Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการความรู้ : Knowledge Managemant (KM)

การจัดการความรู้ : Knowledge Managemant (KM)

Published by chalong19bt, 2019-12-03 07:34:26

Description: นายฉลอง บุญถึง

Search

Read the Text Version

W6 การจดั การความรู้ ( Knowledge Management: KM ) สาขาวชิ าการศึกษา วทิ ยาลยั การศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา

การจดั การความรู้ 1. ความหมายของความรู้ 2. คุณค่าของความรู้ 3. ความหมายของการจดั การความรู้ 4. เป้าหมายการจดั การความรู้ 5. องค์ประกอบสาคญั วงจรของความรู้ 6. ประเภทของความรู้

การจัดการความรู้ (ต่อ) 7. หลักสาคัญของการจดั การความรู้ 8. องค์ประกอบหลกั ของวงจรการจัดการความรู้ 9. กระบวนการจัดการความรู้ 10. ปัจจัยสูค่ วามสาเรจ็ 11. ตวั อย่างการนา KM ไปประยกุ ต์ใช้ในการ จัดการความรู้เกย่ี วกบั วิชาชีพครู

1. ความหมายของความรู้ ความรู้ หมายถงึ สิ่งที่สงั่ สมมาจากการศกึ ษา เล่าเรยี น การค้นควา้ หรอื ประสบการณ์ รวมทั้ง ความสามารถเชงิ ปฏิบตั ิ และทกั ษะความเขา้ ใจหรอื สารสนเทศทไี่ ดร้ ับมาจากประสบการณ์ สงิ่ ทไ่ี ดร้ ับมา จากการได้ยิน ไดฟ้ ัง การคิดหรือการปฏบิ ตั อิ งคว์ ชิ า ในแต่ละสาขา พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542

1. ความหมายของความร(ู้ ต่อ) ความรู้ หมายถงึ สารสนเทศทผี่ า่ นกระบวนการคิด เปรียบเทียบ เชอ่ื มโยงกับความร้อู น่ื จนเกดิ เป็นความ เข้าใจ และนาไปใช้ประโยชน์ในการสรุป และตดั สนิ ใจใน สถานการณต์ ่างๆ โดยไม่จากัดช่วงเวลา Hideo Yamazaki

คาที่เกีย่ วขอ้ งสัมพนั ธก์ ับความรู้ ข้อมลู : เปน็ ข้อมลู ดบิ หรอื ตัวเลขตา่ งๆ ทย่ี งั ไม่ผ่านการวิเคราะห์ สารสนเทศ : เปน็ ข้อมลู ทผี่ ่านการวเิ คราะห์แล้ว และสามารถนาไปใช้ ประโยชนเ์ พ่ือประกอบการตัดสนิ ใจในเรอ่ื งต่างๆ ความรู้ : เปน็ สารสนเทศท่ีผ่านการคิดเปรยี บเทียบ เชอื่ มโยงกับ ความร้อู ื่น และสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นต่างๆ ได้ ปญั ญา : เปน็ ความรทู้ ่ีฝงั อยู่ในตวั คน และกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ในการนาไปใช้

ปญั ญา (Wisdom) ความรู้ (Knowledge) สารสนเทศ (Information) ขอ้ มูล (Data) ปิรามดิ แสดงลาดบั ข้นั ของความรู้

2. คณุ คา่ ของความรู้ ความรู้เปน็ สนิ ทรพั ย์ ใชแ้ ล้วไมม่ วี ันหมด ยิง่ ใช้ยิ่งเพิ่ม ยิ่งใชม้ ากเท่าไร ยิ่งมคี ุณค่า เพ่ิมมากข้ึน

3. ความหมายของการจัดการความรู้ การจดั การความรู้ หมายถึง การยกระดบั ความร้ขู ององค์การ เพื่อสร้างผลประโยชนจ์ าก ต้นทนุ ทางปญั ญา โดยเป็นกิจกรรมที่ซบั ซ้อน และ กว้างขวาง วจิ ารณ์ พานชิ , 2546

3. ความหมายของการจดั การความรู้(ตอ่ ) การจัดการความรู้ หมายถึง การรวบรวมองคค์ วามรู้ ทีม่ ีอยู่ในองคก์ ร ซึง่ กระจดั กระจายอยู่ในตวั บคุ คลหรอื เอกสาร มาพัฒนาให้เปน็ ระบบเพือ่ ใหท้ กุ คนในองค์กร สามารถเขา้ ถึงความรู้ และพฒั นาตนเองให้เปน็ ผูร้ ู้ รวมท้งั ปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ อันจะส่งผลให้องคก์ รมี ความสามารถในเชงิ แขง่ ขนั สงู สดุ สานักงาน ก.พ.ร , 2548

3. ความหมายของการจดั การความรู้(ต่อ) การจดั การความรู้ หมายถงึ การจัดการเพื่อเอื้อให้เกดิ ความรใู้ หม่ โดยใช้ความรทู้ ีม่ ีอยแู่ ละประสบการณข์ องคนใน องค์กรอยา่ งเป็นระบบ เพื่อพฒั นานวตั กรรม ที่จะทาใหม้ ีความ ได้เปรยี บเหนือค่แู ขง่ ทางธุรกจิ Ryoko Toyama อา้ งใน พรทิพย์ กาญจนนิตย , พัด นลิ พนั ธ,์ และนพรตั น์ ประสาทเขตการณ์ , 2546

3. ความหมายของการจัดการความรู้(ตอ่ ) การจัดการความรู้หมายถงึ กลยทุ ธ์ในการท่ีจะทา ใหค้ นได้รบั ความรทู้ ต่ี ้องการภายในเวลาท่เี หมาะสม รวมท้ัง ช่วยทาให้เกิดการแลกเปลยี่ นและนาความรไู้ ปปฏิบัตเิ พื่อ ยกระดบั และปรบั ปรุงการดาเนินงานขององคก์ าร ทงั้ นี้ การ จดั การความรไู้ มใ่ ชเ่ ครือ่ งมือทจี่ ดั การกับตวั ของความรู้ โดยตรง แต่เปน็ วธิ ีการที่ทาใหเ้ กิดการแลกเปล่ียนความรูท้ ่มี ี ระหว่างกันได้ Carla O’Dell and Jackson Grayson ,1998

3. ความหมายของการจัดการความรู้(ต่อ) สรปุ : การจัดการความรู้ หมายถงึ กระบวนการในการนาความร้ทู ม่ี อี ยูห่ รอื ที่ เรียนรู้มาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสดุ ตอ่ องค์กร โดยผ่านกระบวนการตา่ งๆ เช่น การสรา้ ง รวบรวม แลกเปล่ียนและใช้ความรู้ เป็นต้น

4. เป้าหมายการจดั การความรู้ องคก์ ร บรรลุเป้าหมาย คนและ การทางาน องค์กร มปี ระสิทธิภาพ เกง่ ข้ึน มปี ระสิทธผิ ล (บรรลเุ ป้าหมาย) คน คิดเป็น ทาเป็น

5. องค์ประกอบสาคญั วงจรของความรู้ 1. คน: เปน็ องค์ประกอบท่ีสาคญั ทส่ี ุด เพราะ คนเป็นแหลง่ ความรู้ และ เป็นผนู้ าความรไู้ ปใช้ให้เกิดประโยชน์ 2. เทคโนโลยี: เปน็ เครือ่ งมอื เพอ่ื ให้คนสามารถคน้ หา จัดเกบ็ แลกเปล่ยี น นาความรู้ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งง่าย และรวดเร็วขนึ้ 3. กระบวนการความรู้: เปน็ การบริหารจดั การเพื่อนาความรู้ จากแหล่งความรูไ้ ปให้ผใู้ ช้ เพื่อทาให้เกดิ การปรับปรุง และเกิดนวัตกรรม

6. ประเภทของความรู้ ประเภทของความรู้ ความร้ทู ่อี ยใู่ นตัวคน ความรทู้ ่ชี ัดแจ้ง (Tacit Knowledge) (Explicit Knowledge)

6. ประเภทของความร(ู้ ต่อ) ความรู้ทอี่ ยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) เป็นความรทู้ อี่ ยใู่ นตัวของแต่ละบคุ คล เกิดจาก ประสบการณ์ การเรียนรหู้ รือพรสวรรคต์ ่างๆ ซึง่ สือ่ สาร หรือถ่ายทอดในรปู ของตวั เลข สูตร หรอื ลายลกั ษณอ์ กั ษร ไดย้ าก ความรู้ลกั ษณะน้ีพัฒนาและแบง่ ปนั กนั ได้ และเปน็ ความรูท้ ีก่ อ่ ให้เกดิ ความไดเ้ ปรยี บในการแข่งขนั

6. ประเภทของความร(ู้ ตอ่ ) ความรู้ท่ีชัดแจง้ (Explicit Knowledge) เป็นความร้ทู ่ีเป็นเหตุเป็นผล สามารถรวบรวม และถ่ายทอด ออกมาในรูปแบบต่างๆ เชน่ หนงั สือเรียน คู่มอื ครู หลักสูตร รายงานตา่ งๆ และเอกสาร เปน็ ต้น ซงึ่ ทาให้คนสามารถ เข้าถึง และศึกษาเรยี นรไู้ ดง้ ่าย

ความร้ทู ่ีชดั แจง้ 20% (Explicit Knowledge) ภเู ขาน้าแข็ง 80% ความรทู้ ่ีฝังอย่ใู นตวั คน (Tacit Knowledge)

7. หลักสาคญั ของการจดั การความรู้ หลักสาคัญของการจดั การความรู้ คือ การทาให้ เกดิ การเปล่ยี นแปลงจาก Tacit เปน็ Explicit ให้มากที่สดุ Tacit Explicit

8. องค์ประกอบหลักของวงจรการจดั การความรู้ 1. การจัดการการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม 2. การสอื่ สาร 3. กระบวนการและเครื่องมอื 4. การฝึกอบรมและการเรยี นรู้ 5. การวดั ผล 6. การยกยอ่ งชมเชยและให้รางวัล

1. การจดั การการเปล่ียนแปลงและพฤตกิ รรม (Transition and Behavior Management) ปรบั เปล่ียนพฤติกรรม การทาใหค้ นในองคก์ รอยาก เปน็ ท้ังผใู้ หแ้ ละผู้รบั ความรู้ จนทาให้เกดิ การ แลกเปลีย่ นแบง่ ปนั และการเรียนรู้

2. การสอ่ื สาร (Communication) การส่ือสารทาใหท้ กุ คนในองคก์ รเข้าใจว่า ทาอะไร เพือ่ อะไร ทาเมอ่ื ไร และทาอยา่ งไร โดยสอื่ สารอยา่ ง ต่อเนื่องจนการแลกเปล่ียนความรู้และการเรียนรู้ กลายเปน็ วัฒนธรรม

3. กระบวนการและเคร่ืองมือ (Process and Tool) กระบวนการและเคร่ืองมอื ซึ่งกระบวนการหลกั ๆ ใน การจดั การความร้มู ี 7 กระบวนการ สว่ นนเ้ี ป็นแกน หลกั ของการจัดการความรู้ ทัง้ หมด

4. การฝึกอบรมและการเรียนรู้ (Training and Learning) การให้ความร้เู รอ่ื งการจดั การความรูใ้ ห้กับคนใน องคก์ รไมว่ ่าจะฝกึ อบรม สัมมนา หรือจากเอกสาร ตา่ งๆ ตามความเหมาะสมขององคก์ ร ที่สาคญั คอื พยายามสอดแทรกความรดู้ า้ นการจดั การความร้เู ขา้ ไปบ่อย ๆ

5. การวัดผล (Measurements) การวดั ผล การดาเนินการตามแผน ผลผลิตที่ได้และ ผลติ ภณั ฑจ์ ากการจัดการความรู้ ในชว่ งแรกของการ ดาเนินการอาจจะวดั เพยี งความกา้ วหนา้ ตาม กจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่ีกาหนดในแผนก็พอ

6. การยกย่องชมเชยและใหร้ างวัล (Recognition and Rewards) การยกยอ่ งชมเชยและใหร้ างวลั เปน็ การจูงใจให้คนใน องค์การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมให้สนใจทจี่ ะ แลกเปลยี่ นความร้กู ันมากข้นึ

กระบวนการบริหารจัดการการเปลย่ี นแปลง การเรียนรู้ การวัดผล การยกย่องชมเชย (Learning) (Measurements) และการใหร้ างวัล (Recognition and Reward) กระบวนการ การสอ่ื สาร เปา้ หมาย และเครื่องมือ (Communication) (Desired State) (Process & Tools) การเตรียมการและ ปรบั เปลีย่ นพฤติกรรม (Transition and Behavior Robert Osterhoff

9. กระบวนการจัดการความรู้ ขั้นท1ี่ การบ่งชีค้ วามรู้ ข้นั ท่ี 2 การสรา้ งและแสวงหาความรู้ ขน้ั ที่ 3 การจดั ความรใู้ หเ้ ปน็ ระบบ ข้นั ที่ 4 การประมวลและกลั่นกรองความรู้

9. กระบวนการจดั การความรู้ (ตอ่ ) ขัน้ ท่ี 5 การเขา้ ถึงความรู้ ข้นั ท่ี 6 การแบง่ ปันแลกเปลยี่ นความรู้ ขั้นที่ 7 การเรียนรู้

9. กระบวนการจดั การความรู้ (ต่อ) ขนั้ ที่ 1 การบง่ ชคี้ วามรู้ (Knowledge Identification) เป็นการพิจารณาวา่ วสิ ยั ทศั น์ / พนั ธกิจ / เปา้ หมาย คอื อะไร เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย เราจาเป็นต้องร้อู ะไร ขณะน้เี รามคี วามรู้ อะไรบ้าง อยูใ่ นรูปแบบใด อยู่ที่ใคร

9. กระบวนการจัดการความรู้ (ต่อ) ขนั้ ที่ 2 การสร้างและแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation and Acquisition) เปน็ การสรา้ งความรใู้ หม่ แสวงหาความรจู้ ากภายนอก รกั ษาความรเู้ กา่ กาจดั ความรู้ทใ่ี ช้ไมไ่ ดแ้ ลว้

9. กระบวนการจดั การความรู้ (ต่อ) ขน้ั ท่ี 3 การจดั การความรู้ให้เปน็ ระบบ (Knowledge Organization) เปน็ การวางโครงสรา้ งความรู้ เพือ่ เตรยี มพร้อม สาหรบั การเกบ็ ความรูอ้ ยา่ งเปน็ ระบบในอนาคต

9. กระบวนการจดั การความรู้ (ต่อ) ข้ันท่ี 4 การประมวลและกลนั่ กรองความรู้ (Knowledge Codification and Refinement) เป็นการปรับปรุงรปู แบบเอกสารให้เปน็ มาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรบั ปรุงเนือ้ หาให้สมบูรณ์

9. กระบวนการจัดการความรู้ (ตอ่ ) ขัน้ ที่ 5 การเข้าถึงความรู้ (Knowledge Access) เป็นการทาใหผ้ ูใ้ ชค้ วามร้นู ั้นเขา้ ถงึ ความรูท้ ตี่ อ้ งการได้งา่ ย และสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), Web board ,บอรด์ ประชาสมั พันธ์ เปน็ ต้น

9. กระบวนการจัดการความรู้ (ต่อ) ข้นั ท่ี 6 การแบ่งปนั แลกเปลยี่ นความรู้ (Knowledge Sharing) - กรณีเป็น Explicit Knowledge อาจจัดทาเปน็ เอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ - กรณีเปน็ Tacit Knowledge อาจจดั ทาเปน็ ระบบ ทมี ข้าม สายงาน, กจิ กรรมกล่มุ คณุ ภาพและนวตั กรรม, ชุมชนแหง่ การ เรียนรู้, ระบบพ่เี ลยี้ ง, การสับเปลย่ี นงาน, การยืมตัว, เวที แลกเปล่ยี นความรู้ เป็นตน้

9. กระบวนการจัดการความรู้ (ตอ่ ) ขนั้ ท่ี 7 การเรยี นรู้ (Learning) เปน็ การทาใหก้ ารเรยี นรู้เป็นส่วนหนึง่ ของงาน เช่นเกดิ ระบบการเรียนรจู้ าก สร้างองค์ความรู้>นาความรไู้ ปใช>้ เกิดการเรียนรแู้ ละประสบการณ์ใหม่ และหมนุ เวยี นต่อไป อย่างต่อเนอ่ื ง

องคค์ วามรู้ การเรียนรู้และ เกิดการเรียนรูแ้ ละ นวัตกรรม ประสบการณใ์ หม่ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง นาความรูไ้ ปใช้ วงจรการเรยี นรู้

10. ปัจจัยส่คู วามสาเรจ็ ภาวะผู้นา วฒั นธรรม เทคโนโลยี และกลยุทธ์ องคก์ ร สารสนเทศ ปจั จยั สู่ความสาเร็จ โครงสร้างพ้ืนฐาน การวดั ผล

10. ปัจจัยส่คู วามสาเร็จ (ตอ่ ) 1. ภาวะผนู้ าและกลยทุ ธ:์ ผู้บริหารให้การสนบั สนนุ เขา้ ใจแนวคดิ ตระหนักถึงประโยชนท์ จ่ี ะได้รับ เพอ่ื สามารถ สื่อสาร และผลักดันให้มีการจัดการความรู้ในองคก์ าร นอกจากน้ีองค์การต้องมีกลยทุ ธท์ ่ีชดั เจน สอดคลอ้ งกบั ทศิ ทางในการดาเนนิ งานขององค์การ

10. ปจั จัยสู่ความสาเร็จ (ตอ่ ) 2. วฒั นธรรมองคก์ ร: องคก์ รตอ้ งมวี ัฒนธรรมการ แลกเปลย่ี น แบ่งปันความรู้ระหวา่ งบุคคลภายในองคก์ ร 3. เทคโนโลยสี ารสนเทศ: คนในองค์กรสามารถค้นหา ความรู้ ดึงเอาความรูไ้ ปใช้ ชว่ ยในการวิเคราะห์ข้อมลู ตา่ งๆ และจัดเกบ็ ขอ้ มูลอยา่ งเปน็ ระเบยี บ

10. ปัจจัยสูค่ วามสาเร็จ (ตอ่ ) 4. การวัดผล : การวัดผลจะชว่ ยใหอ้ งคก์ รสามารถทบทวน ประเมนิ ผล และทาการปรบั ปรุงกลยทุ ธแ์ ละกจิ กรรมตา่ งๆ เพ่อื ให้บรรลเุ ป้าหมาย 5. โครงสรา้ งพนื้ ฐาน: เป็นระบบรองรับสาหรับบุคลากร ในองค์กรใหม้ กี ารแลกเปลยี่ นความรกู้ นั สะดวก เช่น สถานท่ี เคร่อื งมอื อุปกรณ์ต่างๆ ระบบงาน ระบบการบริหาร ทรพั ยากรบคุ คล เป็นต้น

11. ตวั อยา่ งการนา KM ไปประยกุ ต์ใช้ กรณที ่ี 1 บคุ ลากรเกษยี ณอายรุ าชการหรือลาออก เม่ือบุคลากรเกษยี ณอายุราชการหรือลาออก ความรู้ ท่ีอยู่ในตวั บุคลากรนน้ั ๆ (Tacit Knowledge) ก็หายไปดว้ ย KM จะช่วยทาให้ Tacit Knowledge นน้ั ถา่ ยทอดออกมา เป็น Explicit ใหอ้ นชุ นรุน่ หลังไดน้ าไปใช้ หรือตอ้ งถ่ายทอด วทิ ยายุทธ์ใหก้ บั ศิษยเ์ อก กรณีท่ไี ม่สามารถกลน่ั กรองออกมา เป็น Explicit ได้

11. ตัวอย่างการนา KM ไปประยุกต์ใช(้ ต่อ) กรณีที่ 2 การคน้ หาข้อมูล การค้นหาข้อมลู โดยเฉพาะขอ้ มลู ท่ีสาคัญต่อการตัดสินใจ สาหรบั ผบู้ รหิ ารแต่ละคร้ัง ใช้เวลานาน ตอ้ งหยิบมาจากหลาย ๆ สว่ นมารวมกันจึงจะไดต้ ามทตี่ อ้ งการบางครั้งผูเ้ ก็บขอ้ มูลไม่อยู่ คนอน่ื กใ็ หไ้ ม่ได้ตอ้ งรอจนกวา่ ผู้เก็บขอ้ มลู จะมา KM จะชว่ ย ใหก้ ารจดั เกบ็ ขอ้ มูลเหลา่ น้ีใหเ้ ป็นระบบเขา้ ถงึ ขอ้ มูลไดง้ ่าย

11. ตวั อยา่ งการนา KM ไปประยุกต์ใช(้ ต่อ) กรณีท่ี 3 การทางานผิดพลาดในเร่อื งเดมิ ๆ บคุ ลากรทางานผดิ พลาดในเรอ่ื งเดิมๆ มีปญั หา ซา้ ๆ ไม่มกี ารแกไ้ ข KM จะชว่ ยใหเ้ กิดการ แลกเปล่ยี นประสบการณ์การทางาน กระตนุ้ ให้เกิด การเรยี นร้เู พ่อื แก้ปัญหา

11. ตัวอย่างการนา KM ไปประยุกต์ใช(้ ต่อ) กรณีท่ี 4 เปล่ยี นผรู้ ับผดิ ชอบงานใหม่ เวลาเปลย่ี นผู้รบั ผิดชอบงานใหมแ่ ต่ละคร้ัง เหมือนต้องเริม่ งานกันใหม่ทง้ั หมด KM จะชว่ ยให้ ผู้ท่มี ารบั ผิดชอบใหมส่ ามารถดาเนนิ งานไดต้ าม ระบบท่ีมีอยดู่ ้วยเอกสารคมู่ อื การทางาน

เรยี นร้เู พ่มิ เตมิ การจดั การความรู้ (คลกิ )

แหล่งคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ 1.www.doa.go.th/korporror/data/column/2_Nov_05.doc 2 . www.nfe.go.th/0405/NFE-note/nattenee07.htm - 10k 3. ดสิ พงศ์ พรชนกนาถ , และคณะ . การจดั การความรู้ จากทฤษฎี สกู่ ารปฏิบัติ . กรงุ เทพฯ : บริษทั จิรวัฒน์ เอก็ ซเ์ พรส จากัด , 2547.

การเลือกใช้ข้อมลู ข่าวสารความรู้ เพื่อใหท้ ันตอ่ การเปลย่ี นแปลง

การปฏริ ูปการทางานกับการใชข้ า่ วสาร บนฐานเทคโนโลยีในอนาคต 1. การปฏิรูปรูปแบบการทางานขององค์กร เทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อให้เกิดการปฏิรูปรูปแบบของการทางาน เช่น การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศสอื่ สารกนั ในองค์กรด้วย อีเมล์ กรุ๊ปแวร์ (groupware) หรือ แม้แต่กระทัง่ เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ อยา่ งเฟซบคุ ทท่ี าให้การส่งข้อมูล ข่าวสารของพนักงานไม่จาเป็นต้องเดินหนังสืออีกต่อไป ลดการใช้ กระดาษท่ีต้องพิมพ์ข่าวสารแจก และสามารถส่งข้อมูลข่าวสารเป็น จานวนมากไปถงึ บุคคลทต่ี อ้ งการไดอ้ ย่างดาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook