Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานเรื่องกกกกกกกกก

โครงงานเรื่องกกกกกกกกก

Published by krodom, 2022-08-09 02:44:06

Description: โครงงานเรื่องกกกกกกกกก

Search

Read the Text Version

บทที่ 1 บทนำ ท่มี าและความสาคญั ของโครงงาน ในช่วงฤดูทส่ี ้มนั้นมีจานวนมากทาใหร้ าคาของสม้ นัน้ ถกู ดัง้ นั้น เราจึงคดิ ว่าสม้ นนั้ สามารถนามาประยกุ ตใ์ หส้ ้มเพ่มิ มลู ค่ามาก ขน้ึ โดยการนาสม้ มาคนั้ เปน็ น้าสม้ แต่ผลทต่ี ามมาคือการเพิ่มขยะจากเปลือกส้มเป็นจานวนมาก ดังน้นั เราจงึ ไดน้ าเปลอื กส้มมาทาเปน็ นา้ ยาทาความสะอาดจา กเปลอื กส้ม เพ่อื ชว่ ยลดขยะและนาเปลอื กส้มมาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ .

2 2. วตั ถุประสงค์ - เพ่อื ต้องการศึกษาเก่ียวกับประสิทธภิ าพของน้ายาทาควา มสะอาดจากเปลอื กสม้ - เพ่อื นาเปลือกสม้ ทเี่ หลอื มาใช้ประโยชน์ในการทาเป็นน้าย าทาความสะอาด - เพ่อื พิสจู น์ว่าน้ายาจากเปลอื กส้มสามารถนามาทาความส ะอาดได้ 3. สมมุตฐิ ำน (ถา้ ม)ี การทาความสะอาดของเปลอื กสม้ สามารถทาความสะอาดไดเ้ พ ราะในเปลอื กสม้ มีค่าความเป็นกรดเหมอื นกับน้ายาทาความสะอาดท่ั วไป แตป่ ระสทิ ธภิ าพน้ั่นนอ้ ยกว่านา้ ยาทาความสะอาดท่ัวไป 4. ขอบเขตของกำรศกึ ษำ 4.1 ประชำกรทใ่ี ช้ในกำรศึกษำ ประชากร หมายถงึ สมาชกิ ทุกหน่วยของส่งิ ทีส่ นใจศึกษา ซงึ่ ไมไ่ ด้หมายถงึ คนเพียงอย่างเดียว ประชากรอาจจะเปน็ ส่งิ ของ เวลา สถานท่ี ฯลฯ เชน่ ถ้าสนใจความคดิ เห็นของคนไทยท่ีมตี ่อการเลอื กต้ัง ประชากร

3 คือ คนไทยทุกคน หรือถา้ สนใจอายกุ ารใชง้ านของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ยี่หอ้ หนึ่ง ประชากรคอื เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ยี่ห้อนั้นทุกเคร่อื ง แตก่ ารเกบ็ ข้อมูลกบั ประชากรทุกหนว่ ยอาจทาใหเ้ สียเวลาและค่ าใชจ้ ่ายทีส่ ูงมากและบางคร้ังเป็นเร่ืองท่ีตอ้ งตัดสินใจภายในเวล าจากัด การเลือกศกึ ษาเฉพาะบางสว่ นของประชากรจึงเปน็ เร่อื งที่มีควา มจาเป็น เรียกวา่ “กล่มุ ตัวอยา่ ง” ประเภทของประชำกร จาแนกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื 1. ประชำกรที่มจี ำนวนจำกดั เปน็ ประชากรท่ีสามารถนับจานวนได้ เชน่ จานวนนักศึกษา จานวนนักเรียน ฯลฯ 2. ประชำกรทม่ี ีจำนวนไมจ่ ำกดั เชน่ จานวนเมด็ ทราย ดวงดาวบนทอ้ งฟ้า ฯลฯ รูปแบบกำรเขียน ประชำกรทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำ ประชากรทใ่ี ช้ในการศึกษาครง้ั น้ี ได้แก่ นกั เรียนชัน้ ..........................โรงเรียน............................... จานวน ....................ห้องเรียน เปน็ นักเรียนท้ังสน้ิ .............คน 4.2 กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรศกึ ษำ กลุม่ ตวั อย่าง หมายถึง สว่ นหนง่ึ ของประชากรท่ีนามาศกึ ษาซ่ึงเป็นตวั แทนของประชา กร การท่กี ลุ่มตัวอย่างจะเป็นตัวแทนที่ดีของประชากรเพ่อื การอ้าง อิงไปยงั ประชากรอยา่ งนา่ เช่อื ถือไดน้ ้ัน

4 จะตอ้ งมีการเลือกตัวอย่างและขนาดตวั อย่างที่เหมาะสม ซึ่งจะตอ้ งอาศยั สถติ เิ ขา้ มาช่วยในการสมุ่ ตวั อย่างและการกาหน ดขนาดของกลมุ่ ตัวอย่าง ประเภทของกำรสมุ่ ตวั อย่ำง การส่มุ ตัวอยา่ งมีหลายวธิ ี แตค่ รูแนะนาการสุ่มตัวอย่างสาหรับนักเรียน คอื 1. กำรสุ่มตัวอย่ำงแบบง่ำย นิยมใช้กนั 2 วธิ คี อื 1.1 การจับฉลาก 1.2 การใช้ตารางเลขสุม่ 1.2.1 การจับฉลาก ใช้กับประชากรขนาดเลก็ มขี ้นั ตอนคอื (1) เขยี นบัญชีรายช่อื โดยรวบรวมทุกๆหน่วยของประชากรและให้ห มายเลขกากับ เชน่ รายช่อื เจ้าหน้าที่ทุกคนในแผนก รายช่อื นักเรยี นทุกคนในชั้นเรยี น (2) ทาฉลากหมายเลขเท่ากบั ประชากรเป้าหมายท่อี ยู่ในบัญชีรายช่ื อ (3) นาฉลากมาเคล้าปนกันใหท้ วั่ (4) จับฉลากข้นึ มาครั้งละ 1 ใบใหค้ รบจานวนตวั อย่างที่ต้องการ 1.2.2 การใช้ตารางเลขส่มุ นิยมใช้กับประชากรขนาดใหญ่ทม่ี ีบญั ชีรายช่อื ทุกห น่วยยอ่ ยของประชากรไว้แล้วโดยปกติตารางเลขสุ่ม นส้ี ร้างขึ้นจากการสุ่มโดยเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ มีขน้ั ตอนดงั นี้

5 (1) กาหนดขนาดตัวอย่างทตี่ อ้ งการส่มุ (2) กาหนดจานวนหลักตวั เลขทีต่ ้องการสุ่ม (3) กาหนดทิศทางการอา่ นให้แน่ใจว่าจะอา่ นจากขวาไปซา้ ย หรือบนมาลา่ ง (4) หาเลขเรมิ่ ต้นโดยการสมุ่ เชน่ สุ่มตัวเลขโ ดยกาหนดในใจว่าจะเลอื กตัวเลขใด (5) เรยี กเลขสุม่ จนครบตามจานวนตวั อยา่ ง จงึ หยดุ 2. กำรสุ่มตวั อย่ำงแบบเปน็ ระบบ เป็นการสมุ่ ตวั อย่างจากหนว่ ยย่อยของประชากรท่มี ลี ักษณะใ กล้เคยี งกัน มีข้ันตอนการสุ่มดงั น้ี 2.1 สุ่มหน่วยเรมิ่ ต้น 2.2 คานวณระยะห่างของหน่วยต่อไป ������ ระยะห่างระหว่างหมายเลข (������) = ������ จานวนประชากรท้งั หมด (800 คน) = = 10 จานวนกลุ่มตัวอย่าง (80 คน) 2.3 นับระยะห่างเท่าๆ กัน เช่น 10 , 20 , 30 ... 2.4 กาหนดหมายเลขตวั อยา่ งดังนี้ เลขเรมิ่ ตน้ 10 ตัวอยา่ งเชน่ มีประชากร 800 คน ต้องการตวั อย่าง 80 คน 2.5 สุ่มเลขเร่ิมต้นหรือจับสลากก็ได้ใน 800 คน สมมุติไดเ้ ลข 5 ดงั นน้ั จงึ ส่มุ ทุกๆ 10 คน สมุ่ จนไดค้ รบจานวนกล่มุ ตวั อย่าง รูปแบบกำรเขียน กลุม่ ตวั อย่ำงทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำ กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ใช้ในการศึกษาครงั้ นเ้ี ปน็ นกั เรียน(ที่...)ระดบั ช้นั .. .................................... โรงเรยี น....................................... ปีการศกึ ษา 25... จานวน.............คน

6 (นคร เสรรี ักษ์และภรณี ดีรำษฎร์วิเศษ , 2555 อ้ำงถึงใน กอบแก้ว ตะนะพันธุ์ , 2557.) 4.3 เน้ือหำท่ใี ชใ้ นกำรศกึ ษำ เน้อื หาท่ีใช้ในการศึกษาเปน็ เน้อื หาทเี่ ลอื กจากปญั หาที่พบในโรง เรยี นหรอื เร่อื งทน่ี ักเรียนสนใจ คือ .......................(ระบเุ ร่อื งท่ีนักเรยี นสนใจ ต้ังช่อื เร่อื ง)......................... 4.4 ระยะเวลำ ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการศกึ ษาคร้งั น้ี ดาเนินการในปกี ารศึกษา 25... 5. ประโยชนท์ ่ีคำดวำ่ จะได้รบั เปน็ ความสาคัญของการศกึ ษาท่ีผู้ศึกษาพิจารณาวา่ การศึกษาเร่ื องน้นั ทาให้ทราบผลการศึกษาเร่อื งอะไร และผลการศึกษานั้นมปี ระโยชนต์ อ่ ใคร อย่างไร เช่น การระบปุ ระโยชน์ที่เกดิ จากการนาผลการศึกษาไปใช้ ไมว่ ่าจะเป็นการเพ่ิมพูนความรู้ หรอื นาไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ หรอื แก้ปัญหา หรอื พัฒนาคุณภาพ หลักในการเขียนมีดังน้ี 1. ระบปุ ระโยชน์ทอ่ี าจเกิดจากผลท่ีได้จากการศกึ ษา 2. สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์และอยใู่ นขอบเขตของการศึกษาท่ีได้ศึกษา 3. ในกรณีท่รี ะบุประโยชนม์ ากกว่า 1 ประการ ควรระบุเปน็ ข้อ 4. เขยี นด้วยข้อความสั้น กะทดั รัด ชัดเจน

7 5. การระบนุ ้ันผู้ศึกษาตอ้ งตระหนักวา่ มีความเป็นไปได้ การศึกษาคน้ คว้าทุกเร่อื ง ผู้ศึกษาว่าผลการศึกษาจะกอ่ ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ย่างไร ประโยชน์ของการศึกษามีไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น การนาผลการศึกษาไปใชใ้ นการกาหนดนโยบาย ปรับปรุงการปฏิบัติงาน ใช้เป็นแนวทางการตัดสินใจ การแก้ปญั หา หรือศกึ ษาค้นควา้ ต่อไป คำท่ใี ชส้ ำหรบั กำรเขียนประโยชนท์ ่คี ำดว่ำจะได้รบั เช่น 1. เพ่อื เปน็ แนวทางในการพฒั นา.......................................... 2. ได้ทราบถึงสาเหต(ุ ทัศนคติ ) ของนักเรยี น.............................ท่มี .ี ......... 3. เปน็ แนวทางในการ...........................................( เชน่ ศึกษาปัญหาตา่ งๆ ทีม่ ีในโรงเรียน) 4. นกั เรียนมคี วามพึงพอใจตอ่ ...................... 5. ผลการศึกษาทีพ่ บ ช่วยให้เกิด(องค์ความรูใ้ หม่ วธิ ีการใหม่ แนวทางใหม่ การจัดการเรียนรูใ้ หม่) ใน........ (นภิ ำ ศรไี พโรจน์ , 2556 อ้ำงถึงใน กอบแกว้ ตะนะพนั ธุ์ , 2557.)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook