Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมทุกตัวชีวัด

รวมทุกตัวชีวัด

Published by pim, 2019-10-26 05:11:01

Description: รวมทุกตัวชีวัด

Search

Read the Text Version

การปกครองคณะสงฆส์ มยั พุทธกาล เป็ นการปกครอง ภายในศาสนจกั รเองทางรฐั ไม่ เขา้ มาเกยี่ วแตก่ เ็ ขา้ มาชว่ ย อปุ ถมั ภพ์ ระพุทธศาสนาและทาง ศาสนากไ็ ม่เขา้ ไปเกยี่ วขอ้ งกบั กจิ การบา้ นเมอื ง ไม่แสดงธรรม ขดั แยง้ กบั ทางการเมอื ง และไม่ ปฏบิ ตั ใิ หผ้ ดิ พระราชกาหนด

พระสารบี ตุ ร นิติ พระโมคคลั ลา สาวกเบอื้ ง บญั ญตั ิ นะ ขวา สาวกเบอื้ ง บรหิ า ซตา้ ลุยา บรหิ ราร ปกครองภกิ ษุสงฆใ์ ห้ การวนิ ิจฉยั อกธากิ รรณ์ ปฏบิ ตั อิ ยูใ่ นพระธรรมวนิ ยั พระภกิ ษุสงฆท์ ปี่ ระพฤติ ปฏบิ ตั ผิ ดิ จากพระธรรม ่

ลกั ษณะของการปกครองคณะสงฆข์ อง พระพุทธเจา้ พระพุทธองคท์ รง บญั ญตั วิ นิ ยั นิตบิ ญั ญตั ิ หมายถงึ พระธรรม วนิ ยั จงึ ถอื เป็ นธรรมนู ญสูงสุดใน พระพุทธศาสนาทใี่ ชใ้ นการ ปกครองพุทธบรษิ ทั ใหป้ ระพฤติ ปฏบิ ตั อิ ยูใ่ นกรอบของพระธรรม

พระสารบี ุตร พระโมคคลั ลานะ เป็ นพระอคั ร เป็ นอคั รสาวก สาวกเบอื้ งขวา เบอื้ งซา้ ย รบั ผดิ ชอบงาน รบั ผดิ ชอบงาน ดา้ นวชิ าการ ดา้ นวนิ ยั และดา้ น โยธาธกิ าร

รูปแบบของการปกครองแบบ ธรรมาธปิ ไตย การบรหิ ารคณะ 1 สงฆข์ อง ทรงมอบความเป็ น พระพทุ ธเจา้ มี ใหญใ่ หแ้ กค่ ณะ ลกั ษณะเป็ น สงฆ ์ เชน่ ใหค้ ณะ ประชาธปิ ไตย โดย สงฆเ์ ป็ นผู ้ เน้นใหพ้ ระสงฆ ์ ตรวจสอบ ปกครองดูแลกนั เอง คุณสมบตั ขิ องผูม้ า ลกั ษณะทเี่ รยี กวา่ ขอบวชและทาพธิ ี เป็ นประชาธปิ ไตย

รูปแบบ ต2อ่ ….ทรงเคารพในมตขิ องคณะ สงฆ ์เมอื่ คณะสงฆม์ มี ตอิ อกมา อยา่ งไร พระบรมศาสดาจะ เคารพในมตนิ น้ั 3 พระภกิ ษุตอ้ งเขา้ รว่ มใน กจิ กรรมของคณะสงฆ ์ เชน่ การประชมุ ทาอโุ บสถสงั ฆ กรรม ทุกครงึ่ เดอื น

รูปแบบ ตอ่ …. การประชมุ คณะสงฆ ์ พระภกิ ษุทุก รูปทเี่ ขา้ ประชมุ มสี ทิ ธแิ สดงความ 4 คดิ เหน็ ของตนอย่างเสมอภาคเท่า เทยี มกนั มกี ารใชเ้ สยี งขา้ งมาก 5 กเาป็รนมเอกบณฉนัฑทต์ ะดเั มสอื่ นิ พระภกิ ษุรูปใด จาเป็ นตอ้ งออกจากทปี่ ระชมุ เพอื่ ทาธุระ ส่วนตวั จะตอ้ งใหฉ้ นั ทะกอ่ น แปลว่า อนุญาตใหก้ ารประชมุ ดาเนินการต่อไป ได้ แมม้ กี ารลงมตใิ ด ๆ พระภกิ ษุรูปนน้ั

พทุ ธประวตั ดิ า้ นการธารงรกั ษา ศาสนา ❖ ทรงกาชบั ใหค้ ณะสงฆเ์ ล่าเรยี น ธรรมดว้ ยความเคารพ ตงั้ ใจ ไม่ทา ใหเ้ นือ้ หาผดิ เพยี้ น ❖ทรงกาชบั ใหค้ ณะสงฆเ์ ผยแผ่ พระพุทธศาสนาใหบ้ รสิ ุทธิ์ สมบูรณ์ ถูกตอ้ ง เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ากทสี่ ุด

พทุ ธประวตั ดิ า้ นการธารงรกั ษา ❖ ดา้ นควศาามสมนน่ั าค(ตงแอ่ ล) ะยง่ั ยนื ของ พระพุทธศาสนา ทรงแนะนาให้ รว่ มกนั ทาการสงั คายนาพระธรรม วนิ ยั เพอื่ ความมน่ั คงของพระธรรม ว❖นิ ทยั รงเลอื กพระเถระเพอื่ เป็ นหลกั ในการทาสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั เชน่ พระสารบี ตุ รใหด้ าเนินการทา สงั คายนาเป็ นตน้ แบบกอ่ นเพอื่ เป็ น

พทุ ธประวตั ดิ า้ นการธารงรกั ษา ❖ ทรงมอบศหามสานยใาห(ช้ตาอ่ ว) พุทธยดึ เอาพระ ธรรมวนิ ยั เป็ นศาสดาแทนท่าน เมอื่ พระองคท์ า่ นดบั ขนั ธป์ รนิ ิพพานแลว้ ชาว พุทธจะไดม้ เี ครอื่ งยดึ เหนี่ยวจติ ใจ โดยไม่ รูส้ กึ วา่ อยูอ่ ย่างไรศ้ าสดา ❖ ทรงมอบหมายใหช้ าวพุทธรว่ มกนั รบั ผดิ ชอบเป็ นเจา้ ของพระพุทธศาสนา อย่างเสมอภาคกนั และไมผ่ ลกั ภาระให้ ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ง

พทุ ธประวตั ดิ า้ นการธารงรกั ษา ❖ พุทธนโยบศาายสสนดุ าท(ตา้ ยอ่ ท) พี่ ระองคท์ รง มอ➢บหชมาาวยพุทธตอ้ งชว่ ยกนั ธารงรกั ษาพระ ศาสนาของทุกคนใหย้ ง่ั ยนื และมน่ั คง โดย 1. เรยี นธรรมะใหแ้ ตกฉาน 2. ปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยตนเอง 3. มคี วามกรุณาตอ่ สตั วโ์ ลก 4. หาทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา 5. ยามพทุ ธศาสนามภี ยั ทุกคนตอ้ งชว่ ยกนั รกั ษาศาสนาใหพ้ น้ ภยั ใหไ้ ด้

พุทธจรยิ า พุทธจรยิ าวตั รของ พระพทุ ธเจา้

พุทธจรยิ า พุทธจรยิ าวตั รของ พระพุทธเจา้ พุทธจรยิ า หมายถงึ พระจรยิ าวตั รของพระพทุ ธเจา้ หรอื การประพฤติ การบาเพ็ญประโยชนข์ องพระพุทธเจา้ อกี นัย หนึ่งก็คอื การบาเพ็ญพุทธกจิ ๕ ประการ ทพี่ ระพุทธองคท์ รง ชคก๑ารอื ว.ะโโทลลากกใตนัแกถแตม่จล่หระายิ วชานั นตไดงทั้ แแน้ี่ ตกับเ่ ่ ชวทา่าร้ เจงปปว็ นนรสใะกพตั ลวฤรโ้์ตงลุ่ สิทกงิ่า่ ททนว่ัเี่ ไจปป็ดันเปเปช็รนน่ะโ๓ยทปชรงรนแะแ์ ผกก่พา่ รระ ญาณ ตรวจสตั วโ์ ลกทกุ เชา้ ค่า ผูใ้ ดปรากฏในขา่ ยพระญาณก็ เสด็จไปโปรดผนู ้ ั้นโดยมไิ ดป้ ็ นการเลอื กชน้ั วรรณะแตป่ ระการ ใด นับวา่ เป็ นการสงเคราะห ์ อนุเคราะหต์ อ่ เวไนยสตั วใ์ นฐานะที่ เป็ นเพอื่ นมนุษยด์ ว้ ยกนั ทงั้ อยู่ในฐานะเป็ นศาสดาของเทวดาและ มนุษยเ์ ป็ นตน้ ๒.ญาตตั ถจรยิ า ไดแ้ ก่ ทรงประพฤตสิ งิ่ ทเี่ ป็ นประโยชนแ์ ก่ พระญาตหิ รอื ในฐานะทเี่ ป็ นพระญาติ ทง้ั ฝ่ ายพุทธบดิ าและพุทธ มารดา เชน่ ทรงอนุญาตใหพ้ วกศากยะผเู ้ ป็ นพระญาตแิ ละเป็ น เดยี รถยี เ์ ขา้ มาบวชในพระพุทธศาสนาไม่ตอ้ งตดิ อยู่ ตดิ ถปรวิ าถ (วธิ อี ยบู่ รวิ าสสาหรบั เดยี รถยี )์ ๔เดอื นเหมอื นพวกเดยี รถยี ์ ๔

๓.พุทธตั ถจรยิ า ไดแ้ ก่ ทรงประพฤตปิ ระโยชนโ์ ดยฐานะเป็ น พระพุทธเจา้ เชน่ ทรงบญั ญตั สิ กิ ขาบทเพอื่ ขม่ การาบภกิ ษุหนา้ ดา้ น ไม่มคี วามละอายบา้ ง เพอื่ วางระเบยี บความประพฤตแิ ห่งภกิ ษาผูร้ กั ดรี กั งามบา้ งและทรงแสดงธรรมประกาศพระพุทธศาสนา ใหค้ ฤหสั น์ และบรรพชติ ไดร้ ทู ้ ว่ั ถงึ เป็ นการประดษิ ฐานพระพุทธศาสนาใหย้ ง่ั ยนื สบื ตอ่ มา ตารางพุทธกจิ ๕ ประการ ๑.พูดแสดงธรรมทธกจิ ภาคเชา้ คอื การออกบณิ ฑบาต และแสดงพระธรรมโปรดสตั ว ์ ๒.พุทธกจิ ภาคบา่ ย คอื การแสดงธรรมโปรดประชาชน ๓.พุทธกจิ ยามที่ ๑ ของราตรี คอื ประทานโอวาทและ ตอบปัญหาใหก้ รรมฐานแกพ่ ระสงฆ ์ ๔.พุทธกจิ ยามที่ ๒ ของราตรี คอื ทรงตอบปัญหาใหแ้ ก่ เทวดาทมี่ าขอเฝ้ า ๕.พุทธกจิ ยามที่ ๓ ของราตรี คอื ทรงพจิ ารณาสอดสอ่ ง เลอื กสรรวา่ วนั ตอ่ ไปบคุ คลใดบา้ งทคี่ วรเสด็จไปโปรด

พุทธจรยิ วตั รของพระพุทธเจา้ หรอื พุทธกจิ งานการสอนธรรมเพอื่ ประดษิ ฐานพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจา้ เป็ นงานทลี่ ะเอยี ดประณีตเพราะทรงมุ่งใหเ้ ป็ นธรรมทเี่ กอื้ กลู แกค่ นทง้ั ปวงและอานวยผลใหเ้ ป็ นความสขุ พระพุทธเจา้ ทรงมกี จิ หลกั ที่ เรยี กวา่ พทุ ธกจิ ในแตล่ ะวนั ทรงมพี ุทธกจิ หลกั ๕ ประการเพอื่ บาเพ็ญ พุทธจรยิ า ๓ ประการ ของพระพุทธเจา้ ใหส้ มบรู ณ์ คอื พุทธจรยิ าประการที่ ๑ โลกตั ถจรยิ า ทรงบาเพ็ญประโยชนแ์ กโ่ ลกใน ฐานะทพี่ ระองคเ์ ป็ นสมาชกิ คนหนึ่งของสงั คมโลกความสาเรจ็ ของ จรยิ าในขอ้ นีท้ รงอาศยั พุทธกจิ ประจาวนั ๕ ประการ ดงั นี้

พุทธกจิ ประการที่ ๑ เวลาเชา้ เสด็จออกบณิ ฑบาตเพอื่ เป็ นการ โปรดสตั วโ์ ลกผตู ้ อ้ งการบญุ พุทธกจิ ประการที่ ๒ ในเวลาเย็นทรงแสดงธรรมแกผ่ ูส้ นใจในการพงึ่ ธรรม พุทธกจิ ประการที่ ๓ ในเวลาค่าทรงประธานพระโอวาทใหแ้ ก่ กรรมฐานแกภ่ กิ ษุทง้ั หลาย พุทธกจิ ประการที่ ๔ ในเวลาเทยี่ งคนื ทรงแสดงธรรมและตอบ ปัญหาแกเ่ ทวดาทง้ั หลาย พุทธกจิ ประการที่ ๕ ในเวลาใกลร้ งุ่ ทรงตรวจดสู ตั วโ์ ลกทอี่ าจจะรู ้ ธรรมซงึ่ พระองคท์ รงแสดง แลว้ ไดร้ บั ผลตามสมควรแกอ่ ุปนิสยั บารมขี องคนเหลา่ นั้น พุทธกจิ ประการที่ ๕ นีเ้ องเป็ นจดุ เดน่ ในการทางานของ พระพุทธเจา้ จนทาใหศ้ กึ ษาพระพุทธศาสนา บางคนมคี วามรสู ้ กึ วา่ ทาไมคนแตก่ อ่ นสาเรจ็ กนั งา่ ยเหลอื เกนิ ถา้ ศกึ ษารายละเอยี ดแลว้ จะ



หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 11 พระพทุ ธศาสนากบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและ ตศวั รชษวี้ ฐดั กจิ วพเิ คอรเพายีะหงแพ์กลระาะกพราุทพรแธพศบฒั ฒาั บสนนนยาาาง่กัปปยบรั ะปนรื เรทะชัเศทญแบศาบ ยง่ั ยนื หรอื แนวคดิ ของศาสนาทตี่ นนบั ถอื ตามทกี่ าหนด (ส 1.1 ม.4-6/11)

แผนผงั การ เรยี นรู ้ พระพุทธศาสนา กบั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง และการพฒั นา ประเทศแบบยง่ั ยนื พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสน กบั ปรชั ญา ากบั การ เศรษฐกจิ พฒั นาประเทศ พอเพยี ง แบบยง่ั ยนื หลกั ธรรมและแนวทาง ลกั ษณะของการพฒั นา ปฏบิ ตั ิ ่

นกั เรยี นมี ความรูใ้ น เรอื่ งของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ใน ่

คาวา่ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐ แปลวา่ ดี กเลจิ ศิ แปลวา่ การ คาวา่ ประกอบการ “เศรษฐกจิ ” สรุป การประกอบกจิ การ งานเกยี่ วกบั การผลติ การ จาหน่าย จา่ ย แจก การ บรโิ ภค และการใชส้ อยสงิ่ ตา่ ง ๆ ใหไ้ ดผ้ ลดเี ลศิ

พอเพี ความเหมาะสม หรอื ความ ยง ใพนอทดนี่ ี ีเ้ น้นการผลติ และการ บรโิ ภคแบบพออยูพ่ อกนิ เป็ น ซหลงึ่ ไกัม่ไดเ้ น้นกาไรสุทธิ หรอื ความรา่ รวยเป็ นเป้ าหมาย สูงสุด สรุป เศรษฐกจิ พอเพยี ง มคี วามหมาย วา่ การผลติ จาหน่าย และบรโิ ภคอย่าง พอเหมาะพอดี

เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นปรชั ญาทชี่ ี้ แนวทางการ ดารงชวี ติ

สมเดจ็ พระเทพรตั น สรปุ การบรรยายพเิ ศษเรอื่ ง สุดาฯ กบั เศรษฐกจิ \"เศรษฐกจิ พอเพยี ง\" พอเพยี ง โดย ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ เลขาธกิ ารมลู นิธชิ ยั พฒั นา



ความเป็ นมาของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง นบั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2517 เป็ นตน้ มา และ ถูกพูดถงึ อย่างชดั เจนในวนั ที่ 4 ทรงมี ธนั วาคม พ.ศ. 2540 พระราชดาร ิ เพอื่ เป็ นแนวทางการแกไ้ ขปัญหา เรอื่ ง ระบบ เศรษฐกจิ ของประเทศไทย และเพอื่ เศรษฐกจิ แบบ พอเพยี ง (Self แสวงหาทางออกวกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ให้ ประเทศไทย เมอื่ พ.ศ. 2541 ใหส้ ามารถดารงอยู่ไดอ้ ย่างมน่ั คงและ ยง่ั ยนื ในกระแสโลกาภวิ ตั นแ์ ละความ เปลยี่ นแปลงตา่ ง ๆ และเพอื่ ใหส้ ามารถ ฝ่ าฟั นวกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ นน้ั ไปไดค้ อื “การ ทพี่ งึ่ ตนเองได”้

พระพทุ ธศาสนา เกยี่ วขอ้ งกบั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ อยา่ งไร

เพราะ หลกั คาสอน กบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั หลกั คาสอนของ พระพทุ ธศาสนาไดเ้ ป็ นอยา่ ง ดแี ละสามารถนาไปปฏบิ ตั ใิ ห้ เห็นจรงิ ไดห้ รอื นาไปปฏบิ ตั ใิ น

หลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา กบั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง

หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนากบั ปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง มตั ตญั ญุ รูจ้ กั ประมาณ ตา ตนเอง สนั ตุฏฐี ปะระมงั ความมกั น้อยเป็ นทรพั ยอ์ นั ธะนงั ประเสรฐิ อตั ตา หิ อตั ตะโน ตนเป็ นทพี่ งึ่ แหง่ ตน (การ นาโถ พงึ่ พาตนเอง) มชั ฌมิ าปฏปิ ทางสายกลาง หรอื ทา มรรค 8 ธมั มญั ญุตา รูจ้ กั ใชเ้ หตผุ ลในการ และอตั ถญั ดาเนินชวี ติ ญุตา

สปั ปุ รสิ ธรรม 7 (ธรรมของสตั บุรุษ, ธรรมทที่ าให้ เป็ นสตั บรุ ุษ, คุณสมบตั ขิ องคนด,ี ธรรมของผูด้ ี : Qualities of a good man; virtues of a gentleman)

1. ธมั มญั ญุตา (ความรูจ้ กั ธรรม รูห้ ลกั หรอื รูจ้ กั เหตุ คอื รูห้ ลกั ความจรงิ รูห้ ลกั การ รู ้ หลกั เกณฑ ์ รูก้ ฎแหง่ ธรรมดา รูก้ ฎเกณฑ ์ แหง่ เหตผุ ล 2.อตั ถญั ญตุ า (ความรูจ้ กั อรรถ รูค้ วาม มุ่งหมาย หรอื รูจ้ กั ผล คอื รู ้ ความหมาย รูค้ วามมงุ่ หมาย รู ้ ประโยชนท์ ปี่ ระสงค ์ รูจ้ กั ผลทจี่ ะ เกดิ ขนึ้

สปั ปุรสิ ธรรม 7 (ธรรมของสตั บุรษุ , ธรรมทที่ าใหเ้ ป็ น สตั บรุ ษุ , คณุ สมบตั ขิ องคนด,ี ธรรมของผูด้ ี — qualities of a good man; virtues of a gentleman) 1. ธมั มญั ญตุ า (ความรจู ้ กั ธรรม รหู ้ ลกั หรอื รจู ้ กั เหตุ คอื รหู ้ ลกั ความจรงิ รหู ้ ลกั การ รหู ้ ลกั เกณฑ ์ รกู ้ ฎ แหง่ ธรรมดา รกู ้ ฎเกณฑแ์ หง่ เหตผุ ล และรหู ้ ลกั การทจี่ ะ ทาใหเ้ กดิ ผล เชน่ ภกิ ษุรวู ้ า่ หลกั ธรรมขอ้ นั้นๆ คอื อะไร มอี ะไรบา้ ง พระมหากษตั รยิ ท์ รงทราบวา่ หลกั การ ปกครองตามราชประเพณีเป็ นอย่างไร มอี ะไรบา้ ง รูว้ า่ จะตอ้ งกระทาเหตอุ นั นีๆ้ หรอื กระทาตามหลกั การขอ้ นีๆ้ จงึ จะใหเ้ กดิ ผลทตี่ อ้ งการอนั น้ันๆ เป็ นตน้ — knowing the law; knowing the cause) 2. อตั ถญั ญตุ า (ความรจู ้ กั อรรถ รคู ้ วามมุ่งหมาย หรอื รจู ้ กั ผล คอื รคู ้ วามหมาย รคู ้ วามมุ่งหมาย รู ้

แนวทางปฏบิ ตั ติ าม ปรชั ญาเศรษฐกจิ

แนวทางปฏบิ ตั ติ ามปรชั ญาเศรษฐกจิ ลดลพะสองิ่ เชพว่ั ยี ง ทงั้ลหะมเลดกิ การแกง่ แย่งและแขง่ ขนั เพอื่ ผลประโยชน์ อดทน และหาทางหลุดพน้ จาก ความทุกขย์ าก ประหยดั ลดคา่ ใชจ้ า่ ยที่ ประกอบอไมาช่จพีาเป็ น สจุ รติ

งาน เขา้ ใหน้ กั เรยี นแตง่ หนงั สอื เล่มเลก็ เรอื่ ง ขา้ พเจา้ กบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง” 1 เลม่ กาหนดสง่ วนั ที่ 9 สงิ หาคม 2556

พระพุทธศา ความหมายของ สนากบั การ การพฒั นาอย่าง พฒั นา ยง่ั ยนื ประเทศแบบ ลกั ษณะทว่ั ไปของ ยง่ั ยนื การพฒั นาอยา่ ง ยง่ั ยนื

ความหมายของการพฒั นา แบบยง่ั ยนื คาศ ั SUSTAINABLE DEVELOPMENT พท ์ ตอ้ งไมท่ าลาย ทรพั ยากรธรร การพฒั นาทไี่ ม่ กอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาตามมา มชาตมิ าก จนเกนิ ไป อกี กใานรอพนฒั านคาตทดี่ าเนินไปทเี่ น้นหรอื โดย คานึงถงึ ความเป็ นอยู่ หรอื ความอยู่ รอดคนของรุน่ หลงั

ลกั ษณะทว่ั ไปของการพฒั นา พแบระบพยุทง่ั ยธนื ศาสนาเกยี่ วขอ้ งกบั การ พฒั นาประเทศอยา่ งยง่ั ยนื อยา่ งไร หลกั ธรรมที่ สมั พนั ธก์ นั เกยี่ วขอ้ ง มจั ฉรยิ ะ 5 : ลดความ อยา่ งไร ตระหนี่ ความหวง มจี ติ คนกบั มคี วามสุข สพารธหามรวณหิ ะาร 4 : เมตตา คน คนกบั รูเ้ ทา่ กรุณา ธรรมชาติ เทอนั อื้ เฟื้ อ สงิ่ แวดลอ้ ม เกอื้ กูลกนั มุทติ า อเุ บกขา : อรยิ วฑั ฒิ ศรทั ธา คนกบั วทิ ยาศาสต สรา้ งสรรคอ์ ย่าง ความเชอื่ ความศรทั ธา รแ์ ละ เกดิ ประโยชน์ มรรค พละ มสี ตฯิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook