ไขห วดั ใหญ (Influenza) นพ.ประเสรฐิ เออื้ วรากลุ ภาควิชาจลุ ชวี วทิ ยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตรศ ิริราชพยาบาล ในขณะน้ไี ดม กี ารแพรร ะบาดของโรคไขห วัดใหญใ นยโุ รปและอเมรกิ า มคี วามกงั วลอยู มากในขอ ที่วา โรคน้ีจะแพรร ะบาดมายังประเทศไทยหรอื ไม ดังนน้ั จงึ นา ทเี่ ราจะมาทาํ ความรจู ักกบั โรคนกี้ ันบา ง ไขห วัดใหญค ืออะไร? ไขห วดั ใหญห รือ influenza เปน โรคตดิ เชอื้ ของระบบทางเดนิ หายใจอยา งเฉยี บพลนั เชอ้ื ตน เหตุเปน ไวรัสทเ่ี รยี กวา influenza virus หรือไวรสั ไขห วัดใหญ ซง่ึ มอี ยู 2 ชนิดคือ influenza A และ B สว นไวรัส influenza อีกชนดิ หนงึ่ คือ influenza C นนั้ เนอ่ื งจากมีความรนุ แรงนอ ยและไมม ี ความสาํ คัญในการแพรร ะบาดจึงอาจจะไมน ับอยูในกลมุ ของโรคไขห วดั ใหญ ไวรสั ไขหวัดใหญน ัน้ ติดเช้อื ในเยือ่ บทุ างเดนิ หายใจสว นบนคอื จมกู และคอและอาจลงไปถงึ สว นลางอนั ไดแ กหลอดลม และปอดดวย อาการของไขหวดั ใหญเปนอยา งไร? อาการของไขห วดั ใหญไ ดแก ไข ปวดศรษี ะ เจบ็ คอ ปวดเมื่อยกลา มเนอื้ ไอแหง ๆ คดั จมกู น้ํามกู ไหล อาการตางๆเหลา น้มี กั เกิดขึ้นอยางรวดเรว็ และอยูน าน 6-10 วนั ทาํ ไมจงึ ตองแยกไขห วดั ใหญออกจากไขห วัดธรรมดา? Common cold หรือไขหวดั ธรรมดาจะมอี าการคลายๆไขห วดั ใหญได แตขอ แตกตางก็คอื ไขหวัดธรรมดามักมีอาการคดั จมูกนาํ้ มกู ไหล ไอจาม คนั คอ เปน อาการเดน และไมค อยมีอาการไข และปวดกลามเนอ้ื ความสาํ คญั ทจ่ี ะตอ งแยกไขหวดั ใหญอ อกจากไขห วัดธรรมดานนั้ เนื่องจาก ไขหวัดใหญจะมีภาวะแทรกซอ นไดบอ ยกวา และโดยทว่ั ไปอาการจะรนุ แรงและยาวนานกวา ไขหวัดธรรมดา ไขหวัดธรรมดานนั้ โดยท่วั ไปมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซอนทรี่ นุ แรงไดนอ ยมาก แต ไขห วดั ใหญโดยเฉพาะในกลมุ เสี่ยงอาจเกดิ ภาวะแทกซอ นท่รี นุ แรงถงึ ชีวิตไดเ ชนปอดบวม ดังนนั้ หากสามารถแยกไขห วัดใหญอ อกจากไขห วดั ธรรมดาไดกจ็ ะชว ยใหดแู ลผูปว ยทมี่ ีความเสย่ี งสงู ได ดีข้ึน
ใครบา งท่เี สยี่ งทีจ่ ะเกิดอาการรนุ แรงจากการตดิ เชอ้ื ไขห วดั ใหญ? ผทู เ่ี สยี่ งตอภาวะแทรกซอ นรนุ แรงจากไขหวดั ใหญไดแ กผูท ี่มีโรคประจาํ ตัวไดแก โรคปอด เร้ือรัง หอบหดื โรคหวั ใจ เบาหวาน และ ผสู งู อายุ จะวนิ ิจฉยั ไขห วดั ใหญไดอ ยา งไร? จากลกั ษณะอาการเพยี งอยา งเดียวอาจยากทจ่ี ะบอกวา ผปู วยรายใดเปน ไขห วัดใหญราย ใดเปนไขหวัดธรรมดาจากการตดิ เชอ้ื ไวรสั อนื่ ๆ ในชวงทมี่ ีการระบาดอาจจะชว ยใหว นิ ิจฉัยไดง า ย ข้ึน การวินจิ ฉยั ยนื ยันทางหอ งปฏบิ ตั กิ ารทําไดโดยแยกเชอ้ื ไวรสั จากไมป ายคอ (throat swab) หรอื น้าํ ที่ดูดจากหลังโพรงจมูก (nasopharyngeal aspirate) ซ่ึงกนิ เวลาอยางนอยประมาณ 1 สปั ดาห หรือดวยการตรวจหาโปรตีนแอนตเิ จนของไวรสั ในสง่ิ สง ตรวจน้ันซง่ึ ไดผ ลเร็วในไมก ชี่ ่วั โมง อยางไร ก็ตามการตรวจทั่ง 2 แบบน้นั ยงุ ยากและทาํ ไดใ นหอ งปฏบิ ัตกิ ารบางแหงเทา นน้ั และใชใ น การศกึ ษาติดตามการระบาดของไวรัสมากกวา ที่จะนาํ มาใชในการรกั ษาผปู ว ยแตล ะราย การรกั ษาไขห วดั ใหญท าํ อยางไร? การรักษาสว นใหญเ ปนการรกั ษาตามอาการไดแกย าบรรเทาปวดลดไข ยาแกไอ ถงึ แมม ี ยาทก่ี ดการเพม่ิ จาํ นวนของไวรัสไดโ ดยตรง แตย านี้ไมม ใี ชทว่ั ไป และในกรณีสว นใหญไ มม ีความ จาํ เปนตอ งใช ยาจะมคี วามสาํ คญั เฉพาะในรายที่มอี าการรนุ แรงเชน การตดิ เชือ้ ในผูส งู อายุ ยา ดงั กลาวนมี้ ดี ว ยกนั 2 ชนดิ คอื Amantadine และ Rimantadine วคั ซีนไขห วัดใหญเปน อยา งไร? วัคซนี ใชป องกนั การตดิ เชือ้ และตองใหซ ํ้าทุกปกอนฤดกู ารระบาด แนะนาํ ใหฉดี วัคซนี ใน กลมุ ที่เสยี่ งตอการเกดิ ภาวะแทรกซอนรนุ แรงหากติดเชื้อ ไดแ ก ผูส งู อายุมากกวา 65 ป ผทู ี่มโี รค ปอดเร้อื รงั เบาหวาน และผทู ีม่ ีภูมคิ ุมกนั บกพรอ ง วคั ซีนจะสามารถปองกนั การตดิ เชือ้ สายพนั ธทุ ี่ เหมือนหรือคลา ยกับสายพนั ธุของไวรัสท่ีใชท ําวัคซีนเทา นัน้ ในแตละปสายพนั ธทุ ีใ่ ชท าํ วัคซีนจะ แตกตางกนั ไปตามความคาดหมายวา เชือ้ สายพนั ธใุ ดจะระบาดในปน น้ั ๆ ดังนั้นการฉดี วคั ซีนจงึ อาจไมส ามารถปองกนั เชอ้ื สายพนั ธใุ หมท ี่เพิง่ จะเกิดข้นึ ได ไขห วัดใหญแ พรเ ชื้ออยา งไร? ไวรสั ไขหวดั ใหญเขา สูรา งกายทางทางเดนิ หายใจ โดยเช้ือจะอยใู นละอองฝอยในอากาศที่ ออกมาจากการไอจามของผปู ว ย เมอ่ื สูดหายใจเอาเช้อื เขา ไป เชอื้ กจ็ ะเขา ไปเพม่ิ จาํ นวนอยูในเซลล เยือ่ บุทางเดนิ หายใจ และทาํ ใหเ กดิ อาการปวยใน 18 ถึง 72 ชวั่ โมง
สถานการณไ ขหวดั ใหญใ นปจ จบุ นั เปน อยางไร? ความสาํ คญั ของไขห วัดใหญอ ยูทก่ี ารทไ่ี วรัสนีม้ ีการแพรร ะบาดอยางกวางขวางไดบ อย บางคร้งั เปน การแพรร ะบาดทวั่ โลก (pandemic) การแพรระบาดนี้มักเกิดในชวงฤดหู นาว โดยทว่ั ไปทกุ ฤดหู นาวจะมีจาํ นวนผูปว ยสงู ขน้ึ กวา ฤดูอนื่ ๆ ในแตล ะปม กี ารประมาณวา มผี ูติดเชอื้ ไขห วดั ใหญท วั่ โลกสงู ถงึ 10-15% ของประชากรท้ังหมด การท่ีไวรสั มีการแพรร ะบาดไดอ ยาง กวางขวางนี้เนอ่ื งมาจากลกั ษณะท่สี าํ คญั ของไวรสั ชนดิ นท้ี มี่ กี ารเปลยี่ นแปลงลกั ษณะของโปรตนี สาํ คัญทเี่ ปน เปาหมายในการโจมตขี องระบบภมู ิคุมกันของรา งกายไดงา ย เมอ่ื ลักษณะของโปรตีน ดังกลา วเปลย่ี นแปลงไปกท็ าํ ใหภ ูมคิ มุ กนั ในรางกายของผูที่เคยติดเชอื้ ไมสามารถปอ งกนั การติด เชือ้ ของไวรสั สายพนั ธุใหมไ ดท ําใหสามารถตดิ เชอ้ื ซ้ําไดอกี ดงั น้นั เม่อื ไวรสั มกี ารเปลย่ี นแปลงไป ครง้ั หนง่ึ กจ็ งึ มกั จะมีการระบาดตามมาเพราะไมม ผี มู ีภมู คิ ุมกนั ตอไวรสั สายพนั ธุใหมอ ยเู ลย จงึ ทํา ใหมีไวรัสสายพันธุตา งๆอยมู ากมาย โดยมรี ะบบเรียกชอื่ สายพนั ธุของไวรสั ที่จะบอกชนิดวา เปน A หรือ B สถานที่ทแ่ี ยกเชอื้ ไดเปน ครง้ั แรก ปท แ่ี ยกเชื้อไดเ ปนครงั้ แรก และชนิดของโปรตีนสําคัญทีผ่ วิ ของไวรสั ทเ่ี ปน เปา หมายของระบบภูมคิ มุ กันคอื hemagglutinin และ neuraminidase เชน ไวรสั A/Bangkok/01/79(H3N2) ซ่ึงแยกไดทก่ี รงุ เทพฯในป คศ. 1979 เปน ไวรัสตวั ท่ี 1 ที่แยกไดใ นปน นั้ และมี hemagglutinin type 3 และ neuraminidase type 2 และไวรสั ท่กี ําลงั แพรระบาดอยูใน ยุโรปและอเมรกิ าสวนใหญเ ปน influenza A(H3N2) แตกม็ รี ายงานพบ A(H1N1) ปนอยูบา งใน บางประเทศรวมทงั้ influenza B ที่มลี ักษณะคลาย B/Yamanashi/166/98 อยา งไรก็ตามระดับ ของการระบาดในปจ จบุ ันถงึ แมจะมจี าํ นวนผปู ว ยเพมิ่ สงู ขน้ึ แตกย็ งั ไมจ ดั อยูในระดับทีม่ กี ารระบาด เพียงจดั อยใู นระดับที่เรยี กวา มผี ปู ว ยมากกวา ทคี่ าดในฤดูนั้น (higher than expected seasonal activity) กลาวคือยงั เปน ระดับท่ไี มร ุนแรงนักคือมีผปู ว ยระหวา ง 200-400 รายตอ ประชากร 100,000 คน
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: