ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ลูกเสอื ตรี
หลักสูตรลูกเสือสามญั ลูกเสอื ตรี 1. แสดงว่ามคี วามรเู้ ก่ียวกับขบวนการลกู เสอื 1.1 ประวัติสังเขปของลอรด์ เบเดน พาวเวลล์ 1.2 พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั 1.3 ววิ ัฒนาการของขบวนการลกู เสือไทยและลกู เสือโลก 1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มอื ซา้ ย และคติพจนข์ องลกู เสือ 2. คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามญั เขา้ ใจและยอมรับคำปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามัญ 3. กจิ กรรมกลางแจ้ง มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมของหมหู่ รอื กองลกู เสอื นอกสถานท่ี 4. ระเบียบแถว ทา่ มอื เปลา่ ทา่ ถือไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและสัญญาณนกหวีด การตงั้ แถวและการเรยี กแถว ลกู เสอื โท 1. การรูจ้ กั ดูแลตนเอง 2. การชว่ ยเหลือผู้อ่ืน 3. การเดินทางไปยงั สถานทตี่ ่าง ๆ 4. ทกั ษะในทางวชิ าลกู เสอื 5. งานอดเิ รกและเร่ืองทีส่ นใจ 6. คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ลูกเสือเอก 1. การพึ่งตนเอง 2. การบริการ 3. การผจญภัย 4. วิชาการของลูกเสือ 5. ระเบยี บแถว
เคร่ืองหมายวิชาพเิ ศษ 54 วิชา เรยี นนอกเวลาหรือใชว้ ธิ ีบูรณาการเข้ากับกล่มุ สาระการเรยี นรู้ จุดประสงค์ เพ่ือให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดีมีความ รับผิดชอบ ช่วยสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า ความสงบสุข และความม่ันคงของประเทศชาติ จึงตอ้ งปลกู ฝังให้มีคณุ ลกั ษณะดังต่อไปน้ี 1. มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือ สามญั 2. มที กั ษะการสงั เกต จดจำ การใชม้ ือ การแกป้ ญั หา และทักษะในการทำงานรว่ มกับผู้อื่น 3. มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย มีความสามัคคี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเสียสละ บำเพ็ญตนเพอ่ื สาธารณประโยชน์ 4. มีการพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ สร้างสรรคง์ านฝมี ือ สนใจและพัฒนาเรอื่ งของธรรมชาติ
กำหนดหนว่ ยกจิ กรรมลกู เสือสามัญ ชว่ งช้ันที่ 2 (ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4) วิชาลกู เสือตรี ภาคเรยี นที่ 1 ลำดับที่ หนว่ ยการเรยี นรู้ เวลา(ชัว่ โมง) หมายเหตุ 1 การปฐมนเิ ทศ 1 2 4 - การจัดการเรียนการสอน 3 - การแต่งกาย 3 4 แสดงว่ามคี วามรเู้ กี่ยวกบั ขบวนการลูกเสือ 5 5 - ประวัตสิ ังเขปของลอรด์ เบเดน พาวเวลล์ 6 - พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระ 19 มงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว - ววิ ฒั นาการของขบวนการลูกเสือไทยและลกู เสือ โลก - การทำความเคารพ การแสดงรหสั การจบั มอื ซา้ ย และคติพจนข์ องลูกเสือ คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามญั เขา้ ใจและยอมรบั คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือ สามญั กจิ กรรมกลางแจ้ง มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมของหมหู่ รือกองลูกเสือนอก สถานที่ ระเบยี บแถว ทา่ มือเปลา่ ทา่ ถือไม้พลอง การใช้สญั ญาณมือ และสัญญาณนกหวีด การต้ังแถวและการเรียกแถว รวม ภาคเรยี นท่ี 2 1. หลงั จากสอบวิชาลกู เสอื ตรีแลว้ ทำพิธเี ช้าประจำกองลูกเสอื สามัญ 2. เรยี นวชิ าพเิ ศษลูกเสือสามัญ 3. จัดกจิ กรรมการเดนิ ทางไกลและอยคู่ ่ายพักแรมลูกเสือสามัญ หมายเหตุ วชิ าลูกเสือตรีใชเ้ วลาเรยี นจำนวน 18 ชั่วโมง
กำหนดการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั ชว่ งชน้ั ท่ี 2 (ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4) วิชาลูกเสือตรี ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ หนว่ ย/เรือ่ ง จดุ ประสงค์ จำนวน หมายเหตุ 1 เตรยี มความพร้อม (ชว่ั โมง) 1. ปฏิบตั ติ นอยูใ่ นระบบหมไู่ ด้ 2. แต่งเคร่ืองแบบลูกเสือสามญั ได้ 1 ถกู ต้อง 3. เขา้ แถวและปฏบิ ัตติ นในการเปิด ประชุมกองได้ 2 ระเบียบแถว ปฏบิ ัตติ นตามระเบียบแถวทา่ มือเปล่า 1 ได้ 3 ระเบียบแถว ปฏิบัตติ นตามระเบียบแถวทา่ ถอื ไม้ 1 พลองได้ถูกต้อง 4 ประวตั ลิ อรด์ เบเดน เล่าประวัติ ประวตั ลิ อรด์ เบเดน 1 พาวเวลล์ พาวเวลล์ อยา่ งย่อได้ 5 พระราชประวตั ิ 1. เลา่ พระราชประวัติของประวัติ 1 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว เกลา้ เจ้าอยหู่ วั 2. บอกพระราชกรณยี กิจของ ประวัติของพระบาทสมเดจ็ พระ มงกุฎเกลา้ ฯ อย่างนอ้ ย 2 ข้อ 3. บอกกำเนดิ ลกู เสือไทยได้ 6 วิวฒั นาการของลูกเสือโลก บอกววิ ัฒนาการของลูกเสือโลก 1 และลูกเสือไทย และลูกเสือไทยได้ 7 การแสดงความเคารพ การ 1. แสดงความเคารพไดถ้ ูกต้อง 1 แสดงรหัส การจบั มอื ซ้าย 2. แสดงรหสั และบอกความหมาย และคติพจนข์ องลกู เสือ ไดถ้ ูกตอ้ ง สามญั 3. บอกความหมายของคติพจน์ของ ลกู เสือสามญั ได้
กำหนดการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญ (ต่อ) ช่วงชั้นท่ี 2 (ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4) วชิ าลูกเสือตรี ภาคเรียนที่ 1 สัปดาห์ หน่วย/เรื่อง จุดประสงค์ จำนวน หมายเหตุ 8 ระเบียบแถว (ชว่ั โมง) 9 ระเบียบแถว ปฏิบตั ิตามสัญญาณมอื และสัญญาณ 1 10 ระเบียบแถว นกหวดี ได้ 11 คำปฏิญาณและกฎของ เขา้ แถวรูปแถวตา่ ง ๆ ตามสญั ญาณมือ 1 ลูกเสือสามัญ ได้ เข้าแถวรูปแถวต่าง ๆ ตามสัญญาณมือ 1 ได้ 1. บอกความหมายและปฏบิ ตั ิตาม 1 คำปฏญิ าณได้ 2. ท่องคำปฏญิ าณของลูกเสือสามัญ ได้ 12 คำปฏญิ าณและกฎของ 1. บอกความหมายและปฏิบตั ิตาม 1 ลกู เสอื สามญั กฎของลูกเสือได้ 2. ทอ่ งกฎของลูกเสือสามญั ได้ 13 คำปฏญิ าณและกฎของ บอกและปฏบิ ตั ิตามคำปฏญิ าณและกฎ 1 ลูกเสือสามัญ ของลกู เสอื สามญั ได้ ปฏิบัตกิ จิ กรรมร่วมกับหมู่ลูกเสอื หรือกอง 1 14 กิจกรรมกลางแจง้ ลกู เสือนอกสถานทไ่ี ด้ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรว่ มกับหมู่ลูกเสือหรือกอง 1 15 กจิ กรรมกลางแจง้ ลูกเสอื นอกสถานทไี่ ด้ ปฏิบัตติ นตามระเบยี บแถวได้ 1 16 ระเบยี บแถว(ทบทวน) 1 17 กจิ กรรมกลางแจ้ง 1. บอกวิธใี ช้มดี และขวานอย่าง เหมาะสมกับงานได้ 2. บอกวิธเี กบ็ รกั ษามีดและขวานได้
กำหนดการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญ (ต่อ) ชว่ งชั้นที่ 2 (ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4) วิชาลูกเสือตรี ภาคเรยี นที่ 1 สปั ดาห์ หนว่ ย/เร่อื ง จุดประสงค์ จำนวน หมายเหตุ 18 กจิ กรรมกลางแจง้ (ชัว่ โมง) 19 กจิ กรรมกลางแจง้ 1. ผกู เงอื่ นจากเชอื กท่มี ีขนาดเดยี วกันและ 1 บอกประโยชนไ์ ด้อยา่ งนอ้ ย 1 เง่อื น 2. ผกู เง่อื นจากเชือกที่มขี นาดต่างกนั และ บอกประโยชน์ได้อยา่ งน้อย 1 เงอ่ื น 3. ผกู เง่ือนด้วยเชือกกับวัสดุอย่างใดอย่าง หนงึ่ และบอกประโยชนไ์ ดอ้ ย่างนอ้ ย 1 เงื่อน 1. ผูกแนน่ แบบต่าง ๆ ได้ถูกตอ้ งและ 1 มั่นคง 2. บอกประโยชน์ของการผกู แน่นแบบ ต่าง ๆ ได้ หมายเหตุ ภาคเรียนที่ 2 1. พิธีเขา้ ประจำกองลูกเสือสามญั (หลงั จากสอบวชิ าลูกเสือตรีแลว้ ควรจัดพธิ เี ข้าประจำกองลูกเสือ) 2. จัดกิจกรรมลกู เสือวิชาพิเศษ
กำหนดการสอน 4 ชว่ั โมง ลูกเสอื ตรี 18 ชั่วโมง 3 ชว่ั โมง 1. แสดงวา่ มคี วามรเู้ กย่ี วกบั ขบวนการลกู เสือ 5 ชวั่ โมง 1.1 ประวตั ิสังเขปของลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ 1.2 พระราชประวตั สิ ังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว 6 ชว่ั โมง 1.3 ววิ ัฒนาการของขบวนการลูกเสอื ไทยและลกู เสือโลก 1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือซ้าย และคตพิ จน์ของลูกเสอื 3 ชั่วโมง 2. คำปฏญิ าณและกฎของลกู เสือสามัญ 2 ช่วั โมง เข้าใจและยอมรบั คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามัญ 3 ชัว่ โมง 3. กจิ กรรมกลางแจง้ 6 ช่ัวโมง มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมของหมู่หรือกองลกู เสอื นอกสถานท่ี 2 ชวั่ โมง 4. ระเบียบแถว 2 ช่วั โมง ท่ามอื เปล่า ทา่ ถือไม้พลอง การใชส้ ญั ญาณมอื และสัญญาณนกหวดี การตัง้ แถวและการเรียกแถว 3 ชวั่ โมง ลกู เสือโท 18 ชัว่ โมง 2 ช่วั โมง 1. การรูจ้ กั ดูแลตนเอง 3 ช่วั โมง 2. การชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื 7 ช่ัวโมง 3. การเดินทางไปยังสถานท่ตี ่าง ๆ 3 ช่วั โมง 4. ทักษะในทางวิชาลูกเสอื 5. งานอดเิ รกและเร่ืองท่สี นใจ 6. คำปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ ลูกเสอื เอก 18 ช่ัวโมง 1. การพง่ึ ตนเอง 2. การบรกิ าร 3. การผจญภัย 4. วิชาการของลูกเสือ 5. ระเบยี บแถว เคร่ืองหมายวชิ าพิเศษ 54 วิชา เรียนนอกเวลาหรอื ใชว้ ิธีบรู ณาการเขา้ กับกลุ่มสาระการเรียนรู้
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื สามญั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 แผนการจดั ท่ี 1 เรือ่ ง เตรียมความพรอ้ ม จำนวน 1 ช่วั โมง จดุ ประสงค์ 1. ปฏบิ ตั ติ นอยใู่ นระบบหมูไ่ ด้ 2. แต่งเครื่องแบบลูกเสือสามัญไดถ้ ูกต้อง 3. เข้าแถวและปฏบิ ตั ติ นในการเปิดประชุมกองได้ เน้ือหา 1. หมูล่ กู เสือสามัญ 2. การแตง่ เครื่องแบบลูกเสือสามญั 3. พิธีเปดิ ประชมุ กอง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. แบ่งหมู่ลกู เสือสามญั ตามข้อบังคบั คณะลูกเสือแหง่ ชาติ 2. สนทนาถึงระบบหมู่ และการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 3. อธบิ ายถงึ การแต่งเครอื่ งแบบลกู เสือสามญั 4. ซักซ้อมพิธีเปดิ ประชมุ กอง สอื่ การเรยี นการสอน 1. ภาพลกู เสอื แตง่ เคร่ืองแบบครบ 2. แผนภมู ิการเปิดประชมุ กอง การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. ซักถามการแต่งเครื่องแบบ บนั ทึกหลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
หลักสตู รลกู เสอื สามญั ลกู เสือตรี 1. แสดงว่ามีความรูเ้ ก่ยี วกบั ขบวนการลกู เสือ 1.1 ประวัติสงั เขปของลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ 1.2 พระราชประวตั สิ ังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยูห่ วั 1.3 ววิ ฒั นาการของขบวนการลกู เสอื ไทยและลูกเสอื โลก 1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย และคติพจน์ของลกู เสอื 2. คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ เขา้ ใจและยอมรบั คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามัญ 3. กจิ กรรมกลางแจ้ง มีส่วนรว่ มในกจิ กรรมของหมู่หรอื กองลูกเสือนอกสถานที่ 4. ระเบียบแถว ทา่ มอื เปล่า ทา่ ถือไม้พลอง การใชส้ ญั ญาณมอื และสัญญาณนกหวีด การตงั้ แถวและการเรียกแถว ธงรูปสัตว์และสเี ครือ่ งหมายประจำหมู่ลูกเสอื สามญั สีเขยี วกบั สีน้ำตาล 1. หมจู่ ระเข้ สดี ำกับสนี ้ำเงนิ อ่อน 2. หมู่คา้ งคาว สีน้ำตาลกบั สดี ำ 3. หมหู่ มี สีเทากับสีเขียว 4. หมนู่ กกระยาง สนี ้ำเงินแก่กับสีเขียว 5. หมเู่ หยย่ี วชวา สีแดงกับสนี ำ้ ตาล 6. หมวู่ วั กระทิง สแี ดง 7. หมู่วัว สเี ทากบั สนี ำ้ ตาล 8. หมแู่ มว สีส้มกับสดี ำ 9. หมู่งเู ห่า สีแดงกบั สนี ้ำตาล 10. หมู่ไก่ สีดำกบั สีเทา 11. หมู่นกกาน้ำ สเี ทา 12. หมูน่ กกาเหวา่ สีเทากับสีเขยี ว 13. หมู่นกพริ าบ สเี ขยี วกบั สีดำ 14. หมนู่ กอนิ ทรี สมี ่วงกับสขี าว 15. หมชู่ า้ ง สเี หลอี งกับสีเขยี ว 16. หมู่สุนขั จ้งิ จอก สีส้มกับสเี ทา 17. หมนู่ กกระต้อยตวี ดิ สีชมพู 18. หมเู่ หยี่ยว สีเทา 19. หมูน่ กกระสา
20. หมู่มา้ สีดำกับสีขาว 21. หมู่หมาใน สเี ทากับสีดำ 22. หมู่นกกินปลา สนี ้ำเงนิ 23. หมสู่ ิงโต สเี หลอื งกบั สีแดง 24. หมพู่ งั พอน สนี ำ้ ตาลกบี สีสม้ 25. หมู่นาก สีนำ้ ตาลกับสขี าว 26. หมู่นกเค้าแมว สนี ้ำเงินออ่ น 27. หมเู่ สือเหลือง สเี หลอื ง 28. หมู่นกยงู สเี ขียวกบั สีน้ำเงิน 29. หมนู่ กกระทงุ สีเทากับสมี ่วง 30. หมู่ไก่ฟา้ สีน้ำตาลกับสเี หลอื ง 31. หมู่แกะ สนี ำ้ ตาล 32. หมกู่ า สีดำ 33. หมแู่ รด สนี ้ำเงนิ แก่กบั สีสม้ 34. หมนู่ กนางนวล สนี ้ำเงนิ ออ่ นกับสีแดง 35. หมนู่ กปากซ่อม สนี ำ้ เงนิ แก่กบั สีเลือดหมู 36. หมู่กระรอก สีสม้ กบั สีนำ้ ตาล 37. หมู่กวาง สมี ว่ งกบั สดี ำ 38. หมู่หงส์ สเี ทากบั สีเลอื ดหมู 39. หมู่เสอื สีดำกับสสี ้ม 40. หมหู่ มาปา่ สเี ทากบั สีชมพู 41. หมู่นกหวั ขวาน สีแดงกับสขี าว 42. หมนู่ กเขา สีน้ำเงินกบั สีเทา
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 แผนการจดั ที่ 2 เร่ือง ระเบียบแถว จำนวน 1 ช่ัวโมง จุดประสงค์ ปฏบิ ัตติ นตามระเบยี บแถวท่ามือเปลา่ ได้ เนอ้ื หา 1. ระเบียบแถว ทา่ มอื เปล่า 1.1 ท่าตรง 1.2 ทา่ พัก 1.3 ทา่ หันอยกู่ ับที่ 1.4 ท่าเดิน ท่าหยดุ กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. พธิ ีเปิด ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ เกียรติศกั ดิ์ลกู เสือไทย ” 5 นาที 3. สอนตามเนอื้ หา 30 นาที สอนระบบฐาน อธิบาย สาธติ และปฏิบัติ 3.1 ฐานท่ี 1 ท่าตรง ทา่ พัก 3.2 ฐานท่ี 2 ทา่ หันอยู่กบั ท่ี 3.3 ท่าเดิน ทา่ หยดุ แยกปฏบิ ัติให้ถูกตอ้ งโดยผู้กำกับชแี้ นะ 4. เล่าเรื่องสั้นทเ่ี ป็นคติ 5 นาที 5. พธิ ีปดิ ( นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแต่งกาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สอ่ื การเรยี นการสอน 1. นกหวดี 2. แผนภมู ิเพลง การวัดผลและประเมินผล 1. การสงั เกต และการปฏิบัติถกู ต้องตามคำสง่ั และสังเกตความพร้อมเพียง 2. การทดสอบ ปฏบิ ัตติ ามระเบียบแถวเปน็ หมู่ บนั ทึกหลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ระเบียบแถว การฝกึ เปน็ บคุ คลทา่ มอื เปลา่ 1. ท่าตรง คำบอก “แถว – ตรง” การปฏบิ ตั ิ ยืนใหส้ ้นเท้าชดิ และอยูใ่ นแนวเดยี วกนั ปลายเทา้ แบะออกข้างละเท่า ๆ กัน ห่างกัน ประมาณ 1 คบื (ทำมมุ 45 องศา) เข่าเหยียดตงึ และบีบเขา้ หากนั ลำตวั ยืดตรงอกผาย ไหลเ่ สมอ กนั แขนทง้ั สองข้างห้อยอยู่ขา้ งลำตัวและเหยียดตรงพลกิ ศอกไปข้างหนา้ เลก็ น้อย จนไหล่ตึงนวิ้ มือเหยียด และชิดกัน น้วิ กลางตดิ ขาตรงกึ่งกลาง ประมาณแนวตะเขบ็ กางเกง เปดิ ฝ่ามือเลก็ น้อย ลำคอยดื ตรงไมย่ น่ื คาง ตาแลตรงไปขา้ งหน้าได้ระดับ นำ้ หนักตวั อยูบ่ นเทา้ ทั้งสองเท่า ๆ กนั และนง่ิ หมายเหตุ 1. ท่าตรงเป็นทา่ เบอ้ื งตน้ และเปน็ รากฐานของการปฏิบัติทา่ อน่ื ๆ 2.ใชเ้ ป็นท่าสำหรับแสดงการเคารพได้ทา่ หน่งึ 2. ท่าพกั ก. พกั ตามปกติ คำบอก “พัก” การปฏิบัติ หยอ่ นเข่าขวาก่อน ต่อไปจึงหย่อนและเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเปลี่ยนเข่า พกั ไดต้ ามสมควร แต่เท้าทง้ั สองคงอยู่กบั ที่ ห้ามพูดคุย เมอ่ื ไดย้ ินคำบอกว่า “แถว” ให้ยืดตัวขึ้น และจัด ทุกส่วนของร่างกายอยู่ในท่าตรง นอกจากเข่าขวา คร้ันเมื่อได้ยินคำบอกว่า “ตรง” ให้กระตุกเข่าขวา โดยเรว็ และแขง็ แรง กลบั ไปอยูใ่ นลกั ษณะของท่าตรง ข. พกั ตามระเบียบ คำบอก “ตามระเบยี บ - พกั ” การปฏิบัติ แยกเท้าซ้ายออกไปทางซ้ายประมาณ 30 ซม. (หรือประมาณเกือบคร่ึงกาวปกติ) อย่าง แข็งแรงและองอาจ พร้อมกับจับมอื ไขว้หลัง ให้หลังมือเข้าหาตัว มือขวาทับมือซ้าย หลังมือซ้ายแนบติด กับลำตัวในแนวก่งึ กลางหลงั และอยู่ใตเ้ ข็มขัดเล็กน้อย ขาทั้งสองตึง น้ำหนักตัวอยบู่ นเท้าท้ังสองเท่า ๆ กนั และนิง่ เมื่อได้ยินคำว่า “แถว - ตรง” ใหช้ ักเท้าซ้ายชดิ เทา้ ขวาอยา่ งแข็งแรง พรอ้ มกบั มอื ท้ังสอง กลับไปอยู่ในลักษณะท่าตรงตามเดิม ค. พักตามสบาย คำบอก “ตามสบาย – พกั ” การปฏิบตั ิ หยอ่ ยเขา่ ขวาก่อน เช่นเดยี วกบั “พัก” ต่อไปจงึ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสบาย และพดู จา กนั ได้ แต่เท้าขา้ งหนึ่งต้องอยู่กบั ท่ี ถา้ มิได้รับอนุญาตใหน้ ่ังจะนัง่ ไม่ได้ เมือ่ ไดย้ ินคำวา่ “แถว – ตรง” ให้ปฏบิ ตั อิ ย่างเดียวกบั ทา่ พกั ปกติ ช. พกั นอกแถว
คำบอก “พักแถว” การปฏิบัติ ต่างคนตา่ งแยกออกจากแถวทนั ที แต่ต้องอยูบ่ รเิ วณใกลเ้ คียงน้นั และไม่ทำเสียงอกึ ทึก เม่ือได้ยินคำบอกว่า “แถว” ให้รีบกลับมาเขา้ แถวตรงที่เดิมโดยเร็ว ในรปู แถวเดมิ และเมอ่ื จดั แถว เรียบร้อยแลว้ ใหอ้ ยใู่ นท่าตรงจนกว่าจะมคี ำสัง่ ต่อไป หมายเหตุ สำหรับทา่ พัก ทา่ พกั เป็นทา่ เปลี่ยนอริ ยิ าบถจากท่าตรง เพื่อผ่อยคลายความเคร่งเครยี ดตามโอกาสต่างๆ คือ 1. พักตามปกติ ใช้พกั ในโอกาสระหว่างการฝกึ – สอน เพอ่ื อธิบาย หรอื แสดงตัวอยา่ งแก่ ลูกเสอื 2. พกั ตามระเบียบ ใช้พักในโอกาสเกย่ี วกบั พธิ ีการตา่ ง ๆ เช่นการตรวจพลสวนสนาม หรอื อย่ใู น แถวกองเกยี รตยิ ศ ฯลฯ 3. พักตามสบาย ใชพ้ ักในโอกาสท่ตี ้องรอรบั คำสั่ง เพ่ือปฏบิ ัติต่อไปเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เชน่ เม่อื ผคู้ วบคุมแถวต้องไปรบั คำส่งั จากผบู้ ังคบั บญั ชา เปน็ ตน้ 4. พักนอกแถว ใชพ้ กั ในโอกาสทีต่ อ้ งรอรับคำส่งั เพื่อปฏิบตั ติ ่อไปเป็นระยะเวลานาน ๆ หนั อยกู่ ับท่ี 1. ขวาหนั คำบอก “ขวา – หัน” การปฏบิ ัติ ทำเป็น 2 จังหวะ คือ จังหวะท่ี 1 เปดิ ปลายเท้าขวา และยกส้นเท้าซ้าย ทันใดนั้นให้หนั ตัวไปทางขวาจนได้ 90 องศา หมุนเท้าทงั้ สองไปโดยใหส้ น้ เทา้ และปลายเท้าซึ่งเป็นหลกั น้ันตดิ อยู่กบั พืน้ นำ้ หนักตัวอย่ทู เ่ี ท้าขวา ขา ซ้ายเหยยี ดตึง บิดส้นเทา้ ซา้ ยออกข้างนอกพอตงึ จงั หวะที่ 2 ชักเทา้ ซ้ายมาชิดเทา้ ขวาในลักษณะท่าตรงโดยเรว็ และแข็งแรง 2. ซ้ายหนั คำบอก “ซ้าย – หนั ” การปฏบิ ตั ิ ทำเป็น 2 จงั หวะ อย่างเดียวกับท่าขวาหันโดยเปล่ยี นคำว่า “ขวา” เป็น”ซ้าย” 3. กลับหลังหัน คำบอก “กลบั หลัง – หัน” การปฏิบัติ ทำเป็น 2 จังหวะ คอื 7 จงั หวะท่ี 1 ทำเชน่ เดยี วกบั ทา่ ขวาหันจงั หวะที่ 1 แต่หันเลยไปจนกลับหน้าเปน็ หลัง ครบ 180 องศา และให้ปลายเท้าซา้ ยไปหยุดอยู่ขา้ งหลังเฉียงซา้ ยประมาณครงึ่ กา้ ว และในแนวส้นเท้าขวา จงั หวะท่ี 2 ทำเช่นเดยี วกับทา่ ขวาหันจงั หวะที่ 2
ท่าเดิน – ทา่ หยุด 1. ท่าเดนิ คำบอก “หน้า – เดนิ ” การปฏิบตั ิ โนม้ นำ้ หนักตัวไปข้างหนา้ พรอ้ มกับก้าวเท้าซา้ ยออกเดนิ กอ่ น ขาเหยยี ดตรง ปลายเทา้ ง้มุ ส้นเท้าสูงจากพ้นื ประมาณ 1 คบื เมอื่ จะวางเท้าและก้าวเท้าต่อไปใหโ้ น้มน้ำหนักตวั ไป ขา้ งหน้า ตบเต็มฝา่ เทา้ อยา่ งแรง ทรงตัวและศรี ษะอยู่ในท่าตรง แกวง่ แขนตามธรรมดาเฉยี งไปขา้ งหน้าและ ข้างหลงั พองาม เม่ือแกวง่ แขนไปขา้ งหน้าขอ้ ศอกงอเลก็ น้อย เมอื่ แกวง่ แขนไปข้างหลังให้แขเหยียดตรงตาม ธรรมชาติ หนั หลงั มือออกนอกลำตวั แบมอื ใหน้ วิ้ มือเรียงชิดตดิ กนั ความยาวของก้าว 40 - 60 เซนตเิ มตร (นับจากส้นเทา้ ถงึ สน้ เทา้ ) รักษาความยาว ของก้าวใหค้ งที่ อตั ราความเร็วในการเดนิ นาทลี ะ 90 – 100 กา้ ว 2. ทา่ หยดุ คำบอก “แถว - หยุด” การปฏบิ ตั ิ ในขณะทก่ี ำลงั เดนิ ตามปกติ เมื่อได้ยินคำบอกว่า “แถว – หยดุ ” ไมว่ ่าเท้าข้างใดข้าง หน่งึ จะตกถงึ พืน้ ก็ตาม ใหป้ ฏิบัตเิ ปน็ 2 จงั หวะ คือ จงั หวะท่ี 1 กา้ วเท้าไปอีก 1 ก้าว จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ หลงั ชดิ เท้าหน้าในลักษณะทา่ ตรงอย่างแข็งแรง หมายเหตุ 1) ท่าหยดุ โดยธรรมดา ผบู้ อกแถวควรบอกให้ตกเท้าขวา 2) เม่อื ใชค้ ำบอกว่า “แถว” ลงเท้าใดให้บอกคำว่า “หยดุ ” ลงเทา้ นน้ั ในกา้ วตอ่ ไป เชน่ บอก “แถว” ลงเทา้ ขวา เม่ือกา้ วเท้าซา้ ยต่อไป และลงเท้าขวาอีกเป็นครั้งท่ี 2 จงึ บอกคำวา่ ”หยุด”
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื สามญั (ต่อ) ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 แผนการจดั ที่ 3 เรือ่ ง ระเบยี บแถว จำนวน 1 ชว่ั โมง จดุ ประสงค์ ปฏบิ ัตติ นตามระเบียบแถวท่าถือไม้พลองได้ถูกตอ้ ง เนอ้ื หา ระเบยี บแถวท่าถอื ไม้พลอง 1. ทา่ ตรง ท่าพัก 2. ท่าวันทยาวุธ เรียบอาวธุ 3. ท่าแบกอาวธุ เรียบอาวุธ 4. ท่าเดิน ทา่ หยุด 5. ท่าหนั อยกู่ ับที่ กิจกรรมการเรียนการสอน 1. พธิ ีเปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ งานส่งิ ใด “ 5 นาที 3. สอนตามเน้อื หา 30 นาที ใช้วธิ สี อนเปน็ ฐาน ตอนแรกแบง่ เป็น 4 ฐาน ๆ ละ 5 นาที ฐานท่ี 1 ทา่ ตรง ทา่ พกั ฐานที่ 2 ทา่ วันทยาวุธ เรยี บอาวุธ ฐานท่ี 3 ทา่ แบกอาวุธ เรยี บอาวุธ ฐานท่ี 4 ท่าหนั อยู่กบั ที่ รวมกองฝกึ ท่าเดิน ท่าหยดุ 10 นาที 4. เลา่ เรื่องสนั้ ทเี่ ป็นคติ 5 นาที 5. พธิ ปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเครื่องแต่งกาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สือ่ การเรยี นการสอน 1. ไมพ้ ลอง 2. แผนภูมเิ พลง 3. นกหวีด การวัดผลและประเมินผล 1. การสังเกต ความพร้อมเพรยี งและความเป็นระเบียบ 2. การทดสอบ ปฏิบตั ิตามระเบยี บแถวทา่ ถอื ไม้พลอง บนั ทกึ หลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ระเบยี บแถว ท่าถอื พลอง 1. ทา่ ตรง – พัก ทา่ ตรงและทา่ พักในเวลาถือไม้พลอง เหมือนกับท่ามือเปลา่ ไม้พลองอยู่ใน ทา่ เรยี บอาวธุ ไมพ้ ลองในท่าเรยี บอาวธุ คอื ลูกเสืออยใู่ นท่าตรง ถือไม้พลองด้วยมอื ขวา ต้นไมพ้ ลองอยู่ ประมาณโคนน้ิวก้อยเทา้ ขวา และชิดกบั เท้าขวา ไม้พลองอยู่ในระหวา่ งนิ้วหัวแม่มอื กับน้ิวช้ี นิว้ หัวแม่มอื จบั ไม้พลองชิดขา น้ิวอนื่ อีก 4 นว้ิ จบั ไม้พลองเฉยี งลงเบ้ืองลา่ ง นิ้วเรยี งชดิ ตดิ กัน ปลายไม้พลองอยูใ่ นร่อง ไหลข่ วาลำไม้พลองตง้ั ตรงแนบตัว สำหรบั พักตามระเบียบ เหมือนกบั ท่ามือเปล่า มือขวาท่ถี ือไม้พลองใหเ้ ล่ือนขึน้ มาเสมอเอว แล้ว ผลักไม้พลองไปข้างหลงั เฉียงไปข้างประมาณ 45 องศา มือซ้ายไพลห่ ลงั โดยมอื แบตามธรรมชาติ นิ้วเรียง ชิดติดกัน 2. ท่าวนั ทยาวธุ – เรียบอาวธุ ทา่ วันทยาวุธเป็นท่าแสดงความเคารพ ใช้คำบอกวา่ “วันทยา – วุธ” ให้ลกู เสือทำจังหวะเดยี วโดยยกแขนซ้ายขนึ้ มาเสมอแนวไหล่ศอกงอไปขา้ งหน้าใหต้ ั้งฉากกับ ลำตัว ฝ่ามอื แบค่ำ รวบน้ิวหัวแมม่ ือกับน้ิวกอ้ ยจรดกัน คงเหลอื นว้ิ ช้ี นว้ิ กลาง และน้ิวนาง เหยียดตรง และชิดตดิ กัน ให้ข้างปลายน้วิ ชีแ้ ตะไม้พลอง หรือไมง้ ่ามในร่องไหลข่ วา เมื่อเลกิ ทำความเคารพใช้คำบอก “เรยี บ – อาวุธ” ใหล้ ูกเสอื ลดแขนซ้ายมาอยู่ท่ีเดมิ โดยเร็ว ถา้ ผูร้ บั การเคารพมาทางขวา (ซา้ ย) หรือตรงหนา้ จะบอกโดยกล่าวทศิ ทางที่มาเสียก่อนก็ได้วา่ “ขวา (ซา้ ยหรอื ตรงหน้า) ระวงั – วนั ทยา – วธุ ” ให้ลกู เสือทำวันทยาวุธ มอื ซ้ายดันไม้พลองข้นึ ไปอยใู่ น ท่าแบกอาวธุ ดังเดิม พร้อมกับหนั หนา้ แลตรง ลดแขนขวาลง แขนแกว่งต่อไปในทา่ เดนิ ตามปกติ 3. ทา่ แบกอาวุธ – เรียบอาวุธ ทา่ แบกอาวุธใช้คำบอกว่า “แบก – อาวธุ ” ใหล้ ูกเสือ ทำ เปน็ 2 จังหวะ จังหวะท่ี 1 ยกไม้พลองด้วยมือขวาผ่านหน้าเฉยี ดลำตัวไปทางซา้ ย ให้ต้นไม้พลองอยู่ใน อุ้งมือซ้าย ลำไม้พลองตัง้ อยู่ตรงรอ่ งไหล่ซา้ ย มือขวาคงจับไม้พลองอยทู่ ่เี ดิม ศอกงอไปขา้ งหนา้ แนวเดียวกับ ไหล่ จังหวะท่ี 2 ดันไม้พลองด้วยมอื ซ้าย พรอ้ งกับสง่ ไม้พลองดว้ ยมือขวา ให้ไม้พลองพาดขนึ้ ไปบนบา่ ซ้าย แขนซา้ ยทอ่ นบนแนบชดิ ติดลำตวั ศอกซา้ ยงอ หน้าแขนต้ังไดฉ้ ากกับลำตัว ขณะเดียวกันลดมือขวา ลงในทา่ ตรงโดยเรว็ ขอ้ ควรระวัง ขณะทล่ี กู เสอื ทำท่าแบกอาวธุ จังหวะท่ี 2 ระวงั อยา่ ให้ศีรษะเคลอื่ นหลบไม้ พลอง ทรงศรี ษะใหค้ งทเี่ หมือนอยูใ่ นท่าตรงเสมอ ใหแ้ ขนซา้ ยอยูใ่ นลกั ษณะที่ถูกต้องและ ไมเ่ คล่ือนไหว ปลายไม้พลองจงึ จะไดร้ ะดับและไม่เอียงไปมา เรียบอาวุธ ใช้คำบอก “เรยี บ – อาวธุ ” ให้ลกู เสอื ทำเป็น 3 จงั หวะ จังหวะท่ี 1 ยกมือขวาข้ึนจับไม้พลอง ศอกงอไปขา้ งหน้าในแนวเดยี วกับไหล่ พร้อมกับเหยยี ดแขนซ้ายโดย ลดไมพ้ ลอง ลงชิดกับลำตัว จังหวะท่ี 2 นำไม้พลองด้วยมือขวามาไว้ขา้ งลำตัวในรอ่ งไหล่ขวา (แขนซา้ ยเหยียดเกือบสุด ระยะท่ีมือขวาจับไม้พลองในทา่ เรยี บอาวุธ) ขณะเดียวกันยกมือซา้ ยขนึ้ กนั ไม้พลองทรี่ ่องไหลข่ วา ศอกงอไป ข้างหนา้ ในแนวเดยี วกับไหล่ จังหวะที่ 3 ลดแขนซา้ ยลงอยใู่ นทา่ เรยี บอาวุธตามเดิม (ในจงั หวะน้ีเหยียด
แขนขวาลงสดุ ระยะท่ีมอื ขวาจับไม้พลองอยใู่ นท่าเรยี บอาวุธ ตน้ ไม้พลองอยใู่ นท่าเรยี บอาวุธ ตน้ ไม้พลองจรด พื้น) ขอ้ สงั เกต ตอนเหยยี ดแขนขวาจากจงั หวะท่ี 2 ลงสดุ ระยะท่ีมือขวาจบั ไม้พลองในทา่ เรยี บอาวุธในจงั หวะท่ี 3 จะรสู้ ึกวา่ ต้นไม้พลองจรดพนื้
แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 แผนการจดั ท่ี 4 เรอื่ ง ประวัตลิ อรด์ เบเดนพาวเวลล์ จำนวน 1 ชว่ั โมง จดุ ประสงค์ เลา่ ประวตั ิ ประวตั ลิ อร์ดเบเดนพาวเวลล์ อย่างยอ่ ได้ เนอ้ื หา ประวตั ิ ประวัตลิ อร์ดเบเดนพาวเวลล์ กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พธิ ีเปดิ ( ธงข้ึน สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เกม “ ไหวพรบิ ” 5 นาที 3. สอนตามเน้อื หา 30 นาที 3.1 สนทนาเก่ยี วกบั ประวัติ B.P. 3.2 ให้ลกู เสือเล่าหรืออภิปรายถึงบทบาททป่ี ระทับใจของ B.P. เช่น ความกล้าหาญ , ความเสียสละ 3.3 สรปุ ประวัติ B.P. 4. เลา่ เร่ืองสั้นทีเ่ ป็นคติ 5 นาที 5. พิธีปิด ( นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแต่งกาย ธงลง เลิก ) 10 นาที ส่อื การเรยี นการสอน 1. ภาพลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ 2. ภาพการอยูค่ า่ ยพักแรมทเี่ กาะบราวน์ซี 3. แผนภูมิเพลง การวดั ผลและประเมินผล 1. การสงั เกตความสนใจการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 2. การซักถามประวัติ B.P. บนั ทกึ หลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ประวตั ิสังเขปของลอร์ด เบเดล พาวเวลล์ ลอร์ด เบเดล พาวเวลล์ มีช่ือเต็มวา่ โรเบิรต์ สตเิ ฟสัน สไมธ์ เบเดล พาวเวลล์ เรยี กย่อ ๆ วา่ บี.พ.ี เกิดเม่อื วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2400 ทก่ี รงุ ลอนดอน บดิ าชื่อ เอช.จ.ี เบเดล พาวเวลล์ เป็นศาสตราจารยท์ มี่ หาวทิ ยาลัยอ๊อกฟอรด์ ในวิชาเรขาคณติ และธรรมชาตศิ ึกษา มารดาชอ่ื เฮนรี่ เอทต้า เกรช สไมธ์ เปน็ ธดิ าของพลเรือเอกดับบลิว.ที.สไมธ์ แห่งราชนาวีอังกฤษ สมรสกบั นางสาวโอลาฟ เซ็นตแ์ คลร์ เม่อื บี.พี. อายุ 55 ปี ชวี ิตในวยั เดก็ เมื่อ บี.พี. อายุ 11- 12 ปี ไดเ้ ข้าศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาช่อื โรสฮลิ ล์ ใน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขา้ เรียนในโรงเรียนมธั ยมศึกษาชอื่ ซาเตอรเ์ ฮาส์ กรุงลอนดอนได้ 2 ปี ต่อมาไดย้ ้ายไปอยู่ในชนบท ณ เมืองโกดาลมิง ในแคว้นเซอร์เรย์ มแี ม่น้ำไหลผ่าน และมีปา่ ใหญ่อยู่ตดิ บรเิ วณโรงเรียน เขามกั จะใช้เวลาวา่ งหลบเขา้ ไปใช้ชวี ิตและศกึ ษาเก่ียวกบั ธรรมชาติโดยลำพัง ชวี ติ ในวยั เดก็ บี.พี. ได้รบั ความรูพ้ ิเศษจากนายพลเรือเอกสไมธ์ ผเู้ ป็นตา เก่ียวกับการ ว่ายน้ำ เลน่ เสก็ต ข่ีมา้ การวัดแดด และการดูดาว นอกจากนีเ้ ขายงั ชอบวาดภาพ รอ้ งเพลง แสดง ละคร มคี วามสนใจในธรรมชาตศิ กึ ษา ศกึ ษาชีวติ สัตว์ ต้นไม้ ตลอดจนความรู้เชิงพราน และในวันปดิ ภาคมกั จะทอ่ งเทีย่ วพักแรมไปกบั พีช่ ายอกี 3 คน ปีสุดท้ายท่เี รียนอย่ทู ่ชี าเตอร์ เฮาส์ บี.พ.ี ได้ไปสมคั รสอบเขา้ เรียนมหาวิทยาลัยออก ฟอร์ดสองครั้ง แต่สอบไม่ได้ ในปี พ.ศ. 2419 สอบเขา้ โรงเรียนนายรอ้ ยแซนดเ์ ฮิสต์ได้ท่ี 5 ได้รับการแต่งตัง้ เปน็ รอ้ ยตรใี นกองทพั บกของอังกฤษ และได้ถูกสง่ ไปประจำการทป่ี ระเทศอนิ เดยี เมื่ออายุ 19 ปี ชีวติ ในการรบั ราชการทหาร (พ.ศ.2419 – 2453) บ.ี พ.ี รับราชการทหารในประเทศอนิ เดยี ประจำกองทหารม้าอสุ ซาร์ท่ี 13 เป็นเวลา 8 ปี โดยปฏบิ ัตหิ น้าทด่ี ้วยความเข้มแข็ง และได้รบั ยศร้อยเอก เม่อื อายุ 26 ปี ในระหว่างน้ีมเี หตกุ ารณท์ แ่ี สดง ลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น 1. ได้รับรางวลั ชนะเลิศในการแข่งขันกีฬาแทงหมปู ่าบนหลงั ม้า โดยใชห้ อกส้นั เมื่อ พ.ศ. 2426 2. ขณะมียศเป็นร้อยตรี ไดร้ บั เงินเดอื นน้อยมากเพยี งปลี ะ 120 ปอนด์ จงึ ดำเนินชีวติ อย่างประหยดั คือ งดสูบบุหรี่ ดม่ื สรุ าแตน่ อ้ ย และหารายได้พิเศษ โดยการเขียนเรื่อง และเขยี นภาพลงหนงั สือพมิ พ์ ชวี ติ ราชการทหารของทา่ นส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอนิ เดียและแอฟรกิ า มีสิง่ ท่ีประทับใจที่ เกีย่ วกับกจิ การลกู เสือหลายคร้ัง เช่น คร้ังที่ 1 พ.ศ. 2431 ได้ไปปราบชนเผ่าซลู ู ซึง่ มีหัวหน้าชอื่ ดนิ สิ ซูลู ในแอฟรกิ า ไดส้ ำเร็จจากประสบการณน์ ีไ้ ดับ้ ความรซู้ ่ือตอ่ มาได้นำมาใช้ในกจิ การลกู เสือ คือ 1. บทเพลงอนิ กอนยามา 2. สรอ้ ยคอของดนิ ิส ซูลู ทำด้วยไม้แกะเป็นท่อนเล็ก ๆ ซงึ่ ต่อมา บี.พี.ไดน้ ำมาเปน็ บดี เคร่ืองหมายวูดแบดจ์ สำหรบั ผทู้ ่ผี ่านการอบรมผู้บังคับบัญชาลกู เสอื ขั้นความรู้ชน้ั สูง
ครง้ั ที่ 2 พ.ศ. 2432 ท่เี กาะมอลต้า บี.พี.ไดร้ ับแต่งต้ังเปน็ ผ้ชู ว่ ยฑตู ทหาร ทำหน้าที่ เป็นทหารสบื ราชการลับ คร้งั ท่ี 3 พ.ศ. 2438 ทำการรบกับเผา่ อาชนั ติ ซึ่งมีกษัตริยช์ ่อื วา่ “คิงเปรมเปห”์ และไดร้ บั ชัยชนะในเหตุการณ์ครั้งนี้ บี.พ.ี ไดป้ ระสบการณ์ต่อไปนี้ 1. การบุกเบิก เชน่ การโคน่ ต้นไม้ การทำสะพาน การสรา้ งค่ายพกั 2. ทดลองการแต่งกายของตนเอง ใช้หมวกปกี ของโคบาล จนได้รับฉายาจากพวกพนื้ เมือง วา่ “คันตะไค” แปลวา่ “คนสวมหมวกปีกกว้าง” 3. ประเพณกี ารจับมือซ้าย จากการแสดงความเปน็ มิตรของคนพนื้ เมือง คร้ังที่ 4 พ.ศ. 2439 พวกมาตาบิลี ซึง่ เปน็ เผ่าหน่งึ ของซลู ู เดิมอย่ใู นทรานสวาล และถูกพวกบัวรข์ บั ไล่ จึงอพยพไปอยูใ่ นมาติบลิ ีแลนด์ (ปัจจบุ ันเรยี กโรดเี ซีย) พวกมาตาบลิ ี ก่อการ กบฏ รัฐบาลองั กฤษจงึ สั่งกองทหารอังกฤษไปปราบ บี.พี.ไดป้ ฏบิ ัตหิ น้าท่ดี ้วยความเข้มแขง็ และไดร้ บั ประสบการณเ์ ร่ืองการสอดแนม โดยเฉพาะในการปฎบิ ตั ิงานตอนกลางคืน เลยได้รบั ฉายาว่า “อมิ บซี ่า” แปลว่า “หมาป่าไม่เคยนอนหลบั ” ครัง้ ที่ 5 พ.ศ. 2442 เหตุการณท์ เี่ มืองมาฟอีคิง หลงั จาก บ.ี พ.ี ได้กลบั จากการ ปฏบิ ัติงานทอ่ี ินเดีย 2 ปี บี.พี.ไดร้ ับคำสั่งดว่ นใหเ้ ดนิ ทางไปแอฟริกา เพือ่ หาทางป้องกันการรกุ รานของ พวกบวั ร์ (ชาวดัทช์ทอี่ พยพไปอย่ใู นแอฟรกิ าใต้) ในทรานสวาลและออเรนจ์ทรสี เตท ซึง่ จะตง้ั ตนเปน็ เอก ราช บ.ี พี.ไดน้ ำกองทหารไปรกั ษาเมืองมาฟอีคิง ซ่งึ ถูกล้อมโดยกองทหารบัวร์ไวไ้ ด้ 217 วนั จงึ มกี องทัพ ใหญย่ กไปชว่ ยและทำให้พวกบวั ร์ต้องล่าถอยไป ในการป้องกันเมืองมาฟอีคิง บี.พ.ี ได้ปฏิบัติหน้าทีด่ ้วยความเขม้ แขง็ อดทน รา่ เรงิ ไม่ย่อท้อ ใชส้ ตปิ ญั ญาหาวิธีการแก้ปัญหา ทำกลอุบายลวงข้าศึกให้เขา้ ใจผดิ คดิ ว่ามีกำลงั ทหารมากมาย และมกี ารป้องกันรกั ษาเมืองอยา่ งเข้มแขง็ ตลอดจนใชเ้ ด็กอาสาสมัครท่ีได้รบั การอบรมแลว้ ปฏิบตั หิ น้าท่สี ง่ ข่าว ปรากฏวา่ ทำงานไดผ้ ลดี ทำให้ บี.พี.มคี วามประทับใจในตวั เดก็ และเห็นว่า ถ้าใช้เด็กใหถ้ ูกทางแล้ว จะเกดิ ประโยชนแ์ กป่ ระเทศชาติเปน็ อย่างมาก จงึ ได้รเิ ริ่มการลูกเสอื ในเวลาต่อมา จากเหตกุ ารณ์ทเ่ี มืองมาฟ อีคิง ทำให้บ.ี พ.ี ได้รบั ฉายาว่า “ผ้ปู ้องกนั มาฟอีคิง” กำเนิดของการลกู เสอื บ.ี พี.เดนิ ทางกลบั อังกฤษในฐานะวีรบรุ ษุ และได้รับเกียรติอยา่ งมาก เน่ืองจากได้รบั ประสบการณ์จากเมืองมาฟอีคิง ซงึ่ ไดจ้ ัดใหเ้ ด็ก ๆ มาชว่ ยเหลอื ในการรักษาเมือง เช่น ทำหนา้ ท่ีเปน็ ผู้สื่อขา่ วและสอดแนมของกองทัพ รกั ษาความสงบภายใน รบั ใช้งานตา่ ง ๆ เช่น อยูย่ ามบนหอคอย ใหส้ ัญญาณแก่ประชาชนเม่ือพวกบัวร์โจมตี เด็กเหล่านี้ทำหน้าท่ที ่ีได้รับมอบหมายอย่างเขม้ แข็ง ว่องไว ได้ผลดีไม่แพ้ผู้ใหญ่ ดังนนั้ บี.พ.ี จึงคิดตงั้ ขบวนการลูกเสือข้ึน จากประสบการณ์ของท่านเม่ืออยู่ท่ีอินเดีย อฟริกา อยู่กับพวกซลู ู และคนพนื้ เมือง เผ่าอน่ื ๆ ทำให้ บี.พี.ได้พัฒนาความคดิ มาเปน็ ขบวนการลูกเสืออย่างรอบคอบ โดยในปี พ.ศ. 2450 บ.ี พ.ี ไดร้ วบรวมเด็ก 20 คน ใหไ้ ปอยู่ทเี่ กาะบราวน์ซี ในช่องแคบองั กฤษ นบั เปน็ การพกั แรมของลกู เสอื คร้ังแรกของโลก
ในปตี ่อมา กองลูกเสอื ได้เริม่ ตง้ั ข้ึนอยา่ งจรงิ จังเป็นครงั้ แรกในอังกฤษ และขยายตัว แพรห่ ลายอย่างรวดเรว็ ขบวนการลูกเสือได้เจรญิ ขึน้ ตามลำดับ ทำให้ บ.ี พ.ี มองเห็นการณ์ไกล ลูกเสอื จะ เป็นงานสำคญั ในชีวติ ซงึ่ จะทำประโยชนใ์ ห้แก่บ้านเมืองได้มาก ดดยการอบรมเด็ก ๆ รุ่นหลงั ใหเ้ ปน็ พลเมอื งดีของชาติ บ.ี พ.ี จึงลาออกจากราชการทหาร ชีวติ ตอนน้จี งึ เรียนวา่ “ชีวติ ท่ี 2” ซงึ่ เปน็ ชวี ิตที่ ให้บรกิ ารแก่ลูกเสอื ท่ัวโลก พ.ศ. 2454 บ.ี พ.ี เดินทางรอบโลก เพอื่ พบลกู เสือประเทศต่าง ๆ เป็นการตั้งต้นของ การลกู เสือท่จี ะเสรมิ ความเป็นพน่ี อ้ งทัว่ โลก พ.ศ. 2463 ลูกเสือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพบกันที่กรุงลอนดอน เพื่อรว่ มชุมนุม ลกู เสอื โลกครั้งแรก ในการชุมนุมครั้งนี้ ลูกเสอื ท้งั หลายได้พร้อมใจกันประกาศให้ บี.พี. อยูใ่ นตำแหน่ง ประมขุ คณะลกู เสือโลก เม่อื การลกู เสอื มีอายคุ รบ 21 ปี ซ่งึ เปน็ การบรรลุ “นิติภาวะ” ตามกฎหมายองั กฤษ และมีลูกเสือทั่วโลกถึง 2 ล้านเศษ พระเจ้ายอรช์ ที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักด์ิให้ บี.พ.ี เปน็ บา รอน ตอ่ จากนนั้ กจิ การลกู เสือกเ็ จริญรดุ หน้าโดยไมห่ ยุดยั้ง และได้มีการชุมนมุ ลูกเสือโลกขนึ้ อีหลายคร้งั นอกจากนปี้ ระเทศไทยไดม้ โี อกาสจดั งานชุมนมุ ลูกเสอื โลกคร้งั ที่ 20 ในปี พ.ศ. 2546 วาระสดุ ท้าย เมื่อ บี.พี. อายุ 80 ปี กำลังเร่มิ ลดลง จงึ กลบั ไปยู่ที่แอฟริกาอีกครั้งหน่ึงเพ่ือ พักผ่อนในช่วงสดุ ท้ายของชวี ิต โดยพกั อยูท่ เ่ี คนยา และถึงแก่กรรมท่ีนัน่ เมื่อวันท่ี 8 มกราคม พ.ศ. 2484
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 แผนการจัดที่ 5 เร่อื ง ประวตั ขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว จำนวน 1 ช่วั โมง จดุ ประสงค์ 1. เล่าพระราชประวัติของประวัตขิ องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว 2. บอกพระราชกรณียกิจของประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ อย่างน้อย 2 ข้อ 3. บอกกำเนดิ ลกู เสือไทยได้ เน้ือหา 1. พระราชประวตั ิของประวตั ิของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ วั 2. พระราชกรณยี กจิ ของประวัติของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั 4. การกำเนิดลูกเสอื ไทย กจิ กรรมการเรียนการสอน 1. พธิ เี ปิด ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ พระมงกุฎรำลกึ ” 5 นาที 3. สอนตามเนอ้ื หา 30 นาที 3.1 ผกู้ ำกำสนทนากบั ลูกเสือเกย่ี วกับ - พระราชประวตั ิ - พระราชกรณยี กิจ - การกำเนดิ ลูกเสอื ไทย 3.2 ชว่ ยกันสรปุ และรอ้ งเพลงวชิราวธุ รำลกึ 4. เล่าเร่อื งสัน้ ท่ีเปน็ คติ 5 นาที 5. พธิ ปี ดิ ( นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแต่งกาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สอ่ื การเรียนการสอน 1. พระบรมฉายาลกั ษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ ัว 2. ภาพพระราชกรณยี กจิ 3. แผนภมู เิ พลง การวัดผลและประเมินผล 1. การสงั เกตความสนใจ และการปฏิบัตกิ จิ กรรม 2. ซกั ถามพระราชประวัตพิ ระราชกรณยี กจิ และการกำเนดิ ลกู เสอื ไทย บนั ทึกหลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
พระราชประวตั สิ งั เขป พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้า เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ (สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภา ผ่องศรี) ทรงพระราช สมภพเม่ือวันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2423 ได้รับพระราชทานนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าวชิราวุธ เม่ือทรงพระ เยาว์ได้ศึกษาวิชาหนังสือไทยกับพระยาศรีสุนทรโวหาร พระชนมายุได้ 13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ในสาขาประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย วรรณคดี ที่มหาวิทยาลัย อ๊อกฟอร์ด และวิชาทหารบกทโี่ รงเรียนแซนดเ์ ฮสิ ต์ รวม 9 ปี พระได้เสดจ็ เถลงิ ถวัลย์ราชสมบตั ิตอ่ จากสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ เมอื่ วันที่ 23 ตุลาคม 2453 ขณะนัน้ มีพระชนมายุได้ 31 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองคไ์ ด้ทรงประกอบพระราชกรณียกจิ ทำนุ บำรุงประเทศชาติ ในดา้ นการปกครอง การทหาร การศกึ ษา การสาธารณสขุ การคมนาคม การ ศาสนา โดยเฉพาะในทางวรรณคดที รงพระราชนพิ นธท์ ัง้ ร้อยแกว้ ร้อยกรอง ประมาณ 200 เร่อื ง ดว้ ย พระปรชี าสามารถของพระองค์ ประชาชนจงึ ถวายสมญานามพระองค์วา่ “พระมหาธีรราชเจา้ ” ทรงอยู่ ในราชสมบตั ิเพยี ง 16 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวนั ที่ 25 พฤศจิกายน 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แตเ่ นือ่ งดว้ ยพระราชกรณยี กิจของพระองค์ ทำให้เกิดคุณประโยชน์แกบ่ า้ นเมืองอยา่ งใหญ่หลวง รัฐบาล กับประชาชนจึงรว่ มใจกันสรา้ งพระบรมรูปของพระองค์ประดิษฐานไวท้ ่สี วนลมุ พนิ ี และคณะลูกเสือแหง่ ชาติ ร่วมดว้ ยคณะลกู เสือ ทั่ ว ร า ช อ า ณ า จั ก ร ได้ ส ร้ า ง พ ร ะ บ ร ม รู ป ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ ป ร ะ ดิ ษ ฐ า น ไ ว้ ห น้ า ค่ า ย ลู ก เสื อ ว ชิ ร า วุ ธ อำเภอศรีราชา จังหวดั ชลบุรี
ในระยะท่ีมีการก่อต้ังลูกเสือข้ึนในโลกน้ันประเทศไทยตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรชั กาลท่ี 6 สถานการณ์ของโลกในขณะนั้นกำลังทวีความคบั ขนั อทิ ธพิ บของวฒั นธรรม ตะวันตกเริ่มไหลเข้าสู่เมืองไทย พร้อมกับการแพร่ระบาดของระบอบมหาชนรัฐ และภัยของชาติไทยก็คือ การถูกรุกเงียบ แต่ด้วยพระปรีชาญาณของสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าพระองค์ทรงเล็งเห็นการณ์ไกล จึง ทรงมีพระราชดำริว่า การลูกเสืออันสืบเนื่องมาแต่งานปลุกชาติทรงว่าตรงนั้น หากได้นำมาปรับปรุงใช้ให้ เหมาะสมกับเด็กไทยกจ็ ะเป็นคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงแก่ชาตบิ ้านเมือง ทรงมนั่ พระราชฤทยั เป็นอย่างยิ่ง พร้อมท้ังทรงประกอบดว้ ยความกลา้ หาญฝ่าอปุ สรรคท้ังปวง เป็นตน้ ว่าคำตำหนิติเตียนอนั เกดิ จากประชาชน ที่ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์และกิจการลูกเสือดีพอ ทำให้มีอุปสรรคเกิดข้ึนมาก ท่ีเห็นได้ชัดดังเช่น ผู้ปกครองเด็กโดยมากไม่ใคร่เต็มใจยินยอมให้เด็กของตนสมัครเข้าเป็นลกู เสือ โดยเข้าใจไปวา่ การลูกเสือก็คือ การเป็นทหารนั่นเอง ประกอบทั้งการลูกเสือต้องเป็นการเสียสละด้วยความเต็มใจ จึงเป็นการลำบากอยู่ มากในขั้นแรกพระองค์ได้ดำเนินกุศโลบาย โดยได้ทรงพระอุตสาหะจัดต้ัง “กองเสือป่า” ข้ึนก่อน เม่ือ วันที่ 1 พฤษภาคม 2454 ทรงฝึกพวกผู้ใหญ่ (ส่วนใหญ่เป็นพวกข้าราชการ) เรียกว่า พ่อเสือ ด้วย พระองค์เอง โปรดเกล้าฯใหม้ ีการซ้อมรบและฝึกซอ้ มกลยทุ ธ์ตา่ ง ๆ ตามหลักวิชาการทหารทีพ่ ระองค์ไดร้ ับ การอบรมมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังความนิยมให้ประชาชนชาวไทยรู้จักคุณค่าแห่งการทหาร ด้วยทรง เล็งเห็นว่า ประเทศจะดำรงคงอิสรภาพอยู่ได้ ก็ด้วยประชาชนทั้งหลายรักประเทศ ต่อมาก็ได้ทรง พระราชดำริว่า กองเสือป่าได้ต้ังขน้ึ เป็นหลักฐานแล้วพอที่จะหวังไดว้ ่าจะเป็นผลดี แต่ผู้ท่ีจะเป็นเสือป่านั้น ต้องนับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฝ่ายเด็กชายท่ียังอยู่ในวัยเด็ก ก็เป็นผู้ท่ีสมควรได้รับการฝึกฝนท้ังในส่วนร่างกาย และจิตใจให้มีความรู้ทางเสือป่า เพื่อว่าโตข้ึนจะได้รู้จักหน้าท่ีผู้ชายไทยทุกคนควรประพฤติให้เป็นประโยชน์ แก่ชาติบ้านเมืองอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตน และการฝึกฝนปลุกใจให้คิดถูกเช่นน้ีต้องรีบฝึกฝนเสีย ตงั้ แต่ยังเยาว์ เปรียบเหมือนไม้ท่ียังอ่อน จะดดั เป็นรูปรา่ งอย่างไรก็เป็นไปได้โดยงา่ ยและงดงาม แต่ถ้ารอ จนแก่เสียแล้ว เม่ือจะดัดก็ต้องเข้าไฟและมักจะหักได้ในขณะท่ีดัด ดังนี้ฉันใดสันดานคนก็ฉันน้ัน เมื่อมี พระราชดำริดังน้ีแล้ว จึงโปรดเกล้าฯให้ตั้งกองลูกเสือขึ้นตามโรงเรียนและสถานท่ีอันสมควร และโปรด เกล้าฯ ให้มีการกำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือข้ึนไว้เม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 พระราช ประสงค์ที่คิดจัดให้มีลูกเสือขึ้นนั้น ก็โดยปรารถนาที่จะให้เด็กไทยได้ศึกษาและจดจำข้อสำคัญ3 ประการ คือ 1. ความจงรกั ภกั ดตี ่อผ้ดู ำรงรฐั สีมาอาณาจักรโดยต้องตามนิติธรรมประเพณี 2. ความรักชาตบิ า้ นเมอื ง และนับถือศาสนา 3. ความสามัคคใี นหมู่คณะ และไม่ทำลายซึ่งกนั และกนั ซ่ึงท้ัง 3 ประการนีเ้ ป็นรากฐานแหง่ ความม่นั คงที่จะนำให้ชาติดำรงอยูเ่ ปน็ ไทยไดส้ มนาม กองลูกเสือของประเทศไทยที่ต้ังข้ึน นับได้เป็นลำดับที่ 3 ของประเทศที่มีการลูกเสือในโลก และกองลูกเสือกองแรกต้ังข้ึนท่ีโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน) ลูกเสือคน แรก คือ นายชัพน์ บุญนาค นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งถือว่าได้แต่งลูกเสือเป็นคนแรก และ เป็นผู้ที่ได้กล่าวคำปฏิญาณของลกู เสือเป็นคนแรก โดยพระองค์ท่านไดม้ ีพระราชโองการว่า “อ้ายชัพน์ เอ็ง เป็นลกู เสอื แล้ว”
ต่อมากจิ การลูกเสือก็ได้แพร่หลายไปยงั ทอ้ งถ่ินต่าง ๆ ในประเทศไทย ลกู เสอื คนแรกของไทย คอื นายชพั น์ บญุ นาค
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 แผนการจดั ที่ 6 เร่อื ง วิวัฒนาการของลกู เสือโลกและลกู เสือไทย จำนวน 1 ชวั่ โมง จุดประสงค์ บอกวิวัฒนาการของลูกเสือโลก และลูกเสือไทยได้ เนือ้ หา ววิ ฒั นาการของลูกเสือโลกและลูกเสอื ไทย กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พิธเี ปดิ ( ธงข้ึน สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ ลูกเสอื ธรี ราช ” 5 นาที 3. สอนตามเน้อื หา 30 นาที 3.1 ผกู้ ำกบั สนทนาถงึ การกำเนดิ ลูกเสอื โลก ลกู เสือไทย 3.2 ผกู้ ำกบั เลา่ ววิ ฒั นาการของลูกเสือโลก ลูกเสือไทย 3.3 อภิปรายถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งลกู เสอื โลก ลกู เสอื ไทย 3.4 สรปุ 4. เลา่ เรอื่ งสนั้ ทเ่ี ปน็ คติ 5 นาที 5. พธิ ีปดิ ( นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที สือ่ การเรยี นการสอน 1. แผนภูมเิ พลง 2. แผนภมู ิความเป็นมาของลูกเสือ การวัดผลและประเมินผล 1. การสงั เกตความสนใจ และการปฏิบตั กิ จิ กรรม 2. การซกั ถาม บนั ทึกหลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
วิวฒั นาการลกู เสอื โลก ลอร์ด เบเดล พาวเวลล์ (บี.พี.) เป็นผู้ก่อตั้งกิจการลูกเสือของโลกข้ึนเป็นคร้ังแรก และได้รับคัดเลอื กเป็นประธานลกู เสอื ท่วั โลก เมอ่ื พ.ศ. 2461 สาเหตุท่ี บี.พี.คิดต้ังกองลูกเสือขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2442 บี.พี. ถูกส่งไปรักษาเมืองมาฟ อีคงิ เมืองขึน้ ขององั กฤษในแอฟริกาใต้ เน่ืองจากสงครามบัวร์ เมืองมาฟอีคงิ ถูกล้อมนานถึง 217 วัน ใน ระหว่างน้ี บี.พี. ได้จัดกองทหารเด็ก ซ่ึงมีอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป มีเด็กหนุ่มเป็นผู้บังคับบัญชา มี เคร่ืองแบบและได้รับการอบรมในการสื่อสารกับรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมของอังกฤษ เด็กเหล่านี้มี ความสามารถและกล้าหาญมาก เขาได้รับเหรียญกลา้ หาญในสงครามครั้งน้ีด้วย พ.ศ. 2447 ไดเ้ ขยี นโครงการอบรมเดก็ ซ่งึ มหี ลักการคล้ายลูกเสอื ใหเ้ ซอรว์ ิลเลยี่ ม สมิธ นำไป ทดลองตง้ั สมาคมเดก็ ข้นึ ในสกอ๊ ตแลนด์ พ.ศ. 2450 บ.ี พี.ถกู ปลดเปน็ ทหารกองหนุน หลงั จากน้นั ท่านได้นำเดก็ 20 คน ไปอยคู่ ่าย พักแรมที่เกาะบราวน์ซี ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอังกฤษเป็นเวลา 9 คืน และได้ประสบ ผลสำเรจ็ ตามความมุ่งหมาย คอื 1. การจัดแบ่งเด็กเป็นหมู่ ๆ ละ 5 คน มีนายหมู่รับผิดชอบในเร่ืองความประพฤติ และการปฏิบัติในหมขู่ องตน ปรากฎวา่ ได้ผลดมี ากในทางปฏิบัติ เด็กรจู้ ักหน้าที่รับผดิ ชอบ แสดงให้เห็นว่า ระบบหมเู่ ป็นวิธีการทีถ่ กู ตอ้ งในการฝกึ อบรมเด็ก 2. เด็กทกุ คนไมว่ ่าจะมาจากครอบครวั มีฐานะใด ตา่ งชอบการอยู่ค่ายพกั แรมและ กิจกรรมกลางแจ้ง 3. วิธที ไ่ี ด้ผลที่สดุ ในการศึกษาวิชาลูกเสอื คอื การปฏบิ ัติจรงิ และโดยการเลน่ เกม พ.ศ. 2451 แต่งตำรา ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงค์ สาระสำคัญ คำปฏญิ าณ และกฎ คติ รหัส การ แสดงความเคารพ การจบั มือ เครื่องแบบ แนวการฝกึ อบรมลูกเสอื มีการชุมนมุ ต้งั ลกู เสอื อังกฤษครงั้ แรกท่ีคริสตลั พาเลช ในกรุงลอนดอน ในวนั ท่ี 4 กนั ยายน พ.ศ. 2452 ตัง้ สำนักงานลูกเสอื และในวันท่ี 10 ธันวาคม พ.ศ. 2452 จดั ต้งั กรรมการบรหิ าร ลูกเสอื ชุดแรก โดยมี บี.พี.เปน็ ประธานกรรมการ บี.พ.ี ไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์เิ ปน็ เซอร์ เรียกช่อื เต็มว่า เซอร์ โรเบิรต์ เบเดน พาวเวลล์ พ.ศ. 2453 มีการจัดตง้ั กองลกู เสือหญงิ โดยมแี อกนิส น้องสาวของ บ.ี พ.ี เป็นหัวหน้า พ.ศ. 2454 ตงั้ กองลูกเสือสมทุ ร พ.ศ. 2455 บ.ี พี.เดนิ ทางรอบโลกเยยี่ มการลกู เสอื ในประเทศต่าง ๆ บ.ี พี.สมรสกบั มีสโอลาฟ เซนต์แคลร์ โซมส์ เมือ่ 30 ตลุ าคม พ.ศ. 2455 พ.ศ. 2457 เกิดสงคราโลกคร้ังแรก บ.ี พ.ี มอบลูกเสอื ให้ทำหนา้ ทช่ี ่วยทหาร เชน่ รกั ษาสะพาน และสายโทรศพั ท์ ทำหน้าท่ีผู้สือ่ ข่าว ช่วยงานในโรงพยาบาล พ.ศ. 2459 ต้ังกองลูกเสอื สำรอง
พ.ศ. 2460 เลดี้ เบเดน พาวเวลล์ ไดร้ ับเลือกให้เป็นประมขุ ของกองลกู เสือหญิง พ.ศ. 2461 ต้ังกองลูกเสือวสิ ามญั พ.ศ. 2462 ตง้ั กิลเวลล์ปารค์ และเริม่ ดำเนนิ การอบรมวิชาผกู้ ำกับลูกเสือชนั้ วดู แบดจ์ พ.ศ. 2463 ชุมนุมลกู เสอื โลกครงั้ แรกทีโ่ อลมิ เปีย ในกรงุ ลอนดอน ทา่ นได้รบั การสถาปนาเป็น ประมขุ ลกู เสือโลก ท่ปี ระชมุ มีมตใิ ห้มกี ารประชมุ สมัชชาลูกเสือโลก ทุก 2 ปี และจัดต้ังสำนกั งานลกู เสือนานาชาติข้นึ ท่กี รงุ ลอนดอน พ.ศ. 2465 เขยี นหนงั สอื Rovering to Success ซึง่ เปน็ คู่มือสำหรบั ลูกเสือวสิ ามัญ พ.ศ. 2467 มกี ารชมุ นมุ ลกู เสอื โลกครั้งท่ี 2 ณ เมือง เออเมนเดน ในประเทศเดนมาร์ก พ.ศ. 2469 ตงั้ กองลูกเสือพิการ พ.ศ. 2472 มีการชุมนมุ ลูกเสือโลกครัง้ ที่ 3 ณ อาร์โรว์ปารค์ เมืองเบอรเ์ ดนเฮค ประเทศองั กฤษ พระเจา้ ยอร์ชท่ี 5 พระราชทานบรรดาศักดิช์ ัน้ บารอน เรยี กชอื่ เตม็ ว่า ลอรด์ เบเดน พาวเวลล์ แห่งกลิ เวลล์ พ.ศ. 2476 มีการชมุ นมุ ลูกเสอื โลกครง้ั ที่ 4 ณ เมืองเกอะเดอะเลอะ ประเทศฮังการี พ.ศ. 2480 บ.ี พี. อายุ 80 ปี พระเจา้ ยอรช์ ที่ 6 พระราชทานเครอื่ งราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2481 บี.พี.ไปอยทู่ ีเ่ มอื งไนเยอรี ประเทศเคนยา พ.ศ. 2484 บ.ี พี. ถงึ แก่อนจิ กรรมเม่ืออายุได้ 83 ปี ณ บา้ นพกั เมืองไนเยอรี เม่ือ 8 มกราคม พ.ศ. 2484 คำวา่ SCOUT มาจาก S ยอ่ มาจาก SINCERITY แปลว่า ความจรงิ ใจ C ย่อมาจาก COURTESY แปลว่า ความสภุ าพอ่อนโยน O ย่อมาจาก OBEDIENCE แปลว่า การเช่อื ฟัง U ยอ่ มาจาก UNITY แปลวา่ ความเปน็ ใจเดยี วกนั T ย่อมาจาก THRIFTY แปลว่า ความมธั ยสั ถ์ องคก์ ารลูกเสือโลกเกิดขน้ึ ในประเทศองั กฤษเมอ่ื ปี พ.ศ. 2451 โดยอาศยั ความคิดเหน็ และหนงั สือ “การลกู เสือสำหรบั เดก็ ชาย” 1. สมชั ชาลูกเสือโลก สมัชชาลูกเสอื โลก คอื ที่ประชุมของผู้แทนคณะลูกเสอื ตา่ ง ๆ ปจั จบุ นั มีสมาชิกอยู่ 151 ประเทศ เปน็ ผู้แทนของลูกเสอื ประมาณ 250 ลา้ นคน ประเทศสมาชิกสง่ ผู้แทนเข้ารว่ มประชุมได้ ประเทศละ 6 คน เงื่อนไขการประชุม คอื การยอมรับและปฏบิ ตั ิตามจุดหมายและหลักการลกู เสือโลก อยา่ งอิสระ และไมเ่ ก่ียวกับการเมือง 2. คณะกรรมการลูกเสอื โลก คณะกรรมการลูกเสือโลกประกอบด้วยบุคคล 12 คน จากสมาชิก 12 ประเทศ เลือกตั้งโดยท่ีประชุมสมัชชาลูกเสือโลกอยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี และเลือกตั้งกันเองเป็นประธานและ รองประธานในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกทุก ๆ 3 ปี จะมีกรรมการพ้นจากตำแหน่ง 4 คน และจะ
เลือกต้ังกรรมการลูกเสือเข้าแทนที่โดยวิธีการลงคะแนนลับจากที่ประชุมใหญ่ซ่ึงมีผู้แทนมาจาก 157 ประเทศ โดยปกติคณะกรรมการลูกเสือโลก จะมีการประชุมอย่างน้อยปีละคร้ัง ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ 3. สำนกั งานลกู เสอื โลก สำนกั งานลูกเสือโลก ทำหนา้ ท่ีเป็นสำนกั งานเลขาธกิ ารปฏบิ ัติตามคำสงั่ หรอื มติของ สมัชชาลูกเสือโลก และคณะกรรมการลูกเสือโลก มีเลขาธิการเป็นหัวหน้าสำนักงานและมีเจ้าหน้าที่อีก ประมาณ 40 คน เปน็ ผูช้ ่วย พ.ศ. 2463 ตั้งขึ้นเป็นคร้งั แรกทกี่ รุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2501 ยา้ ยไปอยู่เมองออตตาวา ประเทศแคนาดา พ.ศ. 2504 การประชุมสมชั ชาคร้ังที่ 18 ณ กรุงลสิ บอน ประเทศโปรตุเกส พ.ศ. 2511 ยา้ ยไปอยู่ทเี่ มืองเจนีวา ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ จนถงึ ปัจจุบัน นอกจากนียังมี สำนกั งานเขตอกี 6 เขต คือ องค์การลูกเสือโลก (WOSM: World Organization of the Scout Movement) ปจั จุบัน การลกู เสอื ได้เจรญิ เติบโตและแพร่ขยายไปทั่วโลก ซงึ่ มีสมาชิกกวา่ 28 ลา้ นคน ใน 154 ประเทศ และเขตปกครอง อาณานิคมแคว้นตา่ งๆ ท่วั โลก มีองค์การลูกเสือโลก (World Organization of the Scout Movement) โดยสำนักงานลกู เสอื โลก (World Scout Bureau) ซง่ึ ตง้ั อยู่ท่ี กรงุ เจนวี า ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทำหนา้ ท่เี ป็นสำนักงานเลขาธกิ ารฯ ผ้ดู แู ลการดำเนินงานของประเทศ สมาชิกให้พัฒนาไปตามกรอบนโยบายและแนวทางขององค์การลูกเสอื โลก และตามมติของทป่ี ระชมุ สมัชชา ลูกเสือโลก (World Scout Conference) ซ่ึงจดั ให้มีข้ึนในทกุ ๆ 4 ปี นอกจากสำนักงานลูกเสือโลก (World Scout Bureau) กรุงเจนีวา แลว้ ยงั มีสำนักงาน ลกู เสอื ภาคพื้นอยูใ่ นภมู ภิ าคท่ัวโลกอีก 6 แหง่ ได้แก่ 1. ภาคพ้ืนยุโรป (Europe) - มีประเทศสมาชกิ 40 ประเทศสำนักงานใหญ่ต้ังอยู่ท่ี กรงุ เจนีวา ประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ และกรงุ บรสั เซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม 2. ภาคพื้น ยเู รเชยี (Eurasia) - มปี ระเทศสมาชิก 7 ประเทศสำนกั งานใหญต่ งั้ อยู่ทีส่ าธารณรฐั ยเู ครน และสำนักงานสาขา ที่กรงุ มอสโคว์ ประเทศรัสเซีย 3. ภาคพืน้ อนิ เตอร์อเมรกิ า (Interamerica) - มีประเทศสมาชกิ 32 ประเทศ สำนกั งานใหญ่ต้ังอยู่ที่ กรุงซานติเอโก ประเทศชลิ ี 4. ภาคพื้นอาหรับ (Arab) - มีประเทศสมาชกิ 17 ประเทศ สำนกั งานใหญต่ ั้งอยทู่ ี่กรุงไคโร ประเทศ อียิปต์ 5. ภาคพ้ืนอาฟรกิ า (Africa) - มีประเทศสมาชิก 35 ประเทศ สำนักงานใหญ่ต้ังอย่ทู ี่กรงุ ไนโรบี ประเทศเคนยา - สำนักงานสาขา 1. ตั้งอย่ทู ่กี รงุ ดาการ์ ประเทศเซเนกลั - สำนักงานสาขา 2. ตัง้ อยทู่ ่ี กรงุ เคปทาวน์ ประเทศอาฟริกาใต้ 6. ภาคพนื้ เอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific) - มีประเทศสมาชกิ 23 ประเทศ (รวมท้ัง ประเทศไทย)
สำนกั งานใหญต่ ้ังอยูท่ ่ีกรุงมนิลา ประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ การประชมุ สมัชชาลูกเสอื เขตเอเชยี - แปรซิฟิก ประชุมครัง้ แรกเมื่อ พ.ศ. 2501 หลงั จากนน้ั ได้มีการประชุมทุก 2 ปี และเปลีย่ นเปน็ ทกุ ๆ 3 ปี ในปี พ.ศ. 2532 ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ได้ เปลีย่ นช่ือเป็น Asia - Pacific Scout Conference ววิ ัฒนาการลูกเสอื ไทย วิวัฒนาการลกู เสอื ไทย อาจแบง่ เปน็ 5 ยุค ดงั นี้ 1. ยุคก่อต้งั (พ.ศ. 2454 - 2468) รวม 14 ปี อยู่ในรชั การท่ี 6 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 ทรงสถาปนาการเสอื ปา่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ทรงสถาปนาลกู เสอื ไทย โดยตราข้อบังคบั ลักษณะปกครองลกู เสือ และตัง้ สภากรรมการกลางจัดการลูกเสอื แหง่ ชาตขิ น้ึ โดยพระองคท์ รงดำรงตำแหนง่ สภานายก และหลงั จาก นั้นพระมหากษัตรยิ อ์ งต่อมา ทรงเป็นสภานายกสภาลกู เสือแหง่ ชาติตลอดมาจนถึงปี 2490 ในยุคนี้มี เหตกุ ารณส์ ำคัญ ๆ เชน่ พ.ศ. 2454 ตั้งลกู เสือกองแรกข้นึ ท่ี โรงเรียนมหาดเลก็ หลวง (โรงเรียนวชิราวธุ ในปัจจบุ ัน) เป็นกองลกู เสือในพระองค์ เรียกวา่ “กองลกู เสือกรุงเทพฯ ที่ 1” พ.ศ. 2458 พระราชทานเหรยี ญราชนิยมใหแ้ ก่ลูกเสอื โท ฝา้ ย บญุ เลย้ี ง (ตอ่ มาเป็นขุนวรศาสน์ ดรุณกจิ ) พ.ศ. 2459 ต้ังโรงเรยี นผู้กำกับลกู เสือในพระบรมราชปู ถมั ภ์ขนึ้ ณ สโมสรเสือปา่ จงั หวัดพระ นคร หลกั สตู ร 2 เดือน เปดิ ได้ 4 ปีกล็ ม้ เลกิ พ.ศ. 2463 สง่ ผู้แทนลูกเสอื ไทยไปชุมนุมลูกเสือโลกครงั้ ที่ 1 ณ กรุงลอนดอน โดยมนี าย สวัสดิ์ สุมติ ร เปน็ หัวหนา้ คณะ พ.ศ. 2465 คณะลกู เสือไทยสมคั รเขา้ เป็นสมาชิกสมัชชาลกู เสอื โลก เป็นกลุ่มแรก มีประเทศ ตา่ ง ๆ รวม 31 ประเทศ และถือว่าเปน็ สมาชิผู้ริเริ่มจัดตั้งคณะลูกเสือโลก พ.ศ. 2467 ส่งผู้แทนไปรว่ มการชมุ นุมลกู เสือโลกครัง้ ที่ 2 โดยพระยาภรตราชา เป็นหัวหนา้ คณะ พ.ศ. 2468 การลกู เสือไทยสูญเสยี พระผู้พระราชทานกำเนิดลกู เสือไทย รัชกาลท่ี 6 2. ยุคส่งเสรมิ (พ.ศ. 2468 - 2482) สมัยรัชกาลที่ 7 จนถงึ สงครามโลกคร้ังที่ 2 ยคุ น้แี บง่ ออกเป็น 2 ตอน คอื (ก) กอ่ นเปล่ียนแปลงการปกครอง รัชกาลที่ 7 ยงั ทรงเปน็ สภานายกสภากรรมการกลาง จดั การลูกเสอื แห่งชาติ พ.ศ. 2470 มีการชุมนมุ ลกู เสือแหง่ ชาติคร้งั ที่ 1 ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ กรงุ เทพฯ พ.ศ. 2472 สง่ ผแู้ ทนไปรว่ มชุมนุมลกู เสอื โลกคร้ังท่ี 3 ณ ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2473 มีการชุมนุมลกู เสอื แห่งชาติครงั้ ท่ี 2 พระรามราชนเวศน์ จังวัดเพชรบรุ ี (ข) ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัชกาลที่ 7 ก่อนสละราชสมบัตแิ ละรชั กาลท่ี 8 จนถึงสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 (พ.ศ. 2475 - 2482) พ.ศ. 2476 ตงั้ กรมพลศกึ ษาขนึ้ ในกระทรวงศึกษาธิการ โดยมกี องลูกเสอื อยใู่ นกรมพลศกึ ษา
และส่งผ้แู ทนไปรว่ มชุมนุมลกู เสอื โลกครง้ั ที่ 4 ประเทศฮังการี โดยมีนายอภยั จันทวิมล เป็นหัวหนา้ คณะ ประกาศใช้ตราประจำคณะลูกเสือแหง่ ชาติ และกฎลกู เสือ 10 ขอ้ เปดิ การฝกึ อบรมวิชาผูก้ ำกับลกู เสือ ซึง่ เรียกในทางราชการวา่ “การฝกึ อบรมวิชาพล ศกึ ษา(ว่าด้วยลูกเสือ)” ประจำปี 2478 เป็นเวลา 1 เดอื น ประการต้งั การลูกเสือสมุทรเสนา พ.ศ. 2479 ประกาศใช้หลกั สตู รเสนา และสมทุ รเสนา พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2479 กำหนดลกั ษณะธงประจำกองคณะลูกเสือแหง่ ชาติ และธงประจำ กองลูกเสอื พ.ศ. 2482 พ.ร.บ.ลูกเสือ ต้ังสภากรรมการกลางจดั การลกู เสอื แห่งชาติ จงั หวัดลูกเสอื อำเภอลกู เสือ และแบง่ ลูกเสอื ออกเป็น 2 เหล่า คอื ลูกเสอื เสนา และลูกเสือสมทุ รเสนา พ.ร.บ. ให้ทรพั ย์สนิ กองเสือปา่ เป็นของคณะลูกเสือแหง่ ชาติ 3. ยคุ ประคบั ประครอง (พ.ศ. 2483 - 2489) ระยะน้ลี กู เสือซบเซามาก เนอื่ งจากอยใู่ นภาวะ สงคราม พ.ศ. 2488 สงครามโลกคร้ังท่ี 2 สิ้นสดุ การลกู เสือเรมิ่ ฟ้ืนฟูทัว่ โลก รชั กาลที่ 8 เสดจ็ นิวัตสพู่ ระนคร และถกู ลอบปลงพระชนม์ 4. ยุคก้าวหน้า ( พ.ศ. 2489 - 2514) เร่ิมต้นรชั กาลที่ 9 แบ่งออกเปน็ 2 ระยะ คือ (ก) ระยะเร่มิ ก้าวหนา้ (พ.ศ. 2489 - 2503) พ.ศ. 2496 เรมิ่ ดำเนนิ การสร้างค่ายลกู เสือวชริ าวธุ ตำบลบางพระ อำเภอศรรี าชา จงั หวัด ชลบุรี พ.ศ. 2497 มีการชมุ นุมลกู เสอื แห่งชาติ ครง้ั ที่ 3 ณ สนามกฬี าแหง่ ชาติ พ.ศ. 2500 ส่งผ้แู ทนไปรว่ มชมุ นุมลกู เสือโลก ครั้งท่ี 9 ณ ประเทศองั กฤษ เพอ่ื เฉลมิ ฉลอง อายคุ รบ 100 ปี ของลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ พ.ศ. 2501 เปิดการฝึกอบรมวชิ าผู้กำกบั ลูกเสือสำรอง ขนั้ ความร้เู บื้องต้นเป็นคร้ังแรกใน ประเทศไทย ตามหลักสูตรกิลเวลลป์ าร์ค จดั ตัง้ กองลกู เสือสำรองกองแรกข้นึ ในประเทศไทย 5 สิงหาคม 2501 พ.ศ. 2503 เปิดการฝกึ อบรมวิชาผู้กำกบั ลูกเสอื สำรอง ข้นั วูดแบดจ์ ครัง้ ท่ี 1 ณ พระ ตำหนักอา่ งศลิ า จังหวัดชลบรุ ี สง่ ผู้แทนไปรว่ มประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก คร้งั ที่ 2 ณ ประเทศพม่า (ข) ระยะกา้ วหน้า (พ.ศ. 2504 - 2514) พ.ศ. 2504 มีการชมุ นุมลูกเสือแหง่ ชาตคิ รัง้ ที่ 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร เพอ่ื เฉลมิ ฉลองท่ี คณะลกู เสือไทยมีอายคุ รบ 50 ปี เปดิ การฝึกอบรมวิชาผกู้ ำกับลกู เสือสามัญ ข้นั วดู แบดจ์ ร่นุ ที่ 1 ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวุธ และวางศลิ าฤกษศ์ าลาวชิราวุธ พ.ศ. 2505 พลเอกถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรี เปดิ คา่ ยลูกเสอื วชิราวธุ 1 กรกฎาคม 2505 รัชกาลท่ี 9 ทรงประกอบพิธีเปิดศาลาวชิราวุธ
พ.ศ. 2506 เปิดการฝึกอบรมผ้กู ำกับลกู เสือวิสามัญ ขัน้ วดู แบดจ์ รุ่นท่ี 1 ณ คา่ ยลกู เสอื วชิราวุธ จดั ตง้ั กองลกู เสอื วสิ ามญั วนั ที่ 18 มีนาคม 2506 พ.ศ. 2507 ประกาศใช้ พ.ร.บ.ลกู เสือ พ.ศ. 2507 เปดิ การฝกึ อบรมผู้กำกับลกู เสือสามัญร่นุ ใหญ่ ขั้นวูดแบดจ์ ณ คา่ ยลูกเสือวชริ าวธุ พ.ศ. 2508 ประชมุ สภาลกู เสอื แหง่ ชาติครง้ั ที่ 1 ณ ศาลาสนั ตธิ รรม กรุงเทพฯ(ประชมุ ทกุ ป)ี จดทะเบียนลกู เสอื สามญั รุน่ ใหญ่เหล่าสมุทรกองแรก ณ โรงเรยี นสัตหีบ มีการชมุ นุมลูกเสอื แหง่ ชาติคร้ังที่ 5 ณ ค่ายลกุ เสือวชิราวธุ พ.ศ. 2509 คณะลกู เสือไทยบรจิ าคเงนิ สรา้ งพทุ ธศาลา ณ กลิ เวลล์ปารค์ จดทะเบียนกองลูกเสือ สามัญรนุ่ ใหญ่กองแรก ณ โรงเรยี นเทพศิรนิ ทร์ พ.ศ. 2511 กิลเวลลป์ ารค์ ถวายเครอื่ งหมายวดู แบดจก์ ติ ติมศกั ดิ์แกร่ ชั กาลที่ 9 พ.ศ. 2512 มชี มุ นุมลกู เสอื แห่งชาติ ครงั้ ที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชริ าวุธ พ.ศ. 2514 มชี มุ นุมลกู เสอื แหง่ ชาตคิ ร้ังที่ 7 ณ ค่ายลุกเสือวชริ าวธุ เปิดการฝึกอบรมวชิ าผู้กำกบั ลกุ เสือ ขน้ั ผใู้ หก้ ารฝกึ อบรมแห่งชาติ ครงั้ ท่ี 1 ณ คา่ ยลกู เสือวชิราวุธ ส่งผูแ้ ทนคณะลกู เสอื ไทยเข้าร่วมการชมุ นุมลกู เสือโลก คร้ังที่ 13 ณ ประเทศญ่ปี ุ่น 5. ยุคประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปจั จบุ นั ) เน่อื งจากปี 2514 เป็นปีทีม่ ีการฝกึ อบรมลกู เสอื ชาวบ้านเปน็ ครัง้ แรก พ.ศ. 2516 รับกิจการลกู เสอื ชาวบ้านเปน็ ส่วนหน่งึ ของคณะลุกเสอื แหง่ ชาติ กระทรวงศึกษาธิการมคี ำสั่งให้นำวิชาลูกเสือเข้าอยูใ่ นหลักสตู รโรงเรยี น รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธเี ปิดการชุมนุมลูกเสือแหง่ ชาติ ครั้งที่ 8 ณ คา่ ยลกู เสือ วชริ าวธุ พ.ศ. 2518 สง่ ผู้แทนไปรว่ มการชมุ นมุ ลูกเสอื โลก คร้งั ที่ 14 ณ ประเทสเดนมารค์ ส่งผู้แทนไปรว่ มประชมุ สมัชชาลูกเสือโลก คร้ังท่ี 14 ณ ประเทศเดนมารค์ พ.ศ. 2519 มีการอบรมผบู้ รหิ ารงานลูกเสืออาชีพ รุ่นท่ี 1 ณ ค่ายลูกเสอื วชริ าวธุ พ.ศ. 2520 มีการชมุ นุมลกู เสือแห่งชาติ ครง้ั ที่ 9 ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวุธ พ.ศ. 2521 ประกาศยกเลกิ หลักสตู รการฝึกอบรมวิชาผู้กำกบั ลูกเสอื สำรองและสามญั ของกิลเวลล์ปารค์ และใช้ของสำนักงานลกู เสอื โลก เขตเอเชยี - แปซฟิ ิก พ.ศ. 2524 มงี านชุมนุมลกู เสอื แหง่ ชาตคิ ร้ังท่ี 10 ณ คา่ ยลกู เสอื วชริ าวธุ เพอื่ เฉลิม ฉลองวนั พระราชสมภพครบรอบ 100 ปี ของรชั กาลท่ี 6 นายแพทย์บุญสม มาร์ติน ไดร้ ับคัดเลือกเปน็ กรรมการลูกเสือโลก จากการ ประชมุ สมัชชาลูกเสอื โลก ครง้ั ท่ี 28 ณ เมอื งดาร์การ์ ประเทศเซเนกัล พ.ศ. 2528 มกี ารชุมนุมลกู เสือแห่งชาติ ครัง้ ที่ 11 ณ ค่ายลูกเสือวชริ าวุธ พ.ศ. 2532 มีการชมุ นมุ ลุกเสอื แห่งชาตคิ ร้งั ที่ 12 ณ ค่ายลูกเสอื วชริ าวุธ
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 แผนการจัดท่ี 7 เรื่อง การทำความเคารพ การแสดงรหสั การจับมือซา้ ย และคติพจนข์ องลูกเสือสามญั จำนวน 1 ช่ัวโมง …………………………………………………………………………………………………………….………………………………… จดุ ประสงค์ 1. แสดงความเคารพไดถ้ ูกต้อง 2. แสดงรหัส และบอกความหมายไดถ้ ูกตอ้ ง 3. บอกความหมายของคติพจน์ของลูกเสือสามัญได้ เนอื้ หา 1. การทำความเคารพทา่ มือเปล่า และท่ามีอาวุธ 2. การแสดงรหัส 3. การจับมอื ซ้าย 4. คติพจนข์ องลูกเสือ กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พธิ เี ปดิ ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เกม “ สวัสดี ” 5 นาที 3. สอนตามเนอ้ื หา 30 นาที 3.1 ผู้กำกับอธบิ ายพรอ้ มสาธิตการทำความเคารพ การแสดงรหสั แสดงการจับมอื ซ้าย 3.2 ผู้กำกับนำสนทนาเกี่ยวกับความหมายของคตพิ จน์ของลูกเสือ 3.3 รอ้ งเพลง “ลูกเสือจับมือ” พร้อมแสดงท่าประกอบเพลง 3.4 ผูก้ ำกับและลูกเสือรว่ มกันสรปุ บทเรียน 4. เลา่ เร่อื งส้ันทีเ่ ป็นคติ 5 นาที 5. พธิ ีปิด ( นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สื่อการเรียนการสอน 1. แผนภูมกิ ารแสดงความเคารพ การแสดงรหัส และการจบั มอื 2. ปา้ ยคติพจนข์ องลกู เสือ การวัดผลและประเมินผล 1. การสังเกตความสนใจ และการปฏิบัตกิ จิ กรรม 2. การซักถาม และการทดสอบ บันทึกหลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การแสดงความเคารพทา่ มือเปล่า 1. วันทยหัตถ์ การฝกึ ขัน้ ตน้ คำบอก “วันทยหตั ถ์ และ มอื ลง” การปฏิบัติ ยกมือขวาข้ึนโดยเร็วและแข็งแรง จัดน้ิวมืออย่างเดียวกับท่ารหัสของลูกเสือ โดยให้ปลายน้ิวช้ีแตะขอบล่างของหมวกค่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยในแนวทางตาขวามือเหยียดตามแนว แขนขวาท่อนล่าง นิ้วเหยียดตรงและเรียงชิดติดกัน ข้อมือไม่หัก เปิดฝ่ามือขึ้นประมาณ 30 องศา แขนขวาท่อนบนยื่นไปทางข้าง อยู่ประมาณแนวไหล่เม่ืออยู่ในท่ีแคบ ให้ลดศอกลงได้ตามความเหมาะสม ร่างกายส่วนอื่นต้องไม่เสียลักษณะท่าตรง เมื่อได้ยินคำบอก “มือลง” ให้ลดมือลงอยู่ในท่าตรงโดยเร็ว และแข็งแรง (ท่าวนั ทยหตั ถ์โดยปกตติ ่อจากทา่ ตรงเปน็ ท่าเคารพเม่ืออยู่ตามลำพังนอกแถว) ผู้บังคับบัญชาลกู เสอื เขา้ แถวแสดงการเคารพดว้ ยทา่ วันทยหตั ถ์ (สวมหมวก) ลกู เสอื จะสวมหมวกหรอื ไม่สวมหมวก ให้ทำวนั ทยหัตถไ์ ด้ ถ้าไม่สวมหมวกใหป้ ลายน้ิวช้ีแตะที่ หางคว้ิ ขวา การแสดงความเคารพท่าไม้พลอง 2. ท่าวนั ทยาวุธ - เรียบอาวธุ การฝกึ ขนั้ ตน้ คำบอก “วนั ทยา – วธุ และ เรียบ – อาวธุ ” การปฏิบัติ ท่าวันทยาวุธเป็นท่าแสดงความเคารพ ใช้คำบอกว่า “วันทยา – วุธ” ให้ลูกเสือ ทำจังหวะเดียวโดยยกแขนซ้ายข้ึนมาเสมอแนวไหล่ศอกงอไปข้างหน้าให้ตั้งฉากกับลำตัว ฝ่ามือแบค่ำ รวบ นว้ิ หัวแม่มอื กับน้ิวก้อยจรดกนั คงเหลือนิ้วชี้ น้วิ กลาง และนิว้ นาง เหยยี ดตรงและชิดติดกัน ใหข้ ้างปลาย น้วิ ช้ีแตะไมพ้ ลอง หรอื ไมง้ า่ มในรอ่ งไหล่ขวา เมอ่ื เลกิ ทำความเคารพใชค้ ำบอก “เรียบ – อาวธุ ” ใหล้ ูกเสือลดแขนซา้ ยมาอย่ทู เ่ี ดมิ โดยเร็ว ถ้าผู้รับการเคารพมาทางขวา (ซ้าย) หรือตรงหน้าจะบอกโดยกล่าวทิศทางท่ีมาเสียก่อนก็ได้ว่า “ขวา (ซ้ายหรือตรงหน้า) ระวัง – วันทยา – วุธ” ให้ลูกเสือทำวันทยาวุธพร้อมกับหันหน้าไปยังผู้รับการ เคารพ ตาแลจับตาผู้รับการเคารพ หันศีรษะตามจนผู้รับการเคารพผ่านหน้าตนไปแล้ว 2 ก้าว จึงหัน กลบั มาอยใู่ นทา่ ตรง เม่ือผู้รับการเคารพพ้นแถวใหผ้ ูค้ วบคมุ แถวบอกเลกิ ทำความเคารพ การแสดงรหสั รหสั แปลว่า เหตุลบั หรอื ความลบั จะเปน็ แสดงด้วยกรยิ า ท่าทาง เสียง เครื่องหมายใด ๆ กไ็ ด้ซ่ึงเขา้ ใจกนเฉพาะพวกเดียวกนั
วิธีแสดงรหัสของลูกเสือมี 2 แบบ คอื ของอเมริกา 1. ยืนอยู่ในทา่ ตรง 2. ยกแขนขวาเสมอไหล่ งอศอก ตง้ั ฉากกบั ต้นแขนหันฝ่ามอื ไปข้างหนา้ นิ้วหัวแมม่ ืองอกดปลาย นิ้วกอ้ ยไว้ ทำเป็นรูปวงกลม เหยียดน้วิ ช้ี นว้ิ กลาง นิว้ นางตรงชี้ขึ้นข้างบน ของอังกฤษ และไทย ใชร้ ะบบน้ี 1. ยืนอยใู่ นท่าตรง 2. งอพบั ข้อศอกขวาขน้ึ แนบข้อศอกอยู่ข้างตวั หันฝา่ มือออกเหยยี ดนิ้วชี้ นวิ้ กลาง นิ้วนางตรง ช้ขี นึ้ ขา้ งบน เอนิ้วหวั แมม่ ืองอกดปลายน้วิ ก้อยไว้ ทำเปน็ รูปวงกลม เหยยี ดนว้ิ ช้ี นว้ิ กลาง นว้ิ นางตรงช้ีข้นึ ข้างบน การแสดงรหสั ของลูกเสือเป็นการแสดงเพอ่ื ให้ทราบว่า 1. เป็นการแสดงเพ่อื ความรับรู้ และเข้าใจกนั ระหวา่ งพวก 2. เพือ่ แสดงวา่ เป็นพวกเดยี วกัน 3. หมายถึงคำปฏิญาณลูกเสือ 3 ขอ้ การใชแ้ ละโอกาสที่จะใชร้ หสั 1. ใชแ้ สดงเมือ่ ลูกเสือกล่าวคำปฏญิ าณตอ่ ผู้กำกบั ในการเข้าประจำกองและทบทวนคำปฏิญาณ 2. ใชแ้ สดงเมื่อพบกับลกู เสือนานาชาติ แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน (ผแู้ สดงไมไ่ ด้แต่งเครื่องแบบก็ แสดงได้เพ่ือใหฝ้ ่ายแตง่ เคร่อื งแบบทราบ) เมื่อลูกเสอื แสดงรหัสต่อกันแล้ว ต้องสัมผัสมอื ซ้าย กันดว้ ย เพ่อื เตือนลกู เสือว่า เป็นพวกเดยี วกนั ท่ัวโลก ซงึ่ มีอุดมคติ หมัน่ ประพฤติแตค่ วามดี เป็นท่พี ง่ึ และเปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ตลอดจนสงั คม ละเว้นความชัว่ ท่จี ะทำให้ผ้อู น่ื เดือดร้อน อันเป็นเหตกุ ่อความรำคาญต่อสังคม การจับมือซา้ ย มี 2 แบบ 1. แบบอังกฤษจับกนั แบบธรรมดาด้วยมอื ซ้าย 2. แบบอเมริกันให้ใชม้ ือซา้ ยจับเชน่ เดียวกนั แต่ใช้นว้ิ ก้อยกับน้ิวหัวแม่มอื สอดเข้าหากัน น้วิ ช้ี นวิ้ กลาง นิ้วนาง แนบประกบกนั
คตพิ จนข์ องลกู เสือ คตพิ จน์ คือ ถอ้ ยคำอนั เปน็ คติ ซ่ึงเปน็ ความจริง อันเปน็ แบบอย่างที่ดี ลกู เสือพึงรกั ษา และนำมาใชเ้ พ่ือถือปฏิบัติ คติพจน์ของลูกเสือท่ัวไป “เสียชพี อย่าเสียสตั ย”์ หมายความว่า ให้ลูกเสือรกั ษาความซ่ือสัตย์ มสี จั จะยง่ิ ชีวติ จะไม่ ละความสัตย์ ถงึ แม้จะถูกบีบบงั คับจนเป็นอันตรายถงึ ชีวิตกต็ าม กย็ ่อมไม่เสยี สัจจะ เพอื่ เกียรติคุณคำ ปฏญิ าณและคำมั่นสัญญาของลกู เสือ คติพจน์ของลูกเสอื สามัญ “จงเตรียมพร้อม” หมายความวา่ ลกู เสือต้องเป็นผูร้ อบคอบไมป่ ระมาท เตรยี มพรอ้ มอยู่ เสมอทจ่ี ะปฏิบตั กิ จิ อันเป็นประโยชนเ์ พื่อชว่ ยเหลือผอู้ น่ื กจิ กรรมของลูกเสือด้วยความห่วงใย โดยไม่ ประมาทและผิดพลาดเสียหาย
แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 แผนการจัดที่ 8 เรื่อง ระเบียบแถว จำนวน 1 ชวั่ โมง จดุ ประสงค์ ปฏิบัตติ ามสัญญาณมือและสัญญาณนกหวดี ได้ เนื้อหา 1. สัญญาณมือ 2. สัญญาณนกหวีด กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. พิธีเปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เกม “ ตั้งไม้พลอง ” 5 นาที 3. สอนตามเน้ือหา 30 นาที 3.1 ผกู้ ำกับอธบิ ายและสาธติ การใช้สัญญาณมือ สญั ญาณนกหวีด การตง้ั แถว และการเรียกแถว 3.2 ผกู้ ำกบั สาธติ แล้วใหล้ ูกเสือปฏิบตั ิเกีย่ วกบั - ฝึกระเบยี บแถวตามสญั ญาณมือ - สัญญาณนกหวีด 4. เล่าเร่ืองสนั้ ท่ีเปน็ คติ 5 นาที 5. พธิ ปี ิด ( นดั หมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สือ่ การเรยี นการสอน 1. นกหวดี 2. แผนภมู ิสัญญาณนกหวีด 3. แผนภูมแิ พลง การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตความเป็นระเบยี บและความพรอ้ มเพรียง 2. การทดสอบ บันทกึ หลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สัญญาณมอื การส่งั ด้วยทา่ สญั ญาณ ให้ใช้ทา่ สัญญาณแขนและมือในการฝึกระเบียบแถวดงั ต่อไปน้ี 1. เตรยี ม คอยฟงั คำสงั่ หรือหยดุ เหยียดแขนขวาขน้ึ ตรงเหนือศรี ษะ มือแบห้านว้ิ ชดิ กัน หันฝา่ มอื ไปข้างหน้า ลูกเสอื หยดุ การเคล่อื นไหวหรือกระทำการใด ๆ ทั้งสน้ิ นิ่งคอยฟงั คำส่ังโดยหันหน้า ไปยงั ผู้บังคับบัญชา ถา้ อยใู่ นแถวยืนอยใู่ นทา่ ตรง 2. รวม หรือ กลบั มา เหยียดแขนขวา มือแบ หมุนเป็นวงกลเหนอื ศีรษะจากซา้ ยไปขวา 3. เคลื่อนท่ีไปข้างหน้า ทางขวา (ซา้ ย) ก่งึ ขวา (ซา้ ย) ไปทางหลงั ผู้ใหส้ ญั ญาณหนั หนา้ ไปยัง ทิศทางทต่ี ้องการ ชแู ขนขวาข้ึนเหนือศีรษะ ฝา่ มือแบไปข้างหนา้ แล้วลดแขนลงข้างหนา้ เสมอแนวบา่ 4. นอนลงหรือเขา้ ทีก่ ำบัง แขนขวาเหยยี ดตรงไปข้างหนา้ เสมอแนวไหล่ ฝา่ มอื แบควำ่ ลดแขนลง ขา้ งหน้าแลว้ กลบั ทีเ่ ดิมหลาย ๆ คร้งั 5. เรง่ จงั หวะ หรอื เรว็ ขน้ึ แขนขวางอมือกำเสมอบา่ ชขู ึ้นตรงเหนือศรี ษะแล้วลดลงหลาย ๆ คร้ัง 6. การใชส้ ัญญาณมอื เป็นคำสัง่ ให้แถว “พกั ” และ “ตรง” กรณีจะใหส้ ัญญาณมือเปน็ คำสง่ั ให้ “พัก” ผเู้ รียกแถวทำ 2 จงั หวะ ดงั น้ี จงั หวะท่ี 1 กำมือขวา งอแขนตรงศอก ใหม้ อื ทกี่ ำอยู่ประมาณตรงหวั เขม็ ขดั หันฝา่ มือที่กำเข้า หาเข้มขดั จงั หวะท่ี 2 สลดั มอื ทีก่ ำและหนา้ แขนไปทางขวาเปน็ มุม 180 องศา ประมาณแนวเดยี วกับเข็ม ขัด เป็นสัญญาณให้ “พัก” ตามระเบยี บ (ลูกเสือทุกคนปฏิบัติเชน่ เดยี วกบั ท่าพักตามระเบียบ) กรณีท่จี ะใหส้ ัญญาณมือเปน็ คำสง่ั ให้ “ตรง” ผ้เู รียกแถวทำ 2 จังหวะ ดังนี้ จงั หวะท่ี 1 กำมือในลกั ษณะเหมือนกบั เม่อื ตอนสลัดแขน ส่ัง “พกั ” จังหวะ 2 จงั หวะท่ี 2 กระตุกหนา้ แขน ให้กำมือกลบั มาอยูต่ รงหวั เข็มขดั (จังหวะ 1 ของสญั ญาณสงั่ “พกั ”) ลูกเสือทกุ คนชิดเท้าซ้าย ลดแขนท่ไี ขวห้ ลังลงอยู่ในทา่ ตรง สญั ญาณนกหวดี 1. หวีดยาว 1 ครัง้ ( ) ถา้ เคล่อื นท่ีให้หยดุ ถ้าหยุดอยู่เตือน เตรยี มตัวหรือ คอยฟงั คำส่งั 2. หวดี ยาว 2 ครั้ง ( ) เดินต่อไป เคลือ่ นตอ่ ไป ทำงานต่อไป 3. หวดี สั้นหนง่ึ คร้ัง หวดี ยาวหนง่ึ คร้งั สลบั กนั ไป ( ) เกดิ เหตุ 4. หวดี สัน้ 3 ครงั้ หวดี ยาว 1 ครง้ั ติดต่อกันไป ( ) เรียกนายหมู่มารับคำสงั่ 5. หวดี สน้ั ตดิ กนั หลาย ๆ คร้ัง ( ) ประชมุ รวม หมายเหตุ เม่อื จะใช้สญั ญาณ 2 – 5 ใหใ้ ชส้ ญั ญาณ 1 ทุกครงั้
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 แผนการจัดที่ 9 เรื่อง ระเบียบแถว ( ต่อ ) จำนวน 1 ช่วั โมง จุดประสงค์ เขา้ แถวรปู แถวต่าง ๆ ตามสัญญาณมือได้ เนื้อหา การตั้งแถวและการเรียกแถว 1. แถวหน้ากระดานเรียงเด่ยี ว 2. แถวตอนหมู่ 3. แถวหมหู่ น้ากระดานปดิ - เปิดระยะ กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พธิ เี ปดิ ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ เดิน ” 5 นาที 3. สอนตามเนือ้ หา 30 นาที 3.1 ผกู้ ำกบั อธิบายและสาธิต พร้อมฝึกปฏิบัติการเข้าแถวตามสัญญาณมือ - แถวหน้ากระดานเรียงเดี่ยว - แถวตอนหมู่ - แถวหมู่หนา้ กระดานปดิ - เปดิ ระยะ 3.2 แยกฝึกเป็นหมโู่ ดยผู้กำกับคอยช้ีแนะ 4. เลา่ เรื่องส้นั ทเี่ ป็นคติ 5 นาที 5. พธิ ปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สื่อการเรยี นการสอน 1. นกหวีด 2. แผนภูมิการตั้งแถว 3. แผนภูมิเพลง การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตความเป็นระเบียบและความพร้อมเพรียง 2. การทดสอบ ปฏิบตั ติ ามระเบียบแถวเป็นหมู่ บันทกึ หลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การตัง้ แถวและการเรียกแถว สัญญาณมือในการเรยี กแถวของลูกเสอื การใชส้ ญั ญาณมอื เรียกแถวรปู ตา่ ง ๆ ในการฝึกอบรมลกู เสือตามแบบสากลของลูกเสอื ทกุ ประเภท ผบู้ ังคบั บญั ชาทีจ่ ะเรียกแถวนนั้ จะตอ้ งเลือกสถานที่ใหเ้ หมาะสมเสียก่อน และยืนตรงแล้วจึงเรยี ก และใหส้ ญั ญาณ (ลูกเสือสำรองใชค้ ำว่า “แพ็ค” ลูกเสอื สามัญ สามัญรนุ ใหญ่ และวิสามัญ ใชค้ ำวา่ “กอง”) แถวหน้ากระดานแถวเดย่ี ว ผเู้ รยี กยืนอยูใ่ นทา่ ตรง เหยยี ดแขนทั้งสองไปดา้ นข้างเสมอแนวไหล่ มือแบหันฝ่ามือไป ขา้ งหน้า นว้ิ มอื เรียงชดิ ตดิ กัน ใหล้ กู เสือเข้าแถวหนา้ กระดานแถวเดย่ี ว แนวก่ึงกลางของแถวอยู่ห่างจากผู้เรียกประมาณ 6 กา้ ว หนั หน้าเข้าหาผเู้ รยี ก หน้ากระดานแถวเดี่ยว กรณหี มู่เดยี ว ให้นายหมยู่ ืนแลตรงเป็นหลกั ทางขวา (ทางซ้ายมือของผูเ้ รียก) ลูกหมเู่ ข้าแถว เรยี งตามลำดับทางซ้ายมือของนายหมเู่ ป็นแถวหนา้ กระดาน จนถงึ คนสดุ ท้ายคือรองนายหมู่ ทกุ คนยกเวน้ นายหมู่ “จดั แถว” ให้แลขวา การจดั ระยะเคียง ถา้ “ปิดระยะ” ระยะเคยี งของแถวหน้ากระดาน 1 ชว่ งศอกคือใหย้ ก มือซ้ายทาบตะโพก น้ิวเหยยี ดชิดติดกัน นว้ิ กลางอยใู่ นแนวตะเขบ็ กางเกง แขนขวาแนบกับลำตวั ผ้เู รียกจะตรวจแถว แล้วส่ัง “นง่ิ ” ลกู เสอื ทกุ คนลดมือลงพร้อมกบั สะบดั หนา้ มาอยู่ในท่าตรงและน่ิง ถา้ “เปิดระยะ” ระยะเคยี ง 1 ชว่ งแขน คือให้ลูกเสอื ยกแขนซ้ายข้ึน ควำ่ ฝ่ามือให้ ปลายน้ิวมือซา้ ยจรดไหล่ขวาของคนต่อไป กรณีหลายหมู่ ใหแ้ ตล่ ะหมเู่ ข้าแถวเข้าแถวหน้ากระดานเรียงตามลำดับจากด้านซา้ ยมอื ของ ผู้เรียกโดยใหแ้ นวกงึ่ กลางของแถวอยูห่ ่างจากผเู้ รียก 6 ก้าว ระยะเคียงระหวา่ งหม่เู ท่ากบั ระยะเคียง ระหว่างบคุ คล
แถวตอนหมู่ ผูเ้ รยี กยืนอย่ใู นท่าตรง เหยียดแขนทั้งสองไปขา้ งหน้า เสมอแนวไหล่ มอื แบหนั ฝา่ มอื เขา้ หากนั ในกรณหี มู่เดียว นายหมู่ยนื ตรงเปน็ หลกั ข้างหน้าผู้เรยี ก หา่ งจากผเู้ รยี กประมาณ 6 ก้าว ลูกหมู่เข้าแถวตอ่ ด้านหลังนายหมู่ ทกุ คนยืนใหต้ รงคอคนขา้ งหน้า ระยะต่อระหวา่ งบุคคล 1 ชว่ งแขน กรณหี ลายหมู่ เรียกวา่ “แถวตอนหม่”ู เช่นมี 5 หมู่ ให้หม่ทู ่อี ยู่ตรงก่งึ กลาง คือ หมู่ท่ี 3 ยืนเป็นหลกั ตรงหน้าผเู้ รยี ก ห่าง จากผ้เู รยี กประมาณ 6 ก้าว หมูท่ ี่ 2 และหม่ทู ่ี 1 เข้า แถวอยู่ในแนวเดียวกันไปทางขวามอื ผเู้ รยี ก ระยะเคยี งระหว่างหม่ปู ระมาณ 1 ชว่ งศอก ส่วนระยะต่อ ระหว่างบคุ คลประมาณ 1 ช่วงแขน (ไมต่ ้องยกแขน) แถวหมู่หน้ากระดานปดิ ระยะ ผเู้ รยี กอยูใ่ นทา่ ตรง ยกแขนทงั้ สองข้างไปข้างหนา้ งอศอกเป็นมุมฉากเสมอแนว ไหล่ กำมอื เขา้ หากัน ใหล้ ูกเสือหมูท่ ี่ 1 เข้าแถวตรงหน้าผ้เู รยี ก ห่างจากผู้เรยี กประมาณ 6 ก้าว นายหมู่อยทู่ างซา้ ยมือของผู้เรียก ลกู หมยู่ นื เรียงตอ่ จากซ้ายมือของนายหมเู่ ปน็ แถวหนา้ กระดานให้ตรง กึง่ กลางของหมู่ตรงหนา้ ผเู้ รยี ก หมูต่ ่อ ๆ ไปเขา้ แถวหน้ากระดานข้างหลงั หมู่แรกตามลำดับ ระยะต่อ ระหวา่ งหมู่ประมาณ 1 ช่วงแขน ระยะตอ่ ระหวา่ งบุคคล 1 ชว่ งศอก การจัดแถว ผสู้ ่ังเรยี ก “จัดแถว” ใหล้ กู เสอื ทุกคน (ยกเว้นคนสุดทา้ ย) ยกมือ ซา้ ยทาบตะโพก น้ิวเหยยี กชดิ ติดกนั นิ้วกลางอยู่ในแนวตะเขบ็ กางเกง แขนขวาแนบกับลำตวั ระยะต่อ ระหว่างหม่ปู ระมาณ 1 ชว่ งแขน (ไมต่ ้องยกแขน) และสะบดั หนา้ ไปทางขวา เมื่อผเู้ รยี กแถวตรวจการจัด แถวแล้วส่ัง “นง่ิ ” ลูกเสอื ทุกคนลดแขนลงพร้อมสะบัดหนา้ มาอยู่ในท่าตรง
แถวหน้ากระดานหมปู่ ดิ ระยะ แถวหมู่หนา้ กระดานเปิดระยะ ผู้เรียกยืนอย่ใู นทา่ ตรง ยกแขนทั้งสองขา้ งไปข้างหน้า งอศอกเปน็ มุมฉากเสมอแนวไหล่ แบะข้อศอกออกเป็นแนวเดียวกับไหล่ กำมือหันไปข้างหนา้ ให้ลูกเสอื ทุกคนเข้าแถวเช่นเดียวกบั แถวหมหู่ น้ากระดานปิดระยะ แต่ระยะต่อระหว่างหมู่ ของทุกหมู่ ห่างกันหม่ลู ะประมาณ 3 ชว่ งแขน การจัดแถว ใหป้ ฏบิ ัติเช่นเดยี วกบั แถวหม่หู นา้ กระดานเปิดระยะ แถวหน้ากระดานหมเู่ ปิดระยะ
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 แผนการจดั ที่ 10 เร่ือง ระเบียบแถว ( ต่อ ) จำนวน 1 ชั่วโมง จดุ ประสงค์ เขา้ แถวรูปแถวต่าง ๆ ตามสัญญาณมือได้ เนอ้ื หา การตง้ั แถวและการเรียกแถว 1. แถวครึง่ วงกลม 2. แถววงกลม(ผู้เรยี กเปน็ จุดศนู ย์กลาง) 3. แถววงกลม(ผู้เรียกเปน็ ส่วนหนึ่งของเสน้ รอบวง) กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พิธเี ปิด ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ มิตรสมั พนั ธ์” 5 นาที 3. สอนตามเน้อื หา 30 นาที 3.1 ผูก้ ำกบั อธบิ ายและสาธิต พร้อมฝึกปฏบิ ัติการเข้าแถวตามสญั ญาณมือ - แถวคร่งึ วงกลม - แถววงกลม(ผู้เรยี กเป็นจุดศูนยก์ ลาง) - แถววงกลม(ผู้เรียกเปน็ ส่วนหนึ่งของเสน้ รอบวง) 3.2 แยกฝึกเปน็ หม่โู ดยผ้กู ำกบั คอยชแ้ี นะ 4. เลา่ เรื่องส้ันท่เี ปน็ คติ 5 นาที 5. พิธีปดิ ( นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแต่งกาย ธงลง เลิก ) 10 นาที สื่อการเรียนการสอน 1. นกหวดี 2. แผนภูมิการตัง้ แถว 3. แผนภมู ิเพลง การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตความเปน็ ระเบียบและความพร้อมเพรยี ง 2. การทดสอบ ปฏบิ ัตติ ามระเบียบแถวเป็นหมู่ บนั ทกึ หลังกาสอน…………………………………………………………………………………..………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
การตง้ั แถวและการเรียกแถว สญั ญาณมือในการเรยี กแถวของลูกเสือ การใช้สญั ญาณมือเรียกแถวรูปต่าง ๆ ในการฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของลูกเสอื ทกุ ประเภท ผูบ้ งั คบั บญั ชาท่จี ะเรียกแถวนัน้ จะตอ้ งเลือกสถานท่ีให้เหมาะสมเสียก่อน และยืนตรงแลว้ จงึ เรียก และให้สัญญาณ (ลกู เสอื สำรองใช้คำวา่ “แพ็ค” ลูกเสือสามญั สามญั รุนใหญ่ และวสิ ามัญ ใช้คำวา่ “กอง”) แถวรูปคร่งึ วงกลม ผเู้ รียกยนื อยใู่ นทา่ ตรง แขนทั้งสองเหยียดตรงไปข้างหน้าให้เสมอระดบั เอว ฝา่ มอื คว่ำให้ ขอ้ มือขวาทับข้อมือซา้ ย แล้วโบกมอื ทงั้ สองไปด้านขา้ งลำตวั 3 ครง้ั แขนทัง้ สองต้องเหยยี ดตรง ใหน้ ายหมู่ลกู เสอื หมแู่ รกยนื อยใู่ นแนวซ้ายมอื ของผู้เรียก หมู่ท่ี 2 และหมตู่ ่อ ๆ ไปอยู่ ซ้ายมอื ของหมู่แรก รองนายหมขู่ องหมสู่ ดุ ท้ายจะตอ้ งอยู่ในแนวเดียวกับผเู้ รียกและนายหม่ขู องหมู่แรกโดยให้ ผูเ้ รียกเปน็ จุดศูนยก์ ลาง ระยะต่อระหวา่ งหมแู่ ละระหวา่ งบุคคล 1 ชว่ งศอก การจดั แถว ใหล้ กู เสอื ทุกคน(ยกเวน้ คนสดุ ท้าย) ยกมือซ้ายขึน้ ทาบสะโพก นว้ิ เหยียดชิด ตดิ กนั น้ิวกลางอยู่แนวตะเข็บกางเกง สะบัดหนา้ ไปทางขวา (ยกเว้นนายหม่แู รก) เมื่อผเู้ รียกตรวจการจัด แถวแลว้ ส่ัง “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมกับสะบัดหน้ามาอยู่ในท่าตรง แถวรปู ครง่ึ วงกลม แถวรปู วงกลม 1. แบบผู้เรยี กยืนอยู่ท่ีจุดศนู ย์กลาง ผู้เรียกแถวยืนอยู่ในท่าตรง เหยยี ดแขนทั้งสองไปขา้ งหน้าอยใู่ นระดับเอว ฝา่ มือทง้ั สองแบควำ่ น้วิ เรียงชดิ ติดกัน ใหข้ ้อมือขวาทบั ข้อมอื ซา้ ย แล้วโบกผา่ นลำตวั จากด้านหน้าไป ประสานกนั ทดี่ ้านหลัง โดยแบฝา่ มอื ทงั้ สองหงายข้นึ ใหฝ้ ่ามือขวาทับฝ่ามือซา้ ย (โบกผ่านลำตัว 3 ครัง้ ) ให้ลูกเสือหมู่แรกยืนด้านซ้ายมือของผู้เรียก หมู่ท่ี 2 และหมู่ต่อ ๆ ไป อยู่ทางด้านซ้ายมือของ หมแู่ รกตามลำดับ จนรองนายหมูข่ องหม่สู ุดทา้ ยไปจรดกบั นายหมขู่ องหมแู่ รก ถือผเู้ รยี นเป็นจดุ ศนู ย์กลาง
การเขา้ แถว ใหล้ ูกเสอื ทกุ คนยกมือซา้ ยขนึ้ ทาบสะโพก สะบัดหนา้ ไปทางขวา (ยกเว้นนายหมู่หมู่ แรก) เมื่อผู้เรียกตรวจการจัดแถวเรียบร้อยแล้ว สั่ง “น่ิง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงและสะบัดหน้ามาอยู่ ในทา่ ตรง แถวรปู วงกลม (ผ้เู รียกแถวยืนอยู่กงึ่ กลางของวงกลม) 2. แบบผเู้ รยี กยืนอยู่ท่เี สน้ รอบวง ผู้เรยี กยืนอยใู่ นทา่ ตรง เหยียดแขนขวาตรงไปข้างหนา้ มือขวากำยกข้นึ ข้างบนหมุนเลยไปดา้ นหลงั และหมนุ กลับมาดา้ นหน้า ทำเช่นน้ี 3 คร้งั ใหล้ ูกเสอื หมแู่ รกยนื ชิดด้านซ้ายมือของผเู้ รียก หมู่ที่ 1 และหมูต่ ่อ ๆ ไปอยูท่ างวา้ ยมอื ของหมู่ แรกตามลำดับ จนรองนายหมขู่ องหมสู่ ดุ ท้ายไปจรดขวามือของผู้เรียก ใหผ้ ู้เรยี กอยใู่ นเสน้ รอบวงด้วย แถวรปู วงกลม (ผู้เรียกแถวยืนอยูท่ เ่ี สน้ รอบวง)
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 แผนการจดั ท่ี 11 เรื่อง คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือสามัญ จำนวน 1 ชวั่ โมง จุดประสงค์ 1. บอกความหมายและปฏิบัติตามคำปฏิญาณได้ 2. ท่อคำปฏญิ าณของลกู เสือสามัญได้ เนอ้ื หา คำปฏิญาณของลูกเสือสามญั กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. พธิ ีเปิด ( ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที 2. เพลง “ ลกู เสอื บำเพญ็ ประโยชน์ ” 5 นาที 3. สอนตามเนอ้ื หา 30 นาที 3.1 ผู้กำกับอธบิ ายความหมายของคำปฏญิ าณของลูกเสือ 3.2 ใหล้ กู เสือแสดงบทบาทสมมติ การปฏบิ ัตติ ามคำปฏญิ าณ โดยผูก้ ำกับเป็นผู้ กำหนดหัวข้อให้ 3.3 ใหล้ กู เสอื ท่องจำและเขยี นคำปฏญิ าณ 3.4 ผู้กำกบั ตดิ ตามการปฏิบัตติ นตามคำปฏญิ าณและใหล้ ูกเสือบันทึกรายงาน 4. เล่าเร่ืองสน้ั ท่ีเปน็ คติ 5 นาที 5. พิธปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที สือ่ การเรียนการสอน แผนภูมคิ ำปฏิญาณ การวัดผลและประเมินผล 1. สังเกตความสนใจและการเข้าร่วมกจิ กรรม 2. สังเกตการปฏบิ ตั ิตามคำปฏิญาณหลงั จากที่ไดเ้ รียนไปแล้ว 3. ทดสอบการท่องคำปฏญิ าณของลกู เสอื สามัญ บันทึกหลังการสอน………………………………………………………………………………..…………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………………………………….……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำปฏญิ าณของลูกเสือ คำปฏิญาณของลูกเสือไมม่ ีคำว่า “อยา่ ” หรอื “ตอ้ ง” คือไม่มีการห้ามหรือบังคบั แตเ่ ปน็ คำปฏญิ าณหรือคำม่ันสญั ญาของลกู เสือ และผู้บังคับบัญชาไดก้ ลา่ วรบั รอง ด้วยเกียรตขิ องตนเองและดว้ ย ความสมคั รใจ สว่ นกฎของลูกเสือได้กำหนดไว้เป็นกลาง เพอ่ื ใหล้ ูกเสอื ไดถ้ ือเปน็ หลักปฏิบัติในชวี ติ ประจำวนั และโดยผบู้ งั คบั บัญชาลูกเสือจะตอ้ งเครง่ ครัดในการปฏิบตั ิตามกฎของลูกเสือเปน็ พิเศษ เพื่อบำเพ็ญตนให้ เปน็ ตัวอยา่ งทีด่ ีแกล่ กู เสือ คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ทำให้ลูกเสอื มีความจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตรยิ ์ รู้จกั บำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชนแ์ ก่ผู้อน่ื มรี ะเบียบวนิ ัย อยู่ในกรอบประเพณีอนั ดงี าม และไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความยุ่งยากใด ๆ ในบ้านเมือง ดังนัน้ จงึ อาจกลา่ วได้ว่า การลูกเสอื เปน็ กำลังสว่ นหนึ่งใน การสรา้ งความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ คำวา่ “ปฏญิ าณ” ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ สถาน แปลวา่ “การใหค้ ำม่ันโดย สุจรติ ” ลูกเสอื จะต้องสำนึกว่า เขากล่าวคำปฏิญาณด้วยความสมคั รใจของเขาเอง อน่งึ เขาจะต้อง เข้าใจดว้ ยว่า ผจู้ ะเรียกว่า “คนจริง” เพื่อใหค้ นอนื่ นับถือและเชอื่ ถือได้นนั้ จะต้องรักษาคำพูด โดยเฉพาะท่ี เปน็ คำปฏญิ าณหรือคำมั่นสัญญาของตน กล่าวคือ ขา้ สญั ญาวา่ จะทำอย่างไรแลว้ ต้องทำเหมือนปากพูดทุก อย่าง ดังนนั้ คำปฏิญาณที่กล่าวว่า ดว้ ยเกยี รติของขา้ ขา้ สัญญาวา่ ข้อ 1 ขา้ จะจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ขอ้ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อน่ื ทุกเมอ่ื ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลกู เสือ จากคำปฏญิ าณข้อที่ 1 นัน้ แสดงใหเ้ ห็นว่า ลูกเสอื มหี น้าทด่ี งั ต่อไปนี้ ก. หนา้ ที่ต่อชาติ ชาตไิ ทย คือ แผ่นดินและนา่ นน้ำที่รวมกนั เรียกวา่ “ประเทศไทย” ประกอบดว้ ย ประชาชนพลเมืองทร่ี วมกนั เรียกวา่ “คนไทย” ธงชาติ เปน็ เครื่องหมายแทนชาติ ฉะน้ันธงชาตจิ งึ เปน็ สิง่ ท่ีควรแก่การเคารพ เป็นหน้าที่ของ ลูกเสือทุกคน จะตอ้ งแสดงความเคารพในโอกาสทีเ่ ชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา และเวลาเชญิ ธงชาติลงจากยอด เสา พิธีเชญิ ธงชาตขิ ึน้ สูย่ อดเสาหรือพธิ เี ชญิ ธงชาติลงจากยอดเสานี้ เป็นพธิ สี ำคัญอยา่ งหนึ่งของ ลูกเสือ ซงึ่ จะต้องกระทำดว้ ยความเป็นระเบียบเรยี บร้อย ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ชิญธงชาติลง ควรถอื วา่ เปน็ เกยี รตทิ ี่ไดร้ บั มอบหมายให้ทำงานน้ี และจะต้องระมัดระวงั ไม่ให้สว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของธงสัมผสั พ้ืนดนิ เป็น อันขาด ลกู เสือไมค่ วรกระทำการใด ๆ ในอันที่จะนำมาซ่ึงความเสอ่ื มเสียเกียรตขิ องธงชาติ เชน่ นำพน้ื ธง ไปปูพ้ืน เช็ดส่งิ ของหรือเหยียบย่ำและกองไวแ้ ทบเท้า
ธงชาติไทย เรียกว่า “ธงไตรรงค์” แปลวา่ ธงสามสี ลกู เสือควรจะทราบด้วยวา่ แตล่ ะสีมี ความหมายอย่างไร สญั ลกั ษณ์อกี อย่างหนึ่งของธงชาติ คือ เพลงชาติ ลกู เสอื และผู้บังคบั บัญชาลูกเสือทกุ คน จะตอ้ งสามารถร้องเพลงชาตไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ข. หน้าทตี่ อ่ ศาสนา ลูกเสอื จะนับถอื ศาสนาใด ๆ กไ็ ด้ เพราะทุกศาสนากม็ ีความมงุ่ หมายอยา่ งเดียวกัน คือสอน ใหบ้ ุคคลเป็นคนดี และทำใจใหผ้ อ่ งใสบริสุทธ์ิ ค. หน้าทตี่ อ่ พระมหากษัตรยิ ์ ผกู้ ำกบั ลกู เสือพงึ หาวธิ กี ารตา่ ง ๆ ทีจ่ ะทำให้ลกู เสือสนใจพระราชกรณีกิจของ พระมหากษัตรยิ ์ โดยเนน้ ถงึ เวลาท่ีพระองคท์ รงอทุ ิศให้แก่บ้านเมือง และเสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงเยย่ี ม เยยี นประชาชน ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทว่ั ราชอาณาจกั ร พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ พระประมุขของชาติ เป็นทรี่ ่วมแหง่ ความเคารพสักการะ และความ สามคั คขี องคนไทยทง้ั ชาติ ง. การบำเพ็ญประโยชนต์ อ่ ผ้อู น่ื การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อ่ืนเป็นหลกั สำคญั ประการหน่ึงของลกู เสือ และเป็นสง่ิ ท่ที ำให้การ ลกู เสอื มีชื่อเสยี ง ได้รบั การยกย่องจากประชาชนโดยท่วั ไป โอกาสที่ลูกเสือจะบำเพ็ญประโยชนน์ น้ั ควรเรม่ิ จากส่งิ ท่ใี กล้ตัวเด็กก่อน แล้วขยายออกไป ตามวยั และความสามารถของเดก็ กลา่ วคอื 1. บ้านเมอื งของลูกเสือ ควรส่งเสริมให้เดก็ ทำงานในบา้ นหรือบำเพ็ญประโยชนต์ อ่ ครอบครัว เพื่อเป็นการเพาะนิสัยทีด่ ีให้แกเ่ ด็ก 2. โรงเรยี นหรอื ท่ีตงั้ กองลูกเสอื ผบู้ ังคบั บญั ชาลูกเสือควรส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ ได้ทำงานเปน็ ประโยชน์ตอ่ เพื่อน ต่อหอ้ งเรยี น ต่อโรงเรยี นใหม้ ากทสี่ ุด โดยสอนให้ลกู เสือตระหนักว่า งานเปน็ สง่ิ ที่มี เกียรติ งานเท่านน้ั เปน็ เครอ่ื งวัดคณุ ค่าของคน
Search