Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ว21101

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ว21101

Published by theeparatschool, 2021-02-04 14:55:48

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ว21101

Search

Read the Text Version

แบบทดสอบ เรื่อง กระบวนการแพร่ คำช้แี จง นกั เรียนจงตอบคำถามใหถ้ ูกต้อง 1. ขอ้ ใดไมเ่ กิดการแพร่ ข. ของเหลวกลายเป็นแก๊ส ก. ของแข็งกลายเปน็ ของเหลว ง. ของแข็งกลายเป็นแกส๊ ค. แก๊ส กลายเป็นของเหลว 2. การฟงุ้ กระจายของน้ำหอมเปน็ การแพร่ จากสถานะใดไปเป็นสถานะใด ก. แกส๊ ไปเป็นของเหลว ข. ของเหลวไปเป็นของเหลว ค. ของเหลวไปเปน็ แกส๊ ง. ของเหลวไปเป็นของแขง็ 3. การแพร่ของน้ำผ่านเย่ือบาง ๆ เรียกว่า อะไร ก. การแพร่ ข. การออสโมซสี ค. การไหลของน้ำ ง. การเคลอ่ื นท่ขี องน้ำ 4. การแพรแ่ บบออสโมซสี เกดิ ข้นึ ได้ตอ้ ง ประกอบดว้ ยปัจจัยในขอ้ ใดบา้ ง ก. ความแตกต่างของความเขม้ ขน้ ใน อนุภาคสารในที่ 2 แหง่ ข. สมบัติของเย่ือกับระหว่างสารท่ีมี ความเข้มขน้ ต่างกัน ค. ขนาดของอนุภาคของสารตอ้ งเลก็ กวา่ รขู องเยือ่ กน้ั ง. ถูกทกุ ขอ้ 5. ส่งิ ใดต่อไปนไ้ี มม่ ีผลต่อการดูดน้ำของ พชื ข. จำนวนใบ ก. สขี องน้ำ ง. ขนาดของลำตน้ ค. จำนวนราก

แบบทดสอบ เรอื่ ง กระบวนการแพร่ (ต่อ) 6. การพน่ สารฆ่าแมลงในสวนผลไมเ้ ปน็ การเคล่ือนที่ของสารแบบใด ก. การแพร่ ข. การออสโมซสี ค. การดดู ซึม ง. ถูกทกุ ข้อ 7. สว่ นใดของพืชที่สมั ผัสกับดินแล้วทำให้ นำ้ จากดนิ ถกู ลำเลยี งเข้าสู่ทอ่ ลำเลียงใน พืช ก. ขนราก ข. รากฝอย ค. รากแขนง ง. รากขนอ่อน 8. ข้อใดจัดเปน็ การแพรแ่ บบออสโมซีส ก. น้ำและแรธ่ าตุออกจากท่อลำเลยี ง ไปสสู่ ว่ นอน่ื ๆ ข. การกระจายของด่างทับทมิ ในน้ำ ค. การละลายของเกลือในน้ำ ง. การฉีดยาฆ่าแมลง 9. สารใดตอ่ ไปนีไ้ ม่สามารถแพรผ่ ่านเยอ่ื หุ้มรากได้ ก. น้ำในดนิ ข. แป้ง ค. เกลือแร่ ง. นำ้ หมึกแดง 10. เมือ่ อุณหภมู สิ งู อตั ราการแพร่ของสารจะ เปน็ อย่างไร ก. ต่ำลง ข. เพมิ่ มากขนึ้ ค. เท่าเดิม ง. ไมม่ ีผลใด ๆ ทั้งส้ิน

ประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : สงั เกตลกั ษณะของการนำเสนอผลงานทีน่ กั เรียนสรา้ งขึน้ แล้วขดี ✓ ลงในช่องระดบั คะแนน แบบการ สอดคลอ้ ง ความคดิ การจดั การสรปุ ผล ลำดบั ชอ่ื -สกลุ บันทกึ ผล กับเนื้อหา สรา้ งสรรค์ กระทำ การทำ รวม กลมุ่ ของผูร้ บั การประเมิน การทำ ในการ ข้อมลู กจิ กรรม ๒๐ คะแนน กิจกรรม นำเสนอ และการ นำเสนอ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ลงชื่อ........................................... ผู้ประเมนิ (_______________________) เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ ๔ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ให้ ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๗ ดี ต่ำกวา่ ๑๔ ปรบั ปรงุ เกณฑ์ รอ้ ยละ ๗๐ ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์

แบบสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรียนรายกลุ่ม คำชีแ้ จง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน มีสว่ นร่วม ยอมรับฟงั มเี หตุผลใน ความมี การดูแล รวม ในการ ความ การทำงาน นำ้ ใจ และการ 20 ลำดับ ที่ ชอ่ื -สกุล แสดงความ คิดเห็นของ รว่ มกบั เกบ็ คะแนน คิดเหน็ ผอู้ ่ืน ผูอ้ ่ืนอยา่ ง อปุ กรณ์ และ/หรอื ของผู้รับการประเมิน สร้างสรรค์ เคร่ืองมือ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ลงชอื่ ........................................... ผู้ประเมนิ (_______________________) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ต่ำกวา่ ๑๔ ปรบั ปรุง

ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์ รอ้ ยละ ๗๐ ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์

บันทึกหลงั สอน 1. ผลการสอน  สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ุดประสงค์ K P A  มีการบูรณาการ คุณธรรม / การตา้ นการทุจริต / หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง  สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก ..........................................................................  .......................................................................................................................................................  2. ปัญหาและอปุ สรรค  กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา  มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา  มีนกั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน  อืน่ ๆ ............................................................................................................................................. 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข  ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง ......................................................................................................  .......................................................................................................................................................  แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทีไ่ ม่ผ่านการประเมนิ /ไม่สนใจเรียน  ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม โดยให้เพื่อนในชน้ั เรียนชว่ ยกันอธิบายให้นักเรยี นเขา้ ใจใน  เนื้อหาทีเ่ รียน ครบู วกคะแนนเพ่ิมให้นกั เรยี นท่ีสอนใหเ้ พ่ือนจนเข้าใจเนอ้ื หาท่เี รียน เพอ่ื เปน็ การ  เสรมิ แรงทางบวก  ไม่มีขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ........................................... ผู้บันทึก ( นางสาวจันธิรัตน์ หมานจิตร) ครูผู้สอน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๑๑๐๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ จำนวน ๓ ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๒ เร่ือง การแพรแ่ ละออสโมซสิ โรงเรยี นทีปราษฎร์พิทยา ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ ผสู้ อน นางสาวจันธิรัตน์ หมานจติ ร วันทสี่ อน ......................เดือน………………........…พ.ศ.………… สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ สิง่ มีชีวติ กบั กระบวนการดำรงชีวิต มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจหนว่ ยพื้นฐานของสงิ่ มชี วี ติ ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าทขี่ องระบบต่าง ๆ ของสง่ิ มีชีวิตทีท่ ำงานสัมพันธก์ ัน มีกระบวนการสบื เสาะหาความรูแ้ ละจิตวิทยาศาสตร์ ส่อื สารสิ่งทเี่ รยี นรแู้ ละ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชว้ี ัด ๑. ว ๑.๑ ม.๑/๔ ทดลองและอธิบายกระบวนการสารผา่ นเซลล์ โดยการแพรแ่ ละออสโมซิส สาระที่ ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๑ ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่เี กิดข้นึ สว่ นใหญม่ ีรปู แบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ ขอ้ มูลและเครื่องมอื ที่มีอยใู่ นช่วงเวลานัน้ ๆ เข้าใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดลอ้ มมคี วาม เก่ียวข้องสมั พนั ธ์กัน ตวั ช้วี ัด ๑. ว ๘.๑ ม.๑-๓/๑ ต้งั คำถามท่ีกำหนดประเด็นหรอื ตัวแปรทสี่ ำคญั ในการสำรวจตรวจสอบ หรอื ศกึ ษาค้นคว้าเร่ืองท่ีสนใจไดอ้ ย่างครอบคลุมและเชือ่ ถือได้ ๒. ว ๘.๑ ม.๑-๓/๒ สร้างสมมติฐานทส่ี ามารถตรวจสอบได้และวางแผนการสำรวจตรวจสอบหลายๆ วิธี ๓. ว ๘.๑ ม.๑-๓/๓ เลอื กเทคนคิ วธิ กี ารสำรวจตรวจสอบทงั้ เชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพทไี่ ดผ้ ล เที่ยงตรงและปลอดภัย โดยใช้วสั ดุและเครอ่ื งมอื ที่เหมาะสม ๔. ว ๘.๑ ม.๑-๓/๔ รวบรวมขอ้ มูล จัดกระทำข้อมลู เชิงปริมาณและคุณภาพ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายความหมายของกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซสิ ได้ (K) ๒. ทำการศกึ ษาการเกดิ กระบวนการแพรแ่ ละออสโมซสิ ได้ (P) ๓. เชอื่ มโยงความรู้กระบวนการแพร่ และการออสโมซสิ ที่เกิดขึ้นในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) ๔. เปน็ คนชา่ งสังเกต ช่างคดิ ช่างสงสัย และเป็นสามารถทำงานรว่ มกับผู้อน่ื ได้ (A)

สาระสำคัญ การแพร่ (Diffution) เป็นกระบวนการเคลือ่ นที่ของสารจากบริเวณทีม่ ีความเข้มขน้ สงู ไปสบู่ รเิ วณทม่ี ี ความเขม้ ขน้ ต่ำ ออสโมซิส (Osmosis) เปน็ กระบวนการเคล่ือนท่ีของน้ำผา่ นเข้าและออกจากเซลล์ จากบรเิ วณทมี่ ี ความเข้มข้นของสารละลายตำ่ ไปสู่บริเวณทมี่ ีความเข้มขน้ ของสารละลายสงู โดยผ่านเยื่อเลอื กผ่าน สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ๑. การแพร่เป็นการเคล่อื นที่ของสารจากบรเิ วณท่ีมคี วามเขม้ ข้นสูงไปสูบ่ ริเวณท่ีมคี วามเข้มข้นตำ่ ๒. การออสโมซิสเปน็ การเคลือ่ นทีข่ องน้ำผ่านเข้าและออกจากเซลล์ จากบริเวณทมี่ ีความเขม้ ขน้ ของ สารละลายตำ่ ไปสู่บรเิ วณท่มี ีความเข้มข้นของสารละลายสูง โดยผ่านเย่ือเลือกผ่าน สาระการเรยี นรู้ท้องถิน่ - สมรรถนะ ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการต้งั สมมตฐิ าน - ทักษะการทดสอบสมมติฐาน - ทกั ษะการสงั เกต - ทักษะการสรปุ ลงความเหน็ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - กระบวนการปฏบิ ตั ิ - กระบวนการทำงานกลมุ่ ๕. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มั่นในการทางาน ๖. การประเมินผลรวบยอด - มคี วามสามัคคีและสามารถทางานรว่ มกบั สว่ นรว่ มได้อย่างมีความสขุ - มคี วามสามารถในการนาเสนอผลงานไดอ้ ยา่ งเต็มศักยภาพ

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (๑ ช่ัวโมง) ข้นั ท่ี ๑ ขนั้ สรา้ งความสนใจ (engagement) (๑๐ นาที) ๑. นักเรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ ๔-๕ คน ร่วมกันตอบคำถามเพ่อื กระตนุ้ ความรเู้ ดิมจากคาบเรยี นทแี่ ล้ว เร่ือง พืชมีการลำเลยี งสารได้อยา่ งไร ? (แนวคำตอบ : พืชลำเลยี งนำ้ และแร่ธาตุจากดินไปสู่ใบผา่ นทางท่อ ลำเลียง โดยจะดูดน้ำด้วยวธิ กี ารออสโมซสี ( osmosis) สว่ นการดดู แร่ธาตุใชว้ ธิ ีการแพร่ (diffusion)) ๒. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสังเกตถ้วยกาแฟทม่ี ีกาแฟอยู่เตม็ แก้วที่ครนู ำมา ๓. จากน้ันครใู สน่ ำ้ ตาลลงในถว้ ยกาแฟ แล้วใหน้ ักเรียนสงั เกตสิง่ ท่ีเกิดขึ้น ๔. นกั เรียนรวมกนั ตอบคำถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี - เพราะเหตุใด เมือ่ เตมิ น้ำตาลทรายลงในถว้ ยกาแฟทีม่ ีกาแฟอยเู่ ต็มแก้ว กาแฟจึงไม่ล้น ออกมา ? (แนวคำตอบ : เป็นการเคลื่อนทีข่ องโมเลกุลของนำ้ ตาลจากจดุ ที่มีความเข้มข้นสูงกว่า ไปยงั จดุ ที่มี ความเข้มข้นตำ่ กว่า การเคลื่อนท่นี ้เี ปน็ ไปในลกั ษณะทกุ ทิศทกุ ทาง โดยไม่มีทศิ ทางท่ีแน่นอนผลจากการ เคลอื่ นทอ่ี นั น้ีจะทำให้ความเขม้ ขน้ ของโมเลกุลของน้ำตาลในภาชนะทม่ี ีเน้ือทจี่ ำกัดนัน้ มคี วามเขม้ ข้นเทา่ กัน) - และเรียกกระบวนการดังกลา่ ววา่ อะไร ? (แนวคำตอบ : การแพร่ (Diffusion)) ขั้นที่ ๒ ข้นั สำรวจและค้นหา (exploration) (๒๐ นาท)ี นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ทำการทดลองกจิ กรรม เรอ่ื ง สมบตั ิของการแพร่ พร้อมตอบคำถามในใบ กิจกรรมให้ถกู ต้อง ขนั้ ที่ ๓ ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (explanation) (๑๐ นาท)ี ตวั แทนนักเรียนออกมานำเสนอเพอ่ื ให้เพอื่ นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องของกจิ กรรม เร่อื ง สมบัติ ของการแพร่ ขนั้ ท่ี ๔ ข้นั ขยายความรู้ (elaboration) (๕ นาท)ี นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายคำถามดงั ตอ่ ไปน้ี เพ่อื ตอ่ ยอดความรู้ ๑. การแพร่ (Diffusion) คืออะไร ? (แนวคำตอบ : คือการกระจายอนภุ าคของสารจากท่ีมีความ เข้มขน้ ของอนุภาคของสารมากไปยงั บรเิ วณทม่ี คี วามเข้มข้นของอนุภาคของสารน้อย จนกระทั่งอนภุ าคของ สารทัง้ สองบรเิ วณมคี วามเข้มขน้ เท่ากัน) ๒. แล้วการแพร่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของนกั เรยี นหรอื ไม่ ? ได้แก่อะไรบ้าง ? (แนวคำตอบ : เกดิ ขึ้น ไดแ้ ก่ การแพรข่ องสผี สมอาหารในนำ้ จนทำให้น้ำมสี ีจนทัว่ ภาชนะ การไดก้ ลิ่นผงแป้ง และการไดก้ ล่ิน น้ำหอม เป็นตน้ )

ขนั้ ท่ี ๕ ข้ันประเมิน (evaluation) (๑๕ นาท)ี นกั เรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หัดหลังกจิ กรรม เรอื่ ง การแพร่ในชีวติ ประจำวัน การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (๒ ชั่วโมง) ขนั้ ที่ ๑ ขั้นสรา้ งความสนใจ (engagement) (๒๐ นาที) นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน รว่ มกันตอบคำถามเพื่อกระตนุ้ ความร้เู ดิมจากคาบเรยี นที่ผา่ นมา เพอ่ื เชื่อมโยงความรู้ เรอ่ื ง การลำเลียงสารในพชื ๑. การดดู น้ำของขนรากเกดิ ขึ้นจากกระบวนการใด ? ” (แนวคำตอบ : ขนรากดูดน้ำโดยกระบวน การออสโมซิส (Osmosis)) ๒. การออสโมซิส (Osmosis) คอื อะไร ? (แนวคำตอบ :ออสโมซิส (Osmosis) เปน็ กระบวนการ เคลอื่ นทข่ี องนำ้ ผา่ นเขา้ และออกจากเซลล์ จากบริเวณท่ีมีความเขม้ ขน้ ของสารละลายต่ำไปส่บู ริเวณท่ีมีความ เขม้ ข้นของสารละลายสูง โดยผ่านเยอ่ื เลอื กผ่าน) ขั้นท่ี ๒ ขนั้ สำรวจและคน้ หา (exploration) (๓๐ นาท)ี แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๔-๕ คน เพอื่ ศึกษาการออสโมซสิ อยา่ งง่ายของเซลลไ์ ข่ไก่ โดยมี ขน้ั ตอนการทดลองดังน้ี ๑) นำไข่ไก่มากะเทาะเปลือกสว่ นบนท่ีอยู่บรเิ วณด้านปา้ นออก โดยต้องมเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลางอย่างนอ้ ย ๑ เซนตเิ มตร ๒) นำมีดมาเจาะเปลอื กไข่ท่ีอยบู่ ริเวณด้านแหลม ให้มขี นาดเทา่ กบั หลอดทน่ี ำมาใช้ ข้อควรระวังคอื อยา่ เอาหลอดเจาะให้ทะลถุ งึ เยื่อหุ้มของบริเวณด้านปา้ น ๓) นำเทียนไขท่ีติดไฟแลว้ ให้นำ้ ตาเทยี นหยดปดิ บรเิ วณท่ีเจาะเปลอื กไข่ให้สนิท เพ่ือยดึ หลอดให้ติด กบั ไข่ไก่ และระวงั อย่าใหม้ บี รเิ วณทรี่ ่วั ๔) นำน้ำที่เตรยี มไวม้ าใส่ในขวดนำ้ ให้เต็ม นำไขไ่ ก่ท่ีไดเ้ ตรยี มไวม้ าวางบนขวดน้ำ โดยใหบ้ ริเวณด้าน ป้านอยูต่ ิดชดิ กบั ขอบของขวดนำ้ ๕) สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง พร้อมกบั บันทึกผลการศึกษาในแบบบนั ทึกผลการศึกษาการ ออสโมซิสอยา่ งง่ายของเซลล์ไขไ่ ก่

ขนั้ ที่ ๓ ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) (๓๐ นาท)ี นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ และอภปิ รายผลการศึกษาการออสโมซสิ อยา่ งงา่ ยของเซลล์ไขไ่ ก่ เพื่อให้ นักเรยี นกลมุ่ อน่ื ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขั้นที่ ๔ ขั้นขยายความรู้ (elaboration) (๒๐ นาท)ี นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี เพื่อตอ่ ยอดความรู้ ๑. การออสโมซสิ จะเกิดขึ้นในชวี ติ ประจำวนั ของนกั เรียนหรอื ไม่ ? ได้แกอ่ ะไรบา้ ง ? (แนวคำตอบ : เกิดขน้ึ ได้แก่ การพรมนำ้ ผักใหผ้ กั สด การเติมน้ำในแจกันดอกไม้ใหด้ อกไมส้ ดและไม่เห่ยี ว เปน็ ต้น ) ๒. นกั เรียนคดิ วา่ ปรากฏการณต์ ามธรรมชาติทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการออสโมซสิ ได้แกอ่ ะไรบา้ ง ? (แนวคำตอบ : เชน่ การดดู นำ้ ของรากสู่ลำตน้ ของพืช เปน็ ต้น) ขั้นที่ ๕ ข้ันประเมนิ (evaluation) (๒๐ นาที) นักเรยี นตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม เร่อื ง การแพร่และออสโมซิส จำนวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน

การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ๑. อธบิ ายความหมายของ - นกั เรียนทำแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั เรอื่ ง การ ร้อยละ ๗๐ ผ่านเกณฑ์ กระบวนการแพร่และออสโม ( ๗ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ ซสิ ได้ (K) เร่ือง การแพรแ่ ละ แพร่และออสโมซสิ ระดบั คะแนน ๓ ผ่านเกณฑ์ ๒. ทำการศึกษาการเกดิ ออสโมซสิ ในแบบประเมนิ กิจกรรม กระบวนการแพรแ่ ละออสโม - ใบกจิ กรรมเร่ือง การ ซิสได้ (P) - นกั เรียนทำใบกิจกรรม แพร่ของสาร ร้อยละ ๗๐ ผ่านเกณฑ์ ๓. เชอ่ื มโยงความรู้ เรอื่ ง การแพร่ของสาร ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ กระบวนการแพร่ และการ - นักเรียนทำใบกิจกรรม - ใบกิจกรรม เร่ือง การ ออสโมซิสทเี่ กิดข้ึนใน เรื่อง การออสโมซสิ อย่าง ออสโมซสิ อย่างงา่ ยของ รอ้ ยละ ๗๐ ผา่ นเกณฑ์ ชีวติ ประจำวนั ได้ (P) ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ ง่ายของเซลล์ไข่ไก่ เซลล์ไขไ่ ก่ ๔. เป็นคนช่างสงั เกต ช่างคดิ - นักเรยี นทำแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด ชา่ งสงสัย และเป็นสามารถ เรอื่ ง การแพร่ใน ทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ ได้ (A) เรอื่ ง การแพรใ่ น ชวี ิตประจำวนั ชวี ิตประจำวนั - - แบบประเมินผลการ ประเมนิ ผลการนำเสนอ นำเสนอผลงาน - แบบสงั เกตการทำ ผลงาน กิจกรรมของนกั เรยี นราย - สงั เกตการทำกจิ กรรม ของนักเรียนรายกลมุ่ กลุม่

ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. หนังสอื วทิ ยาศาสตรช์ ัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เล่ม ๑ ๙. ไม้บรรทดั 1 อนั ๒. ถ้วยกาแฟท่มี ีกาแฟอยเู่ ตม็ แกว้ ๑๐. มดี 1 เลม่ ๓. น้ำตาล ๑๑. เทยี น 1 เลม่ ๔. ดา่ งทบั ทิม หรอื สีผสมอาหาร ๑๒. ไฟแชก็ 1 อัน ๕. แกว้ พลาสติก ๑๓. แกว้ ใสน่ ้ำ 1 ใบ ๖. ขวดน้ำ 1 ใบ ๑๔. น้ำบรสิ ุทธ์ิ ๗. ไข่ไกด่ บิ 1 ฟอง ๘. หลอดดูดแบบใส 1 หลอด ๑๕. แบบฝึกหัด เรือ่ ง การแพรใ่ นชีวิตประจำวัน ๑๖. ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง สมบตั ิของการแพร่ ๑๗. ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง การออสโมซิสอย่างงา่ ยของเซลล์ไขไ่ ก่ ๑๘. แบบฝกึ หัด เร่ือง การแพร่และออสโมซสิ

กิจกรรม เรื่อง สมบตั ิของการแพร่ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนทำการทดลองตามขนั้ ตอนทีก่ ำหนด แลว้ บนั ทึกผล อุปกรณ์และสารเคมี วธิ ีการทดลอง 1. ใสน่ ้ำสะอาด 200 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ในบีกเกอร์ 3 ใบ • บกี เกอร์ 2. หยดหมกึ สแี ดง 2 หยด เกลด็ ด่างทับทิม 2-3 เกลด็ และสีผสมอาหาร 2-3 ผลึก • หลอดหยด • นำ้ ลงในบีกเกอร์แตล่ ะใบตามลำดับ สังเกตและบันทกึ ผล • หมกึ สีแดง ภาพประกอบการทดลอง • เกลด็ ดา่ งทับทมิ • สผี สมอาหาร นำ้ น้ำ นำ้   หมึกแดง ดา่ งทับทิม สีผสมอาหาร (ทม่ี าของภาพ : photo bank ACT.)  บนั ทึกผลการทดลอง การแพรข่ องสาร ผลการสงั เกต บกี เกอรใ์ บที่ 1 หมึกแดงในนำ้ บกี เกอร์ใบท่ี 2 ดา่ งทับทิมในน้ำ บีกเกอร์ใบท่ี 3 สผี สมอาหาร  สรุปผลการทดลอง

แบบฝึกหดั เร่ือง การแพร่ในชวี ติ ประจำวนั ชือ่ …………………………………………………………………….ช้ัน………..….เลขท่ี…….. คำชแ้ี จง นักเรยี นจงกาเคร่อื งหมายถกู หรือผิด หน้าข้อความทีก่ ำหนดให้ o การละลายสีของนำ้ o การไหลของนำ้ ไปตามท่อ o การได้กลน่ิ ลูกเหม็นไล่แมลงสาบ o การดดู นำ้ และแร่ธาตุของราก o การเกดิ เมฆ o การพ่นสารกำจดั ศัตรพู ชื o แก๊สออกซเิ จนและแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์แพร่เขา้ ทางปากใบ o น้ำแดงทเี่ กิดจากสผี สมอาหาร o ควันไฟในอากาศ o การรดนำ้ ตน้ ไม้

กจิ กรรม เรื่อง การออสโมซิสอย่างง่ายของเซลล์ไขไ่ ก่ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทำการศกึ ษาตามข้ันตอนท่กี ำหนด แล้วบนั ทึกผล อปุ กรณแ์ ละสารเคมี วธิ กี ารศกึ ษา ภาพประกอบการศกึ ษา • แกว้ พลาสตกิ • ขวดน้ำ 1 ใบ ๑) นำไขไ่ กม่ ากะเทาะเปลอื กส่วนบนทอี่ ยู่ • ไขไ่ ก่ดิบ 1 ฟอง บรเิ วณด้านป้านออก โดยตอ้ งมเี ส้นผา่ น • หลอดดูดแบบใส ศนู ยก์ ลางอยา่ งน้อย ๑ เซนตเิ มตร 1 หลอด ๒) นำมีดมาเจาะเปลือกไขท่ อี่ ยู่บริเวณด้าน • ไม้บรรทัด 1 อัน แหลม ให้มีขนาดเท่ากบั หลอดท่ีนำมาใช้ ขอ้ ควร • มดี 1 เล่ม ระวังคอื อย่าเอาหลอดเจาะใหท้ ะลุถงึ เยอ่ื หมุ้ • เทยี น 1 เลม่ ของบริเวณด้านป้าน • ไฟแช็ก 1 อนั • แก้วใส่นำ้ 1 ใบ ๓) นำเทียนไขที่ตดิ ไฟแล้ว ให้นำ้ ตาเทียน • น้ำบรสิ ุทธ์ิ หยดปดิ บริเวณทเ่ี จาะเปลอื กไขใ่ ห้สนทิ เพอื่ ยดึ หลอดให้ตดิ กับไข่ไก่ และระวังอย่าให้มีบรเิ วณท่ี รัว่ ๔) นำนำ้ ทีเ่ ตรียมไว้มาใสใ่ นขวดนำ้ ให้เตม็ นำไขไ่ ก่ทไ่ี ด้เตรยี มไวม้ าวางบนขวดน้ำ โดยให้ บรเิ วณด้านปา้ นอย่ตู ิดชิดกับขอบของขวดนำ้ ๕) สงั เกตการณ์เปลย่ี นแปลง พร้อมกับ บันทึกผลการศึกษาในแบบบนั ทึกผลการศกึ ษา การออสโมซสิ อย่างง่ายของเซลล์ไข่ไก่  บันทกึ ผลการศกึ ษา ระดบั ไขไ่ กใ่ นหลอดดดู น้ำ/เซนติเมตร เวลา (นาที) ๒ ๔ ๖ ๘ ๑๐

 วิเคราะห์ผลการศึกษา  สรปุ ผลการศกึ ษา สมาชกิ ในกล่มุ ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ช่ือ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชอ่ื ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชอื่ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี …..

คำถามทา้ ยกจิ กรรม เร่อื ง การแพรแ่ ละออสโมซสิ คะแนนที่ได้ คำชแี้ จง ให้นกั เรียนตอบคำถามทถี กู ตอ้ งท่ีสุด แบบทดสอบ ๑๐ ขอ้ ใชเ้ วลา ๑๐ นาที ๑๐ ๑. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หลักการแพร่ ๖. ความแตกตา่ งของการแพร่กับออสโมซิสคอื อะไร ก. การละลายของสี ก. ออสโมซิสเปน็ การเคล่อื นทีข่ องเยอื่ บาง ๆ ข. การไดก้ ลนิ่ นำ้ หอม ข. การแพร่ไมต่ ้องผ่านเย่ือบาง ๆ แต่ออสโมซิสตอ้ ง ค. ลกู เหม็นไลแ่ มลงสาบ ผา่ นเยอ่ื บาง ๆ ง. การไหลของน้ำไปตามทอ่ ค. การแพรเ่ กดิ จากสารเคลือ่ นทจ่ี ากที่ทมี่ โี มเลกลุ นอ้ ย ๒. การใสป่ ๋ยุ เคมีครั้งละมาก ๆ ในกระถางตน้ ไม้ จะเกิด ไปสูท่ ที่ ม่ี โี มเลกุลมากเท่าน้นั ผลเสียอยา่ งไร ง. ถกู ทกุ ข้อ ก. ต้นไมไ้ ดอ้ าหารเลีย้ งลำตน้ เตม็ ท่ี ๗. เมือ่ นกั เรยี นเปิดฝาขวดน้ำหอมท้ิงไวส้ ักครู่ แล้วเข้าไปใน ข. ต้นไม้เจริญงอกงามอย่างรวดเรว็ ห้องจะไดก้ ลนิ่ นำ้ หอมกระจายไปทั่วหอ้ ง กระบวนทที่ ำให้ ค. เปน็ การให้แรธ่ าตุแกพ่ ชื อยา่ งถกู วิธี นำ้ หอมกระจายไปทั่วหอ้ งเป็นกระบวนการใด ง. ต้นไมจ้ ะเหยี่ วเนือ่ งจากขาดน้ำมาเล้ียง ก. การแพร่ ค. การระเหิด ๓. คำวา่ ออสโมซิส ถา้ จะอธบิ ายจะใชข้ ้อใดจงึ จะถูกตอ้ ง ข. การระเหยแห้ง ง. การออสโมซสี ก. เป็นการเคลอื่ นท่ขี องนำ้ ผา่ นเย่อื บางไปยังบรเิ วณน้ำ ๘. การทีแ่ ม่ค้าเอาน้ำพรมผลไม้ ( เงาะ ) ทำให้ผลไมส้ ดอยู่ ข. เปน็ การเคลือ่ นท่ีของน้ำจากบริเวณนำ้ มากไปยงั เสมอ กระบวนการทีท่ ำให้ผลไม้สดอยเู่ สมอคอื ข้อใด บรเิ วณน้ำน้อย ก. การแพร่ ค. การระเหย ค. เป็นการเคลอ่ื นท่ีของสารละลายเขม้ ข้นไปสู่สารละลาย ข. การซึมผ่าน ง. การออสโมซสี เจอื จาง ๙.เมื่อหย่อนเกล็ดด่างทับทมิ ลงในบกี เกอรท์ ่ีบรรจุน้ำจะเกิด ง. เปน็ การเคล่ือนที่ของนำ้ จากสารละลายเจอื จางผา่ น การแพรก่ ระจายขน้ึ นักเรยี นคิดวา่ ถ้ามีการเพม่ิ อณุ หภูมิให้ เย่อื บางไปสูส่ ารละลายเข้มขน้ สูงข้ึน อตั ราการแพร่จะเปน็ อยา่ งไร ๔. การท่เี ราได้กล่นิ น้ำหอมเกดิ จากกระบวนการใด ก. ช้าลง ค. เท่าเดมิ ก. การแพร่ ค. การออสโมซิส ข. เร็วขึน้ ง. ไมม่ ีผลตอ่ อัตราการ ข. การลำเลียง ง. การแพรแ่ ละการ แพร่ ออสโมซสิ ๑๐. การแพรข่ องสารจะเกิดขึ้นได้หรอื ไม่ เกย่ี วขอ้ งกับ ๕. ขนรากดดู ซมึ แร่ธาตุเข้าสู่เซลลโ์ ดยวิธกี ารใด ส่งิ ใด ก. การไหล ค. การแพร่ ก. ชนิดของตัวทำละลาย ข. ขนาดของมวลอนุภาค ข. การลำเลยี ง ง. การออสโมซสิ ค. ความเขม้ ขน้ ของอนุภาค ง. ความหนาบางของผนัง เซลล์ ช่ือ ……………………………...…………..……… ม.๑/…. เลขท…่ี …..

ประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : สงั เกตลกั ษณะของการนำเสนอผลงานทีน่ กั เรียนสรา้ งขึน้ แล้วขดี ✓ ลงในช่องระดบั คะแนน แบบการ สอดคลอ้ ง ความคดิ การจดั การสรปุ ผล ลำดบั ชอ่ื -สกลุ บันทกึ ผล กับเนื้อหา สรา้ งสรรค์ กระทำ การทำ รวม กลมุ่ ของผูร้ บั การประเมิน การทำ ในการ ข้อมลู กจิ กรรม ๒๐ คะแนน กิจกรรม นำเสนอ และการ นำเสนอ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ลงชื่อ........................................... ผู้ประเมนิ (_______________________) เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ ๔ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ให้ ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๗ ดี ต่ำกวา่ ๑๔ ปรบั ปรงุ เกณฑ์ รอ้ ยละ ๗๐ ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์

แบบสังเกตการทำกิจกรรมของนกั เรยี นรายกลุม่ คำชแ้ี จง : สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน มสี ว่ นร่วม ยอมรบั ฟัง มเี หตผุ ลใน ความมี การดแู ล รวม ในการ ความ การทำงาน นำ้ ใจ และการ 20 ลำดับ ที่ ชอ่ื -สกลุ แสดงความ คดิ เหน็ ของ ร่วมกับ เกบ็ คะแนน คดิ เหน็ ผ้อู นื่ ผอู้ ่ืนอย่าง อปุ กรณ์ และ/หรือ ของผรู้ ับการประเมนิ สรา้ งสรรค์ เคร่ืองมอื ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ลงช่อื ........................................... ผู้ประเมิน (_______________________) เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครงั้ ให้ ๑ คะแนน ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี เกณฑ์ รอ้ ยละ ๗๐ ( ๑๔ คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ ต่ำกวา่ ๑๔ ปรับปรงุ

แบบประเมินแบบบันทึกผลกจิ กรรม ตวั ช้ีวัด ระดบั คะแนน ๑ ๔ ๓๒ (๑) ทำแบบฝึกหัด (๑) ทำแบบฝึกหัด (๑) ทำแบบฝึกหัด (๑) ทำแบบฝกึ หัดไม่ แบบบันทกึ ผล ครบถ้วนและเสรจ็ ตาม ครบถ้วนและเสรจ็ ตาม ครบถ้วนและเสรจ็ ตาม ครบถว้ นหรอื ไม่เสร็จ กจิ กรรม กำหนดเวลา กำหนดเวลา กำหนดเวลาเลก็ นอ้ ย ตามกำหนดเวลา (๒) ทำแบบฝกึ หัดได้ (๒) ทำแบบฝกึ หัดได้ (๒) ทำแบบฝึกหัดบาง (๒) ทำแบบฝึกหัดบาง ถูกตอ้ ง ถูกต้อง ขอ้ ไม่ถกู ตอ้ ง ข้อไม่ถูกต้อง (๓) แสดงลำดับข้นั ตอน (๓) สลบั ขนั้ ตอนของ (๓) สลบั ขนั้ ตอนของ (๓) แสดงลำดบั ข้นั ตอน ของการทำแบบฝกึ หัด การทำแบบฝึกหัด การทำแบบฝึกหดั หรอื ของการทำแบบฝกึ หัด ชดั เจนเหมาะสม หรอื ไม่ระบุขน้ั ตอนของ ไม่ระบขุ ัน้ ตอนของการ ไม่สมั พันธก์ บั โจทย์ การทำแบบฝกึ หดั ทำแบบฝกึ หดั หรอื ไมแ่ สดงลำดับ ขน้ั ตอน

บันทึกหลงั สอน 1. ผลการสอน  สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ุดประสงค์ K P A  มีการบูรณาการ คุณธรรม / การตา้ นการทุจริต / หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง  สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก ..........................................................................  .......................................................................................................................................................  2. ปัญหาและอปุ สรรค  กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา  มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา  มีนกั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน  อืน่ ๆ ............................................................................................................................................. 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข  ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง ......................................................................................................  .......................................................................................................................................................  แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทีไ่ ม่ผ่านการประเมนิ /ไม่สนใจเรียน  ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม โดยให้เพื่อนในชน้ั เรียนชว่ ยกันอธิบายให้นักเรยี นเขา้ ใจใน  เนื้อหาทีเ่ รียน ครบู วกคะแนนเพ่ิมให้นกั เรยี นท่ีสอนใหเ้ พ่ือนจนเข้าใจเนอ้ื หาท่เี รียน เพอ่ื เปน็ การ  เสรมิ แรงทางบวก  ไม่มีขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ........................................... ผู้บันทึก ( นางสาวจันธิรัตน์ หมานจิตร) ครูผู้สอน

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่อื ง การดำรงชีวติ ของพชื บทท่ี 1 การสบื พนั ธ์ุและการขยายพนั ธุข์ องพืชดอก เวลา 3 ช่ัวโมง โรงเรยี นทปี ราษฎร์พทิ ยา เรือ่ ง การสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศของพืชดอก ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผู้สอน นางสาวจันธริ ัตน์ หมานจิตร วนั ที่สอน ............เดอื น…………………พ.ศ.……… สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 สงิ่ มีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสงิ่ มชี วี ิต หนว่ ยพ้ืนฐานของสิง่ มชี ีวติ การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหน้าที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ีท่ ำงานสัมพนั ธ์กันความสมั พันธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทขี่ องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ที ำงานสัมพนั ธ์กัน รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด 1. ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสบื พนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพืชดอก 2. ว 1.2 ม.1/12 อธิบายลักษณะโครงสรา้ งของดอกท่มี สี ว่ นทำให้เกดิ การถา่ ยเรณู รวมทงั้ บรรยายการ ปฏสิ นธขิ องพืชดอก การเกิดผลและเมลด็ การกระจายเมล็ด และการงอกของเมล็ด 3. ว 1.2 ม.1/13 ตระหนกั ถึงความสำคัญของสัตว์ท่ชี ่วยในการถ่ายเรณูของพืชดอก โดยการไม่ทำลาย ชวี ิตของสัตวท์ ี่ช่วยในการถ่ายเรณู จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศ (K) 2. อธบิ ายลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกที่เก่ยี วกบั การสบื พนั ธุแ์ บบอาศัยเพศของพชื ได้ (K) 3. แยกสว่ นประกอบของดอกไม้ได้ (P) 4. ตระหนักถงึ ความสำคัญของสัตวท์ ี่ช่วยในการถ่ายเรณขู องพชื ดอก (A) 5. เปน็ คนช่างสังเกต ช่างคดิ ชา่ งสงสัย และเปน็ สามารถทำงานร่วมกับผอู้ น่ื ได้ (A) สาระสำคัญ การสืบพันธุ์ เปน็ กระบวนการท่ีสิง่ มชี ีวติ ใช้ในการดำรงเผ่าพนั ธ์ไุ ม่ให้สญู หายไปจากโลก มี 2 ประเภท คือ การสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศและการสืบพนั ธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ การสบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศ เปน็ การสืบพนั ธท์ุ ี่เกิดจากการผสมระหว่างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ (สเปริ ์ม) และเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมยี (เซลล์ไข)่ เรยี กวา่ การปฎสิ นธิ โดยส่วนใหญจ่ ะเกดิ ขึน้ ภายในดอกไม้

การสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศ เปน็ การสืบพันธุ์ไม่อาศัยดอกและไมม่ กี ารผสมระหวา่ งเซลล์สบื พันธเ์ุ พศ ผ้กู ับเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมยี สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. กระบวนการสบื พันธ์ุแบบอาศยั เพศ 2. ส่วนประกอบของดอกไม้ และหน้าท่ขี องสว่ นประกอบต่างๆ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ - สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการสงั เกต - ทักษะการสรปุ ลงความเหน็ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการปฏิบัติ - กระบวนการทำงานกลมุ่ 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - ม่งุ มัน่ ในการทางาน 6. การประเมินผลรวบยอด - มีความสามคั คแี ละสามารถทางานร่วมกับส่วนรว่ มได้อย่างมคี วามสขุ - มีความสามารถในการนาเสนอผลงานไดอ้ ย่างเต็มศกั ยภาพ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (1 ช่ัวโมง) ขั้นท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement) (10 นาที) 1. นักเรยี นเล่นเกมแข่งกันบอกชือ่ ดอกไมโ้ ดยครูกำหนดจำนวนพยางค์ เช่น - 2 พยางค์ (กุหลาบ มะลิ ชบา) - 3 พยางค์ (เบญจมาศ ทานตะวนั กระดมุ ทอง) - 4 พยางค์ (บานไมร่ โู้ รย คุณนายตนื่ สาย) 2. นกั เรียนฟังเพลงดอกไมใ้ นอุทยาน แลว้ ช่วยกันบอกวา่ เนอ้ื เพลงนมี้ ดี อกไมท้ ัง้ หมดก่ีชนดิ ไดแ้ ก่

อะไรบ้าง ? 3. นักเรียนและครรู ว่ มกันร้องเพลง สว่ นประกอบของพชื ดอก และรว่ มกันสนทนาเกยี่ วกับ สว่ นประกอบของดอกไม้ และโครงสร้างของดอกที่เกี่ยวขอ้ งกบั การสบื พันธุ์ของพืช ขั้นที่ 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (exploration) (20 นาท)ี 1. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน โดยแตล่ ะกล่มุ นกั เรยี นศกึ ษาดอกไมท้ ี่เตรียมมา(ครูส่ังลว่ งหน้า) นำมาศกึ ษาส่วนประกอบของดอกไม้ 2. นักเรียนร่วมกนั สังเกตส่วนประกอบของดอกไม้ แล้วนำสว่ นประกอบของดอกติดลงในใบกิจกรรม พร้อมทง้ั ตอบคำถามในใบกิจกรรม เร่ือง ส่วนประกอบของดอกไม้ ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) (10 นาท)ี ตวั แทนนักเรยี นในแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอ นักเรยี นนำดอกไมท้ ไี่ ด้ศึกษาออกนำเสนอที่หนา้ ช้นั เรียน เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นกล่มุ อนื่ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและได้รับสาระเนอ้ื หาเพ่ิมเตมิ ขั้นที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration) (5 นาที) นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายถึงลักษณะของเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ดงั น้ี เกสรเพศผู้ เป็นส่วนท่ีอย่ถู ัดจากกลีบดอกเข้าไป เปน็ อวัยวะสรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศผขู้ องพชื เกสรตัวผู้ ประกอบดว้ ย - อบั เรณู ซงึ่ มีอับเรณอู ยูภ่ ายในมลี กั ษณะเป็นผงสเี หลอื งเรียกว่า ละอองเรณู และภายในละอองเรณู มีเซลล์ สืบพนั ธ์ุ - ก้านชอู ับละอองเรณู เกสรเพศเมยี เป็นสว่ นท่ีอยู่ชนั้ ในสุด ทำหน้าท่ีสรา้ งเซลล์สืบพันธุเ์ พศเมีย ประกอบดว้ ย - ยอดเกสรตัวเมีย คือ ส่วนปลายสดุ ของก้านเกสรตัวเมีย มลี ักษณะเปน็ ปมุ่ มขี นหรอื - กา้ นเกสรตวั เมีย คือ ส่วนทอี่ ยูต่ อ่ จากยอดเกสรตัวเมยี ลงมา มลี กั ษณะเปน็ ท่อยาวเรียวลงมาถงึ รังไข่ - รังไข่ คือ สว่ นท่อี ยตู่ ดิ กบั ฐานรองดอกมีลกั ษณะพองโตออกเปน็ กระเปาะ - ออวุล คอื ส่วนทีเ่ รยี งอยู่ภายในรังไขมีลกั ษณะเปน็ เม็ดกลม ๆ เล็ก ๆ สีขาวนวล ขนั้ ท่ี 5 ข้ันประเมิน (evaluation) (๑๕ นาที) นักเรยี นตอบคำถามจากแบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ส่วนประกอบและหน้าทข่ี องดอก

