ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย ฉนั นนั้ เหมอื นกนั บคุ คลเปรียบด้วยวลาหก ๔ จําพวกนี ้มีปรากฏอยใู่ นโลก ๔ จําพวกเป็ นไฉน คอื บคุ คลดจุ วลาหก คาํ รามไมใ่ ห้ฝนตกจําพวก ๑ ดจุ วลาหกให้ฝนตก แตไ่ มค่ ํารามจาํ พวก ๑ ดจุ วลาหกทงั้ ไมค่ าํ รามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกจําพวก ๑ ดจุ วลาหกคํารามด้วย ให้ฝนตกด้วยจําพวก ๑ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคําราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกอยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนี ้เป็ นผ้ชู อบพดู แตไ่ ม่ ชอบทํา บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกอยา่ งนแี ้ ล ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตก แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนี ้ เปรียบฉนั นนั้ ดกู รภิกษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกให้ฝนตก แตไ่ มค่ ํารามอยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนี ้เป็ นผ้ทู าํ แตไ่ มช่ อบพดู บคุ คล เป็ นดจุ วลาหกให้ฝนตก แตไ่ มค่ าํ รามอยา่ งนีแ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกให้ ฝนตก แตไ่ มค่ ําราม แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนเี ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกไมค่ าํ รามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกอยา่ งไร บคุ คล บางคนในโลกนี ้เป็ นคนไมช่ อบพดู ทงั้ ไมช่ อบทาํ บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกไมค่ ํารามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกอยา่ งนีแ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกไมค่ ําราม ทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตก แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนเี ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภิกษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคํารามด้วยให้ฝนตกด้วยอยา่ งไร บคุ คลบาง คนในโลกนี ้เป็ นผ้ชู อบพดู ด้วยชอบทําด้วยบคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคํารามด้วยให้ฝนตกด้วยอยา่ งนแี ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกคาํ รามด้วยให้ ฝนตกด้วย แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนเี ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คลเปรียบด้วยวลาหก ๔ จําพวกนีแ้ ล มปี รากฏอยใู่ นโลก ฯ\" \"วลาหกสตู รที่ ๒ [๑๐๒] ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย วลาหก ๔ อยา่ งนี ้๔ อยา่ งเป็ นไฉน คือ วลาหกคําราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกอยา่ ง ๑ ให้ฝนตก แตไ่ มค่ าํ รามอยา่ ง ๑ ทงั้ ไมค่ ํารามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกอยา่ ง ๑ คาํ รามด้วยให้ฝนตกด้วยอยา่ ง ๑ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย วลาหก ๔ อยา่ งนีแ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย ฉนั นนั้ เหมอื นกนั บคุ คลเปรียบด้วยวลาหก ๔ จําพวกนี ้มีปรากฏอยใู่ นโลก ๔ จําพวกเป็ นไฉน คอื บคุ คลดจุ วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกจําพวก ๑ ดจุ วลาหกไมค่ าํ ราม แตใ่ ห้ฝนตกจําพวก ๑ ดจุ วลาหกทงั้ ไมค่ ํารามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกจําพวก ๑ ดจุ วลาหกคาํ รามด้วยให้ฝนตกด้วย จําพวก ๑ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกอยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนี ้เลา่ เรียนธรรม คอื สตุ ตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อทุ าน อิตวิ ตุ ตกะ ชาดก อพั ภตู ธรรม เวทลั ละ เขาไมร่ ู้ทว่ั ถงึ ตามความเป็ นจริงวา่ นีท้ กุ ข์ นีท้ กุ ขสมทุ ยั นที ้ กุ ขนิโรธ นีท้ กุ ขนโิ รธ คามนิ ปี ฏิปทา บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตกอยา่ งนแี ้ ล ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย วลาหกคาํ ราม แตไ่ มใ่ ห้ฝนตก แม้ฉนั ใด เรากลา่ ว บคุ คลนีเ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย ก็บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกให้ฝนตก แตไ่ มค่ ํารามอยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนีไ้ มไ่ ด้เลา่ เรียนธรรม คอื สตุ ตะ ... เวทลั ละ แตเ่ ขารู้ทวั่ ถงึ ตามความเป็ นจริงวา่ นีท้ กุ ข์ นที ้ กุ ขสมทุ ยั นีท้ กุ ขนโิ รธ นีท้ กุ ขนโิ รธคามนิ ปี ฏิปทา บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกให้ฝนตก แตไ่ มค่ าํ รามอยา่ งนแี ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกให้ฝนตกแตไ่ มค่ าํ ราม แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนเี ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คลเป็ น ดจุ วลาหกทงั้ ไมค่ ํารามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกอยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนไี ้ มไ่ ด้เลา่ เรียนธรรม คือ สตุ ตะ ... เวทลั ละ ทงั้ เขาไมร่ ู้ทวั่ ถงึ ตามความเป็ น จริงวา่ นที ้ กุ ข์ นที ้ กุ ขสมทุ ยั นีท้ กุ ขนโิ รธ นีท้ กุ ขนิโรธคามินปี ฏปิ ทา บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกทงั้ ไมค่ าํ รามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตกอยา่ งนีแ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกทงั้ ไมค่ าํ รามทงั้ ไมใ่ ห้ฝนตก แม้ฉนั ใด เรากลา่ วบคุ คลนเี ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคํารามด้วยให้ฝนตกด้วย อยา่ งไร บคุ คลบางคนในโลกนเี ้ลา่ เรียนธรรม คอื สตุ ตะ ... เวทลั ละ ทงั้ เขารู้ทว่ั ถงึ ตามความเป็ นจริงวา่ นที ้ กุ ข์ นีท้ กุ ขสมทุ ยั นีท้ กุ ขนโิ รธ นีท้ กุ ขนิ โรธคามนิ ีปฏิปทา บคุ คลเป็ นดจุ วลาหกคาํ รามด้วยให้ฝนตกด้วยอยา่ งนแี ้ ล ดกู รภิกษุทงั้ หลาย วลาหกคาํ รามด้วยให้ฝนตกด้วย แม้ฉนั ใด เรา กลา่ วบคุ คลนีเ้ปรียบฉนั นนั้ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย บคุ คลเปรียบด้วยวลาหก ๔ จาํ พวกนแี ้ ล มปี รากฏอยใู่ นโลก ฯ\" วลาหกสตู ร ๒๑/๑๐๑-๑๐๒ 101
นอกจากนยี ้ งั มีพระสตู รชื่อ \"วลาหกสงั ยตุ \" เป็ นเร่ืองเกี่ยวกบั เทวดาในหมเู่ มฆ แตเ่ นอื่ งจากในทน่ี จี ้ ะกลา่ วเฉพาะเมฆในท้องฟ้ าเป็ น หลกั จึงไมน่ บั เรื่องเทวดาไว้ด้วย \"วลาหกสงั ยตุ วา่ ด้วยเทวดาซง่ึ นบั เน่อื งในหมวู่ ลาหก [๕๔๒] พระนครสาวตั ถ.ี พระผ้มู ีพระภาคตรัสวา่ ดกู รภกิ ษุทงั้ หลาย เราจกั แสดงพวก เทวดาซง่ึ นบั เนื่องในหมวู่ ลาหกแกเ่ ธอทงั้ หลาย เธอทงั้ หลายจงฟัง ฯลฯ ดกู รภิกษุทงั้ หลาย พวก เทวดาซงึ่ นบั เน่อื งในหมวู่ ลาหกเป็ นไฉน? พวกเทวดาทเ่ี ป็ นสตี วลาหกก็มี ทเ่ี ป็ นอณุ หวลาหกก็มี ท่ีเป็ นอพั ภวลาหกก็มี ทเี่ ป็ นวาตวลาหกก็มี ท่เี ป็ นวสั สวลาหกก็มี. ดกู รภิกษุทงั้ หลาย พวกนี ้ เราเรียกวา่ พวกเทวดาซง่ึ นบั เนอ่ื งในหมวู่ ลาหก.\" วลาหกสงั ยตุ ๑๙/๕๔๒ อ้างอิง : พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐออนไลน์ 84000 พระธรรมขันธ์ http://www.84000.org ดาวน์โหลดโปรแกรมพระไตรปิ ฎกฉบบั ธรรมทานได้ (ฟรี) ที่ http://84000.org/download/tripitaka/index.html คาํ วา่ \"เมฆ\" หมายถงึ เมฆท่ีอยบู่ นท้องฟ้ า รวมถึงคาํ วา่ \"วลาหก\" ท่แี ปลวา่ เมฆด้วย ไมน่ บั 1. คาํ วา่ \"เมฆ\" ที่เป็ นคาํ อธิบายเพม่ิ เตมิ ในวงเลบ็ 2. คําวา่ \"เมฆ\" หรือคาํ ทีส่ ะกดใกล้เคียงกนั หรือเป็ นช่ือเฉพาะดงั นี ้(เรียงตามลาํ ดบั ท่ีปรากฏ) คอื อสั สเุ มฆพทุ ธ, พระเมฆยิ ะ, เมฆยิ สตู ร , เมฆยิ วรรค, เมฆยิ เถรคาถา, พระเมฆิยเถระ, เมฆเี ศรษฐี, สเุ มฆฆนะ, เมฆพั ภะ, เมฆลา และ เมฆะ (ช่ือคน) 3. คําวา่ \"วลาหก\" ทเ่ี ป็ นชื่อเฉพาะคอื วลาหกอศั วราช (ช่ือม้า), ม้าวลาหก, หมวู่ ลาหก (เทวดา), วลาหกสงั ยตุ , สตี วลาหก, อณุ หวลาหก , อพั ภวลาหก, วาตวลาหก, วสั สวลาหกเทวบตุ ร และ วลาหกสั สชาดก 102
ตอนท่ี 2 เมฆในพระคริสตธรรมคัมภรี ์ หน้าปกหนงั สอื พระคริสตธรรมคมั ภีร์ไทย ฉบบั ค.ศ. 1971 จดั พมิ พ์โดย สมาคมพระคริสตธรรมไทย ทม่ี า : http://www.thaibible.net/producttbs/index.php?page=shop.product_details&flypage=flypage.tpl&product_id=45&category_id= 28&option=com_virtuemart&Itemid=64&lang=th พบคาํ วา่ \"เมฆ\" 161 แหง่ ตวั อยา่ ง : 2.1. ความหมายบวก \"คือเราตงั้ รุ้งของเราไว้ทเี่ มฆ และรุ้งนนั้ จะเป็ นเครื่องหมายแหง่ พนั ธสญั ญาระหวา่ งเรากบั โลก เมอื่ เราให้มีเมฆเหนอื แผน่ ดินและมรี ุ้งขนึ ้ ท่เี มฆ นนั้ เราจะระลกึ ถงึ พนั ธสญั ญาของเราระหวา่ งเรากบั เจ้าและบรรดาสตั ว์ทม่ี ชี ีวิตแล้วนาํ ้ จะไมท่ ว่ มทาํ ลายบรรดาสตั ว์โลกอีกเลย\" ปฐมกาล 9 : 13-15 (หมายถงึ พระธรรมช่ือ \"ปฐมกาล\" บทที่ 9 ข้อ 13-15) 103
\"พระเจ้าเสด็จนาํ ทางพวกเขาในเวลากลางวนั ด้วยเสาเมฆ และตอนกลางคืนด้วยเสาเพลงิ ให้เขามแี สงสวา่ งเพอ่ื จะได้เดนิ ทางได้ทงั้ กลางวนั และกลางคืน \" อพยพ 13 : 21 พบคําวา่ \"เสาเมฆ\" นีถ้ งึ 13 แหง่ นา่ สนใจวา่ \"เสาเมฆ (pillar of cloud)\" นเี ้ป็ นอยา่ งไร จากพระคมั ภีร์เสาเมฆนนี ้ อกจากจะชว่ ยนาํ ทาง และยงั ให้ร่มเงา ช่วยบงั แสงดวงอาทิตย์ ดงั นนั้ นา่ จะเป็ นเมฆขนาดใหญ่ ก่อตวั ในแนวตงั้ มลี กั ษณะสงู คล้ายเสา อาจเป็ นเมฆ Cumulonimbus หรือ Cumulus congestus ได้หรือไม่ สว่ น \"เสาเพลงิ \" นนั้ ยงั ไมท่ ราบวา่ คืออะไร เมฆ Cumulonimbus โดย Ali (aslay) ท่มี า : http://www.flickr.com/photos/alsay/2633880371 104
เมฆ Cumulonimbus ทเ่ี กาะ Mykonos ประเทศกรีซ ถา่ ยเมือ่ เดือนมิถนุ ายน ค.ศ. 2009 โดย Sfortis ท่มี า : http://en.wikipedia.org/wiki/File:Cumulonimbus-incus_mykonos.jpg 105
เมฆ Cumulus congestus ถา่ ยที่ Florida ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Suzanne Clute (my butterfly) ท่มี า : http://www.flickr.com/photos/36826389@N06/3730388439 106
\"พระเจ้าตรัสกบั โมเสสวา่ 'เราจะมาหาเจ้าในเมฆหนาทบึ ' \" อพยพ 19 : 9 \"เวลาประชาชนทงั้ ปวงเหน็ เสาเมฆนนั้ ตงั้ อยทู่ ่ีประตเู ตน็ ทเ์ ม่อื ไร ทกุ คนก็จะลกุ ขนึ ้ ยืนนมสั การอยทู่ ปี่ ระตเู ตน็ ท์ของตน\" อพยพ 33 : 10 \"ตลอดการเดนิ ทางของเขา เมฆนนั้ ถกู ยกขนึ ้ จากพลบั พลาเมอ่ื ใด ชนชาตอิ สิ ราเอลกย็ กเดินตอ่ ไปทกุ ครัง้ แตห่ ากวา่ เมฆนนั้ มิได้ถกู ยกขนึ ้ ไปเขา ก็ไมอ่ อกเดินทางเลย จนกวา่ จะถงึ วนั ทีเ่ มฆนนั้ จะถกู ยกขนึ ้ ไป\" อพยพ 40 : 36-37 \"เมอื่ ไรเมฆลอยขนึ ้ จากเต็นท์ ภายหลงั นนั้ พวกอิสราเอลก็ยกเดินไป ครัน้ เมฆนนั้ ลอยหยดุ อยทู่ ี่ใด คนอิสราเอลก็ตงั้ คา่ ยอยทู่ ี่นนั่ \" กนั ดารวถิ ี 9 : 17 \"พระนิเวศของพระเจ้ากม็ เี มฆเตม็ ไปหมด\" 2 พงศาวดาร 5 : 13 \"พระองค์ทรงมดั นํา้ ไว้ในเมฆทบึ ของพระองค์ และเมฆนนั้ ก็ไมข่ าดวิ่นไป พระองค์ทรงคลมุ หน้าของพระที่นง่ั และคลเ่ี มฆของพระองค์ออกคลมุ มนั ไว้\" โยบ 26 : 8-9 \"จงมองดทู ้องฟ้ าเถิด ดเู มฆซงึ่ อยสู่ งู กวา่ ทา่ น\" โยบ 35 : 5 107
\"เพราะพระองค์ทรงดงึ หยดนาํ ้ ขนึ ้ ไป ซงึ่ กลนั่ เป็ นฝนจากเมฆของพระองค์ ซงึ่ ฟ้ ากเ็ ทลงมา และหยดลงท่มี นษุ ย์อยา่ งอดุ ม เออ มีคนใดเข้าใจการ แผข่ องเมฆหรือ และการคะนองแหง่ พลบั พลาของพระองค์หรือ\" โยบ 36 : 27-29 \"ข้าแตพ่ ระเจ้า ความรักมนั่ คงของพระองค์อยใู่ นฟ้ าสวรรค์ ความสตั ย์ซื่อของพระองค์ไปถงึ เมฆ \" สดดุ ี 36 : 5 \"จงยกยอ่ งพระองค์ผ้ทู รงเมฆเป็ นพาหนะ\" สดดุ ี 68 : 4 \"เมฆเทนาํ ้ ลงมา ท้องฟ้ าก็คะนองเสยี ง ลกู ธนขู องพระองค์ก็ปลวิ ไปปลวิ มา\" สดดุ ี 77 : 17 \"พระองค์ทรงคลมุ ฟ้ าสวรรคด์ ้วยเมฆ พระองค์ทรงเตรียมฝนให้แกแ่ ผน่ ดินโลก พระองค์ทรงกระทาํ ให้หญ้างอกบนภเู ขา\" เพลงสดดุ ี 147 : 8 \"โดยความรู้ของพระองค์ นํา้ บาดาลก็ปะทอุ อกมา และเมฆก็หยาดนํา้ ค้างลงมา\" สภุ าษิต 3 : 20 \"พระเจ้าผ้ทู รงปัน้ เมฆพายุ ผ้ทู รงประทานหา่ ฝนแกม่ นษุ ย์ และผกั ในทงุ่ นาแก่ทกุ คน\" เศคาริยาห์ 10 : 1 108
\"เปโตรทลู ยงั ไมท่ นั ขาดคาํ ก็บงั เกิดมีเมฆสกุ ใสมาปกคลมุ เขาไว้ แล้วมพี ระสรุ เสยี งออกมาจากเมฆนนั้ วา่ 'ทา่ นผ้นู เี ้ป็ นบตุ รทรี่ ักของเรา เราชอบ ใจทา่ นผ้นู ีม้ าก จงเช่ือฟังทา่ นเถิด' \" มทั ธิว 17 : 5 \"บตุ รมนษุ ย์เสดจ็ มาบนเมฆในท้องฟ้ า ทรงฤทธานภุ าพและพระสริ ิเป็ นอนั มาก\" มทั ธิว 24 : 30 คาํ วา่ \"บตุ รมนษุ ย์\" นหี ้ มายถงึ พระเยซู \"บรรพบรุ ุษของเราทงั้ สนิ ้ ได้อยใู่ ต้เมฆ และได้ผา่ นทะเลไปทกุ คน ได้รับบพั ติศมาในเมฆและในทะเล เข้าสนทิ กบั โมเสสทกุ คน\" 1 โครินธ์ 10 : 1-2 \"หลงั จากนนั้ เราทงั้ หลายซง่ึ ยงั เป็นอยู่ จะถกู รับขนึ ้ ไปในเมฆพร้อมกบั คนเหลา่ นนั้ และจะได้พบองคพ์ ระผ้เู ป็ นเจ้าในฟ้ าอากาศ อยา่ งนนั้ แหละ เราก็จะอยกู่ บั องค์พระผ้เู ป็ นเจ้าเป็ นนติ ย์\" 1 เธสะโลนิกา 4 : 17 \"ข้าพเจ้าได้เหน็ ทตู สวรรค์ทม่ี ฤี ทธิ์มากอกี องค์หนง่ึ ลงมาจากสวรรค์ มเี มฆล้อมรอบตวั ทา่ นและมีรุ้งเหนอื ศรี ษะทา่ น และหน้าทา่ นเหมือนดวง อาทติ ย์ และขาทา่ นเหมือนเสาไฟ\" วิวรณ์ 10 : 1 \"มเี มฆขาว และมผี ้หู นงึ่ ประทบั บนเมฆนนั้ เหมือนกบั บตุ รมนษุ ย์ สวมมงกฎุ ทองคาํ บนพระเศียร และพระหตั ถ์ถือเคียวอนั คม\" ววิ รณ์ 14 : 14 109
2.2. ความหมายลบ \"เขาทอแสงเหนอื ประชาชนเหมอื นแสงอรุณเม่อื ดวงอาทิตย์ขนึ ้ คอื รุ่งเช้าท่ีไมม่ เี มฆ\" 2 ซามเู อล 23 : 4 \"ขอความมดื ทบึ ยดึ เอาวนั นนั้ ไว้ ขอให้เมฆคลมุ มนั ไว้ ขอให้สงิ่ ที่ทาํ ให้วนั ดําทะมนึ ทําให้มนั หวาดกลวั \" โยบ 3 : 5 \"เมฆจางและหายไปฉนั ใด บคุ คลที่ลงไปยงั แดนคนตายก็มไิ ด้กลบั มาฉนั นนั้ \" โยบ 7 : 9 \"ความสยดสยองตา่ ง ๆ หนั มาใสข่ ้า เกียรติของข้าถกู เขาตดิ ตามอยา่ งลมตาม และความเจริญรุ่งเรืองของข้าศนู ย์ไปเสยี อยา่ งเมฆ\" โยบ 30 : 15 \"คนที่อวดวา่ จะให้ของกํานลั แตม่ ไิ ด้ให้ ก็เหมือนเมฆและลมท่ไี มม่ ฝี น\" สภุ าษิต 25 : 14 \"ผ้ใู ดมวั สงั เกตลมก็จะไมห่ วา่ นพชื และผ้ทู ีม่ องเมฆก็จะไมเ่ กย่ี วข้าว\" ปัญญาจารย์ 11 : 4 \"ความมืดและความทกุ ขใ์ จและสวา่ งก็ถกู เมฆของแผน่ ดนิ บดบงั เสยี \" อสิ ยาห์ 5 : 30 110
\"เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสยี เหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก\" อสิ ยาห์ 44 : 22 \"เขาขนึ ้ มาเหมอื นเมฆ รถรบของเขาเหมือนลมบ้าหมู ม้าทงั้ หลายของเขาเร็วย่งิ กวา่ นกอนิ ทรี วบิ ตั ิแก่เราทงั้ หลาย เพราะวา่ เราจะต้องพนิ าศ\" เยเรมยี ์ 4 : 13 \"ด้วยพระพิโรธ พระเจ้าทรงใช้เมฆบงั ธิดาของศโิ ยน\" บทเพลงคร่ําครวญ 2 : 1 \"จงพลิ าปรํ่าไรเถิดวา่ 'อนจิ จาหนอวนั นนั้ ' เพราะวนั นนั้ ใกล้เข้ามาแล้ว วนั แหง่ พระเจ้าใกล้เข้ามา จะเป็ นวนั มเี มฆ\" เอเสเคยี ล 30 : 3 \"ท่เี มืองทาปานเหสกลางวนั จะมดื เมอ่ื เราทําลายแอกของอียปิ ต์ และอานภุ าพอนั ผยองของเมืองนนั้ จะสนิ ้ สดุ ลง จะมีเมฆมาคลมุ เมอื งนนั้ ไว้ และเหลา่ ธิดาของเมอื งนนั้ จะตกไปเป็นเชลย\" เอเสเคยี ล 30 : 18 \"พระเจ้าตรัสดงั นีว้ า่ เพราะวา่ มนั สงู และชยู อดของมนั ขนึ ้ อยทู่ า่ มกลางเมฆ และจิตใจของมนั ก็เยอ่ หยงิ่ เพราะความสงู ของมนั \" เอเสเคยี ล 31 : 10 \"ความรกั ของเจ้าก็เหมอื นเมฆในยามเช้า เหมอื นอยา่ งนาํ ้ ค้างที่หายไปแตเ่ ช้าตรู่\" โฮเชยา 6 : 4 111
\"วนั แหง่ พระเจ้ากําลงั มาแล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว เป็ นวนั แหง่ ความมดื และความมืดครึม้ เป็ นวนั ทีม่ เี มฆและความมืดทบึ \" โยเอล 2 : 2 \"พระเจ้าทรงกริว้ ช้า ทรงฤทธานภุ าพใหญ่ยงิ่ พระเจ้าจะไมท่ รงงดโทษเลย พระมรรคาของพระองค์อยใู่ นลมบ้าหมแู ละพายุ และเมฆเป็ นผงคลี แหง่ พระบาทของพระองค์\" นาฮมู 1 : 3 \"วนั นนั้ เป็ นวนั แหง่ พระพิโรธ เป็ นวนั แหง่ ความทกุ ขใ์ จ และเป็ นวนั ระทม เป็ นวนั พนิ าศและวนั เริศร้าง เป็ นวนั แหง่ ความมดื และความมดื ครึม้ เป็ นวนั ทมี่ เี มฆและความมดื ทบึ \" เศฟันยาห์ 1 : 15 \"คนเหลา่ นเี ้ป็ นหนิ โสโครกในการประชมุ เลยี ้ งผกู รักของทา่ นทงั้ หลาย เพราะเขาร่วมเลยี ้ งกนั อยา่ งถงึ ใจโดยไมก่ ลวั เกรง เขาเป็ นผ้เู ลยี ้ งแกะท่ี เลยี ้ งแตต่ วั เอง เป็ นเมฆทีไ่ มม่ ีนาํ ้ ท่ีถกู พดั ลอยไปตามลม\" ยดู า 1 : 12 2.3. ความหมายกลาง \"เมอ่ื เราสร้างเมฆให้เป็ นเสอื ้ และความมืดทบึ เป็ นผ้าอ้อมของมนั \" โยบ 38 : 9 \"เจ้าตะเบ็งเสยี งไปถงึ เมฆได้ไหมละ่ เพอื่ นํา้ มากมายจะลงมาคลมุ เจ้า\" โยบ 38 : 34 \"ใครจะนบั เมฆด้วยสตปิ ัญญาได้ หรือใครจะเอยี งถงุ นาํ ้ ของท้องฟ้ าได้\" 112
โยบ 38 : 37 \"ข้าจะขนึ ้ ไปเหนอื ความสงู ของเมฆ ข้าจะกระทาํ ตวั ของข้าเหมอื นองค์ผ้สู งู สดุ \" อสิ ยาห์ 14 : 14 \"ลมพายกุ ็พดั มาจากทางเหนอื มเี มฆก้อนใหญ่ท่มี คี วามสวา่ งอยรู่ อบ และมีไฟลกุ วาบออกมาอยเู่ สมอ ทา่ มกลางไฟนนั้ ดปู ระหนงึ่ ทองสมั ฤทธิ์ ทแ่ี วบวาบ\" เอเสเคยี ล 1 : 4 \"พระองค์ตรัสกบั ประชาชนอกี วา่ 'เมอื่ ทา่ นทงั้ หลายเห็นเมฆเกดิ ขนึ ้ ในทิศตะวนั ตก ทา่ นก็กลา่ วทนั ทวี า่ 'ฝนจะตก' และก็เป็ นอยา่ งนนั้ จริง' \" ลกู า 12 : 54 อ้างองิ : 1. พระคริสตธรรมคัมภรี ์ (Thai Holy Bible). พิมพ์ครัง้ ที่ 18. กรุงเทพฯ : สมาคมพระคริสตธรรมไทย, ค.ศ. 2006 [พ.ศ. 2549]. พิมพ์ครัง้ แรกเมอ่ื ปี ค.ศ. 1971 หรือเรียกวา่ ฉบบั 1971 แม้วา่ สมาคมพระคริสตธรรมจะออกฉบบั ใหมค่ ือฉบบั มาตรฐาน 2011แก้ไข คําแปลของฉบบั 1971 แตฉ่ บบั 1971 ก็ยงั เป็ นทีน่ ยิ มใช้ในปัจจบุ นั 2. http://www.bible2search.net ปัจจบุ นั (10 เมษายน 2555) เวบ็ ไซต์นีป้ ิ ดให้บริการแล้ว 3. อ่านและค้นหาคาํ ในพระคัมภรี ์ http://teencsite.byethost9.com/biblelist/index.php การค้นหาคาํ วา่ \"เมฆ\" ในทนี่ ีท้ าํ โดย 1. ค้นหาจากเว็บไซต์ http://www.bible2search.net เมอื่ วนั ที่ 31 ตลุ าคม 2553 ปัจจบุ นั (10 เมษายน 2555) เวบ็ ไซต์นีป้ ิ ดให้บริการแล้ว 2. ปรับการเว้นวรรคให้ตรงกบั หนงั สอื พระคริสตธรรมคมั ภีร์ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย ดาวน์โหลดพระคริสตธรรมคมั ภรี ์ภาษาตา่ ง ๆ รวมทงั้ ภาษาไทยฟรีได้ที่ http://www.speedbible.com ถ้าเลอื กเป็ นไฟล์ chm (SpeedBible) ก่อนเปิ ดครัง้ แรกให้คลกิ ขวา > เลอื ก Properties > Unblock > OK 113
ตอนท่ี 3 เมฆในพระมหาคัมภีร์อัลกรุ อาน ปกหนงั สอื พระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อาน พร้อมความหมายภาษาไทย โดยสมาคมนกั เรียนเกา่ อาหรับ ประเทศไทย จดั พิมพ์โดย ศนู ย์กษัตร์ ฟะฮดั เพือ่ การพิมพ์อลั กรุ อาน ทม่ี า : http://www.islamhouse.com/p/405 พบคาํ วา่ \"เมฆ\" 20 แหง่ ตวั อยา่ ง : 3.1. ความหมายบวก เมฆเป็ นพระเมตตาของอลั ลอฮ์ ทใ่ี ห้ความร่มเย็นแกม่ นษุ ย์ ให้นาํ ้ ฝน ช่วยบงั แสงอาทติ ย์อนั ร้อนแรงขณะเดินทางกลางทะเลทราย \"เราได้ให้เมฆบดบงั พวกเจ้า\" ซูเราะฮฺ อลั -บะเกาะเราะฮฺ (2 : 57) หมายถงึ ซเู ราะฮฺ (ซเู ราะฮ์, บท) ช่ือ \"อลั -บะเกาะเราะฮฺ\" บทท่ี 2 อายะหฺ (อายะฮ์, โองการ, วรรค) ที่ 57 114
\"ให้เมฆซงึ่ ถกู กาํ หนดให้บริการ (แก่โลก) ผนั แปรไประหวา่ งฟากฟ้ าและแผน่ ดิน\" ซูเราะฮฺ อลั -บะเกาะเราะฮฺ (2 : 164) จงขออภยั โทษตอ่ พระเจ้าของพวกทา่ น แล้วจงกลบั เนือ้ กลบั ตวั ตอ่ พระองค์ พระองค์จะสง่ เมฆ(นาํ ้ ฝน) มาเหนือพวกทา่ น ให้หลง่ั นาํ ้ ฝนลงมา อยา่ งหนกั ซเู ราะฮฺ ฮดู (11 : 52) \"อลั ลอฮฺทรงเป็ นผ้สู ง่ ลมทงั้ หลาย แล้วมนั ได้รวมตวั กนั ขนึ ้ เป็ นเมฆ แล้วพระองค์ทรงให้มนั แผก่ ระจายไปตามท้องฟ้ า เทา่ ทีพ่ ระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงทาํ ให้มนั เป็ นกลมุ่ ก้อน แล้วเจ้าจะเหน็ ฝนตกลงมาจากทา่ มกลางมนั เมื่อมนั ได้ตกลงมายงั ผ้ทู ี่พระองค์ทรงประสงคจ์ ากปวง บา่ วของพระองค์ เมือ่ นนั้ พวกเขาก็ดีใจ\" ซเู ราะฮฺ อรั ฺรูม (30 : 48) \"อลั ลอฮฺซง่ึ ทรงสง่ ลมทงั้ หลายออกไป (และมนั ได้หอบเป็ นเมฆขนึ ้ แล้วเราได้ให้มนั พดั พาไปยงั ดินแดนที่แห้งแล้ง แล้วเราได้ให้แผน่ ดนิ นนั้ มชี ีวติ (ชมุ่ ชืน้ ด้วยนํา้ ฝน) หลงั จาการแห้งแล้งของมนั เช่นนนั้ แหละการฟืน้ คนื ชีพ\" ซเู ราะฮฺ ฟาฏริ (35 : 9) \"เราได้หลงั่ นาํ ้ ลงมาอยา่ งมากมายมากเมฆฝน เพือ่ วา่ เราจะให้งอกเงยด้วยนาํ ้ นนั้ ซง่ึ เมลด็ พืช และพืชผกั และบรรดาเรือกสวนอนั หนาแนน่ ซเู ราะฮฺ อนั นะบะอฺ (78 : 14-16) 3.2. ความหมายลบ \"อลั ลอฮ์และมลาอกิ ะอ์ของพระองค์จะมายงั พวกเขา ในร่มเงาจากเมฆ\" ซเู ราะฮฺ อลั -บะเกาะเราะฮฺ (2 : 210) 115
อลั ลอฮ์และ \"มลาอกิ ะอ์\" คอื เทวทตู หรือเทวดา จะมาในเงาเมฆเพือ่ ลงโทษ \"เบอื ้ งบนของมนั ก็มเี มฆหนาทบึ ซ้อนกนั ชนั้ แล้วชนั้ เลา่ เม่ือเขาเอามือของเขาออกมาเขาแทบจะมองไมเ่ หน็ มนั และผ้ใู ดที่อลั ลอฮ์ไมท่ รงทําให้เขาได้รับแสงสวา่ ง เขาก็จะไมไ่ ด้รับแสงสวา่ งเลย\" ซูเราะฮฺ อรั เราะอดฺ ฺ (13 : 12) \"อลั ลอฮ์นนั้ ทรงให้เมฆลอย แล้วทรงทําให้ประสานตวั กนั แล้วทรงทาํ ให้รวมกนั เป็ นกลมุ่ ก้อน แล้วเจ้ากจ็ ําเหน็ ฝนโปรยลงมาจากกลมุ่ เมฆนนั้ และพระองค์ทรงให้มนั ตกลงมาจากฟากฟ้ า มขี นาดเทา่ ภเู ขา ในนนั้ มีลกู เหบ็ แล้วพระองค์จะทรงให้มนั หลน่ ลงมาโดนผ้ทู ี่พระองคท์ รงประสงค์ และพระองค์จะทรงให้มนั ผา่ นพ้นไปจากผ้ทู พี่ ระองค์ทรงประสงค\"์ ซูเราะฮฺ อนั นรู ฺ (24 : 43) \"พวกเขาได้ปฏเิ สธไมเ่ ช่ือเขาดงั นนั้ การลงโทษแหง่ วนั เมฆครอบคลมุ ได้คร่าพวกเขา แท้จริงมนั เป็ นการลงโทษแหง่ วนั ยง่ิ ใหญ่\" ซเู ราะฮฺ อชั ชอุ ะรออฺ (26 : 189) \"ครัน้ เมื่อพวกเขาเห็นเมฆทบึ เคลอื่ นมายงั ท่ีราบลมุ่ ในหมบู่ ้านของพวกเขา พวกเขากลา่ ววา่ นี่คอื เมฆท่ีจะให้นาํ ้ ฝนแกเ่ รา เปลา่ เลยมนั คือสง่ิ ท่ี พวกเจ้าเร่งขอให้เกดิ มนั คือลมพายุ ในนนั้ มกี ารลงโทษอนั เจ็บปวด\" ซเู ราะฮฺ อลั อะฮฺก็อฟ (46 : 24) 116
3.3. ความหมายกลาง \"ขอสาบานตอ่ เมฆทพ่ี ยงุ (ฝน) อยา่ งหนกั \" ซูเราะฮฺ อซั ซาริยาต (51 : 2) \"ขอสาบานตอ่ มะลาอิกะฮฺที่อ้มุ เมฆฝน\" ซเู ราะฮฺ อลั มรุ ซะล้าต (77 : 3) อ้างอิง 1. พระมหาคัมภรี ์อัลกุรอาน พร้อมความหมายภาษาไทย / แปลโดยสมาคมนกั เรียนเกา่ อาหรับ ประเทศไทย. มาดีนะห์, ซาอดุ ีอาระเบยี : ศนู ย์กษัตร์ ฟะฮดั เพอ่ื การพิมพ์อลั กรุ อาน, ฮ.ศ. 1419 (พ.ศ. 2542?). 2. ความหมาย อัลกุรอ่าน ภาษาไทย โดยสมาคมนกั เรียนเกา่ อาหรับ http://www.alquran-thai.com สามารถดาวน์โหลดหนงั สอื พระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อาน พร้อมคําแปลเป็ นภาษาไทย ไฟล์ PDF 1,794 หน้า ได้ท่ี http://www.islamhouse.com/p/405 117
สรุป พระคัมภรี ์ พบคาํ ว่า “เมฆ” ทงั้ หมด ความหมาย กลาง พระไตรปิ ฎก บวก ลบ 71 พระคริสตธรรมคมั ภีร์ จํานวน 216 33 พระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อาน % 100 69 76 15 161 32 35 9 จํานวน 100 120 26 5 % 20 75 16 25 100 96 จํานวน 45 30 % 1. คาํ วา่ “เมฆ” ปรากฏในพระคมั ภรี ์ศาสนาทงั้ 3 คือ พระไตรปิ ฎกของศาสนาพทุ ธ พระคริสตธรรมคมั ภรี ์ของศาสนาคริสต์ และพระ มหาคมั ภีร์อลั กรุ อานของศาสนาอสิ ลาม โดยพบเป็ นจํานวนมาก แสดงถงึ ความสาํ คญั ของเมฆในศาสนาตา่ ง ๆ 2. ในพระไตรปิ ฎก พระคริสตธรรมคมั ภรี ์ และพระมหาคมั ภรี ์อลั กรุ อาน ล้วนมีความหมายทงั้ ในทางบวก ทางลบ และความหมายเป็ น กลาง ๆ เหมอื นกนั ขนึ ้ กบั บริบท 3. ความหมายทางบวกท่ีมีเหมอื นกนั ทงั้ 3 พระคมั ภีร์คอื ให้นาํ ้ ฝน ชว่ ยให้มนษุ ย์และสงิ่ มชี ีวติ ตา่ ง ๆ อยไู่ ด้ 4. ความหมายทางลบท่มี ีเหมือนกนั ทงั้ 3 พระคมั ภรี ์คอื บดบงั ความสวา่ ง ทําให้มืด 5. ในพระไตรปิ ฎก แม้จะมคี วามหมายเป็ นลบมากกวา่ เลก็ น้อย แตเ่ มอ่ื มองจากสดั สว่ นแล้ว จะเห็นวา่ ความหมายทงั้ 3 ด้านนนั้ มี จํานวนใกล้เคียงกนั 6. ในพระคริสตธรรมคมั ภีร์และพระมหาคมั ภีร์อลั กรุ อานสว่ นใหญ่มคี วามหมายบวก ความหมายทเี่ หมอื นกนั คอื เมฆเป็ นพระเมตตา ของพระเจ้าและอลั ลอฮ์ นอกจากนีพ้ ระเจ้าและอลั ลอฮ์มาปรากฏพระองค์พร้อมเมฆ ในพระคริสตธรรมคมั ภรี ์พระเจ้ายงั ใช้เสาเมฆ นําทางชาวอิสราเอลอพยพออกจากอยี ปิ ต์อีกด้วย การศกึ ษาเรื่องเมฆในด้านตา่ ง ๆ นนั้ ยงั มอี ยไู่ มม่ ากนกั โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในด้านศาสนา บทความนีเ้ป็ นเพียงก้าวเลก็ ๆ ก้าวหนงึ่ ทจ่ี ะ ชว่ ยให้เรารู้จกั และเข้าใจเมฆและศาสนาตา่ ง ๆ ดยี ิง่ ขนึ ้ ชว่ ยให้เรารักผ้อู ืน่ และรักธรรมชาตมิ ากยิ่งขนึ ้ หากทา่ นพบข้อผดิ พลาดหรือมี คาํ แนะนาํ ใด ขอความกรุณาแจ้งให้ผ้เู ขียนทราบ เพ่อื จะได้แก้ไขปรับปรุงตอ่ ไป ขอบคณุ มากครับ 118
การดทู รงกลดเบอื้ งต้น พมิ พ์ครัง้ แรก 20 มีนาคม 2555, พิมพ์ครัง้ ที่ 2 ปรับปรุงและเพม่ิ เตมิ 24 มิถนุ ายน 2555 ปรากฏการณ์ท่ีสวยงามและนา่ อศั จรรย์มากอยา่ งหนง่ึ บนท้องฟ้ าคอื “ทรงกลด” เกิดได้กบั ดวงอาทติ ย์และดวงจนั ทร์ เม่อื เกิดกบั ดวงอาทติ ย์เรียกวา่ “อาทติ ย์ทรงกลด” เกิดกบั ดวงจนั ทร์ก็เรียกวา่ “จนั ทร์ทรงกลด” คาํ วา่ “กลด” แปลวา่ ร่มขนาดใหญ่” ดงั นนั้ อาทติ ย์ทรงกลดคอื พระอาทิตย์กางร่ม จนั ทร์ทรงกลดก็คือพระจนั ทร์กางร่มนน่ั เอง (^_^) กอ่ นจะพดู เร่ืองทรงกลด ขออธิบายเรื่องการบอกความสงู ของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ที่เรียกวา่ “มุมเงย (altitude)” คอื มมุ ทว่ี ดั ความสงู จากขอบฟ้ าขนึ ้ ไปถึงดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ มคี า่ ตงั้ แต่ 0-90 องศา โดยที่ขอบฟ้ าจะเป็ น 0 องศา และที่กลางศีรษะหรือจดุ จอมฟ้ า (zenith) จะเป็ น 90 องศา ตวั อยา่ ง ดวงอาทติ ย์ในรูปข้างลา่ งนีอ้ ยสู่ งู 45 องศา (มมุ เงย 45 องศา) ภาพจําลองดวงอาทติ ย์จากโปรแกรม Stellarium 0.11.1 ภาพซ้ายมือแสดงเฉพาะทศิ ตะวนั ตก ภาพขวามือแสดงทงั้ ท้องฟ้ า ตวั อกั ษรสแี ดงท่ี ขอบฟ้ านนั้ คือช่ือทศิ ดงั นี ้E = East ทศิ ตะวนั ออก, N = North ทศิ เหนือ, S = South ทศิ ใต้ และ W = West ทิศตะวนั ตก ดาวน์โหลดโปรแกรม Stellarium (ฟรี) ได้ท่ี http://www.stellarium.org 119
เราอาจแบง่ ทรงกลดเป็ น 2 ชนิดคอื 1. ทรงกลดแบบ halo (เฮโล)่ 2. ทรงกลดแบบ corona (คอโรนา) 1. ทรงกลดแบบ halo (เฮโล่) halo เป็ นปรากฏการณ์ท่ีเกิดจากแสงอาทติ ย์หรือแสงจนั ทร์หกั เหหรือสะท้อนจากผลกึ นํา้ แข็ง (ice crystal) ในเมฆชนั้ สงู อยา่ ง Cirrus และCirrostratus เมฆชนั้ อ่ืนทอ่ี าจมผี ลกึ นาํ ้ แขง็ คือ Altocumulus, Stratus และยอดของ Cumulonimbus (International Cloud Atlas Volume I : manual on the observation of clouds and other meteors. Revised ed. Geneva : World Meteorological Organization, 1975. p. 71) halo สว่ นใหญ่มกั เกดิ กบั เมฆ Cirrostratus ที่มีลกั ษณะเป็ นมา่ นสขี าว ดงั นนั้ เมอื่ เห็นเมฆชนดิ นี ้ก็มโี อกาสเหน็ halo ได้มาก เนื่องจากรูปร่างของผลกึ นํา้ แขง็ มหี ลายแบบ หลายขนาด หลายลกั ษณะ ทําให้รูปร่างของ halo นนั้ มหี ลายชนดิ ด้วยคอื วงกลม, วงรี, เส้นโค้ง, เส้นตรง และจดุ มที งั้ สรี ุ้งและสขี าว แตท่ ด่ี เู ป็ น “ทรงกลด” เป็ นวงกลมหรือคอ่ นข้างกลมคล้ายร่มขนาดใหญ่คือ 22° halo, 46° halo, circumscribed halo, parhelic circle และ pyramidal crystal halo บางครัง้ เห็นทรงกลดเต็มวง บางครัง้ เห็นไมเ่ ตม็ วง ขนึ ้ อยกู่ บั ผลกึ นาํ ้ แขง็ ในเมฆวา่ เป็ นอยา่ งไร 120
22° halo (เฮโลห่ รือทรงกลด 22 องศา) เป็ นวงกลมสรี ุ้งรอบดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ มรี ัศมี 22 องศา เป็นทรงกลดทีม่ โี อกาสเห็นมากทีส่ ดุ ดวงอาทติ ย์ทรงกลดแบบ 22 องศา ถ่ายโดยผ้เู ขยี น 29 มิถนุ ายน 2553 เวลา 11:33:46 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/2000 วินาท,ี f/8, ISO 80 ในภาพนเี ้มฆ Altocumulus ทางซ้ายมอื ไมท่ ําให้เกิดทรงกลดแบบ halo สว่ นเมฆ Cirrostratus ทางขวามือทําให้เกิดทรงกลดแบบ 22 องศา ถา่ ยโดยผ้เู ขยี น 17 กนั ยายน 2554 เวลา 13:03:14 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1600 วินาท,ี f/8, ISO 80 121
การเกิดอาทติ ย์ทรงกลดแบบ 22 องศา แสงอาทิตย์ (จากทางขวามือ) สอ่ งผา่ นแทง่ ผลกึ นาํ ้ แขง็ ในเมฆ เกิดการหกั เห แล้วมาเข้าตาของเรา ทีม่ า http://www.atoptics.co.uk/halo/circ2.htm 122
การดอู าทิตย์ทรงกลดให้ปลอดภยั ไมค่ วรจ้องมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปลา่ ใช้แวน่ กนั แดดก็ยงั ไมป่ ลอดภยั อาจใช้ตกึ , ต้น ไม้, เสาไฟฟ้ า, ฝ่ ามอื (เหยยี ดแขนออกไปให้สดุ ) ฯลฯ มาบงั ดวงอาทติ ย์ มมุ หลงั คาบ้านช่วยบงั ดวงอาทิตย์ ถ่ายโดยผ้เู ขยี น 17 กนั ยายน 2554 เวลา 12:32:04 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1600 วินาท,ี f/8, ISO 80 ฝ่ ามือบงั ดวงอาทติ ย์ ถ่ายโดยผ้เู ขยี น 4 กนั ยายน 2554 เวลา 12:34:06 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1250 วินาท,ี f/8, ISO 80 123
เราอาจวดั ขนาดองศาของวงทรงกลดอยา่ งงา่ ย ๆ โดยยน่ื แขนออกไปให้สดุ ปลอ่ ยนิว้ สบาย ๆ ตามธรรมชาติ ใช้นวิ ้ โป้ งบงั ดวงอาทติ ย์ ระยะจากปลายนวิ ้ โป้ งถงึ ปลายนวิ ้ ก้อยจะประมาณ 20 องศา การวดั ขนาดองศาของวงทรงกลด ถา่ ยโดยผ้เู ขยี น 17 กนั ยายน 2554 เวลา 12:31:16 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1600 วนิ าท,ี f/8, ISO 80 ดวงจนั ทร์ทรงกลด จะเห็นได้ยากกวา่ อาทติ ย์ทรงกลด เนอ่ื งจากสว่ นใหญ่จะเกิดเฉพาะบางคืนทดี่ วงจนั ทร์เต็มดวงหรือเกือบเต็มดวง ดวงจนั ทร์ทรงกลด ธนั วาคม 2003 ประเทศแคนาดา โดย Lauri Kangas ทมี่ า http://www.atoptics.co.uk/halo/circmoon.htm และ http://www.atoptics.co.uk/halo/22im4.htm 124
46° halo (เฮโลห่ รือทรงกลด 46 องศา) เป็ นวงกลมสรี ุ้งรอบดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ มีรัศมี 46 องศา ใหญ่กวา่ และมกั จางกวา่ แบบ 22 องศา อาทติ ย์ทรงกลดแบบ 46 องศา และแบบอื่น ๆ ท่ีขวั้ โลกเหนือ โดย Jon Oldroyd ที่มา http://www.atoptics.co.uk/halo/46hal.htm 125
circumscribed halo (เฮโลห่ รือทรงกลดแบบเซอร์คมั สไครบด)์ เป็ นเส้นสรี ุ้ง มีรูปร่างเปลยี่ นไปตามความสงู ของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์คือ เริ่มเกิดเม่อื ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์สงู 29 องศาจากขอบฟ้ า มีรูปร่างคล้ายรูปหวั ใจกลบั หวั , เมือ่ สงู ประมาณ 50-60 องศา จะเป็ นวงรี เมื่อสงู ขนึ ้ จะลดความรี และเม่อื ถงึ 90 องศา (กลางศรี ษะ) ก็จะ กลายเป็ นวงกลม เมอื่ สงู ประมาณ 29-70 องศา อาจเหน็ circumscribed halo รอบวงทรงกลด 22 องศา โดย circumscribed halo มคี วามสวา่ งและ สเี ข้มชดั เจนกวา่ วง 22 องศา, เมอ่ื สงู ประมาณ 70-90 องศา จะซ้อนทบั วง 22 องศา เห็นเป็ นวงเดยี วกนั ภาพจําลองการเกิด circumscribed halo ด้วยโปรแกรม HaloSim 3.6 เมือ่ ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์อยสู่ งู 35, 50 และ 90 องศา อาทติ ย์ทรงกลดแบบ circumscribed halo ดวงอาทติ ย์อยสู่ งู ประมาณ 60 องศา เห็นเส้น circumscribed เป็ นวงรี และด้านในมวี ง 22 องศา ถ่ายโดยผ้เู ขียน 4 กนั ยายน 2011 เวลา 10:27:33 น., อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1250 วนิ าท,ี f/8, ISO 80, Day light 126
parhelic circle (วงพาร์ฮีลกิ ) เป็ นวงกลมสขี าวตดั ผา่ นดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ อาจลองนกึ เปรียบเทยี บวา่ เหมือนหนงั ยาง 2 เส้นซ้อนกนั วง 22 องศา (หรือ circumscribed) เป็ นหนงั ยางเส้นหนง่ึ parhelic circle เป็ นหนงั ยางอกี เส้นท่ีมาวางซ้อนกนั วง parhelic circle จะขนานกบั เส้นขอบฟ้ า และ ขนาดจะเปลย่ี นไปตามความสงู ของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์คอื เมื่อดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ยงิ่ สงู วง parhelic circle ก็ย่ิงเลก็ ลงไปเร่ือย ๆ จนหายไปเมอ่ื ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์สงู 90 องศา หรืออยกู่ ลางศรี ษะ มกั ไมค่ อ่ ยเหน็ parhelic circle เต็มวง แตจ่ ะเห็นเป็ นเส้นโค้งตดั ผา่ น วง 22 องศา (หรือ circumscribed) Parhelic circle ท่ขี วั้ โลกใต้ 11 มกราคม ค.ศ. 1999 โดย Marko Riikonen ท่ีมา http://www.atoptics.co.uk/halo/spzenith.htm 127
parhelic circle เมอ่ื ดวงอาทิตยห์ รือดวงจนั ทร์สงู 22, 68 และ 79 องศา จําลองโดยโปรแกรม HaloSim 3.6 เส้นวงกลมใหญ่สดุ คือเส้นขอบฟ้ า สว่ นจดุ ศนู ย์กลางวงกลมใหญ่สดุ คอื ตาํ แหนง่ กลางศรี ษะของเรา จะเห็นวา่ เมื่อดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์สงู 22 องศา (หรือ circumscribed) parhelic circle จะเป็ นวงใหญ่ไปรอบท้องฟ้ า, เม่ืออยสู่ งู 68 องศา parhelic circle จะมีขนาดเทา่ วง 22 องศา (หรือ circumscribed) และเมอื่ สงู 79 องศา parhelic circle จะเข้าไปอยใู่ นวง 22 องศา (หรือ circumscribed) pyramidal crystal halo (ทรงกลดแบบผลึกพีระมิด) ทรงกลดที่หายากชนิดหนงึ่ เป็ นวงกลมหลายวงซ้อนกนั คล้ายหวั หอมหรือวงปีต้นไม้ วงทรงกลดทอี่ าจพบมี 9, 18, 20, 23, 24 และ 35 องศา อาทิตย์ทรงกลดแบบผลกึ พรี ะมิด ถา่ ยโดยผ้เู ขยี น 15 สงิ หาคม 2553 เวลา 15:57:37 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1250 วินาท,ี f/8, ISO 80 ภาพซ้ายเป็ นต้นฉบบั ท่ียงั ไมป่ รับแตง่ ภาพขวาปรับแตง่ เพือ่ ให้เหน็ ชดั เจนขนึ ้ จะเหน็ วงทรงกลดมากกวา่ 2 ชนั้ อา่ นคาํ อธิบายภาพนีเ้พิ่มเตมิ ได้ที่ http://www.atoptics.co.uk/fz524.htm 128
นอกจาก halo ดงั กลา่ วแล้วยงั มแี บบอน่ื ๆ ทไี่ มไ่ ด้เป็ นวง แตอ่ าจอนโุ ลมเรียกเป็ นทรงกลดด้วย ในที่นีข้ อยกตวั อยา่ งมาบางชนดิ circumhorizon arc (เส้นโค้งเซอร์คัมฮอไรซนั ) ยอ่ วา่ CHA เป็ นเส้นสรี ุ้งแนวนอนขนานกบั ขอบฟ้ า เกิดเมือ่ ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์อยสู่ งู กวา่ 58 องศา โดยเส้น CHA จะอยใู่ ต้ดวงอาทติ ย์, ดวงจนั ทร์, วง 22 องศา (ถ้าม)ี หรือ circumscribed halo (ถ้ามี) circumhorizon arc ฤดรู ้อน ปี 2003 New Brunswick ประเทศแคนาดา โดย Marc Sorensen ทม่ี า http://www.atoptics.co.uk/halo/cha2.htm circumzenithal arc (เส้นโค้งเซอร์คมั ซีนิทัล) ยอ่ วา่ CZA เป็ นเส้นโค้งหงายสรี ุ้งเหมอื นรอยยิม้ เกดิ เม่อื ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์อยตู่ ํ่ากวา่ 32 องศา เหน็ ชดั เจนทสี่ ดุ เม่อื อยทู่ ่ี 22 องศา และอาจเหน็ อยู่ เหนอื วงทรงกลด 22 องศา (ถ้าม)ี circumzenithal arc 21 มนี าคม 2002 Atacama Desert ประเทศชิลี โดย Sylvain Rondi ที่มา http://www.atoptics.co.uk/halo/cza.htm 129
infralateral arc (เส้นโค้งอนิ ฟราแลตเทอรัล) เส้นโค้งสรี ุ้งทเ่ี ปลยี่ นรูปร่างไปตามความสงู ของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ เมอ่ื ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ตํ่ากวา่ 60 องศา จะเป็ นเส้นโค้ง 2 เส้น อยคู่ นละข้างของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ และเมอ่ื ดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์อยสู่ งู มากกวา่ 60 องศา เส้นโค้งทงั้ สองจะมาเช่ือมกนั เป็ นเส้น โค้งเส้นเดยี วใต้วง 22 องศา (ถ้าม)ี หรือ circumscribed (ถ้าม)ี คล้าย CHA ภาพจําลองการเกิด infralateral arc ด้วยโปรแกรม HaloSim เมือ่ ดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์อยสู่ งู 22 และ 62 องศา infralateral arc (อยู่ 2 ข้างของดวงจนั ทร์) และ halo อน่ื ๆ ท่ีเกิดกบั ดวงจนั ทร์ 12 มีนาคม 2009 เวลา 22:42 เมอื ง Sotkamo ประเทศ ฟินแลนด์ โดย Marko Mikkilä ที่มา http://www.ursa.fi/blogit/ice_crystal_halos/index.php?title=title_35&more=1&c=1&tb=1&pb=1 และ http://markom.kuvat.fi/kuvat/Halo%20Photos/Sotkamo%203.12-09/_DSC3124.jpg 130
Infralateral arc ในภาพนีด้ วงอาทติ ย์อยสู่ งู จากขอบฟ้ าประมาณ 64 องศา เส้น infralateral กลายเป็ นเส้นโค้งใต้วง circumscribed ถา่ ยโดย ผ้เู ขยี น 4 กนั ยายน 2011 เวลา 10:49:22 - 10:49:30 น., อ.หางดง เชยี งใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/800 วนิ าท,ี f/8, ISO 80 เป็ นการนาํ 3 ภาพมารวมกนั ภาพซ้ายเป็ นต้นฉบบั ทยี่ งั ไมป่ รับแตง่ ภาพขวาปรับแตง่ ให้เหน็ ชดั เจนขนึ ้ ภาพจําลองเปรียบเทยี บ circumhorizon arc (CHA) และ infralateral arc เมื่อดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์อยสู่ งู 62 องศา โดยโปรแกรม HaloSim 3.6 ตงั้ คา่ ปริมาณแสงเทา่ กนั จะเห็นวา่ CHA สวา่ งกวา่ และมสี ชี ดั เจนกวา่ สว่ น infralateral arc เส้นโค้งมากกวา่ ในความเป็ นจริง บางครัง้ อาจแยกได้ยากวา่ เป็ นเส้นอะไร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เมื่อเกิดเป็ นเส้นสนั้ ๆ 131
Circumhorizon arc เกิดพร้อมกบั infralateral arc เห็นเส้นซ้อนกนั บางชว่ ง แต่ infralateral arc จะโค้งแยกออกไป (ขวามอื ในภาพ) ภาพโดย Bryce Bradford ที่มา http://www.atoptics.co.uk/fz333.htm supralateral arc (เส้นโค้งซพู ราแลตเทอรัล) เป็ นเส้นโค้งสรี ุ้งเหนือวง 22 องศา บางครัง้ คล้ายวง 46 องศา ข้อสงั เกตก็คือ 1. supralateral arc เกิดเมอื่ ดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์อยตู่ ่าํ กวา่ 32 องศาเทา่ นนั้ 2. supralateral arc สมั ผสั เส้น CZA เสมอ (ถ้ามี) สว่ นวง 46 องศาอยหู่ า่ งเส้น CZA เมอื่ ดวงอาทิตยห์ รือดวงจนั ทร์ตา่ํ กวา่ 15 องศา หรือสงู กวา่ 27 องศา 3. เมื่อเกิด supralateral arc เส้น upper tangent arc จะสวา่ งชดั เจน และเส้นวง 22 องศาจะจาง สว่ นวง 46 องศา เส้น upper tangent arc จะไมเ่ กิด หรือถ้าเกดิ ก็จะเป็ นเส้นจาง และเส้นวง 22 องศา จะชดั เจน 132
ภาพจําลองเปรียบเทยี บ supralateral arc และวงทรงกลด 46 องศา เมื่อดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์สงู 22 องศา โดยโปรแกรม HaloSim 3.6 ตงั้ คา่ ปริมาณแสงเทา่ กนั จะเหน็ วา่ supralateral arc จะชดั เจนกวา่ มเี ส้น tangent arc สวา่ งชดั เจน สว่ นวง 46 องศา จะเห็นวง 22 องศา ชดั เจน tangent arc (เส้นโค้งแทนเจนต์) เป็ นเส้นโค้งท่ีสมั ผสั วง 22 องศา ถ้าอยดู่ ้านบนเรียกวา่ upper tangent arc ถ้าอยดู่ ้านลา่ งเรียกวา่ lower tangent arc เกิดเม่ือดวงอาทิตย์หรือ ดวงจนั ทร์ต่าํ กวา่ 29 องศา 133
Parry arc (เส้นโค้งแพร์รี) เส้นโค้งท่ีเกิดเหนอื หรือใต้วง 22 องศา หรือเกิดตรงเส้น supralateral หรือ infralateral รูปร่างของเส้น Parry จะเปลยี่ นไปตามตาํ แหนง่ ความสงู ของดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ รูปร่างของเส้น Parry ท่ีเปลย่ี นไปตามความสงู ของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ ทีม่ า http://www.atoptics.co.uk/halo/parry1.htm supralateral, infralateral, upper tangent, lower tangent, Parry และ halo อ่นื ๆ 27 พฤศจกิ ายน 2011 Bavaria ประเทศเยอรมนี โดย Claudia และ Wolfgang Hinz ท่มี า http://www.ursa.fi/blogit/ice_crystal_halos/index.php?title=halo_display_from_upper_bavaria&more=1&c=1&tb=1&pb=1 http://www.ursa.fi/blogit/media/blogs/halos/Hinz/IMG_8759.jpg 134
pillar (พิลลาร์) ลาํ แสงลกั ษณะเหมือนเสา เกดิ เมอ่ื ดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์อยใู่ กล้ขอบฟ้ า จนถึงตกลบั ขอบฟ้ าไปประมาณ 60 นาที pillar 31 มกราคม 2001 Cold Lake, Alberta ประเทศแคนาดา โดย Joe Owen ทม่ี า http://www.atoptics.co.uk/halo/pilpic7.htm parhelion (พาร์ฮเี ลียน) หรือ sundog (ซนั ด็อก) บางครัง้ อาจเขยี นเป็ น sun dog เป็ นจดุ สรี ุ้ง บางครัง้ อาจเหน็ เป็ นแถบสนั้ ๆ อยขู่ ้างดวงอาทิตย์ บางครัง้ อาจเห็นทงั้ 2 ข้าง บางครัง้ อาจเห็นเพียงข้างเดยี ว บางครัง้ สวา่ งมากจน ดคู ล้ายดวงอาทิตย์มี 3 หรือ 2 ดวง sundog 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2009 ที่เมอื ง Fargo, North Dakota ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Gopherboy6956 ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Fargo_Sundogs_2_18_09.jpg 135
การเกดิ sundog แสงอาทติ ย์สอ่ งผา่ นด้านข้างของผลกึ นาํ ้ แข็งหกเหลยี่ มแบบแผน่ (hexagonal plate) ในเมฆ ทม่ี า http://www.atoptics.co.uk/halo/dogfm.htm เมือ่ ดวงอาทติ ย์ยง่ิ สงู sundog กจ็ ะยิ่งหา่ งจากดวงอาทติ ย์ ทม่ี า http://www.atoptics.co.uk/halo/dogalt.htm 136
sundog มสี รี ุ้ง โดยสแี ดงจะอยดู่ ้านใกล้ดวงอาทิตย์ สอ่ี ื่น ๆ จะเรียงออกไปตามลาํ ดบั เหมอื นสขี องรุ้งกินนํา้ ถา่ ยภาพโดย Mitsy Marx ท่มี า http://www.atoptics.co.uk/halo/dogcol.htm paraselene (พาราซลิ นี ี) หรือ moondog (มูนดอ็ ก) ลกั ษณะเหมือน sundog แตเ่ กิดกบั ดวงจนั ทร์ moondog 26 ธนั วาคม 2007 Snag, Yukon ประเทศแคนาดา โดย David Cartier ท่มี า http://www.atoptics.co.uk/halo/parmoon.htm 137
subsun (ซับซนั ) เป็ นจดุ สวา่ ง เหมือนภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ เหน็ ใต้แนวเส้นขอบฟ้ า จะมองเห็นได้จากท่ีสงู เช่น บนภเู ขา, เคร่ืองบนิ ฯลฯ หรือบนทีร่ าบท่มี หี ิมะตก subparhelion (ซบั พาร์ฮีเลียน) เป็ นจดุ สวา่ ง คล้ายภาพสะท้อนของ parhelion (sundog) ใต้แนวเส้นขอบฟ้ า มองเห็นได้จากที่สงู หรือบนท่ีราบท่ีมีหมิ ะตก subsun และ subparhelion 18 ตลุ าคม 2010 Sonnblickobservatorium บนเทือกเขา Alps ประเทศออสเตรีย โดย Hermann Scheer ท่มี า http://www.ursa.fi/blogit/ice_crystal_halos/index.php?title=superb_diamond_dust_display_in_austria&more=1&c=1&tb=1&pb=1 และ http://www.ursa.fi/blogit/media/blogs/halos/kaiser/scheer3-0835-CEST.jpg 138
halo กบั ความสูงของดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ halo ความสงู หรือมุมเงย (altitude) หมายเหตุ 22° halo เกิดได้ทกุ ความสงู 46° halo เกิดได้ทกุ ความสงู ตงั้ แตป่ ระมาณ 80 องศา ขนึ ้ ไป จะจางมาก circumhorizon arc สงู กวา่ 58 องศา ประมาณ 29-49 องศา จะคล้ายรูปหวั ใจกลบั หวั , circumscribed halo สงู กวา่ 29 องศา ประมาณ 50-60 องศาจะเป็ นวงรี, เมือ่ สงู ขนึ ้ ไปมากกวา่ 60 องศาจะกลมขนึ ้ circumzenithal arc ต่าํ กวา่ 32 องศา จน 90 องศา จะเป็ นวงกลม infralateral arc เกิดได้ทกุ ความสงู ชดั ท่สี ดุ ที่ 22 องศา ตํ่ากวา่ 60 องศาจะแยกเป็ น 2 เส้น, parhelic circle เกิดได้ทกุ ความสงู ตงั้ แตป่ ระมาณ 60 องศาขนึ ้ ไปจะเช่ือมเป็ นเส้นเดยี วกนั เม่อื สงู ขนึ ้ วงจะเลก็ ลงเร่ือย ๆ parhelion (sundog) ตาํ่ กวา่ 58 องศา โดยประมาณ จน 68 องศา จะเทา่ วง 22 องศา (หรือ circumscribed) Parry arc (ตา่ํ กวา่ 75 องศา โดยประมาณ?) และเมอื่ สงู เกิน 79 องศา จะเข้าไปอยใู่ นวง 22 องศา (หรือ pillar ใกล้ขอบฟ้ า (ช่วงประมาณ 18 circumscribed) องศาเหนอื ขอบฟ้ า จนถงึ 18 องศา ตงั้ แตป่ ระมาณ 40 องศา ขนึ ้ ไป จะจางมาก pyramidal crystal halo ใต้ขอบฟ้ า?) รูปร่างจะเปลยี่ นไปตามความสงู subsun เกิดได้ทกุ ความสงู ยาวและสวา่ งขนึ ้ หลงั ดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ตก (อาจเห็นจนถงึ subparhelion เกิดได้ทกุ ความสงู ประมาณ 60 นาที หลงั ตกลบั ขอบฟ้ า) supralateral arc ตํ่ากวา่ 58 องศา โดยประมาณ tangent arc ตา่ํ กวา่ 32 องศา ผ้สู งั เกตอยบู่ นท่สี งู เช่น ภเู ขา, เคร่ืองบิน ฯลฯ หรือบนทีร่ าบท่มี หี มิ ะตก ตํา่ กวา่ 29 องศา ผ้สู งั เกตอยบู่ นทีส่ งู เชน่ ภเู ขา, เครื่องบิน ฯลฯ หรือบนที่ราบที่มหี ิมะตก 139
รากศัพท์ช่อื halo circumhorizon arc – circum รอบ + horizon ขอบฟ้ า + arc เส้นโค้ง circumscribed halo – circum รอบ + scribe เขียน + halo วง circumzenithal arc – circum รอบ + zenith จดุ จอมฟ้ า จดุ เหนอื ศีรษะ + arc เส้นโค้ง infralateral arc – infra ใต้ + lateral ข้าง + arc เส้นโค้ง parhelic circle – par ข้าง + helic ดวงอาทิตย์ + circle วง parhelion – par ข้าง + helion ดวงอาทติ ย์ Parry arc – Parry มาจากช่ือของ Sir William Edward Parry (1790-1855) ผ้คู ้นพบ + arc เส้นโค้ง pillar – เสา pyramidal crystal halo – pyramidal พรี ะมิด + crystal ผลกึ นาํ ้ แขง็ + halo วง subparhelion – sub ใต้ + par ข้าง + helion ดวงอาทติ ย์ subsun – sub ใต้ + sun ดวงอาทติ ย์ sundog – sun ดวงอาทติ ย์ + dog สนุ ขั supralateral arc – supra เหนือ + lateral ข้าง + arc เส้นโค้ง tangent arc – tangent สมั ผสั + arc เส้นโค้ง 140
halo ท่พี บบอ่ ย ท่มี า http://www.atoptics.co.uk/halo/common.htm halo ทพ่ี บไมบ่ อ่ ย ทม่ี า http://www.atoptics.co.uk/halo/unusual.htm 141
โปรแกรมจาํ ลองการเกดิ halo ขอแนะนํา 2 โปรแกรม คอื HaloSim และ HaloPoint ทงั้ สองสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี โปรแกรม HaloSim 3.6 ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.atoptics.co.uk/halo/halfeat.htm อา่ นเพ่มิ เตมิ ได้จากบทความของผมเร่ือง การใช้โปรแกรม HaloSim จาํ ลองการเกดิ halo (วงแสง, ทรงกลด) เบอื้ งต้น โปรแกรม HaloPoint 2.0 ดาวน์โหลดได้ท่ี http://www.jukri.net/halopoint2.html 142
2. ทรงกลดแบบ corona (คอโรนา) เป็ นวงสรี ุ้งรอบดวงอาทติ ย์, ดวงจนั ทร์, ดาวท่สี วา่ งมาก หรือดวงไฟ เกิดจากแสงหกั เหผา่ นเมฆ, ละอองนาํ ้ , ฝ่ นุ , ควนั , ละอองเกสรดอกไม้, ฯลฯ อาจมวี งสรี ุ้งมากกวา่ 1 ชดุ แตส่ ว่ นใหญ่ไมเ่ กิน 3 ชดุ (1 ชดุ ประกอบด้วย 7 สคี อื มว่ ง คราม นํา้ เงิน เขยี ว เหลอื ง แสด และแดง) corona ทเี่ กิดจากเมฆ ถา่ ยโดยผ้เู ขียน 11 มนี าคม 2554 เวลา 12:12:21 น. อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/2500 วินาท,ี f/8, ISO 80 ภาพซ้ายเป็ นต้นฉบบั ทีย่ งั ไมป่ รับแตง่ ภาพขวาปรับแตง่ เพือ่ ให้เหน็ ชดั เจนขนึ ้ corona ทเ่ี กิดจากละอองเกสรดอกไม้ (pollen corona) 11 มถิ นุ ายน 1994 ประเทศฟินแลนด์ โดย Marko Riikonen ทีม่ า http://www.atoptics.co.uk/droplets/pollen1.htm 143
corona ทเี่ กิดจากไฟ spotlight บนเวที ในมวิ สกิ วีดโิ อเพลง One More Chance ของ Michael Jackson ปี 2003 เป็ นมิวสกิ วดี ิโอที่มี corona ตลอดเพลง ชมได้ท่ี http://www.michaeljackson.com/th/one-more-chance-video หรือ http://www.youtube.com/watch?v=-owpIWQMd80 บางครงั้ เราอาจเหน็ ทรงกลดแบบ corona เพียงวงชนั้ ในสดุ ขอบสแี ดงหรือสนี ํา้ ตาล มรี ัศมีน้อยกวา่ 5 องศา เรียกวา่ aureole (ออรีโอล) aureole ของดวงจนั ทร์ท่ีเกิดจากเมฆ ถา่ ยโดยผ้เู ขยี น 23 สงิ หาคม 2011 เวลา 21:47:46 น., อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1 วินาท,ี f/4.5, ISO 80, Day light 144
aureole ของดวงอาทติ ย์ทเี่ กิดจากหมอก ถา่ ยโดยผ้เู ขยี น 15 ธนั วาคม 2553 เวลา 7:11:28 น. อ.หางดง เชยี งใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/2500 วนิ าท,ี f/8, ISO 80, Day Light halo และ corona เกิดพร้อมกนั ถ่ายโดยผ้เู ขียน 29 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:06:20 น., อ.หางดง เชียงใหม่ กล้อง Canon PowerShot SX10 IS, 1/1250 วินาท,ี f/8, ISO 80, Day light 145
เว็บไซต์เก่ียวกบั ทรงกลดท่ีน่าสนใจ 1. Arbeitskreis Meteore e.V.: Halos http://www.meteoros.de/haloe.htm 2. Atmospheric Optics: Ice Halos http://www.atoptics.co.uk/halosim.htm 3. HaloPoint 2.0 http://www.jukri.net/halopoint2.html 4. Ice Crystal Halos http://www.ursa.fi/blogit/ice_crystal_halos 5. Sci4Fun http://sci4fun.com/skyobserve/skyobserver.html 6. ชมรมคนรักมวลเมฆ http://cloudloverclub.com บทความนถี ้ ้ามีสงิ่ ใดบกพร่องผดิ พลาด หรือมีคําแนะนําใด ขอความกรุณาชว่ ยแจ้งให้ผ้เู ขียนทราบ เพื่อจะได้แก้ไขปรับปรุงตอ่ ไป ขอบคณุ มากครับ ขอให้ทกุ คนมีความสขุ กบั การดทู รงกลดนะครับ (^_^) สามารถชมภาพตา่ ง ๆ ในบทความนี ้(แบบขยาย) ได้ที่ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.341996615851189.99693.179685445415641&type=3 หรือ http://www.facebook.com/hangdongstation คลกิ Photos > See All > Intro to halos 146
การทบั ศัพท์ halo แบบต่าง ๆ เป็ นภาษาไทย พิมพ์ครัง้ แรก 22 มถิ นุ ายน 2554, พมิ พ์ครัง้ ที่ 7 ปรับปรุง 24 มถิ นุ ายน 2555 คาํ อธิบาย 1. ใช้ หลกั เกณฑ์การทบั ศพั ท์ภาษาองั กฤษ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2535 2. รวบรวมคาํ ศพั ท์จากเว็บไซต์ Atmospheric Optics http://www.atoptics.co.uk 3. เรียงลาํ ดบั ตามอกั ษรภาษาองั กฤษ 4. บางคาํ ท่มี ีการแบง่ ประเภทยอ่ ย จะเรียงประเภทยอ่ ยภายใต้คาํ นนั้ ตวั อยา่ งเชน่ lower pillar และ upper pillar จะเรียงภายใต้คาํ วา่ pillar 5. เลขลาํ ดบั ที่ (No.) ผมใสไ่ ว้เพอื่ ให้ทราบจํานวนทงั้ หมด หรืออาจนาํ ไปใช้เป็ นรหสั เรียก ตวั อยา่ งเช่น หมายเลข 26 parhelic circle 6. คําท่อี ยใู่ นวงเลบ็ เหลยี่ ม [ ] ทงั้ หมด 6 คาํ เป็ นศพั ท์ท่ผี มบญั ญตั ขิ นึ ้ เองสาํ หรับดวงจนั ทร์ (ยงั ไมไ่ ด้ใช้กนั แพร่หลาย) โดยเปรียบเทยี บกบั ศพั ท์ทใี่ ช้กนั อยแู่ ล้วดงั นี ้ ศัพท์ท่ีผมบัญญตั ิใหม่ เปรียบเทยี บกบั selenic arc heliac arc subselenic arc subhelic arc antilunar arc antisolar arc Parry antilunar point Parry antisolar arc subparaselene subparhelion subparaselenic circle subparhelic circle 7. สทั อกั ษรสากล (International Phonetic Alphabet - IPA) ใช้ตามเวบ็ ไซต์ Dictionary.com http://dictionary.reference.com ซงึ่ เป็ นเว็บไซต์ที่รวบรวม dictionary ภาษาองั กฤษไว้หลายเลม่ 8. ได้ตรวจสอบเพมิ่ เตมิ กบั หนงั สอื dictionary ทมี่ ีช่ือเสยี งเลม่ อืน่ ด้วยคือ Longman Dictionary of Contemporary English (รวบรวมการออกเสยี งทงั้ แบบ British English และ American English) ฉบบั ลา่ สดุ ปี 2006 และ Webster’s New World Dictionary of American English ปี 1994 9. คาํ ทีไ่ มม่ ีสทั อกั ษรสากลสาํ หรับคาํ นนั้ โดยเฉพาะ จะใช้วธิ ีเทยี บเคยี งกบั คาํ ท่ีใกล้เคยี งกนั 10. หรือใช้วธิ ีนาํ เสยี งของคาํ ทใ่ี กล้เคยี งกนั มารวมกนั โดยในทนี่ ีจ้ ะใสเ่ ครื่องหมายบวก + 11. ในกรณีท่หี าคําใกล้เคยี งไมไ่ ด้ จะใช้วธิ ีเทยี บเสยี ง โดยคํานงึ ถงึ ความสะดวกของการออกเสยี งในภาษาไทย 12. คําท่อี อกเสยี งได้มากกวา่ หนงึ่ จะเลอื กเพียงเสยี งเดียว โดยพิจารณาจากความนยิ มในการทบั ศพั ท์ และความสะดวกของการ ออกเสยี งในภาษาไทย 147
13. คําที่ประกอบด้วยรากศพั ท์ “para” จะทบั ศพั ท์เป็ น “พารา” ตามความนยิ ม แม้บางคําจะออกเสยี งใกล้เคยี งวา่ “แพรา” ก็ตาม ตวั อยา่ งเช่น paraselene ออกเสยี งวา่ /ˌpærəsɪˈlini/ จะทบั ศพั ท์วา่ “พาราซลิ นี ี” ไมใ่ ช้ “แพราซิลนี ี” 14. สว่ นคาํ วา่ parantiselene มาจากคําวา่ par และ antiselene ดงั นนั้ จงึ ทบั ศพั ท์เป็ น “พาร์แอนตซิ ิลนี ี” 15. พจนานุกรมศพั ท์ภมู ศิ าสตร์ ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4 พ.ศ. 2549 หน้า 284 บญั ญตั ิศพั ท์ “halo” วา่ “วงแสง” ซง่ึ คาํ นยี ้ งั ไมค่ รอบคลมุ halo ทงั้ หมด เนือ่ งจาก halo บางชนิดไมไ่ ด้เป็ น “วงแสง” แตเ่ ป็ นเส้นตรง ตวั อยา่ งเชน่ pillar หรือเป็ นจดุ ตวั อยา่ งเช่น antisolar point 16. และหน้า 146 บญั ญตั ศิ พั ท์ “corona” วา่ “ทรงกลด” ซง่ึ มคี วามคลาดเคลอื่ น เนื่องจาก halo บางชนดิ ก็นยิ มเรียกวา่ “ทรงกลด” เชน่ กนั ตวั อยา่ งเช่น 22° halo 17. นอกจากนีห้ น้า 42 บญั ญตั ศิ พั ท์ “aureole” วา่ “ปริมณฑลสมั ผสั ” โดยมีความหมายเฉพาะเกี่ยวกบั งวงแหวนทีเ่ นือ้ หนิ เพียง อยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ แต่ aureole ยงั มีความหมายอ่นื ด้วยคือ เป็ นวงชนั้ ในสดุ ของ corona 18. พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 หน้า 74 นยิ ามคาํ วา่ “กลด” ตอนหนงึ่ วา่ “ร่มขนาดใหญช่ นดิ หนง่ึ ... เรียกดวงอาทิตย์หรือดวงจนั ทร์ทม่ี แี สงสรี ุ้งเป็ นวงกลมล้อมรอบวา่ ดวงอาทิตย์ทรงกลด ดวงจนั ทร์ทรงกลด” ดงั นนั้ ทงั้ corona และ halo (บางประเภท) จงึ สามารถเรียกวา่ “ทรงกลด” ได้ทงั้ คู่ 19. สว่ น aureole เน่อื งจากชนั้ ในมสี ขี าวและขอบบอกเป็ นสแี ดงหรือแดงอมนาํ ้ ตาล ไมไ่ ด้เป็ นสรี ุ้ง จงึ ไมไ่ ด้เป็ นทรงกลดตามนยิ ามนี ้ นอกจากจะปรับนยิ ามใหมว่ า่ ไมต่ ้องเป็ นสรี ุ้งก็ได้ 20. ในความคิดเห็นสว่ นตวั ของผมคดิ วา่ ควรจะปรับ เพราะ “ทรงกลด” นนั้ มคี วามหมายเน้นถงึ รูปร่างวงกลมเหมอื นกลดหรือร่ม ขนาดใหญ่ มากกวา่ เน้นเร่ืองสรี ุ้ง ในภาษาเหนือกเ็ รียก “ทรงกลด” วา่ “กา๋ งจ้อง” คอื “กางร่ม” ดงั นนั้ หากปรับนยิ ามเป็ น “...เรียกดวงอาทติ ย์หรือดวงจนั ทร์ทเ่ี ป็ นวงกลมล้อมรอบวา่ ดวงอาทติ ย์ทรงกลด ดวงจนั ทร์ทรงกลด” aureole และ halo อกี บางชนดิ ท่เี ป็ นวงกลมและไมม่ สี รี ุ้ง (ตวั อยา่ งเชน่ parhelic circle) ก็จะเป็ น “ทรงกลด” ด้วย 21. ในหนงั สอื ค่มู ือเคร่ืองมอื ตรวจอากาศ เขียนโดย นาวาโทไสว สวุ รรณพงศ์ จดั พิมพ์โดย กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา พ.ศ. 2527 หน้า 29 ได้ใช้คาํ ดงั นี ้“ปรากฏการณ์ทรงกลด - halo phenomena, วงแสง – corona” ซง่ึ การใช้คาํ ดงั กลา่ วตรงข้ามกบั ใน พจนานกุ รมศพั ท์ภมู ิศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2549 22. พจนานุกรมองั กฤษ-ไทย SE-ED’s Modern English-Thai Dictionary พ.ศ. 2544 หน้า 41 ได้แปล “aureole” วา่ “รัศมี คล้ายแสงเรืองรอบศีรษะของภาพเทพเจ้า, แสงหรือสที ี่มลี กั ษณะดงั กลา่ ว” , หน้า 194 แปล “corona” วา่ “ทรงกลด” และหน้า 403 แปล “halo” วา่ “รศั ม,ี ทรงกลด” 23. พจนานุกรมศพั ท์ดาราศาสตร์องั กฤษ-ไทย จดั พมิ พ์โดย สมาคมดาราศาสตร์ไทย พ.ศ. 2548 หน้า 42 บญั ญตั ศิ พั ท์ “corona” วา่ “คอโรนา” และหน้า 74 “halo” วา่ “กลด, วงแสง” 24. เพ่อื ไมใ่ ห้มคี วามหมายคลาดเคลอ่ื นหรือลกั ลน่ั ผมจงึ เสนอวา่ ควรใช้วิธีทบั ศพั ท์ภาษาองั กฤษ ดกี วา่ วิธีคดิ คาํ ขนึ ้ ใหมโ่ ดยผกู คาํ ไทย ดงั ในตารางนี ้ คาํ ศพั ท์ สัทอกั ษร คู่มือ พจนานุกรม พจนานุกรม พจนานุกรม คาํ ท่ีผมคดิ ว่า สากล เคร่ืองมอื ตรวจ องั กฤษ-ไทย ศพั ท์ดาราศาสตร์ ศพั ท์ภมู ิศาสตร์ น่าจะใช้ aureole /ˈɔriˌoʊl/ อากาศ SE-ED’s องั กฤษ-ไทย ฉบบั ออรีโอล corona /kəˈroʊnə/ พ.ศ. 2527 พ.ศ. 2544 พ.ศ. 2548 ราชบณั ฑิตยสถาน คอโรนา halo /ˈheɪloʊ/ เฮโล่ - รัศมี - พ.ศ. 2549 วงแสง ทรงกลด คอโรนา (ปริมณฑลสมั ผสั ) ทรงกลด รัศมี, ทรงกลด กลด, วงแสง ทรงกลด วงแสง 148
25. อยา่ งไรก็ตาม จากเหตผุ ลในข้อ 20. เราอาจเรียก aureole, corona และ halo (บางชนิด) วา่ “ทรงกลดแบบออรีโอล”, “ทรงกลดแบบคอโรนา” และ “ทรงกลดแบบเฮโล”่ หรือบางครัง้ อาจเรียกแบบสนั้ ๆ ง่าย ๆ วา่ “ทรงกลด” 26. คําวา่ halo ท่ที บั ศพั ท์เป็ น “เฮโล”่ ไมใ่ ช้ “เฮโล” เนื่องจากจะไปพ้องกบั คําไทยวา่ “เฮโล” ทีพ่ จนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 หน้า 1407 ได้นยิ ามวา่ “อาการทคี่ นหมมู่ ากพรูกนั ไปยงั ท่ีแหง่ เดียวกนั ” ดงั นนั้ จงึ ใสเ่ คร่ืองหมายวรรณยกุ ต์เอก ตามหลกั เกณฑก์ ารทบั ศพั ท์ภาษาองั กฤษ ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน ข้อ 5หน้า 4 ทงั้ นไี ้ ด้คาํ นงึ ความสะดวกในการออกเสยี งใน ภาษาไทยด้วย 27. และไมใ่ ช้วา่ “ฮาโล” เนื่องจากไมใ่ กล้เคยี งกบั การออกเสยี งภาษาองั กฤษทงั้ แบบ British English และ American English 28. คําศพั ท์ทมี่ คี ํานามหรือคาํ คณุ ศพั ท์ทว่ั ไปมาประกอบ จะแปลคาํ นามหรือคาํ คณุ ศพั ท์นนั้ เป็ นคาํ ไทยดงั นี ้ คาํ นามและคาํ คุณศพั ท์ ใช้ว่า arc เส้นโค้ง circle วง crystal ผลกึ halo เฮโล,่ ทรงกลด (สาํ หรับ halo บางชนดิ ) point จดุ pyramidal พรี ะมิด 29. นอกจากนตี ้ วั เลข และองศา ก็จะแปลเป็ นคําไทย ตวั อยา่ งเช่น 22° halo จะใช้วา่ “เฮโล่ 22 องศา, ทรงกลด 22 องศา” 30. ทงั้ หมดนีเ้ป็ นเพยี งความคิดเหน็ สว่ นตวั ของผมเทา่ นนั้ หากพบวา่ มขี ้อผดิ พลาด บกพร่อง หรือมีข้อเสนอแนะ กรุณาแจ้งให้ผมทราบเพ่อื จะได้แก้ไขปรับปรุง เป็ นประโยชน์แกก่ ารศกึ ษา ขอขอบพระคณุ ลว่ งหน้ามา ณ ท่นี ี ้ 149
การทบั ศัพท์ halo ต่าง ๆ เป็ นภาษาไทย ลาํ ดับท่ี halo สทั อกั ษรสากล ภาษาไทย เฮโล่ 22 องศา, ทรงกลด 22 องศา 1. 22° halo /ˈheɪloʊ/ เฮโล่ 46 องศา, ทรงกลด 46 องศา 2. /ˈheɪloʊ/ แอนทีเลยี น 3. 46° halo /æntˈhiliən, ænˈθi-/ แอนติซิลนี ี 4. /ˈæntaɪ, ˈænti/ + /sɪˈlini/ เส้นโค้งเซอร์คมั ฮอไรซนั 5. anthelion /sɜrkəm/ + /həˈraɪzən/ + /ɑrk/ เฮโลแ่ บบเซอร์คมั สไครบด์, 6. /ˈsɜrkəmˌskraɪb, ˌsɜrkəmˈskraɪb/ ทรงกลดแบบเซอร์คมั สไครบด์ antiselene + /ˈheɪloʊ/ เส้นโค้งเซอร์คมั ซนี ทิ ลั circumhorizon arc /sɜrkəm/ + /ˈzinəθəl or, เส้นโค้ งดิฟฟิ วส์ especially Brit., ˈzɛnə-/ + /ɑrk/ เส้นโค้งเฮสตงิ circumscribed halo /v. dɪˈfyuz; adj. dɪˈfyus/ + /ɑrk/ เส้นโค้งฮีลแิ อก /heɪst/ + /‐ɪŋ/ + /ɑrk/ เส้นโค้งอนิ ฟราแลตเทอรัล 7. circumzenithal arc /ˈhiliˌæk/ + /ɑrk/ เส้นโค้งโลวิตซ์ เส้นโค้งโลวิตซ์ลา่ ง 8. diffuse arc /ˈɪnfrə/ + /ˈlætərəl/ + /ɑrk/ เส้นโค้งโลวติ ซ์กลาง 9. Hasting arc เส้นโค้งโลวติ ซ์บน 10. heliac arc + /ɑrk/ เส้นโค้งมอยลาเนน 11. infralateral arc + /ɑrk/ พาราซิลนี ,ี + /ɑrk/ มนู ด็อก Lowitz arc + /ɑrk/ พาราซิลนี ี 22 องศา 12. lower Lowitz arc + /ɑrk/ พาราซิลนี ี 44 องศา 13. middle Lowitz arc /ˌpærəsɪˈlini/, พาราซิลนี ี 120 องศา, 14. upper Lowitz arc /mun/ + /dɔg, dɒg/ พาร์แอนติซิลนี ี 15. Moilanen arc วงพาราซลิ นี กิ /ˌpærəsɪˈlini/ paraselene /ˌpærəsɪˈlini/ พาร์ฮีเลยี น, (moondog) /ˌpærəsɪˈlini/, ซนั ดอ็ ก /pɑr/ + /ˈæntaɪ, ˈænti/ + /sɪˈlini/ พาร์ฮีเลยี น 22 องศา 16. 22° paraselene พาร์ฮีเลยี น 44 องศา 17. 44° paraselene /pɑˈrɑ, ˈpɑrɑ/ + /sɪˈlinɪk, -ˈlɛnɪk/ พาร์ฮีเลยี น 120 องศา, 18. 120° paraselene + /ˈsɜrkəl/ พาร์แอนทเี ลยี น /pɑrˈhiliən, -ˈhilyən/, วงพาร์ฮีลกิ (parantiselene) /ˈsʌnˌdɔg, -ˌdɒg/ เส้นโค้งแพร์รี 19. paraselenic circle /pɑrˈhiliən, -ˈhilyən/ /pɑrˈhiliən, -ˈhilyən/ parhelion /pɑrˈhiliən, -ˈhilyən/, (sundog) /pɑr/ + /æntˈhiliən, ænˈθi-/ 20. 22° parhelion /pɑr/ + /ˈhilɪks/ + /ˈsɜrkəl/ 21. 44° parhelion /ˈpæri/ + /ɑrk/ 22. 120° parhelion (paranthelion) 23. parhelic circle Parry arc 150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154