⌦
การศกึ ษาเร่ิมตน พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต)
การศกึ ษาเร่ิมตน เมื่อคนกินอยูเ ปน ,๐๐๐ เลม © พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ISBN 974-87198-9-8 พิมพครัง้ แรก ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๒ ๒๐,๑๐๐ เลม - ชมรมรวมใจเพอ่ื ธรรมฯ ม.ก. และผศู รทั ธาสมทบพมิ พ พมิ พค รงั้ ท่ี ก.พ. ๒๕๕๐ พิมพท ี:่ Dhammaintrend รว่ มเผยแพรเ่ ป็ นธรรมทาน
สารบญั (๑) คาํ ปรารภ ๑ ๓ การศึกษาเร่ิมตน เมื่อคนกินอยเู ปน ๘ เรยี นรจู ากชีวติ พระ ๑๙ ดเู ปน ฟงเปน ฯลฯ ๒๗ กินเปลอื ง ไมใ ชกินเปน ๓๘ กินอยา งมีปญญา เรียกวากินเปน ๔๗ ลกู ท่ีเลี้ยงงา ย คอื มนี ้ําใจตอพอ แม ๕๖ สันโดษแท คือสันโดษเพ่ือทํา สรปุ
⌦ เรียนรูจ ากชีวิตพระ เมอื่ เรามชี วี ติ อยูก จ็ ําเปนตองเกีย่ วขอ งกับปจ จัย ๔ คือ อาหาร เครอื่ งนงุ หม ท่อี ยู และหยกู ยา ซึ่งเปนส่งิ จําเปน พนื้ ฐาน จะเห็นไดจ ากขอปฏบิ ตั ิของพระ วา ทา นเริม่ ศึกษาตงั้ แตการรจู กั บริโภคปจ จยั ๔ ซง่ึ ทานถือเปนศลี ดวย บางคนอาจจะไมไดน กึ วาการรู จกั บรโิ ภคอาหารกเ็ ปนศีล การฉนั อาหารทว่ี า เปน ศีล หมายถึงการฉนั หรอื บรโิ ภคโดย พจิ ารณาวา บรโิ ภคเพื่ออะไรเปนตน เรียกงายๆ วา บริโภคดวยปญญา ซึ่งจะทําใหเปนการบริโภคท่ีพอดี หรือกินพอดี ภาษาพระเรียกวา โภชเนมัตตัญตุ า (ความรจู ักประมาณในการบรโิ ภค) อกี เรอื่ งหนึง่ ทพี่ ระพุทธเจาทรงเนน มาก คอื อินทรยี สังวร ไดแก การรจู กั ใชอนิ ทรีย (ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ) ใหดู ฟง เปนตน อยางมสี ติ จัดเปนการศึกษาเบื้องตน อยใู นขัน้ ศลี และเปน ศลี เบือ้ งตนย่งิ กวาศีล ๕ อีก
๒ การศึกษาเริ่มตนเมื่อคนกนิ อยูเ ปน เรามกั จะมองกนั แคศ ลี ๕ ทจ่ี รงิ อนิ ทรยี สงั วร และโภชเน- มัตตัญุตา ท่ีเปนศีลเบอื้ งตน น่ีแหละ พระพุทธเจา ทรงเนนมาก พระเณรพอบวชเขา มากเ็ รมิ่ ดว ยอนิ ทรยี สงั วร ใหส าํ รวมอินทรีย วา เวลารบั รู ดู ฟง เห็นอะไรตางๆ กใ็ หเ ปนไปโดยมสี ติ แลวกต็ ามมา ดว ยปญ ญา ใหไ ดค วามรู ไมใหเกดิ โลภะ โทสะ โมหะ ใหไดแ ตกศุ ล พูด งายๆ วารบั รดู วยสติ มิใหอ กศุ ลธรรมเขา มาครอบงาํ จติ ใจ แคนกี้ ็ใชไ ด หลักอกี อยา งหนง่ึ ทม่ี าสนับสนนุ ทา นเรยี กวา สนั โดษ หมายถึง ความพอใจในปจจัย ๔ คือ จีวร(เคร่ืองนุงหม) บิณฑบาต(อาหาร) เสนาสนะ(ท่ีอยู) และเภสชั บรขิ าร(หยกู ยา) ตามมีตามได มีฉันมใี ชพอ ใหอยูไ ด พอใหสนองความตองการของชวี ิต เมื่อมปี จจัย ๔ พอเปน อยไู ดแ ลว ไมล มุ หลงมวั เมาอยูก บั การ เสพบรโิ ภค กเ็ อาเวลา แรงงาน และความคิด ไปอทุ ิศใหแกการศึกษา พัฒนาชวี ิต การทาํ กิจหนาท่ี การงาน และการเพียรสรา งสรรคก ศุ ล ธรรมหรือสิ่งที่ดีงามใหเ ตม็ ท่ี ทาํ อยา งนี้เรยี กวา “สันโดษ” การฝกฝนพัฒนาตนเก่ียวกับปจจัยส่ีนั้น มีสาระท่ีพึงปฏิบัติ ตามหลักอินทรียสังวร โภชเนมัตตัญุตา และสันโดษ การฝก หรอื ศกึ ษาในหลกั ธรรมเหลา นี้ มใิ ชเ ฉพาะพระภกิ ษสุ ามเณร เทา นัน้ ท่คี วรปฏิบตั ิ แมแ ตคฤหสั ถค ือชาวบานท้งั หลาย กค็ วรนาํ มาใช ประโยชน เพ่ือใหชวี ติ และสงั คมของเราเจรญิ งอกงามอยา งถกู ตอง ดูเปน ฟงเปน ฯลฯ เราอยูในโลก ชีวิตของเราท่ีเปนอยูไดตองมีการสื่อสารกับโลก ภายนอก สิ่งท่ีชวยสื่อสาร หรือเครื่องมือสื่อสาร ก็คือ ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ของเรา ถาเราใชตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ ไมเปน ตา หู จมกู ลนิ้
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๓ กาย ใจ ของเรา ก็กลับเปน ทางมาของโทษความเสียหาย ทาํ ใหเกดิ ความเดือดรอ นท้งั แกตนเองและผูอน่ื ที่วา ใช ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ ไมเปน ก็คือใชดว ยโมหะ ใชดวย สกั แตว า ความรสู ึก ดกู ็ไมเ ปน ฟง ก็ไมเ ปน ดแู ลว ก็เกดิ โทษเกิดปญหา แกช ีวติ ทําใหเ กดิ ความลุมหลง เพลิดเพลินมัวเมา โลภะ โทสะ โมหะ ยิง่ เฟองฟู เชน อยากดูทวี ีก็ดไู มเปน ดแู ลวแทนที่จะไดความรู กลบั ได แตค วามลุม หลง ความเอะอะโวยวาย เสียสขุ ภาพกาย เสยี งาน เสีย การศกึ ษาเลาเรียน แตถ า ดูเปน กจ็ ะไดความรู คือรจู กั เลือกดูรายการท่ีดีๆ มี ประโยชน หรือวา แมรายการจะไมด ี แตร ูจักดูก็ไดความรู ไดค ติ เพราะรู จกั แยกแยะจับเอาประโยชนม าใชไ ด ถา ดเู ปน การศกึ ษาก็เริ่มตน เพราะการศกึ ษาเริม่ ตนท่ี ตา หู จมกู ล้ิน กายของเรา ถา จดั การเร่อื งน้ไี มไ ดกแ็ สดงวาการศึกษาพลาด การศึกษาปจจุบนั นน้ี าจะพลาด เพราะไมไ ดเ อาใจใสเรอื่ งนี้ เพราะฉะน้ันจงึ ตอ งมาพดู กันในเรอ่ื ง อนิ ทรียสังวร คือ การ สํารวมรจู กั ใชอินทรยี อนั ไดแ ก ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ของเรา การศึกษาพ้ืนฐาน คือเรือ่ งการบรโิ ภคปจจยั สี่ กบั เรอื่ งการใช ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ นี้ จะตอ งใหเปนจดุ เร่มิ ตนของการศกึ ษา ถาไดจ ุด น้แี ลว การศึกษากเ็ ร่มิ เดินหนา เพราะฉะน้ันหลักเบื้องตนในการฝกอบรมพระใหมจึงเนนท่ีน่ี แลว ตอไปก็ตอ งใชต ลอด ในเรอื่ งอนิ ทรยี สงั วรน้ี เพื่อเปน การฝก โบราณไดจดั ออกมาเปน กริ ิยาอาการในการสํารวมตา หู จมูก ลิ้น ตานี่โผลก อ นเขา เพอ่ื ใหมีการฝก ทา นก็เอารปู แบบมาชวย คือ ใหพ ระฝก เวลาเดินตาไมส อดสา ย ไมเทย่ี วหนั ดโู นนดนู ่ี และใหดพู อ
๔ การศกึ ษาเริ่มตนเมื่อคนกินอยเู ปน ประมาณ ทอดสายตาในขนาดที่พอใชก จิ คอื พอใหก ารเดนิ ของตวั ไปได ถกู ตอ ง อาการสาํ รวมอยา งนีก้ เ็ ลยกลายเปนความเปน อยูของพระไป การปฏบิ ตั ิอยา งทวี่ านนั้ เปน การเอารูปแบบมาชว ย คอื เอา อาการกริ ยิ ามาชวยในการฝก แตต อ งรวู า สาระทแี่ ทจ รงิ คอื ทา นตอ งการ ใหเราฝก สติ ตองเอาสติมาคุมไมใ หอ กศุ ลธรรมความรูส กึ ทไี่ มดีเขามา ครอบงาํ ใหร บั รดู ว ยสตแิ ละเกดิ ปญ ญา แลว ไดป ระโยชน คอื ดแู ลว ฟง แลว ใหไ ดค วามรแู ละความดี บางคนดอู ะไรแลว ไดแ ตส นกุ ตนื่ เตน ผา นไปเปลา ๆ ไมไ ดอ ะไรเลย ถาอยางนี้ก็แสดงวาไมมีการศึกษา ถาเขาโรงเรียนแลวยังไมร ูจ ักใช ตา หู จมูก ลนิ้ ก็คอื ไมม ีการ ศึกษา เพราะยังไมไดเริ่มการศกึ ษาเลย เพราะฉะน้ัน ตองถามตัวเองวา ๑. ดแู ลว ไดความรไู หม? ไดความรูคือไดป ญ ญา หรือเดนิ หนาไป ในการทจี่ ะเขาถึงความจริง เราตองมคี วามรูจึงจะดําเนนิ ชีวติ และทํา กิจการตางๆ ไดส าํ เร็จ และจึงจะแกป ญหาได เพราะฉะนั้นดูแลวตอ ง ไดขอ มูล ไดความรู เกิดความเขาใจ กาวไปหาความจริง ๒. ดูแลวไดป ระโยชนไ หม? ไดป ระโยชนคอื สามารถเอามาพัฒนา ชวี ิตและทาํ การสรา งสรรคต างๆ คอื ดแู ลวไดต ัวอยางทด่ี ี ไดแงม มุ ความ คดิ ไดคติ ที่จะเอามาใชประโยชน ถา ได ๒ อยางนี้ ก็แสดงวาไดปญ ญาทงั้ คู คือปญญาท่เี อา ความรู และปญ ญาทเี่ อาประโยชนไ ด ฟงก็เชน เดียวกนั ท้ังดูและฟงน้ี ตอ งฝก ตองหดั กนั ต้งั แตเดก็ ๆ วา ดทู วี เี ปนไหม ฟงวิทยเุ ปนไหม ไดค วามรูและไดประโยชนอะไรบา งจาก สงิ่ เหลา นนั้ อยา เปน เพยี งนกั เสพทไ่ี ดแ คส นกุ สนานเพลดิ เพลนิ ผา นๆ ไป
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๕ เดี๋ยวนเ้ี ราไดน ักเสพ มากกวานักศึกษา ทั้งทเ่ี ปนเพียงนักเสพ แต เรียกตัวเปนนักศึกษา ถาไมไดเปนนักศึกษาจริง ก็ควรบอกมาวาฉันเปนแคนักเสพ เรื่องน้ีตองแยกใหดี มิฉะน้นั จะเปนอนั ตรายมาก ยุคนม้ี ีสภาพอยา งทวี่ า นน้ั การทเ่ี รียกยคุ ของพวกเราวาเปน “บรโิ ภคนิยม” ก็ชดั คือ นิยมบรโิ ภค หมายความวาเห็นแกกนิ กค็ อื เปน นักเสพนัน่ แหละ เมอ่ื เปนนกั เสพแลว จะไปเรยี กเปน นักศึกษาไดอยา งไร นกั เสพ กบั นกั ศกึ ษาน้นั คนละพวก ถาเปนนกั เสพกไ็ มใ ชน ักศกึ ษา ถา เปนนักศึกษากต็ องใชตา หู จมูก ลน้ิ เพ่อื เรียนรู คือใชหา ปญ ญา และหาทางสรา งสรรคป ระโยชน เวลาน้ี ทงั้ ทใี่ ชตาหเู พียงแคห าสงิ่ บํารงุ บําเรอ ก็เรียกกันไปวานัก ศกึ ษา ปรากฏวาไดสมั ผสั เกี่ยวของกบั ประสบการณตางๆ ทาง ตา หู จมูก ล้นิ มากมาย แตไมเ คยศึกษาเลย ไดแ ตเสพอยางเดียว ขอยา้ํ วา เรอื่ งนส้ี ําคญั มาก อินทรยี สังวรนี้เปน ขอปฏิบตั สิ าํ คัญท่ี จะทําใหเปน นักศกึ ษา คือเปน นักเรียน นักรู หมายความวาใชตาดู หฟู ง เปนตน หรอื เก่ยี วของกับประสบการณทกุ อยา ง ตอ งไดป ญ ญา ทเ่ี กิด ความรู และเอาประโยชนจากสิ่งเหลา นัน้ ได กนิ เปลือง ไมใ ชกินเปน ในการฝกเบื้องตน พอพระเณรบวชเขามา ก็เรม่ิ ฝกการบรโิ ภค ปจจยั ๔ ทันที สาํ หรบั พระเณรนัน้ มีหลักอยแู ลววา ใหเปน อยงู าย อาศยั ปจจยั ๔ พอเลยี้ งชีพ ตอ งใหบริโภคคอื ฉนั ดว ยปญญา เพราะฉะนน้ั จึงมีบท พจิ ารณาใหท อง
๖ การศกึ ษาเร่ิมตน เมือ่ คนกินอยเู ปน กอนจะบวชกใ็ หทอ ง บท ตงั ขณิกปจ จเวกขณะ คอื พจิ ารณาใน ขณะนนั้ ๆ เชน เวลาจะฉนั กพ็ ิจารณาอาหาร เพ่ือใหม สี ติ คอื ฉนั โดยรู ตัววา ท่ีฉันนี้ เพอื่ สนองความตองการที่แทจริงของชวี ติ นะ ไมใ ชเ พียง เพ่ือเอร็ดอรอย โกเ ก อนึง่ เพอ่ื เตือนสติไวเสมอๆ ทา นนิยมทาํ ใหร สู ึกวาเอาจริงเอาจัง โดยสวดบทพิจารณาน้ันในเวลาจะเรม่ิ ฉัน ในบรรดาบทสวดมนตท ้งั หลายนัน้ มบี ทหน่งึ ท่ีถือวาสาํ คญั สาํ หรบั พระเณร เรยี กกนั วา บท “ปฏิสังขา-โย” คือเรียกตามคําเร่ิมตน ของบทสวดน้ัน บทปฏสิ งั ขา-โยนแ่ี หละภาษาทางการเรยี กวา ตงั ขณกิ ปจ จเวกขณะ คือบททพี่ ูดถงึ เม่ือกี้ ปจ จเวกขณ แปลวา การพจิ ารณา ตงั ขณกิ ะ แปลวา ในขณะนน้ั ๆ พจิ ารณาในขณะนนั้ ๆ หมายถงึ พจิ ารณาปจ จยั ๔ ในขณะทบ่ี รโิ ภคนน่ั เอง ถา พจิ ารณาตอนทฉี่ นั กเ็ ปน การพจิ ารณาในขณะนั้นๆ จงึ เรยี กวา ตังขณิกปจจเวกขณะ แตใ นกรณที บ่ี างทเี ผลอไป ก็พจิ ารณายอนหลงั เปน การทบทวนและเตอื นตนเอง เรยี กวา อตีตปจ จเวกขณะ คือเปล่ียน ตงั ขณกิ ะ เปน อตตี ะ แปลวา การพจิ ารณาสว นอดตี คอื สว นทล่ี ว งไปแลว การพจิ ารณาตอนเปน อดตี นี่ กน็ ยิ มเอามาจดั เปน บทสวดมนตเ ชน เดียวกัน บางวดั เวลาคํา่ กส็ วดบทอตตี ปจ จเวกขณะนี้ดว ย การพจิ ารณาปจ จยั ๔ ถอื เปนเรือ่ งสาํ คญั เพราะชีวิตความเปน อยูข องทกุ คนตอ งเก่ียวเนือ่ งดว ยปจ จัย ๔ ทานจงึ สอนใหบรโิ ภคใชสอย ปจจัย ๔ ดว ยพจิ ารณา คอื บรโิ ภคดวยปญญา ไมบ รโิ ภคดว ยตณั หา บรโิ ภคดวยปญญา ตางกับบรโิ ภคดว ยตัณหาอยา งไร บริโภคดว ยตณั หา ก็คือ บริโภคเพ่ือเสพรส เพอ่ื มุงเอรด็ อรอย คอื สนองความรสู กึ ชอบใจไมชอบใจ เอาแคค วามสขุ จากการเสพ ท่วี า สุข
พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๗ ในเร่อื งของอาหารกค็ อื อรอย เปน การสนองตัณหาซง่ึ อยากบาํ รุงบําเรอ ตา หู จมกู ล้นิ กาย ถาเปน เครอื่ งนุงหม ก็มงุ ความสวยงาม ความโกเก ตลอดจน ประกวดประขันแขง ฐานะกัน เอาอาหาร เอาเครื่องนุงหม เอาที่อยู อาศยั เปนเครือ่ งอวดแสดงฐานะ การทําอยา งนี้ ไมเปน การสนองความตอ งการที่แทจรงิ ของชีวติ พดู ภาษาสมัยใหมว า มันไมไดเปน เครอื่ งแสดงการมีคุณภาพชีวิต บางคนมฐี านะเศรษฐกิจดี มีอาหารการกนิ อยา งดี ท่เี รียกวามี มาตรฐานการครองชีพสงู แตก ินอาหารแลวไมไดค ุณภาพชวี ิต เลย กลายเปนวา มาตรฐานการครองชีพสูง แตคุณภาพชวี ติ เสีย เปนการกนิ ท่ี ไมฉ ลาด สมยั กอ นนนั้ คนมุงเนน เรอ่ื งมาตรฐานการครองชพี มาก อยางที่ ภาษาฝรั่งเรยี กวา standard of living คนพากนั อยากมมี าตรฐานการ ครองชีพสงู แตตอ มายคุ หลงั เกดิ มคี าํ ใหมเ รยี กวา quality of life แปล วา คณุ ภาพชวี ิต การมีมาตรฐานการครองชีพสูงไมไดเ ปน หลักประกนั วาจะมีชวี ิต ทด่ี ี เพราะฉะน้ันจงึ ตองมาวดั กนั ใหมวาชวี ติ ดีอยทู ่ีอะไร กเ็ ลยไดศัพท ใหมวา “คุณภาพชีวติ ” แลว หนั มาเนนกนั ที่น่ี บางคนกินอาหารแพงๆ เปนอยูอ ยา งดี มีมาตรฐานการครองชพี สงู แตเปน โรคภยั ไขเจ็บเยอะ เพราะดําเนนิ ชวี ิตผดิ เปนอยผู ิดธรรม ชาติ เกิดเปนโรค อยางทบี่ างทเี รียกวาโรคอารยธรรม ดังปรากฏวา ประเทศทเี่ จรญิ แลว มักจะมีโรคเหลา นี้มาก เชน โรคหัวใจ โรคความดนั โลหิตสูง ซึ่งประเทศที่ยากจนกลบั ไมค อ ยเปน ท่ีเปนอยางนี้ เพราะเขาไดแคก นิ เปลอื ง แตก ินไมเปน
๘ การศึกษาเริ่มตน เม่อื คนกินอยเู ปน เพราะฉะนน้ั การท่ปี ระเทศเจริญแบบนจ้ี งึ ไมไดเ ปน หลกั ประกัน วา จะทําใหค นมีสขุ ภาพดี ซึง่ เปน ดานหนงึ่ ของคณุ ภาพชวี ิต กนิ อยา งมปี ญ ญา เรยี กวา กนิ เปน หันมาดูตวั อยา งจากชวี ิตของพระสงฆ ทที่ า นนําหลักธรรมมา ปฏบิ ตั ิ พระเกา ๆ กอ นฉนั ทา นจะวา บทพจิ ารณาอาหารเตือนสติไวกอน ความจริงน้นั สติตองเปน ไปในเวลาฉนั ตลอดเวลา ไมใ ชม แี คต อนเรมิ่ แต ทเ่ี ราวาหรือสวดออกมากอ น ก็เพื่อจะเตือนตวั เอง ใหม ีสติตง้ั ใจ พิจารณาตั้งแตต อนเรม่ิ ฉัน โดยเอาคาํ บาลที พ่ี ระพทุ ธเจา ตรัสไว มาวา ตอนนนั้ เลย คอื วาคําพจิ ารณาอาหารดังน้ี ปฏสิ งั ขา โยนโิ ส ปณ ฑะปาตงั ปะฏเิ สวามิ ขา พเจา พจิ ารณาแลว โดยแยบคาย คอื พจิ ารณาโดยใชป ญ ญาไตรต รองอยางดแี ลว คํานึงถึง เหตุผลแลว จงึ ฉันอาหารบิณฑบาต เนวะ ทะวายะ นะ มะทายะ นะ มณั ฑะนายะ นะ วภิ สู ะนายะ (โดยรู ตระหนักวา) มใิ ชเพื่อจะสนกุ สนาน เห็นแกเ อรด็ อรอยหลงมัวเมา สวย งามโออ า โกเก ยาวะเทวะ อมิ สั สะ กายัสสะ ฐิตยิ า ยาปะนายะ ทฉ่ี นั นก้ี ็เพ่ือให รางกายน้ีดาํ รงอยู ใหชวี ติ ดาํ เนินไปได วิหิงสปุ ะระตยิ า เพอ่ื ระงบั ความหิวกระหาย หรอื การขาดอาหาร ซงึ่ เปน ภาวะทบ่ี บี คั้นเบียดเบยี นรา งกาย พรหั มจริยานุคคหายะ เพ่อื อนุเคราะหพรหมจรยิ ะ คอื เพอ่ื เกื้อ หนุนชีวิตดีที่ประเสริฐ
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๙ ตรงนี้มาถึงจุดสาํ คญั เพราะชวี ิตของพระก็เพื่อประพฤติพรหม- จรยิ ะ คือดําเนนิ ตามอริยมรรค พรหมจริยะ หรอื พรหมจรรยใ นทน่ี ม้ี ี ความหมายกวาง ถา จะปอ งกนั ความสบั สนกพ็ ดู วา เพอื่ เกอ้ื หนนุ การดาํ เนนิ ชวี ติ ตามมรรคมอี งค ๘ รวมท้ังการบําเพ็ญไตรสกิ ขา คือเพือ่ เราจะไดมีกาํ ลงั ทํากิจหนา ท่ี ฝกฝนพฒั นาชีวติ ที่ดงี ามของเรา สาระสาํ คญั ก็คอื ใหการรับประทานอาหารเปนเคร่ืองเกอื้ หนนุ ชว ยใหเรามีเรย่ี วแรงกําลงั เพ่อื เราจะไดท ํากิจ ทําหนา ที่ ศึกษาเลา เรยี น ทาํ งานทาํ การ บาํ เพญ็ สมณธรรม บาํ เพญ็ ศีล สมาธิ ปญ ญา ใหไดผล พดู สัน้ ๆ วา บริโภคอาหารเพือ่ เปน ปจ จยั คือเปน เคร่ืองเกือ้ หนุน ใหเราดาํ เนนิ ชีวิตทด่ี ี พัฒนาตนเอง และทาํ สิง่ ทด่ี งี ามไดยง่ิ ขึ้นไป อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะติหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อปุ ปาเทสสามิ โดยการรบั ประทานดว ยปญ ญาอยางน้ี เราจะระงับ เวทนาเกา คือแกความทกุ ขร อนกระวนกระวายเน่อื งจากความหวิ ได กับท้งั จะไมใ หเ กิดเวทนาใหม เชน ไมอึดอัด แนน จุกเสยี ด ทอ งเสีย เปนตน เนือ่ งจากรบั ประทานมากเกนิ ไป หรือกนิ ของไมดีมพี ษิ ยาตรา จะ เม ภะวิสสะติ และเรากจ็ ะมชี ีวติ ดาํ เนินไปได อะนะวชั ชะตา จะ พรอ มทงั้ จะเปน การบรโิ ภคทบ่ี รสิ ทุ ธิ์ ไมม โี ทษ ปราศจากขอเสยี หาย หมายความวา ไมม โี ทษภยั ไรข อ บกพรอ งเสียหายทีจ่ ะพงึ ตาํ หนิ ติเตยี นได เชน ไมต อ งทาํ การแสวงหาโดยทางทุจรติ ผิดธรรม ไมเ บยี ด เบียนตนเอง ไมเ บียดเบียนผูอน่ื ไมเ บียดเบียนสงั คม ไมเ บียดเบียน ธรรมชาติแวดลอม ไมเบียดเบยี นทัง้ ภายในและภายนอก ผาสุวหิ าโร จาติ แลวกเ็ ปน อยูผาสุกดวย
๑๐ การศกึ ษาเริ่มตน เมอ่ื คนกินอยเู ปน นเี่ ปน วัตถุประสงคข องการรับประทานอาหาร ซ่ึงพระจะตอง พิจารณาทุกคร้ังในเวลาฉนั เพอ่ื ใหเ ขา ใจและรกั ษาวตั ถปุ ระสงคข องการ ฉันใหถ ูกตอง ตรงตามคณุ คา ทีแ่ ทข องอาหาร น่ีแหละเปน ศีลเบอ้ื งตนของพระ ซ่งึ ทานใหฝ ก กนั ตง้ั แตม าอยวู ดั โดยใหท อ งบทพจิ ารณาไว แลว เวลาฉันกพ็ จิ ารณาอยา งน้ี ถา เรากนิ ดว ยปญ ญาแลว ความรเู ขา ใจจดุ มงุ หมายในการกนิ กจ็ ะมา ๑. จาํ กดั ปรมิ าณอาหาร ใหพ อดกี บั ความตอ งการของรา งกาย ๒. จาํ กดั ประเภทอาหารใหพ อดที จ่ี ะไดส งิ่ ทม่ี คี ณุ คา เปน ประโยชน และไดสดั สวน พอถงึ ตอนนี้ การกนิ พอดกี เ็ กดิ ขนึ้ เพราะฉะนน้ั การกนิ ดว ยปญ ญา จงึ มชี อื่ วา การกินพอดี เรยี กเปน ภาษาพระวาความรูจ กั ประมาณใน การบริโภค ภาษาบาลีวา “โภชเนมัตตญั ตุ า” หลักน้ีสําคัญมาก ผูท่ีบวชเขามาเบื้องตนจะตองฝกในเร่ือง โภชเนมัตตญั ุตา ใหม คี วามรูจ ักประมาณในการบรโิ ภค ซ่งึ จะมผี ลดี ตอชีวิตของตนเอง เปนการฝก ในข้ันศีล คือเปน การฝกพฤตกิ รรมใน การฉัน ในการรบั ประทาน หรือในการบริโภค แลวกข็ ยายไปถึงสิ่งอืน่ ๆ ท่ีเรากนิ ใชบ ริโภคทง้ั หมด เชน เส้ือผา เครอ่ื งนุง หม ก็พิจารณาทาํ นอง เดยี วกนั พระสมยั กอ นนัน้ เวลาจะฉันขา ว ก็ตกั ขา วข้นึ มาชอนหนึง่ เปน ตัวอยา งเพือ่ เรมิ่ พจิ ารณา แลว กฉ็ นั ขาวเปลา ๆ ไปชอ นหนึ่งกอน เดย๋ี วนี้ กย็ ังมกี ารปฏิบัตกิ นั เพราะทานทท่ี าํ มาตง้ั แตเปน เณรก็เคยชนิ สว นจวี ร จะหยบิ มาหม กพ็ จิ ารณา ปฏสิ งั ขา โยนโิ ส จวี รงั ปฏเิ สวามิ ขา พเจา พจิ ารณาแลวโดยแยบคาย คือพจิ ารณาเหตผุ ลมองเห็นคุณ คา ท่ีแท และเขา ใจความมุงหมายดีแลว จึงใชสอยหม จวี รน้ี เพอ่ื จะได
พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๑๑ กนั หนาว กันรอ น กนั เหลือบยงุ รน้ิ ไร เปน ตน ตลอดจนปอ งกนั ความ ละอาย นี่ก็คือใหเขาใจความมงุ หมายของการใชเครือ่ งนมุ หม วา จะเอา คณุ คา ท่แี ทจริงของมนั ทําใหตองฝกปญ ญา หัดนกึ คิดพิจารณาวา เอ.. เราหม จีวรน้ี เพ่ืออะไรกันแน ออ .. จดุ มุง หมายท่แี ทจรงิ คอื เพอื่ อยา งนี้ๆ แตเวลาใชมัน เราไดผลตามวตั ถปุ ระสงคนหี้ รือเปลา หรือใชเ สอ้ื ผาเปน เพียงเครอื่ งประดบั ตกแตง มุงจะเอาสวยงาม โกเ ก อวดฐานะกนั ทําใหใ ชของราคาแพงเกินไปฟุมเฟอ ยสิน้ เปลืองโดยใชเ หตุ โดยไมไ ด คณุ คาทีแ่ ทจรงิ เพราะบางทีของท่ีราคาแพงกลบั ไมม คี ณุ คาท่ีแทจ ริง เลย เปน การใชม นั อยางลมุ หลงไมมปี ญญา ตองยอมรบั วาคนสมยั นีย้ ังหลงมาก เราพูดกันไปเร่อื ยๆ เปอ ยๆ วาเรามกี ารศกึ ษา แตเ ราไมไ ดใ ชป ญญา แมแตใ นการปฏบิ ตั ิตอ ปจจยั สี่ เราบริโภคดว ยความหลง ดว ยตณั หา ดวยอวชิ ชา กนิ ใชดว ยความไม รไู มค ดิ แลวลองคิดดซู วิ า การศกึ ษาจะเดนิ หนา ไปไดอ ยางไร เพราะแม แตการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานกย็ ังไมไ ดเร่มิ ตน เลย สําหรับมนษุ ยป ถุ ุชนอยา งชาวบาน เรายอมใหบางในเร่ืองความ เอร็ดอรอยสวยงามโกเ ก แตควรจะมีหลักวา ๑. ตอ งใหไดคณุ คา ที่แทจ รงิ เปนฐานไวก อ น อยาใหเ สียอนั นี้เด็ด ขาด ถา เสยี ก็คือดาํ เนินชีวติ ผิด ไมม ีการศึกษา ๒. สวนที่มาประกอบเสรมิ ในดา นคณุ คา เทยี ม เชน ความอรอย สวยงามโกเกนัน้ อยาใหเ ลยเถดิ ไปจนกลายเปนการเบยี ดเบยี นตน เบียดเบยี นผอู ื่น ตรงนสี้ าํ คญั มาก ก) อยาใหเบียดเบียนตน เชน รับประทานอาหารแลว ทาํ ใหส ขุ ภาพรา งกายเสยี ไป เพราะเหน็ แกค ณุ คา เทยี ม เชน เหน็ แกเ อรด็ อรอยโกเ ก เลยกนิ จนอืดเฟอ หรือกินอาหารท่เี ปน พษิ
๑๒ การศึกษาเริ่มตน เมื่อคนกินอยเู ปน ข) อยา ใหเ บียดเบียนผอู น่ื เชน ทาํ ใหส งั คมเดือดรอนเพราะ แยง ชงิ เอาเปรยี บกนั หรอื เอาจากผอู ่นื มากโดยใชเหตุ ค) อยา ทาํ ลายทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ มมาก ไมใ ชว า กนิ กเ็ ปลอื ง ขยะกเ็ ปรอะ ลกู ทีเ่ ลีย้ งงา ย คอื มีนา้ํ ใจตอพอแม ศีล ไมใ ชหมายถงึ เฉพาะศีล ๕ ท่วี า ไมเ บียดเบียนละเมิดกนั อยางเห็นๆ เทาน้นั ศลี เบื้องตน ทอ่ี ธบิ ายมานี่แหละสําคัญมาก โดย เฉพาะเร่ืองการปฏบิ ตั ิตอปจ จยั ๔ เปน อันวา จะตองพจิ ารณาเวลาฉันเวลาใชของทุกอยาง แตท ่ี เนน มากกค็ อื เร่อื งอาหาร เพราะเปนจดุ สาํ คญั ทเ่ี ดน ในชีวิตประจําวัน ของคน ถาในเวลาท่ฉี ันนนั้ ไมไดพ ิจารณา ก็เอาไปพิจารณายอนหลัง บทยอนหลังก็เปลี่ยนเปน อชั ชะ มะยา อปจ จะเวกขติ ว๎ า แปลวา ในวันนี้ สวนอดตี ท่ผี า นมา ทีข่ าพเจาฉนั โดยไมไดพิจารณานนั้ ขอทบ ทวนไว พรงุ นกี้ ห็ นั กลบั มามสี ตพิ จิ ารณาใหม ใชกับปจจัยท้ัง ๔ อยาง มีปจจัย ๔ ก็มีบท ปฏสิ งั ขา-โย ๔ บท แลว กม็ บี ทอชั ชะ มะยา ๔ บท บทสวดเหลา น้ี เมือ่ เราอยูกันมากขึน้ กลายเปน เรอ่ื งของหมู คณะ ก็อาจจะตองมรี ูปแบบมาชว ย เพ่อื ใหเ กิดความเปน ระเบียบ และ เปนส่ือนําไปสูการปฏิบัติจรงิ จัง เชนตกลงเปนกติกาวา กอนฉัน เรา สวดปฏิสังขา-โยพรอมกันนะ อยา งน้ีเปนตน ของฝรั่งเขากม็ กี ารสวดกอ นรบั ประทานอาหารเหมือนกัน แตเ ขา สวดขอบคณุ พระเจาวา ทีเ่ ขาไดอาหารมารบั ประทานนี่ กด็ วยพระผู เปน เจามอบให แตใ นพระพทุ ธศาสนา การทส่ี วด กค็ อื ใหพ จิ ารณาฉนั อาหารดว ย ปญ ญา โดยเขา ใจความมุง หมายทีแ่ ทจ ริงของการรับประทานอาหาร
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๑๓ ถา จะขอบคณุ ก็ขอบคณุ บิดามารดาเปน ตน และอนโุ มทนา ญาตโิ ยมทไี่ ดม ศี รทั ธามาบาํ รงุ ใหม ฉี นั มปี จ จยั ทจ่ี ะเกอื้ หนนุ พรหมจรยิ ะ สามารถบาํ เพญ็ กจิ หนา ทไ่ี ด โดยไมต อ งเปน หว งกงั วลดา นความเปน อยู ตอนนไ้ี ดพูดเนนเฉพาะในแงข องการฉนั ภตั ตาหาร เพราะวา พระ สงฆนนั้ พระพทุ ธเจา ทรงบัญญตั ิวนิ ัยไว ใหม ีความเปนอยโู ดยไมท าํ มา หาเลีย้ งชีพดวยตนเอง หมายความวาไมประกอบการอาชีพหาเงนิ ทอง อยางชาวบาน แตใ หท ําหนาที่บาํ เพ็ญกิจกรณยี ข องตนเอง การทาํ หนาท่ขี องตนเองนัน่ แหละเปน การทําอาชีพอยูใ นตวั ไมใ ชว าพระไมม ีอาชีพ พระกม็ อี าชพี คอื การดํารงชีวิตของตวั เองใหถ ูกตอ งตามบทบาทดา นธรรมวนิ ัย ซ่งึ เปนอาชีพทบ่ี ริสุทธ์ิ ประชาชนเขามศี รทั ธา เขาตองการใหธรรมดํารงอยใู นโลก เขา ตอ งการใหคนดีมีอยใู นโลก เพอ่ื เปน หลักประกันความมั่นคงของสังคม เขากต็ อ งมาทาํ นบุ าํ รงุ ญาตโิ ยมจงึ มาถวายภตั ตาหาร ดว ยศรทั ธา และ ดว ยจติ ทมี่ งุ หมายวา จะชว ยรกั ษาธรรม โดยมาอดุ หนนุ ทา นผดู าํ รงธรรม ประพฤติธรรม เผยแผธรรม ใหม ชี วี ิตอยูแ ละทาํ กจิ หนา ทีไ่ ดสะดวก พระอาศัยผูอนื่ เปน อยู ทา นใหพ จิ ารณาระลึกไวตลอดเวลาวา ปรปฏพิ ทั ธา เม ชวี กิ า แปลวา ชวี ติ ความเปน อยขู องเรานเี้ นอ่ื งดว ยผอู นื่ เพราะฉะนน้ั เราจะตองทําตวั ใหเ ล้ียงงาย การเปน ผทู ่ีเลี้ยงงา ยน้นั กค็ ือไมเ ปนคนท่ีเอาแตใ จ ไมเปน นัก เรียกรอง ไมม งุ แตจ ะหาลาภ ทค่ี อยจะใหเ ขาบาํ รงุ บาํ เรอตัว แตกินอยู พอดี แลวตัง้ ใจทําหนา ท่ขี องตน ขวนขวายในการศึกษา นําความดีงาม มาใหแ กสงั คม ผูที่เลย้ี งงายน้ี ภาษาพระเรยี กวา สภุ โร เปน ภาวนามวา สภุ รตา แปลวาความเปนผูเลย้ี งงา ย แสดงวา เปนผมู ีนํ้าใจตอประชาชน
๑๔ การศึกษาเริ่มตนเม่อื คนกินอยเู ปน ความเปน ผูเ ล้ียงงา ยนถ้ี อื เปนหลักสาํ คัญ ไมเ ฉพาะพระเณรเทา น้ัน เดก็ ๆ หรือลูกๆ ทีบ่ า น อยูกบั พอ แมก ็ตอ งนกึ คิดอยา งนี้ เรายงั ไมมคี วามพรอมท่ีจะหากนิ ดว ยตนเอง คุณพอคณุ แมห า เงินทอง ตง้ั ใจเล้ียงดูเราใหเจริญเติบโต ใหม กี ารศึกษา ทานตองเหน็ด เหนอื่ ย หนกั ทงั้ กายและใจ เราจงึ ไมค วรรบกวนคณุ พอ คณุ แมใ หม ากนกั ถา เขา ใจวตั ถปุ ระสงคน แี้ ลว ใชปญ ญาในการบริโภค ก็จะมชี ีวติ ท่พี ฒั นาจริง พรอมทั้งเปน ผเู ลีย้ งงาย และไดช ่ือวา เปน ผูมีนํ้าใจตอคุณ พอ คณุ แม รักคณุ พอ คุณแมจริง จะทาํ ใหค ณุ พอคุณแมซาบซึง้ ใจ และ มคี วามสุขขึน้ เยอะเลย สันโดษแท คอื สันโดษเพื่อทาํ เนื่องจากพระตองทําตัวใหประชาชนเลยี้ งงา ย จงึ มีหลกั อีกอยาง หน่ึงมาสนบั สนนุ ทที่ านเรยี กวาสนั โดษ สนั โดษ หมายถงึ ความพอใจในปจ จยั ๔ คอื อาหาร บณิ ฑบาต จีวร เสนาสนะ อะไรพวกนี้ ตามมตี ามได หมายความวา เม่ือญาติโยมถวาย มาอยา งไรกไ็ มไ ปเทย่ี วเรยี กรอ ง ไมร บกวนชาวบา น เอาแคพอทจี่ ะทาํ ให มีกําลงั เรี่ยวแรงพรอมที่จะไปทาํ กจิ หนาทไ่ี ด ความสันโดษนี้จะมาชว ยเรา ท้งั ในแงท ไี่ มเ กดิ ความทกุ ข ไมเ กดิ ความทรุ นทุรายเพราะเรอื่ งสิง่ เสพบรโิ ภค และในแงที่จะมุง หนา อุทิศตวั อุทศิ ความคดิ อุทิศเวลาใหแกงานในหนา ทข่ี องตน โดยไมพะวกั พะวง ถาคนใดไมส ันโดษ เขาไมพอใจในวตั ถทุ มี่ ี อยากไดส งิ่ บาํ รงุ บาํ เรอปรนเปรอความสขุ ของตน จิตใจกม็ ุงไปทะยานหาส่งิ ฟุงเฟอ ฟมุ เฟอ ยทไ่ี มมี ตองใชเวลา แรงงาน และความคิดสน้ิ เปลอื งไปกับการ ท่จี ะแสวงหาส่งิ เหลานั้น เวลาก็หมดไป เรย่ี วแรงก็หมดไป ความคดิ ก็ ครนุ ขอ งอยูวา พรงุ นี้จะฉนั อะไรใหอรอย
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๕ เร่อื งนีส้ าํ หรบั พระสงฆยิ่งสาํ คัญมาก ถาพระไมส ันโดษเสยี แลว กเ็ ปนอันวากิจหนาที่เสยี หมด แตพ อสันโดษแลว เราก็ออมแรงงาน สงวนเวลาและความคิดไวไ ดหมด สันโดษทําใหเ ราสขุ งา ยดว ยวตั ถุเพยี งเล็กนอย เมอื่ เราสขุ งาย ดวยวตั ถุนอยแลว เราก็เอาเวลาแรงงานและความคดิ เทา ทเี่ รามไี ปทมุ เท อทุ ิศใหกับการปฏิบตั ิกิจหนา ทขี่ องตน ถา เปนพระกบ็ ําเพญ็ ไตรสกิ ขา ถาเปน ญาติโยมก็ไปทาํ งานทาํ การตามบทบาทของตน ถา เปน เด็กกม็ งุ มน่ั ในการศกึ ษาฝกฝนพฒั นา ชีวติ การงานกจิ การตา งๆ กด็ ําเนนิ กาวหนา ไปดวยดี การพฒั นา ประเทศชาติกป็ ระสบความสาํ เร็จ สันโดษจึงมาอุดหนุนการพฒั นา คนจํานวนไมนอยเขาใจผดิ คดิ วา ถา สันโดษแลว จะขัดขวางการ พฒั นา เพราะเขาไมเขา ใจความหมายและความมงุ หมายของสันโดษ ความจริงน้นั ตรงขา มกบั ทเี่ ขาเขาใจผิด คือ ถา ไมส ันโดษ กพ็ ฒั นาไมได อยางไรกต็ าม ถาเราปฏิบัติสันโดษผิด ก็จะขัดขวางการพัฒนา ไดเ หมือนกัน คือ เมื่อสันโดษพอใจในวตั ถตุ ามมีตามได กม็ คี วามสุข ก็ เลยนอนสบาย อยางนกี้ ก็ ลายเปน สันโดษทีม่ ีความสุขเปน จดุ หมาย หรอื สนั โดษเลอื่ นลอย เปนสันโดษข้ีเกยี จ ใชไ มไ ด สนั โดษแท ตองเปนสนั โดษเพอ่ื ทาํ คือเพื่อ ออมเวลา แรงงาน และความคดิ ไวท ํากจิ หนา ท่ี หมายความวา สนั โดษเพ่อื เตรยี มตัวใหพ รอ มท่จี ะระดมเวลา - แรงงาน - ความคดิ ไปอทุ ิศใหแกการเพยี รพยายามกา วไปในการเลา เรยี นศกึ ษา ทาํ หนา ท่ี และสรา งสรรคส ิ่งที่ดงี ามเปนประโยชน เพราะฉะนัน้ พระพุทธเจาจงึ ตรัสสอนวา ใหส ันโดษในวตั ถุเสพ แตใ หไมสันโดษในกุศลธรรม หลักการน้สี ําคญั
๑๖ การศกึ ษาเรม่ิ ตน เมอ่ื คนกินอยเู ปน ขอย้ําวา การใหไ มสนั โดษในกุศลธรรมคอื ความดีงาม เปนคาํ สอนสาํ คัญของพระพุทธเจา พระพุทธเจาถึงกับตรัสวา พระองคที่ตรสั รู ไดกเ็ พราะไมส ันโดษ คือพระพุทธเจา ทรงไมอ ิม่ ไมพ อในกศุ ลธรรม สงิ่ ที่ ดีงามตอ งบาํ เพ็ญใหก า วหนา ยง่ิ ขนึ้ เรอื่ ยไป จนกวา จะบรรลจุ ดุ หมาย ถาพระไมสันโดษในวัตถุเสพ เดี๋ยวก็ยุง เพราะตองหาทางหา ลาภใหมาก ดีไมด กี ไ็ ปเทีย่ วรบกวนญาตโิ ยม ถา รบกวนโดยตรงไมได กไ็ ปหลอกลวง เชนใชวิธีประจบประแจง หรอื เอาลาภตอลาภ วิธหี า ลาภมีมาก วิธกี ารเหลาน้ีทา นเรียกวา อเนสนา แปลวา การแสวงหาใน ทางท่ีผดิ ถือวาเปน มิจฉาชพี ของพระ พระนัน้ แมแ ตจ ะไปขออาหารชาวบานกไ็ มไ ด มีวินยั บญั ญตั ไิ ว เลยวา ภกิ ษไุ มเจ็บไขไ ปออกปากขออาหารกับผทู ไ่ี มใ ชญ าติ ไมใชผทู ี่ ปวารณา เพ่ือตนฉัน เปนอาบัตปิ าจิตตีย มคี วามผิด พระตอ งเดนิ ไปโดยสงบ ไมม สี ทิ ธไ์ิ ปขอเขา เมือ่ เดนิ ไป เขารคู วาม ตองการ และถา เขามศี รัทธา เขามาถวาย จงึ จะรบั ได จะไปออก ปากขอไมไ ด ถาจะออกปากขอ ตองขอกะคนท่เี ปนญาติ และญาติกม็ ี กาํ หนดวาตองอยใู น ๗ ชัน้ ระดับตัวเองหนึง่ ระดบั สงู ข้ึนไปสาม และ ลงไปสามเทานั้น สวนผูปวารณากค็ ือผูทเ่ี ขาบอกใหโ อกาสไวว า ทา น ตอ งการอะไรกบ็ อกฉนั นะ พระสงฆ เมือ่ ดํารงชวี ิตอยูท ามกลางสังคม จะตอ งถอื คตอิ ยาง เดียวกบั แมลงผ้งึ คอื ไมทําใหเขาชอกช้ํา ไมวาจะเปน ศรัทธา หรอื ทรัพย สินเงินทอง ทรพั ยส ินเงินทองของเขาเรากไ็ มท ําใหช อกชํา้ ศรทั ธาในจติ ใจก็ไมท าํ ใหช อกช้าํ พระจะตอ งเปน อยอู ยางนี้ น่ีคติของพระพทุ ธเจา ตรสั ไวเตือนพระสงฆ ยิ่งกวา น้นั แมลงผึง้ น้ันนอกจากไมท ําใหดอกไมก ลิ่นและสีชอก ชํ้าแลว ยังทําใหต น ไมเจริญงอกงามยง่ิ ขึน้ โดยแพรพนั ธใุ หอ ีกดวย
พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๑๗ เหมอื นกับพระสงฆน้ี ถาประพฤติตัวถกู ตอ งแลว กเ็ ปน ท่ีเชิดชูจิตใจ ของหมูประชาชน แผเอาความรม เยน็ เปนสุขไปให ทําใหป ระชาชนงอก งามในธรรม ในความดงี ามและความรมเย็นเปนสุข เหมือนตน ไมท ม่ี ี หมภู มรแมลงผึง้ ไปเทยี่ วคลกุ เคลา เกษร ก็เจรญิ แพรพ นั ธุงอกงามขยาย ออกไป นแี่ หละคือคตชิ ีวติ ของพระ สรุป เปน อนั วา ขอ ปฏบิ ตั ใิ นการฝก เบอ้ื งตน ทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรงเนน คอื ๑. อนิ ทรยี สงั วร การสาํ รวมอนิ ทรยี คอื รจู ักใชต า หู จมกู ลนิ้ กาย ใจใหเปน เชน ดูเปน ฟงเปน เปน ตน ๒. โภชเนมตั ตญั ตุ า ความรจู กั ประมาณในการบรโิ ภค คือรูจกั กนิ พอดี โดยกินดว ยปญ ญา พอได ๒ ขอ น้ีแลว ก็มีฐานทพี่ รอมจะมาเช่อื มเขากบั การปฏบิ ตั ิ ตอ ไป ท่เี รียกวา ๓. ชาคริยานโุ ยค แปลวา การหม่นั ประกอบการต่นื โบราณแปล มาวา การประกอบความเพียรเครื่องตนื่ อยู หมายความวา ไมเหน็ แก หลับแกนอน ใชเวลาใหเปนประโยชน เมอ่ื เราต่นื มสี ติ เราก็มาคาํ นงึ ระลกึ วา อะไรที่เราควรจะทํา อะไรเปนกิจในไตรสกิ ขา เปนหนาทขี่ อง พระสงฆ แลวเราก็ทาํ กิจหนาที่นั้นๆ ดว ยสตทิ ี่มคี วามตนื่ ตัวอยูเสมอ เพราะฉะนัน้ เมอื่ พระมอี นิ ทรยี สงั วร และโภชเนมตั ตญั ตุ า เปนฐานแลว การดําเนินชีวิตท่ัวไปก็จะอยูในขอบเขตท่ีงามและพอดี เกอ้ื หนุนตอ การทจี่ ะบําเพญ็ กจิ สูงขน้ึ ไป กม็ าตอดว ยชาครยิ านโุ ยค แปลวา เปน คนทตี่ นื่ ตวั อยเู สมอ ไมเ หน็ แกห ลบั แกน อน ใชเ วลาใหเ ปน ประโยชนใ นการทาํ กจิ หนา ทข่ี องตน แลว ก็
๑๘ การศกึ ษาเริม่ ตนเม่ือคนกนิ อยเู ปน บาํ เพญ็ ศลี สมาธิ ปญ ญา พฒั นาตนดว ยชวี ติ แหง การเรยี นรฝู ก หดั ให เจรญิ กา วหนา ทาํ ประโยชนสขุ ใหส าํ เร็จ ท้งั แกตนเองและแกส ังคม ความตนื่ เองกเ็ ปน สตอิ ยูใ นตวั แลว สตินนั้ เปน เรือ่ งของจติ เปน องคป ระกอบสําคัญในการฝกจิต จัดอยูในฝายสมาธิ เมื่อมสี ติแลวก็ใช ปญ ญาพจิ ารณาความจรงิ ในสิง่ ในเร่อื งตา งๆ จึงตอเขากับปญ ญา รวมความวา อินทรียสังวร และโภชเนมตั ตญั ตุ า เปน ศลี มาตอ กบั สมาธแิ ละปญ ญาตรง ชาคริยานโุ ยค แมแ ตต วั โภชเนมตั ตญั ตุ าเอง กต็ อ จากศลี ไปสมาธปิ ญ ญาอยแู ลว อยา งที่วา เมื่อก้ี เวลาจะกิน พฤตกิ รรมในการกินจะพอดกี ต็ อ งมี ปญ ญา ท่ฝี ก โดยพิจารณาใหร ูเ ขา ใจความมงุ หมายของการกนิ จากนั้นกต็ องควบคุมจติ ของตัวเองได ใหตงั้ จติ ตัง้ ใจปฏิบตั ิไปใน ทางท่ีถกู ตอ งตามท่ปี ญญาบอกใหน นั้ เพ่ือใหเกิดความพอดี ตอนนี้ก็ เปน การฝก ดานจิต ใหแนวแน เขมแข็งม่ันคงในความถูกตอง ซึ่งอยู ในฝายสมาธิ แลวยังเกิดความพอใจท่ีเรากินแลวไดคุณภาพชีวติ ทําใหเกดิ ความสุขความอมิ่ ใจ ซึ่งเปนการพฒั นาดา นจิตเพิ่มขน้ึ อกี คนพวกหนึ่งนั้นมีความสขุ จากการกิน เพราะไดส นองความ ตองการในการเสพ ดังนน้ั พออรอยกส็ ขุ คฤหสั ถโ ดยมากเขากินเพ่อื สนองความตอ งการในการเสพ สว นของพระน่ฉี นั อาหาร เพื่อสนอง ความตองการในการทําใหเกิดคุณภาพชวี ติ วตั ถุประสงคต างกนั เปน เศรษฐกจิ คนละระบบ ตามหลักของพระศาสนา เมือ่ เรากนิ โดยไดส นองความตอ งการ ในการทาํ ใหเ กดิ คณุ ภาพชวี ิต เรากจ็ ะมีความสุขข้นึ มาอีกอยางหน่ึง ซ่ึง เปน ความสขุ ทางปญ ญา ก็เปลยี่ นจากตณั หามาเปนฉนั ทะ อยากกิน
พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๑๙ เพอื่ เสพ เรยี กวา ตณั หา อยากกินเพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ เรยี กวาฉนั ทะ แยก กันไปคนละทิศ สว นเรอื่ งของอนิ ทรียสังวร คอื การใช ตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจนัน้ ไมเ ฉพาะพระเทานั้นทจี่ ะตอ งฝก ญาตโิ ยมประชาชนกต็ อ งฝก โดยเฉพาะเดก็ ๆ ถาปฏบิ ัติตามหลักการน้ี ก็จะมคี วามภมู ใิ จและ มั่นใจในตนเอง เพราะเปนการปฏิบตั ิทีเ่ กดิ จากปญ ญา คนที่มปี ญญา ทําดว ยความรู เมอ่ื ทาํ อะไรดว ยความรกู จ็ ะมคี วามมน่ั ใจในตวั เองอยา ง จรงิ จงั ไมใ ชม นั่ ใจตามเสยี งเขาวา เราพดู วามชั ฌมิ าปฏปิ ทา ตองใชใ นกจิ กรรมทกุ อยา ง แตเ ราจะ ไมเห็นชัดวาอยา งไรเปนมชั ฌมิ าปฏปิ ทา ตอเมื่อไดเ ขาใจและปฏิบตั ิ อยางทวี่ ามาแลว ก็จะอธบิ ายไดวา ออ ..มัชฌิมาปฏิปทาเปนอยางน้เี อง เชน เมือ่ กนิ ดว ยปญ ญา ความพอดีในการกินเกิดขึน้ แลว นีแ่ หละเปน มัชฌิมาปฏปิ ทาเสร็จในตัว ทางสายกลาง คอื ทางแหง ความพอดี หรอื ทางแหงดลุ ยภาพ เปน ขอ ปฏิบตั ทิ ่ีบรู ณาการ ที่ศลี สมาธิ ปญญา มากันครบ มีท้ังพฤตกิ รรม จิตใจ และปญ ญาที่ถกู ตอง ซง่ึ ตองมาดวยกัน ถา ขาดอยา งใดอยา ง หนงึ่ กไ็ มบูรณาการ เม่ือบรู ณาการกัน ก็เปน องคร วม ซง่ึ สมั พนั ธก นั เปน ระบบ ระบบนี้ คอื อะไร กค็ อื ระบบแหง การดาํ เนนิ ชวี ติ ของเรา ทเ่ี ปน อยอู ยา งถกู ตอ งดงี าม ท้ังไดประโยชนแ ละมีความสขุ น่ันเอง พอกนิ อยูดฟู ง เปน อยางท่ีวานี้ ก็คอื เริม่ ดาํ เนนิ ชวี ติ เปน แลว พดู ไดเ ตม็ ปากวา การศกึ ษาเรม่ิ ตน แลว จากนก้ี ก็ า วไปในชีวติ ทดี่ ีงามและ เจริญงอกงามมคี วามสุขย่ิงขึ้นไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: