พระนพิ นธ์ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
วิธีฝึกใจไม่ใหโ้ กรธ พระนพิ นธ์ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก ISBN 978-616-361-919-8 พมิ พค์ ร้ังท่ี ๓ : กนั ยายน ๒๕๕๗ จ�ำนวนพิมพ์ ๑,๐๐๐ เลม่ ทปี่ รกึ ษา สมเด็จพระวนั รัต พระเทพปริยตั วิ มิ ล บรรณาธกิ าร พระศากยวงศว์ ิสทุ ธ์ิ รศ.สเุ ชาวน์ พลอยชมุ ผู้จัดพิมพ์ นายสตั วแพทย์ ธานนิ ทร์ ชีวะผลาบูรณ์ กรรมการผ้จู ัดการ บริษัทในเครือ เวทโปรดักสก์ รุ๊ป พมิ พ์ที่ สาละพมิ พการ ๙/๖๐๙ ต.กระทุ่มลม้ อ.สามพราน จ.นครปฐม ๗๓๒๒๐ โทร ๐-๒๔๒๙-๒๔๕๒, ๐๘-๖๕๗๑-๑๖๘๕
คำ� นำ� เรอื่ ง วธิ ฝี กึ ใจไมใ่ หโ้ กรธ นต้ี ดั ทอนมาจากพระนพิ นธ์ ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เร่ือง การบริหารทางจิตส�ำหรับ ผใู้ หญ่ เฉพาะสว่ นทท่ี รงอธบิ ายถงึ วธิ คี วบคมุ และฝึกหดั ตนเองไมใ่ หโ้ กรธ ตามแนวค�ำสอนในพระพทุ ธศาสนา อัน เปน็ ทางหนงึ่ ท่ีจะท�ำให้ชวี ิตมีความสงบเยน็ และมีความสุข การอธิบายธรรมะของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในทุก เร่ือง ทรงพยายามประยกุ ต์กับชีวิตปัจจุบันและเหตกุ ารณ์ จริงในชีวิตของคนทั่วไป เพ่ือที่ผู้อ่านท่ัวไปจะได้เข้าใจง่าย และสามารถนอ้ มนำ� หลกั ธรรมนน้ั ๆ ไปปฏบิ ตั ไิ ดโ้ ดยไมย่ าก ฉะน้ัน ส�ำนวนการอธิบายธรรมะของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงเป็นภาษาง่ายๆ กระทัดรัดชัดเจน เหมาะแก่ผู้อ่านทุก ระดับ และชวนคิด ชวนตดิ ตาม หวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่า ทา่ นผ้อู ่านจะได้รับรสพระธรรม จากพระนิพนธน์ ี้ ตามควรแก่การศกึ ษาพนิ ิจ สมเดจ็ พระวันรัต วดั บวรนเิ วศวิหาร สิงหาคม ๒๕๕๗
พระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (สวุ ัฑฒนมหาเถระ เจรญิ คชวัตร) วนั ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ- ปริณายก นับเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ลุถึง พ.ศ. ๒๕๕๖ ทรงด�ำรง ต�ำแหนง่ สมเด็จพระสังฆราช ยาวนานกว่าสมเด็จพระ- สงั ฆราชพระองค์ใด ๆ ในอดีตทผ่ี า่ นมา คือ ๒๔ ปี วนั ที่ ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ วันคลา้ ยวนั ประสูติของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (สวุ ฑั ฒนมหาเถระ) ทรงเจริญพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษาบริบูรณ์ นับเป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่เจริญ พระชนมายยุ งิ่ ยนื นานกวา่ สมเดจ็ พระสงั ฆราชพระองค์
ใด ๆ ในอดตี ทผี่ า่ นมา ทง้ั ทรงดา� รงตา� แหนง่ ตา่ ง ๆ ทาง คณะสงฆ์ยาวนานกว่าพระองค์อ่ืน ๆ คือ ทรงด�ารง ต�าแหน่งเจา้ คณะใหญค่ ณะธรรมยุต ๒๕ ปี ทรงดา� รง ต�าแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ๕๒ ปี นับเป็น บุญบารมีในทางปรหิตปฏิบัติของเจ้าพระคุณสมเด็จ พระสงั ฆราช ซง่ึ ยากทจ่ี ะมเี ปน็ สาธารณะแกบ่ คุ คลทวั่ ไป สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกล- มหาสงั ฆปรณิ ายก (สวุ ฑั ฒนมหาเถระ) มพี ระนามเดมิ ว่า เจริญ นามสกุล คชวัตร ทรงมีพระชาติภูมิ ณ จังหวดั กาญจนบรุ ี เม่ือวนั ท่ี ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
ทรงบรรพชาเปน็ สามเณรเม่อื พระชนมายุ ๑๔ พรรษา ณ วัดเทวสงั ฆาราม จังหวัดกาญจนบรุ ี แลว้ เข้ามาอยู่ ศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ณ วัดบวรนเิ วศวิหาร จนพระ- ชนมายุครบอุปสมบท และทรงกลับไปอุปสมบท ณ วดั เทวสงั ฆาราม เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๖ จ�ำพรรษา ณ วัดเทวสังฆาราม ๑ พรรษา แลว้ กลับ มาทรงท�ำทัฬหีกรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ทรงเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ ไดป้ ระทบั อยศู่ กึ ษา ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ตลอดมาจนกระทง่ั สอบ ไดเ้ ป็นเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค เม่อื พ.ศ. ๒๔๘๔ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงด�ำรง สมณศกั ดิ์มาโดยลำ� ดับดงั นี้ ทรงเปน็ พระราชาคณะช้นั สามญั พระราชาคณะชน้ั ราช และพระราชาคณะชน้ั เทพ ในราชทนิ นามท่ี พระโศภนคณาภรณ์ ทรงเปน็ พระราชา คณะชัน้ ธรรมท่ี พระธรรมวราภรณ์ ทรงเป็นพระราชา คณะชน้ั เจา้ คณะรองที่ พระสาสนโสภณ ทรงเปน็ สมเดจ็ พระราชาคณะที่ สมเดจ็ พระญาณสังวร และทรงไดร้ บั พระราชทานสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ใน ราชทนิ นามที่ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก
เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรทรงเป็นผู้ใคร่ ในการศึกษา ทรงมีพระอัธยาศัยใฝ่รใู้ ฝเ่ รียน มาตง้ั แต่ ทรงเปน็ พระเปรยี ญ โดยเฉพาะในดา้ นภาษา ทรงศกึ ษา ภาษาตา่ ง ๆ เช่น องั กฤษ ฝรัง่ เศส เยอรมนั จนี และ สนั สกฤต จนสามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี กระทงั่ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ พระอุปัชฌาย์ทรงเห็นว่า จะเพลินในการศึกษามากไป วนั หนง่ึ ทรงเตอื นวา่ ควรทำ� กรรมฐานเสยี บา้ ง เปน็ เหตุ ให้พระองค์ทรงเริ่มท�ำกรรมฐานมาแต่บัดนั้น และท�ำ ตลอดมาอย่างต่อเน่ือง จึงทรงเป็นพระมหาเถระท่ีทรง ภมู ธิ รรมทงั้ ดา้ นปริยัติและด้านปฏบิ ตั ิ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงศึกษา หาความรสู้ มยั ใหมอ่ ยเู่ สมอ ดว้ ยการอา่ นหนงั สอื ทง้ั ใน ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมท้ังนิตยสารและ หนังสือพิมพ์ประจ�ำวันทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นเหตุให้ทรงมีทัศนะกว้างขวาง ทันต่อเหตุการณ์ บ้านเมือง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสั่งสอนและเผยแผ่ พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ทรงนิพนธ์หนังสือทาง พระพุทธศาสนาได้อย่างสมสมัย เหมาะแก่บุคคลและ สถานการณ์ในยุคปัจจุบัน และทรงสั่งสอนพระพุทธ- ศาสนาทง้ั แก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในดา้ นการศกึ ษา ไดท้ รงมพี ระดำ� รทิ างการศกึ ษา ท่ีกว้างไกล ทรงมีส่วนร่วมในการก่อต้ัง มหาวิทยาลัย พระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทย คือ มหาวิทยาลัย มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั มาแตต่ น้ ทรงรเิ รมิ่ ใหม้ สี ำ� นกั ฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปตา่ งประเทศขน้ึ เปน็ ครงั้ แรก เพอ่ื ฝึกอบรมพระธรรมทูตไทย ที่จะไปปฏิบัติศาสนกิจใน ต่างประเทศ ทรงเป็นพระมหาเถระไทยรูปแรก ท่ีได้ ดำ� เนนิ งานพระธรรมทตู ในตา่ งประเทศอยา่ งเปน็ รปู ธรรม โดยเร่ิมจากทรงเป็นประธานกรรมการอ�ำนวยการฝึก อบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศเป็นรูปแรก เสดจ็ ไป เปน็ ประธานสงฆใ์ นพธิ เี ปดิ วดั ไทยแหง่ แรกในทวปี ยโุ รป คือวัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
ทรงนำ� พระพทุ ธศาสนาเถรวาทไปสทู่ วปี ออสเตรเลยี เปน็ ครั้งแรก โดยการสร้างวัดพุทธรังษีข้ึน ณ นครซิดนีย์ ทรงใหก้ ำ� เนดิ คณะสงฆเ์ ถรวาทขน้ึ ในประเทศอนิ โดนเี ซยี ทรงชว่ ยฟน้ื ฟพู ระพทุ ธศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล โดยเสด็จไปใหก้ ารบรรพชาแก่ศากยกุลบตุ รในประเทศ เนปาลเปน็ การบรรพชาหมเู่ ปน็ ครง้ั แรก ทำ� ใหป้ ระเพณี การบวชฟนื้ ตัวข้นึ อีกครัง้ หนง่ึ ในเนปาลยุคปัจจุบัน ทรง อุปถัมภ์การสร้างวัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม สหรัฐอเมริกา ทรงอุปถุมภ์การบูรณะวัดศรีกีรติวิหาร เมืองกีรติปรู ์ ประเทศเนปาล ทรงเจรญิ ศาสนไมตรีกบั องค์ทะไลลามะ กระทั่งเป็นท่ีทรงคุน้ เคยและไดว้ สิ าสะ กันหลายครั้ง และทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักร พระองค์แรกท่ีได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐ ประชาชนจีน อยา่ งเป็นทางการในประวัติศาสตรจ์ ีน เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นนัก วชิ าการและนกั วเิ คราะหธ์ รรม ตามหลกั การของพระพทุ ธ- ศาสนา ทเี่ รยี กวา่ ธมั มวจิ ยะ เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ วา่ พทุ ธ- ธรรมนนั้ สามารถประยกุ ตใ์ ชก้ บั กจิ กรรมของชวี ติ ไดท้ กุ ระดับ ต้ังแต่ระดับพ้ืนฐานไปจนถึงระดับสูงสุด ทรงมี ผลงานดา้ นพระนพิ นธท์ งั้ ทเี่ ปน็ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ จ�ำนวนกว่า ๑๐๐ เรื่องประกอบด้วยพระนิพนธ์แสดง
ค�ำสอนทางพระพุทธศาสนาทั้งระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง รวมถึงความเรียงเชิงศาสนคดีอีกจ�ำนวน มาก ซง่ึ ลว้ นมคี ณุ คา่ ควรแกก่ ารศกึ ษา สถาบนั การศกึ ษา ของชาติหลายแห่งตระหนกั ถงึ พระปรีชาสามารถ และ คณุ คา่ แหง่ งานพระนพิ นธ์ ตลอดถงึ พระกรณยี กจิ ทท่ี รง ปฏิบัติ จึงได้ทูลถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ เปน็ การเทดิ พระเกยี รตหิ ลายสาขา รวม ๑๓ มหาวทิ ยาลยั นอกจากพระกรณียกิจตามหน้าท่ีต�ำแหน่งแล้ว ยังได้ทรงปฏิบัติหน้าที่พิเศษ อันมีความส�ำคัญย่ิงอีก หลายวาระ กล่าวคือ ทรงเปน็ พระอภบิ าลในพระภิกษุ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั กาลปจั จุบนั เม่ือครง้ั ทรงพระผนวช เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๙ พรอ้ มทั้งทรงถวาย ความรู้ในพระธรรมวินัย ตลอดระยะเวลาแห่งการทรง พระผนวช ทรงเปน็ พระราชกรรมวาจาจารย์ ในสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชริ าลงกรณ สยาม- มกุฎราชกุมาร เม่ือครั้งทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสังวร ไม่เพยี งสรา้ ง ศาสนธรรม คือค�ำสอนมอบไว้เป็นมรดกธรรมแก่ พุทธศาสนิกชนและแก่โลกเท่าน้ัน แต่ยังได้ทรงสร้าง วัตถุธรรมอนั น�ำสุขประโยชน์สูป่ ระชาชนทวั่ ไป มอบไว้
เป็นมรดกของแผน่ ดนิ เปน็ จำ� นวนมาก อาทิ วัดญาณ- สงั วราราม จงั หวดั ชลบรุ ี วดั รชั ดาภเิ ษก จงั หวดั กาญจนบรุ ี วดั วังพไุ ทร จงั หวดั เพชรบรุ ี วดั ล้านนาญาณสังวราราม จังหวัดเชียงใหม่ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิต มหาสันติคีรี จังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลสมเด็จ พระปยิ มหาราชรมณยี เขต จงั หวดั กาญจนบรุ ี ตกึ สกล- มหาสังฆปริณายก ในโรงพยาบาลและโรงเรียนในถิ่น ทรุ กันดาร ๑๘ แหง่ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช พระองคท์ ่ี ๑๙ ทา่ มว่ ง จงั หวดั กาญจนบรุ ี ตกึ วชริ ญาณวงศ์ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ ตึกวชริ ญาณสามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ ตกึ ภปร โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ โรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต จังหวัด กาญจนบรุ ี โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วร จงั หวดั ยโสธร และวัดไทยในต่างประเทศอกี หลายแหง่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงด�ำรง ต�ำแหน่งหน้าที่ส�ำคัญทางการคณะสงฆ์ในด้านต่าง ๆ มาเป็นล�ำดับ เป็นเหตุให้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเป็น ประโยชน์ต่อพระศาสนา ประเทศชาติ และประชาชน เปน็ เอนกประการ นบั ไดว้ า่ ทรงเปน็ พระมหาเถระทที่ รง เพียบพร้อมด้วยอัตตสมบัติและปรหิตปฏิบัติ และทรง เป็นครุฐานียบุคคลของชาติ ทั้งในด้านพุทธจักรและ อาณาจกั ร
เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร ทรงเปน็ ทเ่ี คารพ สักการะตลอดไปถึงพุทธศาสนิกชนในนานาประเทศ ดว้ ยเหตนุ ้ี ทางรฐั บาลสาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ จงึ ไดท้ ลู ถวายตำ� แหนง่ อภธิ ชมหารฐั ครุ ุ อนั เปน็ สมณศกั ด์ิ สูงสดุ แหง่ คณะสงฆเ์ มยี นมาร์ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๓๔ และ ทป่ี ระชมุ ผนู้ ำ� สงู สดุ แหง่ พทุ ธศาสนาโลก ณ เมอื งเกยี วโต ประเทศญ่ีปุ่น เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไดท้ ูลถวายตำ� แหนง่ ผูน้ ำ� สงู สุดแห่งพระพุทธศาสนาโลก ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ พระสุขภาพของเจ้าพระคุณ สมเด็จพระญาณสังวร ถดถอยลง เน่ืองจากทรงเจริญ พระชนมายมุ ากขนึ้ ไมอ่ ำ� นวยใหท้ รงปฏบิ ตั พิ ระศาสนกจิ ตา่ ง ๆ ไดโ้ ดยสะดวก จงึ เสดจ็ เขา้ ประทบั รกั ษาพระองค์ ณ ตกึ วชริ ญาณสามคั คพี ยาบาร โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมอ่ื วนั ที่ ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ในชว่ งแรก ๆ ยงั เสดจ็ กลบั ไปประทบั ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร เป็นระยะ ๆ ครั้งละ ๓-๔ วัน และเสด็จไปสดับ พระปาตโิ มกข์ ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร ทกุ วนั ธรรมสวนะเดือนเพญ็ และเดือนดับ กระทั่งพระสขุ ภาพ ไม่อ�ำนวย คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพยาบาล จึง กราบทูลให้งดการเสด็จไปสดับพระปาติโมกข์ดังกล่าว ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา
ถึงวันท่ี ๑๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระอาการ ประชวรโดยทั่วไปทรุดลง คณะแพทย์จึงได้ถวายการ ผา่ ตดั พระอนั ตะ (ลำ� ไส)้ และพระอนั ตคณุ (ลำ� ไสน้ อ้ ย) หลังการผ่าตัด ทรงมีพระอาการทั่วไปเป็นท่ีพอใจของ คณะแพทย์ ถงึ วันท่ี ๒๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เร่ิมมี พระอาการความดนั พระโลหติ ลดลง แตม่ กี ารกระเตอื้ ง ข้ึนเป็นระยะ ๆ กระทั่งถึงวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ความดนั พระโลหติ ลดลงถึง ๒๐ และคงตัวอยู่ ระยะหนึ่ง ถงึ เวลา ๑๙.๓๐ น. ความดันพระโลหิตลง ถึง ๐ ในทันทที นั ใด คณะแพทย์ได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า เจา้ พระคณุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ส้ินพระชนม์ดว้ ยการตดิ เชอ้ื ใน กระแสพระโลหติ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๓๐ น. สิริพระชนมายไุ ด้ ๑๐๐ พรรษากบั ๒๑ วนั วนั ที่ ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดเ้ ชิญพระศพ จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มายัง พระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จ
พระราชดา� เนนิ แทนพระองคม์ าถวายนา�้ สรงพระศพ ณ พระตา� หนกั เพ็ชร วดั บวรนเิ วศวหิ าร แล้วเชิญพระศพ ประดิษฐานในพระโกศกุดั่นใหญ่ ประดิษฐานภายใต้ เศวตฉตั ร ๓ ชน้ั บนพระแทน่ แว่นฟา้ ปดิ ทองประดับ กระจก แวดล้อมดว้ ยฉัตรเคร่ืองสงู ๓ คู่ ประดบั พุ่ม ตาดทองดอกไมแ้ จกนั และเทยี นไฟฟา้ รายรอบพระโกศ บนพระแท่นแว่นฟ้าทง้ั สองชั้น พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรด เกลา้ ฯ ใหม้ พี ระพธิ ธี รรมสวดพระอภธิ รรมถวายพระศพ ทงั้ กลางวนั และกลางคนื พรอ้ มทง้ั มปี ระโคมยา�่ ยามถวาย พระศพ เปน็ เวลา ๗ วัน ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ
บ�ำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (๓๐ - ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) ปญั ญาสมวาร (๑๑ - ๑๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) และสตมวาร (๓๐ - ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗) ถวายพระศพตามราชประเพณีโดยลำ� ดบั นบั แตไ่ ดเ้ ชญิ พระศพประดษิ ฐาน ณ พระตำ� หนกั เพ็ชร วัดบวรนเิ วศวหิ าร เมือ่ วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ ตน้ มา ไดม้ พี ระบรมวงศานวุ งศ์ ผนู้ ำ� ประเทศ ทูตานุทตู ประเทศตา่ ง ๆ และองค์กรศาสนา พร้อมทั้ง พุทธศาสนิกชน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มาถวายสักการะเคารพพระศพอย่างเนืองแน่นอย่างมิ เคยปรากฏมาก่อน อาทิ คณะทตู านทุ ตู ๒๓ ประเทศ มารว่ มในการบำ� เพญ็ พระราชกุศลสัตตมวาร (๗ วนั ) ในวนั ที่ ๓๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระราชกศุ ลปญั ญาสมวาร (๕๐ วนั ) วนั ท่ี ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พระราชกศุ ลสตมวาร (๑๐๐ วนั ) วนั ท่ี ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พระราชทาน พระศพเจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ วนั ท่ี ๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๖ สำ� นกั วาตกิ นั โดยสภาประมขุ บาทหลวงโรมนั คาธอลกิ แหง่ ประเทศไทย
ไดป้ ระกอบพธิ มี สิ ซาถวายพระกศุ ลแดพ่ ระศพเจา้ พระคณุ สมเด็จฯ วนั ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ คณะสงฆ์ แหง่ นกิ ายเนนบตุ ซซึ ู แหง่ ประเทศญป่ี นุ่ ไดป้ ระกอบพธิ ี สวดถวายพระกศุ ลแดพ่ ระศพเจา้ พระคุณสมเด็จฯ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ฯพณฯ เชอร์ริง ต็อปเกย์ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศภูฏาน พรอ้ มดว้ ยภรยิ าและคณะไดม้ าถวายสกั การะเคารพพระศพ เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ วันท่ี ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระมหา- คณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย พรอ้ มดว้ ยคณะสงฆจ์ นี ไดป้ ระกอบพธิ กี งเตก็ นอ้ มถวาย พระกศุ ลแด่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ พระมหา- คณานัมธรรมปัญญาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย พร้อมด้วยคณะสงฆ์อนัมนิกาย ได้ประกอบพิธีกงเต็ก นอ้ มถวายพระกศุ ลแดเ่ จา้ พระคุณสมเด็จฯ
วันที่ ๑๗ - ๒๔ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๗ รฐั บาล อินเดีย โดย รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ประเทศ อินเดีย และ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตอินเดียประจ�ำ ประเทศไทย ไดป้ ระกอบพธิ วี ชั รยานบชู า ถวายพระกศุ ล แด่พระศพเจ้าพระคุณสมเด็จฯ อย่างเต็มรูปแบบตาม ลัทธิวัชรยานแหง่ ทิเบต วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะสังฆ- เถรวาทแห่งอินโดนีเซีย พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน อินโดนีเซียจ�ำนวนกวา่ ๑๐๐ คน ได้บำ� เพ็ญกุศลถวาย พระศพเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ นอกจากนี้ ยงั ไดม้ ผี นู้ ำ� องคก์ รทางศาสนาในประเทศ ตา่ ง ๆ สง่ สารแสดงความอาลยั เนอ่ื งในการสน้ิ พระชนม์ ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จำ� นวนมาก อาทิ องคท์ ะไลลามะ พระสังฆราช พระสังฆนายก องค์กรระหว่างประเทศ และองคก์ รพทุ ธศาสนาจากนานาประเทศ กล่าวได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ทรงด�ำรง อยู่ในฐานะพระสงั ฆบดิ รของพุทธบริษัทท่ัวโลกโดยแท้
สงฆฺ ราชมรณคาถา สงฺฆินฺโท สงฆฺ ราชา หิ ญาณสํวรสวหฺ โย สตวสสฺ ายโุ กทานิ สมมฺ า กาลกโต อหุ พทุ ฺธสาสนกิ า ทยฺยา คุณํ ตสฺส อนุสฺสเร สคคฺ โิ ก นกิ ฺกเิ ลโส โส นทิ ฺทุกฺโข โหตุ นิพฺพโุ ต ฯ สมเดจ็ สงั ฆราชเจ้า จอมสงฆ์ ๑๐๐ พระพรรษาทรง สว่างไซร้ จวบจนนคิ าลยั ลง ลบั ล่วง ยังโชติช่วงพระคณุ ไว้ กราบไหว้นสุ รถงึ ฯ จึงชาวพทุ ธทวั่ แคว้น แดนไทย ประณตน้อมอาลัย ระลึกรู้ ขอพระองค์สว่างไสว สวรรค์สดุ เกษมนา อริกเิ ลสมอิ าจสู้ ดับสิน้ ทุกสถาน ฯ พระมหาอเุ ทน ปัญญาปริทตั ต์
สารบญั ๒๓ ๒๗ ความโกรธเปน็ ไฉน ? ๓๓ จงมสี ติเม่อื เกดิ ความโกรธ ๔๑ วิธีชะลอความโกรธ ๔๙ วธิ ฝี ึกตนไมใ่ หโ้ กรธงา่ ย ๕๕ เมตตาระงับความโกรธ ๖๓ วิเคราะหส์ าเหตขุ องความโกรธ ๖๙ รักษาจติ ให้คดิ ในทางที่ถูก ๗๕ ฝึกจิตใหม้ คี วามสงบ สำ�คญั ทค่ี วามคดิ
ความโกรธ เป็นไฉน ? ดูเหมือนจะเป็นท่ียอมรับกันว่า โทสะหรือความ โกรธเป็นเหตุแห่งความร้อนใจ ย่ิงกว่าความโลภหรือ ความหลง โกรธเม่ือใดร้อนเม่ือนั้น แม้ผู้ที่หยาบที่สุด ไมต่ อ้ งใชค้ วามประณตี พจิ ารณาเลย กย็ อ่ มรสู้ กึ ไดเ้ ชน่ นน้ั คนโกรธงา่ ย โกรธบอ่ ย อาจจะเกดิ ความโกรธจน ชนิ ได้ แตจ่ ะไมช่ นิ กบั ผลทเี่ กดิ จากความโกรธ คอื จะตอ้ ง รู้สึกร้อนเสมอไปไม่ว่าจะโกรธจนชินแล้วเพียงไหน มี ตวั อยา่ งทีเ่ กดิ กบั ทุกคนอยทู่ ุกวัน คือคนขับรถโกรธคน เดินถนน คนเดินถนนโกรธคนขับรถ แม้คนขับรถจะ ตอ้ งพบคนเดนิ ถนนอยทู่ กุ วนั วนั ละหลายครงั้ แตก่ ต็ อ้ ง เกิดโทสะเพราะกันและกันอยู่เสมอ เรียกได้ว่าจนเป็น
24 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ของธรรมดา แตก่ ระนน้ั ทงั้ คนขับรถและคนเดนิ ถนน ก็คงยอมรับว่า เมื่อเกิดโทสะทุกครั้งก็ร้อนเร่าในใจ ทุกครั้ง นี่เป็นผลของความโกรธ ที่จะต้องเกิดคู่ไปกับ ความโกรธเสมอไม่มีแยกจากกัน ความโกรธเกิดขึ้น เมอ่ื ใด ความร้อนใจกต็ อ้ งเกดิ ขนึ้ เมอื่ น้นั เสมอ สามญั ชนทกุ คนยอ่ มมคี วามโกรธ แตค่ วามโกรธ ของทกุ คนไมเ่ ทา่ กนั นเ้ี ปน็ ทร่ี กู้ นั อยู่ เหน็ กนั อยู่ ตกิ นั อยู่ ชมกนั อยู่ บางคนโกรธงา่ ย โกรธแรง บางคนโกรธยาก โกรธเบา บางท่านเรียกคนประเภทแรกที่โกรธง่าย โกรธแรง วา่ เป็นคนมกี รรม และเรียกคนประเภทหลัง ท่ีโกรธยาก โกรธเบา ว่าเป็นคนมบี ุญ เหตุผลก็นา่ จะ อย่างท่ีรกู้ ันอยู่ คือ ความโกรธไมท่ ำ� ใหใ้ ครเปน็ สขุ มแี ตจ่ ะทำ� ใหเ้ ปน็ ทุกข์ ยิง่ โกรธงา่ ย โกรธแรง กย็ งิ่ เป็นทกุ ขบ์ อ่ ย เปน็ ทุกขม์ าก
ความโกรธเป็นไฉน ? 25 ลองดูใจตนเองเสียบ้าง ก็จะเห็นความแตกต่าง ของจติ ใจ เวลาโกรธกบั เวลาไมโ่ กรธ เชน่ ในขณะนี้ หาก ผใู้ ดกำ� ลงั โกรธอยู่ กใ็ หห้ ยดุ คดิ ถงึ เรอ่ื งหรอื บคุ คลทท่ี ำ� ให้ โกรธเสยี สกั ระยะ ยอ้ นกลบั เขา้ มาดใู จตนเอง เมอื่ กำ� ลงั โกรธ ดเู ข้ามากย็ ่อมจะเห็นว่ากำ� ลังโกรธ เมอ่ื ดเู ห็นวา่ ก�ำลังโกรธแล้ว ก็ดูให้เห็นว่ามีความร้อนพลุ่งพล่าน อยู่ในใจหรือไม่ ซึ่งจะต้องเห็นว่ามีความโกรธก็ต้องมี ความรอ้ น โกรธมากกร็ อ้ นมาก โกรธนอ้ ยก็ร้อนนอ้ ย ดลู งไปอกี วา่ ความรอ้ นนน้ั ทำ� ใหเ้ ดอื ดรอ้ นหรอื ไม่ หรอื ทำ� ใหส้ บาย ถา้ ดกู นั จรงิ ๆ และตอบตวั เองอยา่ งจรงิ ๆ ก็จะต้องได้ค�ำตอบว่า ความร้อนนั้นท�ำให้เดือดร้อน ไม่ทำ� ให้สบาย เม่ือไดค้ �ำตอบเช่นนแ้ี ลว้ ก็ดลู งไปอีกวา่ อยากจะพน้ จากความไมส่ บายนน้ั หรอื ไม่ ถา้ ดจู รงิ กจ็ ะ ได้เห็นความจริงว่า อยากจะพ้นจากความไม่สบายน้ัน ซึ่งเกดิ เพราะเกดิ ความโกรธหรือความมีโทโส
จงมีสติ เม่ือเกดิ ความโกรธ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทรงสอนใหแ้ กท้ เ่ี หตุ จงึ ตอ้ ง แก้ท่ีความโกรธ แก้ให้ความโกรธน้อยลง ท�ำให้หมด สน้ิ เชงิ ในวันหน่ึง วธิ ที จ่ี ะแกค้ วามโกรธใหเ้ กดิ ผลรวดเรว็ ไมช่ กั ชา้ มอี ยวู่ า่ ใหพ้ ยายามทำ� สตใิ หร้ ตู้ วั เมอ่ื ความโกรธเกดิ ขน้ึ คอื เมอื่ โกรธ กใ็ หร้ วู้ า่ โกรธ และเมอ่ื รวู้ า่ โกรธแลว้ ก็ให้พิจารณารูปร่างหน้าตาของความโกรธ ให้เห็นว่า เป็นความร้อน เป็นความทุกข์ จนกระทั่งถึงให้รู้ว่า เปน็ อารมณท์ ไี่ มพ่ งึ ปรารถนา ใหม้ สี ตพิ จิ ารณาอยเู่ ชน่ นนั้ อยา่ ใหข้ าดสติ เพราะเมอื่ ขาดสติ เวลาโกรธจะไมพ่ จิ ารณา
28 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ดังกล่าว แตจ่ ะต้องออกไปพจิ ารณาเรอ่ื งหรือผทู้ ีท่ �ำให้ มีความโกรธ และก็จะไม่เปน็ การพจิ ารณาเพื่อใหค้ วาม โกรธลดนอ้ ย แตจ่ ะกลบั เปน็ การพจิ ารณาใหค้ วามโกรธ มากขน้ึ เหมอื นเปน็ การเพมิ่ เชอื้ ใหแ้ กไ่ ฟ จงึ ตอ้ งพยายาม ท�ำสติควบคุมสติให้พิจารณาเข้ามาแต่ภายในใจเท่าน้ัน ให้เห็นความโกรธเท่านั้น ดูอยู่แต่รูปร่างหน้าตาของ ความโกรธเท่านน้ั การทำ� เชน่ นนั้ ทา่ นเปรยี บวา่ เหมอื นขโมยทซี่ กุ ซอ่ น อยู่ เม่ือมีผู้มาดูหน้าตา ก็จะซุกซ่อนอยู่ต่อไปไม่ได้จะ หนไี ป ความโกรธก็เชน่ กัน เมอื่ เกดิ ข้ึนแล้วถกู จอ้ งมอง ดูอยู่ ก็เหมือนขโมยท่ีมีผู้มาดูหน้า จะต้องหลบไป เมอื่ ความโกรธหลบไปหรอื ระงับลง ความรอ้ นก็จะไม่มี ใจก็จะสบายได้โดยควร การพิจารณาดูหน้าตาของความโกรธ จึงเป็นวิธี แกท้ ตี่ รงทสี่ ดุ และจะใหผ้ ลรวดเรว็ ทสี่ ดุ เปน็ การบรหิ าร จิตที่ควรปฏิบตั ิอยา่ งยิ่งประการหน่ึง
จงมีสติเม่ือเกิดความโกรธ 29 โทสะหรอื ความโกรธ เปน็ เหตแุ หง่ ความรอ้ นใจที่ รสู้ กึ ไดช้ ดั เจนงา่ ยดาย จนทำ� ใหค้ วามโกรธเกดิ ขนึ้ เมอ่ื ใด จะรู้สึกเม่ือนั้นว่าความร้อนใจเกิดข้ึนพร้อมกันทันที ลองสงั เกตดูก็ได้ สมมติเม่ือเปิดวิทยุรายการหน่ึง ผู้ท่ีประสงค์จะ ฟงั รายการนไ้ี ม่มปี ญั หา มีปญั หาแต่ผู้ไมป่ ระสงคจ์ ะฟัง รายการน้ี ประสงค์จะฟังรายการอ่ืน แต่ไม่สามารถ จะหมุนคล่ืนวิทยุไปสถานีอื่นได้ ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ หากจ�ำเป็นต้องฝืนใจฟังรายการนี้ มีความไม่พอใจ เกดิ ขนึ้ ขอใหถ้ อื ประโยชนจ์ ากความไมพ่ อใจ ดว้ ยการ สังเกตใจตนเอง ให้เห็นว่าเม่ือความไม่พอใจ หรือ จะเรียกว่าโทสะอย่างอ่อนเกิดขึ้นเช่นน้ี ใจเป็นอย่างไร สงบเย็น หรือวา่ รอ้ น ย่อมจะเหน็ ว่าไมส่ งบเย็น แตว่ า่ ร้อน อาจไม่ร้อนเท่าบางเวลา เม่ือความไม่พอใจหรือ โทสะอย่างแรงเกิดข้ึน เป็นต้นว่าเม่ือก�ำลังขับรถยนต์ อยใู่ นถนนเวลาการจราจรกำ� ลงั คบั คง่ั มรี ถคนั อนื่ พยายาม เบียด พยายามแซง พยายามกดแตรเร่งอยู่ข้างหลัง ท้ังๆ ที่ไม่มีทางจะเร่งไปข้างหน้าได้ ในเวลาเช่นน้ันได้
30 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ทราบว่าผู้ขับรถคันไหนคันนั้นจะต้องหัวเสีย เกิดโทโส จนบางคนถึงกับกล่าวค�ำหยาบคายในขณะขับรถจนติด เป็นนิสยั เพราะโทสะทำ� ใหเ้ ป็นไป คอื โทสะทำ� ใหร้ อ้ น จนถงึ ระเบดิ ออกมาเปน็ กริ ยิ าวาจาทไี่ มน่ า่ ดไู มน่ า่ ฟงั โทสะ ของผู้ขับข่ีที่แรงถึงกับระเบิดออกมาเป็นกิริยาวาจา หยาบคาย มักจะท�ำให้ผู้ได้ยินเกิดโทสะต่อไปอีกทอด หนงึ่ คอื ท�ำให้บรรดาผู้นัง่ มาในรถนั้นเกดิ โทสะ เพราะ ได้เห็นได้ยินกิริยาวาจาท่ีไม่สุภาพไปด้วย เรียกได้ว่า โทสะเกิดเปน็ ทอดๆ ตอ่ เน่อื งกนั หากทุกคนจะท�ำสติดูใจตนเองในขณะก�ำลังเกิด โทสะ ก็ย่อมจะได้เห็นว่าใจก�ำลังร้อนด้วยอ�ำนาจของ โทสะ มากน้อยแล้วแต่แรงของโทสะที่เกิดข้ึนในใจของ แตล่ ะคน มโี ทสะแลว้ จะไมร่ อ้ นไมม่ เี ลย ตอ้ งรอ้ นทง้ั นน้ั เคยได้ยินบางคนยังบ่นโกรธ แม้จะขับรถถึงจุด หมายปลายทางแล้ว บางคนเพียงเล่าถึงเวลาตอ้ งขบั รถ ไปในถนนขณะจราจรก�ำลังคับค่ังก็ยังกลับเกิดโทสะ ขึน้ ได้ ทกุ คนที่ขบั รถกน็ ่าจะตอ้ งขบั อย่แู ทบทกุ วัน และ
จงมีสติเม่ือเกิดความโกรธ 31 การจราจรก็ดูเหมือนไม่มีวันที่ไม่คับค่ัง คับคั่งทุกวัน ดงั นน้ั คนขบั รถจงึ ตอ้ งเกดิ โทสะทกุ วนั ตอ้ งรอ้ นใจทกุ วนั ทจี่ รงิ โทสะนน้ั เมอ่ื เกดิ แลว้ ดบั แลว้ อาจจะเหมอื น ไม่เคยเกิดมาก่อนเลย จิตใจสงบสบายเป็นปรกติ แต่ ความจรงิ ไมเ่ ชน่ นน้ั แมเ้ มอื่ โทสะดบั แลว้ จติ ใจสงบสบาย แลว้ แตโ่ ทสะที่สงบกห็ าใช่ว่าหมดไปจากจิตใจไม่ เมอ่ื สงบนัน้ เพียงจมลงฝงั อย่ใู นใจเท่านน้ั ไมไ่ ดห้ มดไปไหน
วิธชี ะลอ ความโกรธ โทสะเกดิ ขน้ึ กคี่ รง้ั สงบแลว้ กจ็ มลง เปน็ พน้ื ฐาน ของจติ ใจเทา่ นน้ั ครงั้ ไมไ่ ดห้ ายไปไหนเลยแมแ้ ตค่ รงั้ เดยี ว โทสะท่ีจมลงในจิตใจน้ี ไปท�ำให้จิตใจมีโทสะเพมิ่ ขน้ึ ทกุ ที คดิ ใหด้ จี ะเหน็ วา่ ไมน่ า่ ปลอ่ ยใหเ้ ปน็ เชน่ นนั้ ต่อไป น่าจะแก้ไข ขนั้ ตน้ ตอ้ งพยายามไมใ่ หโ้ ทสะเกดิ ขน้ึ อกี งา่ ยๆ ซงึ่ นา่ จะตอ้ งพยายามเปน็ เรอื่ งๆ ไป เชน่ พยายาม ไม่ให้เกิดโทสะในเวลาขับรถ ต้องอาศัยสติเป็นส�ำคัญ คือก่อนจะขึ้นประจ�ำที่น่ังในรถทุกครั้ง ต้องต้ังใจท�ำสติ ให้ไดว้ า่ จะไมโ่ กรธเลยในระหว่างทข่ี ับรถอยู่ จะไมโ่ กรธ
34 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ต้ังใจให้ม่ัน ส�ำทับตัวเองให้แข็งแรงว่าจะไม่โกรธ จะ ใจเยน็ เช่นนแ้ี ล้วขณะท่ขี บั รถอยู่ แมจ้ ะมีอะไรมาทำ� ให้ อยากโกรธ กจ็ ะสามารถรักษาจิตใจให้ไม่โกรธได้ดกี วา่ ไม่ต้ังใจไว้ก่อนเลยว่าจะไม่โกรธ คือถึงแม้จะโกรธบ้าง ก็จะโกรธน้อยกว่าไม่ต้ังใจไว้ก่อน ดังนั้นก่อนจะข้ึน ขับรถทุกครั้งจึงควรจะท�ำสติให้เกิดขึ้น ท�ำใจให้ต้ังมั่น สญั ญากับตนเองว่า จะไมโ่ กรธขณะขับรถ จะไม่โกรธ และจะท�ำให้ได้ การตั้งใจเช่นนี้อาจจะไม่ประกอบด้วย เหตุผลอย่างอื่นเลย นอกจากไม่อยากโกรธ เพราะ ความโกรธท�ำให้ไมส่ บาย ถงึ จะไมป่ ระกอบดว้ ยเหตุผล อย่างอื่น แต่การต้ังใจจริงที่จะไม่โกรธก็จะได้ผล มาก น้อยตามก�ำลังการตั้งใจ ต้ังใจเข้มแข็งเด็ดขาดจริง จะท�ำให้เกิดผลเด็ดขาดจริงได้ คือจะท�ำให้ไม่โกรธเลย ได้จริงๆ ในระยะเวลาท่ีก�ำหนดไว้นั้น เช่น ในเวลา ขบั รถ แต่ถ้ามีเหตุผลประกอบการตั้งใจว่าจะไม่โกรธ ด้วย กจ็ ะไดผ้ ลยิง่ ข้นึ
วิธีชะลอความโกรธ 35 เพราะเหตผุ ลสำ� คญั เสมอ เมอ่ื ประกอบดว้ ยเหตผุ ล ทถี่ ูกต้องแลว้ ย่อมยอมรบั ด้วยดี ไมค่ �ำนึงถงึ อย่างอ่ืน เชน่ เมอ่ื ตงั้ ใจจะไมโ่ กรธเวลาขบั รถ กใ็ หย้ กเหตผุ ล ข้ึนประกอบด้วยว่า บรรดาคนที่ขับรถคับค่ังอยู่ในถนน ทั้งหลายนน้ั บางคนอาจจะกำ� ลังธุระร้อนจรงิ ๆ ใครสัก คนอาจจะก�ำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างรีบด่วน จากเขา เขาอาจจะกำ� ลงั ไปตามหมอเพราะมคี นเจบ็ หนกั บางคนอาจจะใจรอ้ นเสยี จนเคย รอไมไ่ ดเ้ พราะความเคย ตอ้ งรบี รอ้ นไปตามเคยเทา่ นั้น บางคนอาจจะขบั มาจาก ไหนไกลมากจนเหนด็ เหนอ่ื ย หมดการควบคมุ ใจใหเ้ ปน็ ปรกติ ทำ� อะไรๆ ไปโดยไมน่ กึ ถงึ ความควรไมค่ วร บาง คน เช่นคนขับรถโดยสารประจ�ำทาง ต้องท�ำงานหนัก เหน็ดเหนื่อย ใจคอก็ย่อมไม่เป็นปรกติ ท�ำอะไรลงไป กเ็ พราะความเหนด็ เหนอื่ ยผลกั ดนั นา่ สงสาร นา่ เหน็ ใจ ไม่นา่ ไปโกรธ ยกเหตุผลดงั ตวั อยา่ งขา้ งต้นมาพจิ ารณา ประกอบกับการตั้งใจว่าจะไม่โกรธ ย่อมจะเกิดผลดัง ความตัง้ ใจ และหากปฏิบตั ิให้สมำ�่ เสมอคอื ทกุ ครง้ั ที่จะ ขน้ึ ขบั รถหรอื จะขนึ้ นงั่ รถ จะไดผ้ ลดยี ง่ิ ขนึ้ ทกุ ทจี นถงึ จะ
36 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ไม่โกรธได้เลย ไม่ว่าจะต้องขับรถไปพบคนขับรถอ่ืนๆ ที่มมี ารยาทอย่างไรก็ตาม อันความไม่โกรธน้ันไม่ได้เป็นคุณเป็นประโยชน์ หรือเป็นผลดีแก่ใครย่ิงกว่าแก่ตัวเอง จึงควรอย่างย่ิงท่ี จะปฏบิ ัตเิ พ่ือความไม่โกรธ ในข้ันตน้ แม้เพยี งเมือ่ กำ� ลงั ขับรถหรอื น่งั อยู่ในรถ ผมู้ ธี รรมถอื เหตผุ ลเปน็ สำ� คญั เสมอ ไมว่ า่ ใครจะ ท�ำผิดมาแล้วมากน้อยเพียงไหน หากเห็นเหตุผลที่ กระทำ� ไปเชน่ นน้ั จกั อภัยให้ได้อย่างงา่ ยดาย การต้ังใจจริงที่จะไม่โกรธขณะขับรถ พร้อมกับ ใชป้ ญั ญาหาเหตผุ ลมาประกอบเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ ความโกรธ กค็ อื การตง้ั ใจจรงิ ทจี่ ะเขา้ ใจเหตผุ ลความจำ� เปน็ ของคน ทขี่ บั รถอน่ื ๆ ดว้ ยมารยาทอนั ชวนใหโ้ กรธ และเมอื่ เหน็ เหตผุ ลความจำ� เปน็ ของเขาแลว้ กจ็ ะอภยั ใหไ้ ด้ ไมโ่ กรธ การฝึกใจไม่ให้โกรธ จึงเท่ากับเป็นการฝึกให้อภัยใน ความผดิ ของผอู้ นื่ ไมว่ า่ จะเปน็ ผทู้ ร่ี จู้ กั หรอื ไมร่ จู้ กั กต็ าม นับเป็นการบริหารจิตอย่างยิ่งวิธีหนึ่ง ท่ีจะให้ผลดีแก่ผู้ บรหิ ารเอง
วิธีชะลอความโกรธ 37 เทา่ ทเ่ี คยไดย้ นิ มา รถหรอื คนขบั รถทถี่ กู โกรธมาก ที่สุดคือรถโดยสารประจ�ำทาง หรือคนขับรถโดยสาร ประจำ� ทาง เหน็ แทบทกุ คนั ทกุ สาย ทพี่ ดู ๆ กนั ใหไ้ ดย้ นิ ก็เพราะขับไม่เกรงใจใคร ชอบเบียดชอบแซง เพราะ รีบร้อนจะไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ชนเป็นชน ตาย เปน็ ตาย ทง้ั หมดนเ้ี ปน็ เหตใุ หผ้ ขู้ บั รถคนั อนื่ ๆ เกดิ โทโส บางทถี งึ คิดสู้ คอื ใช้วิธีขบั ไม่ให้รถประจ�ำทางข้ึนหน้าไป ไดเ้ ลย บางคนเลา่ วา่ ถงึ กบั ดบั เครอ่ื งรถของตนจอดขวาง ทางไว้เฉยๆ ท�ำให้รถท่ีตามติดมาแล่นต่อไปไม่ได้ด้วย เหมือนกัน บางคนถึงกับลงจากรถไปต่อปากต่อค�ำกัน ซงึ่ บางทีกถ็ งึ ไดร้ บั บาดเจ็บ เลอื ดตกยางออก และบาง รายก็ถึงตาย ทงั้ หมดนเี้ กิดจากอ�ำนาจโทสะ ทไ่ี มไ่ ด้รบั การพยายามแก้ไขไม่ให้เกิดด้วยวิธีท่ีกล่าวแล้วข้างต้น เป็นต้น แต่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน บางคนไม่โกรธรถ ประจำ� ทางหรอื คนขบั รถประจำ� ทางเลย ไมว่ า่ จะขบั ดว้ ย มารยาทชวนให้โกรธเพียงใดก็ไม่โกรธ ท้ังยังให้ความ เห็นใจอ�ำนวยความสะดวกให้จนสุดความสามารถด้วย
38 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ เชน่ เปดิ ทางให้ไปก่อนโดยดีเสมอ ที่ท�ำเช่นน้นั บอกวา่ ไม่ใช่เพราะกลัวถูกชนแล้วจะแย่เพราะรถประจ�ำทาง คันใหญ่กว่ามาก ไม่ใช่เพราะร�ำคาญอยากจะให้ไปเสีย ใหพ้ น้ ๆ ไม่ใช่เพราะประชดประชนั แต่เพราะมเี หตผุ ล ที่ตนพอใจ และเห็นว่าเป็นเหตุผลท่ีถูกต้องสมควร เม่ือเห็นเหตุผลเช่นน้ันแล้ว การให้อภัยก็เกิดตามมา ไมว่ า่ รถประจำ� ทางจะแลน่ อยา่ งไร ผดิ มารยาทมากมาย อยา่ งไร ก็อภยั ใหไ้ ด้ไมโ่ กรธ เหตุผลที่ท�ำให้บุคคลประเภทหลังน้ีไม่โกรธคน ขับรถประจ�ำทาง อ�ำนวยความสะดวกให้จนสุดความ สามารถเสมอ มอี ยวู่ า่ เพราะไดค้ ดิ ไปถงึ ความเหนด็ เหนอ่ื ย ของคนขับท่ีต้องมีมากมายแน่ แล้วก็คิดไปถึงบรรดาผู้ โดยสารจำ� นวนมากทเี่ บยี ดเสยี ดกนั อยแู่ นน่ รถประจำ� ทาง ทุกคันเสมอ ทุกคนได้รับความล�ำบากไม่น้อย รถยิ่ง ติดนานเพยี งไร กย็ ง่ิ ล�ำบากอยู่นานเพยี งน้นั คนขบั รถ สว่ นตวั ทไี่ มต่ อ้ งเบยี ดเสยี ดกบั ใคร เวลารถตดิ นานหนอ่ ย ยังรู้สึกเดือดร้อน ไม่เป็นสุข คนนั่งรถประจ�ำทางน้ัน แมร้ ถจะไมต่ ดิ กม็ คี วามเดอื ดรอ้ น ไมเ่ ปน็ สขุ เพราะการ
วิธีชะลอความโกรธ 39 ตอ้ งเบยี ดเสยี ดและหอ้ ยโหนอยแู่ ลว้ เมอื่ รถตดิ กจ็ ะตอ้ ง เดือดรอ้ นมากข้ึน คนคนเดยี วยอมรบั ความเดอื ดรอ้ นเพยี งเลก็ นอ้ ย เพอื่ ความสบายขน้ึ บา้ งของคนจำ� นวนมาก ตอ้ งเปน็ สง่ิ ควรท�ำ ต้องเป็นการกระทำ� ทดี่ ีแน่ การเสียสละประโยชน์ตนเพียงเล็กน้อยเพ่ือ ประโยชนส์ ว่ นรวมทยี่ งิ่ ใหญน่ นั้ ผใู้ ดทำ� ได้ ผนู้ น้ั มฐี านะ ของจติ ใจอยใู่ นระดบั สงู ผใู้ ดยงั ทำ� ไมไ่ ด้ ผนู้ นั้ ควรจะได้ บริหารจิตให้ยิ่งขึ้นเพื่อจะได้ท�ำได้ ที่จริงผู้บริหารจิต จนเปน็ ผมู้ จี ติ สวยงามขน้ึ เรอ่ื ยๆ เปน็ ผไู้ ดป้ ระโยชนจ์ าก การกระท�ำนนั้ ด้วยตนเอง ย่งิ กว่าผูใ้ ดจะได้
วิ ธีฝึกตน ไม่ให้โกรธง่าย การรู้จักหาเหตุผลอุบายวิธีมาท�ำให้ความโกรธ ไม่เกิดข้ึนในจิตใจ ไม่ว่าจะโกรธคนขับรถทั้งหลายใน ถนนหนทางหรือโกรธใครด้วยเรือ่ งอะไรก็ตาม นบั เปน็ วธิ ที ถ่ี กู ทชี่ อบ ควรทผ่ี สู้ นใจการบรหิ ารจติ จะมคี วามเพยี ร ฝึกฝนอบรมให้สมำ่� เสมอ เหตผุ ลนนั้ ยงิ่ สนใจคดิ คน้ เพยี งใด กจ็ ะปรากฏ ประจักษ์ใจย่ิงข้ึนเพียงนั้น จะเป็นผลให้ความโกรธ ลดนอ้ ยลง มแี ตก่ ารใหอ้ ภยั กนั อยา่ งเตม็ อกเตม็ ใจ และ เหน็ อกเหน็ ใจเพม่ิ ขน้ึ ผลทจ่ี ะไดร้ บั กนั อยา่ งกวา้ งขวาง ก็คือ ความสงบสุขปราศจากความร้อนของไฟโทสะ แผดเผา
42 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ ผู้ให้อภัยง่ายก็คือผู้ไม่โกรธง่ายน่ันเอง ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะบริหารจิตให้ไม่โกรธง่าย จึงควรต้อง ฝึกตนให้เป็นผู้มีเหตุผล เคารพเหตุผล นั่นคือให้คิด หาเหตุผลเพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้ท่ีตนอยาก จะโกรธ เมอื่ เหน็ อกเหน็ ใจดว้ ยเหตผุ ลแลว้ จะไดไ้ มโ่ กรธ จะไดอ้ ภัยใหไ้ ดใ้ นความผิดพลาดหรอื บกพร่องของเขา กล่าวอีกอย่างก็คือ ให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิด เมตตาในผทู้ ต่ี นอยากจะโกรธนนั่ เอง การทจ่ี ะเกดิ เมตตา กนั ขนึ้ เฉยๆ โดยไมม่ เี หตผุ ล สำ� หรบั บางคนทมี่ พี น้ื จติ ใจ สงู ดว้ ยเมตตานนั้ เปน็ ไปได้ คอื แมไ้ มม่ เี หตผุ ลกม็ เี มตตา ได้ แต่สำ� หรับคนทัว่ ไป ถา้ มเี หตผุ ลเพยี งพอ จะทำ� ให้ เกิดเมตตาได้ง่ายกว่าไม่มีเหตุผลเลย ดังน้ัน เหตุผล จงึ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ ทค่ี วรปลกู ใหม้ ปี ระจำ� จติ ใจทกุ คน เพราะ เหตผุ ลหรือจะเรยี กว่าปัญญากไ็ ด้ เป็นสงิ่ จ�ำเป็นตอ้ งใช้ ประกอบในการบรหิ ารจติ ทกุ เรอื่ ง ทกุ เวลา ทงั้ เรอ่ื งโลภ ทั้งเรอ่ื งโกรธ ทง้ั เรื่องหลง
วิธีฝึกตนไม่ให้โกรธง่าย 43 พูดถงึ วิธดี บั ความโกรธหรอื โทสะตอ่ ไป ทกุ วนั ใน ตอนเช้าก่อนจะเร่ิมธุรกิจประจ�ำวัน ไม่ว่าในบ้านหรือ นอกบ้านก็ตาม จะเป็นการควรอย่างยิ่ง ถ้าทุกคนจะ กราบพระพทุ ธรปู ทม่ี อี ยู่ แลว้ สวดมนตบ์ ททส่ี นั้ นดิ เดยี ว สกั จบเดยี ว หรอื ๓ จบ กจ็ ะดี คอื นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสสฺ ซึง่ แปลว่า ขอนอบนอ้ มแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น แล้วท�ำสติ สัญญากับตนเองว่า จะพยายามรักษาใจ ไม่ใหโ้ กรธในวันน้ันทัง้ วนั ใหเ้ หตผุ ลกับตัวเองวา่ เพราะ ความโกรธไมด่ เี ลย ความโกรธทำ� ใหใ้ จรอ้ น ความโกรธ ท�ำให้คิด ให้พูด ให้ท�ำความไม่ดีได้ต่างๆ ความโกรธ ท�ำให้เป็นที่เกลียดชัง ลองนึกถึงความไม่ดีของความ โกรธดู นึกได้อะไรบ้างก็ยกขึ้นเป็นเหตุผลเพื่อท�ำสติ สัญญากับตนเองทุกเช้าว่าจะไม่โกรธในวันนั้นท้ังวัน การทำ� สตเิ ชน่ นยี้ อ่ มมผี ลแนน่ อน ยอ่ มทำ� ใหค้ วามโกรธ ทเี่ คยมมี ากครง้ั ในวนั หนงึ่ ๆ ลดนอ้ ยลงได้ ทง้ั นขี้ นึ้ อยกู่ บั สติที่จะระลึกข้ึนได้ ถึงท่ีให้สัญญาไว้กับตนเองในเช้า วนั น้ันเป็นส�ำคญั
44 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ สตริ ะลกึ ไดม้ ากครง้ั เพยี งใด กจ็ ะระงบั ความโกรธ ไวไ้ ด้มากคร้ังเพยี งน้ัน เม่ือทำ� สตเิ ชน่ นี้ในตอนเชา้ สติ จกั ตอ้ งเกดิ บา้ งแนน่ อนเมอื่ ความโกรธจะเกดิ ขนึ้ อาจจะ เพียงนอ้ ยครงั้ ส�ำหรบั เมื่อเร่มิ ฝึกไมใ่ ห้โกรธใหมๆ่ แตก่ ็ จะทวีจ�ำนวนต่อไปเร่ือยๆ จนสามารถมีสติเกิดทันทุก ครงั้ เมอ่ื จะโกรธ นน่ั กค็ อื วนั หนง่ึ ๆ จะไมโ่ กรธไดเ้ ลยหาก ตงั้ ใจทำ� ใหน้ านวนั จนสตมิ นั่ คงเพยี งพอ เกดิ ไดท้ นั ทว่ งที สามารถยับยั้งความโกรธไวไ้ ดท้ ุกครง้ั อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ท้ิงเหตุผลดังกล่าวแล้ว ต้องฝึกใจให้เป็นผู้มีเหตุผลประกอบกับความตั้งใจท�ำ สติว่าจะไมโ่ กรธดว้ ยเสมอ เหตุผลหรอื ปัญญาเท่านนั้ ท่ี จะสามารถถอนรากถอนโคนความโกรธเสยี ได้ เชน่ เดยี ว กับที่จะสามารถถอนรากถอนโคนกิเลสกองอื่นได้ด้วย ไม่มีอะไรนอกจากปัญญาหรือเหตุผลที่จะท�ำให้โลภะ โทสะ โมหะ ลดน้อยลงถงึ หมดส้ินไปได้จากจติ ใจ การท�ำสติต้ังใจมั่น เป็นส่วนประกอบที่จะช่วย ใหเ้ กดิ เหตผุ ลหรอื ปญั ญามาถอนรากถอนโคนใหเ้ ดด็ ขาด
วิธีฝึกตนไม่ให้โกรธง่าย 45 จงึ ควรจะตอ้ งมที งั้ สตแิ ละปญั ญาประกอบกนั เสมอ จงึ จะแกค้ วามโกรธไดส้ ำ� เรจ็ ทุกคน สว่ นมากไม่ไดอ้ ยู่ตามล�ำพงั ผู้เดียว สว่ น มากตอ้ งเกยี่ วขอ้ งติดต่อสงั คมกับคนหมูม่ าก แต่ละคน มรี ปู รา่ งหน้าตาทา่ ทาง ตลอดจนอุปนสิ ยั ใจคอและการ พดู จาแตกตา่ งกนั ไป มที งั้ ทด่ี แี ละมที ง้ั ทไี่ มด่ ี มที งั้ เจรญิ ตาและมที ง้ั ทไี่ มเ่ จรญิ ตา มที ง้ั ทถี่ กู ใจและมที งั้ ทไี่ มถ่ กู ใจ เม่ือมีแตกต่างกันเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการ ขวางหูขวางตากนั บา้ งเปน็ อย่างนอ้ ย อยา่ งมากถงึ โกรธ เกลียด ถึงขนาดไม่อยากเห็นหน้าค่าตาหรือได้ฟัง สมุ้ เสยี งกนั กม็ ี ในเรอ่ื งเชน่ นี้ กเ็ ชน่ เดยี วกบั เรอื่ งทง้ั หลาย ใชส้ ติและปัญญาแก้ได้ สมมุติว่ามีใครคนหนึ่งในท่ีท�ำงาน ท่ีไม่ว่าจะพูด จะทำ� หรอื แมจ้ ะอยเู่ ฉยๆ เรากอ็ ยากจะโกรธไปหมด รสู้ กึ ไมถ่ กู หถู กู ตาไปเสยี ทง้ั นน้ั ใหแ้ กด้ ว้ ยวธิ ที ำ� สตสิ ญั ญากบั ตนเองทกุ วนั วา่ จะไมโ่ กรธเขา แลว้ พจิ ารณาดเู หตผุ ลให้ เห็นชัด เช่นไม่ชอบเพราะหน้าตาเขาน่าเกลียด ก็ให้ คดิ ถงึ เหตผุ ลวา่ เขาเกดิ มาเชน่ นนั้ เอง กรรมของเขาไมด่ ี
46 วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ นา่ สงสาร คนอนื่ ๆ กค็ งจะเกลยี ดเขาทห่ี นา้ ตานา่ เกลยี ด เหมอื นกนั เราจะไปโกรธไปเกลยี ดเขาดว้ ยทำ� ไม ไมไ่ ด้ เป็นความผิดของเขาเลย ไม่มีใครเลือกเกดิ ได้ ถา้ เลือก ได้ก็คงไม่เลือกเกิดไม่ดี ต้องเลือกเกิดท่ีดีท่ีสวยงาม ทง้ั น้ัน เราไปโกรธไปเกลียดเขา แสดงความเปน็ คนใจ ไม่ดีของเราเอง ขาดเมตตากรุณาโดยไม่จ�ำเป็น หรือ ไม่ชอบเขาเพราะเหตุอื่น ก็ให้คิดถึงเหตุผลความจริง เชน่ วา่ คนเราเกดิ มาไมเ่ หมอื นกนั จติ ใจไมเ่ ทา่ กนั จติ ใจ เขาอยใู่ นระดบั ไหน การแสดงออกของเขากอ็ ยใู่ นระดบั นนั้ จะไปโกรธไปเกลยี ดเขาไมถ่ กู ทถี่ กู ตอ้ งเมตตาสงสาร เพราะเขาเปน็ ผทู้ นี่ า่ เมตตาสงสารจรงิ ๆ คดิ เชน่ นบ้ี อ่ ยๆ ค้นหาเหตุผลท่ีจะท�ำให้เกิดเมตตาสงสารให้เสมอๆ จะลดความโกรธลงได้ จนถึงไม่โกรธเลยได้ เพราะธรรมดาความผดิ พลาดบกพรอ่ งของทกุ คน ย่อมเกิดจากเหตุผลอย่างหนึ่งเสมอ เพียงแต่ว่าสามัญ ชนด้วยกันย่อมยากจะยอมรับเหตุผลนั้นๆ ว่าสมควร สามญั ชนดว้ ยกนั จงึ ยากทจ่ี ะใหอ้ ภยั ในความผดิ ของใครๆ ได้เสมอไป จงึ ยังตอ้ งมคี วามโกรธกันอยูท่ ัง้ น้ัน
วิธีฝึกตนไม่ให้โกรธง่าย 47 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ควรอย่างย่ิงท่ีจะพยายาม ท�ำความโกรธให้ลดน้อยลงมากที่สุดเท่าที่จะสามารถ ท�ำได้ เพราะจะเป็นความสุขของตนเอง มิได้เป็น ความสุขของคนอนื่
เมตตา ระงับความโกรธ วธิ ที จ่ี ะแกไ้ ขจติ ใจใหม้ คี วามโกรธนอ้ ย ใหม้ คี วาม โกรธยากจนถงึ ใหไ้ มม่ คี วามโกรธเลย จำ� เปน็ ตอ้ งสรา้ ง เมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจให้มากพอจะยอมเข้าใจใน เหตผุ ลของบุคคลอ่นื ท่ที ำ� ผดิ พลาดหรอื บกพรอ่ ง ขณะเดยี วกนั จำ� เปน็ ตอ้ งฝกึ ใจใหม้ เี หตผุ ล ใหเ้ หน็ เหตุผลเป็นส่ิงส�ำคัญเป็นส่ิงที่ควรเคารพ เม่ือเหตุผล เป็นสิ่งส�ำคัญในจิตใจของผู้ใดแล้ว ผู้น้ันจักเป็นผู้ไม่ใช้ อารมณ์ ถงึ แมจ้ ะโกรธแลว้ แต่เมอื่ เหตุผลเกดิ ข้นึ ก็จะ สามารถท�ำให้ความโกรธดับลงได้ จะไม่แสดงอารมณ์ โกรธอยา่ งผูไ้ ม่มเี หตุผล และถา้ หม่ันอบรมเหตุผลหรือ ปัญญา ประกอบด้วยเมตตาให้เกิดข้ึนเสมอในจิตใจ แมม้ เี รอื่ งทผี่ ดิ หผู ดิ ตาผดิ ใจเกดิ ขน้ึ เหตผุ ลอนั ประกอบ
Search