Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประชาสังคม กับธรรมาภิบาล

ประชาสังคม กับธรรมาภิบาล

Published by jin.yongtassanee795, 2019-11-16 03:34:31

Description: ประชาสังคม กับธรรมาภิบาล

Search

Read the Text Version

ประชาสังคมกับธรรมาภบิ าลในสังคมไทย เรวดี ประเสริฐเจริญสขุ 1 การขบั เคล่ือนของประชาสงั คมให้เกิดและมีการนาหลกั การธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารจดั การ บ้านเมือง การบริหารการจดั การหนว่ ยงานภาครัฐท่ีดีให้เกิดขนึ ้ ในสงั คมไทยเพื่อเป็นหลกั ปฏิบตั กิ ารของหนว่ ยงานตา่ งๆ สืบเนื่องจากความล้มเหลวของการพฒั นาซงึ่ กาหนดและจดั การ โดยรัฐซง่ึ ถงึ แม้นจะสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมของประชาชนแตก่ ็เป็ นไปอยา่ งไมม่ ีความหมายของการมี สว่ นร่วมจากภาคประชาชนอยา่ งมีนยั สาคญั เนื่องจากไมไ่ ด้นาไปส่กู ารแก้ไขปัญหา การพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คม รวมทงั้ การพฒั นาการเมืองตามเป้ าหมายการพฒั นาท่ียงั่ ยืนตามท่ีเห็นชอบ ร่วมกนั โดยมงุ่ หวงั สกู่ ารแก้ไขปัญหาความเสื่อมศรัทธาท่ีประชาชนมีต่อหนว่ ยงานรัฐ ตอ่ ข้าราชการ หรือตอ่ คณะผ้บู ริหารการเมือง อีกทงั้ เพื่อนาไปสกู่ ารแก้ไขปัญหาระบบอปุ ถมั ภ์ซงึ่ เป็น รากเหง้าปัญหาของสงั คมไทย เป็นที่ตระหนกั ว่า แม้นกล่มุ ประชาสงั คมจะเป็นกลไกที่มีบทบาทสาคญั ในการขบั เคล่ือนสร้างธรร มาภิบาลให้เกิดขนึ ้ ในสงั คมไทย หากแตก่ ารสร้างให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการการเมือง การปกครองเป็นภารกิจที่ทกุ ๆฝ่ ายทงั้ ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาควิชาการ ร่วมทงั้ ภาคประชาชน ประชา สงั คมต้องร่วมกนั ทางานด้วยกนั โดยมีเป้ าหมายสกู่ ารสร้างสงั คมไทยให้เป็นสงั คมประชารัฐ ไมใ่ ชส่ งั คมประชาชาตทิ ี่รัฐและนกั การเมืองมีบทบาทเป็นหลกั ดงั่ ที่เป็ นอยใู่ นปัจจบุ นั ผ้เู ขียนมีความเชื่อวา่ การบริหารจดั การการเมืองการปกครองบนฐานแนวคดิ และหลกั การธรรมาภิ บาลจะเป็นรูปธรรมที่เป็ นจริงก็ตอ่ เมื่อประชาชนตระหนกั ในฐานะความเป็นพลเมืองของตนเองซงึ่ มี สทิ ธิและหน้าที่ความชอบธรรมท่ีพงึ่ ได้รับและพงึ่ ปฏิบตั ิ ในขณะที่ภาคประชาชนเองก็ถือเป็ นวาระ ของภาคประชาชนที่จะต้องร่วมกนั ขบั เคลื่อน นอกจากการที่บคุ คลากรของหน่วยตา่ งๆทกุ ระดบั ได้มีความสานกึ และความตระหนกั ในความสาคญั และความจาเป็นท่ีจะต้องสร้างให้ธรรมาภิบาล มีเกิดขนึ ้ ในหนว่ ยงานของตน ดงั นนั้ การจะสร้างและผลกั ดนั ให้เกิดธรรมาภิบาลจาเป็นท่ีจะต้องให้ความสาคญั กบั การพฒั นา บคุ คล การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ โดยมงุ่ หวงั วา่ ตวั บคุ คลซง่ึ มีความตระหนกั และเห็น ความสาคญั จะเป็นกลไกที่เป็นยทุ ธศาสตร์สร้างให้เกิดการเปล่ียนแปลง ในวธิ ีการบริหาร การ จดั การ การปฏิบตั ติ น บนฐานคนท่ีมีคณุ ธรรม มีความซ่ือสตั ย์สจุ ริตตอ่ หน้าที่ ไมแ่ สวงหา 1 *เรวดี ประเสริฐเจริญสขุ : ผ้อู านวยการมลู นิธิเพ่ือการพฒั นาที่ยง่ั ยนื เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการประจาปี สถาบนั พระปกเกล้า ปี 2551 ณ สานกั งานสหประชาชาติ ระหวา่ งวนั ที่ 4-6 พฤศจิกายน 2551 1

ผลประโยชน์สว่ นตน หากแตด่ าเนนิ การในบทบาทหน้าท่ีตา่ งๆ ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือ ประโยชน์สว่ นร่วม บนเป้ าหมายร่วมกนั สกู่ ารพฒั นาสงั คมไทยโดยรวม สสู่ งั คมการพฒั นาที่ยง่ั ยืน ประวตั ิศาสตร์ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงบทบาทประชาชนที่มีการรวมตวั เป็นกลมุ่ ขบั เคลื่อน แก้ไขปัญหาเมื่อถกู กระทาจากผ้ปู กครองตอ่ เนื่องมา แม้นจะไมไ่ ด้เรียกขานปฏิบตั กิ ารตา่ งๆ เหลา่ นนั้ วา่ กลมุ่ ประชาสงั คมก็ตาม การรวมตวั และพฒั นาการปฏิบตั ิการภาคประชาชนได้ขยาย เตบิ โตเป็ นกลมุ่ เป็นขบวนการและเครือขา่ ยหลากหลายตามสภาพปัญหา แนวคิด ความสนใจ อดุ มการณ์ท่ีมีร่วมกนั ซง่ึ เป็ นปัจจยั ร้อยรัดก่อเกิดปฏิบตั ิการความร่วมมือ โดยมีรูปธรรมปฏิบตั กิ าร ในหลายลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไป อนั สะท้อนการสร้างและขยายพืน้ ท่ีการเมืองสาธารณะสกู่ าร เปล่ียนแปลงให้เกิดการพฒั นาระบบการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม โดยมงุ่ หวงั การเปลี่อนแปลงท่ีมี หลกั ประกนั การมีคณุ ภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขนึ ้ โดยสงั คม โดยประชาชนมีสว่ นร่วมในการกาหนด ไมใ่ ห้ตกอยภู่ ายใต้การบริหารจดั การรวมศนู ย์เฉพาะโดยภาคการเมือง หนว่ ยงานของรัฐ และกลมุ่ ผ้มู ีอทิ ธิพลเทา่ นนั้ ประชาสงั คมเป็ นกลไกที่มีอสิ ระจากรัฐและทนุ เป้ าประสงค์การขบั เคล่ือนในสงั คมเป็ นไปเพื่อ การ สร้างหลกั ประกนั ชีวติ ความเป็นอยู่ ความมน่ั คงด้านอาหาร ในการงานอาชีพ สร้างให้เกิดสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคเทา่ เทียม ความเป็นธรรม ประเดน็ สาคญั ของการขบั เคลื่อนของประชาสงั คม คือการสร้างและสง่ เสริมสงั คมที่อยรู่ ่วมกนั บน หลกั การสิทธิมนษุ ยชน ที่เคารพสทิ ธิ เสรีภาพของบคุ คล สง่ เสริมความเสมอภาค การสร้าง หลกั ประกนั ความยตุ ธิ รรม และการอานวยความยตุ ธิ รรมแกป่ ระชาชนอยา่ งเทา่ เทียม การสง่ เสริม การมีสว่ นร่วมภาคประชาชนในการวางแผนเศรษฐกิจสงั คมและการเมือง การร่วมกาหนดนโยบาย เศรษกิจ สงั คม รวมทง่ั การตดั สินใจทางการเมือง และการตรวจสอบการใช้อานาจในระดบั การขบั เคล่ือนของประชาสงั คมไทยเพ่ือลดอานาจรัฐ เพม่ิ อานาจประชาชนได้มงุ่ สปู่ ระเดน็ การ สร้างหลกั ประกนั การกระจายของอานาจ การรับรองสิทธิชมุ ชน การสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมชมุ ชน ท้องถิ่น ในการเข้าถึงอนรุ ักษ์ฟื น้ ฟแู ละการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรามชาติ และความ หลากหลายทางชีวภิ าพอย่างสมดลุ รวมทงั้ การมีสว่ นร่วมในการสง่ เสริมบารุงรักษา และค้มุ ครอง คณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมตามหลกั การพฒั นาที่ยง่ั ยืนนอกจากนี ้ ประเดน็ การค้มุ ครองและสง่ เสริม ความเสมอภาคของหญิงชาย การสร้างหลกั ประกนั ให้ประชาชนมีหลกั ประกนั การเข้าถงึ และได้รับ บริการขนั้ พืน้ ฐาน ด้านการศกึ ษา การดแู ลด้านสขุ ภาพ และจดั หาและจดั บริการสาธารณปู โภค 2

ให้กบั ประชาชน อยา่ งมีคณุ ภาพ รวมทงั้ การค้มุ ครองสทิ ธิเสรีภาพความเสมอภาค เทา่ เทียม ของ กลมุ่ คนเปราะบางและ ผ้ดู ้อยโอกาส ไมใ่ ห้ถกู เลือกปฏิบตั ิ การเสริมสร้างความเข้มเขง็ ในการ พฒั นาการอาชีพฐานราก การสร้างหลกั ประกนั การมีงานทา การค้มุ ครองผ้บู ริโภครวมทงั้ การ สร้างอธิปไตยในการบริหารการจดั การใด ๆ เพ่ือป้ องกนั เอกชนและกิจกรรมสาธารณะสร้างความ เป็นธรรมในสงั คม ไมเ่ อือ้ ประโยชน์กบั กลมุ่ ใดกลมุ่ หนงึ่ การขบั เคลื่อนเพ่ือสร้างธรรมมาภิบาลในการบริหารจดั การบ้านเมือง และการจดั การองค์กรภาครัฐ ถือเป็นวาระประชาชนท่ีต้องผนกึ กาลงั ดาเนินตอ่ เน่ืองบนรูปธรรมปัญหาและสาระเรื่องตา่ งๆที่มี หลากหลายแตกตา่ งซง่ึ ภาคประชาชนเผชิญอยู่ ทงั้ นีโ้ ดยมีเป้ าหมายร่วมกนั คอื การปกครอง การ บริหาร การจดั การ การควบคมุ ดแู ลกิจการตา่ ง ๆ ให้เป็นไปตามครรลองคลองธรรม รวมไปถึงการมี ศลี ธรรม คณุ ธรรม จริยธรรม ความถกู ต้องชอบธรรมทงั้ ปวงที่พงึ มีและพงึ ปฏิบตั ิ ทงั้ นีส้ ะท้อน รูปธรรมได้จากการบริหารจดั การองค์กรท่ีมีความโปร่งใส การสามารถตรวจสอบได้ การปราศจาก การแทรกแซงของผ้มู ีอทิ ธิพล นกั การเมืองและนายทนุ ประชาชนมีสว่ นร่วมในการรับรู้ กาหนด และตรวจสอบ 3

ประชาสังคมกับธรรมาภบิ าลในสังคมไทย เรวดี ประเสริฐเจริญสขุ วกิ ฤตสิ ังคมไทย : วกิ ฤตการบริหารบ้านเมือง ภาวะความยากจน การดนิ ้ รนเพื่อท่ีจะให้มีชีวิตอยรู่ อดของผ้คู นเพื่อให้ สามารถดารงชีวิตมีความ เป็นอยู่ มีท่ีอยอู่ าศยั มีอาชีพการงาน มีรายได้ มีหลกั ประกนั มีงานทา สขุ ภาพแขง็ แรงไมเ่ จบ็ ป่ วย เป็นปรากฏการณ์สภาพชีวิตความเป็ นอย่ขู องผ้คู นสว่ นใหญ่ในสงั คมไทย 4 ศตวรรษที่ผา่ นมา ของการพฒั นาประเทศท่ีเน้นการเพม่ิ ผลผลิต เพิ่มรายได้ การลงทนุ การลงทนุ ในการการก่อสร้าง โครงสร้างพืน้ ฐานเพื่อสร้างการเตบิ โต และการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ แม้จะกอ่ ให้เกิดผลิตผล รายได้ หากสง่ ผลสร้างความเหลื่อมลา้ และการไมก่ ระจายผลประโยชน์ตอ่ คนสว่ นใหญ่ในประเทศ ปรากฏการณ์ท่ีบง่ ชดั พบวา่ คนรวย รวยขนึ ้ คนจน จนลง ผ้คู นสว่ นใหญ่มีชีวติ ยากลาบากมากขนึ ้ อีกทงั้ ภาวะความยากจนมีความลาเข็ญแสนเขน็ เพม่ิ มากขนึ ้ ในขณะเดยี วกนั ยงั พบสภาพวา่ เกิด ความเส่ือมโทรมและการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายของชนิดพืชพรรณ ของ ทงั้ พืชและสตั ว์รวมทงั้ พบปัญหามลพิษ และส่ิงแวดล้อมท่ีถกู ทาลาย และท่ีมากไปกวา่ นนั้ ยงั เกิด เหตกุ ารณ์เลวร้ายซงึ่ ไมเ่ คยเกิดขนึ ้ ร้ายแรงอยา่ งท่ีเห็นเกิดขนึ ้ ในสงั คมไทย คือสถานการณ์ความ แตกแยกการแบง่ เป็ นก๊กเป็นเหลา่ การแตกความสามคั คี จนยากจะเยียวยา วกิ ฤตกิ ารพฒั นา: ปํ ญหาจากการขาดธรรมมาภบิ าล ปรากฏการณ์ตา่ งๆท่ีเกิดขนึ ้ ให้คาตอบท่ีชดั เจนสะท้อน ความไมบ่ รรลขุ องการพฒั นาประเทศใน ทิศทางมงุ่ สกู่ ารพฒั นาที่ยง่ั ยืน การบริหารจดั การบ้านเมืองซงึ่ นาไปสคู่ วามขดั แย้งแยง่ ชิงอานาจ ของทงั้ ฝ่ ายการเมือง และภาคประชาชน ซงึ่ ขยายตวั และมีความรุนแรงเพ่มิ มากขนึ ้ บง่ บอกถงึ ภาวะวกิ ฤตขิ องสงั คมไทย วิกฤตของการบริหารบ้านเมือง และวิกฤตการพฒั นา ซงึ่ คงไมผ่ ิดที่จะ กลา่ ววา่ สิง่ ดงั กลา่ วเกิดขนึ ้ จากการขาดธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การบ้านเมืองซง่ึ ได้สร้างให้ เกิดความไมเ่ ป็นธรรม ความไมเ่ ทา่ เทียม การไมก่ ระจายผลประโยชน์ การไมม่ ีหลกั ประกนั คณุ ภาพ ชีวติ ท่ีดี การแตกแยกของผ้คู นในสงั คมจากที่เคยอยรู่ ่วมกนั ชว่ ยเหลือเกือ้ กลู ในสงั คมไทย คงจะไมเ่ ป็นคากล่าวท่ีเกินเลยความเป็นจริงวา่ วา่ การพฒั นาท่ีผา่ นมาล้มเหลวไมบ่ รรลเุ ป้ าหมาย การพฒั นาที่ยง่ั ยืนตามแผนการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมที่หนว่ ยงานตา่ งๆรวมทงั้ ภาคประชาชน ที่ได้จดั ทาขนึ ้ และเหน็ ชอบร่วมกนั ผลลพั ท์ที่เกิดขนึ ้ ในทางตรงกนั ข้ามกบั ที่กาหนดของเป้ าหมาย 4

การพฒั นาได้สร้างปัญหาความไมม่ น่ั คง การขาดหลกั ประกนั การดารงชีวิตความเป็ นอย่ขู องกลมุ่ คนสว่ นใหญ่โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ภาคชนบทอนั เป็นรากฐานของสงั คมไทย ทศิ ทางและแนวคดิ การพฒั นากระแสหลกั โลกาภิวฒั น์ทนุ นยิ มข้ามชาติที่มงุ่ เน้นการเจริญเตบิ โต ทางด้านเศรษฐกิจแม้นจะกอ่ ให้เกิดการเติบโตด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หากแต่ไมไ่ ด้ทา ให้เกิดความสมดลุ ย์ของการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองอยา่ งมีดลุ ภาพ รวมทงั้ ไมไ่ ด้ กอ่ ให้เกิดความเสมอภาค และการกระจายรายได้อยา่ งเป็นธรรม หากแตส่ ง่ ผลทาลายเศรษฐกิจ และสงั คมฐานราก ความเป็ นชมุ ชนวฒั นธรรมท้องถ่ินได้เสื่อมถอย เหน็ ได้จากหนีส้ ินที่เพิ่มพนู ขนึ ้ ในแทบทกุ ครัวเรือนในขณะที่คา่ ใช้จา่ ยในการบริโภค อปุ โภค รวมทงั้ สาธารณปู โภคมีสงู มากขนึ ้ หากแตผ่ ้คู นจานวนสว่ นใหญ่ไมม่ ีหลกั ประกนั รายได้ท่ีเพียงพอและมนั่ คง นอกจากนีย้ งั พบสภาพ การถกู ทาลายความอดุ มสมบรู ณ์ทรัพยากรธรรมชาตสิ ่งิ แวดล้อม ชีวิตสตั ว์และพืชพรรณ ทศิ ทาง และโครงการในนามของการพฒั นายงั ไมไ่ ด้ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่แท้จริง แตพ่ บ การใช้บทบาทหน้าท่ีและอานาจสร้างประโยชน์กระจกุ ในกลมุ่ คนบางกลมุ่ ท่ีเป็ นประโยชน์ผ้มู ี อานาจและพวกพ้องเสียเอง การบริหารจดั การหน่วยงานจานวนไมน่ ้อยหย่อนประสิทธิภาพ ทงั้ พบวา่ มีการคอรับชน่ั ไมม่ ีความโปร่งใสในหนว่ ยงานบางแหง่ อีกด้วย การแลกเปลี่ยนถงึ ทิศทางและแนวคดิ การพฒั นาที่สามารถเยี่ยวยาแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ ซงึ ้ จาก หลายทศั นะ มมุ มอง เป็ นที่เห็นชอบร่วมกนั วา่ สงั คมไทยต้องการแนวคิดและทิศทางใหมข่ องการ พฒั นาซง่ึ ปรับเปล่ียนแนวคิดจากการเมืองที่มงุ่ เน้นการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจสเู่ ศรษฐกิจ พอเพียง และตงั้ อยบู่ นฐานการพงึ่ ตนเอง จากการตดั สินใจแบบรวมศนู ย์อานาจจากบนสลู่ า่ ง สู่ การกระจายอานาจ การพฒั นาท่ีให้ความสาคญั กบั คนเป็นศนู ย์กลางและการมีสว่ นร่วมอย่างมี ความหมายของประชาชน การพฒั นาที่มงุ่ สกู่ ารสร้างและวางรากฐานความเข้มแขง็ ของชมุ ชนฐาน ราก การพฒั นาระบอบการเมืองประชาธิปไตยท่ีเป็ นสงั คมประชารัฐ การจะบรรลผุ ลแนวคดิ และเป้ าหมายการพฒั นาที่ยง่ั ยืนดง่ั กลา่ วมีความเห็นชอบร่วมกนั วา่ จาเป็น ท่ีจะต้องปฏิรูป แก้ไขที่ไมใ่ ชแ่ ตเ่ พียงแนวคดิ หากแตจ่ ะต้องแก้ไขปรับปรุงที่ระบบการเมือง การ ปกครอง ระบบการเมืองใหมท่ ี่ประชาชนมีสว่ นร่วมและตรวจสอบการดาเนินการบริหารจดั การ บ้านเมืองอยา่ งแขง็ ขนั รวมทงั้ การต้องนาเอาหลกั ธรรมาภิบาลมาเป็นทงั้ หลกั คดิ และวิธีการปฏิบตั ิ และสร้างกลไกที่มีประสทิ ธิภาพเพื่อบริหารจดั การหนว่ ยงานตา่ งๆ ที่สาคญั อีกประการหนงึ่ คือ การเหน็ ชอบร่วมกนั ที่จะต้องยกระดบั และสร้างความเข้มแขง็ เพมิ่ มากขนึ ้ ให้กบั ภาคประชาสงั คม 5

รวมทงั้ ได้รับการสง่ เสริมให้เข้ามามีบทบาทในการร่วมกาหนดการพฒั นา แก้ไขและป้ องกนั ปัญหา ตา่ งๆท่ีจะเกิดขนึ ้ การพัฒนาท่ยี ่งั ยืน การพฒั นาท่ียงั่ ยืนเป็นทงั้ แนวคดิ และเป้ าหมายที่ผ้คู นในสงั คมไทยพงึ่ ปรารถนาเหน็ ชอบร่วมกนั ซง่ึ ถกู ตีความและยอมรับร่วมกนั วา่ หมายถึง “การพฒั นาซงึ่ ความต้องการและการกระทาของคนรุ่น ปัจจบุ นั ดาเนนิ การโดยจะไมม่ ีผลกระทบในทางลบของความต้องการของคนรุ่นตอ่ ไปในอนาคต” ความหมายท่ีเห็นชอบร่วมกนั ดงั่ กลา่ วสืบเนื่องจากพบว่าการตอบสนองความต้องการของคนในรุ่น ปัจจบุ นั ได้สง่ ผลตอ่ การทาลายทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมอนั สร้างให้เกิดผลผลกระทบ ตามมาท่ีเป็ นในทางลบตอ่ ชีวิตความเป็นอยขู่ องคนรุ่นตอ่ ไปในอนาคต การพฒั นาที่ยงั่ ยืน จงึ เป็ นแนวคิดในการแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ ซงึ ้ การบรรลผุ ลจะต้อง ดาเนินการหลากหลายมิติ ทงั นีโ้ ดยได้ให้ความสาคญั เรื่องตา่ งๆกลา่ วคอื  การเสริมสร้างความเข้มแขง็ การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจการสร้างการเกิดรายได้ การ เพ่ิมผลผลิต และการมีงานทาซง่ึ นาไปสกู่ ารเสริมสร้างความเข้มแข็งของชมุ ชน ไมไ่ ป ทาลายทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม เช่ือมโยงสอดคล้องสมั พนั ธ์กบั ระบบนิเวศ และทนุ ทางสงั คมเดมิ ที่มีอยเู่ พื่อทาให้การเกิดผลผลติ การใช้และการจดั การ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมจาเป็นจะต้องดาเนนิ การ สอดคล้องกบั ฐานนเิ วศท่ี แตกตา่ งสง่ เสริมให้ชมุ ชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการดแู ลรักษา รวมทงั้ ฟื น้ ฟู ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ควบคไู่ ปกบั การใช้ท่ีมีการจดั การบนฐานความรู้ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาตไิ มใ่ ห้สญู หายไป หากแตม่ ีวิธีใช้และการจดั การเพื่อเพมิ่ ผลผลติ การมีรายได้ เพื่อให้มีการเพิ่มมลู คา่ อยา่ งชาญฉลาดและยงั คงการมีสภาพสี่ง แวดล้อมที่ดี  การสร้างเสริมและพฒั นาศกั ยภาพของคนหลากหลายรูปแบบ โดยไมล่ ะเลยมิตทิ าง วฒั นธรรม และภมู ปิ ัญญาของท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแขง็ ผสมผสานองค์ ความรู้ภายนอกอยา่ งเข้าใจรู้เทา่ ทนั สง่ เสริมทนุ ความรู้ ทนุ สงั คม และทนุ วฒั นธรรม อยา่ งเป็นระบบ  การเสริมสร้างประชาธิปไตย การมีสว่ นร่วมของประชาชน สง่ เสริมสทิ ธิมนษุ ยชน การ เสริมสร้างพลงั ชมุ ชนให้เป็นรากฐานมีความเข้มแข็ง กระบวนการตดั สนิ ใจเข้าร่วมใน นโยบายสาธารณะให้ความสาคญั กบั การให้ประชาชนเป็ นศนู ย์กลาง การพฒั นารวมทงั้ การพฒั นาการเมืองภาคประชาชนให้สามารถถว่ งดลุ และนาไปสกู่ ารแก้ไขปัญหา 6

ประสทิ ธิภาพในการบริหารในการทางานของหน่วยงานรัฐ ปัญหาระบบคอรับชนั่ ในเชิง นโยบาย  การสร้างให้เกิดความเสมอภาคในการพฒั นทงั้ ด้านเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง และ วฒั นธรรมโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการเสริมสร้าง เกียรตภิ มู ิและศกั ดศ์ิ รีของความเป็นมนษุ ย์ กรอบแนวคดิ ในการพฒั นาที่ยงั่ ยืน ได้ให้ความสาคญั ตอ่ การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดล้อมเป็นการวางรากฐานสกู่ ารพฒั นาที่ยง่ั ยืน ประเดน็ หวั ใจสาคญั ของการพฒั นาคือ ต้อง อนรุ ักษ์และฟื น้ ฟทู รัพยากรธรรมชาตเิ อาไว้ให้ได้ เนื่องจากฐานทรัพยากรธรรมชาตมิ ีความสาคญั อยา่ งย่ิงตอ่ การจะสืบสานและการดาเนนิ ชีวิตของผ้คู นในสงั คม ความอดุ มสมบรู ณ์ของฐาน ทรัพยากรหมายถึงการสร้างความมนั่ คงด้านอาหารของครอบครัว ของชมุ ชน ซงึ่ เป็นฐานของการ สร้างความมน่ั คงและหลกั ประกนั การพฒั นาอาชีพ และการมีรายได้ การพฒั นาท่ียง่ั ยืนให้เกิดขนึ ้ ต้องให้ความสาคญั ตอ่ กระบวนการปรับเปล่ียนโครงสร้างของสงั คมและกระบวนการตา่ งๆ ที่ปลอด จากการผกู ขาดทางเศรษฐกิจและการเมือง การพฒั นาท่ียง่ั ยืนจะต้องเป็นระบบท่ีมีความสมดลุ กนั ระหวา่ งคน สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี โดยมีการแบง่ ปันผลประโยชน์ จากการพฒั นาอยา่ งเป็นธรรม สร้างความเสมอภาคทางโอกาส บนพืน้ ฐานเสรีภาพและศกั ดิ์ศรีของความเป็นมนษุ ย์ .สร้าง สนั ตภิ าพเอือ้ ประโยชน์สขุ ให้แกผ่ ้คู นและสงั คมเป็นผ้รู ู้จกั การให้ การเผ่ือแผก่ บั ผ้อู ่ืน การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีภารดรภาพ การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีสนั ติ การชว่ ยเหลือเกือ้ กลู มีความเอือ้ อาทรและมิตรไมตรี ตอ่ กนั การบรรลผุ ลเป้ าหมายดงั กล่าวข้างต้น จะเป็ นไปได้ก็ตอ่ เม่ือมีการมีการปรับเปล่ียนวิธีคดิ ปรับ โครงสร้างระบบ ปฏิเสธวิธีคิดแบบแยกสว่ น ที่ไมเ่ ช่ือมโยงกบั ปัจจยั ตา่ งๆ ที่ไมเ่ ช่ือมโยงกนั รวมทงั้ ปฏิเสธระบบการบริหารการจดั การ การตดั สินใจแบบรวมศนู ย์อานาจ จากบนลงลา่ ง ปรับเปล่ีอน แนวการดาเนินการ บริหารการจดั การ จากท่ีภาครัฐเป็ นผ้มู ีบทบาทสาคญั ในการบริหารจดั การ มา เป็นการสง่ เสริมการมีสว่ นร่วมของประชาสงั คม ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารองค์การ รูปแบบใหม่ ที่มี การจดั ความสมั พนั ธ์ใหมร่ ะหวา่ งภาครัฐกบั ภาคประชาชน จากการคดิ และกาหนดเรื่องตา่ งๆจาก สว่ นกลางเพ่ือให้ประชาชนดาเนินการตามที่รัฐกาหนด มาเป็นการท่ีให้ประชาชนร่วมกาหนด ซง่ึ หมายถงึ การเปลี่ยนแนวทางการบริหารจดั การ จากลกั ษณะรัฐประชาชาติ (Nation state) มาเป็น ประชารัฐ (Civil state) ซง่ึ แนวคดิ ดงั กลา่ ว ปรับเปลี่ยนจากท่ีรัฐใช้อานาจอธิปไตยแทนประชาชน และรัฐมีบทบาทในการควบคมุ และแนวทางการบริหารการจดั การ มาเป็ นการเปิดโอกาสให้ ประชาชนหรือชมุ ชนมีสว่ นร่วมทงั้ ในระดบั ของการรับรู้การตดั สนิ ใจขององคก์ รภาครัฐ และในระดบั 7

การร่วมตดั สินใจซง่ึ ต้องมีข้อตกลงให้ชดั เจนของบทบาทภาครัฐภาคเอกชน และภาคประชาชน ใน การขบั เคลื่อนการพฒั นา ในลกั ษณะท่ีเป็นประชารัฐ การพฒั นาท่ียง่ั ยืนกบั ธรรมาภิบาลเป็นเรืองที่เป็นปัจจยั เช่ือมโยงและสมั พนั ธ์ตอ่ กนั โดยตรง ซงึ่ นาไปสคู่ วามจาเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปทงั้ ในด้านสงั คม ด้านเศรษฐกิจ การเมือง จงึ จะทาให้ เป้ าหมายการพฒั นาเพื่อขจดั และลดความยากจน รวมทงั้ การอนรุ ักษ์ และ ฟื น้ ฟู ทรัพยากรธรรมชาตมิ ีความเป็นจริงเกิดขนึ ้ ได้ ธรรมมาภบิ าลกับการพัฒนาท่ยี ่งั ยนื แนวคดิ ธรรมาภิบาล หรือ ธรรมรัฐ (Good Governance) ถือเป็ นยทุ ธศาสตร์ที่นาสทู่ ศิ ทางและ เป้ าหมายของการพฒั นยง่ั ยืน การนยิ ามความหมายของธรรมมาภิบาล แม้นจะมีสาระหนกั เบา แตกตา่ งกนั ของหลากหลายนกั คิด แตส่ ิ่งท่ีเหน็ ชอบร่วมกนั ก็คือ หมายถงึ ลกั ษณะและวิธีการใช้ อานาจของรัฐท่ีสร้างพืน้ ที่ให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีสว่ นร่วมในการบริหารจดั การบ้านเมือง สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทงั้ ในด้านเศรษฐกิจสงั คมและด้านการเมือง สงั คมข้อมลู ขา่ วสารได้ เข้ามาอทิ ธิพลตอ่ ชีวิตความเป็นอยขู่ องชาวไทย กระแสทนุ โลกาภิวฒั น์ยงั เป็นแรงสง่ ที่มีอตั ราที่เร่ง มากขนึ ้ ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจท่ีรุดหน้าไปอยา่ งไมห่ ยดุ ยงั้ ซง่ึ สง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองของประเทศไทย ในภาวะเชน่ นีส้ งั คมไทยจาเป็ นต้องสร้างการเตรียม ความพร้อมเพ่ือรับมือกบั ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขนึ ้ การขบั เคลื่อนสงั คมไปข้างหน้าโจทย์ ใหญ่มีอยวู่ า่ จะสร้างการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร จะนามาสกู่ ารพฒั นาที่ยง่ั ยืน คณุ ภาพที่ดีตอ่ ชีวิต ของผ้คู นตา่ งๆ ในสงั คม แนน่ อนวา่ ทิศทางดงั กลา่ วจะเกิดขนึ ้ ก็ตอ่ เมื่อกลไกตา่ ง ๆ ในสงั คม ได้มี การประสานกนั ทางานร่วมกนั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และท่ีสาคญั จะต้องมีการปรับเปลี่ยนทศั นคติ ในการทางานเพ่ือจะได้สร้างสงั คมใหมท่ ี่ลดปัญหาคลายภาวะวกิ ฤติ ก่อให้เกิดสงั คมที่มีความ ยตุ ธิ รรมความโปร่งใสและการมีสว่ นร่วมของผ้คู นกลมุ่ องค์กรตา่ งๆ ในสงั คม การพฒั นาโดยเฉพาะ อยา่ งยิง่ การนกั พฒั นาการเมืองการปกครองบนหลกั การประชาธิปไตยท่ีแท้จริง ไม่ใชภ่ าพไมใ่ ช่ ระบบพวกพ้อง แนวคดิ การบริหารจดั การบนฐานธรรมาภิบาลได้มีการแลกเปลี่ยน ถกเถียงกนั มานานกวา่ 10 ปี ประเดน็ ด้านแนวคดิ ในเรื่องดงั กลา่ วเป็นท่ีเห็นชอบร่วมกนั ปัญหาสาคญั อยทู่ ่ีการสร้างมาตรการที่ จะแปรมาตรการดงั กลา่ วส่กู ารปฏิบตั กิ ารท่ีเป็นรูปธรรม แนวคดิ การบริหารจดั การธรรมาภิบาล อยา่ งมีนยั ยะสาคญั หมายถึง การปกครอง การบริหาร การจดั การ การควบคมุ ดแู ลกิจการตา่ ง ๆ 8

ให้เป็นไปตามครรลองคลองธรรม รวมไปถงึ การมีศลี ธรรม คณุ ธรรม จริยธรรม ความถกู ต้องชอบ ธรรมทงั้ ปวงที่พงึ มีและพงึ ปฏิบตั ิ ทงั้ นีส้ ะท้อนรูปธรรมได้จากการบริหารจดั การองคก์ รที่มีความ โปร่งใส การสามารถตรวจสอบได้ การปราศจากการแทรกแซงของผ้มู ีอิทธิพล นกั การเมืองและ นายทนุ หลกั การที่เป็นหวั ใจสาคญั ของธรรมมาภิบาลจงึ อย่ทู ี่การรับการเข้ามามีสว่ นร่วมของภาค ประชาชนซงึ่ เป็นทนุ ทางสงั คม( Social capital) และทนุ ทางวฒั นธรรม (cultural Capital) ให้มี บทบาทเข้ามามีสว่ นร่วมทางานในขบวนการบริหารจดั การตา่ งๆของภาครัฐ โดยเช่ือวา่ จะมีนยั ยะ สาคญั นาไปสกู่ ารแก้วกิ ฤตการณ์ของสภาพสงั คมปัจจบุ นั อีกทงั้ เป็นการสร้างเสริมความเข้มแข็ง ของชมุ ชนท้องถ่ิน การหนนุ เสริมและสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง องค์ประกอบของหลักธรรมาภบิ าล หลักนิตธิ รรม เป็นการสร้างบรรทดั ฐานการดาเนินการท่ีไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ ไมล่ าเอียง มีการปฏิบตั ิ อยา่ งเสมอภาค และเป็นธรรมแก่ประชาชนโดยเทา่ เทียมกนั โดยตงั้ อยใู่ นการเหน็ ชอบด้วยกนั ใน สาระของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบงั คบั และ กตกิ าตา่ งๆ ให้เป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสงั คม และสมาชกิ ทกุ คนในสงั คมอย่ใู ต้ข้อกาหนดท่ีสมาชกิ ในสงั คมเหน็ ชอบร่วมกนั โดยมีการยนิ ยอม พร้อมใจและถือปฏิบตั ิร่วมกนั อยา่ งเสมอภาคและเป็ นธรรม ความเสมอภาคเป็นสทิ ธิขนั้ พืน้ ฐานท่ี ประชาชนควรได้รับในกิจกรรมทงั้ ด้านบริการ ด้านสวสั ดกิ าร รวมทงั้ การจดั หาสาธารณปู โภคที่ จาเป็นขนั้ พืน้ ฐานด้านตา่ งๆ มิใช่กระทากนั ตามอาเภอใจหรืออานาจของบคุ คล หลักคุณธรรม คอื การยึดถือและเชื่อมน่ั ใความถกู ต้องดงี าม โดยการรณรงคเ์ พ่ือสร้างคา่ นยิ มท่ีดี งามให้ผ้ปู ฏิบตั งิ านในองคก์ รหรือสมาชกิ ของสงั คมถือปฏิบตั ิ ได้แก่ ความซ่ือสตั ย์สจุ ริตความ เสียสละ ความอดทนขยนั หมน่ั เพียร ความมีระเบียบวนิ ยั เป็นต้น ควาโปร่งใส่ คอื คอื เป็นการตรวจสอบการถกู ต้องมีการเปิดเผยข้อมลู อยา่ งตรงไปตรงมาซง่ึ ส่งิ นี ้ จะชว่ ยในการแก้ปัญหาการทจุ ริตและการคอรัปชนั่ ทาให้สงั คมไทยเป็นสงั คมที่เปิดเผยข้อมลู ขา่ วสารอยา่ งตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบความถกู ต้องได้โดยการปรับปรุงระบบและ กลไกการทางานขององค์กรให้มีความโปร่งใสมีการเปิ ดเผยข้อมลู ขา่ วสารหรือเปิ ดให้ประชาชน สามารถเข้าถงึ ข้อมลู ขา่ วสารได้สะดวก ตลอดจนมีระบบหรือกระบวนการตรวจสอบและ ประเมนิ ผลที่มีประสิทธิภาพซงึ่ จะเป็นการสร้างความไว้วางใจซงึ่ กนั และกนั และชว่ ยให้การทางาน ของภาครัฐและภาคเอกชนปลอกจากการทจุ ริตคอรัปชนั่ 9

หลักความมีส่วนร่วม ของสมาชกิ ในสงั คม ทงั้ หญิงและชาย จะนาไปสู่ การให้ประชาชนได้เข้า มาร่วมคิดและร่วมตดั สินใจอนั ทาให้ประชาชนมีสว่ นร่วมรับรู้ และร่วมเสนอความเห็นในการ ตดั สนิ ใจสาคญั ๆ ของสงั คม โดยเปิ ดโอกาสให้ประชาชนมีชอ่ งทางในกาเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก การแจ้งความเห็น การไตส่ วน สาธารณะ การประชาพจิ ารณ์ การแสดงประชามติ หรืออื่นๆ และ ขจดั การผกู ขาดทงั้ โดยภาครัฐหรือโดยภาคธรุ กิจเอกชน ซงึ่ จะชว่ ยให้เกิดความสามคั คีและร่วมมือ กนั ระหวา่ งภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน หลักความรับผิดชอบ เป็นการให้ทกุ ฝ่ ายทาหน้าที่ของตนให้ดที ี่สดุ ในการทางาน กล้าที่จะ ตดั สินใจและรับผิดชอบตอ่ ผลการตดั สนิ ใจนนั้ ๆ ในหลกั การดงั กลา่ ว ผ้บู ริหาร ตลอดจนคณะ ข้าราชการ ทงั้ ฝ่ ายการเมืองและข้าราชการประจา ต้องตงั้ ใจปฏิบตั ภิ ารกิจตามหน้าท่ีอยา่ งดยี ่ิง โดยมงุ่ ให้บริการแกผ่ ้มู ารับบริการ เพ่ืออานวยความสะดวกตา่ ง ๆ มีความรับผิดชอบตอ่ ความ บกพร่องในหน้าท่ีการงานที่ตนรับผดิ ชอบอยู่ และพร้อมท่ีจะปรับปรุงแก้ไขได้ทนั ท่วงที หลกั ความคมุ้ ค่า ผ้บู ริหาร ต้องตะหนกั วา่ มีทรัพยากรคอ่ นข้างจากดั ดงั นนั้ ในการบริหารจดั การ จาเป็นจะต้องยดึ หลกั ความประหยดั และความค้มุ คา่ ซง่ึ จาเป็นจะต้องตงั้ จดุ มงุ่ หมายไปที่ ผ้รู ับบริการหรือประชาชนโดยสว่ นรวม การจะสร้างให้เกิดธรรมาภิบาลนนั้ มีความจาเป็นท่ีจะต้องมีการปฏิรูปวธิ ีการ การให้บริการของ หนว่ ยงานตามภาระหน้าท่ีให้มีคณุ ภาพได้มาตรฐาน มีความโปร่งใส กระบวนการทางานและการ ตดั สินใจ บนฐานการมีสว่ นร่วมของประชาชน ซงึ่ การเปล่ียนแปลงจะเกิดขนึ ้ ได้ก็ตอ่ เมื่อประเดน็ ธรรมาภิบาลได้ถกู ให้ความสาคญั และถกู กาหนดจากบคุ ลากรทกุ ระดบั ในองค์กรวธิ ีการแปรหลกั ธรรมาภิบาล สกู่ ารบริหารจดั การองคก์ รที่ดมี ีความหมายซง่ึ หมายถงึ - การสร้างความชอบธรรม(Legitimacy) และความรับผิดชอบในกิจการที่ได้กระทาลง ไป(Accountability) ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ในการปฏิบตั งิ าน - การมีอสิ รเสรีภาพในการรวมกลมุ่ และในการมีสว่ นร่วม (Freedom of Association and Participation) ของภาคประชาชนท่ี ปราศจากการเมือง การเลน่ พวก ประโยชน์ ต้องตอบแทน - การสร้างให้เกิดกรอบข้อตกลงที่เป็นกติกาท่ีเห็นชอบ ยอมรับการยึดถือใช้ร่วมกนั เชน่ ร่วมกนั สร้างกฎหมายที่ชดั เจน และเป็นระบบที่กอ่ ให้เกิดสภาวะท่ีมง่ั คง เป็น หลกั ประกนั ตอ่ ชีวิตและการทางานของพลเมือง รวมทงั้ เป็นสภาพแวดล้อมท่ี เอือ้ อานวยตอ่ ผ้กู ารปฏิบตั ติ อ่ ประชาชนกลมุ่ ตา่ งๆอยา่ งเสมอหน้ากนั ทงั้ กลา่ วคือ กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบงั คบั ตา่ งๆ จะต้องเปิดเผยเป็นที่รู้กนั ลว่ งหน้า ต้องมี 10

วธิ ีการท่ีประกนั การบงั คบั ใช้ กฎหมาย การตดั สนิ ข้อขดั แย้งต้องเป็นการตดั สินใจ โดยฝ่ ายตลุ าการ ท่ีเป็นอิสระและเช่ือถือได้ รวมถึงจะต้องมีกระบวนการในการ ปรับเปล่ียนกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ตา่ งๆ ได้ให้สอดคล้องกบั สถานการณ์ ใหมห่ รือยกเลิก เมื่อไมเ่ หมาะสม - การสร้างให้เกิดความรับผดิ ชอบตอ่ การดาเนินกิจการตา่ งๆของหนว่ ยงานภาครัฐ (Bureaucratic Accountability) โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในการจดั การงบประมาณของ รัฐซง่ึ จะต้องมีการควบคมุ ตดิ ตามประเมนิ ผล การปฏิบตั งิ านทงั้ ของรัฐและบคุ ลากร เพ่ือป้ องกนั มิให้ใช้ทรัพยากร โดยมิชอบ ทงั้ นีจ้ ะต้องมีความโปร่งใส (Transparency) ในการปฏิบตั ริ าชการทกุ ระดบั - การมีข้อมลู ข่าวสารท่ีนา่ เช่ือถือ โดยรัฐบาลจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถงึ ข้อมลู ขา่ วสาร เชน่ รายได้ของประชาชาติ ดลุ การชาระเงิน สภาพการจ้างงาน และ ดชั นีครองชีพ เป็นต้น-การบริหารหนว่ ยงานให้เกิดประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล - ความร่วมมืออยา่ งระหวา่ งรัฐบาล กบั องคก์ รของประชาสงั คม ซงึ่ หมายถงึ องค์กร ประชาชน (People’s organization) และองค์กรอาสาสมคั รเอกชน (NGOs) การดาเนนิ การตามหลกั ธรรมาภิบาลดงั กลา่ ว จะสง่ ผลสกู่ ารจดั การทรัพยากรท่ีมีอยบู่ นฐานของ ความต้องการของประชาชนที่หลากหลายและแตกตา่ ง ซง่ึ ประชาชนมีสว่ นร่วมตดั สนิ ใจและ รับผดิ ชอบในการตดั สินใจด้วยเหตผุ ลท่ีเหมาะสมและเห็นพ้องต้องกนั ของสงั คมอนั นาสกู่ ารลด ปัญหาความขดั แย้ง และนาไปส่กู ารพฒั นาทีกระจายผลประโยชน์สปู่ ระชาชนโดยรวม จากสภาพการบริหารบ้านเมืองดงั่ ท่ีเป็นอย่กู ารจะสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขนึ ้ เป็นจริงได้จะต้อง ปฏิรูปโครงสร้างการบริหาร กลไกและกระบวนการทางาน บทบาทหน้าที่ ของหน่วยงานตา่ งๆ ให้ สามารถบริหารทรัพยากรของสงั คมอยา่ งโปร่งใส ซ่ือตรงและเป็นธรรม อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและ ประสิทธิผล นาไปสกู่ ารจดั บริการของรัฐที่มีประสิทธิภาพซง่ึ ผลกระทบตกไปสปู่ ระชาชน ทงั้ นีเ้รื่อง ดงั กลา่ ว จะเกิดเม่ือบคุ ลากร หน่วยงานของรัฐต้องเปล่ียนทศั นคติ คา่ นยิ มของรัฐ ให้ทางานโดย ยดึ ถือประชาชนเป็นศนู ย์กลาง และให้ทางานทงั้ ภาคเอกชน และประชาชนได้อย่างราบรื่น ในสว่ น ของภาคประชาชนเองต้องตระหนกั และให้ความสาคญั ในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ตอ่ ตนเอง ชมุ ชน และสาธารณะ ในฐานะพลเมือง และเข้ามาขบั เคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลง ประชาสังคมกับธรรมาภบิ าลในสังคมไทย 11

ประชาสงั คมหรือบางครัง้ จะเรียกวา่ ภาคประชาชน ซ่ึงหมายถงึ กลมุ่ ปฏิบตั ทิ ่ีเกิดขนึ ้ จากการ รวมตวั ของกลมุ่ ตา่ งๆ ชนชนั้ ตา่ งๆ ท่ีมีแนวคดิ อดุ มการณ์ร่วมกนั มารวมตวั ร่วมมือ มีความสนใจ ในการเข้าร่วมในพืน้ ที่การเมืองสาธารณะ เพ่ือสร้างการเปล่ียนแปลงในสงั คม ตามอดุ มการณ์ แนวคิดขององคก์ ารประชาสงั คมการสร้างในสงั คมไทย มีบทบาทสาคญั ตอ่ การพฒั นา การสร้ าง การการเปลี่ยนแปลง การพฒั นาในสงั คม ไมใ่ ชต่ กอยู่ ภายใต้การบริหารจดั การของภาคการเมือง หนว่ ยงานของรัฐ และกลมุ่ ผ้มู ีอทิ ธิพล กลไกดงั กลา่ วกลไกท่ีเป็ นอสิ ระจากรัฐ และทนุ ซงึ่ มี บทบาทร่วมในการขบั เคล่ือน การสร้างการเปลี่ยนแปลงทงั้ ทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม รวมทงั้ การ พฒั นาทางการเมืองการพฒั นาระบอบประชาธิปไตย สงั คมไทยมีวฒั นธรรมการรวมตวั ทากิจกรรมตา่ งๆ ซงึ่ ถือวา่ เป็นต้นทนุ ทางสงั คม ซง่ึ การรวมตวั ของ ภาคประในการทากิจกรรมมีรูปแบบท่ีแตกตา่ งกนั ไป อาจจะเป็นกิจกรรมทางด้านวฒั นธรรม ทางด้านเศรษฐกิจ หรือแม้นแตก่ ิจกรรมทางด้านการเมือง แตส่ งิ่ ที่เหมือนกนั ของการดาเนิน กิจกรรมของการดาเนิน ของภาคประชาชน ดงั กลา่ วเป็นความสมั พนั ธ์แบบพหภุ าคี ของกลมุ่ บคุ คล ที่มีความสนใจ มีแนวคดิ มีอดุ มการณ์ ไปในทิศทางเดียวกนั รวมตวั ทากิจกรรมร่วมกนั ตามที่ สมาชิกให้ความเห็นชอบ การจดั ความสมั พนั ธ์ของสมาชิกไมใ่ ชก่ ารจดั ความสมั พนั ธ์เชิงอานาจ แต่ เป็นการจดั ความสมั พนั ธ์บนฐานโครงสร้าง สงั คมซง่ึ ตงั้ อยใู่ นความผกู พนั ความเตม็ ใจ ของกลมุ่ ผ้ทู ากิจกรรมร่วมกนั พฒั นาการชองประชาสงั คมในประเทศไทย ได้ยกระดบั จากต้นทนุ ทางสงั คมเดมิ ที่มีอยใู่ นระดบั ชมุ ชน สกู่ ารปฏิบตั กิ ารในมติ กิ ารเมืองเนื่องจากปัญหาผลกระทบจาก การบริหารการจดั การการ พฒั นาที่ภาคประชาชนไมไ่ ด้มีสว่ นร่วมในการกาหนด ในชว่ ง 2 ศตวรรษท่ีผา่ นมาพบวา่ ภาค ประชาสงั คม ได้มีบทบาทในการขบั เคลื่อน การมีสว่ นร่วมทางการเมือง การบริหาร การตดั สินใจ ในเรื่องตา่ งๆรวมทงั้ การจดั สรรทรัพยากรชมุ ชน และทรัพยากรของชาติ ที่จะสง่ ผลถงึ วถิ ีชีวติ และ ความเป็ นอย่ขู องประชาชนเพ่ิมมากขนึ ้ เป้ าหมาย การปฏิบตั ิการของภาคประชาสงั คม มีเพ่ือลด อานาจรัฐ ลดบทบาทหน้าท่ี จากการจดั การควบคมุ ดแู ลสง่ั การ มาเป็นผ้อู านวยและร่วมทางานกบั ภาคประชาสงั คม รวมทงั้ สง่ เสริมให้ชมุ ชน และองค์กรท้องถิ่น และประชาชนโดยตรงเองมีบทบาท ในการร่วมคดิ ร่วมตดั สนิ ใจ และร่วมตรวจสอบมากขนึ ้ โดยไมถ่ กู ครอบงาโดยรัฐ หรือการสง่ั การ แบบเดมิ ๆ ซง่ึ รวมศนู ย์อานาจอยทู่ ี่สว่ นกลางของภาครัฐและฝ่ ายการเมือง ภาคประชาสงั คมในสงั คมไทยมีบทบาทสงู ในการขบั เคลื่อนสกู่ ารปฏิรูปเศรษกิจ สงั คม และการเมือง เหน็ ได้จากบทบาทในการแก้ไขสาระเนือ้ หาในรัฐธรรมนญู ฉบบั ปี พ.ศ.2540 และ 12

ตอ่ มา ในรัฐธรรมนญู ปี พ.ศ.2550 ไมน่ บั รวมขบวนการภาคประชาชนท่ีขบั เคล่ือนวิถีทางเลือกใน การพฒั นาในด้านตา่ งๆเชน่ ขบวนการเกษตรยงั่ ยืน เครือขา่ ยป่ าชมุ ชน ขบวนการชาวไร่ชาวนา สมชั ชาคนจน เครือขา่ ยประมงพืน้ บ้าน เครือขา่ ยผ้หู ญิงพทิ กั ษ์สทิ ธิ ขบวนการแรงงาน และอื่นๆอีก มากการทางานภาคประชาสงั คมของไทยในการสร้างการเปล่ีอนแปลงดาเนินในรูปแบบ หลากหลายทงั้ ที่การขบั เคลื่อนทางการเมืองและการ การเข้าไปมีสว่ นร่วมในขบวนการทางานของภาครัฐเชน่ กระบวนการจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแหง่ ชาตซิ งึ่ สง่ เสริม การมีสว่ นร่วมของภาคประชาชน ในการกาหนดสาระสาคญั ของ แผนพฒั นาเศรษฐกิจสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 8 และตอ่ เน่ืองมาในแผนฉบบั ที่ 10 จะเหน็ วา่ บทบาท ของประชาสงั คมในสงั คมไทยมีขยายเพิ่มมากขนึ ้ ในชว่ ง 10 ปี หลงั ขบวนการภาคประชาชนมีสว่ น ขบั เคลื่อนท่ีเข็มข้นมากยง่ิ ขนึ ้ จากวกิ ฤตกิ ารรวมศนู ย์อานาจการบริหารบ้านเมืองโดยเฉพาะจาก ระบอบทกั ษิณที่ได้สร้างความเสียหายในการพฒั นาประเทศโดยรวมในทกุ ๆด้าน การข้ามก้าวให้พ้นวิกฤตของสงั คมไทยท่ีเผชญิ อย่ปู ัจจบุ นั ต้องการภาคประชาสงั คมที่ความ เข้มแข็งและมีบทบาทท่ีสาคญั ในการทางานร่วมกนั แก้ไขปัญหา รวมทงั้ การทางานร่วมกบั หนว่ ยงานอ่ืนๆ ทงั้ ภาครัฐและภาคเอกชนด้วยกนั บนฐานความเคารพในความคิดเห็นที่แตกตา่ ง และกล้าท่ีจะยอมรับในผลดีและผลเสียตอ่ การกระทาของตนเอง ด้วยการตระหนกั ในสิทธิหน้าท่ี ความสานกึ ในการรับผิดชอบตอ่ สงั คม และการร่วมกนั กาหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงซง่ึ เป็น เป้ าหมายท่ีเป็นภารกิจที่เหน็ ชอบร่วมกนั ประเดน็ การขับเคล่ือนสร้างธรรมาภบิ าล ของภาคประชาสังคม บทเรียนการขบั เคลื่อนสร้างสงั คมประชาธิปไตยเพ่ือแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม และ การเมืองที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ รวมทงั้ การสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การเมืองการ ปกครองและการบริหารจดั การองค์กรของหนว่ ยงานภาครัฐตา่ งๆ มีสาระเรื่องสาคญั หลายประเดน็ ที่ภาคประชาสงั คมจะต้องร่วมสร้างการเปลี่อนแปลงกลา่ วคอื 1 การร่วมกนั ขบั เคล่ือนสร้างการเปลี่อนแปลงในกระบวนการจดั ทานโยบาย สาธารณะของหน่วยงานตา่ งๆ ซงึ่ ดาเนินการโดยยงั ไมม่ ีหลกั ประกนั ของหลกั นิตธิ รรม นนั้ หมายถงึ กฎระเบียบข้อบงั คบั กฎหมายท่ีปฏิบตั ใิ ช้ยงั ไมห่ ลกั ประกนั ความเสมอภาค และความ เทา่ เทียม นอกจากนีย้ งั ไมม่ ีหลกั ประกนั การบงั คบั ใช้กฎหมายที่เป็นธรรม รวมทงั้ ยงั ไมเ่ อือ้ ตอ่ การ ควบคมุ และพฒั นาสงั คม ยงั คงเกิดปรากฎการณ์ การบงั คบั ใช้กฎหมาย ท่ีให้อานาจ ตวั บคุ คลท่ี ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบตั ิ 13

2 ปัญหาของการนาหลกั คณุ ธรรม มาเป็นหลกั ปฏิบตั ิ ในการปฏิบตั งิ านในสงิ่ ท่ี ถกู ต้องด้วยความซ่ือสตั ย์ จริงใจ ยึดถือพืน้ ฐานของศีลธรรม และจริยธรรม และเอือ้ ประโยชน์ต่อ สว่ นรวม 3 ปัญหาของความโปร่งใสในการบริหารจดั การของหนว่ ยงานตา่ งๆ ซงึ่ ทาให้คนไมม่ ี ความวางใจซง่ึ กนั และกนั การดาเนินงานตา่ งๆ ยงั ไมส่ ามารถที่จะตรวจสอบความถกู ต้องได้ 4 ปัญหาในเร่ืองของการมีสว่ นร่วม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การมีสว่ นร่วมของคนชายขอบ คนจน กระบวนการสว่ นร่วมในการร่วมคดิ และร่วมตดั สินใจของประชาชนในการกาหนดนโยบาย สาธารณะ โครงการตา่ งๆ ซงึ่ มีผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมกบั วิถีชีวิตความเป็นอยขู่ อง ประชาชนเนื่องจากเข้าไมถ่ งึ ข้อมลู ขา่ วสารการรับรู้ในเร่ืองตา่ งๆ รวมทงั้ หนว่ ยงานตา่ งๆ ไมไ่ ด้ใสใ่ จ อยา่ งเพียงพอในการรับฟังความคิดเห็นและเรียนรู้เร่ืองราวของภาคประชาชน 5 การถดถอยในความมงุ่ มน่ั ของผ้ปู ฏิบตั งิ านในองค์กร และความตงั้ ใจปฏิบตั งิ านบน ฐานความรับผิดชอบ เพ่ือให้สามารถบรรลคุ วามสาเร็จ และสร้างผลงานท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ สว่ นรวมเป็นสาคญั ซง่ึ พร้อมรับตอ่ การตรวจสอบตอ่ สาธารณะตลอดจนการเคารพในความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ ง 6 การบริหาร การจดั การ ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ มีลกั ษณะที่ขาดความโปร่งใส และเป็น ธรรมสง่ ผลให้เกิดปัญหา ระบบการตดั สนิ ใจท่ีไมม่ ีประสิทธิภาพ ไมถ่ ือประโยชน์สงู สดุ แกส่ ว่ นรวม หากแตเ่ กิดการฉ้อฉลผิดจริยธรรม เอือ้ ประโยชน์แก่เฉพาะบางกลมุ่ การทางานตามความ รับผดิ ชอบ ตามตาแหนง่ หน้าท่ีเกิดทจุ ริตประพฤตมิ ชิ อบ ปัญหาดงั กลา่ วที่เกิดขนึ ้ หากไมไ่ ด้รับการแก้ไขและป้ องกนั อยา่ งเร่งดว่ น ปัญหาและวิกฤตความ ยากจนท่ีประชาชนเผชิญอย่ยู ิ่งจะเลวร้ายเพิ่มขนึ ้ วาระประชาชนกับการสร้างธรรมมาภบิ าลในสังคมไทย ประเดน็ ตอ่ ไปนีเ้ป็นโจทย์ท่ีประชาชนขบั เคลื่อนเพื่อสร้างธรรมมาภิบาลในสงั คมไทยเรื่องตา่ งๆ ตอ่ ไปนีเ้ป็นวาระที่ประชาชนถือเป็นวาระสาคญั ที่มีนยั ยะสาคญั เพ่ือบรรลผุ ลการพฒั นาสกู่ ารสร้าง สขุ และคณุ ภาพชีวติ ท่ีดขี องสงั คมไทย 1. รัฐต้องดแู ลให้มีการปฏิบตั ิตามหลกั สิทธิมนษุ ยชน ค้มุ ครองสทิ ธิเสรีภาพของบคุ คล จดั ระบบกระบวนการยตุ ธิ รรมให้มีประสทิ ธิภาพ และอานวยความยตุ ธิ รรมแกป่ ระชาชนอยา่ ง รวดเร็วและเท่าเทียมกนั รวมทงั้ จดั ระบบงานราชการและงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ เพอ่ื ตอบสนองความต้องการของประชาชน 14

2. รัฐต้องสง่ เสริมและสนบั สนนุ การมีสว่ นร่วมของประชาชนในการกาหนดนโยบาย การ ตดั สินใจทางการเมือง การวงแผนพฒั นาทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง รวมทงั้ การตรวจสอบ การใช้อานาจทกุ ระดบั 3. รัฐต้องจดั ให้มีแผนพฒั นาการเมือง จดั ทามาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรมของผู้ ดารงตาแหนง่ ทางการเมือง ข้าราชการ และพนกั งานหรือลกู จ้างอื่นของรัฐ เพื่อป้ องกนั การทจุ ริต และประพฤตมิ ิชอบ และเสริมสร้างประสทิ ธิภาพในการปฏิบตั หิ น้าที่ 4. รัฐต้องการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินพง่ึ ตนเอง และตดั สนิ ใจในกิจการท้องถิ่นได้เอง พฒั นาเศรษฐกิจท้องถิ่นและระบบสาธารณปู โภค และสาธารณปู การตลอดทงั้ โครงสร้างพืน้ ฐาน สารสนเทศในท้องถ่ินให้ทงั่ ถึงและเทา่ เทียมกนั ทวั่ ประเทศรวมทงั้ พฒั นาจงั หวดั ท่ีมีความพร้อมให้ เป็นองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินขนาดใหญ่โดยคานงึ ถงึ เจตนารมณ์ของประชาชนในจงั หวดั นนั้ 5. รัฐต้องสง่ เสริมและสนบั สนนุ ให้ประชาชน มีสว่ นร่วมและรับรองสทิ ธิชมุ ชนในการสงวน บารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ ง สมดลุ รวมทงั้ มีสว่ นร่วมในการสง่ เสริมบารุงรักษา และค้มุ ครองคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมตามหลกั การ พฒั นาท่ียง่ั ยืน ตลอดจนควบคมุ และกาจดั มลพษิ ที่มีผลตอ่ สขุ ภาพอนามยั สวสั ดภิ าพ และ คณุ ภาพชีวติ ของประชาชน 6. รัฐต้องค้มุ ครองและพฒั นาเดก็ และเยาวชน สง่ เสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพฒั นาความเป็นปึกแผน่ ของครอบครัว และความเข้มแข็งของชมุ ชน รัฐต้อง สงเคราะห์คนชรา ผ้ยู ากไร้ ผ้พู กิ ารหรือผ้ทู พุ พลภาพและผ้ดู ้อยโอกาสให้มีคณุ ภาพชีวิตที่ดีและ พงึ่ ตนเองได้ 7. รัฐต้องสร้างหลกั ประกนั การเข้าถงึ การศกึ ษาและจดั การศกึ ษา จดั การศกึ ษาอบรบให้ เกิดความรู้คคู่ ณุ ธรรมจดั ให้มีกฎหมายเก่ียวกนั การศกึ ษาแหง่ ชาติ ปรับปรุงการศกึ ษาให้สอดคล้อง กบั ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสงั คม สร้างเสริมความรู้และปลกุ ฝังจติ สานกึ ท่ีถกู ต้อง เกี่ยวกบั การเมือง การปกครองระบบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริย์เป็นประมขุ สนบั สนนุ การ ค้นคว้าวิจยั ในศลิ ปวทิ ยาการตา่ งๆ เร่งรัดพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือการพฒั นา ประเทศพฒั นาวิชาชีพครูและสง่ เสริมภมู ิปัญญาท้องถ่ิน ศลิ ปะและวฒั นธรรมของชาติ 8. รัฐต้องจดั และสง่ เสริมการสาธารณสขุ ให้ประชาชนได้รับบริการท่ีได้มาตรฐานและมี ประสิทธิภาพอยา่ งทวั่ ถงึ 9. รัฐต้องดาเนินการให้มีการกระจายรายได้อยา่ งเป็นธรรม 10. รัฐต้องปฏิรูปการถือครองท่ีดนิ และการใช้ที่ดนิ อย่างเหมาะสมจดั หาแหลง่ นา้ เพ่ือ เกษตรกรอยา่ งทวั่ ถึง และรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลิตและการตลาดสินค้า 15

เกษตรกรให้ได้รับผลตอบแทนสงู สดุ รวมทงั้ สง่ เสริมการรวมตวั ของเกษตรกรเพ่ือการวางแผน การเกษตรและรักษาผลประโยชน์ร่วมกนั 12. รัฐต้องสง่ เสริมให้ประชากรวยั ทางานมีงานทา ค้มุ ครองแรงงานโดยเฉพาะแรงงาน เดก็ และแรงงานหญิง จดั ระบบแรงงานสมั พนั ธ์ การประกนั สงั คมรวมทงั้ คา่ ตอบแทนแรงงานให้ เป็ นธรรม 13 การสง่ เสริม แลtสร้างการมีสว่ นร่วมอยา่ งมีความหมาย ของสมาชกิ ทงั้ หญิง และชาย ในสงั คม ทงั้ นีก้ ารมีสว่ นร่วม คือการตดั สินใจท่ีสาคญั ในสงั คม ทงั้ นีก้ ารเรียกร้องของภาคประชา สงั คม คือ การเรียกร้องและผลกั ดนั ให้กลไกตา่ งๆ ทงั้ ภาคการเมือง หนว่ ยงานต่างๆ ทงั้ ภาครัฐ ได้สร้างหลกั ประกนั ในกระบวนการจดั ทานโยบายสาธารณะและโครงการที่จะต้องกาหนด ระเบยี บ ข้อบงั คบั รวมทงั้ กฎหมายท่ีใช้เป็นข้อตกลงในระดบั ตา่ งๆ ตงั้ แตร่ ะดบั องค์กรในท้องถิ่น ถึงในระดบั ประเทศ เพ่ือท่ีจะหมีหลกั ประกนั การมีสว่ นร่วม ก่อนจะมีการตดั สนิ ใจ ในนโยบาย และโครงการตา่ งๆ ท่ีมีผลตอ่ การพฒั นา และเก่ียวข้องในชีวิตความเป็ นอยู่ รวมทงั้ เก่ียวข้องกบั ตวั ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มใิ ชก่ ารตดั สินใจตามอาเภอใจ หรือให้อานาจกบั หนว่ ยงานของภาครัฐเป็นกลไกหลกั ในการดาเนินการการเปิ ดโอกาสให้ประชาชนมีสว่ นร่วม มี นยั ยะครอบคลมุ ถงึ เรื่องการรับรู้ และการเสนอความเห็นในประเดน็ ที่เก่ียวข้อง 14. การปฏิบตั ติ ามกฎที่เป็นธรรม และไมเ่ ลือกปฏิบตั โิ ดยให้ตามกฎธรรมาภิบาล บนฐาน ของกรอบกฎหมายท่ีไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ ไมล่ าเอียง มีการปฏิบตั อิ ยา่ งเป็ นธรรม และเสมอภาคกบั ประชาชนอยา่ งเทา่ เทียมกนั ของทกุ คนในสงั คม ซงึ่ จะต้องอยภู่ ายใต้ข้อกาหนดของกฎหมายท่ี เห็นชอบร่วมกนั หมายถงึ การเปล่ียนแปลงตวั กฎหมายท่ีไมเ่ ป็นธรรม 15.สร้างการเปลี่ยนแปลงในขบวนการปฏิบตั กิ ารของหน่วยงานตา่ งๆที่เก่ียวข้องให้มีความ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ สามารถเข้าถงึ และมีการเปิ ดเผยข้อมลู อยา่ งตรงไป ตรงมา รวมทงั้ สามารถตรวจสอบ และรายงานผลการดาเนนิ งาน โดยมีการส่ือสารกบั สาธารณะอยา่ งเป็น รูปธรรม 16.การพฒั นาและปลกู ฝังคณุ ธรรม และจริยธรรม เริ่มสร้างแนวความคดิ ให้กบั บคุ ลากร และผ้ปู ฎิบตั ใิ นทกุ ระดบั ทงั้ ภาครัฐ และเอกชน ในการปฏิบตั งิ านที่มีความซ่ือสตั ย์ จริงใจ ยดึ มน่ั ในความถกู ต้องดงี าม บนพืน้ ฐานของศีลธรรมและจริยธรรม ตามกฎเกณฑ์ ซง่ึ เป็นที่เห็นชอบ และยอมรับร่วมกนั 5.การตรวจสอบจากสาธารณะ มีความรับผดิ ชอบของผ้ปู ฏิบตั งิ านในระดบั ตา่ งๆ รวมทงั้ กล้ายอมรับผลที่เกิดขนึ ้ จากการปฏิบตั งิ านทงั้ ท่ีเป็นผลดี และผลท่ีเสียหาย พร้อมแสดง ข้อเท็จจริงในการประกอบภารกิจตอ่ สาธารณชน สามารถชีแ้ จงเหตผุ ลได้ 16

6.สร้างความเปล่ียนแปลง ตงั้ อยบู่ นสิทธิขนั้ พืน้ ฐานท่ีประชาชนพงึ ได้รับจากหนว่ ยงาน ภาครัฐ ในด้านเศรษฐกิจ สงั คมและการเมือง ทงั้ ภาคบริการ และการพฒั นาตา่ งๆ ซงึ่ จะต้อง ดาเนินการบนหลกั ของประสิทธิภาพ และประโยชน์สว่ นรวม มีหลกั ประกนั การเข้าถึงและการได้รับ ผลประโยชน์ของกลมุ่ คนชายขอบ และกลมุ่ ผ้เู ปราะบาง ------------------------------------------------------------------------------ 17

เอกสารอ้างอิง อนชุ าติ พวงสาลาและกฤตยิ า อาชวนชิ กลุ บรรณาธการขบวนการประชาสงั คมไทยการเคล่ือนไหว ภาคพลเมืองกรุงเทพ โครงการวจิ ยั และพฒั นาประชาสงั คม มหาวิทยาลยั มหดิ ลปี 2542 สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการรวมกฎหมายสาคญั เกี่ยวข้องกบั การพฒั นาระบบ ราชการกรุงเทพ สานกั งานคณะกรรมพฒั นาระบบราชการ 2546 บงกช สทุ ศั น์ ณ อยธุ ยา ประชาสงั คมรากฐานการพฒั นาประเทศ คณะสงั คมศาสตร์และมนษุ ย์ ศาสตร์มหาวิทยาลยั นอร์ทเชียงใหม่ คณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ร่างแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 10 http://www.unescap.org/ ชยั อนนั ต์ สมทุ รวนชิ .2541. ธรรมาภิบาลกบั การพฒั นาที่ยง่ั ยืน http://maracrack.hypermart.net/index103.htm ดร.สธุ รรม รัตนโชติ สาขาวชิ าการจดั การธรุ กิจทว่ั ไป คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร วิททยาเขตสารสนเทศเพชรบรุ ี 2548 ประชาไท http://www.prachatai.com รายงานสถาบนั วิจยั เพื่อการพฒั นาประจาปี 2549 เร่ืองสหู่ นงึ่ ทศวรรษหลงั วิกฤตเิ ศรษฐกิจ: ได้ เรียนรู้และปรับปรุงอะไรบ้าง สถาบนั วจิ ยั สงั คมจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ขบวนการประชาสงั คมในบริบทเปล่ียนผา่ นสู่ ประชาธิปไตย การสร้างธรรมาภิบาลในขบวนการพฒั นาสงั คม http://www.codi.or.th http://www.tsu.ac.th http://portal.unesco.org ประยทุ ธ์ ปยตุ โต.2546 การพฒั นาท่ียง่ั ยืน (Sustainable Development)(พมิ พ์ครัง้ ที่ 9). กรุงเทพมหานคร:สานกั พมิ พ์มลู นธิ ิโกมลคมี ทอง 18


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook