Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วย2 ผ้าและการตัดเย็บ

หน่วย2 ผ้าและการตัดเย็บ

Published by ทัศนี ตรีเจตน์, 2020-11-02 06:58:33

Description: หน่วย2 ผ้าและการตัดเย็บ

Search

Read the Text Version

การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๖ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๗ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๘ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๙ หลักสูตรวิชาการงานอาชีพ แผนการจดั การเรยี นรู้ PowerPoint ประกอบการสอน ใบงาน_เฉลย รวมข้อสอบ การวัดและประเมินผล เสริมสาระ สอื่ เสรมิ การเรยี นรู้

๒หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ผา้ และการตัดเย็บ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อภปิ รายข้ันตอนการทางานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพได้ ๒. ใชท้ กั ษะในการทางานร่วมกันอยา่ งมีคณุ ธรรมได้ ๓. อภิปรายการทางานโดยใช้ทกั ษะการจดั การเพ่อื การประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ้ มได้

การดูแลรกั ษาเส้อื ผา้ หลกั การดูแลรกั ษาเสอื้ ผ้า การใชแ้ ละดูแลรกั ษาเส้ือผ้าต่างๆ น้นั จาเป็นต้องมีหลักการเพอื่ จะได้ปฏิบัตไิ ด้ถูกวิธี และจะไดย้ ดื อายุการใช้งานของเสอื้ ผา้ หลักการใชแ้ ละดูแลรักษาเสื้อผ้าให้ถกู วิธี หากเสื้อผา้ มรี อยเปือ้ นควรทาความสะอาดทนั ที หากเสื้อผ้ามีส่วนทช่ี ารดุ รบี ซ่อมแซมกอ่ นการนาไปซัก

เสื้อผ้าท่ีใสแ่ ล้ว ควรแขวนไม้แขวนเสอื้ ผงึ่ ในบรเิ วณที่มลี มโกรก ควรแยกผา้ สีและผา้ ขาว เพราะผ้าสอี าจสตี กได้ ถุงเท้าเมอื่ สวมใส่แลว้ ต้องซักทกุ ครง้ั เสื้อผ้าท่เี ป้อื นเหง่อื ไคล ควรซักทันที หากทิ้งไว้นานอาจเกิดเช้อื ราได้

เส้ือผ้าบางช้นิ มีวธิ ีซักรีดและเกบ็ รักษา เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ทต่ี ้องใช้ในการดูแลรักษาเสื้อผ้า เชน่ หา้ มขยี้ ห้ามบดิ ห้ามรีด เปน็ ต้น ใหพ้ ร้อมใชง้ าน เส้อื ไหมพรม เสื้อผา้ ทซี่ ักแลว้ ควรผง่ึ แดดหรือลมให้แห้งกอ่ นรดี ควรจดั เกบ็ เสอ้ื ผ้าไวเ้ ป็นหมวดหมหู่ รอื ประเภท

วิธกี ารดูแลรักษาเสอ้ื ผ้า รอยเป้อื นชาและกาแฟ ใชว้ ธิ ีเช็ดออกด้วย สารฟอกขาว แล้วนาไปซักนา้ ผสมสารซักฟอก การขจดั รอยเปอื้ น รอยเปอ้ื นยางผลไม้ ใหน้ าสารส้มมาถบู รเิ วณ รอยเปอื้ นหมึกหยด ให้รบี ขจัดรอยหมกึ โดยขยใี้ นน้า รอยเปื้อน แล้วนาไปซักน้าผสมสารซกั ฟอก ผสมสารซกั ฟอก หรือนากรดออกซาลิกผสมนา้ หรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์แช่เฉพาะสว่ น รอยเปอื้ นไอศกรมี ใชว้ ธิ เี ดยี วกบั รอยเปอ้ื นเนย ครมี และนา้ มัน หรือตม้ ในนา้ ผสมสารละลายโซเดียมไทโอ- รอยเปื้อนลิปสตกิ แชน่ ้าผสมสารซกั ฟอก ซัลเฟตหรือนาไปซักในนา้ อุ่นผสมดว้ ยผงซกั ฟอก ๑๐ - ๑๕ นาที ถ้ายังมีรอยเป้อื นตกค้าง เชด็ ด้วย โซเดียมไฮโดรซัลไฟด์ และเปอร์คลอโรเอทิลีน รอยเป้ือนคราบโคลน ปลอ่ ยใหโ้ คลนแหง้ แล้วใช้แปรงปดั ออก ซกั ดว้ ยนา้ เย็นหลายๆ คร้ัง รอยเป้อื นเลอื ด ให้แช่นา้ และใช้แอมโมเนยี จนไม่มีนา้ โคลนออกมา เจือจางเชด็ แล้วนาไปซกั รอยเป้ือนนมและครีม ใชว้ ิธเี ชด็ ออกดว้ ย รอยเปอื้ นหมากฝรงั่ ใชน้ า้ แขง็ ถูให้หมากฝร่งั สารฟอกขาวไฮเปอร์คลอไรด์ แล้วซักในน้าอ่นุ จบั ตัว แลว้ ใช้สนั มีดขูดออก และเชด็ ดว้ ยสารละลาย ผสมสารซักฟอก เปอร์คลอโรเอทลิ นี รอยเปือ้ นเนย ครีม และน้ามัน กาจดั โดยใช้สารฟอก ขาวไฮเปอร์คลอไรด์หรอื ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ แช่ในน้าร้อน

วธิ กี ารดูแลรกั ษาเสอื้ ผา้ การซกั ผา้ ๑. หากเส้อื ผ้าชารุด ๒. แยกผ้าขาวและผ้าสีออกจากกนั ๓. หากซักผ้าด้วยมือ ควรแชผ่ ้าทงิ้ ไว้ ๔. การซักผา้ ดว้ ยเครือ่ งซักผา้ ให้ทาการซ่อมแซมกอ่ นซัก แลว้ แยกซักเปน็ ประเภท ไม่ซักรวมกนั ในกะละมงั ประมาณ ๑๕ - ๒๐ นาที ควรนาผา้ ใสเ่ ครอ่ื งตามขนาด และความจุ

วิธีการดแู ลรกั ษาเส้อื ผ้า การตากผ้า ๑. ผ้าที่ซักด้วยมือให้บีบนา้ ๒. ควรกลบั ผ้าเอาดา้ นในออก ๓. การตากผ้าสี ควรตากในที่ ๔. การตากเสือ้ ยืด ควรวางพาด ออกกอ่ นตากแทนการบิดผ้า ลมโกรกหรือมแี ดดราไร ไว้บนราวเพอื่ ไม่ใหเ้ สยี รปู ทรง ไม่ควรตากแดดจดั ๕. การตากผ้ากบั ไม้แขวนเสอ้ื ๖. การตากผา้ ขนหนู ๗. กอ่ นตากรองเท้าผา้ ใบ ควรใชผ้ ้าแหง้ สะอาดซับนา้ ให้รองเทา้ ใหใ้ ชม้ ือจัดรูปทรงผา้ ใหเ้ รยี บ กบั ผา้ เชด็ ตวั โดยวางพาดบน ถา้ เปน็ รองเทา้ สีขาวควรนากระดาษชาระสีขาววางปิดบนรองเทา้ ราวตากผา้ และหนบี ดว้ ยไมห้ นีบ

วธิ ีการดูแลรักษาเสือ้ ผา้ การรดี ผ้า ๑. เตรยี มอปุ กรณ์ในการรดี ผา้ ๒. ผา้ ทแ่ี ห้งจัด ต้องพรมน้าก่อน ๓. ปรับอุณหภูมิเตารดี ๔. ไม่ควรวางเตารีดท่ีมีความร้อน ใหพ้ รอ้ ม เช่น ไมแ้ ขวน หรอื ฉีดนา้ ยารดี ผ้าพอหมาด ใหเ้ หมาะกบั ชนิดของผา้ ทิง้ ไวบ้ นผ้ารองรดี กระบอกฉดี นา้ เปน็ ต้น และไม่ควรรีดผ้าในขณะทผี่ า้ ชืน้ ๕. การรดี เสอ้ื ใหร้ ีดปก แขน บ่า ตวั เสือ้ ด้านหน้าและด้านหลัง ๖. ผา้ ชนดิ ใดทีร่ ดี ดา้ นในแล้ว ๗. ระวงั อย่าให้เตารดี ร้อน กางเกงให้รดี ขอบเอว ถุงกระเปา๋ ขา ตวั ด้านหน้าและด้านหลัง ผ้านน้ั เรียบถงึ ดา้ นนอกก็ควร สมั ผสั ผวิ หนัง เมอ่ื รีดเสรจ็ แลว้ การรดี กระโปรงควรรดี ซับใน ขอบตะเข็บและตวั กระโปรงด้านหนา้ รีดดา้ นใน ถอดปล๊ักออกทุกครงั้ และดา้ นหลงั

วธิ ีการดแู ลรกั ษาเสอื้ ผา้ การจัดเก็บเสอื้ ผา้ เครอื่ งแต่งกาย ๑. รองเทา้ กระเปา๋ ๒. จัดเกบ็ เส้ือผ้าให้พน้ ๓. ไม่ควรเกบ็ ผา้ ฝ้าย ๔. การแขวนเสอื้ ควรแขวนด้วย ควรเกบ็ ไว้ในท่อี ากาศระบายได้ จากแสงแดดเพ่ือกนั สีซีด และผ้าลินนิ ในตู้ไม้ ไม้แขวนเสอ้ื และแขวนกระโปรง และใยผา้ แหง้ กรอบ โดยใช้ไมห้ นบี หนบี ขอบ กระโปรง ๕. ควรทาความสะอาด และปดั ๖. คัดแยกเสือ้ ผ้าตามสขี องผ้า ๗. จัดแยกประเภทของเสือ้ ผ้าที่ต้องการพับ เช่น เสื้อ กระโปรง กางเกง เปน็ ต้น เชด็ ชัน้ วางผ้าในตอู้ ยา่ งสมา่ เสมอ และไลร่ ะดับสี

วธิ กี ารดูแลรักษาเสือ้ ผ้า การดแู ลรกั ษา การดแู ลรักษาเครอ่ื งประกอบการแต่งกาย ๑. เมือ่ ใช้แล้วใหเ้ กบ็ โดยแขวนตรงส่วนหวั เขม็ ขัดกบั ตะขอแขวน เครื่องประกอบการแตง่ กาย ๒. ถา้ เป็นเข็มขดั หนัง ให้ใช้แปรงปดั ฝุ่น และขดั ดว้ ยน้ายาขดั เป็นคร้งั คราว ๓. ถา้ เปน็ เขม็ ขดั ผ้าใบ ควรนาไปซักแลว้ ตากให้แห้งสนิท เขม็ ขดั ๔. ถา้ เปน็ เขม็ ขดั เงนิ ควรทาความสะอาดเป็นครงั้ คราวด้วยนา้ สบู่ เครือ่ งประดับ ๑. ไมว่ างทับกัน เพราะจะทาใหเ้ กดิ รอยขดี ขว่ นได้ ๒. เครอ่ื งประดับ เครอ่ื งเงิน ควรจัดเกบ็ โดยหอ่ ด้วยพลาสตกิ ๓. ต้มุ หู ควรจดั เก็บเปน็ คไู่ ว้ดว้ ยกนั อาจจะหอ่ ดว้ ยสาลผี า้ นมุ่ ๔. สรอ้ ยคอควรจัดเกบ็ บรรจุกล่อง ๕. ทาความสะอาดโดยใชผ้ า้ น่มุ เชด็ เบาๆ

เครอื่ งประกอบการแตง่ กาย การดแู ลรักษา รองเทา้ หนงั ๑. ปัดฝุ่นหรอื เช็ดฝุน่ หลังใช้งาน วางผึง่ ลมไวใ้ ห้กลิน่ เหงอื่ แห้งและจดั เกบ็ ๒. ถา้ รองเทา้ เป้ือนโคลนต้องท้ิงไวใ้ ห้แห้ง และเช็ดดว้ ยผ้าช้นื รองเทา้ ผ้าใบ ๓. ระวังอย่าใหร้ องเทา้ เปียกนา้ ถ้าเปน็ รองเท้าหมุ้ สน้ ไม่ควรเหยียบทบั ส้น ๔. ขดั รองเท้าด้วยน้ายาขดั และนาไปตากแดดทกุ สัปดาห์ ๑. เมอ่ื ใชแ้ ลว้ วางผึง่ ให้กลน่ิ เหงอื่ แหง้ จัดเกบ็ ไว้ทแี่ ห้ง ไมอ่ บั ชน้ื ๒. ทาความสะอาดดว้ ยน้าผสมสารซักฟอก และใชแ้ ปรงทมี่ ขี นออ่ น ขดั ให้ท่ัว ๓. ถา้ รองเทา้ เป้ือนโคลนควรท้ิงไว้ให้แห้ง แกะโคลนออก แล้วนาไปซกั ในนา้ ท่ีผสมสารซกั ฟอก ๔. กอ่ นนารองเท้าทซี่ กั ไปตากแดด ควรซบั นา้ ออกใหห้ มดกอ่ น

การซอ่ มแซม ตกแต่ง และดดั แปลงเสื้อผา้ หลักการซอ่ มแซม ตกแต่ง และดัดแปลงเส้ือผ้า เสื้อผ้าทชี่ ารุดหรอื เสือ้ ผ้าเกา่ สามารถนามาซ่อมแซม ตกแตง่ และดดั แปลงให้สามารถใช้งานไดใ้ หม่ โดยมหี ลกั การ ดังน้ี หลกั การซอ่ มแซม ตกแตง่ และดดั แปลงเสื้อผ้า เลือกใชว้ ธิ ีการให้เหมาะสม เช่น ขาดเปน็ รูปปากฉลามควรใช้วธิ ปี ะ ขาดเป็นรูเล็กควรใช้วธิ กี ารชนุ ตะเข็บแตก ออกแบบใหเ้ หมาะสมกับวัยของผู้ใช้ ควรเยบ็ ตะเขบ็ ส่วนทแี่ ตกให้เหมือนรอยเดมิ เปน็ ต้น เชน่ เสื้อผา้ ผ้ใู หญ่ จากเดิมเป็นเสอ้ื คอกลมแขนสั้นธรรมดา เม่ือนามาดดั แปลงเปน็ เสื้อผา้ สาหรบั เด็กกค็ วรตดิ ลกู ไม้ จีบ ระบาย เปลย่ี นแขนทรงกระบอกเปน็ แขนพอง ทาโบติดที่ คอเสอื้ หรือผกู เอว จะดูเหมาะสมกบั วยั มากขึน้

เลือกใชอ้ ปุ กรณ์ตกแตง่ ให้เหมาะกบั เนือ้ ผ้า เช่น เลือกกระดุมสีและแบบเดยี วกับเม็ดเดิมท่หี ลดุ หายไป ใช้ดา้ ยสีเดยี วกบั ผ้าทีจ่ ะซ่อม ใช้เศษผ้าท่มี เี ส้นใยชนดิ เดยี วกนั มาปะกบั รอยผ้าทข่ี าด เป็นต้น เตรยี มเคร่อื งมือใหพ้ รอ้ ม เช่น เข็ม ดา้ ย จักรเยบ็ ผา้ กรรไกร เปน็ ตน้ ค้านึงถึงความคุม้ ค่า ประโยชนท์ ่ีจะได้รับจากการซอ่ มแซมดัดแปลงเสอ้ื ผ้าชน้ิ นน้ั ควรคานงึ ถึงความคมุ้ คา่ กบั เวลา เงิน และแรงงานทีต่ อ้ งเสยี ไปหรอื ไม่

การซอ่ มแซมเสื้อผ้าช้ารดุ การซ่อมแซมแก้ไขดดั แปลงเสื้อผา้ ที่ชารดุ ใหอ้ ยูใ่ นสภาพทสี่ ามารถใช้งานได้ โดยทั่วไป มีดงั นี้ วิธกี ารซอ่ มตะเข็บ ๑ พิจารณาดูลกั ษณะตะเขบ็ เดมิ ๒ จดั เตรียมด้ายสีเดียวกบั ด้ายที่เย็บเดมิ ว่าเย็บแบบใด ในการซ่อมแซม เขม็ เย็บด้วยมือ เขม็ หมุดสาหรบั กลัด ก็จะต้องเย็บแบบเดียวกัน กรรไกรตดั ผา้ ๓ ๔ นาไปเยบ็ ตามแนวเสน้ เย็บทเี่ นาไว้ เนาตะเข็บตามแนวเดิมของเสน้ เยบ็ และตดั เศษดา้ ยท่ีเย็บให้เรยี บรอ้ ย

วธิ กี ารซอ่ มแซมชายเส้อื ผา้ ๓ ๑๒ ตัดเสน้ ด้ายที่หลุดรุย่ ออกแลว้ พบั ชายผ้าตามแนวเดมิ ตรงึ ด้วยเข็มหมุด นาไปเยบ็ หรือสอยในลักษณะเหมือนเดิม รีดท่ีชายผ้าสว่ นที่ขาดใหเ้ รยี บ เนาตามแนวพบั และรดี ทบั รอยพบั อีกครงั้ ตัดเศษดา้ ยที่เย็บให้เรยี บรอ้ ย และนาไป รดี อีกคร้ัง

การปะ เป็นการนาผา้ ทีม่ ีขนาดใหญ่กวา่ มาปิดเน้ือผา้ ส่วนท่ชี ารดุ ซึง่ สามารถทาได้ ๒ วธิ ี ดังน้ี การซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยวิธกี ารปะดา้ นนอก การปะด้านนอกด้วยมอื ใชก้ รรไกรเล็มรอยรุย่ ของรมิ ผา้ สว่ นท่ขี าดใหเ้ รยี บรอ้ ย วดั ความกวา้ ง ความยาวส่วนท่ขี าด นาผ้าท่ีมีเน้อื ผ้าและสที ีใ่ กลเ้ คียงกันมาทาบวัดกบั รอยขาดเพื่อใช้เปน็ ผ้าสาหรับปะ ตดั ผ้าใหม้ ขี นาดใหญก่ ว่ารอยขาดมาวางทบั บนผ้าท่ีขาดชารุด ใช้เข็มหมุดกลัดผ้า ๒ ชน้ิ ใหต้ ิดกัน โดยระวังอยา่ ให้มีรอยย่น การปะด้านนอกด้วยจักรเยบ็ ผา้ เพราะจะทาให้รอยปะไม่สวย พับริมผา้ ใหเ้ รียบรอ้ ยท้ังรมิ ที่ปะ และรมิ รอยขาด แล้วใชเ้ ข็มสอยท่ีริมผา้ ใหผ้ า้ ๒ ผืน เป็นผืนเดยี วกัน เนาแล้วเยบ็ ดน้ ด้วยมือหรือเยบ็ ดว้ ยจกั รโดยรอบ

การซ่อมแซมเสอ้ื ผา้ ดว้ ยวธิ กี ารปะดา้ นใน • ถ้าเปน็ การเยบ็ ดว้ ยมอื ใหพ้ ับรมิ ลยุ่ ตรงสว่ นท่ีขาด เข้าด้านในแล้วสอยถๆี่ ให้สวยงาม แต่ถา้ เป็นการ • วธิ กี ารวัดและตดั ผา้ ทาแบบเดยี วกบั การปะดา้ นนอก เยบ็ ด้วยจกั รไม่ตอ้ งพบั ริมรอยขาด แต่เยบ็ ทบั รอย แตน่ าผ้าท่พี ับรมิ แล้วไปวางทบั ดา้ นใน เนาและเยบ็ ขาดไปมาเพือ่ ปิดรอยขาด ดา้ นในโดยรอบดว้ ยมอื หรอื จักรเชน่ เดียวกัน การปะด้านในดว้ ยจักรเยบ็ ผา้ การปะด้านในด้วยมือ

การชนุ เปน็ การซอ่ มแซมเสอื้ ผ้าชารดุ ท่เี นื้อผา้ ขาดหายไป เปน็ การซ่อมแซมเสอ้ื ผ้าท่ปี ระณีต โดยให้สีของผา้ กลมกลืนกบั รอยขาด ดงั นนั้ ควรเลอื กสที ี่ใกลเ้ คยี งกับสขี องผ้า วธิ กี ารชุนแบบรงั ผึ้ง ๑๒ ๓ ดน้ เดนิ หน้าตามรอย ๑ รอบ ทาพนั เขม็ ไปเรอ่ื ยๆ จนเต็มเนอ้ื ผ้าสว่ นท่ขี าด พลกิ กลบั ดา้ นหลงั แล้วดน้ ๒ - ๓ ครั้ง เพือ่ กันไมใ่ หร้ ิมผ้ารุย่ และทาพันเข็ม ตรงจุดกลางและผูกปมดา้ ย

วธิ กี ารชุนแบบขัดสาน ๑. ด้นตะลยุ รมิ ผา้ โดยรอบ ๒. เย็บเสน้ ดา้ ยตามแนวเส้นดา้ ยยืน ๓. เยบ็ ขดั สานไปมาตามแนวเสน้ ดา้ ยนอน หรอื แนวเส้นด้ายพุ่ง ๔. ขดั สานจนเตม็ รอยขาดแลว้ ผกู ปม และตดั ดา้ ย สว่ นที่เหลือออก จากน้นั นาไปรีดให้เรยี บ

วธิ กี ารก๊นุ การกุ๊น เป็นการนาผา้ เฉลียงมาเยบ็ หุ้มรมิ ผ้าเพื่อใหม้ ีลวดลาย มคี วามกลมกลืนไปตลอดแนว หรอื เพื่อต้องการดดั แปลง ตกแตง่ ใหส้ วยงามข้ึน ๑. นาผ้าเฉลยี งกว้าง ๑ น้ิว หรือขนาดตามทต่ี ้องการทาบ และเนาริมผ้ากุ๊นให้ติดกับช้ินผา้ ส่วนที่ต้องการกุ๊น ๒. ตัดแตง่ ตะเขบ็ ใหม้ ีขนาดกวา้ งเท่ากนั ตลอดแนว และเยบ็ ตามรอยเนา ดงึ ด้ายเนาออก แลว้ รีดใหเ้ รียบ ๓. กลับผา้ ก๊นุ ตลบเข้าดา้ นใน แลว้ จงึ เนา และเยบ็ ด้วยจกั ร หรอื สอยตลอดแนว ๔. เลาะด้ายเนาออก แล้วรดี ใหเ้ รยี บ

การดดั แปลงและตกแต่งเสอื้ ผา้ การดัดแปลงเสื้อผ้า เปน็ การนาเสือ้ ผา้ ทม่ี อี ยู่มาแก้ไขใหไ้ ด้รูปแบบใหม่ เพื่อใหส้ ามารถสวมใส่ได้สวยงามไม่ล้าสมัย การดดั แปลงเสือ้ ผ้า มหี ลายรูปแบบท่ีสามารถดดั แปลงไดง้ า่ ย มดี งั นี้ การดดั แปลงขนาดของเสือ้ ผ้า การดดั แปลงสว่ นประกอบ ดดั แปลงเสือ้ ผ้าใหใ้ หญ่ขึน้ หรอื เลก็ ลง เชน่ ปก แขน ดัดแปลงในรปู ลักษณะเดิม ทาไดโ้ ดยการเลาะตะเขบ็ ขา้ ออก เนาและเย็บใหพ้ อดี ชายเสื้อ คอ

การดัดแปลงและตกแต่งเส้ือผา้ การตกแต่งเส้อื ผ้า การตกแตง่ ดดั แปลงเสอื้ ผ้าโดยวธิ ีปะ สามารถทาไดด้ ังน้ี วธิ กี ารปะ ออกแบบและจดั เตรียมวสั ดุอปุ กรณท์ ตี่ อ้ งใช้ เยบ็ สว่ นของเสอื้ ผา้ ทต่ี อ้ งการตกแต่ง ปะ หรอื ปักผา้ ในส่วนทต่ี อ้ งการตกแตง่ เพ่มิ เติม เช่น เศษผ้า กระดุม ลูกไมท้ จ่ี ะใช้ตกแตง่ เพื่อความสวยงาม เข็ม ด้าย เป็นตน้

การดัดแปลงและตกแตง่ เสื้อผ้า การตกแต่งเสอ้ื ผ้า การดัดแปลงเสอื้ เก่าใหเ้ ป็นเส้ือตัวใหม่ โดยปฏบิ ัตดิ ังน้ี ขน้ั ตอนการมัดย้อม วัสดอุ ปุ กรณ์และเครือ่ งมอื ๒. กะละมังพลาสตกิ ใส่นา้ ๑ ใบ ๓. เชือกฝา้ ยยาวประมาณ ๑ เมตร ๔. เกลือ ๕๐ กรมั ๑. เสอ้ื เก่า ๑ ตัว ๕. สียอ้ มผา้ (สียอ้ มรอ้ น) ๖. กรรไกรสาหรับตดั เชอื กฝ้าย ๗. ถุงมือยาง เกลือ ๘. ไมไ้ ผห่ รอื ตะเกียบ ๑ อัน

ข้ันตอนการปฏบิ ัตงิ าน • พับเสอ้ื ทบกึ่งกลางตวั • ผสมสีย้อมผา้ ในน้ารอ้ น • ตดั เชือกทมี่ ดั ออกดว้ ยกรรไกร • นาไปตากโดยวางพาดบนราว • มดั ผา้ ส่วนที่ไมต่ ้องการให้ติดสี • ใส่เกลือ คนใหล้ ะลาย • นาไปซกั นา้ ธรรมดาอีกครงั้ • เมอ่ื เอามือบบี ดสู ว่ นทม่ี ัด • นาเสือ้ ทีม่ ัดแลว้ ใส่ในกะละมัง ตากผ้า • ย้อมประมาณ ๓๐ นาที • ไม่ควรใช้วธิ ีแขวนเพราะจะทา จะตอ้ งแขง็ • นาออกจากกะละมงั ไปลา้ งน้า ใหเ้ สอ้ื เสยี รูปทรง ธรรมดาจนหมดนา้ สี

การตัดเย็บเสอ้ื ผ้า อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ และเคร่อื งใชใ้ นการตัดเย็บเสอ้ื ผา้ การศกึ ษาอปุ กรณ์ เคร่ืองมือ และเครอ่ื งใช้ อย่างละเอยี ด จะทาให้สามารถเลอื กใช้อปุ กรณต์ ่างๆ ได้อยา่ งปลอดภยั และมปี ระสทิ ธิภาพ ดงั นัน้ จึงควรเรยี นรู้เก่ียวกบั อุปกรณ์ เครือ่ งมือ และเครือ่ งใช้ ดงั นี้ หลกั การเลือกอปุ กรณ์ เครื่องมอื และเครื่องใช้ ๑. ควรเลอื กใชอ้ ปุ กรณใ์ ห้เหมาะสมกบั งาน ๒. ควรเลอื กอปุ กรณ์ เครื่องมือ และเคร่อื งใช้ท่มี คี วามทนทาน ๓. ควรเลอื กอปุ กรณ์ เคร่อื งมือ และเครอ่ื งใช้ที่สะดวกต่อการใช้งาน

วิธีการเกบ็ รักษาอปุ กรณ์ เครอ่ื งมือ และเครือ่ งใช้ ๑. จกั รเย็บผา้ ใช้เยบ็ ผ้าได้อยา่ งรวดเรว็ ๒. กรรไกรตัดกระดาษ ใช้สาหรับตดั กระดาษ ๓. กรรไกรตัดผ้า ใช้สาหรบั ตัดผ้า ควรทาความสะอาดหลังการใชง้ าน หยอดน้ามัน ควรเกบ็ ไวใ้ นกล่องสาหรบั เก็บอุปกรณ์การตดั เย็บ ควรเชด็ และทาน้ามนั เพ่ือป้องกันสนมิ ก่อนการ สปั ดาหล์ ะ ๑ ครงั้ ไม่ควรเก็บไว้ในบรเิ วณท่ชี นื้ จัดเก็บ ๔. ทีเ่ ลาะผ้า ใชเ้ ลาะเส้นด้าย ๕. เข็มหมุด ใชก้ ลัดผา้ ๖. หมอนปักเขม็ ใชส้ าหรบั ปักเข็ม ควรเกบ็ ในกลอ่ งเก็บอปุ กรณ์การตดั เย็บ ควรกลดั ขวางเส้นแนวเย็บ ควรเกบ็ ไวใ้ นกล่องเก็บอุปกรณ์การตัดเยบ็ โดยหลีกเลี่ยงความชน้ื เพราะจะทาให้เปน็ สนิม

วิธีการเกบ็ รกั ษาอปุ กรณ์ เคร่ืองมอื และเคร่อื งใช้ (ต่อ) ๗. ลกู กลง้ิ ใชก้ ดรอยเพื่อลอกเสน้ ๘. สายวัด ใชว้ ดั ตวั หรอื ผา้ ๙. ด้าย ใชเ้ ยบ็ ผ้าและเนาผา้ ดา้ ยทเ่ี ยบ็ ทั่วไป ควรเกบ็ ไว้ในกลอ่ งเกบ็ อปุ กรณ์การตดั เยบ็ ควรเก็บโดยวธิ ีแขวน จะชว่ ยรักษาให้สายวดั ไมเ่ สยี ควรนาปลายดา้ ยสอดที่รอยบาก ถา้ ไมม่ ีรอยบาก รูปทรง และสะดวกในการใชง้ าน ใหใ้ ช้สกอตเทปปดิ ปลายดา้ ยให้ติดกบั รอยดา้ ย และหอ่ ด้วยพลาสตกิ เพือ่ ป้องกนั ฝ่นุ ละออง ๑๐. เขม็ เย็บด้วยมอื ใช้สาหรับเนา สอย เย็บติด ๑๑. ท่สี นเข็ม ช่วยใหส้ นเขม็ ได้รวดเรว็ ๑๒. ปลอกน้ิว ใชส้ วมนว้ิ เพอ่ื ปอ้ งกันเข็มแทง เครอ่ื งเกาะเกีย่ วถกั รงั ดมุ ควรเก็บไว้กับเข็ม ควรเกบ็ ไว้ในกล่องเก็บอุปกรณก์ ารตัดเย็บ ควรเกบ็ ไว้ในกลอ่ งเกบ็ อปุ กรณก์ ารตดั เย็บ

ตวั อยา่ งการตดั เย็บกระเปา๋ แขวนผนงั ข้ันตอนการตดั เย็บกระเปา๋ แขวนผนงั วัสดอุ ปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมอื ๒. ผ้ากาวขนาด ๓. ผ้าท่มี ีลวดลายขนาด ๔. เข็มเยบ็ ด้วยมอื ๓๐ × ๖๐ เซนติเมตร ๓๐ × ๖๐ เซนตเิ มตร ๑. ผา้ พ้ืนขนาด ๔๐ × ๗๐ เซนติเมตร ๕. ดา้ ยเยบ็ ผา้ ๖. กรรไกรตัดผา้ ๗.. ชอลก์ เขยี นผา้ ๘. จักรเยบ็ ผ้า

ขัน้ ตอนการตัดเยบ็ กระเป๋าแขวนผนงั ๑ การเตรียมและท้าผา้ ผนงั ๒๓ ๑ • นาผา้ กาวรีดทบั บนผา้ ทาผนงั ใหต้ ิดกนั • นาผา้ ผืนเดิมมาขีดเส้นดว้ ยชอล์กเขยี นผา้ • ตดั ผา้ พ้นื สแี ดงเตรยี มทาผนัง ทงั้ ๒ ชน้ิ สาหรับไวต้ ดิ กระเปา๋ โดยวัดจากกง่ึ กลาง ขนาด ๓๐ × ๖๐ เซนติเมตร (กวา้ ง × ยาว) จานวน ๒ ชิ้น • นาผา้ ท่ีรีดติดกนั แล้วมา ๑ ชิ้น ขีดเส้นดว้ ย ออกไปดา้ นละ ๕ เซนตเิ มตร • ตดั ผ้ากาวขนาด เท่ากันอกี ๒ ชนิ้ ชอลก์ เขียนผ้าบนผา้ สแี ดงไว้ สาหรบั เยบ็ ขอบผา้ ทง้ั ๔ ดา้ น • โดยวดั จาก ริมผ้าเข้ามาดา้ นละ ๑ เซนติเมตร

๒ การเตรยี มและเย็บประกอบผ้าท้าตัวกระเป๋า ๓ ๔ ๑๒ • นาผ้าช้ินเดมิ ท่ีเยบ็ ปาก • เย็บกระเปา๋ ท้ัง ๒ ใบตดิ กับ กระเปา๋ เรยี บรอ้ ยแล้วพลกิ ผา้ ทาผนัง • ตัดผา้ สาหรับทาตวั กระเปา๋ • แบง่ คร่งึ ผา้ เปน็ ๒ ชิ้น กลบั ดา้ น เพ่ือพบั ขอบท่ี ขนาด ๒๔ × ๕๔ เซนตเิ มตร • นาผ้าทต่ี ัดแล้วมาพับขอบ เหลือทัง้ ๓ ดา้ น (กวา้ ง × ยาว) จานวน ๑ ช้ิน ทางดา้ นกว้าง • พบั เข้ามาดา้ นละ ๑.๕ • พบั ผ้าเข้ามา ๒ ครัง้ เซนติเมตร โดยคร้ังแรกพับเขา้ มา • จากน้นั ทาขั้นตอนน้ีกับ กระเปา๋ อีกใบหนงึ่ ๑.๕ เซนติเมตร พบั คร้งั ที่ สอง ๓.๕ เซนติเมตร

๓ การเตรยี มและเยบ็ ผ้าเพื่อท้าหูสา้ หรับแขวน ๓ ๑๒ • ตัดผ้าตรงหรือผ้าเฉลยี ง • วางผา้ สาหรับจะทาหูแขวน พบั ริมผ้าตาม • กลัดเขม็ หมุดหรอื เนาและเยบ็ ริมผ้า ขนาด ๔ × ๒๕ เซนตเิ มตร แนวยาวเข้ามา ๑ เซนติเมตร ท้งั ด้านล่าง ให้เรยี บร้อย (กวา้ ง × ยาว) จานวน ๑ ชนิ้ และดา้ นบน ๔ ๕ • จบั ปลายทง้ั ๒ ด้านมาชนกัน เพอ่ื ตดั แบง่ ครง่ึ เป็น ๒ เส้น • กลดั หทู งั้ ๒ ข้างด้วยเขม็ หมดุ แล้วเนาให้ติดกบั ผา้ ผนัง ใหแ้ ต่ละเสน้ ความยาวเส้นละ ๑๒.๕ เซนตเิ มตร • พบั ทบท้ัง ๒ เส้น นาไปวางบนผา้ ชนิ้ ท่ปี ระกอบกระเป๋า โดยหันสว่ นโค้งของหูเข้าหาปากกระเปา๋

๔ การประกอบกระเป๋า ๒ ๓ ๑ • เยบ็ ด้วยมือหรือจักรโดยเรมิ่ เยบ็ จุด • กลบั ผ้าด้านในออกดา้ นนอก ที่เวน้ ไว้กลบั หู • นาไปรีดให้เรยี บ • นาผ้าผนงั ทั้ง ๒ ช้นิ ประกบกัน โดยหันผ้าที่เป็นสีแดงเขา้ หากนั ๔ ๕ • พลกิ หูโดยใหส้ ว่ นโค้งของหูอยู่ด้านบน • ตดั ด้ายให้เรยี บรอ้ ย และนาไปรีดอีกครั้ง • ตกแตง่ ขอบเพือ่ ความสวยงามดว้ ยผ้าเฉลยี งหรือวิธอี น่ื ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook