50 คู่มือฝึกอบรม การจัดกิจกรรมลกู เสอื ที่เนน้ ทกั ษะชวี ิต แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื เรอ่ื ง โรงเรยี นของฉัน ลกู เสอื สำรอง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 2 คาบ (คาบละ 1 ชัว่ โมง) จุดประสงค์ : เพื่อใหล้ กู เสอื เกดิ ความตระหนกั ในการรกั และหวงแหนสาธารณสมบตั ขิ องโรงเรยี น และรู้วิธี บำรงุ รกั ษา สาระสำคัญ : สาธารณสมบตั ขิ องโรงเรยี นเปน็ สิง่ ท่ีนักเรียนทกุ คนใช้รว่ มกัน ดงั นัน้ จึงจำเป็นตอ้ งดแู ล รกั ษา และ ปกปอ้ งสาธารณสมบัตขิ องโรงเรยี นให้สะอาดและมสี ภาพท่ีใช้งานได้ พธิ ีเปิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - ชกั ธงขน้ึ - ทำแกรนด์ฮาวส ์ - สงบน่งิ ตรวจ….. แยก - สวดมนต์ - เพลง / เกม กจิ กรรม : คาบที่ 1 (40 นาที) 1. ใหล้ กู เสือแต่ละหมสู่ ำรวจโตะ๊ เกา้ อ ี้ พน้ื และผนงั ในห้องเรยี นของตนเองท่ีมีรอยขดี ขว่ น รอยปากกา 2. แต่ละหมรู่ ายงานในกอง 3. ผกู้ ำกับนำสนทนาถึงความรสู้ กึ ของลูกเสือตอ่ สิ่งท่ไี ด้พบเหน็ จากการสำรวจ และแนะนำวิธีการทำ ความสะอาดบางวธิ ี เช่น การทำความสะอาดคราบสีเมจิ 4. รว่ มกันวางแผนทำความสะอาดสง่ิ ท่ีสำรวจของแตล่ ะหมู่ 5. มอบหมายใหล้ กู เสอื จัดเตรยี มอุปกรณท์ ำความสะอาดมาทำความสะอาดในคาบต่อไป คาบที่ 2 (40 นาที) 1. แตล่ ะหมทู่ ำความสะอาดโตะ๊ เกา้ อ้ี พ้ืนและผนงั ในห้องเรยี น 2. ถามความรูส้ กึ ของลูกเสอื ท่ชี ว่ ยกนั ทำให้หอ้ งเรียนสะอาดสวยงาม 3. ลกู เสือร่วมกนั วางแผนรณรงคป์ ระชาสมั พนั ธ์ใหท้ กุ ห้องเรียนใช้โตะ๊ เก้าอี้ พนื้ และผนงั ในหอ้ งเรยี น ด้วยความระมัดระวังไมท่ ำสกปรกเลอะเทอะ (เชน่ การเขยี นขอ้ ความ เขยี นแผ่นปา้ ย คำขวัญเชิญชวน ใหร้ กั ษาความสะอาดติดในบริเวณโรงเรยี นที่เหมาะสม ถ้าเวลาไม่พอ อาจใหม้ าติดป้ายวันถดั ไปได้) และเมื่อพบเห็นของชำรดุ หักพังควรแจ้งครหู รือนกั การภารโรงทันที พิธีปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเครื่องแตง่ กาย - แกรนด์ฮาวส ์ - ชกั ธงลง, เลกิ
คู่มือฝึกอบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือท่ีเนน้ ทกั ษะชีวิต 51 แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือ เร่ือง รู้แล้วปอ้ งกนั ได้ ลูกเสือสำรอง ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 1 คาบ ( 1 ชั่วโมง ) จุดประสงค์ : เพ่อื ใหล้ กู เสอื ตระหนกั และมคี วามรู้เกี่ยวกับโรคและการบาดเจ็บท่ีเกดิ ขึน้ ได้บ่อยๆ รู้วธิ ปี อ้ งกัน และปฏิบัติตัวอยา่ งถกู ต้อง สาระสำคญั : โรคและการบาดเจบ็ เป็นเร่ืองใกล้ตวั ซ่ึงบางครัง้ เราไม่ร้วู า่ การกระทำบางอย่างอาจทำใหเ้ กดิ การเจ็บปว่ ย หรอื บาดเจบ็ ได ้ เช่น เล่นกับแมว แมวข่วนหน้า ไอจามลดกนั ขณะเป็นหวัด 2009 เล่นกับเพอ่ื นทเ่ี ป็นตาแดง ใช้มอื เปยี กกดสวิทซ์ไฟ ใชม้ ดี ปลายแหลมปอกผลไม้ ปนี ตน้ ไมแ้ ล้วก่ิงไม้หัก เปน็ ตน้ จึงควรเรยี นรู้วิธีป้องกนั และ ปฏบิ ัติตวั อย่างถกู ต้อง ส่อื / อุปกรณ์ : 1. บัตรคำ “สถานการณ์สุขภาพ” 1 ชดุ (มบี ตั รคำ 12 ใบ) 2. อปุ กรณป์ ้องกนั เช่น หน้ากากอนามยั พิธีเปิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - ชักธงข้นึ - ทำแกรนดฮ์ าวส ์ - สงบนิ่ง ตรวจ….. แยก - สวดมนต ์ - เพลง / เกม กจิ กรรม : (40 นาท)ี 1. ผู้กำกบั อ่านบัตรคำ “สถานการณ์สุขภาพ” ทีละใบ ให้ลูกเสือโหวตวา่ เป็นเรื่องที่ลูกเสอื สามารถ ปอ้ งกันได้ หรอื ปอ้ งกันไมไ่ ด้ แล้วแยกออกเป็น 2 ประเภท (ป้องกนั ได้ หรอื ป้องกันไมไ่ ด)้ 2. ผู้กำกบั นำบตั รคำในกลุ่มทปี่ อ้ งกนั ได้มาอา่ นทีละใบ ใหแ้ ต่ละหมูช่ ่วยกนั คดิ วา่ จะมีวิธปี ้องกนั ได้ อยา่ งไร 3. ผกู้ ำกบั สรปุ วธิ ีปอ้ งกนั ตัวเองใหป้ ลอดภัยจากโรคภยั ไข้เจบ็ และการบาดเจบ็ ตา่ งๆ พธิ ีปิดประชมุ กอง : (10 นาที) - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย - แกรนด์ฮาวส ์ - ชกั ธงลง, เลกิ
52 ค่มู ือฝกึ อบรม การจัดกิจกรรมลกู เสอื ท่ีเน้นทักษะชีวิต บัตรคำ “สถานการณ์สขุ ภาพ” น้ำทว่ มบ้าน เล่นกับแมว แมวข่วนหนา้ วงิ่ ลงบนั ได แล้วพลดั ตก แผ่นดินไหวในจงั หวดั ใชม้ อื เปียกๆ กดสวิทซ์ไฟฟา้ เจอคนเป็นหวดั ไอ จาม
คู่มือฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสือท่เี นน้ ทักษะชวี ติ 53 ถกู รถชนขณะว่ิงขา้ มถนน น้ำรอ้ นลวกมอื ปอกผลไมม้ ดี บาดมือ เพื่อนในห้องเรยี นเป็นตาแดง ทอ้ งเสียจากการทานอาหาร ทแี่ มลงวันตอม เลน่ กลางฝนโดนฟ้าผ่า
54 คู่มือฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลกู เสือท่ีเน้นทักษะชวี ิต แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื เรอื่ ง ใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยัด ลกู เสอื สำรอง ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เวลา 1 คาบ ( 1 ชว่ั โมง) จุดประสงค์ : เพ่ือให้ลูกเสอื เกดิ ความตระหนักถงึ การประหยดั ไฟฟ้า รวู้ ิธใี ชไ้ ฟฟ้าอย่างประหยัดและคมุ้ คา่ สาระสำคญั : การผลิตไฟฟา้ ตอ้ งอาศัยพลังงานจากถ่านหนิ และน้ำมนั ซึ่งเปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ีเ่ หลอื น้อยลงทกุ ที นอกจากนยี้ ังเกดิ มลพษิ จากกระบวนการผลิตไฟฟ้าอกี ดว้ ย จึงควรใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งประหยดั และคมุ้ คา่ ส่ือ / อุปกรณ์ : 1. ใบความรู้ “วธิ ปี ระหยดั ไฟฟา้ ” 2. ใบเสรจ็ ค่าไฟฟา้ ที่ลูกเสอื นำมาจากบา้ นยอ้ นหลัง 2 เดือน พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง : (10 นาท)ี - ชกั ธงข้นึ - ทำแกรนดฮ์ าวส์ - สงบน่ิง ตรวจ….. แยก - สวดมนต์ - เพลง / เกม กจิ กรรม : (40 นาที) 1. ให้ลูกเสือแตล่ ะคนไปสำรวจวา่ ทบี่ ้านมีอปุ กรณไ์ ฟฟา้ อะไรบ้าง จำนวนเท่าไรและเสียคา่ ไฟฟา้ เดือนละ เท่าไร ( 2 เดอื นที่ผ่านมา) 2. ใหส้ มาชกิ หม่คู ยุ แลกเปลย่ี นกนั แล้วเลือกบา้ นของคนท่เี สยี คา่ ไฟฟ้ามากท่ีสดุ และนอ้ ยทสี่ ุดมารายงาน ในกอง 3. ผกู้ ำกับชวนคดิ วา่ - เพราะอะไรเราจงึ เสียคา่ ไฟฟ้าสูง - ถ้าเราเสยี ค่าไฟฟ้าน้อยลง เงนิ ท่เี หลือเราจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง 4. ให้แตล่ ะหมชู่ ่วยกนั คดิ วา่ เราจะมวี ธิ ีใชไ้ ฟฟา้ อย่างไรให้ประหยัด และคมุ้ คา่ ทส่ี ดุ และส่งตัวแทนรายงาน 5. ผ้กู ำกบั สรปุ วธิ ีใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งคุ้มคา่ ประหยดั และปลอดภยั ท้ังท่บี ้านและสถานทอี่ ่ืนๆ พิธีปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเคร่ืองแต่งกาย - แกรนดฮ์ าวส์ - ชักธงลง, เลิก
คู่มอื ฝกึ อบรม การจัดกิจกรรมลกู เสือที่เน้นทกั ษะชวี ติ 55 ใบความรู้ วิธีประหยัดไฟฟา้ ท ี่ออกจา12ก..หปอ้ติดงั้งสอวณุ ติ หช์ไภฟูมเิ แคลระื่อเงคปรร่อื ับงใอชา้ไกฟาศฟทา้ ่ีทกุ25ชนดิองเมศ่อืาเเซลลิกเใซชีย้งาสน สรา้ งใหเ้ ปน็ นิสยั ในการดบั ไฟทกุ ครง้ั ซึ่งเป็นอณุ หภูมิทก่ี ำลังสบาย อณุ หภูมิ ทเ่ี พ่ิมขน้ึ 1 องศา ตอ้ งใชพ้ ลงั งานเพ่มิ ขน้ึ รอ้ ยละ 5-10 และปดิ ประตหู อ้ งทุกครั้งทเ่ี ปิดเครอ่ื งปรบั อากาศ เ ครื่องปร34บั .. อหคาาวกกราปอศาลก1ูกาตตศน้ันไไมม่ร้รอ้ อนบเกๆินบไ้าปนควเพรเือ่ ปชิดว่ พยบดั งัลแมดแดทนแเลคะรตอ่ื น้ งปไมร้ขบั นอาาดกใาหศญจะ่ 1ชว่ ตยน้ปรใะหหค้ ยวัดาไมฟเยน็ เทา่ กับ 5. หม่นั ทำความสะอาดหลอดไฟท่บี ้าน เพราะจะช่วยเพ่ิมแสงสว่างโดยไม่ตอ้ งใช้พลงั งานมากข้ึน คเ พว่ือรทใหำ้ตอ6ยู้เย.่า ็น งปนไมดิ้อต่ตย้อเู้ 4ยงน็ทคใำรหงง้ั าต้สนนอ่ หปทิ นี ทกั ำแคลวะาเปมสละือองาไฟดภายในตเู้ ยน็ และแผน่ ระบายความร้อนหลงั ต้เู ย็นสม่ำเสมอ 7. อยา่ เปดิ ตู้เย็นบอ่ ย อยา่ นำของร้อนเขา้ แชใ่ นตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานเพมิ่ ข้นึ กนิ ไฟ ทมาำกใหข้ส้นึ นิ้ 8เป. ตลรอื วงจไสฟอมบาขกอกบวยา่ ทาง่จี ปำเรปะ็นตูของตเู้ ย็นไม่ให้เส่อื มสภาพ เพราะจะทำใหค้ วามเยน็ รัว่ ออกมาได้ 9. ควรละลายนำ้ แข็งในตเู้ ย็นสม่ำเสมอ การปลอ่ ยใหน้ ้ำแข็งจับหนาเกนิ ไป จะทำใหเ้ คร่ืองตอ้ ง ทเ สำยี งคาา่นไหฟ1นเ0พกั ไม่ิมทข่คำึน้วใหรพก้ ินรมไนฟำ้มจานกแฉะเวลารดี ผ้าเพราะต้องใช้ความรอ้ นในการรีดมากขนึ้ เสยี พลังงานมากขึน้ 11. ดงึ ปลั๊กออกกอ่ นการรีดเส้ือผา้ เสรจ็ เพราะความรอ้ นที่เหลือในเตารีด ยังสามารถรดี ตอ่ ไดจ้ น ก ทรำะใทหงั่้เตเสา1รร2จ็ดี . รเสอ้ ยีนบแปตลล่ กั๊ะคครรั้งั้งกเดนิ ยี ไวฟตมอ้ากงรดี เสอื้ ผ้าให้เสรจ็ ไม่ควรเสยี บและถอดปลัก๊ เตารดี บอ่ ยๆ เพราะการ 13. ซักผา้ ด้วยเครอื่ ง ควรใสผ่ า้ ใหเ้ ตม็ กำลังของเครื่อง เพราะซัก1 ตวั กับซกั 20 ตัว กต็ อ้ งใช้ไฟ โ ปดรยมิ ใาชณเ่ หเ1ทต4า่ ุ.แๆถปกมดินั ยโังทตร้อทงัศซนอ่ ์ทมนัเรท็วเีอมีกอ่ื ดไว้มย่มคี นดู เพราะการเปิดทิ้งไวโ้ ดยไม่มีคนดู เปน็ การสิน้ เปลืองไฟฟ้า 15. ไมค่ วรปรบั จอโทรทัศนใ์ หส้ ว่างเกนิ ไป และอย่าเปดิ โทรทศั น์ให้เสยี งดงั เกินความจำเป็น เพราะเป11ล67ือ..งออไยยฟาู่่บเท้าสนำยี ใเบหดป้อียลาวยกัก๊ เุันหคมรด้อ่ือูโหงทสุงร้ันขทา้ลศั วงนไดว์รว้ ้าเยพยกราาระเรดะียบวบกอันนุ่ จกะค็ ทวำรงจาะนดตเู คลรอ่ือดงเเวดลียาวกทันำใหส้ นิ้ เปลืองไฟเกนิ ความจำเป็น จากจะไม1ป่ 8ร. ะกหายตัด้มพนลำ้ ไังฟงาฟน้าแตลอ้้วยงดงั องึ ปาจลทก๊ั ำอใอหกเ้ กทิดนั ไทฟีเมไห่อื นมไ้้ำดเด้ อื ด อยา่ เสยี บไฟไว้เมื่อไมม่ ีคนอยู่ เพราะนอก 19. อย่าเปิดคอมพิวเตอร์ทงิ้ ไว้ถา้ ไมใ่ ช้งาน
56 คมู่ อื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือท่เี น้นทักษะชวี ติ แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื เรื่อง เด็กไทยไมก่ นิ หวาน ลูกเสือสามัญ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 3 คาบ (คาบละ 1 ชวั่ โมง) จุดประสงค์ : เพ่ือสรา้ งความตระหนักถงึ ผลเสยี ของการบริโภคน้ำตาลมากเกนิ ไป และมแี นวทางในการ ปฏบิ ตั ติ นเพ่ือป้องกันปญั หาสขุ ภาพจากการบริโภคนำ้ ตาล สาระสำคัญ: ปจั จบุ นั พบว่าเด็กและเยาวชนมีปญั หาโรคอว้ นและฟันผจุ ากการบรโิ ภคนำ้ ตาลอย่างมาก การทลี่ ูกเสอื มี ความสามารถในการวิเคราะหถ์ ึงปริมาณน้ำตาลในขนมทมี่ รี สหวานและเคร่อื งด่มื ที่นยิ มด่ืมกันอยใู่ นปัจจุบนั จะช่วยให้ลกู เสอื สามารถปอ้ งกนั ตนเองจากปญั หาสขุ ภาพทอี่ าจตามมาได้ สือ่ / อุปกรณ์ : 1. ภาพเด็กอว้ น และเดก็ ฟันผ ุ 2. กลอ่ ง/กระป๋อง/ ขวด เครือ่ งดม่ื และนำ้ อดั ลม ท่ีมีขอ้ มูลโภชนาการ ชุดละ 4 ชนิด ( เช่น นมจืด นมหวาน นำ้ อัดลมสดี ำและสอี ืน่ ๆ ชาพร้อมด่มื บรรจขุ วด หรอื เครอื่ งดมื่ ท่เี ดก็ ดื่มประจำในท้องถิน่ ฯลฯ) จำนวนชดุ เท่ากบั จำนวนหมู่ 3. กระดาษปรู๊ฟ 4. ปากกาเคมี / ปากกาเมจกิ พิธีเปดิ ประชุมกอง : (10 นาท)ี - สวดมนต์ - ชกั ธงข้นึ - เพลง / เกม - สงบนิ่ง ตรวจ….. แยก กจิ กรรม : คาบท่ี 1 (40 นาท)ี 1. นำภาพเด็กอ้วน และเดก็ ฟนั ผุ ใหก้ องลกู เสอื ดู ชวนคดิ ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตใุ ดบา้ ง (เช่น ลกู อม ขนมหวาน เครื่องดมื่ ท่ีมีน้ำตาลมาก ฯลฯ) 2. ชวนสำรวจปริมาณน้ำตาลในเครือ่ งดมื่ ทเี่ ด็กนยิ มดืม่ เปน็ ประจำ โดยแจกกลอ่ ง/กระปอ๋ ง/ขวด เครอ่ื งดืม่ และน้ำอัดลม ทม่ี ขี ้อมูลโภชนาการ ให้หมู่ลกู เสือ หมลู่ ะ 4 ชนิด (เช่น นมจืด นมหวาน นำ้ อดั ลมสีดำและสอี น่ื ๆ ชาพรอ้ มดม่ื บรรจขุ วด หรือเครอื่ งดืม่ ท่ีเดก็ ดื่มประจำในทอ้ งถิ่น ฯลฯ) 3. หม่ลู ูกเสอื อา่ นฉลากของเครื่องดม่ื แต่ละชนิด คำนวณปริมาณน้ำตาลเป็น ช้อนชาตอ่ ขวด/กล่อง (1 ช้อนชา = 4 กรัม) เปรียบเทยี บปรมิ าณน้ำตาลในเครอื่ งด่มื แตล่ ะชนดิ วา่ ชนดิ ใดมีนำ้ ตาลมากท่สี ุด และชนดิ ใดมนี ้ำตาลนอ้ ยทีส่ ดุ
คมู่ อื ฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสอื ท่ีเน้นทกั ษะชีวติ 57 4. นำผลทไี่ ดร้ ายงานในกองลกู เสอื ทีละหมจู่ นครบ 5. ชวนคิดวา่ ลกู เสอื ไดข้ อ้ คดิ อะไรจากกจิ กรรมนี้ 6. ให้ทุกหมู่รวบรวมผลการวเิ คราะหป์ ริมาณน้ำตาลในเครือ่ งด่ืม ทำเปน็ ตารางติดบอรด์ 7. ใหล้ ูกเสือแตล่ ะคนจดบนั ทกึ ชนดิ และปรมิ าณ เคร่อื งดื่มและลกู อม ท่ีรับประทานใน 1 วนั เพอื่ นำมาคุยกนั ครั้งตอ่ ไป คาบที่ 2 (40 นาท)ี 1. หมลู่ กู เสือนง่ั ลอ้ มวง พดู คุยแลกเปลยี่ น และชว่ ยกนั คำนวณว่าสมาชกิ แตล่ ะคนกนิ น้ำตาลจากเครือ่ งดม่ื และลกู อม วันละก่ีชอ้ นชา (เครอ่ื งดม่ื ดูจากตารางครง้ั กอ่ น / ลกู อม 1 เม็ดมนี ำ้ ตาลประมาณ 1 ช้อนชา) 2. ผกู้ ำกบั ใหข้ อ้ มลู ปริมาณน้ำตาลท่บี ริโภคตอ่ วนั สำหรับเด็กที่อยู่ในวยั ลกู เสือสำรองช้ันประถมปที ี่ 4 ไม่ควรกนิ นำ้ ตาลเกินวันละ 5 ชอ้ นชา 3. แตล่ ะหมสู่ ำรวจดูว่า มีสมาชิกกี่คนท่ีกินน้ำตาลจากลูกอมและเครอื่ งดมื่ เกนิ 5 ชอ้ นชาตอ่ วัน แล้วรายงานในกอง 4. ผกู้ ำกบั เพม่ิ เตมิ “ นอกจากลกู อมและเครอ่ื งด่มื แล้ว ลกู เสือยังไดน้ ้ำตาลจากอาหารอน่ื ๆ อกี ดว้ ย เช่น บางคนชอบเตมิ น้ำตาลลงในกว๋ ยเตี๋ยวทีละหลายๆ ช้อน” 5. ชวนคดิ ว่า “นอกจากกว๋ ยเตย๋ี ว ลกู อม และเคร่อื งดืม่ แล้ว ลกู เสือคิดวา่ ยังมนี ำ้ ตาลในอาหารใดอกี บา้ ง ที่ตอ้ งควรระวงั ” 6. ผกู้ ำกับรวบรวมและสรปุ คำตอบทไ่ี ด้ ชวนคดิ ว่าลูกเสอื ไดข้ ้อคดิ อะไรจากกิจกรรมวันน้ี 7. มอบหมายให้ลูกเสอื แต่ละหมหู่ าขอ้ มูล “วิธปี ้องกนั ปัญหาสขุ ภาพจากการรบั ประทานน้ำตาลมาก เกินไป” มาหมู่ละ 3 ข้อ คาบที่ 3 (40 นาท)ี 1. ลูกเสอื แตล่ ะหมรู่ ายงาน “วิธปี ้องกนั ปัญหาสขุ ภาพจากการรบั ประทานน้ำตาลมากเกนิ ไป” 2. ผู้กำกบั รวบรวม และให้ลกู เสอื ช่วยกนั โหวตว่าวิธีใดทลี่ ูกเสือทำได้ง่ายที่สุดและรองลงมา 3. ผูก้ ำกบั เพม่ิ เติมว่า “น้ำตาลเป็นส่งิ ทรี่ า่ งกายไมส่ ามารถขับทิง้ ได้ จึงสะสมอยู่ในรา่ งกาย จะลดปริมาณ นำ้ ตาลไดต้ ้องเปลย่ี นน้ำตาลเปน็ พลงั งาน เช่น การเดนิ เร็วๆ 1 กิโลเมตร จึงจะลดน้ำตาลได้ = 4 ช้อนชา” 4. ใหแ้ ตล่ ะหมรู่ ่วมกันวางแผนปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมสมาชิก ตาม “วิธีปอ้ งกนั ปัญหาสุขภาพจากการ รบั ประทานนำ้ ตาลมากเกนิ ไป” ตามวิธที ีช่ ว่ ยกนั โหวตในขอ้ 2 พิธีปดิ ประชมุ กอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย - ชกั ธงลง, เลิก
58 ค่มู ือฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสือท่เี นน้ ทกั ษะชวี ติ
คมู่ ือฝึกอบรม การจดั กิจกรรมลูกเสอื ท่ีเน้นทักษะชวี ิต 59 แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือ เรอื่ ง ความเปน็ สภุ าพบรุ ุษและสภุ าพสตรี ลูกเสือสามัญ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 1 คาบ (1 ชั่วโมง) จดุ ประสงค์ : เพ่อื ให้ลูกเสอื เขา้ ใจความหมายของคำวา่ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีและเห็นคุณค่าของการ ปฏิบัติตวั ใหเ้ ป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี สาระสำคญั : การที่ลูกเสือมีความเข้าใจความหมายและเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตัวให้เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี จะชว่ ยสร้างภาพลกั ษณ์ทด่ี ีของลกู เสือต่อคนทั่วไปและส่งเสริมบรรยากาศการอยูร่ ่วมกันอย่างมคี วามสขุ ส่ือ / อุปกรณ์ : 1. กระดาษปร๊ฟู 2. ปากกาเคมี / ปากกาเมจิก พิธเี ปดิ ประชมุ กอง : (10 นาท)ี - สวดมนต ์ - ชักธงขน้ึ - เพลง / เกม - สงบน่งิ ตรวจ….. แยก กจิ กรรม : ( 40 นาที) 1. หมูล่ กู เสือวาดโครงรา่ งภาพคนในกระดาษปร๊ฟู คร่ึงดา้ นซา้ ยแต่งใหเ้ ปน็ หญิง และครง่ึ ด้านขวา แตง่ ใหเ้ ป็นชาย จากนนั้ ช่วยกนั เขยี นคุณสมบัติของสุภาพสตรี และสุภาพบรุ ุษ ตามความคิดของหมูล่ ง ทดี่ า้ นข้างของภาพแตล่ ะด้าน ใหไ้ ด้มากท่สี ุด 2. ผกู้ ำกบั เดินดตู ามหมู่ เม่ือทุกหมู่ทำเสร็จ ใหช้ ว่ ยกันคิดและเลือกเฉพาะคณุ สมบัติทจ่ี ำเป็นจรงิ เพศละ 5 ข้อ 3. ผกู้ ำกบั เดินดตู ามหมู่ เม่ือทุกหมทู่ ำเสรจ็ ขอให้ชว่ ยกันคิดอีก 1 รอบ แล้วเลอื กเฉพาะคุณสมบัตทิ ส่ี ำคญั ทีส่ ดุ เหลอื เพยี งเพศละ 3 ข้อ พรอ้ มให้เหตุผล นำผลทีไ่ ด้ รายงานในกองลูกเสอื 4. ลกู เสอื รายงานทีละหมูจ่ นครบ 5. ผ้กู ำกับและลูกเสอื รว่ มกันสรุปคุณสมบัตทิ ่ีสำคัญของสุภาพบรุ ุษและสุภาพสตร ี และเพิ่มเติมว่าใน คณุ สมบตั ทิ ี่ควรมที ง้ั หมด เมอื่ พจิ ารณาแลว้ กย็ ังมคี ณุ สมบัตบิ างประการที่สำคญั และจำเปน็ กว่า คุณสมบตั ิอ่ืนๆ 6. ผกู้ ำกับชวนคิดวา่ ลูกเสอื ได้ข้อคิดอะไรบา้ ง และจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั อย่างไร พิธีปดิ ประชมุ กอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเคร่ืองแต่งกาย - ชักธงลง, เลิก
60 คมู่ ือฝึกอบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ท่ีเนน้ ทกั ษะชวี ิต ใบความรู้ เรอ่ื ง ความเป็นสภุ าพบุรษุ และสุภาพสตรี ช้นั ป. 4 สภุ าพบรุ ษุ นนั้ หาใช่บุคคลท่แี ตง่ ตวั ดี พูดจาไพเราะ เก่งกาจด้านการเรียน รำ่ รวยเงนิ ทอง หากแต่เปน็ บุคคลทเ่ี ป็นคนดขี องสังคม และ สามารถทำอะไรทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ื่น และ เป็นคนที่ สามารถทำใหผ้ อู้ ่ืนมคี วามสุขได้ สภุ าพบุรษุ น้ันจรงิ ใจ และสภุ าพ มีนำ้ ใจ และรวู้ า่ สง่ิ ไหนควรทำ และไมค่ วรทำ มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีผ้ยู กตวั อยา่ งพฤติกรรมความเป็นสุภาพบรุ ษุ ไว้หลายประการ เชน่ - สภุ าพบรุ ษุ ไมต่ ะโกนโหเ่ รยี กผู้หญิง - สภุ าพบรุ ุษไมห่ ยิบยืมเงินทองจากเพ่ือน ยกเวน้ ในสถานการณ์ทีจ่ ำเปน็ คบั ขนั จริงๆ และเมอื่ ยมื มาแล้วจะต้องรบี ใช้คนื ทันทที เ่ี ป็นไปได้ - สภุ าพบุรุษไม่โอ้อวดความรำ่ รวยในทรัพยส์ นิ เงนิ ทองและสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ - สภุ าพบุรุษไม่มีพฤติกรรมต่อหน้าอย่างลบั หลังอยา่ งไม่วา่ จะอยู่ท่ไี หนก็ตาม - สภุ าพบุรุษเคารพสิทธขิ องผอู้ ื่น และต้องการใหผ้ ูอ้ นื่ ปฏิบตั ติ ่อตนเช่นเดียวกนั - สุภาพบรุ ุษคือผทู้ ี่ยนื หยัดอยู่บนลำแข้งของตวั เอง เป็นต้น สุภาพสตรี ตามความหมายในปัจจุบันคอื ผ้ทู ข่ี วนขวายหาความรใู้ ห้กบั ตัวเองในทุกวิถที างท่ี เปน็ ไปได้ นบั ต้งั แต่การศึกษาจนถงึ เรยี นรมู้ ารยาทสงั คมทว่ั ไป จงึ สง่ ผลใหม้ ีกรยิ ามารยาทงดงามและ ประสบความสำเรจ็ สุภาพสตรรี ้ดู ีวา่ ความสวยงามและมั่งคัง่ สามารถจะหายไปไดใ้ นพริบตา แต่นสิ ัยใจคอ จะเป็นเกณฑว์ ัดและตดั สินเธอในฐานะคนคนหน่งึ ความสุภาพออ่ นโยนเปน็ การแสดงความนบั ถืออย่าง สูงที่เธอมีต่อตัวเองและผู้อื่นและถ้อยคำชื่นชมยกย่องและเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืนอย่างจริงใจจะสะท้อนให้เห็น คา่ นิยมในทางที่ดีงามของเธอ การเปน็ สุภาพสตรีคือศลิ ปะ ไมใ่ ช่ชาติกำเนดิ คอื ส่งิ เรยี นรู้ไดจ้ ากความใส่ใจและการหมน่ั ฝกึ ฝน ตนเองอย่างสม่ำเสมอ
คู่มือฝึกอบรม การจดั กิจกรรมลกู เสอื ท่เี น้นทักษะชีวติ 61 แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือ เร่ือง คดิ เชิงบวก ลกู เสือสามัญ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 1 คาบ (1 ชั่วโมง) จดุ ประสงค์ : เพอ่ื ให้ลูกเสอื ได้ฝกึ วธิ ีคิดเชิงบวก สาระสำคัญ : การท่ีลกู เสือมคี วามสามารถในการคิดเชงิ บวกจะช่วยสรา้ งใหม้ ีมุมมองที่ดีทงั้ กับตนเองและผู้อน่ื เป็นคน มองโลกในแงด่ ี มีความคดิ ทีด่ งี าม ซง่ึ สิง่ เหล่านจี้ ะทำให้ลูกเสือมพี ลังใจในการสร้างสรรค์ส่งิ ทีด่ ีงามเพ่อื สงั คมได้ ต่อไป สอ่ื / อุปกรณ์ : แกว้ ใส่น้ำหวาน 2 ใบ พธิ เี ปิดประชมุ กอง : (10 นาที) - สวดมนต ์ - ชกั ธงขึ้น - เพลง / เกม - สงบน่งิ ตรวจ….. แยก กิจกรรม : (40 นาที) 1. ผ้กู ำกบั ขออาสาสมคั ร 2 คน ซอ้ มและแสดงบทบาทสมมตุ คิ นละ 1 รอบ รอบแรก ลกู เสือ 1 คนถอื แกว้ นำ้ หวานมาแลว้ สะดดุ กอ้ นหิน น้ำหวานหกเหลืออยคู่ รึ่งแกว้ เม่อื ลกุ ขนึ้ ไดก้ ็รอ้ งไห้ เสยี ใจท่ีนำ้ หวานหกหายไปครง่ึ แก้ว รอบท่ีสอง ลูกเสือ 1 คนถือแก้วน้ำหวานมาแล้วสะดุดกอ้ นหนิ น้ำหวานหกเหลอื อยูค่ รึง่ แกว้ เมอื่ ลกุ ขึน้ ได้ก็ย้ิมและทำท่าดใี จ ทีน่ ้ำหวานยงั เหลืออยอู่ ีกครงึ่ แกว้ 2. ผกู้ ำกับตงั้ คำถาม “ลกู เสือคิดว่า คนไหนจะมคี วามสขุ กว่ากนั ” และ “ลกู เสอื อยากเปน็ เหมอื นคนไหน” 3. ผ้กู ำกับสรุปความหมายและประโยชนข์ องการคิดเชงิ บวก (เป็นการมองโลกในแงด่ ี ดใี จกบั ส่ิงทีเ่ หลอื อยู่แทนการเป็นทุกข์ถึงสิง่ ที่หายไป ประโยชน์คือชว่ ยใหช้ วี ติ เปน็ สขุ และมีอารมณ์ดี สมองแจม่ ใส ) 4. หม่ลู กู เสือน่ังล้อมวง ใหส้ มาชิกแต่ละคนเล่าประสบการณ์ว่า เคยมเี หตกุ ารณใ์ ดบา้ งท่ลี ูกเสือมีความคิด แบบเดก็ คนท่ี 1 และถา้ ยอ้ นกลบั ไปไดจ้ ะคดิ เชงิ บวกแบบเด็กคนท่ี 2 อยา่ งไร และเลือกประสบการณ์ ของสมาชิก 1 คน เปน็ ตัวแทนเล่าในกองลูกเสอื 5. ตัวแทนแตล่ ะหม่เู ล่าประสบการณท์ ีละหมู่จนครบ 6. ผกู้ ำกบั ชวนคดิ วา่ ลกู เสอื ได้ข้อคดิ อะไรบา้ ง และจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอยา่ งไร พธิ ปี ิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเคร่ืองแต่งกาย - ชกั ธงลง, เลิก
62 คมู่ อื ฝึกอบรม การจดั กิจกรรมลูกเสือที่เนน้ ทกั ษะชวี ิต แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือ เรอ่ื ง เข้าใจเพือ่ นดว้ ยภาษากาย ลกู เสอื สามญั ช้นั ประถมศึกษาปี 6 เวลา 1 คาบ (1 ชว่ั โมง) จุดประสงค์ : เพอื่ สร้างความตระหนกั ถึงความสำคัญของของภาษากายทีใ่ ช้สำหรับการส่อื สารในชวี ติ ประจำวนั สาระสำคัญ : การท่ีลูกเสอื มคี วามสามารถในการเข้าใจภาษากายของเพอ่ื นจะทำให้เกิดความเข้าใจถงึ อารมณค์ วาม รสู้ กึ ทีแ่ ทจ้ รงิ ของเขา และสามารถตอบสนองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เป็นการสรา้ งสัมพันธภาพทด่ี ีต่อไป สือ่ / อุปกรณ์ : บัตรคำ หม่ลู ะ 2 ใบ (หมู่ 1=โกรธ/ เสียใจ หมู่ 2 =เบื่อ/ เจบ็ หมู่ 3 = สนกุ /ประหลาดใจ หมู่ 4 = ดใี จ /น้อยใจ) พธิ ีเปดิ ประชุมกอง : (10 นาท)ี - สวดมนต์ - ชกั ธงขึ้น - เพลง / เกม - สงบนงิ่ ตรวจ….. แยก กจิ กรรม : ( 40 นาที ) 1. แจกบัตรคำใหล้ กู เสอื หมูล่ ะ 2 ใบ (หมู่ 1=โกรธ/ เสียใจ หมู่ 2 =เบื่อ/ เจ็บ หมู่ 3 = สนกุ /ประหลาดใจ หมู่ 4 = ดีใจ /น้อยใจ) 2. แต่ละหม่สู ง่ ตวั แทนมาแสดงอารมณต์ ามบัตรคำท่ีหมูไ่ ดร้ ับทีละหมู่ โดยหม่ทู ่แี สดงหา้ มทาย หมใู่ ด ทายถูกมากทีส่ ดุ และเร็วทส่ี ุดเปน็ ผู้ชนะ 3. หมูล่ ูกเสอื น่งั ลอ้ มวง 3.1 ใหช้ ว่ ยกันคดิ วา่ การทเี่ ราสามารถอา่ นภาษากายได้ จะมีประโยชน์ต่อลกู เสืออย่างไร 3.2 ให้แตล่ ะหมชู่ ว่ ยกนั คิดว่า ถ้าเพ่ือนกำลงั อยู่ในอารมณ์ตามบัตรคำที่หมไู่ ด้รบั ลกู เสอื จะตอบสนอง ต่อเพ่อื นอยา่ งไร แลว้ เลอื กมา 1 อยา่ งเพอ่ื รายงานในกองลกู เสือ 4. ส่มุ ให้ลูกเสอื รายงานประโยชนข์ องภาษากาย 1 หมู่ ผกู้ ำกับนำอภปิ รายให้หม่อู นื่ เพิม่ เตมิ และสรุป (รวู้ ่าเพ่ือนกำลังเป็นอยา่ งไร มีอารมณค์ วามรู้สึกอย่างไร จะไดป้ ฏบิ ัตติ อ่ เพ่ือนได้อยา่ งเหมาะสม) 5. สุม่ ให้หมู่ลกู เสอื รายงานตามขอ้ 3.2 อีก 1-2 หมู่ 6. ชวนคดิ ว่าลกู เสอื ไดข้ อ้ คิดอะไรบ้าง และจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั อยา่ งไร พิธีปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเครือ่ งแต่งกาย - ชกั ธงลง, เลิก
คูม่ อื ฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลูกเสอื ท่ีเน้นทักษะชีวติ 63 แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื เร่อื ง โรงเรียนปลอดภยั ลูกเสือสามัญ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 2 คาบ (คาบละ 1 ช่ัวโมง) จุดประสงค์ : เพ่ือสง่ เสรมิ ให้ลูกเสือกระทำกจิ กรรมเพอ่ื ช่วยแก้ปญั หาและบำรุงรกั ษา พัฒนาสงิ่ แวดล้อมใน ชมุ ชนของตน สาระสำคัญ : การช่วยเหลือบำรุงรกั ษาสิง่ แวดลอ้ มเปน็ กิจกรรมพัฒนาลกู เสือใหม้ คี วามตระหนกั ถึงความสำคัญของ สิง่ แวดล้อม มจี ิตสำนึกท่ีจะตอ้ งเข้ารว่ มกระทำกิจกรรมลกู เสอื เพื่อช่วยเหลอื แกป้ ัญหาและบำรงุ รกั ษา พฒั นา สงิ่ แวดล้อม ท้งั นีเ้ กดิ จากความคดิ การกระทำดว้ ยกระบวนการกลมุ่ โดยหม่ขู องลูกเสือเอง พธิ ีเปิดประชมุ กอง : (10 นาที) - สวดมนต์ - ชักธงขน้ึ - เพลง / เกม - สงบนงิ่ ตรวจ….. แยก กจิ กรรม : คาบที่ 1 (40 นาท)ี 1. แบ่งพน้ื ท่ีให้ลูกเสือแต่ละหมู่ออกเดนิ สำรวจสภาพแวดล้อมทไ่ี มป่ ลอดภัยในโรงเรยี น เช่น สภาพของ อปุ กรณเ์ ดก็ เลน่ การวางสงิ่ ของเกะกะของท่ีอาจสะดุดหกลม้ หลมุ /บ่อทอี่ าจตกลงไปได้ ฯลฯ จดบนั ทกึ ส่ิงทพี่ บนำมารายงานในกองลกู เสอื ให้เวลาสำรวจ 10 นาที 2. แต่ละหม่รู ายงาน ผ้กู ำกับนำอภปิ รายให้วเิ คราะห์แตล่ ะปญั หาวา่ เปน็ เรอื่ งท่ีลกู เสอื จะช่วยแก้ไขไดด้ ้วย ตนเอง หรือตอ้ งให้ผู้ใหญ่ช่วย 3. แตล่ ะหมูน่ ำปญั หาสภาพแวดลอ้ มที่ไม่ปลอดภัย ที่หม่คู ้นพบไปวางแผนดำเนนิ การในหม่ดู งั นี้ 3.1 รวบรวมปัญหาท่ีตอ้ งใหผ้ ู้ใหญ่ช่วย สง่ ใหผ้ ทู้ ่มี ีหนา้ ทีด่ ูแลเร่อื งนใี้ นโรงเรยี น 3.2 วางแผนแกไ้ ขปัญหาทห่ี มลู่ ูกเสือดำเนินการไดเ้ อง กำหนดผู้รบั ผดิ ชอบนำอปุ กรณ์ทตี่ ้องใช้ มาดำเนินการคาบต่อไป คาบที่ 2 (40 นาท)ี 1. แต่ละหม่ดู ำเนนิ การตามแผนทีก่ ำหนดไว้ 2. ลูกเสอื แตล่ ะหมูร่ ายงานผลการดำเนินงานตอ่ ผูก้ ำกับ 3. ผู้กำกบั ชวนคุยว่า รู้สกึ อย่างไรต่อกิจกรรมท่ไี ด้ทำ พิธปี ดิ ประชมุ กอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเครื่องแตง่ กาย - ชักธงลง, เลกิ
64 คมู่ ือฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสอื ท่เี น้นทกั ษะชวี ติ แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือ เรอื่ ง ความรุนแรง ลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 1 คาบ ( 1 ชั่วโมง ) จดุ ประสงค์ : ตระหนักถึงอิทธพิ ลของสอื่ คา่ นยิ ม และพฤติกรรมตา่ งๆ ที่นำไปสู่ความรนุ แรง สาระสำคัญ : เด็กท่ีมนี สิ ยั ชอบใชห้ รือนิยมความรุนแรง เป็นเพราะได้รบั ประสบการณใ์ นเรอื่ งความรนุ แรงบม่ เพาะและ ปลูกฝงั เป็นเวลายาวนาน จนชินชาเหน็ ความรนุ แรงเป็นเรื่องปกติ ไม่รู้สกึ ว่าเป็นส่ิงผดิ ไมย่ ับยง้ั ชั่งใจ และกระทำ ความรนุ แรงโดยเลียนแบบพฤติกรรมจากสอ่ื ตา่ งๆ ตลอดจนคา่ นิยมและพฤติกรรมทม่ี ีในกล่มุ เพอื่ น ลว้ นมี อิทธพิ ลชักนำไปสู่ความรุนแรงได้ ความตระหนักในเรือ่ งน้จี ะช่วยให้หลกี เล่ยี งการรับสือ่ ต่างๆ รวมทั้งค่านยิ มและ พฤติกรรมทไ่ี มเ่ หมาะสม สอื่ / อปุ กรณ์ : 1. บตั รคำ สถานการณค์ วามรนุ แรง 4 ชดุ 2. ใบความรู้ พิธีเปิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - ชักธงข้ึน - สวดมนต ์ - สงบนิ่ง ตรวจ….. แยก - เพลง......................... กจิ กรรม : (40 นาที) 1. ผกู้ ำกับนำสนทนาว่า “ในชวี ิตประจำวนั ลกู เสือเคยพบพฤติกรรมอะไรบา้ งทค่ี ดิ วา่ เป็นความรนุ แรง” 2. ลูกเสือนั่งตามหม่ขู องตนเอง แจกชดุ บตั รคำใหห้ มลู่ ะ 1 ชุด 3. อา่ นบัตรคำทีละใบพร้อมอภปิ รายและหาข้อสรปุ เพ่ือรายงานในกองลกู เสอื ในประเด็นตอ่ ไปนี้ 3.1 สถานการณ์ในบัตรคำมีแนวโน้มจะเกดิ อะไรตามมาไดบ้ ้าง 3.2 เรียงลำดบั ความรุนแรงของสถานการณ์ในบัตรคำตามความเห็นของหมู่ จากรนุ แรงมาก ทีส่ ุดไปหารุนแรงน้อยที่สุด 4. สง่ ตัวแทนรายงานในกองลูกเสอื ทีละหมู่ จนครบ 5. ผกู้ ำกบั ชว่ ยเพมิ่ เติมวา่ ความรนุ แรงมไี ดห้ ลายระดบั ตัง้ แตน่ ้อยที่สุดคือ ความรุนแรงในจินตนาการเชน่ เกม การต์ ูน ความรุนแรงทางใจ เชน่ การนอกใจ ความรุนแรงทางคำพดู เช่น ดุ ดา่ วา่ ความรุนแรงทางกายซง่ึ รุนแรงทสี่ ดุ เชน่ การทำรา้ ยรา่ งกาย 6. ผู้กำกับนำอภปิ รายในกองและช่วยเพ่มิ เตมิ ตามใบความร้ ู ในประเด็นต่อไปน้ี
คมู่ อื ฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสอื ทีเ่ น้นทกั ษะชวี ติ 65 6.1 สรุปความหมายของความรุนแรงตามความเขา้ ใจของลกู เสอื 6.2 เหตใุ ดบางคนจงึ มนี ิสัยชอบใช้ความรุนแรง มีปัจจยั อะไรท่ที ำให้เป็นเชน่ นน้ั 6.3 จากคำปฏิญาณและกฎ คิดวา่ ลกู เสอื ควรมีท่าทีต่อการใช้ความรนุ แรงอย่างไร 6.4 ไดเ้ รียนรู้อะไรบา้ งจากกิจกรรมนี้ พิธีปดิ ประชุมกอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย - ชักธงลง, เลิก
66 ค่มู อื ฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสอื ท่เี น้นทักษะชวี ิต บัตรคำ หมู่ท่ี 1 นกเลา่ เรื่องส่วนตัวของตา่ ยให้จ๋มุ ฟงั โดยบอกให้เก็บเปน็ ความลบั จ๋มุ นำเร่ืองของตา่ ยไปเลา่ ต่อ จนรกู้ ันทง้ั ห้อง มดปากแหว่งและเพดานโหว่แต่กำเนดิ แม้จะผ่าตดั แก้ไขแลว้ แตก่ ย็ งั พดู ไม่ชัด ถูกเพอื่ นล้อเลียนอยู่เสมอๆ วชิ ัยอย่กู ับลงุ ข้ีเหลา้ เวลาลงุ เมาเหลา้ มักจะโมโหรา้ ย ทุบตแี ละทำโทษวชิ ยั อยา่ งรุนแรง เปน็ ประจำ เอกชอบเล่นเกมทมี่ ีความรนุ แรงมากๆ และตดิ เกมออนไลน์อย่างมาก มักหนเี รยี น ไปเลน่ เกมบ่อยๆ
ค่มู อื ฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลูกเสอื ที่เนน้ ทกั ษะชวี ิต 67 บัตรคำ หมู่ที่ 2 หนง่ึ กับสองเปน็ ฝาแฝดกนั ชอบดูหนังและเลน่ เกมบู๊ ล้างผลาญทง้ั คู่ เขามปี นื เดก็ เลน่ คนละกระบอกเอาไว้เลน่ ไล่ยงิ กนั มะลมิ พี อ่ แม่ที่ทะเลาะตบตี ทำรา้ ยรา่ งกายกนั ให้เห็นเป็นประจำ หนุ่มพนนั กับเพ่ือนในกลุ่มว่าจะหลอก ให้นอ้ ยรักแลว้ หกั อกใหด้ ู ขา่ วดัง!!...พอ่ แม่ชาวเกาหลคี ู่หนึง่ ถูกตำรวจจับ ขอ้ หาละเลยลูกอายุ 3 เดือนจนขาดอาหารเสยี ชีวติ เพราะท้งั คตู่ ิดเกมจนไมส่ นใจลกู ป้อนนมใหแ้ ค่วันละครงั้ เดยี ว
68 ค่มู อื ฝกึ อบรม การจัดกิจกรรมลกู เสือทเ่ี น้นทักษะชีวติ บัตรคำ หมทู่ ี่ 3 โตข้นึ วฒุ ิอยากเปน็ หวั หนา้ แกง๊ อนั ธพาล เพราะเคยเหน็ พอ่ ถูกซอ้ ม จะได้ปกป้องพ่อได้ ก้องไม่อยากมาโรงเรียน เพราะถกู เด็กโตกวา่ ขม่ ขรู่ ีดไถเงนิ นารถี กู แซวอย่เู สมอเวลาเดนิ ผา่ น วนิ มอเตอร์ไซค์ปากซอยเขา้ บ้าน เธอไดแ้ ตก่ ม้ หน้ากม้ ตารีบเดินให้เรว็ ท่สี ดุ อ้วนแอบขโมยมือถือเพ่อื นไปขาย เพือ่ เอาเงินไปเลน่ เกม
คู่มือฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสอื ท่เี น้นทกั ษะชวี ติ 69 บตั รคำ หมู่ท่ี 4 เสรชี อบอ่านการต์ ูนญีป่ ่นุ แนวโหด เขาเคยเห็นภาพการทำบอนไซแมวในขวด ตอนนีอ้ ยากลองทำดบู ้าง (เป็นการทรมานสัตว์โดยจับลกู แมวใสเ่ ขา้ ไปในขวดแก้ว) วาดอิจฉาน้ำท่มี กี ระโปรงสวย ๆ ใส่ จงึ แอบเอากรรไกรไปตดั ขาดเป็นร้ิวๆ โดยน้ำไม่รู้ มนัสชอบไปเข้ากล่มุ กบั เดก็ ท่ีโตกวา่ เขาหัดด่มื เหลา้ สูบบุหร่ี ออกเท่ียวกลางคนื และพูดจาหยาบคาย ตามคนในกลมุ่ เพราะมนั ทำใหเ้ ขาดู “แมน” ข้นึ สม้ จับไดว้ ่าผชู้ ายทีย่ ืนข้างหลัง แอบถา่ ยรูปใตก้ ระโปรงเธอ ขณะข้นึ บันไดเลอ่ื น
70 ค่มู อื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือทเ่ี น้นทกั ษะชีวิต ภาพการบอนไซแมว
คมู่ อื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลูกเสอื ทเ่ี น้นทักษะชีวิต 71 ใบความรู้ เรื่อง “ความรุนแรง” ความรุนแรง หมายถงึ การทำให้เกดิ ความเสียหายต่อชวี ิตและทรัพยส์ ิน คำว่าชวี ิตนีห้ มาย รวมถึงทง้ั ร่างกาย จิตใจ และศักยภาพหรือความสามารถท่ีมอี ยู่ ระดับของความรุนแรง มไี ด้หลายระดบั ต้ังแตน่ ้อยทสี่ ุดคอื ความรุนแรงในจนิ ตนาการ เช่น เกม การต์ ูน ภาพยนต ์ ความรนุ แรงทางใจ เช่น การนอกใจ การทำรา้ ยจติ ใจดว้ ยคำพูดหรือการกระทำ ความรุนแรงทางคำพูด เช่น การดุ ดา่ วา่ การลอ้ ปมดอ้ ยใหอ้ บั อาย ความรนุ แรงทางกาย ซงึ่ รุนแรงทส่ี ุด เช่น การทำรา้ ยรา่ งกาย การทอดท้งิ เดก็ ทช่ี ว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ด้ ความขดั แยง้ กบั ความรนุ แรง ความขัดแยง้ เป็นเรอ่ื งธรรมชาตขิ องคนที่อยู่รว่ มกนั ในสงั คม ซึ่งมคี วามคิดเหน็ ท่ีแตกตา่ งกันได้ การแลกเปล่ยี นและยอมรบั ความคิดเหน็ ทีแ่ ตกตา่ ง จึงเปน็ รากฐานสำคญั ของการสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ๆ อย่างตอ่ เน่ือง จัดเปน็ การแก้ไขความขัดแย้งแบบสรา้ งสรรค์ ความรนุ แรงไมใ่ ชเ่ รือ่ งธรรมชาติ และไม่ใช่ความขดั แยง้ แตม่ ีการใชค้ วามรุนแรงมาแก้ไขความ ขัดแยง้ ดว้ ยอารมณ์และความคดิ ความเชือ่ ทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง ทำให้เกิดความขัดแยง้ ทมี่ ากขนึ้ กวา่ เดิม พงึ ระลึกเสมอวา่ ความขดั แยง้ สามารถแกไ้ ขได้ โดยไมต่ อ้ งใช้ความรนุ แรง ความรนุ แรงในโรงเรยี น เดก็ ยอ่ มมีการแกล้งและหยอกล้อกันเป็นเร่ืองธรรมดา แตต่ ้องมีขอบเขตระหว่างความสนุกและ ความทุกขข์ องผูอ้ ื่น และเรียนรู้ท่ีจะควบคุมตนเองใหม้ พี ฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพ่ือน การสำรวจปญั หาความรนุ แรงในโรงเรียน โดยการสุ่มท่วั ประเทศ กับเดก็ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ถึงมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 3,047 คน ในปี 2549 พบวา่ เด็ก 40% ถกู รังแกถงึ เดอื นละ 2-3 ครัง้ การ รงั แกกนั เกดิ มากท่สี ุดในช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 และลดลงตามระดบั ชนั้ ท่ีสูงขึน้ พฤตกิ รรมทพี่ บไดแ้ ก่ การลอ้ เลยี น ทำรา้ ยจิตใจดว้ ยวาจา เหยยี ดหยามเช้อื ชาติ ผิวพรรณ และการคุกคามทางเพศ ในภาค ตะวนั ออกยังพบวยั รนุ่ อันธพาลหรือคนเมา รดี ไถเงินหรือใชว้ าจาทไ่ี ม่เหมาะสมกับเดก็ อกี ดว้ ย การสำรวจนีส้ ะท้อนวา่ ความรุนแรงในโรงเรยี นเปน็ เรง่ ด่วนท่ีต้องแกไ้ ข เพราะเดก็ ท่ถี กู กระทำ ความรนุ แรงต้งั แตช่ ่วงตน้ ของชีวติ จะเตบิ โตด้วยความไมม่ ่นั คง เปน็ ผู้ใหญท่ ไี่ มส่ มบรู ณ์และสิง่ สำคัญทส่ี ดุ คือ อาจทำให้เด็กคนน้ันกลายเปน็ ผ้กู ระทำความรนุ แรงเสยี เอง ทำไมเดก็ บางคนจงึ นิยมใชค้ วามรนุ แรง เด็กที่ไดร้ ับประสบการณค์ วามรุนแรง บม่ เพาะและปลูกฝังเปน็ เวลายาวนานจนชนิ ชา จะเหน็ ความรนุ แรงเปน็ เรอ่ื งปกติ ไมร่ ู้สกึ ว่าเป็นส่ิงผดิ ไม่ยับยัง้ ช่งั ใจ ไมค่ วบคมุ ตัวเอง ปล่อยใหอ้ ารมณ์รุนแรง ชกั นำให้กระทำความรุนแรง โดยเลียนแบบพฤตกิ รรมตามประสบการณท์ มี่ ี ตวั อย่างประสบการณ์ความ รนุ แรงในเดก็ ไดแ้ ก่
72 คู่มอื ฝึกอบรม การจัดกิจกรรมลกู เสือที่เน้นทกั ษะชีวติ เดก็ ในครอบครวั แตกแยกทีพ่ อ่ แมท่ ะเลาะทำร้ายรา่ งกายกนั ให้เด็กเหน็ เป็นประจำ เด็กท่ถี กู ทอดท้งิ ไดร้ ับการเลีย้ งดไู มเ่ หมาะสม ขาดแคลน ถกู ทำรา้ ยร่างกาย ทำโทษรุนแรง เปน็ ประจำ จะร้สู กึ ว่าตนเองไมเ่ ป็นท่ตี ้องการ ขาดความรัก รกั คนอ่นื ไมเ่ ปน็ ไมผ่ ูกพนั กับใคร เด็กที่ไดเ้ ห็น รับรู้ เร่อื งราวการใช้ความรนุ แรงจากตวั อยา่ งในสังคม เกม การต์ นู และส่ือต่างๆ อยเู่ ป็นประจำ เช่น ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ข่าวหนังสอื พมิ พ์ ข่าวโทรทศั น์ เกมกด เกมวดิ โี อ เกมออนไลน์ หนังสือการต์ ูนญป่ี ่นุ เด็กทม่ี ีพ้ืนฐานอารมณ์ไมม่ ่นั คง ออ่ นไหวง่าย อาจถกู ชักจูง และเลยี นแบบกล่มุ เพื่อนทม่ี ีพฤตกิ รรม รุนแรง เพ่อื ตอ้ งการการยอมรับในกลุ่มเพอื่ น เด็กท่มี พี ื้นฐานอารมณร์ นุ แรง ได้รับการเลย้ี งดแู บบปลอ่ ย ตามใจ ทำอะไรตามอารมณแ์ ละสงิ่ เรา้ ท่ี เขา้ มา โดยไม่เคยฝกึ การควบคุมตนเอง ไม่ยบั ยั้งชั่งใจ อาจกอ่ ความรนุ แรงโดยไมย่ ั้งคดิ ได้ การดืม่ สรุ าและเสพสารเสพติด ทำให้ขาดความยับยั้งช่ังใจ และนำไปส่กู ารใช้ความรุนแรงได้ เดก็ ทถี่ กู เพอื่ นแกล้ง รังแก ล้อเลยี น เกดิ ความร้สู ึกโกรธ อบั อายและเก็บกดเป็นเวลานาน อาจระเบิดอารมณโ์ กรธแคน้ ออกมา เปน็ การกระทำความรุนแรงต่อคนอืน่ ได้ หรอื ใชค้ วามรนุ แรง เพื่อปกปอ้ งตนเอง การแอบถ่ายคลปิ เรื่องสว่ นตัวของผอู้ น่ื แลว้ ไปเปดิ เผย ประจาน หรอื ใชข้ ่มขู่เพ่อื ทรพั ย์สิน การนินทา การใส่รา้ ย ทำใหผ้ ู้อ่นื เสอื่ มสยี ชอ่ื เสียง ส่ือกับความรุนแรง ครวั เรอื นไทยมโี ทรทศั น์ ร้อยละ 96 โทรทัศน์จงึ เปน็ สื่อทม่ี ีอทิ ธพิ ลสูงมากในการชี้นำความคิด ความเชอ่ื และค่านยิ มของสังคม ขา่ วสารทางโทรทัศน์และวทิ ยุ เป็น “ข่าวรา้ ย” ถึง ร้อยละ 71 ในขณะที่เรื่อง ดๆี ทชี่ วนใหม้ ีความหวงั มเี พยี งรอ้ ยละ 12 ทำนอง “ข่าวรา้ ยฟรขี า่ วดีต้องจา้ ง” - เด็กไทยอายุตำ่ กวา่ 5 ปี ชมภาพความรุนแรง เช่น ตกี ัน ฆา่ กนั ท้งั จากข่าวและละครหรอื โฆษณา วันละ 501 ครัง้ - เดก็ ๆ ท่ัวไปใช้เวลาเรยี นหนงั สือในโรงเรยี นปลี ะ 900 - 1,000 ช่วั โมง ในขณะทใี่ ช้เวลาดโู ทรทัศน์ ปีละ 1,000 - 1,200 ชว่ั โมง - เวบ็ ไซต์ทีม่ ที ว่ั โลก 7 ล้านเว็บ เปน็ เว็บโป๊ 2 ล้านเว็บ โดยเด็ก 1 ใน 5 ทวั่ โลกทใ่ี ชอ้ ินเตอร์เน็ตได้ รับเมลท์ ี่ส่อการลอ่ ลวงทางเพศ สื่อจึงเปน็ แหลง่ เรยี นรแู้ ละสง่ เสรมิ ความรุนแรงในเดก็ และเยาวชนที่สำคญั ทสี่ ดุ เพราะเดก็ และ เยาวชนยงั ขาดประสบการณ์ และวิจารณญาณในการเลอื กรับส่อื รวมทง้ั ความสามารถในการวิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระทส่ี ่ือนำเสนออย่างมเี หตุผล นอกจากนยี้ งั ไม่มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความเปน็ มา และเบ้อื งหลงั ของส่อื จงึ ยอมรบั ส่งิ ที่สือ่ เสนอโดยไมม่ ีข้อสงสยั และคิดเองว่าสง่ิ ทสี่ ือ่ เสนอนน้ั ถกู ตอ้ ง เหมาะสม สื่อจงึ มีผลตอ่ ความคิดและพฤติกรรมของผทู้ ่ีไม่ร้เู ทา่ ทนั ทำให้เกิดผลกระทบตามมาต่อ สุขภาพ ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จิตใจ สังคม และจิตวญิ ญาณ
คมู่ อื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลูกเสือทเ่ี น้นทักษะชีวิต 73 การแกป้ ญั หาความรนุ แรงในโรงเรียน ครอบครัว เปน็ จดุ เร่มิ ต้นของการแกป้ ญั หาต่างๆ เพราะอยใู่ กลช้ ดิ กบั เด็กมากทส่ี ดุ พอ่ แม่จำเปน็ ต้องเรียนรู้ และเข้าใจความตอ้ งการของลกู ในแตล่ ะช่วงวยั เพอื่ รบั รถู้ งึ อารมณ์ และ ความเปลี่ยนแปลงทเ่ี กิดข้ึนกับลกู ให้เวลาทำกจิ กรรม ใช้เวลาว่างอยู่กบั ลูก เช่น ทำอาหารหรือเล่นกฬี า เพอ่ื ชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ ของครอบครวั มสี ุข แสดงออกถึงความรกั ความอบอุ่น ให้การอบรมและสร้างวนิ ัยใหก้ ับลกู อยา่ ง เหมาะสม เพ่อื ลกู จะไม่ตอ้ งพ่งึ พาสิ่งเร้าภายนอก เชน่ เพื่อน เกม หรอื สอ่ื อ่นื ๆ อันจะซมึ ซบั ให้ เกิดความรนุ แรงตามมา การกระทำทเี่ ปน็ ความรนุ แรงมกั มีจดุ เร่มิ ต้นมาตั้งแต่วัยเดก็ เล็ก การปลูกฝงั ใหม้ จี ติ ใจอ่อนโยน มเี มตตาต่อสัตว์ เป็นวธิ ีหน่ึงทชี่ ่วยลดปญั หาความรุนแรงลงได้ วางตัวเปน็ แบบอย่างท่ดี ใี ห้กบั ลกู ไม่ม่วั สุมสง่ิ เสพตดิ หรอื หมกมนุ่ อบายมขุ แกไ้ ขความขัดแยง้ ในครอบครัวอยา่ งสนั ติ ไม่ทะเลาะด่าทอหรือตบตกี ัน เมอ่ื ลกู รบั รู้เปน็ ประจำ จนเห็นเปน็ เร่ืองธรรมดา กจ็ ะลอกเลียนแบบพฤติกรรมดงั กลา่ ว ไม่ลงโทษ หรือใช้วิธที ีร่ นุ แรงแบบไรเ้ หตผุ ล ควรใช้วธิ กี ารพดู คยุ แลกเปลี่ยน ตั้งกติกา ร่วมกันกบั ลูกแทน ไมต่ ามใจลูกมากเกนิ ไป จะทำให้เด็กเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ข้ีนอ้ ยใจ ทำให้ปญั หาเลก็ ๆ กลายเป็นเร่อื งใหญโ่ ต ใหค้ ำปรกึ ษา หรอื เปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความทกุ ขท์ อี่ ยู่ในใจ ให้กำลังใจกบั ลกู เม่ือลกู ทำผิด เม่ือเกิดปญั หาลูกจะไดก้ ลา้ บอก เพอ่ื ช่วยกนั หาทางออก สอนลูกเสมอวา่ ไม่ควรเอาปมด้อยของเพื่อนมาล้อเลียน เพราะจะทำให้เพื่อนเสยี ใจ ตรงกันขา้ ม ควรเหน็ ใจและเป็นกำลงั ใจใหก้ ับเพื่อน โรงเรยี น มบี ทบาทสำคญั ในการแกป้ ัญหา โดยเฉพาะ “คร”ู ผู้เปน็ พอ่ แมค่ นท่สี อง ท่สี ำคัญกค็ ือ ครอบครวั ต้องมีสว่ นร่วมกบั โรงเรียน ต้องให้ความรัก ความเขา้ ใจตอ่ เด็กๆ ทุกคน อย่างเท่าเทยี มกัน ไมเ่ ลอื กปฏบิ ัติ มคี วามรู้ความเขา้ ใจต่อเด็กในแต่ละชว่ งวัยที่แตกตา่ งกนั รูจ้ ักเด็กเปน็ รายบุคคล ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในเรอ่ื งท่ีจำเปน็ ประสานความรว่ มมอื กบั ผปู้ กครอง ในการป้องกันและแก้ปัญหาความรุนแรงทเี่ กดิ กับเด็ก เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดของเดก็ ให้เดก็ มสี ่วนร่วมในการแก้ไขปญั หา ไม่ใช้ความรุนแรงต่อเดก็ ท้ังในประเด็น “วธิ กี าร” และ “สาเหตุ” ของ การลงโทษ สอดสอ่ งดูแลเดก็ ภายในโรงเรยี นตามจุดต่างๆ และเดนิ ตรวจตราตามรอบโรงเรยี น เพอ่ื ป้องกนั และลดปญั หาแดก็ รงั แกกัน นักเรียน เปน็ ผู้มบี ทบาทสูงสุดในการแกป้ ัญหา เพราะทง้ั ครอบครวั และโรงเรยี นต้องยดึ นกั เรียนเป็น ศนู ย์กลาง ในการนำมาตรการทุกอยา่ งมาใชต้ อ้ งเกดิ ประโยชน์สงู สุดแก่นักเรียน
74 ค่มู ือฝึกอบรม การจัดกิจกรรมลกู เสอื ทเี่ นน้ ทักษะชวี ิต ตระหนักถึงผลเสียของการแกล้งและหยอกลอ้ กันจนเกินขอบเขต และมวี ธิ ีการส่อื สารเพือ่ แกไ้ ข ปญั หา รูจ้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา ไมท่ ำในสงิ่ ที่แม้ตวั เราเองกไ็ มช่ อบ เชน่ ไม่ลอ้ จดุ ออ่ นและปมด้อยของ เพือ่ น ไมแ่ กล้งเพอื่ น หรือเล่นจนเกินขอบเขตของความสนุกสนาน รจู้ ักเลือกรบั สื่อทีเ่ หมาะสม ไม่กระตนุ้ ความรนุ แรง รู้เท่าทันและหลกี เลีย่ งคา่ นยิ มและพฤติกรรมทีน่ ำไปสูค่ วามรนุ แรง หากทกุ ฝา่ ยรว่ มมอื กนั สรา้ งความเขา้ ใจถึงอารมณ์ ความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ความรนุ แรงท่ีอาจจะเกิดขึน้ ก็จะค่อยๆ ลดลงและหายไปในท่ีสดุ ... แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือ เร่อื ง สวนสวยดว้ ยวัสดเุ หลอื ใช้ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 4 คาบ (คาบละ 1 ชว่ั โมง) จดุ ประสงค์ : เพือ่ ให้ลกู เสือรจู้ ักแก้ปัญหาสงิ่ แวดล้อมด้วยการนำวสั ดุเหลือใชม้ าใชป้ ระโยชน์ สาระสำคัญ : วัสดุเหลือใช้รวมถึงขยะและของใช้แล้วท่ีไม่ได้ใช้ประโยชน์อาจกลายเป็นขยะท่ีสร้างปัญหาส่ิงแวดล้อม การสรา้ งจิตสำนึกทดี่ ใี นการจัดการและสร้างมูลคา่ เพ่ิมในทกุ รปู แบบ จะชว่ ยลดปญั หามลพษิ ได้ สอ่ื / อุปกรณ์ : ภาพการดัดแปลงวัสดุเหลอื ใช้ พิธเี ปิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - ชกั ธงขน้ึ - สวดมนต์ - สงบน่งิ ตรวจ….. แยก - เพลง / เกม กิจกรรม : คาบที่ 1 (40 นาที) 1. ผู้กำกบั นำสนทนาในกองลกู เสอื เกี่ยวกบั วัสดเุ หลือใช้ประเภทขวด กระป๋อง ยางรถ พลาสตกิ ฯลฯ ท่ที ้งิ ในบา้ น ชมุ ชนหรอื ในโรงเรยี น ซงึ่ มีมากมาย และเป็นส่ิงท่ียอ่ ยสลายไดย้ ากมาก 2. ผูก้ ำกับนำภาพการนำวสั ดุเหลือใชป้ ระเภท ขวด กระป๋อง ยางรถ พลาสติก ฯลฯ ไปดัดแปลงใช้ ประโยชน์ เช่น ดดั แปลงยางรถยนตเ์ กา่ เปน็ กระถางตน้ ไม้ ให้ลูกเสือดู
คู่มอื ฝึกอบรม การจดั กิจกรรมลกู เสือท่ีเน้นทกั ษะชีวิต 75 3. มอบหมายงานโดยให้หม่ลู กู เสือเลอื กหรอื จบั สลากทำสวนหยอ่ มไมด้ อกไมป้ ระดบั หรอื พชื ผกั สวนครวั โดยนำวัสดเุ หลอื ใชม้ าดดั แปลงใชป้ ระโยชน์ และร่วมกนั ใชค้ วามคิดสร้างสรรค์ 4. ใหแ้ ตล่ ะหมู่ส่งตวั แทนหมลู่ ะ 1 คน มาเปน็ กรรมการ โดยกรรมการกำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน และ พิจารณาใหค้ ะแนนแต่ละหมตู่ ามเกณฑ์ทกี่ ำหนด ใหค้ ะแนนใน 5 ประเดน็ ไดแ้ ก่ - ความคิดสรา้ งสรรค์ - การนำวัสดเุ หลอื ใช้กลับมาใชป้ ระโยชน์ไดม้ ากทส่ี ุด - การประหยดั ใชเ้ งนิ น้อยทสี่ ดุ - การใช้ประโยชน์สวนหย่อม - ความสวยงาม 5. ใหล้ กู เสอื แต่ละหมู่รว่ มกนั วางแผน แบ่งงาน และกำหนดผรู้ ับผิดชอบเตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ และตน้ ไม้ มาทำสวนหยอ่ มในคาบต่อๆอีก 3 คาบ คาบท่ี 2, 3, 4 (คาบละ 40 นาท)ี 1. หมูล่ กู เสอื รว่ มกนั สร้างสวนหย่อมไม้ดอกไม้ประดับหรอื พืชผกั สวนครวั โดยใชว้ สั ดเุ หลอื ใช้มาประดบั กระจายจดั ตามมมุ ตา่ งๆ ของโรงเรียน แต่ละหมู่ติดปา้ ยช่อื สวนหย่อมของหมตู่ น และชว่ ยกันดูแลให้ สวยงามและใช้ประโยชน์ตอ่ ไป 2. คณะกรรมการดูผลงาน พิจารณาให้คะแนนตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด แจง้ ผลในหมู่และกองลกู เสอื 3. สุม่ ถามความรู้สึกลกู เสือตอ่ กิจกรรม และขอ้ คิดที่ได้ พิธปี ดิ ประชมุ กอง : (10 นาที) - รวมกอง นัดหมาย - ตรวจเครือ่ งแต่งกาย - ชกั ธงลง, เลิก
76 คู่มอื ฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือที่เน้นทกั ษะชวี ติ ถังขยะทำจากกระป๋องเครื่องด่มื กระถางตน้ ไม้ ทำจากยางรถยนต์
คู่มอื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ท่เี นน้ ทักษะชวี ติ 77 กลอ่ งทิชชู ทำจากกลอ่ งใส่ของ แจกนั ดอกไม้ ทำจากขวดพลาสตกิ
78 คู่มือฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ทเี่ นน้ ทกั ษะชีวิต แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสอื เรือ่ ง เรื่องเล่าเรา้ พลงั ลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เวลา 2 คาบ (คาบละ 1 ชวั่ โมง) จดุ ประสงค์ : เพ่อื ใหล้ กู เสอื รแู้ ละกำหนดแนวทางในการแก้ไขจดุ ออ่ นเพ่อื พัฒนาตนเอง สาระสำคญั : ทุกคนยอ่ มมจี ุดแขง็ และจุดอ่อนอยู่ในตนเอง การร้จู ักตนเองอยา่ งถอ่ งแท้ เพ่ือเสริมจดุ แข็งและแก้ไข จุดออ่ นให้ดีขน้ึ จะเปน็ การพัฒนาตนเอง สื่อ / อปุ กรณ์ : ใบความรู้ เร่อื ง จุดแข็งและจุดอ่อน พิธีเปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - สวดมนต ์ - ชักธงขน้ึ - เพลง / เกม - สงบนง่ิ ตรวจ….. แยก กิจกรรม : คาบที่ 1 (40 นาท)ี 1. ผูก้ ำกบั นำสนทนาเก่ียวกับจดุ แข็งและจดุ ออ่ น พรอ้ มยกตวั อย่าง 2. หมู่ลกู เสอื น่ังลอ้ มวง ผลดั กนั เล่าเรอ่ื ง “ความสำเรจ็ ในการแก้ไขจุดอ่อนของตนเอง” คนละ 1 เร่อื ง พร้อมบอกว่ามีเคล็ดลบั อะไรบา้ งทท่ี ำให้แก้ไขไดส้ ำเร็จ 3. นายหมใู่ ห้สมาชิกทกุ คนโหวตวา่ เรอื่ งของใครทีน่ า่ จะใช้เป็นตัวแทนของหมไู่ ด้ แลว้ นำไปเล่าในกอง ลกู เสอื ในคาบต่อไป คาบท่ี 2 (40 นาที) 1. ตวั แทนแต่ละหมูท่ ีไ่ ดร้ ับคดั เลือกเล่าเร่ืองให้สมาชิกในกองลกู เสอื ฟัง 2. ผกู้ ำกับนำอภปิ รายและเพ่ิมเติม ในประเด็น 2.1 การทคี่ นเราจะสามารถแกไ้ ขจดุ ออ่ นของตนเองได้ ตอ้ งมีวิธีการอย่างไรบ้าง (สำรวจจดุ ออ่ น ต้ังใจจริง วางแผนพัฒนาตนเอง และลงมอื แกไ้ ข / ฝึกฝน) 2.2 การแกไ้ ขจุดอ่อนเปน็ ประโยชนต์ ่อลกู เสอื อยา่ งไร 2.3 ได้ข้อคิดอะไรบา้ งจากกิจกรรม และจะนำไปปฏบิ ัติในชวี ติ ประจำวนั อยา่ งไร พธิ ปี ดิ ประชุมกอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเคร่อื งแต่งกาย - ชกั ธงลง, เลิก
คู่มือฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือทเ่ี นน้ ทักษะชวี ติ 79 ใบความรู้ เร่อื ง จุดแขง็ จุดออ่ น ทุกคนยอ่ มมีทัง้ จุดออ่ นและจุดแขง็ แตกต่างกนั ไปตามภมู หิ ลังชวี ติ ของแตล่ ะคน ส่งิ สำคญั ไม่ได้ อยู่ทว่ี ่าใครมีจดุ อ่อนหรอื จดุ แข็งน้อยกวา่ หรือมากกวา่ กัน แต่อย่ทู ่ีใครสามารถคน้ หา ยอมรับ และลงมือ กำจัดจุดอ่อนและเสริมจุดแขง็ ของตนเองไดม้ ากกวา่ คนบางคนหาไมเ่ จอแม้กระทัง่ จุดอ่อนและจดุ แขง็ ข องตัวเอง คนบางคนหาเจอแต่ไมย่ อมรบั จุดอ่อน หรือบางคนยอมรบั แตแ่ ก้ไขไมไ่ ด้ ขนั้ ตอนในการพัฒนาตนเอง โดยการกำจัดจดุ อ่อนและเสริมจุดแขง็ น้ัน มีดังน้ี 1. สำรวจค้นหาจดุ อ่อน ค้นหาตวั เองใหเ้ จอวา่ มีจุดออ่ นตรงไหนบ้าง โดย - การเปรียบเทยี บกับผอู้ น่ื เชน่ การควบคุมอารมณ์ ทักษะด้านภาษา ทักษะดา้ นการส่ือสาร ระบบการคดิ การอ่าน การเขียน รวมถงึ วินัยในตนเองในดา้ นตา่ งๆ - การใชผ้ ูอ้ นื่ เปน็ กระจกเงาชว่ ยวเิ คราะห์จุดออ่ นและจดุ แข็งของเรา - การนำปัญหาและความสำเรจ็ ในชีวติ มาทบทวนเพอ่ื หาจุดอ่อน และจุดแข็ง 2. ลงมอื กำจัดจดุ ออ่ นและพัฒนาจุดแข็ง สิ่งสำคญั ท่ีสดุ คอื การลงมือปฏิบตั ิจรงิ ถา้ มีความยากลำบากในการแกไ้ ขและพฒั นาหลายสิ่ง หลายอยา่ งพรอ้ มกัน ขอแนะนำใหท้ ำทลี ะอย่าง เชน่ ช่วงแรกอาจจะพฒั นาในเร่อื งทศั นคติก่อน เมอื่ ทำได้ สำเร็จแลว้ ค่อยๆ พฒั นาในเรอ่ื งอ่นื ๆ ตอ่ ไป จดุ หักเหท่ีสำคญั อยทู่ ขี่ าดความอดทนอดกลั้น ทำให้ลม้ เลกิ ความตงั้ ใจ ควรหาแรงจูงใจเข้ามาเสริมตลอดเวลา เชน่ แรงใจจากเพื่อน แรงใจจากหนังสอื และแรงใจ จากเปา้ หมายในชวี ิต เป็นตน้ การกำจัดจุดออ่ นเปรียบเสมอื นคนกำลงั เลกิ บหุ ร่ี อาจจะทรมานบา้ ง หงดุ หงิดบ้าง แตถ่ า้ ผ่านไป ได้ถึงข้ันเปลย่ี นพฤติกรรมหรือเปลี่ยนนิสัย โอกาสท่ีมนั จะกลับมางอกเงยในชีวิตของเราก็น้อยลง แตถ่ ้า เราได้เพยี งครึ่งๆกลางๆโอกาสท่ีนิสยั ที่ไม่ดีจะกลบั มาเติบโตอกี กม็ ีมากขน้ึ ฉะนน้ั ต้องกำจัดแบบถอนราก ถอนโคน 3. ประเมินผลและแก้ไขปรบั ปรงุ หลังการกำจัดจดุ ออ่ นและเสรมิ จดุ แข็งใหก้ ับชีวิต ส่งิ สำคัญอีกประการหนงึ่ คอื การประเมินวา่ บรรลุเปา้ หมายท่วี างไว้หรอื ไม่ และสามารถต้ังเป้าหมายท่ีทา้ ทายเพ่มิ ข้ึนอกี การกำจดั จุดอ่อนและการ พฒั นาจดุ แข็งเปรยี บเหมอื นเกมทเ่ี รากำลงั เล่นอยกู่ บั ตวั เอง จงสนกุ และเพลดิ เพลนิ กบั มัน แทนการคิด ว่าเปน็ ภาระท่นี ่าเบอื่ “ปัจจยั สูค่ วามสำเรจ็ ท่ีย่ิงใหญ่ เร่มิ ต้นทีก่ ารชนะใจตนเอง”
80 คมู่ ือฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือท่ีเนน้ ทกั ษะชวี ิต แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื เร่ือง สุภาพบุรษุ และสุภาพสตรใี นดวงใจ ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 เวลา 2 คาบ (คาบละ 1 ชัว่ โมง) จดุ ประสงค์ : เพ่อื สรา้ งความตระหนกั ในความสำคญั ของการแสดงออกถงึ พฤติกรรมความเปน็ สภุ าพบุรุษ และสภุ าพสตรี สาระสำคัญ : ความเปน็ สภุ าพบรุ ษุ และสุภาพสตรี ต้องมพี ้นื ฐานมาจากคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและการแสดง ออกอยา่ งเหมาะสม ส่ือ / อุปกรณ์ : ใบกิจกรรม พิธเี ปดิ ประชุมกอง : (10 นาท)ี - สวดมนต์ - ชกั ธงขน้ึ - เพลง / เกม - สงบนงิ่ ตรวจ….. แยก กิจกรรม : คาบที่ 1 (40 นาท)ี 1. หมูล่ ูกเสอื ระดมความคดิ เหน็ และสรุปพฤติกรรมท่ีแสดงถึงความไมเ่ ป็นสุภาพบรุ ุษของชาย หรอื พฤตกิ รรมทแ่ี สดงถึงความไมเ่ ป็นสภุ าพสตรขี องหญิง หมลู่ ะ 1 พฤตกิ รรม 2. ให้หม่ลู กู เสือรว่ มกันวิเคราะห์ประเด็นในใบกิจกรรม 3. นำเสนอในกองลกู เสือคาบตอ่ ไป คาบท่ี 2 (40 นาที) 1. ลกู เสือนำเสนอบทบาทสมมตุ พิ ร้อมคำอธิบาย ทีละหมูจ่ นครบ 2. ผ้กู ำกบั นำอภปิ รายสรุปและเพม่ิ เตมิ ในประเด็น 2.1 ลูกเสอื คิดวา่ หัวใจสำคัญของความเปน็ สุภาพบุรุษและความเป็นสภุ าพสตรี คอื อะไร (เช่น สุภาพบรุ ษุ - ความเสยี สละ เป็นผูน้ ำ รบั ผิดชอบ ออ่ นโยนแต่ไม่อ่อนแอ / สุภาพสตรี - เมตตา จริงใจ สภุ าพ เรยี บร้อย) 2.2 ได้ขอ้ คดิ อะไรบ้าง และจะนำไปปฏบิ ัตใิ นชีวิตประจำวนั อยา่ งไร 3. ผกู้ ำกบั เพ่ิมเตมิ “มีคำกลา่ วว่าแก่นแท้ของความเปน็ สุภาพบุรุษ และสภุ าพสตรอี ย่ทู ่ีความภูมิใจใน คุณคา่ ของความเป็นมนุษย์และเพศของตน ซึ่งขึ้นกบั วา่ ตนเองได้สรา้ งคุณค่าไว้มากน้อยแค่ไหน คณุ คา่ ทสี่ ำคัญ ประกอบด้วย ร้จู กั เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้เกยี รตผิ ู้อ่ืน รกั ษาเกยี รติตนเอง เสยี สละ ซ่อื สัตย์ และมคี วามรับผิดชอบ”
คู่มอื ฝึกอบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ที่เนน้ ทักษะชวี ิต 81 พธิ ีปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย - ชกั ธงลง เลกิ ใบกิจกรรม เรื่อง สภุ าพบุรุษและสภุ าพสตรใี นดวงใจ ช้ัน ม. 3 ใหล้ ูกเสอื แตล่ ะหมู่ ค้นหาพฤตกิ รรมทแ่ี สดงถงึ ความไม่เปน็ สุภาพบรุ ษุ ของชาย หรือพฤติกรรมท่ี แสดงถึงความไมเ่ ปน็ สภุ าพสตรีของหญงิ หม่ลู ะ 1 พฤตกิ รรม ร่วมกนั อภิปรายให้ได้ขอ้ สรปุ ในประเดน็ 1. ทำไมพฤตกิ รรมน้นั จงึ ไม่เป็นสภุ าพบรุ ุษ / สภุ าพสตรี 2. ถ้าจะใหเ้ ป็นสภุ าพบุรษุ / สุภาพสตรี จะตอ้ งปรับปรงุ พฤติกรรมอยา่ งไร สรุปผลการอภปิ รายเพื่อรายงาน โดยเขยี นบท ซ้อมเลน่ บทบาทสมมตุ ิ 2 รอบท้ังพฤติกรรมท่ีไม่ เปน็ สภุ าพบรุ ุษ / สุภาพสตรี และพฤติกรรมทป่ี รบั ใหเ้ ปน็ สุภาพบุรษุ / สุภาพสตรี แลว้ เตรียมนำเสนอใน กองลูกเสอื คาบตอ่ ไป ใชเ้ วลานำเสนอหมลู่ ะไม่เกนิ 8 นาที
82 คู่มือฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลูกเสอื ที่เน้นทกั ษะชวี ติ แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื เร่อื ง สมั พนั ธภาพชาย – หญงิ ลูกเสอื สามญั รุน่ ใหญ่ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 เวลา 1 คาบ (1 ชั่วโมง) จุดประสงค์ : เพื่อสรา้ งความตระหนักรูถ้ งึ กจิ กรรมต่างๆ ทเี่ ปน็ ส่อื ในการเสริมสร้างสมั พนั ธภาพกบั เพอ่ื น ทัง้ เพศเดยี วกันและต่างเพศ ซึ่งบางกจิ กรรมอาจนำไปสู่ความเสย่ี งได้ สาระสำคัญ : วัยร่นุ สรา้ งและสง่ เสริมสมั พนั ธภาพกับเพือ่ น ทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ ผา่ นทางกิจกรรม ตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำวันตามธรรมชาติ การตระหนกั รถู้ ึงความเสย่ี งทอ่ี าจเกดิ ขึน้ ในกจิ กรรมตา่ งๆ จะชว่ ยให้มี กิจกรรมต่างๆ ในหมู่เพือ่ นอย่างปลอดภยั พธิ ีเปดิ ประชุมกอง : (10 นาที) - สวดมนต์ - ชักธงขน้ึ - เพลง / เกม - สงบนงิ่ ตรวจ….. แยก กิจกรรม : (40 นาท)ี 1. ผ้กู ำกบั นำสนทนาเก่ียวกบั การสรา้ งสมั พนั ธภาพระหว่างชาย-หญิง 2. แบง่ ลกู เสอื ออกเป็น 2 กล่มุ แสดงบทบาทสมมติเปน็ กลมุ่ ชาย 1 กล่มุ กลุ่มหญิง 1 กลมุ่ 3. แตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทน 1 คนน่งั เก้าอห้ี นา้ กลุม่ เป็น “หญงิ งาม” และ “หนมุ่ หลอ่ ” 4. สมาชิกกลมุ่ ที่เหลอื ใหอ้ ย่ดู า้ นหลงั เกา้ อี้ ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ “สมองของหญงิ งาม” และ “สมองของหนมุ่ หลอ่ ” 5. ให้สมาชกิ ด้านหลัง“หนมุ่ หลอ่ ” คิดคำพดู เพ่ือชวน“หญงิ งาม” ไปทำกิจกรรมอย่างใดอยา่ งหน่งึ เปน็ การสรา้ งสมั พนั ธภาพ และ“หน่มุ หล่อ” เป็นผพู้ ดู ข้อความน้นั กับ“หญงิ งาม” 6. ให้สมาชิกดา้ นหลงั “หญิงงาม” คิดคำโตต้ อบ พร้อมเหตุผล โดยคิดและพดู ออกมาดังๆ และ “หญงิ งาม” เปน็ ผพู้ ดู ขอ้ ความน้ันกบั “หนมุ่ หล่อ” 7. สลบั กันโดยให้ฝ่าย “หญงิ งาม” เป็นผ้ชู วน และฝา่ ย “หนุ่มหล่อ” โตต้ อบ เหมือนกบั กจิ กรรมขอ้ 5 และ 6 8. ผู้กำกบั ชวนคดิ ว่า 8.1 กจิ กรรมนี้ให้ขอ้ คิดอะไรบา้ ง (รู้วา่ ชาย – หญงิ สร้างสมั พันธภาพดว้ ยการชวนไปมกี จิ กรรม อะไรบ้าง การไดค้ ดิ วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กอ่ น จะชว่ ยใหต้ ดั สนิ ใจได้อยา่ ง เหมาะสม และหลีกเลี่ยงสถานการณเ์ สยี่ งต่างๆ ได)้ 8.2 กิจกรรมใดท่ชี ่วยสร้างสัมพันธภาพท่ยี ัง่ ยนื และกจิ กรรมใดท่ีอาจกอ่ ให้เกดิ ความเสย่ี งและ สง่ ผลให้มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีตอ่ กัน พิธปี ิดประชุมกอง : (10 นาท)ี - รวมกอง นดั หมาย - ตรวจเคร่อื งแต่งกาย - ชักธงลง, เลิก
คมู่ ือฝึกอบรม การจัดกิจกรรมลกู เสอื ทีเ่ น้นทกั ษะชวี ิต 83 แผนการฝึกอบรม เรื่อง แนวทางการดำเนนิ งานในโรงเรยี น
84 คมู่ อื ฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือท่ีเนน้ ทักษะชีวติ แผนการฝกึ อบรม เรอ่ื ง แนวทางการดำเนนิ งานในโรงเรยี น จดุ ประสงค์ : เพื่อใหผ้ ู้เขา้ อบรมได้ร่วมกันซกั ซ้อมวางแผนการดำเนนิ งานในโรงเรยี น สาระสำคญั : การวางแผนดำเนินงานในโรงเรยี น อยา่ งเปน็ รูปธรรม กำหนดสดั สว่ นเวลาในคาบเรยี นลูกเสอื กำหนดสัดสว่ นระหวา่ งกิจกรรมลกู เสือตามขอ้ บังคบั ลูกเสอื แห่งชาติและกจิ กรรมลกู เสือท่ีเนน้ ทักษะชวี ติ รวมท้งั วางแผนดำเนนิ งานและกำหนดผู้รบั ผิดชอบท่ชี ดั เจน จะชว่ ยใหก้ ารจัดกิจกรรมลูกเสอื ทเ่ี น้นทักษะชีวติ ประสบความสำเรจ็ ได้ สือ่ / อุปกรณ์ : 1. ใบกิจกรรม 2. Power point เรื่อง “แนวทางการดำเนนิ งานในโรงเรยี น”
คูม่ ือฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลกู เสอื ที่เนน้ ทกั ษะชวี ติ 85 ใบกจิ กรรม แบง่ กลมุ่ ตามโรงเรียน/กลุ่มโรงเรยี นของท่าน ร่วมกันอภปิ รายใหไ้ ด้ข้อสรปุ และส่งตัวแทน นำเสนอ ในประเดน็ (เวลา 20 นาที) 1. สดั สว่ นเวลาในการจดั กิจกรรมลูกเสือแต่ละคาบ เปดิ กอง: กจิ กรรม: ปดิ กอง 2. สัดสว่ นกิจกรรมลูกเสอื กิจกรรมตามขอ้ บงั คับลกู เสือแห่งชาติ : กจิ กรรมลกู เสือที่เน้นทักษะชีวติ 3. การวางแผนจัดกจิ กรรมลกู เสอื ในโรงเรียน เขียนลงในตารางทีก่ ำหนดให้ กิจกรรม เวลา ผู้รับผิดชอบ 1. แต่งตัง้ ผู้รับผิดชอบโครงการ 2. การเตรียมหลักสตู ร 3. การดำเนนิ งาน 4. การแลกเปล่ียนเรียนรู้ 5. การประเมินผล 6. ข้อเสนอแนะต่อผู้บรหิ ารโรงเรยี น................................................................................... ข้อเสนอแนะต่อฝ่ายงานวิชาการ..................................................................................... ข้อเสนอแนะตอ่ ฝา่ ยงานกิจกรรมนักเรยี น........................................................................
8866 คมู่ ือฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสือทเ่ี นน้ ทกั ษะชีวิต : POWER POINT แนวทางการดำเนินงาน การนำหลักสูตรไปใช้ ในโรงเรียน ในโรงเรยี นนำรอ่ ง นำรอ่ ง การวางแผนดำเนินงาน การนำหลักสูตรไปใช้ในโรงเรียนนำรอ่ ง การวางแผนดำเนนิ งาน โรงเรยี นนำรอ่ ง 4 ภาค ภาค ละ 10 โรงเรียน สัดส่วนเวลาในแต่ละคาบ ครอบคลมุ ลกู เสือทง้ั 3 ระดบั สัดสว่ นกิจกรรม ระหว่างกิจกรรมลูกเสือตาม ปกี ารศกึ ษา 2553 รวม 2 ภาคเรยี น ข้อบงั คบั ลูกเสอื แหง่ ชาติ และกิจกรรมลกู เสอื เยี่ยมเยยี นและสนับสนนุ ภาคละ 1 ครงั้ ท่ีเน้นทักษะชวี ิต ทมี นักวิจัย ติดตามประเมนิ ผล การวางแผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื ในโรงเรียน ปรบั ปรงุ คมู่ ือครู ขยายผล สดั ส่วนเวลาในแต่ละคาบ สัดสว่ นกิจกรรมลกู เสอื ในโรงเรยี น ตัวอยา่ ง กิจกรรมลูกเสือตาม กิจกรรมลกู เสือ ขอ้ บังคับลูกเสอื ท่เี น้นทกั ษะชีวติ สัปดาหล์ ะ 1 ชัว่ โมง แห่งชาติ * เปิดประชุมกอง 10 นาที 30 70 * กจิ กรรม 40 นาที 40 60 * ปิดประชมุ กอง 10 นาที 50 50
คู่มอื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลูกเสือทเี่ นน้ ทกั ษะชวี ติ 8877 การวางแผนใกนาโรรงจเดั รกียิจนกรรมลกู เสอื ใบกจิ กรรม 1. แต่งตงั้ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ แบง่ กลมุ่ ตามโรงเรียน/กลุ่มโรงเรยี น อภิปรายใหไ้ ด้ 2. เตรียมหลักสูตร ข้อสรุปและสง่ ตัวแทนนำเสนอในประเดน็ 3. วางแผนและดำเนินงาน 1. สัดสว่ นเวลาในการจัดกิจกรรมลกู เสือแตล่ ะคาบ 4. แลกเปล่ียนเรียนรู้ 2. เสปดั ิดสก่วอนงก:กิจกจิ กรรรมรมล:กู ปเสดิ ือกอง 5. ประเมนิ ผล 3. ตกาารมวขาอ้ งบแังผคนับจลัดกู กเจิสกอื รแรหมง่ ลชูกาเตสิอื: ใเนนน้โรทงักเรษียะนชีวิต 6. ข้อเสนอแนะ ตามตารางทก่ี ำหนดให้ (เวลา 20 นาที) การวางแผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื ในโรงเรยี น กิจกรรม เวลา ผูร้ ับผิดชอบ 1. แต่งต้งั ผูร้ ับผิดชอบโครงการ 2. การเตรียมหลกั สตู ร 3. การดำเนินงาน 4. การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ 5. การประเมินผล 6.ข้อเสนอแนะตอ่ ผู้บริหารโรงเรียน................................................. ขอ้ เสนอแนะต่อฝ่ายงานวิชาการ................................................... ข้อเสนอแนะตอ่ ฝ่ายงานกจิ กรรมนกั เรียน......................................
88 ค่มู อื ฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือทเ่ี น้นทกั ษะชีวิต ภาคผนวก
ภาคผนวก ก คมู่ อื ฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลูกเสอื ทเี่ น้นทกั ษะชีวิต 89 ประวัติลูกเสอื โลก การลูกเสอื ได้อุบัตขิ ้ึนเป็นแห่งแรกของโลก โดยลอร์ดเบเดน เพาเวลล์ ลอรด์ เบเดน เพาเวลล์ (Lord Baden Powell : B.P.) ทป่ี ระเทศองั กฤษ เมือ่ ปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) (Lord Baden Powell : B.P.) สืบเนื่องจากการรบกบั พวกบวั ร์ ในการรักษาเมอื งมาฟคิ งิ ทอ่ี าฟริกาใต้ในปี พ.ศ. 2442 ซึง่ บี. พี. ได้ตัง้ กองทหารเดก็ ให้ชว่ ยสอดแนมการรบ จนรบชนะขา้ ศกึ เมื่อกลบั ไปประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2450 จงึ ได้ทดลองนำเด็กชาย 20 คน ไปอยคู่ ่ายพกั แรมทเ่ี กาะบราวนซ์ ี ซึง่ ได้ผลดีตามทค่ี าดหมายไว้ ปี พ.ศ. 2451 บี. พี . จงึ ไดต้ ง้ั กองลกู เสอื ขนึ้ เป็นครั้งแรกของโลก ที่ประเทศองั กฤษ ในปเี ดยี วกนั น้นั เอง บ.ี พี. ได้แตง่ หนงั สือคู่มือการฝกึ อบรมลูกเสอื ข้ึนมาเล่มหนงึ่ มีช่อื ว่า Scouting For Boys และคำว่า “Scout” จงึ ใชเ้ ปน็ คำเรียกผู้ท่ีเป็น “ลูกเสอื ” ซง่ึ มีท่มี าจาก S ยอ่ มาจาก Sincerity แปลว่า ความจริงใจ C ย่อมาจาก Courtesy แปลวา่ ความสุภาพออ่ นโยน O ย่อมาจาก Obedience แปลว่า การเชอื่ ฟงั U ยอ่ มาจาก Unity แปลว่า ความเป็นใจเดยี วกนั T ยอ่ มาจาก Thrifty แปลว่า ความประหยัด ในปี พ.ศ. 2452 พระเจา้ เอ็ดเวริ ด์ ท่ี 1 ทรงรับอุปภมั ภก กจิ การลกู เสอื ในยคุ แรกมีจุดประสงค์เพื่อเตรยี ม คนไวเ้ ป็นทหาร หลังจากนัน้ ไมน่ านกจิ การลูกเสือก็ได้แพร่หลายเขา้ ไปยงั ประเทศสหรฐั อเมริกา ซงึ่ เหน็ ความ สำคัญและประโยชนข์ องลูกเสือ จึงได้ก่อต้งั กองลูกเสือข้ึนเปน็ ประเทศที่ 2 และประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 กจิ การลูกเสอื ได้แพรห่ ลายอย่างรวดเร็ว นานาชาตใิ นยุโรปไดจ้ ัดต้ังกองลกู เสือของตนข้ึน ลกู เสือกลายเปน็ องคก์ ารสากลและมีความสัมพันธก์ ันทวั่ โลก เป็นสือ่ ผูกมิตรไมตรีกนั โดยใชก้ ฎของลกู เสอื 10 ประการ ผูกสมั พันธ์ กันไม่เว้นเชอื้ ชาตใิ ด ศาสนาใดทัง้ สนิ้ ถอื วา่ ลูกเสอื ทัว่ โลกเปน็ พนี่ ้องกันหมด ปัจจบุ ันสำนักงานลูกเสือโลกตั้งอยู่ ท่กี รงุ เจนวี า ประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ มปี ระเทศทเี่ ป็นสมาชิกองคก์ ารลกู เสือโลก 160 ประเทศ
90 คู่มอื ฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือทเ่ี นน้ ทักษะชวี ิต ประวตั ิศาสตร์ลกู เสอื โลก ค.ศ. 1907 - มีการเขา้ คา่ ยพักแรมลกู เสือเป็นครั้งแรก ท่เี กาะบราวซี ค.ศ. 1908 - หนงั สอื Scouting for Boys ตพี มิ พ์ และเริม่ กำเนดิ กองลูกเสอื ขึ้นในหลายประเทศ ค.ศ. 1909 - จัดตงั้ สำนักงานลูกเสอื องั กฤษ และมกี ารชมุ นุมลูกเสอื องั กฤษเปน็ ครง้ั แรก ค.ศ. 1910 - จดั ต้ังกองลูกเสือหญิง (Girl Guide) โดยมแี อกนีส น้องสาวของ บ.ี พี. เป็นหวั หน้า ค.ศ. 1911 - จดั ตัง้ กองลกู เสอื สมุทร ค.ศ. 1912 - บี.พ.ี เดินทางไปเยีย่ มลกู เสือในประเทศตา่ ง ๆ รอบโลก ค.ศ. 1914 - เกดิ สงครามโลกครัง้ แรก บี.พ.ี มอบลูกเสอื ให้ทำหน้าที่ช่วยทหาร เช่น รกั ษาสะพาน และ สายโทรศพั ท์ ทำหน้าทผี่ สู้ ่อื ข่าว ช่วยงานในโรงพยาบาล ค.ศ. 1916 - จดั ตัง้ กองลกู เสือสำรอง ค.ศ. 1918 - จดั ตั้งกองลกู เสอื วสิ ามัญ (Rover Scout) ค.ศ. 1919 - ตง้ั กิลเวลลป์ าร์ด (Gilwell Park) และเริม่ ดำเนินการฝึกอบรมวิชาผกู้ ำกับลกู เสอื ข้ันวูดแบดจ์ ค.ศ. 1920 - มีการชมุ นุมลูกเสือโลกครงั้ แรกทีก่ รุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ บ.ี พ.ี ได้รับเลือกให้ เป็นประมุขของคณะลกู สอื โลก (Chief Scout of the World) ค.ศ. 1922 - บี.พ.ี เขียนหนงั สอื “Rovering to Success” หรอื “การท่องเทยี่ วสูค่ วามสำเร็จ” ซึง่ เป็นคมู่ อื สำหรับลูกเสือวสิ ามัญ ค.ศ. 1926 - จดั ตง้ั กองลกู เสอื พกิ าร ค.ศ. 1937 - บี.พ.ี ไดร้ บั พระราชธานบรรดาศักด์ิเปน็ Lord Baden Powell of Gilwell ค.ศ. 1941 - บ.ี พี. ถงึ แกก่ รรมเม่อื อายไุ ด้ 84 ปี
ค่มู ือฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสอื ที่เนน้ ทักษะชวี ติ 91 ประวัติลูกเสือไทย พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา พระบาทสมเด็จ ไดเ้ สดจ็ ไปทรงศกึ ษา ณ ประเทศองั กฤษ ในทวปี ยุโรป ระหว่างทที่ รงศึกษาอยู่นัน้ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั ได้ทรงทราบเรอ่ื งการสรู้ บเพอื่ รักษาเมืองมาฟคิ งิ ของลอร์ดเบเดน เพาเวลล์ และ การตง้ั กองลกู เสือขน้ึ เปน็ คร้งั แรกของโลก เม่ือพระองค์เสด็จนวิ ตั สิ ่ปู ระเทศไทย จงึ ไดท้ รงจดั ต้งั กองเสอื ปา่ (Wild Tiger Torps) ขน้ึ เมอ่ื วันท่ี 6 พฤษภาคม 2454 จุดมงุ่ หมายเพ่อื ฝึกหัดใหข้ ้าราชการและพลเรอื นได้เรียนรู้วชิ าทหาร เพอื่ เป็น คณุ ประโยชนต์ อ่ บ้านเมือง รจู้ ักระเบยี บวนิ ยั มีความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ มีมนุษยธรรม มีความเสียสละ สามัคคี และมี ความกตัญญูทรงพระราชทานคำขวญั ว่า “ แม้หวงั ตง้ั สงบจงเตรยี มรบให้พรอ้ มสรรพ ศตั รูกล้ามาประจัญ จะอาจสรู้ ิปูสลาย” 2 เดือนตอ่ มา ไดพ้ ระราชทานกำเนิดลูกเสือไทยขึน้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 โดยทรงมีพระราชปรารภวา่ เม่อื ฝกึ ผู้ใหญเ่ ปน็ เสือป่าเพื่อเตรยี มพร้อมใน การชว่ ยเหลอื ชาตบิ ้านเมืองแลว้ เห็นควรทจ่ี ะมีการฝึกเด็กชายปฐมวยั หรือลกู ของ เสือปา่ ให้มคี วามรู้ทางเสือป่าดว้ ย เมอ่ื เติบโตขึน้ จะได้รู้จักหนา้ ท่แี ละประพฤติตนให้ เปน็ ประโยชนต์ ่อชาติบา้ นเมอื ง ทรงตง้ั กองลกู เสอื กองแรกขึ้นท่โี รงเรียนมหาดเลก็ หลวง (โรงเรยี นวชริ าวุธ ในปจั จบุ นั ) เมือ่ วันท่ ี 1 กรกฎาคม พ.ศ 2454 (B.P. ขนานนามว่า กองลกู เสือกรุงเทพฯ ที่ 1) นบั เป็นประเทศที่ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ลกู เสือคนแรกคือ “นายชพั พ์ บุนนาค” (ตอ่ มาไดร้ บั พระราชทานบรรดาศักดเ์ิ ป็น นายลขิ ิต สารสนอง) เพราะเป็นผกู้ ลา่ วคำปฏญิ าณของลูกเสอื ได้เปน็ คนแรก จงึ มพี ระบรมราชโองการวา่ “อ้ายชัพพเ์ อง็ เปน็ ลกู เสือแล้ว” และจดั ตงั้ กองลกู เสอื ตามโรงเรียนต่างๆ มีการกำหนด ข้อบงั คบั ลกั ษณะปกครองลกู เสือข้นึ รวมทง้ั พระราชทานคำขวญั ให้แก่คณะลกู เสอื แหง่ ชาติวา่ “เสยี ชพี อยา่ เสยี สัตย์” นายชัพท์ บุนนาค ผู้ไดร้ บั ยกย่องว่าเปน็ ลกู เสือไทยคนแรก
92 คูม่ อื ฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสอื ทีเ่ นน้ ทักษะชวี ิต ลกู เสือกองแรกของไทย ลูกเสือกองแรกของไทยตัง้ ขน้ึ ทีโ่ รงเรยี นมหาดเลก็ หลวงเรยี ก “ลกู เสอื กรุงเทพฯ ท่ี 1” ต่อมาขยายตวั ออกไปจัดตัง้ ทีโ่ รงเรยี นหรอื สถานท่ใี ดสุดแตส่ ภากรรมการคณะลกู เสือแห่งชาตจิ ะเห็นสมควร เดก็ ที่จะเปน็ ลกู เสอื จะตอ้ งทำพธิ ีเขา้ ประจำกอง กลา่ วคำปฏญิ าณตนตามคำม่นั สญั ญานั้น ในสมัยนนั้ กจิ การลูกเสอื ไทยเล่อื งลือไปยงั นานาชาติวา่ “พระเจา้ แผ่นดนิ สยามทรงใฝพ่ ระทยั ในกจิ การ ลูกเสอื เป็นอย่างย่งิ ” ถึงกับกองลูกเสอื ท่ี 8 ของประเทศองั กฤษ ได้มีหนังสอื ขอพระราชทานนามนามลกู เสือกองนี้ วา่ “กองลูกเสอื ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าแผน่ ดินสยาม” พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานให้ตาม ความประสงค์ ลูกเสือกองน้ีติดเครื่องหมายช้างเผอื กทแี่ ขนเสือ้ ท้งั สองขา้ งและยังปรากฏอยตู่ ราบเทา่ ทุกวนั น้ี เมือ่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยูห่ ัวสวรรคตแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัวได้ทรง ฟน้ื ฟอู ีก โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้มกี ารชมุ นุมลกู เสอื แหง่ ชาติข้นึ ครัง้ แรกในบรเิ วณพระราชอทุ ยาน สราญรมย์ เม่ือ พ.ศ. 2470 จากนัน้ ได้จดั ใหม้ กี ารอบรมลกู เสอื อีกหลายรุน่ กระทงั่ ถงึ ปี พ.ศ.2475 เป็นปสี ดุ ท้าย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว กิจการลูกเสือไดร้ บั การปรบั ปรงุ ใหม่ด้วย สมยั น้ันไดช้ ่วยบำเพ็ญประโยชน์ แกข่ า้ ราชการทหารในการปราบจราจล รฐั บาลจงึ จดั ตง้ั หน่วยยุวชนทหารฝกึ วิชาทหารขึน้ โดยรับเดก็ ท่ไี ดเ้ ป็น ลกู เสอื มาแล้ว ส่วนกจิ การลูกเสอื กข็ ยายให้กวา้ งขวางขึน้ มีการจัดตงั้ กองลกู เสอื เหล่าเสนาและลูกเสือเหลา่ สมทุ ร เสนาขึ้นโดยฝกึ รว่ มกับ ยวุ ชนทหารการลูกเสือจงึ ซบเซาลงบา้ งในยคุ นี้ ปี พ.ศ. 2490 ทางราชการได้ฟน้ื ฟกู จิ การลูกเสืออีกคร้ัง มีการจัดชมุ นมุ ของลกู เสอื แหง่ ชาติ ส่งเจา้ หนา้ ที่ ในกองการลูกเสือไปเข้ารับการฝึกอบรมวชิ าลกู เสือตามมาตรฐานสากล และตามแบบนานาประเทศตามลำดับ มพี ระราชบญั ญัติลูกเสอื ใชบ้ ังคับโดยคณะกรรมการลกู เสือแห่งชาตเิ ป็นผบู้ ริหาร วัตถปุ ระสงคข์ องขบวนการ ลูกเสอื ได้รบั การปรบั ปรงุ และเนน้ ให้เห็นชดั เจนรัดกมุ ยง่ิ ขึ้น มคี วามว่า “คณะลกู เสอื แห่งชาตมิ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื พฒั นาลกู เสือทงั้ ทางกาย สตปิ ญั ญา จติ ใจ และศีลธรรม ใหเ้ ป็นพลเมืองดี มคี วามรบั ผิดชอบสรา้ งสรรค์สงั คม ใหม้ คี วามเจริญกา้ วหน้า เพ่อื ความสุขและความมนั่ คงของประเทศชาต”ิ การกำหนดวนั สถาปนาลูกเสือแห่งชาติ แม้พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัวจะทรงสวรรคตแลว้ กต็ าม พระราชอนสุ รณ์กจิ การลกู เสือของ พระองค์ทา่ นได้พฒั นาร่งุ เรอื งมาตามลำดับ จนเปน็ กจิ การทส่ี ร้างคุณประโยชน์สร้างชื่อเสียงของประเทศให้ ขจรขจาย เป็นที่รจู้ ักของนานาประเทศทั่วโลก และเพื่อเปน็ การระลกึ ถงึ พระองคท์ า่ น ทางราชการจึงไดก้ ำหนด วันท่ี 1 กรกฎาคมของทุกปเี ป็น “วันคลา้ ยวนั สถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาต”ิ หรอื “วนั ลูกเสือ”
คู่มือฝกึ อบรม การจดั กจิ กรรมลกู เสือท่เี น้นทักษะชีวิต 93 บทพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว ทีเ่ กยี่ วกบั ลกู เสอื “ใครมาเปน็ เจา้ เขา้ ครองคงตอ้ งบงั คบั ขบั ไสเคย่ี วเขญ็ เยน็ คำ่ ตรำไปตามวสิ ยั เชงิ เชน่ ผเู้ ปน็ นายเขาจะเหน็ แกห่ น้าคา่ ช่ือ จะนับถอื พงศพ์ นั ธ์ุนั้นอย่าหมาย ไหนจะต้องเหน่อื ยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา” “ขา้ ไมต่ อ้ งการตำราเรยี นทเ่ี ดนิ ได้ทขี่ า้ อยากไดน้ น้ั คอื เยาวชนทเี่ ปน็ สภุ าพบรุ ษุ ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ มอี ปุ นสิ ยั ใจคอด”ี “ลกู เสือบ่ใช่เสือสัตว์ไพรเรายมื ชอ่ื มาใชด้ ว้ ยใจกล้าหาญปานกนั ใจกลา้ มิใช่กลา้ อาธรรม์เช่นเสอื อรญั สญั ชาตชิ นคนพาล ใจกล้าต้องกลา้ อยา่ งทหาร กล้ากอรป์ กจิ การแหง่ ชาตปิ ระเทศเขตตน” แบบสัง่ สอนเสอื ป่าและลกู เสือ เปน็ บทพระราชนิพนธ์ทีถ่ อื ว่าเป็นหัวใจ สำคัญของเสอื ป่าและลกู เสือ เปน็ ตำรับทองของลกู เสอื เพอื่ ใช้ในการฝกึ อบรมในยคุ น้ัน ซึ่งประกอบด้วยบทต่างๆ ดังนี้ บทท่ี 1 การสบื ข่าวและการเดินทาง บทท่ี 2 อาณัตสิ ัญญาณ บทท่ี 3 การชา่ งและความรู้เบด็ เตลด็ บทท่ี 4 การต้ังคา่ ยและที่พักแรม บทท่ี 5 การอยคู่ ่ายและท่ีพกั แรม (ต่อ) บทที่ 6 ยามและดา่ น บทที่ 7 การพจิ ารณาสังเกตแุ ละจำ บทท่ี 8 การสะกดรอย บทที่ 9 การสันนิษฐาน บทท่ี 10 การแฝงกายและเกลือ่ นรอย บทท่ี 11 รายงานและแจง้ เหตุ บทที่ 12 กำบงั บทท่ี 13 ตั้งรบั บทที่ 14 ปอ้ งกันตัว บทท่ี 15 จบั ผ้รู า้ ย บทที่ 16 ชว่ ยชีวติ และกนั ภัย บทท่ี 17 ปัจจุบันพยาบาล บทที่ 18 ปจั จบุ นั พยาบาล (ต่อ)
94 คมู่ ือฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลกู เสือท่เี นน้ ทักษะชีวิต ประวัตศิ าสตร์ลกู เสอื ไทย พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 6 ทรงกอ่ ต้งั กจิ การลูกเสอื ไทย เม่อื วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - จัดสง่ ผู้แทนคณะลกู เสอื ไทย จำนวน 4 คน ไปร่วมงานชุมนมุ ลูกเสือโลก คร้งั ที่ 1 (1st World Scout Jamboree) ซ่ึงจัดเป็นครง้ั แรกของโลก ณ โอลิมเปยี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - คณะลกู เสือไทย ได้สมคั รเข้าเปน็ สมาชกิ ของสมัชชาลูกเสือโลก ซงึ่ ขณะนัน้ มสี มาชกิ รวมท้งั สิน้ 31 ประเทศ ประเทศทั้ง 31 ประเทศน้ี นบั เป็นสมาชกิ รุ่นแรก หรือสมาชิกผกู้ อ่ การจดั ตงั้ (Foundation Members) สมชั ชาลูกเสือโลกขน้ึ มา พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) - ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทย 10 คน ไปรว่ มงานชุมนุมลกู เสอื โลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมารก์ พ.ศ. 2468 (ค.ศ.1925) - พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจา้ อยู่หวั เสด็จสวรรคต เมอ่ื วนั ท่ี 24 พฤศจิกายน 2468 พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) - จัดงานชมุ นมุ ลกู เสือแห่งชาติ ครั้งที่ 1 (1st National Jamboree) พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - เปน็ สมาชิกของสำนกั งานลูกเสือภาคตะวันออกไกล ซ่งึ เพิง่ จดั ตั้งข้ึน ขณะน้นั มีประเทศสมาชกิ อยู่ 10 ประเทศ พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการลูกเสอื ไทย พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - เป็นเจา้ ภาพจดั การประชุมผบู้ งั คับบัญชาลูกเสอื ภาคตะวนั ออกไกล ครง้ั ที่ 3 (3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสันตธิ รรม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - ประเทศไทยเปน็ เจ้าภาพจดั ชุมนมุ ลกู เสือโลก ครง้ั ที่ 20 ณ อำเภอสตั หีบ จังหวัดชลบุรี
ค่มู อื ฝกึ อบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือท่เี น้นทกั ษะชวี ิต 95 ประเภทของลูกเสือไทย ลูกเสอื คอื เยาวชนชายและหญิงอายุระหว่าง 8 – 25 ปี ทีร่ บั การฝกึ อบรมตามหลกั สตู รวิชาลกู เสอื โดย ยดึ มัน่ ในหลกั การ วิธกี าร และวัตถุประสงคข์ องการลูกเสือ อยา่ งเคร่งครัดตามพระราชบญั ญตั ลิ ูกเสือ แบ่งออก เป็น 4 ประเภท 1. ลูกเสอื สำรอง (Cub Scout) ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 กองลูกเสอื สำรอง ประกอบด้วยหมลู่ กู เสอื อย่างน้อย 2 หมู่ และไมเ่ กิน 6 หมู่ หม่หู น่งึ มลี ูกเสือ 4 – 6 คน รวมทั้งนายหมู่และรองนายหมดู่ ว้ ย 2. ลกู เสือสามัญ (Scout) ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6 กองลกู เสอื สามัญประกอบดว้ ยหมลู่ กู เสืออย่างนอ้ ย 2 และไมเ่ กิน 6 หมู่ หมหู่ นง่ึ มีลกู เสือ 6 – 8 คน รวมท้ังนายหมู่และรองนายหมู่ดว้ ย 3. ลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่ (Senior Scout) ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 - 3 กองลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ประกอบด้วยหมู่ลูกเสอื อยา่ งนอ้ ย 2 หมู่ และไมเ่ กิน 6 หมู่ หมูห่ นึ่งมีลูกเสอื 4 – 8 คน รวมท้งั นายหมูแ่ ละรองนายหมู่ 4. ลูกเสอื วิสามญั (Rover Scout) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 - 6 (หรอื อาชวี ศึกษา/ อุดมศกึ ษา) กองลกู เสอื วิสามัญประกอบดว้ ยลูกเสอื วิสามัญอยา่ งน้อย 10 คน และไม่เกนิ 40 คน โดยจะแบง่ ออก เป็นชดุ หรอื หมู่ ตามความตอ้ งการก็ได้ และควรมลี กู เสอื วสิ ามญั ชุดหรือหมูล่ ะ 4 - 6 คน รวมทัง้ นายหมูแ่ ละรอง นายหมู่ คำปฏญิ าณ และกฎ ของลกู เสือ คำปฏิญาณ คอื การใหค้ ำม่นั สัญญาว่าจะประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามสง่ิ ที่พดู ด้วยความเตม็ ใจ กอ่ นทลี่ กู เสอื จะ กล่าวคำปฏิญาณต้องข้นึ ตน้ วา่ “ข้าขอสัญญาว่า” แลว้ จงึ ตามด้วยคำปฏิญาณ กฎ คือ หลักเกณฑท์ ่ลี กู เสอื ตอ้ งยึดเปน็ หลักปฏิบตั อิ ยู่เสมอ คำปฏิญาณ ลูกเสอื สำรอง มี 2 ขอ้ ดว้ ยเกียรติของขา้ ขา้ ขอสัญญาวา่ ข้อ 1 ข้าจะจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ข้อ 2 ข้าจะยึดม่นั ในกฎของลกู เสือสำรองและบำเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ผอู้ น่ื ทุกวัน ลูกเสือสามารถปฏบิ ตั ิตนตามคำปฏญิ าณได้ ดังน้ี 1. มคี วามจงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั รยิ ์ 2. ปฏบิ ัตติ ามคำสอนของศาสนา 3. ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ระเบยี บแบบแผน 4. รจู้ กั รกั หวงแหน และป้องกนั ชาติ 5. บำเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ผู้อน่ื 6. ช่วยอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติ 7. ไม่ทำลายสาธารณสมบัติ
96 คมู่ ือฝกึ อบรม การจดั กิจกรรมลกู เสอื ทีเ่ น้นทกั ษะชีวติ กฎของลูกเสอื สำรอง มี 2 ข้อ ดังน้ี ขอ้ 1 ลูกเสือสำรองทำตามลูกเสือรนุ่ พี่ ข้อ 2 ลกู เสอื สำรองไม่ทำตามใจตนเอง ลกู เสือ สามารถปฏิบตั ิตนตามกฎได้ ดังนี้ 1. เคารพเชอื่ ฟังผู้กำกบั ตลอดจนผ้ใู หญท่ นี่ ับถือ 2. เปน็ ผ้ตู ามท่ีดี รู้จกั บงั คับใจตนเอง มีระเบยี บวินัย ลูกเสอื สามัญ สามัญรุ่นใหญ่ และวิสามญั คำปฏิญาณ มี 3 ข้อ ดงั นี้ ดว้ ยเกยี รติของข้า ขา้ ขอสญั ญาว่า ขอ้ 1 ข้าจะจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ (ความหมาย - ลกู เสอื จะต้องมคี วามศรัทธา เชอื่ มั่น ในชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ของตน เคารพเทิดทูนท้ัง 3 สถาบันด้วยความซ่ือสตั ย์) ขอ้ 2 ข้าจะชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ทุกเมื่อ (ความหมาย - ลกู เสือจะต้องประพฤติปฏิบัตติ นให้เป็นประโยชน์ต่อผ้อู ่ืน ในทุกโอกาส ทกุ สถานการณ์ เทา่ ท่จี ะทำได้ โดยเร่มิ ตงั้ แต่ครอบครัว จนถึงสังคมภายนอก) ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสอื (ความหมาย - ลูกเสอื ต้องปฏิบัตติ นตามกฎ 10 ขอ้ ของลูกเสือซึง่ เป็น หลักยึดเหนี่ยวใหล้ กู เสอื ปฏบิ ัติแตส่ งิ่ ดีงาม) ลกู เสอื ควรปฏิบตั ติ ่อชาติ ดังน้ี 1) ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีหมน่ั ศึกษาหาความร้ใู ส่ตวั 2) ไม่ประพฤติตนผดิ ตอ่ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และกฎหมายของบา้ นเมอื ง 3) เป็นผปู้ ระกอบอาชีพสจุ รติ มคี วามซอ่ื สตั ย์ 4) รักและหวงแหนแผน่ ดนิ ถิน่ เกดิ ของตน เป็นผเู้ สียสละและกลา้ หาญ ลูกเสือควรปฏบิ ัติต่อศาสนา ดังน้ี 1) ปฏบิ ัตกิ จิ ทางศาสนาตามจารีตประเพณีทตี่ นนบั ถอื ดว้ ยใจบริสทุ ธ์ิ 2) ปฏบิ ัตติ ามคำสอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ 3) ไม่แสดงอาการลบหลศู่ าสนาอน่ื 4) ละเว้นการประพฤตชิ ่ัวกระทำแต่ความดี 5) เขา้ รว่ มพธิ ที างศาสนาตามเวลา และโอกาสอนั ควร ลูกเสอื ควรปฏบิ ตั ิตอ่ พระมหากษัตริย์ ดงั น้ี 1) แสดงความเคารพต่อพระองคท์ ่าน และพระบรมฉายาลักษณ์ 2) ไม่กระทำการใดๆ ที่จะส่งผลใหเ้ สื่อมเสียพระเกียรตคิ ณุ และตอ้ งช่วยปอ้ งกนั ไม่ใหค้ นอ่ืนกระทำ ด้วยเชน่ กนั
คู่มือฝึกอบรม การจัดกิจกรรมลูกเสอื ท่ีเน้นทักษะชีวิต 97 กฎของลกู เสือสามญั สามญั รุ่นใหญ่ และวิสามญั มี 10 ข้อ ดงั นี้ ขอ้ 1 ลกู เสือมีเกียรติเช่อื ถือได ้ (ความหมาย - ลูกเสือจะตอ้ งยดึ มัน่ ในความซื่อสัตย ์ ปฏบิ ตั ติ ามคำม่ัน สญั ญา กระทำตนให้เป็นท่เี ชือ่ ถือและไว้วางใจได้) ข้อ 2 ลกู เสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริยแ์ ละซอ่ื ตรงต่อผมู้ ีพระคณุ (ความหมาย - ลกู เสอื จะปกป้องสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และยดึ ม่นั ในความซอ่ื สตั ย์ กตัญญูตอ่ ผมู้ ี พระคุณทกุ ทา่ น) ขอ้ 3 ลกู เสอื มหี นา้ ท่กี ระทำตนให้เปน็ ประโยชน์และช่วยเหลือผูอ้ น่ื (ความหมาย - ลูกเสอื จะตอ้ งพร้อม อยูเ่ สมอที่จะบำเพญ็ ประโยชน ์ และเป็นทพี่ ึง่ แก่ผอู้ ่นื ได)้ ขอ้ 4 ลกู เสือเปน็ มติ รของคนทกุ คน และเปน็ พี่นอ้ งกบั ลกู เสืออน่ื ทัว่ โลก (ความหมาย - ลกู เสอื จะตอ้ งมี ใจโอบอ้อมอารี มีความเอ้อื เฟือ้ เผือ่ แผแ่ กท่ ุกคน โดยไมเ่ ลือกเช้ือชาติ ศาสนา และปฏิบตั ิต่อเขา เหมือนญาติพ่นี ้อง) ข้อ 5 ลูกเสอื เป็นผู้สภุ าพเรยี บรอ้ ย (ความหมาย – ลูกเสือจะต้องเป็นผู้มกี ิรยิ าวาจาสภุ าพ อ่อนโยน อ่อนน้อมมสี ัมมาคารวะตอ่ บุคคลทัว่ ไป) ขอ้ 6 ลูกเสอื มคี วามเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ (ความหมาย - ลูกเสอื จะต้องมใี จเมตตากรุณา สงสารสตั ว์ ไมร่ งั แกหรอื ทรมานสัตว์ หรือเมือ่ พบสัตว์บาดเจ็บตอ้ งให้การชว่ ยเหลอื ) ข้อ 7 ลกู เสอื ต้องเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดาและผ้บู ังคบั บัญชาดว้ ยความเคารพ (ความหมาย - ลูกเสือจะ ตอ้ งปฏบิ ตั ิตามคำสัง่ สอน คำชแ้ี นะของบิดามารดา ครอู าจารย์ และผบู้ ังคบั บญั ชาดว้ ยความเต็มใจ และเคารพ) ขอ้ 8 ลูกเสือมใี จร่าเริง ไมย่ อ่ ท้อต่อความยากลำบาก (ความหมาย - ลูกเสือจะต้องมคี วามรา่ เรงิ ยม้ิ แยม้ แจ่มใสอยู่เสมอ ถึงแมจ้ ะตกอยใู่ นความยากลำบาก กจ็ ะไม่แสดงอาการย่อทอ้ ใหเ้ ห็น) ขอ้ 9 ลูกเสือเป็นผมู้ ธั ยสั ถ์ (ความหมาย - ลูกเสอื จะต้องรจู้ กั ประหยัดทรพั ย์ทั้งของตนเองและผ้อู ่ืน ไม่สุรุย่ สรุ า่ ย) ข้อ 10 ลูกเสอื ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ (ความหมาย - ลูกเสือจะตอ้ งรจู้ กั สำรวม และระวงั กาย วาจา ใจ ไมใ่ หม้ คี วามอจิ ฉารษิ ยา มีความบรสิ ุทธ์ใิ จต่อทุกคน) คติพจนข์ องลกู เสอื คตพิ จน์ คือ คำพูดหรือขอ้ ความทเี่ ปน็ คตสิ อนใจใหย้ ึดถอื ปฏบิ ัติ เพอ่ื ประโยชนข์ องตนเองและส่วนรวม คติพจน์ของลูกเสอื ทัว่ ไป “เสียชีพอย่าเสยี สตั ย”์ มีความหมายว่า ให้ลูกเสอื รักษาความซอ่ื สัตย์ จะไม่ยอมละความสตั ยถ์ ึงแม้จะถูก บบี บังคับจนเป็นอันตรายถงึ แก่ชีวิตก็ตาม คตพิ จน์ของลกู เสอื ประเภทตา่ งๆ ประกอบด้วย 4 คตพิ จน์ เรยี งลำดับตามการปฏิบัตแิ ละการนำคติพจนข์ องลกู เสือมาประยกุ ตใ์ ช้ จากง่าย ไปยากตามระดบั ของลกู เสือ
98 คู่มือฝึกอบรม การจัดกจิ กรรมลูกเสือทเ่ี นน้ ทักษะชวี ิต ลกู เสือสำรอง (Cub Scout) อายุ 8-11 ปี ทำดีทส่ี ุด (Do Our Best) หมายถึงการปฏบิ ัตหิ นา้ ทขี่ องตนทีม่ ีอยู่ให้ดที ส่ี ุด เพื่อใหผ้ ู้รับบริการไดร้ บั การ บริการทดี่ ที ่ีสุด ไม่สนใจเปรยี บเทยี บหรอื แข่งขันผลงานกับผอู้ น่ื ไมใ่ สใ่ จวา่ ผลท่ไี ดร้ บั จะเป็นชยั ชนะหรือความ พ่ายแพ้ เพียงใหผ้ ลงานเปน็ ตวั พสิ ูจน์การกระทำ ทำดที ่สี ุดในทุกสถานการณ์ ลกู เสือสามัญ (Scout) อายุ 11-16 ปี จงเตรยี มพรอ้ ม (Be prepared) หมายถงึ การเตรียมพรอ้ มในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ เปน็ การเตรยี มพรอ้ มทั้ง รา่ งกายและจติ ใจคอื การเตรยี มรา่ งกายใหแ้ ขง็ แรงอยเู่ สมอและตนื่ ตวั ใหพ้ รอ้ มทสี่ ดุ ท จี่ ะปฏบิ ตั หิ นา้ ทท่ี ร่ี บั ผดิ ชอบ ทบทวนเพื่อใหเ้ กิดความถูกตอ้ ง และทำใหถ้ ูกต้องในทกุ กิจกรรม ทุกขน้ั ตอน คำนงึ เสมอวา่ อาจมคี วามผิดพลาด เกดิ ขนึ้ ไดแ้ ละพรอ้ มรบั มอื กบั ปัญหาน้นั ๆ ในทกุ สถานการณ์ พรอ้ มทกุ ขณะท่ีปฏิบัติหน้าท่ี และพรอ้ มท่จี ะเสยี่ ง อันตรายเพ่ือช่วยเหลือผู้อนื่ หมายเหตุ คำวา่ Be Prepared ยังรวมอกั ษรตวั แรกมาจากคำอกี หลายคำ ได้แก่ RDPBREAPEE ----------PPEEEABRRDUANNNSREEERRSDTTFSAVTOHEPUOVUONORERURLRTEPRUSAMSAIORREYTINNAAIS NICS TOCSH EEI EM NO I P N จกกคคคกคคคุดาาาววววววรราาาาราาหมเอมมมมมมมปทุสีกกกอแมาล่วดนรลลน่ัิศยยี่นะา้า้ตทว่ในตหเรจแัวนสอืแว่านี่ยมรปญ่งือลรง้นใหด้ ีขน้ึ ลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ (Senior Scout) อายุ 14-18 ป ี มองไกล (Look wide) หมายถงึ การมองให้กวา้ งและไกล ฉลาดท่จี ะมองเหน็ ความจริงของสง่ิ ตา่ งๆวา่ ผล จากการกระทำภารกจิ ของตน อาจส่งผลกระทบถึงภารกิจอ่นื บุคคลอื่น จะประสบผลดี ผลเสยี ตอ่ องคก์ รส่วนรวม หรอื ไมอ่ ยา่ งไร วิเคราะหแ์ ละสามารถกำหนดทิศทางเป้าหมาย วางแผนได้อยา่ งถูกตอ้ ง ชดั เจน ลูกเสือวิสามญั (Rover) อายุ 16-25 ปี บริการ (Service) หมายถงึ การกระทำดว้ ยความต้ังใจ ที่จะให้ผู้อ่ืนมีความสะดวกหรอื ลดปญั หา หรอื ความทุกข์ หวงั เพียงให้ผ้รู บั บรกิ ารไดร้ ับในส่ิงทเี่ หมาะสมทส่ี ดุ เสมอ โดยไมห่ วังรางวัลหรอื ส่งิ ตอบแทนใดๆ
ภาคผนวก ข คมู่ ือฝึกอบรม การจดั กิจกรรมลกู เสือที่เนน้ ทกั ษะชวี ติ 99 ทักษะชีวิตกบั กิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ เปน็ ความสามารถทางจิตสังคม ทจี่ ะจัดการกับปญั หาต่างๆ รอบตัวในสภาพสังคมปจั จบุ นั และ เตรยี มพร้อมสำหรับการปรับตัวในอนาคต องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ิต มี 12 องคป์ ระกอบ จัดเป็น 6 คู่ โดยแบ่งตามพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 3 ดา้ น ดงั นี้ จิตพสิ ัย คภในคผเวาหวู้อาตคน็ามื่นัวภมคใเูมอจวิใงาจรมูใ้ ตนครตวะนาหพสมคนรุทวคว้าักจิ ธดิางามสิพวรกแสิเรคณสิคัมลาริดยัร์รคพะาสก์ ันะราหธ้ารภง์สาอื่ พสแปกสานิกาัญรร้ไใหตขจาแดั ละ ทกั ษะพิสัย ชคอวาบมตร่อบั สผังดิคม กกคับาวารอจมาัดเรคกมราณียรดแ์ ละ 1. ดา้ นพุทธิพิสยั จัดไว้ตรงกลางของแผนภาพ เพราะเป็นองค์ประกอบรว่ มและเป็นพน้ื ฐานของทกุ องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ - ความคดิ วิเคราะห์วจิ ารณ์ เปน็ ความสามารถท่จี ะวเิ คราะห์ แยกแยะ ข้อมลู ข่าวสาร ปญั หา และ สถานการณ์ตา่ งๆ รอบตวั - ความคิดสรา้ งสรรค์ เป็นความสามารถในการคิดออกไปอยา่ งกว้างขวาง โดยไม่ยึดติดอย่ใู นกรอบ 2. ด้านจติ พสิ ยั หรือ เจตคต ิ มี 2 คู่ คอื คู่ที่ 1 ความตระหนกั รู้ในตนเอง และ ความเหน็ ใจผอู้ น่ื คูท่ ี่ 2 เหน็ คณุ คา่ ตนเอง และ ความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม - ความตระหนักรูใ้ นตนเอง เปน็ ความสามารถในการคน้ หาและเขา้ ใจในจดุ ดีจุดดอ้ ยของตนเอง และ ความแตกตา่ งทีต่ นเองมีกับบคุ คลอนื่ ไมว่ า่ จะในแงค่ วามสามารถ เพศ วยั ระดบั การศกึ ษา ศาสนา สผี วิ ทอ้ งถนิ่ สุขภาพ ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114