คมู่ อื บรหิ ารจดั การเวลาเรยี น HEAD HEART ตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู”้ 4H HEALTH HAND สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
คำนำ การเตรยี มผเู้ รียนใหพ้ รอ้ มในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งพลวตั จะตอ้ งสง่ เสรมิ และพฒั นาให้มีทักษะ ในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะการทางาน ทกั ษะการดารงชีวิต และที่สาคัญจะต้องเปน็ ผู้ที่มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และ มีสุขภาวะ รัฐบาลจึงได้กาหนดนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ให้เป็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่าง เป็นรูปธรรม เพ่ือเตรียมผู้เรียนให้มีคุณสมบัติดังกล่าว โดยกาหนดเป้าหมายการพัฒนา 4H ได้แก่ Head (พัฒนาสมอง) Heart (พัฒนาจิตใจ) Hand (พัฒนาทักษะการปฏิบัติ) และ Health (พัฒนาสุขภาพ) ใหเ้ ชอื่ มโยงกบั หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 นโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” มุ่งหวังให้มีการเปล่ียนแปลงการเรียนการสอนทั้งในและนอก ห้องเรียน โดยครูปรับบทบาทการสอนเพื่อเอ้ือให้ผู้เรียนได้มีโอกาสมากข้ึนในการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ เชื่อมโยงกบั สิ่งแวดล้อมรอบตวั มปี ฏิสัมพนั ธ์และรู้จักการทางานเป็นทีม ไดฝ้ ึกคดิ วิเคราะห์ วางแผน แก้ปญั หา และสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ รวมทั้งมีโอกาสได้พัฒนาจิตใจให้เห็นคุณค่าของการเป็นคนดี ทาความดี ทาประโยชน์ เพื่อผู้อื่น และสังคมส่วนรวม สถานศึกษาจาเป็นต้องปรับโครงสร้างเวลาเรียนให้สอดคล้องกับนโยบาย จัดตารางเรียนให้เหมาะสมและเอ้ือกับการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน สร้างความเข้าใจและเปิดโอกาสให้ ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ซึ่งหนังสือคู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ฉบับน้ีจะเป็นกรอบแนวทางให้สถานศึกษาและครูผู้สอนได้นาไปใช้ ดาเนินงานให้บรรลุความมุ่งหมายของโครงการ ตลอดจนผู้ท่ีทาหน้าท่ีส่งเสริมสนับสนุน และผู้เก่ียวข้องได้ เข้าใจแนวปฏบิ ตั ิของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน และดาเนนิ งานไปในทิศทางเดียวกนั ขอขอบคุณผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้ ความรว่ มมอื ในการระดมความคิด และจดั ทาเอกสารฉบบั นจ้ี นสาเรจ็ ลลุ ว่ งดว้ ยดี
สารบัญ หนา้ ๑ คานา ๑ บทที่ ๑ บทนา ๒ ๓ ความเปน็ มา ๓ นโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” 7 วัตถปุ ระสงค์ 7 คาสาคัญ 9 บทที่ ๒ การบรหิ ารจัดการหลักสตู รสถานศึกษา ๑1 โครงสรา้ งเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 16 พุทธศกั ราช 2551 20 การปรับโครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา 20 เงอื่ นไขการจดั โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ 23 แนวทางการจดั ตารางเรียน 27 บทท่ี ๓ การออกแบบกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ 33 การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ 34 หลักการสาคัญของการจดั กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ 35 ตวั อยา่ งการออกแบบกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ 37 บทที่ ๔ การวัดผลและประเมินผลกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ 38 กระบวนการวัดและประเมินผลกจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ 38 วิธีการวดั และประเมนิ ผลกจิ กรรมเพม่ิ เวลารู้ 40 การนาผลการประเมินกิจกรรมเพ่ิมเวลารไู้ ปใช้ 42 บทที่ 5 การขับเคลือ่ นนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” 43 กลไกการขบั เคลอื่ นส่กู ารปฏบิ ตั ิ 47 การขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏบิ ัติ 48 บทบาทของผทู้ ่เี ก่ียวข้องในระดับสถานศึกษา 53 สือ่ และแหลง่ เรียนรู้ทส่ี นบั สนุนการขับเคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” 54 ภาคผนวก 63 ภาคผนวก ก จุดม่งุ หมายทางการศึกษาของ Benjamin Bloom 67 ภาคผนวก ข ตวั อยา่ งกิจกรรม 72 กิจกรรม เกมลา่ ท้าส่ือ (Head) 76 กจิ กรรม นา้ จะหมดโลกจริงหรือ (Head) 80 กจิ กรรม ตามรอยพระราชา (Heart) 88 กิจกรรม พช่ี วนน้องท่องแดนบญุ (Heart) 89 กิจกรรม ขนมถ้วยไทยโบราณ (Hand) กิจกรรม เกมหรรษา (Health) บรรณานกุ รม คณะผู้จดั ทา
สารบัญแผนภาพ หนา้ 6 แผนภาพที่ 1 กรอบนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” 21 แผนภาพที่ 2 กรอบความเชอื่ มโยงระหว่างกจิ กรรมลดเวลาเรยี นและเพิ่มเวลารู้ แผนภาพท่ี 3 การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ กรณที สี่ ถานศึกษาไมม่ ี 22 หนว่ ยการเรยี นรู้และกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ 23 แผนภาพท่ี 4 การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้ กรณีท่ีสถานศึกษามี 25 33 หนว่ ยการเรยี นรู้และกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ 34 แผนภาพที่ 5 ๗ หลักการสาคัญของการจดั กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ 39 แผนภาพท่ี 6 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดว้ ยวธิ ีการและเครอ่ื งมือทห่ี ลากหลาย แผนภาพท่ี 7 กระบวนการวดั และประเมินผลกิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ แผนภาพท่ี 8 กลไกการขับเคล่อื นนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” ส่กู ารปฏบิ ัติ
สารบญั ตาราง หนา้ 8 ตารางท่ี 1 กรอบโครงสร้างเวลาเรยี นตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ 10 ๑2 ตารางท่ี 2 แนวทางการปรับโครงสรา้ งเวลาเรียนตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” ตารางท่ี 3 ตัวอยา่ งโครงสรา้ งหลักสตู รชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๓ 13 ตารางที่ 4 ตัวอย่างการจดั โครงสร้างเวลาเรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปีการศกึ ษา 2559 14 ตารางที่ ๕ ตวั อย่างการจดั โครงสรา้ งเวลาเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปีการศึกษา 25๖๐ แบบที่ 1 15 ตารางท่ี 6 ตัวอย่างการจดั โครงสร้างเวลาเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปกี ารศึกษา 25๖๐ แบบที่ 2
๑ บทที่ ๑ บทนำ ควำมเปน็ มำ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลที่ใช้เป็นแนวทางการปฏิรูปการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเตรียมผู้เรียนให้พร้อมเข้าสู่การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ซ่ึงครูต้องใช้ความสามารถ ในการออกแบบการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้ ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา รู้จักการทางานเป็นทีม รู้จักการปรับตัวมีปฏิสัมพันธ์กับคนอ่ืน มีความรู้ความสามารถตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และท่ีสาคัญต้องพัฒนาผู้เรียนให้ค้นหาศักยภาพ และความชอบของตนเอง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้ดาเนินการตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ระยะท่ี ๑ ในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จานวน ๔,๑๐๐ โรงเรียน เป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จานวน ๓,๘๓๑ โรงเรียน สานักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จานวน ๑๖๑ โรงเรยี น และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน จานวน ๑๐๘ โรงเรียน กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ในระยะแรกเน้น ๔ หมวด คือ หมวดที่ ๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรม บังคับตามหลักสูตร) หมวดที่ ๒ สร้างเสริมสมรรถนะและการเรียนรู้ หมวดที่ ๓ สร้างเสริมคุณลักษณะและ คา่ นิยม และหมวดท่ี ๔ สรา้ งเสริมทักษะการทางาน การดารงชีพและทักษะชวี ิต ใช้รูปแบบการจดั กิจกรรมท้ัง ในและนอกห้องเรียน กิจกรรมการพัฒนาเป็นไปตามความสนใจของผู้เรียน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบ กิจกรรม และมีความสุขกับกิจกรรม ต่อมาได้มีการปรับเป้าหมายของกิจกรรมจาก ๔ หมวด เป็นการพัฒนา ๔H คือ Head (กิจกรรมพัฒนาสมอง), Heart (กิจกรรมพัฒนาจิตใจ), Hand (กิจกรรมพัฒนาทักษะการ ปฏิบัติ) และ Health (กิจกรรมพัฒนาสุขภาพ) ซ่ึงสอดคล้องกับองค์ ๔ ของการจัดการศึกษา คือ พุทธิศึกษา จริยศึกษา หัตถศึกษา และพลศึกษา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาผู้เรียนในทุกด้าน ให้ผู้เรียนได้ค้นคว้า ถกแถลง สร้างความคิดเชิงเหตุผล และประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในชีวิตประจาวนั หรือสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม การประเมินผลเป็นการประเมินความสุขและความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม ผลจากการติดตามของ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐานในระยะท่ี ๑ พบว่าผูเ้ รียนมีคุณภาพ ๔H โดยรวมอย่ใู นระดับมาก ผู้เรียนมีความตื่นตัวในการร่วมกิจกรรม มีความสุขท่ีได้เข้าร่วมกิจกรรมตามเวลาที่กาหนด กล้าแสดงออก กระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจกรรม นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากบุคลากรในท้องถ่ิน ปราชญ์ชาวบ้าน ส่วนราชการ และเอกชน แต่กิจกรรมส่วนใหญ่เป็น Hand (กิจกรรมพัฒนาทักษะปฏิบัติ) และ Health (กิจกรรมพัฒนาสุขภาพ) ส่วน Head (กิจกรรมพัฒนาสมอง) และ Heart (กิจกรรมพัฒนาจิตใจ) ไม่เข้มข้น เท่าท่ีควร และยังมคี วามเข้าใจท่คี ลาดเคลอ่ื นเกีย่ วกับเป้าหมายของนโยบาย ในระยะที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีโรงเรยี นเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก จานวน ๑7,317 โรงเรียน เป็นโรงเรียนสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 15,๘97 โรงเรียน สังกัด สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จานวน 50๔ โรงเรียน สังกัดกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถ่ิน จานวน ๔79 โรงเรียน และสังกัดสานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จานวน ๔37 โรงเรียน รวม ๒ ระยะมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จานวน ๒1,๔1๗ โรงเรียน ในระยะน้ี เน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มี เป้าหมายการพัฒนา ๔H คือ Head (กิจกรรมพัฒนาสมอง), Heart (กิจกรรมพัฒนาจิตใจ), Hand (กิจกรรม
๒ พัฒนาทักษะการปฏิบัติ) และ Health (กิจกรรมพัฒนาสุขภาพ) และเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข โดยใช้ข้นั พัฒนาการของ Bloom Taxonomy (Krathwohl, D.R., ๒๐๐๒) เปน็ หลักในการจดั กิจกรรมและ เน้นให้เกิดทักษะการคิดข้ันสูง ผลจากการลงพื้นที่ของผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและผู้บริหารสานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พบว่า สถานศึกษามีความกงั วลว่าการจัดกจิ กรรมเพ่ิมเวลารทู้ ี่แยกส่วนกับ หลักสูตรอาจทาให้เรียนไม่ครบตามท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนด และกิจกรรมท่ีผู้เรียนเข้าร่วมนอกจากจะมีความสุขกับการเรียนรู้แล้วควรจะได้รับประโยชน์ท้ังในด้านการ ดารงชีวติ และการศกึ ษาต่อด้วย ในระยะที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ มีการพฒั นาการจัดกจิ กรรมเพ่ิมเวลารู้ให้เชื่อมโยงกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และยังคงเน้นเป้าหมายการพัฒนา ๔H ท้ังน้ี ให้ ความสาคญั ท้ังการจดั กิจกรรมการเรียนร้แู ละกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ โดยมุ่งเน้นลดเวลาเรยี นในลักษณะการรับการ ถา่ ยทอดความรู้ดว้ ยการบรรยาย/สาธิต เพิ่มเวลาและโอกาสในการสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านการลงมือปฏิบัติ มีความสุขกับการเรียนรู้ ปรับบทบาทครูจากการเป็นผู้สอนมาเป็นผู้ให้คาปรึกษาชี้แนะ มีการประเมิน พฒั นาการของผเู้ รยี นอยา่ งหลากหลายตามสภาพจริง และเชอื่ มโยงกบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชี้วัด จากการดาเนินงานท่ีกล่าวมาข้างตน้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน จงึ ปรับการบริหาร จัดการหลกั สตู รและแนวทางการดาเนินงานตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” นโยบำย “ลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำรู้” นโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติให้มีความสมดุลท้ัง ด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในการปกครองตาม ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพ้ืนฐาน รวมทั้ง เจตคตทิ ี่จาเป็น ต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบนพ้ืนฐานความ เช่ือว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ และมีความพร้อมในการแข่งขันระดับ นานาชาติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานได้ปรับการบริหารจัดการหลักสูตรและแนวทางการ ดาเนินงานตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” ดังนี้ ๑. ปรับโครงสร้างเวลาเรียน ระดับประถมศึกษา มีเวลาเรียนรวมไม่เกิน ๑,๐๐๐ ช่ัวโมงต่อปี ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ มเี วลาเรยี นรวมไม่เกิน ๑,๒๐๐ ชวั่ โมงต่อปี ๒. กาหนดตัวช้ีวัดที่ต้องรู้ และควรรู้ ของ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เพ่ือลดความซ้าซ้อนของเน้ือหา ภาระงาน/ช้ินงาน ลดเวลาเรยี น และเปน็ กรอบในการประเมินผลผู้เรยี นระดับชาติ ๓. จัดกิจกรรมการเรียนรูป้ ระวตั ศิ าสตร์และภมู ศิ าสตรอ์ ยา่ งเขม้ ขน้ ๔. ปรับเปล่ยี นการจดั กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ให้มงุ่ เน้นเป้าหมาย ดังนี้ ๔.1 พัฒนา ๔H คือ Head (กิจกรรมพัฒนาสมอง), Heart (กิจกรรมพัฒนาจิตใจ), Hand (กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะการปฏิบตั )ิ และ Health (กจิ กรรมพฒั นาสขุ ภาพ) ๔.2 ให้เช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ และคา่ นิยมที่ดีงามของคนไทย ๔.3 พัฒนาทกั ษะการเรยี นรสู้ าหรบั ศตวรรษที่ 21 ๔.๔ พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ตามแนวการประเมินผลผู้เรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment: PISA)
๓ ๔.5 ผู้เรยี นมีความสุขกบั การเรียนรู้ ๕. ให้เวลาของการจดั กิจกรรมเพ่มิ เวลารู้รวมอยใู่ นโครงสรา้ งเวลาเรียนตามทกี่ าหนดในข้อ 1 ๖. กิจกรรมเพม่ิ เวลารมู้ ีทัง้ กจิ กรรมท่ีกาหนดให้เรียน และกจิ กรรมใหเ้ ลอื กเรยี น นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายปรับเวลาเรียน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ กลุ่ม สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) จากเวลาเรียน ๔๐ ช่ัวโมงต่อปี เป็น ๒๐๐ ช่วั โมงต่อปี และ เวลาเรียนรวมของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และ การงานอาชพี และเทคโนโลยี เป็น ๑๖๐ ชั่วโมงตอ่ ปี ดงั น้นั เพื่อใหก้ ารบรหิ ารจัดการหลักสตู รสถานศกึ ษาและ การจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ เช่ือมโยงสัมพันธ์กัน แต่ยังคงหลักการท่ีจะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมี ความสุขและมีความหมายต่อชีวิตของผู้เรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดทาคู่มือ บริหารจัดการเวลาเรียนตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เพ่ือเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ ของสถานศึกษา วตั ถุประสงค์ คมู่ อื บริหารจัดการเวลาเรยี น “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ให้ ๑. สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการเวลาเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ และกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ได้ อย่างเหมาะสมท้ังดา้ นวชิ าการ และด้านปฏิบัติ ๒. ครูสามารถใช้เป็นแนวทางการออกแบบกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาตนเองตามความ สนใจและความถนัดอย่างเต็มตามศกั ยภาพ มคี ุณภาพตามหลกั สูตรและมีความสุขกบั การเรยี นรู้ 3. ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงาน องค์กร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเข้าใจ แนวคดิ และเห็นแนวทางการดาเนนิ งานตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” คำสำคญั เพ่ือให้การนานโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ไปสู่การปฏิบัติมีความชัดเจนตรงกันจึงกาหนด ความหมายของคาสาคัญ ไว้ดงั นี้ ลดเวลำเรียน หมายถงึ “ลดเวลาสอนของครู” เปน็ การลดสดั ส่วนเวลาเรียนในห้องเรยี นและเวลาของ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูผู้สอนเป็นผู้บรรยาย อธิบายความรู้ ผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้ มาเพิ่มบทบาทการ เป็นผู้ที่คอยอานวยความสะดวก ส่งเสริมการเรียนรู้ ต้ังคาถามท่ีท้าทายความสามารถ และกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ดว้ ยตนเองมากขนึ้ เพิ่มเวลำรู้ หมายถึง “เพ่ิมเวลาการเรยี นรู้ของผู้เรียน” เปน็ การเพ่ิมเวลาและโอกาสให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรผู้ ่านการลงมือปฏิบัติจริง มีประสบการณ์ตรง คิดวิเคราะห์ ทางานเป็นทีม และเรียนรดู้ ้วยตนเองอย่างมี ความสุขจากกิจกรรมสร้างสรรคท์ ่ีหลากหลาย กำรบริหำรจัดกำรเวลำเรียน “ลดเวลำเรียน เพิ่มเวลำรู้” หมายถึง การจัดโครงสร้างเวลาเรียน ตารางเรียน และการเรียนรู้ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสมอง พัฒนาจิตใจ พัฒนาทักษะการปฏิบัติ และพัฒนาสุขภาพ ซ่ึงมีการเชื่อมโยงกับหลักสูตร นอกจากนั้นเวลาท่ีใช้ในการทา กจิ กรรมเพ่ิมเวลารนู้ ับเปน็ สว่ นหนึ่งในโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสตู รสถานศกึ ษา
๔ ตั ว ช้ี วั ด ต้ อ ง รู้ ห ม า ย ถึ ง ส่ิ งที่ ผู้ เรี ย น พึ ง รู้ แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ได้ ซ่ึ ง ส ะ ท้ อ น ถึ ง ม า ต ร ฐ า น การเรียนรู้ และผู้เรียนทุกคนจาเป็นต้องเรียนรู้ โดยมีการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ และเป็นเกณฑ์สาคัญ สาหรบั การวดั และประเมนิ ผล เพอื่ ตรวจสอบคุณภำพผู้เรียนระดับชัน้ เรียนและระดับชำติ ตั ว ชี้ วั ด ค ว ร รู้ ห ม า ย ถึ ง สิ่ งท่ี ผู้ เรี ย น พึ ง รู้ แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ได้ ซึ่ ง ส ะ ท้ อ น ถึ ง ม า ต ร ฐ า น การเรยี นรู้ และผูเ้ รียนทุกคนควรเรยี นรู้ โดยผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ หรอื ศึกษาได้ด้วยตนเอง หรือศึกษา จากส่ิงรอบตัวและชีวิตประจาวัน ซึ่งสามารถเรียนรู้เพ่ิมเติมจากกิจกรรมเสริมความรู้ต่าง ๆ และเป็นเกณฑ์ สาหรบั การวัดและประเมนิ ผล เพือ่ ตรวจสอบคุณภำพผู้เรยี นระดับช้ันเรยี น กิจกรรมลดเวลำเรียน หมายถึง กิจกรรมการเรียนรู้ที่ปรับบทบาทของครูในการบรรยาย การอธิบาย ความรู้ เปน็ ผอู้ านวยความสะดวก ส่งเสรมิ การเรียนรู้ ตงั้ คาถามทีท่ า้ ทายความสามารถ และกระตุ้นให้ผ้เู รียนได้ เรียนรู้ดว้ ยตนเองมากข้ึน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผล การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นการจัดในช่วงเวลาตามโครงสร้าง ของหลกั สตู ร ท้ังในรายวชิ าพนื้ ฐานและรายวชิ าเพมิ่ เติม กิจกรรมเพ่ิมเวลำรู้ หมายถึง กิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง มปี ระสบการณ์ตรง คิดวิเคราะห์ ทางานเปน็ ทีม และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุขจากกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสมอง (Head) พัฒนาจิตใจ (Heart) พัฒนาทักษะการปฏิบัติ (Hand) และพฒั นาสุขภาพ (Health) ให้เชือ่ มโยงกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดของหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งตัวชี้วัดท่ีนามาออกแบบกิจกรรมเน้นตัวชี้วัดท่ีเป็นกระบวนการ โดย ดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ความก้าวหน้าของผู้เรียน และนาผลการประเมินไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของ การประเมินการผ่านตัวชี้วัดตามหลักสูตร สถานศึกษาประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน/ผู้ปกครอง/ชุมชนและ ผู้เก่ียวขอ้ ง เพื่อรายงานผลให้ผู้เรยี น ผู้ปกครอง และผู้เก่ียวข้องทราบ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งครู นาผลการประเมินมาปรับการจัดกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพ กิจกรรมจัดเป็นชั่วโมงเฉพาะในช่วงเวลาท้ายของ แต่ละวัน หรือจดั ในช่วงเวลาอืน่ ตามบริบทของสถานศึกษา ซึ่งนับเป็นส่วนหน่ึงในโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตร สถานศึกษา คือระดับประถมศึกษา เวลาเรียนรวมไม่เกิน ๑,๐๐๐ ช่ัวโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เวลาเรียน รวมไม่เกิน ๑,๒๐๐ ช่ัวโมงต่อปี กิจกรรมแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ กิจกรรมที่กาหนดให้เรียน และกิจกรรมที่เลือก เรยี น กิจกรรมที่กำหนดให้เรียน หมายถึง กิจกรรมท่ีเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดต้องรู้ที่เน้นทักษะ กระบวนการ หลังจากผู้เรียนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ใน รายวิชาแล้วจะได้รับการฝึกปฏิบัติ มปี ระสบการณ์ตรง และมคี วามสุขกบั การเรียนรู้ผ่านกจิ กรรมพฒั นา ๔H กิจกรรมที่เลือกเรียน หมายถึง กิจกรรมท่ีจัดให้ผู้เรียนเลือก และ/หรือ กิจกรรมท่ี ออกแบบโดยผู้เรียนเพื่อตอบสนองความสนใจ ความต้องการของตนเอง โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนมีสุขภาวะท่ี สมบูรณท์ ั้งทางกาย จติ ใจ สังคม และปัญญา โดยผา่ นการทากิจกรรมพฒั นา ๔H ทั้งน้กี ิจกรรมควรเชื่อมโยงกับ ตวั ชว้ี ดั ท่ตี อ้ งรู้และหรือตัวชว้ี ัดที่ควรรู้ ทเี่ นน้ ทกั ษะกระบวนการ กิจกรรมพัฒนำสมอง (Head) หมายถึง กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาทักษะการคิด เพ่ือให้ผู้เรียนมี ความสามารถในการวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์
๕ กิจกรรมพัฒนำจิตใจ (Heart) หมายถึง กิจกรรมส่งเสริม พัฒนา และปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม การทาประโยชน์เพื่อสังคม เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จนเป็นลักษณะนิสัย และมี จิตสานกึ ท่ีดีต่อตนเองและส่วนรวม กิจกรรมพัฒนำทักษะกำรปฏิบัติ (Hand) หมายถึง กิจกรรมสร้างเสริมทักษะการทางาน ทักษะทาง อาชีพที่หลากหลาย เพ่อื ให้ผูเ้ รียนคน้ พบความสามารถ ความถนัด และศกั ยภาพของตนเอง กิจกรรมพัฒนำสุขภำพ (Health) หมายถึง กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเพ่ือให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ ทางกายท่สี มบรู ณ์ แขง็ แรง มเี จตคติทด่ี ตี อ่ การดแู ลสขุ ภาพ และมีทกั ษะปฏบิ ตั ิด้านสุขภาพจนเป็นนิสัย
๖ กรอบแนวคดิ ของนโยบาย แนวคิด ก พรบ.การศึกษาแห่งชาติฯ การ คนดี มีปญั ญา มีความสุข ปรับโครงส ปรับการเร หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานฯ 8 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ กิจกรร 5 สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน กจิ กรร 8 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ การออก ปฏิญญาสากลว่าด้วยการจัดการศึกษา ๑) ทฤษฎีการ ๒) หลกั สูตรแ ลด ในศตวรรษที่ ๒๑ (UNESCO) ๓) ทักษะการ เวลา Learning to Know ๔) ความสาม เรียน Learning to Do เพ่ิม Learning to Live together กิจ เวลารู้ Learning to Be (กจิ กรรมท่ีกา HEAD – พ แนวคดิ ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ HEART – จ องค์ ๔ การจดั การศึกษา HAND – ห ทฤษฎีการเรียนรู้ (Bloom’s Taxonomy HEALTH – พ of Education Objectives) การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่เนน้ บทบาทและ การมสี ว่ นร่วมของผเู้ รียน (Active Learning) ทฤษฎพี หุปัญญา (Multiple Intelligence) แผนภาพที่ 1 กรอบแนวคิด
๖ “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” กระบวนการ เป้าหมาย รบรหิ ารจัดการหลกั สตู ร ผลลัพธ์ที่เกิดข้นึ กับผู้เรยี น สรา้ งเวลาเรียน ๑. มคี วามสุข รียนรู้ ๒. มีทกั ษะการเรยี นรู้ตามที่หลักสตู รกาหนด รมการเรียนรู้ ๓. มีทกั ษะการเรยี นรู้ศตวรรษท่ี ๒๑ รมเพ่ิมเวลารู้ ๔. มีทักษะการคิดข้นั สงู ๕. มีคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ กแบบกิจกรรมทเ่ี ช่ือมโยงกบั ๖. มที กั ษะชวี ิตและการทางาน รเรียนรู้ ๗. มสี ุขนิสัยและสุขภาพท่ีพงึ ประสงค์ แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ๘. มีความสามารถในการแข่งขันนานาชาติ รเรยี นรู้ศตวรรษที่ ๒๑ มารถในการแข่งขันนานาชาติ จกรรมเพ่มิ เวลารู้ (๔H) ประเมินผลลัพธ์ ท่เี กิดขึน้ กบั ผู้เรียน าหนดให้เรยี น กจิ กรรมท่ีเลอื กเรียน) พุทธิศกึ ษา – พุทธพิ สิ ยั (Cognitive Domain) จริยศกึ ษา – จติ พิสัย (Affective Domain) หัตถศึกษา - ทักษะพิสยั พลศกึ ษา (Psychomotor Domain) ดของนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้”
๗ บทท่ี ๒ การบริหารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา การดาเนินงานตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” สถานศึกษาต้องบริหารจัดการเวลาเรียนของ หลักสูตรสถานศึกษาให้เป็นไปตามหลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่หลักสูตรแกนกลางฯ กาหนด และ สอดคล้องกับแนวปฏิบตั ิตามนโยบาย โครงสร้างเวลาเรยี นตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน ซ่ึงระบุการจัดเวลาเรียนของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ส่วนรายวชิ าเพิ่มเตมิ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น สถานศึกษาสามารถจัดให้เหมาะสมสอดคลอ้ งกับวสิ ยั ทัศนแ์ ละ บริบทของสถานศึกษาโดยการกาหนดเวลาเรียนในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ซง่ึ สรุปไดด้ งั นี้ ระดับประถมศึกษา : กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม มีเวลาเรียนรวม ๘๔๐ ชั่วโมงต่อปี กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ชั่วโมงต่อปี และรายวิชา/กิจกรรมท่ี สถานศึกษาจัดเพิ่มเติมตามความพร้อมและจุดเน้นไมน่ ้อยกว่า ๔๐ ชวั่ โมงต่อปี รวมไม่น้อยกวา่ ๑,๐๐๐ ชัว่ โมงตอ่ ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น : กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐานสาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม มีเวลาเรียนรวม ๘๘๐ ช่ัวโมงต่อปี (๒๒ หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ชั่วโมงต่อปี และ รายวิชา/กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพิ่มเติมตามความพร้อมและจุดเน้นปีละไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ช่ัวโมงต่อปี รวมไมน่ อ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ ช่วั โมงตอ่ ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุม่ มเี วลาเรยี นรวม ๓ ปี จานวน ๑,๖๔๐ ชั่วโมง (๔๑ หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ๓๖๐ ชั่วโมง และ รายวิชา/กิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพ่ิมเติมตามความพร้อมและจุดเน้นปีละไม่น้อยกว่า ๑,๖๐๐ ชั่วโมง (๔๐ หนว่ ยกติ ) รวม ๓ ปี ไม่น้อยกวา่ ๓,๖๐๐ ชั่วโมง กรอบโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตาม ตารางที่ 1
๘ ตารางท่ี 1 กรอบโครงสร้างเวลาเรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เวลาเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ / ระดบั กิจกรรม ระดบั ประถมศึกษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ตอนปลาย ภาษาไทย ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓ ม. ๔ - ๖ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ วทิ ยาศาสตร์ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ๒๔๐ สังคมศึกษา ศาสนาและ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ (๖ นก.) วฒั นธรรม (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) ๒๔๐ (๖ นก.) - ประวตั ศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) - ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๓๒๐ - หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง (๔ นก.) (๔ นก.) (๔ นก.) (๘ นก.) วัฒนธรรมและการ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ดาเนินชวี ิตในสงั คม (๑ นก.) (๑ นก.) (๑ นก.) (๒ นก.) - เศรษฐศาสตร์ - ภมู ศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ สุขศกึ ษาและพลศึกษา (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ การงานอาชีพและ (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) เทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรยี น (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) (พนื้ ฐาน) ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น รายวชิ า / กิจกรรมที่ (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) สถานศกึ ษาจัดเพ่ิมเตมิ ตามความพร้อมและจุดเน้น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ รวมเวลาเรียนทง้ั หมด (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๘๐ ๘๘๐ ๘๘๐ ๑,๖๔๐ (๒๒ นก.) (๒๒ นก.) (๒๒ นก.) (๔๑ นก.) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐ ปลี ะไม่น้อยกว่า ๔๐ ชวั่ โมง ปีละไมน่ ้อยกว่า ไม่นอ้ ยกวา่ ๒๐๐ ชว่ั โมง ๑,๖๐๐ ช่วั โมง รวม ๓ ปี ไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ชว่ั โมง / ปี ไม่น้อยกว่า ไมน่ ้อยกวา่ ๑,๒๐๐ ชั่วโมง / ปี ๓,๖๐๐ ชว่ั โมง
๙ การปรับโครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการได้มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการเวลาเรียนของสถานศึกษาในโครงการ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ที่สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ จานวน ๕ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์อย่างเข้มข้น กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ต้องเชื่อมโยงกับหลักสูตร และเวลาเรียน อยู่ภายใต้กรอบของโครงสร้างเวลาเรียน ท้ังน้เี พอ่ื ให้การพฒั นาผเู้ รียนมคี ณุ ภาพสอดคลอ้ งตามสภาพปัญหาและ ความต้องการของสังคม ประเทศชาติ เอื้อต่อการปรับเปล่ียนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้ เช่น การบรรยาย การสาธิต การศึกษาใบความรู้ เป็นเพิ่มบทบาทของครูผสู้ อนให้เป็นผู้อานวยความสะดวก กระตุ้น ให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนรูด้ ว้ ยตนเองมากข้นึ ซง่ึ สถานศึกษามีแนวทางในการปรบั โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษา ดังน้ี ระดับประถมศึกษา สถานศึกษาปรับเวลาเรียนวิชาพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามโครงสร้างเวลาเรียนท่ี หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดได้ตามความเหมาะสม และสอดคล้องตาม แนวปฏิบัติท่ีกระทรวงศึกษากาหนด ทั้งน้ีต้องมีเวลาเรียนรวมตามท่ีกาหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียน โดย รายวิชาพ้ืนฐาน เท่ากับ ๘๔๐ ช่ัวโมง/ปี และรายวิชา/กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพิ่มเติมตามความพร้อมและ จุดเน้น เท่ากับ ๔๐ ช่ัวโมง/ปี รวม ๘๘๐ ชั่วโมง/ปี (๒๒ ช่ัวโมง/สัปดาห์) และผู้เรียนต้องมีคุณภาพตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด เวลาของการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง/ปี (๓ ชั่วโมง/ สปั ดาห์) ประกอบด้วย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรยี น และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดย เวลาเรยี นรวมท้งั หมด ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น สถานศึกษากาหนดจานวนหน่วยกิตท่ีเรียนของแต่ละรายวิชาต่อภาคเรียนตามความเหมาะสม ท้ังน้ี ต้องเป็นไปตามโครงสร้างเวลาเรยี นทหี่ ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนด โดย รายวิชาพื้นฐาน เท่ากับ ๘๘๐ ชั่วโมง/ปี และรายวิชา/กิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพิ่มเติมตามความพร้อมและ จุดเน้น เท่ากับ ๒๐๐ ชั่วโมง/ปี รวมท้ังสิ้น ๑,๐๘๐ ชั่วโมง/ปี (๒๗ ช่ัวโมง/สัปดาห์) และผู้เรียนต้องมีคุณภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด เวลาของการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จานวน ๑๒๐ ชั่วโมง/ปี (๓ ชั่วโมง/สัปดาห์) ประกอบด้วย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ เวลาเรยี นรวมทงั้ หมดไม่เกนิ ๑,๒๐๐ ชว่ั โมง/ปี แนวทางการปรบั โครงสร้างเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ตามตารางท่ี 2
๑๐ ตารางที่ 2 แนวทางการปรบั โครงสร้างเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” กลุ่มสาระการเรยี นร/ู้ เวลาเรียนตอ่ ปี ชน้ั ป.๑-๓ เวลาเรียนต่อปี ชน้ั ป.๔-๖ เวลาเรียนตอ่ ปชี น้ั ม.๑-๓ รายวิชา / กิจกรรม เดมิ ใหม่ เดมิ ใหม่ เดิม ใหม่ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ คงเดิม คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๔๐ ๒๐๐ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม - ประวัติศาสตร์ ๔๐ - ภมู ิศาสตร์ - ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม ๘๐ - หน้าท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และ ๑๖๐ การดาเนนิ ชีวิตในสังคม - เศรษฐศาสตร์ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๘๐ ศลิ ปะ ๘๐ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๔๐ รวมเวลาเรียนพน้ื ฐาน ๘๔๐ ๘๔๐ รายวชิ าเพิม่ เติม ๔๐ ๔๐ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ๑๒๐ ๑๒๐ -กจิ กรรมแนะแนว -กิจกรรมนักเรียน - ลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผบู้ าเพ็ญประโยชนน์ กั ศกึ ษาวิชาทหาร - ชมุ นุม ชมรม - กิจกรรมเพอื่ สังคมและ สาธารณประโยชน์ ไมน่ ้อยกวา่ ไมเ่ กนิ ไมน่ ้อยกว่า ไม่เกิน ไม่นอ้ ยกว่า ไม่เกิน รวมเวลาเรียนทัง้ หมดตามทีห่ ลักสตู รกาหนด ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๒๐๐ ๑,๒๐๐ ช.ม./ปี ช.ม./ปี ช.ม./ปี ช.ม./ปี ช.ม./ปี ช.ม./ปี หมายเหตุ ระดับประถมศึกษา สามารถปรับเวลาเรียนพื้นฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความ เหมาะสม ทั้งน้ีต้องมีเวลาเรียนรวมตามที่กาหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานและผู้เรียนต้องมี คุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั ท่ีกาหนด
๑๑ เงอ่ื นไขการจดั โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ การปรับโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ อยู่ภายใต้ข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และกรอบนโนบายของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีเงื่อนไข ในการจดั ดังน้ี ๑. การจัดการเรียนรู้สาระประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กาหนดให้ต้องจดั แบบเขม้ ข้น ๒. การจัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ กาหนดให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวัด โดยพิจารณา ตวั ชี้วัดท่ีพัฒนาทักษะกระบวนการ มาใชใ้ นการออกแบบกิจกรรมผา่ นการพัฒนา 4H แบ่งกิจกรรมเป็น 2 กลุ่ม คอื กจิ กรรมทีก่ าหนดให้เรยี น และกจิ กรรมที่เลอื กเรียน 3. สถานศึกษาอาจจดั กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้เปน็ ช่วั โมงเฉพาะในช่วงเวลาท้ายก่อนกลับบ้าน หรือเวลา อ่ืนตามบริบทและความเหมาะสมของสถานศึกษา โดยใช้เวลาเรียนของ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้หรือ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น 4. วิชาหน้าที่พลเมือง เป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการลงสู่กิจกรรมที่ สถานศึกษาดาเนนิ การอยู่แล้ว โดยไม่เพ่ิมช่ัวโมงในตารางเรียน ได้แก่ กจิ กรรมการเรียนรู้บูรณาการในรายวชิ า พ้ืนฐานและเพ่ิมเติม กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมกีฬาสี กิจกรรมตามประเพณี กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด เพือ่ ปลกู ฝงั ให้เกดิ การปฏิบัตแิ ละกลายเปน็ พฤติกรรมในชวี ติ ประจาวนั 5. ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ สถานศึกษามีแนวทางในการบริหารจัดการเวลาเรียนและการ จัดการเรยี นรู้ ดังนี้ 5.1 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) กาหนดเวลาเรียนเปน็ 200 ช่วั โมงต่อปี หรอื 5 ชัว่ โมงต่อสัปดาห์ ใหจ้ ัดการเรยี นรโู้ ดยใช้กิจกรม วธิ ีการ ส่ือเทคโนโลยีอย่างหลากหลาย และเน้นการใช้ ภาษาอังกฤษเพื่อการสือ่ สาร ๕.๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี อาจจัดการเรียนรู้ แบบบรู ณาการใน 4 กล่มุ สาระการเรียนรู้น้ี หรอื จัดบูรณาการกับกล่มุ สาระอ่ืนๆ หรือแยกรายวชิ าได้ตามบริบท และความเหมาะสมของโรงเรียน ท้ังน้ี การจัดการเรียนรู้สาระประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ต้องจัดการเรียนรู้ แบบเข้มขน้ 5.3 สามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระได้ (ยกเว้นกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ และประวตั ิศาสตร์) ตามความเหมาะสม ท้งั นี้ต้องมเี วลาเรียนรวมพนื้ ฐาน 840 ช่วั โมงต่อสปั ดาห์ จากเงื่อนไขการจัดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนรู้ข้างต้น สถานศึกษาสามารถ จัดโครงสร้างเวลาเรยี นให้เหมาะสมกบั บรบิ ทของตนได้อย่างหลากหลาย โดยพจิ ารณาจาก ความพร้อมของสถานศึกษา : ในส่วนของความพร้อมนั้น สถานศึกษาต้องพิจารณาจานวนครูผู้สอน ในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ อปุ กรณ์ ส่ือการเรยี นการสอน หอ้ งเรียนและสถานที่สาหรับชัน้ เรียน งบประมาณ ทรัพยากรต่างๆ ที่จะเอ้ืออานวยต่อการเรียนการสอน สถานศึกษาขนาดใหญ่ มีบุคลากร และครูผู้สอนแต่ละ กลุ่มสาระการเรียนรู้เพียงพอ อาจมีรูปแบบของโครงสร้างหลักสูตร/เวลาเรียนแตกต่างจากสถานศึกษาขนาด เลก็ ทีม่ ีข้อจากดั ในเรอ่ื งต่าง ๆ
๑๒ ความต้องการและจุดเน้นของสถานศึกษา : ความต้องการและจุดเน้นของสถานศึกษา เป็นสิ่งสาคัญ ที่ต้องนามาพิจารณาประกอบการจัดโครงสร้างหลักสูตร/เวลาเรียน สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาที่มีจุดเน้น เช่น ภาษาต่างประเทศ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง การศึกษาเพ่ือการมีงานทา ซึ่งโครงสร้างหลกั สตู ร/เวลาเรียนของโปรแกรมเหลา่ น้ันยอ่ มแตกต่างกัน หรือสถานศึกษาท่อี ย่ใู นเมืองใหญ่ ยอ่ ม มโี ครงสร้างหลกั สตู รแตกตา่ งจากสถานศกึ ษาท่ตี ั้งอยบู่ นดอยหรือชนบท เป็นต้น ความต้องการของผู้เรียน : ความต้องการของผู้เรียนเป็นปัจจัยสาคัญอีกประการหนึ่งต่อการจัด โครงสร้างหลักสูตร/เวลาเรียน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้เรียนบางกลุ่มอาจ ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในสาขาต่าง ๆ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ต้องการเตรียมพร้อมสาหรับการออกไป ประกอบอาชีพ เป็นต้น สถานศึกษาจึงควรมีการสารวจความต้องการของผู้เรียนเพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการ พิจารณาด้วย ตารางท่ี 3 ตวั อยา่ งโครงสร้างหลกั สตู ร ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น (เดมิ ) ตวั อย่างการปรบั เวลาเรยี น (ชม./ปี) (ชม./ป)ี รายวิชาพื้นฐาน แบบ ๑ แบบ ๒ แบบ ๓ แบบ ๔ ท๑...๑๐๑ ภาษาไทย ๘๔๐ ค๑...๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ว๑...๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ส๑...๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา ๘๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ --- และวฒั นธรรม (เนน้ ภมู ศิ าสตร์) ๘๐ --- ส๑...๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ... พ๑...๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๔๐* ๔๐* ... ศ๑...๑๐๑ ศลิ ปะ ๘๐ ๔๐* ๔๐* ๔๐ ๑๖๐ ๔๐ ง๑...๑๐๑ การงานอาชีพ และเทคโนโลยี ๔๐ ๒๐* ๓๐* ... อ๑...๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔๐ ... รายวชิ า/กิจกรรมเพ่ิมเตมิ ๔๐ ๒๐* 2๐* ... ส๑...๒๓๑ หนา้ ท่ีพลเมอื ง ๔๐ ๔๐ * 3๐* ... ... กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ... - กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒๐๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๔๐ - กิจกรรมนักเรียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด ๓๐ ๓๐ ๓๐ 40 ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ - ชุมนมุ /ชมรม ๓๐ บูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ บรู ณาการ - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ กจิ กรรมเพมิ่ เวลารู้ บรู ณาการ รวมเวลาเรียนทงั้ ส้นิ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ หมายเหตุ * จัดบูรณาการการเรยี นร้รู ่วมกันตามความสอดคลอ้ งของเนื้อหาและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
๑๓ ตารางที่ 4 ตวั อยา่ งการจัดโครงสร้างเวลาเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปกี ารศึกษา 2559 เวลาเรียน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ / ป.๑ กจิ กรรม เดมิ ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ ใหม่ ภาคเรียนที่ ๒ ปพ.๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๔๐ ๘๐ สังคมศึกษา ศาสนาและ ๑๒๐ ๒๐ ๒๐ ๔๐ วัฒนธรรม ๔๐ ๒๐ - ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๑๖๐ ๒๐ ๖๐ - ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๑๐ ๕๐ - หน้าทพี่ ลเมือง วัฒนธรรมและ ๑๐ ๘๐ ๔๐ ๔๐ ๒๐ ๕๐ การดาเนินชีวติ ในสงั คม ๒๐๐ ๑๐๐ - เศรษฐศาสตร์ ๔๐ ๒๐ ๒๐ ๘๔๐ ๔๒๐ ๔๐ - ภมู ศิ าสตร์ ๑๒๐ ๖๐ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๒๐ ๒๐ ปลี ะไม่เกนิ ๔๐ ชว่ั โมง ๑๒๐ ศลิ ปะ ๘๔๐ ๔๒๐ ๔๒๐ ๘๔๐ การงานอาชพี และ ๑๒๐ ๖๐ ๖๐ ๑๒๐ เทคโนโลยี หน้าท่ีพลเมอื ง ภาษาตา่ งประเทศ ปลี ะไม่นอ้ ยกว่า ๔๐ ชว่ั โมง ๔๐ รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) ไม่น้อยกวา่ ๑,๐๐๐ ชัว่ โมง / ปี ไม่เกิน ๑๐๐๐ ชวั่ โมง/ปี กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น รายวชิ า / กิจกรรมท่ี สถานศกึ ษาจัดเพิ่มเติม ตามความพร้อมและจุดเน้น รวมเวลาเรียนทั้งหมด หมายเหตุ ระดับประถมศึกษา โครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน สถานศึกษาสามารถปรับเวลาเรียนพื้นฐาน ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม ทั้งน้ีต้องมีเวลาเรียนรวมตามที่กาหนด ไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน และผู้เรียนต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วดั ท่ีกาหนด (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, ๒๕๕๓ หน้า ๒๔)
๑๔ ตารางที่ ๕ ตวั อยา่ งการจัดโครงสรา้ งเวลาเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปกี ารศึกษา 25๖๐ แบบที่ 1 เวลาเรียน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ / ป.๑ กจิ กรรม ใหม่ ภาคเรียนที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ ปพ.๑ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๒๐๐ ๒๐๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ ๘๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๘๐ คณติ ศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๑๖๐ ๔๐ วิทยาศาสตร์ ๒๐ ๒๐ ๒๐๐ ๒๐ ๒๐ ๔๐ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๘๔๐ ๑๒๐ ๒๐ ๑๐ ๓๐ - ประวตั ศิ าสตร์ ปลี ะไม่เกิน ๑๐ ๑๐ ๒๐ ๔๐ ชั่วโมง ๑๐ ๒๐ ๓๐ - ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ไม่เกนิ ๑๐๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ - หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรมและ ช่วั โมง/ปี ๔๒๐ ๔๒๐ ๘๔๐ ๖๐ ๖๐ ๑๒๐ การดาเนนิ ชวี ิตในสังคม ๒๐ ๒๐ ๔๐ - เศรษฐศาสตร์ ๕๐๐ ๕๐๐ ๑๐๐๐ - ภูมิศาสตร์ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ภาษาตา่ งประเทศ รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น หน้าท่ีพลเมือง รวมเวลาเรียนท้ังหมด หมายเหตุ ระดับประถมศึกษา โครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน สถานศึกษาสามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐาน ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ต้องมีเวลาเรียนรวมตามท่ีกาหนด ไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน และผู้เรียนต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และ ตวั ช้ีวดั ที่กาหนด (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, ๒๕๕๓ หน้า ๒๔)
๑๕ ตารางท่ี 6 ตวั อย่างการจดั โครงสร้างเวลาเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 และการลงเวลาในแบบ ปพ.1 ปกี ารศึกษา 25๖๐ แบบที่ 2 เวลาเรียน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ / ป.๑ กิจกรรม ใหม่ ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ ปพ.๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๒๐๐ ๒๐๐ ภาษาไทย ๒๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๑๖๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณิตศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๑๖๐ ๔๐ วิทยาศาสตร์ ๒๐ ๒๐ ๒๐๐ ๒๐ ๒๐ ๔๐ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๘๔๐ ๑๒๐ ๒๐ ๒๐ ๔๐ - ประวัตศิ าสตร์ ปีละไม่เกิน ๒๐ ๒๐ ๔๐ ๔๐ ชั่วโมง ๒๐ ๒๐ ๔๐ - ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม ไม่เกิน ๑๐๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๒๐๐ - หน้าที่พลเมือง วฒั นธรรมและ ช่ัวโมง/ปี ๔๒๐ ๔๒๐ ๘๔๐ ๖๐ ๖๐ ๑๒๐ การดาเนนิ ชวี ิตในสังคม ๒๐ ๒๐ ๔๐ - เศรษฐศาสตร์ ๕๐๐ ๕๐๐ ๑๐๐๐ - ภมู ิศาสตร์ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ภาษาตา่ งประเทศ รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน หน้าท่พี ลเมือง รวมเวลาเรยี นทั้งหมด หมายเหตุ ระดับประถมศึกษา โครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน สถานศึกษาสามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐาน ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ตามความเหมาะสม ท้ังนี้ต้องมีเวลาเรียนรวมตามท่ีกาหนด ไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน และผู้เรียนต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และ ตวั ช้ีวัดที่กาหนด (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑, ๒๕๕๓ หน้า ๒๔)
๑๖ แนวทางการจัดตารางเรียน การจัดตารางเรียนที่เหมาะสมจะช่วยให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปนั้น สถานศึกษาจัดตารางเรียนที่แต่ละวิชาสอนแยกเป็นอิสระจากกัน โดยมีเวลาเรียนประมาณ ๕๐-๖๐ นาที เท่ากันทุกรายวิชา ซ่ึงการจัดตารางเรียนในลักษณะดังกล่าวบางครั้งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ แบบบูรณาการ หรือการเรียนท่ีต้องใช้ระยะเวลาต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติ ดังน้ัน หากสถานศึกษามี แนวทางและรูปแบบการจัดตารางเรียนให้เหมาะสมกับการพัฒนาคุณภาพก็จะช่วยให้การจัดการเรียนรู้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน การจัดตารางเรียนอาจจัดทาได้ในลักษณะต่างๆ เช่น การจัดคาบคู่ต่อเนื่องกัน การจัดช่วงเวลาเรยี นท่เี หมาะสมกบั ธรรมชาตขิ องรายวชิ า การจัดตารางเรียนบูรณาการ เปน็ ตน้ สาหรับกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ สถานศึกษาอาจจัดตารางเรียนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบ บรู ณาการ เพอ่ื ให้เชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และมกี ารนาความรูด้ ังกล่าวไปประยุกต์และลงมือปฏิบัติจริง เช่น อาจให้ผู้เรียนรวมกลุ่มช่วยกันคิดบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การงานอาชีพและ เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน มีการต้ังวัตถุประสงค์ วางแผนการทางาน ศึกษาดาเนินงาน และหาข้อสรุปร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมการเรียนรู้เหล่าน้ีนอกจากช่วยเสริมสร้างความรู้ ความสามารถทางวิชาการ และทักษะการคิด วเิ คราะห์แล้ว ยงั สามารถปลูกฝังคุณลักษณะต่างๆ ทัง้ น้ี อาจใชเ้ วลาเรียนพื้นฐานของรายวิชาบางกลมุ่ สาระการ เรียนรู้ และเวลาในการจดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นมาจดั กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ได้
เวลา ๑ วัน ตวั อยา่ งท่ี ๑ ตารางจดั กจิ กรรมการเรียน โรงเรียน ............................................. อาเภอ ........................ ๐๗.๐๐ – ๘.๓๐ - ๙.๓๐น. ๙.๓๐ - ๑๐.๓๐น. ๑๐.๓๐ - ๑๑. ๘.๓๐ น. จันทร์ ค๑๑๑๐๑ ท๑๑๑๐๑ จดั การเรียนรบู้ ูร ๔ กล่มุ สาร คณิตศาสตร์ ภาษาไทย (สงั คมฯ/ศลิ ปะ/สขุ ฯ/ ิกจกรรมยามเช้า ห ้นาเสาธง ( ูบรณาการห ้นา ่ทีพลเมือง) อังคาร ค๑๑๑๐๑ อ๑๑๑๐๑ ท๑๑๑๐ คณติ ศาสตร์ ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย พธุ ท๑๑๑๐๑ อ๑๑๑๐๑ จดั การเรียนรบู้ รู ๔ กลุ่มสาร ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ (สงั คมฯ/ศิลปะ/สุขฯ/ พฤหสั อ๑๑๑๐๑ ค๑๑๑๐๑ จัดการเรยี นรบู้ ูร ๔ กลุ่มสาร ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ (สังคมฯ/ศลิ ปะ/สุขฯ/ ศกุ ร์ ท๑๑๑๐๑ ว๑๑๑๐๑ อ๑๑๑๐ ภาษาไทย วทิ ยาศาสตร์ ภาษาองั กฤ หมายเหตุ การจดั กิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ จัดบูรณาการอยู่ในเวลาเรยี นตามโครงสรา้ งเวลาเ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ตามความเหมาะสม
๑๗ นรชู้ น้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนที่ ๒ ............ จังหวัด....................................................................... .๓๐น. ๑๑.๓๐ - ๑๒.๓๐ - ๑๓.๓๐น. ๑๓.๓๐ - ๑๔.๓๐น. ๑๔.๓๐ – ๑๕.๓๐น. ๑๒.๓๐น. รณาการ ัพก ัรบประทานอาหารกลาง ัวน ว๑๑๑๐๑ เพิ่มเวลารู้ ซ่อมเสริม/ ระ กิจกรรมตามจดุ เน้น วทิ ยาศาสตร์ จดั การเรียนรบู้ รู ณาการ ของสถานศกึ ษา /การงานฯ) ภาษาองั กฤษเพือ่ การ แนะแนว สอ่ื สาร ภาษาไทย ซอ่ มเสริม/ ๐๑ ชมรม/ชมุ นมุ * คณิตศาสตร์ กิจกรรมตามจุดเนน้ ฯลฯ ของสถานศกึ ษา ย ส11102 เพ่มิ เวลารู้ ซ่อมเสริม/ รณาการ ประวัติศาสตร์ กิจกรรมตามจดุ เน้น ระ จดั การเรยี นรบู้ รู ณาการ ของสถานศกึ ษา ลูกเสอื – ยวุ กาชาด* ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ /การงานฯ) ซ่อมเสรมิ / ค๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ฯลฯ กจิ กรรมตามจดุ เน้น รณาการ ของสถานศกึ ษา ระ คณิตศาสตร์ เพมิ่ เวลารู้ ซอ่ มเสริม/ /การงานฯ) จดั การเรยี นรบู้ ูรณาการ กิจกรรมตามจดุ เนน้ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ของสถานศึกษา ๐๑ ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ฤษ เพมิ่ เวลารู้ จัดการเรยี นรบู้ รู ณาการ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภาษาองั กฤษ ฯลฯ เพมิ่ เวลารู้ ตามความสนใจ ของผู้เรียน เรียนท่หี ลักสูตรกาหนด โดยบรู ณาการในรายวชิ าพ้ืนฐาน วิชาเพิม่ เติม และ
เวลา ๑ วนั ตัวอย่างท่ี ๒ ตารางจัดกิจกรรมการเรียนรูช้ ้ันประถ โรงเรยี น ............................................. อาเภอ ........................ ๐๗.๐๐ – ๘.๓๐ - ๙.๓๐น. ๙.๓๐ - ๑๐.๓๐น. ๑๐.๓๐ - ๑๑. ๘.๓๐ น. จันทร์ ค๑๒๑๐๑ ท๑๒๑๐๑ จดั การเรียนรบู้ รู ๔ กลมุ่ สาร คณิตศาสตร์ ภาษาไทย (สงั คมฯ/ศลิ ปะ/สุขฯ/ ิกจกรรมยามเ ้ชา ห ้นาเสาธง ( ูบรณาการห ้นา ่ทีพลเมือง) องั คาร ค๑๒๑๐๑ อ๑๒๑๐๑ ท๑๒๑๐ คณติ ศาสตร์ ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย พุธ ท๑๒๑๐๑ จดั การเรียนรบู้ รู ณาการ ส 1210 ๔ กลมุ่ สาระ ภาษาไทย ประวตั ิศาส (สงั คมฯ/ศิลปะ/สขุ ฯ/การงานฯ) พฤหัส อ๑๒๑๐๑ ค๑๒๑๐๑ จัดการเรยี นรบู้ ูร ๔ กลุม่ สาร ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ (สงั คมฯ/ศลิ ปะ/สุขฯ/ ศกุ ร์ ท๑๒๑๐๑ ว๑๒๑๐๑ ค๑๒๑๐ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสต หมายเหตุ การจัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ จัดบูรณาการอยู่ในเวลาเรียนตามโครงสร้าง และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ตามความเหมาะสม
๑๘ ถมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๒ ............ จังหวัด....................................................................... .๓๐น. ๑๑.๓๐ - ๑๒.๓๐ - ๑๓.๓๐น. ๑๓.๓๐ - ๑๔.๓๐น. ๑๔.๓๐ – ๑๕.๓๐น. ๑๒.๓๐น. รณาการ ัพกรับประทานอาหารกลาง ัวน แนะแนว เพิ่มเวลารู้ ซ่อมเสริม/ ระ ชมรม/ชมุ นมุ กจิ กรรมตามจดุ เน้น จัดการเรียนรบู้ รู ณาการ ของสถานศึกษา /การงานฯ) ว๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ การ สอื่ สาร ภาษาไทย ซอ่ มเสรมิ / ๐๑ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ กจิ กรรมตามจุดเนน้ ฯลฯ ของสถานศึกษา ย อ๑๒๑๐๑ เพ่มิ เวลารู้ ซ่อมเสรมิ / 02 ภาษาอังกฤษ กิจกรรมตามจดุ เน้น จดั การเรียนรบู้ ูรณาการ ของสถานศกึ ษา สตร์ ลูกเสอื – ยุวกาชาด ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ ซ่อมเสรมิ / รณาการ อ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ฯลฯ กิจกรรมตามจุดเน้น ระ ของสถานศกึ ษา ภาษาอังกฤษ เพ่ิมเวลารู้ /การงานฯ) ซ่อมเสริม/ จัดการเรียนรบู้ รู ณาการ กจิ กรรมตามจุดเนน้ ๐๑ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ของสถานศกึ ษา ตร์ ภาษาอังกฤษ ฯลฯ เพิ่มเวลารู้ จดั การเรยี นรบู้ ูรณาการ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ เพ่มิ เวลารู้ ตามความสนใจ ของผเู้ รยี น งเวลาเรียนที่หลักสูตรกาหนด โดยบูรณาการในรายวิชาพื้นฐาน วิชาเพิ่ มเติม
เวลา ๑ วนั ตวั อย่างที่ ๓ ตารางจัดกจิ กรรมการเรียน โรงเรียน ............................................. อาเภอ ........................ ๐๗.๐๐ – ๘.๓๐ - ๙.๓๐น. ๙.๓๐ - ๑๐.๓๐น. ๑๐.๓๐ - ๑๑. ๘.๓๐ น. จนั ทร์ ค๑๓๑๐๑ ท๑๓๑๐๑ จัดการเรียนรบู้ รู ๔ กลุม่ สาร คณติ ศาสตร์ ภาษาไทย (สังคมฯ/ศิลปะ/สขุ ฯ/ อังคาร กิจกรรมยามเช้า ห ้นาเสาธง ( ูบรณาการห ้นา ่ทีพลเมือง) ค๑๓๑๐๑ อ๑๓๑๐๑ ท๑๓๑๐ คณติ ศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย พธุ ท๑๓๑๐๑ อ๑๓๑๐๑ ค๑๓๑๐ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณติ ศาสต พฤหัส อ๑๓๑๐๑ ค๑๓๑๐๑ ส1310 ภาษาอังกฤษ คณติ ศาสตร์ ประวัติศาส ศกุ ร์ ท๑๓๑๐๑ ว๑๓๑๐๑ จดั การเรียนรบู้ ูร ๔ กลมุ่ สาร ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ (สังคมฯ/ศิลปะ/สุขฯ/ หมายเหตุ การจัดกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ จัดบูรณาการอยูใ่ นเวลาเรียนตามโครงสร้างเวล กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ตามความเหมาะสม
๑๙ นรู้ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ ............ จังหวัด....................................................................... .๓๐น. ๑๑.๓๐ - ๑๒.๓๐ - ๑๓.๓๐น. ๑๓.๓๐ - ๑๔.๓๐น. ๑๔.๓๐ – ๑๕.๓๐น. ๑๒.๓๐น. รณาการ ัพก ัรบประทานอาหารกลาง ัวน ว๑๓๑๐๑ เพ่ิมเวลารู้ ซ่อมเสริม/ ระ กิจกรรมตามจุดเน้น วิทยาศาสตร์ จัดการเรยี นรบู้ รู ณาการ ของสถานศกึ ษา /การงานฯ) ภาษาองั กฤษเพ่อื แนะแนว ซอ่ มเสรมิ / ๐๑ ชมรม/ชุมนมุ การสื่อสาร ภาษาไทย กจิ กรรมตามจุดเนน้ คณิตศาสตร์ ของสถานศกึ ษา ย จดั การเรยี นรบู้ ูรณาการ ฯลฯ ๔ กลุ่มสาระ ซอ่ มเสริม/ ๐๑ เพ่ิมเวลารู้ กจิ กรรมตามจุดเน้น (สังคมฯ/ศิลปะ/สุขฯ/การงานฯ) ของสถานศกึ ษา ตร์ ตามความสนใจ ลูกเสือ – ยวุ กาชาด ของผ้เู รยี น ซอ่ มเสรมิ / 02 กิจกรรมตามจดุ เน้น อ๑๓๑๐๑ เพม่ิ เวลารู้ ของสถานศกึ ษา สตร์ ภาษาองั กฤษ จัดการเรยี นรบู้ ูรณาการ ซ่อมเสริม/ รณาการ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ กิจกรรมตามจุดเน้น ระ ของสถานศกึ ษา ภาษาองั กฤษ ฯลฯ /การงานฯ) เพิ่มเวลารู้ จัดการเรยี นรบู้ ูรณาการ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คม ศึกษา ฯลฯ เพม่ิ เวลารู้ จัดการเรยี นรบู้ ูรณาการ คณติ ศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ลาเรยี นทหี่ ลกั สูตรกาหนด โดยบรู ณาการในรายวิชาพืน้ ฐาน วชิ าเพิ่มเตมิ และ
๒๐ บทท่ี ๓ การออกแบบกิจกรรมเพม่ิ เวลารู้ กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ เป็นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีเน้นผู้เรียนลงมือปฏิบตั ิ คดิ วเิ คราะห์ ทางานเปน็ ทีม เผชญิ ประสบการณ์ตรง เรียนรู้ด้วยตนเอง และได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง โดยกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้เน้นเป้าหมายการพัฒนา 4H ประกอบด้วย การพัฒนาสมอง (Head) การพัฒนาจิตใจ (Heart) การพัฒนาทักษะการปฏิบัติ (Hand) และ การพัฒนาสุขภาพ (Health) เชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5 ประการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน 8 ประการ พัฒนาทักษะการเรียนรู้สาหรับศตวรรษที่ 21 และพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหต์ ามแนวการประเมนิ ผลผูเ้ รยี นนานาชาติ (PISA) การจัดการเรยี นรู้ผู้สอนควร ลดบทบาทจากผใู้ ห้ความรู้ เป็นการให้ผู้เรียนไดเ้ รยี นรดู้ ว้ ยการลงมือปฏิบตั ิจริง (Active Learning) การออกแบบกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ผู้สอนต้องออกแบบกิจกรรมให้มีความเช่ือมโยง ระหว่างกิจกรรมลดเวลาเรียนและกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ โดยกิจกรรมลดเวลาเรียนเป็นการจัดการเรียนรู้เพ่ือ พัฒนาผู้เรียนให้มีความร้คู วามสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่ีลดบทบาทผู้สอนในการบรรยายหรือให้ความรู้เป็นการจัดการเรียนรู้ท่ีให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และกิจกรรมเพิ่มเวลารู้เป็นการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ โดยเน้นหลัก 4H ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาสมอง (Head) กิจกรรมพัฒนาจิตใจ (Heart) กิจกรรมพัฒนา ทักษะการปฏิบัติ (Hand) และกิจกรรมพัฒนาสุขภาพ (Health) ซ่ึงผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะและเสริมสร้าง คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ทีเ่ ชื่อมโยงจากกจิ กรรมลดเวลาเรียน กรอบความเชอ่ื มโยงระหว่างกิจกรรมลดเวลาเรยี นและกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีความเช่ือมโยงระหว่างกิจกรรมลดเวลาเรียนและกิจกรรมเพิ่ม เวลารู้ ผู้สอนสามารถเช่ือมโยงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในช่วงลดเวลาเรยี น จากตัวช้ีวดั ในแต่ละรายวิชาท่ีมุ่ง ให้ผู้เรียนเกิดท้ังความรู้/ความคิดรวบยอด (K : Knowledge) ทักษะ/การปฏิบัติ (P : Performance) และ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สู่การจัดกจิ กรรมเพม่ิ เวลารู้ทใี่ หผ้ ู้เรียนได้ปฏบิ ัติ (Active Learning) ตามความถนัด ความสนใจจากการได้มีส่วนร่วมในประสบการณ์ท่ีสอดคล้องกับชีวิตจริง อาทิ พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงจาก การลงมือปฏิบัติ การทางานสามารถพัฒนาเป็นอาชีพหรือเลือกแนวทางการศึกษาต่อในระดับท่ีสูง และเกิด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีพร้อมสู่การเป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพในยุคแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นการพัฒนาต่อ ยอดจากตัวชี้วัดท่ีเน้นการปฏิบัติและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในกิจกรรมลดเวลาเรียน ให้การจัดกิจกรรม ในชว่ งเพม่ิ เวลารู้มีความหมายกบั ชีวิตจริงยิ่งข้นึ ทั้งนี้ กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ ควรมีท้ังกิจกรรมที่กาหนดให้เรียน ซ่ึงเช่ือมโยงกับตัวช้ีวัดท่ีต้องรู้ และ กิจกรรมให้เลือกเรียนที่ผู้เรียนเลือกได้ตามความถนัดความสนใจ ซึง่ ทั้งกิจกรรมท่ีกาหนดให้เรียน และกิจกรรม ให้เลือกเรียน มุ่งเน้นประเมินด้านทักษะ/การปฏิบัติ (Performance) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attribute) ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 การดาเนนิ การตามกรอบในแผนภาพที่ 2
๒๑ Knowledge K ความรแู้ กน P Performance ทักษะ/การ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ A ปAฏttบิ rตัibิ ute คุณลกั ษณะ กจิ กรรม ลด ตวั ชี้วัด ตวั ชว้ี ัด กจิ กรรมการเรียนรู้ เวลา ต้องรู้ ควรรู้ เรียน KP A กิจกรรมทกี่ าหนดให้เรยี น กิจกรรมเพม่ิ เวลารู้ กจิ กรรมใหเ้ ลอื กเรียน ตวั ช้ีวดั Theme / หัวข้อ ตัวชี้วดั ตวั ช้ีวดั ต้องรู้ ตอ้ งรู้ ควรรู้ PA P A สมรรถนะสำคญั ของ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผูเ้รยี น ของผูเ้รยี น ภาพท่ี 2 กรอบความเชือ่ มโยงระหวา่ งกิจกรรมลดเวลาเรียนและเพ่ิมเวลารู้
๒๒ แนวทางการออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้ การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ สามารถดาเนนิ การไดด้ งั นี้ กรณีท่ี 1 สถานศึกษาท่ียังไม่มีหน่วยการเรียนรู้และกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ สามารถดาเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบท่ี 1A เริ่มต้นจากการสารวจปัญหาและความต้องการของผู้เรียน รูปแบบท่ี 1B เร่ิมต้น จากศึกษาวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั ดงั แผนภาพที่ 3 รปู แบบท่ี 1A รปู แบบที่ 1B สารวจปัญหาและความต้องการของผเู้ รียน ศกึ ษาวิเคราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ัด กาหนดหัวเรือ่ ง (Theme) กาหนดหัวเรือ่ ง (Theme) ศกึ ษาวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด เลอื กรูปแบบ ออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ ออกแบบกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ ตวั ช้วี ดั : K P A สอดคล้องกบั 4H และ เน้นตวั ช้ีวัด : P A จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมเพ่ิมเวลารู้ วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ แผนภาพท่ี 3 การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้ กรณีทสี่ ถานศึกษาไมม่ ีหน่วยการเรยี นรู้และ กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้
๒๓ กรณีที่ 2 สาหรับสถานศึกษาท่ีมีหน่วยการเรียนรู้และกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้อยู่แล้ว สามารถดาเนินการ ได้ดังแผนภาพท่ี 4 กรณีท่ี 2 หนว่ ยการเรียนรู้ กจิ กรรมเพิม่ เวลารู้ ทบทวนความสออดคล้องกับ ทบทวนความสอดคล้องกบั 4H มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชวี้ ัด และมาตรฐานการเรียนรแู้ ละ ปรบั ปรงุ กจิ กรรมการเรียนรู้ ตัวชี้วดั ตัวชวี้ ดั : K P A ปรับปรงุ กิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เน้นตัวชวี้ ดั : P A จัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ วดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ แผนภาพที่ 4 การออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ กรณีทสี่ ถานศกึ ษามหี น่วยการเรยี นรแู้ ละ กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ หลักการสาคัญของการจดั กิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ การจัดกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ มีรปู แบบการจัดกิจกรรม 2 ลกั ษณะ ซ่ึงข้ึนอยู่กับธรรมชาติของวิชา ได้แก่ กิจกรรมบรู ณาการ และกิจกรรมเฉพาะเรือ่ ง โดยมีหลกั การสาคญั ของการจัดกจิ กรรม 7 ประการดังนี้ 1. เชอ่ื มโยงตัวชวี้ ัด: สอดคล้องและเชอื่ มโยงกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 2. เน้นจัด 4H: เน้นการจัดกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมาย 4H ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาสมอง (Head) กิจกรรมพฒั นาจิตใจ (Heart) กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะการปฏบิ ัติ (Hand) และกิจกรรมพัฒนาสขุ ภาพ (Health) 3. ผู้เรียนเป็นสุข: เรียนรู้อย่างมีความสุข โดยการใช้วิธีการจัดกิจกรรมท่ีหลากหลายอย่างเหมาะสม ตอบสนองความสนใจ ความถนดั ความตอ้ งการ และความแตกตา่ งของผู้เรียน 4. สนุกการคิดขั้นสูง: เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้วางแผน คิดวิเคราะห์ ค้นคว้า ถกแถลง สร้างความคิด เชิงเหตุผล อภิปราย สรุปความรู้ นาเสนอ จุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความมุ่งม่ันเพื่อ แสวงหาความรู้ การแกป้ ญั หาและสร้างสรรค์นวัตกรรม
๒๔ 5. มุ่งทางานเป็นกลุ่ม: จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม ทางานอย่างเป็น ระบบ แลกเปลย่ี นประสบการณ์ ชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู มีความสามคั คี และเปน็ ผ้นู าผตู้ ามทด่ี ี 6. ลุ่มลกึ แหล่งเรียนรู้: ใชแ้ หล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญา ส่งิ แวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือพัฒนา คุณภาพการเรยี นรู้ 7. สู่การประเมิน P&A: ประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) โดยใช้เทคนิควิธีการ ที่หลากหลาย เน้นการประเมินการปฏิบัติ (P: Performance Assessment) และการประเมินคุณลักษณะ (A: Attribute Assessment) แสดงโดยสรปุ ดังแผนภาพท่ี 5
สู่ประเมนิ P&A เ ประเมินผลตามสภาพจริง เน้นการ ๗ ประเมนิ การปฏิบัติ (Performance) หลักการส และคุณลักษณะ (Attribute) การจัดกิจก ลมุ่ ลกึ แหล่งเรียนรู้ ลดเวลาเรยี น เ ใช้แหลง่ เรียนรู้ ภูมิปญั ญา สง่ิ แวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่อื พัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ มุ่งทางานเปน็ กลุ่ม เรยี นร้รู ่วมกันเปน็ ทมี ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ ชว่ ยเหลอื เกื้อกูล มีความสามัคคี และเป็นผนู้ าผู้ตามท่ดี ี แผนภาพท่ี 5 7 หลักการสาคัญของการจัดกิจกรรมเพิ่มเวลา
25 เชือ่ มโยงตวั ชี้วดั เช่อื มโยงมาตรฐานการเรยี นรู้/ เน้นจดั 4H ตวั ชีว้ ัดตามหลกั สูตรฯ ครอบคลุมกจิ กรรมพฒั นาสมอง (Head) ๗ พัฒนาจติ ใจ (Heart) พัฒนาทักษะการปฏบิ ตั ิ สาคญั กรรม (Hand) และพัฒนาสขุ ภาพ (Health) เพ่มิ เวลา ผู้เรียนเป็ นสุข เรียนรอู้ ยา่ งมีความสุข ตอบสนอง ความสนใจ ความถนดั สนุกการคดิ ขนั้ สงู เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนได้วางแผน เกดิ ทักษะการคิดข้ันสงู จดุ ประกายความคิด สรา้ งความมงุ่ ม่นั เพ่ือแสวงหาความรู้ การแก้ปัญหา และสรา้ งสรรค์นวัตกรรม ารู้
๒๖ ทั้งน้ีได้แสดงตัวอย่างการออกแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ กรณีที่ 1 สถานศึกษาที่ยังไม่มี หน่วยการเรียนรู้และกจิ กรรมเพ่ิมเวลารู้ คือ กิจกรรมเรื่องอาหารจากกล้วย โดยใช้แผนภาพ Info Graphic ใน หน้า 29 – 30 นอกนั้น เป็นตัวอย่างกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ ที่น่าสนใจที่สถานศึกษาสามารถนาไปพัฒนาให้ เหมาะสมกับบริบท ได้แก่ กระปุกออกสินสร้างสรรค์ สานึกความเป็นไทย และผักตบชวากับสิ่งแวดล้อม โดย นาเสนอเป็นแผนภาพ Info Graphic ในหนา้ 31 – 33 สาหรับตวั อย่างกจิ กรรมเพม่ิ เวลารู้ท่ีมีรายละเอียดของ กิจกรรมอยู่ในภาคผนวก
๒๗ ตัวอยา่ งการออกแบบกิจกรรมการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ โดยใชร้ ปู แบบ 1A สังคมศกึ ษา คณิตศาสตร์ ต้องรู้ ควรรู้ การงานอาชีพฯ ต้องรู้ ควรรู้ ส 3.1 ป.5/๑ ต้องรู้ ค 3.1 ป.5/๒ ส 3.1 ป.5/๒ ส 3.1 ป.5/๓ ควรรู้ K กจิ กรรม KP บอกความสมั พนั ธ์ หน่วยการ ลด ง 3.1 ป.5/2 เรียนรู้ เวลา ประยกุ ต์ ทากิจกรรม ง 1.1 ป.5/2 ง 4.1 ป.5/1 เรียน ง 4.1 ป.5/2 “เศรษฐกิจ ชุมชน” K PA K P ความคิด ใช้ทกั ษะ ประณีต หาความ สร้ างสรรค์ แตกตา่ ง สร้ างงาน สารวจ ง 3.1 ป.5/1 P ค้นหา รวบรวม ข้อม,ู กจิ กรรมเพิม่ เวลารู้ กจิ กรรมใหเ้ ลือกเรยี น HEAD HEART สมรรถนะสำคญั อาหารจากกล้วย คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผูเ้ รยี น HAND HEALTH ของผูเ้ รยี น การสื่อสาร มุ่งม่ันในการทางาน มจี ิตสาธารณะ ต้องรู้ ควรรู้ PA ทากิจกรรม, สร้างงาน, ใช้ทกั ษะ, ค้นหา รวบรวม ประณีต
๒๘ ว 3.1 ป.5/2 สบื คน้ ข้อมลู และอภิปรายการนาวสั ดไุ ปใช้ อาหารจากก ในชวี ติ ประจาวัน ง 1.1 ป.5/2 ใชท้ กั ษะการจดั การในการทำงำนอย่ำงเปน็ อาหารจากก ระบบ ประณีตและมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ง 1.1 ป.5/2 ใชท้ กั ษะการจดั การในการทางาน อย่างเป็นระบบ ประณีตและมคี วามคิด สร้างสรรค์ ง 3.1 ป.5/1 คน้ หา รวบรวมข้อมูลทสี่ นใจ และ เป็นประโยชนจ์ ากแหลง่ ข้อมูลต่างๆ ที่เช่อื ถือได้ ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ ง 3.1 ป.5/2 สร้างงานเอกสารเพอื่ ใช้ประโยชน์ ในชวี ิตประจาวันด้วยความรับผดิ ชอบ
ส 3.1 ป.5/2 ประยกุ ต์ใช้แนวคดิ ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการทากิจกรรมตา่ งๆ ในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน ง 3.1 ป.5/2 สร้างงานเอกสารเพอ่ื ใช้ประโยชน์ใน ชวี ิตประจาวนั ดว้ ยความรับผิดชอบ กลว้ ย กล้วย พ 3.1 ป.5/2 เล่มเกมนาไปสู่กฬี าที่เลือกและ กิจกรรมการเคลอ่ื นไหวแบบผลัด
อาหารจากกล้วย HEAD HAND ทำงำนเป็นขนั้ เป็นตอน วำ อยำ่ งเป็นระบบ และประเม การคิดวิเคราะห์ ทกั ษะการทางาน ทำงำนเพ่อื กำรพฒั นำงำน วางแผนธรุ กิจ ความรับผิดชอHบEART HEALTH 1 ความสามคั คี มนี า้ ใจ ขยนั อดทน เออื ้ เฟือ้ เผื่อแผ่ สร้างเสริมสขุ ภาวะ คน้ หาและรวบรวมขอ้ มูล มเี จตคติทดี่ ีตอ่ การทางาน ค้นหาและรวบรวมการทา อาหารจากลว้ ยในท้องถิ่น คุณลกั ษณะ สมรรถนะสาคญั 8 การสอื่ สาร มงุ่ มน่ั ในการทางาน ปฏิบตั ิงานตาม มจี ิตสาธารณะ ทาแงาผนตนามลาดบั ขั้นตอนท วางแผนไว้ ฝกึ ลกั ษณะนสิ ัยก ทางานท่ีดี สือ่ การเรยี นร:ู้ 9 ตวั อยา่ งอาหารจากกล้วย, อปุ กรณ์ การสืบค้นขอ้ มลู , วัสดอุ ปุ กรณท์ ่ีใช้ จาหน่ายผลผลิต ทาอาหาร จาหนา่ ยผลผลติ ตามที่วางแผนไว้
ย29 ส 3.1 ป.5/2 P ง 1.1 ป.5/2 ง 3.1 ป.5/1 ง 3.1 ป.5/2 A ำงแผน ว 3.1 ป.5/2 มนิ ผลกำร พ 3.1 ป.5/2 3 4 กาหนดภาระงาน เลือกอาหารทีส่ นใจฝกึ ปฏบิ ัติ ศึกษา สรปุ ขอ้ มูล 2 สรุปข้อมูลการทาอาหารจากกล้วยใน วธิ ีทาอาหารจากกลว้ ยจากสอ่ื ตา่ งๆ ท้องถนิ่ และแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ หรอื จากผู้รู้ นาเสนอขอ้ มูล 5 เสนอข้อมลู การทาอาหาร วิเคราะหง์ าน ล จากกลว้ ยในท้องถนิ่ และ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ วัสดุท่ีตอ้ งใช้ เครอื่ งมอื อปุ กรณ์ และขัน้ ตอน 76 วางแผนจาหน่าย วางแผนในการทางาน คานวณตน้ ทนุ กาไร กาหนด แบง่ หนา้ ท่ี คานวณต้นทุน ประเมนิ ท่ี ราคาขาย และกลยทุ ธ์ในการขาย เมนิ ความเป็นไปไดข้ องแผน การ เพ่ือสร้างแรงจงู ใจลูกค้า 11 10 จดั ทารายงานกาจรปดั ฏทบิ าัตงิราานยโดงยาบนรู ณาการ ประเมินผลการทางาน ความรแู้ ละประสบการณ์ นาเทคโนโลยมี าใช้ ในการทาเอกสารรายงาน ประเมินผลการขาย กาไร ขาดทนุ ผลสาเรจ็ ของ งาน ปญั หา อุปสรรค วเิ คราะห์ข้อดี ขอ้ เสยี และขอ้ คิดในการพัฒนางานโอกาสตอ่ ไป
ออมสนิ สรำ้ งสรรค์ พฒั นาทกั ษะการคดิ การส่ือสาร การแกป้ ัญหา ความคดิ สรา้ งสรรค์ กค ตระหนักถึงความอดออม และนาทรพั ยากรกลบั มาใชใ้ หม่ ก ส สงั คม ศาสนา ส ๓.๑ ป.๑/๒ ส ๓.๑ ป.๒/๔ ส ๓.๑ ป.๓/๒ การคิด และ ส ๓.๑ ป.๔/๓ ส ๓.๑ ป.๕/๒ ส ๓.๑ ป.๖/๓ การส่ือส การแก้ป วฒั นธรรม ศลิ ปะ ศ ๑.๑ ป.๑/๓ ศ ๑.๑ ป.๒/๔ ศ ๑.๑ ป.๓/๗ ศ ๑.๑ ป.๔/๕ ศ ๑.๑ ป.๕/๒ ศ ๑.๑ ป.๖/๒ การงาน ง ๑.๑ ป.๑/๒ ง ๑.๑ ป.๒/๒ ง ๑.๑ ป.๓/๒ อาชพี และ ง ๑.๑ ป.๔/๒ ง ๑.๑ ป.๕/๒ ง ๑.๑ ป.๖/๒ เทคโนโลยี PA กิจก - เหรียญและธนบตั รประเภทตา่ งๆ ส่อื การ - เพลง “รวมเงนิ ” เรยี นรู้ - ตัวอยา่ งชิน้ งาน “กระปุกออมสนิ ไม้ไผ่” - วสั ดุ/อุปกรณ์ต่างๆ เพ่ือการทา กระปกุ ออมสนิ จากไม้ไผ่
30 HEAD HEART HAND คณุ ลกั ษณะ อมยีวนิอู่ ยัย่างพอเพยี ง กคาดิ รวสิเอื่คสราาระห์ ประหยดั กกาารรอนอกาแเสบบนผอลผิตลภงัณาฑน์ มุ่งม่นั ในการทางาน อดออม การแกป้ ัญหา กิจกรรมที่ 3 สมรรถนะสาคญั 1. ทบทวนข้ันตอนการทากระปุกออมสนิ ตามแผนในกิจกรรมท่ี 2 สาร 2. ลงมือสร้างชิน้ งาน “กระปุกออมสิน” ตามแผนทว่ี างนไวก้ ารทางาน ปญั หา 3. ตกแต่งลวดลาย 4.นาเสนอชน้ิ งาน และปญั หาและสาเหตขุ องอปุ สรรคขณะทางาน 1. ผูเ้ รียนศกึ ษาความเปน็ มาและขอ้ ดขี องการใชป้ ระปกุ ออกสิน กิจกรรมท่ี 2 2. ผเู้ รยี นวางแผนการทากระปกุ ออกสิน จาก 4 ประเดน็ คอื การออกแบบ วสั ดุ ขัน้ ตอน และการตกแต่ง 3. ผเู้ รียนปรบั แผน จากการประเมินปัญหาอปุ สรรค ความไมส่ อดคลอ้ งกัน ระหวา่ งแผน และการทางานจรงิ 4. นาเสนอผลงานการออกแบบ และผูเ้ รยี นรว่ มกนั คัดเลอื กผลงานการ ออกแบบ กรรมที่ 1 1. ผู้เรียนคดิ หาวธิ ีรวมเงนิ ให้ไดค้ ่าเงนิ จานวนต่างๆ ตามที่สถานการณ์ปัญหากาหนด โดย ผ้สู อนให้ประเภทเงนิ กบั ผ้เู รยี นอยา่ งหลากหลาย 2. ผเู้ รยี นเล่นเกม “รวมเงนิ ” 3. สนทนาถงึ ค่าใช้จ่ายในแตล่ ะวนั จนสรุปเป็น รายรับ รายจ่าย และการออมของผเู้ รียน
31 สำนึกไทย 5 ขนั้ ตอนสกู่ ารสร้างจติ สานึกความเป็นไทย Historical Method Head วิเคราะหแ์ ละ กาหนดประเดน็ ศึกษา 1 ดูวีดทิ ศั นห์ รอื สอ่ื อืน่ ๆ เก่ียวกับประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทยสมัย 2 ตคี วามขอ้ มลู 3 4 ตา่ งๆ ถกแถลงเร่อื งราว เพอื่ กาหนดประเด็นการศกึ ษา 5 ภูมิใจในชาติ ศาสนา กษัตรยิ ์ เลอื กประเด็นและรว่ มกันศกึ ษาตามที่ตนสนใจ รกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม Heart สบื ค้นและรวบรวมข้อมลู ซือ่ สัตย์ เสยี สละ อดทน ผู้เรยี นใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละเคร่อื งมอื ทาง และมีอดุ มการณ์ในส่ิงทดี่ งี าม ภูมิศาสตรส์ ืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู ตามทส่ี นใจ จากแหลง่ ใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ เรียนรตู้ ่างๆ ในการสบื ค้น รวบรวม และ Hand นาเสนอขอ้ มลู ใชเ้ ครอื่ งมอื วเิ คราะห์และตีความข้อมูล ทางภมู ิศาสตร์ศกึ ษาขอ้ มูล ทกั ษะการทางานเป็นทมี ผู้เรยี นวเิ คราะห์และตีความขอ้ มูล นาขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสืบค้น รวบรวมไวแ้ ล้ว มาพจิ ารณาโดยใชเ้ หตุผลเป็นแนวทางในการ พฤติกรรมการปอ้ งกนั ตีความเพื่อนาไปสู่การคน้ พบขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวัตศิ าสตร์ และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม ทมี่ ตี อ่ สุขภาพ และภมู ิศาสตร์ Health คัดเลือกและประเมินข้อมลู ผ้เู รยี นแต่ละกลมุ่ คัดเลอื กและประเมนิ ข้อมลู เพอื่ ค้นหาความ เก่ยี วข้องสมั พนั ธ์ระหวา่ งขอ้ มูลกบั ข้อเทจ็ จรงิ ทาง ประวัตศิ าสตร์และภูมศิ าสตร์ท่ีต้องการทราบ เรียบเรียงและเขียนรายงาน ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเรียบเรียงรายงาน จากการวิเคราะห์และ การตีความข้อมลู จัดนิทรรศการนาเสนอด้วยการสรา้ งสรรค์ งานเปน็ แผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบ แสดงนาฏศิลป์ ส 4.1 ป.6/1, ส 4.1 ป.6/2, สมรรถนะสาคญั หรือละครงา่ ยๆ ส 5.1 ป.6/1 พ 4.1 ป.6/1 -การสอื่ สาร ศ 1.1 ป.6/2 ศ 3.1 ป.6/3 -การใช้เทคโนโลยี คณุ ลักษณะ -การคดิ -รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ -การแกป้ ัญหา -รักความเปน็ ไทย -ทกั ษะชวี ติ -มจี ิตสาธารณะ -ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ -ใฝเ่ รยี นรู้
ผกั ตบชวากับสิ่งแวดลอ้ Project-ba HEAD HAND ทำงำนเป็นขนั้ เป็นตอน การใชเ้ คร่ืองมือ ออกแบบเคร่อื งมอื ระบบ และประเมนิ ผลก ทางภมู ิศาสตร์ กำรพฒั นำงำน วเิ คราะหป์ ญั หา ในการกาจดั สงิ่ แวดลอ้ ม ผักตบชวา HEART HEALTH 1 จิตอาสามสี ว่ นร่วม สขุ ภาพทีด่ ีจาก คน้ หาและรวบรวมขอ้ มูล กับองค์กร หนว่ ยงาน การปราศจาก ในการกาจดั วชั พืช มลภาวะ ค้นหาและรวบรวมข้อมูล ต้นกาเนิดผกั ตบชวา ในประเทศไทย คุณลกั ษณะ สมรรถนะสาคญั 8 กปารฏสิ มงุ่ มัน่ ในการทางาน มจี ิตสาธารณะ คิดวิเคราะห์ การนาไปใช้ แก้ปัญหา การใช้ประโยชนจ์ ากเครอื่ งมอื และผกั ตบชวา สื่อการเรยี นร:ู้ คอมพวิ เตอร์, วสั ดุอปุ กรณ์ท่ใี ช้ สรา้ งชิ้นงาน
อม32 ส 5.1 ม.1/1-3, ส.5.1 ม.2/1, ว 6.1 ม.1/6-7, ว 6.1 ม.2/7, ased Learning ง 1.1 ม.1/1-3, ง 1.1 ม.2/1-3, ง 1.1 ม.3/1-3, ง 2.1 ม.3/2 , วำงแผนอยำ่ งเป็น ง 3.1 ม.3/4 , ง 1.1 ม.3/3 กำรทำงำนเพอ่ื 3 4 สรุปขอ้ มลู กาหนดภาระงาน 2 สรุปข้อมูลพื้นท่ใี นประเทศไทย วเิ คราะห์ผลกระทบของผักตบชวา ทมี่ ผี ักตบชวา ท่ีมผี ลต่อส่ิงแวดล้อม นาเสนอขอ้ มูล 5 ล นาเสนอข้อมลู ตน้ กาเนิด วิเคราะหง์ าน ผกั ตบชวาในประเทศไทย แนวทางการกาจัดผกั ตบชวาและ การนาไปใชป้ ระโยชน์ 6 7 วางแผนในการทางาน ฏสบร้าตังเิคตราอ่ื มงมแอื กผานจัด ศึกษาคน้ ควา้ และออกแบบเคร่ืองมือกาจัดผกั ตบชวา การใชป้ ระโยชนจ์ ากผักตบชวา เชน่ การทาก๊าซ ผกั ตบชวา ชีวภาพ ปยุ๋ หมกั และผลติ ภัณฑ์ 10 9 จดั ทารายงาน ประเมินผลการทางาน จัดทารายงานการปฏบิ ตั งิ านโดยบรู ณาการ ความร้แู ละประสบการณ์ นาเทคโนโลยมี าใช้ ประเมนิ ผลสาเรจ็ ของงาน วเิ คราะห์ข้อดี ข้อด้อย ในการทาเอกสารรายงาน
๓๓ บทท่ี ๔ การวัดและประเมนิ ผลกจิ กรรมเพมิ่ เวลารู้ กิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนรอบด้าน ได้แก่ การพัฒนาสมอง (Head) การพัฒนาจิตใจ (Heart) การพัฒนาทักษะการปฏิบัติ (Hand) และการพัฒนาสุขภาพ (Health) โดยการ ออกแบบและสร้างกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง และให้เช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ผู้สอนตอ้ งดาเนินการวัดและประเมนิ ผลการ เรียนรู้ด้วยวิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลายเพ่ือเป็นข้อมูลในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและบรรลุ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดของหลักสตู ร ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้ การประเมนิ ตามสภาพจริง, การสังเกตพฤตกิ รรม, การประเมินตนเองของผเู้ รยี น, การประเมินโดยเพอื่ น, การประเมินการปฏบิ ตั ิ และการใช้คาถาม มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั ของหลักสตู ร Head Heart Hand Health พัฒนาสมอง พฒั นาจติ ใจ พัฒนาทกั ษะปฏบิ ตั ิ พัฒนาสขุ ภาพ เพมิ่ พนู ทักษะการคิด ปลูกฝังคา่ นิยม คุณธรรม ฝกึ การทางาน ฝึกทกั ษะ สรา้ งเสริมสุขภาวะ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ สมรรถนะทางกาย ตดั สนิ ใจและ จริยธรรม ทาประโยชน์ ทางอาชีพ คน้ หาศักยภาพ แก้ปัญหา เพือ่ สังคม และความถนัดของตนเอง ๔H แผนภาพที่ 6 การวัดและประเมินผลการเรยี นรดู้ ว้ ยวิธกี ารและเคร่ืองมือท่ีหลากหลาย
๓๔ กระบวนการวัดและประเมินผลกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ ภาระงานของผู้สอนเมื่อออกแบบกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ ด้วยวิธีการกาหนดหัวเร่ือง (Theme) เป้าหมายการพัฒนาผเู้ รียน (๔H) โดยการเชือ่ มโยงกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัดของหลักสูตร ผสู้ อนจะต้อง วางแผนการประเมินผู้เรียนว่า มีการพัฒนาการด้านใดเกิดขึ้นบ้าง ระหว่างร่วมกิจกรรมและภายหลังการจัด กจิ กรรมสนิ้ สุดลง ผู้เรยี นจะไดร้ ับการประเมินเป็นระยะ ๆ ซง่ึ ภารกจิ ดงั กลา่ วมขี ั้นตอนปฏบิ ัติ ดงั แผนภาพท่ี 7 ๑. ออกแบบและพัฒนากจิ กรรมเพิม่ เวลารู้ ข้อมลู ปอ้ นกลบั ๒. ศึกษารายละเอยี ดของกจิ กรรมเพม่ิ HEAD พัฒนาการเรียนรู้ เวลารู้ HEART การคิดวเิ คราะห์ HAND สงั เคราะห์ ๓. วางแผนการประเมิน HEALTH การตดั สินใจ - ศกึ ษาตวั ชีว้ ดั ของหลักสตู ร คุณลักษณะและค่านยิ ม - กาหนดพฤติกรรมบ่งช้ตี ามตวั ช้ีวดั ทกั ษะปฏบิ ตั ิ - เลือกวิธีการประเมนิ - สร้าง/จดั หาเคร่อื งมอื สุขภาวะ - เกณฑก์ ารประเมิน ๔. ประเมินวิเคราะหผ์ ู้เรียน ๕. ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ระหว่างจัดกจิ กรรม ๖. ประเมนิ ความสาเรจ็ หลงั การจดั กจิ กรรม ๗. สง่ ผลการประเมินให้ครูประจาช้นั / ข้อมลู ปอ้ นกลบั ครูท่ปี รึกษา/ครูประจารายวิชา ๘. รายงานผลการประเมินต่อผูเ้ ก่ยี วขอ้ ง แผนภาพท่ี 7 กระบวนการวัดและประเมินผลกิจกรรมเพิ่มเวลารู้
๓๕ วิธีการวัดและประเมินผลกจิ กรรมเพมิ่ เวลารู้ กิจกรรมเพิ่มเวลารู้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนรอบด้าน ได้แก่ การพัฒนาสมอง (Head) การพัฒนาจิตใจ (Heart) การพัฒนาทักษะการปฏิบัติ (Hand) และการพัฒนาสุขภาพ (Health) โดย การออกแบบและสร้างกิจกรรมให้ผู้เรยี นได้ลงมือปฏิบัตไิ ปพร้อมๆ กับการใช้กระบวนการคิดใหผ้ ู้เรียนเรียนรอู้ ย่างมี ความสขุ ดงั นัน้ การวดั และประเมนิ ผลผเู้ รียน ผู้สอนสามารถใชว้ ธิ ีการประเมนิ ดงั น้ี 1. การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) เปน็ การประเมนิ ดว้ ยวธิ กี ารท่ี หลากหลาย เพ่ือให้ได้ผลการประเมินที่สะท้อนความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน จึงควรใช้การประเมินการ ปฏิบัติ (Performance Assessment) ร่วมกับการประเมินด้วยวิธีการอื่น และกาหนดเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ใหส้ อดคล้องหรอื ใกล้เคียงกบั ชีวิตจรงิ 2. การสังเกตพฤติกรรม เป็นการเก็บข้อมูลจากการดูการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน โดย ไม่ขัดจังหวะการทางานหรือการคิดของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมเป็นสิ่งท่ีทาได้ตลอดเวลา แต่ควร มีกระบวนการและจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการประเมินอะไร โดยอาจใช้เครื่องมือ เช่น แบบมาตรประมาณค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพื่อประเมินผู้เรียนตามตัวช้ีวัด และควรสังเกตหลายคร้ัง หลายสถานการณ์ และหลายช่วงเวลาเพ่ือขจัดความลาเอยี ง 3. การประเมนิ ตนเองของผเู้ รียน (Student Self-assessment) การประเมนิ ตนเองนับเป็น ทั้งเครือ่ งมือประเมนิ และเคร่อื งมือพัฒนาการเรียนรู้ เพราะทาใหผ้ ู้เรยี นได้คิดใครค่ รวญวา่ ไดเ้ รยี นรูอ้ ะไร เรียนรู้ อย่างไร และผลงานที่ทานั้นดีแล้วหรือยัง การประเมินตนเองจึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ที่ สามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 4. การประเมินโดยเพ่ือน (Peer Assessment) เป็นเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบหน่ึงท่ี น่าจะนามาใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เข้าถึงคุณลักษณะของงานท่ีมีคุณภาพ เพราะการท่ีผู้เรียนจะบอกได้ว่า ช้ินงานน้ันเป็นเช่นไร ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนว่าเขากาลังตรวจสอบอะไรในงานของเพื่อน ฉะนั้น ผู้สอนต้องอธิบายผลที่คาดหวังให้ผู้เรียนทราบก่อนที่จะลงมือประเมิน การที่จะสร้างความมั่นใจว่า ผเู้ รยี นเขา้ ใจการประเมินรูปแบบน้คี วรมีการฝึกผ้เู รียน 5. การประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือ กิจกรรมท่ีผู้สอนมอบหมายใหผ้ ู้เรียนปฏิบัติงานเพ่ือใหท้ ราบถึงผลการพฒั นาของผู้เรยี น การประเมนิ ลักษณะน้ี ผสู้ อนต้องเตรียมส่ิงสาคัญ 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรอื กิจกรรมท่ีจะให้ผู้เรียนปฏิบัติ เช่น การทา โครงการ/โครงงาน การสารวจ การนาเสนอ การสร้างแบบจาลอง การท่องปากเปล่า การสาธิต การทดลอง วทิ ยาศาสตร์ การจดั นทิ รรศการ การแสดงละคร เป็นต้น และเกณฑก์ ารให้คะแนน (Scoring Rubrics) การประเมินการปฏิบัติ จะช่วยตอบคาถามท่ีทาให้เรารู้ว่า “ผู้เรียนสามารถนาส่ิงที่เรียนรู้ไปใช้ได้ดีเพียงใด” ดังน้ัน เพ่ือให้การประเมินการปฏิบัติในระดับช้ันเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สอนต้องทาความเข้าใจที่ ชดั เจนเก่ียวกบั ประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) สง่ิ ท่ีเราต้องการจะวดั (พิจารณาจากมาตรฐาน/ตวั ชี้วดั หรอื ผลลัพธท์ ่ีเราตอ้ งการ) 2) การจัดการเรียนรู้ทเ่ี ออ้ื ต่อการประเมินการปฏบิ ตั ิ 3) รปู แบบหรอื วิธีการประเมนิ การปฏบิ ตั ิ 4) การสร้างเคร่อื งมือประเมนิ การปฏบิ ัติ 5) การกาหนดเกณฑ์ในการประเมนิ (Rubrics)
๓๖ 6. การใช้คาถาม (Questioning) คาถามเป็นวิธีหน่ึงในการกระตุ้น/ช้ีแนะให้ผู้เรียนแสดงออกถึง พัฒนาการการเรียนรู้ของตนเอง รวมถึงเป็นเคร่ืองมือวดั และประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ดังน้ัน เทคนิคการ ต้ังคาถามเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงเป็นเรื่องสาคัญยิ่งที่ผู้สอนต้องเรียนรู้และนาไปใช้ให้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การตั้งคาถามเพ่ือพัฒนาผู้เรียนจึงเป็นกลวิธีสาคัญท่ีผู้สอนใช้ประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน รวมทั้งเป็นเครื่องสะท้อนให้ผู้สอนสามารถช่วยเหลือผู้เรียนให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ ซึ่ง เบนจามิน บลูม (Benjamin S.Bloom) แบ่งระดับคาถามตามแนวกระบวนการคิดทางการเรียนรู้ Bloom’s Taxonomy ด้าน Cognitive Domain ออกเปน็ 6 ระดับ ดังนี้ 6.1 การถามคาถามเพื่อการเรียนรู้ในระดับความรู้ความจา (Remembering) หมายถึง การถามคาถามการเรียนรู้ในระดับที่ผู้เรียนสามารถตอบได้ว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มามีสาระอะไรบ้าง การท่ีผู้เรียน สามารถตอบได้นนั้ ได้มาจากการจดจาเป็นสาคัญ ดังนน้ั คาถามท่ีใช้มกั เป็นคาถามถึงข้อมูล สาระ รายละเอียด ของส่งิ ท่เี รียนรู้ ตัวอย่าง: สมเด็จพระนเรศวร มีพระนามเดมิ วา่ อะไร 6.2 การถามคาถามเพื่อการเรียนรู้ในระดับความเข้าใจ (Understanding) หมายถึง การถามคาถามการเรียนรู้ในระดับที่ผู้เรียนเข้าใจความหมายความสัมพันธ์และโครงสร้างของส่ิงท่ีเรียนและ สามารถอธิบายสิ่งที่เรียนรู้น้ันได้ด้วยคาพูดของตนเอง ผู้เรียนที่มีความเข้าใจในเร่ืองใดเรื่องหน่ึง หลังจากได้ ความรู้ในเร่ืองนน้ั มาแล้ว จะสามารถแสดงออกได้หลายทาง เชน่ ตคี วาม แปลความ เปรียบเทียบได้ บอกความ แตกต่างได้ เป็นต้น ตวั อยา่ ง: ใจความสาคัญของเร่อื งที่อา่ นนี้คืออะไร 6.3 การถามคาถามเพ่ือการเรียนรู้ในระดับการนาไปใช้ (Applying) หมายถึง การถาม คาถามการเรียนร้ใู นระดบั ทผี่ ู้เรียนสามารถนาพื้นฐานข้อมลู ความรู้ และความเข้าใจท่ไี ด้เรียนรู้มาแต่เดิม ไปใช้ ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่หรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนจริงในชีวิตประจาวัน ดังนั้น คาถามในระดับนี้ มัก ประกอบด้วยสถานการณ์ที่แปลกใหม่ที่ผู้เรียนจะต้องดึงความรู้ ความเข้าใจ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาให้สาเร็จ ลลุ ว่ ง ตวั อยา่ ง: นกั เรยี นมวี ิธีประหยดั พลังงานในบ้านของนักเรียนอย่างไร? 6.4 การถามคาถามเพื่อการเรียนรู้ในระดับการวิเคราะห์ (Analyzing) หมายถึง การถาม คาถามการเรียนรู้ในระดับที่ผู้เรียนต้องใช้การคิดที่ลึกซ้ึงเน่ืองจากไม่สามารถหาคาตอบได้จากข้อมูลท่ีมีอยู่ได้ โดยตรง ผู้เรียนต้องใช้ความคิดจากการแยกแยะข้อมูล และหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่แยกแยะนั้น หรืออีก นัยหน่ึงคือ การเรียนรู้ในระดับที่ผู้เรียน สามารถจับได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ อะไรเป็นผลหรือแรงจูงใจที่ทาให้ ปรากฏการณใ์ ดปรากฏการณห์ น่ึงเกดิ ขน้ึ ตัวอยา่ ง: อะไรเป็นสาเหตทุ ่ีทาให้วยั รุ่นไทยตดิ มอื ถือ 6.5 การถามคาถามเพื่อการเรยี นรู้ในระดับการประเมินค่า (Evaluating) หมายถึง การถาม คาถามการเรียนรู้ในระดับท่ีผู้เรียนต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสิน พิจารณาคุณค่า เลือกหรือไม่เลือก จดั ลาดับ ให้รางวลั ซ่งึ หมายความว่า ผู้เรียนจะตอ้ งสามารถตัง้ เกณฑใ์ นการประเมิน หรือตัดสินคุณค่าตา่ งๆ ได้ และแสดงความคิดเหน็ ในเรอื่ งนั้นไดอ้ ยา่ งมีหลกั เกณฑ์ ตัวอย่าง: นกั เรียนเชอื่ ตามข่าวที่สง่ ต่อกนั มาในส่ือออนไลนด์ ังกลา่ วหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 6.6 การถามคาถามเพื่อการเรียนรู้ในระดับการสร้างสรรค์ (Creating) หมายถึง การถาม คาถามให้ผ้เู รียนท้าทายความสามารถให้คิดคน้ สิง่ ใหม่ ที่ไม่ซา้ กับผอู้ น่ื ตวั อยา่ ง: กระดาษท่ีใชเ้ พียงหนา้ เดียวนามาประดิษฐ์สง่ิ ใดไดบ้ ้าง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106