วิทยาการคำนวณ ป.4

1



สารบัญ บทท่ี 1 บทท่ี 2 บทท่ี 3 บทที่ 4 บทท่ี 5 บทท่ี 6 บทท่ี 7 บทที่ 8 บทที่ 9 แนวทางการจดั การเรยี นการสอนรายวิชาพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4

1บทท่ี เที่ยวบา้ นคุณยาย 1 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 รจู้ ักความหมายของอัลกอริทมึ 1.2 ยกตัวอย่างอัลกอริทึมทใี่ ช้แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน 1.3 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา 2 ตวั ชี้วดั ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์จากปัญหาอยา่ งง่าย 3 สาระการเรยี นรู้ 1. การใชอ้ ัลกอรทิ มึ แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั 2. การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ 4 แนวคดิ อัลกอริทึม (algorithm) เป็นข้ันตอนวิธีใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งใน ชีวิตจริงและในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ ปัญหาหน่ึงอาจมีอัลกอริทึมใน แกป้ ัญหาได้หลายวธิ ี แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4

บทที่ 1 เท่ยี วบา้ นคณุ ยาย แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 5

บทท่ี 1 เทย่ี วบ้านคุณยาย 6 แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4

บทที่ 1 เท่ยี วบา้ นคณุ ยาย แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 7

8

2โปรแกรมแสนสนกุ บทท่ี แนวทางการจดั การเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4

บทท่ี 1 เที่ยวบา้ นคณุ ยาย 10 แนวทางการจัดการเรียนการสอนรายวชิ าพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4

บทที่ 1 เท่ยี วบ้านคุณยาย แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 11

บทท่ี 1 เที่ยวบา้ นคณุ ยาย 12 แนวทางการจัดการเรียนการสอนรายวชิ าพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4

บทที่ 1 เท่ยี วบ้านคุณยาย แนวทางการจัดการเรยี นการสอนรายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 13





4บทท่ี ข้อมูลในโลกออนไลน์ 1 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ รวบรวมขอ้ มูลและประมวลผลข้อมูล 2 ตัวชี้วดั ป.4/4 รวบรวม ประเมิน นาเสนอ ข้อมูล และสารสนเทศโดยใช้ ซอฟต์แวร์ท่หี ลากหลายเพ่อื แก้ปัญหาในชวี ิตประจาวนั 3 สาระการเรยี นรู้ การรวบรวมขอ้ มลู และประมวลผลประมวลผลอย่างง่าย 4 แนวคดิ - ขอ้ มูล หมายถงึ ลกั ษณะหรอื รายละเอียดเกี่ยวกับส่งิ ใดส่งิ หน่ึง - วิธีการที่ใช้ในการสารวจข้อมูล เช่น การสังเกต การวัด การสัมภาษณ์ การตอบแบบสอบถามดว้ ยกระดาษหรอื ออนไลน์ - อุปกรณห์ รอื เคร่อื งมอื ทใี่ ชส้ าหรับบันทึกและรวบรวมข้อมูล เช่น ปากกา ดนิ สอ ยางลบ สมุดบนั ทึก เคร่ืองคอมพิวเตอร์ - การประมวลผลข้อมูล เช่น การคานวณ การเปรียบเทียบ การจาแนก ประเภท 12 แนวทางการจดั การเรยี นการสอน

บทท่ี 4 ขอ้ มลู ในโลกออนไลน์ 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 1.ครูนาเข้าสู่บทเรยี น ขอ้ มูลในโลกออนไลน์พอสังเขป 2.ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันเองตามใจชอบหลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จ แล้วก็แจกใบงานให้แต่ละกลมุ่ 3.โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มจะต้องแบ่งหนา้ ที่กันเองโดยมีคนหาข้อมูล (ก่ีคนก็ได้) คนจดบันทกึ 1 คน และคนนาเสนอ(กี่คนก็ได้) จากนั้นพอแบ่ง หนา้ ที่ไดแ้ ล้วกล็ งมือชว่ ยกนั ทาใบกจิ กรรมทไ่ี ด้รับ 4.ให้นกั เรยี นออกแบบการนาเสนอและนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน 5.ประเมินผลจากวิธีการนาเสนอและข้อมูลท่ีได้มา รายวชิ าพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 17

บทท่ี 4 ขอ้ มลู ในโลกออนไลน์ ใบงานที่ 4.1 ข้อมลู ไหนจรงิ ข้อมลู ไหนเท็จ คาช้แี จง: ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ว่าข้อมลู จริงหรอื เท็จพรอ้ มอธิบายโดยจะ หาคาตอบด้วยวธิ ีไหนก็ได้ 1. นกสามารถบนิ ได้จริงหรือ? ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 2. โลกที่พวกเราอาศัยอยู่เป็นวงกลมหรอื แนวราบแบน? ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 3. ไกบ่ นิ บินไดเ้ พราะมีปีกเหมือนกบั นกใช่ไหม? ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 4. นกเอยี้ งสามารถพูดได้ด้วยนะจริงรึเปล่า? ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 5. มด แมงมมุ แมงปอ ฯลฯ ไม่ใช่ “สตั ว์” ใช่ไหมเพราะพวกมนั อยู่ในตระกูล “แมลง” ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... สมาชิกในกลุ่ม ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ 18 แนวทางการจัดการเรยี นการสอน



5บทที่ แสบตอ้ งเสริ ์ช 1 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 คน้ หาขอ้ มลู จากอนิ เตอรเ์ นต็ 1.2 ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูล 1.3 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย 2 ตวั ชวี้ ดั ป.4/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้และประเมินความน่าเช่ือถือของ ข้อมูล ป.4/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและหนา้ ท่ี ของตนเคารพในสิทธิของผู้อ่ืนแจ้งผู้เก่ียวข้องเม่ือพบข้อมูลหรือบุคคลที่ ไม่เหมาะสม 3 สาระการเรยี นรู้ - การใช้คาค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทาให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและ ตรงตามความต้องการ - การรวบรวมข้อมูล ทาได้โดยกาหนดหัวข้อที่ต้องการเตรียมอุปกรณ์ ในการจดบนั ทกึ 20 แนวทางการจดั การเรียนการสอน

บทท่ี 5 แสบต้องเสริ ์ช 4 แนวคดิ - การคน้ หาข้อมูลไดโ้ ดยใช้โปรแกรมคน้ หา (search engine) - ก า ร ร ะ บุ ค า ส า ค ั ญ ( keyword) ใ น ค า ค้ น ใ ห้ ช ั ด เ จ น แ ล ะ เฉพาะเจาะจงจะทาให้ได้ขอ้ มลู ท่ีตรงตามความต้องการ - การเลือกใช้ข้อมูลควรเลือกจากแหล่งข้อมูลท่ีมีความน่าเช่ือถือ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ยูอาร์แอล ช่ือผู้เขียน วันท่ี เผยแพรข่ อ้ มูล แหล่งที่มาของข้อมลู - ก่อนนาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตไปใช้ต้องประเมินความน่าเช่ือถือ ของข้อมูลและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเร่อื งสขุ ภาพ - การปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตัวช่วยให้ปลอดภัยจากผไู้ ม่หวังดี 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มละเท่าๆ กันเพ่ือตอบคาถามและเป็น คะแนนกล่มุ 2. ครูนาเข้าสู่บทเรียน การค้นหาข้อมูลได้โดยใช้โปรแกรมค้นหา โดยหาจากแหลง่ ที่น่าเช่ือถอื พอสงั เขบ 3. ครแู จกใบกิจกรรมให้นักเรียนทาโดยให้เวลาการสืบค้นข้อมูลและ นาเสนอหนา้ ชั้นเรียนไมจ่ ากัดจานวนสมาชกิ โดยให้เวลาทา 40 นาที 4. ครใู ห้นกั เรียนนาเสนอหนา้ ช้นั กล่มุ ละไมเ่ กนิ 2 นาที 5. ประเมินผลจากวิธีการนาเสนอความร่วมมือของกลุ่มและความ ถกู ต้องและปลอดภัยจากการสบื ค้น รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 21

บทท่ี 5 แสบต้องเสริ ์ช ใบงานที่ 5.1 การคน้ หาข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ คาชี้แจง: ให้นกั เรยี นค้นหาข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็ เร่อื ง การปอ้ งกันจากตัวเองจาก โคโรน่าไวรสั ฝึกปฏิบตั ิตามขั้นตอนดา้ นลา่ งนี้ 1. โคโรน่าไวรสั มีท่ีมาและกาเนิดมาจากประเทศไหนได้อยา่ งไร ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 2. โคโรน่าไวรัสมีอกี ช่ือหน่ึงวา่ อยา่ งไร ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 3. การปอ้ งกนั โคโรน่าไวรสั ตอ้ งสวมใส่อะไรและตายได้ด้วยวิธีใดบ้าง ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... 4. อาการของโคโรน่าไวรัสเป็นอย่างไรบา้ งอธบิ ายมาพอสังเขป ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... ............................................................................................................................... สมาชกิ ในกล่มุ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ 22 แนวทางการจดั การเรยี นการสอน



6บทที่ บางแสนแสนสขุ 1 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 วิเคราะหป์ ัญหาและสรา้ งทางเลือกในการแกป้ ัญหา 2.2 ประเมินผลขอ้ มลู เพ่อื ใชใ้ นการแก้ปัญหา 2 ตัวชว้ี ดั ป.4/4 รวบรวม ประเมิน นาเสนอ ข้อมูล และสารสนเทศโดยใช้ ซอฟตแ์ วรท์ ่ีหลากหลายเพ่อื แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวนั 3 สาระการเรยี นรู้ - การวิเคราะหแ์ ละสรา้ งทางเลือก 4 แนวคดิ - ปัญหาหน่ึงอาจมีทางเลือกในการแก้ปัญหาได้หลายวิธี การเลือก วธิ ีการแกป้ ัญหาทีเ่ หมาะสมข้นึ อยู่กับข้อมูล เง่ือนไขและเหตผุ ล - การสร้าง ทาง เลือกและกา รตั ดสิน ใจ เป็ น ส่ิงที่ เกิด ข้ึนใ น สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจาวัน การตัดสินใจท่ีดีเกิดจากการหา ข้ อ มู ล ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง อ ย่ า ง ค ร บ ถ้ ว น แ ล ะ วิ เ ค ร า ะ ห์ ผ ล ท่ี ไ ด้ ว่ า ต ร ง ก ั บ จุดประสงค์ที่กาหนดไวม้ ากนอ้ ยเพียงใด 24 แนวทางการจัดการเรยี นการสอน

บทที่ 6 บางแสนแสนสุข 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 1. การจดั เตรยี ม 1.1 ใบกิจกรรม ตามจานวนนกั เรยี น 1.2 เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ที่เช่อื มตอ่ อินเทอร์เนต็ 2. ขนั้ ตอนการดาเนินการ 2.1 ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยการระบุสถานท่ีท่ีนักเรียนรู้จัก และ ให้ นักเรยี นบอกวธิ ีการ ที่จะเดินทางจากสถานทน่ี ัน้ มายังโรงเรียนหลายๆ วธิ ี 2.2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าวิธีที่เพ่ือนเลือกเป็นวิธีท่ี เหมาะสมหรือไม่ พร้อมบอกเหตุผลและเปรียบเทียบว่าแต่ละวิธีมีข้อดี ขอ้ เสียแตกต่างกนั อย่างไร 2.3 ครูนานักเรียนศกึ ษาเน้ือหาในหนังสือเรียนบทที่ 6 เร่ืองบางแสน แสนสขุ แล้วอภปิ รายความร้ทู ีไ่ ด้ โดยอาจใชป้ ระเดน็ ตอ่ ไปนี้ - ในเน้ือเร่ืองมกี ารแกป้ ัญหาเกย่ี วกับเร่อื งอะไรบา้ ง - แต่ละเร่อื งตอ้ งใชข้ อ้ มลู อะไร มีการประมวลผลอยา่ งไร - ตัวละครเลือกวธิ ีการใด เพราะเหตุใด - นกั เรยี นคดิ ว่ามที างเลอื กอ่ืนนอกจากท่ีระบุในหนังสือเรียนอีก หรือไม่ 2.4 ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่มละ 2-4 คน ให้นักเรียนทาใบ กิจกรรมที่ 6.1 เร่ืองวางแผนเท่ียวสวนสัตว์ จากนั้นสุ่มนักเรียนออกมานา เสอนและอภิปรายว่ามีวิธีการเลือกเส้นทางอย่างไร เพราะเหตุใดจึงเลือก เส้นทางน้ัน ซ่ึงครูควรเลือกนักเรียนท่ีมีคาตอบแตกต่างกันเพ่ือนักเรียน เห็นวา่ การสรา้ งทางเลอื กของแต่ละคนอาจมคี วามแตกตา่ งกนั ได้ รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 25

บทที่ 6 บางแสนแสนสขุ 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ (ต่อ) 3. ขนั้ สรุป 3.1 ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายสรปุ ในประเดน็ ดังนี้ - นักเรียนไดร้ บั ความรู้อะไรจากกิจกรรมนี้ - นักเรียนคิดว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้างที่ทาให้เราตัดสินใจ เลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดหรือดีที่สุดในการแก้ปัญหาหรือทา กิจกรรม ใ ดๆ (รวบรวม ข้อมู ลท่ีเ กี่ยวข้ องเ พ่ื อสร้ า งทา งเ ลือก เปรยี บเทยี บ พิจารณาเง่ือนไขและเหตุผล) - ในชวี ิตประจาวนั ของนักเรียนมีกจิ กรรมใดบา้ งท่ีต้องทางเลือก (ซ้อื สนิ ค้า ทางานบา้ น) - นักเรียนจะนาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน อยา่ งไร 26 แนวทางการจดั การเรียนการสอน

บทท่ี 6 บางแสนแสนสขุ ใบงานที่ 6.1 วางแผนเทีย่ วสวนสัตว์ คาชแี้ จง: ให้นักเรียนลากเส้นทางว่าจะไปแวะส่วนไหนขอวสวนสตั ว์บ้าง พรอ้ มทัง้ บอกเหตผุ ล ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ช่ือ……………………………………………………………ช้นั ….......…..เลขที่………...…. รายวชิ าพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 27



มารจู้ กั โปรแกรมซอฟตแ์ วร์ 7บทท่ี พ้นื ฐานกนั 1 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 บอกรปู แบบข้อมลู ได้ 1.2 เลอื กชนิดแผนภูมิใหเ้ หมาะสมกบั ข้อมลู 1.3 ใชซ้ อฟต์แวร์ในการนาเสนอขอ้ มูล 2 ตัวชี้วดั ป.4/4 รวบรวม ประเมิน นาเสนอ ข้อมูล และสารสนเทศโดยใช้ ซอฟต์แวร์ทหี่ ลากหลายเพ่อื แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 การนาเสนอข้อมูล 3.2 การใช้ซอฟตแ์ วร์นาเสนอข้อมูล 4 แนวคดิ - ข้อมูลมีหลายรูปแบบ ท้ังข้อความ รูปภาพ และข้อมูลเชิงปริมาณใน รูปแบบของตาราง - ข้อมูลในน้ันมีประโยชน์ การนาเสนอข้อมูลที่ดีจะทาให้ผู้ฟังเข้าใจได้ งา่ ยข้นึ ข้อมูลแตล่ ะรปู แบบมีการนาเสนอท่ีตา่ งกัน - การนาเสนอเชิงปริมาณสามารถ นาเสนอในรูปแบบ แผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิวงกลม แผนภูมิแทง่ รายวิชาพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 29

บทที่ 7 มารูจ้ ักโปรแกรมซอฟต์แวร์พ้ืนฐานกัน 4 แนวคดิ (ต่อ) - ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ชใ้ นการสร้างแผนภมู ิรปู ภาพ เช่น ซอฟตแ์ วรก์ ราฟิก - ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างแผนภูมิวงกลม แผนภูมิรูปภาพ เช่น ซอฟต์แวรต์ ารางทางาน - แผนภูมทิ กุ ชนิดมปี ระโยชน์ แต่ละชนิดจะมีข้อจากดั แตกต่างกันควน เลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชนิดของข้อมูลและจุดประสงค์ของการนาเสนอ 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 1. เตรียมใบกิจกรรมตามจานวนนักเรียนและเตรียมคอมพิวเตอร์ท่ี เช่ือมอนิ เทอร์เนต็ ครนู าเขา้ สบู่ ทเรยี น และศกึ ษาเน้ือหาบทที่ 7 และอธิบาย อย่างละเอียดใหน้ ักเรยี นเข้าใจ ครสู าธติ การใช้งาน 2. ครูอธิบายเร่ืองการทาใบกิจกรรมและให้นักเรียนแบ่งกลุ่มและ ลองลงมือทา 3. ครูสุ่มนาเสนอผลงานและร่วมกันอภิปรายคาส่ังต่าง ๆ ท่ีนักเรียน นามาใชใ้ นการสรา้ งช้นิ งาน 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และให้นักเรียนทาใบกิจกรรมที่ 1 การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น โดยกิจกรรมน้ี นักเรียนจะใช้ซอฟต์แวร์หรือไม่ก็ได้และจะสุ่มนักเรียน ออกมานาเสนอพรอ้ มอธิบายประโยชน์ 30 แนวทางการจดั การเรยี นการสอน

บทท่ี 7 มารจู้ กั โปรแกรมซอฟต์แวร์พ้นื ฐานกัน ใบงานที่ 7.1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น คาชแ้ี จง: ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้พร้อมอธบิ ายตามความเข้าใจ 1.ให้นักเรียนสรุปค่าใช้จ่ายเฉล่ียภายในบ้านของตนเองใน 1 วัน .............................................................................................................. .............................................................................................................. 2.ให้นักเรียนใช้โปรแกรมค้นหาตาแหน่งของบ้านและโรงเรียนว่าสอง จุดนี้มีระยะทางเท่าไหร่ (อาจใช้ภาพจากโปรแกรมนาเสนอได้แล้วแต่ ความสะดวก) .............................................................................................................. .............................................................................................................. .............................................................................................................. .............................................................................................................. 3.ให้นักเรียนหารายช่ืออาหารกลางวัน 1 ม้ือ ว่ามีสารอาหารและข้อมูล ทางโภชนาการอะไรบ้าง .............................................................................................................. ............................................................................................................. .............................................................................................................. .............................................................................................................. ช่ือ……………………………………………………………ชั้น….......…..เลขท…ี่ ……...…. รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 31



อยา่ ไวใ้ จทางอย่าวางใจขา่ ว 8บทที่ 1 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 เพ่ือให้นักเรยี นประเมินความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู ได้ 1.2 เพ่ือให้นักเรียนเขยี นอา้ งอิงแหล่งข้อมลู ได้ 2 ตวั ชีว้ ดั ป.4/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ คน้ หาความรแู้ ละประเมนิ ความน่าเช่ือถือของขอ้ มูล ป.4/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเข้าใจสิทธิและหนา้ ที่ของ ต น เ ค า ร พ ใ น สิ ท ธิ ข อ ง ผู้ อ่ื น แ จ้ ง ผู้ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง เ ม่ื อ พ บ ข้ อ มู ล ห รื อ บุ ค ค ล ที่ ไ ม่ เหมาะสม 3 สาระการเรยี นรู้ การประเมินความน่าเช่อื ถือและการอา้ งองิ แหล่งขอ้ มูล 4 แนวคดิ - การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลในเว็บไซต์สามารถพิจารณา ได้จากหน่วยงานหรือเจ้าของเน้ือหาที่เผยแพร่ผู้เขียนวันที่เผยแพร่ข้อมูล การอ้างอิงแหล่งข้อมลู - การอ้างอิงแหล่งข้อมูลทาให้ข้อมูลที่แสดงมีความน่าเช่ือถือช่วยให้ ผู้ใช้ข้อมูลสามารถค้นคว้าเพ่ิมเติมจากแหล่งท่ีอ้างถึงและเป็นการแสดง สทิ ธแิ กผ่ ู้เป็นเจ้าของขอ้ มลู ดว้ ย รายวชิ าพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 33

บทท่ี 8 อย่าไว้ใจทางอยา่ ไว้ใจขา่ ว 4 แนวคดิ (ตอ่ ) - ลักษณะที่สาคัญของข่าวลวงคือมักจะกระตุ้นอารมณ์ของผู้อ่านให้เกิด ความร้สู กึ เช่นความกลัวความโลภความเกลยี ดชัง - การส่งต่อข้อมูลท่ีผิดหรือข้อมูลท่ีไม่เป็นความจริงจะทาให้เกิดความ วุ่นวายและอาจมีความผดิ ตามกฎหมาย - เม่ือได้รับข้อมูลข่าวสารทางส่ือสังคมควรตรวจสอบและประเมินความ น่าเช่ือถือของข้อมูลทกุ คร้ัง - ส่ือสังคมมีท้งั ประโยชน์และโทษควรใช้อยา่ งเหมาะสมและระมดั ระวงั 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจดั เตรยี ม 1. แบบฝึกทักษะรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 สสวท. 2. คลปิ วิดีโอการใช้มือถืออยา่ งปลอดภัย ขัน้ ตอนดาเนินการ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเร่ืองเกี่ยวกับการรับข้อมูลข่าวสารว่า“ ปัจจุบันนักเรียนได้รับข่าวสารจากแหล่งข้อมูลใดบ้าง” (โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์วิทยุเว็บไซต์ส่ือสังคมออนไลน์) จากนั้นครูให้นักเรียน ยกตัวอย่างข่าวและให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่านักเรียนเช่ือข่าวเหล่านี้ หรือไมเ่ พราะเหตใุ ด 34 แนวทางการจดั การเรยี นการสอน

บทที่ 8 อยา่ ไว้ใจทางอย่าไวใ้ จขา่ ว 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ (ตอ่ ) 2. ครูนานักเรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรียนบทที่ 8 เร่ืองอย่าไว้ใจ ทางอย่าวางใจข่าวและรว่ มกันอภิปรายความรูท้ ่ไี ด้รับ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ ว่าควรมีรายละเอียดใดบ้าง (แหล่งที่มาของข้อมูลวันที่เผยแพร่ข้อมูลหรือ การรับรองข้อมลู จากหน่วยงานของทางราชการ) 4. ครใู หน้ ักเรยี นยกตวั อย่างข้อมูลที่ได้รับในส่ือสังคมออนไลน์แล้วให้ นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายว่าขอ้ มลู เหลา่ น้ีมคี วามน่าเช่ือถือหรอื ไมเ่ พราะอะไร 5. ครูตั้งคาถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า“ ผลเสียของการ ได้รับข่าวสารที่ไม่ถูกต้องคืออะไรบ้างจากนั้นนักเรียนในห้องร่วมกัน อภิปรายและสรุปผลเสียของการได้รับข่าวสารท่ีไม่ถูกต้องเพ่ือให้นักเรียน ได้ตระหนกั ถงึ ผลกระทบทจ่ี ะเกดิ ข้ึนจากขา่ วลวง 6. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มกลุ่มละ 4 คนเพ่ือทาใบกิจกรรมท่ี 8.1 เร่ืองรู้ทันส่ือจากนั้นลุ่มนักเรียนออกมานาเสนอคาตอบและอภิปราย ข้อคดิ เหน็ เพ่มิ เตมิ 7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบกิจกรรมที่ 8.2 เร่ืองรายงานระบบ สุริยะโดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มกลุ่มละ 4 คนจากน้ันสมาชิกในกลุ่มจับคู่ กันแบ่งเป็นกลุ่มย่อยให้สมาชิก 2 คนแรกพิจารณาและตอบคาถามของ เว็บไซต์ท่ี 1 และอกี 2 คนพิจารณาและตอบคาถามของเวบ็ ไซตท์ ่ี 2 แล้วให้ สมาชิกทั้ง 4 คนร่วมกันพิจารณาและตอบคาถามของเว็บไซต์ที่ 3 จากน้ัน สมุ่ นกั เรียนนาเสนอและอภิปรายร่วมกนั รายวชิ าพ้ืนฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 35

บทท่ี 8 อย่าไว้ใจทางอย่าไวใ้ จข่าว ใบงานที่ 8.1 รู้เท่าทันส่ือ คาช้ีแจง: ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1.ส่อื ทเี่ หมาะสมสาหรบั สาหรับเดก็ ทัว่ ไปมีอะไรบ้าง ต อ บ ………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………. 2. ละครท่ีไม่เหมาะสมสาหรบั เดก็ มีลกั ษณะอยา่ งไร ต อ บ ………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… 3 . จ ง อ ธิ บ า ย ส ั ญ ล ั ก ษ ณ์ น้ี ห ม า ย ถึ ง อ ะ ไ ร ต อ บ …………………………………………………………… …………………………………………………………………… 4.จงอธบิ ายสัญลักษณน์ ้ีหมายถงึ อะไร ต อ บ …………………………………………………………… …………………………………………………………………… …………………………………………………………………… 5.ส่ือออนไลน์หมายถึงอะไร ต อ บ ………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………….... ช่ือ……………………………………………………………ช้นั ….......…..เลขท…่ี ……...…. 36 แนวทางการจัดการเรยี นการสอน

บทท่ี 8 อยา่ ไวใ้ จทางอย่าไวใ้ จขา่ ว ใบงานท่ี 8.2 อ้างองิ แหล่งท่มี า คาชแ้ี จง: ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง 1.อา้ งองิ แหลง่ ที่มา คอื อะไร ต อ บ ………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… 2.ให้นักเรียนยกตัวอย่างช่ือหนังสือและเขียนอ้างอิงแหล่งท่ีมาของ หนังสือเล่มนัน้ มา 5 ตวั อย่าง ต อ บ ………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ช่อื ……………………………………………………………ชั้น….......…..เลขท…่ี ……...…. รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 37



บั้งไฟบุปผชาติ 9บทที่ 1 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ทานายผลลัพธ์จากขัน้ ตอนการแก้ปัญหา 1.2 ตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไขโปรแกรม 2 ตัวชี้วดั ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบาย การทางาน การ คาดการณ์ ผลลพั ธ์ จากปัญหาอยา่ งง่าย ป.4/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและแกไ้ ข 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 การทานายผลลพั ธจ์ ากขนั้ ตอนการแก้ปัญหา 3.2 การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรม 4 แนวคดิ - ผลลัพธข์ องโปรแกรมขน้ี อยกู่ ับสถานะเร่มิ ต้นและคาสัง่ ของโปรแกรม - การทานายผลลัพธ์ทาได้โดยพิจารณาเง่ือนไขของปัญหา และทาตาม คาสั่งของโปรแกรมทีละขนั้ ตอนอย่างรอบคอบ - เม่อื พบขั้นตอนทที่ าใหผ้ ลลัพธ์ของโปรแกรมไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวัง หรือไม่สอดคล้องตามเง่ือนไขของโจทย์ แสดงว่าอาจมีข้อผิดพลาดเกิดข้ึน ในข้นั ตอนนี้ ควรทาการแกไ้ ขเพ่อื นาไปสู่ผลลัพธท์ ่ถี ูกตอ้ ง รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.4 33

บทที่ 9 บัง้ ไฟบปุ ผชาติ 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 1. การจดั เตรยี ม 1.1 ใบกจิ กรรมตามจานวนนักเรียน 2. ขน้ั ตอนการดาเนินการ 2.1 ครูนานักเรียนเข้าสู้บทเรียนที่ 9 เร่ืองบ้ังไฟบุปผชาติ จากนั้น ร่วมกันอภิปรายความรทู้ ่ไี ด้รบั 2.2 ครูให้ความรู้เกี่ยวกับตัวเลขดิจิทัลซ่ึงเป็นการแสดงความสว่าง ให้ปรากฏบนตาแหน่งต่างๆ ที่กาหนดเพ่ือให้อ่านได้เป็นตัวเลขหรือ ตวั อกั ษร 2.3 ครูแจกใบกิจกรรมท่ี 9.1 เป็นการจาลองการแสดงผลตัวเลขหรือ ตวั อกั ษรดจิ ทิ ลั 2.4 หลังจากที่ให้นักเรียนทาใบกิจกรรม 9.1 เร่ืองสร้างตัวเลขดิจิทัล และสมุ่ นักเรียนนาเสนอคาตอบ 3. ขั้นสรุป 3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเน้ือหาเก่ียวกับตัวเลข ดิจทิ ัล 34 แนวทางการจัดการเรียนการสอน

บทท่ี 9 บง้ั ไฟบปุ ผชาติ ใบงานท่ี 9.1 เร่ืองสร้างตัวเลขดิจิทัล คาช้ีแจง:ใหน้ กั เรยี นสงั เกตตัวเลขดจิ ิทัลและจงบอกว่าไฟที่จะแสดงเป็นตวั เลขหรอื ตวั อกั ษรอะไร 11111 1 000 1 ............... 1 101 1 0000 1 10101 1 000 1 11111 1 000 1 0 0 0 0 1 ............... 11111 11111 0001 1 ............... 1 000 1 00 1 0 1 11111 0000 1 0000 1 1 0 0 0 1 ............... 0000 1 1 000 1 11111 11111 000 1 0 0000 1 00 1 00 0 1 000 1 1 1 1 1 ............... 11111 ............... 1 0 0 0 0 11111 ช่ือ……………………………………………………………ช้ัน….......…..เลขท…ี่ ……...…. รายวชิ าพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.4 36