ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ ท่วมท้นนภา โอบกอด มอิ าจแปรผนั พ้นภัยพาล สดุ คณานบั ฟูมฟักเนิ่นนาน เตมิ คาในช่องว่างให้เป็น ทว่ มทน้ นภา บทประพันธท์ ไ่ี พเราะ และ พระคุณบดิ รมารดา สดุ จะหาใดเปรียบปาน มเี นอ้ื ความสมบูรณ์ โอบกอดพน้ ภยั พาล ฟูมฟักเนิ่นนาน นบั กาลลกู น้นั เติบโต
กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ บทประพนั ธ์ท่ีนิยมแตง่ ขนึ้ เพือ่ ใช้แสดงอารมณ์ โศกเศร้า สะเทอื นใจ
ฉนั ทลกั ษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘
ฉนั ทลกั ษณ์ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท
ฉนั ทลักษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท ๑ วรรค
ฉนั ทลักษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท ๑ วรรค
ฉนั ทลักษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท ๑ วรรค
ฉนั ทลักษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท ๑ วรรค
ฉนั ทลักษณ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ บท ๑ วรรค
แนวทางการแต่ง กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ๑ คาสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๓ หากใชเ้ สยี งจตั วา จะทาใหไ้ พเราะยิ่งข้นึ ๒ อาจมีการเลน่ คา ซา้ คา ในคาที่ ๑ และคาท่ี ๓ ในวรรค เช่น กะลงิ กะลาง
ตวั อย่างบทประพันธ์ กาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ บดิ รมารดา สรรค์สรา้ งชวี า หว่ งหาอาทร จบั คคู่ าสมั ผัส ใสใ่ จทกุ สิง่ รูจ้ ริงทุกตอน แตว่ นั ยนั นอน บ่ห่อนเหนอื่ ยนา ใหถ้ กู ตอ้ ง รักลกู สดุ ใจ คอยค้มุ กนั ภยั ดว้ ยใจเมตตา จนลกู เตบิ ใหญ่ ใส่ใจเร่อื ยมา ทุม่ เทกายา เพือ่ ลกู รักเอย
สรุปบทเรียน กาพยย์ านี ๑๑ กาพย์ฉบงั ๑๖ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ ฉันทลกั ษณ์ ฉันทลักษณ์ ฉันทลักษณ์ • ๑ บทมี ๒ บาทมี ๒ วรรคหนา้ มี ๕ พยางค์ วรรคหลังมี • ๑ บทมี ๓ วรรค วรรคหน้ามี ๖ พยางค์ วรรคหลงั • ๑ บทมี ๗ วรรค วรรคละ ๔ พยางค์ • คาท้ายของวรรคท่ี ๑ สมั ผสั กบั คาทา้ ยของวรรคที่ ๒ ๖ พยางค์ มี ๔ พยางค์ • คาทา้ ยของวรรคท่ี ๓ สมั ผัสกบั คาท้ายของวรรคท่ี ๕ • คาท้ายของวรรคท่ี ๑ สัมผัสกับคาท่ี ๑ ๒ หรือ ๓ ของ • คาท้ายของวรรคที่ ๑ สมั ผัสกับคาทา้ ยของวรรคที่ ๒ • คาทา้ ยของบทแรกสมั ผสั กับคาท้ายของวรรคท่ี ๑ และ ๖ วรรคที่ ๒ • คาทา้ ยของวรรคท่ี ๔ สัมผัสกับคาที่ ๑ หรือ ๒ ของ • คาทา้ ยของวรรคที่ ๒ สัมผสั กบั คาท้ายของวรรคท่ี ๓ ในบทถัดไป วรรคท่ี ๕ และนยิ มสง่ สัมผสั ต่อไปยงั คาที่ ๑ ๒ หรอื ๓ ในวรรคที่ ๔ แนวทางการแตง่ • คาท้ายของบทแรกสัมผสั กบั คาท้ายของวรรคที่ ๓ ใน • คาท้ายของบทแรกสัมผสั กบั คาทา้ ยของวรรคที่ ๒ ในบท • คาสดุ ทา้ ยของบทนยิ มใชเ้ สยี งสามญั และจตั วา • สมั ผสั ภายในวรรคนิยมใช้เป็นคู่ ๆ ทง้ั สัมผัสสระและ บทถดั ไป ถดั ไป แนวทางการอ่าน แนวทางการแตง่ สัมผสั อักษร • คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๓ หากใชเ้ สียงจตั วา จะทาให้ • คาสุดทา้ ยของบทนยิ มใช้เสียงสามัญและจัตวา • ไมใ่ ชค้ าสมั ผัสทีม่ ีเสยี งเดยี วกนั ไพเราะย่งิ ขึ้น • สมั ผสั ภายในวรรคจะมีหรือไม่มกี ไ็ ด้ • อาจมีการเลน่ คา ซ้าคา การแตง่ บทประพันธป์ ระเภทร้อยกรอง ควรศกึ ษารูปแบบฉันทลักษณแ์ ละแนวทางการแต่ง เพื่อให้แต่งไดถ้ กู ตอ้ งและไพเราะ นอกจากน้กี ารแต่งบทรอ้ ยกรองยังชว่ ยฝกึ ทกั ษะการใชภ้ าษาและเปน็ การอนุรกั ษม์ รดกทางภาษาอีกดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112