Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักการคิดเชิงออกแบบและนวัตกรรมธุรกิจดิจิทัล

หลักการคิดเชิงออกแบบและนวัตกรรมธุรกิจดิจิทัล

Published by tamcomed50, 2021-01-14 06:15:56

Description: หลักการคิดเชิงออกแบบและนวัตกรรมธุรกิจดิจิทัล

Search

Read the Text Version

รายวชิ า หลกั การคดิ เชิงออกแบบและนวตั กรรมธุรกิจดิจิทัล (Design Thinking and Business Digital Innovation)

กระบวนการคดิ เชงิ ออกแบบ (Design Thinking) เคร่อื งมอื สาคญั ของการสร้าง ความสาเรจ็ ให้องคก์ ร ประเด็นสำคัญ  กระบวนกำรคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking) จะทำใหเ้ รำมองเห็นวธิ กี ำรใหมๆ่ ในกำรแก้ไขปัญหำ สรำ้ งสรรค์ ส่ิงใหม่ๆ ตลอดจนสร้ำงนวัตกรรมตอบโจทยผ์ ู้บริโภคได้  กระบวนกำรคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking) จะทำให้เรำรู้จกั มองปญั หำตลอดจนโจทย์ของกำรทำงำนต่ำงๆ ไดร้ อบทิศและรอบคอบขน้ึ  กระบวนกำรคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking) ฝกึ ใหม้ ีกำรคิดอย่ำงเป็นระบบ เปน็ ขน้ั ตอน และมีลำดบั กำร บรหิ ำรจัดกำรท่ดี ไี ม่ว่ำจะนำไปใช้กับกำรปฏบิ ัติงำนอยำ่ งไรกต็ ำม  ทำไมกำรคดิ เชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) จงึ มีควำมสำคัญกบั องคก์ รในยุคปัจจุบัน  ประโยชนข์ องระบบกำรคิดเชิงออกแบบ  กระบวนกำรของกำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) o 1.Empathize – เขำ้ ใจปญั หำ o 2.Define – กำหนดปญั หำให้ชดั เจน o 3.Ideate – ระดมควำมคิด o 4.Prototype – สร้ำงต้นแบบทเ่ี ลอื ก o 5.Test – ทดสอบ  โมเดลเพชรคู่ (Double Diamond) กระบวนกำรของกำรคดิ เชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) ท่นี ำมำประยกุ ต์ใช้กบั องค์กรได้อยำ่ งเหมำะสม o  ขน้ั ตอนที่ 1 : คน้ พบ – Discover  ขน้ั ตอนที่ 2 : บ่งชี้ / กำหนด – Define  ขน้ั ตอนที่ 3 : พฒั นำ – Develop  ขั้นตอนที่ 4 : นำไปปฎิบัตจิ รงิ – Deliver  บทสรุป

ทำไมองคก์ รต้องเรียนร้เู ร่อื ง Design หรอื “กำรออกแบบ” ท้งั ๆ ที่องค์กรไมไ่ ด้ทำธุรกจิ เกย่ี วกับควำมสร้ำงสรรค์, ศลิ ปะ, ผลติ ผลติ ภัณฑ์ หรอื แม้แตด่ ำ้ นสถำปตั ยกรรมเลยแมแ้ ตน่ ้อย ควำมคิดเหล่ำนนั้ เปน็ ควำมคดิ ด้ังเดิมแบบยุค เก่ำท่ีตอ้ งทำควำมเข้ำใจกับเร่อื งของ “กำรออกแบบ” ใหม่ เพรำะในยุคนีก้ ำรออกแบบหรือ Design นัน้ เป็นได้ มำกกวำ่ แคก่ ำรคิดค้นสร้ำงสรรคส์ งิ่ ใหม่ๆ ใหอ้ อกมำเป็นวัตถุจับตอ้ งได้ แต่กำรออกแบบจรงิ ๆ แลว้ สำมำรถนำไป ประยกุ ต์ใชไ้ ด้กับทุกอตุ สำหกรรมเลยทีเดยี ว กำรออกแบบทกี่ ำลังถูกนำมำใชอ้ ยำ่ งกว้ำงขวำงกบั องค์กรต่ำงๆ น้ันกค็ อื Design Thinking หรือ “กระบวนกำรคดิ ในเชงิ ออกแบบ” นั่นเอง กระบวนกำรคดิ นีถ้ กู นำมำประยุกต์ใชก้ บั กำรบริหำรองคก์ รตลอดจนปลกู ฝังระบบวธิ คี ิด รปู แบบนใี้ ห้กับบุคลำกรในองคก์ รท่ีจะนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นกำรทำงำนของตนเองไดด้ ้วย ซง่ึ กระบวนกำรคดิ ใน รูปแบบน้ีมลี กั ษณะและกระบวนกำรทส่ี รำ้ งสรรค์ขึน้ มำซ่งึ ถอื วำ่ เปน็ หลกั กำรทีช่ ว่ ยทำใหอ้ งค์กรประสบควำมสำเร็จ ไดอ้ ย่ำงดที ีเดียว Design Thinking คืออะไร? กระบวนการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking) คอื กระบวนกำรคดิ เพอื่ แก้ไขปญั หำหรอื โจทย์ให้ถกู จุด ตลอดจนพัฒนำแนวคดิ ใหมๆ่ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หำหรือโจทย์ท่ตี ั้งไว้ เพอื่ ที่จะหำวิถีทำงท่ีดีทสี่ ดุ และเหมำะสมทสี่ ุด กำร แก้ปญั หำบนพ้ืนฐำนกระบวนกำรนี้จะเนน้ ยึดไปทหี่ ลกั ของผู้ใช้/ผ้บู รโิ ภค (User-centered) เป็นหลัก โดยมเี จตนำ ในกำรสร้ำงผลลพั ธใ์ นอนำคตท่ีเปน็ รูปธรรม เพอ่ื ให้ตอบโจทย์ตลอดจนแก้ปัญหำได้อยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพ รวมไปถึง เกดิ นวัตกรรมใหมๆ่ ทีเ่ ป็นประโยชน์อีกดว้ ย

ทาไมการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) จึงมคี วามสาคัญกับองคก์ รในยคุ ปจั จบุ ัน กำรนำเอำกระบวนกำรของกำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) น้นั อำจจะเห็นผลชดั เจนและเขำ้ ใจ ไดแ้ จ่มแจง้ กว่ำสำหรับกระบวนกำรคิดผลติ ภณั ฑ์ใหมๆ่ เพ่ือแกไ้ ขปญั หำใหผ้ ู้บรโิ ภคตลอดจนตอบโจทยท์ ่ผี ู้บรโิ ภค ตอ้ งกำร รวมไปถงึ สำมำรถผลติ สนิ คำ้ และบริกำรขน้ึ มำเพือ่ อดุ รูร่วั ของตลำดน้ันๆ ตลอดจนสร้ำงนวัตกรรมใหม่ทีย่ งั ไม่เคยเกิดข้ึนกไ็ ด้ ซงึ่ กำรคิดโดยนำเอำกระบวนกำรคดิ เชิงออกแบบมำใช้ให้เกิดประโยชน์นี้จะทำใหเ้ รำเขำ้ ใจปญั หำ อย่ำงถ่องแท้ และผลิตสินค้ำหรือบริกำรเพื่อตอบโจทย์ตลำดตลอดจนแกไ้ ขปญั หำไดอ้ ย่ำงแท้จริง สำหรับกำรบริหำรองคก์ รเองนั้น กำรประยุกต์เอำรปู แบบกระบวนกำรของกำรคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) มำใชอ้ ำจทำให้เรำร้จู ักคิดวเิ ครำะหใ์ นปัญหำท่ีเกดิ ข้ึนมำกขน้ึ ร้อู ยำ่ งถ่ีถว้ น ถ่องแท้ ละเอียด ซงึ่ บำงครัง้ ทำให้เรำอำจร้ถู งึ ปัญหำที่แท้จรงิ ทซ่ี ่อนอยู่ได้กเ็ ป็นได้ นน่ั ทำใหเ้ รำจับจดุ ปญั หำได้ถกู และมีวิธีกำรในกำรแก้ไข ปญั หำทีเ่ ปน็ ลำดับ มีกำรคดิ วิเครำะหว์ ธิ แี กไ้ ขอยำ่ งถถี่ ้วน และรอบด้ำน น่ันทำใหเ้ รำสำมำรถมองวธิ กี ำรแก้ปญั หำ ตำ่ งๆ ไดร้ อบมุม หลำกหลำยมุมมอง และทำให้สำมำรถแก้ไขปัญหำได้อย่ำงมีประสิทธิภำพมำกขนึ้ หรอื ไมก่ ็ สำมำรถหำทำงแก้อื่นสำรองได้ทนั ท่วงทีหำกทำงแกท้ เี่ ลอื กไม่ประสบผลสำเร็จ เพรำะเรำไดล้ องมองทกุ มมุ มำแลว้ นอกจำกนัน้ กระบวนกำรของกำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) ยังกอ่ ให้เกิดกำรคิดแบบ สร้ำงสรรคใ์ นรูปแบบใหม่ๆ ท่ีจะนำมำคดิ วิเครำะห์แกป้ ัญหำ พยำยำมหำหนทำงทีม่ ำกกว่ำสิ่งที่ตนเองคุ้นเคย ตลอดจนสรำ้ งนวตั กรรมใหม่ๆ ขนึ้ ได้เชน่ กัน ซงึ่ ก็รวมถึงนวตั กรรมท่ีเก่ยี วกับกำรบริหำรองคก์ รได้ดว้ ยเชน่ กัน

ในยุคท่ีมีกำรแขง่ ขันทำงธุรกจิ สงู นี้ใครๆ ต่ำงกข็ วนขวำยที่จะหำทำงคดิ ผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ ำรเพอ่ื ตอบโจทย์ผู้บริโภค ให้ได้มำกท่ีสุด ตลอดจนคิดหำวธิ ีทำใหอ้ งค์กรประสบควำมสำเรจ็ ได้ยอดเยย่ี มที่สดุ นัน่ เลยทำใหห้ ลำยองค์กรมีกำร นำเอำกำรคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) น้ีมำใช้ในธุรกิจของตน รวมไปถึงองค์กรใหญ่ระดบั โลก อย่ำง Google, Apple หรือแม้แต่ Airbnb ทน่ี ำเอำกระบวนกำรคดิ รปู แบบน้ไี ปใช้ในองคก์ รจนประสบควำมสำเร็จ มำแลว้ และนน่ั กท็ ำใหห้ ลำยองคก์ รต่ำงนำมำใชก้ ับองคก์ รของตนบำ้ ง และสร้ำงควำมสำเร็จไดไ้ มแ่ พ้กันเลยทีเดยี ว ประโยชน์ของระบบการคิดเชิงออกแบบ กำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) มปี ระโยชน์มำกมำย ทัง้ ต่อบคุ ลำกรไปจนถึงองค์กรเลยทเี ดยี ว ซ่ึงประโยชน์ในด้ำนตำ่ งๆ นน้ั มดี ังนี้

 ฝึกกระบวนการแกไ้ ขปญั หาตลอดจนหาทางออกทเ่ี ปน็ ลาดับขนั้ ตอน : ปกติเรำอำจจะมกี ำรหำทำงแกป้ ัญหำ แบบสะเปะสะปะ ไม่มกี ำรหำสำเหตุ หรือไมม่ กี ำรมองรอบด้ำน กระบวนกำรนี้จะทำให้เรำมองอย่ำงรอบคอบและ ละเอยี ดมำกขน้ึ ทำให้เรำเข้ำใจปญั หำได้อย่ำงถอ่ งแท้ และแก้ไขได้ตรงจดุ  มที างเลือกทหี่ ลากหลาย : กำรคดิ บนพ้ืนฐำนข้อมูลทมี่ ีหลำกหลำย ตลอดจนพยำยำมคดิ หำวิถีทำงหรือแชร์ไอเดีย ที่ดีออกมำหลำกหลำยรูปแบบ ทำให้เรำมองเห็นอะไรรอบดำ้ น และมีตัวเลือกทดี่ ที ี่สดุ ก่อนนำไปใช้แก้ปญั หำจริง หรือนำไปปฎบิ ัติจรงิ  มตี วั เลือกท่ีดีทสี่ ดุ เหมาะสมที่สุด : เม่ือเรำมตี ัวเลอื กหลำกหลำยเรำก็จะรจู้ ักคิดวิเครำะห์ และกำรคิดวเิ ครำะห์น้ี เองจะทำให้เรำสำมำรถเลอื กทำงเลือกท่ดี ีและเหมำะสมทีส่ ดุ ได้ มปี ระสิทธภิ ำพมำกกวำ่  ฝึกความคิดสร้างสรรค์ : กำรแชรไ์ อเดีย ตลอดจนระดมควำมคิดนน้ั จะทำให้สมองเรำฝกึ คดิ หลำกหลำยรปู แบบ หลำกหลำยวธิ กี ำร หลำกหลำยมมุ มอง และทำให้เรำรูจ้ กั หำวิธแี ปลกๆ ใหม่ๆ ซ่ึงเปน็ พ้ืนฐำนในกำรฝึกควำมคิด สรำ้ งสรรค์ท่ดี ี ที่เป็นพ้นื ฐำนทีด่ ีในกำรแกป้ ญั หำ ตลอดจนกำรบรหิ ำรจัดกำรเช่นกนั  เกิดกระบวนการใหม่ตลอดจนนวตั กรรมใหม่ : มกี ำรคิดมำกมำยหลำกหลำยรูปแบบ ตลอดจนแชร์ไอเดียดีๆ มำกมำย กำรทเี่ รำได้พยำยำมฝึกคิดจะทำให้เรำมักค้นพบวธิ ีใหม่ๆ เสมอ หรือเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมำได้เช่นกนั  มแี ผนสารองในการแกป้ ัญหา : กำรคิดที่หลำกหลำยวธิ นี อกจำกจะทำให้เรำสำมำรถวิเครำะหเ์ ลอื กวธิ ที ี่ดที ส่ี ดุ ได้ แลว้ น้นั กย็ งั ทำใหเ้ รำมตี วั เลือกสำรองไปในตวั โดยผ่ำนกระบวนกำรลำดบั ควำมสำคญั มำเรียบร้อยแล้ว ทำใหเ้ รำ สำมำรถเลอื กใช้แกป้ ัญหำไดท้ นั ทว่ งทหี ำกวิธกี ำรที่เลอื กไมป่ ระสบควำมสำเร็จ  องคก์ รมีการทางานอยา่ งเป็นระบบ : เม่ือบุคลำกรถูกฝกึ ใหค้ ดิ อย่ำงเปน็ ระบบแบบแผนแล้วจะปลูกฝังระบบกำร ทำงำนที่ดี น่ันยอ่ มส่งผลให้องค์กรมกี ำรทำงำนอย่ำงเป็นระบบ และทำงำนไดม้ ปี ระสิทธิภำพมำกขนึ้ ดว้ ย เพม่ิ ศกั ยภำพใหก้ บั บุคลำกรและองคก์ รไปในตัว กระบวนการของการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) กำรทำควำมเขำ้ ใจในขัน้ ตอนกำรคดิ เชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) จะสำมำรถทำใหเ้ รำลำดับกำร ปฎบิ ตั กิ ำร ตลอดจนร้วู ธิ คี ิดและกระบวนกำรในกำรแกไ้ ขปญั หำต่ำงๆ ไปจนถงึ สำมำรถสรำ้ งนวตั กรรมหรือผลลัพธ์ เพื่อมำตอบโจทย์ทต่ี อ้ งกำรได้ ซ่ึงกระบวนกำรของกำรคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) ในรูปแบบ สำกลนัน้ มีกำรสร้ำงสรรคข์ ึน้ มำได้อย่ำงน่ำสนใจและเปน็ ขน้ั ตอนดงั น้ี

1.Empathize – เขา้ ใจปัญหา ขั้นแรกตอ้ งทำควำมเขำ้ ใจกับปัญหำใหถ้ ่องแท้ในทุกมุมมองเสียก่อน ตลอดจนเข้ำใจผู้ใช้กล่มุ เป้ำหมำย หรอื เข้ำใจ ในส่ิงทเ่ี รำต้องกำรแกไ้ ขนี้เพ่อื หำหนทำงท่ีเหมำะสมและดีทีส่ ุดใหไ้ ด้ กำรเข้ำใจคำถำมอำจเริ่มตั้งด้วยกำรต้งั คำถำม สร้ำงสมมตฐิ ำน กระตุน้ ให้เกิดกำรใช้ควำมคิดทนี่ ำไปสูค่ วำมคิดสร้ำงสรรค์ท่ีดีได้ ตลอดจนวิเครำะห์ปัญหำใหถ้ ้วนถี่ เพือ่ หำแนวทำงท่ีชดั เจนใหไ้ ด้ กำรเข้ำใจในปัญหำอย่ำงลึกซ้งึ ถกู ตอ้ งนน้ั จะนำไปส่กู ำรแก้ปัญหำที่ตรงประเด็นและ ไดผ้ ลลพั ธ์ท่ียอดเยยี่ ม 2.Define – กาหนดปญั หาให้ชดั เจน เมื่อเรำรถู้ ึงข้อมลู ปญั หำท่ีชดั เจน ตลอดจนวิเครำะห์อยำ่ งรอบดำ้ นแล้ว ให้นำเอำขอ้ มูลท้ังหมดมำวิเครำะห์เพื่อท่ีจะ คัดกรองให้เป็นปญั หำทีแ่ ทจ้ รงิ กำหนดหรือบง่ ชป้ี ัญหำอยำ่ งชัดเจน เพ่อื ที่จะเป็นแนวทำงในกำรปฎิบตั กิ ำรต่อไป รวมถงึ มีแกน่ ยึดในกำรแกไ้ ขปัญหำอย่ำงมที ศิ ทำง 3.Ideate – ระดมความคดิ กำรระดมควำมคดิ น้คี ือกำรนำเสนอแนวควำมคิดตลอดจนแนวทำงกำรแก้ไขปญั หำในรปู แบบต่ำงๆ อยำ่ งไมม่ กี รอบ จำกดั ควรระดมควำมคดิ ในหลำกหลำยมุมมอง หลำกหลำยวิธกี ำร ออกมำให้มำกทีส่ ดุ เพอ่ื ที่จะเป็นฐำนข้อมูลใน กำรทเ่ี รำจะนำไปประเมนิ ผลเพอ่ื สรุปเป็นควำมคดิ ทดี่ ีท่ีสดุ สำหรับกำรแก้ไขปญั หำน้ันๆ ซ่งึ อำจไม่จำเป็นตอ้ งเกดิ จำกควำมคิดเดยี ว หรือเลือกควำมคดิ เดยี ว แต่เป็นกำรผสมผสำนหลำกหลำยควำมคดิ ให้ออกมำเป็นแนวทำง

สดุ ทำ้ ยท่ีชัดเจนก็ได้ กำรระดมควำมคิดนี้ยงั ช่วยใหเ้ รำมองปญั หำได้อย่ำงรอบด้ำนและละเอยี ดข้ึนด้วย รวมถึงหำ วิธกี ำรแก้ปัญหำไดอ้ ยำ่ งรอบคอบไดด้ ้วยเช่นกนั 4.Prototype – สรา้ งตน้ แบบท่เี ลอื ก หำกเป็นเรอื่ งกำรออกแบบผลิตภัณฑห์ รือนวัตกรรมข้ัน Prototype น้กี ค็ ือกำรสร้ำงตน้ แบบเพือ่ ทดสอบจรงิ ก่อนที่ จะนำไปผลิตจริง สำหรบั ในดำ้ นอืน่ ๆ ข้ันนก้ี ค็ ือกำรลงมือปฎิบัติหรอื ทดลองทำจริงตำมแนวทำงท่ีไดเ้ ลือกแล้ว ตลอดจนสรำ้ งต้นแบบของปฎบิ ตั กิ ำรท่ีเรำต้องกำรจะนำไปใช้จรงิ 5.Test – ทดสอบ ทดลองนำต้นแบบหรอื ขอ้ สรุปที่จะนำไปใช้จรงิ มำปฎบิ ัตกิ ่อน เพื่อทดสอบประสทิ ธิภำพ ตลอดจนประเมนิ ผล เสรจ็ แลว้ กน็ ำเอำปญั หำหรอื ขอ้ ดขี ้อเสียท่เี กดิ ขึ้นเพ่ือนำมำปรบั ปรงุ แกไ้ ข กอ่ นนำไปใชจ้ ริงอีกคร้งั นั่นเอง โมเดลเพชรคู่ (Double Diamond) กระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) ท่ี นามาประยกุ ต์ใช้กับองค์กรได้อย่างเหมาะสม กระบวนกำรของกำรคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) น้นั มีกำรนำมำประยุกต์ใช้และสร้ำงเปน็ โมเดล ขึน้ หลำยรูปแบบ และหน่งึ ในโมเดลท่นี ิยมนำมำใช้กบั งำนบริหำรจัดกำรตลอดจนสรำ้ งสรรค์กำรทำงำนใหก้ ับ องคก์ รก็คอื โมเดลเพชรคู่ หรือ Double Diamond ท่ไี ดร้ ับควำมนยิ มในระดบั สำกลนน่ั เอง ซงึ่ ประกอบไปดว้ ย 4 ขั้นตอนที่เรียกง่ำยๆ วำ่ 4D ดงั น้ี

แหลง่ อา้ งอิง : Design Council Double Diamond – Design Thinking Process  1.Discover – ทำควำมเข้ำใจผู้บรโิ ภคเพื่อมองเห็นถึงปญั หำ  2.Define – คัดกรองและจดั ลำดบั ควำมสำคัญของสง่ิ ทีต่ ้องกำรจะแก้ไข  3.Develop – ระดมไอเดียเพ่ือแก้ไขปัญหำ  4.Deliver – นำไอเดียท่ีดีที่สุดไปพัฒนำตอ่ และทดลองใช้ ขนั้ ตอนท่ี 1 : ค้นพบ – Discover ก่อนที่จะเร่ิมกระบวนกำรกำรคดิ เชงิ ออกแบบทกุ คร้ังเรำมกั หยิบเอำปัญหำมำเป็นโจทย์สำคญั ในกำรเรมิ่ ต้น ใน ขน้ั ตอนแรกนกี้ ค็ อื กำรคน้ พบปัญหำแล้วทำควำมเข้ำใจกบั ปญั หำให้ลกึ ซง้ึ มำกที่สุด หลำกหลำยมิติที่สดุ เพ่อื ที่จะ นำไปสูก่ ำรหำทำงออกที่ดแี ละตอบโจทย์มำกที่สดุ ขั้นตอนท่ี 2 : บ่งช้ี / กาหนด – Define หลังจำกทเ่ี รำมองปญั หำอยำ่ งรอบดำ้ นแล้ว ให้นำเอำข้อมลู ทงั้ หมดมำวเิ ครำะหเ์ พื่อท่ีจะคัดกรองให้เป็นปัญหำท่ี แท้จรงิ กำหนดหรือบง่ ชว้ี ำ่ เป็นปญั หำอะไร ประเภทไหน เพอ่ื ใหเ้ ข้ำใจลกั ษณะของปัญหำใหไ้ ด้ชดั เจนที่สุดเพียง ประเด็นเดยี ว เพ่ือท่ีจะได้มีจุดหมำยในกำรหำทำงแกไ้ ขไดอ้ ยำ่ งตรงประเดน็ มีทิศทำงชัดเจน ข้ันตอนที่ 3 : พฒั นา – Develop หลงั จำกท่ีเรำมีแก่นของปญั หำทชี่ ดั เจนแลว้ ขั้นตอนของกำรพัฒนำนก้ี ็คอื กำรระดมสมองเพ่อื แชรไ์ อเดยี เพอ่ื หำ วิธีกำรแกป้ ัญหำตำ่ งๆ นำนำ ทง้ั ในกรอบและนอกกรอบ โดยคดิ ใหร้ อบดำ้ นท่ีสุด ถ้ำเปรียบกบั กำรออกแบบ สร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์แลว้ ขึ้นตอนนก้ี ็คอื กำรหำไอเดียเพื่อทจ่ี ะออกแบบไปในทิศทำงตำ่ งๆ หลำกหลำยรูปแบบเพอื่ นำมำเลือกไอเดียทด่ี ีทสี่ ุดไปผลิตนั่นเอง ขัน้ ตอนที่ 4 : นาไปปฎบิ ตั ิจรงิ – Deliver ขัน้ ตอนนี้เรำจะเลือกวธิ ที ดี่ ที ีส่ ุดเพ่ือนำไปแก้ไขปัญหำจรงิ ปฎบิ ัตจิ ริง เพือ่ ตอบโจทยป์ ัญหำท่ีเรำต้งั ไว้ นำไปทดลอง หรือทดสอบจริงวำ่ มีประสทิ ธิภำพหรือไม่ ตลอดจนเก็บขอ้ มลู เพ่อื นำมำประมวลผลดว้ ย บทสรุป

กำรคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) เป็นกำรประยกุ ตว์ ธิ กี ำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ บรกิ ำร ตลอดจน นวัตกรรมใหม่ๆ มำส่กู ำรทำงำนในส่วนต่ำงๆ ตลอดจนกำรบริหำรจดั กำรองคก์ รให้มีประสิทธภิ ำพมำกขนึ้ นอกจำก กำรคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) จะเป็นประโยชน์สำหรับกำรสรำ้ งสรรค์ส่ิงใหม่แล้ว ก็ยังเป็น ประโยชนต์ อ่ กำรทำงำนทจี่ ะชว่ ยให้บคุ ลำกรมรี ะบบควำมคิดท่ีดีและพร้อมในกำรหำวธิ ีกำรแกป้ ญั หำใหมๆ่ ที่ พัฒนำอยู่เสมอด้วย ซึง่ นัน่ อำจเปน็ วิธีกำรตอบโจทย์ทีด่ ที ่ีสดุ สำหรับองคก์ รไมว่ ำ่ จะเจอปัญหำอะไร หรือสรำ้ ง แนวทำงใดให้ไปสู่ควำมสำเร็จ ความหมาย ความสาคญั หลักการข้นั ตอนการคดิ ในเชงิ การออกแบบนวตั กรรมธรุ กจิ ดิจทิ ัล กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking) การทาความเข้าใจในขนั้ ตอนการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) จะสามารถทาให้เราลาดบั การปฏิบัติการ ตลอดจนรวู้ ิธคี ิดและกระบวนการในการแก้ไขปญั หาตา่ งๆ ไปจนถงึ สามารถสรา้ งนวัตกรรมหรอื ผลลัพธ์เพือ่ มาตอบโจทย์ทตี่ ้องการได้ ซึ่งกระบวนการของการคดิ เชงิ ออกแบบ (Design Thinking Process) ใน รปู แบบสากลนัน้ มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาไดอ้ ย่างนา่ สนใจและเป็นขนั้ ตอน 1.Empathize – เขา้ ใจปญั หา ขั้นแรกตอ้ งทาความเขา้ ใจกับปัญหาให้ถอ่ งแทใ้ นทุกมมุ มองเสยี ก่อน ตลอดจนเข้าใจ ผู้ใชก้ ลุ่มเปา้ หมาย หรือเข้าใจในสง่ิ ทเี่ ราต้องการแก้ไขน้ีเพอ่ื หาหนทางทีเ่ หมาะสมและดีทีส่ ดุ ให้ได้ การเข้าใจคาถาม อาจเรม่ิ ต้ังด้วยการตั้งคาถาม สร้างสมมติฐาน กระตุน้ ใหเ้ กดิ การใช้ความคิดทนี่ าไปสู่ความคิดสรา้ งสรรค์ที่ดีได้

ตลอดจนวิเคราะหป์ ัญหาใหถ้ ว้ นถี่ เพ่อื หาแนวทางท่ชี ดั เจนใหไ้ ด้ การเข้าใจในปญั หาอยา่ งลกึ ซ้งึ ถกู ต้องนนั้ จะ นาไปสู่การแกป้ ัญหาทต่ี รงประเด็นและไดผ้ ลลัพธ์ทีย่ อดเยี่ยม 2.Define – กาหนดปัญหาใหช้ ัดเจน เมื่อเราร้ถู งึ ข้อมูลปัญหาท่ชี ัดเจน ตลอดจนวเิ คราะหอ์ ย่างรอบด้านแลว้ ให้ นาเอาข้อมูลท้งั หมดมาวิเคราะห์เพ่อื ท่ีจะคัดกรองให้เปน็ ปัญหาท่ีแทจ้ ริง กาหนดหรอื บ่งช้ปี ัญหาอยา่ งชัดเจน เพอื่ ที่จะเปน็ แนวทางในการปฏิบัติการต่อไป รวมถงึ มีแก่นยดึ ในการแก้ไขปัญหาอยา่ งมที ิศทาง 3.Ideate – ระดมความคดิ การระดมความคิดนี้คือการนาเสนอแนวความคิดตลอดจนแนวทางการแกไ้ ขปญั หาใน รปู แบบตา่ งๆ อย่างไม่มกี รอบจากัด ควรระดมความคดิ ในหลากหลายมมุ มอง หลากหลายวธิ ีการ ออกมาให้มาก ทส่ี ุด เพอ่ื ท่จี ะเปน็ ฐานขอ้ มูลในการทเ่ี ราจะนาไปประเมนิ ผลเพือ่ สรปุ เปน็ ความคิดทดี่ ีที่สุดสาหรบั การแก้ไขปัญหา นนั้ ๆ ซ่ึงอาจไมจ่ าเป็นตอ้ งเกดิ จากความคิดเดยี ว หรอื เลอื กความคิดเดยี ว แต่เปน็ การผสมผสานหลากหลาย ความคิดใหอ้ อกมาเป็นแนวทางสุดท้ายทชี่ ัดเจนกไ็ ด้ การระดมความคดิ นยี้ งั ช่วยให้เรามองปัญหาได้อย่างรอบด้าน และละเอยี ดขึ้นดว้ ย รวมถงึ หาวิธีการแก้ปญั หาได้อยา่ งรอบคอบได้ดว้ ยเช่นกัน 4.Prototype – สรา้ งตน้ แบบท่เี ลือก หากเป็นเรื่องการออกแบบผลติ ภัณฑ์หรอื นวตั กรรมขน้ั Prototype นีก้ ็คือ การสรา้ งต้นแบบเพอ่ื ทดสอบจริงกอ่ นทจ่ี ะนาไปผลิตจรงิ สาหรับในดา้ นอ่ืนๆ ขั้นนก้ี ็คอื การลงมือปฏบิ ตั ิหรอื ทดลอง ทาจริงตามแนวทางทไี่ ด้เลอื กแลว้ ตลอดจนสร้างต้นแบบของปฏบิ ตั ิการท่เี ราตอ้ งการจะนาไปใชจ้ รงิ 5.Test – ทดสอบทดลองนาต้นแบบหรอื ข้อสรุปท่ีจะนาไปใช้จริงมาปฏิบตั ิก่อน เพ่ือทดสอบประสิทธิภาพ ตลอดจนประเมินผล เสรจ็ แล้วก็นาเอาปญั หาหรอื ข้อดขี ้อเสยี ทเี่ กิดข้ึนเพื่อนามาปรับปรุงแก้ไข กอ่ นนาไปใช้จรงิ อีก ครั้งนัน่ เอง กระบวนการของการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Process) น้ันมีการนามาประยกุ ต์ใช้และสร้าง เปน็ โมเดลขนึ้ หลายรปู แบบ และหนึ่งในโมเดลทีน่ ิยมนามาใชก้ บั งานบริหารจัดการตลอดจนสร้างสรรค์การทางาน ใหก้ ับองค์กรก็คือโมเดลเพชรคู่ หรือ Double Diamond ทไ่ี ด้รบั ความนิยมในระดบั สากลนัน่ เอง ซ่งึ ประกอบไป ด้วย 4 ขั้นตอนทเ่ี รยี กงา่ ยๆ ว่า 4D ข้นั ตอนที่ 1 : คน้ พบ – Discover กอ่ นทจ่ี ะเร่ิมกระบวนการการคิดเชงิ ออกแบบทุกครง้ั เรามักหยิบเอาปัญหามาเป็นโจทย์สาคัญในการ เรม่ิ ต้น ในขั้นตอนแรกน้กี ็คอื การค้นพบปัญหาแลว้ ทาความเข้าใจกบั ปัญหาให้ลึกซึ้งมากทสี่ ดุ หลากหลายมิตทิ ่ีสดุ เพื่อท่ีจะนาไปสูก่ ารหาทางออกทด่ี ีและตอบโจทย์มากท่ีสดุ ขั้นตอนท่ี 2 : บง่ ช้ี / กาหนด – Define หลงั จากทเ่ี รามองปญั หาอย่างรอบดา้ นแล้ว ให้นาเอาข้อมูลทงั้ หมดมาวเิ คราะห์เพอื่ ท่ีจะคัดกรองให้เปน็ ปัญหาทีแ่ ท้จรงิ กาหนดหรอื บ่งชว้ี ่าเปน็ ปญั หาอะไร ประเภทไหน เพ่อื ให้เข้าใจลักษณะของปญั หาให้ไดช้ ัดเจนที่สดุ เพยี งประเดน็ เดียว เพื่อทจ่ี ะได้มีจดุ หมายในการหาทางแกไ้ ขได้อยา่ งตรงประเด็น มีทิศทางชัดเจน

ขน้ั ตอนท่ี 3 : พฒั นา – Develop หลังจากท่ีเรามีแกน่ ของปัญหาที่ชัดเจนแลว้ ข้นั ตอนของการพัฒนานีก้ ค็ ือการระดมสมองเพ่อื แชร์ไอเดยี เพอ่ื หาวิธกี ารแก้ปัญหาตา่ งๆ นานา ทง้ั ในกรอบและนอกกรอบ โดยคดิ ให้รอบด้านท่ีสดุ ถ้าเปรยี บกับการออกแบบ สรา้ งสรรค์ผลิตภัณฑ์แลว้ ข้นึ ตอนนีก้ ค็ อื การหาไอเดียเพื่อที่จะออกแบบไปในทิศทางตา่ งๆ หลากหลายรปู แบบเพ่อื นามาเลอื กไอเดียทด่ี ีท่สี ุดไปผลิตน่นั เอง ขน้ั ตอนท่ี 4 : นาไปปฏิบตั ิจริง – Deliver ขั้นตอนนเ้ี ราจะเลือกวิธีทด่ี ีทส่ี ุดเพื่อนาไปแก้ไขปญั หาจริง ปฏบิ ตั ิจรงิ เพื่อตอบโจทยป์ ัญหาท่ีเราตงั้ ไว้ นาไปทดลองหรือทดสอบจริงวา่ มีประสิทธภิ าพหรือไม่ ตลอดจนเกบ็ ขอ้ มูลเพ่อื นามาประมวลผลด้วย https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/190702-design-thinking/ Design Thinking เป็นกระบวนการท่ีมี 5 ขั้นตอน ได้แก่

เขียนแผนธรุ กิจสำหรับนวัตกรรมธรุ กิจดิจทิ ลั กำรเขียนแผนธุรกจิ สำคัญอย่ำงไร และทำไมต้องลอกครำบโมเดลธุรกจิ Business Model กอ่ น วำงแผนธุรกจิ กำรเขียน แผนธุรกจิ โดยไมไ่ ด้วำง Business Model กอ่ นถือว่ำเป็นแผนธรุ กิจท่เี ลอื่ นลอย นำไปใชไ้ ม่ไดจ้ รงิ เพรำะกำรเขียนแผนธุรกจิ เพยี งเพ่อื ขอเงินกู้ หรอื เขียนตำมหวั ข้อมำตรฐำนนนั้ ขำดควำมเข้ำใจ Value ของธรุ กจิ อยำ่ งแทจ้ ริง สร้ำงควำมแตกต่ำงไม่ได้ ขำดนวตั กรรมและไมย่ ดื หยนุ่ ต่อกำรเปล่ียนแปลงทรี่ วดเรว็ ในยคุ Disruption4.0 มำกบั เรำสิ เรำจะนำพำท่ำนไป ดว้ ยโมเดลธุรกจิ ท่ำนที่แตกต่ำงและยง่ั ยืน แผนธุรกิจที่ใช้ได้จริง พร้อมมีทีมงำนชว่ ยแนะนำใหค้ ุณสำมำรถปฏิบัตติ ำมแผนธรุ กจิ ได้อย่ำงรำบรน่ื บรรลเุ ปำ้ หมำย ตวั อย่ำงหนงึ่ ของ ธรุ กจิ ทม่ี อง ออนไลนเ์ ป็นแค่เครื่องมอื หรอื ชอ่ งทำงหน่ึงทใ่ี ครๆเค้ำก็ทำกันแล้ว เรำกลัวล้ำหลงั ตกกระแสกอ็ ยำกทำ บ้ำง แตไ่ มไ่ ดม้ องว่ำระบบออนไลน์จะเข้ำมำกระทบตอ่ โมเดลธุรกิจเดิมอยำ่ งไร แค่ปรับเปลยี่ น หรอื ต้องยกเครอื่ ง โมเดลใหม่ บำงรำยคิดวำ่ แคม่ ีแอฟ และเว็บขำยของออนไลนก์ ็ใชแ่ ลว้ แตก่ ็ตอ้ งผดิ หวงั กบั ผลทไี่ ด้ เช่นเดยี วกับ ธรุ กิจออนไลน์ทยี่ งั มองออนไลน์เป็นแค่ งำนระบบ และ Process เท่ำน้ันก็จะพบกบั ควำมประหลำดใจในควำม ย่ังยืนของธรุ กิจ วำ่ ทำไมสูข่ ำลงเรว็ จัง เพรำะทงั้ Google Facebook Line ทุก Platform มี Human Farm ที่ เป็น Big Data ให้แบรนด์เข้ำไปจับจอง เกบ็ เกีย่ ว และหำลกู ค้ำนั้นมกี ำรเปลี่ยนแปลง Algorithm หรอื ระบบ ปัญญำประดษิ ฐ์ ในกำรคำนวณสตู ร เพือ่ ใหเ้ รำหำลูกค้ำได้ดีขนึ้ แมน่ ขน้ึ ทุกวนั https://www.marketing-asean.com/businessplan

กำรนำเสนอแผนธุรกิจ (Business plan presentation) โดยแท้จรงิ แลว้ ถอื ไดว้ ำ่ เป็นขน้ั ตอนสำคญั ขนั้ ตอนหน่ึง ไมน่ อ้ ยกวำ่ ขัน้ ตอนหรอื กระบวนกำรจัดทำหรอื กำรเขยี นแผนธุรกิจ และในปจั จุบันท่ีแผนธรุ กจิ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรบั ผูป้ ระกอบกำร ทีต่ ้องมคี วำมรู้ควำมเข้ำใจอย่ำงถกู ตอ้ ง เน่อื งจำกแผนธรุ กิจถอื ได้ว่ำเป็นเอกสำรหรือเครอื่ งมอื สำคญั ในกำรขอรบั กำรสนบั สนุนทำงกำรเงินของผู้ประกอบกำรหรือธรุ กิจ แตส่ ว่ นใหญ่แลว้ มกั จะม่งุ เน้นในเร่อื งของวธิ ีกำร หรอื ควำมสำมำรถในกำรเขียนแผนธุรกจิ วำ่ จะเขียนอยำ่ งไร มโี ครงสร้ำงของแผนธรุ กิจอยำ่ งไร จะแสดงขอ้ มูล รำยละเอยี ดใดจึงจะถกู ต้องเหมำะสม โดยละเลยในเรอ่ื งของกำรนำเสนอแผนธรุ กิจ ซ่ึงถอื เปน็ ขนั้ ตอนสำคญั ภำย หลังจำกไดจ้ ดั ทำแผนธรุ กิจเป็นท่ีเรยี บร้อย และนำส่งแผนธรุ กจิ ที่ได้จดั ทำขนึ้ ไปยังธนำคำรหรือสถำบนั กำรเงนิ หรือหนว่ ยงำนท่ีใหก้ ำรสนับสนุนผู้ประกอบกำรแลว้ ทำให้จำกกำรละเลยหรือไม่ให้ควำมสำคญั ในข้นั ตอนกำร นำเสนอแผนธุรกจิ ดงั กล่ำวน้ี ส่งผลใหผ้ ู้ประกอบกำรได้รับกำรปฏเิ สธ หรอื ผู้พจิ ำรณำแผนไมส่ ำมำรถเข้ำใจ รำยละเอยี ดตำ่ งๆ ท่ีระบไุ วใ้ นแผนธุรกจิ อย่ำงถกู ต้อง ในขณะที่ถ้ำผู้ประกอบกำรสำมำรถนำเสนอแผนธุรกจิ ได้ดี ก็ จะเปน็ สิง่ ท่ีช่วยทำใหธ้ ุรกจิ ได้รับกำรสนับสนนุ จำกผ้พู จิ ำรณำแผน หรอื จำกทำงธนำคำรหรอื สถำบนั กำรเงนิ ดว้ ย เช่นกัน นอกจำกนีใ้ นกรณีท่ผี ้จู ดั ทำแผนอำจเป็นนกั เรยี น นกั ศกึ ษำ ในสถำบนั กำรศึกษำ ทม่ี ีหลกั สตู รเก่ียวกับกำร จดั ทำแผนธรุ กิจในกำรเรยี น หรือใช้เพอื่ กำรประกวดแขง่ ขนั หรือแมแ้ ต่ผปู้ ระกอบกำรท่ีเข้ำรับกำรอบรมใน โครงกำรพฒั นำผู้ประกอบกำร เชน่ ศูนยบ์ ่มเพำะธุรกจิ หรอื โครงกำรผู้ประกอบกำรใหม่ เปน็ ต้น ที่ตอ้ งมกี ำร นำเสนอแผนธุรกจิ ท่จี ัดทำข้ึนเม่ือจบหลกั สตู ร ก็มักจะขำดทกั ษะในกำรนำเสนอแผนธรุ กิจท่ถี ูกต้องและมี ประสิทธิภำพ ประกอบกับไมม่ กี ำรสอนหรือกล่ำวถึงเรื่องของกำรนำเสนอแผนธุรกจิ นี้ วำ่ มสี ่วนสำคัญอยำ่ งไรต่อ กำรพจิ ำรณำแผนธรุ กิจของผ้ปู ระกอบกำร ดงั น้นั ผ้เู ขียนจงึ เหน็ สมควรจะกลำ่ วถงึ เรอื่ งของกำรนำเสนอแผนธรุ กจิ (Business plan presentation) ว่ำมรี ำยละเอยี ดและควำมสำคัญอย่ำงไร โดยหวงั ว่ำจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ประกอบกำร และนักศกึ ษำในกำรจัดทำแผนธุรกิจตอ่ ไปในอนำคต กำรนำเสนอแผนธรุ กิจถอื เป็นกำรสอ่ื สำรแบบ เผชญิ หนำ้ (Face to face communication) ระหวำ่ งผ้ปู ระกอบกำรซ่ึงอำจเปน็ ผู้จดั ทำหรอื ผู้เขยี นแผนธรุ กิจ กับ ผพู้ ิจำรณำซงึ่ อำจเปน็ เจ้ำหนำ้ ท่ีของธนำคำรหรอื สถำบันกำรเงิน หรือเปน็ บคุ คลภำยนอก เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมกำรพจิ ำรณำแผนธรุ กจิ ผรู้ ว่ มลงทุน ลกู คำ้ หรือคคู่ ้ำในธรุ กจิ เป็นต้น ซ่ึงกำรนำเสนอแผนธุรกจิ สำมำรถแบ่ง ไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คือกำรนำเสนอแบบเป็นทำงกำร (Formal presentation) กบั กำรนำเสนอแบบไมเ่ ป็นทำงกำร (Informal presentation) โดยรปู แบบกำรนำเสนอแบบเป็นทำงกำร จะเป็นรูปแบบทน่ี ำเสนอแผนธรุ กจิ ตอ่ หน้ำ คณะกรรมกำร เจำ้ หนำ้ ท่ี ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ หรอื บคุ คลภำยนอก ภำยในสถำนทเี่ ฉพำะ เชน่ ห้องประชมุ หอ้ งสมั มนำ มี วำระกำรนำเสนอ ทมี่ ขี อ้ กำหนดและวัตถปุ ระสงค์ทชี่ ัดเจน โดยอำจมีกำรกำหนดระยะเวลำกำรนำเสนอ หรือ กำหนดเวลำในกำรซกั ถำมหรือไม่กไ็ ด้ หรอื ถ้ำจะใหเ้ หน็ ภำพอยำ่ งงำ่ ยๆ กจ็ ะมลี ักษณะเหมอื นกำรนำเสนอหนำ้ ชน้ั ในสมยั เรยี นหนังสือนัน่ เอง ซงึ่ กำรนำเสนอในรปู แบบเป็นทำงกำรน้มี กั จะเกิดข้ึนสำหรับกำรประกวดหรอื กำร แขง่ ขันด้ำนแผนธรุ กจิ หรอื กำรนำเสนอแผนธรุ กจิ ของผูป้ ระกอบกำรท่เี ข้ำอบรมในหนว่ ยงำนเทำ่ นั้น ในขณะท่ี รปู แบบกำรนำเสนอที่ไม่เป็นทำงกำร จะอยู่ในรปู แบบกำรพูดคยุ กำรสมั ภำษณ์ กำรซกั ถำมหรือตอบข้อสงสัย ระหว่ำงผ้นู ำเสนอแผนกับผพู้ จิ ำรณำแผน ซึ่งโดยปกติแลว้ กำรนำเสนอแผนธรุ กิจสำหรบั ผปู้ ระกอบกำร SMEs จะ อยใู่ นรปู แบบของกำรนำเสนอทีไ่ ม่เป็นทำงกำรเกือบท้ังสนิ้ เพรำะแทบจะไม่มีเหตกุ ำรณ์ท่ีผู้ประกอบกำร หรอื ผู้จดั ทำแผนธรุ กิจ ไดม้ ีกำรนำเสนอท่ีเปน็ ทำงกำร ตอ่ หนำ้ คณะกรรมกำรของธนำคำรหรอื สถำบนั กำรเงนิ ท่ใี หก้ ำร

สนบั สนนุ เลย โดยจะเป็นหนำ้ ทข่ี องเจำ้ หน้ำทีข่ องหนว่ ยงำน เปน็ ผู้นำเสนอแผนธุรกิจแทนผ้ปู ระกอบกำร แต่ใน ปจั จบุ ันท่ีผู้ประกอบกำรรุ่นใหมส่ ว่ นมำกมกั จะใช้ Notebook ประกอบกำรนำเสนอแผนธรุ กจิ ใหก้ ับเจำ้ หนำ้ ที่ ธนำคำรหรือสถำบันกำรเงิน เพรำะมีขอ้ มลู รำยละเอียดต่ำงๆท้งั หมดของแผนธุรกิจ รวมถงึ สำมำรถแสดงข้อมลู เพ่มิ เตมิ ตำ่ งๆได้ดี โดยเฉพำะด้ำนภำพ และข้อมูลประกอบอนื่ ๆของธรุ กิจ ซงึ่ วธิ ีกำรและรปู แบบกำรนำเสนอ ดังกลำ่ วน้ี จะคล้ำยคลงึ กับกำรนำเสนอแบบเปน็ ทำงกำร ดงั นั้นถำ้ ผ้ปู ระกอบกำรหรอื ผ้จู ดั ทำแผนธุรกจิ ทรำบถงึ วิธีกำรนำเสนอแผนธุรกจิ แบบเปน็ ทำงกำรอย่ำงถูกตอ้ ง ก็จะเปน็ ประโยชน์ต่อกำรนำเสนอแผนธุรกจิ อย่ำงมี ประสิทธิภำพได้ในอนำคต แมจ้ ะอยใู่ นรปู แบบไม่เป็นทำงกำรตลำด ซ่งึ วัตถุประสงคท์ ีต่ อ้ งมีกำรนำเสนอแผนธรุ กจิ ของผปู้ ระกอบกำร หรือผ้จู ดั ทำแผนธรุ กจิ นั้น สว่ นใหญแ่ ล้วจะมวี ตั ถปุ ระสงค์หลัก 5 ประกำรประกอบดว้ ย เพื่อเป็นการอธิบายแนวคดิ สาคญั ของธรุ กจิ โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พือ่ ให้ผนู้ ำเสนออธบิ ำยถึงทม่ี ำของแนวควำมคดิ ในกำรเริ่มต้นหรอื กำรดำเนินธรุ กจิ หรอื อำจเปน็ ประเด็นสำคญั ในตวั ผลิตภณั ฑ์ สินคำ้ หรอื บรกิ ำรของธุรกจิ อนั มำจำกแนวควำมคดิ ใหม่ (New business idea) ซึ่งอำจมำจำกจุดเดน่ ในกำรแก้ปญั หำของลูกค้ำ หรอื ผบู้ รโิ ภคในกำรใช้ผลิตภัณฑ์ สินคำ้ หรอื บรกิ ำรทม่ี ีอยใู่ นตลำด หรือไม่เคยมมี ำกอ่ นในตลำดก็ตำม หรือเปน็ ผลติ ภัณฑ์ สนิ คำ้ หรอื บรกิ ำรที่สอดคลอ้ งกับควำมต้องกำรของตลำด ซงึ่ ผู้พจิ ำรณำแผนจะได้ประเมนิ ถึงควำมเปน็ ไปไดข้ องธุรกจิ (Business feasibility) โดยเฉพำะอย่ำงยงิ่ ถำ้ เปน็ ธรุ กิจ ใหม่หรอื ผู้ประกอบกำรใหม่ ว่ำจำกแนวควำมคิดดังกล่ำวนัน้ ธรุ กิจดงั กล่ำวมีควำมเป็นไปไดจ้ ริงมำกนอ้ ยเพียงใด รวมถงึ สำมำรถแขง่ ขันไดก้ บั ผลติ ภัณฑ์ สินค้ำ หรือบริกำรของธรุ กจิ อนื่ ท่มี ีอยู่ในตลำดไดห้ รอื ไม่ เพือ่ ทราบถึงการวางแผนและการดาเนินธรุ กิจ โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พื่อให้ผ้พู ิจำรณำแผนทรำบถึงวิธีกำรดำเนนิ กำรของธรุ กิจ ไมว่ ำ่ จะเป็นดำ้ นกำรบรหิ ำรจดั กำร ดำ้ นกำรตลำด ด้ำนกำรผลติ และด้ำนกำรเงิน วำ่ เหมำะสมกับธรุ กิจ มเี หตุผลมำกนอ้ ยเพยี งใด ซง่ึ รำยละเอียด บำงอยำ่ งผนู้ ำเสนออำจมไิ ด้ระบุไว้ในเอกสำรแผนธรุ กิจ หรอื ต้องกำรให้รำยละเอยี ดเพิ่มเตมิ เน่อื งจำกถือเป็นกล ยทุ ธ์หรือเคล็ดลับสำคญั ท่ีอำจมิไดร้ ะบุไวโ้ ดยตรงในเอกสำรแผนธุรกจิ เพือ่ สอบทานความถูกต้องและขอ้ มลู ในแผนธรุ กิจ โดยมวี ตั ถุประสงค์เพื่อให้ผูน้ ำเสนออธิบำยถึงข้อมูลต่ำงๆในแผนธุรกิจ เพื่อเป็นกำรสอบทำนข้อมูลของผ้พู จิ ำรณำ แผน ว่ำผูน้ ำเสนอหรือตัวผูป้ ระกอบกำรนนั้ มีควำมร้คู วำมเขำ้ ในแผนธุรกจิ ทจี่ ัดทำขนึ้ เน่อื งจำกในปัจจุบนั ท่ี ผปู้ ระกอบกำรมกี ำรว่ำจ้ำงทปี่ รกึ ษำ หรือผู้เชีย่ วชำญในกำรจัดทำแผนธุรกิจให้แก่ตนเอง ซึ่งอำจเขียนรำยละเอียด ต่ำงๆของแผนธรุ กิจจนดเี กนิ กวำ่ ควำมเป็นจริง หรอื ไม่เหมือนกับกำรวำงแผนของผู้ประกอบกำร หรอื แตกต่ำงจำก กำรดำเนินงำนจรงิ ของธุรกจิ โดยผ้พู ิจำรณำแผนซึ่งมกั เป็นเจ้ำหนำ้ ทข่ี องธนำคำรหรือสถำบนั กำรเงนิ จะไดใ้ ช้ ประเมนิ ควำมสำมำรถ ในกำรวำงแผนและกำรบริหำรจัดกำรของผู้ประกอบกำรไดอ้ ยำ่ งถกู ต้อง เพ่ือใหข้ อ้ มลู เพ่ิมเติม หรอื ตอบข้อสงสยั เกี่ยวกับธุรกิจ โดยมีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้ผู้พจิ ำรณำแผนสอบถำมผนู้ ำเสนอเก่ียวกบั ขอ้ มลู บำงสว่ น ทอี่ ำจมีขอ้ สงสยั หรอื ยังไม่มี ควำมชดั เจนเพยี งพอ ภำยหลงั จำกกำรอ่ำนรำยละเอียดในแผนธรุ กจิ แลว้ ซ่ึงส่วนใหญแ่ ล้วจะเป็นเรอ่ื งของประมำณ กำร หรอื สมมตฐิ ำนตำ่ งๆทีร่ ะบุไว้ เชน่ ที่มำของรำยได้ ยอดขำย ต้นทนุ หรอื อตั รำกำรเปลยี่ นแปลงตำ่ งๆ รวมถึง เหตุผลสำคญั ต่ำงๆในกำรกำหนดกลยุทธ์หรอื วิธีกำรดำเนนิ กำรของธรุ กิจในแผนธุรกิจ

เพ่ือการตัดสนิ ใจใหก้ ารสนบั สนนุ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือใช้ในกำรตัดสินใจขน้ั สดุ ทำ้ ย หรอื ตัดสนิ ใจเลือกในกำรสนบั สนนุ กำรตัดสินต่ำงๆ ซ่ึงมักใช้ใน กำรประกวดแขง่ ขันดำ้ นแผนธรุ กจิ เช่น แผนธรุ กจิ ทมี่ คี ะแนนใกล้เคยี งกัน กำรตดั สนิ ผลแพ้ชนะในกำรแข่งขัน ก็ อำจจะขนึ้ อยู่กบั ควำมสำมำรถในกำรนำเสนอแผนของผู้จดั ทำ วำ่ สำมำรถส่อื สำร สำมำรถแสดงรำยละเอียดของ แนวคิดสำคัญของธุรกจิ หรอื สำมำรถแสดงใหเ้ หน็ จดุ เด่น หรอื ขอ้ แตกต่ำงของกระบวนกำรในกำรวำงแผนของ ธรุ กจิ อยำ่ งไร รวมทงั้ กำรตดั สนิ ให้คะแนนของกำรจดั ทำแผนธรุ กจิ ถ้ำเป็นกำรนำเสนอท่ีใช้ในกำรศึกษำ เปน็ ต้น https://sites.google.com/site/thurkiclaeakarpenphuprakxbkar/tawxyang-phaen-thurkic2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook