Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำถามสร้างทักษะชีวิต7green

คำถามสร้างทักษะชีวิต7green

Published by Thalanglibrary, 2020-11-13 10:12:11

Description: 04_6คำถามสร้างทักษะชีวิต7green

Search

Read the Text Version

สาระการเรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอื่ ง การเคลอื่ นไหวรา่ งกาย เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง ที่ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละไม่ใชอ้ ปุ กรณ ์ 1. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด สาระที่ 3 การเคลอื่ นไหว การออกก�ำลังกาย การเล่นเกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ 3.1 มีทักษะในการเคลื่อนไหว เข้าใจกิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม และกฬี า ตวั ชว้ี ดั พ 3.1 ป.2/1 ควบคมุ การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายขณะอยกู่ บั ที่ เคลอ่ื นท ี่ และใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบ 2. วัตถุประสงค์ 1. มที กั ษะในการเคลอ่ื นไหวรา่ งกายแบบเคลอ่ื นทแ่ี ละใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบ 2. มีทักษะการควบคมุ ตนเอง ท้งั ทางกายและทางอารมณ์ 3. เนอ้ื หาสาระ : การพัฒนาตนเองและเตรียมความพร้อมในการเคล่ือนไหว โดยการแสดงความสามารถเชงิ ทักษะทางกาย 5 ประการ 90 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูท้ ี่เชือ่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ”

4. สมรรถนะส�ำคัญ : • ความสามารถในการแก้ไขปญั หา • ความสามารถในการควบคุมตนเอง ทางร่างกาย และทางอารมณ์ 5. สอ่ื การเรยี นรู้ : • เพลง “ออกก�ำลัง” • เชอื กกระโดด ไมส้ �ำหรบั ทรงตวั ราวไม้ ลกู บอล บนั ได • ใบความรูเ้ รอื่ ง “ทกั ษะทางกาย 5 ประการ” 6. ภาระงาน/ชิ้นงาน : ฝกึ ปฏิบัติการเคลอื่ นไหวและการทรงตวั เพื่อท�ำให้เกิดทกั ษะ 5 ประการ คือ กระโดดเชือก เดินทรงตัวบนราวไม้ ม้วนตัวข้ามราวไม้ ขั้นบันได ยกเคล่อื นท่ีได้ เลี้ยงลูกบอลออ้ มสิง่ กีดขวาง 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมครงั้ ท่ี 1 1. ครเู รยี กแถวรวมกลมุ่ นกั เรยี น เพอ่ื อบอนุ่ รา่ งกาย โดยการวง่ิ อยกู่ บั ท ี่ จากว่ิงชา้ ๆ เป็นวิ่งเร็วๆ สลับกันไป 5 คร้ัง 2. ครใู หส้ ัญญาณนกั เรยี นน่ังลงกับพน้ื จัดแถวท่นี ่ังให้เปน็ ระเบียบ 3. ครูน�ำนักเรียนสนทนาถึงความส�ำคัญของการเคล่ือนไหวอย่าง คล่องแคล่ว แลว้ ตง้ั ค�ำถาม เพื่อกระต้นุ ใหน้ กั เรียนคดิ วเิ คราะห์ และ เชือ่ มโยงกจิ กรรมที่ได้เรียนมา • นกั เรยี นเคยสะดดุ แลว้ หกลม้ บา้ งไหม เชน่ สะดดุ บนั ได สะดดุ เทา้ เพอ่ื น สะดดุ กอ้ นหนิ ฯลฯ คดิ วา่ เปน็ เพราะอะไร (6. ถามเพอื่ เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรทู้ เี่ ชอื่ มโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 91

• นักเรียนคิดว่า การเคล่ือนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วและ การทรงตัวท่ีดี มีประโยชน์อะไรบ้างในชีวิตประจ�ำวัน (6. ถามเพื่อ เชือ่ มโยงกบั ชวี ติ จริง) • นักเรียนคิดว่า เราจะต้องฝึกฝนตนเองอย่างไรบ้าง จึงจะไม่หกล้ม แลว้ บาดเจ็บมาก (4. ถามเพือ่ กระตุน้ จินตนาการ ต่อยอดความคดิ ) คำ� ตอบทเ่ี ปน็ ไปได้ การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายอยา่ งคลอ่ งแคล่ว และการทรงตวั ท่ดี ี ยอ่ มชว่ ยให้ หลีกเล่ยี งภยั อนั ตรายและการบาดเจ็บทร่ี นุ แรง เมอ่ื ลม้ ปะทะ หรือชนเขา้ กบั สิ่งใด และยังมีประโยชน์ในเวลาที่มีภัย หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น วิ่งหนี สนุ ขั กดั ว่งิ หนสี ตั วท์ ีเ่ ป็นอนั ตราย หลบหลกี สงิ่ กีดขวาง 4. ครูฝึกให้นักเรียนเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว โดยที่นักเรียน คอยช่วยเหลือกนั และดแู ลความปลอดภยั ให้แก่กนั 5. จากนน้ั ครสู าธติ การฝกึ ทกั ษะ 5 ประการ โดยจัดเปน็ ฐานกิจกรรม 5 ฐานดังน้ี ฐานกิจกรรมที่ 1 กระโดดเชือกเท้าชิดกัน โดยแกว่งเชือกด้วยตนเองไป ขา้ งหนา้ 10 ครงั้ และไปข้างหลงั 10 คร้ัง ฐานกิจกรรมที่ 2 การทรงตัวบนไม้หรือก�ำแพงอิฐสูงประมาณ 1 ฟุต ระยะทางประมาณ 10 ฟุต หรอื ไมน่ ้อยกว่า 3 เมตร การฝึกหัดเดินทรงตัวจะช่วยให้บุคลิกลักษณะดี เดินได้อย่างสง่า การฝึกหัดอาจกระท�ำได้ง่ายๆ โดยขีดเส้น แล้วฝึกเดินอยู่ในเส้น หรือ เดนิ บนขอบถนนทก่ี วา้ งไมเ่ กนิ 5 นว้ิ เมอื่ เดนิ ไดด้ ขี น้ึ จงึ คอ่ ยๆ เพม่ิ ความสงู 92 ภาคทสี่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ีเ่ ช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต”

ฐานกิจกรรมที่ 3 การม้วนตวั ข้ามราวไม้ หงายมอื ทง้ั สองจับราวไมข้ ึ้นสงู อยา่ งน้อยบัน้ เอวของตน แลว้ มว้ นตัวขา้ ม ราวไมน้ ั้น ซึ่งท�ำไดโ้ ดย • หงายมือจบั ราวไมใ้ หแ้ นน่ โนม้ ตวั ไปข้างหนา้ ให้ราวพาดทอ้ ง • งอแขนใหม้ าก ตวั งอ กม้ ศีรษะให้ชดิ หน้าอกมากท่สี ดุ ม้วนตวั โดย คอ่ ยๆ เลอ่ื นตัวลงข้างหน้า งอศอกพร้อมทีจ่ ะเหนยี่ วตวั ใหต้ ดิ กับราว จนกระท่ังตัวม้วนลงจากราว ฐานกิจกรรมที่ 4 การขนึ้ บนั ไดที่ยกเคลอ่ื นท่ีได้ (บนั ไดที่ใชส้ �ำหรับกจิ กรรมนี้ ต้องแข็งแรงพอที่จะรบั น�้ำหนักได้ และตอ้ ง อยู่ในสภาพท่ดี ี ไม่ช�ำรุด) • ยกบนั ไดวางพน้ื หรอื พาด หรอื พงิ ใหม้ นั่ คง ไมล่ ม้ ถา้ เปน็ บนั ไดทพ่ี บั ได ้ ควรสับขอใหเ้ รยี บรอ้ ยเมือ่ กางออก • มอื เกาะบนั ได กา้ วขึน้ ทลี ะขนั้ ด้วยความระมัดระวงั • การไต่ลง ให้ถอยหลังลงทีละก้าว พร้อมกับลดมือลงจับตัวบันได เลอื่ นมอื ตามลงไปเร่ือยๆ จนก้าวลงถงึ พ้นื ฐานกิจกรรมท่ี 5 การเล้ียงลกู บอลอ้อมส่ิงกีดขวาง ในการเลย้ี งลกู บอล สายตาจะตอ้ งมองทล่ี กู บอล พรอ้ มกบั เขย่ี ลกู บอลไป ข้างหน้า อาจจะเล้ียงด้วยเท้าด้านใน ท้ังซ้ายและขวา เขี่ยลูกเบาๆ สลับกับ การเล้ียงลูกบอลด้วยหลังเท้า ใช้เท้าเข่ียลูกไปข้างหน้า ฝึกหัดเล้ียงลูกบอล หยุดลูกบอล เปล่ียนทิศทางให้เร็วขึ้นจนอ้อมเคร่ืองกีดขวางได้ 6 อย่าง ในระยะทางไม่เกนิ 18 เมตร ภาคทสี่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ เี่ ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 93

กิจกรรมคร้งั ที่ 2 1. แบง่ กลุ่มนักเรยี นเพื่อฝกึ ปฏบิ ตั ทิ กั ษะ 5 ประการ ตามฐาน โดยเนน้ ใหร้ ะมดั ระวงั การเกดิ อบุ ตั เิ หตุ และระวงั ความพลาดพลง้ั ในการเลน่ จนท�ำให้บาดเจ็บ จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน เป็นผู้คอยดูแล ช่วยเหลอื และเตือนเพอ่ื น หรอื เฝ้าระวังการเกดิ อบุ ตั เิ หตุของเพือ่ นๆ 2. เม่ือการฝึกเสร็จส้ินลง ครูรวมนักเรียนเข้าด้วยกัน แล้วน�ำนักเรียน ขับร้องเพลง พร้อมทั้งปรบมือให้จังหวะไปด้วย เพื่อเตรียม ความพรอ้ มใหแ้ กน่ ักเรียนสูก่ ารเรยี นร้ปู ระเด็นต่อไป เพลงออกก�ำลงั ออกก�ำลังกายดว้ ยการร้องร�ำท�ำเพลง ใหค้ รน้ื เครงเสยี งเพลงบรรเลงจับใจ เรารอ้ งเพลงไป ไมม่ ีหม่นหมองฤทยั เพราะเราเพลินใจด้วยการร้องร�ำท�ำเพลง 3. ครูต้งั ค�ำถามน�ำการสนทนาและแสดงความคิดเห็น • นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไรในการฝึกทักษะทั้ง 5 ประการ (2. ถามความรู้สึก) • นักเรียนชอบกิจกรรมฐานใดมากท่ีสดุ เพราะอะไร (3. ถามเพ่อื สะทอ้ นความคดิ ความรสู้ กึ ความเช่ือของตน) • นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง จากการฝึกทักษะในฐานกิจกรรม (1. ถามสรุปความคิด และเนอ้ื หา) 94 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เี่ ชือ่ มโยงสู่ “ทักษะชีวิต”

คำ� ตอบทีเ่ ป็นไปได้ เชน่ เห็นเพ่ือนไม่พอใจ, เห็นการแย่งกันเล่น, เห็นเพื่อนต่อว่ากัน, เหน็ เพอ่ื นชว่ ยเหลอื กนั , เหน็ เพอื่ นหวั เราะกนั , เหน็ เพอื่ นหลน่ ลงพนื้ ฯลฯ • ระหว่างการฝึก มีสิ่งใดบ้างที่ท�ำให้นักเรียนไม่มีความสุข เราจะ แกไ้ ขอยา่ งไรให้ตวั เราและเพื่อนมคี วามสขุ (3. ถามเพื่อสะท้อน ความคดิ มุมมอง ความเช่ือของตน) • การฝึกทักษะใดที่ยากท่ีสุด และผู้เรียนท�ำอย่างไรจึงฝึกได้ (3. ถามเพ่ือสะท้อนความคดิ มุมมอง ความเชื่อของตน) • การฝกึ ทกั ษะใดทต่ี อ้ งใชส้ มาธอิ ยา่ งมากจงึ จะไมเ่ กดิ อนั ตรายกบั ตวั เอง (3. ถามเพ่อื สะทอ้ นความคดิ มุมมอง ความเช่ือของตน) ค�ำถามข้างต้นต้องการให้นักเรียนได้สะท้อนสิ่งที่เขาได้สัมผัสและ รบั รใู้ หม้ ากทส่ี ดุ ไมต่ อ้ งการค�ำตอบทเี่ ปน็ หลกั การถกู -ผดิ แตค่ รจู ะตอ้ ง เตมิ เตม็ ความเขา้ ใจ และความคดิ เหมาะสมใหก้ บั นกั เรยี น ทนั ทที นี่ กั เรยี น มคี วามเข้าใจหรอื ความคดิ เหน็ ทอี่ าจเป็นปญั หาตอ่ ไปในอนาคต 4. ครตู งั้ ค�ำถามตอ่ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นทกุ คนไดฉ้ กุ ใจคดิ และรบั รถู้ งึ ความส�ำคญั ของการควบคมุ ตนเองและการรจู้ กั ผอ่ นคลายความเครยี ดใหก้ บั ตนเอง • นักเรียนได้อะไรจากการฝึกทักษะการเคล่ือนไหวครั้งนี้บ้าง (3. ถามเพอ่ื สะท้อนความคดิ มุมมอง ความเช่อื ของตน) • นกั เรียนมีความรู้สึกกลัวหรือกงั วลบ้างหรอื ไม่ กอ่ นการฝกึ แล้ว นักเรียนท�ำอย่างไรจึงผ่านพ้นการฝึกมาได้ (3. ถามเพ่ือสะท้อน ความคดิ มุมมอง ความเชอ่ื ของตน) ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่เชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ” 95

• ในโอกาสตอ่ ไปถา้ นกั เรยี นไดฝ้ กึ อกี จะกลวั หรอื กงั วลใจอกี หรอื ไม่ เพราะอะไร (4. ถามเพอื่ กระตุน้ จินตนาการ ต่อยอดความคดิ ) ครใู ห้ข้อคดิ เพม่ิ เตมิ ในชวี ติ จรงิ ของคนเรา ยงั มเี หตกุ ารณอ์ กี มากทเี่ ดก็ ๆ จะตอ้ งเผชญิ และได้ใชท้ ักษะทงั้ 5 ที่ไดฝ้ ึกไป ผ้เู รยี นควรตัง้ สติ คดิ ไตร่ตรองวา่ จะ ท�ำอยา่ งไรใหต้ วั เองรอดพน้ จากความสญู เสยี ในเหตกุ ารณท์ ตี่ อ้ งเผชญิ เช่น วิง่ หนฝี ูงผึ้ง วิ่งหนผี รู้ ้าย ข้ามสิ่งกีดขวางไปชว่ ยเหลือผูอ้ น่ื การไป พักแรม การเอาตัวรอดจากเหตกุ ารณแ์ ผน่ ดินไหว เปน็ ตน้ 5. ครถู ามปดิ ทา้ ยกจิ กรรม • นักเรียนคิดว่า อะไรคือสิ่งส�ำคัญท่ีสุด ท่ีช่วยให้เราเผชิญกับ ความยากล�ำบากได้ เชน่ การเดนิ บนไม้ การปนี บนั ได การมว้ นตวั บนราวไม้ หรือการท�ำงานอ่ืนๆ ให้ส�ำเร็จ (4. ถามเพื่อกระตุ้น จินตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ครใู ห้ขอ้ คดิ เพมิ่ เติม ใจ : ใจทกี่ ล้า ใจทพี่ ร้อมจะลงมอื ท�ำ สติ : ควบคมุ ตวั เอง ใจจดใจจอ่ ไมป่ ระมาท เพอื่ ไม่ใหพ้ ลาดพลงั้ อารมณ์ : ควบคมุ อารมณไ์ ม่ให้หวน่ั ไหว ไม่โกรธหรือไม่โมโห เพื่อ ไม่ให้เสียสมาธกิ ับงานท่ีท�ำ 96 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีเช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”

สรปุ ทกั ษะชวี ติ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาเปน็ วชิ าทมี่ ปี ระโยชน์ ในทางปฏิบัติ และเป็นรูปธรรมท่ีสุด ต่อการใช้ชีวิตจริงของนักเรียน และ นักเรียนก็มักน�ำทักษะและความรู้ที่ได้ไปใช้จริง ไม่ว่านักเรียนจะรู้ตัวหรือไม่ กต็ าม ดงั นนั้ ครผู สู้ อนสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาจงึ มโี อกาสดมี ากทจี่ ะปลกู ฝงั และ พัฒนา “ทักษะชีวิต” ในเชิง “ประจักษ์” ให้แก่นักเรียน ครูสามารถชักชวน ให้นักเรียนส�ำรวจความรู้สึก ความคิด ความเช่ือของตนเอง ท้ังระหว่าง การปฏิบัติและเม่ือเสร็จสนิ้ การปฏบิ ัติแล้ว (องค์ประกอบท่ี 1 การตระหนักรู้ และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน) เพื่อให้นักเรียนประจักษ์ชัดกับผลที ่ เกิดขนึ้ และเชอื่ มโยงไปสกู่ ารใชจ้ รงิ ในชีวติ การฝึกควบคุมร่างกายและจติ ใจ ทักษะทางกาย ความสามัคคีและน้�ำใจนักกีฬาท่ีได้จากวิชาพลศึกษา และ ความรู้ในการใช้ชีวิตให้แข็งแรง ปลอดภัย มีความสุขในวิชาสุขศึกษา คือ เนื้อหาของทักษะชีวิตอยู่แล้ว (องค์ประกอบที่ 3 การจัดการกับอารมณ์และ ความเครียด และองค์ประกอบท่ี 4 การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น) หน้าท่ีของครูจึงเป็นกระตุ้นและน�ำทางให้เด็กเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ในทางท่ี สร้างสรรค์และมีวิธีคิดท่ีเหมาะสม (องค์ประกอบท่ี 2 การคิดวิเคราะห์ ตดั สนิ ใจ และแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค)์ ••••• ภาคทสี่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ีเชื่อมโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 97

สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 และวฒั นธรรม เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชวั่ โมง เรอ่ื ง วนั ส�ำคญั ประเพณที อ้ งถน่ิ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ดั สาระที่ 2 หน้าท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการด�ำเนนิ ชีวิตในสงั คม มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงาม ธ�ำรงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย และด�ำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่าง สนั ตสิ ขุ ตวั ชว้ี ดั ส 2.1 ป.3/1 สรุปประโยชน์และปฏิบัติตนตามประเพณีและ วฒั นธรรมในครอบครวั และทอ้ งถน่ิ ป.3/2 บอกพฤติกรรมการด�ำเนินชีวิตของตนเองและผู้อ่ืน ทีอ่ ยู่ในกระแสวฒั นธรรมทห่ี ลากหลาย 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สามารถพูดแสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองทอ่ี ่าน ฟงั และดู 2. รเู้ ทา่ ทันสถานการณ์เส่ียงในวันเทศกาลลอยกระทง 3. สมรรถนะส�ำคญั : • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการสอ่ื สาร 98 ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ทเี่ ช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ”

4. เนอ้ื หาสาระ : • ความรู้เรื่องวันลอยกระทง เกี่ยวกับการบูชา พระแมค่ งคา • การร่วมกจิ กรรมงานลอยกระทง • ความเสย่ี งในวันลอยกระทง • การป้องกนั ความเส่ยี งในวนั ลอยกระทง 5. ภาระงาน/ ชน้ิ งาน : • คิดวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นตามประเด็น ค�ำถาม • ขับรอ้ งเพลงลอยกระทง 6. สอ่ื การเรียนร ู้ : • ใบความร้เู ร่ืองลอยกระทง • ประเด็นค�ำถาม 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครนู �ำสนทนาถึงเทศกาลลอยกระทง ดว้ ยการเปดิ ประเดน็ ค�ำถาม • นกั เรยี นชอบวนั ลอยกระทงหรอื ไม่ เพราะอะไร(2. ถามความรสู้ กึ ) • ถ้านึกถึงเทศกาลวันลอยกระทง นักเรียนคิดถึงอะไรบ้าง (4. ถามเพอ่ื กระตุ้นจนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ค�ำถามเปดิ ประเดน็ นี้ ตอ้ งการใหน้ กั เรยี นกลา้ เปดิ เผยความรสู้ กึ ของ ตนเองและดงึ ใหน้ กั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการอภปิ ราย ไมไ่ ดต้ อ้ งการค�ำตอบ ทถ่ี ูกหรือผิด ภาคทสี่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ีเ่ ชอ่ื มโยงสู่ “ทักษะชวี ติ ” 99

ครจู ดสงิ่ ท่ีนักเรียนบอกลงบนกระดานด�ำหรือกระดาษฟลปิ ชารต์ โดยท�ำ เป็นแผนทคี่ วามคิด การประดิษฐ์ กระทงไหล เสยี งประทัด กระทง ลอยตามน้�ำ แสงไฟในแมน่ ำ�้ วันลอยกระทง ขบวนแห่ ระยบิ ระยบั นางนพมาศ รถเข็นขาย อันตราย โคมไฟ ปลาหมึกยา่ ง จากประทดั สวยงาม 2. จากนน้ั ครพู านกั เรยี นรอ้ งเพลงลอยกระทง พรอ้ มกบั เคาะจงั หวะไปดว้ ย 3. ครูอา่ นเร่อื งลอยกระทงบูชาพระแม่คงคาใหน้ ักเรียนฟัง 100 ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ีเ่ ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชวี ิต”

เรอ่ื ง ลอยกระทงบูชาพระแม่คงคา เมอื งไทยเราโชคดี มแี มน่ ำ้� ล�ำคลอง มีทะเล น�ำ้ ในแมน่ ำ�้ ล�ำคลอง ชว่ ยในการเพาะปลกู ท�ำใหเ้ รามขี ้าว ผกั ผลไม้ และยงั มปี ลา กงุ้ ปู ในน�้ำเป็นอาหาร น�้ำในทะเลช่วยให้เราได้มีอาหารทะเล ประเภทปู ปลา หอย กงุ้ เรายงั ใชเ้ รือเดินทางไปมาในแมน่ ้ำ� และในทะเล เดือนสิบสองไทย ตรงกับเดือนพฤศจิกายน ในเดือนนี้ น�้ำใน แม่น�้ำล�ำคลองและทะเลจะสูงข้ึน ท�ำให้น้�ำเต็มฝั่ง คนไทยมีพิธี ลอยกระทงมาหลายร้อยปี ต้ังแต่สมัยสุโขทัย เราลอยกระทงเพ่ือ กราบไหว้ ขอบคุณพระแม่คงคา หรือเทพแห่งนำ้� นอกจากขอบคุณ พระแม่คงคาแล้ว เราก็ต้องขอโทษท่านท่ีท�ำให้น�้ำสกปรกเน่าเสีย ด้วย เราขอให้พระแม่คงคาคุ้มครองเราและประเทศไทย พวกเรา ทุกคนต้องช่วยกันรักษาน้�ำในแม่น�้ำล�ำคลองให้สะอาดอยู่เสมอ และรักษาประเพณีน้ีไว้มิให้สูญหาย โดยท�ำกระทงไปลอยกระทง ในแมน่ ำ�้ ไปท�ำบุญตักบาตรและเวยี นเทียนท่ีวดั ทกุ ปี 4. ครูตั้งค�ำถามนักเรียน เพ่ือทบทวนความรู้ความเข้าใจของนักเรียน เก่ียวกับเน้อื หาทีอ่ า่ นให้ฟงั • พธิ ลี อยกระทงมีในชว่ งเดอื นใดและท�ำไมจงึ มพี ธิ ลี อยกระทงในแมน่ ำ�้ (1. ถามสรปุ ความคดิ และเนอื้ หา) • แมน่ ำ�้ ล�ำคลอง มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง (1. ถามสรปุ ความคดิ และเนอ้ื หา) 5. จากนนั้ ครตู งั้ ค�ำถามเพอื่ น�ำไปสกู่ ารอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั ใน หอ้ งเรยี น • นกั เรยี นคดิ วา่ ประเทศไทยจะเปน็ อยา่ งไร หากไมม่ แี มน่ ำ้� ล�ำคลอง (3. ถามเพ่อื สะทอ้ นความคิด มมุ มอง ความเช่ือของตน) ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ ชอ่ื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 101

ค�ำตอบทเี่ ปน็ ไปได้ 1. นำ�้ จะทว่ มบา้ นเรอื น เพราะไมม่ ที างนำ้� ไหล 2. ในฤดแู ลง้ พน้ื ดนิ แหง้ แลง้ พชื สวน ไรน่ า เสยี หายเพราะขาดนำ�้ 3. ขาดแคลนสตั วน์ ำ�้ หรอื อาจสญู พนั ธ์ุ 4. มนษุ ยข์ าดแคลนแหลง่ อาหารส�ำคญั 5. แมค่ า้ ขายกงุ้ หอย ปู ปลาจะไมม่ รี ายได้ 6. เศรษฐกจิ ประเทศไทยแยล่ ง/ ตกตำ่� 7. ไมม่ พี ธิ ลี อยกระทง 8. เดก็ ๆ ไมไ่ ดเ้ ลน่ กระโดดนำ้� ในฤดรู อ้ น • ถา้ นำ�้ ในแมน่ ำ�้ ล�ำคลองเนา่ เสยี เตม็ ไปดว้ ยขยะและสกปรก คนไทยจะ เปน็ อยา่ งไร (4. ถามเพอื่ กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ค�ำตอบทเ่ี ปน็ ไปได้ 1. ไมม่ อี อกซเิ จนในนำ้� สตั วน์ ำ้� ขาดอากาศหายใจและตาย 2. ผทู้ ี่ใชน้ ำ้� ในแมน่ ำ้� ล�ำคลองจะเสยี่ งตอ่ การเปน็ โรคทางเดนิ หายใจ และทอ้ งรว่ ง ทอ้ งเสยี เปน็ ตน้ 3. เกดิ โรคระบาดรา้ ยแรง เชน่ อหวิ าตกโรค เปน็ ตน้ 4. คนไทยสขุ ภาพไมด่ /ี เสอ่ื มโทรม 5. เศรษฐกจิ ตกตำ่� ยากจน การทอ่ งเทยี่ วซบเซา • นกั เรยี นจะลงมอื ท�ำอยา่ งไรไดบ้ า้ ง เพอื่ ไม่ใหแ้ มน่ ำ�้ ล�ำคลอง เนา่ เสยี และสกปรก (6. ถามเพ่ือเช่อื มโยงกับชวี ิตจริง) 102 ภาคทสี่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ีเ่ ช่ือมโยงสู่ “ทักษะชีวิต”

ค�ำตอบทเี่ ปน็ ไปได้ 1. ตวั เราเองไมท่ งิ้ ขยะ และสงิ่ ปฏกิ ลู ลงไปในแมน่ ำ้� ล�ำคลอง 2. ชกั ชวนใหบ้ คุ คลในครอบครวั ชมุ ชน รว่ มกนั รกั ษาความสะอาด แมน่ ำ้� ล�ำคลอง ทมี่ อี ยใู่ นชมุ ชน 3. หากเหน็ ใครทงิ้ เศษขยะ หรอื สง่ิ ปฏกิ ลู ลงในแมน่ ำ้� ล�ำคลอง จะเขา้ ไป อธบิ ายและชแ้ี จงผลเสยี ของการท�ำใหแ้ มน่ ำ�้ ล�ำคลอง เนา่ เสยี สกปรก 4. เผยแพรค่ วามรเู้ กย่ี วกบั ผลเสยี และผลกระทบของการท�ำใหแ้ มน่ ำ�้ ล�ำคลอง เนา่ เสยี แกค่ นในชมุ ชนและคนทวั่ ไป 5. รณรงคใ์ หท้ �ำกระทงจากใบตอง หรอื พชื เพราะยอ่ ยสลายงา่ ย ไม่ใช ้ โฟมท�ำ • “เทศกาลลอยกระทงมักมีการจัดงานเฉลิมฉลองเพ่ือให้เกิด ความสนุกสนาน แตห่ ากนกั เรยี นไมร่ ะมดั ระวังอาจเกิดอนั ตราย กับตัวเองได้” นักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไรกับข้อความน้ ี (3. ถามเพ่ือสะท้อนความคิด มมุ มอง ความเชอื่ ของตน) * ครูพยายามให้ผู้เรียนหาค�ำตอบ บอกเหตุผล และอภิปรายแสดง ความคิดเห็นให้มากท่ีสุดและให้ทั่วถึงทุกคน และอธิบายแทรกให้นักเรียน ตระหนักถึงภัยท่ีอาจเกิดขึ้นจากความประมาท เติมประเด็นท่ีนักเรียน อาจมองข้ามไป ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่เี ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 103

สรุปและแนวคดิ ท่ีควรเพ่ิมเตมิ นักเรียนต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ท่ีเป็นอันตรายต่างๆ และ ป้องกันตนเอง เชน่ ไมจ่ ดุ ประทดั เลน่ ไปเทยี่ วงานลอยกระทงกต็ อ้ ง ไปกับพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ไม่อยู่ในท่ีลบั ตากับคนแปลกหนา้ หรอื อยู่ สองต่อสองกับเพศตรงข้าม ไม่เท่ียวดึกด่ืน ขณะน�ำกระทงไปลอย ในแม่น�้ำ ก็ให้ระมัดระวัง ควรให้ผู้ใหญ่น�ำลงไปลอยในแม่น้�ำให้ ดีกว่าลงไปในแมน่ ำ�้ ล�ำคลองด้วยตนเอง สรุปทกั ษะชีวติ สาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเปน็ อีกกลุ่มสาระท่ีประกอบด้วยเนื้อหาอันเกี่ยวกับการใช้ชีวิตโดยตรง ส่ิงท่ีคร ู ผู้สอนควรให้ความส�ำคัญ คือ การเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี มีโอกาสได้สะท้อนความรู้สึก ความคิด ความเชอื่ และมมุ มองของตน และของผู้อนื่ (องคป์ ระกอบท่ี 1 การตระหนกั รู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น) และฝึกการคิดเช่ือมโยง ให้เห็นเหต ุ และผล (องค์ประกอบที่ 2 การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่าง สรา้ งสรรค)์ ไม่ใชอ่ ธบิ ายแตเ่ นอ้ื หาใหน้ กั เรยี นฟงั อยขู่ า้ งเดยี ว เนอื้ หาของกลมุ่ สาระนี้ เปน็ วตั ถดุ บิ ชน้ั เยยี่ ม ในการน�ำนกั เรยี นสคู่ วามเขา้ ใจตนเอง ผอู้ นื่ และ สงั คมรอบขา้ ง (องค์ประกอบที่ 4 การสร้างสัมพันธภาพทด่ี กี บั ผอู้ นื่ ) ซง่ึ ช่วย ให้นักเรียนอยู่ในสังคมโลกท่ีหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไดอ้ ยา่ งเปน็ สขุ และดว้ ยความเขา้ ใจ (องคป์ ระกอบที่ 3 การจดั การกบั อารมณ์ และความเครยี ด) ••••• 104 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ีเชอื่ มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”

สาระงานการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 เทคโนโลย ี เรอื่ ง คณุ คา่ ของทรพั ยากร เวลาจดั กจิ กรรม 1 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 การด�ำรงชวี ิตและครอบครัว มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการท�ำงาน มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มที กั ษะกระบวนการ ท�ำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการท�ำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู ้ มคี ณุ ธรรม และมลี กั ษณะนสิ ยั ในการท�ำงานทดี่ ี มจี ติ ส�ำนกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากร และสงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื การด�ำรง ชีวิตและครอบครัว ตวั ช้วี ดั ง 1.1 ป.4/4 ใช้พลังงานและทรัพยากรในการท�ำงานอย่าง ประหยดั และคมุ้ คา่ ป.4/3 ปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการท�ำงาน (ในที่น้ี หมายถึงการรบั ประทานอาหาร) 2. วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เพอื่ ฝกึ ทกั ษะการพดู แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ จากเรอื่ ง “ขา้ ว” 2. เพ่อื สร้างความตระหนักในคุณค่าของ “ขา้ ว” ภาคทีส่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชอ่ื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 105

3. เพ่ือสร้างความตระหนักในการใช้ทรัพยากร “ข้าว” อย่างประหยัด คุ้มค่า ผ่านการรับประทานอาหารอย่างมีมารยาท ไม่ทิ้งขว้างหรือ ตักขา้ วเกนิ ความตอ้ งการ 4. เพ่ือให้รจู้ ักเลอื กอาหารท่มี ีประโยชน์ 5. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นได้คน้ หาข้อมูลเรือ่ งขา้ ว จากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ 3. เนื้อหาสาระ : • ความเปน็ มาของ “ข้าว” • ความสามารถในการส่อื สารแสดงความคดิ เห็น 4. สมรรถนะส�ำคญั : • ความสามารถในการคิด • ความสามารถในการสอ่ื สารแสดงความคิดเห็น 5. ส่อื การเรยี นรู้ : • บทความเรือ่ งข้าว • ประเด็นค�ำถาม 6. ภาระงาน/ชิน้ งาน : • การร่วมคิดอภิปราย แสดงความคิดเห็นจาก ประเดน็ ค�ำถาม • วาดภาพเมล็ดขา้ ว • ผลงานการสบื คน้ ขอ้ มลู ความรเู้ รอื่ งสารอาหารในขา้ ว 106 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ี่เชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต”

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูน�ำสนทนา ด้วยการต้ังค�ำถาม เพ่ือให้นักเรียนคิดเชื่อมโยง ประสบการณเ์ กย่ี วกับเรอื่ งขา้ ว ดงั นี้ • เมื่อเอ่ยถึงค�ำว่า “ข้าว” นักเรียนนึกถึงสิ่งใดบ้าง (6. ถามเพื่อ เชอ่ื มโยงกบั ชวี ิตจรงิ ) ครูจดสิ่งที่นักเรียนบอกลงบนกระดานด�ำหรือกระดาษฟลิปชาร์ต แผน่ ใหญ่ ในลกั ษณะของแผนผงั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดเ้ หน็ และภาคภมู ใิ จ ในค�ำตอบของตนเอง เช่น ชาวนา โรงสี ววั /ควาย คนกินข้าว รถไถนา วนั พชื มงคล ขา้ ว ทงุ่ นา เงินทอง ปู-ปลา คนแบก คนขาย กระสอบข้าว ข้าว ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีเชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 107

• ถา้ ประเทศไทยไมม่ ขี า้ ว คนไทยจะเปน็ อยา่ งไร (4. ถามเพอ่ื กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ไม่มนี าข้าว ไลกมอร่มยะเี ทตงางนิ ไมทหนอลำ�้ง ไมม่ ีชาวนา ไม่มี ไม่มขี า้ ว ไมม่ ขี ้าวกิน การเสี่ยงทาย ไม่มอี าชพี ไมม่ โี รงสี ขายข้าว พระโค ไมม่ ีวนั พชื มงคล 108 ภาคทสี่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ทู ีเ่ ชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ”

2. ครอู ่านบทความเรื่อง “ข้าว” ใหน้ กั เรียนฟงั ขา้ วเปน็ พชื ประเภทหญา้ แตเ่ ปน็ หญา้ วเิ ศษ จรงิ ๆ ขา้ วเลยี้ งคนมานบั พนั ปี ขา้ วไมเ่ พยี งแตเ่ ลย้ี งคนไทยเทา่ นน้ั คนหลายชาตยิ งั กนิ ขา้ วเปน็ อาหารหลกั ขา้ ว ยงั เปน็ สนิ คา้ ทสี่ ง่ ไปขายตา่ งประเทศ สรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ประเทศไทยจ�ำนวนมาก ขา้ วหอมมะลเิ ปน็ พนั ธข์ุ า้ วทดี่ ที สี่ ดุ และเปน็ สนิ คา้ สง่ ออกทสี่ �ำคญั ของไทยดว้ ย ครนู �ำสนทนาด้วยค�ำถามดังนี้ • ท�ำไมขา้ ว จงึ ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ หญา้ วเิ ศษ (1. ถามสรปุ ความคดิ และเนอ้ื หา) • ข้าวมีความส�ำคัญกับคนไทยอย่างไร (1. ถามสรุปความคิดและ เนอื้ หา) • คนไทยสง่ ขา้ วอะไรไปขายตา่ งประเทศ เพราะอะไร (1. ถามสรปุ ความคดิ และเนอ้ื หา) 3. ครูอา่ นบทความเรือ่ งข้าวตอนต่อไปใหน้ กั เรียนฟัง มนี ทิ านเลา่ วา่ เมอ่ื กอ่ นนเี้ มลด็ ขา้ วมขี นาดใหญม่ ากและเกดิ ขน้ึ เองในบา้ น ของคน ตอ่ มามหี ญงิ ใจรา้ ยคนหนง่ึ กวาดเมลด็ ขา้ วกระเดน็ ตกลงไปใน หนองนำ�้ ในปา่ แมโ่ พสพซง่ึ เปน็ เทพแี หง่ ขา้ วโกรธมาก ไมย่ อมกลบั มาเปน็ ข้าวให้มนุษย์รับประทานอีก แต่มนุษย์และสัตว์ต่างก็ช่วยกันอ้อนวอน ขอใหเ้ มลด็ ขา้ วกลบั มา แมโ่ พสพกย็ อมกลบั มา แตม่ เี งอื่ นไขวา่ มนษุ ยจ์ ะตอ้ ง ปลกู ขา้ วรบั ประทานเองตามขนั้ ตอนจนกวา่ จะไดเ้ มลด็ ขา้ ว ผู้ใหญ่สอนเด็กๆ ว่าอย่าท�ำข้าวตกเกลื่อนกลาด อย่าเหยียบ เมล็ดข้าว เพราะขา้ วคือแมโ่ พสพ และกว่าจะเป็นเมล็ดข้าวได้ ชาวนาก็ เหนือ่ ยยากท่ปี ลูกขา้ วใหเ้ รากนิ ภาคท่ีสาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ เ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 109

4. ครูทบทวนความเข้าใจและความสามารถในการจับใจความของ นักเรยี น และฝกึ การคิดเชื่อมโยง • แม่โพสพเป็นใคร เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าวอย่างไร (1. ถามสรุปความคดิ และเนือ้ หา) • นกั เรยี นมคี วามคดิ เหน็ วา่ อยา่ งไรทผ่ี ใู้ หญส่ อนเดก็ ๆ วา่ “อยา่ ท�ำ ข้าวตกเกลื่อนกลาด อย่าเหยียบเมล็ดข้าว เพราะข้าวคือ แมโ่ พสพ เลี้ยงดเู รามา ชาวนาก็เหนือ่ ยยากปลกู ขา้ วให้เรากิน” (3. ถามเพื่อสะท้อนความคิด มมุ มอง ความเช่ือของตน) ครูกระต้นุ ใหน้ ักเรยี นทกุ คนไดแ้ สดงความคิดเห็นในเร่ืองนี้ และพยายาม ถามเชอ่ื มโยงถงึ ประสบการณจ์ รงิ ที่บ้าน ครูตอ้ งเปิดใจรับฟงั ค�ำตอบของเด็ก ทุกคน ดว้ ยความใส่ใจ เพ่อื ให้เดก็ กลา้ แสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระ จากนั้น จึงอธิบายประเดน็ ท่คี รตู ้องการใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ ครูอธิบายเพ่ิมเติม 1. เดก็ ๆ ควรเหน็ คณุ คา่ ของเมลด็ ขา้ วทปี่ ลกู ดว้ ยความยากล�ำบาก กวา่ จะเปน็ เมลด็ ขา้ วตอ้ งผา่ นวธิ กี ารและเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 3 เดอื น 2. เราควรเห็นใจชาวนาท่ีเหน็ดเหนื่อยต่อสู้กับปัญหาอุปสรรค ตลอดเวลา ตง้ั แตไ่ ถนา หวา่ นขา้ วกลา้ ปลกู (เผชญิ กบั ศตั รพู ชื ฝนแลง้ นำ�้ ทว่ ม) เกบ็ เกย่ี ว ตขี า้ ว ขนขา้ วเกบ็ เขา้ ยงุ้ ฉาง น�ำมา ต�ำหรอื “สี” จงึ จะไดข้ า้ วมากิน มาจ�ำหนา่ ย 3. เดก็ ๆ ควรฝกึ มารยาทในการรบั ประทานอาหารอยา่ งไมม่ มู มาม เลอะเทอะ และพอประมาณ รับประทานเท่าใดก็ตักเท่าน้ัน ไม่เหลอื ทงิ้ เราควรนกึ ถงึ ผู้ทย่ี ากไรก้ วา่ เรา 110 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่เี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชวี ติ ”

5. ครอู า่ นบทความเรื่อง “ขา้ ว” ตอนตอ่ ไปให้ผู้เรียนฟงั เมอื่ กอ่ นนย้ี งั ไมม่ โี รงสขี า้ ว คนไทยน�ำขา้ วเปลอื กมาต�ำเปน็ ขา้ วสาร ไว้หุงกิน เรียกว่า “ข้าวซ้อมมือ” ข้าวซ้อมมือน้ียังมีวิตามินและ สารอาหารอยคู่ รบถว้ น การต�ำขา้ วตอ้ งใชแ้ รงงานมาก ใชค้ นหลายคน โรงสีขา้ วจงึ ช่วยทุ่นแรงของคนสขี า้ วได้มากกว่าการใชค้ นต�ำข้าว เวลาน�ำข้าวเปลือกไปสีที่โรงสี ถ้าสีครั้งเดียวเรียกว่า ข้าวกล้อง ท�ำใหข้ า้ วกลอ้ งยงั มี “จมกู ขา้ ว” และ “สารอาหาร” อยมู่ าก ถา้ สหี ลายครง้ั จนเป็น “ข้าวขาว” จมูกข้าวและสารอาหารทอ่ี ยู่บนเมลด็ ข้าวกจ็ ะหลุด หายไป ข้าวขาวจงึ มสี ารอาหารน้อยลง ดังน้ันเด็กๆ จึงควรรับประทานข้าวกล้องซ่ึงสีเพียงคร้ังเดียวและ มีสารอาหารอยู่มาก • ถา้ ใหน้ กั เรยี นเลอื กรบั ประทานขา้ วทม่ี สี แี ดงๆ หรอื คลำ้� ๆ กบั ขา้ ว สีขาวสะอาดตา นักเรียนจะเลือกข้าวสีใด จึงจะเกิดประโยชน์ ตอ่ รา่ งกายมากทสี่ ุด (6. ถามเพื่อเชื่อมโยงกับชีวิตจริง) • ข้าวซอ้ มมือเหมอื นหรือตา่ งจากข้าวกลอ้ งอย่างไร (1. ถามสรปุ ความคิดและเนอ้ื หา) 6. ครสู อบถามความรสู้ กึ และสง่ิ ทน่ี กั เรยี นไดเ้ รยี นรจู้ ากการฟงั บทความ เร่อื ง “ข้าว” ดงั นี้ • นักเรยี นมคี วามร้สู กึ อยา่ งไรท่ีไดร้ ูเ้ ร่อื งขา้ ว (2. ถามความรูส้ กึ ) • นักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้างจากการเรียนเรื่องข้าว (3. ถามเพ่ือ สะท้อนความคดิ มมุ มอง ความเชื่อของตน) ภาคทสี่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูท้ เี่ ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 111

• นักเรียนจะน�ำความรู้ ข้อคิดที่ได้รับ ใช้ประโยชนต่อตนเอง ครอบครวั อยา่ งไรบา้ ง (6. ถามเพอ่ื เชอ่ื มโยงกับชวี ติ จรงิ ) ขอ้ คิดท่คี วรได้ 1. น�ำความรไู้ ปบอกเลา่ เผยแพร่ใหพ้ อ่ แม่ นอ้ งๆ คนในครอบครวั ได้เห็นใจชาวนาท่ีเหนื่อยยากล�ำบากในการท�ำนาข้าว ชาวนา มบี ญุ คณุ กับเรามาก ไม่มชี าวนาขา้ วก็ขาดแคลน 2. แนะน�ำให้คนในครอบครัว ญาติพ่ีน้อง และคนอ่ืนๆ เห็น ประโยชน์ของการรบั ประทานขา้ วกลอ้ ง 3. เวลาทานข้าว ควรตักข้าวพอประมาณ ไม่ให้ข้าวหกตก เกลอื่ นกลาดและเมอื่ ตกั ขา้ วมาแลว้ จะทานใหห้ มดจาน • เวลานักเรียนเห็นโฆษณาสินค้าท่ีเป็นขนม บอกว่ามีคุณภาพดี อรอ่ ย รบั ประทานแลว้ เหมอื นท�ำจากจมกู ขา้ ว นกั เรยี นคดิ วา่ อยา่ งไร โฆษณานน้ั เชอ่ื ไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร(6.ถามเพอื่ เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) ครูอธิบายเพ่ิมเติม จมกู ข้าว คอื ปลายของข้าวท่ีหลุดออกมาจากเมล็ดขา้ ว ซึ่งขา้ วขาว จะไมม่ ีจมกู ขา้ ว แตข่ า้ วกล้องจะมีจมูกขา้ วตดิ อยู่บางส่วน การน�ำจมูก ข้าวมาท�ำเป็นขนม ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปมากมาย คุณค่าทาง อาหารจงึ อาจหมดไป การซอ้ื ขนมทโ่ี ฆษณาวา่ ท�ำมาจากจมกู ขา้ ว และใหป้ ระโยชนเ์ หมอื น ข้าวกล้อง จึงไม่เป็นความจริง เราควรซ้ือข้าวกล้องมารับประทานเอง ดกี ว่า จึงจะได้ประโยชน์เต็มที่ 112 ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ทู ีเ่ ชือ่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต”

7. ครูให้นักเรียนวาดภาพเทพีแห่งข้าวหรือแม่โพสพ ตามจินตนาการ ของนักเรียน แต่ต้องอยูบ่ นพ้ืนฐานทีว่ ่า แมโ่ พสพ คอื เทพแี ห่งข้าว หรอื อาจใหว้ าดรปู เปรยี บเทยี บระหวา่ งข้าวกล้องกับขา้ วขาวก็ได้ 8. ครูให้นักเรียนน�ำเสนอภาพที่วาด พร้อมทั้งให้นักเรียนอธิบายภาพ ของตนเองและข้อคิดเก่ียวกับข้าวที่อยากบอกให้เพ่ือนๆ รับรู ้ จากนัน้ ตัง้ ค�ำถามเพ่อื สรปุ กิจกรรมและเนอ้ื หาทีเ่ รยี น • นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากภาพท่ีเพื่อนวาดและข้อคิดที ่ เพอื่ นๆ น�ำเสนอ (1. ถามสรปุ ความคิดและเนือ้ หา) • นกั เรยี นจะน�ำเรอื่ งใดบา้ งที่ไดเ้ รยี นวนั นี้ ไปใชท้ บ่ี า้ น เพราะอะไร (6. ถามเพื่อเช่อื มโยงกบั ชีวติ จริง) สรุปทักษะชีวิต กิจกรรมน้ีเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างค่านิยมเหมาะสม ให้แก่นักเรียน ด้วยการตั้งค�ำถามน�ำเพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดสะท้อน วเิ คราะห์ เช่อื มโยง และใชจ้ ินตนาการ (องค์ประกอบท่ี 2 การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์) ด้วยเนื้อหาการเรียนรู้ที่ใกล้ตัว นกั เรยี น ซง่ึ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นไดร้ ถู้ งึ ความส�ำคญั ของสงิ่ ทพ่ี บเหน็ ไดจ้ นเปน็ เรอ่ื ง ธรรมดา (ข้าว) ท่ีมักมองข้ามไป นอกจากจะได้ความรู้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อ การใช้ชีวิตแล้ว นักเรียนยังได้เข้าใจกลุ่มคนอาชีพอ่ืน ได้ฝึกเห็นใจใน ความเหนื่อยยาก ได้รับการชี้น�ำให้เห็นคุณค่าในสรรพส่ิงต่างๆ รอบตัว (องคป์ ระกอบที่1 การตระหนกั รแู้ ละเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื ) ซงึ่ ทง้ั หมด น้ีล้วนเป็นรากฐานส�ำหรับการอยู่ในสังคมด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ ต่อไป (องคป์ ระกอบที่ 4 การสร้างสมั พันธภาพทดี่ กี ับผอู้ ่ืน) ••••• ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ เ่ี ชือ่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 113

สาระการเรยี นรูศ้ ลิ ปะ กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 (สาระที่ 2 ดนตร)ี เรอื่ ง รอ้ งเพลงพนื้ บา้ น เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ัด สาระท่ี 2 ดนตรี มาตรฐาน ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าของดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชมและประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั ได้ ตัวช้ีวัด ศ 2.1 ป.6/5 เคลอื่ นไหวทา่ ทางใหส้ อดคลอ้ งกบั อารมณข์ องเพลง ทฟี่ ัง มาตรฐาน ศ 2.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์และ วฒั นธรรม เหน็ คณุ คา่ ของดนตรที เ่ี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปญั ญาไทยและสากล ตวั ชวี้ ัด ศ 2.2 ป.6/2 ระบุความส�ำคัญและประโยชน์ของดนตร ี ตอ่ การด�ำเนินชวี ิตของคนในทอ้ งถิ่น 114 ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรทู้ ีเ่ ชือ่ มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”

2. วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ขับรอ้ งเพลงไทยสากลได้ถูกตอ้ งตามท�ำนองและจงั หวะ 2. เคลอ่ื นไหวประกอบเพลงไทยสากลอยา่ งอสิ ระตามลลี าอารมณเ์ พลง 3. วเิ คราะห์ความส�ำคัญของดนตรีได้ 3. เนื้อหาสาระ : • เพลงร�ำวง • การเคล่อื นไหวประกอบจังหวะเพลงร�ำวง • ความส�ำคัญของการขับร้องเพลงดนตรีในวิถีชีวิต ของคนในชมุ ชน 4. สมรรถนะส�ำคญั : • ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ • ความสามารถในการฟงั และสงั เกต 5. สื่อการเรยี นรู้ : • แผนภูมิเพลงร�ำวงพนื้ บา้ น • เทปเพลงร�ำวงพ้นื บา้ น 6. ภาระงาน/ชิน้ งาน : • การแสดงความสามารถในการร�ำวงประกอบเพลง ร�ำวงพืน้ บ้าน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูน�ำนักเรียนสนทนาถึงวัฒนธรรมไทย โดยต้ังค�ำถามเพื่อชวนให้ นักเรียนคิดและน�ำเขา้ สูเ่ น้อื หาการเรยี นรู้ ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ” 115

• การแสดงพนื้ บา้ นของไทย ทช่ี าวบา้ นสว่ นใหญร่ จู้ กั และนยิ มแสดง ในงานรนื่ เรงิ เชน่ งานบวช งานท�ำบญุ ขน้ึ บา้ นใหม่ งานแตง่ งาน การแหข่ บวนผา้ ปา่ กฐนิ งานสงกรานต์ มอี ะไรบา้ ง (1. ถามสรปุ ความคดิ และเนือ้ หา) ครูสุม่ ถามผู้เรยี นเพ่ือให้ได้ค�ำตอบทหี่ ลากหลาย ค�ำตอบทเี่ ปน็ ไปได้ • การร�ำวง • การบรรเลงดนตรี • การรอ้ งเพลง • การเตน้ ตามเพลง • การฟ้อน เปน็ ต้น 2. ครสู รปุ เนอื้ หาทน่ี กั เรยี นตอบ และน�ำเขา้ สปู่ ระเดน็ การสอน โดยบอก นกั เรยี นวา่ การแสดงพน้ื บา้ นทว่ั ไปทน่ี ยิ มมาตงั้ แตโ่ บราณ คอื การร�ำ ซ่ึงมักเป็นการร�ำไปรอบๆ วง เรียกว่า “ร�ำวง” ปัจจุบันมีการฟื้นฟ ู การร�ำวงท่ีเรียกว่า “ร�ำวงย้อนยคุ ” 3. ครูเปิดเพลงร�ำวงให้นักเรียนฟัง พร้อมกับติดแผนภูมิเพลงร�ำวง ซง่ึ เปน็ เพลงสน้ั ๆ เชน่ เพลงร�ำวงดาวพระศกุ ร์ เพลงใกลเ้ ขา้ ไปอกี นดิ เพลงตามองตา เพลงยวนยาเหล เพลงชอ่ มาลี เพลงหลอ่ จรงิ นะดารา ฯลฯ ครเู คาะจังหวะตามเพลง และใหน้ กั เรียนเคาะจังหวะตามไปด้วย 116 ภาคทส่ี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ทเ่ี ชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต”

4. เมอื่ จบเพลง ครซู กั ถามความรสู้ กึ ของนกั เรยี นทมี่ ตี อ่ จงั หวะเพลงที่ไดฟ้ งั • นักเรียนรสู้ ึกอยา่ งไรกับเพลงท่ีไดฟ้ งั (2. ถามความรู้สึก) • นักเรียนรู้สึกว่า จังหวะของเพลงก่อให้เกิดอารมณ์เช่นใด (2. ถามความร้สู ึก) ค�ำตอบทเี่ ป็นไปได้ • เร้าใจ • คกึ คกั • เครอ่ื งดนตรกี ระห่ึม • เนอื้ เพลงตรงไปตรงมา • ลกู ทุ่งดี หรืออยากลุกขึ้นมาร�ำวง 5. ครูเปิดเทปเพลงให้นักเรียนเคาะจังหวะตามเพลง แล้วให้นักเรียน สับเปล่ียนกันเป็นกลุ่มร้อง กลุ่มท�ำจังหวะ และกลุ่มท�ำท่าทาง เคล่ือนไหวประกอบเพลง โดยครูแนะน�ำให้ใช้ท่าร�ำสอดสร้อย มาลาแปลงท่ีเคยเรียนในชั่วโมงนาฏศิลป์มาแล้ว หรือถ้านักเรียน คนใดร�ำไม่ถกู ก็ให้ท�ำทา่ ทางการเดนิ การโยกตวั การยกมือไปตาม จงั หวะไดอ้ ย่างอิสระ แต่จะต้องค�ำนึงถงึ มารยาท ไม่กระทบกระทงั่ หรือเดนิ ชนกนั เมอื่ จบเพลงแล้ว ครูตง้ั ประเดน็ ค�ำถามถามนักเรยี น • นกั เรยี นมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรท่ีไดแ้ สดงออกประกอบจงั หวะเพลง (2. ถามความรูส้ กึ ) ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เ่ี ชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ” 117

• นักเรียนคิดว่าเพลงมีประโยชน์ต่อชีวิตของคนปัจจุบันอย่างไร (3. ถามเพอ่ื สะทอ้ นความคดิ มมุ มอง ความเชือ่ ของตนเอง) ค�ำตอบท่ีเปน็ ไปได้ • ท�ำใหค้ ลายความเครยี ด • ท�ำให้เกิดความมั่นใจ ถ้าขับรอ้ งเพลงไดด้ ี • เข้าสังคมได้อยา่ งไม่เคอะเขิน • การร�ำวงไดท้ �ำใหไ้ ด้รจู้ ักเพ่ือนๆ มากขน้ึ • จากการแสดงของนักเรียนทุกกลุ่ม นักเรียนคิดว่ามีสิ่งใดบ้างท ่ี ท�ำให้นกั เรยี นไม่สนุก ไม่พอใจ หรือไม่สบอารมณ์ นกั เรยี นคดิ ว่าควรแก้ไขเร่ืองนี้อย่างไร (3. ถามเพื่อสะท้อนความคิด มมุ มอง ความเชือ่ ของตน) ครเู สริมประเด็น ในการร�ำวง หรือในระหวา่ งกิจกรรมบนั เทงิ รว่ มกบั ผู้คนมากๆ เราควร 1. ระวงั กิริยามารยาท ไม่จาบจ้วงหรอื กระทบกระทง่ั ผ้อู น่ื 2. ให้ขอโทษหากกระทบกระท่งั กัน 3. ยกโทษใหก้ นั และกัน เพราะทุกคนตา่ งก�ำลงั สนุกสนาน • หากนกั เรยี นไปรว่ มงานรนื่ เรงิ ในชมุ ชน นกั เรยี นควรวางตวั อยา่ งไร ใหเ้ หมาะสม เพอื่ ไม่ใหเ้ กดิ ปญั หากระทบกระทงั่ หรอื ไมพ่ อใจกนั (6. ถามเพือ่ เช่ือมโยงกับชีวติ จริง) 118 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูท้ ีเ่ ชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”

• หากนกั เรยี นตอ้ งการไปงานรน่ื เรงิ ในทส่ี าธารณะ ซงึ่ มคี นจ�ำนวน มาก นักเรียนควรท�ำอย่างไร เพื่อป้องกันภัยหรือความเส่ียง ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้(4. ถามเพอื่ กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ค�ำตอบทเี่ ปน็ ไปได้ 1. ตามงานรนื่ เรงิ ในชมุ ชน อาจมคี นเมาเหลา้ อาจขาดสตลิ วนลามเราได ้ ถ้าเป็นเช่นน้ีใหย้ ุตกิ ารเข้ารว่ มแสดงหรือแจง้ ให้ผ้ใู หญ่ พ่อแม่ทราบ 2. การไปแสดงในงานสาธารณะ จะต้องมีพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ไปด้วย และกลบั บา้ นพรอ้ มพอ่ แม่ และผู้ใหญ่ในครอบครวั 3. หากเป็นงานกลางคืน ไม่ควรไปร่วมกิจกรรม เพราะอาจได้รับ อันตรายจากพวกมิจฉาชีพหรอื อาจเกิดอุบตั ิเหตุได้ 6. ครูสรุปประเด็นเน้ือหาท่ีได้เรียนไป ก่อนสิ้นสุดช่ัวโมงการเรียน โดยพูดให้นักเรียนเห็นว่า แม้ดนตรีและการเต้นร�ำจะสนุกสนาน คลายเครียด และสร้างสัมพันธภาพได้ แต่ในยามสนุกก็ไม่ควร ประมาท หรือมองข้ามภัยที่อาจแฝงมากับความสนุกจนลืมย้ังคิด รวมทั้งย้�ำถึงการวางตัวที่เหมาะสมและมารยาทตามงานร่ืนเริงในท ี่ ชมุ ชน ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทเ่ี ชอ่ื มโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 119

สรุปทักษะชวี ติ ทักษะชวี ิตที่พฒั นาจากสาระการเรียนรศู้ ิลปะไดอ้ ยา่ งไมม่ ี ข้อสงสัย คอื การจดั การกบั ความเครียด (องคป์ ระกอบที่ 3 การจัดการกับ อารมณแ์ ละความเครยี ด) เพราะศลิ ปะทกุ แขนง คอื ความบันเทงิ และส่งิ อัน สร้างความร่ืนรมย์ให้แก่มนุษย์เรา แต่ศิลปะยังเป็นช่องทางในการแสดง ความเป็นตวั ตนของแตล่ ะคน ทง้ั ความคดิ ความเช่อื ความรสู้ ึก และมุมมอง ต่อโลก ศิลปะจึงเป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยสะท้อนให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อ่ืนได้ อีกด้วย (องค์ประกอบท่ี 1 การตระหนกั รู้และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื ) ย่ิงเม่ือครูผู้สอนรู้จักการตั้งค�ำถามให้หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้นักเรียน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และเชื่อมโยงศิลปะเข้ากับชีวิตจริง (องค์ประกอบ ท่ี 2 การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์) และ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ท�ำงานร่วมกัน (องค์ประกอบที่ 4 การสร้าง สัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืน) ครูก็จะสามารถพัฒนาทักษะชีวิตทุกองค์ประกอบ ใหแ้ กน่ กั เรียนได้ในทุกๆ กิจกรรมที่ท�ำ ••••• 120 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่เชื่อมโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”

สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 (ภาษาองั กฤษ) เรอื่ ง E-Waste Creates Economic, เวลาจดั กจิ กรรม 1 ชว่ั โมง Environmental Problems for Developing Nations 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ได้ฟัง และอ่านจากส่ือ ประเภทต่างๆ และสามารถแสดงความคิดเห็นอยา่ ง มเี หตุผล ตัวช้วี ดั ท่ี ต 1.1 ป.5/4 บอกใจความส�ำคญั และตอบค�ำถามจากการฟงั และอา่ นบทสนทนา นิทานงา่ ยๆ หรือเรือ่ งสั้นๆ 2. วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอา่ นข่าวไดถ้ กู ต้องตามหลักการอ่าน 2. นกั เรยี นสามารถบอกใจความส�ำคญั และตอบค�ำถามจากการอา่ นขา่ วได้ 3. เนอ้ื หาสาระ : ข่าวเร่ือง “E-Waste Creates Economic, Environmental Problems for Developing Nations” 4. สมรรถนะส�ำคัญ : • ความสามารถในการอา่ นและฟงั ภาษาองั กฤษ • ความเข้าใจสิง่ ท่ีได้อา่ นและฟงั • การคิดวิเคราะหเ์ นือ้ หา ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ เ่ี ชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 121

5. สอื่ การเรยี นรู้ : • ใบความรู้ เรอื่ ง “E-WasteCreatesEconomic, Environmental Problems for Developing Nations” • ใบงาน News 6. ภาระงาน/ชนิ้ งาน : ผลงานการตอบค�ำถามจากการอา่ นขา่ ว 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี สริมสร้างทกั ษะชวี ติ 1. ครูน�ำนักเรียนร่วมสนทนาเก่ียวกับการอ่านข่าวภาษาอังกฤษ และ เนอื้ หาขา่ วท่กี �ำลังจะใหน้ กั เรยี นอา่ น • นกั เรยี นคดิ วา่ การอา่ นขา่ วมปี ระโยชนห์ รอื ไม่ อยา่ งไร (3. ถามเพอื่ สะทอ้ นความคดิ มมุ มอง ความเช่ือของตน) • นักเรียนคิดว่า ภาษาอังกฤษในข่าวเหมือนหรือต่างจากภาษา อังกฤษ จากเร่ืองราวที่นักเรียนอ่านในบทเรียนอย่างไร (3. ถามเพอื่ สะท้อนความคดิ มมุ มอง ความเชอ่ื ของตน) • ในชว่ งน้ี ตามหนงั สอื พมิ พแ์ ละโทรทศั น์ มขี า่ วทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม อะไรบา้ งทนี่ กั เรยี นพบเหน็ บอ่ ยๆ (6. ถามเพอ่ื เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) จุดมุ่งหมายของค�ำถามเหลา่ น้ี คอื เพ่อื กระต้นุ ให้นกั เรียนมสี ว่ นร่วม ในการแสดงความคิดเห็น และเพื่อเตรียมนักเรียนเพ่ือน�ำเข้าสู่เน้ือหาใน ข่าวท่ีครูเตรียมมา (คือ e-wastes กับ environmental problems) ครจู งึ อาจเกรน่ิ น�ำทางนักเรยี นระหว่างทีน่ ักเรียนอภปิ ราย และอาจแทรก ค�ำศัพทท์ ่เี กี่ยวข้อง กอ่ นการอ่านเรอื่ ง 122 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทเี่ ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชีวิต”

2. ครูแจกใบงานท่ี 1 เก่ียวกับข่าว “E-Waste Creates Economic, EnvironmentalProblemsforDevelopingNations” ใหแ้ กน่ กั เรยี น และสอนนักเรยี นอ่านขา่ ว โดยอ่านตามครู 1 ครั้ง News2 E-Waste Creates Economic, Environmental Problems for Developing Nations Societies are producing more and more electronic goods, and therefore more and more electronic waste, or e-waste. The United Nations’ Environment Program has released a report that warns of a dangerous rise in the amount of such waste, which is often simply dumped in developing countries, posing health hazards to residents. 3. ครูสอนค�ำศพั ท์ในขา่ วโดยแจกใบความรูท้ ่ี 2 “Vocabulary” อธิบาย ความหมายและหน้าท่ีค�ำในประโยคของข่าว แล้วสอนให้นักเรียน อ่านข่าวตามอีกครง้ั หนึ่ง 2 Voice of America. E-Waste Creates Economic, Environmental Problem for Developing Nations. (February 23, 2010). Available from http://www1.voanews. com/english/news/science-technology/Indonesian-E-Waste-85035327.html ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ่ีเชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 123

4. ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียน แลว้ ใหร้ ว่ มกนั ศกึ ษาข่าว และตอบค�ำถามจาก ใบงาน ตวั อย่างค�ำถามในใบงาน Please answer the following questions about the news. 1. What is the problem of the developing countries? 2. Why is electronic waste dangerous? 3. Why is there more and more e-waste in these countries? 5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ น�ำเสนอเนอ้ื หาของขา่ วและค�ำตอบของค�ำถามใน ใบงาน และอภปิ รายรว่ มกัน • ร้สู ึกอย่างไรเกย่ี วกับขา่ วทอี่ า่ น (2. ถามความรสู้ ึก) • นกั เรยี นเคยพบเหน็ ขยะอเิ ลก็ โทรนกิ สห์ รอื ไม่ ขยะอเิ ลก็ โทรนกิ ส ์ ไดแ้ ก่อะไรบ้าง (6. ถามเพ่อื เชอ่ื มโยงกบั ชวี ิตจรงิ ) • นักเรียนคิดว่า ท�ำไมขยะอิเล็กโทรนิกส์จึงเป็นอันตรายต่อ สง่ิ แวดลอ้ ม(3. ถามเพอื่ สะทอ้ นความคดิ มมุ มอง ความเชอื่ ของตน) • ถา้ ขยะอเิ ลก็ โทรนกิ สย์ งั คงเพม่ิ มากขนึ้ เรอ่ื ยๆ โดยท่ีไมม่ กี ารแกไ้ ข นักเรียนคิดว่าจะเกิดอะไรข้ึนกับพวกเราและโลกของเรา (4. ถามเพ่ือกระตุน้ จนิ ตนาการ ต่อยอดความคิด) • ในชีวิตประจ�ำวันพวกเราก่อให้เกิดขยะอิเล็กโทรนิกส์ได้อย่างไร และตัวเราจะท�ำอะไรได้บ้าง เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กโทรนิกส์ (6. ถามเพ่อื เชื่อมโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) 124 ภาคทีส่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนร้ทู เ่ี ชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ”

*ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายอย่างอิสระโดยให้ทุกคน มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ครูอาจแทรกค�ำศัพท์ วลี หรือประโยคภาษา องั กฤษที่น่าสนใจ ระหวา่ งการอภปิ รายด้วย 7. ครูให้เวลานักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำความคิดท่ีได้อภิปรายไป มา ออกแบบโปสเตอร์ โดยใชค้ �ำภาษาอังกฤษงา่ ยๆ พรอ้ มรปู ประกอบ เพ่ือชี้ให้เห็นภัยของขยะอิเล็กโทรนิกส์ และรณรงค์ให้ร่วมกันช่วย ลดขยะอิเลก็ โทรนิกส์ 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอผลงานของตน (เป็นภาษาอังกฤษ) ครูตั้ง ค�ำถามเพือ่ สรปุ เนือ้ หาท่ีได้เรยี น • นักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้างจากบทเรียนวันนี้ และความคิด เก่ียวกับขยะอิเล็กโทรนิกส์ท่ีเพ่ือนๆ ได้ร่วมกันน�ำเสนอ (1. ถามสรุปความคดิ และเนอ้ื หา) • นักเรียนชอบความคิดของกลุ่มใดเป็นพิเศษ เพราะอะไร (3. ถามเพื่อสะท้อนความคดิ มมุ มอง ความเช่อื ของตน) • นกั เรยี นไดป้ ระโยชนอ์ ะไรบา้ ง จากการเรยี นเรอื่ ง ขยะอเิ ลก็ โทรนกิ ส ์ จากข่าวภาษาอังกฤษ และจะน�ำไปใช้อะไรได้บ้างในชีวิตจริง (6. ถามเพื่อเช่ือมโยงกบั ชีวิตจรงิ ) แม้เนื้อหาท่ีเรียนจะเป็นเรื่องของขยะอิเล็กโทรนิกส์ แต่ครูก็ควร สอดแทรกใหน้ กั เรยี นตระหนกั ถงึ ความส�ำคญั ของการใชภ้ าษาองั กฤษ เพ่ือค้นหาความรู้ต่างๆ และขยายมุมมองโลกทัศน์ของนักเรียนให้ กวา้ งขึ้น โดยเฉพาะจากการอา่ นขา่ ว ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี ช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 125

สรุปทักษะชีวิต สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมักเน้นไปท่ีการสื่อสาร ซงึ่ เปน็ พน้ื ฐานในการสรา้ งสมั พนั ธภาพอยแู่ ลว้ โดยเฉพาะจากการฝกึ สนทนา พดู คุย และท�ำงานกลมุ่ (องคป์ ระกอบท่ี 4 การสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผู้อนื่ ) แต่สื่อการเรียนภาษาซ่ึงมักเป็นเน้ือหาเร่ืองราวให้อ่าน ก็มักบรรจุเรื่องราว ท่ีน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ทักษะชีวิตทุกองค์ประกอบได ้ หากครผู สู้ อนฉลาดในการเฟน้ หาบทความ เรอื่ งราว ทนี่ า่ สนใจ เขา้ กบั ยคุ สมยั และให้ข้อคิดท่ีเป็นประโยชน์กับนักเรียน และหมั่นต้ังค�ำถามทุกแบบ เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ (องค์ประกอบที่ 2 การคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์) นักเรียนก็จะได้เรียนรู้ ทกั ษะชวี ติ ทกุ องคป์ ระกอบไปพรอ้ มกับฝกึ การสอ่ื สารด้วยภาษาองั กฤษ ••••• 126 ภาคท่ีสาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูท้ เ่ี ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชวี ติ ”

บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ. 2551. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ. ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. 2554. การพัฒนาทักษะชวี ิตในระบบ การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน. กรุงเทพฯ. ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. 2554. (ร่าง) แนวทางการพัฒนา ทกั ษะชวี ติ บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ หลกั สตู ร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ ์ ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด. IX

ผตู้ รวจสอบเนอ้ื หาวิชาการ ขอขอบคณุ อ.จงกล ทรัพย์สมบูรณ์ อดีตผบู้ ริหารโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย คณะผู้จดั ทำ� นพ.ประเวช ตนั ตพิ ิวัฒนสกลุ นายแพทยท์ รงคณุ วฒุ กิ รมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ และ ผจู้ ัดการแผนงานสร้างเสรมิ สุขภาพจติ อ.อบุ ลวรรณ แสนมหายกั ษ ์ ผเู้ ช่ียวชาญการพฒั นาทกั ษะชวี ติ ในหลกั สตู รและการสอน อ.ประคอง กล่ินจนั ทร์ ครูช�ำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นธารทองวทิ ยา (ปา่ รวก) จงั หวัดเชยี งราย อ.มาลี มะโนหาญ ครชู �ำนาญการพิเศษ โรงเรียนบา้ นแมข่ ้าวต้มทา่ สดุ จังหวัดเชยี งราย อ.จนั ทนา หนอ่ สวุ รรณ ครชู �ำนาญการ โรงเรยี นบา้ นแมข่ า้ วตม้ ทา่ สดุ จงั หวดั เชยี งราย อ.ดรรชนี จนั ทรค์ �ำ ครูช�ำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นอนบุ าลเมอื งเชยี งราย จังหวัดเชียงราย อ.กาญจณีย์ ธีระเดช ครชู �ำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนบุ าลเมอื งเชยี งราย จังหวัดเชียงราย อ.จ�ำเรียง ประดบั เวทย ์ ครชู �ำนาญการ โรงเรียนประถมศกึ ษาธรรมศาสตร ์ จังหวัดปทุมธานี ดร.มยรุ ี ดว้ งศร ี ครูช�ำนาญการพิเศษ โรงเรียนสันป่ายางวิทยาคม จังหวดั เชียงใหม่ ผู้รว่ มถ่ายทอดเนอ้ื หา อดตี ครโู รงเรียนบ้านแม่ขา้ วต้มทา่ สุด จังหวดั เชยี งราย อ.อจั ฉรา เดน่ ตระกูล ครชู �ำนาญการพิเศษ โรงเรียนสามัคคีวทิ ยาคม อ.ทรงศรี นารินทร ์ จังหวัดเชยี งราย ครูช�ำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงราย อ.ธนารักษ์ ปัน้ เทยี น จรูญราษฎร)์ จงั หวัดเชียงราย X

บรรณาธิการและเรียบเรียง ธีร์ ทพิ กฤต คณะกรรมการก�ำกับทิศแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต ภายใต้ส�ำนักสนับสนุนการสร้างสุขภาวะ และลดปัจจยั เส่ยี งรอง สำ� นักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ศ.นพ.อดุ มศิลป์ ศรแี สงนาม ประธานกรรมการ นพ.มล.สมชาย จักรพนั ธุ ์ กรรมการ คุณหญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา กรรมการ อธบิ ดีกรมสุขภาพจิต (นพ.ณรงค์ สหเมธาพฒั น์) กรรมการ นพ.อภิชยั มงคล กรรมการ นพ.ยงยุทธ วงศภ์ ริ มยศ์ านต ์ิ กรรมการ นายสจุ ติ ต์ ไตรพทิ ักษ ์ กรรมการ พระดษุ ฎี เมธงั กโุ ร กรรมการ ศ.นพ.รณชยั คงสกนธ์ กรรมการ ผศ.ดร.พิมพา ขจรธรรม กรรมการ อ.อนสุ รณ์ ศรแี กว้ กรรมการ ดร.นิษฐา หรนุ่ เกษม กรรมการ ทพ.ศริ เิ กยี รติ เหลยี งกอบกจิ กรรมการ คณะท�ำงานแผนงานสร้างเสรมิ สขุ ภาพจติ นพ.ประเวช ตันตพิ วิ ฒั นสกลุ นายแพทย์ทรงคุณวฒุ ิกรมสขุ ภาพจติ กระทรวงสาธารณสุข และ ผ้จู ดั การแผนงานสร้างเสรมิ สุขภาพจิต ผูช้ ว่ ยผจู้ ัดการแผนงาน นักวิชาการบริหารแผนงาน เจ้าหนา้ ทบี่ ญั ชี การเงิน และพัสดุ น.ส.เอกอนงค์ สตี ลาภนิ ันท์ เจา้ หน้าที่ข้อมลู เครือข่าย เจ้าหน้าท่ีสารสนเทศ น.ส.ภณิดา ชนวทิ ยาสิทธกิ ุล น.ส.ดัชนี อวมสนอง นางสมิ าพร มาแก้ว นายพชิ ติ วงศส์ ุนธ ิ XI


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook