• ถ้ามีคนแปลกหนา้ ที่หนไู ม่ร้จู ักมาท่บี า้ น หนจู ะท�ำอย่างไร • หากนำ้� ทว่ มบ้านของนกั เรยี นจะเกิดอันตรายอย่างไรบ้าง • นกั เรยี นจะเตรยี มตวั เอง เตรยี มครอบครวั อยา่ งไรไม่ใหไ้ ดร้ บั อนั ตราย จากน�้ำท่วมบ้าน (อนั ตรายจากสตั วม์ ีพษิ จากไฟฟา้ ดดู จากเช้ือโรค) • หากมีคนอ้างว่าบ้านน้�ำท่วมจะมาขอพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของ นกั เรยี น นกั เรยี นจะท�ำอยา่ งไร หรอื ใหค้ �ำแนะน�ำกบั ผปู้ กครองอยา่ งไร (5. ถามเพ่ือท�ำความเขา้ ใจผูอ้ ่นื ) • ถ้าคณุ พ่อ/ คณุ แม่มลี ูกดอื้ เกเร หนูคิดวา่ ท่านจะร้สู กึ อย่างไร • หนูคิดว่าถา้ พีน่ อ้ งทะเลาะกัน ไมส่ ามัคคกี นั พอ่ แมจ่ ะร้สู กึ อย่างไร (6. ถามเพ่อื เชือ่ มโยงกบั ชีวติ จริง) • เม่อื มีเพื่อนของคุณพ่อมาท่บี า้ น เดก็ ๆ ควรท�ำอยา่ งไร เพราะอะไร • เวลาท่คี ณุ พ่อ/ คณุ แม่เจ็บปว่ ยหรอื ไม่สบาย นักเรียนท�ำอย่างไรบ้าง • เวลาอยู่ที่บ้าน เด็กๆ ท�ำอย่างไรบ้างเพ่ือให้ทุกคนในครอบครัว อยูร่ วมกันอย่างมคี วามสุข • เดก็ ๆ จะมวี ิธีการปอ้ งกันตนเองอย่างไร ไม่ให้เกดิ อนั ตรายกับตนเอง เมือ่ อยคู่ นเดยี วหรือพ่อแมไ่ มอ่ ยู่ • หนูจะช่วยคณุ พ่อ คณุ แม่ ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ยได้อย่างไรบ้าง • เวลาทมี่ ญี าติผู้ใหญ่อยู่ในบา้ น เด็กๆ ปฏบิ ัติตอ่ ทา่ นอย่างไร • หนูเคยเล่นของเลน่ แลว้ ไมเ่ กบ็ เข้าท่ีไหม ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร • ถา้ หนเู หน็ ไฟฟ้าและพดั ลมเปดิ ทงิ้ ไว้ ไมม่ ีใครอยู่ในห้องเลย หนูจะท�ำ อย่างไร 40 ภาคท่สี อง ตัง้ ค�ำถามเพอื่ สร้างทักษะชีวติ
สงิ่ ส�ำคัญในขณะท่ีถาม การถามและตั้งค�ำถามที่เหมาะสมจะท�ำให้การเรียนการสอนบรรล ุ จุดประสงค์ เพื่อให้การต้ังค�ำถามมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น ครูผู้สอนพึงใส่ใจ รายละเอียดดงั น้ี 1. ถามด้วยน�้ำเสียงและกิริยาท่าทางเป็นกันเอง ขณะเดียวกันครูผู้ถาม ต้องมีความมน่ั ใจ ซ่ึงเกิดไดด้ ้วยการเตรียมค�ำถามล่วงหน้า 2. ถามเป็นภาษาพูดท่ีเข้าใจง่าย และไม่ควรใช้ค�ำถามจากหนังสือเรียน โดยตรง 3. ให้เวลาผตู้ อบคิด เพอ่ื ระลึกถงึ เนื้อหาและรวบรวมค�ำตอบ 4. พยายามใช้ค�ำถามหลากหลายรูปแบบ เพ่ือให้นักเรียนได้พลิกแพลง ใช้ความคดิ อย่างกว้างขวาง 5. แสดงทา่ ทสี นใจ ใส่ใจ ค�ำตอบของนักเรยี น โดยท�ำท่ารบั รแู้ ละยอมรับ ด้วยการสบตา ย้มิ พูดชม พยกั หน้า ปรบมือหรือสัมผัส ซึง่ จะช่วยใหน้ ักเรียน คลายความเขินอาย และสง่ เสริมให้นกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ มากขน้ึ 6. รจู้ กั รอคอย ยอมรบั ความแตกตา่ งทางดา้ นความคดิ และความสามารถ ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน ไมด่ ว่ นตดั สนิ ใจ ชงิ ตอบ หรอื ตดั บทความคดิ ของนกั เรยี น ภาคท่ีสอง ตั้งค�ำถามเพ่อื สรา้ งทกั ษะชวี ติ 41
สรปุ ประเดน็ การเรียนรู้ : ปิดฉากบทเรียนอย่างมคี วามหมาย ก่อนจะปิดการเรียนการสอนในทุกคาบเรียน ครูควรสรุปเน้ือหาและ ความคิดส�ำคัญที่ได้สอนไป และท่ีนักเรียนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นกัน ในห้องเรียน เพื่อชว่ ยนักเรียนทบทวนและเชอ่ื มโยงเนื้อหาและความคิดตา่ งๆ ทิ้งท้ายให้นักเรียนน�ำไปคิดและส�ำรวจต่อ และกระตุ้นให้นักเรียนน�ำส่ิง ที่ได้เรียนไปปฏิบัติในชีวิตจริง การสรุปประเด็นการเรียนรู้สามารถใช้เทคนิค งา่ ยๆ ดังน้ี ใช้การสรุปความ ครูสรุปเน้ือหาในประเด็นส�ำคัญท่ีอภิปรายกันไปและ เชื่อมโยงเข้ากับวัตถุประสงค์บทเรียน นอกจากนี้ครูยังสามารถเช่ือมโยง เนื้อหาท่ีเรียนไปเข้าสู่การเรียนรู้ในประเด็นต่อไปหรือข้ันต่อไปได้ เช่น สรุปเนื้อหา แล้วต้ังค�ำถามเกี่ยวกับการน�ำไปประยุกต์ใช้ หรือถามค�ำถาม ความรสู้ กึ ทีน่ ักเรียนมีตอ่ การเรยี นรู้ เป็นตน้ ต้ังค�ำถามให้นักเรียนสรุป เช่น อาจตั้งค�ำถามให้นักเรียนทั้งห้องช่วยกัน สรุปเร่ืองราวท้ังหมดในบทเรียน แนวคิดส�ำคัญ หรือส่ิงท่ีนักเรียนได้จาก บทเรียน 42 ภาคที่สอง ตั้งค�ำถามเพือ่ สร้างทกั ษะชวี ิต
สง่ ท้ายภาค ทศั นคตขิ องครตู อ่ การสร้างทักษะชวี ิตทยี่ ั่งยนื เด็กทุกคนมีความดีในตัวเอง แต่เด็กแต่ละคนอาจมีความคิด ความชอบ ความถนดั และความสามารถไม่เหมือนกนั แต่กระนน้ั เดก็ ทุกคนกม็ ศี กั ยภาพ ที่จะพัฒนาตนได้ในทางของตวั เอง การพฒั นา “ทกั ษะชีวิต” คอื การเรียนรู้ ที่จะสร้างความเจริญงอกงามทางปัญญาให้กับเด็ก ครูจึงควรเปิดรับและ ยอมรบั ความแตกต่างของเดก็ โดยไมต่ ัดสินคณุ คา่ หรือตัดสินในสง่ิ ทเี่ ด็กเป็น ครจู ะสามารถชว่ ยใหต้ น้ กลา้ แหง่ ความเขา้ ใจและสมรรถภาพในการใชช้ วี ติ ท่ีดี ซึ่งเรียกกันในชื่อ “ทักษะชีวิต” น้ี เติบโตและเข้มแข็งได้อย่างย่ังยืน เม่ือครูมีทัศนคติและท่าทีที่เหมาะสม มีท่าทีท่ีเป็นมิตร ใจกว้าง รับฟัง มองบวก ใส่ใจ และฉบั ไวตอ่ ความรสู้ กึ ของเดก็ (สงั เกต) รเู้ ทา่ ทนั สถานการณ์ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ในชนั้ เรยี นและเดก็ แตล่ ะคน ทงั้ จากการกระทบกระทงั่ ทางกริ ยิ า และวาจา (ค�ำพูด) ครูต้องไม่หว่ันไหวและมีปฏิกริยาที่รุนแรงต่ออารมณ์ พฤตกิ รรม และความคดิ ทอ่ี าจเปน็ ปญั หาของเดก็ และตอ้ งฝกึ ใหเ้ ดก็ รจู้ กั และ ตระหนกั ในอารมณข์ องตนเองและผอู้ น่ื และสอนใหเ้ ดก็ หาทางแสดงอารมณ์ ที่เกิดให้เหมาะสมและสร้างสรรค์ ดังนั้น ครูต้องเป็นแม่แบบส�ำคัญของการแสดงอารมณ์ ทั้งที่ดีและไม่ดี ในทางสร้างสรรค์ ด้วยบทบาทท่ีส�ำคัญย่ิงน้ี ครูจึงควรฝึกตนเองให้พูดคุย สนทนาอย่างมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ รู้จักใช้ค�ำถามกระตุ้นให้เด็กนักเรียน ได้พูด ได้เล่า เพอ่ื ผ่อนคลาย ตลอดจนให้ก�ำลังใจนักเรียนอยูเ่ สมอ และพูด ชื่นชมเม่อื มีโอกาสเหมาะสม ภาคท่สี อง ตง้ั ค�ำถามเพอ่ื สรา้ งทกั ษะชีวติ 43
44
ภาคท่สี าม การออกแบบ ทเ่ี ชกื่อิจมกโรยรงมสกู่ทาักรษเระียชนีวิตรู้ เมือ่ เข้าใจทกั ษะชีวิตและองค์ประกอบของทักษะชวี ิต เมอ่ื รจู้ ัก “การต้งั ค�ำถาม” ท่ีใช้เชื่อมโยงเน้อื หาการเรยี นรู้เข้าสชู่ วี ิตแลว้ กา้ วตอ่ ไป คือ การลงมอื ปฏิบัติจรงิ 45
เทคนคิ การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ เชอ่ื มโยงสู่ทกั ษะชีวติ การพฒั นาทกั ษะชวี ติ ทง้ั 4 องคป์ ระกอบ ตอ้ งอาศยั ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ และการสอื่ สารท่มี ีประสทิ ธิภาพเปน็ หลัก ทกั ษะน้ีถอื เปน็ ทักษะพน้ื ฐาน หรือ “ทักษะแกน” ซึ่งพัฒนาให้เกิดขึ้นได้ด้วยกระบวนการการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน เป็นส�ำคัญ พฒั นาทักษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละการส่อื สาร • ครหู รอื ผู้จดั กิจกรรมออกแบบค�ำถาม (ดูภาคสอง 6 คำ� ถามเพอื่ สรา้ ง ทักษะชีวิต) เพื่อให้นักเรียนได้แสดงความรู้ ความคิด อภิปราย สะท้อน ความรู้สึกนึกคิด ประสบการณ์ และมุมมองของตนเอง เกี่ยวกับเน้ือหา ที่ได้เรยี นรว่ มกับเพ่ือนในช้นั และครูผู้สอน • ระหวา่ งทนี่ กั เรยี นตอบค�ำถามทคี่ รอู อกแบบขน้ึ ครสู ามารถสอดแทรก ทักษะชีวิตลงไปด้วย โดยใช้การตั้งค�ำถามให้นักเรียนช่วยกันคิดต่อ หรือ สอนโดยช้ีแจงและน�ำทางให้นักเรียนเห็นประเด็นของทักษะชีวิตที่สัมพันธ์ กบั เน้อื หาทเ่ี รยี น • ครแู สดงการคดิ เชื่อมโยงความร้ใู หม่ และทักษะชวี ติ ที่ได้แทรกเขา้ ไป ในเนอ้ื หาการเรยี นรู้ กบั ประสบการณเ์ ดมิ ของผเู้ รยี น โดยตง้ั ค�ำถามใหน้ กั เรยี น คดิ เชอื่ มโยงถงึ ประสบการณท์ เ่ี คยมแี ละการใชช้ วี ติ จรงิ ครคู วรพยายามกระตนุ้ และสนับสนุนให้นักเรียนทุกคนได้ร่วมกันบอกเล่า แสดงความคิด วิเคราะห์ ส่อื สารดว้ ยการพูด 46 ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่เี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต”
ตัวอย่างการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ทเ่ี ช่อื มโยงทักษะชวี ิต ในส่วนนี้ได้รวบรวมตัวอย่างการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเช่ือมโยง ทักษะชีวิต จาก 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คอื กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย วิทยาศาสตร์ และศิลปะ ตามล�ำดับ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ครูผู้สอนน�ำไป ประยกุ ต์ใช้ใหเ้ หมาะกับชั้นเรยี นของตนตอ่ ไป กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เรอื่ ง นกั ขา่ วรนุ่ เยาว ์ เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชี้วดั ท่ีตอ้ งการพัฒนา สาระที่ 3 การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดง ความรู้ ความคิดและความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมี วิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชวี้ ดั ท 5/1 พดู แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และความรู้สึกจาก เรอ่ื งท่ีฟังและดู ท 5/3 วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่ฟังและด ู อยา่ งมีเหตุผล ท 5/5 มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ภาคทส่ี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่เี ชอื่ มโยงสู่ “ทักษะชีวิต” 47
2. วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ฝึกทักษะการอา่ นและการฟังจับใจความ 2. เพ่ือฝึกทักษะการพูดแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นจากเร่ือง ที่อ่าน ฟงั และดู 3. เพอ่ื ฝกึ ใหร้ จู้ กั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ ทงั้ เหน็ คณุ คา่ และยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ นื่ 4. เพื่อฝึกให้รู้จักคาดคะเนความเสี่ยงที่อาจเกิดข้ึนกับตนเองและ หาแนวทางป้องกนั ความเสยี่ งน้นั 3. เน้อื หา 1. การอ่าน การฟังจับใจความ และการพูดแสดงความรู้สึก เก่ียวกับ ความรแู้ ละความคดิ จากข่าวสารในชีวิตประจ�ำวนั เชน่ ข่าวอบุ ตั ิภัย ขา่ วภัยสังคม ขา่ วสุขภาพ ข่าวภัยทางเพศ เป็นตน้ 2. การคาดคะเนความเสยี่ งจากปญั หาความขดั แยง้ ทเี่ กดิ จากการแสดง ความคิดเหน็ ระหว่างกลมุ่ เพ่อื น 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ที่เชื่อมโยงสทู่ กั ษะชวี ิต หมายเหตุ : ใน “ข้ันตอนกิจกรรมท่ีเช่ือมโยงสู่ทักษะชีวิต” ได้แสดงขั้นตอน ของการจัดกิจกรรม พร้อมทั้งตัวอย่างการต้ังค�ำถามเพ่ือเชื่อมโยงการเรียนรู้ ไปสทู่ กั ษะชวี ติ คำ� ถามดงั กลา่ วนอี้ อกแบบบนพน้ื ฐานของเทคนคิ ในการตง้ั ค�ำถาม (ดเู พิ่มเตมิ จาก ภาคทีส่ อง การต้งั คำ� ถามเพือ่ สรา้ งทกั ษะชวี ิต หนา้ 25) 48 ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทเ่ี ชือ่ มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต”
ข้นั ตอนกิจกรรมท่เี ชอื่ มโยง กจิ กรรมท่ีเสรมิ สรา้ ง ทกั ษะชีวติ สูท่ กั ษะชวี ติ ทกั ษะชีวิต ที่ไดร้ บั การพฒั นา 1. ครูน�ำสนทนาถึงการน�ำเสนอ การสนทนาท่ีเช่ือมโยง องคป์ ระกอบท่ี 2 : ข่าวของผู้อ่านข่าวทางสถานี ถึงประสบการณ์ของ การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และ โทรทศั น์ตา่ งๆ ด้วยการตั้งค�ำถาม ผเู้ รยี น • นักเรียนชอบผู้อ่านข่าวหรือ แก้ปัญหาอย่าง ผู้ส่ือข่าวสถานีโทรทัศน์ใด สร้างสรรค์ ผู้สื่อขา่ วชอ่ื อะไร เพราะเหตใุ ด จึงชอบ • นักเรียนคิดว่าสิ่งที่ผู้สื่อข่าว น�ำเสนอเชื่อถือได้หรือไม ่ เพราะอะไร • การน�ำเสนอข่าวต่างกับ การโฆษณาอย่างไร • ถ้านักเรียนมีโอกาสเป็นผู้อ่าน ขา่ วทางสถานโี ทรทศั น์ นกั เรยี น ต้องเตรียมการอย่างไรและ น�ำเสนอขา่ วอยา่ งไรจงึ จะนา่ สนใจ 2. ครูมอบหมายให้นักเรียน การมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม องค์ประกอบท่ี 2 : แต่ละกลุ่มติดตามข่าวจาก ท่ีมุ่งให้เกิดผลงานและ การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และ หนังสือพมิ พร์ ายวนั วารสาร หรอื การตดั สนิ ใจ แก้ปัญหาอย่าง เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน ซง่ึ เปน็ สร้างสรรค์ ประโยชนอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง จากนัน้ เ ลื อ ก อ ่ า น เ ชิ ง เ ล ่ า ใ ห ้ เ พื่ อ น ๆ องคป์ ระกอบท่ี 4 : ในช้ันฟัง เพื่ออภิปรายแสดงความ การสร้าง คิดเหน็ สั ม พั น ธ ภ า พ ที่ ด ี กับผู้อื่น ภาคทสี่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ท เี่ ช่ือมโยงสู่ “ทักษะชีวติ ” 49
ข้นั ตอนกิจกรรมทีเ่ ชื่อมโยง กจิ กรรมทีเ่ สริมสรา้ ง ทักษะชวี ติ สทู่ ักษะชีวติ ทกั ษะชีวิต ท่ีไดร้ บั การพฒั นา 3. ครูสนทนาและซักถามนักเรียน การสนทนาและการอภปิ ราย องค์ประกอบท่ี 1 : ด้วยการต้ังค�ำถาม หลังจาก จากประเด็นค�ำถามที ่ การตระหนักรู้และ นักเรียนฟงั เร่ืองทีเ่ พ่อื นเล่า เป็นเหตเุ ปน็ ผล เชอ่ื มโยง เหน็ คุณค่าในตนเอง • นักเรียนรู้สึกอยา่ งไรท่ีได้ฟงั กับความเป็นจริงในชีวิต และผูอ้ ่นื เรือ่ งราวทีเ่ พ่อื นเลา่ ประจ�ำวนั • นกั เรยี นคดิ วา่ เหตกุ ารณใ์ นขา่ ว องคป์ ระกอบที่ 2 : มีผลกระทบตามมาหรือไม่ การมีอิสระในการแสดง การคิดวิเคราะห์ ใครได้รับผลกระทบบ้าง และ ความคิดเห็น โดยไม ่ การตัดสินใจ และ ผลกระทบมคี วามรนุ แรงเพยี งใด ถูกควบคุมความคิด แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ย ่ า ง • นักเรียนคิดว่าเหตุการณ์ใน สร้างสรรค์ ขา่ วสามารถเกดิ ขน้ึ กบั ตวั เอง/ ครอบครวั หรอื ไม่ เพราะอะไร? องค์ประกอบท่ี 4 : ก า ร ส ร ้ า ง ถา้ นกั เรยี นเคยเผชญิ กบั เหตกุ ารณ์ สั ม พั น ธ ภ า พ ที่ ดี ดงั ทกี่ ลมุ่ เพือ่ นเล่า ใหถ้ ามว่า กับผู้อื่น • นักเรียนจะมีแนวทางหรือ วิธีการหาทางออกอย่างไร ค รู เ ป ิ ด โ อ ก า ส ใ ห ้ นั ก เ รี ย น ไ ด ้ อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่าง อิสระ กระตุ้นให้ทุกคนร่วมแสดง ความคิดเห็น วพิ ากษ์ วิจารณด์ ้วย เหตุผลและข้ออ้างอิง แสดงกิริยา วาจาสุภาพตามมารยาทไทย 50 ภาคท่สี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทเี่ ชอื่ มโยงสู่ “ทักษะชีวิต”
ข้นั ตอนกิจกรรมท่เี ชือ่ มโยง กจิ กรรมท่เี สรมิ สร้าง ทักษะชวี ติ สทู่ ักษะชวี ิต ทักษะชีวติ ที่ไดร้ บั การพัฒนา 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป การสรุปบทเรียนอย่าง องค์ประกอบท่ี 1 : ความรู้ ความคดิ ท่ีไดร้ บั จากบทเรยี น มีเป้าหมาย เชื่อมโยง การตระหนักรู้และ และจากการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรม กับสถานการณ์ในชีวิต เหน็ คุณค่าในตนเอง โดยใชก้ ารตง้ั ค�ำถาม ชวนคดิ ชวนคยุ ประจ�ำวนั และผู้อืน่ • นักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง จากเรื่องราวท่ีไดเ้ รียนรู้ การสนทนาและอภปิ ราย องคป์ ระกอบที่ 2 : • นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร ถงึ ประเดน็ ค�ำถามอยา่ งมี การคิดวิเคราะห์ ท่ีไดท้ �ำงานกลมุ่ รว่ มกบั เพอื่ นๆ เหตุมีผล การตัดสินใจ และ เช่น การร่วมกันคัดเลือกข่าว แก้ปัญหาอย่าง และการเตรยี มตวั เลา่ ขา่ ว การสะท้อนย้อนคิดและ สร้างสรรค์ • ระหวา่ งท�ำงานกลมุ่ มคี วามขดั แยง้ เชื่อมโยงประสบการณ์ บ้างหรือไม่ ขัดแย้งเรื่อง เดมิ กบั ประสบการณใ์ หม่ องค์ประกอบที่ 4 : อะไร สาเหตขุ องความขดั แยง้ ก า ร ส ร ้ า ง มาจากอะไร(เชน่ อารมณ์ ค�ำพดู การคาดคะเนความเส่ียง สั ม พั น ธ ภ า พ ที่ ด ี กริ ิยาท่าทางที่ไม่เป็นมิตร) ที่อาจเกิดข้ึน และหา กับผู้อ่ืน • นกั เรยี นท�ำอยา่ งไร ความขดั แยง้ ทางออกของปัญหาได้ นั้นจงึ ยุตลิ งไมบ่ านปลาย หลากหลายแนวทาง • ท่ีผ่านมาเคยมีความขัดแย้ง เช่นน้ีหรือไม่ และมีปัญหา การคิดอภิปรายอย่าง ตามมาหรอื ไม่ อสิ ระ • หากความขัดแย้งน้ันไม่ยุติลง จะเกิดผลเสียตามมาอยา่ งไร • ในโอกาสต่อไป หากเกิด ความขดั แยง้ ขนึ้ นกั เรยี นจะท�ำ อยา่ งไรเพอ่ื ไมใ่ หค้ วามขดั แยง้ นน้ั ลุกลามปานปลาย ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่เชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 51
ข้ันตอนกิจกรรมทเ่ี ชือ่ มโยง กจิ กรรมทีเ่ สริมสรา้ ง ทักษะชวี ติ ส่ทู ักษะชวี ิต ทกั ษะชวี ิต ท่ีไดร้ ับการพัฒนา 5. ครูเพ่ิมเติมข้อคิดและแนวทาง การสรปุ องคค์ วามรู้ และ องคป์ ระกอบท่ี 1 : การปฏิบัติเพ่ือยุติข้อขัดแย้งได้ พรอ้ มเผชญิ สถานการณ์ การตระหนักรู้และ อย่างเหมาะสม เช่น เห็นคุณค่าในตนเอง • น่ิง ไม่แสดงอารมณ์ ควบคุม และผ้อู นื่ อารมณ์ • ฟังผู้อื่นอย่างตง้ั ใจ • วิเคราะห์เหตุผล หากเหตุผล องคป์ ระกอบท่ี 2 : ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ นั้นไม่เหมาะสม ให้แสดงและ การตัดสินใจ และ ชแ้ี จงเหตผุ ลของตนเองใหผ้ อู้ น่ื แก้ปัญหาอย่าง รับรู้ หากเหตุผลของผู้อื่น สร้างสรรค์ เหมาะสม เปน็ ประโยชนม์ ากกวา่ ของตนเอง ก็ให้ยอมรับและ องคป์ ระกอบท่ี 3 : แสดงความเห็นด้วย การจดั การกบั อารมณ์ • ไมแ่ สดง สหี นา้ แววตา อารมณ ์ และความเครียด ในทางลบ 6. ครูน�ำนักเรียนฝึกส�ำรวจและ การฝกึ ส�ำรวจและควบคมุ องค์ประกอบท่ี 3 : ควบคุมอารมณ์ด้วยการหายใจ อารมณ์ และพรอ้ มเผชญิ การจดั การกบั อารมณ ์ เข้าออก การนับเลข การก�ำหนด สถานการณ์ และความเครยี ด สติ ฯลฯ 52 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ทเี่ ชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต”
