ผทู จี่ ะรักความเปนไทยไดน้นั จะตองมีคุณธรรมดังน้ี คือ มีสติ สัมปชัญญะ มีหิริ โอตตัปปะ มีขันติ โสรัจจะ มีกตญั ู กตเวที และมปี ญ ญาท่รี อบรู เปนคณุ ธรรมประจํา กาย วาจา ใจ ๑. รักแผนดินไทย หมายถึง มีสติ สัมปชัญญะ ระลึกได และรูตัวตลอดเวลาวาแผนดินนี้เปนของเรา ชาวไทยท่ัวท้ังประเทศ กวาท่ีจะไดมา บรรพบุรุษของเราไดเสียสละดวยเลือดเนื้อและชีวิตตอสูกับอริราชศัตรู เพ่ือปกปองรักษาแผนดินนี้ไวใหลูกหลานไทย ไดมีแผนดินอยูอาศัยจนถึงปจจุบันน้ี ตองมีความกตัญู กตเวที รูค ุณและตอบแทนบุญคุณ ดวยการรักษาแผนดินไทยน้ีดวยชีวิต เราตองมีหิริโอตตัปปะ มีความละอายตอบาป เกรงกลัวตอบาป ที่จะไมคิดทําราย ทําลาย ขายแผนดิน หรือแบงแยกดินแดนของไทยใหผูหน่ึงผูใดหรือประเทศ ใดเขา มาครอบครองเปนอันขาด ๒. รักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข จากประวัติศาสตร ชาติไทยต้ังแตยุคสุโขทัย ไทยเราไดมีการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย (Absolute Monarchy) อันมีพระมหากษัตริยท รงมพี ระราชอาํ นาจในการปกครองประเทศ จนมาถงึ รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระปกเกลา เจาอยูหัวฯ รัชการที่ ๗ พ.ศ. ๒๔๗๕ ไดมี \"คณะราษฎร\" ทําการปฏิวัติสําเร็จ และยึดอํานาจการปกครอง คณะราษฎรไดเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยมาเปนระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยทรงเปนประมุขมาโดยตลอดจนถึงปจจุบัน สะทอนเจตนารมณของประชาชน วาพสกนิกร ชาวไทยท้งั ชาตยิ ังเคารพสกั การะ เทิดทูนใหพระมหากษัตริยทรงเปนประมุขตลอดไป เราตองมีสติ สัมปชัญญะ มีความระลึกได และรูตัวตลอดเวลาวา นับวาโชคดีท่ีไดเกิดใตรมพระโพธิสมภาร อาศัยอยูในประเทศไทยได อยางรมเย็นเปนสุข ดวยพระบารมีของพระมหากษัตริยทุกพระองค ทรงปกครองประเทศดวยทศพิธราชธรรม ไมวาจะนับถือศาสนาใด เชื้อชาติใด พระองคทานทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตอพสกนิการชาวไทยเทาเทียมกัน เสมอกันอยางหาทส่ี ดุ มไิ ด ๓. รักพระพุทธศาสนา อันเปน ศาสนาประจําชาติ ตองมีปญญารอบรูอยูเสมอวา พระพุทธศาสนา และ พระธรรมคําสอนขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา พระองคทานทรงสอนใหเปนคนดี เม่ือประพฤติปฏิบัติ ตามทําใหความทุกขคลายลง มีความสุขความสบายย่ิงข้ึน จึงตองทํานุบํารุง รักษาพระพุทธศาสนา โดย การประพฤตปิ ฏิบัตติ ามคาํ สอนและทํานุบํารุงปูชนียสถานใหค งอยู เพอ่ื ใหพระพุทธศาสนาเจริญรุงเรืองสบื ไป ๔. รักพระมหากษัตริย หมายถึง รักพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ รักสมเด็จพระนางเจา พระบรมราชินีนาถฯ รักพระบรมวงศานุวงศทุกพระองค จากประวัติศาสตรชาติไทยนับตั้งแตยุคสุโขทัยจนถึง ปจจุบัน บูรพระมหากษัตริยทุกพระองคทรงปกครองประเทศดวยทศพิธราชธรรม ทรงเปนจอมทัพไทย ทรงพระปรีชาสามารถนํากองทัพเพื่อปกปองชาติ ตอสูกับอริราชศัตรู และกอบกูเอกราชจากพมาในการเสียกรุง ท้งั สองครง้ั ผูที่จะรักสถาบันพระมหากษัตริยนั้น ตองมีคุณธรรม คือ ปญญา มีสติ สัมปชัญญะ มีความกตัญู กตเวที มหี ริ ิ โอตตัปปะเปนคุณธรรมประจํากาย วาจา ใจ เราตองมีปญญา และมีสติ สัมปชัญญะ ระลึกไดและ รูตวั ตลอดเวลาวา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระองคไดทรงปกครองแผนดิน โดยธรรม เพื่อประโยชนสุขแหงมหาชนชาวสยาม ทรงยึดหลักทศพิธราชธรรมภายใตรมพระโพธิสมภาร พระองคทรงนําแนวพระราชดําริเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการในพระราชดําริอีก ๒,๐๐๐ กวาโครงการท่ี พระบาทสมเด็จพระเจาอยหู วั ฯ และพระบรมวงศานุวงศทุกพระองคทรงนําความเจริญรุงเรือง และความผาสุก มาสูพสกนิกรชาวไทยทุกหมูเหลา ตลอดทั้งทรงสรางเกียรติประวัติเล่ืองลือไกลใหกับประเทศไทย จนเปนท่ี ประจักษแกนานาอารยประเทศ อันเปนพระมหากรุณาธิคุณอยางย่ิงใหญหาท่ีสุดมิได เราตองมีหิริ โอตตัปปะ มีความละอายตอบาป เกรงกลัวตอบาป ไมกลาที่จะคิดคดทรยศ หรือทําราย ทําลาย จาบจวง ลวงละเมิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพตอ พระองคทาน เราตอ งมคี วามกตญั ูกตเวที รูคุณและตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ 88 90
ของพระองคทาน ดวยความจงรักภักดี เทิดทูน และรักษาปกปองสถาบันพระมหากษัตริยไวดวยชีวิต เพื่อให เปน สถาบนั หลกั สถิตสถาพรคูกบั ชาตไิ ทยตลอดไปตราบนานเทา นาน ๕. รักวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีของไทย หมายถึง รักขนบธรรมเนียม ประเพณี อันเปนเอกลกั ษณข องไทยที่สบื ตอกนั มาเปน เวลายาวนาน ผูทจ่ี ะรักวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของไทยน้ัน จะตองมีคุณธรรม คือ มีขันติ โสรัจจะ คือ มีความอดทน มีความสงบเสง่ียม ประจํากาย วาจา ใจ ตองอดทนตอสิ่งยั่วยวนตาง ๆ ที่ทําใหเราทําผิด วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของไทย ตองมีความสงบเสงี่ยม กาย วาจา ใหเรียบรอยสมกับเปน คนไทย เชน การแตงกายตองสุภาพเรียบรอย การเคารพนบนอบตอผูใหญ เชน การไหว ตองรักษา อนุรักษ ประเพณไี ทย เชน ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต ประเพณีแตงงาน ประเพณีโกนจุก ประเพณีบวชนาค ทําบุญขึ้นบานใหม ทําบุญในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เชน วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเขาพรรษา วันออกพรรษา ตองอดทนไมนําเอาหรือเลียนแบบวัฒนธรรมของตางชาติเขามาทําลาย หรือทํา ใหวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของไทยตองเสื่อมเสีย เปนคนไทยควรรักษาความเปนไทยดังท่ี กลาวมาแลวน้ี จะไดเปน ผูท ี่รกั ความเปนไทยอยางสมบูรณ ๖. รักเผาพันธุไทย หมายถึง รักษาไวซึ่งความเปนเช้ือชาติของความเปนไทย ที่บรรพบุรุษถายทอดมา จนมาถงึ ลูกหลานไทยในปจจุบัน โดยไมย อมใหตา งชาติมาเปลี่ยนแปลงหรือกลืนเผา พันธุความเปน เชื้อชาตไิ ทย ผูท่ีจะรักเผาพันธุไทยไดน้ัน จะตองมีปญญา มีสติ สัมปชัญญะ ระลึกไดและรูตัวตลอดเวลาวาเปน คนไทย จงมีความภาคภูมิใจในความเปนเช้ือชาติไทย ท่ีมีลักษณะเฉพาะ มีรูปรางหนาตา ผิวพรรณ ซ่ึงเปน เอกลกั ษณของบรรพบุรุษไทย ท่ีไดดํารงเผาพันธุมาจนถึงปจจุบัน และตองมีขันติ มีความอดทน ไมยอมที่จะให ตางชาติมากลืนความเปนเผาพันธุความเปนไทยของเราได ผูที่มีคุณธรรมดังกลาวมาแลวน้ีถือวาเปนผูท่ีรัก ความเปน ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ มจี ิตเปนสาธารณะ หมายถึง ผูที่มีจิตอันบริสุทธ์ิ ไมมีกิเลสเจือปน เปนผูใหและผูอาสาชวยเหลือสังคม รูจักแบงปน เสียสละความสุขสวนตนเพ่ือทําประโยชนใหแกผูอื่น เห็นอกเห็นใจ และเห็นคุณคาในเพื่อนมนุษย และผูที่มีความเดือดรอน มีความเอ้ืออาทรเอาใจใส อาสาชวยเหลือสังคม ดวยแรงกายและสติปญญา ลงมือ ปฏิบัติการเพ่ือบรรเทาปญ หา หรอื รว มสรา งสรรคส ่งิ ดงี ามใหเกดิ ขนึ้ ในชุมชน ผูท่ีจะเสียสละความสุขสวนตนเพ่ือชวยเหลือสังคมและเพ่ือนมนุษยดวยกัน ผูท่ีจะมีจิตเปนสาธารณะ ตองมีคุณธรรมประจํากาย วาจา ใจ คือ พรหมวิหาร ๔ ซ่ึงเปนคําสอนขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ประกอบดว ย เมตตา กรุณา มทุ ติ า และอุเบกขา มรี ายละเอียดดังนี้ ๑. เมตตา คือ ความรัก ปรารถนาดตี อ งการใหทุกชีวิต ทุกวิญญาณมีความสุข มี ๒ อยาง คือ ความรัก ที่มกี เิ ลสเจือปน และความรักท่ีไมมีกเิ ลสเจือปน ๑.๑ ความรักท่ีมีกิเลสเจือปน หมายถึง ความรักที่มีกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ และ ความหลงครอบงาํ จิต เชน พอ แมร ักลูก ลูกรักพอแม ชายหนุมรักหญิงสาว พ่ีรักนอง นองรักพ่ี รักวงศาคณาญาติ รักพวกพอง ลูกนองบริวาร ซึ่งเปนธรรมชาติของมนุษย และสัตวท่ีมีความรักอยูแลวต้ังแตเกิด ความรักเหลาน้ี เปนของมนุษยปุถุชนซ่ึงมีความเห็นแกตัว ความลําเอียง เปนความรักท่ีแคบและมีขอบเขต คือ ปรารถนาจะให คนท่ีตนรักมีความสุขเทาน้ัน จะเห็นไดจากมนุษยและสัตวในสังคมปจจุบันและตัวของเราเอง ตัวอยางเชน มอี าหารอยูห นงึ่ จานเรารับประทานแลว รสู กึ อรอย มีความสุข อยากใหพ อ แม ลกู หลาน ญาติพ่ีนอง กับพวกพอง บริวารไดร บั ประทานอาหารจานน้ี คงจะอรอยและมีความสุขเหมือนเรา นี้คือ ความเมตตา หรือความรักท่ีเปน ธรรมชาตขิ องมนษุ ยปถุ ชุ นท่มี ีกิเลสครอบงําจิต ไมถ ือวาเปน ผูทมี่ จี ิตเปน สาธารณะ 89 91
๑.๒ ความรกั ท่ีไมมกี ิเลสเจือปน หมายถงึ ความรักของผูที่ไมมีกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจิต เปนความรักอันบริสุทธ์ิและกวางขวาง มีความปรารถนาดีที่จะทําใหทุกคน ทุกชีวิต ทุกวิญญาณ มีความสุขความเจริญ ไมเลือกที่รักมักที่ชัง ไมวาผูน้ันจะเปนใครหรือเปนสัตวชนิดใด ก็มีความรัก ความหวงใยเสมอกัน ไมเห็นแกตัว ไมลําเอียงเขาขางใดขางหนึ่ง มีความอดทนขยันหมั่นเพียร พรอมที่จะ ชวยเหลือผูอ่ืนใหมีความสุข แมจะเหน็ดเหนื่อยหรือตองเสียทรัพยสินเงินทอง เสียเวลา แมเสียชีวิตก็ยอม และ ชวยเหลือโดยไมหวังสิ่งตอบแทนแตอยางใด รักทุกชีวิตทุกวิญญาณ ปรารถนาใหผูอื่นมีความสุขถวนหนากัน ตัวอยางเชน เรามีอาหารหนึ่งจานรับประทานแลวรูสึกอรอย มีความสุข อยากใหทุกคนไดรับประทาน เชน พอ แม ครู อาจารย ลูกหลาน ญาตพิ ี่นอ ง พวกพอ ง บรวิ าร ทกุ คนในหมบู าน ในตําบล ในอําเภอ ในจังหวัด ในประเทศ หรือทุกคนในโลกน้ี รวมท้ังสัตวเดรัจฉาน สัตวนรก เปรต อสุรกาย และทุกชีวิต ทุกวิญญาณในโลกน้ีได รบั ประทานอาหารจานนีแ้ ลว คงจะมีความสุขเหมอื นเรา น้ีคือ ผูที่มีความเมตตาเปนคุณธรรมประจําใจของผูที่ไมมีกิเลสครอบงําจิต หรือกิเลสเบาบาง ผูใดที่มี คุณธรรมดังท่ีไดกลาวมาแลวนี้ ถือวาผูน้ันมีนํ้าใจท่ีใสสะอาดบริสุทธ์ิพรอมท่ีจะชวยเหลือเผ่ือแผตอมนุษยและ สัตวทุกชีวิตทุกวิญญาณ ใหมีความสุขถวนหนา ถือวาเปนคนดี เปนผูใหญที่ดี เปนพรหม เปนอริยบุคคล เปนพระอริยะ เปนพระอรหันต ทานเหลานี้ลวนแลวแตเปนผูท่ีมีนํ้าใจอันบริสุทธิ์ท้ังสิ้น น้ีคือ ผูท่ีมีจิตเปน สาธารณะ ๒. กรุณา คือ ความสงสาร คดิ ชวยเหลอื ใหทุกชวี ิตทกุ วญิ ญาณพนทกุ ข มี ๒ อยาง คือ ความสงสารที่มี กเิ ลสครอบงาํ จติ และความสงสารที่ไมม กี เิ ลสครอบงําจติ ๒.๑ ความสงสารที่มีกิเลสครอบงําจิต หมายถึง จิตอยูใตอํานาจของความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงมีความสงสารที่คับแคบอยูในขอบเขต เชน พอแมสงสารลูก ลูกสงสารพอแม พ่ีสงสารนอง นองสงสารพ่ี สามีสงสารภรรยา ภรรยาสงสารสามี สงสารวงศาคณาญาติ ลูกนองพวกพอง บริวาร ซ่ึงเปนคน ที่ตนรัก ความสงสารเหลาน้ีเปนความเห็นแกตัวเปนธรรมชาติของมนุษยปุถุชนท่ีมีจิตใจคับแคบ มีความเอ้ือเฟอเผ่ือแผเฉพาะผูท่ีตนรัก และผูที่ใกลชิดเทานั้น ตัวอยางเชน พอ แม ลูกหลาน ญาติพี่นอง คนใกลชิดปวย เรารูสึกสงสารอยากชวยเหลือทุกวิถีทางเพื่อใหหายปวยโดยเร็ว ใหพนจากความทุกขทรมาน ถาผูอื่นปวยก็รูสึกเฉย ๆ ไมคิดจะชวยเหลือแตประการใด นี้คือ ความสงสารของผูที่มีกิเลสครอบงําจิต เปนคุณธรรมประจําใจ ของมนุษยปุถุชนเทาน้ัน ไมใชมีคุณธรรมอันสูงสง เพราะเห็นแกพวกพองญาติพ่ีนอง ของตน นีค้ อื ผทู ีไ่ มมจี ิตเปน สาธารณะ ๒.๒ ความสงสารท่ีไมมีกิเลสครอบงําจิต หมายถึง ผูที่มีความสงสารอันกวางขวางอยางไมมี ขอบเขต มีน้ําใจอันบริสุทธ์ิ ปรารถนาท่ีจะชวยเหลือใหผูอ่ืนที่ตกทุกขไดยากพนจากความทุกข ความเดือดรอน ไมเ ลอื กท่รี กั มักท่ีชัง มีน้ําใจอันเปยมลนไปดวยคุณธรรม คือ ความกรุณาสงสารทุกชีวิต ทุกวิญญาณ ไมวาผูน้ัน จะเปนใครหรือสัตวชนิดใดที่เกิดข้ึนแลวในโลกน้ี มีความตั้งใจมั่นเสียสละความสุขสวนตนเพื่อทําประโยชน ใหกับสวนรวม เสยี สละทรัพยสินเงินทองชวยเหลือผูท่ีตกทุกขไดยาก มีความเอ้ืออาทรเอาใจใสชวยเหลือสังคม ดวยสติปญ ญาเพ่ือบรรเทาปญหาตาง ๆ ใหลุลว งไปดวยดี ไมเ ห็นแกต ัว เห็นแตป ระโยชนสวนรวมเปนใหญ นี้คือ ผทู ่มี คี วามกรุณาเปนคุณธรรมประจําใจของผูทไ่ี มม กี ิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจิต หรือ มีกิเลสเบาบาง เปนคุณสมบัติของคนดีของผูใหญท่ีดี ของพรหม ของอริยบุคคล พระอริยะ และพระอรหันต นี้คือ ผทู ีม่ ีจิตเปนสาธารณะ 90 92
๓. มุทิตา คือ ความพลอยยินดี ดีใจดวยเม่ือทุกคนทุกชีวิต ทุกวิญญาณไดดีมีสุข มี ๒ อยาง คือ ความพลอยยนิ ดที มี่ กี เิ ลสครอบงําจติ และความพลอยยินดที ่ไี มมกี เิ ลสครอบงําจิต ๓.๑ ความพลอยยินดีท่ีไมบริสุทธิ์ใจ เพราะมีกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจติ หมายถึง ผทู ่มี ีความรูสกึ พลอยยินดีเฉพาะพอแม ลูกหลาน ญาติพ่ีนอง พวกพอง บริวารทุกคนท่ีเรารัก หรือคนใกลชิด ประสบความสําเร็จในชีวิตอยางใดอยางหนึ่ง เชน คนในครอบครัวไดเลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ หรือลกู หลานสอบเขาโรงเรียนที่มีชื่อเสียงได และเรียนจบ หรือถูกหวยรวยเบอร ก็ดีอกดีใจพลอยยินดีกับคนท่ี เรารักเทานั้น ถาผูอ่ืนท่ีไมใช พอแม ลูกหลาน ญาติพี่นอง พวกพอง บริวาร และทุกคนที่เรารัก หรือคนใกลชิด ไดด มี สี ุข จะเนอื่ งจากเหตุใด ๆ กต็ าม จะรสู กึ ไมสบายใจ มคี วามอิจฉารษิ ยา คดิ ทํารายทาํ ลายกัน ดังที่ไดเกิดขึ้น แลวกับมนุษยในสังคมปจจุบัน แมแตตัวเราเองก็เปนเชนกัน เปนความพลอยยินดีท่ีไมบริสุทธิ์ใจ มีกิเลส ครอบงาํ จิต เปน ธรรมชาตขิ องมนุษยปถุ ุชน ไมใ ชคุณธรรมอนั สงู สงแตอ ยา งใด นคี้ อื ผูทไ่ี มม ีจิตเปนสาธารณะ ๓.๒ ความพลอยยินดีดวยความบริสุทธิ์ใจ ท่ีไมมีกิเลสครอบงําจิต หมายถึง ผูที่มีคุณธรรม อันสงู สง มเี มตตา คือ ความรัก มีกรุณา คือ ความสงสารอยางกวางขวาง จะพลอยยินดีกับผูที่ไดดีมีสุขทุก ๆ คน ไมเลือกท่ีรักมักที่ชัง ไมเลือกชนช้ันวรรณะ ไมเลือกทุกชีวิตทุกวิญญาณ ผูใดที่ไดดีมีสุข เขาก็จะช่ืนชมยินดี อนุโมทนาสาธุใหทุกชีวิตทุกวิญญาณมีความสุขยิ่ง ๆ ข้ึนไป ถึงแมคนเหลาน้ันจะไมใชพอแม ลูกหลาน ญาติ พี่นอง พวกพองบริวาร คนที่เรารัก หรือคนใกลชิดก็ตาม จะเปนคนที่รูจักหรือไมรูจักก็ตาม เมื่อทราบวาเขา เหลานัน้ มีความสุข ก็มคี วามพลอยยินดีดวยใจอันบริสุทธ์ิทง้ั สิน้ ไมม ีจิตอจิ ฉารษิ ยาเลยแมแ ตน อย นี้คือ มุทติ า ความพลอยยนิ ดขี องผูท่ไี มมกี ิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจิต หรือมีกิเลส เบาบาง เปนคุณสมบัติของคนดี ผูใหญท่ีดี ของพรหม ของอริยบุคคล ของพระอริยะ ของพระอรหันต ทานเหลานีล้ ว นแลว แตเ ปนผูท ่มี ีน้ําใจอนั บริสทุ ธิท์ ง้ั สิ้น น้คี อื ผูท ่ีมีจติ เปนสาธารณะ ๔. อุเบกขา คอื ความวางเฉย วางตัว วางใจเปนกลาง ไมมีความลําเอียง มี ๒ อยาง คือ ความวางเฉย เพราะมกี ิเลสครอบงําจติ และความวางเฉยเพราะไมมกี ิเลสครอบงําจิต ๔.๑ อุเบกขา ความวางเฉยเพราะมีกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจิต ตัวอยางเชน เมื่อเห็นคนท่ีเราเกลียดชัง ประสบความวิบัติดวยเหตุใด ๆ ก็ตาม ก็วางเฉยไมคิดที่จะชวยเหลือ กลับมีความคิดซ้ําเติมใหเกิดความวิบัติมากข้ึน นี้คือ ความวางเฉย เพราะมีกิเลสครอบงําจิต แตเมื่อพอ แม ลูกหลาน ญาติพ่ีนอง พวกพอง บริวาร คนท่ีเรารัก หรือคนที่ใกลชิด เกิดความวิบัติเนื่องดวยเหตุใด ๆ ก็ตาม จะรูสึกเห็นใจและสงสาร อยากชวยเหลือใหพนจากความทุกขยากลําบาก วางเฉยไมได จะรูสึกเสียใจเปนทุกข เปนรอน จิตใจกระสับกระสาย กระวนกระวาย หาทางชวยเหลือทุกวิถีทางใหคนท่ีเรารักพนความวิบัติจาก เหตุน้ัน ๆ น้ีถือวาเปนธรรมชาติของมนุษยปุถุชนท่ีมีความลําเอียงอันเกิดจากมีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงําจิต เปนคุณสมบัติของมนุษยปุถุชน ไมใชผูมีคุณธรรมอันสูงสงแตอยางใด ไมถือวาเปนผูท่ี มนี ํา้ ใจอนั บรสิ ุทธิ์ เพราะเห็นแกญาติพ่ีนองพวกพองของตน นีค้ อื ผูท่ไี มม จี ติ เปน สาธารณะ ๔.๒ อุเบกขา ความวางเฉยเพราะไมมีกิเลสครอบงํา หมายถึง ผูท่ีมีคุณธรรมประจําใจ มีความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็จะวางตัววางใจเปนกลาง ไมเห็นแกตัว ไมเอนเอียงเขาขางใดขางหนึ่ง จะเปนคนที่ตนรักก็ดี คนท่ีตนเกลียดก็ตาม ไดรับความวิบัติดวยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ตาม พยายามชวยเหลือแลว แตไมอาจชวยเหลือได ก็ตองใชอุเบกขา ความวางเฉย มีใจเปนกลาง ไมดีใจหรือไมเสียใจ เพราะเขาใจใน ธรรมชาติของสัตวโลก ซ่ึงศึกษามาจากคําสอนขององคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาที่วา “สัตวโลกยอมเปนไป ตามกรรม” ใครทํากรรมอันใดไวไมวาจะเปนบุญหรือเปนบาป จักตองไดรับผลของกรรมนั้นสืบไปอยาง หลีกเลี่ยงไมพ น 91 93
เม่ือคิดไดดังน้ีแลวจึงมีใจเปนกลาง ไมวาผูน้ันจะเปน พอ แม ลูกหลาน ญาติพ่ีนอง พวกพอง บริวาร คนท่ีใกลชิด หรือไมใกลชิด คนที่ตนรัก คนท่ีตนเกลียด แมแตสัตวเดรัจฉานทุกชีวิต ทุกวิญญาณ ที่ไดรับผลกรรม จากการคิดชั่ว พูดช่ัว ทําช่ัว เกิดความวิบัติอยางใดอยางหน่ึงก็จะไมเปนทุกข ไมเดือดรอนจิตใจ ไมกระวน กระวาย ไมกระสบั กระสา ยแตอยางใด เพราะเขาใจวามนุษยและสัตวทั้งหลายในโลกน้ี มีการเกิด แก เจ็บ ตาย เกิดขน้ึ ต้ังอยู แลว ดบั ไป ทุกอยางเปน อนจิ จงั ทุกขขัง อนตั ตา ไมม ีส่งิ ใดในโลกนเ้ี ปน ของใครทั้งสน้ิ น้ีคือ อุเบกขา ความวางเฉยที่ไมมีกิเลสครอบงําจิต เปนคุณสมบัติของคนดี ของผูใหญท่ีดี ของพรหม ของอริยบคุ คล ของพระอริยะ ของพระอรหันต นีค้ อื ผูมจี ติ เปน สาธารณะ ผใู ดมีคุณธรรม ทง้ั ๔ ประการดังทก่ี ลา วมาแลวน้ี คือ ๑. เมตตา คือ ความรักปรารถนาจะใหท ุกชีวติ ทกุ วญิ ญาณเปน สุข ๒. กรุณา คอื ความสงสารคิดชว ยเหลอื ใหท กุ ชีวติ ทุกวญิ ญาณพนทกุ ข ๓. มุทิตา คอื ความพลอยยินดีเม่อื ทกุ คนทุกชวี ิตทุกวญิ ญาณไดด มี ีสุข ๔. อเุ บกขา คือ การวางเฉยและวางตวั วางใจเปนกลาง ไมม ีความลาํ เอียง ผูใดมีคุณธรรมประจํากาย วาจา ใจ สมบูรณแลว เปนผูท่ีมีน้ําใจอันสะอาดบริสุทธิ์ พรอมจะเปนผูให ยอมเสียสละความสุขสวนตนเพ่ือประโยชนสวนรวม ชวยเหลือสังคม รูจักแบงปนทรัพยสินเงินทอง ชวยเหลือ ผูท่ีตกทุกขไดยาก มีความเอ้ืออาทรเอาใจใสเพื่อนมนุษยรวมโลก และใชสติปญญาชวยแกไขบรรเทาปญหา ทเี่ กิดขนึ้ ในสังคม และสรางสรรคสิง่ ท่ีดีงามใหเ กิดข้ึนกับชมุ ชนท่ีตนอาศัยอยู น้ีคือ คุณสมบัติของผูที่มีจิตเปนสาธารณะ เพราะมีคุณธรรม ๔ ประการน้ี ผูใดขาดคุณธรรม ๔ ประการนี้ ก็จะเปนคนที่ไมมีจิตเปนสาธารณะ เห็นแกตัว ไมซื่อสัตยสุจริต พรอมท่ีจะทุจริตคดโกงไดทุกเวลา ไมมีความเอ้ือเฟอเผื่อแผ ไมมีความเสียสละทรัพยสินเงินทอง ชวยเหลือผูใด ทําความชั่วสรางความเดือดรอน ใหกับครอบครวั หมูบ า น ตําบล อําเภอ จังหวัด ประเทศชาติบานเมอื ง และทัง้ โลก 92 94
ใบความรทู ่ี ๒ จิตสาธารณะ (Public Mind) จิตสาธารณะ (Public Mind) หมายถึง จิตสํานึกเพื่อสวนรวม เพราะคําวา “สาธารณะ” คือ สิ่งที่ มิไดเปน ของผูหนึ่งผใู ด จติ สาธารณะจงึ เปนความรสู กึ ถงึ การเปนเจาของในสิ่งท่ีเปน สาธารณะ ในสิทธิและหนาที่ จะดูแลและบํารุงรักษารวมกัน เชน การชวยกันดูแลรักษาสิ่งแวดลอม โดยการไมทิ้งขยะลงในแหลงนํ้า ดูแล รักษาสาธารณะสมบัติ เชน โทรศัพทสาธารณะ หลอดไฟที่ใหแสงสวางตามถนนหนทาง แมแตการประหยัด น้ําประปา หรือไฟฟาท่ีเปนของสวนรวม โดยใหเกิดประโยชนคุมคาตลอดจนชวยดูแลรักษา ใหความชวยเหลือ ผูตกทุกขไดยาก หรือผูท่ีรองขอความชวยเหลือเทาท่ีจะทําได ตลอดจนรวมมือกระทําเพื่อใหเกิดปญหา หรือ ชวยกนั แกปญหา แตต องไมข ดั ตอ กฎหมายเพื่อรกั ษาประโยชนสว นรวม จิตสาธารณะเพื่อสว นรวม จติ สํานึกเพื่อสวนรวมน้นั สามารถกระทาํ ได โดยมีแนวทางเปน ๒ ลกั ษณะ ดงั น้ี ๑. โดยการกระทําตนเอง ตองมีความรับผิดชอบตอตนเอง เพ่ือไมใหเกิดผลกระทบและเกิด ความเสยี หายตอ สว นรวม ๒. มบี ทบาทตอ สังคมในการรักษาประโยชนของสวนรวม เพื่อแกปญหาสรางสรรคสังคม ซึ่งถือวาเปน ความรบั ผิดชอบตอ ตนเองและสังคม ความสาํ คัญของจิตสาธารณะ จิตสาธารณะเปนความรับผิดชอบทีเ่ กิดจากภายใน คือ ความรูสึกนกึ คิด จิตใตสาํ นึก ตลอดจนคุณธรรม จริยธรรมซ่ึงอยูในจิตใจ และสงผลมาสูการกระทําภายนอก ปญหาตาง ๆ ที่เกิดข้ึน เกิดจากการขาดจิตสํานึก ของคนสวนรวมในสงั คมเปนสําคัญ เชน ปญหายาเสพติด ซ่ึงเกิดจากความเห็นแกตัวของผูขาย ไมนึกถึงปญหา ท่เี กิดขน้ึ ตอ ไปกบั สงั คม ปญหามลพิษตาง ๆ ทเ่ี กิดจากความไมรับผิดชอบ ขาดจติ สํานกึ เชน • การจอดรถยนตโ ดยไมด บั เครอื่ งยนต ทําใหเ กิดควันพิษ โดยเฉพาะในเมืองใหญ • ทรพั ยากรปาไมถ ูกทาํ ลาย • ปญ หาเดก็ ถกู ทอดทงิ้ • การใชทางเทา สาธารณะเพื่อประโยชนส วนตวั โดยไมค าํ นึงถึงสวนรวม • การทิง้ ขยะลงแมน ํ้าลําคลอง • การฉดี สารเรงเนอ้ื แดงในสัตวเลีย้ ง โดยเฉพาะสุกร ซ่ึงมีผลตอโรคภัยไขเจ็บในมนุษย เชน โรคมะเร็ง จติ สาธารณะจงึ เปน สิง่ สาํ คญั ในสังคม เยาวชนตองใหค วามสาํ คัญและตระหนักในส่ิงน้ี ความรับผิดชอบตอ ตนเอง จิตสํานึกในความรับผิดชอบตอตนเอง นับวาเปนพื้นฐานตอความรับผิดชอบตอสังคม ตัวอยาง ความรับผดิ ชอบตอตนเอง ดงั น้ี ๑. ตงั้ ใจศึกษาเลาเรยี นหาความรู ๒. รจู ักการออกกําลงั กายเพือ่ สุขภาพใหแขง็ แรงสมบรูณ ๓. มีความประหยัดรูจักความพอดี ๔. ประพฤตติ ัวใหเ หมาะสม ละเวน การกระทาํ ท่กี อใหเกดิ ความเสือ่ มเสยี 93 95
๕. ทํางานที่รบั มอบหมายใหสาํ เรจ็ ๖. มคี วามรบั ผิดชอบ ตรงเวลา สามารถพึ่งพาตนเองได ความรบั ผิดชอบตอสงั คม เปน การชวยเหลือสังคม ไมทําใหผูอ่ืนหรอื สงั คมเดอื ดรอ นไดร บั ความเสียหาย เชน ๑. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอครอบครวั เชน เช่อื ฟงพอแม ชวยเหลืองานบา น ไมท ําใหพ อแมเ สียใจ ๒. มีความรับผิดชอบตอโรงเรียน ครูอาจารย เชน ต้ังใจเลาเรียน เช่ือฟงคําสั่งสอนของครู อาจารย ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบวินยั ของโรงเรยี น ชวยรกั ษาทรัพยสมบัติของโรงเรยี น ๓. มีความรับผิดชอบตอบุคคลอ่ืน เชน ใหความชวยเหลือ ใหคําแนะนํา ไมเอาเปรียบ เคารพสิทธิ ซึ่งกันและกัน ๔. มคี วามรับผิดชอบในฐานะพลเมอื ง เชน ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสงั คมปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย รักษา สมบัติของสวนรวม ใหค วามรว มมอื ตอ สังคมในฐานะพลเมอื งดี ใหความชวยเหลอื แนวทางการสรางจติ สาธารณะ การสรางจิตสาธารณะ เปนความรับผิดชอบในตนเอง แมวาจะไดรับการอบรมส่ังสอน ถาใจตนเอง ไมยอมรับ จิตสาธารณะก็ไมเกิด ฉะน้ันคําวา \"ตนเปนท่ีพ่ึงแหงตน\" จึงมีความสําคัญสวนหนึ่งในการสราง จิตสาธารณะ ถา ตนเองไมเ ห็นความสําคญั แลว คงไมมใี ครบงั คับได นอกจากใจของตนเองแลว แนวทางทส่ี าํ คัญในการจติ สาธารณะยังมีอีกหลายประการ ถาปฏิบัติไดก็จะ เปนประโยชนต อตนเองและสงั คม ดงั น้ี ๑. สรางวินัยในตนเอง ตระหนักถึงการมีสวนรวมในระบบประชาธิปไตย รูถึงขอบเขตของสิทธิ เสรีภาพ หนาที่ ความรบั ผิดชอบ ตอตนเองและสงั คม ๒. ใหความสาํ คัญตอ สิง่ แวดลอม ตระหนักเสมอวา ตนเองคอื สว นหน่ึงของสังคม ตองมีความรับผิดชอบ ในการรกั ษาสิ่งแวดลอ ม ซ่งึ เปนเรื่องของสวนรวม ทัง้ ตอ ประเทศชาติและโลกใบน้ี ๓. ตระหนักถึงปญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคม ใหถือวาเปนปญหาของตนเองเชนกันอยาง หลีกเล่ียงไมได ตองชวยกันแกไข เชน ชวยกันดําเนินการใหโรงงานอุตสาหกรรมสรางบอพักนํ้าท้ิงกอนปลอย ลงสูแ หลงนํ้าสาธารณะ ๔. ยึดหลักธรรมในการดําเนินชีวิต เพราะหลักธรรมหรือคําส่ังสอนในทุกศาสนาท่ีนับถือ สอนใหคน ทาํ ความดีท้งั สน้ิ ถา ปฏบิ ัตไิ ดจ ะทําใหต นเองมีความสุข นอกจากน้ียังกอใหเกิดประโยชนตอสังคมดวย ทําใหเรา สามารถอยูใ นสังคมไดอยางมคี วามสขุ ตัวอยางหลักธรรมทางศาสนาท่เี กยี่ วของกับตนเอง พระพุทธศาสนา หลักคาํ สอนในการชวยเหลอื หรือพ่งึ พาตนเอง ท่ีพุทธศาสนิกชนไดยินจากพุทธสุภาษิตอยูเสมอ คอื อัตตาหิ อตั ตโน นาโถ หรอื ตนเปนทพี่ ่ึงแหงตน คริสตศาสนา หลักคาํ สอนในศาสนาครสิ ต คือ ตองรูจกั ชว ยเหลอื ตนเองกอ น แลว พระเจา จะชวยทาน ศาสนาอสิ ลาม หลักคําสอนจะคลายกับคริสตศาสนา ก็คือ ใหรูจักชวยตนเอง และรูจักเปลี่ยนแปลงตนเอง ไปในทางทด่ี เี สยี กอ น แลว พระเจา จะชวยทา น 94 96
ใบงานกจิ กรรมท่ี ๑ หมู............................... คาํ ชแี้ จง ใหลกู เสอื ทุกหมู ศกึ ษาใบความรูที่ ๑ ชว ยกนั ระดมสมองวิเคราะห วา หวั ขอคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ๘ ประการ ตรงกบั คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสํารองขอ ใด ใชเ วลาปฏิบตั ิงาน ๑๐ นาที สงตวั แทนนําเสนอหนา ชัน้ เรยี น ๓ นาที คณุ ลักษณะอันพึงประสงค คําปฏญิ าณ กฎของลูกเสือ ๑. รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย ๒. ซ่อื สัตย สจุ รติ ๓. มวี นิ ยั ๔. ใฝเรียนรู ๕. อยอู ยางพอเพยี ง ๖. มงุ มัน่ ในการทาํ งาน ๗. รักความเปนไทย ๘. มีจติ สาธารณะ 95 97
ใบงานกจิ กรรมที่ ๒ การระดมสมองจัดทาํ แผนผังความคดิ (Mind Mapping) หมู............................... คาํ ช้แี จง ใหลูกเสือศึกษาใบความรูที่ ๑ จับสลากหัวขอคุณลักษณะอันพึงประสงค ๘ ประการ แลวชวยกันระดม สมองวิเคราะห จัดทําแผนผังความคิด ตามหัวขอคุณลักษณะอันพึงประสงค ๘ ประการ ที่ไดรับ มอบหมาย และสรุปตามหัวขอท่ีกําหนดให ใชเวลาปฏิบัติงาน ๑๐ นาที สงตัวแทนนําเสนอ หนาชน้ั เรยี น ๓ นาที คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค เรื่อง............................... ๑. ไดอ ะไรจากการปฏบิ ัตใิ นคร้ังน้ี................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ๒. มปี ระโยชนอ ยา งไร ................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. การนาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี นหัวขอคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ๘ ประการ 96 98
ใบงานกิจกรรมท่ี ๓ แตง นิทาน หมู............................... คาํ ชแ้ี จง ใหสมาชิกทุกหมูชวยแตง นทิ านที่เกยี่ วขอ งกับเรือ่ งจิตอาสา โดยกําหนดตัวละครใหดังนี้ ชายหนุม ๑ คน ชายแก ๑ คน หญิงแก ๒ คน เด็กชาย ๓ คน เด็กหญิง ๓ คน ลูกสุนัข ๓ ตัว ใชเวลาปฏิบัติงาน ๑๐ นาที สงตัวแทนนําเสนอหนาชน้ั เรียน ๓ นาที แบบประเมิน เร่อื ง การสรา งจติ อาสา (กิจกรรมบําเพ็ญประโยชน) อนั ดับ รายงานการประเมนิ ปฏบิ ัติ ไมป ฏบิ ตั ิ ๑ ผเู รียนมีความรคู วามเขา ใจเก่ียวกบั แนวทางและวธิ ีการทาํ กิจกรรม เพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน ๒ ผเู รียนพบทปี่ รกึ ษาเพือ่ หารือเกี่ยวกับการทาํ กจิ กรรม ๓ ผูเรียนมีการเตรียมความพรอม เตรยี มวสั ดุอุปกรณในการทํากจิ กรรม กอนปฏิบัติกจิ กรรม ๔ ผูเรยี นกาํ หนดกจิ กรรมตามความสนใจของตนเอง ๕ ผเู รียนกําหนดเปา หมายในการทาํ กิจกรรม ๖ ผเู รยี นมีการวางแผนและดําเนินการตามแผน ๗ ผูเรยี นมีการบันทึกเก่ยี วกบั การทาํ กิจกรรม ๘ ผูเรียนพบครูทป่ี รึกษาเพือ่ ขอรองใหประเมินผลการทํางานของตน ๙ ผูเรียนจัดทํารายงานการปฏบิ ัตกิ ารภายหลงั การทํากิจกรรม ๑๐ ผูเรียนมีการพดู คุยถึงปญหาและอุปสรรคภายหลงั การทํากิจกรรม และหาทางแกไข ความคิดเห็น และ ขอเสนอแนะ................................................. ลงชื่อ................................................. (..................................................) เกณฑก ารประเมนิ ผล ผูก าํ กับลกู เสือ ผลการปฏบิ ัติ ๙ - ๑๐ ขอ ผลการปฏิบัติ ๗ - ๘ ขอ อยูในระดบั ดมี าก ผลการปฏบิ ัติ ๕ - ๖ ขอ อยูในระดับ ดี ผลการปฏบิ ตั ิ ๓ - ๔ ขอ อยูในระดับ ปานกลาง ผลการปฏบิ ัติ ๑ - ๒ ขอ อยูใ นระดบั พอใช อยูในระดบั ปรับปรุง 97 99
ชือ่ วิชา ลูกเสอื สาํ รองชอสะอาดกับกจิ กรรมกลางแจง บทเรยี นที่ ๘ เวลา ๑๘๐ นาที ขอบขา ยรายวชิ า ๑. ความหมาย ความสาํ คัญ และประโยชนก ารเดนิ สาํ รวจและกิจกรรมตามฐานท่ีกาํ หนด ๒. การประชมุ กองครั้งพิเศษ จดุ มุง หมาย เพอ่ื ใหลกู เสอื สํารองสามารถเขา รว มและปฏบิ ัติกจิ กรรม ในการประชมุ กองครัง้ พิเศษตามท่ีกาํ หนดให วตั ถุประสงค เมื่อเรียนจบบทเรียนนแี้ ลว ลกู เสอื สํารองสามารถ ๑. บอกความหมายของการประชุมกองคร้ังพเิ ศษได ๒. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมในการประชมุ กองครั้งพเิ ศษได ๓. เพอื่ เปน การทดสอบวชิ าท่ีเรียนมาท้ังหมดได ๔. นําความรจู ากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมในการประชุมกองคร้งั พิเศษไปใชในชีวติ ประจําวันได วธิ ีสอน/กิจกรรม ๑๐ นาที ๑. พิธเี ปด ประชุมกอง ๑๐ นาที (แกรนดฮ าวล ชกั ธงขึ้น สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก) ๑๕๐ นาที ๒. เกมแชรคานตะครุบเหยือ่ ๑๐ นาที ๓. การสอนตามเน้ือหา ๔. พิธปี ดประชมุ กอง (แกรนดฮ าวล ตรวจ ชกั ธงลง เลิก) การประชมุ กองคร้งั พเิ ศษ ความสําคัญของการประชุมกองคร้ังพิเศษ เปนกิจกรรมสําคัญท่ีกองลูกเสือสํารองควรจัดใหกับลูกเสือ สาํ รอง และควรจดั หลังไดเ รียนรใู นเรือ่ งตา ง ๆ ครบถว นแลว เพ่ือเปนการทดสอบบทเรียนท้งั หมดท่ีเรียนมาแลว สําหรับการประชุมกองครั้งพิเศษในหลักสูตรลูกเสือสํารองชอสะอาดครั้งน้ี เปนการประยุกตนําวิธีการจาก กิจกรรมวอรคแรลลี การเขาฐานปฏิบัติกิจกรรม การประชุมกองคร้ังพิเศษของหลักสูตรการฝกอบรม ผบู งั คับบัญชาลกู เสอื สาํ รอง ขนั้ ความรชู ัน้ สูง มาบรู ณาการเปน รูปแบบเฉพาะสําหรับลกู เสือสํารองชอสะอาด การเตรยี มการ ๑. วิทยากรนัดหมายใหแตล ะหมสู ี ประดิษฐ/พับกระดาษ ใหเ ปนรปู พาหนะตามทห่ี มูตัวเองจับสลากได เชน เรอื รถจกั รยาน เคร่ืองบิน รถยนต เครื่องรอ น ๒. แตง กายใหเหมาะสมกบั การเดนิ ทางของหมูตนเอง เชน จับสลากไดการเดินทางทางเรือ ควรแตงกาย อยางไร 98 100
การดําเนนิ การ ๑. พิธเี ปด ประชุมกอง (แกรนดฮาวล ชักธงขึน้ สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก) ๒. วิทยากรช้ีแจงกับลูกเสือวาตอไปน้ีจะนําลูกเสือไปอยูคายพักแรมสถานที่หนึ่ง ซ่ึงลูกเสือจะตอง เดินทางดวยพาหนะท่ีหมูตนเองจับสลากได ชวงระหวางการเดินทางตองแสดงบทบาทสมมุติใหเหมาะสมกับ พาหนะท่ีเดินทาง แตละหมูประดิษฐ/พับกระดาษ พาหนะของหมูตัวเอง เลือกลําที่ดีท่ีสุดหนึ่งลําสําหรับ การเดินทาง ในขณะเดินทางลูกเสือจะตองผานดานตาง ๆ ในการเดินทางครั้งนี้ มีสมาชิกในหมูลูกเสือ ๑ คน ประสบอุบัตเิ หตุขาขางขวาหกั เดนิ ไมไ ด ซึง่ เพ่ือน ๆ จะตองพาไปดวยตลอดการเดินทาง และดานตาง ๆ ท่ีลูกเสือ ตอ งผา น มีดังนี้ พาหนะของหมูเลือกลําทดี่ ที ี่สดุ หน่ึงลาํ สาํ หรบั การเดินทาง ๒.๑ ดานศุลกากร ซึ่งจะตรวจเครื่องแบบ ยานพาหนะ เชือก และแตละหมูจะตองกลาว คตพิ จนของลูกเสอื สาํ รอง ซงึ่ จะเปนรหัสในการผา นดา นแตละดา น ๒.๒ ขณะเดินทางใหแตละหมูสี สังเกตเสนทางการเดินซึ่งจะมีไหมพรมตามสีหมูเปน สญั ลักษณ ใหแ ตละหมสู ีเก็บไหมพรมของหมสู ีตัวเองไปดวย พรอ มเดนิ ทางตามเสนไหมพรหม แตละกลุม จะมเี สนทางในการเดินทางแตกตางกนั ไป ดงั น้ี • หมูสที ่ี ๑ จะเดินทางไปยงั สถานที ี่ ๑ ตอไปสถานที ี่ ๒, ๓, ๔, ๕, ๖ • หมูสที ่ี ๒ จะเดินทางไปยังสถานที ี่ ๒ ตอไปสถานที ี่ ๓, ๔, ๕, ๖, ๑ • หมูสีท่ี ๓ จะเดนิ ทางไปยงั สถานีท่ี ๓ ตอไปสถานีท่ี ๔, ๕, ๖, ๑, ๒ • หมสู ีที่ ๔ จะเดนิ ทางไปยังสถานีท่ี ๔ ตอ ไปสถานีท่ี ๕, ๖, ๑, ๒, ๓ 99 101
• หมูส ีท่ี ๕ จะเดนิ ทางไปยังสถานีที่ ๕ ตอ ไปสถานีที่ ๖, ๑, ๒, ๓, ๔ • หมูสที ่ี ๖ จะเดนิ ทางไปยังสถานที ่ี ๖ ตอ ไปสถานที ่ี ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ เมือ่ เดนิ ทางถึงสถานีใด ใหปฏิบัติกิจกรรมตามสถานีน้ันใหสําเร็จ ถึงจะเดินทางตอได และเม่อื ปฏิบัตงิ านครบทกุ สถานี แตล ะหมูจะตอ งพาสมาชกิ เดินทางไปรวมกันยงั สถานีท่ี ๗ ๒.๓ สถานีท่ีปฏิบัติกจิ กรรม มี ๖ สถานี ดงั น้ี สถานีท่ี ๑ ฤๅษตี าไฟ (ทดสอบความซอ่ื สัตย) • เดินทางถึงสถานี พบฤๅษีตาไฟ แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการรองเพลง “ความซอื่ สตั ย” พรอ ม ๆ กนั ๒ รอบ • ฤๅษีตาไฟจะทดสอบลูกเสอื เรอื่ งความซอ่ื สตั ย โดยการใหเ ลนเกมววิ ฒั นาการ • กอนออกจากสถานี ทองคติพจนของลูกเสือสํารอง ๓ ครั้ง เดินทางตามไหมพรม ตามสขี องหมูตนเองไปยังสถานตี อไป สถานที ่ี ๑ ฤๅษตี าไฟ สถานที ่ี ๒ นางฟา (ทดสอบจิตอาสา) • เดินทางถึงสถานี พบนางฟา แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการทองกฎของลูกเสือ สํารองพรอม ๆ กนั • นางฟาแจงวามีอุบัติเหตุรถมอเตอรไซดเฉ่ียวชน และมีผูไดรับบาดเจ็บตองการ ความชว ยเหลือ • สังเกตการณแกปญหาของแตละหมู • กอนออกจากสถานี ทองกฎของลูกเสือสํารองพรอม ๆ กัน เดินทางตามไหมพรม ตามสีของหมูตนเองไปยงั สถานีตอไป สถานีท่ี ๒ นางฟา 100 102
สถานที ี่ ๓ คุณตาหลงทาง (ทดสอบความเอื้อเฟอเผื่อแผ) • เดินทางถึงสถานี พบคุณตาหลงทาง แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการทองคําปฏิญาณ ของลูกเสือสาํ รองพรอ ม ๆ กนั • คุณตาทหี่ ลงทางกลบั บานไมไ ดเ ลาเรอื่ งราวของตนเองใหลกู เสอื ฟง • ลูกเสือระดมสมองหาวิธีชว ยเหลอื คณุ ตากลบั บาน สงตวั แทนออกมานําเสนอ • สังเกตการณแกปญ หาของแตล ะหมู • กอนออกจากสถานี ทองคําปฏิญาณของลูกเสือสํารองพรอม ๆ กัน เดินทางตาม ไหมพรมตามสขี องหมตู นเองไปยังสถานีตอ ไป สถานที ่ี ๓ คณุ ตาหลงทาง สถานีท่ี ๔ ตํารวจ (ทดสอบ การรูจ กั เคารพกฎหมาย “กฎหมายเรอ่ื งใกลตัว”) • เดินทางถงึ สถานี พบตาํ รวจ แสดงรหสั การเขาสถานโี ดยการรอ งเพลง “หนาที่เด็ก” ๒ รอบ • ตํารวจแจงใหลูกเสือทราบวาในสถานีนี้ ใหลูกเสือแยกขอความวาขอความใด เปนหนา ที่ของประชาชนชาวไทย และคณุ ลักษณะพลเมืองไทยที่ดี สงตัวแทนออกมานําเสนอ • ตาํ รวจกับลูกเสอื รว มตรวจสอบความถกู ตองของผลงาน • กอนออกจากสถานี รองเพลงหนาที่เด็ก ๒ รอบ เดินทางตามไหมพรมตามสีของ หมูตนเองไปยงั สถานตี อ ไป สถานีที่ ๕ ซปุ เปอรแมนและจอมโจรตาเดยี ว (การรจู ักเคารพตนเองและผอู นื่ ) • เดินทางถึงสถานี พบซุปเปอรแมน แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการทองคติพจน ๓ ครง้ั พรอ ม ๆ กัน • จอมโจรตาเดียวจับตัวลูกเสือคนหนึ่งเปนตัวประกันแลวเร่ิมทรมาน ตัวประกัน ซุปเปอรแมนเจรจากับจอมโจรตาเดียวหาวิธีแลกตัวประกันกลับคืน จอมโจรตาเดียวใหลูกเสือแบงออกเปน ๒ กลุมยอย กลุมหน่ึงทําหนาท่ีแสดงทาทางตามสถานการณท่ีจอมโจรตาเดียวกําหนด อีกกลุมทําหนาที่ทาย ใหถกู ตอง จอมโจรตาเดียวถงึ จะปลอยตวั ประกนั • กอนออกจากสถานี ทอ งคตพิ จน ๓ คร้ัง พรอม ๆ กัน เดินทางตามไหมพรมตามสี ของหมูตนเองไปยังสถานตี อไป 101 103
สถานีที่ ๕ ซุปเปอรแมนและจอมโจรตาเดียว สถานที ่ี ๖ เมาคลี • เดนิ ทางถงึ สถานี พบเมาคลี แสดงรหัสการเขา สถานีโดยการผูกเง่ือนลูกเสือสํารอง ทีเ่ คยเรยี นมา หมลู ะอยางนอ ย ๑ เงอ่ื น • เมาคลีแจงกับลูกเสือวาการจะดํารงชีพอยูในปา ซึ่งจะตองมีอุปสรรคมากมาย ลกู เสือตอ งมเี พ่อื นท่ีรักและไวใจได ใหลกู เสือจบั คกู ับเพ่อื นที่ไวใจที่สดุ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพือ่ นรกั เพือ่ นเลฟิ • เมาคลกี บั ลกู เสือสรปุ สิ่งทีไ่ ดจ ากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม • กอนออกจากสถานี ทดสอบการผูกเง่ือนลูกเสือสํารองท่ีเคยเรียนมา หมูละ อยางนอ ย ๑ เงื่อน เดนิ ทางตามไหมพรมตามสีของหมตู นเองไปยังสถานีตอ ไป สถานที ี่ ๖ เมาคลี สถานีท่ี ๗ อาเคลา • เปนสถานีรวมที่ทุกหมูหลังจากปฏิบัติกิจกรรมครบทั้ง ๖ สถานี จะมารวมกัน ซง่ึ สถานีนี้ จะพบกบั อาเคลา และกอนหินศักด์สิ ทิ ธ์ิ • ใหลูกเสือต้ังแถวรัศมี ยืนตอหนาอาเคลาและกอนหินศักด์ิสิทธิ์ ใหนายหมู ทุกหมูใชมือซายสัมผัสกอนหิน มือขวาวางทาบที่อกซายใกลหัวใจ สมาชิกคนอื่นใชมือซายจับไหลคนขางหนา มอื ขวาวางทาบท่ีอกซายใกลห วั ใจเชนเดียวกนั • อาเคลาปลูกฝงเรือ่ งของความซือ่ สตั ย และนํากลา วนําคําม่ันสัญญา ดงั นี้ 102 104
โรงเรยี นตลอดไป ขาพเจาลูกเสอื สาํ รองชอสะอาด ขอใหค ํามั่นสญั ญาตอทงั้ ๓ สถาบันวา ขอ ๑. ขาจะจงรักภกั ดี ตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ขอ ๒. ขาจะปองกันและปราบปรามการทุจริตไมใหเกิดขึ้นในครอบครัวและ ขอ ๓. ขาจะเปน แบบอยา งทีด่ ีในการปฏบิ ตั ิตนเปนคนซอ่ื สตั ยต ลอดไป สถานีที่ ๗ อาเคลา การปด ประชมุ กอง 103 105
สรุปกจิ กรรม ๑. เสร็จกจิ กรรม ใหแ ตละหมูส ง ตวั แทนสรปุ กิจกรรมในหัวขอ ตอไปน้ี ๑.๑ สถานีท่ีหมูของลูกเสอื มีปญ หา/ประทบั ใจมากท่ีสดุ ๑.๒ ในการเดินทางตามไหมพรมใหขอคิดเรื่องใดบาง สํารวจไหมพรมของแตละหมูวามี ไหมพรมของหมูอน่ื ติดมาบางหรือไม ๑.๓ จากสถานีท่ีกําหนดใหมีสมาชิก ๑ คน ประสบอุบัติเหตุขาหัก แตละกลุมมีวิธีดําเนินการ อยางไรในตลอดการเดินทาง บุคคลท่ีประสบอุบัติเหตุรูสึกอยางไรท่ีตองเปนภาระใหกับเพื่อน ๆ และเพื่อน ๆ รูสึกอยางไรท่ีตอ งนําเขาไปดว ย ๑.๔ ลูกเสอื จะนํากิจกรรมนไี้ ปประยกุ ตใชใ นชีวิตประจาํ วนั ไดอ ยางไร พิธีปดประชุมกอง (เวลา ๑๐ นาที) • นดั หมาย • ตรวจเครอื่ งแตงกาย • แกรนดฮาวล ชกั ธงลง เลิก ขนั้ ประเมินผล ๑. ประเมินผลงานจากการปฏิบตั ิงานในสถานี ๒. สังเกตการปฏิบัตงิ านของแตล ะหมู ส่อื การสอน ๑. ใบความรูท่ี ๑ พิธีเปด - ประชุมกอง ๒. ใบความรูท ี่ ๒ การพับเรือ ๓. ใบความรูที่ ๓ เกมแชรค านตะครบุ เหย่ือ ๔. ใบความรทู ี่ ๔ การฝกอบรมโดยระบบฐานและวธิ กี ารปฏิบัติ ๕. ใบงานที่ ๑ - ๖ การประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวัดผล : ประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ และผลการปฏิบตั ิงานในแตล ะสถานี ๒. เครอ่ื งมอื วัดผล : แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลุม ๒.๑ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบตั ิงานกลมุ ๒.๒ แบบประเมินใบงานกิจกรรมที่ ๑ - ๖ ๓. เกณฑก ารประเมิน : มีผลการประเมิน ผานเกณฑท กี่ ําหนด 104 106
ใบความรทู ่ี ๑ การเปด - ปดประชุมกองลูกเสือสาํ รอง พธิ กี าร : แกรนดฮาวล ชักธงขึ้น - สวดมนต - สงบนิ่ง - ตรวจ - แยก ๑. แกรนดฮ าวล ผูกํากบั ยนื หนา เสาธง หางจากเสาธง ๓ กา ว เรยี กลกู เสือทําแกรนดฮาวล มีรองผูกํากับ ยืนอยูดานหลังผูกํากับ และนอกวงกลม (ศึกษาวิธีทําแกรนดฮาวลในหนาถัดไป) หลังจากทําแกรนดฮาวล ลูกเสอื ทุกคนอยูใ นทาตรง ๒. ชักธงขนึ้ ใหจ ดั ลูกเสอื ทีเ่ ปน หมบู รกิ ารหรือทําหนาทหี่ มูบริการ ๒ คน เปนผูชักธง คือ ใหเดินเขาไป หางจากเสาธงประมาณ ๓ กาว ทั้งสองแสดงความเคารพ แลวคนหนึ่งกาวไปขางหนา ๒ กาว เพื่อแกเชือกธง แลวถอยหลังกลับมาท่ีเดิม ผูกํากับออกคําส่ัง “แพ็ก - วันทยหัตถ” ลูกเสือในวงกลมท้ังหมดทําวันทยหัตถ พรอมกัน รวมทั้งผกู าํ กับและรองผูกํากับอ่ืน ๆ ทําวันทยหัตถ ๓ นิ้ว หมูบริการนํารองเพลงชาติ สองคนชวยกัน ชักธงชาติขึ้นสูยอดเสา พอธงชาติขึ้นยอดเสาแลวคนหน่ึงเดินเขาไปผูกเชือกธง อีกคนหนึ่งยืนอยูในทาตรง (ไมตองทําวันทยหัตถ) เม่ือผูกเชือกเรียบรอยแลวใหถอยหลัง ๒ กาว มาหาคนที่กําลังยืนรออยู ทั้งสองคนทํา วนั ทยหตั ถ ลดมอื ลง (ขณะแถวในวงกลม ทกุ คนยงั อยูในทา วนั ทยหตั ถ) แลวทําวันทยหัตถเหมือนลูกเสือในแถว ผูกาํ กับและผูบงั คับบัญชาลูกเสอื อืน่ ๆ ใหล ดมอื ลงพรอมกับลกู เสือสองคนทช่ี กั ธง (กอ นวงิ่ กลับไปเขาที่) ๓. สวดมนต พอลดมือลงแลว ทุกคนอยูในทาตรงแลวถอดหมวก เตรียมตัวสวดมนต หมูบริการนํา สวดมนต ๔. สงบน่ิง เม่ือสวดมนตจ บแลว ทกุ คนสงบน่งิ ๕. ตรวจ การตรวจในตอนนี้จะตรวจอะไรก็ได เชน เคร่ืองแบบ เล็บ ฟน ความสะอาดอ่ืน ๆ (ผูกํากับ เปนผสู งั่ กอนจะตรวจอะไร) แตการตรวจในตอนปด น้ัน ใหตรวจเครื่องแบบอยา งเดียว เพราะเหตุวาลูกเสือเรียน มาเปนเวลานานแลว เคร่ืองแตงกายยอมไมเรียบรอยและจะตองแตงเครื่องแบบกลับบาน ผานที่ชุมชน หลายแหง ถา ไมเรยี บรอ ยอาจนาํ ความเส่ือมเสียมาสกู องลกู เสือของตนได วิธตี รวจ ตามปกติผูกํากับจะใหรองผูกํากับเปนผูตรวจ แตบางกรณีรองผูกํากับไมอยูหรือมีนอย ผูกํากับจะให นายหมูตรวจแทนกไ็ ด ถา รองผูกํากับตรวจ รองผูกํากับท่ีจะไปตรวจนั้นตองทําความเคารพ (วันทยหัตถ) ผูกํากับ เสียกอน แลวจึงไปตรวจหมูลูกเสือ พอไปถึงหนาลูกเสือที่จะรับตรวจ นายหมูส่ังลูกเสือในหมูของตนวา “หมูสี ..................ตรง” ลูกเสือทุกคนยืนตรง นายหมูคนเดียวทําวันทยหัตถ แลวลดมือลงกาวไปขางหนา ๑ กาว ทําวันทยหัตถแ ลว รายงานวา “หมสู ี..................พรอมทจ่ี ะรบั การตรวจแลว (ครับ)” เม่ือรายงานจบ ลดมือลงถอยหลังเขาท่ีเดิม ผูตรวจจะตรวจตัวนายหมูกอน แลวจึงตรวจลูกหมูตอไป ขณะทต่ี รวจลกู หมูนน้ั ใหนายหมูตามไปดวย เพื่อท่ีจะไดทราบถึงขอบกพรองของลูกหมู เม่ือตรวจครบทุกคนแลว ใหนายหมูกลับเขาที่ ทําวันทยหัตถพรอมกลาวขอบคุณผูตรวจ จากนั้นนายหมูจึงสั่งลูกหมูพัก รองผูกํากับ ท่ีไปตรวจ รายงานผลการตรวจใหผูกํากับทราบ คนไหนตรวจเสร็จกอนก็ใหรายงานกอนโดยไมตองรอกัน ถานายหมูตรวจ เมื่อไดยินคําส่ังผูกํากับส่ังวา “นายหมูตรวจ” ใหรองนายหมูว่ิงออมดานหลังหมูของตนไปยืน แทนทน่ี ายหมูและทาํ หนา ทเ่ี สมือนนายหมู สวนนายหมูใหกาวออกมาขางหนาแถวของตนและทําหนาท่ีเสมือน รองผกู าํ กบั (วธิ ตี รวจก็เชน เดียวกบั รองผูกํากับตรวจ) และเมอื่ ตรวจเสรจ็ แลว ใหยืนรออยูกอน จนเห็นวาทุกหมู ตรวจเรียบรอยแลว จึงวงิ่ เขา แถวหนา กระดานหนา ผูกํากบั (นายหมูบริการอยูหัวแถว) เพ่ือรายงานผลการตรวจ การรายงานใหกาวออกไปขางหนา ๑ กาว พรอมกับทําวันทยหัตถ แลวรายงานการตรวจ เสร็จแลวลดมือลง ถอยเขาทจ่ี นครบทกุ คน แลว ผกู าํ กบั จึงสงั่ เขา ที่ 105 107
๖. นัดหมายและแยก ผูกาํ กับนัดหมายลกู เสอื ทจ่ี ะตองปฏิบตั กิ จิ กรรมตอไป แลวจึงออกคําส่ัง “แพ็ก - แยก” ใหล กู เสอื ทุกคนทําขวาหันแลว แยกยายกันไป การทําแกรนดฮ าวล การปด ประชมุ กอง พธิ ีการ : แกรนดฮาวล - ตรวจ - ชกั ธงลง - เลกิ ๑. แกรนดฮาวล ปฏบิ ตั ิเชน เดียวตอนเปดประชมุ กอง ๒. ชกั ธงลง ปฏบิ ตั เิ ชนเดยี วกับตอนเปดประชุมกอง แตไ มตองรอ งเพลงชาติ และไมตอ งเปานกหวีด ๓. เลกิ เมอ่ื ชักธงลงแลว ผูชักธงทาํ วนั ทยหัตถ กลบั เขา ทเี่ รียบรอ ยแลว ผูกํากบั ส่ัง “มือลง” หลังจากนั้น ผูกํากับส่ัง “แพ็ก - เลิก” ลูกเสือทุกคนทําวันทยหัตถตอผูกํากับ (ผูกํากับทําวันทยหัตถตอบ) แลวทําขวาหัน แยกยายกันกลับได 106 108
การทําแกรนดฮ าวล ๑. ผูกํากับเรียกลูกเสือ “แพ็ก แพ็ก แพ็ก” (ครั้งที่ ๓ ออกเสียงหนัก) พรอมทําสัญญาณมือเรียกแถว วงกลม (แกวงมือรอบตัว ๓ - ๔ คร้งั ) ลกู เสือรองรับ “แพก” พรอมกัน แลวว่ิงมาเขาแถวรูปวงกลมรอบผูกํากับ นายหมูบริการยืนตรงหนาผูก าํ กบั ๒. ขยายแถว โดยผูกํากับผายมือออกดานขางเล็กนอย ลูกเสือจับมือกันขยายแถวเปนวงกลมใหญ แขนตึง ผกู ํากบั เอามือลง เมอ่ื ลูกเสอื จดั แถวเรยี บรอยแลวใหเอามือลงแนบลาํ ตวั ๓. ผูกํากบั ลกู เสือตรวจดูเห็นวา วงกลมเรยี บรอ ยดแี ลว ใหกางแขนออกไปขาง ๆ เสมอไหลขนานกับพื้น นิ้วทงั้ ๕ ชดิ กัน ฝา มือแบหงายแลว พลิกฝา มือควํ่าลงและงองุม เปนสัญญาณใหลูกเสือน่ังลง ลูกเสือสํารองทุกคน น่ังลงทันที ใหน่ังลงบนสนเทาท้ังสอง แขนทั้งสองเหยียดตรงอยูระหวางเขา มือทั้งสองหางกันพอควร แบะเขา ออกเล็กนอ ย นวิ้ ชีแ้ ละนิ้วกลางท้ังสองมือเหยียดชิดกันและแตะพ้ืน นิ้วอ่ืน ๆ งอไวในอุงมือ (คือนิ้วหัวแมมือกด นว้ิ นางกบั น้วิ กอ ย) 107 109
๔. ผูกํากับลกู เสอื พลิกฝามือท้งั สองหงายขึ้น เปน สญั ญาณใหลกู เสือรอ ง ลูกเสือสํารองทุกคนแหงนหนา รองข้ึนพรอมกันวา “อา - เค - ลา เรา - จะ - ทําดี - ท่ี - สุด” พอขาดคําวา “สุด” ใหลูกเสือทุกคนกระโดด ยนื ข้นึ เทาท้งั สองชิดติดกัน พรอมกับยกมอื ทง้ั สองทีอ่ ยูในทานัง่ ไปไวเหนือหูและชิดหู ๕. นายหมูลกู เสือซงึ่ ทําหนา ท่ีเปน หมูบ ริการในวันนน้ั (ท่ีหันหนา ตรงกับผูก ํากับ) จะรองข้ึนวา “จงทําดี - จงทําดี - จงทาํ ดี” การรองใหห นั ไปทางซา ย กอ นตรงหนา - ขวา ทีละคร้ัง (เวลารองไมตองผงกศีรษะ) เมื่อสิ้น คําท่ีสามแลว ใหลูกเสือทุกคนลดมือซายมาแนบลําตัวอยางวองไว สวนมือขวาลดลงมาทําทาวันทยหัตถ แลวรอ งขนึ้ พรอมกันวา “เราจะทําดี - จะทําดี - จะทําดี” ขณะท่ีลูกเสือกลาว ใหผูกํากับทําวันทยหัตถตามแบบ ลูกเสือสํารอง (สองนิ้ว) เปนการรับการเคารพของลูกเสือ และอาจจะกลาวคําขอบใจหรือคําอื่นใดที่สั้น ๆ ก็ได รองผกู ํากับอนื่ ๆ ที่อยูน อกวงกลมอยใู นทา ตรง เสร็จแลวผูกํากับและลูกเสือลดมือลงอยูในทาตรง ผูกํากับสั่งให ลกู เสอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตอ ไป 108 110
ใบความรูท ่ี ๒ การพบั เรือ อปุ กรณ กระดาษส่ีเหลี่ยมผืนผา ๑ แผน วิธที ํา ๑. พับคร่ึงกระดาษส่เี หล่ยี มผืนผา ทางดา นยาว ๒. พับคร่งึ อีกครงั้ เพื่อเปน แนวในการพับสามเหลยี่ ม ตรงมมุ ใหลงมาชนกนั ทง้ั ๒ ดา น ๓. พบั ฐานทเ่ี หลอื ของกระดาษขนึ้ มาใหช นกนั พอดี สลับ ๒ ดาน ๔. คลก่ี ระดาษดา นลางออก เพอ่ื ท่ีจะพับเปน รปู สีเ่ หลย่ี ม พบั ดานลา งข้ึน ๕. ดึงปกออก จะไดเ รอื กระดาษสวย ๆ ๑ ลํา 109 111
การพบั เคร่อื งบิน 110 112
การพับเรอื สาํ ปน 111 113
ใบความรูที่ ๓ เกมแชรคานตะครบุ เหยือ่ วิธีเลนเกม ๑. แบง ลูกเสือสํารองออกเปน ๒ แถว แถวละเทา ๆ กนั โดยใหแถวหนึ่งเปนหมาปา (เหยื่อ) และใหอีก แถวหนึง่ เปน เสอื โครง (แชรค าน) ๒. ใหท้ังสองแถวหันหนาเขา หากนั หางกันประมาณ ๑ เมตร มีเสน กน้ั แดน ๓. ใหท ุกคนนง่ั ลง หมาปา นง่ั ลงในทา ท่พี รอ มจะว่ิงหนี เสอื ใหนัง่ ในทา ท่เี ตรยี มจะตะครุบ ๔. เม่อื ไดยนิ สัญญาณใหเ รม่ิ ใหฝา ยเสือกระโดดตะครุบหมาปา สว นหมาปาตองรบี กระโดดหนี ๕. ถา หมาปา กระโดดหนไี มท ันและถูกเสือตะครบุ จะถือวาตายตองออกจากการเลน ๖. เมื่อถึงเวลาเปลีย่ นใหแ ถวทัง้ สองสลับกนั เปนเสือโครงและหมาปา เลนกันตอไปจนหมดเวลา แถวใด เหลือนอยที่สดุ เปนฝายแพ เสอื โครง (แชรค าน) หมาปา 112 114
ใบความรูที่ ๔ การฝก อบรมโดยระบบฐานและวิธกี ารปฏบิ ัติ วตั ถุประสงค เพ่อื ใหผูเขารับการฝกอบรมไดเรียนรอู ยา งทั่วถงึ ในเวลาจํากัด และปฏิบัติในการเขาเรียนเปนฐานอยาง ถกู ตอง ระบบฐาน ระบบฐานเปน วิธีการใหค วามรูโ ดยตรง ซ่ึงกอใหเ กดิ ประโยชนห ลายประการ คอื ๑. เขาใจปญ หาและเนือ้ หาวชิ าไดดี ๒. ซักถามหรืออภปิ รายไดอยา งอิสระ ๓. ไดร บั การถายทอดความรแู ละเกิดทกั ษะอยางทัว่ ถึง การปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั ระบบฐาน ๑. จดั เน้อื หาวชิ าใหเหมาะสม ๒. วทิ ยากรประจําฐานตอ งมคี วามรแู ละมีการเตรียมการลวงหนา ๓. เคร่ืองมอื อปุ กรณตองพรอมในสภาพใชการไดดี ๔. แตละฐานตอ งเหมาะสมทัง้ ระยะทาง เวลา และสถานที่ วิธีการเขา ฐาน ใหสมาชิกแตละหมไู ดห มุนเวยี นไปไดทกุ ฐาน ๆ ละ ๑ หมู หรอื ๒ หมู ๑. เมื่อนายหมูนําหมูมาเขาฐานและเขาแถวหนาวิทยากรผูประจําฐานเรียบรอยแลว (ยืนหางจาก ผูกํากับ ๓ กาว) นายหมูส่งั “หมสู ี......ตรง” นายหมทู ําวันทยหตั ถ (แบบลูกเสอื สาํ รอง) แลวลดมือลง กาวเทาซาย ไปขางหนา ๑ กาว กาวเทาขวาชิด ทําวันทยหัตถ แลวรายงาน “หมูสี…..พรอมท่ีจะรับการฝกอบรมแลวครับ/ คะ” เสรจ็ แลวถอยหลงั เขาทเ่ี ดิมทําวนั ทยหัตถ ลดมอื ลงและสง่ั “ตามระเบียบ พัก” ๒. วิทยากรประจําฐานนัดหมายเรอื่ งท่จี ะฝกอบรมแลว ส่ัง “หมูสี.......ตรง”“แยก” วิทยากรประจําฐาน นัดหมายเร่ืองท่ีจะฝกอบรมแลวส่ัง “หมูสี... ตรง” “แยก” เริ่มฝกอบรมในฐานตามคําแนะนําของวิทยากร ประจาํ ฐาน ๓. เม่ือไดยินสัญญาณนกหวีดหมดเวลา ๑ ครั้ง ใหทุกคนเขาแถวใหเรียบรอย และเม่ือไดยินสัญญาณ นกหวดี ๒ ครงั้ ใหนายหมสู ่งั “หมูสี............ตรง” นายหมทู าํ วันทยหัตถ (แบบลกู เสอื สํารอง) และกลาวขอบคุณ วิทยากรประจําฐานดวยคําวา “หมูสี.............ขอขอบคุณครับ/คะ” (นายหมูยืนอยูที่เดิมไมตองกาวออกไป ขา งหนา) ลดมอื ลง แลว ส่ัง “ขวา - หัน” “ตามขาพเจา” แลวเดนิ ไปเขา ฐานตอ ไป หมายเหตุ ๑. ในกรณที เี่ ขาฐานมากกวา หน่งึ หมูใ หมกี ารรายงานทกุ หมู ๒. วิทยากรประจําฐานรับความเคารพดวยการทําวันทยหัตถตอบ จนกระท่ังนายหมูกลับเขาที่ ลดมือ ลงจากการทาํ วนั ทยหตั ถ 113 115
ใบงานกจิ กรรมที่ ๑ สถานที ี่ ๑ ฤๅษตี าไฟ (ทดสอบความซ่อื สัตย) ปฏบิ ัตงิ านภายในเวลา ๑๐ นาที ดาํ เนินการ ดังน้ี ๑. เดินทางถึงสถานี พบฤๅษีตาไฟ แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการรองเพลง “ความซ่ือสัตย” พรอ ม ๆ กนั ๒ รอบ ๒. ฤๅษตี าไฟจะทดสอบลูกเสือเรอ่ื งความซื่อสัตย โดยการใหเ ลน เกมวิวัฒนาการ เกมวิวฒั นาการ/วิธกี ารเลน • เรมิ่ การเลนใหผ เู ลนทุกคนเปน แมลงหวี่ เมือ่ ไดยนิ สญั ญาณเริ่ม ใหแมลงหวี่ทุกตัวทําทาบินพรอม ออกเสียงหวี่ ๆ ไปหาคู เมือ่ เจอคู ใหเ ปา หยิงฉุบหาผูชนะ แมลงหวี่ตัวใดชนะจะกลายรางไปเปน เปด แตถ าแพจ ะเปน แมลงหวีเ่ ชน เดมิ แมลงหว่ตี อ งไปหาพวกแมลงหวด่ี วยกนั เปาหยงิ ฉุบตอ ไป • ผูที่ชนะเปนเปด ใหแสดงทาทางเปดพรอมรองกาบ ๆ เมื่อเจอเปดดวยกันใหเปายิงฉุบ ถาแพ เปน เปดเหมือนเดิม ถาชนะจะกลายเปน กระตา ย • ผูท่ีชนะเปนกระตาย ใหแสดงทาทางการกระโดดแบบกระตาย เมื่อเจอพวกเดียวกันใหเปาหยิงฉุบ ถา ชนะจะกลายเปน ลงิ แพก็ยังคงเปน กระตา ยเหมือนเดมิ • ผูที่กลายรางเปนลิง ใหแสดงทาทางลิง สงเสียงเจ๊ียก ๆ ไปหาพวกลิงดวยกัน ใหเปาหยิงฉุบ ถา ชนะจะกลับกลายเปน มนษุ ย ถือเปนผูชนะใหกลับนงั่ ทเ่ี ดิม • เมื่อจบการแขง ขัน ผูทไี่ มช นะใครเลยจะเปนแมลงหวี่ เคยชนะ ๑ ครั้ง เปนเปด เคยชนะ ๒ คร้ัง เปนกระตาย เคยชนะมา ๓ ครั้ง เปนลิง เคยชนะตลอดการแขงขันเปนมนุษย เม่ือเสร็จส้ิน การแขงขนั จะตองเหลือผเู ลน เปน แมลงหวี่ เปด กระตา ย และลิง ชนิดละ ๑ ตัว • ถาเปนไปตามกติกา ฤๅษีตาไฟซ่ึงมีตาวิเศษ นําบุคคลท่ีเหลืออยูมาเปนตัวอยางในการสรุปเร่ือง ของความซ่ือสัตย ยกยองชมเชยบุคคลเหลาน้ัน พรอมฝากขอคิดเร่ืองของความซื่อสัตยให ลกู เสือนาํ ไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั ๓. กอนออกจากสถานี ทองคติพจนของลูกเสือสํารอง ๓ คร้ัง เดินทางตามไหมพรมตามสีของหมู ตนเองไปยงั สถานีตอไป ฤๅษตี าไฟ 114 116
ใบงานกิจกรรมท่ี ๒ สถานที ่ี ๒ นางฟา (ทดสอบจติ อาสา) ปฏิบตั งิ านภายในเวลา ๑๐ นาที ดาํ เนนิ การ ดังนี้ ๑. เดินทางถึงสถานี พบนางฟา แสดงรหสั การเขาสถานโี ดยการทอ งกฎของลูกเสือสํารองพรอม ๆ กัน ๒. นางฟาแจงวามีอุบัติเหตุรถมอเตอรไซดเฉ่ียวชน และมีผูไดรับบาดเจ็บ หัวแตก ขาหัก มีบาดแผล ตามรางกาย ตองการความชวยเหลือจากลูกเสือ ใหลูกเสือตัดสินใจวาจะชวยเหลือหรือไม และจะชวยเหลือ อยา งไร ลงมือปฏิบตั ิจริง ๓. นางฟาสงั เกตการณแกปญหาของแตละหมู ๔. นางฟา กับลูกเสือรวมกันสรปุ กิจกรรมในเรอื่ งจิตอาสาและฝากใหล ูกเสือนาํ ไปใชในชีวิตประจําวนั ๕ กอนออกจากสถานี ทองกฎของลูกเสือสํารองพรอม ๆ กัน เดินทางตามไหมพรมตามสีของหมู ตนเองไปยังสถานีตอ ไป เดินทางตามไหมพรม 115 117
ใบงานกิจกรรมที่ ๓ สถานที ่ี ๓ คณุ ตาหลงทาง (ทดสอบความเอื้อเฟอ เผื่อแผ) ปฏบิ ตั งิ านภายในเวลา ๑๐ นาที ดาํ เนินการ ดังน้ี ๑. เดินทางถึงสถานี พบคุณตาหลงทาง แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการทองคําปฏิญาณของลูกเสือ สํารองพรอ ม ๆ กนั ๒. คุณตาทหี่ ลงทางกลบั บานไมไ ด เลา เรื่องราวของตนเองใหลูกเสอื ฟง ดังน้ี “คณุ ตาเปนคนจังหวัดอุบลราชธานี มีลูก ๓ คน แตล ูก ๆ ทงิ้ คุณตาใหอยูค นเดียว คุณตาคิดถึง ลูก ไดขาววาลูก ๆ ทํางานอยูในกรุงเทพฯ จึงนั่งรถไฟมากรุงเทพฯ เพ่ือตามหาลูก โดยทิ้งคุณยายซ่ึงปวยเปน โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานไวที่อุบลราชธานี เม่ือมาถึงกรุงเทพฯ ไมรูจะไปตามหาลูกที่ไหน เงินหมด ตอนน้ีไมไดกินขาวมา ๒ วันแลว คุณตาขอรองใหลูกเสือชวยหาทางสงกลับบาน เพราะคิดถึงบานและเปนหวง คณุ ยาย” ๓. ใหล ูกเสือระดมสมองหาวิธชี ว ยเหลือคณุ ตากลับบา น สงตวั แทนออกมานําเสนอ ๔. วทิ ยากรและลกู เสอื รวมกันสรปุ กิจกรรม ๕. กอนออกจากสถานี ทองคําปฏิญาณของลูกเสือสํารองพรอม ๆ กัน เดินทางตามไหมพรมตามสี ของหมูตนเองไปยังสถานีตอ ไป 116 118
ใบงานกจิ กรรมท่ี ๔ สถานที ่ี ๔ ตาํ รวจ (ทดสอบการรูจกั เคารพกฎหมาย “กฎหมายเรอื่ งใกลตวั ”) ปฏิบัติงานภายในเวลา ๑๐ นาที ดาํ เนนิ การ ดงั นี้ ๑. เดนิ ทางถงึ สถานี พบตาํ รวจ แสดงรหสั การเขา สถานีโดยการรองเพลง “หนาที่เด็ก” ๒ รอบ ๒. คุณตาํ รวจแจงใหลูกเสือทราบวา ในสถานีนี้ ใหลูกเสือแยกขอความระหวางขอความท่ีเปนหนาที่ของ ประชาชนชาวไทย และคุณลักษณะพลเมืองไทยท่ีดี กับขอความที่ไมใชหนาท่ีของประชาชนชาวไทย และ คุณลักษณะพลเมืองไทยทีไ่ มด ี ขอ ความมีดังน้ี สมชายหนีการเกณฑทหาร ฝนตกแตส มพรไปใชส ทิ ธิในการเลือกตั้ง ดาํ ไปเสยี ภาษที ด่ี ิน ผูสมัครผูใหญบานมอบเงินใหสมศรี แดงนําถั่วฝกยาวไปแชนา้ํ กอนช่ังขาย ออมเก็บขยะ เพื่อไปลงคะแนนใหตนเอง เพื่อใหไดนา้ํ หนัก ที่สวนสาธารณะ แมขายลกู ชิน้ ทอนเงนิ เกินแดง แมของปามขายเงาะ ๑ กก. แตชง่ั ใหล ูกคา ไมเตม็ ๑ กก. นําไปคืน กก. มดื ยืนตรงเมื่อไดย นิ เพลงสรรเสรญิ ออ มทงิ้ ขยะลงคลอง จืดไปทาํ บุญทกุ วันพระ แจงหยดุ รถเม่ือเหน็ สัญญาณไฟแดง โตงไมปฏิบตั ติ ามขอตกลงที่เพื่อนสว นใหญตกลงกันไว โดงแตงกายเลยี นแบบดาราเกาหลี ปเู ดนิ ข้นึ สะพานลอยเพื่อขา มถนน กวางทาํ งานอาํ เภอ เขาไปทํางานชา กลบั บา นเร็ว บอลสงสารเพื่อน จึงใหเ พื่อนลอกการบาน โชคเก็บเงินได ๑,๐๐๐ บาท เกงอุทิศตนมาทาํ งานในวันหยดุ และนาํ เงินท่ีเก็บไดไปใหทุนการศึกษา ๓. ตํารวจกับลูกเสอื รวมตรวจสอบความถูกตองของผลงาน สรปุ ขอคิดท่ีไดจากการปฏิบัติกิจกรรม ๔. กอนออกจากสถานี รองเพลงหนาท่ีเด็ก ๒ รอบ เดินทางตามพรมตามสีของหมูตนเองไปยังสถานี ตอ ไป 117 119
ใบงานกจิ กรรมที่ ๕ สถานที ่ี ๕ ซุปเปอรแ มนและจอมโจรตาเดียว (การรจู กั เคารพตนเองและผอู ่นื ) ปฏบิ ัติงานภายในเวลา ๑๐ นาที ดําเนินการ ดังน้ี ๑. เดนิ ทางถงึ สถานี พบซุปเปอรแ มน แสดงรหัสการเขา สถานีโดยการทอ งคติพจน ๓ ครัง้ พรอ ม ๆ กนั ๒. จอมโจรตาเดยี วจบั ตวั ลกู เสือคนหน่งึ เปน ตวั ประกนั แลว เริ่มทรมานตัวประกัน ซุปเปอรแมนเจรจากับ จอมโจรตาเดยี วเพ่ือหาวิธแี ลกตัวประกนั กลับคืน จอมโจรตาเดียวใหลูกเสือแบงออกเปน ๒ กลุมยอย กลุมหนึ่ง ทําหนาที่แสดงทาทางตามสถานการณท่ีจอมโจรตาเดียวกําหนด อีกกลุมทําหนาท่ีทายใหถูกตอง ๘ ใน ๑๐ สถานการณ จอมโจรตาเดียวถงึ จะปลอยตัวประกัน สถานการณท ่ีกาํ หนดให • เดก็ เตะลกู สนุ ขั แมม าหา มและตเี ดก็ • นองอนุบาลหกลมพเ่ี ขาไปชวยพาไปสง ครอู นุบาล • นักเรียนเขา แถวซื้ออาหาร • ลกู เสือจงู คนแกข า มถนน • เดก็ แวน • แมล ูกกาํ ลงั ใสบาตรพระ • โจรกาํ ลังกระชากสรอ ย • เด็กลอกการบานเพ่อื น • นักเรียนแอบสบู บุหรี่ • นักเรียนเขาแถวเคารพธงชาติ ๓. ซุปเปอรแมนกบั ลูกเสอื รว มกนั สรปุ กจิ กรรม ๔. กอนออกจากสถานี ทองคติพจน ๓ คร้ัง พรอม ๆ กัน เดินทางตามพรมตามสีของหมูตนเองไปยัง สถานีตอ ไป เดก็ แวน จงู คนแกข ามถนน แมลกู กาํ ลังใสบาตรพระ 118 120
ใบงานกิจกรรมที่ ๖ สถานีท่ี ๖ เมาคลี ปฏบิ ัติงานภายในเวลา ๑๐ นาที ดําเนนิ การ ดงั นี้ ๑. เดินทางถึงสถานี พบเมาคลี แสดงรหัสการเขาสถานีโดยการผูกเง่ือนลูกเสือสํารองท่ีเคยเรียนมา หมลู ะอยางนอย ๑ เงือ่ น ๒. เมาคลีแจงกับลูกเสือวาการจะดํารงชีพอยูในปาจะตองมีอุปสรรคมากมาย ลูกเสือตองมีเพ่ือนที่รัก และไวใ จได ใหลูกเสอื จบั คูกบั เพอ่ื นทไี่ วใ จที่สุด ปฏบิ ัติกจิ กรรม เพ่อื นรกั เพ่ือนเลฟิ กิจกรรม เพ่ือนรักเพื่อนเลิฟ วธิ ีดาํ เนินการ ๑. ใหลูกเสือจับคูกับเพ่ือนท่ีเราไวใจท่ีสุดไปยืนในจุดท่ีกําหนดให นัดหมายคนหนึ่งเปนหุนยนต อีกคน หนึ่งเปนบังคบั หุนยนต ทง้ั ๒ คน หามใชเ สียงในการส่ือสาร ๒. เริ่มกิจกรรม หนุ ยนตป ด ตาดวย คนบังคับยืนขางหลังหุนยนต ใชมือสงสัญญาณใหหุนยนตเคลื่อนท่ี ไปตามชองทาง ซงึ่ ถูกขึงดวยเชือกสองเสน กวางประมาณ ๑ เมตร ระยะทางยาว ๑๐ - ๑๕ เมตร สูงประมาณ ๑ เมตร ผูบังคับหุนยนตตองพาหุนยนตจากจุดเร่ิมตนไปยังจุดทาย โดยใหหุนยนตสัมผัสเชือกนอยที่สุดหรือ ไมสัมผัสเลย ๓. เมาคลีและลูกเสือรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดจากการปฏิบัติกิจกรรมในหัวขอ “อุปสรรคปญหา” “การให ความไวว างใจซ่งึ กันและกนั ” “การดแู ลซ่งึ กนั และกนั ” ๔. กอนออกจากสถานี ทดสอบการผกู เงอื่ นลูกเสือสาํ รองทเ่ี คยเรียนมา หมลู ะอยา งนอ ย ๑ เง่ือน 119 121
แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัตงิ านกลมุ ชือ่ วิชา ลกู เสือสาํ รองชอสะอาดกับการประชมุ กองครง้ั พเิ ศษ หมู............................... รายการประเมิน ๔ ระดับคะแนน ๑ ๓๒ ๑. การแบงหนาทีร่ บั ผดิ ชอบในกลุม ๒. การวางแผนการทํางานรว มกนั ๓. การใหค วามรวมมอื ของสมาชกิ ๔. การยอมรบั ฟงความคิดเห็นของผูอนื่ และการแสดงความคดิ เห็น ๕. การแกป ญ หาภายในกลุม รวม (ผลรวมทุกชอง) รวมเฉลย่ี คาเฉลย่ี คะแนนการประเมนิ ผลการบริหารโครงการ (คะแนนผลรวม ÷ ๕) = ........................ คะแนนเฉลี่ย ๓.๐๐ - ๔.๐๐ แสดงวาการดาํ เนนิ งานอยใู นระดับ ดี คะแนนเฉลย่ี ๒.๐๐ - ๒.๙๙ แสดงวาการดาํ เนนิ งานอยูในระดับ พอใช คะแนนเฉลยี่ ๑.๐๐ - ๑.๙๙ แสดงวาการดําเนนิ งานอยูใ นระดับ ปรบั ปรงุ สรปุ ผลการประเมินกิจกรรม ระดบั ดี ระดบั พอใช ระดบั ปรับปรุง ลงชือ่ ………………………………..ผูป ระเมิน (....................................) 120 122
หมูสี............................... ใบบันทึกคะแนนในฐานกิจกรรม หมายเลขประจํา ลายเซ็นวิทยากร คะแนนปฏิบตั กิ ิจกรรม สถานี (๑๐ คะแนน) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ รวม (๖๐ คะแนน) เกณฑการประเมนิ คะแนน ดมี าก ๕๑ - ๖๐ คะแนน ดี ๔๑ - ๕๐ คะแนน ปานกลาง ๓๑ - ๔๐ คะแนน ตองปรับปรุง ๐ - ๓๐ ผาน ไมผ าน เกณฑการตดั สิน ๓๑ - ๖๐ คะแนน ไดต ่าํ กวา ๓๐ คะแนน 121 123
ส่วนท่ี ๓ กจิ กรรมเสนอแนะ
การประดับเครื่องหมายลูกเสือสํารองชอ สะอาด ตราสญั ลกั ษณลกู เสือชอสะอาด ชอ่ื เครอื่ งหมาย “ลกู เสอื ชอสะอาด” ประดบั ท่ีอกเส้ือดานขวาเหนือกระเปา สญั ลกั ษณ “ชอ สะอาด” เปนสญั ลักษณส งเสรมิ คณุ งามความดี ซงึ่ ไดรวบรวมทุกลานมือขาวใสสะอาด ของคนบนแผนดินไทย ท้ังในและนอกราชอาณาจักร โดยไมจํากัดเพศ วัย เช้ือชาติ และศาสนาใด ๆ ทั้งสิ้น รวมเขา ไวเปนหนงึ่ เดียวกนั ผกู ดว ยโบวสธี งชาติไทย แสดงถงึ การรวมพลังไทยทาํ ดีทกุ คนเขา ไวดวยกนั สัญลักษณ “วงเชือกผูกเง่ือนพิรอด” หมายถึง ความสามัคคีและความเปนพ่ีนองกันของขบวนการ ลกู เสือโลก สัญลักษณ “ลูกเสือ” ประกอบดวย สัญลักษณลูกเสือโลก คือ รูปเฟอรเดอลีส (Fleur-de-lis) ประกอบกบั รปู หนาเสือ มอี ักษรจารกึ ดา นลา งวา “เสยี ชีพอยาเสยี สัตย” พน้ื สีขาว แสดงถึง ความบรสิ ทุ ธ์ิ ความซ่อื สัตยสจุ รติ เชือกสีมวง แสดงถึง ความเปนผูนําและการชวยเหลือผูอื่น และเปนสีของวันที่มีการประกาศใช รัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซ่ึงเปน วันเสาร คําขวัญ “เสียชีพอยาเสียสัตย” ส่ือถึง ความภูมิใจในลูกเสือไทย มีจิตสํานึกในการทําความดี และ ความมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมของลกู เสอื 122 125
แนวทางการจดั ต้ังกองลกู เสือสํารองในสถานศกึ ษา การจัดตัง้ กองลูกเสอื - เนตรนารใี นสถานศกึ ษา การจัดกิจกรรมลูกเสือ - เนตรนารีในสถานศึกษาตามหลักสูตรที่สถานศึกษากําหนด ควรดําเนินการ ใหเปนไปตามขอบงั คับคณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครอง หลักสูตรและวิชาพิเศษ พ.ศ. ๒๕๐๙ ผูบริหาร โรงเรยี นและผูรบั ผดิ ชอบกจิ กรรมลูกเสือ ควรสํารวจขอ มลู ลกู เสอื - เนตรนารี และดําเนินการดังน้ี ๑. รับสมัครนักเรียนและรวบรวมจํานวนลูกเสือ - เนตรนารี แตละประเภทแลวเขียนใบสมัครเขาเปน ลกู เสอื (ใชแ บบ ลส.๓) ดงั น้ี ๑.๑ กองลูกเสือสํารอง หมายถึง นักเรียนชายท่ีเรียนระดับชวงชั้นที่ ๑ ตามหลักสูตร การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ คือ ช้ันประถมศึกษาปที่ ๑ - ๓ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหน่ึงมีลูกเสือ ๔ - ๖ คน รวมท้ังนายหมูและรองนายหมูดวย (ขอบังคับฯ พ.ศ. ๒๕๐๙ ขอ ๗๒) กองลูกเสือสํารองมีลูกเสือ ตั้งแต ๘ - ๓๖ คน (ขอ บงั คบั ฯ พ.ศ. ๒๕๐๘ ขอ ๖) ๑.๒ กองเนตรนารีสํารอง หมายถึง นักเรียนหญิงที่เรียนระดับชวงชั้นท่ี ๑ ตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ คือ ชั้นประถมศึกษาปที่ ๑ - ๓ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหนึ่งมี เนตรนารี ๔ - ๖ คน รวมทั้งนายหมูและรองนายหมูดวย (ขอบังคับฯ พ.ศ. ๒๕๐๙ ขอ ๗๒) กองเนตรนารีสํารอง มเี นตรนารตี ้งั แต ๘ - ๓๖ คน ๑.๓ กองลูกเสือสามัญ หมายถึง นักเรียนชายที่เรียนระดับชวงชั้นท่ี ๒ ตามหลักสูตร การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ คือ ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๔ - ๖ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหน่ึงมีลูกเสือ ๖ - ๘ คน รวมทั้งนายหมูและรองนายหมูดวย (ขอบังคับฯ ฉบับท่ี ๑๓ พ.ศ. ๒๕๒๕ ขอ ๘๔) กองลูกเสือสามัญ มลี ูกเสอื ตง้ั แต ๑๒ - ๔๘ คน (ขอ บงั คับฯ พ.ศ. ๒๕๐๘ ขอ ๖) ๑.๔ กองเนตรนารีสามัญ หมายถึง นักเรียนหญิงท่ีเรียนระดับชวงชั้นท่ี ๒ ตามหลักสูตร การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ คือ ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๔ - ๖ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหนึ่งมี เนตรนารี ๖ - ๘ คน รวมท้ังนายหมูและรองนายหมดู ว ย กองเนตรนารสี ามญั มเี นตรนารีตัง้ แต ๑๒ - ๔๘ คน ๑.๕ กองลกู เสือสามัญรุนใหญ หมายถึง นักเรียนชายท่ีเรียนระดับชวงช้ันท่ี ๓ ตามหลักสูตร การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ - ๓ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหน่ึงมีลูกเสือ ๖ - ๘ คน รวมท้ังนายหมูและรองนายหมดู ว ย กองลกู เสอื สามญั รุนใหญมีลูกเสือตั้งแต ๘ - ๔๘ คน (ขอบังคับฯ ฉบับท่ี ๑๔ พ.ศ. ๒๕๒๘) ๑.๖ กองเนตรนารีสามญั รนุ ใหญ หมายถงึ นกั เรยี นหญิงที่เรียนระดับชวงชั้นที่ ๓ ตามหลักสูตร การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี ๑ - ๓ ใหมีจํานวน ๒ - ๖ หมู หมูหนึ่งมี เนตรนารี ๔ - ๘ คน รวมท้งั นายหมแู ละรองนายหมดู ว ย กองเนตรนารีสามญั รุนใหญม เี นตรนารีตงั้ แต ๘ - ๔๘ คน ๑.๗ กองลูกเสือวิสามัญ หมายถึง นักเรียนหรือนักศึกษาชายท่ีเรียนระดับมัธยมศึกษาปท่ี ๔ - ๖ หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ - ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง หรือระดับอุดมศึกษา ประกอบดวยลูกเสือ วิสามญั อยางนอย ๑๐ คน ไมเ กิน ๔๐ คน กองลูกเสอื วสิ ามัญจะแบง เปน ชดุ หรือหมูตามความตองการก็ได และ ควรมลี กู เสือวิสามญั ชดุ หรือหมลู ะ ๔ - ๖ คน รวมทั้งนายหมูและรองนายหมดู ว ย ๑.๘ กองเนตรนารีวสิ ามัญ หมายถึง นกั เรียนหรอื นักศึกษาหญิงที่เรียนระดับมัธยมศึกษาปท ่ี ๔ - ๖ หรือประกาศนียบตั รวชิ าชีพ - ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสูง หรือระดบั อุดมศึกษา ประกอบดว ยเนตรนารี วสิ ามญั อยา งนอย ๑๐ คน ไมเกนิ ๔๐ คน กองลูกเสอื วสิ ามัญจะแบงเปนชดุ หรือหมูตามความตองการก็ได และ ควรมีลกู เสอื วสิ ามญั ชดุ หรือหมูละ ๔ - ๖ คน รวมท้งั นายหมแู ละรองนายหมดู ว ย 123 126
๒. เร่ิมทําการสอนวชิ าลกู เสอื - เนตรนารีตามหลักสตู รกาํ หนด ๓. มีผูบังคับบัญชาที่ผานการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือประเภทนั้น ๆ อยางนอยข้ันความรูเบ้ืองตน ๑ คน ทําหนาท่ีเปนผูกํากับกับ มีรองผูกํากับอีก ๑ คน ขึ้นไปเปนผูชวย (วิธีปฏิบัติของสํานักงานฯ กลุมลูกเสือ ๑ กลุม มีกรรมการกลมุ ไมเ กิน ๔๐ คน และกองลกู เสือ ๑ กอง มรี องผูก ํากบั ไมเ กิน ๑๐ คน) ๔. ดาํ เนนิ การขออนุญาต โดยกรอกลงแบบคาํ ขอตอไปน้ี แบบละ ๓ ชดุ ๔.๑ ล.ส.๑ ใบคาํ รองขอต้งั กลมุ ลกู เสือหรือกองลูกเสอื ๔.๒ ล.ส.๒ ใบสมคั รขอเปน ผบู งั คบั บัญชาลกู เสือ ๔.๓ ทาํ หนังสอื นําของผูบังคับบัญชา/ผูขออนุญาต สงผานหนวยงานตนสังกัดเพ่ือขออนุญาต ตอ ผูมอี ํานาจแตงต้ังแลวแตกรณี ถึงเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติหรือผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด สงใบ แตงตัง้ ใหเปนเจาหนาท่ีลูกเสอื (ลส.๑๓) ตําแหนงผกู าํ กบั หรอื รองผูกาํ กับมาใหโรงเรียน ๕. เมอื่ ไดรับอนมุ ตั ิใหต ้งั กองไดแลว ใหทําพิธีเขาประจํากองและจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามปกติ อยา งตอ เน่ือง (โรงเรยี นจะไดรับ ลส.๑๑ หรือ ลส.๑๒ ใหต้ังกลุมหรือกองลูกเสือจากสํานักงานลูกเสือแหงชาติ หรือสาํ นักงานคณะกรรมการลูกเสอื จงั หวัด) 124 127
เกณฑการจดั ตง้ั ลกู เสือสาํ รองชอ สะอาดในสถานศกึ ษา ๑. สถานศกึ ษาตอ งจดั การฝกอบรมหลักสูตรลูกเสือสํารองชอสะอาด อยางนอย ๒ หมู ๆ ละ ๔ - ๖ คน โดย ๑.๑ ฝก อบรมหลักสตู รลูกเสือสาํ รองชอ สะอาด ๒ วนั ไมค า งคืน (ไดร บั วุฒบิ ตั ร) ๑.๒ ทดสอบความรูดานคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือสํารอง ความซ่ือสัตยสุจริต ความเออื้ เฟอ เผ่อื แผ การรูจักเคารพกฎหมาย จิตอาสา การแสดงเงียบ และกิจกรรมกลางแจง (การประชุมกอง คร้งั พิเศษ) จากคณะกรรมการ ๑.๓ เขา รวมกจิ กรรมรณรงค เผยแพร ประชาสัมพนั ธความซ่อื สตั ยสุจริต ความเอ้ือเฟอเผื่อแผ การรจู ักเคารพกฎหมาย รวมกับสถานศึกษา ครอบครัว และชุมชน หรือมีสวนรวมกิจกรรมจิตอาสา อยางนอย ๒ กจิ กรรม (ภายในระยะเวลา ๓ เดอื น) ๑.๔ ผูบ ังคับบัญชาลูกเสอื สาํ รองชอสะอาดรบั รองผลการปฏบิ ัตงิ าน ๒. ควรมผี ูบงั คับบัญชาลูกเสือสาํ รองชอสะอาดในโรงเรยี น อยางนอย ๑ คน ๓. การดาํ เนนิ การขอมีลกู เสอื สํารองชอ สะอาดในสถานศึกษา ๓.๑ ผูบังคับบัญชาลูกเสือในสถานศึกษา ทําหนังสือแจงผลการฝกอบรมหลักสูตรลูกเสือ สาํ รองชอสะอาดผานสถานศกึ ษา ผานสาํ นักงาน ป.ป.ช. ประจาํ จงั หวัด จากนนั้ สาํ นักงาน ป.ป.ช. ประจําจังหวัด สงไปยังสาํ นักงาน ป.ป.ช. (สวนกลาง) รวบรวมและพิจารณานําเสนอตอไปยังสํานักงานลูกเสือแหงชาติ ในการนี้ ใหส ถานศกึ ษาทําสาํ เนาแจงสํานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาทดี่ แู ล รับทราบอีกทางหนึ่งดว ย ๓.๒ สํานักงานลูกเสือแหงชาติ เมื่อไดรับหนังสือและพิจารณาเห็นสมควรรับรองให สถานศึกษามีลูกเสือสาํ รองชอ สะอาดได กจ็ ะมีหนังสอื ตอบกลบั ไปยังสถานศกึ ษาที่มีหนังสอื ขออนญุ าตมา ๓.๓ สถานศึกษาสามารถจัดฝก อบรมขยายผลหลกั สูตรลกู เสอื สาํ รองชอ สะอาดตอ ไปได 125 128
บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. หลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ คงศกั ด์ิ เจริญรักษ และรตั นา หาญสงคราม. เกม ๑๐๘. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพศรอี นนั ต, ๒๕๒๕. คณะกรรมการการบรหิ ารลูกเสือแหง ชาติ. คมู ือการฝก อบรมผูบังคับบัญชาลกู เสือสาํ รอง ขนั้ ความรูเบือ้ งตน และขน้ั ความรูช้นั สูง, ๒๕๓๐: ๔ คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ, สํานักงาน. กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี ๑-๖. กรุงเทพฯ: โรงพิมพครุ ุสภา, ๒๕๔๐. คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ, สํานกั งาน. กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ชัน้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๑-๖. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค รุ ุสภา, ๒๕๔๐. คาํ ปรารภ, ราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนที่ ๕๕ ก. หนา ๑. รฐั ธรรมนูญแหง ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐. คําปรารภ, วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๐. จรินทร ธานีรัตน. เกม. กรุงเทพฯ: สาํ นักพมิ พโ อเดยี นสโตร, ๒๕๒๔. ชัยณรงค ศรสี ุข. (๒๕๔๕). \"คณุ ธรรมจริยธรรมและคา นยิ มทพ่ี ึงปรารถนาของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษา ปท ่ี ๖ ในสังกดั สาํ นกั งานการประถมศึกษาอําเภอทา บอ จังหวัดหนองคาย\" วิทยานิพนธ ปรญิ ญาการศกึ ษามหาบณั ฑติ คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. ราชบณั ฑติ . พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๕. พมิ พคร้งั ท่ี ๑: อักษรเจรญิ ทัศน. กรุงเทพฯ, ๒๕๕๕. ราชกจิ จานุเบกษา เลม ๔๙ หนา ๕๓๗. รัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจักรสยาม พทุ ธศักราช ๒๕๔๗. มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ วนั ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๗. บญั ชา ธนบญุ สมบัต,ิ โอริงามิ ศาสตร & ศลิ ป การพบั กระดาษ. อัดสาํ เนา ปญญา สมบตั นิ ิมิต และคณะ. การใชก จิ กรรมนนั ทนาการในการฝก อบรม, เอกสารอัดสําเนา. ม.ป.ป. พทุ ธทาสภิกขุ. (๒๕๒๐). ศลี ธรรมกับมนุษยโ ลก. กรงุ เทพฯ : ธรรมทานมลู นิธิ . วาสนา มง่ั คงั่ และวิรตั น มง่ั ค่งั . เกมส. วทิ ยาลัยพลศกึ ษาจงั หวดั เพชรบรู ณ, ม.ป.ป. สรุ สิทธิ์ นาคสัมฤทธิ์. การพฒั นาหลกั สูตรเสริมเพือ่ การพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมโดยใชว ิธีการลูกเสอื สําหรับนักศกึ ษามหาวิทยาลัยราชภฏั สวนดสุ ติ . ดุษฎีนพิ นธคณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลัย บูรพา ๒๕๕๕ สาํ นักงาน ป.ป.ช., จุลสาร ป.ป.ช. สาํ นักงานลูกเสือแหง ชาติ. คมู ือการฝกอบรมวิชาผูกํากบั ลูกเสอื สํารอง ขั้นความรเู บ้ืองตน สาํ นักงานลกู เสือแหงชาติ. หนงั สอื เพลง เกม สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน. คูม อื ทกั ษะชีวติ เลม ท่ี ๓ การมองเห็นคณุ คาของตนเองและ ผูอื่น. กรงุ เทพฯ, มปป. แหลง ขอ มลู เว็บไชตของสํานกั การลกู เสือ ยวุ กาชาด และกิจการนักเรียน สํานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร : www.bureausrs.org สบื คนเมือ่ วันที่ ๙ กนั ยายน ๒๕๕๖ แหลง ขอ มลู เว็บไซตข องสํานกั กิจการพเิ ศษ สป.ศธ. www.skp.more.go.th สืบคน เมื่อวนั ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ แหลง ขอมูล เวบ็ ไซตสํานกั งานลกู เสือแหงชาติ www.scoutthailand.org สบื คนเมือ่ วนั ท่ี ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๕๖ แหลง ขอ มลู เวบ็ ไซตข องสํานักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th สบื คน เมอ่ื วันท่ี ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ 126 129
แหลง ขอ มูล http://www.youtube.com “Bridge's Story-A Teamwork Aniboom Animation by Tony Hoang” สบื คนเมือ่ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แหลงขอ มูล http://www.sukhothai.go.th/history/hist_08.htm; สบื คนเมอื่ วนั ที่ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๒ แหลงขอมูล http://www.nacc.go.th; สบื คนเมอื่ วันท่ี ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ แหลง ขอ มูล http://www.bureausrs.org สืบคนเม่อื วนั ท่ี ๓ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๗ แหลงขอ มูล http://www.skp.more.go.th สืบคนเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ แหลงขอ มูล http://www.scoutthailand.org สืบคนเม่ือวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ แหลงขอมูล http://www.pantown.com สบื คนเมอ่ื วนั ที่ ๑๕ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๗ 127 130
ภาคผนวก
คําสง่ั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี 73/2556 เรื่อง แตง ต้งั คณะอนุกรรมการบริหารโครงการลกู เสอื ชอสะอาด คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังท่ี 152 - 17/2556 เม่ือวันท่ี 28 กุมภาพันธ 2556 มีมติเหน็ ชอบใหแตง ต้งั คณะอนุกรรมการบรหิ ารโครงการลูกเสอื ชอสะอาด ฉะน้ัน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 19 (16) แหงพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซ่ึงแกไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 จงึ ใหแตงตง้ั คณะอนุกรรมการบรหิ ารโครงการลูกเสอื ชอ สะอาด ประกอบดวย 1. ศาสตราจารย (พเิ ศษ) วิชา มหาคณุ ที่ปรึกษา 2. นายศุภกร วงศปราชญ ประธานอนุกรรมการ 3. รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ ผูช ว ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. (กลมุ ภารกิจดา นสงเสรมิ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และ ปองกนั การทุจริต) อนุกรรมการ 4. นายนิคม อินทรโสภา อนุกรรมการ 5. นายคงวฒุ ิ ไพบูลยศ ลิ ป อนุกรรมการ 6. นายเดช วรเจริญศรี อนกุ รรมการ 7. นางวรรณภา พรหมถาวร อนกุ รรมการ 8. นายสมมาต สังขพันธ อนุกรรมการ 9. นายโอฬาร เกงรกั ษส ตั ว อนุกรรมการ 10. ผอู ํานวยการสํานักปองกันการทจุ รติ ภาครฐั อนกุ รรมการ 11. ผูอาํ นวยการสํานักปองกันการทจุ รติ ภาคประชาสงั คม และการพฒั นาเครอื ขา ย อนุกรรมการ 12. ผอู ํานวยการสํานกั ปองกนั การทุจริตภาคการเมอื ง อนกุ รรมการและเลขานกุ าร 13. นางสวุ ัฒนา ธรรมประภาส อนกุ รรมการและผชู วยเลขานกุ าร 14. นางสาวสุพิชญา อาภาวศนิ อนุกรรมการและผชู วยเลขานกุ าร 15. นางขวัญใจ กลิน่ ขจาย อนกุ รรมการและผูชว ยเลขานกุ าร 16. นายศุภสทิ ธิ์ รักไทยดี อนุกรรมการและผูชวยเลขานกุ าร /โดยมอี ํานาจหนาที่… 128 132
โดยมอี ํานาจหนา ท่ี ดังนี้ (1) ประสานความรวมมือในการดําเนินโครงการลูกเสือชอสะอาดระหวางสํานักงานลูกเสือ แหงชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สํานกั งาน ป.ป.ช. และหนว ยงานอื่นท่ีเกยี่ วขอ ง (2) พิจารณาจัดทําคูมือแนวทางปฏิบัติในการดําเนินโครงการลูกเสือชอสะอาด จัดทํา หลกั สูตร “ลูกเสอื ชอสะอาด” ที่เหมาะสมกับกจิ กรรมลูกเสือในแตละชวงชน้ั เรยี น (3) ดําเนินงานตามกรอบแนวทางปฏิบัติหรือขั้นตอนการดําเนินโครงการลูกเสือชอสะอาด ตามทก่ี าํ หนด (4) ดาํ เนนิ การอน่ื ตามทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ทง้ั น้ี ตงั้ แตว นั ท่ี 28 กมุ ภาพันธ พ.ศ. 2556 เปนตนไป ส่ัง ณ วนั ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556 (นายปานเทพ กลาณรงคราญ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. 129 133
คาํ สัง่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ 220/2556 เร่อื ง แตงตั้งคณะอนุกรรมการบริหารโครงการลกู เสอื ชอสะอาด (เพิ่มเติม) ตามคําส่ังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ 73/2556 ลงวันท่ี 11 มีนาคม 2556 แตงต้ัง คณะอนุกรรมการบริหารโครงการลูกเสอื ชอ สะอาด น้นั บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุม คร้ังที่ 481 - 46/2556 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 มีมติเห็นชอบใหแตงตง้ั คณะอนกุ รรมการบรหิ ารโครงการลูกเสอื ชอสะอาด (เพ่มิ เติม) จาํ นวน 5 ราย ฉะน้ัน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 19 (16) แหงพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวาดวยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซ่ึงแกไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 จึงใหแ ตง ต้ังคณะอนุกรรมการบริหารโครงการลกู เสือชอสะอาด (เพ่มิ เตมิ ) จาํ นวน 5 ราย ดงั น้ี 1. พลโทสมหมาย วงษมาก อนุกรรมการ 2. นายวายุ พยัคฆนั ตร อนุกรรมการ 3. นายศัจธร วฒั นะมงคล อนกุ รรมการ 4. นายกฤษณ โกไศยกานนท อนกุ รรมการ 5. นางสุธนิ ี ขาวออน อนกุ รรมการ ทง้ั นี้ ตัง้ แตว ันที่ 20 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2556 เปน ตนไป สัง่ ณ วนั ท่ี 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 (นายปานเทพ กลา ณรงคร าญ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. 130 134
คําสั่งคณะอนุกรรมการขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตรว าดว ยการปองกันและปราบปรามการทุจริต โดยใชกลไกทางการศกึ ษา ท่ี 3/2556 เร่ือง แตง ต้ังคณะทาํ งานจัดทําหลักสตู รและคูมอื การฝกอบรมลกู เสอื ชอสะอาด ตามที่ คณะอนุกรรมการขับเคล่ือนยุทธศาสตรวาดวยการปองกันและปราบปรามทุจริต โดยใชกลไกทางการศึกษา เห็นชอบใหดําเนินโครงการลูกเสือชอสะอาด และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดมีคําสั่ง แตงตั้งคณะอนุกรรมการบริหารโครงการลูกเสือชอสะอาด เพื่อพิจารณาการดําเนินงานตามกรอบแนวทาง การดําเนินโครงการลูกเสือชอสะอาด ซ่ึงการจัดทําหลักสูตรและคูมือการฝกอบรมลูกเสือชอสะอาด เปนขัน้ ตอนหน่งึ ของการดําเนินโครงการลูกเสอื ชอ สะอาด น้ัน ดงั นน้ั เพ่ือใหก ารจดั ทาํ หลกั สูตรและคูมือการฝก อบรมลกู เสือชอสะอาด สําหรับลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ และลูกเสือวิสามัญ เปนไปดวยความเรียบรอย จึงใหแตงต้ังคณะทํางาน จดั ทาํ หลักสูตรและคูมือการฝก อบรมลูกเสอื ชอ สะอาด ประกอบดวย นายศภุ กร วงศป ราชญ ทป่ี รึกษา นายพะนอม แกวกําเนิด ทปี่ รึกษา พลเรอื เอกสุชาติ กลศาสตรเสนี ทป่ี รึกษา นายนิคม อินทรโสภา ทป่ี รกึ ษา นายคงวุฒิ ไพบลู ยศลิ ป ทีป่ รกึ ษา 1. นายวายุ พยัคฆนั ตร ประธานคณะทํางาน 2. นายกฤษณ โกไศยกานนท คณะทาํ งาน 3. นางสาวจตุพร พลู แกว คณะทาํ งาน 4. นางสาวจิราภรณ วงศถิรวัฒน คณะทํางาน 5. นางสาวจิราภรณ ภอู ุดม คณะทาํ งาน 6. นายชุมพล ชมุ จิตร คณะทาํ งาน 7. นายเดช วรเจริญศรี คณะทํางาน 8. นายทวีศกั ด์ิ ทวรี ัตนธรรม คณะทาํ งาน 9. นายทองชบุ ศรแกว คณะทํางาน 10. นายพรชั ฌ ผุดผอง คณะทํางาน 11. นายไพฑรู ย พนั ธุชาตรี คณะทํางาน 12. นางวรรณภา พรหมถาวร คณะทาํ งาน 13. นายวลฺลภ ยตุ ธิ รรมดํารง คณะทาํ งาน 131 135
14. นายวริ ชั บญุ ชัยศรี คณะทาํ งาน 15. นายศัจธร วัฒนะมงคล คณะทํางาน 16. นางศริ ณิ ี บญุ ปถัมภ คณะทํางาน 17. นางสุวัฒนา ธรรมประภาส คณะทาํ งาน 18. นายสมเกียรติ ฮะวังจู คณะทาํ งาน 19. นายสมเจตน พงษวสิ ุวรรณ คณะทาํ งาน 20. นายสภุ โชค เกษมจิต คณะทํางาน 21. นายเสนห ภสู วา ง คณะทาํ งาน 22. นายโอฬาร เกงรักษสตั ว คณะทาํ งาน 23. นายบญุ แสง ชรี ะภากร คณะทาํ งานและเลขานกุ าร 24. นางขวัญใจ กลิน่ ขจาย คณะทํางานและผชู วยเลขานกุ าร 25. นายสทุ ัศน สมนอ ย คณะทาํ งานและผูชวยเลขานุการ โดยมอี าํ นาจหนา ที่ ดงั นี้ (1) จัดทําหลักสูตรลูกเสือชอสะอาด สําหรับลูกสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ และลกู เสอื วสิ ามญั (2) จดั ทาํ คมู อื สําหรับครูผปู ฏบิ ตั กิ ารสอนหลกั สูตรลูกเสือชอ สะอาด (3) พิจารณากําหนดแนวทางการนําหลักสูตรลูกเสือชอสะอาด เขาเปนวิชาบังคับเลือก ในการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา เชน การทดลองใชหลักสูตรลูกเสือ ชอสะอาดท้ัง 4 ประเภท การฝกอบรมครูผูปฏิบัติการสอนหลักสูตรลูกเสือชอสะอาด การจัดต้งั หนวยลกู เสือชอสะอาดในสถานศึกษา ฯลฯ (4) ดาํ เนนิ การอื่นตามทีค่ ณะอนกุ รรมการบริหารโครงการลูกเสอื ชอสะอาด มอบหมาย ทง้ั นี้ ต้ังแตบ ดั นีเ้ ปนตน ไป สงั่ ณ วนั ท่ี 21 สงิ หาคม พ.ศ. 2556 (ศาสตราจารย (พิเศษ) วิชา มหาคณุ ) ประธานอนกุ รรมการขบั เคลื่อนยทุ ธศาสตรชาติ วาดว ยการปอ งกันและปราบปรามการทจุ รติ โดยใชกลไกทางการศกึ ษา 132 136
เพลง คา นิยม ทํานอง หลงเสยี งนาง คาํ รอ ง นางศริ ิณี บุญปถัมภ (หลา ลา.....) คานิยม คุณธรรม ลูกเสือไทย/เทิดทูนไวในชาติ ศาสน กษัตริย/เสียสละ อดทน คนประหยัด/ ตอ งซ่อื สตั ย รสู ติ รูค ดิ ทาํ (หลา ลา.....) ดาํ รงตน เศรษฐกิจ ใหพ อเพยี ง/อยาหลีกเล่ียง จงรักษา ระเบียบวินัย/อุดมการณเพื่อ สว นรวมที่ดีไว/จงสนใจใฝรูหม่นั ศกึ ษา (หลา ลา.....) รักษาวัฒนธรรมประเพณี/เปนคนดีมีความกตัญู/บิดา มารดา ผูปกครองและ คณุ ครู/อีกเรียนรูเขาใจ ประชาธิปไตย (หลา ลา.....) ใหเขมแข็งทั้งจิตใจและรางกาย/จงละอายไมใฝตํ่ามีกิเลส/มีศีลธรรม เปนคนดีของ ประเทศ/ใหสมเจตนล กู เสือชอสะอาด เพลง ชอสะอาด ทํานอง เดือนเพญ็ คาํ รอง นางศิรณิ ี บญุ ปถัมภ สัญลักษณคุณธรรมความดี/ชอดอกไมน้ี ชอแหงความดี “ลูกเสือชอสะอาด” มอบผูทาํ ความดี/ของขวญั ชอน้ี เพอ่ื คนดีมคี ุณธรรม เรามารวมการอยูคาย/ดวยใจท่ีหมาย จะทําใหตน เปนคนสะอาด/กลาทําส่ิงท่ี ถูกตอ ง/ซ่ือสุจรติ ดงั ปอง ทําความดีใหมนี ้ําใจ ตองเคารพกติกา/ทุจริต คดโกงน้ันหนา จงเล่ียงหลีกมาใหไกลใหหาง/ทําสิ่งใดตอง ตง้ั จติ /ยอมรับฟงความคดิ คาํ เพอ่ื นเตอื นจติ ตอ งยอมรับฟง อันคําปฏิญาณและกฎ/เราจะจําจด นําไปปฏิบัติใหได/มีคุณธรรม นําวินัย/จิตอาสา ทําไป/รว มมอื รวมใจสามคั คี เพลง ทําความดี ทาํ นอง หลงเสียงนาง คาํ รอง นางศิริณี บญุ ปถัมภ (หลา ลา....) พวกเราลูกเสือชอสะอาด มุงมาตรกระทําแตความดี ทุจริตคดโกง เลี่ยงหลีกหนี สามัคคี มีวินัย ใจสะอาด (หลา ลา....) มีนา้ํ ใจทําในสงิ่ ถูกตอ ง ตามครรลอง ซ่อื สัตยสุจรติ กลาคดิ ทาํ ในสิ่งท่ไี มผิด สจุ ริต เทย่ี งธรรมในหนาที่ (หลา ลา....) ป.ป.ช. น่ันหนอขอช่ืนชม ใหกับสมท่ีนําลํ้าสมัย กอต้ังลูกเสือชอสะอาดอยางฉับไว สรางเดก็ ไทยใหเ ปนพลเมอื งดี 133 137
สนับสนนุ การจดั พิมพโดย สำนักงานคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง ชาติ เลขที่ ๓๖๑ ถนนนนทบรุ ี ตำบลทา ทราย อำเภอเมอื งนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทร ๐ ๒๕๒๘ ๔๘๐๐-๔๙ , ๐ ๒๒๘๒ ๓๑๖๑-๕ สายดว น ๑๒๐๕ www.nacc.go.th
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150