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (2 ชัว่ โมง) ขั้นท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement) (20 นาที) 1. นกั เรยี นร่วมกนั ทบทวนความรู้เรอื่ ง ส่วนประกอบของดอก โดยครูวาดภาพดอกไมบ้ นกระดานสมุ่ เลือกนักเรียนออกมาเขยี นส่วนประกอบของดอก และบอกหน้าที่ของสว่ นประกอบนั้น 2. นักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถามว่า ส่วนใดของดอกไม้มีความสำคญั ท่ีสุด และเพราะอะไร ? (แนวคำตอบ : เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี เพราะใช้ในการสืบพันธขุ์ องดอกไม้) ขนั้ ที่ 2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (exploration) (30 นาท)ี นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน ศกึ ษาใบความรู้เร่ือง การปฏิสนธแิ ละการถ่ายละลองเรณู และรว่ มกนั เขียนเป็นแผนภาพตามความคิดเห็นของกลุ่ม ขั้นที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) (30 นาท)ี 1. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมารายงานหน้าชัน้ เรียน เปรยี บเทยี บความเหมอื นและความต่าง ของแต่ละกลุม่ 2. นักเรียนร่วมกนั ศึกษาแผนภาพการถา่ ยละอองเรณูและการปฏสิ นธิทถ่ี กู ต้องตามขนั้ ตอนท่ีครวู าด และอธิบายประกอบบนกระดาน ข้ันท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration) (20 นาที) นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายคาถามดังตอ่ ไปน้ี เพื่อต่อยอดความรู้ ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. หลงั การปฏิสนธิแลว้ ส่วนต่างๆ ของดอกมกี ารเปล่ยี นแปลงหรือไม่ อย่างไร ? ( แนวคำตอบ : - ผนงั รงั ไข่ (ovary wall ) เจริญเปน็ เปลือกและเนื้อของผลไม้ - ออวุล (ovule ) เจริญเป็น เมลด็ - ไข่ (egg ) เจริญเปน็ ตน้ อ่อนอย่ภู ายในเมลด็ - โพลาร์นวิ เคลยี ส (polar nucleus ) เจริญเป็น เอนโดสเปิรม์ - เยื่อหุ้มออวุล (integument ) เจริญเปน็ เปลือกหุ้มเมลด็ - สำหรบั ส่วนประกอบอ่นื ๆ ของดอก จะเหย่ี วแห้งและสลายตวั ไป ) 2. การถ่ายละอองเรณูเกดิ ขน้ึ ด้วยวธิ กี ารใดได้บา้ ง ? ( แนวคำตอบ : การถ่ายละอองเรณู มี 2 แบบ คอื การถา่ ยละอองเรณูในดอกเดยี วกนั หรอื คนละดอกในต้นเดยี วกนั (Self pollination) และการถ่ายละออก เรณูคนละดอกของต้นไม้คนละตน้ ในพืชนิดเดยี วกนั (Cross pollination) ) 3. ปจั จยั ใดบา้ งทีม่ ีสว่ นทำให้เกิดการถ่ายละอองเรณูของพชื ? ( แนวคำตอบ : ได้แก่ ลม, แมลง, สัตว์ อ่นื ๆ และนำ้ )

ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมนิ (evaluation) (20 นาที) นกั เรียนตอบคำถามจากแบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง การถา่ ยละออกเรณู และการปฏิสนธิ การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ 1. อธบิ ายการสบื พันธุ์แบบ - นักเรยี นทำแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ อาศยั เพศ (K) หลังเรียน เร่ือง การถา่ ย เรอ่ื ง การถา่ ยละออกเรณู ( 7 คะแนน ) ผา่ นเกณฑ์ 2. อธบิ ายลักษณะโครงสรา้ ง ของดอกที่เก่ียวกบั การ ละออกเรณู และการ และการปฏิสนธิ สืบพนั ธ์ุแบบอาศัยเพศของ ปฏสิ นธิ พืชได้ (K) - แบบทดสอบหลงั เรียน - นกั เรยี นทำแบบทดสอบ เรื่อง สว่ นประกอบและ หลงั เรียน เร่ือง หน้าที่ของดอก ส่วนประกอบและหนา้ ท่ี ของดอก 3. แยกสว่ นประกอบของ - ประเมนิ ผลการนำเสนอ - แบบประเมนิ ผลการ ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ ดอกไมไ้ ด้ (P) ผลงาน นำเสนอผลงาน ( 14 คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ - ใบกจิ กรรม เรอื่ ง - นักเรยี นทำใบกจิ กรรม เรอื่ ง สว่ นประกอบของ ส่วนประกอบของดอกไม้ ดอกไม้ 4. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญ - สงั เกตการทำกิจกรรม - แบบสงั เกตการทำ รอ้ ยละ 70 ผา่ นเกณฑ์ ของสตั วท์ ช่ี ่วยในการถา่ ยเรณู ของนักเรียนรายกลุ่ม กิจกรรมของนกั เรียนราย ( 14 คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ ของพชื ดอก (A) 5. เป็นคนช่างสังเกต ช่างคดิ กล่มุ ชา่ งสงสัย และเปน็ สามารถ ทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนได้ (A)

ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. เพลงดอกไมใ้ นอทุ ยาน 2. ดอกไมช้ นดิ ตา่ งๆ 3. ใบกิจกรรม เรือ่ ง ส่วนประกอบของดอกไม้ 4. แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง สว่ นประกอบและหน้าทข่ี องดอก 5. ใบความรูเ้ ร่อื ง การปฏิสนธแิ ละการถา่ ยละลองเรณู 6. แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง การถา่ ยละออกเรณู และการปฏิสนธิ

ใบกจิ กรรม คำชี้แจง เร่ือง ส่วนประกอบของดอกไม้ นกั เรียนจงบอกสว่ นประกอบของดอกไม้จากภาพที่กำหนดให้ พรอ้ มติดส่วนประกอบของดอกใหถ้ ูกต้อง สมาชิกในกล่มุ ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชอ่ื ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….. ชอื่ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี …..

แบบทดสอบ เร่ือง ส่วนประกอบและหนา้ ท่ขี องดอกไม้ คำชี้แจง นักเรยี นตอบคำถาม จากตารางดังตอ่ ไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง ส่วนประกอบของดอกไม้ ลักษณะ หน้าที่ 1. กลีบดอก 2. เกสรเพศผู้ 3. เกสรเพศเมยี 4. รงั ไข่ 5. ออวุล ชอ่ื ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ …..

ใบกิจกรรม คำชี้แจง เรื่อง ส่วนประกอบของดอกไม้ นกั เรียนจงบอกสว่ นประกอบของดอกไมจ้ ากภาพทกี่ ำหนดให้ พรอ้ มติดส่วนประกอบของดอกใหถ้ ูกต้อง สมาชกิ ในกล่มุ ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….. ชือ่ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….. ชื่อ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี ….

แบบทดสอบ(เฉลย) เร่ือง ส่วนประกอบและหนา้ ที่ของดอกไม้ คำชี้แจง นกั เรยี นตอบคำถาม จากตารางดังตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง สว่ นประกอบของดอกไม้ ลักษณะ หนา้ ที่ ปอ้ งกนั เกสรในขณะท่ดี อกยงั อ่อนอยู่ และทำ 1. กลีบดอก มีสสี วยสะดดุ ตา หลายชนิด มีกล่นิ หน้าทลี่ อ่ แมลงเพอ่ื ถา่ ยละอองเรณู หอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่ กบั สี 2. เกสรเพศผู้ คลา้ ยหลอดอันเล็กๆ มกั มีสขี าว ปลาย สรา้ งเซลลส์ ืบพันธุ์เพศผู้ หลอดจะมอี บั ใส่ละอองเกสร รูปรา่ ง ค่อนข้างกลม 3. เกสรเพศเมยี อยตู่ รงกลางของดอก ประกอบดว้ ยรงั สร้างเซลล์สืบพันธเุ์ พศเมีย ไข่ท่ีอยูล่ ่างสดุ บรเิ วณฐานรองดอก ภายในรงั ไข่จะบรรจไุ ขอ่ อ่ นเล็กๆ ไว้ 4. รังไข่ ส่วนทตี่ ิดอยกู่ บั ฐานรองดอก มลี กั ษณะ ปอ้ งกันไข่ออ่ น พองโตออกเป็นกระเปาะ 5. ออวลุ ส่วนท่ีเรียงอยู่ภายในรังไขม่ ีลกั ษณะ เจรญิ เตบิ โตไปเปน็ เมล็ด เป็นเมด็ กลมๆ เลก็ ๆ สีขาวนวล ชือ่ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…ี่ ….

ใบควำมรู้ เร่ือง กำรถ่ำยละลองเรณูและกำรปฏิสนธิ การถ่ายละอองเรณู การถา่ ยละออกเรณูของพืชดอก (Pollination) การถ่ายละอองเรณู หมายถงึ ปรากฏการณ์ทีล่ ะอองเรณปู ลวิ มาตกบนยอดเกสรตัวเมียของดอกชนดิ เดียวกันการถ่ายละออกเรณูเกิดข้นึ เมอ่ื ละอองเรณูเจริญเตม็ ที่ อบั เรณูจะแตกออกทำให้ละอองเรณูกระจาย ออกไป โดยอาศยั ลม นำ้ โดยเฉพาะ แมลง มีความสำคัญมากในการถา่ ยละอองเรณูของพืชดอก และบนยอด เกสรตัวเมีย โดยจะมีน้ำเหนยี วๆ(Stigma) ทีม่ นี ้ำตาลเปน็ สว่ นประกอบ ซ่ึงชว่ ยในการดกั ละอองเรณู การถา่ ยละอองเรณู มี 3 แบบ คอื 1. การถา่ ยละอองเรณูในดอกเดยี วกนั พชื ท่ีมดี อกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ คอื พืชทมี่ เี กสรตัวผู้และตัว เมยี อยใู่ นดอกเดียวกัน ละอองเรณตู วั ผ้นู ้นั สามารถร่วงหรือปลิวมาตกบนยอดเกสรตัวเมียได้ พืชที่ถ่ายละออง เรณใู นดอกเดียวกัน ได้แก่ ถวั่ มะเขือ ฝ้ายและพชื ทมี่ ดี อกสมบูรณ์เพศอ่ืนๆ 2. การถา่ ยละอองเรณูขา้ มดอกในต้นเดยี วกนั เกิดกับพชื ทม่ี ีดอกไมส่ มบรู ณ์เพศละอองเกสรตวั ผู้ จะตอ้ งเคลื่อนที่ไปตกบนยอดเกสรตวั เมยี ของอกี ดอกหนง่ึ ในต้นเดียวกัน พชื ทต่ี อ้ งถ่ายละอองเรณแู บบนี้ ได้แก่ ฟักทอง แตงกวา เป็นตน้ 3. การถ่ายละอองเรณขู ้ามตน้ เกิดกับพชื ทม่ี ีดอกตัวผหู้ รือดอกตัวเมียอย่คู นละต้น จึงตอ้ งใช้วิธีการ ถา่ ยละอองเรณขู า้ มตน้ พืชท่ีมดี อกสมบูรณเ์ พศหรือพชื ท่มี ดี อกตัวผแู้ ละดอกตวั เมียอยูใ่ นตน้ เดียวกันกอ็ าจจะ ถ่ายละอองเรณูข้ามต้นได้เหมือนกัน โดย อาศยั ลมมนษุ ยห์ รือสตั วพ์ าไป

การปฏสิ นธิของพชื ดอก เมอ่ื ละอองเรณู ตกลงสู่ ยอดเกสรตวั เมีย ละออง เรณูจะงอกท่อยาว เรียกว่า พอลเลนทวิ บ์ (Pollen tube) ลงส่กู ้านเกสรตวั เมยี ทวิ บ์นิวเคลยี สจะเคลอ่ื นตัวไป ตามท่อ ผ่านทางรู ไมโครไพล์ (Micropyle) ของออวุล ในขณะน้ีเจเนเรทฟี นวิ เคลียส (Generative nucleus) จะ แบง่ นวิ เคลียสแบบ ไมโทซสี ได้ สเปริ ์มนวิ เคลียส (Sperm nucleus) 2 ตวั เข้าผสมกนั นวิ เคลยี สของไข่ (Egg cell) ไดไ้ ซโกต (2n) ซงึ่ จะเจรญิ เป็นเอมบริโอต่อไป ส่วนอีกนิวเคลยี สจะ ผสมกบั โพลารน์ ิวคลีไอ (Polar nuclei) เจริญเป็นเอนโดสเปิร์ม (3n) ซง่ึ เป็นอาหารสำหรับเล้ียงเอ็มบริโอการผสมซึ่งเกดิ จากการ ผสม 2 ครั้งน้ี เรียกว่า การปฏสิ นธซิ อ้ น (Double Fertilization) ซ่ึงพบเฉพาะใน พชื ดอก เท่านน้ั หลังจากปฏิสนธแิ ลว้ • รังไข่ (ovary ) เจริญเป็น ผล • ผนงั รงั ไข่ (ovary wall ) เจริญเป็น เปลือกและเนอื้ ของผลไม้ • ออวลุ (ovule ) เจริญเปน็ เมลด็ • ไข่ (egg ) เจรญิ เป็น ต้นออ่ นอยูภ่ ายในเมล็ด • โพลาร์นิวเคลียส (polar nucleus ) เจรญิ เป็น เอนโดสเปริ ์ม • เยอ่ื หมุ้ ออวุล (integument ) เจรญิ เปน็ เปลอื กหุม้ เมล็ด • สำหรบั สว่ นประกอบอ่ืน ๆ ของดอกจะเห่ียวแหง้ และสลายตวั ไป การปฏิสนธซิ อ้ นของพืชดอกมคี วามสำคญั เป็นอย่างมาก เนือ่ งจากเปน็ การสรา้ งอาหารให้แก่สิ่งมชี ีวติ อื่นๆ เช่น ผลไมท้ ี่เราใช้รบั ประทานก็เกิดมาจากการปฏิสนธิ อาหารพวกจ้าว ข้าวโพด ก็เป็นส่วนของ เอนโดสเปิรม์ อาหารในเมล็ดถัว่ หลายชนดิ ก็เปน็ อาหารทีส่ ะสมอยู่ในใบเลี้ยงของเอมบริโอของถว่ั

คำชี้แจง แบบทดสอบ เร่ือง การถ่ายละออกเรณู และการปฏสิ นธิ จากภาพนกั เรยี นจงตอบคำถาม ดังตอ่ ไปนใ้ี หถ้ กู ตอ้ ง 1. การถ่ายละอองเรณู หมายถงึ …………………………............……………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… 2. ในออวุล (Ovule) จะมเี ซลล์ทงั้ หมด…….............เซลล์ และรวม นิวเคลยี สเทา่ กับ……....…….นวิ เคลียส มกี ารจัดเรียงตวั .............แบบ 3. เซลล์ทั้งหมด 3 เซลลใ์ นหมายเลข 1 คือ…………………………………………………และ เซลล์ทมี่ ี 2 นวิ เคลียสในหมายเลข 2 คือ……………………………………………….............................................................................................................……………………... 4. เซลลห์ มายเลข 3 คอื ………………………………………………………………………………………………..........................................…………….……… 5. เซลลห์ มายเลขใดที่ปฏิสนธิกบั 1 สเปิร์ม (sperm nucleus) ของละอองเรณู แล้วเจรญิ เป็นเอนโดสเปริ ม์ (endosperm)………………………………………………………………………………………………………………………...............................................………… 6. เซลล์หมายเลข 4 คอื เซลลใ์ ด……………………………………………………………………………………………………………… 7. การปฎสิ นธซิ ้อนของพชื ดอกเกิดจากการผสมระหวา่ ง สเปรมิ์ นิวเคลยี สกบั เซลล์หมายเลข……………..........… และสเปรม์ิ นวิ เคลยี สกบั เซลล์หมายเลข…………………………………… 8. หลงั จากปฎิสนธแิ ลว้ เซลล์หมายเลข 2 จะเจริญไปเป็น…………………………………………............................………………….....… 9. หลังจากปฎิสนธิแล้ว เซลล์หมายเลข 4 จะเจริญไปเปน็ …………............………ซงึ่ จะเจรญิ ต่อไปเปน็ ………...…..….....… 10. จากภาพถุงเอ็มบรโิ อ หมายเลขใดไมม่ ีความสำคญั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของเอม็ บริโอ…………….และ.……….....… ชอ่ื ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี …..

บรู ณาการหลักคิดตามแนวหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ/ความมเี หตุผล/การมภี มู คิ ุ้มกันที่ดี ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี ูมคิ ุ้มกันที่ดี 1. ครูวิเคราะห์หลักสูตร เน้ือหา 1. ครูจัดกิจกรรมการเรียนการ 1. ครูวางแผนการเรียนการสอน และออกแบบการจัดกจิ กรรมให้ สอน ตามเนอ้ื หาได้อยา่ งเป็นข้ันตอน สอดคล้องกับมาตรฐาน ภมู ิสงั คม บรรลตุ ามมาตรฐานตัวชวี้ ัด 2. ครูจัดเตรียมวัสดุ อปุ กรณ์และ และบรบิ ทของโรงเรยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และ สถานทจี่ ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วย 2. ครูวิเคราะห์และจัดกิจกรรมให้ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ตามที่ ความรอบคอบระมัดระวงั เหมาะสมกบั วัย/ระดบั ชัน้ และเวลา หลักสตู รกำหนด 3. ครเู ตรยี มการปอ้ งกนั และแก้ไข เรยี นของผู้เรยี น 2. ครูเลือกวัสดุอุปกรณ์เก่ียวกับ ปญั หาท่อี าจจะเกิดขน้ึ ระหว่างการ 3. ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การเก็บรวมรวมข้อมูลและการ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เหมาะสมกบั ความสามารถของ จำแนกข้อมลู ใหถ้ ูกประเภท 4. ครมู ีการกำหนดเกณฑ์การ ผเู้ รยี น 3. ครูมีความสะดวกและง่ายต่อ ประเมนิ ทีช่ ัดเจน การ เตรยี มการในการจดั การเรียนรู้ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมภี มู ิคุ้มกนั ท่ดี ี 1. นักเรยี นรจู้ ักวิธีการการสืบพันธ์ุ 1. นักเรียนสามารถใช้ความรเู้ รอื่ ง 1. นกั เรยี นมีการวางแผนในการ ของพชื ทม่ี ีดอก เกีย่ วกบั ส่วนประกอบของพชื ดอก ปฏิบัตกิ จิ กรรม 2. นักเรยี นเรยี นรูท้ ่ีจะเก็บรวบรวม พืชมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม 2. นักเรยี นดำเนนิ กิจกรรม ข้อมูลภายใน โรงเรียน หรือใน 2. นักเรียนมที กั ษะในการวิเคราะห์ ตามลำดับขัน้ ตอน ทอ้ งถิน่ ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบของ 3. นกั เรียนมที ักษะในการสอื่ สาร 3. นกั เรยี นรู้จักประเมินความรู้ พชื ดอกและแสดงความคดิ เห็นถึง และนำความรู้ท่ีได้รับมาเช่ือมโยง ความสามารถของตนเองและเพื่อน โครงสร้างของดอกที่เกี่ยวข้องกับ ในชีวิตประจำวันของผู้เรยี น ในกลมุ่ การสืบพนั ธ์ขุ องพชื ในท้องถ่ิน 4. นั ก เรี ย น เรี ย น รู้ ที่ จ ะ แ บ่ ง 3. นกั เรยี นมีทักษะในการนำเสนอ ภาระหน้าท่ีและแก้ปัญหาตาม ผลงานเกี่ยวกับส่วนประกอบของ ความสามารถของตนเองและเพ่ือ พืชดอกในทอ้ งถน่ิ ในกลุ่ม

เง่ือนไขความร้/ู เง่อื นไขคณุ ธรรม เงอื่ นไขความรู้ เง่อื นไขคณุ ธรรม 1. ครมู คี วามรอบร้ใู นหลักสตู รและเน้อื หาสาระท่ีสอน 1. ครูมคี วามรับผิดชอบตอ่ งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย รูว้ ธิ ีวัดและประเมินผลทเี่ หมาะสม และมวี ินยั ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน 2. ครมู ีความร้เู รื่องการเก่ยี วกับส่วนประกอบของพชื 2. ครปู ฏิบัติหนา้ ที่ดว้ ยความขยันหมัน่ เพยี ร มีความ ดอก อดทนและมสี ติปญั ญาในการจัดการเรียนรู้และ 3. ครมู เี ทคนิควิธกี ารสอนทห่ี ลากหลาย เพอ่ื นำไปใช้ สามารถแก้ปัญหาทเ่ี กดิ ขนึ้ เพอ่ื ให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ ในกิจกรรมได้อยา่ งเหมาะสม ของการจดั กิจกรรม 1. นกั เรยี นมีความรู้ ความเข้าใจในเรอื่ งเกยี่ วกบั 1. นกั เรียนมีวนิ ัยในตนเอง : การปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง สว่ นประกอบของพืชดอกและการสบื พนั ธขุ์ องพืชทีม่ ี ของกลมุ่ กติกาในการเรยี นแตล่ ะคร้ัง ดอก 2. นักเรียนความละเอียดถีถ่ ว้ น รอบคอบ การทำงาน 2. นักเรยี นมีทกั ษะในการทำงานรว่ มกับผ้อู น่ื อยา่ งเป็นระบบ : การสังเกต พิจารณา ทบทวนและ 3. นักเรียนนำความรทู้ ี่ได้ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ตรวจสอบ 3. นักเรียนมีสติ สมาธิ ปญั ญา : การคิดวเิ คราะห์ เก่ยี วกับส่วนประกอบของพชื ดอก 4. นักเรยี นความมัน่ ใจ : การนำเสนอผลงาน การ นำไปใช้

ประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : สงั เกตลกั ษณะของการนำเสนอผลงานทีน่ กั เรยี นสรา้ งขนึ้ แล้วขีด ✓ ลงในช่องระดับคะแนน แบบการ สอดคล้อง ความคิด การจดั การสรุปผล ลำดบั ชอ่ื -สกุล บันทึกผล กบั เนอ้ื หา สร้างสรรค์ กระทำ การทำ รวม กลมุ่ ของผู้รบั การประเมนิ การทำ ในการ ขอ้ มลู กจิ กรรม กจิ กรรม นำเสนอ และการ 20 คะแนน นำเสนอ 4321 4321 432143214321 ลงชือ่ ........................................... ผปู้ ระเมนิ (_______________________) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภำพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 2 คะแนน 18 – 20 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 14 – 17 ดี ต่ากว่า 14 ปรับปรุง เกณฑ์ ร้อยละ 70 ( 14 คะแนน ) ผา่ นเกณฑ์

แบบสังเกตการทำกจิ กรรมของนักเรียนรายกลุ่ม คำชี้แจง : สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับคะแนน มสี ่วนร่วม ยอมรบั ฟัง มเี หตุผลใน ความมี การดูแล รวม ในการ ความ การทำงาน นำ้ ใจ และการ 20 ลำดับ ท่ี ชอ่ื -สกุล แสดงความ คิดเหน็ ของ รว่ มกับ เก็บ คะแนน คดิ เห็น ผอู้ นื่ ผอู้ ่นื อยา่ ง อปุ กรณ์ และ/หรือ ของผูร้ บั การประเมนิ สรา้ งสรรค์ เครือ่ งมอื 4321 4321 432 14321 4321 ลงช่ือ........................................... ผปู้ ระเมิน (_______________________) เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 18 – 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 – 17 ดี ต่ากว่า 14 ปรบั ปรุง เกณฑ์ รอ้ ยละ 70 ( 14 คะแนน ) ผา่ นเกณฑ์

บันทึกหลงั สอน 1. ผลการสอน  สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ุดประสงค์ K P A  มีการบูรณาการ คุณธรรม / การตา้ นการทุจริต / หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง  สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนอ่ื งจาก ..........................................................................  .......................................................................................................................................................  2. ปัญหาและอปุ สรรค  กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา  มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา  มีนกั เรียนทไี่ มส่ นใจเรียน  อืน่ ๆ ............................................................................................................................................. 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข  ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่ือง ......................................................................................................  .......................................................................................................................................................  แนวทางแกไ้ ขนกั เรียนทีไ่ ม่ผ่านการประเมนิ /ไม่สนใจเรียน  ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม โดยให้เพื่อนในชน้ั เรียนชว่ ยกันอธิบายให้นักเรยี นเขา้ ใจใน  เนื้อหาทีเ่ รียน ครบู วกคะแนนเพ่ิมให้นกั เรยี นท่ีสอนใหเ้ พ่ือนจนเข้าใจเนอ้ื หาท่เี รียน เพอ่ื เปน็ การ  เสรมิ แรงทางบวก  ไม่มีขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ........................................... ผู้บันทึก ( นางสาวจันธิรัตน์ หมานจิตร) ครูผู้สอน

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง การดำรงชวี ติ ของพชื บทที่ 1 การสืบพนั ธุ์และการขยายพันธ์ขุ องพชื ดอก เวลา 3 ชวั่ โมง โรงเรยี นทีปราษฎร์พทิ ยา เรอ่ื ง การสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศของพชื ดอก(ตอ่ ) ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ผสู้ อน นางสาวจนั ธิรัตน์ หมานจิตร วนั ทส่ี อน ............เดือน…………………พ.ศ.……… สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 สิง่ มชี วี ติ กบั กระบวนการดำรงชวี ติ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสง่ิ มีชวี ิต หนว่ ยพนื้ ฐานของส่ิงมชี ีวิต การลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ งและหน้าทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนุษยท์ ี่ทำงานสัมพันธก์ ันความสมั พันธข์ อง โครงสร้างและหน้าท่ขี องอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชท่ที ำงานสมั พันธก์ นั รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด 1. ว 1.2 ม.1/12 อธบิ ายลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกท่ีมีส่วนทำให้เกิดการถ่ายเรณู รวมทัง้ บรรยายการ ปฏิสนธขิ องพืชดอก การเกิดผลและเมล็ดการกระจายเมล็ด และการงอกของเมล็ด 3. ว 1.2 ม.1/13 ตระหนกั ถึงความสำคัญของสตั ว์ที่ชว่ ยในการถ่ายเรณูของพืชดอก โดยการไม่ทำลายชีวติ ของสตั วท์ ช่ี ่วยในการถ่ายเรณู จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการเกดิ ผลและเมล็ดได้ (K) 2. อธิบายวฏั จกั รของพชื ดอกได้ (K) 3. เปรยี บเทียบโครงสรา้ งเมล็ดของใบเล้ียงเด่ยี วและโครงสรา้ งเมลด็ ของใบเลีย้ งคู่ได้ (P) 4. เปน็ คนชา่ งสังเกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสยั และเปน็ สามารถทำงานร่วมกับผอู้ ืน่ ได้ (A) สาระสำคัญ เมล็ด คอื ออวุล (ovule) ที่เจรญิ เต็มวยั หรอื สกุ แก่แล้ว เปน็ การเจริญเติบโตหลงั จากการปฏิสนธิ ประกอบด้วยสว่ นสำคัญ 3 ส่วน คอื 1. เอม็ บริโอ (embryo) เป็นสว่ นที่เกิดจากการรวมตัวระหวา่ ง egg nucleus ของรงั ไข่กบั germinating nucleus ของละอองเรณู 2. เปลือก (covering part) เจรญิ มาจากส่วนของผนังรังไข่ (integument) หรืออาจเปน็ เปลือก ของผล (pericarp) 3. เนอ้ื เยอ่ื สะสมอาหาร (storage part)

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1. การเกดิ ผล 2. การเกดิ เมล็ด 3. โครงสร้างของเมล็ด 4. การงอกของเมลด็ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (1 ชัว่ โมง) ขั้นที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement) (10 นาท)ี 1. ครูใหน้ กั เรยี นสังเกตบรบิ ทของโรงเรยี น ใหด้ ูพชื ที่มชี ่วงอายุตา่ ง ๆ กนั ลองให้นกั เรยี นเปรียบเทยี บพชื ชนดิ เดยี วกันดูวา่ พชื ตน้ ใดมีอายมุ ากน้อยกว่ากนั 2. ครูชี้แนะใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ พชื มรี ะยะตา่ ง ๆ ในชว่ งชวี ติ เช่นเดียวกบั คน ข้นั ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (exploration) (20 นาที) 1. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน โดยแต่ละกล่มุ ศึกษา เร่อื งวัฏจกั รชวี ติ ของพชื ดอกในหนังสือ วทิ ยาศาสตร์ แล้วใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันคิดและวเิ คราะห์วฏั จกั รชีวติ ของพืชดอก กลุ่มละ 1 ชนิด เป็นแผนผงั ความรพู้ รอ้ มวาดภาพประกอบ ภาพ วัฏจักรชีวติ ของพชื ดอก ขั้นท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) (10 นาท)ี ตวั แทนนกั เรยี นในแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอ แผนผงั ความคิด เรื่องวัฏจักรชวี ิตของพืชดอก ของกลุ่มตนเอง เพื่อใหน้ กั เรียนกลุ่มอื่นตรวจสอบความถกู ตอ้ งและไดร้ บั สาระเนอื้ หาเพิ่มเตมิ

ข้ันท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (elaboration) (5 นาที) นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายคำถามดงั ต่อไปน้ี เพ่ือต่อยอดความรู้ 1. การขยายพันธพ์ุ ืช คืออะไร ? (แนวคำตอบ การเพมิ่ จำนวนตน้ พืชให้มีปริมาณมากขึ้น เพ่อื ดำรงสายพนั ธ์ุ พืชชนิดต่าง ๆ ไวไ้ ม่ให้สญู พนั ธ์ุ) 2. การการสืบพนั ธุ์ของพชื แบง่ ออกเปน็ ก่ีประเภท ? (แนวคำตอบ แบง่ เปน็ ๒ ประเภท คอื การสบื พนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศ และการสบื พนั ธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ) 3. การสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ คอื อะไร ? (แนวคำตอบ : คือการสืบพนั ธ์ทุ ไ่ี มต่ ้องใชเ้ ซลล์ สืบพันธุ์ แต่ใช่ สว่ นอ่นื ต่างๆ ของพชื ขยายพันธ์ุแทน) 4. ยกตัวอย่างการสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศทน่ี กั เรียนรจู้ กั ได้แกอ่ ะไรบา้ ง ? (แนวคำตอบ : - การแตกหน่อ (budding) ได้แก่ หนอ่ กลว้ ย ไผ่ กลว้ ยไม้ เปน็ ต้น - การตอนกง่ิ (marcotting) ไดแ้ ก่ กหุ ลาบ มะมว่ ง ส้ม เงาะ เปน็ ต้น - การติดตา (budding) ไดแ้ ก่ กุหลาบ ยางพารา เป็นตน้ - การทาบกิ่ง (grafting) ไดแ้ ก่ มะมว่ ง ทุเรยี น เป็นต้น - การปกั ชำ (cutting) ไดแ้ ก่ ชบา เฟอ่ื งฟา้ เปน็ ต้น เปน็ ต้น) ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมิน (evaluation) (15 นาท)ี นักเรยี นตอบคำถามจากแบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง การสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศของพืช การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (2 ชั่วโมง) ขั้นท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement) (20 นาที) 1. ครูถามนกั เรยี นวา่ ถา้ “เดก็ ทารกเกิดจากการปฏิสนธขิ องมนุษย์ แล้วสว่ นใดของพืชท่ไี ด้จากการปฏสิ นธ”ิ 2. เปดิ โอกาสให้นกั เรียนได้เสนอความคิดเหน็ เพื่อกระตุ้นใหน้ กั เรยี นแสดงความรเู้ ดิมออกมา ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (exploration) (30 นาที) 1. นักเรียนแบ่งกลุม่ ๆ ละ 4-5 คน โดยใช้วธิ กี ารแบ่งกลุ่มแบบความร่วมมอื คือในแต่ละกลุม่ จะมนี กั เรียนที่ เรียนเกง่ ปานกลางและอ่อน อยรู่ ่วมกันในหนงึ่ กลมุ่ เพ่อื ให้เกิดการช่วยเหลอื ซึ่งกันและกนั (ครแู บง่ กลุ่มนกั เรยี นไว้ ลว่ งหนา้ )

2. ครูนำครูนำเมลด็ ถ่วั แดงกบั เมล็ดข้าวโพด มาให้นักเรยี นศึกษาลักษณะรปู รา่ ง ในกจิ กรรมที่ 4.2 เรอื่ ง เมลด็ งอกไดอ้ ย่างไร ในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 141 3. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ตอบคำถามท้ายกิจกรรม หนา้ 141 ข้ันที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) (30 นาที) ตวั แทนนกั เรยี นในแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศกึ ษากจิ กรรมท่ี 4.2 เรือ่ ง เมลด็ งอกไดอ้ ยา่ งไร ของ กลมุ่ ตนเอง เพื่อให้นักเรยี นกลมุ่ อื่นตรวจสอบความถูกตอ้ งและไดร้ บั สาระเน้ือหาเพิ่มเติม ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration) (20 นาที) นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายคำถามดงั ต่อไปนี้ เพอื่ ต่อยอดความรู้ “น้ำและเนอื้ มะพร้าว คือส่วนประกอบใดของเมล็ด?” แนวคำตอบ โดยท่วั ไปแลว้ เนื้อผลไม้จะแบ่งเป็น 3 สว่ น Exocarp, Mesocarp และ Endocarp เรียงจากข้างนอกเข้าขา้ งใน Exocarp อยู่นอกสุด คือ เปลือก Mesocarp อยู่ตรงกลาง คือ เนื้อ Endocarp อยูใ่ นสุด คอื เปลอื กแขง็ ๆ หมุ้ เมล็ด และเมล็ด (Seed) จะอย่ใู น Endocarp อกี ที ถา้ เทียบตามโครงสร้างนี้ Exocarp ของมะพร้าว ก็คอื เปลอื กเขียวๆ ท่ีอยู่นอกสุด Mesocarp ของมะพร้าว กค็ ือกาบมะพรา้ วทเ่ี ป็นใยๆ Endocarp ของมะพรา้ ว กค็ อื กะลา และเมลด็ ของมะพร้าว กค็ ือสว่ นท่อี ยู่ในกะลาเขา้ ไป ซงึ่ ก็คอื เนือ้ มะพร้าวและนำ้ มะพรา้ วที่เราเอามากิน น่ันเองที่จริงเรากินเน้อื เมลด็ (Endosperm) ของมะพรา้ วไมไ่ ดก้ นิ เนื้อมะพรา้ ว (Mesocarp)

ขนั้ ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ (evaluation) (20 นาท)ี นักเรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หัดหลงั เรียน เร่ือง การงอกของเมลด็ โดยมีคำถาม 5 ขอ้ 10 คะแนน 1. ปจั จัยในการงอกของเมลด็ มอี ะไรบา้ ง 2. สว่ นประกอบของเมล็ดถั่วแดงและเมล็ดข้าวโพด มสี ว่ นเหมือนหรือแตกตา่ งกันอย่างไรบา้ ง 3. ส่วนของเอ็มบริโอประกอบดว้ ยกส่ี ่วน อะไรบา้ ง 4. การงอกของเมล็ด มีลกั ษณะอย่างไร 5. นำ้ และเนอื้ มะพรา้ ว คือส่วนประกอบใดของเมล็ด

การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ 1. อธบิ ายการเกิดผลและ - นักเรียนทำแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน -ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ เมล็ดได้ (K) เรื่อง การสบื พนั ธ์ุแบบ ( 7 คะแนน ) ผา่ นเกณฑ์ 2. อธิบายวฏั จกั รของพืชดอก หลังเรยี น เรอ่ื ง การ ได้ (K) สบื พันธุ์แบบอาศัยเพศของ อาศยั เพศของพชื พืช - แผนผงั ความคดิ เรื่องวัฏ - นักเรยี นทำแผนผงั จกั รชีวิตของพืชดอก ความคดิ เรอ่ื งวัฏจักรชีวติ - แบบฝึกหดั หลงั เรยี น ของพืชดอก เรอ่ื ง การงอกของเมลด็ - นักเรียนทำแบบฝึกหัด หลังเรยี น เรอื่ ง การงอก ของเมลด็ 3. เปรียบเทียบโครงสรา้ ง - นักเรยี นศึกษาลักษณะ - กจิ กรรมท่ี 4.2 เรือ่ ง รอ้ ยละ 70 ผ่านเกณฑ์ เมล็ดของใบเลยี้ งเดี่ยวและ รูปรา่ ง ในกิจกรรมท่ี 4.2 เมลด็ งอกไดอ้ ยา่ งไร ( 14 คะแนน ) ผ่านเกณฑ์ โครงสรา้ งเมล็ดของใบเล้ียงคู่ เรอื่ ง เมล็ดงอกไดอ้ ยา่ งไร ได้ (P) - ประเมินผลการนำเสนอ - แบบประเมนิ ผลการ นำเสนอผลงาน ผลงาน 4. เปน็ คนช่างสังเกต ชา่ งคิด - สังเกตการทำกิจกรรม - แบบสังเกตการทำ รอ้ ยละ 70 ผ่านเกณฑ์ ชา่ งสงสัย และเป็นสามารถ ของนักเรียนรายกลุ่ม กิจกรรมของนักเรียนราย ( 14 คะแนน ) ผา่ นเกณฑ์ ทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื ได้ (A) กลมุ่ ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หน้า 141-142 2. แผนผงั ความคิด เรือ่ งวัฏจักรชวี ิตของพืชดอก 3. แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศของพืช

แบบทดสอบ เรอ่ื ง การสืบพนั ธุ์ของพชื แบบอาศัยเพศ คำชี้แจง นกั เรียนจงจบั คู่คำข้อความทางซา้ ยมอื และขวามือทม่ี คี วามสมั พันธ์กนั มากที่สุด โดยนำ เฉพาะอกั ษรหน้าข้อความทางขวามือมาเติม (10 คะแนน) ……1. เซลลส์ เปริ ม์ A. อวัยวะสรา้ งเซลลส์ ืบพันธ์ุเพศเมยี ……2. ทิวบ์นิวเคลยี ส B. เม่ือปฏสิ นธกิ บั สเปิร์ม เจรญิ เปน็ ไซโกต ……3. ออวุล C. เซลลส์ ืบพันธุเ์ พศผู้ ……4. ละอองเรณู D. นวิ เคลียสทีม่ ี 3 เซลล์อยู่ด้านตรงขา้ มรูไมโครไพล์ ……5. แอนติโพดอล (Antipodal cell) E. นวิ เคลยี ส 2 อันทข่ี นาบข้างเซลล์ไขเ่ พศเมีย ……6. ซนิ เนอรก์ ิด (Synergid) F. ภายในมีสเปิร์ม 2 เซลล์ และมที ิวบน์ ิวเคลยี ส ……7. เกสรเพศเมีย G. ดอกท่ีมีส่วนประกอบครบทัง้ 4 ส่วน …….8. เซลลไ์ ข่ H. เมือ่ ปฏิสนธกิ ับสเปิร์ม เจริญเป็นเอนโดสเปริ ์ม ……9. ดอกครบส่วน (Perfect flower) สำหรบั ตวั ออ่ น ……10. โพลาร์นวิ เคลยี ส I. หลอดละอองเรณู J. มอี งคป์ ระกอบสามสว่ น ได้แก่ ยอดเกสรเพศเมีย กา้ นชูเกสรเพศเมยี และรงั ไข่ ช่ือ ……………………………...…………..……… ม.1/…. เลขท…่ี …..

เฉลย แบบทดสอบ เรื่อง การสืบพนั ธุ์ของพชื แบบอาศัยเพศ 1. B 2. F 3. A 4. C 5. D 6. E 7. J 8. I 9. H 10. G

บรู ณาการหลกั คิดตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ/ความมีเหตุผล/การมีภูมคิ มุ้ กนั ท่ีดี ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การมภี ูมคิ ุ้มกนั ทดี่ ี 1. ครูวิเคราะห์หลักสูตร เน้ือหา 1. ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 1. ครูวางแผนการเรียนการสอน และออกแบบการจัดกิจกรรมให้ บรรลุตามมาตรฐานตวั ชี้วัด ตามเนื้อหาไดอ้ ย่างเป็นขนั้ ตอน สอดคล้องกบั มาตรฐาน ภมู สิ ังคม คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และ 2. ครจู ัดเตรยี มวสั ดุ อปุ กรณแ์ ละ และบรบิ ทของโรงเรียน สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามที่ สถานท่ีจดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ย 2. ครูวิเคราะห์และจัดกิจกรรมให้ หลกั สตู รกำหนด ความรอบคอบระมัดระวัง เหมาะสมกบั วยั /ระดบั ชั้นและเวลา 2. ครูเลือกวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับ 3. ครเู ตรียมการปอ้ งกันและแก้ไข เรียนของผูเ้ รียน การเก็บรวมรวมข้อมูลและการ ปัญหาทอ่ี าจจะเกดิ ข้ึนระหว่างการ 3. ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำแนกขอ้ มลู ใหถ้ กู ประเภท จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เหมาะสมกับความสามารถของ 3. ครมู ีความสะดวกและง่ายต่อการ 4. ครมู ีการกำหนดเกณฑ์การ ผู้เรยี น เตรียมการในการจัดการเรียนรู้ ประเมินทีช่ ัดเจน ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมภี มู คิ มุ้ กันที่ดี 1. นักเรยี นรูจ้ กั วิธกี ารเกีย่ วกับ 1. นักเรยี นสามารถใชค้ วามรเู้ รอื่ ง 1. นักเรียนมีการวางแผนในการ เร่ืองวัฏจักรชีวิตของพืชดอกและ เรื่องวัฏจักรชีวิตของพืชดอกและ ปฏิบัตกิ ิจกรรม การสบื แบบไม่อาศยั เพศของพืช การสืบแบบไมอ่ าศัยเพศของพืช 2. นกั เรยี นดำเนินกิจกรรม 2. นกั เรยี นเรียนรูท้ จี่ ะเกบ็ รวบรวม มาใชไ้ ด้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม ตามลำดับขั้นตอน ข้อมูลภ ายใน โรงเรียน ห รือใน 2. นกั เรียนมที ักษะในการวิเคราะห์ 3. นักเรยี นมีทกั ษะในการสอื่ สาร ทอ้ งถนิ่ ข้อมูลเก่ยี วกับเร่ืองวฏั จักรชีวติ ของ และนำความรู้ท่ีได้รับมาเชื่อมโยง 3. นกั เรียนร้จู กั ประเมินความรู้ พืชดอกและแสดงความคิดเห็นถึง ในชีวิตประจำวันของผเู้ รยี น ความสามารถของตนเองและเพื่อน การสืบแบบไม่อาศัยเพศของพืชใน ในกลมุ่ ท้องถนิ่ 4. นั ก เรี ย น เรี ย น รู้ ที่ จ ะ แ บ่ ง 3. นักเรียนมที ักษะในการนำเสนอ ภาระหน้าที่และแก้ปัญ หาตาม ผลงานเกี่ยวกับส่วนประกอบของ ความสามารถของตนเองและเพื่อ พชื ดอกในท้องถนิ่ ในกลุม่

เงื่อนไขความรู/้ เง่อื นไขคุณธรรม เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. ครมู คี วามรอบรู้ในหลกั สูตรและเนอื้ หาสาระทสี่ อน 1. ครูมคี วามรับผิดชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย รู้วิธวี ัดและประเมินผลที่เหมาะสม และมีวนิ ยั ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน 2. ครูมีความรู้เรื่องการเก่ียวกับเร่ืองวัฏจักรชีวิตของ 2. ครูปฏิบัติหนา้ ท่ดี ้วยความขยันหมนั่ เพยี ร มคี วาม พชื ดอกและการสบื แบบไม่อาศัยเพศของพืช อดทนและมสี ติปญั ญาในการจดั การเรียนรูแ้ ละ 3. ครมู เี ทคนิควิธกี ารสอนท่ีหลากหลาย เพ่ือนำไปใช้ สามารถแก้ปัญหาท่ีเกิดข้นึ เพอ่ื ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ ในกจิ กรรมได้อย่างเหมาะสม ของการจดั กิจกรรม 1. นกั เรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจในเรอื่ งเก่ียวกบั 1. นกั เรียนมีวนิ ัยในตนเอง : การปฏบิ ัติตามข้อตกลง เรื่องวัฏจักรชีวิตของพืชดอกและการสืบแบบไม่อาศัย ของกล่มุ กติกาในการเรยี นแต่ละครง้ั เพศของพชื 2. นักเรียนความละเอยี ดถ่ถี ว้ น รอบคอบ การทำงาน 2. นักเรยี นมีทักษะในการทำงานร่วมกบั ผอู้ ่นื อย่างเปน็ ระบบ : การสังเกต พิจารณา ทบทวนและ 3. นักเรยี นนำความร้ทู ่ีได้ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ตรวจสอบ 3. นักเรียนมีสติ สมาธิ ปัญญา : การคดิ วเิ คราะห์ เก่ียวกับส่วนประกอบของพชื ดอก 4. นกั เรยี นความมนั่ ใจ : การนำเสนอผลงาน การ นำไปใช้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook