มอบอานาจความรับผิดชอบ และภาระให้เพ่ือน ร่วมงานบ้าง ผู้นาท่ีประสบความสาเร็จไม่ได้ทางาน คนเดียว ตอ้ งทางานเป็นหมคู่ ณะ
มี ค ว า ม เ ฉ ลี ย ว ฉ ล า ด มี ไ ห ว พ ริ บ อ ย่ า ใ ห้ ผู้ใต้บังคับบัญชาหลอกได้ แต่ขณะเกี่ยวกัน ผู้นาจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ค่อยมีใครชอบคน ทีร่ ทู้ นั คน
การสารวมอายะตนะ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ
ถ้ า ห า ก ส ม า ชิ ก แ ต่ ล ะ ค น ข อ ง ก ลุ่ ม มี ส วั ส ดิ ภ า พ ดี ก็จะเป็นหลักประกันว่าสถาบันหรือหน่วยงาน ก็จะมีสวัสดภิ าพดดี ้วย องค์การย่อมเจริญไม่ได้ ถ้าหากสมาชิกขององค์การ ไมม่ ีความเจริญ
ความคิดเห็นท้ังหลายของสมาชิกมีค่าแก่การรับฟัง ความคิดเห็นท้ังหลายควรจะพิจารณาที่เน้ือหาสาระ มากกว่าที่จะพิจารณาวา่ เป็นความคิดเหน็ ของใคร
มนุษย์แต่ละคนก็มีศักดิ์ศรีด้วยกันทั้งนั้น อย่าคิดว่า ผู้นาเท่านั้นท่ีมีศักด์ิศรีปริญญามิใช่เครื่องวัดคุณภาพ ของคน การกระทาของคนต่างหาก ท่ีเป็นเครื่องวัด คณุ ภาพของคน
ผู้นาท่ีดี จะต้องมีความสามารถท่ีจะนาและ สอน คนอื่นได้ น่ันคือ ควรจะเป็นได้ทั้งนาย และครู
ความเจริญมาจากภายในกลุ่มมากกว่าภายนอก ผู้นาควรสร้างความก้าวหน้าให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้นาควรสนับสนุนมิใช่กักกันหรือสกัดก้ันเอาไว้ ผนู้ าจะตอ้ งไม่เหน็ แก่ตัว
ผู้ น า ท่ี ดี นั้ น ผู้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ช า ย่ อ ม ไ ม่ จ า ก ไ ป นอกเสียจากว่า ท่ีใหม่นั้นมีความก้าวหน้า หรือไม่มี ทางเลือก
ทฤษฎเี กี่ยวกับภาวะผนู้ า (Leadership Theories) > ทฤษฎีผู้นาตามลักษณะผู้นา > ทฤษฎีผ้นู าเชิงพฤตกิ รรม > ทฤษฎผี ู้นาเชิงสถานการณ์
ทฤษฎผี นู้ าตามลักษณะผูน้ า Trait Theory ทฤษฎแี บบด้งั เดมิ ท่ีอธบิ ายลกั ษณะของบคุ คล ว่าเป็นเคร่อื งช้ถี งึ ความเปน็ ผนู้ า
ลกั ษณะของบุคคลทเี่ ปน็ ผ้นู า ลักษณะทางกาย ผนู้ าต้องเปน็ ผมู้ ีร่างกายแขง็ แรง สงู ใหญ่ รปู ร่างสงา่ งาม
ลักษณะของบคุ คลทีเ่ ปน็ ผู้นา(ต่อ) ลักษณะทางสงั คม ผู้นาต้องเป็นผู้มสี ถานะ ทางสงั คมท่ดี ี มกี ารศึกษาสูง
ลกั ษณะของบุคคลที่เปน็ ผู้นา(ต่อ) ลกั ษณะทางสตปิ ญั ญา ผู้นาตอ้ งเปน็ คนเฉลยี วฉลาด มีไหวพรบิ ดี มคี วามรอบรู้
ลกั ษณะของบุคคลทีเ่ ปน็ ผ้นู า(ต่อ) ลกั ษณะทางบุคลกิ ภาพ ผนู้ าต้องเป็นคนมบี ุคลกิ ภาพทดี่ ี แตง่ กายดี มีวฒุ ภิ าวะทางอารมณ์ มีความเชื่อม่นั ในตนเอง
ลักษณะของบุคคลท่เี ปน็ ผนู้ า(ต่อ) ลักษณะเกย่ี วกบั การปฏิบัติงาน ผู้นาตอ้ งเปน็ ผูท้ ่มี ีความขยันหม่นั เพยี ร อดทนไมย่ อ่ ทอ้ ต่ออปุ สรรค มคี วามรับผดิ ชอบสูง
ทฤษฎีผู้นาเชิงพฤติกรรม (Behavioral Theories of Leadership) 1. Ohio State Leadership Studies (Jonh Hamphill and Alrin Coons) 2. Managerial Grid (Robert Blake and Jane Mouton) 3. Reddin’s Three-Dimension Theory of Leadership
ทฤษฎพี ฤติกรรมของผู้นา (Behavior Theory) ของมหาวทิ ยาลยั โอไฮโอ แบ่งผนู้ าเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ 4.1 ผูน้ าแบบมุง่ งาน (Initiating) 4.2 ผนู้ าแบบมงุ่ สมั พันธ์ (Consideration)
4.1 พฤติกรรมมงุ่ งาน (initiating structure) - มงุ่ ความสาเรจ็ ขององคก์ รในเรือ่ งเกยี่ วกับการจดั โครงสร้าง ของงานและองค์กร - กาหนดคณุ ลักษณะของงานท่ีต้องการ - กาหนดบทบาทและความรับผิดชอบของผรู้ ว่ มองคก์ ร - กาหนดวธิ กี ารสอ่ื สาร กระบวนการและวิธกี ารทางาน ลักษณะผู้นา: ยึดความคิดตนเอง ชอบใช้อานาจให้ความสาคัญ กบั เรอื่ งงานมากกวา่ ส่ิงใด
4.2 พฤตกิ รรมมงุ่ สัมพนั ธ์ (Consideration) แสดงความรสู้ ึกไวตอ่ การรบั รู้ต่อผู้ตาม ในแงก่ ารให้การยอมรับ ไวว้ างใจ แสดงความชน่ื ชม ลักษณะของผู้นา: ใหผ้ ู้ตามเข้ามามีส่วนรว่ ม มีการปรึกษาหารอื การกระจาย อานาจ ให้เกียรตใิ หก้ ารยกย่อง
2. ทฤษฎผี ู้นาแบบตารางการจดั การ ของเบลคและมตู ัน Managerial Grid (Robert Blake and Jane Mouton)
ทฤษฎีผู้นาแบบตารางบรหิ ารของเบลคและมูตนั (Managerial Grid Theory) สงู 1,9 9,9 สมั พันธ์ 5,5 ตา่ 1,1 งาน 9,1 สงู
แบง่ ผนู้ าไว้เป็น 5 แบบ คอื 1.แบบไมเ่ อาไหน หรอื 1,1 (Impoverished) 2.แบบชุมนมุ สังสรรค์ หรือ 1,9 (Country Club) 3.แบบมงุ่ แตง่ าน หรือ 9,1 (Task Oriented) 4.แบบทางสายกลาง หรือ 5,5 (Middle of the road) 5.แบบเล่นเป็นทีม หรอื 9,9 (Team)
3. ทฤษฎภี าวะผ้นู า 3 มติ ิของเรดดิน Reddin’s Three-Dimension Theory of Leadership มติ มิ ุ่งงาน มติ ิมงุ่ คน (Task) (Human) มติ ิมุ่ง ประสิทธผิ ล (Effectiveness)
1.มติ ิม่งุ งาน (Task-Oriented Dimension) ใหค้ วามสาคัญในเร่อื งหนา้ ท่ีการงานหรือ ความสาเรจ็ ของงาน 2.มติ มิ งุ่ สมั พนั ธ์ (People-Oriented Dimension) ให้ความสาคญั ในเรอื่ งของคนหรือ ผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชา 3.มติ ิมุ่งประสิทธผิ ล (Effectiveness Dimension) การพิจารณาในเรอื่ งความสาคญั ของ หน่วยงานหรือองค์การตามเปาฺ หมายที่วางไว้
แบบของผนู้ า 4 แบบ แบบ (1) ผนู้ าแบบแยกตัว ไม่ (งาน/คน) แบบ (2) ผูน้ าแบบเสียสละ ทาไปวนั ๆ แบบ (3) ผนู้ าแบบมิตรสัมพนั ธ์ แบบ (4) ผนู้ าแบบผสมผสาน ทมุ เทงาน/ขาด สัมพันธ์กบั คน เนน้ คน ไมค่ ่อยเนน้ งาน ได้ทงั้ คน และงาน
ผลงานของผนู้ า (Effectiveness) ขน้ึ อยกู่ บั ุ ผตู้ ามท่ีมีประสทิ ธิภาพ สถานการณเ์ ฉพาะบางอย่าง สงิ่ แวดลอ้ มทเี่ หมาะสม
ภาวะผู้นาแต่ละแบบ สถานการณ์ จะมีประสทิ ธิผลมาก หรอื น้อยแลว้ แต.่ ..
แบบของผนู้ าทมี่ ปี ระสิทธผิ ลสงู แบบผ้นู าทีม คานึงถงึ งาน/มีทกั ษะในการใช้คน/มคี วามสมั พนั ธ์ ท่ดี กี บั ลูกน้อง/เนน้ การมสี ว่ นรว่ ม แบบนกั พัฒนา มงุ่ พฒั นาคน/ให้โอกาสทางาน/รบั ผิดชอบ ลกู น้องรักมาก แบบผบู้ ุกงาน มน่ั ใจในตนเอง/เผดจ็ การแต่น่มุ นวลและมศี ลิ ปะ ทะเยอทะยานใฝสู ูง/มุ่งงานเพอ่ื ตนเองและองค์การ แบบผูค้ ุมกฎ เจา้ ขนุ มูลนาย/ทางานตามกฎระเบยี บ/ทาองค์การ ให้ราบรน่ื เรียบรอ้ ย ไม่เกิดปญั หา
แบบของผู้นาท่ีมปี ระสิทธิผลต่า แบบผ้หู นงี าน ไม่สนใจท้ังคนและงาน/หนงี าน/ขดั ขวางการ ทางานของผู้อน่ื /ลกู น้องขาดขวัญกาลงั ใจ แบบผเู้ ผดจ็ การ เอาแต่ใจตวั เอง/ไมม่ ีสมั พนั ธภ์ าพกบั ลูกนอ้ ง ใชอ้ านาจบังคับขู่เข็นใหล้ ูกนอ้ งทางาน แบบผู้ใจบญุ เปน็ คนใจด/ี เห็นใจลูกนอ้ ง/เมตตาเหมอื นพอ่ พระ/ เกรงใจลูกน้อง/ไม่สนใจผลสาเร็จของงาน แบบผู้ ไม่กล้าตดั สนิ ใจ อะลมุ่ อล่วยในการทางาน ไมข่ ัด ประนปี ระนอม ใจใคร/อาจมอี ิทธิพลบางอย่างกดดนั
ทฤษฎผี นู้ าเชงิ สถานการณ์ ส ถ า น ก า ร ณ์ ใ ด บ้ า ง ที่ ส่ ง ผ ล ต่ อ ภ า ว ะ ผู้ น า พฤติกรรมผู้นาแบบใดเหมาะสมกับสถานการณ์ แบบใด
1. ทฤษฎีของเฟรด ฟิดเลอร์ (Fiedler’s Contingency Theory) มหาวทิ ยาลยั อิลนิ อยส์ สหรฐั อเมรกิ า
ปจั จัย 3 ประการ ทก่ี าหนดสถานการณ์ ท่เี กิดภาวะผนู้ าท่มี ปี ระสิทธิผลสูงหรอื ตา่ ความ โครงสร้าง อานาจตาม สมั พนั ธ์ ของงาน ตาแหน่ง ระหวา่ ง ผนู้ ากับ สมาชิก
สถานการณท์ ี่ตอ้ งควบคมุ มาก
สถานการณท์ ่ตี ้องควบคุม ปานกลาง
สถานการณท์ ่ตี ้องควบคุมนอ้ ย
2. ทฤษฎีของเฮอเซย์และบลังชารด์ (Hersey and Blanchard’s Situational Theory) ผนู้ าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนาไปตาม สถานการณ์ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อม (Readiness) ของผู้ตาม ให้ความสาคัญกับผู้ตามว่ามีวุฒิภาวะเพียงใด ยอมรบั การนาเพียงใด
S1 S2 Telling Selling พฤตกิ รรมผนู้ า ตามทฤษฎเี ฮอเซย์ และบลงั ชารด์ S3 S4 Participating Delegating
ความ ผตู้ ามทีไ่ ม่มีความสามารถ พรอ้ ม และไม่เต็มใจที่จะทางาน หรอื วุฒิ ภาวะของ ผู้ตาม 4 ลักษณะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119