ธรรมะข้างเตียง คาํ แนะนําสําหรบั ผ้ปู ่ วยระยะสุดทา้ ย พระไพศาล วสิ าโล
ธรรมะขา้ งเตยี ง คำ� แนะนำ� สำ� หรับผปู้ ว่ ยระยะสุดท้าย พระไพศาล วิสาโล
ธรรมะขา้ งเตยี ง ค�ำแนะนำ� ส�ำหรบั ผปู้ ่วยระยะสุดท้าย ผ้แู ต่ง : พระไพศาล วิสาโล เลขมาตราฐานสากลประจำ� หนังสือ : 978-616-7755-00-7 พมิ พค์ รั้งที่ ๑ : ตุลาคม ๒๕๕๕ จำ� นวนพมิ พ์ : ๔,000 เลม่ ราคา 60 บาท ภาพประกอบ/รปู เลม่ : วทัญญู พรอมั รา จัดทำ� โดย : เครอื ข่ายพุทธิกา เลขท่ี ๔๕/๔ ซ.อรณุ อมรนิ ทร์ ๓๙ ถ.อรุณอมรนิ ทร์ แขวงอรณุ อมรนิ ทร์ เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศพั ท์ ๐๒-๘๘๒-๔๓๘๗, ๐๒-๘๘๖-๐๘๖๓, ๐๘๖-๓๐๐-๕๔๕๘ โทรสาร ๐๒-๘๘๒-๕๐๔๓ อีเมล์ [email protected] เวบ็ ไซต์ http://www.budnet.org สายดว่ นใหค้ �ำปรึกษาทางใจผ้ปู ่วยระยะสุดทา้ ย โทร.086-002-2302 สนใจสนับสนุนการจัดพิมพเ์ ผยแพร่ ตดิ ตอ่ เครือข่ายพุทธิกา รายละเอียดการโอนเงิน : ธนาคารกรุงศรอี ยธุ ยา สาขาอรุณอมรนิ ทร์ ประเภทออมทรพั ย์ ชื่อบัญชี เครอื ข่ายชาวพทุ ธเพอ่ื พระพทุ ธศาสนาและสงั คมไทย เลขท่บี ัญชี 157-1-17074-3 หรือธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม นางสาวมณี ศรีเพียงจนั ทร์ ปณ.ศิริราช 10702 และสง่ มาท่เี ครือข่ายพุทธกิ า
สารบญั คำ� ปรารภ ๔ ท�ำบญุ ไดแ้ ม้กายป่วย ๗ เผชญิ ความตายด้วยใจกุศล ๑๗ ช่วยผูป้ ว่ ยให้ตายดี ๓๑ รักษาใจในยามเจบ็ ปว่ ย ๔๓ ธรรมะข้างเตยี ง๖๙ ถงึ เวลาปลอ่ ยวางสังขารทงั้ ปวง ๘๑ Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
คำ� ปรารภ ผ้ปู ว่ ยทุกประเภท ไม่ไดต้ อ้ งการการเยยี วยาทางกายเทา่ นัน้ หากยัง ปรารถนาความช่วยเหลือทางจิตใจด้วย เพราะหากจิตใจเป็นทุกข์แล้ว ก็สามารถฉุดกายให้ทรุดลงย่ิงกว่าเดิม อีกทั้งท�ำให้เกิดความทุกข์ทรมาน มากข้ึน ยิ่งเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยแล้ว การดูแลทางจิตใจเป็นเร่ือง ส�ำคัญมาก อาจจะย่ิงกว่าการดูแลทางกายด้วยซ้�ำ เพราะแม้กายมีแต่จะ เสอื่ มถอย พ้นวสิ ัยเยยี วยาได้ แต่ใจกย็ งั สามารถประคองใหเ้ ป็นปกติ มีสติ จนวาระสดุ ทา้ ย และจากไปอยา่ งสงบได้ จะวา่ ไปแลว้ ส�ำหรับผูป้ ว่ ยที่ใกล้ สิ้นลม การมีชีวิตยืนยาวไปอีกหนึ่งอาทิตย์หน่ึงเดือนด้วยอุปกรณ์ทาง การแพทย์ ไมส่ ำ� คญั เทา่ กับการพบกบั ความสงบในวาระสุดทา้ ยของชวี ติ การให้ความช่วยเหลือทางจิตใจแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายนั้น ไม่ใช่เร่ือง ลี้ลบั ซบั ซ้อน ท่ตี ้องพ่ึงพาผ้เู ชย่ี วชาญ เช่น พระสงฆ์ แตเ่ ปน็ เรอ่ื งสามัญ ทอ่ี าศยั ความเขา้ อกเขา้ ใจและความใสใ่ จ ซง่ึ ญาตผิ ปู้ ว่ ยกส็ ามารถทำ� ได้ และ อาจท�ำได้ดีกว่าพระสงฆ์ด้วยซ้�ำ หากตระหนักเป็นเบ้ืองต้นว่าสิ่งที่ผู้ป่วย ตอ้ งการคอื ความสงบทางจติ ใจ กย็ อ่ มเหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของการนอ้ มใจให้ ผปู้ ว่ ยนกึ ถงึ สง่ิ ดงี ามทน่ี บั ถอื บญุ กศุ ลทไี่ ดบ้ ำ� เพญ็ สงิ่ ทเ่ี ปน็ ความภาคภมู ใิ จ ในชีวติ รวมทั้งการปล่อยวางสิง่ ท่คี ้างคาใจหรอื หวงแหนกงั วล 4
เนอื้ หาในหนงั สอื เลม่ นคี้ ดั เลอื กมาจากคำ� สนทนาของขา้ พเจา้ กบั ผปู้ ว่ ย ระยะสุดท้ายในช่วงหลายปีทผี่ ่านมา ส่วนใหญอ่ ยใู่ นสภาพโคมา่ แล้ว แต่ก็ เชอ่ื วา่ ยงั สามารถรบั รสู้ งิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ รอบตวั ได้ หลายคนแสดงอาการตอบสนอง ทั้งระหว่างสนทนาและเมอื่ สนทนาเสรจ็ ส้ินแล้ว เนื้อหาของการสนทนานน้ั แตกตา่ งกนั ไปตามภมู หิ ลงั และประสบการณ์ ตลอดจนความเขา้ ใจทางธรรม ของผู้ปว่ ย เชอื่ วา่ น่าจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ป่วยคนอื่นๆ ดว้ ย โดยผปู้ ่วยอาจ อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยตนเอง หรือมีญาติช่วยอ่านให้ฟัง ท่ีดีกว่าน้ันก็คือ ญาติหยิบเอาสาระบางส่วนท่ีเป็นประโยชน์ มาใช้ในการสนทนากับผู้ป่วย เพื่อให้เป็นการส่ือสารท่ีออกมาจากใจและสอดคล้องกับสภาพจิตใจและ อปุ นสิ ยั ของผู้ป่วย หวังว่าหนังสือเล่มน้ีจะมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยทั้งหลายสามารถเผชิญ ความตายด้วยใจสงบ อีกท้ังยังช่วยให้ผู้คนอีกมากมายสามารถท�ำส่ิงที่มี คณุ คา่ ที่สุดแก่คนที่ตนรักในวาระสุดทา้ ยของชวี ติ นั่นคอื การน้อมใจเขาให้ เปน็ กศุ ลและปลอ่ ยวางกอ่ นสิ้นลม พระไพศาล วสิ าโล วันมหาปวารณา-ออกพรรษา ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๕๕ 5
ท�ำบุญไดแ้ มก้ ายปว่ ย อาตมามาให้กำ� ลงั ใจโยมนะ เพราะวา่ ตอนนจี้ ติ ใจสำ� คญั มาก เลย รา่ งกายเรากำ� ลงั พยายามชว่ ยตวั เองอยแู่ ลว้ ทงั้ หวั ใจ ปอดและ อวัยวะทุกส่วน แต่ว่าเขายังต้องการก�ำลังใจมาช่วยอีกแรงหนึ่ง เพราะรา่ งกายกำ� ลงั ออ่ นแอ จติ ใจจงึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั มาก คลา้ ยๆ กบั ชว่ ยสองแรงนะ รา่ งกายก็ชว่ ยทางหนงึ่ แตว่ ่ายงั ไมพ่ อ ตอ้ งอาศยั จิตใจเข้ามาช่วยด้วย ใจจะช่วยร่างกายได้ก็ต้องท�ำใจให้สงบก่อน อย่าไปทุกข์ร้อนกับร่างกาย อย่าโกรธร่างกายตัวเอง อย่าโกรธ หมอ โกรธแล้วจะเป็นทุกข์ และเม่ือใจเราเป็นทุกข์ ไม่สบาย รา่ งกายกฟ็ น้ื ฟยู าก เพราะฉะนน้ั อยา่ โกรธรา่ งกายตวั เอง ตอ้ งชว่ ย เขา แผ่เมตตาใหเ้ ขา ให้หัวใจ ให้ปอดท�ำงานเขม้ แข็ง ให้ทำ� งาน เต็มความสามารถ ค�ำบรรยายธรรมแกน่ ายมานะ วรสนิ ธพ เมอ่ื วนั ท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๔๑ 7
ทำ� จติ ใจให้สบาย กายเจ็บ แตใ่ จอยา่ เจบ็ ด้วย บางครั้งใจอาจ จะทนความเจบ็ ไมไ่ ดก้ อ็ ยา่ โกรธ พยายามนกึ ในทางทด่ี ี แผเ่ มตตา ใหก้ บั รา่ งกายตวั เอง แลว้ ระลกึ นกึ ถงึ บญุ กศุ ลดว้ ย โยมมอี ายุ ๗๐ กวา่ ปแี ลว้ ทำ� บญุ กศุ ลไวม้ าก ทำ� ความดใี หแ้ กล่ กู ทำ� ความดใี หแ้ ก่ หลาน ทำ� ความดใี ห้แก่เพือ่ นฝงู ทำ� ความดีใหแ้ ก่พระ กุศลที่โยม ทำ� นะ่ เยอะมาก ขอใหน้ กึ ถงึ บญุ กศุ ลทไี่ ดท้ ำ� แลว้ จะมคี วามสบายใจ มัน่ ใจว่าอยู่ทไี่ หนก็อยู่ได้ เม่ือทำ� บุญทำ� กศุ ลไวม้ าก ไม่ว่าอย่ทู ไ่ี หน ตกน้ำ� กไ็ มไ่ หล ตก ไฟกไ็ มไ่ หม้ อยูบ่ นเตียง อย่ใู นบา้ น อยใู่ นโรงพยาบาล บญุ กุศล จะชว่ ยให้เราใจสบาย เมอื่ กล้ี กู หลานได้ทำ� บญุ กศุ ลใหแ้ ก่โยมดว้ ย นอกจากถวายสงั ฆทานแลว้ ยงั ใสบ่ าตรทกุ วนั ขอใหโ้ ยมเปดิ ใจรบั บุญกศุ ลนีด้ ว้ ย บญุ กุศลจะชว่ ยให้เราใจสบาย อีกอยา่ งหน่งึ กค็ อื ขณะท่ีโยมอยบู่ นเตียงนี้ กท็ ำ� บญุ ไดน้ ะ ถึง จะเดนิ ไมไ่ ด้ พดู ไมไ่ ด้ กย็ งั ทำ� บญุ ไดน้ ะ ทำ� อยา่ งไร? ท�ำทใี่ จ ทำ� ใจให้สบาย นึกในทางทดี่ ี แผเ่ มตตา 8
อยา่ โกรธใคร อนั น้ีเรียกว่าทำ� บญุ แล้ว บุญทำ� ได้ ๓ อยา่ ง ท�ำดว้ ย กายก็ได้ ดว้ ยวาจาและใจก็ได้ ถึงแมว้ ่าตอนนีท้ ำ� บุญด้วยกายโยม ท�ำล�ำบากแล้วใช่ไหม ท�ำด้วยวาจาก็ท�ำล�ำบากแล้ว แต่ว่าท�ำบุญ ดว้ ยใจยงั ท�ำไดต้ ลอดเวลา เพราะฉะนน้ั โยมนอนอยตู่ รงน้ี อยา่ คดิ ว่าท�ำอะไรไม่ได้แล้ว ท�ำได้ต้ังเยอะแยะ ท�ำบุญให้แก่ตัวเองก็ได้ ทำ� บุญให้แกค่ นอ่ืนก็ได้ เช่น อย่าไปโกรธเขา เจบ็ ปวด ก็ไมโ่ มโห ท�ำใจได้ นีเ่ รยี กวา่ ทำ� บญุ ดว้ ยใจ โยมอยนู่ ย่ี งั บวชดว้ ยใจไดอ้ กี นะ เปน็ พระไดด้ ว้ ยใจไมใ่ ชว่ า่ เปน็ พระแบบอาตมาอยา่ งเดยี ว คนเราเปน็ พระไดท้ กุ ทท่ี กุ เวลา ผหู้ ญงิ กเ็ ปน็ ได้ ผชู้ ายกเ็ ปน็ ได้ ตอนนโ้ี ยมจงึ สามารถทำ� อะไรใหก้ บั ตวั เอง ไดเ้ ยอะแยะ เวลาฟงั พระเทศนห์ รอื สวดมนตเ์ ชา้ เยน็ ทำ� ใจใหส้ บาย การทำ� ใจสบายกเ็ รยี กว่าเปน็ บุญแลว้ เปน็ การทำ� บุญให้กับตัวเอง อาตมาจึงอยากให้ก�ำลังใจโยม ท�ำใจและปล่อยวาง ไม่ต้อง ไปกังวลอะไรท้ังส้ิน ทรัพย์สมบัติก็ดี ลูกหลานก็ดี ตอนน้ีโยม สบายใจได้ ลูกหลานชว่ ยตวั เองได้แลว้ ทรพั ย์สมบัตกิ ็ไมต่ ้องเปน็ 9
หว่ ง เพราะวา่ มพี อแลว้ ทมี่ อี ยตู่ อนนก้ี ช็ ว่ ยเราไดเ้ ยอะแยะแลว้ พอ เรารู้จักปล่อยวางทรัพย์สมบัติ ปล่อยวางลูกหลาน ปล่อยวาง กระทงั่ ความเจบ็ ปวด พอปลอ่ ยวางได้ อนั นกี้ เ็ ปน็ บญุ มหาศาล เปน็ กุศลมหาศาล การปลอ่ ยวางเปน็ การท�ำบญุ ท่ีประเสรฐิ ทสี่ ดุ ตอนน้ีโยมอาจ จะปล่อยวางไดน้ อ้ ยหนอ่ ย แตพ่ อทำ� ไปๆ เชน่ เวลาเจ็บขึน้ มา ก็ ใหเ้ จ็บแต่กายนะ ใจอยา่ เจบ็ เจบ็ เป็นเรอ่ื งของกาย ใจไม่เจบ็ ด้วย น่ีเรียกว่าปล่อยวาง ปล่อยวางร่างกาย ปล่อยวางความเจ็บปวด ทีนี้ถ้าท�ำอย่างน้ีบ่อยๆ ก็สบาย ลูกหลานมา ก็ยิ้มให้ลูกหลาน ในใจไมต่ อ้ งเป็นหว่ งแลว้ อนั นี้เรยี กว่า ปล่อยวางลูกหลาน ไมว่ ่า เรอื่ งทรพั ยส์ มบตั ิ เงนิ ทอง ลกู หลาน รา่ งกาย ปลอ่ ยไปทลี ะอยา่ งๆ โยมจะร้สู ึก ใจก็จะสบาย พอใจสบายกจ็ ะมพี ลัง มีกำ� ลงั มหาศาล กเ็ ป็นทพี่ ่ึงใหก้ ับโยมได้ อาตมาอยากให้โยมถือโอกาสน้ีท�ำบุญให้กับตัวเอง สร้าง เมตตาในใจ ไม่โกรธ ไมโ่ มโห เจ็บก็ช่าง ไม่เจ็บกไ็ มเ่ ปน็ ไร นอน 10
หลับกช็ ่าง นอนไมห่ ลับกไ็ ม่เปน็ ไร แลว้ ก็ปล่อยวางไปเร่ือย คดิ ถงึ บญุ คดิ ถงึ กุศล วา่ กศุ ลที่เราท�ำน้ี ต้องให้ผลดอี ย่างแนน่ อน ทำ� ดี ต้องไดด้ ี ไมม่ ีผิด ไม่มพี ลาด การนึกถงึ บญุ กศุ ลจะชว่ ยให้โยมมี กำ� ลัง พอจะทำ� ไดไ้ หม คอ่ ยๆ ทำ� ไปนะ ทกุ เช้าเย็นก็สวดมนต์ นกึ ถึงพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ แลว้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์กจ็ ะช่วยโยมได้ ทแี รกช่วยทใ่ี จ กอ่ น จากนนั้ ใจกไ็ ปชว่ ยรา่ งกายอกี ที กายกบั ใจตอ้ งสามคั คกี นั นะ ตอ้ งรว่ มแรงกนั จงึ จะชว่ ยให้สุขสบายได้ แตถ่ า้ เผ่ือว่าร่างกายมัน ไมไ่ หว กเ็ ปน็ ธรรมดาของมัน เพราะว่ามนั รบั ใช้โยมมาตั้ง ๗๔ ปี แลว้ กต็ อ้ งเห็นใจมันบ้าง เราจะไปใชง้ านมันถงึ ร้อยปกี ไ็ ม่ได้ มัน ก็เหมือนกับบ้าน เราก็ต้องเห็นใจมันด้วย ว่าร่างกายสังขารของ โยม หวั ใจ ปอด สมอง เสน้ เลือด ผิวหนัง กระดูก พวกนีร้ ับใช้ โยมมาตง้ั แต่เกดิ ถึง ๗๔ ปแี ลว้ ถ้าคดิ เป็นวันกเ็ กอื บสามหมน่ื วัน เขา้ ไปแลว้ มนั กต็ อ้ งเหนอื่ ยบา้ ง กต็ อ้ งออ่ นแรงไปบา้ ง กต็ อ้ งมปี ว่ ย บ้าง จงึ ควรเหน็ ใจเขา เห็นใจรา่ งกายตัวเอง อยา่ ไปคาดหวงั คาด คน้ั เขาให้เป็นไปตามใจเรา เขาพยายามเตม็ ทีแ่ ลว้ ละ่ เขาแก่แลว้ 11
นะ สังขารของเราทำ� งานมาเต็มทีแ่ ล้ว รับใช้เรามาตลอด ก็ต้อง ให้เวลาเขาพักบ้าง แต่ว่าใจเรานี่ รักษาไว้ไม่ให้แก่ เราท�ำได้นะ สังขารร่างกายมันแก่ได้ แต่ว่าใจไม่มีแก่ เราท�ำได้ ถ้ารู้จักดูแล ทำ� ใจปลอ่ ยวาง อนั นแ้ี หละเป็นประโยชน์ที่สุดเลย ถงึ แม้วา่ โยมจะเคล่ือนไหวอะไรไม่ได้ พดู อะไรไม่ได้ หรือไม่ เหน็ อะไรเลยกต็ าม กข็ อให้ใจยอมรับสภาพทเี่ ปน็ อยวู่ ่า ร่างกาย มันไม่เทย่ี ง ไม่อยูใ่ นอ�ำนาจของเรา เราอยากจะใหเ้ ขาหาย เขาก็ ไม่เช่อื ฟงั เรา เราอยากจะใหเ้ ขาอยู่ เขาก็ไมย่ อมอย่กู ับเรา สังขาร มันเป็นอยา่ งนี้ เรากต็ อ้ งทำ� ใจ อย่าไปขัดอกขัดใจที่เขาไมย่ อมเช่ือ ฟังเรา อย่าไปหงุดหงิดร�ำคาญร่างกายท่ีมีแต่ป่วย ไม่ยอมดีข้ึน ตามใจเรา สงั ขารรา่ งกายเปน็ อยา่ งน้แี หละ ลูกหลานกเ็ หมอื นกัน เรามีเวลาอยูก่ ับเขาไดจ้ �ำกดั มโี อกาส ไดม้ าพบมาอยดู่ ว้ ยกนั หลายสบิ ปี อนั นกี้ เ็ ปน็ เพราะบญุ ทไ่ี ดท้ ำ� รว่ ม กัน แต่ว่าอยา่ ไปยึดมัน่ ถือม่ันวา่ จะตอ้ งอยกู่ นั ไปนานๆ อันนเี้ ป็น ไปไมไ่ ด้ เมอื่ มกี ารพบปะกนั กต็ อ้ งมกี ารจากกนั ตอ้ งยอมรบั สภาพ 12
อย่าไปห่วง อย่าไปกงั วล ขอใหโ้ ยมวางใจว่า ลกู หลานเขาจะอยู่ได้ ด้วยดี ไมม่ ีอะไรท่ตี อ้ งเปน็ หว่ ง ทรัพย์สมบัตกิ เ็ ช่นเดียวกัน ขอให้ ปลอ่ ยวาง ให้ลกู หลานเขาจัดการกนั เอง ใหโ้ ยมรบั ร้สู ภาพแบบนไี้ ว้ ท�ำใจใหส้ บาย ไม่วา่ อะไรก็ตามท่ี เกิดข้ึน ถ้าหากว่าได้ยินหรือรับรู้แล้วไม่สบายใจ ก็ปล่อยวาง เสยี บา้ ง ใหม้ สี ตเิ อาไว้ อยา่ ใหค้ วามทกุ ข์ ความหงดุ หงดิ รำ� คาญใจ ความเศร้ามาครอบง�ำ รจู้ ักวางเสยี รจู้ ักปล่อยเสีย แลว้ ก็รับรแู้ ต่ สิ่งทด่ี ๆี สบายๆ ตอนน้ีโยมก็เหมือนกับคนที่ก�ำลังท�ำงานอยู่ ใกล้จะเลิกงาน แลว้ แต่วา่ ยงั ไม่ถงึ เวลาทจ่ี ะเลิกงานทีเดยี ว เรากอ็ ยู่ไปกอ่ น ทำ� ใจ ไวว้ ่าเม่อื ถงึ เวลาเลิกงาน ก็จะเลิกงานเสยี ที แต่ตอนนม้ี ันยงั ไม่ถงึ เวลาเลกิ งาน กพ็ ยายามทำ� หนา้ ทข่ี องเราไปกอ่ น การทำ� หนา้ ทข่ี อง เรากค็ ือการรกั ษาจิตรักษาใจใหเ้ ปน็ ปกตไิ ว้ ตอนนมี้ อี ยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ แหละทโ่ี ยมตอ้ งดแู ลกค็ อื เรอื่ งจติ ใจ สว่ นเรอื่ งรา่ งกายนน้ั เปน็ หนา้ ทขี่ องหมอ เรอื่ งลกู หลานกเ็ ปน็ หนา้ ท่ี 13
ของเขาดูแลกันเอง เร่ืองทรัพย์สมบัติก็มีลูกหลานช่วยกันดูแล ตอนนโี้ ยมมหี นา้ ทเ่ี หลอื อยอู่ ยา่ งเดยี วคอื เรอ่ื งจติ ใจ ทำ� จติ ทำ� ใจให้ สบายเป็นกุศล น่ีคือหนา้ ท่ีทีเ่ รายงั ทำ� อยู่ ยังไมเ่ ลกิ งานนะ ยงั ไม่ ถึงเวลาเลิกงาน ถึงเวลาเลิกงานเมื่อไหร่ เราจะได้เลิกงานอย่าง สบายใจ ไม่ใช่เลิกในสภาพท่ีไม่พร้อม เลิกเม่ือไหร่ก็พร้อมทันที พร้อมท่ีจะวางเคร่ืองไม้เครื่องมือ กลับไปพักผ่อนได้ ถ้าท�ำใจให้ พร้อมอย่างน้ัน เม่ือถึงเวลาเลิกงานแล้วก็จะได้เลิกงานอย่าง สบายใจ แตถ่ ้าหากว่ายังไม่เลกิ งานกม็ หี น้าท่ีตอ้ งท�ำอยู่ คอื รักษา จติ รักษาใจ จติ ใจตอนนเี้ ลอื นๆ ลางๆ กไ็ มเ่ ปน็ ไร แตถ่ า้ หากวา่ ใจหงดุ หงดิ ขน้ึ มา รำ� คาญขน้ึ มา กใ็ หร้ ไู้ ว้ แลว้ ปลอ่ ยวาง ไมเ่ อาทงั้ สนิ้ จะขึน้ จะลงก็ไมเ่ อา จะฟจู ะแฟบกไ็ มเ่ อา ดีใจเสยี ใจ กไ็ มเ่ อา มีแต่ความปกติของใจ แล้วใจจะสงบเอง ความสงบนี่แหละจะช่วยโยม ไม่ว่าอะไรจะเกิด ขึ้นกับโยม ความสงบนีแ่ หละจะชว่ ยโยมได้ 14
อาตมามาเยย่ี ม มาใหก้ �ำลงั ใจเทา่ นี้ ถา้ มโี อกาสกจ็ ะมาอกี ขอ ให้โยมทำ� ใจสบายๆ วางทกุ อยา่ ง ตอนน้ขี อให้ท�ำหน้าทขี่ องตัวเอง ใหด้ ที สี่ ดุ ในเรอ่ื งของจติ ในเรอื่ งของใจ เรอ่ื งอน่ื ไมต่ อ้ งสนใจแลว้ มนั ไมใ่ ชห่ นา้ ทข่ี องเราแลว้ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งรา่ งกาย เรอื่ งทรพั ยส์ มบตั ิ ลูกหลาน ไม่ใช่หน้าท่ีของเราแล้ว หน้าท่ีของเรามีอย่างเดียวคือ ดใู จ รักษาใจให้เปน็ ปรกตเิ อาไว้ 15
เผชญิ ความตายด้วยใจกุศล ตอนนีล้ กู หลานมาชว่ ยใหก้ �ำลังใจโยม อาตมาก็มาให้ก�ำลงั ใจ โยมด้วยเช่นกัน ตอนนี้ร่างกายของโยมพยายามอยู่แล้วที่จะสู้ กบั ความเจบ็ ปว่ ย แตว่ ่าอย่าปล่อยให้เป็นเร่อื งของกายอย่างเดยี ว ใจของโยมก็ส�ำคัญเหมือนกันในการสู้กับความเจ็บป่วย ถ้าท�ำใจ ดๆี นกึ ถึงสงิ่ ที่ดๆี เปน็ บุญกุศล ก็จะช่วยใหท้ ุกขเวทนาผ่อนคลาย ลงได้ ขอให้โยมนึกถึงส่ิงที่ดีๆ ที่โยมได้เคยบ�ำเพ็ญมา อย่างเช่น โยมชอบทำ� บญุ การทำ� บญุ นแ้ี หละเปน็ ความดที อ่ี ยากใหโ้ ยมนกึ ถงึ เอาไวเ้ สมอๆ โยมชอบสรา้ งพระพทุ ธรปู กข็ อใหร้ ะลกึ ถงึ พระพทุ ธ- รูปที่โยมได้ถวายแก่วัดต่างๆ เวลาเกิดทุกขเวทนาก็ให้นึกถึง คำ� บรรยายธรรมแกน่ ายลขิ ิต ธนสารสมบัติ เมอื่ วนั ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ 17
พระพทุ ธรปู ทโ่ี ยมไดส้ รา้ งถวายใหแ้ กพ่ ระศาสนา นกึ ถงึ พระพกั ตร์ ของพระพทุ ธรปู ทโ่ี ยมไดถ้ วาย พยายามนกึ และจำ� ใหป้ ระทบั แนน่ ในใจ เพราะว่าเวลาที่เห็นพระพทุ ธรูปทา่ นย้ิมด้วยเมตตา รอยยม้ิ และความเมตตาของพระพุทธเจ้าน้ีแหละที่จะช่วยท�ำให้เราเกิด กำ� ลงั ใจทจี่ ะเอาชนะทกุ ขเวทนาได้ ในยามนพี้ ระพทุ ธรปู ทโี่ ยมสรา้ ง ถวายจะมาช่วยโยม มาเป็นที่พ่ึงของโยมได้ จึงขอให้นึกถึงพระ- พทุ ธองคอ์ ยบู่ อ่ ยๆ เวลารสู้ ึกตัวแม้จะไมเ่ จ็บไม่ปว่ ยก็นึก ก่อนจะ หลบั กน็ กึ ตน่ื ขนึ้ มาจำ� ไดเ้ มอื่ ไหรก่ น็ กึ ถงึ พระพทุ ธรปู ทโ่ี ยมไดส้ รา้ ง ถวาย แลว้ ความเมตตากรณุ าของพระองค์ รวมทงั้ ความปตี อิ มิ่ เอบิ จากการท่ีโยมได้ทำ� บุญเอาไวจ้ ะชว่ ยใหโ้ ยมมกี ำ� ลังใจ บุญกุศลที่โยมได้ท�ำไว้มีมากมายท่ีควรจะภาค ภมู ใิ จ ไม่ว่าจะสร้างพระไตรปฎิ ก สร้างศาลา สร้างห้องน้�ำ สร้างกุฏิให้แก่พระสงฆ์ ทั้งหมดน้ีเป็นบุญกุศลที่มีอานิสงส์มาก บุญเหล่านั้นไม่ไปไหน แต่อยู่ท่ีใจของโยม แล้วล่ะ อยู่ท่ีใจถ้าไม่นึกถึงก็มีประโยชน์ 18
น้อยลง ก็ขอให้นึกถึงบญุ กุศลไว้ด้วย จะชว่ ยให้โยมมีความมั่นใจ จะไม่กลัวว่าข้างหน้าจะมีอะไร เพราะว่าบุญกุศลน้ีแหละที่รอเรา อยู่ข้างหน้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุญกุศลเหมือนกับญาติพี่น้องท่ี เราจากไป เวลาเรากลบั ไปหาญาตพิ นี่ อ้ ง ญาตพิ นี่ อ้ งกต็ อ้ นรบั ดว้ ย ความดีใจท่ีเราได้กลับมา บุญกุศลก็คอยต้อนรับเราอย่างนั้น เหมอื นกนั เพราะฉะนน้ั โยมไมต่ อ้ งกลวั ขา้ งหนา้ วา่ จะเกดิ อะไรขน้ึ เพราะข้างหน้ามีบุญกุศลคอยรับรองต้อนรับอยู่ ขอให้โยมม่ันใจ ในความดีท่ีได้ท�ำไว้ ความม่ันใจจะท�ำให้โยมไม่มีอะไรต้องกลัว ขา้ งหน้า ขอให้โยมภูมิใจว่าต้ังแต่เราได้มีชีวิตเกิดมาเป็นมนุษย์เราได้ ท�ำความดีไว้มากมาย ในฐานะพุทธศาสนิกชนเราก็ได้ท�ำบุญ อปุ ถมั ภบ์ ำ� รงุ พระศาสนา ในฐานะทเี่ ปน็ ลกู เรากเ็ ปน็ ลกู ทด่ี ขี องแม่ ของพอ่ ไดท้ ำ� ความดตี อบแทนผมู้ พี ระคณุ อนั นเ้ี ปน็ เรอื่ งทเ่ี ราควร ภาคภูมิใจ นอกจากนัน้ โยมยงั ได้ทำ� ความดใี นฐานะท่เี ปน็ พ่อ ได้ เลย้ี งลกู ใหเ้ ตบิ โต ไม่ใชเ่ ตบิ โตแตร่ ่างกาย แต่ว่าเติบโตทางจิตใจ ด้วย ให้เขาได้ร้จู ักคุณงามความดีและมคี วามรู้ สามารถทจี่ ะเล้ยี ง 19
ตัวเองได้จนเราไม่ต้องกังวล แล้วเขาก็ยังท�ำความดี ได้รู้จัก พทุ ธศาสนา ไดช้ ว่ ยนำ� พากนั อปุ ถมั ภค์ ำ้� จนุ พทุ ธศาสนา อนั นก้ี เ็ ปน็ เรอื่ งทโี่ ยมควรจะภาคภมู ใิ จ ในฐานะทเี่ ราเปน็ พอ่ กค็ งไมม่ อี ะไรนา่ ภาคภมู ใิ จยงิ่ กวา่ ไดท้ ำ� บญุ กบั ลกู ๆ ใหล้ กู เขาไดเ้ ปน็ คนดจี นกระทงั่ ตอนนีโ้ ยมกห็ ายห่วงไดแ้ ลว้ ความดีเหล่านี้ขอให้โยมระลึกถึงอยู่ เสมอๆ เพราะว่าความภาคภูมิใจนี้แหละที่จะช่วยให้เราผ่านพ้น ความเจบ็ ความปวดตา่ งๆ ไปได้ นอนอย่างนี้อย่าไปหว่ งว่าตวั เองจะอยูอ่ ย่างไร อย่าไปนกึ กลวั วา่ จะอยคู่ นเดยี ว ลกู ๆ รวมทงั้ ภรรยาและญาตมิ ติ รจะอยขู่ า้ งๆ โยม คอยเปน็ กำ� ลงั ใจใหโ้ ยม อยา่ ไปหว่ งอยา่ ไปกลวั วา่ เราจะเปน็ ภาระ ให้แกเ่ ขา ลกู ๆ หลานๆ ภรรยาเขามีความภูมิใจทไี่ ดอ้ ยชู่ ่วยเหลือ ข้างๆ โยม อย่าไปกลวั วา่ เขาจะทิ้งเรา อนั นไี้ มม่ ีหรอก เขาจะอยู่ กบั เรา จะรว่ มทกุ ขร์ ว่ มสขุ กบั โยม ขอใหม้ นั่ ใจได้ อยา่ ไปหว่ งวา่ ตวั เองจะเปน็ ภาระแก่ใคร หรือกลัวว่าจะถกู ทง้ิ ใหอ้ ยู่คนเดียว เราได้ ท�ำความดีมาเยอะแล้ว ตอนนี้ความดีก�ำลังตอบสนอง ลูกหลาน และภรรยาก�ำลังมาช่วยกันดแู ล พรอ้ มจะร่วมทกุ ขร์ ่วมสุขกับเรา 20
แม้จะเจ็บจะปวดอยา่ งไร ก็อย่าถือวา่ กำ� ลงั ใช้กรรม ใหค้ ิดวา่ ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่เรายังสามารถท่ีจะสร้างกรรมดีได้ อยา่ ไปคดิ วา่ เราตอ้ งมาอยอู่ ยา่ งทกุ ขท์ รมานเพอื่ ใชก้ รรม อยา่ รสู้ กึ ทดทอ้ เบอื่ หนา่ ย ใหค้ ดิ วา่ ทกุ ขณะทเี่ รามลี มหายใจหมายถงึ โอกาส ทเ่ี ราจะยงั ทำ� ความดไี ด้ แมก้ ำ� ลงั นอนเจบ็ อยเู่ รากม็ โี อกาสทำ� ความ ดีได้ ไม่ใช่ว่าท�ำอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าก�ำลังมาอยู่แบบใช้กรรม ทกุ ขณะทม่ี ลี มหายใจคอื โอกาสทจี่ ะสรา้ งความดี อยา่ งโยมอยอู่ ยา่ ง นก้ี ย็ งั สามารถทำ� บญุ ไดเ้ ยอะ อยา่ งคราวทแ่ี ลว้ โยมกไ็ ดท้ ำ� บญุ ดว้ ย การให้ทาน สร้างห้องน้�ำให้กับวัด และตอนนี้ที่วัดก�ำลังสร้าง ห้องน�้ำที่โยมได้ถวายให้ ใกล้จะเสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่ก็จะมา บอกให้โยมไดร้ ู้ บญุ กศุ ลเหลา่ นโี้ ยมสามารถทำ� ไดท้ กุ ขณะทมี่ ลี มหายใจ เพราะ ฉะนั้นอย่ารสู้ ึกท้อแท้ อย่าร้สู ึกเบอื่ หน่าย อยา่ คิดว่าตอนนีก้ �ำลัง เป็นภาระแกใ่ คร โยมไมไ่ ดเ้ ป็นภาระแกใ่ ครเลย ไม่เป็นภาระแม้ กระทั่งแก่ตัวโยมเอง เพราะว่าโยมยังสามารถท�ำความดีได้ด้วย การให้ทาน แมว้ ่าจะใสบ่ าตรไมไ่ ด้ แต่กย็ ังสามารถอทุ ิศสมบัติท่ี 21
ตนมี เพื่อเป็นบุญกุศลได้ โยมยังสามารถท�ำความดีได้ด้วยการ รักษาใจให้ปกติ อยู่กับความทุกข์แต่ว่าสามารถที่จะอาศัยทุกข์นี้ แหละมาเป็นเคร่ืองสอนใจเรา ให้ระลึกว่าขณะนี้ความทุกข์ก�ำลัง บอกกับเราว่าสังขารน้ีมันไม่น่าเอาไม่น่ายึด ถ้ายึดมันก็เป็นทุกข์ พิจารณาอย่างน้ีดูกไ็ ด้ ว่าทุกขณะธรรมะกำ� ลงั แสดงใหเ้ ราไดเ้ ห็น จากสงั ขารทกี่ �ำลังเป็นอยู่ สงั ขารนเ้ี ขาไดร้ ับใชเ้ รามาช้านานแลว้ เราจะไปไหนเขาก็ เดนิ เหินใหเ้ รา เราจะกิน เขากห็ าของมาตักใส่ปากให้เรากนิ เขา ชว่ ยเราหลายอยา่ งแลว้ และตอนนเี้ ขากก็ ำ� ลงั ชว่ ยเราอกี อยา่ งหนงึ่ กค็ อื แสดงธรรมใหเ้ ราเหน็ วา่ สงั ขารนม้ี นั ไมน่ า่ เอา ไม่ น่ายึดถือ ท่ีผ่านมาเราใช้สังขารนี้มามากแล้ว ถ้าถึงเวลาเขาจะไม่อยากอยู่กับเรา ก็ต้อง ปลอ่ ยไป อยา่ ไปยดึ ถา้ เขาไมอ่ ยากอยกู่ บั เรา หรอื ถึงเวลาทเี่ ขาต้องไปก็ใหเ้ ขาไป ถา้ เราจะ ยดึ เอาไว้ กเ็ ปน็ ทกุ ข์ ถา้ เราอยากจะยดึ อยาก จะให้เปน็ ตามใจเรา เราก็จะเจบ็ ปวด ขอให้ 22
ลองมองความเจ็บปวดของสังขารว่า เขาก�ำลังจะมาสอนมาบอก เราว่าอย่าไปยึด ให้ปล่อยวาง ถ้าโยมพิจารณาอย่างน้ีแล้วก็เป็น บญุ ไดเ้ หมือนกนั ทุกลมหายใจเข้าออกของโยมเม่ือคิดไปในทางท่ีดี คิดในทาง ท่ีเป็นกุศล เชน่ นึกถงึ บุญกุศลท่โี ยมไดท้ �ำเอาไว้ แลว้ เกิดความปีติ สบายใจ อันน้นั แหละคอื บญุ นอนอย่างนีก้ ็ยังท�ำบญุ ได้ เพยี งแค่ รักษาใจให้เป็นบุญให้เป็นกุศลและรู้จักปล่อยกับวาง อันน้ีโยมก็ ทำ� ได้ ท�ำแล้วจติ จะสงบ ความทกุ ข์จะลดน้อยลง นอนอยู่อย่างนี้เรายังท�ำบุญได้อีกอย่างคือแผ่เมตตา เมตตา ใหแ้ มก้ ระทง่ั เจา้ กรรมนายเวร นอกจากขอขมาเขาแลว้ กใ็ หอ้ โหสิ แก่เขาดว้ ย เจา้ กรรมนายเวรถา้ มี ก็ขอใหเ้ ขาได้ประสบกับความ สขุ ได้ไปสู่สคุ ติ อยา่ ไปมีความโกรธความเกลียดเขา ใหเ้ ราคิดเสีย วา่ ความเจบ็ ความปวดทเ่ี กดิ ขน้ึ มนั เปน็ การชดใชห้ รอื ชดเชย ทเ่ี รา อาจจะล่วงเกินเขาไว้ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราได้ล่วงเกินใครไปบ้าง อาจจะทำ� ใหเ้ ขาเจ็บปวด ก็ถือว่าความเจ็บความปวดของเรานี้ มนั 23
ไมไ่ ด้เจ็บปวดเปลา่ ๆ แตม่ ันเป็นการชดใช้หรือชดเชยทเ่ี ราอาจจะ ล่วงเกินเขาไป ใหค้ ดิ ว่าความเจ็บปวดนีม้ นั ไม่ไดเ้ กดิ ข้นึ มาลอยๆ แต่มีเพื่อจะช่วยไถ่ถอนเราให้พ้นจากภาระเครื่องผูกพันทั้งหลาย ถ้าปฏบิ ัตอิ ยา่ งน้ีได้ใจก็เป็นบุญ พยายามนึกถึงส่ิงท่ีดีงามเอาไว้ อย่าไปนึกถึงส่ิงท่ีขุ่นข้อง หมองใจ แมว้ า่ จะมบี างคนทำ� ใหเ้ ราขนุ่ ขอ้ งหมองใจกใ็ หอ้ โหสกิ รรม อยา่ ให้ความขนุ่ ขอ้ งหมองใจติดคา้ งอยใู่ นจิตใจ ถงึ เวลาแลว้ ทีเ่ รา จะต้องละวางส่ิงเหล่าน้ีออกไปจากจิตใจของเรา เหมือนกับเรา ก�ำลังเดินขึน้ เขา ควรเดินใหต้ ัวเบาทสี่ ุด ขอใหน้ กึ ว่าโยมก�ำลังจะ เดินขึ้นเขา ขา้ งบนน้นั มีพระพทุ ธรปู จะไปสักการะบชู าพระพุทธ รูปข้างบนก็ต้องเดินให้ตัวเบา แบกของไปให้น้อยที่สุด จะได้ไม่ เหนอื่ ย ตอนนโี้ ยมกำ� ลงั จะเดนิ ทางไปสภู่ พใหม่ กข็ อใหเ้ ดนิ ดว้ ยใจ ที่เบาที่สุด ความขุ่นข้องหมองใจท้ังหลาย ให้ละวางให้หมด ให้อโหสิกรรมแก่คนที่ท�ำให้ไม่สบายใจ ส่วนอะไรท่ีรู้สึกว่าเราท�ำ ไม่ถกู ล่วงเกนิ ใครไวก้ ข็ อขมาดว้ ยเช่นกัน ถ้าท�ำไดก้ จ็ ะสบายใจ 24
อย่าลืมนึกถึงส่ิงดีงามท่ีโยมได้ท�ำกับศาสนา ได้ท�ำกับผู้ที่มี พระคณุ เชน่ พ่อแม่ ญาติผใู้ หญ่ หรอื ท่เี ราได้ท�ำไว้กับภรรยา ลกู หลาน นเ้ี ปน็ บญุ กุศลอันน่าภมู ิใจทีจ่ ะไม่สญู เปลา่ บญุ กุศลเหล่าน้ี จะชว่ ยใหเ้ ราผา่ นความทกุ ขไ์ ปไดแ้ ละจะชว่ ยใหเ้ ราไปสภู่ พใหมด่ ว้ ย ความมน่ั ใจ บญุ กศุ ลรอเราอยขู่ า้ งหนา้ แลว้ ไมต่ อ้ งหว่ งขา้ งหนา้ ให้ ท�ำตอนนี้ให้ดีที่สุดคือท�ำใจให้เป็นกุศล ทุกลมหายใจของเราคือ โอกาสท่ีจะท�ำความดี โอกาสที่จะท�ำบุญกุศล โอกาสที่จะปล่อย วางสงิ่ ตา่ งๆ ทย่ี งั คงั่ คา้ งอยู่ เปน็ โอกาสทจ่ี ะขอขมา ใหอ้ โหสกิ รรม ทั้งแก่คนที่รู้จักและไม่รู้จัก รวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เมื่อทำ� บญุ แล้วก็แผไ่ ปถึงทกุ ๆ คน รวมทัง้ เจา้ กรรมนายเวรด้วย เดยี๋ วอาตมาจะทำ� สมาธแิ ผเ่ มตตาใหโ้ ยม โยมนอนตามสบาย และขอให้เปิดใจรับกระแสแหง่ เมตตาจากสมาธินีด้ ว้ ย ทกุ ลมหายใจเข้ากด็ ี ออกก็ดี ขอให้มเี มตตากบั ตัวเองด้วยนะ สังขารหรือร่างกายของเรา อย่าไปเผลอโกรธเกลียดเขา ว่าเขา ท�ำให้เราเจบ็ ท�ำใหเ้ ราปวด ให้มเี มตตากับสงั ขารของเราเองดว้ ย 25
วา่ เขากพ็ ยายามอยา่ งเตม็ ทสี่ ดุ ความสามารถทจี่ ะชว่ ยบำ� บดั ความ ทกุ ขค์ วามเจบ็ ความปวดใหห้ มดไป จงึ ขอใหแ้ ผเ่ มตตาไปถงึ สงั ขาร ร่างกายของเราทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ปอด กระเพาะ ล�ำไส้ ตับหรือไต แผเ่ มตตาใหท้ กุ สว่ น อยา่ งนอ้ ยเขาก็ไดช้ ่วยใหเ้ ราไดม้ ี ชีวติ มาจนถงึ ทกุ วันน้ี ขอใหแ้ ผเ่ มตตา อย่าให้เขาได้ทุกขท์ รมาน การแผเ่ มตตาใหก้ ับตัวเองเปน็ เร่อื งสำ� คญั ถา้ เรารักษาใจของ เราให้มีเมตตาอยู่เสมอ อย่าให้ความโกรธความเกลียดขุ่นเคือง ใจมาครองใจของเรา อันนั้นก็เป็นบุญกุศลเช่นกัน ในยามน้ีต้อง อาศยั เมตตาดว้ ย แผเ่ มตตาใหก้ บั รา่ งกายของเรา แผเ่ มตตาใหก้ บั หวั ใจ ปอด ตบั ไต ไสพ้ งุ ของเรา แผเ่ มตตาใหก้ บั ใครกต็ าม ทเี่ คย ท�ำให้เราขุ่นเคืองใจ แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรท้ังหลาย ท้ังปวง บุญกุศลอะไรท่ีได้ท�ำเอาไว้หรือท่ีได้ท�ำต่อไปก็แผ่ให้เขา ไปดว้ ย อนั น้กี เ็ ป็นบญุ ท่มี อี านสิ งสม์ หาศาล ขอใหโ้ ยมมน่ั ใจวา่ บญุ นแ้ี หละทจี่ ะเปน็ ทพ่ี ง่ึ พาของโยมได้ อยา่ ง อื่นเป็นส่วนประกอบ ตอนน้ียังมีลมหายใจก็เป็นโอกาสท่ีจะได้ 26
ท�ำบุญ ทุกขณะท่ียังมีลมหายใจก็ขอให้ท�ำบุญ เรอ่ื ยไป สรา้ งกรรมดอี ยเู่ รอ่ื ยไป ถา้ ทำ� อยา่ งนไ้ี ด้ การมานอนป่วยอยู่น้ีจะไม่ใช่เป็นการมาใช้กรรม แต่เป็นการเอากรรมนี้แหละมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างกรรมใหม่ท่ีดีเป็นกุศล ขอให้ท�ำเรื่อยไป แม้ว่า ร่างกายจะอ่อนแอแต่ใจเรายังมีก�ำลังสามารถท�ำอะไรได้มากมาย ถา้ มคี วามตง้ั ใจอยา่ งยง่ิ เรากจ็ ะผา่ นความลำ� บากความทกุ ขค์ วาม เจบ็ ปวดไปได้ดว้ ยดี ทนี ้ีอาตมาจะสวดโพชฌงค์ใหโ้ ยมนะ โยมนอนฟังตามสบาย ท�ำใจให้เปน็ กศุ ลพจิ ารณานกึ ถึงพระพุทธองค์ ซง่ึ เป็นทีม่ าของบท สวดมนต์นด้ี ว้ ยก็ได้ นกึ ถึงพระอรหนั ตท์ ั้งหลายทีเ่ ป็นท่ีมาของบท สวดมนตน์ ี้ จะไดช้ ่วยให้บรรเทาจากโรค อาตมาได้พูดมาตั้งแต่ต้นขอพิจารณาตามไปด้วย นั่นคือให้ ระลึกถงึ บุญกุศลที่ได้ท�ำเอาไว้ ทีไ่ ด้ท�ำกับพระศาสนากด็ ี ทไ่ี ดท้ ำ� กบั ผ้มู ีพระคณุ พอ่ แม่ ลูกหลาน ภรรยา มติ รสหายกด็ ี ขอให้ 27
มนั่ ใจในบญุ กศุ ลเหลา่ นน้ั วา่ จะชว่ ยเราได้ ขณะเดยี วกนั ทกุ โอกาส ท่ียังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้ระลึกว่าเรายังสามารถสร้างบุญกุศลได้ ดว้ ยการให้ทานกด็ ี ดว้ ยการแผ่เมตตาก็ดี ด้วยการปล่อยวางสง่ิ ที่ ทำ� ใหข้ นุ่ ขอ้ งหมองใจกด็ ี อนั นแ้ี หละจะทำ� ใหโ้ ยมผา่ นพน้ ความทกุ ข์ ความเจ็บความปวดได้ 28
ชว่ ยผู้ป่วยใหต้ ายดี ถงึ แมว้ า่ โยมจะไมไ่ ดเ้ ปน็ หมอหรอื เปน็ พยาบาล แตก่ อ็ ยากจะ ให้ระลึกว่าเราสามารถท่ีจะช่วยคุณพ่อได้ เพราะว่าสิ่งที่คุณพ่อ ต้องการไม่ใช่แค่ยาบ�ำบัดความเจ็บป่วยทางกายเท่าน้ัน แต่ยัง ต้องการก�ำลังใจ และต้องการสิ่งท่ีจะช่วยเสริมสร้างจิตใจให้สงบ ม่นั คงดว้ ย เรียกวา่ ต้องการทัง้ ยาทางกายและยาทางใจ เพราะว่า คนป่วยจรงิ ๆ แลว้ เขาไมไ่ ด้เจบ็ ป่วยทางกายอย่างเดยี ว บอ่ ยครั้ง เขากเ็ จบ็ ปว่ ยทางใจดว้ ย เชน่ มคี วามทกุ ข์ มคี วามกงั วล และความ กลัวสารพัด น้เี ป็นสิ่งท่ลี ูกหลานหรือภรรยาจะช่วยได้แมจ้ ะไม่ได้ เปน็ หมอ นน่ั คอื การชว่ ยเหลอื ทางจติ ใจ อยา่ งเชน่ การทมี่ ลี กู หลาน มาอยกู่ นั พรอ้ มหนา้ อนั นกี้ ท็ ำ� ใหผ้ ปู้ ว่ ยกม็ คี วามอบอนุ่ ใจ บางทคี น บางสว่ นของการสนทนาธรรมกบั ลูกหลานของนายลิขิต ธนสารสมบตั ิ เม่อื วันที่ ๑๑ มถิ นุ ายน ๒๕๔๘ 31
ป่วยเขาอาจจะกังวลว่าตนเองอาจจะถูกทอดทิ้งหรือว่าอาจจะอยู่ คนเดยี วในวาระสดุ ทา้ ย เขาไมอ่ ยากจะไปคนเดยี ว แตถ่ า้ เขารสู้ กึ ว่ามีคนอย่กู ับเขาตลอดเวลา 24 ช่ัวโมง เขากจ็ ะมคี วามอบอนุ่ ใจ ไมก่ ลัว คนเราไมว่ ่าจะมีความเข้มแข็งแคไ่ หนกต็ าม แต่วา่ ในยาม นี้จิตใจมีโอกาสแปรปรวนได้ง่ายเพราะว่าทุกขเวทนาทางกายมัน แรง การทล่ี กู หลานมาอยกู่ นั พรอ้ มหนา้ บางทไี มต่ อ้ งทำ� อะไรมาก แค่ให้เขาเห็นหน้า บางทีไม่ต้องพูดอะไรเพียงแค่ทักเขาหรือว่า สมั ผสั ตวั เขาเบาๆ เพยี งแคส่ มั ผสั ตวั กใ็ หค้ วามรสู้ กึ ทด่ี นี ะ มนั ชว่ ย ได้ ภาษากายบางทีก็มพี ลงั มากกว่าคำ� พดู ให้ระลึกด้วยว่าผู้ป่วยเขาต้องการส่ิงนี้ตลอดเวลาไม่ว่าเขาจะ รู้สึกตัวหรือไม่ อย่าไปนึกว่า ถ้าเขาโคม่าแล้วจะไม่สามารถรับรู้ การกระทำ� หรอื ความรสู้ กึ ของเราได้ มคี นจำ� นวนไมน่ อ้ ยถงึ แมเ้ ขา โคมา่ ไมร่ สู้ กึ ตวั แตเ่ ขาสามารถรบั รไู้ ด้ มผี ปู้ ว่ ยคนหนง่ึ โคมา่ เพราะ เกดิ อบุ ตั เิ หตกุ ระทบกระเทอื นทางสมอง แถมไตวายฉบั พลนั หมด สติไม่ร้ตู วั หมอบอกวา่ โอกาสรอดมนี ้อย แต่วา่ ในที่สุดเขาก็รอด มาได้ เขาไดม้ าเลา่ วา่ เกดิ อะไรขน้ึ กบั เขาตอนทเี่ ขานอนหมดสตอิ ยู่ 32
ในหอ้ งไอซยี ู ตอนนนั้ ในใจเขารสู้ กึ เควง้ ควา้ งเหมอื นจะหลดุ จากรา่ ง แตบ่ างชว่ งจะรสู้ กึ วา่ มมี อื มาแตะทตี่ วั เขา พรอ้ มกบั มพี ลงั สง่ เขา้ มา ท�ำให้ใจท่ีเหมือนจะขาดหลุดไปนั้น กลับมารวมตัวกันเกิดความ รูส้ ึกตวั ขน้ึ มา แลว้ ความรู้สึกตัวน้นั ก็เลือนรางไปอกี เปน็ อยา่ งน้ี ทุกวัน ตอนหลังเขาพบว่ามีพยาบาลคนหนึ่งทุกคร้ังท่ีเข้าเวรเธอ จะเดินเยี่ยมคนไขท้ ุกคน แต่ถ้าคนไหนยังโคม่าอยู่ เธอจะจบั มอื แลว้ แผเ่ มตตาไปให้ นเี่ ปน็ ตวั อยา่ งทชี่ ใี้ หเ้ หน็ วา่ พลงั แหง่ เมตตาจติ นี้ผ้ปู ว่ ยที่หมดสตสิ ามารถร้สู กึ ได้ มบี างคนหวั ใจเกดิ หยดุ เตน้ กะทนั หนั ถกู พาไปสง่ โรงพยาบาล เพอ่ื ท�ำการกระตนุ้ หวั ใจ ตอนทีจ่ ะใส่ท่อชว่ ยหายใจน้นั พยาบาล ได้ถอดฟันปลอมของผู้ป่วยออก ตอนนั้นผู้ป่วยหมดสติ แต่หลัง จากน้ันหน่ึงอาทิตย์เม่ือเขาฟื้นกลับมาเป็นปกติ พอเขาเห็น พยาบาลคนน้ันเขาก็ทักว่าคุณใช่มั้ยที่ถอดฟันปลอม พยาบาลก็ ตกใจถามวา่ คุณร้ไู ด้ยงั ไง ในเม่อื ตอนน้นั คุณหมดสติอยู่ จะเรยี ก ว่าตายก็ได้เพราะหัวใจไม่ท�ำงาน เรื่องแบบนี้มีอยู่บ่อยๆ ผู้ป่วย หลายคนท่ีเมื่อฟื้นจากโคม่าบอกว่าได้ฟังเสียงบทสวดมนต์หรือ 33
เสยี งพระเทศนจ์ ากเทปทพ่ี ยาบาลหรอื ญาตเิ ปดิ ใหฟ้ งั ขณะหมดสติ บางคนบอกวา่ ได้ยินกระทง่ั วา่ หมอกบั พยาบาลพดู อะไรกนั ดังน้ันขอให้ตระหนักว่า ถึงแม้ผู้ป่วยจะหมดสติอยู่ในภาวะ โคมา่ ไมต่ อบสนองอะไรเลย แตเ่ ขาอาจจะรบั รคู้ ำ� พดู คำ� จาของเรา ได้ ถา้ เราพดู ในสง่ิ ทด่ี ีมเี มตตาไม่มีการทะเลาะววิ าทกนั เขากจ็ ะ รู้สึกดี แต่ถ้าญาติพี่น้องทะเลาะกันเร่ืองมรดก เร่ืองค่ารักษา พยาบาลอะไรท�ำนองน้ี น่ีคือการท�ำร้ายผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัวเพราะ คดิ วา่ เขาหมดสติ ขอให้ระลกึ ว่าไมว่ ่าเขาจะหมดสตหิ รอื ไมก่ ต็ าม ขอให้ปฏิบัติกับเขาอย่างปกติเหมือนตอนที่เขารู้ตัว ถ้าจะให้ดีย่ิง กวา่ นน้ั กค็ วรทำ� บรรยากาศใหเ้ กดิ ความสงบ หรอื จะมกี ารสวดมนต์ เช่น สวดคาถาชินบญั ชรพรอ้ มๆ กันกด็ ี แต่ไม่ตอ้ งดงั นกั จะสวด ในใจกไ็ ด้ หรอื ทำ� สมาธริ ว่ มกนั เปน็ ครงั้ คราว จะทำ� ใหเ้ กดิ คลนื่ แหง่ ความสงบทีเ่ ขาสามารถสัมผสั ได้ หากวา่ ผปู้ ว่ ยมเี รอ่ื งอะไรคา้ งคาใจทเี่ ราสามารถชว่ ยเหลอื ได้ ก็ ควรเปน็ ธรุ ะชว่ ยเหลอื จดั การใหแ้ ลว้ เสรจ็ แตก่ รณขี องคณุ พอ่ ไมม่ ี 34
อะไรที่รู้สึกเป็นห่วงกังวลหรือไม่สบายใจ แต่ว่ามีบางอย่างที่ลูก หลานอาจจะช่วยได้ นอกจากท่อี าตมาได้พูดไปแลว้ กค็ อื ถา้ เกดิ ว่าลูกหลานคนใดระลึกได้ว่าเคยล่วงเกินโยมเขาไว้หรือมีอะไรไม่ สบายใจอยขู่ า้ งใน ควรถือโอกาสน้ีขอขมาลาโทษ บางทผี ปู้ ว่ ยเขา อาจรูส้ ึกตดิ คา้ งในบางเรอ่ื ง เชน่ เขาอาจจะรู้สกึ ผดิ กับใครบางคน หรอื รสู้ กึ ไมพ่ อใจใครบางคน ตดิ ใจใครบางคนทท่ี ำ� อะไรไมถ่ กู ตอ้ ง กับเขา ตรงนี้ถ้ามีอะไรค้างคามันก็ท�ำให้ไม่สามารถไปอย่างสงบ หรืออยู่อย่างสงบได้ มีบางคนป่วยหนักเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย พยาบาลกม็ าแนะน�ำใหล้ กู มาขอขมา ลกู ขอขมาเสรจ็ แมก่ ย็ งั รสู้ กึ ไมด่ ขี นึ้ พยาบาลผดิ สงั เกตจงึ ไปถามลกู วา่ มบี างเรอื่ ง ท่ียังไม่ได้พูดกับแม่ใช่ไหม ลูกก็ตกใจยอมรับว่า มีเร่ืองหนึ่งที่ยังไม่ได้บอก คือเขาไปอยู่กินกับ ผหู้ ญงิ จนมลี กู ดว้ ยกนั แตไ่ มไ่ ดบ้ อกแม่ พอลกู ไปสารภาพกับแม่เรื่องนี้และขอโทษที่ปิด เอาไวแ้ มก่ ร็ ูส้ กึ ดีขนึ้ 35
เรอ่ื งนเี้ ปน็ ตวั อยา่ งวา่ อยา่ ไปนกึ วา่ คนปว่ ยเขาไมร่ ู้ หรอื อยา่ ไป นึกวา่ เปน็ เรือ่ งเลก็ นอ้ ย สำ� หรบั คนเปน็ พอ่ เป็นแมเ่ ขาอาจถอื เป็น เร่ืองใหญ่ และรู้สึกน้อยใจว่าท�ำไมลูกไม่พูดความจริง ถ้าหาก ความรู้สึกแบบน้ียังค้างคาใจเขา เขาก็อยู่อย่างเป็นทุกข์และอาจ ตายดว้ ยอาการไม่สงบก็ได้ เพราะฉะน้ันถ้าพวกเรามีความรู้สึกว่ามีอะไรที่ค้างคาใจหรือ ระลึกว่าได้เคยล่วงเกินอะไรกับคุณพ่อ ก็ควรถือโอกาสนี้ขอขมา ความจริงแล้วเราก็ไม่รู้ว่าโยมเขายังติดใจอะไรบ้างหรือเปล่า แต่ เรอ่ื งแบบนเ้ี ปน็ เรอื่ งละเอยี ดออ่ น อยา่ ไปนกึ วา่ บางเรอ่ื งเขาคงไมร่ ู้ หรอื ไมต่ ดิ ใจอะไรหรอก คนปว่ ยนน้ั จติ ใจเขาเปราะบาง เปราะบาง หมายความว่ามีอะไรกระทบได้ง่าย บางอย่างคนปกติ ไม่รู้สึก แต่คนป่วยเขาจะรู้สึกได้ไว เพราะฉะนั้น ความรูส้ ึกอะไรทไ่ี ม่ดี เช่น ความรู้สกึ หมางเมิน ค้างคาใจ ตอนนี้ยังมีโอกาสควรไปเปิดใจหรือ ขอขมาเสยี เพราะหากผดั ผอ่ นอาจไมม่ โี อกาส ไดพ้ ูด ถึงตอนนน้ั กจ็ ะมาเสยี ใจว่าท�ำไมตอน 36
เขายงั อยเู่ ราไมไ่ ปขอขมา ทนี บี้ างคนอาจเกดิ ค�ำถามขนึ้ มาวา่ ถา้ เขาจ�ำไมไ่ ดจ้ ะทำ� อยา่ งไร จ�ำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเราก็ขอขมาไว้ก่อนเป็นดี อีกเร่ืองหนึ่ง ที่อาตมาคิดว่าลูกหลานน่าจะได้ท�ำกับผู้ป่วยก็คือ เม่ือเรารู้ว่าเขา จะอยกู่ บั เราไดอ้ ีกไม่นาน กค็ วรมีการกลา่ วค�ำอำ� ลา อาจจะอำ� ลา ในลักษณะที่เป็นกิจจะลักษณะสักหน่อย เช่น มีตัวแทนของ ลกู หลานมาพดู ถงึ คณุ ความดขี องเขาใหเ้ ขาฟงั วา่ เขาไดท้ ำ� ความดี อะไรบ้างที่เรารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเขา เช่น เขาเป็นพ่อท่ีดี เป็นสามีที่ดี เป็นปู่ท่ีดี ซ่ึงเราภูมิใจ การที่เราพูดความดีของเขา เป็นการช่วยเตือนให้เขาระลึกถึงความดีท่ีตนได้ท�ำ การระลึกถึง ความดีในยามน้ีมีความส�ำคัญเพราะช่วยให้จิตมีความอิ่มเอิบ ปลาบปล้ืมและเป็นกุศล ไม่จมอยู่กับความทุกข์ บางคนพอเจ็บ ป่วยมากๆ จิตตก คิดไปคิดมาก็นึกถึงความผิดพลาดในอดีต ลงโทษตัวเองว่าฉันไม่น่าท�ำอย่างโน้นอย่างน้ีเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ แตถ่ า้ ลกู หลานชว่ ยใหเ้ ขาระลกึ ถงึ ความดที เี่ คยทำ� ไว้ เขากจ็ ะไมไ่ ป นึกถึงส่ิงไม่ดีในอดีต คนเราเมื่อมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ถ้า 37
นกึ คดิ ในส่งิ ทไี่ ม่ดี หรอื มอี ะไรคา้ งคาใจ จติ จะเปน็ อกุศล ถ้าตาย ไปกจ็ ะไปสู่ทคุ ตไิ ด้ แต่ถา้ นึกถึงส่งิ ท่ีดีหรือเร่ืองบญุ กุศล ตายไปก็ จะไปส่สู ุคติ เม่ือจะกล่าวค�ำอ�ำลา ประการแรกเราพูดถึงความดีของเขา ส�ำนึกในบุญคุณของเขา ขอบคุณเขาที่ได้เอ้ือเฟื้อเกื้อกูลเรามา ขอใหพ้ ดู ออกมาจากใจ ประการทีส่ องกค็ อื ขอขมาลาโทษ ถา้ เรา ไดท้ �ำอะไรล่วงเกินไมว่ ่าด้วยกายกด็ ี ดว้ ยวาจากด็ ี ดว้ ยใจก็ดี จะ รตู้ วั หรอื ไมร่ ตู้ วั กต็ าม กข็ อขมา ประการทส่ี ามกค็ อื พดู ยำ�้ เตอื นให้ เขานกึ ถึงส่งิ ท่ดี ีงาม นกึ ถงึ บญุ กุศล รวมท้ังพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมท้ังให้ท�ำใจปล่อยวาง อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเขามีความ สนใจธรรมะแค่ไหน ถา้ เขาสนใจธรรมะ ศึกษาเรอื่ งนพี้ อสมควร กใ็ หเ้ ขาปล่อยวางส่งิ ทั้งหลายทงั้ ปวง ไม่เฉพาะทรัพยส์ มบตั ิ หรอื คนรัก แต่รวมถงึ ปลอ่ ยวางในรา่ งกายและในตวั ตน ใหจ้ ิตใจนกึ ถึง แต่พระนิพพาน หรือภาวะที่ดับไม่เหลือ แต่ถ้าเขาเข้าใจพุทธ- ศาสนาเลก็ นอ้ ย กใ็ หน้ กึ ถงึ สคุ ติ โดยพดู เตอื นใจใหน้ กึ ถงึ สง่ิ ทด่ี งี าม มีพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เปน็ เคร่อื งยึดเหนย่ี วจติ ใจเพอื่ ให้ 38
จิตเกิดความสงบและเป็นกุศล อันนจี้ ะชว่ ยได้มาก ถา้ ทำ� ตอนที่เขารูต้ ัวก็ดี แต่ถงึ แม้ไม่รู้สกึ ตัวแล้วก็ไม่เป็นไร พูดกระซิบข้างหูเบาๆ คนท่ีเป็นพ่อเป็นปู่เป็น ตาเขาก็จะรู้สึกภูมิใจ ยิ่งถ้าหากมีลูกหลานมาอยู่กันพร้อมหน้าก็ ยง่ิ ดี เขาจะได้ดีใจทีล่ กู หลานรสู้ กึ ส�ำนกึ ในบุญคุณของเขา เขาจะ ได้จากไปด้วยความสงบ อาตมาก็ขอฝากเอาไว้ ท้ังหมดน้ีเป็นการแนะน�ำวิธีท่ีจะช่วย เขาในทางจติ ใจ แตถ่ า้ จะใหด้ นี อกจากจะชว่ ยเขาแลว้ เราเองกค็ วร ได้ประโยชน์จากเขาด้วย คือได้มาเรียนรู้จากเขาในเรื่องสัจธรรม ของชีวิต ตอนนี้คุณพ่อก�ำลังเป็นครูสอนเรา สอนสัจธรรมให้แก่ เราว่าสักวันหนึ่งเราต้องล้มป่วยอย่างนี้หรืออาจจะเป็นย่ิงกว่าน้ี เพราะฉะนั้นจึงอย่าประมาท บางทีเรานึกว่าฉันยังหนุ่มยังแน่น ยังเด็กอยู่ ไม่ลม้ ปว่ ยง่ายๆ จงึ มวั แต่สนกุ สนาน ไม่ได้เตรยี มใจไว้ เลยที่จะเผชญิ กบั ความไมแ่ น่นอนของชีวิต แถมไมน่ กึ ถงึ บุญกศุ ล อนั นีเ้ รยี กวา่ ความประมาท ความเจ็บป่วยเปน็ ธรรมดาของชวี ิตท่ี 39
ไมม่ ใี ครหนพี น้ และเกดิ ขนึ้ ไดท้ กุ เวลากบั ทกุ คน อยา่ ไปนกึ วา่ ฉนั ยังเด็ก ยังอีกนานกว่าจะป่วย คนเราจะเจ็บจะป่วยเมื่อไหร่ไม่มี ใครรู้ แต่ในท่ีสุดไม่ว่าเราจะอายุแค่ไหนเราก็ต้องเจ็บป่วย ความ ตายกเ็ หมอื นกนั จะมาถึงเราเม่ือไหร่ก็ไมร่ ู้ และเกิดข้นึ ไดก้ บั ทกุ คนเชน่ กนั เพราะฉะนัน้ ให้เราระลกึ ไว้เสมอวา่ ชีวติ น้ไี ม่เทย่ี ง จึง ควรเตรียมตัวเตรียมใจไว้เสมอ รวมทัง้ หมั่นท�ำความดีไว้เสมอ เมอ่ื มาเยย่ี มคณุ พอ่ กข็ อใหถ้ อื วา่ คณุ พอ่ เปน็ ครทู กี่ ำ� ลงั สอนเรา เกยี่ วกบั สจั ธรรมของชวี ติ ทหี่ นไี มพ่ น้ ความเจบ็ ความปว่ ย ใหร้ ะลกึ วา่ สักวนั หนง่ึ เราอาจเปน็ อย่างคุณพอ่ ก็ได้ ทนี ี้เม่ือระลึกเชน่ น้แี ล้ว ก็ต้องคิดต่อไปว่าเราจะท�ำอย่างไรถ้าเราต้องล้มป่วยอย่างน้ีใน วันข้างหน้า เราได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างหรือเปล่า และเรา จะเรียนจากคุณพ่อได้อย่างไรในเรื่องการเตรียมตัวเตรียมใจ อยา่ งเชน่ คณุ พอ่ บอกวา่ ไมม่ อี ะไรกงั วล ไมม่ อี ะไรเปน็ ภาระแลว้ ถา้ เปน็ เรา เราจะปลอ่ ยวางแบบนไี้ ดไ้ หม และถา้ เราเกดิ เจบ็ ปว่ ยอยา่ ง คุณพอ่ จะประคองใจอย่างไรถึงไม่ทกุ ขก์ ระสับกระส่าย 40
ทง้ั หมดนขี้ ้นึ อยกู่ บั เราด้วยวา่ เราจะรจู้ กั มองหรอื ไม่ ข้อส�ำคัญ คือต้องระลึกว่าท่ีเรามาอยู่ที่นี่เราไม่ได้มาช่วยคุณพ่อเท่านั้น แต่คุณพ่อก็มาช่วยเราด้วย ถ้ามองให้เป็นก็จะเห็นประโยชน์ จากการล้มป่วยของคุณพ่อ นอกจากจะเกิดปัญญาและความไม่ ประมาทแล้ว อกี อย่างหนงึ่ ที่จะได้กค็ อื ไดม้ ีโอกาสทำ� บญุ คุณพ่อ ก�ำลงั เปดิ โอกาสให้เราทำ� บญุ เพราะการทเี่ รามาชว่ ยคนปว่ ย โดย เฉพาะผู้มีพระคุณถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าต้องมาถวาย สังฆทานให้พระถึงจะได้บุญ ตอนนี้โยมเขาก็เปิดโอกาสให้เราได้ ท�ำบุญ รวมท้ังเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สัจธรรมของชีวิต เช่น ความไมแ่ นน่ อน หรอื ความผนั ผวนปรวนแปรของชวี ิต สจั ธรรม หรือค�ำสอนเก่ียวกับความเป็นจริงของชีวิตไม่ได้มาจากพระ อย่างเดียว แต่ยังมาจากผู้ที่เราเคารพนี้แหละ ถ้าเรามองเห็น จนเกิดปัญญาก็ถือว่าได้บุญเช่นกัน บุญอย่างน้ีแหละท่ีจะช่วยให้ เราผ่านพน้ อุปสรรคตา่ งๆ ไปได้ดว้ ยดี 41
รักษาใจในยามเจบ็ ป่วย ขอให้โยมวางตัวตามสบาย อาตมาขออนุโมทนาที่โยมถวาย เพลในวนั น้ี ถอื วา่ เปน็ การอปุ ถมั ภพ์ ระสงฆใ์ นเรอ่ื งของอาหารเพอ่ื ให้ด�ำรงอยู่ได้ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง แต่บุญอีกส่วนหนึ่งก็สามารถ ท�ำได้ด้วยการฟังธรรมะ บุญนั้นท�ำได้หลายวิธี อาตมามาคุยกับ โยมกถ็ ือวา่ มาท�ำบญุ ดว้ ย พดู ถึงสง่ิ ที่เป็นประโยชนก์ ็เปน็ บุญ ฟงั สิง่ ท่เี ป็นประโยชน์ก็ถือวา่ เปน็ บุญเช่นกัน ส�ำหรับโยมในตอนน้ี ถ้ามองในแง่ของสภาพร่างกายก็ถือว่า ปว่ ย ซงึ่ เปน็ ธรรมดาและไมใ่ ชว่ า่ เปน็ เฉพาะกบั โยมเทา่ นน้ั อาตมา หรือคนอ่ืนที่เห็นว่าปกติธรรมดา เขาก็ป่วย เพียงแต่ยังไม่ แสดงออก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความแก่มีอยู่ในความหน่มุ สาว คำ� บรรยายธรรม แก่นางพรรณวดี วศนิ วรรธนะ เมื่อวนั ที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๘ 43
ความป่วยมีอยู่ในความไม่มีโรค ความตายมีอยู่ในชีวิต คือไม่ได้ แยกจากกัน คนปกตกิ ถ็ ือวา่ มีความป่วยแต่ยงั ไมแ่ สดงออก ความป่วยนน้ั มี ๒ สองอย่าง คือป่วยกายและปว่ ยใจ ซึ่งไม่ จำ� เปน็ วา่ จะตอ้ งไปดว้ ยกนั หรอื เปน็ คกู่ นั ปว่ ยกายแตไ่ มป่ ว่ ยใจกม็ ี อนั นเี้ ปน็ เรอื่ งทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรัสแนะน�ำดว้ ยซ�้ำ พระพุทธเจา้ เคย แนะอบุ าสกคนหนง่ึ ซง่ึ ปว่ ยหนกั วา่ แมก้ ายกระสบั กระสา่ ยแตอ่ ยา่ ใหใ้ จกระสบั กระสา่ ย นเ่ี ปน็ สง่ิ ทเ่ี ราทกุ คนทำ� ได้ ปว่ ยกายเปน็ เรอื่ ง ทเี่ ราต้องรกั ษา แต่ไม่ใชว่ ่าพอป่วยกายแล้วจะต้องปว่ ยใจดว้ ย กายกบั ใจถงึ แมจ้ ะใกลเ้ คยี งกนั และเกย่ี วขอ้ งกนั แตก่ แ็ ยกจาก กนั ไดใ้ นระดบั หน่ึง ใจทส่ี บาย ใจทปี่ กติสามารถอยไู่ ด้แมก้ ระทงั่ ในร่างกายทป่ี ว่ ย ในทางตรงข้ามคนท่สี ขุ ภาพกายดี แตใ่ จปว่ ยก็มี ถึงแม้วา่ โยมจะป่วยทางกาย ความป่วยแสดงตวั ออกมา แตว่ า่ ใจ นั้นเราสามารถท่ีจะรักษาให้เป็นปกติได้ มันอยู่ที่ว่าเราไปส�ำคัญ ม่นั หมายกบั ความปว่ ยทางกายแค่ไหน มนั ข้ึนอยกู่ ับมุมมอง และ ทศั นคติดว้ ย 44
ทว่ี ดั ปา่ สคุ ะโตมคี นพกิ ารคนหนงึ่ ชอ่ื อาจารยก์ ำ� พล ทองบญุ นมุ่ เราเรยี กว่าอาจารย์เพราะเคยเป็นครู แตภ่ ายหลงั ท่ีเรียกอาจารย์ เพราะท่านเป็นอาจารย์ทางธรรมด้วย ท่านพิการต้ังแต่คอลงมา เมอื่ อายุ ๒๔ ปี เคยมคี วามหวงั วา่ จะหาย แตร่ กั ษาเทา่ ไรกไ็ มห่ าย ในทส่ี ุดก็รอวันตาย แตร่ อเท่าไรกไ็ ม่ตาย แมจ้ ะเร่งเวลาว่าเมื่อไร จะตายเสียที เพราะรสู้ กึ วา่ อยู่ไปกเ็ ดือดร้อน เป็นภาระแก่แม่และ พ่อทต่ี อ้ งคอยอุ้มเขา้ ห้องน้ำ� คอยปอ้ นอาหารให้ ต้องคอยสวนให้ ขบั ถา่ ย ทำ� ใหท้ กุ อยา่ งเพราะตวั เองทำ� อะไรไมไ่ ดเ้ ลยนอกจากเคย้ี ว อาหาร แตต่ อนหลงั มาปฏบิ ตั ธิ รรมในแนวของหลวงพอ่ เทยี น โดย มหี ลวงพอ่ คำ� เขยี นใหค้ ำ� แนะนำ� ทา่ นปฏบิ ตั ดิ ว้ ยการพลกิ มอื ไปมา ท�ำไดแ้ ค่นัน้ เดนิ จงกรมกไ็ ม่ได้ ลมหายใจก็ติดขัด ปรากฏว่าเมอ่ื ไดป้ ฏิบตั ิ ดูกายดูใจ รู้กายรใู้ จอย่างต่อเนื่องก็ได้เห็นวา่ คนเราก็ มีแค่น้ันคือกายกับใจ ส่วนตัวกูน้ันเป็นส่ิงท่ีปรุงแต่งขึ้นเอง พอรู้ กายร้ใู จบอ่ ยๆ กร็ ้เู ท่าทันความคิดนกึ เหน็ ความ ปรุงแต่ง แล้วกเ็ กิดปญั ญาได้คดิ วา่ แต่กอ่ น หลงไปคิดว่าฉนั พิการ ท่จี ริงท่พี ิการนั้นคอื กายต่างหาก แต่ฉันไมไ่ ด้พกิ ารดว้ ย 45
พอเหน็ อยา่ งนอ้ี าจารยก์ ำ� พลบอกวา่ จติ ลาออกจาก ความพิการทันที จิตใจไม่รู้สึกเป็นทุกข์เพราะความ พกิ ารอีกต่อไป รสู้ กึ โปรง่ เบาสบาย และมีความสขุ มาก จากการค้นพบนี้ จนกระท่ังคนที่มาวัด เห็นอาจารย์ กำ� พลมคี วามสขุ กเ็ ลยมาขอปรกึ ษาหารอื เอาเรอ่ื งทกุ ขเ์ รอ่ื ง รอ้ นมาเลา่ ใหอ้ าจารยก์ ำ� พลฟงั เพอื่ ขอคำ� แนะนำ� และกำ� ลงั ใจ กลบั กลายเปน็ วา่ คนมอี าการปกตคิ รบ ๓๒ กลบั ทกุ ขม์ ากกวา่ คนพกิ าร อยา่ งอาจารยก์ ำ� พลเสยี อกี ทงั้ ๆ ทตี่ วั อาจารยก์ �ำพลเองไมม่ อี นาคต จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่กลับมีความสุข นี่ก็เป็นตัวอย่างว่า กาย พกิ ารแตใ่ จไมพ่ กิ าร ถา้ พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ มากค็ งตรสั แบบนแี้ หละ ว่า แม้กายพิการแต่ใจไมจ่ �ำเป็นตอ้ งพกิ ารดว้ ย ความเจ็บป่วยก็เหมือนกัน เราสามารถรักษาใจให้เป็นสุขได้ แมก้ ายป่วยแต่อย่าให้ใจป่วย ใจปว่ ย คือใจทเ่ี ครียด ทกุ ข์ กังวล เศร้าหมอง หดหู่ อาการเหล่านี้ไม่จ�ำเป็นว่าต้องเกิดกับเราเวลา เจ็บป่วย เราสามารถทจี่ ะรักษาใจใหส้ ดใส เบกิ บาน แชม่ ช่นื ได้ ทำ� ได้อย่างไร ซึ่งมหี ลายวธิ ี เช่น ทำ� สมาธิ บางคนปวดมาก แต่ 46
พอเขาท�ำสมาธิดว้ ยการตามลมหายใจ จิตกส็ งบ ความเจ็บปวดก็ บรรเทาหรือหายไป ทจ่ี ริงความเจบ็ ปวดไม่ไดห้ ายไปไหน มันยงั อยู่แต่ใจไม่รับรู้ ใจไปอยู่กับลมหายใจ หรืออยู่กับความสงบเย็น ความสบาย ก็เลยไม่รู้สกึ เจ็บปวด เหมอื นกบั คนที่เล่นไพ่ทง้ั วนั ท้ัง คืน ถามว่าเขาไม่ปวดเมื่อยหรือ ท่ีจริงเขาเม่ือย แต่เขาไม่รู้สึก เพราะเขากำ� ลงั เพลนิ หรอื มสี มาธกิ บั การเลน่ ไพ่ แตพ่ อเลน่ เสรจ็ ถงึ รู้สึกปวดเม่ือย คนเจบ็ คนปว่ ยกเ็ ชน่ กนั เมอ่ื เขาทำ� จติ ใหเ้ ปน็ สมาธิ กจ็ ะไมร่ สู้ กึ ถงึ ความเจบ็ ความปวด ความเครยี ดความทกุ ขก์ ห็ ายไป มแี ตค่ วาม เยน็ สบายหรือความปีตเิ กิดขน้ึ มา จิตใจกลับมาเป็นปกติ อยา่ งน้ี เรียกวา่ จิตใจไม่ป่วย ทงั้ ๆ ทีเ่ ขาก็นอนแบบอยู่ ทง้ั ๆ ทีค่ วามเจบ็ ความปวดยงั มอี ยู่ แตเ่ ขาไมร่ สู้ กึ ไมร่ บั รู้ แตพ่ อสมาธหิ ายไป กอ็ าจ จะรบั ร้คู วามเจ็บความปวดได้อีก นอกจากการทำ� สมาธิ หรอื การน้อมจิตจดจ่อกบั ส่งิ อน่ื ท่ีไม่ใช่ ความเจ็บปวดแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือ การมีสติ คือเห็นความ 47
เจบ็ ปวดเกิดข้ึนกบั กาย แค่รู้ แค่เหน็ แต่ไมเ่ ขา้ ไปยึด คนเราสว่ น ใหญ่พอเกิดความเจ็บปวดขึ้นมา จิตก็เผลอไปจมหรือปักอยู่ใน ความเจ็บปวดนั้น รวมท้ังไปยึดว่าความเจ็บปวดเป็นของฉัน ฉัน เปน็ ผู้ปวด ตรงนี้แหละทที่ �ำให้ทุกข์มากขึน้ เหมอื นกบั เวลาทีเ่ รา ใจลอยหรือฟุ้งซ่าน ถ้าเราไมม่ สี ติ เราก็จมหายเขา้ ไปในความคดิ นั้น พอคิดเรื่องไม่ดีเราก็ทุกข์ พอคิดเร่ืองที่ชวนให้โกรธ ความ โกรธความโมโหเกดิ ขนึ้ เมอ่ื ไมม่ สี ตกิ เ็ ลยกลายเปน็ ผโู้ กรธ ผโู้ มโห แตพ่ อเรามสี ติ เหน็ ความคดิ ร้เู ทา่ ทนั อารมณค์ วามรสู้ ึกดงั กลา่ ว อารมณค์ วามรสู้ กึ นน้ั ยงั มอี ยกู่ จ็ รงิ แตใ่ จไมไ่ ดย้ ดึ อารมณค์ วามรสู้ กึ นน้ั ความโกรธยงั มอี ยู่ แตไ่ มเ่ ปน็ ผโู้ กรธ พดู อกี อยา่ งคอื สตทิ �ำให้ “เหน็ แต่ไม่เป็น” สตใิ ชไ้ ด้กับทกุ อย่าง ทง้ั เรอื่ งที่เหน็ ทางตา ได้ยินทางหู หรอื ว่าได้กล่ินทางจมูก เวลาท่ีมีอะไรมากระทบ ถ้าเราไม่รู้ทันเราก็ โกรธ เรากห็ งุดหงิด แตถ่ า้ เรารู้ทันมัน เรากเ็ หน็ ว่ามันเปน็ สง่ิ ทไี่ ม่ น่าดู เป็นส่งิ ทนี่ า่ รำ� คาญแต่ใจเราไม่ร�ำคาญด้วย 48
มเี รอื่ งเลา่ เกย่ี วกบั หลวงปบู่ ดุ ดา ถาวโร มคี นมานมิ นตท์ า่ นไป ฉนั เพลทก่ี รงุ เทพฯ พอฉนั เพลเสรจ็ โยมกจ็ ดั หอ้ งใหห้ ลวงปเู่ อนกาย เพ่ือพกั ผอ่ นกอ่ นท่ีจะกลบั วดั ทส่ี งิ ห์บุรี ระหวา่ งทท่ี ่านเอนกายก็มี ลูกศิษย์หลายคนมานั่งอยู่ในห้องด้วย เวลาจะพูดจาก็กระซิบ กระซาบ เพราะกลัวจะไปรบกวนทา่ น บงั เอิญวา่ ห้องข้างๆ เป็น ร้านค้า เจา้ ของเป็นอาซิ้ม คนจนี ท่มี ีอายเุ มือ่ ๔๐-๕๐ ปกี อ่ นเขา ใสเ่ กยี๊ ะกนั เวลาเดนิ ขน้ึ ลงบนั ไดจงึ มเี สยี งดงั ลกู ศษิ ยห์ ลวงปไู่ ดย้ นิ เสยี งนั้นกบ็ ่นขึ้นมาว่า เดนิ เสียงดงั จัง ไม่เกรงใจกนั เลย หลวงปู่ บดุ ดาทา่ นหลบั ตากจ็ รงิ แตไ่ ดย้ นิ ลกู ศษิ ยบ์ น่ ทา่ นจงึ พดู ขนึ้ มาเบาๆ วา่ “เขาเดินของเขาอยู่ดๆี เราเอาหูไปรองเก๊ียะเขาเอง” นเ่ี ปน็ เพราะลกู ศษิ ยไ์ มม่ สี ติ ไดย้ นิ เสยี งรบกวนใจกไ็ ปยดึ ฉวย เสียงนั้นมาทิ่มมาแทงตัวเอง บางทีมันไม่ใช่เสียงเก๊ียะ แต่เป็น เสียงด่า เสียงต�ำหนิ หรือการกระท�ำที่ ไม่ถกู ใจเรา เมือ่ เราไมม่ ีสติ กจ็ ะ รู้สึกไม่พอใจ น้อยอกน้อยใจ หงดุ หงดิ แตถ่ า้ มสี ติ เมอ่ื รบั 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121