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เรอ่ื ง วฏั จกั รของพชื เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั สาระที่ 1 ส่งิ มชี ีวติ กับกระบวนการด�ำรงชีวติ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจหนว่ ยพนื้ ฐานของสง่ิ มชี วี ติ ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทขี่ องระบบตา่ งๆ ของสง่ิ มชี วี ติ ทที่ �ำงานสมั พนั ธก์ นั สามารถใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอ่ื สารสงิ่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละ น�ำความรไู้ ปใชใ้ นการด�ำรงชวี ติ ของตนเอง และดแู ลสงิ่ มชี วี ติ ได้ ตัวชวี้ ดั ว 5/ 3 อธิบายวัฏจกั รชีวิตของพืชดอกบางชนิด 2. วตั ถุประสงค์ 1. เขียนแผนผังแสดงวฏั จกั รชีวติ ของพชื ดอกบางชนิดได้ 2. พดู แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ ึกจากที่ฟงั และดู 3. คาดคะเนความเสี่ยงตามวัฏจักรชีวติ ของมนุษย์ 3. เนอ้ื หาสาระ พืชดอกเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ จะออกดอก ดอกได้รับการผสมพันธุ์ กลายเป็นผล ผลมีเมล็ด ซึ่งสามารถงอกเป็นต้นพืชต้นใหม่ หมุนเวียนเป็น วฏั จกั ร ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี ชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 53
4. กิจกรรมการเรยี นร้ทู ่เี ชอื่ มโยงสู่ทักษะชวี ติ ขนั้ ตอนกจิ กรรมทีเ่ ชื่อมโยง กจิ กรรมทเ่ี สรมิ สรา้ ง ทักษะชวี ิต สู่ทักษะชีวิต ทักษะชีวิต ท่ีได้รบั การพฒั นา 1. ครนู �ำพชื ตน้ เลก็ ๆ ทมี่ สี ว่ นประกอบ การดูและฟงั อยา่ งตง้ั ใจ องคป์ ระกอบท่ี 2 : ครบท้ังใบ ล�ำต้นและราก มาให้ ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ นักเรียนดู พร้อมกับตั้งค�ำถาม การตง้ั ค�ำถามและแสวงหา การตัดสินใจ และ ถามความเข้าใจของผ้เู รยี น ค�ำตอบ แก้ปัญหาอย่าง • ส่วนประกอบของต้นพืชมี สร้างสรรค์ อะไรบ้าง • พชื ชนิดนี้ขยายพันธ์ไุ ด้อย่างไร • นกั เรยี นรไู้ หมวา่ พชื ขยายพนั ธ์ ุ ไดด้ ้วยวิธีใดบ้าง 2. ครอู ธบิ ายใหค้ วามรกู้ บั นกั เรยี น การฟงั อยา่ งตงั้ ใจ องคป์ ระกอบท่ี 2 : เรอ่ื งวงจรการเจรญิ เตบิ โตของพชื ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ ต้ังแต่เป็นเมล็ด งอกเป็นต้นอ่อน การส�ำรวจและค้นหา การตัดสินใจ และ เติบโตเป็นใบ ล�ำต้น ก่ิงก้าน แก้ปัญหาอย่าง ออกดอกออกผล จากนั้นน�ำเมล็ด สร้างสรรค์ ของผลไปเพาะ งอกเป็นต้นอ่อน ซ่ึงจะเติบโตออกดอก ออกผล วนเวียนเช่นน้ีต่อไป เรียกว่า เป็น วฏั จกั รพืช หรอื วงจรชวี ติ ของพืช 54 ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ทเี่ ช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต”
ขนั้ ตอนกิจกรรมท่ีเชื่อมโยง กจิ กรรมทเ่ี สริมสรา้ ง ทักษะชีวติ สทู่ ักษะชีวิต ทกั ษะชวี ิต ที่ไดร้ ับการพฒั นา จากนนั้ ครนู �ำแผนผงั วงจรชวี ติ หรอื การดูอย่างตั้งใจ และ องค์ประกอบท่ี 2 : ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ วฏั จกั รของตน้ มะมว่ งใหน้ กั เรยี นดู การรจู้ ักสงั เกต การตัดสินใจ และ เพอื่ ยนื ยนั อธบิ ายใหเ้ หน็ ภาพชดั เจน ข้ึน และต้ังค�ำถามเพ่ือกระตุ้นให้ การวิเคราะห์ความ แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ย ่ า ง น่าเช่ือถือของข้อมูล สร้างสรรค์ นกั เรียนคิดเชอ่ื มโยง • นักเรียนคิดว่า พืชดอกแต่ละ ขา่ วสารไดส้ มเหตสุ มผล ชนิดมีวัฏจักรหรือมีวงจรชีวิต แบบเดียวกันหรือไม่ ลองยก การคดิ เชอื่ มโยง ตวั อยา่ งมาประกอบ ครใู ห้นักเรยี นรวมกล่มุ เพ่ือศึกษา การลงมือปฏิบัติ เพ่อื ให้ องคป์ ระกอบท่ี 2 : ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ วิเคราะห์วงจรการเจริญเติบโต เกิดการเรยี นรู้ การตัดสินใจ และ และเขียนค�ำอธิบายวงจรชีวิต ของพืช ตามท่ีได้รับมอบหมาย การรจู้ กั สงั เกต ตงั้ ค�ำถาม แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ย ่ า ง ให้ศึกษา และวิเคราะห์ (เช่น และแสวงหาค�ำตอบ สร้างสรรค์ มะเฟือง ลิ้นจ่ี มะนาว ฟักทอง มะพร้าว มะเขือ มะยม) การท�ำงานร่วมกับผู้อื่น องคป์ ระกอบท่ี 4 : และการให้แสดงความ ก า ร ส ร ้ า ง คิดเหน็ และแลกเปล่ียน สั ม พั น ธ ภ า พ ท่ี ด ี ความคดิ เห็นในกลมุ่ กับผู้อ่ืน ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีเชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 55
ขน้ั ตอนกจิ กรรมท่ีเชอื่ มโยง กจิ กรรมทีเ่ สริมสร้าง ทกั ษะชวี ติ สู่ทกั ษะชีวติ ทกั ษะชีวิต ท่ีไดร้ บั การพฒั นา 3. ตวั แทนกลมุ่ น�ำเสนอและอธบิ าย การส่ือสารและการน�ำ องค์ประกอบท่ี 1 : การตระหนักรู้และ ภาพวาดหรอื แผนผงั วงจรชวี ติ ของ เสนอผลงาน เห็นคุณค่าในตนเอง พืชชนิดต่างๆ ของกลุ่มตนให้ เพ่ือนๆ ฟัง แล้วให้เพื่อนที่ฟัง การพูดแสดงความรู้สึก และผอู้ น่ื ซักถามเพ่ิมความเขา้ ใจ และบอกความต้องการ *ครูแทรกค�ำถามในการสนทนา ของตนเองใหผ้ อู้ นื่ ไดร้ บั รู้ องคป์ ระกอบท่ี 3 : เพอ่ื เสริมสรา้ งทักษะชีวิต การจดั การกบั อารมณ์ • มเี หตกุ ารณห์ รอื สถานการณใ์ ด การเป็นผฟู้ ังทดี่ ี และความเครียด ท่ีอาจท�ำให้นักเรียนกังวลใจ หรือไม่ม่ันใจขณะท่ีรายงาน การใช้ภาษาและกิริยาที่ องคป์ ระกอบท่ี 4 : แลว้ นกั เรยี นจดั การกบั เหตกุ ารณ ์ เหมาะสมในการสือ่ สาร ก า ร ส ร ้ า ง สั ม พั น ธ ภ า พ ท่ี ด ี หรือสถานการณ์นน้ั อยา่ งไร • นกั เรยี นอยากใหเ้ พอื่ นๆ ในหอ้ ง กับผู้อื่น ปฏบิ ตั ิอย่างไร ขณะที่นักเรยี น น�ำเสนองาน ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี น ดงั นี้ พืชมีดอก เมื่อเจริญเติบโตเต็มท่ีแล้ว จะ ออกดอก เมอ่ื ดอกเกดิ การปฏสิ นธจิ ะออก ผล ผลมเี มล็ด และเมล็ดสามารถงอกข้นึ ใหม่เปน็ ต้นพชื ได้อีก 56 ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เ่ี ชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”
ขน้ั ตอนกจิ กรรมท่เี ชือ่ มโยง กิจกรรมท่เี สริมสร้าง ทักษะชวี ิต สู่ทักษะชีวิต ทักษะชีวิต ที่ได้รบั การพัฒนา 4. ครูน�ำสู่กิจกรรมเพื่อขยาย การคิดและออกแบบ ความรู้ ด้วยการน�ำสนทนา โดย ความคดิ เปน็ แผนผัง ต้ังประเด็นค�ำถาม เพื่อขยาย ความรแู้ ละเสริมสรา้ งทักษะชีวิต การสร้างสรรค์ผลงาน • ผู้เรียนเคยสังเกตไหมว่าพืช จากค�ำถาม ชนดิ ใดบา้ งท่ีเปน็ พชื ไม่มดี อก • พืชไม่มีดอกมีวงจรชีวิตเป็น อยา่ งไร พชื ไมม่ ดี อก สรา้ งสปอร์ เจริญเตบิ โตเป็น พืชไม่มีดอก • นักเรียนคิดว่ามนุษย์เราม ี วงจรชวี ติ หรอื ไม่ และวงจรชวี ติ มนุษย์เป็นอย่างไร ปฏิสนธิ แรกเกิด เด็ก วัยรุ่น ผ้ใู หญ ่ มีครอบครวั ชรา ตาย ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่เชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ” 57
ขนั้ ตอนกิจกรรมทเ่ี ชือ่ มโยง กจิ กรรมทเี่ สรมิ สร้าง ทกั ษะชวี ิต ส่ทู ักษะชีวิต ทกั ษะชวี ติ ที่ได้รบั การพัฒนา • นักเรียนคิดว่ามนุษย์สามารถ การวิเคราะห์และคิด องค์ประกอบท่ี 1 : เช่ือมโยงส่ิงที่เรียน การตระหนักรู้และ ด�ำเนนิ ชวี ติ ไดค้ รบวงจรเหมอื น เข้ากับวิถีชีวิต และ เห็นคุณค่าในตนเอง พืชหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ประสบการณจ์ รงิ และผอู้ นื่ ขอ้ คิดทีค่ วรได้ คดิ เชอื่ มโยงความรเู้ ดมิ องค์ประกอบที่ 2 : บางคนอาจด�ำเนนิ ชวี ติ ไปตามวงจร กับความรู้ใหม่ ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ ชี วิ ต ม นุ ษ ย ์ ข ณ ะ ที่ บ า ง ค น ไม่สามารถด�ำเนินชีวิตไปจนครบ ก า ร รู ้ จั ก สั ง เ ก ต การตัดสินใจ และ วงจร เพราะเสียชีวิตในวัยทารก ต้ั ง ค�ำ ถ า ม แ ล ะ แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ย ่ า ง วัยเดก็ วัยรนุ่ วยั ผู้ใหญ่ และก่อน แสวงหาค�ำตอบ สร้างสรรค์ วยั ชรา การคดิ วเิ คราะห์ และ จนิ ตนาการ • นักเรียนคิดว่าอะไรบ้างเป็น สาเหตุให้มนุษย์ตายก่อนถึง วัยชรา ขอ้ คิดท่ีควรได้ 1. โรคภัยไข้เจบ็ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ (ทงั้ นี้ มีทมี่ าหลงั จากการใช้ชวี ิต ที่ไม่เหมาะสม) 2. อุบัตเิ หตุ 3. ยาเสพตดิ 4. ฆา่ ตัวตาย 5. ถูกฆาตกรรม (เช่น จากการทะเลาะวิวาท) 58 ภาคทสี่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีเชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต”
ขน้ั ตอนกิจกรรมทเ่ี ช่อื มโยง กิจกรรมทีเ่ สริมสร้าง ทักษะชวี ิต ส่ทู ักษะชวี ิต ทกั ษะชวี ิต ท่ีได้รับการพัฒนา • นักเรียนเคยพบหรือเคยรู้จัก รู้เท่าทันความเสี่ยง องค์ประกอบที่ 2 : และปัญหาท่ีอาจเกิด ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ ครอบครวั หรอื คนในครอบครวั ในชีวติ ของตนเอง การตัดสินใจ และ ท่ีเสียชีวิตก่อนวัยชราหรือไม่ แก้ปัญหาอย่าง เขาเสยี ชีวิตเพราะอะไร ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ สร้างสรรค์ ตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หา • เกดิ ความสญู เสยี หรอื ผลกระทบ อย่างสรา้ งสรรค์ องค์ประกอบท่ี 3 : การจดั การกบั อารมณ์ อะไรบ้างจากการตายคร้งั นี้ และความเครียด • ผู้เรียนควรเตรียมตัวอย่างไร จึงจะไม่จากครอบครัวไปก่อน วัยชรา ค�ำถามทักษะชีวิตเป็นค�ำถาม ที่ ต ้ อ ง ก า ร ใ ห ้ นั ก เ รี ย น แ ส ด ง ความคิดเห็นแลกเปล่ียนกันให้ได้ มากท่ีสุด เพ่ือกระตุ้นให้นักเรียน ฉุกใจคิดและเตรียมพร้อมเผชิญ สถานการณ์อย่างรเู้ ท่าทัน กิจกรรมเสนอแนะ ครูให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูลความรู้เรื่องพืชไม่มีดอกและวัฏจักรของพืชไม่มีดอก เพิ่มเตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ หรือจากหนงั สอื สารานุกรมไทยฉบบั เยาวชน ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้ทู ีเ่ ชือ่ มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ” 59
กลุ่มสาระการเรยี นรูศ้ ลิ ปะ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ (ดนตร)ี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เรอ่ื ง จงั หวะดนตรจี งั หวะชวี ติ เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัด สาระที่ 2 ดนตรี มาตรฐาน ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ คณุ คา่ ของดนตรี สามารถถา่ ยทอดความรสู้ กึ และความคิดต่อดนตรีไดอ้ ย่างอิสระ และน�ำมาประยกุ ต์ใช ้ ในชวี ติ ประจ�ำวันได้ มาตรฐาน ศ 2.2 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่าของดนตรีที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญา ทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล ตวั ชว้ี ดั ศ 2.2 ป.5/2 อธบิ ายคณุ คา่ ของดนตรที ม่ี าจากวฒั นธรรมทตี่ า่ งกนั 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. รอ้ งเพลง “โลกนค้ี อื ละคร” ไดถ้ ูกต้องตามท�ำนองและจังหวะ 2. อธบิ ายความหมายของเพลง “โลกนีค้ ือละคร” ได้ 3. อธิบายคุณคา่ ของดนตรีทีม่ ตี อ่ การด�ำเนินชีวติ 3. เน้ือหาสาระ 1. การขบั รอ้ งเพลง “โลกน้ีคือละคร” 2. การวิเคราะหจ์ งั หวะเพลงและดนตรปี ระกอบเพลง 3. การวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของดนตรีกบั การด�ำเนินชวี ิต 60 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้ทู เ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต”
4. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ีเ่ ช่อื มโยงสู่ทกั ษะชีวิต ขน้ั ตอนกิจกรรมทีเ่ ชือ่ มโยง กจิ กรรมทเ่ี สรมิ สร้าง ทักษะชีวิต สทู่ ักษะชีวติ ทักษะชีวติ ท่ีไดร้ ับการพัฒนา 1. ครูน�ำสู่บทสนทนา เรื่องเพลง การทบทวน และส�ำรวจ องคป์ ระกอบท่ี 1 : ที่นักเรียนนิยมขับร้องในปัจจุบัน ประสบการณ์ การตระหนักรู้และ ดว้ ยค�ำถาม เช่น เห็นคุณค่าในตนเอง • เพราะเหตุใด นกั เรียนจงึ ชอบ การสะทอ้ นความคดิ และ และผอู้ ่นื เพลงประเภทน้ี ความรสู้ ึกของตนเอง • นักเรียนคิดว่า เพลงเหล่าน ้ี มีความหมายต่อชีวิตของคน การคิดวิเคราะห์และ ในแต่ละภมู ภิ าคอยา่ งไร การใช้จนิ ตนาการ • นักเรียนรู้สึกว่า เพลงเหล่าน ี้ มเี น้ือหากนิ ใจผู้ฟังอยา่ งไร • นักเรยี นคิดว่าเนอ้ื หาของเพลง เหล่านี้มุ่งเน้นเรื่องคุณธรรม หรอื ศีลธรรมหรอื ไม่ อยา่ งไร 2. ครูแนะน�ำเพลง “โลกนี้คือ การฟังอย่างตงั้ ใจ องคป์ ระกอบที่ 1 : ละคร”1 ซ่ึงประพันธ์เน้ือร้อง การตระหนักรู้และ เห็นคุณค่าในตนเอง โดย ไพบูลย์ บุตรขัน ขับร้อง และผู้อื่น โดย ปรีชา บุณยเกยี รติ 1 ไพบูลย์ บตั รขนั . 2496. โลกนี้คอื ละคร. (ขับรอ้ งโดย ปรีชา บุณยเกยี รติ). โลกนีค้ อื ละคร (CD). ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ทีเ่ ช่ือมโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 61
ขนั้ ตอนกจิ กรรมท่ีเชอ่ื มโยง กจิ กรรมท่เี สรมิ สร้าง ทักษะชวี ติ สู่ทักษะชวี ิต ทกั ษะชวี ติ ที่ไดร้ บั การพฒั นา เพลงโลกนคี้ อื ละคร โลกน้นี ่ีดยู งิ่ ดยู อกย้อน เปรยี บเหมอื น ละคร ถึงบทเมอื่ ตอนเรา้ ใจ บทบาทลีลาแตกต่างกันไป ถึงสูง เพยี งใด ตา่ งจบลงไปเหมือนกัน เกดิ มาตอ้ งตายรา่ งกายผพุ งั ผคู้ นเขาชงั คิดยิง่ ระวงั ไหวหวั่น ต่างเกดิ กนั มารว่ มโลกเดยี วกัน ถือผิว ชังพรรณ บ้างเหยยี ดหยามกนั เหลือเกนิ โลกนี้คือละคร บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อนยับเยนิ ชวี ติ บางคน รงุ่ เรอื ง จ�ำเรญิ แสนเพลนิ เหมอื นเดินอยูบ่ นหนทางวมิ าน (*) โลกนี้นี่ดูย่ิงดูเศร้าใจ ช่ัวชีวิตวัย หมนุ เปลย่ี นผนั ไปเหมอื นม่าน ปดิ ฉากเรอื งรองผดุ ผอ่ งตระการ ครน้ั แลว้ ไมน่ าน เปดิ ผา่ นเปน็ ความเศรา้ ใจ (*ซำ�้ ) 3. ครูให้ผู้เรียนรวมกลุ่มกัน การพูดแสดงความ องคป์ ระกอบที่ 2 : วิเคราะห์หาความหมายของเพลง คิดเห็นในกลุ่มอย่าง ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ “โลกนี้คือละคร” โดยเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นให้ได้ เหมาะสม การตัดสินใจ และ มากที่สุด แก้ปัญหาอย่าง การคดิ วิเคราะห์ สร้างสรรค์ การสร้างสัมพันธภาพ องคป์ ระกอบที่ 3 : และการท�ำงานรว่ มกนั การจัดการกับอารมณ ์ และความเครยี ด 62 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีเช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” องคป์ ระกอบที่ 4 : ก า ร ส ร ้ า ง สั ม พั น ธ ภ า พ ท่ี ดี กับผู้อื่น
ข้ันตอนกจิ กรรมท่ีเชื่อมโยง กิจกรรมทเ่ี สรมิ สร้าง ทกั ษะชีวิต สูท่ กั ษะชวี ติ ทกั ษะชวี ิต ท่ีได้รบั การพัฒนา 4. ครตู ง้ั ค�ำถาม เพอ่ื สรปุ การเรยี นร้ ู การประเมินตนเอง องคป์ ระกอบที่ 1 : จากเพลง “โลกน้ีคอื ละคร” ด้านความรู้ ความเข้าใจ การตระหนักรู้และ • นักเรียนได้ข้อคิดอะไรจาก จากประเด็นค�ำถาม เห็นคุณค่าในตนเอง เพลง “โลกนี้คอื ละคร” • นกั เรยี นสามารถก�ำหนดบทบาท การใช้จินตนาการและ และผู้อนื่ ตัวเองใหเ้ ปน็ พระเอก นางเอก ต่อยอดความคดิ องคป์ ระกอบท่ี 2 : ผู้ร้ายหรือตัวประกอบได้ ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ หรอื ไม่ อยา่ งไร การพดู แสดงความคดิ เหน็ การตัดสินใจ และ • ในชวี ติ จรงิ นกั เรยี นก�ำลงั ด�ำเนนิ แก้ปัญหาอย่าง ชีวิตแบบตัวละครใด เพราะ การมีส่วนร่วมในการคิด สร้างสรรค์ อะไรจงึ คิดเช่นนน้ั แลว้ ชีวติ จะ และการสรา้ งองคค์ วามรู้ เป็นอยา่ งไรตอ่ ไป ใหม่ องค์ประกอบท่ี 3 : • หากก�ำหนดชะตาชีวิตได ้ การจดั การกบั อารมณ์ นักเรียนอยากมีบทบาทเป็น ก า ร แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด และความเครียด ใคร เพราะอะไร เ ชื่ อ ม โ ย ง แ ล ะ ป รั บ • นกั เรยี นจะวางแผนชวี ติ อยา่ งไร ประยุกต์แนวความคิด องค์ประกอบที่ 4 : ให้มีความสุข ความเจริญ จากประเด็นค�ำถาม ก า ร ส ร ้ า ง ความรุ่งเรือง ไปจนกว่าจะปิด สั ม พั น ธ ภ า พ ท่ี ด ี ม่านชวี ติ กบั ผู้อนื่ * ให้นักเรียนวาดแผนที่ชีวิตของ ตนเอง(หรอื ตน้ ไมช้ วี ติ ของตนเอง) ซงึ่ อาจมปี ญั หาอปุ สรรคอยบู่ า้ ง แต่ ก็เปน็ เส้นทางไปส่สู งิ่ ที่หวงั ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทเ่ี ช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต” 63
ขัน้ ตอนกิจกรรมทเ่ี ชือ่ มโยง กจิ กรรมทเ่ี สรมิ สรา้ ง ทักษะชวี ติ สูท่ กั ษะชีวติ ทกั ษะชีวติ ที่ไดร้ ับการพฒั นา 5. ครเู ปดิ เพลงโลกน้คี ือละคร ให้ การฟังอยา่ งตั้งใจ องคป์ ระกอบที่ 1 : ผู้เรียนฟังอีกคร้ัง เพ่ือฝึกขับร้อง การตระหนักรู้และ พรอ้ มเคาะจังหวะตาม เห็นคุณค่าในตนเอง และผูอ้ น่ื 6. เม่อื ขับรอ้ งเพลงได้แล้ว ครูแบ่ง การพูดแสดงความ องค์ประกอบท่ี 2 : กลุ่มให้นักเรียนวิเคราะห์บทเพลง คิดเห็นตามประเด็น การคิดวิเคราะห ์ ดว้ ยกัน ค�ำถาม การตัดสินใจ และ • เนื้อร้อง ความหมายของ แก้ปัญหาอย่าง เน้ือรอ้ งเปน็ อย่างไร การคดิ วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา สร้างสรรค์ • ท�ำนอง เสียงสูงตำ�่ ของท�ำนอง และอารมณ์ของเพลง เพลง ท�ำให้เกิดอารมณ์ หรือ องค์ประกอบท่ี 3 : ความรสู้ กึ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด การสังเกตจังหวะและ การจดั การกบั อารมณ์ • จังหวะ จังหวะของเพลง เสียงเครื่องดนตรี และความเครียด สมำ่� เสมอหรอื ไม่ หากสามารถ เคาะจังหวะได้ ให้กลุ่มสาธิต การตัดสินใจและคิด การเคาะจังหวะ สร้างสรรค์ • เสยี งดนตรี ในเพลงมเี สยี งของ เครื่องดนตรีอะไรบ้าง เช่น กลอง อิเล็กโทน เสยี งกีต้าร์ ฯลฯ 64 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูท้ เี่ ชือ่ มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”
ขั้นตอนกจิ กรรมท่ีเช่อื มโยง กิจกรรมทีเ่ สริมสรา้ ง ทักษะชีวติ ส่ทู กั ษะชีวติ ทกั ษะชวี ติ ท่ีไดร้ บั การพฒั นา 7. ครูน�ำบทร้อยกรองต่อไปน้ีให้ การคิดวิเคราะห์ และ องค์ประกอบที่ 1 : นกั เรยี นอา่ นแลว้ แสดงความคดิ เหน็ คิดสร้างสรรค์ การตระหนักรู้และ เห็นคุณค่าในตนเอง การพดู สอ่ื สารเพอ่ื แสดง และผู้อน่ื ความคิดเหน็ จงั หวะชีวิตคน เสียงแตรเสียงระฆังดังกังวาน ช่าง องคป์ ระกอบท่ี 2 : ส�ำราญดียิ่งกนั จรงิ หนา การท�ำงานร่วมกับผอู้ ื่น การคิดวิเคราะห ์ เสียงกลองเป็นจังหวะร�ำมะนา เปรยี บชีวิตเกิดมาจังหวะคน การตัดสินใจ และ เกดิ เปน็ คนขวนขวายหมนั่ ศกึ ษา เพอ่ื การสรา้ งสัมพนั ธภาพ แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ย ่ า ง อาชพี เพอ่ื วชิ าอย่าสับสน ตามจังหวะชีวิตแต่ละคน หาก สร้างสรรค์ หลงกลหลงผดิ จงั หวะจะเศร้าใจ การรจู้ กั สงั เกต ตงั้ ค�ำถาม และแสวงหาค�ำตอบ องคป์ ระกอบท่ี 3 : การจดั การกบั อารมณ ์ • นักเรียนรู้สึกอย่างไรเม่ือได ้ การวิเคราะห์ความ และความเครียด อา่ นหรือไดฟ้ งั บทรอ้ ยกรองน้ี น่าเชื่อถือของข้อมูล • นักเรียนเห็นด้วยกับข้อความ ขา่ วสารไดส้ มเหตสุ มผล องค์ประกอบท่ี 4 : ที่ว่า “จงั หวะดนตรี เปรยี บดัง ก า ร ส ร ้ า ง จงั หวะชวี ติ คน” หรอื ไม่ เพราะ การวิพากษ์วิจารณ์บน สั ม พั น ธ ภ า พ ที่ ด ี เหตใุ ด พ้ืนฐานของข้อมูลที ่ กบั ผอู้ ่ืน ถกู ตอ้ ง การใช้จินตนาการและ การคดิ เชอ่ื มโยง ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีเชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 65
ขนั้ ตอนกจิ กรรมท่ีเช่ือมโยง กจิ กรรมทเี่ สรมิ สร้าง ทกั ษะชวี ิต สทู่ ักษะชวี ิต ทักษะชีวติ ที่ได้รบั การพัฒนา ขอ้ คดิ ทค่ี วรได้ จังหวะดนตรี มีทั้งจังหวะช้า เนิบนาบ เร็ว และรัว จังหวะดนตร ี เปน็ ไปตามคนเลน่ ดนตรจี ะก�ำหนดให้ เป็น ดนตรีจะช้า เร็ว หรือเร้าใจ ผูก้ �ำหนด คือผ้เู ล่นดนตรี จงั หวะชวี ติ คน เปน็ จงั หวะกา้ วยา่ ง ตามวยั ซง่ึ มธี รรมชาตกิ ารเจรญิ เตบิ โต เปน็ ผกู้ �ำหนด เปน็ วฏั จกั รชวี ติ เกดิ แก่ เจ็บ ตาย แต่จังหวะชีวิตของคนนน้ั ข้ึนอยู่กับการกระท�ำของตนเอง เราสามารถท�ำให้ชีวิตเฉื่อย เช่ืองช้า ขี้เกียจ หยุดนิ่ง หรือพัฒนาตนเอง อย่างรวดเร็ว ขยันกระฉับกระเฉง เหมอื นจงั หวะดนตรีได้ ชวี ติ คนกม็ จี งั หวะ จงั หวะเปน็ เดก็ เปน็ ผู้เรยี น กต็ ัง้ ใจเรียน จังหวะวัยร่นุ ก็ตอ้ งเตรยี มตัวเปน็ ผใู้ หญท่ ดี่ ี จังหวะ วัยผู้ใหญ่ ก็ต้องท�ำงาน มีครอบครัว ท่ีดี ม่ันคง อบรมบุตรหลานให้เป็น คนดี จังหวะวัยชรา ก็เป็นแบบอย่าง ท่ีดีของลกู หลาน • นักเรียนคิดว่าชีวิตของตนเอง ประเมินตนเองและคิด องค์ประกอบที่ 1 : ขณะน้นั เป็นอยา่ งไร คล้ายกับ เช่อื มโยง การตระหนักรู้และ ดนตรจี งั หวะใด เหน็ คุณค่าในตนเอง และผู้อนื่ องคป์ ระกอบท่ี 2 : ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ การตัดสินใจ และ แก้ปัญหาอย่าง สรา้ งสรรค์ 66 ภาคท่สี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชอื่ มโยงสู่ “ทักษะชีวิต”
ขั้นตอนกิจกรรมที่เชื่อมโยง กิจกรรมทเี่ สรมิ สรา้ ง ทักษะชวี ิต สู่ทกั ษะชวี ิต ทักษะชวี ิต ที่ไดร้ ับการพัฒนา ค�ำตอบท่ีเป็นไปได้ วุ่นวาย เหมือนเสียงดนตรีหลายชิ้น ท่ีต่างคนต่างบรรเลง ไม่รู้จังหวะ ไม่มี แผนชวี ติ วา่ จะด�ำเนินอยา่ งไร ราบเรียบ เหมือนเสียงฉิ่งที่มจี งั หวะ แน่นอน ตายตัว สม่�ำเสมอ ขึ้นอยู่กับ ผู้ควบคมุ จังหวะช้าเร็ว อึกทึกครึกโครม เหมือนกลอง เสียงดังเร้าใจ เป็นใหญ่กว่าเครื่องดนตรี ทง้ั ปวง เมอื่ ไดร้ วั กลองก็ไมร่ รี อใคร กลอง จะควบคุมคนรอ้ งใหร้ ้องตามจังหวะ เปล่ียนแปลง แล้วแต่จะมีผู้น�ำพา เร่งรีบ เหมือนเสยี งกลอง ร�ำมะนา ออ้ ยสรอ้ ย ออ่ นลา้ เหมอื นเสยี งขลยุ่ ฯลฯ • นักเรียนจะปรับจังหวะชีวิต การคิดวิเคราะหแ์ ละ องค์ประกอบที่ 1 : อย่างไรจึงประสบความส�ำเร็จ ประเมินตนเอง การตระหนักรู้และ ตามเป้าหมายท่ีวางไว้ เช่น จากประเด็นค�ำถาม เหน็ คุณค่าในตนเอง และผู้อ่ืน การท�ำงานสง่ ครู การศกึ ษาตอ่ การใช้จนิ ตนาการ องคป์ ระกอบที่ 2 : เปน็ ต้น ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห ์ การตัดสินใจ และ การคดิ เช่ือมโยง แก้ปัญหาอย่าง สรา้ งสรรค์ ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ีเชอ่ื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 67
สง่ ท้ายภาค การตงั้ ค�ำถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นคดิ ศกึ ษา คน้ ควา้ อภปิ ราย วพิ ากษว์ จิ ารณ์ และตดั สนิ ใจ ไมว่ า่ ค�ำตอบท่ีไดจ้ ะเปน็ ความรสู้ กึ นกึ คดิ จากการเปดิ เผยตนเอง การสะทอ้ นมมุ มอง การใชเ้ หตผุ ลหรอื จนิ ตนาการ การคดิ เชอื่ มโยงความรใู้ หม่ กับประสบการณ์เดิม และการประยุกต์ความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงของนักเรียน กล็ ว้ นสง่ ผลตอ่ การพฒั นา “ทกั ษะชวี ติ ” ผา่ นกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ดท้ งั้ สน้ิ ยง่ิ เมอ่ื ครใู ชก้ ารสนทนา อภปิ ราย และตง้ั ค�ำถามใหต้ อบ กบั เนอื้ หาท่ีไดเ้ รยี น ไป นักเรียนจะมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ พฤติกรรม และ ประสบการณ์ในชีวิตประจ�ำวัน นักเรียนจะเห็นความจริงในชีวิตและได้รับ การท้าทายให้คิดหาทางออก สร้างแนวคิดหรือมุมมองใหม่ๆ ร่วมแบ่งปัน ความคดิ เหน็ ประสบการณ์ และความรสู้ กึ ของตนเอง อนั จะน�ำไปสคู่ วามเขา้ ใจ ตนเองอย่างลึกซึ้งและส่งเสริมความคิดในระดับท่ีสูงข้ึน กิจกรรมเช่นน ี้ ยงั เพมิ่ พนู ทกั ษะการฟงั และการพดู ของนกั เรยี นอกี ดว้ ย แตท่ งั้ นี้ “คร”ู ผสู้ อนจะตอ้ งใชเ้ ทคนคิ การตงั้ ถาม เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดส้ ะทอ้ น ความรสู้ กึ นกึ คดิ ในเรอื่ งทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การด�ำเนนิ ชวี ติ โดยใหอ้ ย่ใู นขอบเขตของ สาระการเรยี นรเู้ ปา้ หมายในแตล่ ะครง้ั อยา่ งเหมาะสม 68 ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่เี ช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชวี ิต”
ตัวอยา่ ง การตงั้ ค�ำถามเพื่อเสรมิ สรา้ งทักษะชวี ติ ในกิจกรรมการเรยี นรทู้ ุกกลมุ่ สาระ การต้ังค�ำถามเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับนักเรียนในกระบวนการ การเรียนรู้แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ จ�ำเป็นต้องออกแบบกิจกรรมและ ตั้งค�ำถามให้สอดคล้องกับ จุดประสงค์หรือตัวชี้วัดการเรียนรู้ และ พฤตกิ รรมทักษะชีวิตในแต่ละองคป์ ระกอบ 69
สาระการเรียนรภู้ าษาไทย สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เรอ่ื ง การใชค้ �ำราชาศพั ท ์ เวลาจดั กจิ กรรม2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ดั สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดง ความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมี วจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชวี้ ดั ท 3.1 ป.5/1 พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึก จากเรื่องที่ฟงั และดู ป.5/5 มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระที่ 4 หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลง ของภาษา พลงั ของภาษา รวมทัง้ ภมู ิปัญญาทางภาษา และ รกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ชว้ี ดั ท 4.1 ป. 5/ 4 การใช้ค�ำราชาศพั ท์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สามารถพดู แสดงความคิดเห็นและความรสู้ ึกจากเรอื่ งที่ได้ฟงั และดู 2. รู้ว่าควรปฏิบตั ิตนอย่างไร ขณะท่ฟี ังและพูด 70 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนร้ทู เ่ี ชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชวี ติ ”
3. สมรรถนะส�ำคญั : • ความสามารถในการคิด • ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต • การท�ำงานและการอยู่รว่ มกนั ในสังคม • การส่อื สารและการสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ี 4. สาระเน้ือหา : ค�ำราชาศัพท์ประเภทค�ำนาม ค�ำสรรพนาม และ ค�ำกริยาราชาศพั ท์ 5. สอ่ื การเรยี นรู้ : • ภาพพระราชกรณียกิจสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ • ประเด็นค�ำถาม 6. ภาระงาน/ชนิ้ งาน : • แผนผังมโนทศั น์ค�ำราชาศพั ท์ทีค่ วรรู้ • โครงงานการสืบค้นและการน�ำเสนอผลการสืบค้น เรอื่ งค�ำราชาศพั ท์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ : ในวงเล็บท้ายค�ำถาม คือ การจ�ำแนกประเภทการตั้งค�ำถาม ตามหลกั การของ “6 คำ� ถาม เพอ่ื เชอื่ มโยงวธิ คี ดิ ”(ตวั เลขบอกประเภทของค�ำถาม เพื่อให้สะดวกส�ำหรับการเปิดอ่านท�ำความเข้าใจ) ดูเพ่ิมเติม หน้า 31 ตอนท้าย ของกิจกรรมที่มีการแทรกการสอน “ทักษะชีวิต” จะสรุปองค์ประกอบของ ทักษะชวี ิตในกจิ กรรมนนั้ ไวท้ ้ายชวั่ โมงเรยี น ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีเช่อื มโยงสู่ “ทักษะชวี ิต” 71
ช่วั โมงที่ 1 1. ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับวันแม่แห่งชาติ โดยน�ำภาพ พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงทักทายประชาชนมาใหผ้ ู้เรยี นดู แลว้ ตงั้ ค�ำถาม ดงั นี้ • นักเรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรต่อภาพนี้ (2. ถามความรู้สกึ ) • นกั เรยี นคดิ วา่ สมเดจ็ ฯพระบรมราชนิ นี าถ ทรงตรสั กบั ราษฎรทม่ี า เขา้ เฝา้ รบั เสดจ็ วา่ อยา่ งไร(4. ถามเพอื่ กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอด ความคดิ ) • ถ้าผู้เรียนเป็นประชาชนที่เข้าเฝ้าจะพูดตอบพระองค์ว่าอย่างไร (4.ถามเพอ่ื กระตุ้นจนิ ตนาการ ต่อยอดความคดิ ) 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “ประชาชนทั่วไปจะต้องใช้ค�ำราชาศัพท์กับ พระองคท์ า่ น ตลอดจนพระบรมวงศานวุ งศ์ เชน่ ค�ำเรยี กแทนชอ่ื ตนเอง ค�ำเรียกเครอื่ งใชต้ า่ งๆ เปน็ ต้น จากน้ัน ครตู งั้ ค�ำถามนกั เรยี นวา่ • ถ้านักเรียนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จฯพระบรมราชินีนาถหรือ สมเด็จพระเทพรัตนร์ าชสุดาฯ หรือพระบรมวงศานวุ งศ์ นักเรียน จะต้องใช้ค�ำราชาศัพท์อะไรบ้าง (3. ถามเพื่อสะท้อนความคิด มมุ มอง ความเชือ่ ของตน) 72 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ท่เี ช่ือมโยงสู่ “ทักษะชวี ติ ”
จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันจัดท�ำแผนผังมโนทัศน์ค�ำราชาศัพท์ที่นักเรียน ควรรู้และควรใช้ โดยแบง่ เป็นประเภทต่างๆ เชน่ คำ� เรยี ก กรลกสาคอรรบย�ำะรบนทตพงัาางนคมไมาหม/นมลท้ำ� ลู คำ� เรยี ก ยานพาหนะ ค�ำราชาศพั ท์ รา่ งกาย ค�ำเรียกกริ ิยา คำ� เรียก อาการ เชน่ ส่ิงของ ย้ิม ดีใจ ฯลฯ เครื่องใช้ ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ ชื่อมโยงสู่ “ทักษะชีวติ ” 73
3. ครซู กั ถามนกั เรยี นเพม่ิ เติมเกยี่ วกับการท�ำงาน • นักเรยี นคดิ วา่ จะสบื คน้ หาค�ำราชาศพั ท์ตามผังมโนทศั น์จากท่ีใด และใชเ้ วลาสบื คน้ เทา่ ใด ในระยะเวลาทม่ี อี ยู่ (3. ถามเพอ่ื สะทอ้ น ความคดิ มมุ มอง ความเชอ่ื ของตน) • นักเรียนคิดว่าห้องเราจะท�ำอย่างไร หรือจัดการอย่างไรจึงจะได้ ข้อมูลค�ำราชาศัพท์ได้ครบทุกประเด็นและค้นได้รวดเร็ว (4. ถามเพอ่ื กระตุ้นจินตนาการ ต่อยอดความคิด) ค�ำตอบท่ีเป็นไปได้ เช่น จัดกลุ่มไปสืบค้นหรือสืบค้นตามความสนใจ จากนั้นครใู ห้นกั เรียนสรุปวิธกี ารหาข้อมลู ค�ำราชาศพั ทต์ ามที่ได้ตกลง ร่วมกัน ค�ำถามแทรก • นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไร ในการท�ำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่ (2. ถามความรสู้ กึ ) • นกั เรยี นกงั วลใจหรอื เครยี ดบา้ งไหมทจ่ี ะตอ้ งท�ำงานรว่ มกนั กบั เพอ่ื นๆ (2. ถามความรู้สึก) • ถ้ามี นักเรียนขจัดความกังวลใจหรือความเครียดครั้งน้ีได้อย่างไร (6. ถามเพือ่ เชื่อมโยงกับชีวิตจริง) ค�ำตอบท่เี ปน็ ไปได้ • พูดคุยบอกข้อกงั วลใจใหเ้ พ่ือนๆ ในกลุ่มไดร้ ับรู้หรือเขา้ ใจ • เอาใจเขามาใส่ใจเรา • ท�ำงานอยา่ งมีความรับผดิ ชอบ • เหน็ ใจซ่ึงกนั และกนั 74 ภาคทีส่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ท่เี ชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”
• นักเรียนจะน�ำเสนอหรือบอกเล่าให้เพ่ือนๆ รู้จักค�ำราชาศัพท์ได้ อย่างไร เช่น จัดบอร์ด ท�ำเป็นหนังสือ น�ำเสนอด้วยโปรแกรม พาวเวอรพ์ อยท์ (4. ถามเพอ่ื กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นค�ำราชาศัพท์ จากปทานุกรมค�ำราชาศัพท ์ หรือพจนานกุ รม สรุปทักษะชีวิต กจิ กรรมน้ีชว่ ยพฒั นา “ทกั ษะชวี ิต” ทง้ั สอ่ี งค์ประกอบ เพราะนักเรียนได้คิดส�ำรวจหาวิธีท�ำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพที่สุด และหาทางแก้ปัญหาระหว่างการท�ำงานร่วมกัน (องค์ประกอบท่ี 2 : การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์) นักเรียน ส�ำรวจความรู้สึกและความคิดของตนเอง และรับฟังที่เพ่ือนรู้สึกและคิด เชน่ กนั (องค์ประกอบที่ 1 : การตระหนักร้แู ละเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผู้อืน่ ) ได้คิดหาทางและเรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับความเครียดและความกังวลใจใน การร่วมงานกัน (องค์ประกอบท่ี 3 : การจดั การกับอารมณแ์ ละความเครียด) ซง่ึ น�ำไปสกู่ ารสอื่ สารทเ่ี หมาะสมกบั เพอื่ นๆ และการรจู้ กั เอาใจเขามาใส่ใจเรา ซ่ึงเป็นพื้นฐานของการสร้างสัมพันธภาพท่ีดี (องค์ประกอบท่ี 4 : การสร้าง สัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั ผู้อน่ื ) ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรทู้ เ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ” 75
ชวั่ โมงที่ 2 1. นกั เรยี นน�ำเสนอค�ำราชาศพั ทท์ ี่ไดส้ บื คน้ ในชวั่ โมงกอ่ น มาน�ำเสนอตอ่ เพื่อนๆในช้ันเรียน (ครูเพิ่มเติมค�ำราชาศัพท์ท่ีถูกต้องและโอกาส การใชค้ �ำราชาศัพท์) 2. ครูต้ังค�ำถาม เพ่อื ให้นักเรยี นสรา้ งความรู้ ความคิด และเช่อื มโยง • นกั เรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรท่ีไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งค�ำราชาศพั ท์(2. ถามความรสู้ กึ ) • นกั เรยี นคดิ วา่ การใชค้ �ำราชาศพั ทใ์ นละครจกั รวงศท์ างโทรทศั น์ ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ อยา่ งไร(3. ถามเพอื่ สะทอ้ นความคดิ มมุ มอง ความเชอื่ ของตน) • การท่ีนักเรียนใช้ค�ำราชาศัพท์ได้ถูกต้อง จะส่งผลต่อตัวนักเรียน อย่างไรบ้าง (6. ถามเพือ่ เชื่อมโยงกบั ชีวิตจรงิ ) • ในชวี ติ ประจ�ำวนั ของเรา มกี ารใชค้ �ำราชาศพั ทก์ บั ใครบา้ ง เฉพาะเจาะจง หรอื ไม่ อยา่ งไร เชน่ พระภกิ ษสุ งฆ์ (6. ถามเพอ่ื เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) • นักเรียนคิดว่า “ค�ำราชาศัพท์” ท่ีนักเรียนไปสืบค้นมา จะเป็น ประโยชน์กับใครบา้ ง หรอื ใครควรจะรูบ้ า้ ง และนักเรยี นจะน�ำไป เผยแพร่ใหผ้ อู้ ื่นรดู้ ว้ ยวธิ ีใด (6. ถามเพอื่ เช่ือมโยงกับชีวิตจริง) กิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเตมิ • ดขู า่ วในพระราชส�ำนกั จากรายการโทรทศั น์ • ฟงั ขา่ วจากสถานีวทิ ยุกระจายเสียง • แสดงบทบาทสมมตกิ ารใชค้ �ำราชาศพั ทจ์ ากบทละครจกั รวงศพ์ นื้ บา้ น 3. ครูตัง้ ค�ำถามนกั เรียน เพ่อื น�ำไปสูก่ ารเสริมสรา้ งทักษะชวี ิต • นกั เรยี นรู้สึกอยา่ งไรบ้างระหว่างการเรียน การท�ำงานกลุ่ม เรือ่ ง ค�ำราชาศพั ทค์ ร้ังน้ี (2. ถามความรู้สึก) 76 ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ท่เี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”
• มีสิ่งใดบ้างที่ท�ำให้นักเรียนขุ่นเคืองใจ แล้วนักเรียนคิดว่าควรท�ำ อยา่ งไรเพ่ือไม่ให้ความรู้สึกแบบน้ีบานปลาย (2. ถามความรู้สึก และ 3. ถามเพื่อสะท้อนมมุ มอง ความคิด ความเชือ่ ของตน) • ในระหว่างท�ำงานกลุ่ม มีค�ำพูดแบบไหนบ้างที่บั่นทอนจิตใจหรือ ท�ำให้เราท้อแท้ไม่อยากเรียน/ ท�ำงานกลุ่ม (2. ถามความรู้สึก และ 3. ถามเพื่อสะทอ้ นมุมมอง ความคดิ ความเชือ่ ของตน) • นักเรียนควรจะใช้ค�ำพูดแบบไหนจึงจะท�ำให้เพื่อนหรือตัวเรา “มีพลัง มีก�ำลังใจในการเรียน/ ท�ำงานกลุ่ม” หรือท�ำให้เพื่อนๆ มีความสุข (3. ถามเพื่อสะท้อนมุมมอง ความคิด ความเชื่อ ของตน และ 5. ถามเพ่ือท�ำความเขา้ ใจผ้อู น่ื ) สรุปทักษะชวี ติ กจิ กรรมในช่ัวโมงนีแ้ ละตัวอย่างค�ำถามที่ยกมา ชว่ ยให้ นักเรียนได้สะท้อนความคิดและความรูส้ ึกของตนเองในการท�ำงานกลมุ่ และ ได้เรียนรู้ว่าเพ่ือนคนอื่นๆ ในช้ันคิดและรู้สึกเช่นไรในสถานการณ์เดียวกัน (องค์ประกอบที่ 1 : การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น) จากนั้นก็ได้คิดหาวิธีการพูดและแสดงออกท่ีเหมาะสม รวมทั้งจัดการกับ ความรู้สึกทางลบ ที่อาจเกิดข้ึน เพื่อช่วยให้การท�ำงานกลุ่มราบรื่น สร้างสัมพันธภาพอันดี และไม่ท�ำให้สมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มรู้สึกไม่ดี (องคป์ ระกอบที่ 2 : การคดิ วเิ คราะห์ ตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ องคป์ ระกอบท่ี 3 : การจดั การกบั อารมณแ์ ละความเครยี ด และองคป์ ระกอบ ที่ 4 : การสรา้ งสัมพันธภาพที่ดกี บั ผอู้ ่ืน) ••••• ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่เชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 77
สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เรอื่ ง โจทยก์ ารหาร เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 จ�ำนวนและการด�ำเนินการ มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจถึงผลท่ีเกิดขึ้นจากการด�ำเนินการของจ�ำนวนและ ความสัมพันธ์ระหว่างการด�ำเนินการต่างๆ และใช ้ การด�ำเนินการในการแกไ้ ขปัญหา ตวั ชวี้ ดั ค 1.2 ป.4/1 การบวก ลบ คณู หาร และการบวก ลบ คูณหาร ระคน ของจ�ำนวนนับและศูนย์ พร้อมทั้งตระหนักถึง ความสมเหตสุ มผลของค�ำตอบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เมอื่ ครกู �ำหนดโจทยก์ ารหาร ซง่ึ ตวั ตงั้ เปน็ จ�ำนวนทม่ี ีไมเ่ กนิ สห่ี ลกั และ ตวั หารเปน็ จ�ำนวนทมี่ หี ลกั เดยี ว นกั เรยี นสามารถหาผลหารและตรวจ ค�ำตอบได้ 2. เมอ่ื ครกู �ำหนดโจทยก์ ารหารซง่ึ ตวั ตง้ั เปน็ พหคุ ณู ของ 10, 100, 1,000 และตวั หารเปน็ จ�ำนวนหลกั เดยี ว นักเรียนสามารถหาค�ำตอบได้ 3. สมรรถนะส�ำคญั : • ความสามารถในการคิด • ความสามารถในการแก้ปญั หา 78 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ทเ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”
4. สาระเนื้อหา : • การหาผลหาร ท่ีตัวตั้งเป็นจ�ำนวนท่ีมีหลายหลัก และตวั หารเป็นจ�ำนวนท่มี ีหลักเดียว 5. สื่อการเรยี นร้ ู : • บัตรโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความสัมพันธ์ของ การคณู และการหาร • ใบงานการหาร ทต่ี วั หารมีหนง่ึ หลกั • แบบฝกึ หดั ในหนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถม ศึกษาปที ่ี 4 6. ภาระงาน/ช้นิ งาน : • การปฏิบัติเพ่ือฝึกการหาร ที่ตัวตั้งเป็นจ�ำนวน ทมี่ หี ลายหลกั และตวั หารเปน็ จ�ำนวนทมี่ หี ลกั เดยี ว 7. กิจกรรมการการเรยี นรู้ 1. ครูทบทวนความสัมพันธ์ของการคูณและการหาร เช่น 7 x 2 = 14 ดงั นั้น 14 ÷ 2 = 7, 70 x 2 = 140 ดงั นัน้ 140 ÷ 2 = 70 , 700 x 2 = 1,400 ดังนั้น 1,400 ÷ 2 = 700 ครูให้นักเรียนสังเกตว่า การหาผลหารอาจท�ำได้ โดยคิดว่าจะน�ำ จ�ำนวนอะไรมาคูณกับตัวหาร เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์เท่ากับตัวตั้ง จากนั้นให้ นกั เรียนหาผลหารของ 480 ÷ 6 = ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและหาค�ำตอบ โดยครแู นะน�ำใหเ้ รม่ิ คดิ จาก 48 ÷ 6 กอ่ น ซ่ึงจะหาค�ำตอบได้ดังนี้ 480 ÷ 6 = x 6 = 48 , 8 x 6 = 48 ภาคท่สี าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่เชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ” 79
จากนัน้ ใหห้ าผลหารของ 480 ÷ 6 ซ่งึ จะได้ดังนี้ x 6 = 480 80 x 6 = 480 ดงั น้นั 480 ÷ 6 = 80 2. ครูตัง้ ค�ำถามน�ำ เพอื่ สู่การสนทนาและอภปิ รายดงั น้ี • นักเรียนสรุปหลักคิดหรือวิธีการหาผลหาร ได้ว่าอย่างไรบ้าง (1. ถามสรปุ ความคิดและเนอื้ หา) แนวคดิ ทคี่ วรได้ เปน็ การคิดย้อนหลงั เช่น 660 ÷ 6 = 110 คดิ ย้อนกลับเพอื่ ตรวจสอบจะได้ 110 x 6 = 660 วิธนี ีส้ ามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดได้ • ในชีวิตประจ�ำวนั ของเรา นกั เรยี นคดิ วา่ ควรมีการตรวจสอบยอ้ น กลบั แบบนห้ี รอื ไม่ เพราะอะไร(6. ถามเพอ่ื เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) ค�ำตอบทเ่ี ป็นไปได้ ควรมีการตรวจสอบย้อนกลบั เพ่อื หาขอ้ บกพรอ่ งและความผิดพลาด ของตัวเอง หรือเป็นแนวทางในการด�ำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ป้องกัน ความผิดพลาด 80 ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่เชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”
• นักเรียนคิดว่า มีเร่ืองใดในชีวิตของเราบ้างที่เราควรตรวจสอบ ยอ้ นกลบั (6. ถามเพ่ือเชือ่ มโยงกบั ชวี ิตจรงิ ) ค�ำตอบทเี่ ปน็ ไปได้ 1. การใช้จ่ายเงิน ตรวจสอบย้อนกลับว่าการใช้จ่ายเงินท่ีผ่านมา เหมาะสม คมุ้ คา่ หรอื ไม่ มเี ร่ืองใดท่ีเปน็ การใชจ้ า่ ยทีส่ ญู เปล่า 2. การคบเพื่อน ตรวจสอบย้อนกลับว่าเพ่ือนท่ีเราคบอยู่ด้วยเป็น เพอ่ื นน�ำพาเราไปในทางเสยี หายหรอื ไม่ และกจิ กรรมทเี่ ราท�ำรว่ ม กับเพือ่ นคนนนั้ เกดิ ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ 3. การท�ำงาน ตรวจสอบยอ้ นกลบั วา่ การท�ำงานทผี่ า่ นมาเราใชเ้ วลา อยา่ งคมุ้ คา่ กบั งานหรอื ไม่ ในแตล่ ะวนั ใชเ้ วลาใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเองมากนอ้ ยเพยี งใด ฯลฯ • นักเรียนคิดว่าการตรวจสอบยอ้ นกลบั เรือ่ งราวต่างๆ ในชวี ิตของ เราให้ประโยชนอ์ ยา่ งไร (6. ถามเพอื่ เช่อื มโยงกับชวี ิตจริง) แนวคดิ ที่ควรได้ 1. ใชเ้ ป็นข้อมูลในการตดั สินใจใชจ้ ่ายเงิน การคบเพ่อื น การท�ำงาน และการใชเ้ วลาใหเ้ กิดประโยชนใ์ หม้ ากทส่ี ดุ 2. หากเราฝึกตรวจสอบย้อนกลับส่ิงท่ีปฏิบัติในการด�ำเนินชีวิต อย่างสม�่ำเสมอจะท�ำให้รู้เท่าทันความผิดพลาดหรือความเสี่ยง ทอี่ าจเกดิ ข้ึนอยา่ งไม่คาดคิดได้ ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ี่เช่อื มโยงสู่ “ทักษะชีวติ ” 81
จากนั้นครูให้นักเรียนทดลองฝึกคิดตรวจสอบย้อนกลับชีวิตของตนเอง สกั 1 เรือ่ ง เพ่อื พิสูจน์วา่ ท�ำได้จรงิ หรอื ไม่ เชน่ คบนาย ก - นาย ก พาไปเล่นเกม = ท�ำการบ้านไมเ่ สร็จถกู ครูต�ำหนิ ท�ำการบา้ นไมเ่ สร็จถกู ต�ำหนิ - ไปเล่นเกม เพราะคบนาย ก 3. ครูให้นักเรียนท�ำแบบฝึกหัด เพื่อทบทวนทักษะการหารที่มีตัวตั้ง หลายหลกั แต่มีตวั หารหลักเดยี ว จากใบงานและหนงั สือเรยี น สรปุ ทกั ษะชวี ติ แมว้ า่ ครผู สู้ อนคณติ ศาสตรโ์ ดยทว่ั ไปจะรสู้ กึ วา่ การแทรกเนอ้ื ทกั ษะชวี ติ เปน็ เรอื่ งยากหรอื แทบเปน็ ไปไมไ่ ด้ เพราะคณติ ศาสตรม์ แี ตก่ ารด�ำเนนิ การ เก่ียวกับตวั เลขและจ�ำนวน แตต่ วั อยา่ งขา้ งบนนี้ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ ครสู ามารถ น�ำหลักการคิดและการแก้ปัญหาของคณิตศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับชีวิตจริงได้ คณติ ศาสตรไ์ มไ่ ดส้ อนใหม้ องเหน็ แตต่ วั เลขและสญั ลกั ษณเ์ ทา่ นน้ั แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ กลับเป็นแก่นของการคิดแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ ระบบ และขั้นตอน ซ่ึงเป็น สง่ิ ทีค่ รูตอ้ งสอนใหน้ กั เรียนตระหนัก เข้าใจ และน�ำไปปฏบิ ตั ิในชีวิตจรงิ ให้ได้ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากตวั อยา่ งน้ี การหารและการคณู สามารถสอนในเรอ่ื ง “การคิด ตรวจสอบยอ้ นกลบั ” ซึง่ เป็นประโยชน์แกน่ ักเรยี นในการฝกึ คดิ อยา่ งเป็นระบบ เพ่ือประเมินผลดีและผลเสียของพฤติกรรม เหตุการณ์ และทางเลือกต่างๆ รวมถงึ คาดการณค์ วามเสย่ี งทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้ (องคป์ ระกอบท่ี 2 การคดิ วเิ คราะห์ ตัดสินใจ และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์) การคิดตรวจสอบย้อนกลับกับ เรื่องราวต่างๆ ทเ่ี กิดขึน้ ในชีวติ จรงิ ยงั ช่วยใหน้ กั เรยี นประเมนิ ส่ิงที่ได้ท�ำไปแล้ว ได้ประเมินตวั เอง ท�ำใหเ้ หน็ สง่ิ ทพ่ี ลาด สง่ิ ทบี่ กพรอ่ ง และควรแกไ้ ข ท�ำใหน้ กั เรยี น เขา้ ใจตวั เองมากขน้ึ อีกดว้ ย (องค์ประกอบที่ 1 การตระหนักรูแ้ ละเหน็ คณุ ค่าใน ตนเองและผอู้ นื่ ) ••••• 82 ภาคท่สี าม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรูท้ เ่ี ชือ่ มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต”
สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 เรอื่ ง การปรบั ตวั ของสงิ่ มชี วี ติ เวลาจดั กจิ กรรม 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ัด สาระที่ 1 ส่ิงมชี ีวิตกับกระบวนการด�ำรงชีวิต มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจกระบวนการและความส�ำคญั ของการถา่ ยทอดลกั ษณะ ทางพนั ธกุ รรม ววิ ฒั นาการของสงิ่ ทมี่ ชี วี ติ ความหลากหลาย ทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลต่อมนุษย์และ สง่ิ แวดลอ้ ม มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และจติ วทิ ยาศาสตร ์ สามารถสอ่ื สารสงิ่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละน�ำความรไู้ ปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ตวั ชว้ี ดั ว.1.2 ป.3/4 สบื คน้ ขอ้ มลู และอภปิ รายเกย่ี วกบั สงิ่ มชี วี ติ บางชนดิ ที่สูญพันธไ์ุ ปแลว้ และทด่ี �ำรงพนั ธมุ์ าจนถงึ ปัจจุบัน 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สามารถสบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั สตั วแ์ ละพชื ทม่ี กี ารปรบั ตวั และไมป่ รบั ตวั ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทีเ่ ปล่ยี นแปลง 2. ระบุสิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่รอดและด�ำรงพันธุ์ได้ท่ามกลางสภาพ แวดลอ้ มทเ่ี ปลีย่ นแปลง ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 83
3. สมรรถนะส�ำคัญ : • ความสามารถในการคิด • ความสามารถในการส่อื สาร • ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4. สาระเนอื้ หา : • สงิ่ มชี วี ติ ทไ่ี มส่ ามารถปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ ม ทเ่ี ปลี่ยนแปลงจะสญู พันธไ์ุ ปในทีส่ ุด • ส่ิงมีชีวิตที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ทเี่ ปลย่ี นแปลงได้ จะสามารถอยรู่ อดและด�ำรงพนั ธ์ ุ ต่อไป 5. สื่อการเรยี นร ู้ : • หนังสือแบบเรียนวิทยาศาสตร์ช้ันประถมศึกษา ปีที่ 3 เรอื่ งการปรบั ตวั ของสงิ่ มชี วี ติ • สารานกุ รมไทยฉบบั เยาวชน 6. ภาระงาน/ชิ้นงาน : สืบคน้ ขอ้ มูลเร่อื งการปรับตัวของสัตว์และพชื 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. สนทนาเรอื่ งสตั วต์ า่ งๆ โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ เพอื่ น�ำมาประกอบการอภปิ ราย หวั ขอ้ ทคี่ รอู าจเปดิ ประเด็นให้นกั เรียนแสดงความคิดได้ เช่น • สัตว์อะไรเอ่ยอายยุ ืนที่สดุ • สตั วอ์ ะไรท่ีตวั ใหญ่/ ตัวเล็ก/ วิง่ เรว็ ฯลฯ ทสี่ ุด 84 ภาคทส่ี าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ เี่ ช่ือมโยงสู่ “ทักษะชีวติ ”
จากนั้น ครูให้นักเรียนไปหาค�ำตอบหรือหาเหตุผลว่าท�ำไมจึงเป็น เชน่ น้นั จากในอนิ เทอรเ์ นต็ ครูให้นักเรียนตั้งข้อสังเกตว่า มีสัตว์หลายชนิดที่หายไปจากโลก เชน่ ไดโนเสาร์ แลว้ ถามตอ่ เพ่ือใหน้ ักเรยี นช่วยกันคดิ หาเหตุผล • ท�ำไมสัตว์อย่างเช่นไดโนเสาร์ จึงสูญพันธุ์ไป (4. ถามเพื่อกระตุ้น จนิ ตนาการ ต่อยอดความคิด) ครตู งั้ ข้อสังเกตวา่ เพราะตวั มันโต กินจุ เลยกนิ อาหารหมดไปจากโลกใช่ไหม หรือเพราะอากาศของโลกเปล่ียนเร็วมากจากอบอุ่นเป็นหนาวจัด เป็นน้�ำแขง็ จึงปรบั ตวั ไม่ทัน ตายไปหมด หรือ มันออกลกู เป็นตัวผ้มู าก จงึ ไม่มตี วั เมยี ผสมพันธแ์ุ ลว้ ออกลูก หรือ มันดรุ ้ายฆา่ กนั ตายกนั เองหมด หรอื มีดาวเคราะห์จากโลกอ่ืนมาชนโลกของเรา เกิดไฟไหม้ มนั จงึ ตาย และสูญพนั ธุห์ มด ให้ผู้เรียนชว่ ยกันอภิปรายโดยแสดงเหตุผล ประเดน็ ขอ้ สงั เกตนี้ไมต่ อ้ งการค�ำตอบทถ่ี กู หรอื ผดิ แตต่ อ้ งการกระตนุ้ ให้ นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น และเหตุผล เพ่ือน�ำไปสู่การค้นคว้าต่อเนื่อง ตามความสนใจด้วยตัวของนักเรียนเอง ครูจึงควรต้ังค�ำถามเพ่ือให้นักเรียน เช่ือมโยงประเด็นคดิ ต่อไป เชน่ • ถา้ ไดโนเสารส์ ญู พนั ธ์ุ ตามทค่ี รตู งั้ ขอ้ สงั เกตแลว้ ท�ำไมจระเขแ้ ละเตา่ จงึ ไมส่ ูญพันธุ์ ทง้ั ท่เี ตา่ กบั จระเขต้ ่างกเ็ ปน็ สัตวท์ ่ีมมี าแต่ดกึ ด�ำบรรพ ์ เชน่ เดยี วกัน (4. ถามเพอ่ื กระตุน้ จนิ ตนาการและตอ่ ยอดความคดิ ) ภาคท่ีสาม การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรทู้ เ่ี ช่อื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 85
ค�ำตอบที่เปน็ ไปได้ การปรบั ตวั ทีช่ ่วยใหส้ ัตวด์ ึกด�ำบรรพบ์ างชนดิ อยู่รอดมาถึงทกุ วันนี้ 2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อา่ นหนงั สอื แบบเรยี นวทิ ยาศาสตรเ์ รอ่ื งการปรบั ตวั ของสง่ิ มีชีวติ เพ่อื ให้มีชวี ติ อยู่รอด หรือค้นจากอนิ เทอร์เนต็ แลว้ น�ำ มาเล่าและอธิบายให้เพื่อนๆ ฟัง พร้อมร่วมกันซักถามอภิปราย ตวั อยา่ งเชน่ 1. จิ้งจก ปรับสีผิวหนังให้มีสีตามผนังหรือเพดานที่มันอาศัยอยู่ ถ้าเป็นตึกสีขาวก็จะปรับตัวให้มีสีซีดเกือบขาว แต่ถ้าอยู่ตาม บา้ นไมก้ ็จะปรับเปน็ สีนำ้� ตาล 2. เปด็ ขาของเปด็ มพี ังผดื ระหวา่ งนิ้ว เพอ่ื ใช้ในการว่ายน�ำ้ 3. แมลงท่กี ัดกินใบไม้ เช่น จ้ิงหรดี ต๊กั แตน มด แมลงสาบ ฯลฯ ปรับส่วนปากใหม้ ีลกั ษณะคล้ายกรรไกรหรอื คีม เพอื่ กดั กนิ หรือ แทะอาหารออกเป็นช้นิ เล็กๆ 4. พืช เช่น ผักต�ำลึง ปรับล�ำต้นให้อ่อนเป็นเถา พันกับหลักหรือ ต้นไม้ เพื่อให้เติบโตชูข้ึนไปหาแสงแดดได้ ส่วนต้นไม้ท่ีอยู่ตาม ป่าทึบจะมีล�ำต้นสูงชะลูด เพราะต้องการไปหาแสงแดดและ รบั แสงแดดมาสังเคราะห์แสงที่ใบไม้ 5. กบ จ�ำศีลในชว่ งฤดแู ล้ง เพ่อื หลบอากาศรอ้ น ถา้ ผวิ แห้ง กบจะ ตาย แตถ่ า้ อยู่ในดินหรือโพรง ผวิ ก็จะชุม่ ชนื้ กบจงึ รอดตายได้ 6. ไสเ้ ดอื น ปรับตวั ใหม้ ีสดี �ำ สีโคลน กลมกลืนกบั ดนิ โคลน ท�ำให้ อยรู่ อดจากการถกู จกิ กนิ ของนก ไก่ และถกู ขดุ ไปเปน็ อาหารปลา 86 ภาคที่สาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เช่ือมโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต”
ครเู พมิ่ เติมแนวความคิด ครสู รปุ การอภปิ ราย และอธบิ ายความหมายของการปรบั ตวั ของสงิ่ มชี วี ติ ตา่ งๆ ในธรรมชาติ การปรับตัว หมายถึง การท่ีส่ิงมีชีวิตมีการเปล่ียนแปลงหรือปรับ ลักษณะของตน เพ่อื ให้เหมาะสมทีจ่ ะอยู่รอดและแพร่พันธไ์ุ ดใ้ นสภาพ แวดลอ้ มทเ่ี ปน็ อยู่น้ัน การปรบั ตัวมี 3 ลักษณะ 1. ปรบั รปู รา่ งหรอื อวยั วะ เชน่ ตน้ ผกั ทอ่ี ยตู่ ามรมิ แมน่ ำ�้ อยา่ งเชน่ ผักกระเฉดท่ีมีทุ่นล้อมรอบก้านผัก ท�ำให้ลอยน้�ำได้ จ้ิงจก เปล่ียนสีผิว นกก็มีปีก ไก่ปากแหลมเอาไว้จิกกินอาหาร เป็ด มีพังผืดทีต่ นี ทงั้ 2 ขา้ ง 2. ปรบั การท�ำงานของร่างกาย เชน่ ปลาหายใจทางเหงือก ต้นไม ้ สงู หรอื คดโค้งเพือ่ ไปหาแสงแดด เปน็ ตน้ 3. ปรับความเป็นอยู่ เช่น กบจะออกหาอาหารในฤดูฝน แต่จะ จ�ำศลี ในฤดแู ลง้ ค้างคาวหาอาหารกนิ ในเวลากลางคืน เพราะ กลางคืนแมลงมากกว่ากลางวัน หลีกเลี่ยงการถูกตามล่า จากเหยี่ยว ซึ่งหากินกลางวัน และไม่ชอบแย่งผลไม้หวาน จากสตั ว์อน่ื ๆ จากนั้นอธิบายถึงการปรับตัวของคน โดยพูดถึงเด็ก เพ่ือให้นักเรียน เช่อื มโยงเนื้อหาที่ไดเ้ รยี นรเู้ ขา้ กับตวั เองไดง้ า่ ยขึ้น ภาคทสี่ าม การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ีเชอื่ มโยงสู่ “ทกั ษะชีวิต” 87
เดก็ ๆ กม็ คี วามจ�ำเปน็ ตอ้ งปรบั ตวั ตงั้ แตเ่ ลก็ เวลาหวิ จะรอ้ งเสยี งดงั แมไ่ ดย้ นิ กจ็ ะปอ้ นนม ปอ้ นนำ้� ปอ้ นขา้ ว เดก็ กห็ ยดุ รอ้ ง เวลาผา้ ออ้ มเปยี กกร็ อ้ งเสยี งดงั แม่ไดย้ ินก็จะมาเปลี่ยนผ้าอ้อม กห็ ยุดรอ้ ง เวลากลัว กจ็ ะรอ้ งเสียงดัง แม่มา อุ้มกจ็ ะหยุดรอ้ ง เม่ือมคี นมาคุยดว้ ย เอาของเลน่ มาล่อ ตลกๆ กห็ ัวเราะ เมอื่ โตขนึ้ เขา้ โรงเรยี น เจอเพอื่ นๆ เจอครทู ี่ไม่ใชแ่ มข่ องเรา เวลาหวิ เรารอ้ ง กไ็ มไ่ ด้ เพราะคนอนื่ ไมร่ อ้ ง ครกู ็ไมม่ อี าหาร ไมม่ แี มน่ �ำอาหารมาใหเ้ ดก็ ทกุ คนได ้ ดงั นน้ั เราตอ้ งปรบั ตวั ดว้ ยการรบั ประทานอาหารเชา้ ใหอ้ ม่ิ เตรยี มอาหารและขนม มาจากบา้ น น�ำเงนิ มาหาซอื้ ชว่ ยเหลอื ตนเอง ไมร่ อ้ ง เพราะถงึ รอ้ งกไ็ มม่ ีใครชว่ ยได้ เวลาอยากได้สิ่งของต่างๆ ก็ต้องเตรียมมาจากบ้าน ถ้ามาแย่งของผู้อื่น ผอู้ น่ื ก็โกรธ เพราะถา้ เป็นของเรา เรากโ็ กรธ เวลาพูดอะไรต้องปรับค�ำพูดให้ดี ไม่เช่นน้ันเพ่ือนก็โกรธและไม่พอใจ ถา้ ไมพ่ อใจกนั และกนั ท้ังห้องเรียน เด็กๆ กจ็ ะทะเลาะกันทั้งห้อง ดงั นนั้ ตอ้ ง ปรับค�ำพดู ไม่ใหเ้ พ่อื นเสยี ใจหรือโกรธ 3. ครูต้งั ค�ำถามเพ่อื เช่ือมโยงไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ • ถ้าสัตว์หรือพืชเหล่าน้ีไม่ปรับตัวจะเกิดอะไรข้ึนกับโลกของเรา (4. ถามเพื่อกระตุ้นจนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) • คนเราจ�ำเปน็ ตอ้ งปรบั ตวั หรอื ไม่ เพราะอะไร (1. ถามสรปุ ความคดิ และเน้ือหา และ 3. ถามเพ่อื สะท้อนความคิด มุมมอง ความเช่ือ • นกั เรยี นจะปรบั ตวั อยา่ งไร เพอ่ื ท�ำงานที่ไดร้ บั มอบหมายใหเ้ สรจ็ ทนั ตามทีค่ รูก�ำหนด (6. ถามเพือ่ เช่อื มโยงกับชีวิตจริง) • เวลาอยทู่ โ่ี รงเรยี น หรอื อยนู่ อกบา้ น นกั เรยี นท�ำตวั เหมอื นอยทู่ บี่ า้ น หรอื ไม่ อยา่ งไร ท�ำไมจงึ เปน็ เชน่ นน้ั (6. ถามเพอื่ เชอื่ มโยงกบั ชวี ติ จรงิ ) 88 ภาคทีส่ าม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เี่ ชื่อมโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ”
• นกั เรยี นคดิ วา่ ถา้ นกั เรยี นโตขนึ้ ยา้ ยไปสชู่ น้ั เรยี นทส่ี งู ขน้ึ เรยี นยาก ขึ้น นักเรียนต้องปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับวิชาเรียนที่ยากขึ้น กวา่ เดิม (4. ถามเพอื่ กระตนุ้ จนิ ตนาการ ตอ่ ยอดความคดิ ) ครูใหอ้ สิ ระแกน่ ักเรยี นในการคดิ พดู เล่า แสดงความคดิ เหน็ โดยไม่ คาดคนั้ ค�ำตอบหรอื ก�ำหนดค�ำตอบ ถกู - ผิด 4. ครใู หน้ กั เรยี นไปสบื คน้ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ แลว้ มาน�ำเสนอ ผลการค้นควา้ จากอินเทอรเ์ นต็ ในช่ัวโมงตอ่ ไป สรุปทักษะชีวิต วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาธรรมชาติของมนุษย์เรา สิ่งมีชีวิตต่างๆ และธรรมชาติรอบตัว ดังนั้นเพียงล�ำพังเนื้อหาของสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงสอนให้นักเรียนเข้าใจธรรมชาติในตัวเอง ส่ิงแวดล้อมรอบตัว และความสัมพันธ์ระหว่างสรรพสิ่งต่างๆ ในโลก ความเข้าใจน้ีจะย่ิงมีความหมายและมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต เม่ือครูรู้จัก ตั้งค�ำถามเพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนสะท้อนคิดถึงส่ิงท่ีเรียนเข้าหาตนและ ชีวิตจริงรอบตัว (องค์ประกอบท่ี 1 การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเอง และผู้อ่ืน และองค์ประกอบท่ี 4 การสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืน) และ เมื่อครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจความจริงในธรรมชาติ ให้นักเรียนได้สืบค้น และร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิด บนหลักของเหตุและผลตามหลัก วิทยาศาสตร์ นักเรียนก็จะได้พัฒนาทักษะชีวิตในด้านของการคิดวิเคราะห์ อย่างเป็นระบบ และการแก้ปัญหาในการท�ำงานอีกด้วย (องค์ประกอบท่ี 2 การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค)์ ••••• ภาคที่สาม การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่เี ชอ่ื มโยงสู่ “ทกั ษะชีวติ ” 89
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141