Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือชั้นพิเศษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือชั้นพิเศษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Published by ปริญญา, 2021-11-07 03:55:27

Description: คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาประเภทลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือชั้นพิเศษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Keywords: ลูกเสือ,ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่,มัธยมศึกษา,ลูกเสือชั้นพิเศษ,ทักษะชีวิต

Search

Read the Text Version

คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื สามญั ร่นุ ใหญ่ เครื่องหมายลกู เสอื ชนั้ พิเศษ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 1 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2

คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลกู เสือชน้ั พเิ ศษ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ปที ่พี ิมพ์ พ.ศ. 2562 จำ�นวนพมิ พ์ 200 เล่ม จดั ท�ำ โดย สำ�นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร พมิ พ์ที ่ โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ�กัด 79 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900 โทร. 0-2561-4567 โทรสาร 0-2579-5101 นายโชคดี ออสุวรรณ ผพู้ มิ พ์ผู้โฆษณา

คำนิ ยม นับว่าเป็นโอกาสและประโยชน์ที่สาคัญ อีกเร่ืองหน่ึงที่สานักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการ นักเรียน ซึ่งเป็นหน่วยงานหน่ึงในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลิตตารา ในลักษณะคู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษาชุดน้ีขึ้น ซ่ึงมีเนอื้ หาท่ีสอดคลอ้ ง กับปัญหาตามวัยและพัฒนาการของผู้เรียน และมีการบูรณาการกิจกรรมการเรียนการสอน เข้ากับวิธีการ ลูกเสอื ครู อาจารย์ ผู้กากับลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสอื จะได้นาไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ประเทศไทยกาลังกา้ วสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ดังนนั้ ความถกู ต้องและชัดเจนในเรื่องการจัด กจิ กรรมลูกเสอื จึงเป็นตาราและคู่มือทางการวิชาการ สาหรับกิจกรรมลูกเสือเพ่ือจะใช้เป็นเครื่องมอื ในการ พัฒนาเยาวชนใหเ้ ป็นพลเมอื งดี มีความรอบรู้ สามารถช่วยตนเองได้ อันจะเป็นแรงผลักดันให้การศึกษาของ ประเทศไทยมคี วามเจรญิ เท่าเทียมกับประเทศสมาชิกอาเซยี น และอารยประเทศอน่ื ๆ ท่ัวโลก ขอขอบคุณ และให้กาลงั ใจตอ่ ผู้ทรงคุณวุฒิทางการลกู เสือ และผ้มู ีสว่ นรว่ มในการจัดทาค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรม ลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษาเล่มนี้ทุกท่าน ที่ได้เสียสละ กาลังความคิด จนทาให้เสร็จส้ินโดยสมบูรณ์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อกจิ การลกู เสืออย่างมาก ทั้งในปจั จุบนั และอนาคต (นายการณุ สกุลประดษิ ฐ)์ ปลดั กระทรวงศึกษาธิการ นายการุณ สกุลประดษิ ฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

คำนิ ยม คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา เป็นเคร่ืองมือสาคัญสาหรับ ครูผู้สอน ลูกเสือ เนตรนารี ท่ีจะใช้สาหรับวางแผนการสอน การวัดและการประเมินผู้เรียน จัดทาขน้ึ โดยมี เป้าหมายสาคัญ คือ เสนอแนวทางท่ีเหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ สาหรับ ครูผู้สอนนาไปใช้เป็นหลักการในการจัดการเรียนการสอน โดยสามารถพัฒนาและปรับปรุงให้ดีข้ึนตาม ความรู้ ความสามารถของครผู ู้สอน ตามบรบิ ทแตล่ ะภูมภิ าค หลักสาคัญของเอกสารชุดนี้ นอกเหนือจากเสนอแนวทางด้านเนื้อหาสาระสาคัญ วิธีสอน ท่ีเหมาะสม การวัดและประเมินผล ตัวอย่างแบบทดสอบ วิธีทดสอบ แล้วยังสามารถต่อยอดทางความคิด ของครูผู้สอนได้ เน่ืองจากเป้าหมายท่ีต้องการคือ การนาเอากระบวนการลูกเสือมาจัดการเรียนรู้ให้แก่ ผู้เรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ในการทากิจกรรมอย่างครบวงจร เพื่อให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ตามกระบวนการของลกู เสือ จงึ เชอื่ ได้ว่า หากผู้เรยี นเข้าใจและปฏบิ ัตไิ ด้แลว้ จะเปน็ คนดีในสงั คมตอ่ ไป ขอขอบคุณ ผู้ร่วมดาเนินการในการจัดทาคู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิต ในสถานศึกษาทุกภาคส่วน ท่ีเล็งเห็นประโยชน์ในการทาเอกสารชุดน้ีจนสาเรจ็ เรยี บร้อย สามารถเผยแพร่ได้ ซ่งึ นา่ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ เด็กและเยาวชนในทส่ี ดุ เลรขอางธนปกิ าลายดัรปกสเรลาระนะขเรทกัสาอรธงร(งาวฐิิกนปนงาาบศลลรยึกุญดัูกสปษเกำ�เสรรานรือะือธะกัเแงกิทสงหารรารง่ิฐวนชงลาบศกูตญุกึ ิเสษเรือาือแธงหกิ )า่งรชาติ

คำ�น�ำ สำ�นักการลูกเสือยุวกาชาดและกิจการนักเรียน สำ�นักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับ สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พัฒนาโครงการส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้าง ทักษะชีวิตให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาด้วยกระบวนการลูกเสือ โดยให้เด็กและเยาวชนลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเอง ในการท�ำ กจิ กรรมอย่างครบวงจร ต้งั แต่การศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ัตติ ามแผน ประเมิน และปรบั ปรงุ การจัดกจิ กรรม รวมถึงการท�ำ งานเป็นระบบหม่ตู ามกระบวนการลกู เสือ ซ่ึงกิจกรรมดงั กล่าว เป็นการพัฒนาความเป็นมนษุ ยแ์ บบองค์รวม ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา ทำ�ให้เดก็ และ เยาวชนมีระเบียบวินัย มีจิตสำ�นึกในการทำ�ความดีเพื่อทำ�ประโยชน์ให้กับครอบครัว ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ ตอ่ ไป เริ่มจากการศึกษาความเป็นไปได้ ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องท้ังในและต่างประเทศ จัดประชมุ ผเู้ ชีย่ วชาญท้ังดา้ นลูกเสอื ดา้ นทกั ษะชวี ิต รวมทั้งด้านการพฒั นาเดก็ และเยาวชน เพอ่ื กำ�หนด กรอบโครงสรา้ งหลกั สตู รลกู เสอื เสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ปญั หาตามวยั และพฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ของลกู เสือแตล่ ะประเภท คู่มือการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต ฉบับทดลอง สมาคมวางแผนครอบครัว แหง่ ประเทศไทยฯ ไดเ้ รมิ่ ใชใ้ นปี พ.ศ. 2553 มโี รงเรยี นจากทกุ ภมู ภิ าคของประเทศเขา้ รว่ มโครงการ จ�ำ นวน 26 โรงเรียน โดยได้ดำ�เนินการควบคู่ไปกับการวิจัยและประเมินผลการใช้คู่มือ และทำ�การปรับปรุงคู่มือ ครั้งแรกเมอื่ เมษายน พ.ศ. 2554 โดยได้เพ่ิมเติม เพลง เกม นทิ าน เรือ่ งสัน้ และเน้ือหาใหค้ รบถ้วนย่ิงขึ้น การปรับปรงุ คร้งั ที่สอง มถิ ุนายน พ.ศ. 2559 เกิดข้ึนตามขอ้ เสนอแนะจากการประชมุ ปฏิบัตกิ าร “การขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือ” ซ่ึงจัดโดยสำ�นักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน สำ�นักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยยึดข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติว่าด้วย การปกครอง หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ และเพิ่มจำ�นวนแผนการจัดกิจกรรมให้ครบ 40 ช่ัวโมง เพอ่ื ครอบคลมุ สาระทจ่ี �ำ เปน็ อยา่ งครบถว้ น เปน็ การเตรยี มการขยายผลในโรงเรยี นสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ และได้แบ่งคู่มือออกเป็น 11 เล่ม สำ�หรับลูกเสือแต่ละชั้นปี เพื่อความสะดวกของผู้สอน รวมท้ังทางสำ�นักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียนได้ดำ�เนินการวิจัย และประเมินผลการใช้คู่มือการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต จำ�นวน 53 โรงเรียน คู่ขนานกับ สมาคมวางแผนครอบครวั แห่งประเทศไทยฯ ดว้ ย สำ�นักการลูกเสอื ยวุ กาชาดและกิจการนกั เรยี น และสมาคมวางแผนครอบครวั แหง่ ประเทศไทยฯ ขอขอบพระคุณหน่วยงานและบุคลากรทุกท่านที่มีส่วนร่วมในโครงการให้สำ�เร็จลุล่วง ณ โอกาสนี้ ต้ังแต่ การริเริ่มโครงการการจัดทำ�หลักสูตรและคู่มือ การทดลองวิจัยและประเมินผลการใช้คู่มือ รวมทั้ง การปรับปรงุ คู่มอื ทั้ง 2 ครงั้ หวังเป็นอยา่ งยิง่ วา่ คู่มอื ชุดน้จี ะช่วยส่งเสริมใหก้ ิจการลูกเสือของประเทศไทย ซ่ึงดำ�เนินมาครบวาระ 108 ปี ในปี พ.ศ. 2562 น้ี ได้เป็นเคร่ืองมือสำ�คัญและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อการพฒั นาเดก็ และเยาวชนของชาติต่อไป ส�ำ นักการลูกเสอื ยุวกาชาดและกจิ การนักเรียน ส�ำ นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร



สารบญั คานยิ ม หน้า คานา 1 คาชีแ้ จงการใชค้ ูม่ ือ แผนกกาารรจจดั ดั กกจิ กิจรกรรมรลมกู ลเสูกอื เสาือมสญั ามรนุ่ ัญใหรนุ่ญใ่ เหคญรอ่ื ช่ งั้นหมาธั ยยลมกู ศเสกึ อื ษชนา้ั ปพีทเิ ศ่ี ษ2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 4 หน่วยที่ 1 ปฐมนเิ ทศ แผนการจดั กจิ กรรมที่ 1 การปฐมนเิ ทศ 7 หนว่ ยที่ 2 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 2 ประวัตลิ ูกเสอื ไทย 12 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 3 การพฒั นาตนเอง 24 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 4 การเยี่ยมหน่วยงาน 57 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 5 หนา้ ทขี่ องลกู เสอื ตามวิถีประชาธิปไตย 62 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 6 ส่ิงดี ๆ ของฉนั 72 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 7 คคู่ รองในฝัน 75 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 8 คดิ อยา่ งไรไมเ่ ป็นทกุ ข์ 79 หนว่ ยที่ 3 การเดนิ ทางสาํ รวจ แผนการจัดกจิ กรรมที่ 9 การเตรียมตวั กอ่ นสาํ รวจ 84 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 10 กจิ กรรมระหวา่ งการเดินทางสํารวจ 90 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 11 การรวบรวมข้อมูลและการรายงาน 97 หน่วยที่ 4 การแสดงออกทางศลิ ปะ แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 12 การแสดงออกทางศลิ ปะ 103 หนว่ ยที่ 5 สมรรถภาพทางกาย แผนการจัดกจิ กรรมท่ี13 ลกู เสอื ไทยกายสมารท์ 111 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 14 ภยั สงั คม 119 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 15 เสย่ี งไมเ่ ส่ยี งรไู้ ดอ้ ยา่ งไร 123 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 16 อย่างนตี้ อ้ งปฏิเสธ 128 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 17 ความรุนแรง 133 หนว่ ยท่ี 6 บริการ แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 18 การปฐมพยาบาล 145 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 19 การรายงานการให้บรกิ าร 157 แผนการจดั กจิ กรรมที่ 20 บัญชชี ีวติ 171 แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 21 ปูมชีวติ ปราชญช์ าวบ้าน 176 6 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื สามญั ร่นุ ใหญ่ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2

สารบัญ(ต่อ) หน้า หน่วยท่ี 6 บริการ (ต่อ) 186 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 22 เสยี หายเพราะอะไร 190 แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 23 โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ 202 หนว่ ยท่ี 7 ประเมนิ ผล แผนการจัดกจิ กรรมที่ 24 การประเมินผล 216 หน่วยท่ี 8 พธิ ีการ 223 แผนการจัดกจิ กรรมที่ 25 การประดับเครอื่ งหมายลกู เสอื ชั้นพเิ ศษ 234 เครือ่ งหมายวชิ าพเิ ศษ สายยงยศ 237 257 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แนวคิดเรอ่ื งทักษะชวี ติ ภาคผนวก ข กจิ กรรมลูกเสอื เสรมิ สรา้ งทกั ษะชีวิต ภาคผนวก ค แนวปฏิบัตกิ ารสอบวิชาพิเศษ บรรณานุกรม ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือสามัญรุ่นใหญ่ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 7

คาชแ้ี จงการใช้คู่มอื คคู่มู่มือือสส่ง่งเเสริมและพัฒนากิจกรรรมมลลูกูกเเสสือือททักักษษะะชชีวีวิติตในในสสถถานานศศึกึกษษาชาุดชุนดี้นี้จัดจัดททําขำ�ึ้นขึ้สนําสหำ�รหับรผับู้ ผกู้กําำ�กกบั ับลลูกูกเสเสือือใใชชเ้ ้เปปน็ ็นแแนนววททาางงใในนกกาารรจจดั ัดกกจิ กรรมลกู เสอื มมจี ีจาํ ำ�นนววนน111เลเลม่ ่มแยแกยตกาตมาชม้ันชป้ันีปสี าํ สหำ�รหบั รลับกู ลเูกสือเส4ือ 4ปรปะรเะภเทภทคอืคือลกู ลเกู สเอืสสือาํสร�ำ อรงองลกู ลเกู สเือสสอื าสมาัญมัญลูกลเกู สเือสสือาสมามัญญั รุ่นรนุ่ใหใหญญ่ แ่ ลแะลละกูลูกเสเสอื อืววสิ ิสามามญั ัญ หลักสูตรลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิต มีเนื้อหาท่ีสอดคล้องกับปัญหาตามวัยและพัฒนาการ ด้านต่าง ๆ ของลูกเสือแต่ละประเภท นอกจากน้ียังมีเน้ือหาครบถ้วน เป็นไปตามข้อบังคับคณะ ลูกเสอื แหง่ ชาติ วา่ ด้วยการปกครองหลักสตู รและวิชาพิเศษลูกเสือสํารอง ลกู เสอื สามญั ลูกเสือสามัญ รุ่นใหญ่ และลูกเสือวิสามญั อีกด้วย แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทักษะชีวิตในคู่มือชุดน้ี ได้ออกแบบโดยบูรณาการ กิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะชีวิตเข้ากับวิธีการลูกเสือ คือการใช้ระบบหมู่หรือกลุ่มย่อย โดยให้เด็กเป็น ศูนยก์ ลาง และมผี ู้ใหญ่ทาํ หนา้ ทชี่ ่วยเหลอื และสง่ เสรมิ ให้เกิดกระบวนการเรยี นรู้ในกลุ่ม แนะนํา สั่งสอน และฝึกอบรมให้สามารถพงึ่ ตนเองได้ มีจิตอาสา รับผิดชอบต่อส่วนรวม ยึดม่ันในคําปฏิญาณและกฎของ ลกู เสือ เสริมสร้างคณุ คา่ ในตนเอง รวมทัง้ ใชร้ ะบบเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์ทางลูกเสือและเคร่ืองหมาย วิชาพิเศษ เปน็ แรงกระตนุ้ ไปส่เู ปาฺ หมายในการพัฒนาตนเอง การเรียงลาํ ดบั แผนการจดั กิจกรรม จดั เรียงลําดับเนื้อหาสาระตามหลักสูตรในข้อบังคับคณะ ลูกเสือแห่งชาติ ว่าดว้ ยการปกครองหลักสตู รและวิชาพเิ ศษลกู เสือสาํ รอง ลกู เสือสามญั ลูกเสือสามัญ รุ่นใหญ่ และลกู เสือวสิ ามญั การนาํ ไปใช้ขน้ึ กับดุลยพินิจของสถานศึกษาในการเลือกว่าแผนการจัด กจิ กรรมใดควรใช้เมอ่ื ใด องค์ประกอบในการประชุมกอง เน้นการใช้ชีวิตกลางแจ้ง นอกห้องเรียน ใกล้ชิดธรรมชาติ เรียนรจู้ ากการลงมอื ปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง เกม และการบริการผู้อื่น ซ่ึงถือเป็นหัวใจของกิจกรรมลูกเสือ ทุกประเภท โดยกิจกรรมท่ีใช้ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ การแสดงออก การสาํ รวจและการรายงาน การวิเคราะห์และการประเมิน เกมและการแข่งขัน การบําเพ็ญประโยชน์ มีการออกแบบกิจกรรม เพ่ือให้ลูกเสอื ได้ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการแลกเปล่ียนประสบการณ์ แลกเปล่ียนความคิดความเช่ือ สรา้ งองค์ความรู้และสรปุ ความคิดรวบยอด รวมท้ังเปิดโอกาสให้ลูกเสือได้ประยุกต์ใช้สิ่งท่ีได้เรียนรู้ ในชวี ิตจรงิ อกี ด้วย เนื้อหาสาระในแผนการจดั กิจกรรมประกอบด้วย 1. กิจกรรมตามข้อบังคับของคณะลูกเสือแห่งชาติ (ไม่รวมกิจกรรมทดสอบเพื่อรับ เครื่องหมายหรอื สญั ลักษณท์ างลกู เสือและเครื่องหมายวชิ าพิเศษ) 2. กจิ กรรมตามข้อบังคับของคณะลูกเสือแห่งชาติท่ีช่วยเสริมสร้างทักษะชีวิตด้านคุณธรรม จริยธรรม ความภาคภมู ใิ จในตนเอง ความรับผดิ ชอบต่อสว่ นรวม 3. กิจกรรมเสรมิ สรา้ งทักษะชีวติ เพอ่ื สรา้ งภมู ิคุ้มกันทางสังคมตอ่ เหตกุ ารณ์และสภาพปญั หา ของเด็กแตล่ ะวยั 8 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือสามัญร่นุ ใหญ่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 คมู่ ือการจัดกจิ กรรมลกู เสอื เสรมิ สรา้ งทักษะชีวติ ประเภทลกู เสอื สามัญรุน่ ใหญ่ เครือ่ งหมายลกู เสือชัน้ พิเศษ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 1

คู่มือแต่ละเล่ม ไดจ้ ดั ทําตารางหน่วยกิจกรรม และแผนการจดั กจิ กรรม 40 ชัว่ โมง เพอ่ื ให้เหน็ ภาพรวมของการจดั กจิ กรรมลกู เสือเสริมสร้างทักษะชีวิตของลกู เสือในแตล่ ะระดับชน้ั และมีหมายเหตุ บอกไวใ้ นตารางช่องขวาสดุ ว่าเป็นแผนการจัดกจิ กรรมเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ิต แผนการจดั กิจกรรมประกอบด้วย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เน้ือหา ส่ือการเรียนรู้ กิจกรรม การ ประเมินผล องค์ประกอบทักษะชีวิตสําคัญท่ีเกิดจากกิจกรรม และภาคผนวกประกอบแผนการจัด กจิ กรรม (เพลง เกม ใบงาน ใบความรู้ เร่ืองทเ่ี ป็นประโยชน์) จุดประสงค์การเรียนรู้ ผู้สอนควรทําความเข้าใจให้ชัดเจนว่าเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ด้านความรู้ เจตคติ หรือ ทกั ษะ เพ่อื จัดกจิ กรรมได้ตรงตามจุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ตล่ ะดา้ น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ด้านความรู้ มีจุดเน้นท่ีการตั้งประเด็นให้วิเคราะห์ สังเคราะห์เน้ือหา ความรู้ ใหเ้ ขา้ ใจอย่างถ่องแท้ และสามารถนาํ ไปใชไ้ ดใ้ นชวี ิตจรงิ จดุ ประสงค์การเรียนรูด้ า้ นเจตคติ มีจุดเนน้ ท่อี ารมณ์ความรู้สึก และการตั้งประเด็นให้ผู้เรียน ไดแ้ ลกเปล่ยี นและตรวจสอบความคิดความเชื่อของตนเองกับสมาชกิ กลุม่ คนอนื่ ๆ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ดา้ นทักษะ เน้นท่ีการทําความเขา้ ใจในขน้ั ตอนการลงมือทําทักษะ และ ไดท้ ดลองและฝกึ ฝนจนชํานาญ บางแผนการจัดกิจกรรมมีจุดประสงค์การเรียนรู้ซ้อนกันมากกว่า 1 ด้าน ให้เน้นด้านท่ีเป็น จดุ ประสงคห์ ลักของแผนการจัดกจิ กรรม เน้ือหา เป็นผลการเรียนรู้ท่ีเกิดขึ้นหลังการสอน ผู้สอนควรตรวจสอบว่าผู้เรียนได้เน้ือหาครบถ้วน หรอื ไม่ สือ่ การเรยี นรู้ เปน็ ส่อื อปุ กรณ์ ที่ใชใ้ นการจัดกิจกรรม เชน่ แผนภมู เิ พลง เกม ใบงาน ใบความรู้ และเรื่องที่ เปน็ ประโยชน์ ซง่ึ มีรายละเอยี ดอยู่ในภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรม กิจกรรม กิจกรรมลูกเสือยังคงแบบแผนของลูกเสือไว้ คือ การเปิดประชุมกอง/ปิดประชุมกอง และ เพลง เกม นิทาน เรอื่ งทีเ่ ปน็ ประโยชน์ ซ่ึงใส่ไว้ในทุกแผนการจัดกิจกรรม โดยผู้กาํ กบั ลูกเสอื สามารถ ปรบั เปล่ียนไดต้ ามความเหมาะสม ผ้สู อนควรจัดกิจกรรมตามทีไ่ ด้ออกแบบไวเ้ รยี งตามลาํ ดับขั้นตอน การจดั กจิ กรรม นอกจากนกี้ อ่ นการจัดกจิ กรรมควรศึกษาแผนการจัดกิจกรรมให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ทุกขนั้ ตอน ศึกษาใบความรสู้ ําหรับผสู้ อน และใบงานสําหรับผู้เรียน เพ่ือทผี่ สู้ อนจะได้จัดกจิ กรรมการ เรียนการสอนให้ไดเ้ นือ้ หาตรงตามจุดประสงค์การเรยี นรูม้ ากที่สุด ท้ังนี้ผกู้ ํากบั ควรทําความเขา้ ใจแนวคดิ เรื่องทกั ษะชีวติ และกิจกรรมลกู เสอื เสริมสรา้ งทักษะชีวติ ใหถ้ ่องแท้ดว้ ย โดยศกึ ษาไดจ้ ากภาคผนวก ก และภาคผนวก ข คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือสามัญรุ่นใหญ่ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 9 2 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสอื เสริมสร้างทกั ษะชวี ิตประเภทลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ เคร่ืองหมายลกู เสอื ชั้นพเิ ศษ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2

การประเมนิ ผล สามารถประเมินได้ทั้งระหว่างการจัดกิจกรรม และหลังการสอนจบแล้ว ตามแนวทางที่ได้ให้ไว้ ในแตล่ ะแผนการจดั กิจกรรม องคป์ ระกอบทักษะชีวิตสาคัญที่เกดิ จากกิจกรรม ทักษะชีวิตเกิดขึ้นได้หลายองค์ประกอบในการจัดกิจกรรมแต่ละคร้ัง ในที่นี้ได้ระบุเพียง องค์ประกอบทกั ษะชีวติ สําคญั ท่ีเกิดขึน้ เท่าน้นั ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรม เปน็ สอ่ื อปุ กรณ์ ตามรายการที่ระบุไว้ในส่ือการเรียนรู้ เช่น เพลง เกม บัตรคํา ใบงาน ใบความรู้ และเร่อื งทเี่ ปน็ ประโยชน์ ฯลฯ หากมขี ้อเสนอแนะเพอื่ การปรับปรุงคมู่ ือชุดน้ี กรุณาติดต่อท่ี •ส มสาค�ำ นมกัวกางาแรลผกูนเคสรืออยบวุคกราวั ชแาหดง่ แปลระะกเิจทกศาไรทนยกั เฯรยี น เล ขสทำ�ี่น8ักวงิภานาปวดลีรดั งักสรติะท4ร4วงแศขึกวษงาลธาิกดายรากวระเทขรตวจงตศุจึกักษราธกกิ ราุงรเทพฯ 10900 โทรถศนัพนทรา์ ช0ด-2�ำ 9เน4นิ1-น2อ3ก20เขตดอ่ ุส1ติ 51กรุงโทเทรพสฯาร103-205061-5130 โทรศพั ท์ 02-628-6365 โทรสาร 02-628-6402 10 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือสามญั รุน่ ใหญ่ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 คูม่ อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือเสริมสรา้ งทักษะชวี ิตประเภทลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ เคร่อื งหมายลูกเสือช้นั พเิ ศษ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 3

แผนการจดั กจิ กรรม ลกู เสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ เครอื่ งหมายลกู เสอื ชน้ั พเิ ศษ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ค4ู่มอื ส่งเสรคชมิ มู่ัน้ แอืมลกธั ะายพรมจัฒศดั ึกนกษาจิ ากกปจิรีทกรมี่ร2รลมกู เลสูกอื เเสสอืรมิทสักรษา้ ะงชทีวกั ติ ษใะนชสวี ถติ าปนระศเกึภษทาลกู ลเูกสเอื สสือาสมาัญมรญั นุ่ รใหนุ่ ญให่ เญค่รช่อื ัน้งหมมธั ายยมลศกู ึกเสษอื าชป้นั ีทพ่ี 2เิ ศษ 11

แแผผนนกกาารรจจัดัดกกิจจิกกรรรมรลมูกลเกูสชอืัน้เสสมอืาัธมสยัญามมรศ่นุญักึ ใษรหาุ่นญปใ่เที หคี่ รญ2่อื ช่ งหั้นมมาัธยยลมูกศเสกึ อื ษชน้ัาปพีทเิ ศี่ ษ2 ชื่อหนว่ ยกิจกรรมตาม แผนจัดกจิ กรรม จานวน หมายเหตุ ชว่ั โมง ข้อบังคับคณะลูกเสือแหง่ ชาติ เรื่อง 1 1. ปฐมนเิ ทศ 1. ปฐมนิเทศ 1 2.หนา้ ทพ่ี ลเมือง 2. ประวัติลกู เสือไทย 1 3.การพฒั นาตนเอง 2 4. การเยย่ี มหนว่ ยงาน 2 5. หนา้ ที่ของลกู เสอื ตามวถิ ี ประชาธิปไตย 6. สงิ่ ดๆี ของฉัน 1 ทักษะชีวติ 2 ทกั ษะชวี ติ 7. คู่ครองในฝนั 1 ทกั ษะชีวิต 2 8. คดิ อยา่ งไรไม่เปน็ ทกุ ข์ 1 3. การเดินทางสารวจ 9. การเตรียมตัวกอ่ นสํารวจ 10.กิจกรรมระหวา่ งการเดนิ ทาง สาํ รวจ 11. การรวบรวมข้อมลู และการ 2 รายงาน 4. การแสดงออกทางศิลปะ 12. การแสดงออกทางศิลปะ 3 2 ทักษะชีวติ 5. สมรรถภาพทางกาย 13. ลกู เสอื ไทยกายสมารท์ 1 ทักษะชีวติ 2 ทกั ษะชีวิต 14. ภยั สงั คม 2 ทกั ษะชวี ิต 2 ทักษะชวี ติ 15. เสีย่ งไม่เสยี่ งรไู้ ด้อยา่ งไร 16. อย่างน้ีตอ้ งปฏเิ สธ 17. ความรนุ แรง 12 คคู่มมู่ ืออื สกง่าเรสจรัดิมกแจิ ลกะรพรมัฒลนูกาเสกอื จิ เกสรรริมมสลร้าูกงเทสกัอื ษทะักชษีวะิตชปวี รติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาัญลรูกุ่นเใสหือญส่าเมคญัรือ่ รง่นุ หใมหาญยล่ ชกู ัน้เสมอื ธั ชยั้นมพศิเศึกษษาปที ่ี 2 5 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลูกเสือชัน้ พิเศษ แผนการจัดกจิ กรรมชล้ันูกมเสธั อืยมสศามกึ ษญั ารป่นุ ที ใี่ 2หญ่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชอื่ หน่วยกิจกรรมตาม แผนจดั กิจกรรม จานวน หมายเหตุ ช่วั โมง ข้อบังคับคณะลูกเสอื แห่งชาติ เรื่อง ทกั ษะชีวติ 2 ทักษะชีวติ 6. บริการ 18. การปฐมพยาบาล 1 19. การรายงานการให้บริการ 2 20. บัญชชี วี ติ 2 21. ปมู ชีวติ ปราชญช์ าวบ้าน 1 22. เสียหายเพราะอะไร 2 23. โครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาํ ริ 7. ประเมินผล 24. การประเมนิ ผล 1 1 8. พธิ กี าร 25. การประดบั เครื่องหมายลกู เสือ ช้ันพเิ ศษ เครื่องหมายวิชาพเิ ศษ สายยงยศ รวม 8 หน่วยกิจกรรม รวม 25 แผนการจดั กจิ กรรม 40 ค6ู่มือส่งเสรคชิมู่มัน้ แือมลกธั ะายพรมจัฒศดั กึนกษาิจากกปิจรีทกรมี่ร2รลมูกเลสูกอื เเสสอืรมิทสกั รษ้าะงชทีวกั ิตษใะนชสีวถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเือสสอื าสมาญั มรญั นุ่ รใหนุ่ ญให่ เญค่รชอ่ื ั้นงหมมธั ายยมลศกู กึ เสษอื าชป้ันีทพี่ 2เิ ศษ 13

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่(เคร่ืองหมายลกู เสอื ชนั้ พิเศษ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 หนว่ ยที่ 1 สาระสาคัญของการลกู เสือ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง ปฐมนิเทศ 1.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสือสามารถอธิบายเกีย่ วกบั กระบวนการเรยี นรหู้ ลกั สตู รลกู เสอื ชัน้ พิเศษได้ 2. เน้ือหา ชแี้ จงกระบวนการเรยี นรู้ หลกั สตู รเครอ่ื งหมายลกู เสือชัน้ พิเศษ 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 เพลงวันนี้ยนิ ดี 3.2 ใบความรู้ เรื่อง หลักสตู รเครือ่ งหมายลกู เสอื ชั้นพเิ ศษ 3.3 เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์เรือ่ ง “ ลูกเสือผล เดชมณี ” 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปดิ ประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลงวนั นี้ยินดี 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1)ผูก้ าํ กบั ลูกเสอื แนะนาํ ชี้แจง ความสาํ คัญของหลักสูตรเครอ่ื งหมายลกู เสอื ช้ันพิเศษ ให้กับลกู เสอื 2) ผ้กู าํ กบั ลกู เสอื แจกใบความรู้ เร่อื งหลักสูตรเครื่องหมายลกู เสอื ชน้ั พเิ ศษ 3) ลกู เสือแตล่ ะหมชู่ ่วยกันศกึ ษาจากใบความรู้ เรือ่ ง หลกั สูตรเครอ่ื งหมายชนั้ พเิ ศษ 4) ลกู เสือแตล่ ะหมสู่ ง่ ตัวแทนนําเสนอเกณฑก์ ารไดร้ ับเคร่อื งหมายลกู เสอื ชัน้ พิเศษ 5) ผู้กาํ กบั ลูกเสอื และลกู เสือร่วมกันสรปุ รายละเอยี ดของการไดร้ ับเครอ่ื งหมายลูกเสือ ชนั้ พิเศษ 4.4 ผูก้ าํ กับลูกเสอื เล่าเรอ่ื งสัน้ ที่เปน็ ประโยชน์เร่ือง “ ลูกเสอื ผล เดชมณี ” 4.5 พิธีปดิ ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล แบบประเมินการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่มของลกู เสอื 14 คคมู่ ูม่ ือือสก่งาเรสจรัดิมกแจิ ลกะรพรมัฒลนกู าเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลรา้กู งเทสักือษทะกั ชษีวะิตชปีวริตะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาญั ลรูก่นุ เใสหอื ญส่าเมคญัร่อื รงุน่ หใมหาญยล่ ชูกน้ัเสมอื ธั ชย้ันมพศิเศกึ ษษาปที ่ี 2 7 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 1 เพลงวนั น้ียินดี วันน้ยี นิ ดี ทเ่ี ราไดม้ าพบกนั (ซา้ํ ) ยินดี ยินดี ยินดี มาเถดิ มา เรามาร่วมสนุก ปลดเปล้ืองความทกุ ข์ ใหม้ นั สน้ิ ไป มาเถดิ มา เรามารว่ มจิต ชว่ ยกันคดิ ทําใหก้ ารลกู เสอื เจรญิ 8คูม่ ือส่งเสคชู่มรัน้ ิมอืมแกธั าลยรมะจพศดั กึฒั กษนิจากาปรกที รจิ ม่ี ก2ลรกู รเมสลอื ูกเสเรสิมอื สทรกั า้ ษงทะกัชษีวิตะชในีวติสปถราะนเภศทกึ ลษกูาเสลอืกู สเสามอื ญัสารมนุ่ ญัใหรญ่นุ ่ใเหคญรือ่ ่ งชห้ันมมาธั ยยลมกู ศเสึกอื ษชา้ันปพีทิเศ่ี 2ษ 15

ใบความรู้ เรื่อง หลักสตู รเคร่อื งหมายลกู เสอื ช้ันพเิ ศษ ลักษณะเคร่ืองหมาย เป็นรูปสเี่ หลี่ยมจัตุรสั ขนาดดา้ นละ 1 ซม. ตามแบบพื้นสกี ากภี ายในมรี ูปช่อชัยพฤกษส์ ขี าว 2 ชอ่ โคง้ เขา้ หากัน ปลายช่อชยั พฤกษ์มตี ราเครอ่ื งหมายหัวลูกศรสขี าว ระหว่างช่อชยั พฤกษ์ มหี นา้ เสือสีทอง เครอื่ งหมายน้ี ติดทก่ี ึง่ กลางกระเป๋าเสื้อข้างขวา เครอ่ื งหมายลกู เสือชั้นพเิ ศษ เกณฑ์การได้รบั เครือ่ งหมายลกู เสือชน้ั พิเศษ 1. ได้รับเครื่องหมายลูกเสอื โลกมากอ่ น 2. สอบวิชาพ้ืนฐานระดบั ลูกเสอื ชัน้ พิเศษได้ 5 วิชา คอื วชิ าการเดินทางสํารวจ วิชาบริการ และวชิ าอน่ื อกี 3 วิชา ซ่ึงลูกเสือเป็นผเู้ ลอื ก 3. ผ่านการฝึกอบรมวชิ าความคดิ รเิ รม่ิ (Initiative Course) ซึง่ ประกอบด้วยการเดนิ ทางไกล ไปอยู่คา่ ยพกั แรมเป็นเวลา 1 คนื การไปอยคู่ า่ ยพักแรมตอ้ งเดินไปยังทอ้ งถิ่นทลี่ กู เสือไมค่ ุน้ เคย จาํ นวนลกู เสือสามญั ร่นุ ใหญ่ทีจ่ ะไปอย่คู า่ ยพกั แรม ควรแบ่งเปน็ ชุด ชุดละ 4 คน การเดนิ ทางไกลต้อง มีระยะทางอยา่ งนอ้ ย 8 กิโลเมตร และในระหว่างการเดนิ ทางให้สมมุตวิ ่ามเี หตุฉกุ เฉนิ เกดิ ขึน้ อยา่ ง นอ้ ย 5 อยา่ ง เช่น ชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั หรือมผี ูต้ ดิ อยูใ่ นทส่ี ูง การใช้เข็มทศิ การปฏบิ ตั ิงานในเวลา กลางคนื การแปลรหัส และเหตุฉุกเฉนิ ทางน้ํา เปน็ ตน้ เหตฉุ กุ เฉินเช่นว่านี้ใหเ้ วน้ ระยะหา่ งกนั พอสมควร และลกู เสอื จาํ เปน็ ตอ้ งมคี วามรใู้ นเรื่องแผนทแี่ ละเขม็ ทิศ จึงจะสามารถเดนิ ทางไปถงึ จดุ หมายปลายทางไดก้ ารฝกึ อบรมวิชาความคดิ รเิ ร่มิ นตี้ ้องมลี กั ษณะเปน็ การทดสอบอยา่ งจริงจังใน เรื่องความตง้ั ใจจริงความคิดรเิ รม่ิ และการพึ่งตนเอง (Self-reliance) 4. คณะกรรมการดาํ เนินงานของกองและผู้กาํ กบั ลกู เสอื เหน็ วา่ เป็นผ้ทู ่ีสมควรไดร้ บั เครือ่ งหมายลกู เสือชนั้ พิเศษ 5. ได้รับอนุมัตจิ ากเลขาธกิ ารสํานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ (อา้ งองิ จากโครงสรา้ งสํานกั งาน ลูกเสอื แห่งชาติ ตาม พ.ร.บ. 2551) หรือผู้อํานวยการลกู เสอื จงั หวัดแล้วแต่กรณี 16 คค่มู ู่มืออื สก่งาเรสจรดั ิมกแจิ ลกะรพรมฒั ลนูกาเสกอื จิ เกสรรริมมสลรา้กู งเทสกัอื ษทะักชษีวะิตชปีวรติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาญั ลรูกุ่นเใสหือญส่าเมคัญร่ือรงุ่นหใมหาญยล่ ชูก้นัเสมือัธชยัน้ มพศเิ ศกึ ษษาปีที่ 2 9 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2

เรอ่ื งส้ันท่ีเปน็ ประโยชน์ เร่อื ง “ ลูกเสอื ผล เดชมณี ” เมอ่ื พ.ศ. 2514 ตาํ บลนา้ํ เปรี้ยวจงั หวัดฉะเชิงเทรา เยน็ วันหนึง่ ขณะท่ีลูกเสอื ผล เดชมณี พายเรอื กลบั จากโรงเรยี นได้เห็นเรอื หางยาวแลน่ มาดว้ ยความเร็วสงู และพงุ่ เขา้ ชนเรือของเดก็ หญงิ สาํ ลซี ง่ึ พายนําหน้าเรอื ของลกู เสอื ผล เดชมณี จนทําใหเ้ ด็กหญงิ สาํ ลจี มนา้ํ หายไปลกู เสอื ผลเหน็ ดงั นัน้ จงึ ถอดเสอื้ ผ้า กระโดดจากเรอื แล้วดําน้ําหาจนพบ และนําตัวเด็กหญงิ สาํ ลขี ึน้ มาปฐมพยาบาล จนกระทั่งฟน้ื จากสลบส่วนเรือหางยาวลํานัน้ ถกู ชาวบ้านสกดั จับและส่งใหเ้ จ้าหน้าที่ตาํ รวจดาํ เนนิ คดี ตอ่ ไป ความนไี้ ดท้ รงทราบถงึ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวรัชกาลปัจจุบนั จึงโปรดเกล้าฯใหเ้ บกิ ตัว ลูกเสือผล เดชมณี เขา้ เฝฺาในวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2514 และพระราชทานเหรยี ญลกู เสอื สรรเสริญช้ัน ที่ 3 ให้ เรือ่ งน้ีสอนให้รวู้ า่ : การทําความดคี วามดนี ้ันยอ่ มได้รบั ผลตอบแทน ทม่ี าของเรื่อง : ธาํ รง วัฒนวิกยก์ รรม์ : 2538 : 76 ค1ู่ม0อื สง่ เสรคชมิ ู่มนั้ แอืมลกธั ะายพรมจฒั ศดั กึนกษาจิ ากกปิจรทีกรมี่ร2รลมกู เลสูกือเเสสือริมทสกั รษา้ ะงชทีวกั ติ ษใะนชสีวถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเกูสเอื สสือาสมาัญมรัญ่นุ รให่นุ ญให่ เญค่รช่อื น้ังหมมัธายยมลศูกกึ เสษือาชปั้นีทพ่ี 2ิเศษ 17

แบบประเมนิ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่มของลกู เสอื เร่ือง...................................................................................... กลมุ่ ทีุุุุ่..ชน้ั ุุุุุุ รายการประเมนิ การเข้าร่วมกิจกรรม ลาดับ ช่อื -สกลุ ความสามคั คี การแสดง ความมี ความตัง้ ใจ เขา้ ใจในการ รวม ผลการ ท่ี ความคดิ เหน็ ระเบียบวนิ ัย ในการ ไดร้ ับ ประเมนิ ทางาน เครื่องหมายฯ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 ผา่ น ไม่ เกณฑ์ ผ่าน เกณฑ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงชื่อ.................................................ผู้ประเมิน (........................................................) เกณฑ์การประเมินคุณภาพคะแนน ประเมนิ การเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ของลกู เสอื ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป ผา่ นเกณฑ์ รายการประเมิน คุณภาพ 4321 การเขา้ ร่วมกิจกรรม อธบิ ายเน้อื หาได้ อธิบายเนื้อหาได้ อธบิ ายเนื้อหาไดต้ าม ไม่สามารถ กลุ่มของลูกเสอื ตามประเด็น ตามประเด็นที่ ประเด็นทีก่ ําหนด อธิบายเนอ้ื หาได้ ท่ีกําหนดครบถว้ น กําหนดไดบ้ างสว่ น บางสว่ นแตย่ งั ไม่ ตามประเด็น และให้ความรว่ มมอื และให้ความร่วมมือ ชดั เจนและให้ความ ที่กาํ หนดและไม่ ในการทํากจิ กรรม ในการทํากจิ กรรม รว่ มมอื ในการทํา ใหค้ วามรว่ มมือใน โดยไมต่ ้องตักเตอื น โดยมกี ารตักเตอื น กจิ กรรมโดยมีการ การทํากจิ กรรม เป็นบางคร้ัง ตกั เตือนเปน็ บางครั้ง 18 ค่มู คอื ู่มสอื ่งกเสารรจมิ ัดแกลิจะกพรฒัรมนลาูกกเจิสกือเรสรรมมิ ลสูกรเ้าสงือททกั ษกั ษะชะีวชติีวปิตรใะนเสภถทาลนกู ศเสึกือษสาามลญั กู รเส่นุ ือใหสญาม่ เัญครรือุ่่นงใหหมญา่ยชลั้นูกมเสธั ือยชม้ันศพกึ เิ ษศษาปที ี่ 2 11 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามัญร่นุ ใหญ่(เครอื่ งหมายลูกเสอื ชนั้ พเิ ศษ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 หน่วยที่ 2 หน้าท่ีพลเมือง เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 2 ประวัติการลกู เสือไทย 1.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสือสามารถอธิบายประวัติการลูกเสอื ไทยและวิธดี ําเนนิ การของขบวนการลกู เสอื ได้ 2. เน้อื หา 2.1 ประวัติการลกู เสอื ไทย 2.2 วิธดี าํ เนินการของขบวนการลกู เสอื 3. สอ่ื การเรียนรู้ 3.1 เพลงวชิราวุธราํ ลึก 3.2 ใบความรู้เรอ่ื ง ประวตั ิการลกู เสือไทยและวธิ ดี ําเนินการของขบวนการลกู เสอื 3.3 เรื่องสน้ั ทเี่ ปน็ ประโยชน์เรือ่ งไก่กับสุนัขจ้งิ จอก 4. กิจกรรม 4.1 พิธีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง วชริ าวุธรําลกึ 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) ผ้กู าํ กับลกู เสอื แจกใบความรู้ใหก้ บั ลกู เสอื เรอ่ื ง ประวัตกิ ารลูกเสอื ไทยและ วิธีดาํ เนินการของขบวนการลูกเสอื แตล่ ะหมู่ร่วมกนั ศกึ ษาจากใบความรู้ 2) ผ้กู าํ กบั ลกู เสอื บรรยายประวัติการลกู เสอื ไทย และวิธดี าํ เนนิ การของขบวนการลูกเสือ โดยย่อและลูกเสือจดบนั ทึก 3) ผ้กู ํากับลกู เสอื ให้ลูกเสอื ซกั ถามขอ้ สงสัยเกย่ี วกบั เนอื้ หาทฟ่ี งั และจากการศึกษา ใบงานเรือ่ ง ประวตั ิการลกู เสือไทยและวธิ ดี าํ เนนิ การของขบวนการลกู เสอื ทไี่ ดร้ ับ 4) ผกู้ าํ กับลกู เสอื และลกู เสือร่วมกนั สรปุ เก่ียวกบั ความรทู้ ี่ได้รับจากการฟงั บรรยายและ จากการศกึ ษาใบความรู้ 4.4 ผู้กาํ กบั ลกู เสอื เล่าเร่อื งสนั้ ทเี่ ป็นประโยชน์เร่ืองไก่กบั สนุ ขั จ้งิ จอก 4.5 พิธปี ิดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล แบบประเมินการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ของลกู เสอื 1ค2ู่มอื ส่งเสคชรมิู่มัน้ อืแมกลธั ายะรพมจศฒั ัดกึ นกษิจาากกปรจิ ีทรกมี่ ร2ลรูกมเลสูกอื เเสสรือิมทสักรษ้างะทชกัีวษิตะในชีวสติ ถปารนะศเภึกทษลากู ลเสูกือเสสาือมสัญามรัญุน่ ใรหุน่ ญให่ เญคร่ ื่อชงนั้ หมมธั ายยมลูกศเกึ สษือาชปนั้ ีทพ่ี ิเ2ศษ 19

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 2 เพลงวชิราวธุ ราลึก วชิราวุธพระมงกุฎฏเกลา้ เจา้ ประชา กอ่ กาํ เนิดลกู เสอื มา ข้าเลอ่ื มใส พวกเราลกู เสอื เชอ้ื ชาติไทย เทอดเกยี รติพระองค์ไว้ ดว้ ยภักดี ลูกเสือราํ ลกึ นกึ พระคณุ เทอดบูชา ปปฏฏิญญิ ญาาณณ รักกษัตริย์ ชาติ ศาสน์ศรี มาเถิดลกู เสอื สรา้ งความดี เพื่อศกั ดศิ์ รี ลูกเสือไทย ดงั่ ใจปอง 20 ค่มู อื คสู่ม่งเอื สกราิมรจแดัลกะพจิ กัฒรนรมาลกูกจิ เกสรอื รเมสรลิมกู สเสร้าืองททักักษษะะชชวี ีวิตติ ใปนรสะเถภาทนลศูกึกเสษือาสลามกู ญัเสรอื นุ่ สใาหมญัญ่ เรคุ่นรใ่อื หงญหม่ ชาย้นั ลมูกัธเยสมอื ชศ้ันกึ พษเิาศปษที ่ี 2 13 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2

ใบความรู้ เรอ่ื ง ประวัติการลูกเสือไทยและวธิ ดี าเนินการของขบวนการลูกเสือ การลูกเสือ ได้อบุ ตั ขิ น้ึ เป็นแห่งแรกของโลก โดยลอรด์ เบบาเเดดนนโเพาเอเวลลลล์ ์(Lord Baden Powell) ท่ี ประเทศองั กฤษ เมือ่ ปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) สบื เน่อื งจากการรบกบั พวกบัวร์ (Boar) ในการรักษาเมอื ง มาฟคิ งิ (Mafeking) ทีอ่ าฟริกาใตใ้ นปี พ.ศ. 2442 ซึง่ บี พี ไดต้ ั้งกองทหารเดก็ ให้ช่วยสอดแนมการรบ จนรบชนะข้าศกึ เมอ่ื กลับไปประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2450 จึงได้ทดลองนําเดก็ ชาย 20 คน ไปอยู่ ค่ายพกั แรมท่เี กาะบราวน์ซี Browmsea Islands) ซ่งึ ไดผ้ ลดีตามที่คาดหมายไว้ ปี พ.ศ. 2451 บี พี จงึ ไดต้ ้งั กองลูกเสอื ขน้ึ เป็นครั้งแรกของโลก ท่ีประเทศองั กฤษ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หวั เม่อื พระชนมายไุ ด้ 13 พรรษา ได้เสดจ็ ไปทรงศกึ ษา ณ ประเทศองั กฤษ ทวปี ยโุ รป ระหวา่ งทีท่ รงศกึ ษาอยูน่ ัน้ ไดท้ รงทราบเรอ่ื งการสรู้ บเพอ่ื รกั ษา เมอื งมาฟคิ ิง (Mafeking) ของ ลอรด์ เบบาเเดดนน โเพาเอเวลลลล์ (Lord Baden Powell) ซ่งึ ไดต้ ง้ั กองทหารเด็ก เปน็ หน่วยสอดแนมชว่ ยรบในการรบกับพวกบวั ร์ (Boar) จนประสบผลสาํ เร็จ และได้ตง้ั กองลกู เสอื ข้ึน เปน็ คร้งั แรกของโลก ทปี่ ระเทศอังกฤษ เม่อื พ.ศ. 2450 เมอื่ พระองคเ์ สดจ็ นวิ ตั สิ ูป่ ระเทศไทย ก็ไดท้ รงจัดตงั้ กองเสอื ปาู (Wild Tiger Corps) ข้ึน เมอื่ วนั ท่ี 6 พฤษภาคม 2454 มีจดุ มงุ่ หมาย เพื่อฝึกหดั ใหข้ ้าราชการและพลเรอื นไดเ้ รียนรูว้ ิชาทหาร เพอื่ เป็นคณุ ประโยชน์ต่อบา้ นเมอื ง ร้จู ักระเบยี บวนิ ยั มีความจงรักภกั ดีตอ่ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต่อจากนัน้ อกี 2 เดอื น กไ็ ดพ้ ระราชทานกาํ เนดิ ลูกเสอื ไทยขึ้นเม่อื วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2454 ด้วยทรงมีพระราชปรารภวา่ เมื่อฝึกผใู้ หญเ่ ปน็ เสอื ปาู เพื่อเตรียมพร้อมในการชว่ ยเหลือชาตบิ ้านเมอื งแลว้ เหน็ ควรทจี่ ะมกี ารฝกึ เด็กชายปฐมวัยใหม้ คี วามรทู้ างเสอื ปาู ดว้ ย เมอ่ื เตบิ โตขึน้ จะไดร้ ู้จกั หน้าทแ่ี ละประพฤติตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อชาติบ้านเมอื งจากนัน้ ทรงต้ังกองลูกเสือกองแรกขนึ้ ทโี่ รงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียน วชิราวธุ ในปัจจบุ ัน) และจัดต้ังกองลูกเสอื ตามโรงเรียน ต่าง ๆ ให้กาํ หนดขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ลูกเสือขน้ึ รวมทั้งพระราชทาน คาํ ขวญั ให้ลกู เสอื ว่า “เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ ” ผูท้ ่ไี ด้รบั ยกยอ่ งวา่ เปน็ ลกู เสอื ไทยคนแรก คือ นายชัพท์ บุนนาค ซง่ึ ต่อมา ได้รับพระราชทานบรรดาศักดเ์ิ ปน็ “นายลขิ ติ สารสนอง” พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว พระบดิ าแห่งการลกู เสอื ไทย ทรงสถาปนา ทุกวนั ท่ี 1 กรกฎาคมของทกุ ปี ถือเป็นวันสาํ คญั ของชาวลกู เสือไทยท่วั ประเทศ เพราะตรงกับวัน คล้ายวนั สถาปนาคณะลกู เสือแห่งชาติ ลกู เสือโลก ถอื กําเนิดขน้ึ โดยทา่ นลอรด์ บบาเดน เพาาเเววลลลล์ ์ ( บ.ี พ.ี ) เป็นผ้กู อ่ ต้ังกจิ การลกู เสือ คร้ังแรกทปี่ ระเทศอังกฤษ เมอื่ ปี พ.ศ.2450 โดยมีจุดประสงคเ์ พอื่ เตรยี มคนไว้เป็นทหาร และฝกึ ใหค้ น บําเพ็ญประโยชน์เพอ่ื สังคมหลังจากนนั้ กจิ การลกู เสอื กเ็ ร่มิ แพรข่ ยายเขา้ ไปในประเทศยโุ รปทไี่ ม่มี พระราชบญั ญัตเิ กณฑ์ทหาร กระท่งั แพร่ขยายเขา้ ไปในประเทศสหรฐั อเมรกิ า และไดต้ ง้ั กองลกู เสอื ขึ้น เป็นประเทศที่ 2 เมอ่ื กจิ การลกู เสอื แพร่หลายขน้ึ ในปี พ.ศ.2451 ท่านลอรด์ บาเดน เพาเวลล์ ค1่มู 4ือส่งเสรชคิมมู่ั้นแือมลกัธะายพรมจฒั ศดั กึนกษาิจากกปจิรทีกรมี่ร2รลมูกเลสูกอื เเสสือรมิทสกั รษา้ ะงชทวี ักิตษใะนชสวี ถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเกูสเือสสอื าสมาัญมรญั ุ่นรใหุ่นญให่ เญค่รชอื่ ั้นงหมมธั ายยมลศกู ึกเสษอื าชปัน้ ที พ่ี 2ิเศษ 21

จงึ ไดแ้ ต่งหนงั สอื ฝกึ อบรมลกู เสือขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน โดยหนงั สือเลม่ ดังกลา่ วมี ชอื่ ว่า “Scouting For Boys” และคําว่า “Scout” ซงึ่ ใชเ้ รยี กแทน “ลูกเสือ” มคี วามหมายตามตัวอกั ษร คอื S : Sincerityหมายถึง ความจริงใจ มีนาํ้ ใสใจจรงิ ตอ่ กนั C : Courtesyหมายถงึ ความสภุ าพอ่อนโยน เปน็ ผูม้ มี ารยาทดี O : Obedienceหมายถงึ การเชือ่ ฟัง อ่อนนอ้ มถอ่ มตน อยู่ในโอวาท U : Unityหมายถึง ความเปน็ นา้ํ หนง่ึ ใจเดยี วกนั รู้รักสามคั คี T : Thriftyหมายถงึ ความมธั ยสั ถ์ ใช้ทรพั ยากรอย่างประหยดั สาํ หรับในประเทศไทยเอง กิจการลูกเสอื เรมิ่ ต้นขนึ้ เมื่อพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 6 ทรงมีพระบรมราชองคก์ ารโปรดเกลา้ ฯ ให้สถาปนากองเสอื ปาู ขนึ้ กอ่ น เม่อื วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 เพื่อฝกึ อบรมขา้ ราชการพลเรือน ให้เรยี นรู้วชิ าการดา้ นทหาร เพ่ือเป็นกาํ ลงั สาํ รองในยามเกดิ ศกึ สงคราม และเพ่ือบาํ เพญ็ ประโยชนต์ ่อประชาชนในยามสงบ เช่น ชว่ ยปราบปราม โจรผรู้ า้ ย เป็นต้น นอกจากน้ี ยังทรงเหน็ วา่ ลกู เสอื จะชว่ ยใหค้ นไทยรู้จกั รกั ชาติ มมี นษุ ยธรรม มี ความเสยี สละ สามคั คี และมคี วามกตญั ํกู ระท่ังอีก 2 เดอื นถดั มา เม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้า เจ้าอยหู่ วั ทรงเหน็ วา่ กิจการเสือปาู เจรญิ ก้าวหนา้ มั่นคงดแี ลว้ พระองค์จึงมพี ระบรมราชโองการจัดต้งั กอง ลูกเสอื ขน้ึ ในวันท่ี 1 กรกฎาคม ซึง่ ถือเปน็ ประเทศที่ 3 ของโลกท่จี ดั ต้ังกองลกู เสอื ขน้ึ ตอ่ จากประเทศ องั กฤษ และสหรัฐอเมรกิ า โดยผู้ทไ่ี ด้ชื่อว่าเปน็ ลกู เสือไทยคนแรก คอื “นายชัพพ์ บนุ นาค”จากนนั้ นานาชาติในยโุ รปจึงจดั ตง้ั กองลกู เสือของตนขนึ้ บ้าง ทาํ ใหล้ กู เสอื กลายเป็นองคก์ ารสากล และมี ความสมั พนั ธก์ ันทว่ั โลก โดยถือว่าลกู เสือท่วั โลกเป็นพ่ีนอ้ งกนั หมด ลูกเสือกองแรกของไทยกอ่ ตง้ั ขน้ึ ที่โรงเรียนมหาดเลก็ หลวงเรยี ก เรียกวา่ “ลกู เสอื กรุงเทพฯ ที่ 1” กอ่ นที่จะขยายตวั ไปจดั ตั้งตามโรงเรียน และสถานท่ตี ่าง ๆ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั พระราชทานคตพิ จน์ เพือ่ ใหเ้ ดก็ ท่ีจะเขา้ ประจาํ การในกองลกู เสอื ได้ปฏิญาณตนว่า “เสยี ชีพอย่าเสียสัตย์” ในสมยั นน้ั กจิ การลกู เสอื ไทยเลอื่ งลือไปยงั นานาชาตวิ า่ “พระเจ้าแผน่ ดนิ สยามทรงใฝพู ระทยั ในกิจการ ลกู เสือเป็นอย่างย่ิง” ถึงกับทาํ ใหก้ องลูกเสอื ที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ไดม้ หี นงั สอื ขอพระราชทานนาม ลูกเสือกองน้ีว่า “กองลกู เสอื ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ แผ่นดินสยาม” ซงึ่ พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรด เกล้าฯ พระราชทานให้ตามความประสงค์ และลูกเสือกองนี้ได้ตดิ เครอื่ งหมายช้างเผอื กทแ่ี ขนเสื้อทัง้ สองขา้ ง และยังปรากฏฎอยูต่ ราบเท่าทุกวันนหี้ ลงั จากทรงสถาปนากจิ การลกู เสือขึ้นมาแล้ว ได้ทรงโปรด เกล้าฯ ใหต้ ราข้อบงั คับลกั ษณะการปกครองลกู เสอื และตง้ั สภากรรมการจัดการลูกเสอื แหง่ ชาตขิ ้ึนโดย พระองค์ ทรงดํารงตาํ แหนง่ สภานายก ต่อมาทกุ ครัง้ ทพ่ี ระองคเ์ สด็จไปยังจงั หวดั ใดก็ตามก็จะทรง 22 คคู่มู่มอื ือสกง่าเรสจรัดิมกแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกือิจเกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสักอื ษทะกั ชษีวะติ ชปีวริตะใเภนทสลถูกาเนสศือกึสษามาญั ลรกู นุ่ เใสหือญส่าเมคญัรอ่ื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชูกน้ัเสมือธั ชยน้ั มพศเิ ศึกษษาปีท่ี 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 15

โปรดเกลา้ ฯ ใหก้ ระทาํ พธิ ีเขา้ ประจาํ กองลูกเสอื ประจาํ จงั หวัดนนั้ ๆ ให้ดว้ ยและหลงั จาก พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 7 ก็ไดท้ รงฟืน้ ฟกู จิ การลกู เสอื อกี คร้ัง โดยในปี พ.ศ.2470 พระองค์โปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการชมุ นมุ ลกู เสอื แหง่ ชาตขิ ้ึนเปน็ ครัง้ แรกในบริเวณพระราชอทุ ยานสราญรมยแ์ ละจดั ใหอ้ บรมลกู เสือหลายรนุ่ กระท่งั รุ่นสุดทา้ ยในปี พ.ศ.2475 ได้เกิดการเปลยี่ นแปลงการปกครองขึน้ กจิ การลกู เสอื จงึ ไดร้ บั การปรับปรุงใหม่ โดยรัฐบาลไดจ้ ดั ตงั้ หน่วยยวุ ชนทหาร และรับเด็กทีเ่ คยเปน็ ลูกเสือมาแลว้ มาฝกึ วิชาทหาร สว่ น กจิ การลกู เสอื กข็ ยายใหก้ ว้างขวางขนึ้ โดยมกี ารจดั ตงั้ กองลูกเสอื เหลา่ เสนาและลูกเสอื เหลา่ สมุทร เสนาขน้ึ เพอื่ ฝกึ ร่วมกบั ยุวชนทหาร ทําใหก้ ิจการลกู เสอื ซบเซาลงบ้างในยคุ นี้ ในปี พ.ศ.2490 กจิ การลกู เสอื กลบั มาฟืน้ ฟูอีกครง้ั หลงั จากทางราชการได้จดั ชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ และสง่ เจ้าหน้าที่ในกองลกู เสือไปรับการฝึกอบรมวิชาลกู เสือตามมาตรฐานสากล และตามแบบนานาประเทศ กระท่ังมีมพี ระราชบัญญตั ิลกู เสอื บงั คบั ใช้ โดยคณะกรรมการลกู เสือแหง่ ชาตเิ ป็นผบู้ ริหาร วตั ถุประสงคข์ องขบวนการลกู เสือได้รบั การปรบั ปรุงและเนน้ ให้เหน็ ชดั เจนรัดกุม ยงิ่ ขน้ึ มคี วามว่า “คณะลูกเสอื แหง่ ชาตมิ วี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื พฒั นาลกู เสือทัง้ ทางกาย สติปัญญา จติ ใจ และศลี ธรรม ให้ เป็นพลเมอื งดี มคี วามรับผดิ ชอบสร้างสรรคส์ งั คมใหม้ คี วามเจริญกา้ วหน้า เพอ่ื ความสุขและความ มั่นคงของประเทศชาติ” การกาํ หนดวันสถาปนาลูกเสอื แหง่ ชาติเพอื่ เปน็ การระลกึ ถงึ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ผู้ทรงกอ่ ตง้ั กจิ การลกู เสอื ไทยใหพ้ ัฒนารุ่งเรอื ง มาจวบจนทุกวันนี้ ทางราชการ จึงกาํ หนดให้ทกุ วันท่ี 1 กรกฎาคมของทุกปเี ปน็ “วันคล้ายวนั สถาปนาคณะลกู เสอื แห่งชาติ” หรอื “วนั ลูกเสอื ”โดยในวนั น้บี รรดาลูกเสือไทยจะจัดกจิ กรรมทเี่ ป็นการระลึกถงึ พระมหากรุณาธคิ ณุ ของ พระองคท์ า่ น รวมทัง้ นาํ พวงมาลาไปถวายบังคมทีพ่ ระบรมรปู ฯ สถานพระบรมราชานุสรณ์ และจดั ให้มี การสวนสนามในโรงเรียน หรอื สถานทต่ี า่ ง ๆ เช่น ณ สนามศุภชลาศัย หรือสนามกีฬาแหง่ ชาติ ทท่ี ุก ทๆท่ี ปกุ ี จๆะมปเี ีหจละม่าลเี หูกลเส่าอืลูกจําเสนอื วจน�ำ กนววา่ นหกมวืน่าหคมนืน่มคารน่วมมาเรด่วินมสเดวนิ สวนนาสมนเาพมอ่ื เแพส่ือดแงสคดวงาคมวเคามารเคพารแพละแกลละา่ กวลา่ ว ทบทวนคําปฏิญาณต่อองคพ์ ระประมขุ คณะลกู เสือแหง่ ชาติ เพือ่ ประกาศความเปน็ ลกู เสอื อยา่ งแทจ้ ริง 1ค6ู่มอื ส่งเสคชริมูม่ั้นอืแมกลัธายะรพมจศฒั ัดึกนกษิจาากกปรจิ ีทรกม่ี ร2ลรูกมเลสูกอื เเสสรอื ิมทสักรษา้ งะทชกัีวษติ ะในชีวสิตถปารนะศเภกึ ทษลาูกลเสูกือเสสาือมสัญามรญันุ่ ใรห่นุ ญให่ เญคร่ อื่ชงั้นหมมธั ายยมลูกศเกึ สษอื าชปนั้ ทีพ่ี ิเ2ศษ 23

ลกู เสอื สารอง : อายุ 8-11 ปี เทยี บชน้ั เรยี น ป.1-ป.4 มีคตพิ จนค์ อื ทําดที ส่ี ดุ (DO YOUR BEST) ลกู เสือสามญั : อายุ 12-13 ปี เทยี บช้ันเรียน ป.5-ป.6 มคี ตพิ จนค์ อื จงเตรยี มพร้อม (BE PREPARED) ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ : อายุ 15-17 ปี เทยี บชนั้ เรยี น ม.1-ม.3 มีคตพิ จน์คือ มองไกล (LOOK WIDE) ลกู เสือวิสามัญ : อายุ 17-23 ปี เทียบชัน้ เรียน ม.4-ม.6 มีคตพิ จน์คอื บรกิ าร (SERVICE) ลกู เสอื ชาวบ้าน : อายุ 15-18 ปี มีคติพจนค์ อื เสียชีพอย่าเสยี สตั ย์ ส่วนผ้หู ญิงใหเ้ รียกวา่ “เนตรนาร”ี และแบง่ ประเภทเหมอื นลกู เสือ ปี พ.ศ. 2463ได้จดั ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทย จาํ นวน 4 คน ไปรว่ มงานชมุ นุมลกู เสือโลก ครั้งท่ี 1 (1st World Scout Jamboree) ซง่ึ จดั เป็นครงั้ แรกของโลก ณ อาคารโอลมิ เปีย กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ ปี พ.ศ. 2465คณะลูกเสือไทย ได้สมัครเข้าเปน็ สมาชกิ ของสมัชชาลูกเสอื โลก ซ่ึงขณะนัน้ มีสมาชกิ รวมทง้ั สนิ้ 31 ประเทศ ประเทศทง้ั 31 ประเทศนี้ นบั เป็นสมาชกิ รุ่นแรก หรือสมาชกิ ผกู้ ่อการจดั ต้งั (Foundation Members) สมัชชาลกู เสอื โลกขึน้ มา ปี พ.ศ. 2467ไดจ้ ดั ส่งผแู้ ทนคณะลกู เสือไทย 10 คน ไปร่วมงานชมุ นมุ ลูกเสือโลก คร้ังที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก ปี พ.ศ. 2468พระบาทสมเด็จพระมงกุฏฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคต เมอื่ วันท่ี 24 พฤศจกิ ายน 2468 ปพี .ศ. 2454 (ค.ศ. 1911)พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ทรงก่อตง้ั กิจการลกู เสอื ไทย เมอื่ วนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ปี พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) สง่ ผู้แทนคณะลกู เสือไทยไปรว่ มงานชมุ นมุ ลกู เสอื โลก ครง้ั ท่ี 1 ณ ประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922)คณะลูกเสือแห่งชาติ เข้าเป็นสมาชกิ สมชั ชาลูกเสอื โลก ปี พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) ส่งผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปร่วมงานชมุ นมุ ลกู เสือโลก ครั้งท่ี 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก ปี พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) จัดงานชุมนมุ ลกู เสอื แห่งชาติ คร้งั ที่ 1 (1st National Jamboree) ปี พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) เปน็ สมาชิกของสํานักงานลกู เสือภาคตะวันออกไกล ซึ่งเพ่ิงจดั ตั้งข้ึน ขณะน้ันมปี ระเทศสมาชกิ อยู่ 10 ประเทศ ปี พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 50 ปกี ารลูกเสอื ไทย ปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) เปน็ เจ้าภาพจดั การประชมุ ผูบ้ ังคบั บญั ชาลูกเสือ ภาคตะวันออกไกล ครัง้ ที่ 3 (3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสนั ติธรรม 24 คมู่ คือมู่ สือ่งกเสารรจมิ ดั แกลจิ ะกพรัฒรมนลากู กเจิสกอื เรสรรมมิ ลสูกรเ้าสงอืททักษักษะชะีวชติีวปิตรใะนเสภถทาลนกู ศเสกึ ือษสาามลัญกู รเสุน่ อืใหสญาม่ เญั ครร่อื่นุ งใหหมญา่ยชลน้ั กู มเสัธอื ยชม้ันศพกึ ิเษศษาปที ี่ 2 17 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2

1. ยุคก่อตง้ั (พ.ศ. 2454 – 2468)รวม 14 ปีอยู่ในรัชกาลที่ 6 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454ทรงจัดตงั้ กองเสอื ปาู (Wild Tiger Corps) เพ่อื ใหข้ า้ ราชการและ พลเรือนได้มีโอกาสฝกึ หดั วิชาทหารเพ่ือเป็นคณุ ปปรระะโโยยชชนนต์ ์ตอ่ อ่ตตนนเอเองแงลแะลบะบา้ น้าเนมเือมงอื ใงนใอนันอทันีจ่ทะจี่ ทะ�ำทใาํหใ้ ห้ รู้จักระเบยี บวินัย มกี าํ ลงั ใจ กําลงั กายเข้มแขง็ มีความจงรักภกั ดตี ่อสถาบนั ชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั รยิ ์ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454ทรงสถาปนาลกู เสอื ไทย โดยตราข้อบงั คับลกั ษณะปกครองลูกเสอื และจัดต้งั กองลกู เสอื ข้ึนตามโรงเรียน และสถานทีอ่ ันสมควร และพระราชทานคําขวัญใหก้ บั ลกู เสือไว้ ว่า “เสียชพี อยา่ เสียสัตย์”จากนนั้ ได้ต้ังสภากรรมการกลางจัดการลกู เสือแหง่ ชาตขิ น้ึ โดยพระองคท์ รงดาํ รงตาํ แหนง่ สภานายกและหลงั จากนน้ั พระมหากษตั รยิ ์องค์ตอ่ มาทรง เปน็ สภานายกสภาลกู เสือแหง่ ชาตติ ลอดมาจนถงึ ปี พ.ศ. 2490 ในยคุ นี้มเี หตุการณส์ าํ คัญ ๆ เช่น พ.ศ. 2454 - ตั้งลกู เสอื กองแรกที่ โรงเรยี นมหาดเล็ก ( คอื โรงเรียนวชิราวธุ ปัจจบุ ัน ) เป็นกองลูกเสือ ในพระองค์ เรยี กวา่ กองลูกเสือกรงุ เทพฯ ท่ี 1 ปี พ.ศ. 2458พระราชทานเหรียญราชนยิ มใหแ้ กล่ ูกเสอื โท ฝฺาย บญุ เลย้ี ง (ตอ่ มาเปน็ ขนุ วรศาสนด์ รุณกิจ) ปี พ.ศ. 2459ตง้ั โรงเรียงผูก้ ํากบั ลกู เสอื ในพระบรมราชูปถัมภ์ขนึ้ ณ สโมสรเสอื ปูา จังหวัดพระนคร หลกั สูตร 2 เดือน เปิดได้ 4 ปีกล็ ้มเลกิ ปี พ.ศ. 2463ส่งผู้แทนลกู เสอื ไทย 4 คน ไปร่วมงานชุมนุมลูกเสอื โลกคร้ังที่ 1 (World Scout Jamboree) ณ โคลมั เบยี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมี นายสวสั ดิ์ สุมติ ร เปน็ หัวหนา้ คณะ ปี พ.ศ. 2465คณะลูกเสอื ไทยสมคั รเข้าเปน็ สมาชกิ ของสมชั ชาลกู เสือโลก เปน็ กลุ่มแรก มีประเทศตา่ งๆ รวม 31 ประเทศ และถอื เป็นสมาชกิ ผกู้ อ่ ตัง้ (Foundation Members) ขององค์การ ลกู เสอื โลก ปี พ.ศ. 2467สง่ ผแู้ ทนคณะลกู เสอื ไทย 10 คน ไปร่วมงานชุมนุมลกู เสือโลกครั้งท่ี 2 ณ ประเทศ เดนมารก์ โดยพระยาภรตราชา เปน็ หัวหนา้ คณะ ปี พ.ศ. 2468การลูกเสอื ไทยสญู เสยี พระผ้พู ระราชทานกาํ เนิดลกู เสือไทยรัชกาลท่ี 6 2. ยุคสง่ เสริม (พ.ศ.2468 – 2482)สมัยรัชกาลท่ี 7 จนถึงสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ยุคนี้แบ่งออกเปน็ 2 ตอน คอื 2.1 กอ่ นเปลย่ี นแปลงการปกครอง รัชการท่ี 7 ยงั ทรงเป็นสภานายกสภากรรมการ กลางจดั การลกู เสอื แห่งชาติอยู่ ปี พ.ศ. 2470มกี ารชมุ นุมลกู เสือแหง่ ชาติ คร้ังท่ี 1 (1st National Scout Jamboree) ณ พระราชอุทยาน สราญรมย์ กรุงเทพฯ และกําหนดใหม้ ีงานชมุ นมุ ลูกเสือแหง่ ชาติครั้งตอ่ ไปในทุกๆ 3 ปี ปี พ.ศ. 2472ส่งผแู้ ทนไปรว่ มชมุ นุมลูกเสือโลกคร้งั ท่ี 3 ณ ประเทศอังกฤษ 1ค8ู่มอื สง่ เสชครมู่ัน้ิมอืมแกธัลายะรมพจศัฒัดกึ กนษจิ าากกปริจที รกมี่ 2รลรกู มเสลือูกเเสสรือิมทสกัร้าษงะทชกั วี ษิตะใชนวี สติ ถปารนะศเภึกทษลาูกลเสูกือเสสาอื มสญั ามรนุ่ ัญใรหุ่นญใ่หเคญร่ือ่ ชงั้นหมมัธายยลมกู ศเกึสษอื ชาป้นั พีทิเี่ ศ2ษ 25

ปี พ.ศ. 2473มกี ารชมุ นมุ ลกู เสือแหง่ ชาตคิ รง้ั ที่ 2 ณ พระรามราชนิเวศน์ จังหวดั เพชรบุรี ซึ่งมคี ณะลกู เสอื ต่างประเทศจากญปี่ ุูนมาร่วมงานด้วย โดยจดั หลกั สูตร 2 เดอื น ดาํ เนนิ การได้ 2 ปี กล็ ม้ เลิก เพราะเปล่ียนการปกครอง 2.2 ภายหลังการเปล่ยี นแปลงการปกครอง รัชกาลท่ี 7 กอ่ นสละราชสมบตั ิและรัชกาล ท่ี 8 จนถงึ สงครามโลกครง้ั ที่ 2 (พ.ศ. 2475 – 2482) ปี พ.ศ. 2475หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้จัดต้ัง “ลกู เสือสมุทรเสนา” ขน้ึ อีกหนึ่งเหล่า โดย จดั ต้ังกองลกู เสอื เหลา่ สมุทรเสนาในจงั หวดั แถบชายทะเลเพอ่ื ให้เดก็ ในทอ้ ง ถน่ิ มคี วามรู้ ความสามารถในวทิ ยาการทางทะเล ปี พ.ศ. 2476 ตงั้ กรมพลศกึ ษาขน้ึ ในกระทรวงศกึ ษาธิการ โดยมีกองลูกเสอื อยใู่ นกรมพลศกึ ษา และส่งผู้แทนไปรว่ มชมุ นุมลกู เสอื โลกครงั้ ท่ี 4 ประเทศฮังการี โดยมนี ายอภัย จนัุ ทวมิ ล เป็น หัวหน้า - ได้จัดทาํ ตราคณะลูกเสอื แหง่ ชาติขนึ้ เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกบั หลกั สากล ทค่ี ณะลูกเสือตา่ งๆ ทั่วโลก ตา่ งกม็ ีตราคณะลูกเสอื ของตนเองทัง้ สน้ิ โดยจดั ทาํ ตราเป็นรูป (Fleur de lis) กบั รูปหน้าเสอื ประกอบกนั และมตี วั อกั ษรคาํ ขวญั อยภู่ ายใต้วา่ “เสยี ชีพอยา่ เสยี สัตย์” และ ประกาศ ใช้ตราประจํา คณะลูกเสือแห่งชาติ และกฎลูกเสอื 10 ข้อ - เปิดการฝกึ อบรมวิชาผกู้ ํากับลูกเสอื ซึ่งเรียกในทางราชการวา่ การฝกึ อบรม วชิ าพลศึกษา (ว่าดว้ ยลกู เสอื ) ประจําปี 2478 เป็นเวลา 1 เดือน - ประกาศตัง้ ลกู เสือสมทุ รเสนา พ.ศ. 2479 ประกาศใชห้ ลักสูตรลกู เสอื เสนา และสมุทรเสนา - พระราชบัญญตั ิธง พ.ศ. 2479 กาํ หนดลกั ษณะธงประจาํ กองคณะลกู เสือแหง่ ชาติ และธงประจํากองลูกเสือ ปี พ.ศ. 2482 พระราชบัญญตั ิลกู เสอื ขึ้นส่ิงสาํ คญั คือใหค้ ณะลูกเสอื แห่งชาติมสี ภาพเป็นนิติ บคุ คลได้ จัดตง้ั สภากรรมการกลางจดั การลูกเสอื แห่งชาติ จังหวัดลูกเสอื อาํ เภอลกู เสอื และ แบ่งลกู เสอื ออกเปน็ 2 เหลา่ คือ ลกู เสอื เสนา และลกู เสอื สมุทรเสนา - มีพระราชบัญญตั ใิ หท้ รัพย์สินกองเสือปาู เปน็ ของคณะลกู เสือแหง่ ชาติ - รัฐบาลได้จัดตั้ง “ยวุ ชนทหาร” ขนี้ มาซอ้ นกับกิจการลกู เสือ การฝกึ ยวุ ชนทหาร แตกต่างจากการฝึกลกู เสอื โดยเป็นการฝกึ เยาวชนของชาตใิ นทางทหารอยา่ งแทจ้ ริง 3. ยุคประคบั ประคอง (พ.ศ. 2483 – 2489) ระยะนลี้ กู เสอื ซบเซาลงมาก เนอื่ งจากอยภู่ าวะสงคราม ปี พ.ศ. 2485 มกี ารออกพระราชบญั ญัติลูกเสอื (ฉบบั ปี พ.ศ. 2485) มสี าระสาํ คญั คือ กําหนดใหพ้ ระมหากษตั ริย์ ทรงดาํ รงตาํ แหน่งบรมราชปู ถมั ภ์คณะลูกเสอื แห่งชาติ ปี พ.ศ. 2488 สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ส้ินสุด การลกู เสอื เรม่ิ ฟน้ื ฟูทว่ั โลก ปี รัชกาลที่ 8 เสดจ็ นวิ ัติสพู่ ระนคร และถูกลอบปลงพระชนม์ 26 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ค่มู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสอื เสรมิ สร้างทักษะชีวิตประเภทลูกเสอื สามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลูกเสอื ช้ันพิเศษ 19 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2

4. ยุคก้าวหนา้ (พ.ศ. 2489 – 2514) เรมิ่ ตน้ รชั กาลท่ี 9 แบง่ ออกเปน็ 2 ระยะ คอื 4.1 ระยะเรม่ิ กา้ วหนา้ (พ.ศ. 2489 – 2503) ปี พ.ศ. 2496 เรม่ิ ดาํ เนนิ การสรา้ งคา่ ยลกู เสือวชริ าวธุ ตาํ บลบางพระ อาํ เภอศรรี าชา จังหวัดชลบุรี ปี พ.ศ. 2497 มีการชุมนมุ ลกู เสือแหง่ ชาตคิ รั้งท่ี 3 ณ สนามกีฬาแหง่ ชาติ ปี พ.ศ. 2500 สง่ ผูแ้ ทนจากประเทศไทยไปรว่ มชมุ นุมลูกเสือโลกคร้ังที่ 9 ณ ประเทศอังกฤษ เพ่อื เฉลมิ ฉลองอายุครบ 100 ปี ของลอรด์ บเบาเดน โเพาเอเอลลลล์ ์ ปี พ.ศ. 2501 - เปดิ การฝกึ อบรมวชิ าผูก้ ํากับลูกเสือสาํ รอง ขนั้ ความรู้เบื้องตน้ เป็นคร้ังแรกในประเทศไทย - จดั ตัง้ กองลกู เสอื สาํ รองกองแรกข้นึ ในประเทศไทย 5 สิงหาคม 2501 ปี พ.ศ. 2503 - เปิดการฝกึ อบรมวิชาผกู้ ํากับลกู เสือสาํ รอง ขนั้ วดู แบดจ์ ครง้ั ที่ 1 ณ พระตาํ หนกั อ่าวศลิ า จงั หวัดชลบรุ ี - สง่ ผู้แทนไปร่วมประชุมสมชั ชาลูกเสือโลกครงั้ ท่ี 2 ณ ประเทศพม่า 4.2 ระยะกา้ วหนา้ (2504 – 2514) ปี พ.ศ. 2504 - มกี ารชุมนมุ ลกู เสอื แหง่ ชาติ ครั้งท่ี 4 ณ สวนลมุ พนิ ี พระนคร เพ่อื เฉลมิ ฉลอง ทีค่ ณะลูกเสอื ไทยมีอายคุ รบ 50 ปี - เปิดการฝกึ อบรมวิชาผกู้ าํ กับลกู เสอื สามัญ ขน้ั วดู แบดจ์ รนุ่ ที่ 1 ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวุธ - วางศิลาฤกษ์ศาลาวชิราวธุ ปีพ.ศ. 2505 พลเอกถนอม กติ ติขจร รองนายกรฐั มนตรี เปดิ ค่ายลกู เสอื วชิราวธุ - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 รชั กาลที่ 9 ทรงประกอบพธิ ีเปดิ ศาลาวชิราวุธปี พ.ศ. 2506 - เปิดการฝกึ อบรมผกู้ าํ กบั ลกู เสอื วสิ ามญั ขั้นวดู แบดจ์ รนุ่ ที่ 1 ณ ค่ายลกู เสอื วชริ าวุธ - จดั ต้งั กองลกู เสอื วสิ ามัญ วนั ท่ี 18 มีนาคม พ.ศ. 2506 - ได้มกี ารฝกึ อบรมลกู เสอื ชาวบา้ นขนึ้ ครั้งแรก ณ อาํ เภอดา่ นช้าง จงั หวดั เลย โดยกอง กํากบั การตํารวจตระเวนชายแดน เปน็ ผูร้ ิเรม่ิ ดาํ เนินการ ซึง่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวฯทรงรับ กิจการลกู เสือชาวบา้ นไว้ในพระบรมราชานเุ คราะห์ - ส่งผู้แทนคณะลูกเสอื ไทยเขา้ ไปร่วมการประชุมลูกเสอื โลกครง้ั ท่ี 13 ณ ประเทศญปี่ ูุน 5. ยุคประชาชน (พ.ศ.2514–ปัจจุบัน) เนื่องจากปี 2514 เป็นปที ม่ี ีการฝึกอบรมลกู เสือชาวบ้านเป็นคร้ังแรก ปี พ.ศ. 2516 - รบั กิจการลกู เสอื ชาวบา้ นเปน็ ส่วนหนง่ึ ของคณะลูกเสือแหง่ ชาติ - กระทรวงศกึ ษาธิการมีคาํ สั่งใหน้ าํ วชิ าลูกเสอื เขา้ อยหู่ ลักสูตรโรงเรยี น - มีการจดั ตง้ั กองลกู เสอื วสิ ามญั ขึน้ ในโรงเรยี น ค2มู่ 0อื ส่งเสรคชิมู่มั้นแอืมลกัธะายพรมจฒั ศัดกึนกษาิจากกปจิรทีกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสอืริมทสกั รษ้าะงชทีวกั ิตษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเกูสเือสสอื าสมาญั มรัญ่นุ รใหุ่นญให่ เญค่รช่อื ้นังหมมธั ายยมลศูกึกเสษอื าชปัน้ ีทพี่ 2เิ ศษ 27

- รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพธิ เี ปิดการชุมนมุ ลูกเสอื แหง่ ชาติ คร้งั ที่ 8 ณ คา่ ยลกู เสอื วชริ าวุธ ปี พ.ศ. 2518 - สง่ ผแู้ ทนไปรว่ มการประชุมลกู เสือโลก คร้ังที่ 14 ณ ประเทศเดนมารก์ - สง่ ผแู้ ทนเขา้ รว่ มประชมุ สมัชชาลกู เสอื โลก ครง้ั ที่ 14 ณ ประเทศเดนมารก์ - นายแพทย์ บุญสม มาร์ตนิ ไดร้ ับเลอื กตัง้ เป็นกรรมการลกู เสอื โลกจากการประชุม สมชั ชาลกู เสอื โลก คร้งั ท่ี 28 ณ เมอื งดาการ์ ประเทศเซเนกลั ปี พ.ศ. 2536 เป็นเจา้ ภาพจัดการประชมุ สมชั ชาลกู เสือโลก ครง้ั ที่ 13 ณ กรุงเทพฯ ( 33rd World Scout Conference) ปี พ.ศ. 2544 จดั งานชุมนมุ ลูกเสอื แห่งชาติ ครั้งท่ี 16 / งานชมุ นุมเตรยี มงานชมุ นมุ ลกู เสอื โลก ครั้งที่ 20 (16th National Jamboree / Pre 20th Scout Jamboree, 2003) เพ่อื เฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี คณะลกู เสือไทย 28 ธนั วาคม 2544 เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนมุ ลกู เสอื โลก ครงั้ ท่ี 20 (20th 7 ,dik8, 2547 World Scout Jamboree, 2003) ณ บรเิ วณหาดยาว ฐานทพั เรือสัตหีบ อาํ เภอสัตหีบ จงั หวดั ชลบรุ ี ซงึ่ มีเยาวชนลูกเสือชาย – หญงิ กวา่ 30,000 คน จาก 151 ประเทศท่ัวโลกมารว่ มงาน 5-9 ธนั วาคม 2546จดั งานชมุ นมุ ลกู เสือมฮู บิ บาห์ (12th Muhibbah Jamboree) ณ ค่ายลูกเสอื ไทยเฉลมิ พระเกยี รติ จงั หวดั ตรงั มีลูกเสอื ไทย จาํ นวน 1,266 คน และลูกเสือ ตา่ งประเทศในแถบชายแดนภาคใตไ้ ด้แก่ มาเลเซยี 15 คน ศรีลังกา 4 คน และสหรัฐอเมรกิ า 6 คน เขา้ รว่ มงานทั้งสิ้น 1,736 คน 20-24 กรกฏาคม 2547 จดั งานชมุ นุมผ้บู งั คับบัญชาลกู เสือครง้ั ท่ี 3 (INDABA) ณ ค่ายลกู เสอื วชิราวุธ อาํ เภอศรีราชา จังหวดั ชลบุรี มีผูบ้ งั คับบญั ชาลกู เสอื เขา้ ร่วมงานชุมนมุ ฯ จํานวน 3,500 คน *หมายเหตใุ นสมยั รัชกาลท9ี่ ได้มีการจดั ต้ังคา่ ยลูกเสอื ระดับจังหวดั และระดบั อาํ เภอ ทัว่ ประเทศ เพ่อื เป็นทฝ่ี กึ อบรมลูกเสอื และผู้บงั คบั บญั ชาลูกเสือ 28 คคู่ม่มู อื ือสก่งาเรสจรดั มิ กแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกอื จิ เกสรรรมิ มสลรา้กู งเทสกัอื ษทะักชษวี ะิตชปวี รติ ะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาัญลรูกุ่นเใสหอื ญส่าเมคญัร่ือรงนุ่ หใมหาญยล่ ชูกน้ัเสมือธั ชยั้นมพศเิ ศกึ ษษาปีท่ี 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 21

เรือ่ งสั้นทเ่ี ปน็ ประโยชน์ เรือ่ ง ไกก่ บั สุนัขจ้งิ จอก สนุ ัขจง้ิ จอกตัวหน่ึงคอยเดนิ วนเวียนอยใู่ กล้ๆ กบั เล้าไก่ สร้างความหวาดกลัวใหก้ ับลกู ไก่ มาก ไกต่ วั หนง่ึ จงึ บนิ ขนึ้ ไปอยบู่ นรัว้ และเฝาฺ จบั ตาดสู ุนขั จิ้งจอกดว้ ยความหวาดกลัว เม่ือใดที่เจา้ สนุ ัขจงิ้ จอกขยับตวั เขา้ มาใกล้ มันก็จะบนิ หนไี ปอย่างรวดเร็ว ทาํ ใหไ้ ก่ตัวอืน่ ๆ เยาะเยย้ ถากถางใน การกระทําของมัน และดูหมนิ่ วา่ มันข้ีขลาด เจ้าไกไ่ ดฟ้ งั ดงั นนั้ กต็ อบออกไปว่า “เจา้ จะเรยี กข้าว่าอย่างไรกไ็ ดแ้ ต่สําหรบั ขา้ เองรจู้ กั พษิ สงของสนุ ัขจ้งิ จอกดี และขา้ แน่ใจวา่ ถา้ มีสกั ครงั้ หน่ึงทเ่ี จา้ ไดเ้ ผชิญหนา้ กับสุนขั จิง้ จอกเช่นเดยี วกบั ที่ ข้าเคยนัน้ พวกเจา้ กอ็ าจจะมสี ภาพไม่ผิดไปจากขา้ อย่างแนน่ อน” เรื่องนี้สอนให้รู้วา่ : การยอมรบั ว่าตนเปน็ คนขลาด แต่รู้จักระวงั ภยั ดีกว่าเสแสร้งเปน็ คนกลา้ หาญ แลว้ ต้องพบจดุ จบในภายหลัง ท่มี าของเรอ่ื ง : แฮปป้คี ิดส.์ 100 นิทานอีสป.2548 : 10 ค2ู่ม2อื ส่งเสรชคมิ มู่้ันแือมลกัธะายพรมจัฒศดั ึกนกษาจิ ากกปิจรีทกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสือรมิทสกั รษ้าะงชทวี กั ิตษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเือสสอื าสมาัญมรญั ุ่นรใหนุ่ ญให่ เญค่รชอ่ื ั้นงหมมัธายยมลศูกึกเสษอื าชปนั้ ที พี่ 2ิเศษ 29

แบบประเมนิ การเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่มของลูกเสอื เรอ่ื ง...................................................................................... กลุ่มท่ีุุุุ..ชน้ั ุุุุุุ รายการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรม ลาดบั ช่ือ-สกุล ความสามัคคี การแสดง ความมี ความต้งั ใจ อธบิ าย รวม ผลการ ท่ี ความคดิ เหน็ ระเบียบวินัย ในการ ประวัติการ ประเมนิ ทางาน ลกู เสือไทยฯ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 ผ่าน ไม่ ผ่าน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงช่ือ.................................................ผ้ปู ระเมิน (........................................................) เกณฑ์การประเมินคณุ ภาพคะแนน ประเมินการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ ของลูกเสือผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป ผา่ นเกณฑ์ รายการประเมนิ คณุ ภาพ 43 2 1 การเขา้ รว่ มกิจกรรม อธิบายเน้อื หาได้ อธบิ ายเนอื้ หาได้ อธบิ ายเนอื้ หาได้ตาม ไม่สามารถ กลมุ่ ของลูกเสอื ตามประเด็น ตามประเด็นท่ี ประเดน็ ทกี่ ําหนด อธบิ ายเน้อื หาได้ตาม ที่กําหนดครบถ้วน กาํ หนดได้บางสว่ น บางส่วนแตย่ งั ไม่ ประเด็น และใหค้ วามรว่ มมอื และให้ความร่วมมอื ชัดเจนและให้ความ ทก่ี ําหนดและไม่ ในการทํากจิ กรรม ในการทํากจิ กรรม รว่ มมอื ในการทํา ใหค้ วามร่วมมือในการ โดยไมต่ ้องตักเตือน โดยมกี ารตกั เตือน กจิ กรรมโดยมีการ ทํากจิ กรรม เป็นบางคร้งั ตักเตอื นเป็นบางครงั้ 30 คู่มอื สง่คเู่มสอื รกมิ าแรลจะัดพกัฒิจกนรารกมิจลกูกรเสรอืมเลสกู รเมิ สสือรท้างักทษกั ะษชะวี ชิตวี ใิตนปสรถะาเภนทศลกึ ูกษเสาือลสกู าเมสญั ือรสุ่นาใมหญั ญร่ นุ่ เคใรหอื่ ญงห่ ชม้นั ามยลธั กูยเมสศือึกชษัน้ พาปเิ ศีทษ่ี 2 23 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่(เคร่อื งหมายลกู เสือชน้ั พิเศษ) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 หน่วยท่ี 2 หน้าที่พลเมอื ง แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 3 เร่ือง การพฒั นาตนเอง เวลา 1 ชว่ั โมง 1.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ลกู เสือสามารถเป็นแบบอย่างและแนะนําผอู้ น่ื ใหม้ ีความรักชาติ ยึดมั่นในศาสนา และ เทิดทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์ได้ 2 . ลูกเสอื สามารถแปลความหมายและปฏบิ ัตติ นตามคา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการได้ 2. เน้ือหา 1. การปฏิบัติตนท่ีแสดงออกถึง ความรักชาติ การยึดมั่นในศาสนา การเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ 2.ค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ 3. สอ่ื การเรียนรู้ 3.1 ใบความรทู้ ่ี 1 เรื่อง สถาบันหลักทค่ี วรเทิดทนู 3.2 ใบงานที่ 1 เรื่อง สถาบันหลกั ทค่ี วรเทิดทูน 3.3 ใบความรู้ท่ี 2 เร่ือง คา่ นยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ 3.4 ใบงานท่ี 2 เรอื่ ง คา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 3.5 ใบความรู้ท่ี 3 เรื่อง ระบบการปกครองทอ้ งถน่ิ ของประเทศไทย 3.6 ใบงานท่ี 3 เรือ่ ง ระบบการปกครองทอ้ งถน่ิ ของประเทศไทย 3.7 ใบความรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การชว่ ยเหลอื เพอ่ื นบา้ น 3.8 ใบงานท่ี 4 เรือ่ ง การชว่ ยเหลอื เพอื่ นบา้ น 3.9 ใบความร้ทู ี่ 5 เรื่อง หนา้ ทพ่ี ลเมือง 3.10 ใบงานที่ 5 หนา้ ท่ีพลเมือง 3.11 เรอ่ื งสัน้ ทีเ่ ป็นประโยชน์เรอ่ื ง เทวดากบั อูฐผู้โงเ่ ขลา 4. กิจกรรม 4.1 พธิ ีเปิดประชุมกอง (ชักธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง อยา่ เกยี จครา้ น 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) ผกู้ ํากบั ลูกเสอื และลกู เสือรว่ มกนั สนทนาถงึ เรื่อง 3 สถาบันหลักทคี่ วรเทิดทนู และ เรอ่ื งคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ 2) ผกู้ ํากับลูกเสอื แจกใบความรู้ และใบงานใหก้ ับลกู เสอื ตามทกี่ ําหนดให้แต่ละหม่แู ละ ให้รว่ มกันอภิปรายกลุ่ม 3) ลกู เสือแตล่ ะหมู่ชว่ ยกันศกึ ษาใบความรู้และใบงาน แล้วนาํ เสนอตอ่ ท่ปี ระชมุ ใหญ่ 4) ผกู้ ํากับลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั สรุปบทเรียนให้เป็นในทิศทางเดียวกนั ค2มู่ 4ือสง่ เสรชคิมมู่นั้ แอืมลกัธะายพรมจัฒศัดึกนกษาิจากกปิจรทีกรม่ีร2รลมูกเลสูกอื เเสสือรมิทสักรษา้ ะงชทีวกั ิตษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเูกสเอื สสอื าสมาญั มรญั ุน่ รใหนุ่ ญให่ เญค่รชือ่ ั้นงหมมัธายยมลศูกึกเสษอื าชปนั้ ที พ่ี 2เิ ศษ 31

4.4 ผกู้ ํากับลูกเสือเล่าเรอื่ งทีเ่ ป็นคติสอนใจ เรอื่ ง เทวดากับอฐู ผู้โง่เขลา 4.5 พธิ ปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล แบบประเมนิ การเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่มของลูกเสอื 32 คคมู่ ู่มอื ือสกง่าเรสจรัดิมกแิจลกะรพรมัฒลนูกาเสกอื ิจเกสรรริมมสลรา้กู งเทสักอื ษทะกั ชษวี ะิตชปวี ริตะใเภนทสลถกูาเนสศือกึสษามาญั ลรกู ุน่ เใสหือญส่าเมคญัร่อื รง่นุ หใมหาญยล่ ชูกนั้เสมอื ธั ชยั้นมพศเิ ศกึ ษษาปีที่ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 25

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 3 เพลง เพลงอยา่ เกยี จครา้ น อย่าเกยี จคร้านการทํางาน นะพวกเรา งานหนกั งานเบา เหน่อื ยแลว้ เราพักผอ่ นกห็ าย ไมท่ าํ งาน หลบหลีกงาน ด้วยเกยี จครา้ น เอาแต่สบาย แก่จนตาย ขอทํานายว่าไม่เจรญิ แกจ่ นตาย ขอทาํ นายว่าไม่เจริญ ค2่มู 6อื สง่ เสรคชิม่มูน้ั แอืมลกัธะายพรมจฒั ศัดึกนกษาจิ ากกปิจรีทกรม่ีร2รลมูกเลสูกือเเสสอืริมทสกั รษ้าะงชทวี กั ิตษใะนชสวี ถิตาปนระศเึกภษทาลกู ลเูกสเอื สสอื าสมาัญมรัญุ่นรใหุน่ ญให่ เญค่รชื่อั้นงหมมธั ายยมลศูกึกเสษือาชปน้ั ีทพ่ี 2เิ ศษ 33

ใบความร้ทู ่ี 1 เร่อื ง 3 สถาบันหลักทคี่ วรเทดิ ทนู สถาบันชาติ ความรกั ชาติ ชาติ หมายถึง แผ่นดนิ ท่มี ปี ระชาชนยึดครอง มีอาณาเขตทีแ่ น่นอน มีการ ปกครองเปน็ สัดสว่ น มีผูน้ าํ เป็นผปู้ กครองประเทศและประชาชนทง้ั หมด ด้วยกฎหมายที่ประชาชน ในชาตนิ ้ันกาํ หนดข้นึ เชน่ ประเทศไทย มีอาณาเขต มีเนือ้ ทป่ี ระมาณ 513,115 ตารางกโิ ลเมตร มีประชากรประมาณ 66.7 ล้านคน (พ.ศ. 2555) มกี ารปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นพระประมขุ มศี าสนาพทุ ธ เปน็ ศาสนาประจําชาติ มวี ัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม และจารีตประเพณี เปน็ เอกลกั ษณ์ประจําชาตขิ องตนเอง สบื ทอดกนั มาจาก บรรพบรุ ุษเป็นเวลายาวนาน ผทู้ ่ีมคี วามรักชาติ จะช่วยกันปกปอฺ งรักษาชาติ ไมใ่ ห้ศตั รมู ารกุ ราน หรอื ทาํ ร้าย ทาํ ลาย เพื่อใหล้ กู หลานไดอ้ ยูอ่ าศัยตอ่ ไป และทํานบุ ํารุงบ้านเมืองใหเ้ จริญรุ่งเรือง ให้อยู่ร่วมกนั ด้วย ความสงบสขุ สบื ไป ส่วนผทู้ ไ่ี ม่รกั ชาติ ก็จะผู้ทค่ี ิดไมด่ ีต่อชาติ เปดิ โอกาสให้ผ้อู ืน่ เขา้ มาทาํ ร้าย ทาํ ลาย แลว้ ยึดครองประเทศชาติ สรา้ งความแตกแยกให้คนในชาติ นาํ ความเสอ่ื มเสีย มาใหป้ ระเทศชาติ บา้ นเมือง สถาบันศาสนา จากการศึกษาประวตั คิ วามเป็นมาของศาสนาพบวา่ ศาสนาเกดิ จากความตอ้ งการดา้ นจติ ใจ ของมนุษย์ เพ่อื สร้างความรู้สึกมนั่ คงและปลอดภยั ทางดา้ นจติ ใจ กล่าวคือ มนษุ ยส์ มยั กอ่ นมคี วามรู้ ความสามารถจาํ กัด ขาดความรคู้ วามเข้าใจในเร่ืองของปรากฏฎการณ์ธรรมชาติ จงึ คดิ วา่ เหตกุ ารณ์ ต่างๆทีเ่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ และสงิ่ แวดล้อมของตนนนั้ เช่น ฝนตก ฟฺาผ่า นา้ํ ท่วม แผน่ ดนิ ไหว โรคระบาด เปน็ ต้น เกิดจากอํานาจลึกลับและสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ มนษุ ยจ์ งึ พากันกราบไหว้บูชา เซน่ สรวง เพ่อื หวงั จะให้ ดวงวญิ ญาณอํานาจลกึ ลบั หรือส่ิงศกั ดส์ิ ทิ ธิ์น้ันพงึ พอใจ จะไดช้ ่วยคมุ้ ครองปกปฺองรักษาพวกตน ซง่ึ ความคดิ เชน่ นไี้ ด้ทาํ ใหเ้ กดิ ระบบความเชอื่ ต่างๆ และสถาบนั ศาสนาข้ึนในทสี่ ดุ กลมุ่ สงั คมในสถาบนั ศาสนา ทส่ี ําคญั ไดแ้ ก่ คณะสงฆ์ และกลมุ่ ผูป้ ฏบิ ัตธิ รรม โดยมตี าํ แหนง่ หรอื สถานภาพทางสงั คม 34 คคู่มู่มือือสก่งาเรสจรดั มิ กแจิ ลกะรพรมฒั ลนูกาเสกอื จิ เกสรรรมิ มสลราู้กงเทสักอื ษทะกั ชษีวะิตชปวี รติ ะใเภนทสลถูกาเนสศอื ึกสษามาัญลรกู นุ่ เใสหือญส่าเมคญัร่ือรงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ั้นเสมือัธชย้ันมพศิเศกึ ษษาปที ี่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 27

ต่างๆ กนั ต่างมบี ทบาทหน้าที่เก่ียวขอ้ งสมั พันธ์กนั ตามสถานภาพทางสงั คมดงั กล่าวเป็นแบบแผน พฤติกรรมในการประพฤตปิ ฏิบัติตนของสมาชกิ โดยท่วั ไปแบบแผนพฤตกิ รรมในการปฏบิ ัตขิ อง สมาชิกในสงั คม ยอ่ มเป็นไปตามหลกั ธรรมของศาสนาทตี่ นนบั ถอื และเป็นไปตามประเพณีทาง ศาสนานั้น ๆ กจิ กรรมของประเพณที างศาสนามีความสาํ คญั ในการสรา้ งความรู้สกึ เปน็ อนั หนงึ่ อัน เดยี วกันของสมาชกิ ในสังคมสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ให้แกส่ งั คมสร้างเสรมิ และถา่ ยทอดวฒั นธรรมแก่ สงั คมควบคมุ สมาชกิ ให้ปฏิบัตติ ามบรรทัดฐานของสงั คมสนองความตอ้ งการทางจิตใจแก่สมาชิกเมื่อ สมาชิกเผชญิ กบั ปัญหาตา่ ง ๆ สถาบนั พระมหากษัตริย์ ประเทศไทยมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ของประเทศตลอดมา พระมหากษตั ริยข์ องไทย ได้ทรงปกครองแผ่นดนิ ดว้ ยทศพิธราชธรรม ไดท้ รงบาํ บดั ทกุ ข์บํารงุ สขุ ของประชาชน ได้ทรงทาํ นุ บาํ รุงบ้านเมอื งใหม้ คี วามเจริญมั่นคงกา้ วหนา้ ในด้านตา่ งๆ บางพระองค์ไดท้ รงกอบกู้เอกราชของชาติ ดว้ ยความกล้าหาญและเสียสละ อาทิ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บาง พระองคไ์ ดท้ รงดําเนนิ วิเทโศบายที่ชาญฉลาดทาํ ให้ประเทศไทยสามารถรกั ษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้ จนทกุ วนั นี้ เชน่ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว พระปยิ มหาราชชาติไทยของเรามีการ ววิ ัฒนาการมาตง้ั แตเ่ รม่ิ รวมชาติรวมแผ่นเดนิ ก่อร่างสรา้ งเมอื งต้งั แต่ อดีต จนมาเป็นประเทศชาติทุก วนั น้กี ็เพราะสถาบนั พระมหากษตั ริยส์ ถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ยงั เป็นสถาบันทอ่ี ย่ใู นหวั ใจของ ประชาชน เปน็ สถาบนั ที่เคารพ สักการะเหนอื เกลา้ เหนอื กระหม่อมของปวงชนชาวไทยทกุ ๆ คน ผู้ใด หรอื ใครจะมาลว่ งเกนิ พระราชอาํ นาจไมไ่ ด้ ในสมยั สโุ ขทยั สถาบนั พระมหากษตั รยิ เ์ ปรยี บเสมอื นพอ่ ของประชาชน ทรงเป็นสมมตุ เิ ทพหรอื เป็นเทวดาโดยสมมตุ แิ ละทรงมพี ระราชอาํ นาจในการปกครอง ทรง เปน็ องคอ์ ธปิ ตั ย์สงู สุดในการปกครองบ้านเมือง ทรงปกครองบ้านเมอื งด้วยหลกั ธรรมะโดยมี ทศพิธราชธรรม แแลละะธธรรรมมะหลกั สาํ คญั ตา่ งๆ ในการปกครองจนทําใหไ้ พรฟ่ ฺาประชาราษฎร์อยเู่ ย็นเปน็ สขุ ทรงครองราชยป์ อฺ งเมอื ง ทํานุบาํ รุงบ้านเมอื ง ศาสนา และสังคมมาจนถงึ ทกุ วันน้ี แมว้ า่ ประเทศ ไทยจะมรี ูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย พระราชอํานาจของสถาบันพระมหากษัตริยก์ ็มทิ รง เสอื่ มถอย แตส่ ถาบนั พระมหากษัตรยิ ก์ ลบั เปน็ ท่ีเคารพสกั การะจากประชาชนมากเชน่ เดิมไมม่ ี เปลย่ี นแปลง ค2ูม่ 8อื สง่ เสรชคิมมู่ัน้ แือมลกธั ะายพรมจัฒศัดกึนกษาิจากกปิจรีทกรม่ีร2รลมกู เลสูกอื เเสสอืรมิทสักรษา้ ะงชทวี ักิตษใะนชสวี ถติ าปนระศเกึภษทาลกู ลเกูสเอื สสือาสมาัญมรญั นุ่ รใหนุ่ ญให่ เญค่รช่ือนั้งหมมัธายยมลศกู ึกเสษือาชปน้ั ที พ่ี 2ิเศษ 35

ใบความร้ทู ่ี 2 เรื่อง ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ 1.มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ซึง่ เปน็ สถาบนั หลกั ของชาติในปจั จุบนั ทุกชาตจิ ะพฒั นาไดห้ ากเสาหลกั หรอื สถาบันหลกั ของ ชาตเิ ขม้ แข็งด้วยความรกั อย่างถกู วธิ ขี องคนในชาติ สถาบันหลกั ของชาตมิ คี วามเขม้ แข็งอยา่ งสมดลุ ดี งาม ชาตบิ ้านเมอื งสงบคนรกั ในความเป็นไทยและชาตขิ องเรา พรอ้ มไปกับยึดม่ันในหลักธรรมคาํ สอน ของศาสนาขัดเกลาใจคนมคี ณุ ธรรม และยดึ มัน่ ในการเคารพรกั พรอ้ มทัง้ เทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ไ์ ว้อยเู่ หนือสง่ิ ใด 2. ซื่อสัตย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณ์ในส่งิ ทดี่ ีงามเพอ่ื ส่วนรวม เรื่องนสี้ รปุ ได้สั้นๆว่า คนไทยตอ้ งมคี ่านยิ มจติ สาธารณะ ซ่อื สัตย์ไม่คดโกงไม่เอาเปรียบคนอน่ื เสียสละเพอื่ ส่วนรวมไมเ่ ห็นแก่ตวั อดทน และมี อดุ มการณ์ตอ่ ส่วนรวม จิตสํานกึ นใ้ี ครเหน็ ใครกช็ ม 3. กตัญํู ต่อพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์ ขอ้ น้เี ปน็ คุณลกั ษณะเดน่ ของคนไทยทุกยคุ สมยั อยู่แล้วที่แสดงถึงการรู้จกั บญุ คณุ ปฏิบตั ติ าม คาํ สง่ั สอน แสดงความรกั ความเคารพ ความเอาใจใส่ รกั ษาชื่อเสียง และตอบแทนบุญคณุ ของพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูอาจารย์ 4. ใฝหู าความรู้ หม่นั ศกึ ษา เล่าเรียน ทางตรงและทางออ้ ม ประเทศชาติจะพัฒนาไดบ้ คุ ลากรของคนในชาติตอ้ งมคี ณุ ภาพ ไมว่ ่าจะเป็นทางวิชาการและ ทางทักษะความสามารถ คนในชาตมิ ีปัญญามีความรู้ คนในชาติอกี สว่ นกส็ นบั สนนุ ในภมู ิปัญญา ความรู้ของคนไทยด้วยกนั เพอ่ื สร้างคา่ นยิ มใฝรู ใู้ ฝเู รียน เชดิ ชูคนมีปญั ญหาใหม้ ากกวา่ คนมีทรพั ยส์ นิ เงินตรา 5. รักษาวฒั นธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม เรามีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามมากมายทดั เทียมระดบั โลก เพราะบูรพกษัตริย์ของไทยแต่ โบราณรักษาสิง่ เหลา่ นไ้ี ว้ เรื่องน้ีสอดคล้องกบั สถาบันหลักของชาตทิ ้งั หมด ท้ังสถานทท่ี ัง้ ทสี่ รา้ งเอง และธรรมชาติ สิง่ ของทีป่ ระดษิ ฐ์อย่างประณตี โดยคนในชาตเิ รา บคุ คลสาํ คญั รวมไปถึงหนงั สอื และ องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ัญญาชาตไิ ทยเรา มารกั ษา ทาํ นุบาํ รุง สร้างสรรค์ขน้ึ มาแสดงถึงการเห็น คุณค่า ความสาํ คญั ภาคภูมใิ จ อนุรกั ษ์ สบื ทอดวัฒนธรรม 6. มศี ีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี อ่ ผอู้ ่ืน เผ่อื แผแ่ ละแบง่ ปัน มีจติ ใจโอบออ้ มอารี ชว่ ยเหลือผู้อืน่ เทา่ ท่ชี ว่ ยได้ 7. เข้าใจ เรยี นรู้ การเป็นประชาธิปไตยท่ีถกู ตอ้ ง การปฏิบตั ิตนตามหน้าที่และสิทธขิ องตนเอง เคารพสทิ ธขิ องผู้อน่ื ภายใตก้ ารปกครองตาม ระบอบประชาธิปไตย 36 คค่มู ู่มือือสก่งาเรสจรัดิมกแจิ ลกะรพรมัฒลนูกาเสกอื จิ เกสรรรมิ มสลร้าูกงเทสักือษทะักชษีวะติ ชปีวรติ ะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาัญลรกู นุ่ เใสหอื ญส่าเมคัญร่อื รงุ่นหใมหาญยล่ ชูกั้นเสมอื ัธชยัน้ มพศิเศกึ ษษาปที ี่ 2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 29

8. มรี ะเบียบวนิ ยั เคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยรูจ้ กั การเคารพผใู้ หญ่ คนไทยต้องซึมซาบ จากการเขา้ แถว เคารพในการมรี ะเบียบวนิ ยั จะสร้างการเรียนรู้ไปถงึ การเคารพบุคคลอน่ื จากนน้ั เรากจ็ ะหนกั แนน่ ในการเคารพกฎหมาย 9. มสี ติ รูต้ ัว รคู้ ิด ร้ทู า การดาเนนิ ชีวติ อยา่ งพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ ุ้มกันในตัวทด่ี ีร้ปู ฏบิ ตั ิ ตามพระราชดาํ รสั ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวรัชกาลท่ี 9 10. รู้จักดารงตนอยู่โดยใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดาํ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 9 รจู้ กั อดออมไว้ใชเ้ มอ่ื ยาม จาํ เป็น มไี ว้พอกนิ พอใช้ ถา้ เหลือก็แจกจา่ ย จาํ หน่าย และขยายกจิ การ เมอ่ื มคี วามพรอ้ ม โดยมี ภูมคิ มุ้ กนั ทด่ี ี เศรษฐกจิ พอเพียงไม่ได้เปน็ การขดั แย้งกบั การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจอย่างทฝี่ าู ยไม่ หวงั ดจี งใจโจมตี แต่เปน็ การพยงุ การเติบโตเศรษฐกิจในแต่ละการพฒั นาใหม้ ีการเติบโตทเี่ ป็นไปอยา่ ง ยั่งยนื ไมใ่ ชก่ ารเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทห่ี วอื หวา แจกรถ ปลดหน้ี ให้บา้ น แบบทรี่ ัฐบาลที่แลว้ เพาะเชอื้ เอาไว้ 11. มคี วามเขม้ แข็งท้งั รา่ งกายและจิตใจ ไมย่ อมแพ้ตอ่ อํานาจฝูายต่าํ หรอื กเิ ลส มคี วามละอาย เกรงกลวั ตอ่ บาป ตามหลกั ของศาสนา ยํา้ ตรง \"ไมย่ อมแพต้ อ่ อาํ นาจฝาู ยตาํ่ หรือกเิ ลส มีความละอาย เกรงกลัวตอ่ บาป\" ตวั อยา่ งผ่านไป หมาดๆ กรณีผู้ว่าการรถไฟคนท่ีแล้ว 12. คานึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์สว่ นตน เปน็ การปฏบิ ตั ิตนและให้ความร่วมมอื ในกิจกรรมทเ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติ หากคนไทยยึดมนั่ ตามค่านยิ มชาตทิ เี่ น้นทัง้ เรื่องการพัฒนา ตัวเองท้ังในดา้ นความสามารถ ทง้ั คุณธรรม ศีลธรรม เพอ่ื รว่ มมอื กันทาํ ใหช้ าติบ้านเมอื งและส่วนรวม ดีขน้ึ เหล่าน้ลี ้วนดที งั้ นนั้ สิ่งเหลา่ นี้ล้วนยงิ่ ต้องเผยแพร่ให้ขึ้นใจ ใหฝ้ ังใจ วันใดคนไทยเขม้ แขง็ ชาติ เรากจ็ ะเขม้ แข็ง ค่มู ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือสามัญรนุ่ ใหญ่ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 37 30 คมู่ ือการจดั กจิ กรรมลูกเสอื เสริมสร้างทักษะชีวติ ประเภทลกู เสือสามัญรุ่นใหญ่ เครื่องหมายลกู เสอื ชั้นพิเศษ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2

ใบความรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง ระบบการปกครองทอ้ งถ่นิ ของประเทศไทย การปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ หรอื การปกครองทอ้ งถน่ิ เป็นรูปแบบการปกครองทจี่ ําเป็นและมี ความสําคัญในทางการเมอื งการปกครองของชมุ ชนตา่ ง ๆ เฉพาะอยา่ งยงิ่ ชมุ ชนท่มี กี ารปกครองระบบ ประชาธิปไตย ซ่งึ กลา่ วในทางทฤษฎแี ละแนวความคิดทางปกครอง จะเหน็ ได้ว่า รฐั บาลซง่ึ เปน็ กลไก ในการบรหิ ารการปกครองของรัฐนน้ั ย่อมมภี าระหนา้ ที่อยา่ งมากมายในการบริหารประเทศให้ ประชาชนได้รบั ความสขุ ความสะดวกสบายในการดาํ รงชวี ติ (Well Being) อีกทั้งความมน่ั คง แห่งชาติท้ังในทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคม (National Security) แตย่ ่อมเป็นไปไมไ่ ด้ที่รฐั บาลจะ ดแู ลและจดั ทาํ บริการใหก้ ับประชาชนไดท้ ว่ั ถึงทุกชุมชนของประเทศ เพราะอาจจะเกิดปญั หาเกีย่ วกบั ความลา่ ชา้ ในการดําเนนิ งาน การทอี่ าจจะไมส่ นองตอบตอ่ ความตอ้ งการของแตล่ ะชมุ ชนได้ และ รวมท้ังข้อจํากดั เก่ียวกับงบประมาณ (Budget) และตัวบุคคลหรือเจ้าหน้าท่ดี าํ เนินงานใหท้ ว่ั ถงึ ได้ เมอ่ื เป็นดังนี้ การลดภาระของรัฐบาลโดยการใหป้ ระชาชนไดเ้ ขา้ มามีส่วนรว่ มในการปกครองตนเองเพอื่ การสนองตอบต่อความตอ้ งการของชมุ ชน จะไดเ้ กิดความสะดวก รวดเรว็ และตรงกบั ความมงุ่ ประสงค์ของชมุ ชนนน้ั ๆ จงึ เป็นผลใหก้ ารปกครองท้องถิ่นมีบทบาทและความสาํ คญั เกดิ ข้นึ รูปแบบการปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ สําหรับการปกครองทอ้ งถิ่นของไทยในปัจจบุ นั มี 2 รูปแบบ ดว้ ยกันคือ 1. รูปแบบการปกครองท้องถิ่นท่วั ไป ได้แก่ 1) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (อบจ.) มีโครงสร้างการบรหิ าร คือ สภาองคก์ าร บรหิ ารส่วนจงั หวัด และนายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด โดยมผี ้วู า่ ราชการจังหวัดเปน็ ผกู้ ํากบั ดูแล 2) เทศบาล มีโครงสรา้ งการบริหาร คอื สภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี โดยมีผูว้ ่า ราชการจังหวดั เปน็ ผ้กู าํ กบั ดแู ล 3) องคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล (อบต.) มโี ครงสรา้ งการบรหิ าร คอื สภาองค์การบรหิ าร ส่วนตาํ บล และนายกองค์การบริหารส่วนตําบล โดยมนี ายอาํ เภอเป็นผ้กู าํ กบั ดแู ล 2. รปู แบบการปกครองท้องถน่ิ รูปแบบพิเศษ ซ่งึ มฐี านะเปน็ ทบวงการเมือง และนติ ิบุคคล โดยใน ประเทศไทยมอี ยู่ 2 แหง่ คอื 1) กรุงเทพมหานคร มีโครงสรา้ งการบรหิ าร คอื ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร สภา กรุงเทพมหานคร และสภาเขต 2) เมืองพัทยา มโี ครงสรา้ งการบรหิ าร คอื สภาเมืองพทั ยา นายกเมอื งพัทยา การปกครองท้องถนิ่ ของไทยในปัจจบุ ันมหี ลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปตามความ เหมาะสมกับสภาพของแต่ละทอ้ งถิ่น โดยในสภาวการณ์ทเ่ี กิดการเปล่ยี นแปลงทัง้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง ไดท้ าํ ใหป้ ระชาชนมคี วามตน่ื ตวั และมีความรคู้ วามเขา้ ใจในการปกครองตนเองมาก ยง่ิ ขึน้ โดยเฉพาะการรับรขู้ า่ วสารและการมีสว่ นร่วมทางการเมอื งในรปู แบบตา่ ง ๆ ประกอบกบั การ พฒั นาของประเทศได้ทําให้ทอ้ งถ่นิ มคี วามเจริญขึ้นเป็นลําดับ จึงจาํ เป็นอยา่ งยง่ิ ทจี่ ะตอ้ งปรบั ปรุง 38 คคมู่ ู่มืออื สกง่าเรสจรัดิมกแจิ ลกะรพรมฒั ลนูกาเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลราู้กงเทสักอื ษทะักชษวี ะิตชปวี ริตะใเภนทสลถกูาเนสศอื กึสษามาัญลรกู นุ่ เใสหอื ญส่าเมคญัรื่อรงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ้นัเสมอื ธั ชยัน้ มพศเิ ศึกษษาปีที่ 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 31

รปู แบบการปกครองท้องถิ่นไทยที่มอี ยู่ในปัจจุบนั ให้เหมาะสมกบั สภาพเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง ที่เปลย่ี นแปลงไป เพ่อื ใหห้ นว่ ยการปกครองทอ้ งถนิ่ สามารถปฏบิ ตั ิหน้าทีข่ องตนไดอ้ ยา่ งเต็มทแี่ ละมี ประสทิ ธภิ าพ สามารถตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนในทอ้ งถ่นิ และเสริมสรา้ งการมสี ่วนร่วม ของประชาชนในการปกครองตนเองใหม้ ากทสี่ ดุ อนั เปน็ เปฺาหมายสําคญั ของการกระจายอํานาจการ ปกครอง แต่ทัง้ นี้ การทจ่ี ะเปลีย่ นแปลงรปู แบบโครงสร้าง อาํ นาจหน้าท่ขี องหนว่ ยการปกครอง ทอ้ งถิน่ รปู แบบใดก็ตาม จําเปน็ จะต้องพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมทัง้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ตลอดจนขดี ความสามารถทางดา้ นการบริหารบคุ คล การเงนิ และการคลงั ของท้องถน่ิ เหลา่ นนั้ ประกอบกนั ดว้ ย ทม่ี า : สวิ าพร สขุ เอียด สถาบันพระปกเกล้า (http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=การ ปกครองส่วนท้องถ่นิ ) ค3มู่ 2ือสง่ เสรคชิมมู่ั้นแอืมลกัธะายพรมจฒั ศดั ึกนกษาจิ ากกปจิรทีกรม่ีร2รลมกู เลสูกอื เเสสอืริมทสกั รษา้ ะงชทีวกั ติ ษใะนชสวี ถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเูกสเือสสอื าสมาญั มรญั นุ่ รใหุ่นญให่ เญค่รชอื่ ัน้งหมมัธายยมลศกู กึ เสษอื าชปัน้ ที พี่ 2เิ ศษ 39

ใบความรู้ 4 เรอ่ื ง การชว่ ยเหลือเพือ่ นบ้าน การอยู่ร่วมกันในสังคม จําเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องมีนํ้าใจไมตรีท่ีดีต่อกัน จึงจะอยู่กันได้ อย่างสนั ติสขุ ความมีนา้ํ ใจเปน็ เรื่องท่ีทกุ คนทาํ ได้ โดยไมต่ ้องใช้เงินทองมากมายเพียงแต่แสดงความ เมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ โดยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นการแสดงนํ้าใจได้ เช่นการพา เด็กหรือผู้สูงอายุข้ามถนน หรือการสละที่นั่งบนรถโดยสารให้หญิงมีครรภ์ เป็นต้น ก็นับว่าเป็นการ แสดงน้าํ ใจการแสดงความมนี า้ํ ใจจึงไมใ่ ช่วัดกันด้วยเงิน บางคนมีเงินมากอาจแล้งนํ้าใจก็ได้ บางคน เป็นเศรษฐแี ต่ตระหน่ีถีเ่ หนย่ี ว ไม่ยอมสละเงนิ โดยไมร่ ับผลประโยชน์ตอบแทน ความมีนาํ้ ใจนน้ั ตรงกนั ข้ามกับความเหน็ แก่ตัวมกั จะคิดแต่ประโยชนส์ ว่ นตวั มากอ่ น และ ความมนี ้ําใจตรงกันข้ามกบั ความอจิ ฉารษิ ยา คนทอ่ี ิจฉาริษยาคนอนื่ ย่อมปรารถนาทจ่ี ะเห็นความวบิ ตั ิ ของผทู้ ไี่ ดด้ ีกว่า แต่คนมนี า้ํ ใจนน้ั เมือ่ เหน็ คนอ่ืนดกี วา่ จะมีมุทติ าจิต แสดงความยนิ ดีด้วยอย่างจริงใจ ผู้มีน้าํ ใจน้ันเมอ่ื เห็นคนอ่นื ไดด้ ีกวา่ จะมีมุทิตาจิตแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ผู้มีน้ําใจจะนึกถึง ผอู้ นื่ และจะพยายามช่วยผู้อ่ืนที่ดอ้ ยโอกาสกวา่ ผมู้ ีน้าํ ใจจงึ เปน็ ท่ีรกั และตอ้ งการของคนเราอาจฝกึ ฝน ตนเองให้เป็นคนมนี ้าํ ใจได้ ดังน้ี 1. จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงหวั อกของคนอน่ื และแสดงต่อผู้อน่ื เหมอื นที่เราต้องการใหค้ นอน่ื แสดงตอ่ เรา จงทาํ ดตี ่อคนอน่ื โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ไม่ว่าความดนี ้ันจะเป็นเพยี งสิ่งเลก็ นอ้ ยหรือ ส่งิ ย่งิ ใหญก่ ็ตาม 2. จงเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ 3. จงแสดงนาํ้ ใจกับคนรอบข้าง เช่น เมื่อเวลาไปเท่ียวในทไ่ี กลหรือใกล้ก็ตามควรมขี องฝากมาถึง คนท่เี รารจู้ กั และญาติมิตรของเรา อนั เป็นการแสดงความมนี า้ํ ใจต่อกัน ไม่จาํ เปน็ จะตอ้ งใช้เงนิ มากมาย 4. จงเสียสละกําลงั ทรพั ย์ สตปิ ญั ญา กาํ ลังกาย และเวลาใหแ้ กผ่ ู้เดือดร้อนท่ตี อ้ งการพึ่งพาอาศยั เรา โดยเป็นการกระทําทไี่ ม่หวงั ผลตอบแทน 5. จงมีนิสัยเอือ้ เฟือ้ ชว่ ยเหลือเกอื้ กลู ตอ่ เพอ่ื นบ้าน เชน่ ไปรว่ มงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานศพ หรืองานอืน่ ๆ 6. จงให้ความรักแกค่ นอน่ื ๆ และใหค้ วามร่วมมอื เมอ่ื เขาขอรอ้ งหรอื รู้วา่ เขากาํ ลงั ลําบากตอ้ งการ ความชว่ ยเหลอื การฝกึ ฝนตนเองใหเ้ ปน็ คนมนี าํ้ ใจ นอกจากจะทําใหเ้ ราจิตใจทด่ี ีงามเบิกบานแจม่ ใส ผิวพรรณผอ่ งใสใบหน้าอม่ิ เอิบแล้ว ยังทาํ ใหม้ ติ รสหายมาก ใครกอ็ ยากคบหาสมาคมด้วย เพราะความ มนี าํ้ ใจแสดงถึงความมเี มตตา กรณุ า ตอ่ เพอื่ นมนษุ ย์ และความเมตตาน้เี องจะเป็นกําแพงปอฺ งกนั ภยั ให้เราได้ ท่มี า : ศิรจิ ันทร์ สขุ ใจ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ 40 คมู่ คือมู่ สอื ่งกเสารรจมิ ัดแกลจิ ะกพรัฒรมนลาูกกเจิสกือเรสรรมิมลสกู รเ้าสงอืททกั ษกั ษะชะีวชิตีวปิตรใะนเสภถทาลนกู ศเสึกอื ษสาามลัญูกรเส่นุ อืใหสญาม่ เญั ครรื่อนุ่ งใหหมญา่ยชลนั้ ูกมเสัธอื ยชมั้นศพกึ ิเษศษาปที ่ี 2 33 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2

ใบความรทู้ ี่ 5 เร่ือง หนา้ ทพ่ี ลเมือง ความหมายของประชาธิปไตย ประชาธิปไตย หมายถงึ การปกครองท่ปี ระชาชนมีอํานาจสงู สดุ ประชาชนทกุ คนมีสิทธิ หนา้ ที่ และความรับผิดชอบต่อสังคมประเทศชาตโิ ดยเท่าเทยี มกัน ทง้ั ในดา้ นการปกครองและการ ดําเนินชีวิต ประชาธิปไตย เปน็ ทั้งระบอบการปกครองและวิถกี ารดําเนนิ ชวี ิตของประชาชน 1. ในแงข่ องการปกครอง ประชาธปิ ไตยเป็นการปกครองทสี่ นองความตอ้ งการพนื้ ฐานของ มนุษย์ ซ่งึ ตอ้ งการมสี ทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาค ตลอดจนได้รบั การยอมรบั ในศกั ด์ิศรคี วามเปน็ มนุษย์ 2. ในแงข่ องการดาํ เนนิ ชีวติ ผู้คนในสงั คมประชาธปิ ไตย จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ่อกันใหส้ อดคลอ้ งกบั หลักการของระบอบประชาธิปไตย กลา่ วคือ ตอ้ งยอมรบั วา่ มนษุ ยท์ กุ คนมคี วามเสมอภาคเท่าเทยี ม กัน ต้องเคารพในสทิ ธแิ ละเสรีภาพของบุคคลอน่ื ตลอดจนต้องมีหนา้ ท่ีและความรับผิดชอบตอ่ ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ ลักษณะสาคัญของประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตยมีลกั ษณะสาํ คญั ดงั นี้ 1. อํานาจการปกครองประเทศเป็นของประชาชนและประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการ ปกครอง ดงั ตัวอยา่ ง  การใชส้ ทิ ธิอ์ อกเสยี งเลอื กตง้ั  การชุมนมุ ทางการเมอื งอยา่ งสงบโดยปราศจากอาวุธ  การแสดงความคิดเหน็ วิพากษว์ จิ ารณ์การทํางานของรัฐบาลและข้าราชการ 2. การยดึ หลกั กฎหมายและนติ ธิ รรม ระบอบประชาธิปไตย ตอ้ งมรี ฐั ธรรมนูญเปน็ หลัก กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ ประชาชนมหี นา้ ทตี่ ้องเคารพกฎหมายบ้านเมอื ง และรัฐบาลมี หนา้ ที่ตอ้ งบงั คบั ใชก้ ฎหมายตอ่ ประชาชนอยา่ งเสมอภาคเทา่ เทยี มกนั 3. ประชาชนมีสทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคกนั ตามกฎหมาย ระบอบ ประชาธปิ ไตยเนน้ ใหป้ ระชาชนตอ้ งปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพสิทธิ เสรภี าพ และความเสมอภาค ของบคุ คลอน่ื เชน่ การเปดิ วทิ ยฟุ งั เพลงเปน็ สทิ ธิและเสรภี าพท่เี ราจะทาํ ได้ แตต่ อ้ งไม่เปิดเสยี งดังจน ก่อความเดอื ดรอ้ นรําคาญตอ่ ผู้อื่น 4. การยอมรับการตดั สินใจของฝูายเสียงข้างมาก ระบอบประชาธิปไตยตัดสินปัญหา โดยยึดถือเสยี งขา้ งมากหรอื เสยี งสว่ นใหญ่เปน็ เกณฑ์ เชน่ การออกกฎหมายของรัฐสภา หรือการลง 3ค4ู่มือสง่ เสชคมู่รนั้ ิมอืมแกธั าลยรมะจพศัดึกฒั กษนิจากาปรกที รจิ มี่ ก2ลรูกรเมสลอื ูกเสเรสิมือสทรกั า้ ษงทะกัชษีวิตะชในีวิตสปถราะนเภศทกึ ลษูกาเสลอืกู สเสามอื ัญสารมนุ่ ัญใหรญนุ่ ่ใเหคญรอ่ื ่ งชหน้ั มมาัธยยลมกู ศเสึกือษชาัน้ ปพที เิ ศี่ 2ษ 41

