Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะแห่งความสุข_ตอนวิธีคิดและวิธีการสร้างความสุข

ธรรมะแห่งความสุข_ตอนวิธีคิดและวิธีการสร้างความสุข

Published by Thalanglibrary, 2020-11-25 12:23:41

Description: ธรรมะแห่งความสุข_ตอนวิธีคิดและวิธีการสร้างความสุข

Search

Read the Text Version

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ต่อพี่น้องเรา เสียสละคือ เราเคารพผู้ที่เป็นพี่ และเมตตาผู้ที่เป็นน้อง ถ้าพี่น้องไม่รักกันแล้ว ศิษย์จะอยู่เป็นพี่น้องกันไปอย่างไร ถึงห้าสิบปีร้อยปีใช่หรือไม่ (ใช่) เกิดมาเป็นพี่น้องกัน วันแรก ก็ต้องเป็นไปจนชีวิตจะหาไม่ ตอนนี้เราไม่รู้จ้กรักษาพี่น้องให้ดี แล้วเราจะอยู่กับเขาไปอย่างไรจนวันตายใช่หรือเปลา (ใช่) เวลาพี่น้องมีเรื่องขัดใจกันก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน พี่น้องเราทำไมนิสัยไม่ดีเลย ทำไมชอบทะเลาะกับเราบ่อยๆ ทำอย่างไรดี ทะเลาะกับเขาเลยไหม เราเห็นเขาไม่ดี เราก็ต้องฝืนความรู้สึกของตัวเราเองไม่ไปทะเลาะ ไม่ไปปะทะคารมกับเขาใช่หรือไม่ (ใช่) พี่น้องที่รักกันนั้นหายาก การที่จะรักกันจริงๆ นั้นคืออะไร พี่น้องที่รักกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าพูดจาดีเข้าหากันตลอดเวลา แต่บางครั้งพูดจาตักเตือนกันอย่าเกรงอกเกรงใจด้วย ตักเตือนเพื่ออะไร เพื่อให้พี่น้องของเรานั้นไม่หลงผิดใช่หรือไม่ 50

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เพื่ออะไร เพื่อให้คนในบ้านของเรานั้นได้บำเพ็ญธรรม ท้ายที่สุดแล้วได้กลับคืนขึ้นนิพพานไปพร้อมกัน ไม่ใช่ว่าเราขึ้นนิพพานแล้ว น้องเรายังตกอยู่ในโลกีย์ เมื่อพี่ขึ้นนิพพานแล้วปล่อยน้อง น้องขึ้นนิพพานแล้วปล่อยพี่ ปล่อยพ่อ ปล่อยแม่ ปล่อยญาติเราอยู่ข้างในโลกีย์นี้ ให้เขาเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ อันนี้ไม่ถือเป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแท้จริง พระโอวาทท่านเสี่ยวเชี่ยวฝอถง เวลาน้องดื้อกับเรา เรายังรักเขาได้ แม้เขาจะแอบขโมยเราไปสิบบาทร้อยบาท เรายังรักเขาได้ ถ้าพี่รู้จักปฏิบัติต่อน้องดี รู้จักดำเนินหน้าที่ของเราได้สมบูรณ์ คนที่ตามมาเขาย่อมอยากเอาเป็นแบบอย่างใช่หรือไม่ (ใช่) 51

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง “อุปสรรคของการแก้ปัญหาคือ ความชัง” รู้จักความชังไหม เวลาอยู่ในครอบครัวของเรานั้น มีสามี ภรรยา ลูก ถ้าสามีภรรยาชอบทะเลาะกันบ่อยมาก ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ภรรยาคิดอยากให้สามีเลิกดื่มเหล้า ภรรยาก็เกลียดนิสัยการดื่มเหล้าของสามี สามีอยากให้ภรรยาเลิกเล่นไพ่ สามีก็เกลียดนิสัย การเล่นไพ่ของภรรยา ในที่สุดปัญหานี้ก็แก้ไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วเราไม่ได้อยากให้เขาแก้ไขอย่างจริงจัง เรายังเกลียดนิสัยของเขาอยู่ เราจึงไม่สามารถบอกให้เขาเลิกได้ เพราะทุกครั้งที่ไปพูดไปบอก เราก็บอกด้วยอารมณ์ ไม่ค่อยพูดกันดีๆ ฉะนั้นความชังจึงเป็นหนึ่งในอุปสรรคของการแก้ปัญหา เวลาเราอยากให้ใครแก้ไขนั้น อย่าเพิ่งเกลียดเขาก่อน จะต้องรักเขา ใช่หรือไม่ (ใช่) 52

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว อาจารย์พูดถึงสามีภรรยา ถ้าเราทำตัวแข็ง ปากแข็งๆ ใจแข็งๆ ความคิดก็แข็ง เหมือนเข้าช่องแข็งไว้ ไม่ยอมละลายสักที คนอื่นทำให้ละลายได้ไหม (ไม่ได้) เคยได้ยินคำว่า “น้ำหยดลงหิน” (ทำไมหินมันยังกร่อน) คำนี้ใช้ได้ไหม ศิษย์เรียนรู้มาจากอะไร ใครตอบได้ เรียนรู้มาจากอะไร (จากประสบการณ์ธรรมชาติ) เรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนกับการที่บอกว่า น้ำหยดลงหิน หินกร่อนไป แสดงว่าที่เรานั้นแสดงตนเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย เป็นคนที่เอาอ่อนเข้าว่า ไม่แข็งเกินไป มีนิสัยที่อ่อนโยนเมตตา ใช้ได้ผลไหม ในคนที่แข็งเราก็สู้ได้ ในคนที่อ่อนเราก็กลมกลืนได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง นั่นก็คือเราต้องรู้จักจริงใจต่อกัน บางทีทุกท่านก็รู้ว่า 53

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข แต่บางครั้งเราก็อดลืมสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่นไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) บางครั้งเราต้องระวังคำพูด เพราะคำพูดของคนนั่นแหล่ะ เป็นเหตุให้เราต้องบาดหมางกันก็มี จากที่เคยรักกัน ก็กลายเป็นทะเลาะกันไม่หยุดไม่หย่อน สิ่งแรกที่เราจะอยู่ร่วมกันนั่นก็คือว่า คนหนึ่งคน เป็นธรรมดาที่ต้องมีดีมีร้ายมีดีมีเสีย ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เวลาเราอยู่ร่วมกัน เราสามารถจะทำงานร่วมกับเขาได้ก็ต่อเมื่อ เราตัดข้อเสียของเขาทิ้ง ลืมข้อเสียเขาไป อย่าเป็นคนที่เห็นข้อเสียของเขาแล้วเอาแต่พูดๆ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะทำให้ เขายิ่งไม่มีทางที่จะกลายเป็นคนที่ดีได้เลย แล้วก็อย่าไปจำข้อเสียของเขา เพราะถ้าเราจำข้อเสียของเขา เราก็คบเขาได้อย่างไม่จริงใจ แล้วเราก็ให้อภัยเขาแค่ปากเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเวลาอยู่ร่วมกัน 54

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว เราอยากอยู่ร่วมกับเขาอย่างเป็นสุขแท้จริงนั้น อะไรที่ร้ายๆ อะไรที่ไม่ดีของเขา เราก็ล้างออกไปเสีย อย่าไปจำ แล้วอย่าเอามาพูด เพราะถ้ายิ่งพูด เขาก็จะไม่มีวันได้ดีเลย ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเราต้องลืมอะไรที่เป็นเรื่องผิด เล็กๆ น้อยๆ ก็ให้อภัยเขาเสีย เราก็จะได้เป็นคนที่ใจกว้าง พอเราไม่พูดเรื่องที่ไม่ดีของคนอื่น เราก็เป็นคนที่ไม่ส่งเสริมทำให้เขายิ่งเป็นคนที่ไม่ดี หรือพูดง่ายๆ เราไม่กลายเป็นคนที่ซ้ำเติมเหยียบย่ำเขา ยังให้โอกาสที่จะให้เขาแก้ตัว ใช่หรือเปล่า (ใช่) พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง “แอบเดินเข้าบ้านศิษย์เจ้าไป เหลียวแลคนใกล้บ้างศิษย์น้อย สว่างธรรมในบ้านสองเรา อย่าทำให้ใครต้องหลงคอย ทบทวนตนเบาเรื่องผิดใจ ขอให้มอบน้ำใจก่อน หากไร้คนเห็นใจ ก็ยังคิดทำดีต่อ” คนทุกคนมีชีวิต คนทุกคนเกิดมาจากท้องแม่ 55

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข คนทุกคนมีบ้าน และคนทุกคนนั้น ต้องรู้จักรักบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) คนในบ้านของเรามีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีน้อง มีญาติ ใช่หรือไม่ (ใช่) คนทุกคนต้องทำอย่างไร กับคนในบ้านของตัวเอง กับพ่อแม่ก็ต้องรู้จักที่จะกตัญญู ใช่หรือไม่ (ใช่) กับพี่น้อง ต้องรู้จักที่จะปรองดอง ใช่หรือเปล่า (ใช่) กับญาติพี่น้องของพ่อแม่นั้นก็ต้องเคารพ อย่างที่พ่อแม่ของเรานั้นเคารพ ใช่หรือไม่ (ใช่) บางทีนั้นเราเห็นคนนอกบ้าน ดีกว่าคนในบ้านเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) แท้ที่จริงนั้นคนทุกคนมีข้อดีและข้อเสีย คนที่เราเห็นว่าดี ก็อาจจะไม่ดีก็ได้ แต่คนในบ้านเรา ถึงแม้ว่าไม่ดี เราก็เห็นว่าเขาไม่ดีไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) เราเห็นคนในบ้านเราไม่ดี เรารู้สึกอย่างไรบ้าง (เสียใจ) เวลาเราได้ยินคนอื่นนินทาคนๆ หนึ่ง ให้ฟัง ว่าคนๆ นี้ไม่ดีอย่างไร ทุกๆครั้งที่เรามองหน้าเขา เราก็จะจำความไม่ดีของเขาได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) 56

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว และแทบไม่อยากจะมองหน้าเขาเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้แต่มองก็ยังไม่รู้สึกว่าอยากจะมอง แต่ว่าคนในบ้านของเรา เราต้องมองทุกวัน ใช่หรือเปล่า หากเราเห็นว่าคนในบ้านเราไม่ดี แล้วเราจะอยู่ในบ้านได้อย่างไร แล้วเราจะมีความสุขได้อย่างไร ชีวิตของคนนั้น จะมีความสุขหรือไม่มีความสุขนั้นมาจากในบ้านของตนเอง ถ้าหากว่าเรานั้นรู้จักทำตนเองให้มีความสุข และเรารู้จักมอบความสุขให้กับคนอื่น และมอบความสุขให้กับคนในบ้านของเรา ต่อพ่อแม่เราก็ต้องกตัญญู ต่อพี่น้องต้องปรองดอง ต่อญาติพี่น้องต้องเคารพ อย่างนี้แล้วจะมีความสุขน้อยได้อย่างไร ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้ว่าเราออกไปนอกบ้าน จะไม่มีความสุข แต่กลับเข้ามาในบ้านก็คงจะมีความสุข อย่างน้อยในชีวิตคน ในวัฏสงสารนี้ 57

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ก็ยังมีที่ให้ศิษย์แอบที่จะมีความสุขคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นทำตัวอย่างไร หากว่าพี่ให้เรานั้นไปหยิบน้ำแก้วหนึ่ง หากเราไม่อยากจะหยิบ จะมีความสุขกับพี่ได้ไหม (ไม่ได้) อยู่กับพี่ก็คงจะไม่มีความสุข หากว่าพ่อแม่ร้อนแล้วเราไม่รู้จักเปิดพัดลมให้ ถือว่าเรานั้นเป็นคนที่กตัญญูไม่พอ ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะว่าไม่สนใจ หากว่าญาติเราไม่มีข้าวกิน และเราก็ไม่สนใจ ญาติของเรานั้นจะชอบเราไหม (ไม่ชอบ) หากทางบ้านนั้นไม่มีเงินใช้ ยังจะบอกว่าเรามีความสุขได้ แต่หากว่าคนทั้งบ้านไม่มีน้ำใจ มีความสุขไม่ได้ เพราะฉะนั้น คำว่า “น้ำใจ” นั้น ไม่ใช่มอบให้เฉพาะคนนอกบ้าน แต่ต้องให้คนทุกคน อยากมีบ้านที่มีความสุขไหม (อยาก) อยากมีบ้านที่มีความสุข ก็จงทำตัวเราให้มีความสุข และเป็นคนที่มีน้ำใจให้มาก ๆ 58

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว อาจารย์เชื่อแน่ว่า หากว่าเรานั้นเป็นคนที่ดี เป็นคนที่เปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่ร้ายเป็นสิ่งที่ดีได้ คนในบ้านของเราก็คงจะยินดีด้วย และเขาก็คงจะตามเรามาบำเพ็ญ นี่เป็นวิธีการพูดธรรมะอย่างหนึ่งที่ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ปาก บางทีเราพูดตั้งมากมาย แต่เขาฟังไม่เข้าหู ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราทำตั้งมากมาย เขาไม่ดูก็ไม่ได้ นี่เป็นวิธีการพูดธรรมะโดยไม่ต้องพูดใดๆ ทั้งสิ้น “อย่าทำให้ใครต้องหลงคอย” เด็กๆ ตอนที่ออกไปจากบ้าน พ่อแม่คอยอยู่ที่บ้าน คนที่เป็นพ่อแม่ก็หลงคอยลูกเหมือนกันมิใช่หรือไม่ แล้วทุกคนก็เคยเป็นเด็กมา และก็เคยหนีเที่ยวด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่) ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกที เพราะว่าครั้งนี้เขาหลงคอยอะไรของเรา หลงคอยเราจะถามเขาว่า กินข้าวหรือยัง เมื่อวานหลับดีหรือเปล่า กินอิ่มไหม 59

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีไหม พ่อแม่อยากได้ยินคำเหล่านี้จากลูกทั้งนั้น ใช่หรือไม่ ส่วนคนเป็นลูกชอบถามไหม (ไม่ชอบ) ไม่ชอบถามเลย เพราะฉะนั้นการแสดงความห่วงใยเล็ก ๆน้อย ๆ ง่าย ๆ คืออะไร คือการเปิดปากออกถาม ใช่หรือไม่ บางทีพวกเขาก็สบายดี แต่บางทีก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ใช่หรือไม่ คนนั้นดูหน้าไม่รู้ใจ เพราะฉะนั้นคนในบ้านเรา ก็เช่นเดียวกัน เขามองหน้าเราเขาอาจจะไม่รู้ว่า เราคิดอะไรก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เคยเห็นตัวอย่างคนในบ้านเดียวกัน เข้าใจผิดคนในบ้านเดียวกันก็ถมเถ ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดเรา ขอให้เรานั้นพยายามใช้การสื่อสารให้เป็น มีภาษาไว้ให้พูด ก็ต้องรู้จักใช้ ถ้าอยากให้ครอบครัวมีความสุข เราเองก็อยากมีความสุขก็จงรู้จักที่จะไต่ถาม จงใช้จิตใจของเรานั้นออกมาถาม ไม่ใช่ถามแต่ปาก ใจไม่ถามไม่ได้ กลับไปคราวนี้ที่บ้านคงมีความสุขขึ้นเยอะ ใช่หรือไม่ (ใช่) 60

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง “ผู้สืบทอดเกียรติคุณธรรมบรรพชนนาน อันลูกหลานต้องขยันอดทนสอน หวังครอบครัวร่มเย็นไม่ทุกข์ร้อน ต้องรู้ผ่อนหนักเข้มงวดเริ่มจากตน” หวังจะให้ครอบครัวอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ตัวเรานั้นจะต้องปูพื้นฐานของตัวเราให้ดีก่อน เมื่อตัวเราดี ลูกหลาน สามีหรือภรรยาก็จะพึ่งพิงได้ แต่ถ้าตัวเราไม่ดีแทนที่จะได้พึ่งพิง กลับต้องหนีห่างไกลกัน ใช่หรือไม่(ใช่) ก็น่าเสียดายที่มีบุญสัมพันธ์มาอยู่ร่วมกัน กลับต้องขาดสะบั้น เพราะความไม่ตั้งใจของเรา ความไม่ระมัดระวังของตัวเรา บ่อยครั้งที่เราต้องมานั่งเสียใจ เพราะว่าอะไร บ่อยครั้งที่เราหัวเราะได้เบิกบานแจ่มใส เพราะว่าอะไร มันต้องมีสาเหตุ ใช่หรือไม่ (ใช่) 61

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง เวลากินข้าวก็ไม่ค่อยอยากจะเรียกพ่อแม่ เพราะว่าถ้าทำเสร็จแล้ว เดียวต่างคนก็ต่างกิน ใช่หรือไม่(ใช่) วันหนึ่งต่างคนต่างกิน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างใช้ ต่างมีห้องของตัวเอง แล้วถามว่าเป็นครอบครัวอยู่ไหม (ไม่เป็น) เพราะฉะนั้นเราจะมองข้ามจุดน้อยๆ ได้หรือไม่ (ไม่ได้) จะไปมองแต่จุดใหญ่ว่า มีเงินใช้หรือยัง ต้องไปหาเงินก่อน สุดท้ายมีเงินใช้ แต่ว่าลูกรู้จักแต่ใช้เงิน แต่ไม่รู้จักว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็นคนดี ฉะนั้นเราจะมองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตนี้ไม่ได้ ใช่หรือไม่(ใช่) พระโอวาทท่านหลันไฉ่เหอ หากเราบำเพ็ญอยู่ตรงนี้ ยิ้มได้ พูดได้ พูดธรรมะมากมายได้ แต่กลับไปบ้านยิ้มไม่ได้ พูดไม่ออก อย่างนี้ไม่เรียกว่า บำเพ็ญ ใช่หรือไม่ บำเพ็ญต้องเมตตาจากบ้านได้ก่อน 62

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว ถึงจะเมตตากับผู้อื่นได้ อย่าเป็นคนที่เมตตาผู้อื่นเป็น แต่เมตตาในบ้านตัวเองไม่เป็น อย่าเป็นคนที่ควบคุมได้แต่ภายนอก แต่พอเข้าไปในบ้านกลับระเบิดออกมา อย่างนี้ไม่เรียกว่า ผู้บำเพ็ญ ใช่หรือไม่(ใช่) จะบำเพ็ญตนเราต้องรู้จักควบคุมใจตนเองให้ได้ หากเราควบคุมใจตนเองได้ เวลาไปไหนคนย่อมอยากเข้าใกล้ คนย่อมนับถือ หากเราไปไหนคนแตกกระเจิง ไปไหนคนไม่อยากคบหา แปลว่าเรายังบำเพ็ญได้ไม่ดี ถ้าบำเพ็ญ ไปที่ไหน พูดอยู่ตรงไหน ใครก็อยากฟังในสิ่งที่เราพูด ใครก็อยากมองในการปฏิบัติของเรา แปลว่า ทั้งพูดทั้งปฏิบัติเราได้บำเพ็ญดีแล้ว ทำในบ้านตัวเองให้ดี หากบ้านตนเองไม่ดี ไม่มีความสุข แม้จะพูดธรรมะได้เก่งได้คล่อง ก็ไม่มีประโยชน์ จริงไหม (จริง) แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่บ้านตนเองกลับไปแล้ว 63

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ไม่มีความสุข แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่ใจตนเองไม่รู้จักความสุขที่แท้จริง มีเงินทอง พูดเก่ง จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อใจตนเองยังรักษาให้มีคุณค่า ให้มีความดีไม่ได้เลย ใช่หรือไม่ (ใช่) พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง ผู้ที่บำเพ็ญธรรมได้ดีนั้น ครอบครัวต้องสมานสามัคคีกัน ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ หรือยิ่งแตกแยก เพราะว่ามีธรรมะเข้าไปในบ้าน แสดงว่ากำลังเดินทางผิด เพราะธรรมะเป็นธรรมชาติ จำเป็นต้องเข้ากับคนทุกคนให้ได้ จะต้องมีทางออกของสิ่งที่เรียกว่าความแตกร้าว ถ้าหากศิษย์ยังหาไม่เจอ แสดงว่ายังเดินทางผิด หรือไม่ก็ยังพยายามไม่พอ ฉะนั้นอาจารย์จึงหวังว่า ศิษย์ของอาจารย์ทุกๆ คน เข้ากับคนทุกคน เข้ากับคนในบ้าน และเข้ากับคนข้างนอกได้ นั่นจึงเรียกว่าเป็นผู้บำเพ็ญได้ดี 64

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว แต่ไม่ใช่เข้ากับคนได้แบบลิ้นสองแฉก อยู่กับคนหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง มาอยู่กับอีกคนหนึ่งก็พูดอีกอย่างหนึ่ง อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่าเข้ากับคนได้ จะเรียกว่าเป็นการตั้งระเบิดเวลาให้กับตัวเอง รอสักวันหนึ่งให้ความแตกปะทุ คนที่จะเอาตัวไม่รอดคนแรกก็คือเรา พระโอวาทท่านเหอเชียนกู เมื่อเป็นคนที่เอาแต่ใจตน เห็นแก่ตน อีกไร้ซึ่งธรรมแล้ว เขาก็จะเป็นคนที่แม้แต่พ่อแม่ก็ย่อมไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูได้ ถ้าพ่อแม่ตนเองยังเลี้ยงไม่ได้ ไม่สามารถรักได้ นับถือได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับการมีชีวิตอยู่ ภายนอกให้คนอื่นกราบไหว้ได้ แต่ในบ้านไม่มีใคร รักใคร่ ไม่มีใครเคารพ จริงหรือไม่ (จริง) 65

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง ถ้าคนๆ หนึ่ง ทุกวันมีแต่เลี้ยงตัวเอง ทุกวันมีแต่เพื่อตัวเอง คนๆ นั้นแม้คนในบ้านที่รักเขามากที่สุด ก็ต้องทอดทิ้งเขาได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จริงหรือไม่ (จริง) แต่ถ้าคนๆ นี้ไม่ใช่ มีแค่ตัวเอง แต่มีคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ช่วยตัวเอง แต่ช่วยคนอื่นด้วย ถึงแม้ว่าคนจะเกลียดเขามากเท่าไร แต่วันหนึ่งต้องเปลี่ยนใจมารักเขาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) พระโอวาทพระนาจา บางครั้งคนเราเกิดมา แม้จะมีสิ่งไม่สมบูรณ์ในตัวเอง เช่นเป็นคนที่ทำอะไรช้า แต่ถ้ามีเพื่อนคอยให้กำลังใจ ไม่เหยียบย่ำ ไม่ซ้ำเติม คนๆ นั้นก็สามารถที่จะฝาฟันไปได้ถึงใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นบางครั้งเราอยู่ร่วมกัน ก็ต้องรู้จักให้กำลังใจกัน และชี้นำในสิ่งที่ดีให้กัน แล้วเขาก็จะสำเร็จได้ (ศิษย์พี่เมตตา ให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมสามคน 66

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว แสดงเป็นลาสามตัว ตัวที่หนึ่งมีหูและ หางครบ ตัวที่สองมีแต่หูแต่ไม่มีหาง ตัวที่สามมีหางแต่ไม่มีหู) ลาสามตัวนี้ มีทั้งตัวที่สมบูรณ์แบบ และตัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ อีกตัวหนึ่งขาดหู อีกตัวหนึ่งขาดหาง คนเราในโลกนี้ก็เหมือนกัน บางครั้งเราเพียรพยายามหาคนที่ดีที่สุด เลิศที่สุดมาเป็นเพื่อนเรา มาเป็นคนที่อยู่ร่วมกับเรา แต่แท้ที่จริงแล้ว หาได้ยาก ใช่ไหม (ใช่) การอยู่ร่วมกันก็คือ ช่วยกันเติมใจให้เต็ม พอรู้ว่าเขาขาด เราก็ให้เขา พอเราขาด เขาก็ให้เรา เราก็จะอยู่กับเขาได้อย่างเป็นสุข ไม่ใช่บอกว่า คนนี้ขาดหู คนนี้ขาดหาง เอาแต่ว่าๆ เขา แล้วก็รังเกียจเขา แล้วบอกว่าฉันเป็นคนที่มีทั้งหู ทั้งหางสมบูรณ์ แต่จริงๆ แล้ว ใจไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นอยู่ร่วมกันในโลกนี้ เป็นธรรมดา ย่อมมีดี ดีมาก ดีน้อย แล้วก็ร้าย ร้ายมาก ร้ายน้อย ใช่หรือไม่ (ใช่) เราจะอยู่กันอย่างตั้งแง่ตั้งงอนไม่ได้ ชิงดีชิงเด่นกัน ไม่ดี 67

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข แต่เราต้องอยู่กันอย่างสมานกลมกลืน ท่านผู้สูงอายุ บางครั้งรักลูก รักหลาน จนลืมเป็นห่วงตัวเอง เป็นห่วงเขามากจนลืมควบคุมตัวเอง และตัวเองชอบระเบิดอารมณ์ ระเบิดความขี้บ่น พอระเบิดทีหนึ่ง ใครจะอยู่ด้วย มีแต่หนีไปหมดเลย ใช่ไหม แล้วจะบอกลูกว่า มาเถอะมาอยู่กับแม่เถอะ ก็แม่วางระเบิดเอง ใช่หรือเปล่า (ใช่) พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง นั่งมาตั้งสองวัน ไม่รู้ว่าเก้าอี้ตัวนี้นั่งแล้วสบาย เพราะมาถึงก็นั่งลงไปเลย ไม่เคยรู้ว่า สิ่งที่เรามีอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ดี และมีค่าขนาดไหน เก้าอี้ตัวนี้ก็เหมือนกับสภาพครอบครัวของเราที่มีอยู่ แม้ว่าจะมีการขัดใจกันบ้าง จะมีเรื่องสุขจนล้นบ้าง จะมีเรื่องที่เป็นปัญหาจากคนภายนอกเข้ามาหาบ้าง แต่ครอบครัวของเราก็ยังเป็นครอบครัวที่ดีที่สุด โชคดีที่เรานั้น มีครอบครัว ที่เรามีบ้านอยู่ 68

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว ที่เรามีเงินทองพอใช้ แม้ว่าเราจะจน แต่หากว่าไม่มีเงินสักบาทเดียวกับมีเงินอยู่ยี่สิบบาทต่อวัน ศิษย์เอาอะไร ต้องเอายี่สิบบาทต่อวัน ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนเรานั้นมีซีวิตอยู่อย่างจนก็อยู่ไปอย่างจน เมื่อเรามีชีวิตอยู่อย่างรวย ก็ต้องรู้จักที่จะเผื่อแผ่แบ่งปันให้กับผู้อื่น ใช่หรือไม่ (ใช่) นี่จึงเป็นชีวิตของคนบำเพ็ญธรรมในยุคนี้ พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง “อย่าอยู่ร่วมกันอย่างมีเงื่อนไข เพราะจะไร้ความสุขเกษมศานต์ อยู่ร่วมกันไร้เงื่อนไขจะเหมือนบ้าน แต่ต้องหมั่นควบคุมตนให้ดีพอ” เวลาเราอยู่ร่วมกับใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกัน ถ้าเราอยู่ร่วมกันแล้วเรามีเงื่อนไขมากมายที่เป็นข้อจำกัด คนที่อยู่ร่วมกับเราน่าจะอยู่ร่วมกับเรา อย่างมีความสุขไหม (ไม่มีความสุข) 69

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ฉะนั้นจึงบอกว่าการอยู่ร่วมกันนั้น จะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีเงื่อนไขน้อยที่สุด ไร้เงื่อนไขจึงจะสามารถมีความสุขได้ แต่ไม่ใช่ไร้เงื่อนไขแล้วจะไร้กฎระเบียบ ทุกคนเกิดมาคิดเป็น อ่านเป็น เข้าใจเป็น ทุกคนควบคุมตัวเอง ทุกคนรู้จักตัวเองโดยไม่ต้องให้ผู้อื่นเป็นคนชี้ เป็นคนบอก เพราะนิสัยของคนนั้นไม่ชอบให้ผู้อื่นมาสอนใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราเป็นผู้บำเพ็ญธรรม เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือว่าเรียกร้องคนอื่นให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ มีแต่ต้องเรียกร้องตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเราเรียกร้องตนเอง เราต้องควบคุมตนเอง ทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้ อย่าไม่รู้แล้วลงมือทำ ขอให้เรารู้แล้วจึงลงมือทำ การอยู่ร่วมกันในบ้านมีไหม ทำไมถึงบอกว่า ที่อยู่ร่วมกันไร้เงื่อนไขจะเหมือนบ้าน เคยเห็นบ้านที่ไม่เหมือนบ้านไหม 70

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นบ้าน แต่ไม่เหมือนบ้าน ใช่หรือไม่(ใช่) การจะอยู่ร่วมกันให้บ้านเป็นบ้านนั้น เราทุกคนจะต้องรู้จักตัวเองเพียงพอ ใช่หรือไม่(ใช่) เราจะต้องควบคุมตนเอง เราเป็นลูกมีหน้าที่ทำอะไรต่อพ่อแม่ (กตัญญู) เป็นลูกมีหน้าที่ทำร้ายจิตใจพ่อแม่ หรือว่าเป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่ (กตัญญูต่อพ่อแม่) เป็นพ่อแม่มีหน้าที่อย่างไรต่อลูก ตีลูก หรือว่าดูแลลูก (ดูแลลูก) เป็นพ่อแม่ก็มีหน้าที่ให้ความรักความเมตตาลูก เราเป็นพี่มีหน้าที่อย่างไรต่อน้อง(ดูแลน้อง) ข่มเหงรังแกน้อง หรือว่าช่วยเหลือน้อง (ช่วยเหลือน้อง) การช่วยเหลือมีหลายวิธี บางคนช่วยเหลืออย่างเข้าใจ บางคนช่วยเหลืออย่างไม่เข้าใจ ช่วยเหลืออย่างไรดี เข้าใจเขาหรือไม่เข้าใจ (เข้าใจเขา) ช่วยเหลืออย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ใช่หรือไม่(ใช่) อยากจะให้เขาเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นตามเรา เราจะไปบังคับเขา เขาจะเปลี่ยนไหม (ไม่เปลี่ยน) 71

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข เพราะฉะนั้นอยู่ร่วมกันไร้เงื่อนไข ไร้เงื่อนไขในที่นี้คือ ไร้ข้อจำกัดอันเป็นข้อจำกัดที่เราตั้งขึ้น แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามเงื่อนไขของธรรมชาติ คุณธรรมและธรรมะนั้น ก็ยังพออนุโลม แต่จิตใจของทุกคนนั้น มีซีกหนึ่งที่เป็นจิตใจอันเป็นธรรมะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายกันมากมาย ก็พอเข้าใจ เพราะฉะนั้นอาจารย์จบท้ายด้วยบอกว่า ต้องหมั่นควบคุมตนให้ดีพอ สรุปแล้วทุกคนต้องควบคุมตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนอย่างอาจารย์อยากให้ศิษย์ทุกคนบำเพ็ญธรรม ก็ยังจำเป็นจะต้องพูดๆ ให้ศิษย์เข้าใจ และเห็นคล้อยตาม ใช่หรือไม่ แล้วศิษย์จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออย่างไร เวลาเจอคนอยากให้คนคล้อยตามเราพูด เราจึงต้องค่อยๆ พยายาม ถ้าหากเขาไม่เป็นดังใจเรา อย่าโกรธ อย่าว่า อย่าเดือดดาล 72

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว พระโอวาทพระอาจารยจี้กง ครอบครัวของเรานั้น เป็นบ้านที่มีสติใช่หรือไม่ ต้องทำอย่างไร เวลาสามีภรรยาอยู่ด้วยกัน หากสามีว่านิดหนึ่ง ภรรยาโกรธได้ไหม (ไม่ได้) ถามข้างสามีบ้าง หากภรรยา ว่านิดโกรธได้ไหม (ได้) ไม่ยุติธรรมเลย ในเมื่อขอพรพระว่า ขอให้ครอบครัวมีความสุข ความสุขนั้นเกิดจากการมีสติ หากเรามีสติ เวลาใครว่าเราในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน จะเป็นสามี จะเป็นภรรยา จะเป็นพ่อ จะเป็นแม่ ว่าเรา เราต้องไม่โกรธ อย่าโลภในความรักของเขา ที่เขามีให้เราอยากจะได้มากกว่านี้ เราก็จะมีความสุขขึ้น เราก็จะได้ครอบครัวแห่งการมีความสุข ทีนี้ต้องขอพรจากพระที่ไหน เราก็มีความสุขได้ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ ศิษย์ของอาจารย์อยู่กันไปก็ทะเลาะกันไป สองวันทะเลาะ ห้าวันทะเลาะที เจ็ดวันทะเลาะที เป็นอย่างไร มีความสุขไหม (ไม่มี) 73

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข พระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถงเมตตา “ผู้สืบทอดเกียรติคุณธรรมบรรพชนนาน อันลูกหลานต้องขยันอบรมสอน หวังครอบครัวร่มเย็นไม่ทุกข์ร้อน ต้องรู้ผ่อนหนักเข้มงวดเริ่มจากตน” โอวาทท่านอวี้หนวี่เมตตา มีคำกล่าวว่าหากเราจะรับรู้คน รับรู้สิ่งรอบข้างภายในโลกนี้ เราจะต้องทลายอัตตาตัวตน หรือความเป็นตัวตนของเราลงให้หมดสิ้น แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไป แล้วเราจะสามารถอยู่ร่วมกับเขา มองเห็นและยอมรับเขาได้ แต่ถ้าเมื่อไรเราอยู่ร่วมกัน เรามีกำแพงแห่งตัวตน เรามีความเป็นตัวตนว่าฉันเป็นคนแบบนี้ 74

พระโอวาทเกี่ยวกับ ครอบครัว พอเธอทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับฉัน ฉันไม่ชอบ เธออย่ามาใกล้ ก็ย่อมกระทบกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราจะอยู่ร่วมกับใคร เราอยากเข้าใจเขา เราจะต้องทลายเปลือกอัตตาตัวตนนี้ แล้วเราจะสามารถยอมรับและอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างเป็นสุข “มากความโดยคนเถียงกันประจำ” อยู่ร่วมกันยิ่งมากความ ยิ่งมีแต่เรื่อง ใช่หรือไม่ (ใช่) น้อยๆ ความกันดีกว่าอีก ใช่หรือไม่(ใช่) ยิ่งมีเหตุผล เหตุผลยิ่งเหนือเหตุผล เหตุผลยิ่งมากเหตุผล ใช่หรือไม่ (ใช่) บางครั้งอยู่แล้วไม่มีเหตุผลไม่ได้หรือ เพราะการที่เราไม่มีเหตุผล บางทีอาจจะทำให้เราปล่อยวาง แล้วไม่ต้องทุกข์ก็ได้ จริงไหม (จริง) 75

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข เพราะยิ่งเถียงหนึ่งคำ ย่อมเถียงกลับมาอีก (สองคำ) มากกว่าสองอีก ถูกหรือเปล่า (ถูก) ฉะนั้นปิดแล้วหูเราจะไม่ได้ยินเสียงเลย จริงหรือไม่ (จริง) สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยพูด เราเคยแอบฟังและได้ยินว่า เป็นคนบำเพ็ญธรรมเสียอะไรล่ะ ใช่ไหม ทำมากๆ ดีกว่าอีก เราก็เหมือนกัน อยู่ในครอบครัว อยู่ในสังคม ภรรยาขี้บ่น มีสามีคนไหนชอบไหม (ไม่ชอบ) พ่อแม่จู้จี้มีลูกรักไหม รักเหมือนกันแต่ทนไม่ไหว ต้องแอบหนีไปเรื่อย ๆ 76

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร จะสรา้ งชีวิตสมบูรณพ์ ูนสขุ อยา่ งไร กำหนดความคิดว่า ฉันเป็นคนสมบูรณ์พูนสุขที่สุด ความคิดเป็นตัวที่จับให้มั่นได้ยาก เหมือนม้าเหมือนวานร จะคล้องบังคับจับให้มั่นได้ จะต้องใช้ความประณีตกับอารมณ์ให้ มาก แต่ก่อนยังมีชายคนหนึ่ง เรียนถามท่านอาจารย์ไป๋อวิ๋นว่า “ความคิดจิตใจของศิษย์ กำราบไว้ไม่อยู่ควรทำประการใด?” อาจารยไป๋อวิ๋นย้อนถามว่า “เป็นความคิดจิตใจของผู้ใด หรือ” ตอบว่า “ของศิษย์เอง” ท่านถามต่อไปว่า “ใครเป็นผู้กำราบ?” ศิษย์ฉงนตอบไม่ถูก ได้แต่นิ่งอึ้งยิ้มอยู่ อาจารย์ว่า “จะมาจะไป เจ้าวุ่นวายเอง ไม่มีผู้ใหญ่เป็นหลัก ถ้าเอาชนะมันไม่ได้ จงวางมันลงไป ยังจะต้องรู้ว่าที่วางมันลง ไปนั้นเป็นใคร ถ้าเข้าใจก็จะมีผู้ใหญ่เป็นหลัก ไม่ต้องถูกมันหลอก ล่อเอาอีก” ไห่เอวี้ยจึงได้เข้าใจ กราบขอบพระคุณแล้วกราบลาไป ใครที่ทำให้ตนเอง เกิดความคิดว่า ตนเองเบิกบานสมบูรณ์ พูนสุขเสมอได้ ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้สูงด้วยปัญญาอย่างแน่นอน 77

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ตรงกันข้าม คนที่ทำให้ตนเองเกิดความคิดว่าเคราะห์ร้ายทุกข์ ยากเศร้าโศกเสมอ ผู้นั้นจะต้องเป็นคนโง่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แตกต่างกันแค่ความคิด ก็ผิดแผกกันดังฟ้ากับดินทีเดียว พุทธะจึงว่า “หนึ่งความคิดคือหนึ่งวัฏจักร” คือเหตุผลนี้ ผู้เขียนเองก่อนลุกขึ้นจากเตียงนอนตอนเช้า มักจะเผยอ เปลือกตาขึ้นสอง ส่วนหลับอยู่แปดส่วน ในใจกำหนดว่าตนเอง เป็นคนสมบูรณ์พูนสุขที่สุด ฟ้าได้โปรดประทานปัญญาสูงสุดให้ไว้ ประทานศิลปะสุนทรีย์ภาพสูงสุด โอกาสดีที่สุด ความรักอันโอฬาร พลังวิริยะไม่รู้จบไว้ให้ ญาติเพื่อนฝูงที่หายาก อีกมากมาย... ผู้เขียนเองปักใจว่า ตนเองได้ครอบครองความสมบูรณ์ เหล่านี้อยู่ จนกระทั่ง ฝังใจหยั่งรากลึกลงในจิตสำนึก แล้วเกิด เป็นผลสะท้อนอย่างเด็ดเดี่ยวต่อพฤติกรรมของตัวเอง นี่ก็คือ “ศรัทธาความคิด” จะทำให้ตนเองสมบูรณ์พูนสุข จะต้องไม่ยึดบริเวณเฉพาะ ตน เพราะจะเป็นการจำกัดขอบเขตให้ตนเอง จงขยายส่วนกว้าง ส่วนลึกออกไป ลองสมมุติเอาว่า ตนเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถ้าคิดว่าเป็น สัดส่วนเฉพาะตน ก็จะถูกจำกัดอยู่บนสัดส่วนนั้น ถ้าเลื่อนเก้าอี้ ออกไปเสีย พื้นกว้างทั่วบริเวณนั้น เป็นที่นั่งของฉันได้ทั้งหมด หรือฟ้าดินกว้างใหญ่ทั้งหมด เป็นที่ท่านจะท่องเที่ยวไปได้ทั้งนั้น จะรู้สึกเป็นอิสระเบิกบานปานใด 78

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร พึงรู้ไว้ว่า ระหว่างฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่คนเป็นสิ่งล้ำค่าสูง ส่งกว่าใดๆ ในท่ามกลาง แม้ที่อยู่จะใหญ่โตรโหฐานตกแต่งวิจิตรตระการตา สำหรับ ฉันนั้นไม่ถือเป็นการเสพสุข ตรงกันข้ามทุกอย่างแย่กว่านี้ ก็ไม่ รู้สึกอัดอั้น เห็นบางคน เมื่อจะตัดผม จะต้องเข้าร้านหรูหรา ชั้นสูงมีระดับ ขึ้นรถไฟก็จะต้องขบวนพิเศษชั้นหนึ่ง นั่นคือ จำกัดขอบเขตให้ตนเอง หาความกังวลให้ตนเอง สมมุติว่าถ้ามี สักครั้งไม่มีรถชั้นหนึ่ง มีเหตุจำเป็นจะต้องไปรถธรรมดาชั้นสาม เชื่อว่าเขาจะต้องอึดอัดกลัดกลุ้ม อยู่บนรถไฟชั้นสามธรรมดาไป ตลอดทาง ถ้ามีเหตุตกค้างอยู่ต่างจังหวัด ถึงเวลาจะต้องตัดผม ไม่ มีร้านตัดผมหรูหราชั้นสูงอย่างเคย เขาจะลำบากใจเพียงไร อย่าง นี้ถ้าไม่ใฝ่หาความยุ่งยากให้กับตัวเองเเล้ว จะเรียกว่าอะไร จะให้ตนเองมีความสมบูรณ์พูนสุข จะต้องใช้เจตนาดีแจก แจงทุกอย่าง โลกที่เราอยู่มีทุกสิ่งอย่างตรงกันข้ามคู่กัน มีสวยก็มีขี้ริ้ว มีบน-ล่าง สูง-ต่ำ อ้วน-ผอม เล็ก-ใหญ่ ฯลฯ ฉะนั้นก่อนอื่น สาวสวย จะต้องรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ต่อหล่อนทั้งหลายที่ใบหน้าเหย เกดูไม่ได้ ถ้าไม่มีความไม่สวยของหล่อนเหล่านั้น จะเปรียบเทียบ สะท้อนให้เห็นความสวยของเธอได้อย่างไร ในขณะที่มีคนวิจารณ์ว่าร้ายเรา แสดงให้เห็นว่า มีคนกำลัง ชื่นชมเห็นใจเราอยู่ มีคนเกลียดเราแสดงว่ามีคนกำลังรักเราปก 79

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ป้องเราอยู่ด้วย ลองยื่นมือออกมาสิ มีด้านสว่าง มีด้านมืด ถ้าเราจะพูด ว่าเขาเป็นคนดี หรือก็พูดถึงด้านสว่างของเขา ตรงกันข้ามถ้าจะ พูดว่า เขาเป็นคนเลว เราก็จะพูดถึงความมืดของเขา แต่ก่อนมีเจ้าเมืองท่านหนึ่ง เกิดมาพิกลพิการแขนขาข้าง ซ้ายด้วนไป เหลือแต่ข้างขวา แต่ท่านอยากให้ภาพของท่านปรากฏ แก่ชนรุ่นหลังให้ชาวประชาชื่นชมรำลึก จึงได้เรียกหาจิตรกรฝีมือ ดีที่สุดในแผ่นดินมาวาดภาพให้ จิตรกรคนนี้มิใช่ฝีมือธรรมดา วาด ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเจ้าเมืองจริง ๆ เจ้าเมืองดูแล้วกระอักกระอ่วนยิ่งนัก แม้จะวาดให้ดีเพียงใด แต่ลักษณะพิการอย่างนี้ จะเปิดเผยถ่ายทอดต่อสายตาประชา ชนสืบไปกระไรได้ จึงประหารจิตรกรเพื่อลบความจำของเขา เสีย จากนั้นก็เสาะหาจิตรกรคนที่สองมา คนที่สองได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับจิตรกรคนแรกมาแล้วเป็นบทเรียน จึงไม่กล้าวาดตาม ลักษณะความเป็นจริง ภาพที่ออกมาจึงมีแขนขาครบถ้วน สมบูรณ์ไม่มีที่ตำหนิ เจ้าเมืองดูแล้วยิ่งกระอักกระอ่วนเข้าไปอีกถึง กับตวาดใส่ว่า “ที่วาดนั้นไม่ใช่ข้าเจ้ากล้าส่อเสียดข้าเชียวหรือ” แล้ว เจ้าเมืองก็สั่งประหารจิตรกรคนที่สองเสียอีกคนหนึ่งไม่ นานจิตรกร คนที่สามก็ถูกเรียกตัวเข้าเมืองมา เขาครุ่นคิดพิจารณา อยู่นาน ไม่กล้าลงมือวาดง่ายๆ สุดท้ายจึงได้ความคิดว่า จะต้อง วาดด้านข้าง เขาจัดการวาดด้านขวา ที่แขนขายังครบถ้วนอยู่ด้วย 80

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร ความตั้งใจไม่ให้ด้านซ้ายที่พิกลพิการปรากฎเลย (เหมือนการปิดบังความชั่วของผู้อื่น เปิดเผยแต่ความดี ของเขา) เจ้าเมืองพอใจมาก จิตรกรผู้นี้จึงรอดตายและได้บำ เหน็จรางวัลมากมายไป อาจมีวันใดที่เพื่อนรักของคุณ เดินสวนทางเฉียดตัวคุณไป คุณดีใจทักทาย แต่เขาไม่ตอบรับ จงคิดเสียว่าเขาคงสายตาสั้น เสียแล้ว หรือเขาคงจะใจลอย เขาคงมีความทุกข์มาก มีปัญหา ต้องครุ่นคิดมาก ฯลฯ มองสบตากัน ก็ยังไม่เห็นช่างเถอะ แล้วคุณ ก็ยังคงสบายใจต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือคุณจะคิดว่า มันมีเหตุโกรธแค้นไม่พอใจอะไรเรา มันใหญ่มาจากไหน มันเรียน สูงกว่า เกียรติยศตำแหน่งสูงกว่า รวยกว่าหรืออย่างไร ยิ่งคิดยิ่ง แค้นเจ็บจำฝังใจ ดูเถิดว่า ความกลัดกลุ้มวุ่นวายมากหลาย ตัวเองหามาเอง ทั้งนั้น ที่กล่าวมาเป็นวิธีสร้างสรรค์ให้ตนเองเกิดความสมบูรณ์ พูนสุข 81

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ส่วนวิธีลบล้างให้ตน ปราศจากความกลัดกลุ้มวุ่นวายนั้นคือ ๑. เก็บจิตเข้าไว้ ที่เกิดกลัดกลุ้มวุ่นวายนั้น ล้วนเกิดจาก ปล่อยใจให้กระเจิงไปจับไปเกาะไปพัวไปพันไปยึดไปติดกับอะไรๆ และเห็นมันเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต ท่านปราชญ์เมิ่งจื่อจึงได้กล่าว ไว้ว่า ธรรมะของการเรียนรู้ไม่มีอื่นใด เรียกจิตที่ปล่อยออกไปให้ กลับมาเท่านั้นเอง ไก่ หมา ที่เลี้ยงไว้หายไปรู้จักเรียกหา จิตที่ ปล่อยออกไป ไม่รู้จักเรียกหาน่าเศร้าแท้ ๒. เที่ยงตรงในความเห็น ความทุกข์กังวล วุ่นวายใจ มักเกิดจากความลำเอียงเห็นแก่ตัว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักร เป็นดอกบัว หากใช้ปัญญาเที่ยงธรรมปัญหาจะหมด ๓. เห็นกฎแห่งกรรม เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยิน ควรคิดถึงคำไม่ควรพูดที่ตนเคยพูด ใครแสดงกิริยาอาการ ไม่ดี ต่อเราให้รู้ทันทีว่านั่น เป็นการก่อกรรม ถ้าคิดอย่างนี้ แม้ใคร จะพูดบาดหูบาดใจ ใครจะแสดงอาการ ก็สงบใจลงได้ เพราะนั่น อาจเป็นกรรมสนองเราหรือกรรมที่เขาก่อเอง ไม่ควรเข้าไปเกี่ยว กรรม 82

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร ๔. การนินทาว่าร้ายเขาคือก่อกรรม ถูกนินทาว่าร้ายคือได้ สะเดาะเคราะห์กรรม นินทาว่าร้ายเขาดูเผินๆ เหมือนได้เปรียบ แท้จริงคือเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง ก่อกรรมไม่รู้ตัวถูกนินทาว่าร้าย ดูเหมือนเสียเปรียบ แท้จริงเขาช่วยสะเดาะเคราะห์แก้กรรมให้ แล้ว ๕. ยกระดับจิตตัวเอง อย่ามีใจคอเยี่ยงเขา การด่าทอ แสดงโทสะต่อกัน มักเกิดจากต่างยึดถือความเห็นของตนเป็น ใหญ่ไม่ยอมลดละ ใจคอพอกัน ถ้ายกระดับจิตตัวเองได้ เขากำลัง ด่ากำลังเกิดโทสะ ให้มองเห็นเป็นอาการอะไร สักอย่างหนึ่ง ให้เห็นเป็นกระจกส่องเงาตนเอง หรือไม่เห็นอะไรเลย ๖. ให้เห็นความเป็นธาตุสมมุติ ทุกอย่างในโลกไม่ว่าจะมีอายุ ยืนยาวเพียงไร มั่นคงแข็งแรง สวยงามล้ำค่าแค่ไหนไม่พ้นจะต้อง ถึงวันแตกดับสูญสลาย เพราะปลงไม่ตกว่ามันเป็นธาตุสมมุติ เราจึงเศร้าโศกเสียใจ หวงแหนเสียดายของรักของหลง จนต้อง ทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิง ในที่สุดตัวเองก็ต้องแตกดับสูญสลาย ตามไปวันใดวันหนึ่งเช่นกัน ๗. อย่าร้อนตัวรับบทแทนคนอื่น เขาตีวัวแต่เราชอบทำเป็น คราด บางครั้งวัวยังไม่รู้ตัวว่าถูกตีคราดเกิดอาการเจ็บปวดแล้ว ก็มี ครั้งหนึ่ง เศรษฐีเชิญแขกผู้มีเกียรติหลายท่านมาร่วมงาน สำคัญ เลยเวลานัดหมายไปมาก อีกหลายคนยังไม่มา เศรษฐีกระ 83

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข วนกระวายบ่นไปลอยๆ ว่า “ที่ควรจะมาแล้วสิยังไม่มา” แขก ผู้มีเกียรติสามคนที่มาถึงอยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่งร้อนตัวลุกขึ้น ลากลับด้วยความไม่พอใจ เศรษฐีรีบชี้แจงว่า “ผมไม่ได้ว่าคุณ” แขกผู้มีเกียรติ อีกคนหนึ่งได้ยินคำนี้ก็ร้อนตัวบ้างลุกขึ้นลา กลับด้วยความไม่พอใจเหมือนกัน เศรษฐีก็ร้อนรนชี้แจงอีกว่า “ผมก็ไม่ได้ว่าคุณ”แขกคนที่สามผลุดลุกขึ้นกระแทกเสียงว่า“ถ้า อย่างนั้นก็ต้องเป็นผมน่ะสิ” ว่าแล้วก็กระ แทกเท้า ออกจากงานไป เศรษฐีเกาหัวงุ่นง่านตะโกนตามหลังไปว่า “ไอ้ที่ควรมาก็ยังไม่มา ไอ้ที่ไม่ควรไปก็จะไป” เพิ่งพูดไม่ทันขาดคำผู้มีเกียรติสองคน แรกทะลึ่งยืนพร้อมกันแล้วว่า “ไอ้ที่ควรไปคงต้องเป็นผมสินะ” ว่าแล้วก็ฮึดฮัดออกจากงานไป โดยไม่ยอมฟังเสียงของเศรษฐีอีก เลย ๘. อย่าหวังว่าใครจะต้องเหมือนเรา มีคำกล่าวว่า “ข้าวอย่าง เดียวกันเลี้ยงคนร้อยพันต่างจิตต่างใจ” อารมณ์จิตใจของคนเราจะแตกต่างกันไป ตามสภาพความ เป็นอยู่ผู้คนรอบข้าง ตามระดับการศึกษา และความแตกต่าง ของลมฟ้าอากาศ ฯลฯ จึงหาความพอดีเหมือนกันได้ยาก ดัง คำที่ว่า “เราจะเป็นที่ถูกใจคนทั้งร้อยไม่ได้ คนทั้งร้อยจะเป็นที่ถูก ใจเราทั้งหมด ก็ไม่มี” ฉะนั้น จึงอย่าหวังให้ใครเป็นอย่างที่เราต้องการ 84

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร ๙. อย่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนมีอยู่มากไป ถ้าถามนัก การศึกษาว่าอะไรสำคัญที่สุด เขาจะตอบว่า “ก็วิชาความรู้นะสิ” ถ้าถามนักเศรษฐศาสตร์ เขาจะตอบว่า “ก็เงินนะสิ” ต่างก็จะหยิ่ง ในศักดิ์ศรีให้ความสำคัญในสิ่งที่ตนมี ในภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่องเปาบุ้นจิ้น ราชครูผังไท่ซือหยิ่งในศักดิ์ศรีให้ความสำคัญต่อ ฐานะราชครูของตนเองจนไม่เห็นนายอำเภอศาลไคฟงอยู่ในสาย ตา จึงต้องย่ำแย่อับจนถึงที่สุด ๑๐. สร้างความสุขให้เกิดขึ้นแก่ความคิดของใครๆ เสมอ ใครที่พยายามหาทางสร้างความสุข ให้เกิดขึ้นแก่ความคิดของ ใครๆ เสมอ เขาจะเป็นผู้ได้รับความสุขนั้นก่อนใครๆ ความทุกข์ กลัดกลุ้มก็จะไม่เกิด เช่น เรามีเรื่องขำขันอยากจะถ่ายทอด ให้ผู้อื่นขำขันด้วย เพียงคิดเท่านั้น ยังไม่ทันจะเอ่ยปากเล่า เรา เองก็นึกขำขันแล้วในใจ ความเบิกบานก็ตามมา ถ้าเอาแต่จะ จับผิดหาทางจัดการกับใครๆ ขณะครุ่นคิดวางแผน ตนเองก็เกิด ทุกข์ก่อนเขาหาความสุขเบิกบานไม่ได้ ๑๑. เห็นความเป็นจริงว่าฟ้าดินเป็นเตาหลอม คนเราอยู่ใน ท่ามกลาง ถึงอย่างไรเราก็หนีไม่พ้นจะต้องรับการเคี่ยวกรำอยู่ แล้ว คำโบราณกล่าวว่า “หยกไม่เจียระไนไม่ได้รูป ทองไม่เผาไฟ ไม่มีค่า” ธูปก็เช่นกัน แม้ไม่จุดไฟหรือจะกระจายกลิ่นหอม 85

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ท้องฟ้าเหมือนกะทะ แผ่นดินเหมือนเตาไฟ เราอยู่ใน ท่ามกลาง ถูกกำหนดวางมาอย่างนี้ มีหรือจะไม่ถูกเคี่ยวกรำ แต่ฟ้าดินไม่มีปากจะพูดจา จึงต้องอาศัยคนอาศัยเหตุต่างๆ ทาง โลกมาทดสอบ เรื่องแรงไฟสุขุมในจิตใจเรา แรงไฟสุขุมเป็นแรง ไฟที่ให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง และผู้อื่นเมื่อตกอยู่ในภาวะถดถอย ท้อแท้ หนาวสะท้าน แรงไฟสุขุมเป็นพลังหล่อหลอมจิตใจให้มั่น คงสูงส่งต่อไป แต่มิใช่เป็นไฟเผาผลาญระรานทำลาย ๑๒. กำไรชีวิต ไม่ว่าจะค้าขายหรือทำการใด ทุกคนล้วน อยากได้กำไร กำไร เงินทอง สิ่งของวัตถุความสุขในอบายมุขเป็น กำไรชั่วขณะทางโลก ยังอาจเป็นเหตุนำไปสู่การขาดทุนในวันข้าง หน้าได้ ข้อคิดแนวทางการสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุข ที่ได้กล่าวมา เป็นคุณต่อชีวิต การปฏิบัติบำเพ็ญเป็นคุณต่อชีวิตจิตญาณของตน และคนรอบข้าง จึงน่าจะเป็นกำไรชีวิตได้อย่างแท้จริง 86

เซ็นแห่งความกลมกลืน ระหว่างมนุษย์ เซน็ แหง่ ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์ พระพทุ ธจก้ี ง มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตโดยปลีกออกจากหมู่ชน หากพ้น จากหมู่ชน ก็จะสูญเสียคุณสมบัติของความเป็นคนไป เพราะ ฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเช่นใดก็ตาม ก็ไม่อาจหลีกพ้นจากความ เกี่ยวข้องระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพราะผลการกระทำที่เกี่ยว เนื่องกันระหว่างมนุษย์ ก่อให้เกิดวิสัยต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และ ก็เนื่องด้วยความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างมนุษย์ ก่อกำเนิดความก้าว หน้าของมนุษยชาติเหล่านี้จะเห็นได้ว่า กิจกรรมระหว่างมนุษย์ มีความหมายอันสำคัญ ที่เป็นคุณสมบัติแท้จริงเหลืออยู่ แสดง ออกมาถึงความกลมกลืนอันเกี่ยวเนื่อง ระหว่างมนุษย์ที่เป็นวิสัย สำคัญ ระหว่างมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกัน พูดขึ้นมาแล้วก็เหมือนกับว่า เป็นสิ่งที่อาตมา มักนำมาเป็นข้ออภิปราย แต่ว่าถ้าหากสามารถ เพิ่มความค้นคว้าให้ลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่งละก็ ไม่เพียงเป็นศิลปะ ระดับสูงอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นปัญหาที่ฝึกฝนของมนุษยชาติ อีกด้วย ยิ่งเป็นการยกระดับการดำรงชีวิตให้สูงขึ้น ยังเป็นหิน ทดสอบทอง เป็นข้อยืนยันการเข้าสู่โลกุตรธรรมที่ดีที่สุด ที่ผ่าน มาชาวเซ็นถือเป็นรายการสำคัญอันหนึ่ง ดังนั้นชาว เซ็นมักพูดว่า “เดินอยู่นอนนิ่งล้วนมีเซ็น” ตอนนี้อาตมา จะรวบรวมวิธีการ ปฏิบัติให้ชาวโลกพิจารณาดู เพื่อให้ชาวโลกที่อยู่ในโลกและที่ 87

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ออกจากโลก ล้วนสามารถที่จะกลมกลืนสมานฉันระหว่างมนุษย์ ให้อภัยรับความอัปยศอดสู เป็นคนต้องสามารถยอมรับ ความอัปยศอดสูได้ เปิดใจให้กว้างอภัยในความผิดผู้อื่น จึงจะกลม กลืนสมานฉัน การให้อภัยสามารถ สร้างอารมณ์ สมานฉันกันได้ ขณะเดียวกันนี้ก็กล่อมเกลาผู้อื่นให้เข้าถึงประสิทธิผลของการสั่ง สอน “รับความอัปยศอดสู” มิใช่เป็นการยอมรับโดยไม่มีเหตุผล หากแต่เอา “ความเมตตาอารี” มาอบรมกล่อมเกลากับใจของตน เองก็เป็นการเพิ่มบุญกุศลต่อกับผู้อื่น ก็เป็นการลดความรุนแรง ให้เป็นความสุขมีมงคล สิ่งเหล่านี้เป็นหลักธรรมพื้นฐานของพุทธ ธรรมมหายานเป็นการเจริญฟูเฟื่องของมหายาน ผู้ที่มีความสามารถอดทนต่อความอัปยศอดสูได้ชีวิตจะรู้สึก สบายกว่า เมื่อพบอุปสรรคหรือความล้มเหลว อารมณ์ก็ค่อนข้าง จะแน่วแน่ ความคิดก็ค่อนไปในแง่ดี อาทิเช่น ชีวิตครอบครัว รู้จักให้อภัยระหว่างสามีภรรยา จึงจะเชื่อมโยงให้สมบูรณ์ ก็จะ มีโชคลาภที่สวยงามระหว่างเพื่อน หากสามารถรู้จักให้อภัย ก็จะ สามารถปัดเป่าเมฆหมอกทั้งปวงได้ ขจัดสิ่งติดขัดระหว่างกัน เสริมสร้างมิตรภาพให้แน่นแฟ้น ถ้าพูดโดยรวมกับสังคมก็มีเพียง “ให้อภัย” กับ “เคารพ” เท่านั้น จึงจะทำให้สังคมเรียบร้อย ใจเป็นสุขฌานนิ่ง หากใจกังวลอารมณ์ก็ร้อนหงุดหงิด ไม่ เป็นสุขด้วย ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างมนุษย์จนชีวิตต้องบาด เจ็บ เดิมทีชีวิตที่สงบสุข เหตุด้วยมีความหลากหลายเกิดขึ้น ก็กลับ 88

เซ็นแห่งความกลมกลืน ระหว่างมนุษย์ กลายเป็นความรับผิดชอบอันหนักหน่วงอย่างหนึ่ง จึงไม่มีความ สุขใจของคนเดิมทีคือมีความสุขและอ่อนโยน และที่ไม่มีความสุข ก็เพราะไปแสวงหาความกังวล จากการดำรงชีวิตฟุ้งซ่าน เพิ่ม การแคะไค้ ก่อให้เกิดการตามหาอย่างรุนแรง แรงกดดันจิตใจ ที่รุนแรงเช่นนี้ ก็เพราะขาดแคลน การชะล้างให้เกิด “ฌานนิ่ง” หมดหนทางที่จะเผยปรากฏจิตตนให้สว่างไสวออกมา เพื่อให้ตน เองปีติยินดีที่จะกลมกลืนกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ นำมา ซึ่งอุปสรรคต่าง ๆ ของชีวิต ขาดแคลนความว่างในการลิ้มรส ฌานอันบริสุทธิ์ เรื่องราวก็ควรจะไม่มา ทำให้การก้าวย่างของ ชีวิตหลงทาง ใจต้องเป็นสุข จิตต้องได้ฌานนิ่ง เริ่มแรกก็ให้ประโยชน์ระ หว่างมนุษย์ ให้มีอารมณ์สุขอนามัย ชีวิตจึงจะมีหลักจิตที่แข็งแรง คนต่อคนที่พบปะกัน ก็จะสามารถเชื่อมต่อกันด้วยความถ่อมตน ที่สูงส่ง ไปรับและรักถนอม มนุษย์มีชะตาชีวิตที่มีคุณค่าก็เพื่อการมี ชีวิตอยู่ไม่อาจลืมคุณสมบัติของชีวิต ก่อให้เกิดความอัตคัตภายใน ทำให้ชีวิตกลายเป็นลักษณะที่ทุกข์ระทม ตลอดจนฟั่นเฟือน ควรต้องยืนติดดิน ศรัทธาไปรับเวไนย์สัตว์ทั้งหลายที่มีอารมณ์ รักถนอมดอกไม้ชีวิตระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ ล้วนมีค่าควรแก่การชมเชย ท่ามกลางชีวิตที่เผชิญหน้าของแต่ละ คนพบปะเพราะกรรมสัมพันธ์สถานที่ไป ล้วนควรผ่านการปลด ปล่อยจิตวิญญาณตนเองไปรับ และเข้าถึงความงามสมบูรณ์ต่อ 89

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข คนงาน และสิ่งของตามมา โดยในใจก่อเกิดมหาเมตตาโดยไม่มี กรรมสัมพันธ์มีจิตใจมหาเมตตาดุจกายเดียวกัน แต่ผู้อื่นหรือบน จุดสัมผัสตนเองสนองตอบด้วยใจยิ้มรับ ไปรับด้วยความดีงาม ชื่นชม รักถนอม มีอารมณ์ตื่นต่อชีวิตแวดล้อม ก็จะได้รับจุดสวย งามอันเกี่ยวเนื่องระหว่างมนุษย์ การรู้ตัวตื่นของชีวิตอันเกี่ยวเนื่องระหว่างมนุษย์ และก็เป็น การเผยปรากฏของจิตตน ควรให้มันกลายเป็นความปีติยินดีชนิด หนึ่ง ก็ให้อาศัยสิ่งนี้ไปร่วมเสพความสำเร็จ อันสวยงามกับคนอื่น เอาใจตรงไปเผชิญหน้า หวนคืนสู่ความจริง ที่บริสุทธิ์ของตนเอง กำหนดตนเองเช่นนั้นแล้ว ความเกี่ยวเนื่องระหว่างมนุษย์ก็ไม่มี หรอกที่จะไม่กลมกลืน 90

พระโอวาทเกี่ยวกับตอบแทนร้ายด้วยความดี ตอบแทนรา้ ยดว้ ยความดี พระโอวาทท่านเสี่ยวเซี่ยวฝอถง บางคนทำดีกับเรา เราก็ดีตอบเขาได้อย่างสบายใจและเป็นสุข แม้เขาจะไม่ดีแต่เราต้องยิ้มให้เขาตลอดไป แต่เวลาเขาไม่ดีเรามักจะจองเวร หรือทำไม่ดีกลับ นั่นถือเป็นความหายนะกับตัวเรา เพราะใจเราคับแคบ ไม่เปิดกว้าง ไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้อื่น ยังทำร้ายตนเองด้วย การเอาความคับแคบ ความจองเวรมาขับเคี่ยวกัน ย่อมเป็นการนำไปสู่ความมืด ความทุกข์ทนและทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่การมีใจกว้างและการอภัยให้กัน นอกจากจะทำให้เป็นสุขและเป็นพลังอันบริสุทธิ์ ยังทำให้เราอารมณ์เย็น จิตใจปลอดโปร่ง 91

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ความคิดแจ่มใส ทำอะไรย่อมมองเห็นได้ชัดเจนและทะลุปรุโปร่ง ฉะนั้น อย่าเอาข้อไม่ดีของเขามาอยู่ในใจเรา ไม่อย่างนั้น เราจะอยู่กับเขาได้อย่างไม่เป็นสุข พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง ถ้าเขาไม่ดีจริง ก็รอให้ความชั่วตอบแทนเขา ไม่ใช่เรานั้นเป็นความชั่วเสียเอง เพราะในที่สุดเราจะกลายเป็นคนที่ไม่ดี ถือคติทำชั่วได้ชั่ว เขาตีเราทีหนึ่ง เราก็ไปตีเขาอีกทีหนึ่ง กลายเป็นกงกรรมกงเกวียน ไม่มีใครคิดที่จะเลิกในการให้ร้ายผู้อื่น ฉะนั้นยิ่งหมุนยิ่งไกล ยิ่งเกิดเป็นคนหลายชาติก็ยิ่งลืม การรู้จักที่จะไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่น จากร้ายให้กลายเป็นดี ด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง แต่หากศิษย์ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ 92

พระโอวาทเกี่ยวกับตอบแทนร้ายด้วยความดี และพยายามจนถึงที่สุดแล้ว จงถอยออกมาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าไปเปลี่ยนแปลงแทน ไม่เช่นนั้นศิษย์จะโดนแรงกรรมของเขาดึงไป จนไม่เชื่อว่าความดีมีอยู่ในโลก ถ้าหากว่าไม่มีคุณธรรม ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้ ไม่มีคุณธรรมก็ไม่เกิดบารมี บารมีคือ รัศมีของคุณธรรม ดังคำกล่าวว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” หากว่าหลีกหนีมาร ก็ไม่ได้ฝึกบารมีของตน ฉะนั้นในตอนนี้มีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ก็มีทั้งดีและไม่ดี บางคนเปรียบไปเหมือนหยกอันใสสะอาด บางคนเปรียบเหมือนก้อนหินที่หยาบกระด้าง แต่ในก้อนหินที่หยาบกระด้าง อาจจะมีหยกแฝงอยู่ก็ได้ ฉะนั้น การนำพุทธะในใจตน 93

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ไปกล่อมเกลาเปลี่ยนแปลงผู้อื่น เป็นภาระหน้าที่อันหนักหน่วง ในชีวิตนี้ ท่ามกลางความวุ่นวายใจต้องสงบ ท่ามกลางความสงบนั้นใจต้องสงบยิ่งกว่า “การอนุเคราะห์คน เห็นคนอื่นไม่ดี ต้องเอาความดีไปจูงใจ ให้เขากลับตัวเป็นคนดี” พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิม เวลาและยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถ รักษาจิดใจอันบริสุทธิ์เหมือนเดิมได้ พระโอวาทท่านแปดเซียนหลันไฉ่เหอ ผู้ที่มีความโกรธแค้น เท่ากับเป็นการผูกปมไปไม่รู้เท่าไร ฉะนั้น อยากหยุดปมแค้น 94

พระโอวาทเกี่ยวกับตอบแทนร้ายด้วยความดี ต้องรู้จักคลายปมออก มีแค้นมาต้องไม่แค้นตอบ นั่นคือการเปิดใจเมตตา เสียสละ และยอมเขา อากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้สภาพร่างกายของเราที่ไม่แข็งแรงอ่อนแอลงได้ สภาพข้างนอก จึงมีผลต่อจิตใจเหมือนกัน ถ้าจิตใจของเราไม่เข้มแข็งและมุ่งมั่นพอ เราจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมได้ ธรรมชาติสอนให้เรารู้จักคิด และมีชีวิตให้ถูกต้อง ข้างนอกโหดร้ายเพียงใด แต่ใจบางคนไม่โหดร้ายตาม เพราะจิตใจของเขาตอนนั้นเข้มแข็ง มุ่งมั่นในการที่จะรักษาความดี ไม่ใช่โทษฟ้าดินหรือคนอื่น แต่ต้องถามตัวเองแล้วแก้ไข นี่คือจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตที่ถูกต้อง แม้โลกจะเลวร้าย แต่ถ้าท่านดี 95

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ท่านจะสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ แต่ต้องดีให้เพียงพอ ให้หนักแน่น ให้เห็นชัด เขาถึงจะคล้อยตามท่านได้ ไม่ใช่ธรรมะไม่สามารถชนะอธรรม แต่เพราะธรรมะมีน้อยเกินไป จึงไม่สามารถชนะอธรรมได้ ไม่ใช่ว่าฝนชะล้างสิ่งสกปรกไม่ได้ แต่เพราะว่าฝนตกน้อยเกินไป ไม่ใช่ว่าน้ำดับไฟไม่ได้ แต่น้ำแค่ขันเดียวจะดับไฟกองพะเนินก็ไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าสถานการณ์เลวร้าย ท่านก็ยังเลวร้าย แล้วโลกจะหาคนดีและความยุติธรรมได้จากไหนล่ะ ทำไมเสือที่ดุร้าย ท่านยังสามารถเอามาเลี้ยงได้ แต่การจะเปลี่ยนแปลงความไม่ดีที่อยู่ในสังคมได้ ต้องรู้จักวิธี มนุษย์มีปัญญา มีโอกาสได้เรียนรู้ มีประวัติศาสตร์ที่คอยสอนให้รู้ว่าควรทำอย่างไร 96

พระโอวาทเกี่ยวกับตอบแทนร้ายด้วยความดี ทำไมเราไม่รู้จักเอามาใช้และพลิกแพลงให้ถูกกาล ปัญญาก็มี ความดีเราก็หาได้ อยู่ที่ว่าเราใช้แล้วเด็ดขาด มุ่งมั่นที่จะกระทำหรือไม่ ดังคำกล่าวว่า คนที่ประเสริฐนั้น ถ้าเขามีฐานะที่สูงส่ง เขาจะไม่เหยียดหยามคนต่ำต้อย เพราะเขารู้ว่าทุกคนเมื่อสูงได้ก็ต่ำได้ เวลาเขาสูงเขาต้องรู้จักแบ่งปันให้กับคนอื่นเป็น เขาจึงไม่มีวันจะต่ำต้อย พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง หากเราเลิกสนใจว่าคนอื่นไม่ดีกับเรา แต่จะสนใจว่า คนที่เขาไม่ดีกับเรานั้น เขาเป็นคนดีหรือยัง แล้วเราก็รีบช่วยเขาเร็ว ๆ เท่านั้นเอง พระโอวาทท่านแปดเชียนหลันไฉ่เหอ คนบำเพ็ญธรรมแม้คนไม่ดี เราก็ยังทำดีตอบ แสดงความดีให้เขาเห็น 97

ธรรมะแห่งความสุข ตอนวิธีคิดและวิธีสร้างความสุข ค่อย ๆ รู้จักน้อมนำ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลง และอยู่กับเขาได้อย่างเป็นสุข จะเป็นผู้บำเพ็ญตนต้องยอมรับการฝึกฝนขัดเกลาตน ยิ่งชอบ เรายิ่งพร้อมที่จะสละให้คนอื่นได้พบสิ่งที่เราชอบ ยิ่งเกลียด เราด้องพร้อมเป็นคนแรกที่ยอมจะเข้าใกล้ ยื่นมือไปช่วยเขา เป็นจิตใจที่ยอมเสียสละ อุทิศและช่วยเหลืออย่างไม่แบ่งเขาแบ่งเรา อย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ใครไม่รักไม่เห็นใจเราไม่เป็นไร แต่เราพร้อมจะเห็นใจคนอื่น และพร้อมจะรักคนอื่น นี่คือจิตใจของผู้บำเพ็ญ พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย เวลาเห็นคนอื่นไม่ดีกับเรา เรายิ่งต้องทำดีให้มากขึ้น อย่าไปเลียนแบบเขา อย่าไปว่าเขา ให้ดูว่าเรื่องที่ทำให้จิตใจของเราไม่สบาย บางทีก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เป็นคนโง่ๆ ซื่อๆ ไปดีกว่า 98

พระโอวาทเกี่ยวกับตอบแทนร้ายด้วยความดี พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง งามนอกหรืองามใน งามที่จิตใจภายใน ต้องเป็นใจงามที่แข็งแกร่ง งอกงามได้ทุกสภาวะด้วย หากเราจะเป็นต้นไม้ ต้องเป็นได้อย่างต้นกระบองเพชร เพราะไม่ว่า ฝน ร้อน หนาว ก็อยู่ได้ หากจิตใจเราจะงามขอให้งามอย่างแท้จริง ฉะนั้นเจอคนไม่ดีบ้าง เราต้องใจเย็นๆ ให้โอกาส ช่วยเหลือและนำพาเขาให้ถูกทาง ตัวเราเองยังมีดีมีร้ายเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ให้อภัยตนเองได้ อย่าลืมให้อภัยคนอื่นด้วย พระโอวาทท่านแปดเซียนเหอเซียนกู เกิดเป็นคนทั้งทีเมตตาจะออกได้ เพราะเห็นคนที่ไม่เมตตา เราถึงยื่นเมตตา เห็นคนที่ไม่จริงใจ เราถึงจริงใจเป็น เมื่อเห็นคนแล้งน้ำใจ เราต้องมีน้ำใจให้มาก ๆ 99