่องเปนนแปลงลงบนพื้นดินปกติ หรือก่ออิฐฉาบปูนเปนนบลนอกเลี้ยงกนได้ หรือถ้าผลิตปุ๋ย ขนาดใหญ่อาจสร้างโรงเรือนถาวร มีระบบการเลี้ยงท่ีเปนนระบบตั้งแต่การให้อาหารไปจนถึงการเกนบปุ๋ย สาหรับ หลังคากันแดด หรือฝนอาจทาด้วยวัสดุง่ายๆ เช่น มุงด้วยหญ้าคา ใบจาก หรือตาข่ายพรางแสง ไปจนถึงการใช้ หลังคาทม่ี โี ครงสรา้ งแขงน แรงอายใุ ชง้ านไดน้ าน นอกจากนย้ี งั สามารถเลี้ยงดว้ ยอปุ กรณ์ขนาดเลนกในครวั เรอื นซ่ึงอาจ ประยุกต์ใช้วสั ดทุ ี่มอี ยทู่ ั่วไปมาใชก้ ไน ด้ เช่น กะละมงั ถงั พลาสตกิ ยางรถยนต์ วงบ่อปนู ซีเมนต์ เปนนตน้ การเลย้ี งไส้เดอื นในวงบ่อซเี มนต์ 1.) หาวงบอ่ ปนู ซเี มนตท์ ม่ี ีพนื้ และรรู ะบายน้า 2.) นาวงบอ่ ไปไว้ในบรเิ วณทร่ี ม่ ไมโ่ ดนแดดหรอื ฝน อากาศถ่ายเทสะดวก 3.) ลา้ งวงบอ่ ดว้ ยนา้ สะอาด 2-3 รอบ แล้วแช่ด้วยต้นกลว้ ยท้งิ ไว้ 3-5 วนั เพอื่ ลดความเคนมของ ปนู ซเี มนต์ 4.) นากอ้ นอฐิ หรอื กอ้ นกรวดใสต่ าขา่ ยไนลอ่ นมัดเปนนตุม้ วางไวอ้ ดุ บริเวณรรู ะบายนา้ ดา้ นในวงบอ่ 5.) ใสพ่ น้ื เลีย้ ง (ดนิ ร่วนผสมมูลววั อตั รา 4 ต่อ 1) ใสใ่ นวงบ่อหนา 3 นิ้ว 6.) ใสไ่ สเ้ ดอื น 100 ตวั ต่อเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางวงบอ่ ซีเมนต์ 1 เมตร
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๔๙ 7.) ทาสบู่หรอื นา้ ยาลา้ งจานบรเิ วณขอบบอ่ เปนนแถบกวา้ ง 1-2 นิ้ว ป้องกนั ไสเ้ ดือนหนี 8.) เติมมลู วัวและเศษขยะอนิ ทรยี ์บางๆ อยา่ ใหเ้ กิดความร้อนจากการหมกั 9.) ปิดฝาบอ่ ด้วยวสั ดแุ ผ่นเรยี บที่หาไดใ้ นพ้นื ท่ี เชน่ ไม้อดั ฟวิ เจอรบ์ อรด์ ท่ีเจาะรรู ะบายอากาศ บริเวณฝา 10.) คอยสงั เกตพฤติกรรมการกนิ อาหารของไสเ้ ดือนและอาจเติมขยะอินทรยี ใ์ หม้ ีปรมิ าณเหมาะสมกบั การยอ่ ย ของไส้เดอื น ขนั้ ตอนการทานา้ หมักมูลไสเ้ ดือนดิน วิธที ่ี 1 1. นามลู ไส้เดอื นดิน 1 กโิ ลกรัมใส่ในถงุ ผา้ หรือถงุ ไนลอ่ น 2. น้ามูลไสเ้ ดอื นดินลงแช่ในน้าสะอาด 10 ลิตร 3. ทิ้งไว้ 1 คืน นาถงุ ผ้าออกจากถงั แลว้ นานา้ หมกั ไปใช้ได้ วธิ ีที่ 2 1. นามูลไสเ้ ดอื นดิน 1 กิโลกรมั ใส่ในถุงผ้าหรอื ถุงไนลอ่ น 2. นา้ มูลไสเ้ ดอื นดินลงแช่ในนา้ สะอาด 10 ลติ ร 3. เปดิ เครอ่ื งทาออกซิเจน แลว้ เติมกากน้าตาล 100 มิลลิลติ ร ทิ้งไว้ 3-4 วัน 4. นาถงุ ผา้ ออกจากถัง แลว้ นานา้ หมกั ไปใชไ้ ด้ ประโยชนข์ องไส้เดอื นดนิ ดา้ นการศกึ ษา เปนน สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลังทใี่ ชป้ ระโยชนใ์ นการเรยี นการสอนวิชาชวี วทิ ยา ด้านนิเวศวิทยา ทาใหด้ นิ รว่ นซยุ ช่วยให้น้า และอากาศถา่ ยเทมีธาตอุ าหารพชื อดุ มสมบรู ณ์เหมาะแก่การ เจรญิ เติบโตของซากพชื ด้านการเกษตร 1. ทาให้ดินอดุ มสมบูรณ์โดยธรรมชาติ 2. ชว่ ยปรบั ปรุงดนิ เสอื่ มโทรมใหด้ ีขนึ้ 3. ชว่ ยผลิตปยุ๋ อนิ ทรยี ท์ ่ีมีคุณค่าตอ่ พชื 4. เปนน อาหารสตั วท์ ่ีมโี ปรตนี สงู ดา้ นการกาจดั ขยะและสง่ิ ปฏกิ ลู ปจั จบุ นั มีการใช้ไส้เดอื นดนิ ชว่ ยกาจดั ขยะและสงิ่ ปฏกิ ูลต่างๆ ไดแ้ ก่ของเหลือท้ิงจากโรงงานอุตสาหกรรม อุจจาระ และสิง่ ขบั ถ่ายทัง้ ของคนและสตั ว์ ประโยชน์ของมลู ไสเ้ ดอื นดินตอ่ พืชและดนิ 1. ส่งเสริมการเกดิ เมนดดินปรมิ าณอินทรียวตั ถุแกด่ นิ ชว่ ยเพ่ิมชอ่ งว่างในดนิ ใหก้ ารระบายนา้ และอากาศดี ยงิ่ ขึน้ สง่ เสรมิ ความพรุนของผิวหนา้ ดิน ลดการจับตัวเปนนแผ่นแขนงของหน้าดิน 2. ช่วยให้ระบบรากพชื สามารถแพรก่ ระจายตวั ในดินได้กว้าง เพิม่ ขดี ความสามารถในการดูดซับนา้ ในดนิ ทาให้ดินชมุ่ ช้ืน 3. เพ่มิ ธาตอุ าหารพชื ให้แกด่ ินโดยตรง และเปนน แหลง่ อาหารของสัตว์และจลุ นิ ทรยี ์ดนิ ป๋ยุ มลู ไสเ้ ดือนดนิ จะมี ส่วนประกอบของกรดฮวิ มิคซึ่งเปนนตัวกกั เกบน ธาตอุ าหารท่จี าเปนน ตอ่ พืชหลายชนิดเช่น ฟอสฟอรสั (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซยี ม (Ca) เหลกน (Fe) และทองแดง (Cu) ซ่งึ ธาตอุ าหารพชื เหลา่ นจี้ ะถูกเกบน อยู่ ในโมเลกลุ ของ กรดฮิวมิค อยใู่ นรปู ทพี่ รอ้ มใช้ และจะถกู ปลดปล่อยออกมาเมอ่ื พชื ต้องการ
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๐ 4. เพมิ่ ศักยภาพการแลกเปล่ยี นประจุบวกของดิน 5. ช่วยลดความเปนน พิษของธาตอุ าหารพชื บางชนิดท่มี ปี รมิ าณมากเกินไป เช่น อลูมินมั และแมงกานสี เน่อื งจากปยุ๋ หมกั จะชว่ ยดดู ยดึ ธาตุทัง้ 2 ไว้บางสว่ น 37 6. ช่วยเพม่ิ ความต้านทานในการเปลี่ยนแปลงระดบั ความเปนน กรด-เบส (Buffer capacity) ทาให้การ เปลี่ยนแปลงเกดิ ข้นึ ไม่เรวน เกนิ ไปจนเปนน อันตรายตอ่ พชื 7. ชว่ ยควบคมุ ปริมาณไส้เดอื นฝอยในดนิ เนอ่ื งจากการใสป่ ุย๋ มลู ไส้เดือนดนิ จะทาให้มีปรมิ าณจลุ นิ ทรยี ์ ที่สามารถขับสารพวกอลั คาลอยดแ์ ละกรดไขมันท่เี ปนน พิษตอ่ ไส้เดอื นฝอยได้เพ่ิมขน้ึ 12. การใช้ปุ๋ยมลู ไส้เดือนเปนน สว่ นผสมของวสั ดปุ ลกู และวัสดเุ พาะกล้าพชื ประโยชนข์ องนา้ หมกั มลู ไสเ้ ดือนดนิ 1. ชว่ ยเร่งการเจรญิ เติบโต เร่งการแตกยอดของพืช 2. ช่วยลดการเกิดโรคของพืชและป้องกนั แมลงได้ 3. เพ่มิ จุลินทรยี ใ์ นดินทาให้ดินมคี วามอุดมสมบรู ณ์ แกไ้ ขสภาพดินเสอ่ื มโทรม และดนิ แขงน ช่วยขจัดกล่นิ ท่ี ไม่พงึ ประสงค์ ในโถส้วม หรือท่อบาบดั น้าเสยี การเจรญิ เติบโตของพชื ตอบสนองตอ่ วัสดุปลกู ทผ่ี สมมูลไส้เดอื นดนิ มีการทดสอบปุ๋ยน้ามูลไส้เดือนดินที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายขยะอินทรีย์โดยใช้ไส้เดือนดิน ในการปลูกพืชหลายชนิด เช่น การนามาผลติ ไมด้ อกชนิดต่างๆ ภายโรงเรยี น รวมทั้งพืชสวนและพืชไร่ชนิดอื่นๆ ภายในฟาร์ม ซึ่งตวั อยา่ งของพชื ทปี่ ลกู ไดผ้ ลดใี นวัสดปุ ลูกที่มีส่วนผสมของปุ๋ยมูลไส้เดือนดิน ได้แก่ มะเขอื มะเขือ เทศ กะหล่าปลี คะน้า สะระแหน่ พรกิ ดอกรักเร่ โพลีแอนทัส เบญจมาศ ชัลเวีล พิทเู นยี ข้าว ข้าวโพด และพืช ปลูกชนิดอื่นๆ อีกหลายชนิด ซ่ึงพบว่าพืชเม่ือปลูกในวัสดุปลูกท่ีมีส่วนผสมของปุ๋ยมูลไส้เดือนดินจะสามารถ เจรญิ เตบิ โตได้เรนวและออกดอกไดเ้ รวน กว่าปกติ ความคุม้ คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ของการใช้ปยุ๋ มูลไส้เดอื นดนิ ในการผลิตพชื เน่ืองจากการกระบวนการผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนดินมีขั้นตอนท่ีค่อนข้างยุ่งยากและพิเศษกว่าการผลิตปุ๋ย หมักที่ใช้วิธีการหมักโดยทั่วไป ดงั น้นั ปุ๋ยมูลไส้เดือนดินท่ีได้เมื่อนามาจาหนา่ ยจงึ มีราคาแพงกว่าปุ๋ยหมักโดยทั่วไป ประมาณ 2-5 เท่า จึงมีข้อสงสัยว่าเมื่อนามาใช้ในการผลิตพืชจะเกิดต้นทุนที่สูงเกินไปไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ซง่ึ จากข้อสงสัยดังกล่าวจึงได้มีการศึกษาในคุณสมบัติของปุ๋ยมูลไส้เดือนดินโดยเปรยี บเทียบกบั ป๋ยุ หมักโดยทั่วไป และพบว่า ด้วยคุณลักษณะที่พิเศษของปุ๋ยมูลไส้เดือนดินที่ได้นอกจะมีอินทรียวัตถุมากเช่นเดียวกับปุ๋ยหมัก โดยท่ัวไปแล้วยงั มีกรดฮวิ มิคทีก่ ักเกนบธาตอุ าหารพืชไวแ้ ละจะค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชดังกลา่ วแก่พืชเมื่อ พืชต้องการ ซึ่งธาตุอาหารพืชที่อยู่ในปุ๋ยหมักโดยท่ัวไปจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 2-5 วัน เม่ือนาไปใช้แต่ปุ๋ยมูล ไส้เดือนดินจะสามารถอยู่ได้นานกว่า 6 วัน ดังนั้น การใช้ปุ๋ยหมักท่ัวไปในการปลูกพืชต้องใช้เปนนปริมาณ 2-3 เท่าของปุ๋ยมูลไส้เดือนดินจึงจะได้ผลเช่นเดียวกับการใช้ปุ๋ยมูลไส้เดือนดิน ซึ่งการต้องใช้ปุ๋ยหมักท่ีมากข้ึนและใส่ หลายครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในด้านการขนส่งและค่าจ้างในการใส่แต่ละครั้งมากกว่า ซ่ึงจะทาให้เกิดต้นทุนการ ผลิตท่ีสูงขึ้นได้ ดังนั้นในการใช้ปุ๋ย มูลไส้เดือนดินย่อมมีความคุ้มค่าต่อการนามาใช้ผลิตพืช โดยเฉพาะมีความ เหมาะสมอย่างย่ิงต่อการนาไปใช้ผลิตไม้ดอกกระถาง ต้นไม้ภายในโรงเรือนเพาะชา ต้นไม้ภายในบริเวณบ้านพัก และสวนภูมทิ ศั น์ตา่ งๆ ซง่ึ จะสามารถยดื ระยะเวลาการดูแลและบารงุ ได้ยาวนานขึ้น และการใช้ปุ๋ยมูลไส้เดอื นดิน จะเปนน การปรบั ปรงุ โครงสร้างของดนิ ให้ดีขึ้นเร่ือยๆ เม่ือใช้เปนนเวลานาน แตกตา่ งกับการใช้ปยุ๋ เคมใี นการผลิตพืช ซึง่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ โครงสร้างของดนิ ทแี่ ยล่ งเมอ่ื ใช้ไปเปนน เวลานาน
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๑ ฐานที่ ๒ การเรยี นรูก้ ารทาปยุ๋ หมกั ครทู ป่ี รกึ ษา นายโสภณ สตุ านันท์ หลกั การและเหตผุ ล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อาชีพด้านเกษตรกรรม ซึ่งนับเปนนอาชีพ หลักของผู้ปกครองของนักเรียนและผลผลิตทางการเกษตรส่วนใหญ่ ผู้ปกครองของนักเรียนนิยมใช้ปุ๋ยเคมีเปนน หลัก เนื่องจากหาซื้อง่าย ใช้แล้วเหนนผลรวดเรนว แต่ในระยะยาวส่งผลให้ดินเส่ือมโทรม รวมท้ังผลกระทบด้านสาร ตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร ซ่ึงส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของผู้บริโภค การใช้ปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งผลิตจากสาร ธรรมชาติ เปนนทางเลือกหนึ่งในการแก้ปญั หาผลกระทบทเ่ี กิดจากการใช้ปุ๋ยเคมี และการทาปุ๋ยชีวภาพ สามารถทา เปนนอาชีพสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกอาชีพหนึ่ง โรงเรียนจึงได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียนโรงเรียน บ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)มีความรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะในการประกอบอาชีพการทาปุย๋ ชีวภาพ สามารถนาความรู้ ไปถา่ ยทอดให้ผู้ปกครองและนาไปใช้ในการประกอบอาชพี เกษตรอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง วัตถุประสงค์ ๑.เพ่อื ใหเ้ รยี นรู้และศึกษาวธิ ีการทาปุ๋ยหมกั ชีวภาพ ๒.เพือ่ ให้ผูเ้ รียนเปนน แนวทางในการแนะนาเกษตรกรให้หันมาใชส้ ารท่ผี ลิตจากธรรมชาติ ๓.เพ่ือส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นหนั มาใช้ปุ๋ยหมกั ชวี ภาพจากเศษพืชและผักมาใช้ในทางการเกษตร การดาเนินการ 1.แนะนาให้ผู้เรยี นรูจ้ กั ชนิดของปุย๋ หมกั ป๋ยุ หมกั แบง่ ตามสว่ นผสมเปนน 2 ชนดิ 1.1 ปุ๋ยหมักแบบท่ัวไป และวิธีทา ปุ๋ยหมักแบบทั่วไป เปนนปุ๋ยที่ได้จากการนาวัสดุอินทรีย์ชนิดต่างๆมา หมักตามกระบวนการทางธรรมชาติ โดยไม่มีการเติมหัวเช้ือจุลินทรีย์เพ่ือเร่งการหมัก ซึ่งการหมักจะเกิดการย่อย สลายอินทรีย์วัตถุจากจุลินทรีย์ ทาให้มีการปลดปล่อย ธาตุอาหารออกมาได้รวดเรนวข้ึน วิธีการทาปุ๋ยหมักแบบ ทั่วไปเริ่มด้วยการนาเอาเศษพืช และมูลสัตว์ผสมกันในอัตราส่วน 100 : 10 กองเปนนช้ัน แต่ละชั้นประกอบด้วย เศษพชื ทรี่ ดน้าใหช้ มุ่ จนอมิ่ น้า และโรยทบั ด้วยมูลสตั ว์ ข้ันตอนการกองปุ๋ยหมัก แยกวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย และเปนนอันตรายออก แล้วนาวัสดุหรือเศษพืชท่ีเกนบ รวบรวมไดม้ ากองบนดนิ ในคอก หรือในหลมุ โดยกองเปนนช้นั สลับกันไปโดย เร่ิมจากช้นั ล่างสุดกองเศษพืชหรอื วัสดุ ลงไปตามขนาดกว้างยาวของกองที่กาหนดไว้สูงประมาณ 25 เซนติเมตรรดน้าให้ชุ่ม แล้วอัดให้แน่น ให้น้าซมึ เข้า ไปในเศษพืชหรือวัสดุ โรยทับด้วยสารเร่ง เช่น ปุ๋ย มูลสัตว์ หรือดินในอัตราส่วนโดยน้าหนักเศษพืชต่อมูลสัตว์ เท่ากบั 5 : 1 ในกรณที ่ีใช้ป๋ยุ เคมีเสริม เพ่ือลดอัตราสว่ นคารบ์ อนตอ่ ไนโตรเจนหรือต้องการลดระยะเวลาการผลิต ต้องใช้เศษพืช : ปุ๋ยคอก :ปุ๋ยเคมี ในอัตราส่วน 100 : 20 : 1 ตามลาดับ โดยจะผสมหรือโรยทับบนช้ันกองปุ๋ย หมักกนได้ ทาการเรียงสลับจนได้กองสูงประมาณ 1 เมตร แล้วโรยด้วยดินหนาประมาณ 1 นิ้ว ที่ชั้นบนสุด เพื่อป้องกันนกมาคุ้ยเข่ีย ช่วยป้องกันความร้อน และรักษาความชื้นของกองปุ๋ยให้คงที่ สาหรับการหมักแบบ ไมใ่ ชป้ ุย๋ เคมี อายุการหมกั จะหมกั นาน 5-7 เดือน แต่หากใส่ปุ๋ยเคมีรว่ มดว้ ยจะหมักนาน 3-5 เดือน 1.2. ปุ๋ยหมกั ชวี ภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ เปนนวิธีการทาปุ๋ยหมักท่ีมีการพัฒนาขึ้น เพ่ือให้การย่อยสลายเกิดข้ึนอย่างรวดเรนวด้วย การเติมหัวเช้ือจุลินทรีย์ หรือ EM เพื่อเร่งกระบวนการหมัก ทาให้เกิดปุ๋ยจากอินทรีย์วัตถุท่ีมีการปลดปล่อยธาตุ อาหารออกมาไดเ้ รวน ขึน้
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๒ 2.หลกั พิจารณาปุ๋ยหมักพรอ้ มใช้ 2.1ปุ๋ยหมกั จะมีสนี า้ ตาลเข้มถึงดา 2.2อุณหภูมิทัว่ กองปุ๋ยหมักมคี ่าใกลเ้ คียงกนั เน่อื งจากเกิดปฏิกริ ิยาการหมกั เกือบหมดแล้ว 2.3 หากใช้นวิ้ มอื บี้ ก้อนปุย๋ หมักจะแตกยยุ่ ออกจากกันงา่ ย 2.4 พบเหนด เสน้ ใยรา หรือ พืชอ่นื ขน้ึ 2.5 กลิ่นของกองป๋ยุ หมกั จะมีกลนิ่ ฉนุ ท่ีเกิดจากการหมกั 2.6 หากนาปุ๋ยหมักไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการจะพบอัตราส่วนของคารบ์ อน และไนโตรเจนประมาณ 20:1 หรือคารบ์ อนมีค่านอ้ ยกวา่ 20 (ไนโตรเจนยงั คงเปนน 1) 3.การนาปุย๋ หมักไปใช้ 3.1ใช้ในข้ันตอนเตรียมดิน/เตรยี มแปลง ด้วยการนาป๋ยุ หมักชวี ภาพโรยบนแปลง 2-3 กามอื /ตารางเมตร ก่อนจะทาการไถพรวนดินรอบ 2 หรอื ก่อนการไถยกร่อง 3.2 ใชใ้ นแปลงผัก และสวนผลไม้ ด้วยการนาป๋ยุ หมกั ชีวภาพ 1-2 กามอื โรยรอบโคนตน้ 4.นกั เรยี นลงมอื ปฏบิ ัติ 5. นกั เรยี นบนั ทกึ การทากจิ กรรมและการให้บริการ บนั ทกึ ปัญหาและการแกป้ ญั หา 6. นักเรียนถอดบทเรียนเรื่องการทาปุ๋ยหมกั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. รายงานผลการจดั กิจกรรมตอ่ ผบู้ รหิ ารและเผยแพร่ ฐานที่ ๓ การเรยี นรู้การทาน้าหมกั ครูทีป่ รกึ ษา นายโสภณ สตุ านนั ท์ หลักการและเหตุผล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ท่ีดาเนินชีวิตแบบพึ่งพ า ตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนท่ีต้ัง ดาเนินชีวิตอย่างยั่งยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาบูรณาการในหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น ความก้าวหน้าของ เทคโนโลยี โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ปัจจุบันได้พัฒนาเปนนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งดา้ นการศึกษา โดยจดั ให้มีฐานการเรียนรู้ตา่ งๆ เพ่อื ให้นกั เรียนได้เรียนรู้ น้าหมักชีวภาพได้มาจากการนาเศษผัก ผลไม้ หรือ พืชนามาหมักเพื่อให้เกิดกระบวนการย่อยสลาย สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในหลายๆด้านเช่น ผสมน้าฉีดพ่นเพ่ือดับกล่ิน ผสมน้ารดหรือพ่นต้นไม้ หรือผสมให้ สัตวก์ ินได้อกี ด้วย วตั ถุประสงค์ ๑. เพอ่ื ให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรกู้ ารทาน้าหมกั ๒. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นนาสว่ นทไี่ ด้จากการเล้ียงปลาไปบรู ณาการกบั กิจกรรมอน่ื ๆ ๓. เพอ่ื ให้นักเรยี นไดม้ ที ักษะประสบการณ์และถอดบทเรียนตามหลักสหกรณ์ สามารถนาไป ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวัน
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๓ การดาเนนิ การ 1.แนะนาให้ผเู้ รียนรู้จกั วธิ กี ารทานา้ หมกั ชวี ภาพ ใช้พชื ทม่ี ีลักษณะสด ใหม่ สมบรู ณ์ อวบน้า โตเรวน ไม่มโี รค (เนา่ ท้ังพชื ที่กินได้และวชั พชื นามาสบั ใหเ้ ปนน ชิ้นเลนกๆ หรอื บดละเอยี ดประมาณ ๓ ก.ก. แล้วบรรจเุ ศษพชื ลงในภาชนะ และเตมิ กากนา้ ตาลลงไป 1 ลติ ร คน หรือเขยา่ ให้เข้ากนั ใหเ้ ศษพืชจมอยใู่ นกากนา้ ตาลตลอดเวลาแล้วปดิ ฝาภาชนะ เกนบไว้ในทีม่ ืด นาน 7 วัน ระหว่างการหมกั ควรเขย่าภาชนะที่หมกั พรอ้ มกับเปดิ ฝา วนั ละ 2 ครั้ง เช้า - เยนน เมอ่ื ครบ 7 วนั ใหด้ ม กลิ่น ถา้ หอมหวานสามารถนาไปใชไ้ ด้ ถา้ บูดเปร้ยี วใหแ้ ก้ไขด้วยการเติมกากน้าตาล หรอื ของท่ใี ส่คร้งั แรกแล้ว หมักต่ออกี 3 วนั ถา้ มกี ล่นิ หอมหวานกแน สดงว่า \"ด\"ี ถา้ มีกลน่ิ บูดเปร้ยี วอีกใหเ้ ตมิ นา้ ตาลอีกแลว้ หมักตอ่ ไป จนกวา่ จะมกี ลิน่ หอมหวาน เมอ่ื ได้น้าหมกั ท่ีดแี ล้วให้เกนบไวใ้ นที่มืดภายใตอ้ ณุ หภูมิหอ้ งเกบน ไดน้ าน 6 เดือน - 1 ปี ระหวา่ งเกบน หากมกี ล่นิ บูดเปรยี้ วใหเ้ ติมกากนา้ ตาลลงไป 2.คณุ สมบตั ขิ องน้าหมกั ชวี ภาพ 2.1. ประกอบดว้ ยฮอร์โมนทน่ี ามาใชต้ อ่ การเติบโตของพชื หลายชนดิ เช่น ออกซิน ไซโตตไคนนิ และจบิ เบอรเ์ รลลนิ 2.2. กรดอินทรียช์ นดิ ตา่ งๆ เช่น กรดอะซิตคิ กรดแลคตกิ กรดอะมิโน และกรดฮวิ มิก 2.3. มีวิตามินบี วิตามนิ ซี วติ ามนิ เอ และอืน่ ๆ ขึ้นอยูก่ ับชนดิ ของวัสดหุ มกั 2.4. มีความเปนนกรดท่ี pH ประมาณ 3-4 3.อัตราและวิธกี ารใชน้ า้ หมักชีวภาพ 3.1)พืชผกั สวนครวั พชื ไร่ ไม้ผลยนื ต้น ใหท้ างใบ อตั ราสว่ น 15-20 ซี.ซ.ี /นา้ 20 ลิตร ทกุ 5-7 วัน ควบคกู่ บั ใหท้ างราก 30-50 ซ.ี ซ.ี /นา้ 20 ลติ ร ทกุ 15-20 วัน 3.2)เตรยี มดินแปลกปลูก หรอื หลุมปลูกไม้ผล อตั ราสว่ น 30-50 ซ.ี ซ.ี /นา้ 20 ลติ ร ผสมกบั ปยุ๋ คอกหรือ ปยุ๋ หมัก 3.3)ใช้แทนสารเร่งปุ๋ยหมกั อัตราสว่ น 75-100 ซ.ี ซี./นา้ 20 ลิตร พรมลงบนวัสดุ ทาปยุ๋ หมัก 3.4)กาจดั น้าเสียโดย อัตราสว่ น 75-100 ซี.ซ.ี /นา้ 20 ลิตร ราดให้ทั่วบริเวณน้าเสยี หรือในคอกปศสุ ตั ว์ 3.5)เพ่มิ เปอร์เซนน ตค์ วามงอกของเมลดน พนั ธ์ุ อตั ราสว่ น 15-20 ซ.ี ซี./นา้ 20 ลติ ร แชเ่ มลนดพันธพ์ุ อทว่ ม กอ่ นเพราะเปนนเวลา 12 ชั่วโมง 4.การขยายเชอ้ื น้าหมักชวี ภาพ ใช้หัวเชอื้ น้าหมกั ชวี ภาพ 1 สว่ น กากน้าตาล 1 ส่วน น้าสะอาด 10 สว่ น ผสมใหเ้ ขา้ กนั ดี ปิดฝาภาชนะ เกบน ไวใ้ นท่ีมดื ภายใตอ้ ุณหภูมหิ อ้ ง นาน 3 วัน ตรวจสอบกลิน่ ตามคร้งั แรก 5.นกั เรียนลงมอื ปฏิบัติ 6. นกั เรียนบันทึกการทากิจกรรมและการให้บรกิ าร บนั ทกึ ปญั หาและการแกป้ ัญหา 7. นกั เรียนถอดบทเรยี นเร่ืองการทาน้าหมกั ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 8. รายงานผลการจดั กจิ กรรมต่อผู้บริหารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๔ ฐานท่ี 4 การเรยี นร้กู ารทาขนมไทย ครูท่ีปรกึ ษา นางสายฝน ใจต๊ะวงค์ หลักการและเหตุผล ขนมไทยหัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเปนนไทยตั้งแต่คร้ังอดีตกาล ที่ก่อกาเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้ สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมท่ีสามารถนาวัสดุมีอยู่ ในท้องถ่ินมาปรุงแต่งเปนนของหวานได้มากหลายรูปแบบจัดเปนนมรดกทางวัฒน ธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคน ไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไรเพราะขนมแต่ละชนิดล้วนมีเสน่ห์แสดงให้เหนนถึงความละเอียดอ่อนประณีตวิจิตร บรรจงในรูปลักษณ์ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้วิธีการทาท่ีกลมกลืนความพิถีพิถันสีท่ีให้ความสวยงามมีกลิ่นหอมรสชาติ ของขนมท่ีละเมียดละไมชวนให้รับ ประทานแสดงให้เหนนว่าคน ไทยเปนนคนใจเยนน รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ และดด้วยวิถีชีวิตของคนไทยนัน้ เปนน สังคมเกษตรที่มีผลติ ผลทางธรรมชาติอยู่มากมายเชน่ กลว้ ยอ้อยมะมว่ งรวม ไปถึงข้าวเจ้าขา้ วเหนียวฯลฯทีส่ ามารถ ปรงุ เปนนขนมได้มากมายหลายชนดิ เชน่ อยากได้กะทิกเน กนบมะพร้าวมาขูด คั้นน้ากะทิอยากได้แป้งกนนาข้าวมาโม่เปนนแป้งทาขนมอร่อยๆเช่นบัวลอยกิน กันเองในครอบครัวขนมไทย ถูกนาไปใช้ในงานบุญตามประเพณแี ละงานพธิ ีกรรม ท่ีเกย่ี วข้องในวถิ ีชวี ิตชาวไทย โดยนิยมทาขนมชื่อมมี งคล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ) ได้เหนนถึงความสาคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยทางด้านอาหาร เพ่ือให้เยาวชนรนุ่ หลังไดศ้ กึ ษาวิธกี ารทาขนมไทย จงึ ได้จดั การเรียนรเู้ รอื่ งการทาขนมไทย วัตถุประสงค์ ๑. เพอื่ ให้นักเรยี นไดเ้ รียนรกู้ ระบวนการการทาขนมไทย ๒. เพอ่ื ให้นกั เรยี นนาส่วนทไ่ี ดจ้ ากการทาขนมไทยไปบรู ณาการกบั กจิ กรรมอ่นื ๆ ๓. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดม้ ีทักษะประสบการณ์และถอดบทเรียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวนั การดาเนินการ ๑. จดั เตรยี มอุปกรณท์ าขนมไทบ ๒. ให้ความรเู้ ร่ืองการทาขนมไทย 1. ขนมไทยในวิถีไทย วิถีชวี ิตของคนไทยนั้นเปนนสงั คมเกษตรท่ีมีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมายเชน่ กล้วยอ้อยมะม่วงรวมไปถึงข้าว เจ้าข้าวเหนียวฯลฯท่ีสามารถ ปรุงเปนนขนมได้มากมายหลายชนิดเช่นอยากได้กะทิกนเกนบมะพร้าวมาขูดคั้น น้ากะทิอยากได้แป้งกนนาข้าวมาโม่เปนนแป้งทาขนมอร่อยๆเช่นบัวลอยกิน กันเองในครอบครัวขนมไทย ถกู นาไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรม ที่เก่ียวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทาขนมชื่อมีมงคล ไดแ้ ก่ ขนมตระกลู ทองท้ังหลาย เพราะคนไทยถือว่า “ทอง” เปนน ของดีมีมงคลทาแลว้ ได้มีบญุ กศุ ล มีเงินมีทอง มลี าภยศ สรรเสริญ สมชอ่ื ขนมน่นั เอง 2. ขนมไทยในงานประเพณี ทนี่ ิยมใชใ้ นงานประเพณีต่างๆ มดี งั น้ี เทศกาลสงกรานตซ์ ึง่ ถอื วา่ เปนน วนั ขน้ึ ปีใหม่ไทยจะใช้ขนมทเ่ี ปนนมงคลนามจัดเปนน ขนมชั้นดใี ช้ในการทาบญุ เลยี้ ง พระแลว้ กนเตรยี มขนมสาหรับรับรอง แขกเหรอื่ ทีม่ ารดน้าดาหวั ขอพรผใู้ หญท่ ี่เคารพนับถอื สมัยโบราณจะกวน กะละแมแตป่ จั จุบนั อาจใชข้ นมอื่นๆทอ่ี ร่อยและสวยงามเชน่ ขนมชน้ั ขนมลกู ชุบตามความสะดวก เทศกาล เขา้ พรรษา (แรม ๑ ค่าเดือน ๘) ขนมไทยทใ่ี ชไ้ ด้แก่ ขา้ วต้มมัดและขนมแกงบวดตา่ งๆ เช่น ฟักทองแกงบวด กล้วยบวชชี เปนนต้น เทศกาลออกพรรษา มพี ิธที าบญุ ตักบาตรเทโว ขนมทใ่ี ช้ในการทาบญุ คอื ข้าวตม้ ลกู โยน สารทไทย เปนนงานประเพณีทช่ี าวไทยทาบญุ อุทิศสว่ นกศุ ลใหแ้ กญ่ าติมติ รผู้ลว่ งลับ จะมขี นมไทยประจาภาค
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๕ เช่น ภาคเหนอื : กลว้ ยตาก เพราะมีกล้วยมาก นอกจากตากกมน ีกวนและของแช่อมิ่ ภาคกลาง : กระยาสารท เคียงคูก่ ับกลว้ ยไข่ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื : เรยี กวา่ งานบญุ ขา้ วจี่ ขนมทใ่ี ชไ้ ด้แก่ ขนมเทยี น ข้าวจ่ี ภาคใต้ : เรียกวา่ งานบญุ เดือนสบิ ขนมทีใ่ ช้ไดแ้ ก่ ขนมลา ขนมกง ขนมพอง 3. ขนมไทยในพธิ กี รรม ขนมท่นี ิยมใช้ทาบญุ เลยี้ งพระในงานมงคลหรอื พธิ กี รรมทีข่ าด ไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่ ขนมตระกลู ทอง เช่น ทองเอก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และ• ขนมมงคลนาม เช่น ขนม ถ้วยฟู ขนมชั้น ขนมจ่ามงกฎุ ขนมเสน่หจ์ นั ทร์ ขนมไทยในพธิ กี รรมต่างๆ มีดังนี้ - พิธีแตง่ งาน นอกจากจะมีขนมมงคลนามทใ่ี ช้ในงานมงคลแลว้ ท่ีต้องมีคือ • ขนมกงรปู ร่าง เปนนลอ้ รถไมม่ รี อยตอ่ มคี วามเช่ือวา่ จะทาให้ความรักของคูบ่ า่ วสาวจรี งั ไม่มวี ันแยกจากกนั - ขนมโพรงแสม มีรปู ร่างยาวใหญค่ ลา้ ยกบั เสาเรือน ทาใหอ้ ยูก่ ันยืนยาว - ขนมสามเกลอ มีลกั ษณะเปนน สามก้อนตดิ กัน ใหค้ บู้ า่ วสาวเสย่ี งทายวา่ จะอย่ดู ว้ ยกนั ไดน้ าน หรือไม่ หากขนมแยกจากกันกนถือว่าไม่ใชเ่ นื้อคูท่ แี่ ทจ้ ริง นอกจากน้ยี ังมี • ขนมใส่ไส้ • ขนมฝักบวั • ขนมบา้ บ่นิ • ขนมนมสาว อีกดว้ ย 4. พิธบี วงสรวงสงั เวยเทพยดาและพระภมู ิ นิยมใชข้ นมทีเ่ ปนน มงคลนามแลว้ กนมีขนมตาม ความเชอ่ื ในลัทธพิ ราหมณ์ ดงั นี้ • ขนมต้มแดง • ขนมต้มขาว • ขนมเลนบมอื นาง • ขนมคนั หลาว • ขนมดอกจอก• ขนมทองหยบิ • ขนมถั่วแปบ • ขนมหูช้าง • ขา้ ว เหนยี วแดง • ขนมประเภทบวชต่าง ขนมไทยส่ตู ลาดโลก 5. ขนมไทยของขวญั นานาเทศกาล ขนมไทยมีมากมายหลายชนดิ ทัง้ ท่ีเปนนขนมไทยแบบโบราณและขนมที่รับมาจากตา่ งประเทศจนกลืนเปนน ขนมของไทยดว้ ยความชา่ งประดดิ ประดอยคิดค้นและววิ ฒั นาการของคนไทยทาให้ขนมไทยโดดเด่นเปนน เอกลกั ษณ์เฉพาะและมีคณุ คา่ ในตัวเองปัจจบุ ันคนไทยหนั มานิยมใช้ขนมไทย เปนน ของขวญั ของฝากในนานา เทศกาลไม่ว่าจะเปนน วันขึน้ ปใี หมไ่ ทยหรอื สากลวนั คลา้ ยวนั เกดิ วนั ขึ้นบ้านใหมว่ นั เกษยี ณอายรุ าชการฯลฯขนม ไทยกบั ความหมายให้ เลอื กใช้ตาม เทศกาล ๓. นกั เรยี นได้ลงมอื ปฏบิ ัติ ในการทาขนมไทย 4. นักเรียนบนั ทึกการทากิจกรรมและการให้บรกิ าร บันทึกปัญหาและการแก้ปญั หา 5. นักเรยี นถอดบทเรยี นเรอื่ งการท ขนมไทยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 6.รายงานผลการจัดกจิ กรรมตอ่ ผู้บรหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๖ ฐานท่ี 5 การเรียนรกู้ ารขยายพนั ธไุ์ ม้ดอก ไม้ประดบั ครูท่ีปรกึ ษา นางอรณุ ี ตะนอ้ ย หลกั การและเหตผุ ล ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ซ่ึงเหมาะต่อการผลิตไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการค้าเปนนอย่างยิ่ง เนอื่ งจากไมด้ อกหลายชนดิ สามารถเจริญเติบโต และใหผ้ ลผลติ ต้น และดอกไดด้ ี มคี ุณภาพ มีความต้องการของ ตลาดท้ังใน และต่างประเทศ เช่น การผลิตหน้าวัวตัดดอก หน้าวัวตัดใบ หน้าวัวกระถาง กล้วยไม้ตัดดอก และกล้วยไม้กระถาง รวมถึงไม้ใบชนิดอื่นๆ ซ่ึงชนิดพืชเหล่าน้ีล้วนแต่เปนนชนิดท่ีมีความต้องการของตลาดท้ัง ภายใน และสง่ จาหนา่ ยไปยังตา่ งประเทศปีละหลายพันล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2554 เกดิ ภยั พิบัติ นา้ ทว่ มครง้ั ใหญ่ในประเทศไทยส่งผลกระทบอยา่ งใหญ่หลวงตอ่ กลุ่มผู้ปลูกไมด้ อกไม้ประดับ และทาใหร้ าคาไม้ ดอกไม้ประดับนั้นมรี าคาท่ีสูง นอกจากนน้ั กล่มุ ผู้ผลิตปลูกไมด้ อกไมป้ ระดับในโซนภาคเหนือตอนลา่ ง ภาคกลาง ตอนบน และภาคกลางยังเกิดความไม่มันใจในการผลิตไม้ดอกไม้ประดับเนื่องจากอุทกภัยในปีท่ีผ่านมาสร้าง ความเสียหายให้กับกลุ่มผู้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับอย่างมาก จึงทาให้มีการปรับปรุงโครงสร้างของโรงเรือน ให้สงู ขน้ึ และทาใหต้ น้ ทุนในการผลิตไมด้ อกไม้ประดบั สงู ข้ึนตามไปดว้ ย ดังนั้นโรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)จึงได้เหนนความสาคัญของการจัดการเรียนรู้เรื่องไม้ดอก ไม้ประดับจึงได้สร้างฐานการเรียนรู้การผลิตไม้ดอกไม้ประดับเพ่ือเปนนการสร้างรายได้ให้เกิดข้ึ นแก่ผู้เรียนและ เปนนการปรบั ปรงุ ภมู ทิ ศั น์ของโรงเรยี นอีกด้วย วตั ถุประสงค์ 1.เพอื่ ทาการอนรุ ักษพ์ ันธ์ุไมท้ อ้ งถน่ิ 2.เพอ่ื เปนน ฐานการเรยี นรใู้ นการขยายพนั ธไุ์ ม้ดอกไมป้ ระดบั 3.เพอ่ื ใชใ้ นการขยายพนั ธไุ์ มด้ อกไมป้ ระดบั ในการปรบั ปรงุ ภมู ทิ ัศน์โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทศิ ) การดาเนนิ การ ๑. จดั หาพันธ์ุไม้ในท้องถิน่ ๒. ใหค้ วามรู้เร่ืองการขยายพนั ธ์ุไมด้ อก ไมป้ ระดบั ๓. นักเรียนได้ลงมอื ปฏบิ ัติเกี่ยวกับการขยายพนั ธไ์ุ ม้ดอก ไม้ประดับ ๔. นักเรียนแกนนานาผลพลอยไดจ้ ากการขยายพนั ธุพ์ ชื ไปบูรณากบั ฐานการเรยี นรอู้ ่ืน ๕. นกั เรยี นบันทึกการทากจิ กรรมและการให้บรกิ าร บันทกึ ปัญหาและการแก้ปญั หา ๖. นกั เรียนถอดบทเรียนเรอ่ื งการเล้ยี งปลาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7.รายงานผลการจัดกิจกรรมต่อผบู้ รหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๗ ฐานท่ี 6 การเรียนรูก้ ารทอผ้า ครทู ีป่ รึกษา นายวิศษิ ฐ์ สิทธดิ ง หลกั การและเหตุผล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ที่ดาเนินชีวิตแบบ พ่ึงพาตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนที่ตั้ง ดาเนินชีวิตอย่างย่ังยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัช ญาของ เศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เพี ย ง ม า บู ร ณ า ก า ร ใน ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ให้ มี ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ บ ริ บ ท ข อ ง ท้ อ ง ถิ่ น ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ปจั จุบันไดพ้ ัฒนาเปนนศนู ย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยจัดให้มีฐานการเรียนรู้ต่างๆ เพ่ือให้ นกั เรยี นได้เรียนรู้ การทอผา้ จงึ เปนนหนงึ่ ในฐานการเรียนรูใ้ นโรงเรยี น ท่ีสามารถเพาะบ่มและปลูกฝังวธิ ีคดิ และการดาเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใหก้ บั นกั เรียนไดเ้ ปนน อยา่ งดี โรงเรยี นจึงจดั ให้มีฐานการเรยี นรกู้ าร ทอผ้าข้นึ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้กระบวนการทอผา้ ๒. เพอื่ ใหน้ กั เรยี นนาส่วนที่ไดจ้ ากการเลีย้ งปลาไปบรู ณาการกบั กจิ กรรมอน่ื ๆ ๓. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดม้ ีทักษะประสบการณ์และถอดบทเรียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั การดาเนินการ ๑. จัดทาผ้าทอ ๒. ให้ความรเู้ รือ่ งการทอผา้ การยอ้ มสผี ้า ชนดิ ของผ้า ตลอดจนข้ันตอนการทอผ้า การสร้างผลติ ภณั ฑ์ ๓. นักเรียนได้ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ในการให้ยอ้ มสผี า้ ชนดิ ของผ้า ตลอดจนข้นั ตอนการทอผา้ การสร้าง ผลิตภณั ฑ์ ๔. นกั เรียนแกนนานาผลพลอยได้จากการทอผา้ ไปบูรณาการกับฐานการเรยี นรู้อืน่ ๕. นกั เรียนบนั ทกึ การทากิจกรรมและการใหบ้ ริการ บนั ทึกปญั หาและการแกป้ ญั หา ๖. นกั เรียนถอดบทเรยี นเรอื่ งการทอผ้าตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7.รายงานผลการจดั กจิ กรรมตอ่ ผ้บู ริหารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๘ ฐานท่ี 7 การเรียนรู้การทานา้ สมนุ ไพร ครูที่ปรึกษา นางสาวโสภี ศรใี จตะ๊ หลักการและเหตผุ ล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ที่ดาเนินชีวิตแบบพ่ึงพา ตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนที่ตั้ง ดาเนินชีวิตอย่างย่ังยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาบูรณาการในหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกับบริบทของท้องถ่ิน ความก้าวหน้า ของเทคโนโลยี โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ปัจจุบันได้พัฒนาเปนนศูนย์การเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งดา้ นการศกึ ษา โดยจัดใหม้ ีฐานการเรยี นรู้ต่างๆ เพอ่ื ให้นักเรยี นได้เรียนรู้ การทาน้าสมุนไพรจึงเปนนหนงึ่ ในฐานการเรยี นรใู้ นโรงเรยี น ทส่ี ามารถเพาะบม่ และปลูกฝังวธิ คี ิดและ การดาเนินชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใหก้ ับนกั เรียนได้เปนนอยา่ งดี โรงเรยี นจึงจัดให้มีฐาน การเรยี นรูก้ ารทานา้ สมนุ ไพรข้ึน วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้กระบวนการการทาน้ไสมนุ ไพร ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นนาส่วนทไ่ี ด้จากการทาน้าสมุนไพรไปบูรณาการกบั กจิ กรรมอนื่ ๆ ๓. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดม้ ที ักษะประสบการณแ์ ละถอดบทเรียนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การดาเนินการ ๑. จัดทานา้ สมนุ ไพร ๒. ให้ความรเู้ ร่อื งประโยชนข์ องสมุนไพร กระบวนการทาน้าสมนุ ไพร ๓. นักเรียนได้ลงมอื ปฏิบัติ ในการทาน้าสมุนไพร ๔. นกั เรยี นแกนนานาผลพลอยไดจ้ ากการทาน้าสมุนไพรไปบูรณาการกับฐานการเรยี นรอู้ น่ื เชน่ การปลกู พชื สมนุ ไพร ๕. นกั เรียนบันทึกการทากจิ กรรมและการใหบ้ ริการ บันทึกปัญหาและการแกป้ ญั หา ๖. นักเรยี นถอดบทเรยี นเรอ่ื งการเล้ียงปลาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7.รายงานผลการจัดกจิ กรรมตอ่ ผูบ้ รหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๕๙ ฐานที่ 8 การเรยี นรกู้ ารเลย้ี งปลา ครูทปี่ รกึ ษา นายพนมกร ไพบูลยก์ ิจ หลกั การและเหตุผล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ที่ดาเนินชีวิตแบบ พึ่งพาตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนท่ีต้ัง ดาเนินชีวิตอย่างย่ังยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกั บบริบทของท้องถ่ิน ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี โดยยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาโดยตลอด ปัจจบุ นั ไดพ้ ัฒนาเปนนศูนย์ การเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยจัดให้มีฐานการเรียนรู้ต่างๆ เพ่อื ใหน้ ักเรียนได้เรยี นรู้ การเลีย้ งปลาจงึ เปนนหนึง่ ในฐานการเรยี นรู้ในโรงเรยี น ที่สามารถเพาะบ่มและปลูกฝังวิธคี ิดและ การดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหก้ ับนักเรยี นได้เปนน อยา่ งดี โรงเรียนจึงจัดใหม้ ีฐานการ เรยี นรู้การเลย้ี งปลาข้ึน วัตถุประสงค์ ๑. เพอื่ ให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้กระบวนการการเล้ยี งปลา ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นนาส่วนทีไ่ ดจ้ ากการเลีย้ งปลาไปบูรณาการกบั กจิ กรรมอื่นๆ ๓. เพอื่ ให้นกั เรยี นไดม้ ีทกั ษะประสบการณแ์ ละถอดบทเรยี นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การดาเนินการ ๑. จัดทาบอ่ ปลา ๒. ให้ความร้เู รือ่ งการเลี้ยงปลา และกระบวนการการเล้ียงปลา ๓. นกั เรียนได้ลงมอื ปฏิบัติ ในการใหอ้ าหารปลา การดแู ลรกั ษาความสะอาดของบ่อปลา ตลอดจน ปัญหา และการแกไ้ ข ๔. นักเรียนแกนนานาผลพลอยได้จากการเลยี้ งปลาไปบูรณาการกับฐานการเรียนร้อู ่นื เชน่ การเลีย้ งไก่ การทาปุย๋ หมัก การปลกู พืชตา่ งๆ ๕. นักเรียนบนั ทึกการทากิจกรรมและการใหบ้ ริการ บันทึกปัญหาและการแกป้ ญั หา ๖. นกั เรียนถอดบทเรียนเรอ่ื งการเล้ยี งปลาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7.รายงานผลการจัดกิจกรรมต่อผูบ้ รหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๐ ฐานที่ 9 การเรียนร้กู ารปลูกพชื สมนุ ไพร ครทู ี่ปรกึ ษา นายโสภณ สตุ านันท์ หลกั การและเหตุผล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ที่ดาเนินชีวิตแบบพ่ึงพา ตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนท่ีต้ัง ดาเนินชีวิตอย่างย่ังยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาบูรณาการในหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกับบริบทของท้องถ่ิน ความก้าวหน้า ของเทคโนโลยี โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ปัจจุบันได้พัฒนาเปนนศูนย์การเรียนรู้ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งด้านการศึกษา โดยจัดใหม้ ฐี านการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้นักเรยี นได้เรียนรู้ การปลกุ พชื สมุนไพรจึงเปนนหนงึ่ ในฐานการเรียนรู้ในโรงเรยี น ทสี่ ามารถเพาะบ่มและปลูกฝังวธิ คี ดิ และ การดาเนินชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใหก้ บั นักเรียนได้เปนน อยา่ งดี โรงเรยี นจึงจัดให้มีฐาน การเรียนร้ปู ลูกพืชสมุนไพรขนึ้ วัตถุประสงค์ ๑. เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้กระบวนการการปลกู พชื ประโยชนข์ องสมุนไพรแต่ละชนิด ๒. เพอ่ื ให้นักเรยี นนาสว่ นท่ีได้จากการปลุกพชื สมนุ ไพรไปบูรณาการกบั กจิ กรรมอน่ื ๆ เช่น การทานา้ สมนุ ไพร ๓. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นไดม้ ีทกั ษะประสบการณแ์ ละถอดบทเรยี นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน การดาเนนิ การ ๑. จัดเตรยี มแปลงปลูกพชื สมนุ ไพร การค้นหาสมุนไพรในท้องถิ่น ๒. ให้ความรู้เร่อื งชนดิ และประโยชนข์ องสมนุ ไพร และกระบวนปลูก ดแู ลรักษาตน้ สมนุ ไพร ๓. นักเรียนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ในการกระบวนปลกู ดูแลรกั ษาตน้ สมนุ ไพร ๔. นักเรียนแกนนานาผลพลอยไดจ้ ากการปลุกพชื สมุนไพรไปบรู ณาการกบั ฐานการเรียนรู้อื่น เชน่ การ ทานา้ สมนุ ไพร ๕. นักเรยี นบันทึกการทากิจกรรมและการให้บริการ บนั ทึกปญั หาและการแกป้ ญั หา ๖. นักเรียนถอดบทเรยี นเรอื่ งการเลยี้ งปลาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 7.รายงานผลการจัดกิจกรรมตอ่ ผ้บู รหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๑ ฐานที่ 10 การเรยี นร้กู ารปลกู พืชผักสวนครัว ครทู ี่ปรกึ ษา นายโสภณ สตุ านนั ท์ หลักการและเหตุผล โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)ได้เหนนความสาคัญในการพัฒนาคนให้เปนนผู้ที่ดาเนิน ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเปนนที่ต้ัง ดาเนินชีวิตอย่างย่ังยืน โรงเรียนจึงนาหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกับบริบทของท้องถ่ิน ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี โดยยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาโดยตลอด ปจั จุบันได้พฒั นาเปนนศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยจัดให้มีฐานการเรียนรู้ต่างๆ เพ่ือให้ นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ การปลกู พืชสวนครวั จึงเปนนหน่งึ ในฐานการเรยี นรู้ในโรงเรยี น ท่สี ามารถเพาะบม่ และปลกู ฝังวธิ ีคดิ และ การดาเนินชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหก้ ับนักเรยี นไดเ้ ปนนอย่างดี โรงเรยี นจึงจัดใหม้ ีฐานการ เรียนรกู้ ารปลกู พชื สวนครวั ขนึ้ วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้กระบวนการการปลกู พชื สวนครวั ๒. เพอื่ ให้นักเรยี นนาสว่ นทไี่ ดจ้ ากการปลูกพชื สวนครวั ไปบรู ณาการกับกจิ กรรมอ่นื ๆ ๓. เพอ่ื ให้นกั เรยี นไดม้ ที กั ษะประสบการณ์และถอดบทเรยี นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การดาเนินการ ๑. จัดเตรียมแปลงปลกู พืชสวนครวั ๒. ให้ความรู้เร่อื งชนดิ และประโยชนข์ องพชื สวนครัว และกระบวนปลกู ดแู ลรกั ษาพชื สวนครวั ๓. นักเรียนได้ลงมอื ปฏิบัติ ในการกระบวนปลูก ดูแลรกั ษาพชื สวนครวั ๔. นักเรยี นแกนนานาผลพลอยได้จากการปลุกพชื สวนครวั ไปบูรณาการกบั ฐานการเรยี นรอู้ นื่ ๕. นักเรยี นบนั ทกึ การทากิจกรรมและการให้บรกิ าร บันทกึ ปัญหาและการแกป้ ญั หา ๖. นกั เรยี นถอดบทเรยี นเรอ่ื งการเล้ยี งปลาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. รายงานผลการจดั กจิ กรรมต่อผูบ้ รหิ ารและเผยแพร่
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๒ ขอ้ มลู แหลง่ การเรยี นรอู้ ่นื ๆภายในโรงเรียนและในเขตบรกิ าร ธนาคารขยะโรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอุทศิ ) ธนาคารขยะโรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ิศ ) แหลง่ รบั ฝาก ซ้ือขายขยะของโรงเรียนโดยมเี จ้าหน้าท่ีในการ รบั ซือ้ ฝาก และนาไปขายต่อใหก้ บั รา้ นรบั ซอื้ ขาย เปิดทาการรบั ซ้ือทกุ สน้ิ เดือนรับซอ้ื ทงั้ บคุ คลภายในโรงเรียนและ ภายนอก ผู้ปกครองนักเรียน ห้องการเรยี นรูก้ ารทอผา้ ของโรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอุทศิ ) การเรียนรู้แปลงเกษตรของโรงเรยี นบ้านปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) แปลงเกษตรของโรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) เปนนแหลง่ การเรยี นรภู้ ายในโรงเรยี นซ่งึ ในบรเิ วณมพี ้ืนท่ี จากัดโดยจัดเปนนแหลง่ เรยี นรเู้ ลกน ๆภายในโรงเรยี นบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ )
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๓ แหล่งการเรียนรู้ วัดพวงคา ประวัติวัดใช้ชื่อว่าวัดพวงคา ปูชนียวัตถุมี พระพุทธรูป และกลอง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 23 สงิ หาคม พ.ศ.2477 เขตวิสุงคามสีมากวา้ ง 20 เมตร ยาว 40 เมตร มีโรงเรยี นปรยิ ตั ธิ รรม แผนกธรรม เปิดสอน พ.ศ.2489 แผนกสามัญ เปิดสอน พ.ศ.2516 และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เปิดสอนเม่ือ พ.ศ.2533 วดั พวงคาเปนนสถานท่สี าคญั จัดการเรยี นร้บู รู ณาการระหว่างโรงเรยี นบ้านปวงคา(ประชาอุทศิ )เพราะอยู่ติดกับโรงเรียน จึงถือได้ว่าเปนน แหล่งเรียนรขู้ องโรงเรียน แหลง่ ทอผ้าตนี จกโหล่งลี้ ณ วดั พวงคา แหล่งทอผ้าตีนจกโหล่งลี้ ณ วัดพวงคาแหล่งเรียนรู้ผ้าทอภูมิปัญญาบรรพชนในพ้ืนที่อาเภอล้ี สร้างองค์ ความรู้ความเขา้ ใจ ให้ตระหนักถึงความสาคญั แก่ชมุ ชน ได้สวมใสผ่ ้าซ่ินตีนจกโหล่งลี้ ต่อยอดไปสกู่ ารสรา้ งรายไดส้ รา้ ง มูลค่าทางภมู ิปญั ญา เกิดความย่ังยืน ซึ่งตง้ั อยู่ ณ วดั พวงคา ตาบลล้ี อาเภอลี้ จงั หวัดลาพูน นักเรยี นโรงเรียนบ้านปวง คาได้ไปเรยี นร้กู ารทอผ้าซิ่นโหล่งลี้ ถือวา่ เปนนแหลง่ เรยี นรทู้ ส่ี าคัญของนักเรียนโรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) แหล่งการเรยี นรสู้ วนสามแสน บา้ นกลาง อาเภอลี้ จังหวดั ลาพนู แหล่งการเรียนรู้สวนสามแสน บ้านกลาง อาเภอล้ี จังหวัดลาพูน ซ่ึงเปนนสวนท่ีเกิดจากการปรับปรุงพื้นท่ีใน บริเวณโรงเรียนบ้านกลางซึ่งเปนนส่วนที่โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ )รับผิดชอบ เปนนโรงเรียนเก่าที่ใช้ประโยชน์ ไม่ได้โดยมีผู้ใหญ่บา้ นบ้านกลาง นายสมคิด ธีระสิงห์ ได้เปนนตัวแทนชุมชนในการเปนนผู้นาในการบรหิ ารจดั การสถานที่ โรงเรียนเก่ามาเปนนแปลงปลกู พืชผกั ผลไม้แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเปดิ โอกาสให้ชาวบ้านในชมุ ชนมีส่วน รว่ มทาการเกษตรเน้นเปนนอินทรีย์เพ่ิมรายได้เพอ่ื สร้างความยง่ั ยนื แกช่ ุมชน นักเรียนโรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ) ใชเ้ ปนน แหล่งการเรียนรูใ้ นการศกึ ษาเรือ่ งการเกษตรแบบผสมผสานตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๔ ขอ้ มลู เฉพาะของแหลง่ เรยี นรู้ในหม่บู า้ นปวงคา ตาบลล้ี อาเภอล้ี จังหวัดลาพูน คุณครูและนักเรียนได้ทาการสารวจแหล่งเรียนรู้ในชุมชนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ) ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2562 พบว่า ในหมู่บ้านปวงคามีปราชญ์ชาวบ้านท่ีมีความสามารถในหลายๆด้าน จึงได้เกนบข้อมูล เบ้ืองต้น และได้ขยายผลโดยให้ชาวบ้านมาให้ความรู้แก่ผู้เรียนและนานักเรียนไปศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ใน ชุมชนของตนเอง ดังตารางตอ่ ไปน้ี ช่ือ-สกลุ อาย(ุ ป)ี แหลง่ เรียนรู้ ทีอ่ ยู่ นางบญุ ตมุ้ สวุ รรณ 84 นายชนั้ พนั ลา 66 การทาขนมไทย บา้ นเลขที่ 44/1 หมู่ 9 ตาบลลี้ นายเสาร์ สขุ สวุ รรณ 78 นางพิมพรรณ ทาปัญญา 55 อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพูน 51110 นางปาณิศรา ตาปงิ 33 นางบญุ น่มิ คาสนั ทราย 53 การจกั สาน บ้านเลขที่ 44 หมู่ 9 ตาบลล้ี นางสนุ ยี ์ ทองสัมฤทธิ์ 71 นางพรรณี มูลกันทาสวสั ดิ์ 64 อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพูน 51110 นางผ่องศรี คาอุดนะ 64 นางสายพนั ธ์ุ พนั อินทระอาจ 78 การจกั สาน บา้ นเลขที่ 53/1 หมู่ 9 ตาบลล้ี นางอินผัน สุวรรณ 80 อาเภอลี้ จงั หวัดลาพนู 51110 การประดษิ ฐด์ อกไม้ บ้านเลขท่ี 22 หมู่ 9 ตาบลลี้ อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพูน 51110 การทาขนมไทย บ้านเลขท่ี 136 หมู่ 9 ตาบลลี้ อาเภอล้ี จงั หวัดลาพูน 51110 การเลี้ยงปลา,การเล้ียงกบ บา้ นเลขท่ี 98 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอล้ี จงั หวัดลาพนู 51110 การทอผา้ บา้ นเลขท่ี 72 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอลี้ จงั หวัดลาพูน 51110 การปลกู ผกั สวนครวั บา้ นเลขที่ 167 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอล้ี จงั หวดั ลาพนู 51110 การทาบายศรี บ้านเลขที่ 142 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอล้ี จงั หวัดลาพนู 51110 การขยายพันธไ์ุ ม้ บ้านเลขที่ 78 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอลี้ จงั หวัดลาพูน 51110 การทาตุง บ้านเลขท่ี 32 หมู่ 9 ตาบลล้ี อาเภอล้ี จงั หวัดลาพนู 51110
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๕ กิจกรรมรา้ นค้าสหกรณ์โรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ ) ข้อมลู ทว่ั ไป สหกรณ์ร้านค้าโรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ ) ได้เริ่มก่อต้ังข้ึนเม่ือปีการศึกษา ๒๕๕๘ ภายใต้ชื่อ บรษิ ทั สร้างการดสี หกรณ์ร้านคา้ โรงเรียน นกั เรียนและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกคนสมัครเปนน สมาชิก โรงเรยี นบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ )มีแหล่งการเรยี นรู้ท่ีบูรณาการไปยงั กลุ่มสาระการเรียนรตู้ า่ งๆ มีการใช้สื่อ เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการเรียนรู้การสหกรณ์ โดยมีแหล่งการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาแหล่งการ เรยี นรู้ประกอบดว้ ย ครูท่ีปรกึ ษา นางอรณุ ี ต๊ะนอ้ ย นางศนั สนยี ์ หลา้ หนกั และนางสาวฉนั ทช์ นก สมฝ้ัน หลักการและเหตผุ ล แนวคิดในการพัฒนาประเทศได้อาศัยหลักการสาคัญ 3 ประการคือ มุ่งให้ประชาชนพึ่งตน เอง มีส่วน ร่วมในการพัฒนา และใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ มีคุณลักษณะที่เอ้ือต่อ การพั ฒ น าประเท ศดั งกล่าว จะต้ อ งได้ รับ การป ลู กฝังตั้งแต่ ยังเย าว์วัย จึงจะป ระส บ ผลส าเรนจ โครงกรบริษัทสร้างการดี กิจกรรมสหกรณ์หรืออุดมการณ์สหกรณ์เปนนความร่วมมือกันของสมาชิก ในอันท่ี จะพัฒนาชีวิตและกลุ่มให้มีความเขนมแขนงเศรษฐกิจ พ่ึงพาตนเองได้ และดารงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ปลูกฝังให้ นั ก เ รี ย น มี ค ว า ม ซื่ อ สั ต ย์ สุ จ ริ ต จึ ง ไ ด้ มี ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม ดั ง ก ล่ า ว น้ี ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนสหกรณ์โดยการปฏิบตั ิจริง นอกจากจะเปนนการฝึกทักษะการเรยี นรูร้ ะบบ สหกรณแ์ ลว้ ยงั สง่ เสรมิ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย และฐานะทางเศรษฐกิจอีกทางหนง่ึ ดว้ ยเพือ่ ใหผ้ ้เู รียนได้ มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีนิสัยไม่ฟุ่มเฟือยรู้จักการประหยัดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรยี นบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ)จึงได้จัดโครงการนข้ี ึ้น วัตถุประสงค์ 1.เพอื่ ปลูกฝงั ความรู้พ้นื ฐานเร่ืองสหกรณแ์ ละฝึกให้นกั เรียนไดป้ ฏบิ ัติจรงิ 2.เพอ่ื ปลกู ฝงั ใหน้ ักเรยี นมกี ารวางแผนในการใช้จ่าย และการลงทนุ 3.เพอ่ื ปลูกฝังให้นักเรียนมีคามซ่อื สัตย์สุจริต มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ ท่ไี ด้รับมอบหมาย 4.เพอ่ื ปลกู ฝังนสิ ยั รักการประหยดั อดออม เป้าหมาย ดา้ นปริมาณ 1.นกั เรยี นรอ้ ยละ 80 มีความรู้พน้ื ฐานเรอื่ งสหกรณแ์ ละฝกึ ให้นกั เรยี นได้ปฏบิ ัติจริง 2.นักเรยี นรอ้ ยละ 80 มีการวางแผนในการใชจ้ ่ายและการลงทนุ 3.นักเรยี นรอ้ ยละ 80 มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี ท่ไี ด้รบั มอบหมาย 4. นกั เรยี นรอ้ ยละ 80 นิสยั รกั การประหยัดอดออม
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๖ ด้านคุณภาพ นกั เรียนมคี วามรพู้ ื้นฐานเรอื่ งสหกรณ์มีการวางแผนในการใช้จา่ ย ประหยัดอดออม มีความรับผิดชอบ และสามารถนาความรูเ้ กย่ี วกับหลกั การสหกรณ์ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม กิจกรรมสาคัญและระยะเวลาในรูปของ Gantt Chart 1.ประชมุ วางแผนการดาเนนิ งาน 2.แตง่ ตั้งคณะทางาน 3.ดาเนินการสมัครสมาชิกสหกรณ์ 4.ดาเนินกิจกรรมของสหกรณร์ ้านค้า 6.รายงานผลการจัดกจิ กรรมตอ่ ผ้บู ริหารและเผยแพร่ แผนควบคมุ กากับติดตามงาน ๑. รายงานผลการดาเนนิ งานตามขอ้ ๑ และ 2 2. ตดิ ตามการดาเนนิ งานตามกิจกรรมขอ้ 3 3. ตดิ ตามการดาเนินงานตามกิจกรรมขอ้ 4 4. ตดิ ตามการดาเนินงานตามกิจกรรมขอ้ 5 การวดั และประเมินผล 1.นักเรียนรอ้ ยละ 80 มคี วามรู้พ้นื ฐานเรอ่ื งสหกรณแ์ ละฝกึ ให้นักเรียนไดป้ ฏิบตั ิจรงิ 2.นักเรยี นรอ้ ยละ 80 มกี ารวางแผนในการใชจ้ ่ายและการลงทนุ 3.นักเรียนรอ้ ยละ 80 มคี วามรับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี ท่ไี ด้รบั มอบหมาย 4. นักเรยี นรอ้ ยละ 80 นสิ ยั รักการประหยดั อดออม 7. ผลท่คี าดวา่ จะได้รับ 1. โรงเรยี นมรี า้ นคา้ สวัสดิการบริการแก่ครูและนกั เรยี น 2.ครแู ละนกั เรยี นเขา้ ใจหลักพืน้ ฐานทางเศรษฐศาสตรเ์ บื้องตน้ 3.โรงเรยี นนาผลการดาเนินงานไปพัฒนาการศกึ ษา กจิ กรรมออมทรัพย์ ข้อมูลทวั่ ไป ธนาคารโรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอุทศิ ) จัดตง้ั ขนึ้ เมอื่ วนั ท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ ไดร้ ับการสนับสนุน การธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส.สาขาล้ี มีนกั เรียนและบคุ ลากรและผู้ปกครองเขา้ ร่วมเปนน สมาชิก ครูท่ีปรกึ ษา นางยวุ รี ประทปี ยุวพัฒน,์ นางสาวพรรณนภา ตายะ
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๗ หลักการและเหตุผล ธนาคารเปนนสถาบันการเงินแห่งหน่ึงท่ีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันของคนเราเพราะธนาคารเปนน สถานที่รับฝาก – ถอนเงินการออมทรัพย์โดยการฝากเงินไว้กับธนาคารเปนนการสร้างนิสัยในการประหยัดอดออม เพ่ือให้นักเรียนมีเงินเกนบไว้ใช้จ่ายในยามจาเปนนสิ่งที่โครงการธนาคารโรงเรียนมุ่งหวังกนคือให้เดนกรู้จักการทางานท่ี ตอ้ งมีความซอื่ สัตย์และมคี วามสจุ รติ เพราะวา่ การทางานทเี่ ก่ยี วข้องกบั เงนิ น้นั ตอ้ งมคี วามซื่อสตั ยต์ ้องมีความสจุ ริต เปนน สาคัญซ่งึ เปนนรากฐานนาไปสู่สังคมทดี่ ีคนกนจะมีระเบียบของชีวิตมีสังคมท่ีไม่ต้องเส่ียงกับความทมี่ ีการกระทาท่ี ไมถ่ กู ตอ้ งเกิดขึน้ มากนกั ธนาคารโรงเรยี นจะเน้นเฉพาะเร่ืองการฝากเงินกับถอนเงินเดนกกนจะเริ่มคุ้นเคยกับการท่ีจะรบั ฝากเงนิ ถอน เงินทาบัญชีคอื ชีวิตประจาวันของเดกน เมื่อโตขึ้นเปนน ผู้ใหญส่ ิ่งเหล่านีเ้ ปนนส่ิงทที่ ุกคนจะต้องรู้เปนน การจัดระเบียบชีวิต ของตน เดกน ยังรจู้ ักฝกึ งานทางานเปนน ทางานรว่ มกับผ้อู นื่ กจิ กรรมธนาคารโรงเรยี นจงึ เปนนเป้าหมายคือการท่ใี หเ้ ดนก ฝึกงานในภาคปฏิบัติจรงิ คุ้นเคยกับระบบการเงินจริงได้มกี ารออมด้วยตวั เอง ดังน้นั ทางโรงเรียนจึงไดจ้ ัดตั้งกจิ กรรม ธนาคารโรงเรยี นนี้ข้นึ วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื สรา้ งนสิ ัยนกั เรยี นใหร้ จู้ กั การประหยดั อดออมใชท้ รพั ยส์ นิ อย่างรคู้ ณุ คา่ 2. เพือ่ ให้นักเรยี นเหนนคณุ คา่ ประโยชนข์ องการออมทรพั ย์ 3. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมคี วามรบั ผิดชอบ และการทางานรว่ มกนั กับผู้อน่ื ได้ 4. เพ่ือให้นกั เรยี นรู้จักวางแผนการใชจ้ า่ ยและฝากเงนิ ของตนเองทุกวนั เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ 1. นักเรียนโรงเรียนบา้ นปวงคา (ประชาอทุ ิศ) ระดบั ชนั้ อนบุ าลปีที่ 1 ถึง มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จานวน 181 คน 2.ครูและบคุ ลากรทางการศึกษา จานวน 20 คน เชงิ คณุ ภาพ 1.นักเรยี นได้รู้จักการประหยดั อดออมใชท้ รพั ยส์ นิ อยา่ งร้คู ณุ ค่า 2.นกั เรียนเหนน คณุ ค่าประโยชน์ของการออมทรัพย์ 3.นกั เรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบ และการทางานรว่ มกันกบั ผู้อนื่ ได้ 4.นักเรียนรจู้ ักวางแผนการใช้จา่ ยและฝากเงนิ ของตนเองทกุ วนั กิจกรรมการดาเนนิ งาน 1. ประชุมวางแผนกาหนดกจิ กรรม 2. เสนอแผนงาน/กจิ กรรมเพ่ือขออนมุ ตั ิ 3. แต่งตั้งคณะกรรมการดาเนนิ งาน
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๘ 4. ดาเนินการจดั กิจกรรมตามแผน -อบรมนักเรยี นในการปฏิบตั งิ านทกุ แผนก -ประชาสัมพนั ธก์ ารฝากเงินกับธนาคารโรงเรยี น -จัดทาบญั ชเี งินฝากของนักเรียนและคณะครู กิจกรรมหนูน้อยชวนออม -นักเรียนฝากออมทรพั ย์กับธนาคารโรงเรยี น -นาเงินฝากธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณส์ าขาล้ี 5. ประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน สรปุ และรายงานผลตอ่ ผู้บรหิ าร กจิ กรรมสาคัญ 1. ประชุมวางแผนกาหนดกจิ กรรม 2. เสนอแผนงาน/กจิ กรรมเพอ่ื ขออนุมัติ 3. แต่งต้งั คณะกรรมการดาเนินงาน 4. ดาเนินการจดั กจิ กรรมตามแผนท่ีวางไว้ 5. ประเมินผลการดาเนนิ งาน สรุปและรายงานผลตอ่ ผบู้ รหิ าร แผนควบคมุ กากับ ติดตามงาน 1. รายงานผลการดาเนนิ งานตามขอ้ 1 2. ตดิ ตามการดาเนินงานตามกจิ กรรมข้อ 2 3. ติดตามการดาเนนิ งานตามกจิ กรรมข้อ 3 4. ตดิ ตามการดาเนินงานตามกจิ กรรมข้อ 4 5. ตดิ ตามการดาเนินงานตามกจิ กรรมขอ้ การวดั และประเมนิ ผล 1. นักเรียนรอ้ ยละ 100 ไดร้ จู้ ักการประหยดั อดออมใช้ทรัพยส์ นิ อยา่ งรู้คณุ ค่า 2. นกั เรยี นรอ้ ยละ 100 เหนน คณุ ค่าประโยชนข์ องการออมทรัพย์ 3. นกั เรยี นรอ้ ยละ 100 มคี วามรับผดิ ชอบ และการทางานรว่ มกันกบั ผ้อู น่ื ได้ 4. รจู้ กั วางแผนการใชจ้ ่ายและฝากเงินของตนเองทกุ วนั 5. ท่ีเก่ยี วขอ้ งมคี วามพงึ พอใจ รอ้ ยละ 80
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๖๙ ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับ 1.นักเรียนไดร้ ้จู ักการประหยดั อดออมใชท้ รพั ย์สนิ อย่างรคู้ ณุ ค่า 2.นักเรยี นเหนนคณุ ค่าประโยชน์ของการออมทรพั ย์ 3.นกั เรียนมีความรับผิดชอบ และการทางานร่วมกนั กบั ผูอ้ นื่ ได้ 4.นกั เรยี นรจู้ ักวางแผนการใชจ้ ่ายและฝากเงนิ ของตนเองทุกวนั กจิ กรรมสวสั ดกิ าร 1. การมอบทุนการศกึ ษาให้แก่สมาชิกสหกรณท์ กุ สิน้ ปี รายชอื่ นกั เรียนที่ได้รบั ทนุ การศกึ ษาจากสหกรณโ์ รงเรยี น ประจาปกี ารศึกษา 2561 มีดังน้ี 1.1.เดนกหญงิ กัลยากรณ์ ฟองคาตนั นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ทนุ ละ 300 บาท 1.2.เดนกหญิงมนสั นันท์ ตาปิง นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ทุนละ 300 บาท 1.3.เดนกหญงิ บญุ พิทักษ์ ไชยาจินะ นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ทุนละ 300 บาท 1.4.เดนกหญิงชนาพร กอ้ งกังวานไกล นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ทุนละ 300 บาท 1.5.เดกน หญิงฑิฆมั พร ปาละสอน นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ทุนละ 300 บาท 1.6.เดกน หญงิ ศลลิ ทพิ ย์ รนิ สมปาน นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ทนุ ละ 300 บาท 1.7.เดกน หญงิ รวพิ ร ตัน๋ สุข นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 ทุนละ 300 บาท 1.8.เดนกชายภูพพิ ัฒน์ เฟยธกิ า นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ทนุ ละ 300 บาท 1.9.เดนกหญงิ วิลาสนิ ี สวุ รรณบตุ ร นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5 ทนุ ละ 300 บาท 1.10.เดกน หญงิ มณฑกานต์ จอ้ื นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ทนุ ละ 300 บาท 1.11.เดกน หญงิ ณฐั นนั ท์ ดอกคา นักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ทุนละ 300 บาท 1.12.เดกน หญงิ พชั รรั ตั น์ ตาหวนั นักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ทนุ ละ 300 บาท 1.13.เดกน หญงิ ธันยพร ธวิ าที นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ทนุ ละ 300 บาท
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๐ 2.การมอบของรางวลั เนอื่ งในกิจกรรมวนั ภาษาไทย ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรียนบา้ นปวงคาประชาอทุ ศิ ไดจ้ ดั กิจกรรมวันภาษาไทยข้นึ เมือ่ วนั ที่ 26 กรกฎาคม 2562 โดยมกี าร จดั กิจกรรมการประกวดผลงานทางวิชาการ และการประกวดการแต่งกายเลยี นแบบตวั ละคร มีนักเรยี นเขา้ รว่ ม กจิ กรรมท้ังหมด 174 คน โดยได้รบั การสนับสนนุ ของรางวลั จากสหกรณโ์ รงเรยี น
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๑ 3.การมอบของรางวลั เนอื่ งในวันเดนกแห่งชาติ โรงเรียนบ้านปวงคา(ประชาอุทิศ) ได้ร่วมกับเทศบาลตาบลลี้และหน่วยงานที่เก่ียวข้องในการจัดงาน วันเดนกแห่งชาติ ประจาปี 2563 ขึ้น ณ สนามกีฬาบ้านปวงคา ในวันเสาร์ท่ี 11 มกราคม 2563 โดยสหกรณ์ โรงเรยี นบา้ นปวงคาได้รว่ มบริจาคขนม เนือ่ งในวนั เดกน แห่งชาติ โดยมนี กั เรียนในตาบลลีเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๒ 4.การมอบของรางวลั เนอ่ื งในวันกีฬาสี โรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ิศ)ได้จัดกจิ กรรมการแข่งขนั กีฬาสภี ายในโรงเรียน ซึง่ มรี ายการแข่งขัน มากมาย เช่น ขบวนพาเหรด กรีฑา เปตอง แชร์บอล ฟุตซอล เซปกั ตะกรอ้ กีฬาพ้ืนบา้ น ในวนั ศุกรท์ ่ี 13 ธันวาคม 2562 สหกรณ์โรงเรยี นได้รว่ มบรจิ าคของรางวลั เนือ่ งในวันกฬี าสี 5.สนบั สนุนเส้ือกฬี าใหแ้ กส่ มาชิกสหกรณ์ รายชอ่ื นกั เรียนที่ไดร้ ับการสนบั สนุนเสอื้ กฬี าแกส่ มาชิกสหกรณ์ ประจาปกี ารศกึ ษา 2561 มีดังน้ี 1.1.เดนกหญิงกัลยากรณ์ ฟองคาตัน นักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 1.2.เดกน หญงิ มนสั นนั ท์ ตาปงิ นักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 1.3.เดกน หญงิ บญุ พิทักษ์ ไชยาจินะ นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 1.4.เดกน หญิงชนาพร กอ้ งกงั วานไกล นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 1.5.เดนกหญิงฑฆิ มั พร ปาละสอน นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 1.6.เดนกหญิงศลลิ ทิพย์ รินสมปาน นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 1.7.เดนกหญงิ รวพิ ร ตั๋นสุข นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 1.8 เดกน หญิงบษุ กร พลหงส์ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๓ ตวั ชว้ี ัดที่ 4.2 แหล่งเรยี นรทู้ ี่บูรณาการไปยงั กลุ่มสาระการเรยี นรู้ โรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ิศ) ได้จัดการเรยี นการสอนโดยใชแ้ ผนการสอนบรู ณาการไปดงั แผนผงั ต่อไปน้ี ตวั อยา่ งผงั มโนทศั น์ การบูรณาการการใช้แหลง่ เรยี นรกู้ บั กลมุ่ สาระการเรยี นร้ตู า่ งๆ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี วัฎจกั รชวี ติ สตั ว์ การทาขนมไทย ศิลปะการสร้างสรรค์ พืชผกั ฐานการผลิต 10 ฐานการเรยี นรู้ ภาษาไทย สวนครวั โรงเรียนบา้ นปวงคา(ปประชาอทุ ิศ การเขยี นคาขวญั คณติ ศาสตร์ แหล่งเรยี นรู้ ธนาคารขยะ การคดิ กาไรจากการขาย โรงเรยี น สนิ คา้ ภาษาตา่ งประเทศ สุขศึกษาและพลศึกษา ฐานการปลกู ผักสวนครวั สมนุ ไพรกบั การรักษา สงั คมศกึ ษา กระบวนการผลติ
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ตวั อยา่ งแผนจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้เร่ือง การเขยี น ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 5 วชิ า ท 23101 ภาษาไทย เร่ือง การเขยี นคาขวัญ 3 R พาเพลิน ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2ชว่ั โมง ตัวชีว้ ัดชว่ งช้ัน ท 2.1 ท2.1/2 การเขยี นคาขวญั สาระสาคญั คาขวัญเปนน รูปแบบการเขียนอยา่ งหน่งึ ทมี่ รี ปู แบบการโนม้ น้าวให้ปฏิบัติตามซึ่งมักจะเขยี นขึ้นตามหวั ขอ้ ทีก่ าหนด เพื่อถา่ ยทอดความรูค้ วามคดิ ความรสู้ ึก และความต้องการของผู้ส่งสาร สาระการเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1. รปู แบบหรือองค์ประกอบ 2. การใช้สานวน โวหาร 3. ความคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์ ด้านทักษะกระบวนการ 1. ทักษะการเขยี นคาขวัญ ดา้ นคณุ ลักษณะ 1. รักความเปนนไทย 2. มวี นิ ัย 3. ใฝ่เรียนรู้ ชน้ิ งาน/ภาระงาน ใหน้ ักเรยี นเขียนคาขวญั เรอ่ื ง 3 R พาเพลิน
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๕ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมนิ การเขียนคาขวญั รายการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดบั คะแนน 1 (ปรับปรุง) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1.รูปแบบหรอื เขียนถกู ต้องตาม เขยี นถกู ต้องตาม การเขยี นมีการ การเขยี นไม่ตอ่ เนื่อง องคป์ ระกอบ หลักการ แนวทาง รปู แบบของคาขวัญ ต่อเนือ่ งบ้าง บาง ขาดสัมผสั องคป์ ระกอบรูปแบบ ตอนขาดการต่อเนอ่ื ง ของคาขวญั 2.การใชส้ านวน ใช้สานวนโวหารได้ มีการใช้สานวน มีการใชส้ านวน ไม่ปรากฏสานวน โวหาร ถกู ตอ้ ง ตรงกบั โวหารทต่ี รงกบั เรอ่ื ง โวหารซึ่งตรงกบั เรอ่ื ง โวหาร ความหมายของเรอ่ื ง เปนนส่วนใหญ่ เพยี งบางส่วน ทีเ่ ขียน 3.เน้อื หาสาระ เขยี นเน้อื หาไดค้ วาม เขยี นเนือ้ หาเรอ่ื งได้ เขยี นเน้ือหาของเร่อื ง เขยี นไม่ชดั เจนขาด สมบรู ณช์ ัดเจนอา่ น ชัดเจนดี ไดช้ ดั เจนบ้างขาด เนื้อหาท่สี าคญั ของ 4.ความคดิ ริเริม่ เข้าใจงา่ ย ความชดั เจนบ้าง เรอ่ื ง สรา้ งสรรค์ มีการเขยี นโดยมี มีการเขยี นโดยใช้ ความคิดเหนน ของ มีความคดิ เหนนแต่ ไมม่ คี วามคิดเหนน ของ 5.ความสะอาด ความคิดเหนนของ ตนเองบ้าง ลอกเลยี นของผอู้ ื่น ตนเอง เรยี บร้อย ตนเองอย่างชัดเจน เขยี นหนงั สือ เขียนหนงั สือไม่ค่อย เขยี นหนังสอื ไม่ เขยี นหนังสอื เรยี บร้อยถูกต้องน่า เรยี บรอ้ ย อ่านอยาก เรียบร้อย มีรอยลบ เรียบร้อยถกู ตอ้ งน่า อ่านมีรอยลบ อา่ นไมม่ รี อยลบ เลกน น้อย มาก
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๖ สง่ิ ทวี่ ัดผล/ประเมินผล วธิ วี ัดผล เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ สงิ่ ทวี่ ดั ผล ความรู้ เขียนคาขวญั เรอ่ื ง3 R พา เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 60 องค์ประกอบของคาขวญั เพลิน เขียนคาขวญั การใช้สานวนโวหาร ความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ ทกั ษะกระบวนการ การเขียน แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ ทกั ษะการเขยี น คณุ ลักษณะ สังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินทุก รักความเปนนไทย ทางาน พฤติกรรม รายการ มวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นา 1. ครนู านักเรียนไปศกึ ษาเรยี นรเู้ รือ่ งการคดั แยกขยะ 3R ที่ธนาคารขยะโรงเรียนบา้ นปวงคา (ประชาอทุ ิศ ) ข้ันสอน 2. นักเรยี นร่วมกนั ศึกษาใบความรู้เรอ่ื ง การฝกึ เขยี นคาขวญั อยา่ งถกู วธิ ี 3. ครูแนะนาเก่ียวกบั การเขียนคาขวัญในประเดนนดงั นี้ - องค์ประกอบของคาขวญั - การใช้สานวนโวหาร - การใช้ความคดิ สร้างสรรค์ 4. ครใู หเ้ ขียนคาขวญั เรอื่ ง 3 R พาเพลนิ 5. นกั เรยี นนาเสนอการเขยี นคาขวัญเรื่อง 3 R พาเพลนิ หนา้ หอ้ งเรียน โดย ครคู อยแนะนาและชป้ี ระเดนน สิ่งทถ่ี ูกตอ้ งและข้อแกไ้ ขในดา้ นตา่ งๆ ข้นั สรปุ 6. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุปหลักสาคัญในการเขียนคาขวัญ สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น 2. ธนาคารขยะโรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอุทิศ ) 3. ใบความรู้ เรื่อง การฝกึ เขียนคาขวัญอย่างถูกวธิ ี
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๗ ใบความรู้ เร่ือง “การฝึกเขียนคาขวญั อยา่ งถกู วิธี” ใบความรเู้ รอื่ ง “การฝกึ เขียนคาขวญั อยา่ งถูกวธิ ี” การเขียนค่าขวัญเป็นวชิ าทักษะท่ีจะตอ้ งใช้เวลาในการฝึกฝนให้มากพอ โดยควรฝึกอย่างสม่าเสมอ และฝกึ อย่างถกู วธิ ี ดังน้ี ๑. การรู้จักคา และการสรรใช้คา ผู้รู้คามากและรู้จริงย่อมจะสะดวกที่จะสรรคาให้เหมาะกับ กาลเทศะและบคุ คล ๒. ความคิดในการเขียน ผู้เขียนจะต้องฝึกความคิดให้กว้างไกล โดยการอ่านมาก ฟังมาก อันเปนน ประสบการณ์ทางอ้อม เช่น อา่ นหนังสอื ฟงั ปาฐกถา เปนนตน้ ๓. การตั้งช่ือเร่ืองและการวางโครงเรื่อง ช่ือเร่ืองที่ดีจะต้องบอกบรรยากาศของเรื่องได้อย่าง ชัดเจน สามารถกาหนดทิศทางและขอบข่ายของเนื้อหาได้อย่างแน่นอน ทาให้เหนนประเดนนสาคัญของเร่ือง ซ่งึ จะสามารถขยายความให้ละเอยี ดออกไปไดอ้ ยา่ งพสิ ดาร ๔. การลาดับความคิด หรือการลาดับใจความ การเขียนเรื่องต่างๆ ส่วนมากจะมีสาระสาคัญ หลายประเดนน จึงจะได้เน้ือหาที่สมบูรณ์ ซึ่งจาเปนนจะต้องจัดลาดับความคิดหรือใจความของเรื่องให้ เก่ียวข้องเชื่อมโยงกันอย่างมีระเบียบ อันจะช่วยให้อ่านง่าย เขียนง่าย และจะต้องมีเอกภาพ คือมีความ สอดคลอ้ งกลมกลืนเปนนอันหนึง่ อนั เดียวกัน
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๘ ตวั อย่างแผนจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1หนว่ ย การเรยี นท3ี่ เร่อื ง วัฏจกั รชีวิตสตั ว์ เวลา 2 ชวั่ โมง ………………………………………………...................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัด มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหา ความรกู้ ารแกป้ ัญหารู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเ่ี กิดขึ้นสว่ นใหญ่มรี ปู แบบท่แี น่นอนสามารถ อธบิ าย และตรวจสอบไดภ้ ายใตข้ ้อมลู และเครื่องมือทมี่ อี ยูใ่ นชว่ งเวลานน้ั ๆเขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม มคี วามเกี่ยวขอ้ งสัมพันธก์ ัน ตัวช้วี ดั ป.6/1-8 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ 1. อภปิ รายวัฏจักรชวี ิตของสตั วบ์ างชนดิ และนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 2. อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงรปู ร่างของสัตวใ์ นขณะเจรญิ เตบิ โตได้ 3. เสนอแนวทางในการอนรุ กั ษ์สตั ว์ในทอ้ งถิน่ ได้ ทกั ษะ/กระบวนการ 1. การสารวจ 2. การสงั เกต 3. การสบื คน้ ข้อมูล 4. การอธบิ าย 5. ทักษะการส่อื สาร 6. กระบวนการกลุ่ม 7. กระบวนการแก้ปญั หา 8. กระบวนการสร้างองคค์ วามรู้ คณุ ธรรม จริยธรรม / ค่านยิ ม 1. มีจิตวิทยาศาสตร์ 2. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 3. กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมรวมชั้น 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกบั กระบวนการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์ 3. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตตวั อ่อนของสตั ว์ (ไส้เดอื น ครูเตรยี มลว่ งหนา้ ) แลว้ ให้นกั เรียนบอกว่า เปนน ตวั ออ่ นของสัตวช์ นิดใด พร้อมทั้งใหเ้ หตุผล
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๗๙ 4. ใหน้ กั เรยี นดวู ีดที ศั น์วัฏจกั รชีวิตของปลาและไสเ้ ดือน กิจกรรมกลมุ่ ยอ่ ย 5. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 3 คน รว่ มกันอภปิ รายถึงความแตกตา่ งของวฏั จักรชวี ติ ของปลาและไสเ้ ดือนและทาใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง วฏั จักรชีวิตของสตั ว์ที่ฉันรู้จัก 6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เสนอผลการทากิจกรรมท่ี 1 โดยนาไปแสดงบนป้ายนเิ ทศ 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายถึงความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งวฏั จกั ร ชวี ติ ปลาและสตั วช์ นดิ อน่ื ๆ 8. ครูอภปิ รายรว่ มกับนกั เรยี นในประเดนน - เราสามารถนาความรูเ้ รื่องวฏั จักรชวี ติ ของสัตว์ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างไร สตั ว์เหล่านีม้ ปี ระโยชนอ์ ย่างไรและมแี นวทางในการอนุรกั ษ์อยา่ งไร 9. นกั เรียนกลุม่ เดิมทารายงานเรอื่ ง “สัตวใ์ นท้องถ่นิ ” ในรายงานประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้ 1. สตั ว์ต่าง ๆ ท่ีมีในทอ้ งถิ่น 2. วฏั จักรชีวติ ของสัตว์ 3. การนาความรู้เรอ่ื งวฏั จกั รชวี ติ ของสัตวไ์ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน 4. แนวทางการอนรุ กั ษส์ ัตวใ์ นท้องถนิ่ 5.ครูนดั หมายเวลาส่งรายงาน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม / คา่ นยิ ม 1. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 2. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 4. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ใช้กระบวนการ 5 step และบูรณาการหลกั คิดของหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 หว่ ง 2 เง่ือนไข) ขน้ั ท่ี 1 ตงั้ คาถาม 1. ครูสอบถามนักเรียนว่าสตั ว์ในท้องถน่ิ มอี ะไรบ้าง ลักษณะความเปนน อยู่ โดยให้นกั เรยี น รว่ มกนั ตอบ ข้นั ที่ 2 แสวงหาสารสนเทศ 1. ครแู บ่งกลุม่ ๆ คละความสามารถ กลุม่ ละ 3 คน 2. ใหน้ ักเรียนศึกษาใบความร้ทู ่ี 1 เร่ือง วฏั จกั รของสัตวท์ ฉ่ี นั ร้จู ัก ข้ันที่ 3 สรา้ งความรู้ 1. ครูให้ความรโู้ ดยการปฏิบตั โิ ดยใชฐ้ านการเรยี นรทู้ ่ี ฐานที่ 1 การเรยี นรู้การเพาะเลย้ี งไสเ้ ดือน 2. ครูให้นักเรยี นศึกษาหาขอ้ มลู เพอ่ื นามาเปรยี บเทยี บกบั สัตวช์ นิดอ่นื ๆ ละนามารายงานในเรอ่ื ง “สตั วใ์ น ท้องถ่ิน” ข้นั ที่ 4 สอ่ื สาร 1. ใหผ้ ู้แทนกลุ่มนาเสนอผลงานขนมจอกด้วยวาจาหนา้ ชนั้ เรยี นกลุ่มละ ประมาณ 2 นาที 2. ครใู ห้เพอื่ นนักเรยี นแต่ร่วมกลมุ่ ร่วมกันแสดงความคิดเหนนถึงความแตกต่างของวฏั จกั รชีวิตสตั ว์
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๐ ข้ันท่ี 5 ตอบแทนสังคม 1. ครูใหน้ ักเรียนนาผลงานทไ่ี ดจ้ ากการปฏิบัติ เผยแพรอ่ อกสู่สงั คมด้วย Social Media พร้อมอธบิ าย ขนั้ ตอนวธิ ีการทางาน แลว้ จบั ภาพหนา้ จอจากการเผยแพรป่ ริ้นงานสง่ ครู ในสปั ดาห์ตอ่ ไป 2. ครูสร้างคาถามกระตุ้นความคิดนกั เรยี น เชน่ นักเรียนไดร้ บั ความรอู้ ะไรจากการทากจิ กรรมน้ี , นักเรยี นมีการวางแผนในการทางานน้ีอยา่ งไร การบรู ณาการกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ความพอประมาณ - จดั สรรเวลาในจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. ความมีเหตผุ ล - ไสเ้ ดอื นและปลา สตั วอ์ ่ืนๆในท้องถน่ิ การเลยี้ งดู 3. การมีภมู ิคุ้มกนั ในตวั ท่ดี ี - มกี ารวางแผนในการปฏิบตั งิ าน 4. ด้านความรู้ (เงอื่ นไขความร)ู้ - นักเรยี นมคี วามรูเ้ กย่ี วกบั การเล้ียงไส้เดอื นและปลาใหเ้ จรญิ เตบิ โต 5. ด้านคณุ ลักษณะ (เงอ่ื นไขคณุ ธรรม) - นักเรียนเปนน ผมู้ รี ะเบียบ วินยั ขยนั อดทน และมคี วามรบั ชอบตอ่ การทางานกลุม่ 5. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน - ใบความรู้ที่ 1 เรือ่ ง วฏั จักรของสัตว์ท่ีฉันรจู้ ัก - รายงานเรอ่ื ง “สัตวใ์ นทอ้ งถนิ่ ” 6. แหล่งเรียนรู้ 1. อนิ เทอร์เนนต 2. หอ้ งสมดุ 3. ฐานท่ี 1 การเรยี นรกู้ ารเพาะเล้ยี งไส้เดอื น 11. การวดั และประเมินผล 11.1 การประเมินตามจดุ ประสงค์/ตัวชว้ี ัด จดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั และ เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การผา่ น การประเมนิ 31 – 40 คะแนน ดมี าก 31 – 40 คะแนน ดมี าก 21 – 30 คะแนน ดี 21 – 30 คะแนน ดี อภิปรายวฏั จกั ร การรายงานเรอ่ื ง แบบประเมนิ 11 – 20 คะแนน พอใช้ 11 – 20 คะแนน พอใช้ 0 – 10 คะแนน ควรปรบั ปรงุ 0 – 10 คะแนน ควรปรับปรงุ ชวี ติ ของสตั ว์บาง “สตั ว์ใน 31 – 40 คะแนน ดมี าก 31 – 40 คะแนน ดมี าก ชนดิ และนาความรู้ ท้องถิน่ ” 21 – 30 คะแนน ดี 21 – 30 คะแนน ดี 11 – 20 คะแนน พอใช้ 11 – 20 คะแนน พอใช้ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 0 – 10 คะแนน ควรปรับปรงุ 0 – 10 คะแนน ควรปรับปรุง อธบิ ายการ การรายงานเรอื่ ง แบบประเมนิ เปลย่ี นแปลงรูปรา่ ง “สตั วใ์ น ของสตั วใ์ นขณะ ท้องถ่นิ ” เจรญิ เตบิ โตได้ เสนอแนวทางใน - การสังเกต แบบ - นกั เรียนผ่านเกณฑ์การ อย่างนอ้ ย 80% ของ การอนรุ กั ษส์ ัตวใ์ น - การสอบถาม ประเมินผล ประเมนิ พฤติกรรมรายกลุ่ม นักเรยี นท้ังหมดต้องผา่ นการ ท้องถนิ่ ได้ การทา ประเมินการทากจิ กรรมกลุม่ กิจกรรม กลุม่ 8-10 คะแนน
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๑ 11.2 การประเมินสมรรถนะสาคญั คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และทักษะศตวรรษที่ 21 ประเดน็ การประเมนิ แหล่ง วธิ วี ดั เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน การสังเกต แบบสงั เกต ความถกู ต้อง การคิดอยา่ งมี การสนทนาซกั ถาม การตอบ การประเมินการทา คาถาม แบบสังเกต กิจกรรมกล่มุ 8-10 วจิ ารณญาณ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ คะแนน ประเมนิ การ แบบสังเกต และทักษะในการ ปฏิบัติ แบบประเมนิ การทา ความน่าสนใจและถกู ตอ้ ง การสงั เกต กจิ กรรมกลุ่ม สามารถนาไปเผยแพร่และ แก้ปญั หา ใชป้ ระโยชน์ได้ 8- 10 การสงั เกต แบบประเมินการใช้สอื่ คะแนน (Critical Thinking ประเมินการ การทางานกลมุ่ การรว่ ม and ปฏบิ ัติ เสนอความคดิ เหนน คะแนนความรว่ มมือ 5- Problem Solving) 10 คะแนน ทกั ษะด้านการ การสรา้ งสรรค์ การใช้สารสนเทศในการ ร่วมมือในการแกป้ ญั หา สร้างสรรค์ ชนิ้ งาน และตอบคาถามได้อยา่ ง ถูกต้อง 8-10 คะแนน และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความ การนาเสนอ ร่วมมอื การ กระบวนการ ทางานเปนนทมี และ ทางานกล่มุ ภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership ทักษะดา้ นการ การใช้สารสนเทศ ส่ือสารสนเทศ และ และรเู้ ทา่ ทนั สือ่ เทคโนโลยี (Communications, Information, and Media Literacy
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๒ ตัวอย่างแผนจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 หนว่ ยการ เรยี นท3่ี เรอ่ื ง การทาขนมจอก เวลา 2 ชว่ั โมง ************************************************************************* 1. ผลการเรยี นรู้ 1.รแู้ ละเขา้ ใจในผลผลิต และวิธีการแปรรปู ผลผลติ ทม่ี ีอยใู่ นทอ้ งถิ่นได้อย่างเหมาะสม 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1.ศกึ ษาผลผลิตและวธิ ีการแปรรูปอาหารทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถ่นิ ได้(K) 2. สามารถใชเ้ ครื่องมอื วสั ดอุ ุปกรณใ์ นการแปรรปู อาหารได(้ P) 3. เปนน ผูม้ รี ะเบยี บ วนิ ยั ขยัน อดทน และมีความรับชอบตอ่ การท างานกลุม่ ได้ (A) 3. สาระสาคัญ การทาขนมจอกนั้นเปนนขนมไทยอีกชนิดหน่ึงที่มีประวัติอยุ่คู่กับคนไทยมายาวนาน เเละเปนนขนมท่ีมี ข้นั ตอนการทาไม่อยากทาได้ง่ายไมย่ ุ่งยากเเละซับซอ้ น วัตถดุ บิ ในการทาขนมดอกจอกกนหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ทั่วไปและราคาไม่เเพง ขนมดอกจอกเปนนขนมอีกหน่ึงชนิดที่เหมาจะะอนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ เดนกรุ่นใหมค่ งจะไม่ลมื ไปวา่ เรายังมีขนมไทยอีกหลากหลายชนิดท่มี ที ่ังความอรอ่ ย สวยงาม ความประณีตในการทา เเละราคาไม่เเพงหารับประทานได้งา่ ย ไม่เเพ้ขนมหรู ราคาเเพงในหา้ งสรรพสินค้าเลย เเละทส่ี าคัญเราเปนน คนไทย คนรุ่นใหม่เรากนควรอนุรักษ์ของๆไทยไม่วา่ จะเปนนวัฒนธรรม ขนม หรือการใช้ชีวิตเเบบพอเพียง เพ่ือให้ชนรุ่นหลัง ได้เอาเอาเปนน เเบบอยา่ งตอ่ ไป 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สาระการเรยี นรู้ ศึกษาผลผลติ และวธิ กี ารแปรรปู อาหารทม่ี ีอยูใ่ นทอ้ งถนิ่ โดยใช้วสั ดอุ ุปกรณใ์ นการแปรรปู อาหารเพอ่ื เพม่ิ มูลค่า และสง่ เสริมการประกอบอาชีพ 6. จุดเน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน ทักษะศตวรรษที่ 21 (ใชเ้ ฉพาะแกนหลกั 4Cs) การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทางานเปนนทีม และภาวะผ้นู า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะดา้ นการสือ่ สารสนเทศ และรู้เท่าทนั สอ่ื (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านชวี ติ และอาชพี
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๓ ความยืดหย่นุ และการปรับตวั การรเิ รมิ่ สรา้ งสรรคแ์ ละการเปนน ตัวของตวั เอง ทักษะสงั คม และสงั คมขา้ มวัฒนธรรม การเปนน ผู้สรา้ งหรอื ผูผ้ ลติ และความรับผิดชอบเชอ่ื ถอื ได้ ภาวะผู้นาและความรับผิดชอบ คุณลกั ษณะสาหรับศตวรรษท่ี 21 คุณลกั ษณะดา้ นการทางาน ไดแ้ ก่ การปรับตวั ความเปนน ผู้น า คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรียนรู้ ได้แก่ การช้นี าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรูข้ องตนเอง คณุ ลกั ษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ เคารพผอู้ น่ื ความซ่อื สตั ย์ สานกึ พลเมอื ง 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน - ขนมจอก - ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ผลผลติ และวธิ กี ารแปรรปู อาหาร - ใบความรูท้ ี่ 2 เรื่อง การทาขนมจอก - ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง ผลผลิตและวธิ กี ารแปรรปู อาหาร 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ใชก้ ระบวนการ 5 step และบูรณาการหลกั คิดของหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข) ข้ันที่ 1 ตัง้ คาถาม 1. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ ผลไมท้ อ้ งถ่ิน และการแปรรปู จากผลติ ทมี่ ีในท้องถ่ินมอี ะไรบ้าง โดยใหน้ กั เรยี น ร่วมกันตอบ 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อธปิ รายถงึ ความสาคญั ของการทาขนมจอก การนาไปใชใ้ นงานพธิ ีตา่ งๆ ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาสารสนเทศ 1. ครแู บ่งกลมุ่ ๆ คละความสามารถ กลุ่มละ 6 คน 2. ให้นกั เรียนศึกษาใบความรูท้ ี่ 1 เร่ือง ผลผลติ และวิธีการแปรรปู อาหาร แลว้ สุม่ นกั เรยี นอภิปราย 3. ให้นกั เรียนศึกษาใบความรู้ท่ี 2 เรื่อง การท าขนมจอก แล้วให้นกั เรยี นจัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์สว่ นผสมใหพ้ รอ้ มในการทาขนมจอก ขน้ั ที่ 3 สร้างความรู้ 1. ครแู นะนาวสั ดอุ ปุ กรณ์ เครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้ และสว่ นผสม แลว้ สุ่มนกั เรยี นถงึ การใชอ้ ปุ กรณใ์ นแต่ละ ชนดิ เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 2. ครูสาธติ การทาขนมจอก ตามข้ันตอนใบความร้ทู ี่ 2 เร่ือง การทาขนมจอก 3. ครใู ห้นกั เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนทลี ะขนั้ ไปพรอ้ ม ๆ กบั การสาธติ ของครจู นสาเรจน เสรจน สิน้ กระบวนการทาขนมจอก ขน้ั ท่ี 4 สื่อสาร 1. ให้ผแู้ ทนกลุ่มนาเสนอผลงานขนมจอกด้วยวาจาหนา้ ชนั้ เรียนกลุม่ ละ ประมาณ 2 นาที 2. ครใู ห้เพอ่ื นนกั เรยี นแตร่ ่วมกลุ่มผลดั กันชิมขนมจอก แลว้ ตชิ ม แสดงความคิดเหนน ขน้ั ท่ี 5 ตอบแทนสงั คม 1. ครูให้นักเรียนนาผลงานทไี่ ดจ้ ากการปฏบิ ัติ เผยแพรอ่ อกสู่สงั คมด้วย Social Media พร้อมอธิบาย ขน้ั ตอนวธิ ีการทางาน แลว้ จบั ภาพหน้าจอจากการเผยแพร่ปร้ินงานส่งครู ในสปั ดาห์ตอ่ ไป 2. ครูสรา้ งคาถามกระตุน้ ความคดิ นักเรยี น เช่น นกั เรยี นได้รับความรู้อะไรจากการทากจิ กรรมนี้ , นกั เรยี นตอ้ งใชค้ ณุ ธรรมขอ้ ใดในการทาขนมจอก นกั เรียนมหี ลักความพอประมาณใน
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๔ การทางานน้ีอยา่ งไร การบรู ณาการกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอประมาณ - จดั สรรเวลาในจดั กิจกรรมการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. ความมเี หตุผล - สบั ปะรดเปนน ผลไม้ของท้องถิ่น การแปรรปู อาหารทาให้เพม่ิ มลู คา่ 3. การมภี ูมิคมุ้ กันในตัวทีด่ ี - มีการวางแผนในการปฏิบตั งิ าน 4. ด้านความรู้ (เงอื่ นไขความร)ู้ - นกั เรยี นมีความรู้เกยี่ วกับผลผลิตและวธิ ีการแปรรปู อาหาร 5. ดา้ นคุณลักษณะ (เงอื่ นไขคุณธรรม) - นักเรียนเปนน ผูม้ ีระเบยี บ วนิ ยั ขยัน อดทน และมีความรับชอบตอ่ การทางานกลุ่ม 9. สื่อการสอน 1. ใบความรูท้ ี่ 1 เรอื่ ง ผลผลติ และวธิ ีการแปรรูปอาหาร 2. ใบความร้ทู ่ี 2 เร่ือง การทาขนมจอก 3. วัสดุ อปุ กรณ์ ในการแปรรปู อาหาร 10. แหล่งเรยี นรู้ 1. อนิ เทอร์เนตน 2. หอ้ งสมดุ 3. ฐานการเรียนรู้ที่ 4 การเรยี นรกู้ ารทาขนมไทย 11. การวัดและประเมินผล 11.1 การประเมินตามจดุ ประสงค/์ ตวั ช้วี ัด จุดประสงค์ วิธีการวดั และการ เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การผา่ น ประเมิน ศกึ ษาผลผลิตและ การตรวจผลงาน แบบประเมิน 31 – 40 คะแนน ดมี าก 31 – 40 คะแนน ดมี าก 21 – 30 คะแนน ดี 21 – 30 คะแนน ดี วิธ๊การแปรรปู จากใบ งานที่ 1 อาหารทมี่ อี ยใู่ น เรอ่ื งผลผลิต และ 11 – 20 คะแนน พอใช้ 11 – 20 คะแนน พอใช้ ทอ้ งถนิ่ ได้ วธิ ีการแปรรูป 0 – 10 คะแนน ควรปรบั ปรุง 0 – 10 คะแนน ควรปรับปรุง อาหาร สามารถใชเ้ ครอ่ื งมอื การตรวจผลงาน แบบประเมิน 31 – 40 คะแนน ดมี าก 31 – 40 คะแนน ดมี าก 21 – 30 คะแนน ดี 21 – 30 คะแนน ดี และวสั ดอุ ปุ กรณ์ใน และวธิ กี ารทางาน การแปรรปู อาหาร ขนมจอก 11 – 20 คะแนน พอใช้ 11 – 20 คะแนน พอใช้ ได้ 0 – 10 คะแนน ควรปรบั ปรงุ 0 – 10 คะแนน ควรปรบั ปรงุ เปนน ผูม้ ีระเบยี บวินยั - การสังเกต แบบ - นักเรยี นผ่านเกณฑก์ าร อย่างนอ้ ย 80% ของ ขยัน อดทน และมี - การสอบถาม ประเมนิ ผล ประเมนิ พฤติกรรมราย นกั เรียนทงั้ หมดต้องผา่ น ความรบั ผิดชอบต่อ การทากจิ กรรม กล่มุ การ ประเมินการทา การทางานกล่มุ กลมุ่ กิจกรรมกลมุ่ 8-10 คะแนน
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๕ 11.2 การประเมินสมรรถนะสาคญั คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และทักษะศตวรรษท่ี 21 ประเดน็ การประเมนิ แหล่ง วธิ วี ดั เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน การสังเกต แบบสงั เกต ความถูกต้อง การคิดอยา่ งมี การสนทนาซกั ถาม การตอบ การประเมินการทา คาถาม แบบสงั เกต กิจกรรมกล่มุ 8-10 วจิ ารณญาณ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ คะแนน ประเมนิ การ แบบสงั เกต และทักษะในการ ปฏิบัติ แบบประเมนิ การทา ความนา่ สนใจและถกู ตอ้ ง การสงั เกต กจิ กรรมกลุม่ สามารถนาไปเผยแพร่และ แก้ปญั หา ใชป้ ระโยชน์ได้ 8- 10 การสงั เกต แบบประเมินการใช้สอ่ื คะแนน (Critical Thinking ประเมินการ การทางานกลมุ่ การรว่ ม and ปฏบิ ัติ เสนอความคดิ เหนน คะแนนความรว่ มมือ 5- Problem Solving) 10 คะแนน ทกั ษะด้านการ การสรา้ งสรรค์ การใชส้ ารสนเทศในการ รว่ มมือในการแก้ปญั หา สร้างสรรค์ ชนิ้ งาน และตอบคาถามได้อยา่ ง ถกู ต้อง 8-10 คะแนน และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะด้านความ การนาเสนอ รว่ มมอื การ กระบวนการ ทางานเปนนทมี และ ทางานกล่มุ ภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership ทักษะดา้ นการ การใช้สารสนเทศ ส่อื สารสนเทศ และ และรเู้ ทา่ ทนั สือ่ เทคโนโลยี (Communications, Information, and Media Literacy
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๖ ตวั อย่างแผนจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนที่3 เร่ืองพืชผกั หลากสสี นั เวลา 1 ชวั่ โมง .............................................................................................................................................................................. 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชมและ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั 2. ตัวช้ีวดั มฐ.ศ 1.1 ป. 1/3 มีทกั ษะพืน้ ฐานในการใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์สรา้ งงานทัศนศิลป์ มฐ.ศ 1.1 ป. 1/4 สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ โดยการทดลองใชส้ ดี ว้ ยเทคนิคงา่ ยๆ 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายลกั ษณะภาพท่ีระบายสีแบบเสน้ บงั คบั สี 2. ใชส้ เี ทียนระบายสแี บบเสน้ บงั คับสี 3. ชน่ื ชมผลงานการใชส้ เี ทยี นระบายสีแบบเสน้ บงั คบั สี 4. สาระสาคัญ การระบายสีเทียนแบบเสน้ บงั คับสีจะทาใหภ้ าพดชู ัดเจน สสี ดใส 5. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ การระบายสีแบบเสน้ บงั คบั สี ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด การสรุปความรู้ การปฏิบัติ การปรับปรงุ การประเมินคา่ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ มัน่ ในการทางาน 6. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูชแ้ี จงจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. ใหค้ รสู าธติ การวาดภาพระบายสีแบบเสน้ บังคบั สีให้นกั เรียนดู 3. ให้นักเรยี นสารวจแหล่งเรยี นรู้ ฐานการปลูกพืชสวนครวั ในโรงเรยี น จากน้นั ให้วาดภาพส่งิ ท่เี หนนโดย ใช้วิธีการระบายสีแบบเสน้ บงั คบั สลี งในกระดาษวาดเขยี นหรอื กระดาษ A4 4. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ การใช้สีเทียนระบายแบบเส้นบังคับสีจะทาให้ภาพดูชัดเจน สสี ดใส 5. ให้นักเรียนนาผลงานไปตดิ ป้ายนิเทศ
รายงานผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๗ 7. สอื่ การเรยี นรู้ 1. ภาพวาด 2. กระดาษวาดเขียนหรอื กระดาษ A4 3. ฐานการปลูกพชื สวนครวั 4. 8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. วธิ ีการวัดและประเมินผล สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. เคร่ืองมอื แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 3. เกณฑ์การประเมนิ การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๘ แบบบันทกึ การใชแ้ หล่งเรยี นรู้
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๘๙
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๐
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรบั การประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๑
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๒ ตวั ชว้ี ดั ท๔่ี .๓ แหล่งการเรยี นร้ดู า้ นสอ่ื เทคโนโลยี -โรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอุทิศ )แหลง่ การเรยี นรู้ดา้ นสอ่ื เทคโนโลยี โดยผ่านระบบ ทรูออนไลน์ ผา่ น ระบบอนิ เทอรเ์ นนตความเรวน สงู
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๓ - โรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ศิ )แหล่งการเรยี นร้ดู ้านสอื่ เทคโนโลยี ห้องการเรยี นรู้หอ้ งปฏิบตั ิการ คอมพวิ เตอรท์ นี่ ักเรยี นสามารถไปสืบค้นขอ้ มูลออนไลน์ -โรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอุทิศ )แหลง่ การเรยี นรู้ด้านสอื่ เทคโนโลยี ห้องสมดุ ยงั มคี อมพวิ เตอรใ์ น
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๔ การค้นหาข้อมลู ทางอินเทอรเ์ น็ต
รายงานผลงานเพอื่ ขอรับการประเมนิ โรงเรยี นตน้ แบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๕ -โรงเรยี นบา้ นปวงคา(ประชาอทุ ิศ )แหล่งการเรยี นรดู้ ้านสอ่ื เทคโนโลยี ศูนยก์ ารเรยี นรู้ยโู ซเนต USONET ของ กสทช. เนตประชารฐั -โรงเรียนมหี อ้ งเรยี นคณุ ภาพทกุ ชน้ั เรียนของโรงเรียนบา้ นปวงคา(ประชาอุทศิ ) จะมีคอมพวิ เตอร์ท่ี
รายงานผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมินโรงเรยี นต้นแบบสหกรณ์ Best of the best ๑๙๖ นกั เรยี นสามารถสบื ค้นข้อมลู ตา่ งๆและมโี ทรทัศนท์ กุ ชน้ั เรยี นเพอ่ื ใชใ้ นการเรยี นรผู้ ่านระบบออนไลน์ เพื่อใช้ในการ จัดการเรียนการสอน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221