มติในทีป่ ระชมุ เปน็ ตน้ เมอ่ื เสยี งสว่ นใหญต่ ดั สนิ ใหเ้ ป็นไปในทางใด ฝาู ยเสยี งขา้ งนอ้ ยก็ตอ้ งยอมรับ และปฏบิ ัตใิ ห้เป็นไปตามนนั้ หลักการสาคญั ของประชาธิปไตย ระบอบประชาธปิ ไตยมีหลักการสาํ คญั ดังน้ี 1. อํานาจอธปิ ไตย เปน็ อาํ นาจสูงสุดในการปกครองประเทศ อํานาจอธิปไตยเปน็ อาํ นาจ ของประชาชน แบ่งออกเป็น 3 ฝูาย ไดแ้ ก่ อาํ นาจนติ ิบญั ญตั ิ อํานาจบริหาร และอาํ นาจตุลาการ ประชาชนเจ้าของประเทศไมส่ ามารถใช้อํานาจอธปิ ไตยท้งั 3 โดยตรงได้ เน่ืองจาก ประชากรของประเทศมจี ํานวนมาก จงึ ตอ้ งมอบอาํ นาจสงู สุดในการปกครองประเทศให้แก่ตวั แทน ดังน้ี  อํานาจนิติบญั ญัติ ผใู้ ชอ้ าํ นาจแทนประชาชน คอื รฐั สภา  อาํ นาจบรหิ าร ผู้ใช้อาํ นาจแทนประชาชน คือ คณะรฐั มนตรี (รัฐบาล)  อํานาจตลุ าการ ผใู้ ช้อํานาจแทนประชาชน คอื ศาล 2. การใช้อาํ นาจอธิปไตยจะตอ้ งเปน็ ไปตามท่ีรฐั ธรรมนญู กาํ หนด หมายถงึ การใช้ อาํ นาจนิติบญั ญตั ิ อาํ นาจบรหิ าร และอาํ นาจตุลาการ ตอ้ งเป็นไปตามท่ีกาํ หนดไว้ในรัฐธรรมนญู ไม่ใช้ นอกเหนอื จากนโ้ี ดยเดด็ ขาด เพอ่ื ใหเ้ กิดความบรสิ ทุ ธย์ิ ตุ ิธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ 3. สิทธเิ สรีภาพของประชาชนจะไดร้ ับการคมุ้ ครองตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู ทงั้ นี้ รัฐธรรมนญู จะกาํ หนดสทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ทขี่ องประชาชนไวอ้ ย่างชัดเจน ตวั อยา่ งเชน่  สิทธิ ไดแ้ ก่ สทิ ธิในการครอบครองทรพั ยส์ นิ สทิ ธิในการศึกษาเลา่ เรยี น สิทธใิ น การออกเสยี งเลือกตงั้ และสทิ ธิในการมอบมรดก ฯลฯ  เสรภี าพ ได้แก่ เสรภี าพในการเดนิ ทาง การพูด การเขยี น การตง้ั ถิน่ ฐาน ฯลฯ  หนา้ ที่ ได้แก่ หนา้ ทีใ่ นการเสยี ภาษอี ากร การปอฺ งกันประเทศ ฯลฯ 4. ประมุขของประเทศในระบอบประชาธิปไตย คือ พระมหากษัตริย์หรือประธานาธิบดี แต่การใช้อาํ นาจหรือการปฏบิ ัตใิ ดๆ จะตอ้ งอย่ภู ายใต้ขอบเขตกฎหมายรัฐธรรมนญู การใช้อานาจอธิปไตยของปวงชนในระบอบประชาธิปไตย การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมสี ่วนรว่ มในการปกครองและใชอ้ าํ นาจ อธิปไตยในการปกครองประเทศได้ 2 กรณี ดังนี้ 1. การใช้อาํ นาจอธปิ ไตยโดยตรง หมายถึง ประชาชนทําหน้าท่ีดา้ นนิตบิ ญั ญัติ บริหาร หรือตลุ าการดว้ ยตนเอง ไมม่ ีผแู้ ทน โดยประชุมรว่ มกัน ณ สถานทีแ่ หง่ ใดแห่งหนงึ่ เปน็ ลกั ษณะการ ปกครองของนครรัฐเลก็ ๆ สมยั โบราณท่มี ีประชากรไมม่ ากนกั เชน่ นครรฐั กรกี โบราณ ในปัจจบุ ันไม่ พบลกั ษณะเช่นนอ้ี กี แลว้ 42 คคูม่ ่มู อื ือสกง่าเรสจรดั มิ กแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกือิจเกสรรริมมสลราู้กงเทสักอื ษทะักชษวี ะิตชปวี รติ ะใเภนทสลถูกาเนสศือึกสษามาญั ลรกู ุน่ เใสหอื ญส่าเมคญัร่อื รงนุ่ หใมหาญยล่ ชกู ้นัเสมอื ัธชย้ันมพศเิ ศกึ ษษาปที ี่ 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 35

2. การใช้อํานาจอธิปไตยโดยทางอ้อมหรือมีผู้แทน เป็นรูปแบบการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยในปจั จุบัน เนอ่ื งจากแตล่ ะประเทศมจี ํานวนประชากรมาก ประชาชนทุกคนจึงไม่อาจใช้ อํานาจอธิปไตยด้วยตนเองได้ จึงต้องมีผู้แทนท่ีมาจากการเลือกต้ังหรือตามวิธีที่กําหนดไว้ใน รัฐธรรมนูญทําหน้าทแี่ ทน เช่น สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรและคณะรฐั มนตรี เปน็ ต้น สรุปสาระสาคญั : การดาเนนิ ชวี ิตตามวถิ ีสังคมประชาธปิ ไตย คุณลักษณะสาํ คญั ของการอย่รู ว่ มกันในสงั คมประชาธิปไตย การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมประชาธิปไตยอย่างมีความสุข ผู้คนจะต้องยดึ หลักปฏบิ ตั ิ 6 ประการ ดังนี้ 1. ต้องเคารพกฎหมายของบา้ นเมอื งโดยเคร่งครดั 2. ต้องเคารพในสทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลอนื่ การใช้สิทธิและเสรภี าพของตนเองจะต้อง ไมล่ ะเมดิ สิทธขิ องผู้อนื่ หรอื ทาํ ใหผ้ อู้ ่นื ได้รับความเดอื ดรอ้ น 3. ตอ้ งมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ ท้ังต่อตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ชมุ ชน และสงั คม ประเทศชาติ 4. ต้องมคี ุณธรรมและจรยิ ธรรมในการดาํ เนนิ ชีวิตประจําวนั และการปฏิบัตติ อ่ ผูอ้ น่ื เช่น มี ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ ตรงต่อเวลา และมวี ินยั ในตนเอง เป็นตน้ 5. ต้องมนี ิสยั เป็นนกั ประชาธิปไตย เชน่ มีเหตผุ ล รับฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู นื่ ยกย่องให้ เกยี รติผู้อื่นและเหน็ แก่ประโยชนส์ ่วนรว่ มมากกว่าประโยชนส์ ่วนตน 6. ตอ้ งมคี วามกระตอื รอื ร้น สนใจ และเอาใจใสต่ อ่ ปัญหาของสว่ นรวม เพ่อื เขา้ มามีส่วนร่วม แกไ้ ขปญั หาและพัฒนาสังคมให้เจริญกา้ วหน้าย่งิ ขนึ้ แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดตี ามวถิ สี ังคมประชาธิปไตย การประพฤติปฏิบัตติ นเปน็ “พลเมืองดี” เปน็ ปจั จยั สําคญั ผลักดนั ให้สงั คมประชาธิปไตย มีความเจริญกา้ วหน้า แนวทางการปฏิบัติตนเปน็ พลเมอื งดี ดังน้ี 1. การมสี ว่ นร่วมในกระบวนการประชาธปิ ไตย พลเมืองดคี วรรว่ มมือกันทาํ งานเพ่อื แกไ้ ขปัญหาหรือพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และการเมืองของประเทศให้เจริญก้าวหนา้ ตามกระบวนการ ของระบอบประชาธิปไตย ซ่งึ “รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550” ท่ีใชอ้ ยูใ่ นปัจจบุ ัน ได้ ใหส้ ิทธแิ กป่ ระชาชนรวมตวั กนั หรือร่วมมอื กันกระทาํ ดังน้ี  การชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธ เพ่อื แสดงความคดิ เหน็ หรอื เรียกรอ้ งให้ รัฐบาลหรอื หนว่ ยราชการแก้ไขปญั หาตา่ งๆ ทสี่ ่งผลกระทบตอ่ ประชาชน 3ค6ู่มือส่งเสชค่มูรัน้ ิมอืมแกธั าลยรมะจพศัดกึัฒกษนิจากาปรกีทริจม่ี ก2ลรูกรเมสลือูกเสเรสมิ อื สทรกั า้ ษงทะกัชษวี ิตะชในีวติสปถราะนเภศทึกลษูกาเสลือกู สเสามือัญสารม่นุ ญัใหรญุ่น่ใเหคญรือ่ ่ งชห้นั มมาธั ยยลมกู ศเสกึ อื ษชานั้ ปพที เิ ศี่ 2ษ 43

 การจัดตัง้ พรรคการเมือง เพอื่ ดาํ เนินการทางการเมืองใหเ้ ปน็ ไปตาม แนวนโยบายหรืออดุ มการณ์ของกลุ่มตน  การจดั ต้งั มลู นิธิ สมาคม สหกรณ์ กลุ่มอาชีพ ฯลฯ เพื่อรว่ มมอื กันปกปฺองและ รักษาผลประโยชน์ของกลุ่มคณะตน การมีส่วนรว่ มในกิจกรรมทางสงั คม พลเมอื งดตี อ้ งสนใจ เอาใจใส่ และมสี ่วนร่วมรับผิดชอบ แก้ไขปญั หาสงั คม หรอื เข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาสงั คมตามโอกาสสมควร ได้แก่ การรว่ มมอื ปอฺ งกนั สา สธาธราณรภณยั ภตยั ่าตงา่ๆง ขๆอขงทอง้อทงถ้องน่ิ ถห่นิ รหอื รชอื ุมชชมุ นชนเชเน่ ช่นไฟไไฟหไมห้ มน้ า้ํ นท้ำ�่วทมว่ มแลแะลขะาขดาแดคแลคนลนแแหหลลง่ นง่ นาํ้ ้ำ�เปเปน็ น็ ตตน้ ้น การร่วมมอื ปอฺ งกนั และแก้ไขปัญหาสังคมที่สง่ ผลกระทบต่อสวสั ดภิ าพความปลอดภยั ของสมาชกิ ใน ชุมชน เชน่ การแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ และอาชญากรรม เป็นตน้ การร่วมมอื สรา้ งความสามคั คตี ่อหมคู่ ณะ สร้างความสมานฉนั ท์ระหว่างประชาชนในท้องถน่ิ หรือชุมชน โดยไม่แบ่งแยกเชอื้ ชาติ ศาสนา หรอื ฐานะทางเศรษฐกิจ การเข้ารว่ มกิจกรรมดา้ นอนรุ กั ษ์ศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน การดูแลรักษาสาธารณสมบตั ิและคุณภาพของสิง่ แวดล้อมในทอ้ งถิ่นหรือชุมชน การรว่ มมอื ดูแล ศาสนสถาน วดั วาอาราม พระพุทธรปู และภาพจติ รกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ปอฺ งกนั มใิ หถ้ ูกโจรกรรมหรอื ทาํ ให้เกดิ ความเสยี หายการรว่ มมอื ซอ่ มแซม บํารงุ รกั ษาถนน คณุ ภาพ ของแหลง่ นาํ้ ตามธรรมชาติและบ่อนาํ้ บาดาลของหมู่บา้ น ขุดลอกคูคลอง ฯลฯ การร่วมมอื รกั ษาคุณภาพของส่งิ แวดลอ้ มมใิ หเ้ กดิ ปัญหามลพษิ เชน่ รณรงคไ์ มใ่ หท้ งิ้ ขยะ เศษอาหาร หรอื ส่งิ ปฏกิ ลู ต่างๆ ลงในแม่น้ําลาํ คลองการรว่ มมือดูแลรกั ษาแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาติให้อยใู่ นสภาพ สมบรู ณ์ เชน่ พน้ื ท่ีปาู ไม้ หาดทราย ฯลฯ บทบาทและหนา้ ทีข่ องพลเมอื งดตี อ่ ท้องถ่นิ ชุมชน หรอื ประเทศชาติ บุคคลที่เป็น “พลเมืองดี” ตอ้ งมีบทบาทและหนา้ ท่ตี ่อท้องถน่ิ ชมุ ชน หรอื ประเทศชาติ ดงั น้ี ประกอบอาชพี สจุ รติ ใช้สิทธิ์ออกเสยี งเลือกตง้ั ทุกคร้ัง รกั ษาความสามคั คใี นหมคู่ ณะ ชว่ ยอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม ประเพณี และศลิ ปะอันดงี ามของชาติ ชว่ ยเหลอื คนพกิ าร เดก็ กําพรา้ และคน ยากจนใหม้ รี ายได้ ช่วยพฒั นาความเจรญิ กา้ วหน้าของท้องถ่นิ หรอื ชุมชนในด้านตา่ งๆ ให้ความ ร่วมมือกับทางราชการหรอื องคก์ รภาคเอกชน ในการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของประชากร แกไ้ ขปญั หา ด้านสิง่ แวดลอ้ มและความเสอ่ื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ สรปุ สาระสาคัญ : สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ท่ีของปวงชนชาวไทย ความหมายของสทิ ธิ เสรภี าพ และหน้าท่ี สทิ ธิ หมายถงึ อาํ นาจหรือความสามารถของคนเราทีจ่ ะทาํ สิง่ ใดๆ ได้โดยชอบธรรม หรอื ทาํ ในส่ิงท่ถี ูกตอ้ งตามกฎเกณฑท์ ส่ี งั คมกาํ หนด และรวมถึงประโยชนท์ คี่ นเราพึงไดต้ ามกฎหมายใหก้ าร คุม้ ครอง 44 คคมู่ ู่มือือสก่งาเรสจรัดิมกแิจลกะรพรมฒั ลนกู าเสกอื ิจเกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสักอื ษทะักชษีวะติ ชปีวริตะใเภนทสลถกูาเนสศือึกสษามาัญลรกู ่นุ เใสหอื ญส่าเมคญัรอ่ื รงุน่ หใมหาญยล่ ชกู ัน้เสมือธั ชยนั้ มพศเิ ศกึ ษษาปีท่ี 2 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 37

ตวั อยา่ ง เชน่ สทิ ธิในการเขา้ รบั การศกึ ษา สทิ ธใิ นการเป็นเจา้ ของบ้านและทีด่ นิ สิทธใิ น ครอบครวั สทิ ธใิ นการออกเสียงเลอื กตั้ง และสิทธใิ นการรับบรกิ ารจากโรงพยาบาลของรัฐ เสรีภาพ หมายถงึ สภาวะทบี่ ุคคลมีอิสระไม่อยภู่ ายใตก้ ารครอบงาํ ของบคุ คลอน่ื สามารถที่ จะคดิ พดู หรอื กระทาํ ในส่ิงท่ตี นพอใจได้ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ท้งั นีจ้ ะต้องไม่ละเมดิ สทิ ธิของ คนอื่น หรอื ทาํ ให้ผอู้ น่ื ไดร้ ับความเดอื ดรอ้ น ตวั อยา่ ง เชน่ เสรีภาพในการพดู การเขียน การพมิ พ์โฆษณา และเผยแพร่หนงั สือหรอื ส่ิงพิมพ์ ในทสี่ าธารณะ โดยข้อความทพี่ ิมพอ์ อกไปนน้ั จะตอ้ งไม่ละเมดิ หรือทาํ ให้ผอู้ นื่ ได้รับความ เดอื ดรอ้ น เสรภี าพในการเดินทางท่องเทีย่ ว เสรภี าพ ในการประกอบอาชีพ และเสรีภาพในการต้ังถิน่ ฐาน เป็นตน้ หน้าที่ หมายถงึ สิง่ ท่บี ุคคลจะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ถา้ ละเว้นไม่ปฏิบตั ิจะทาํ ใหเ้ กดิ ความเสียหายตอ่ ตนเอง หรอื ส่วนรวม หรอื อาจมคี วามผดิ ตามกฎหมายได้ เช่น หนา้ ท่ีเขา้ รับราชการทหารของ ชายไทย หนา้ ทเี่ สยี ภาษอี ากรของบคุ คลผูม้ รี ายได้ สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ทข่ี องชาวไทยตอ่ ครอบครัว สิทธิ เสรภี าพ และหนา้ ที่ของชาวไทยต่อครอบครวั 1. สิทธิและเสรภี าพในครอบครวั  บุคคลมีสทิ ธแิ ละเสรภี าพท่ีจดั การกบั ครอบครัวของตน เชน่ จะมีบุตรกีค่ น จะตง้ั ชอ่ื ให้ ลกู อย่างไร หรอื จะดาํ เนนิ ชีวติ สว่ นตวั อยา่ งไร ย่อมเป็นสิทธิของบุคคลนัน้ ใครจะมาลว่ งละเมดิ ไมไ่ ด้  เด็ก เยาวชน และบคุ คลในครอบครัว มสี ทิ ธิ์ไดร้ บั การค้มุ ครองโดยรัฐ มใิ หม้ กี าร ละเมิด หรอื ใชค้ วามรนุ แรง หรอื การปฏบิ ัติไมเ่ ปน็ ธรรมภายในครอบครวั เช่น การลงโทษทุบตอี ยา่ ง ทารุณโหดรา้ ยจากผู้ใหญ่หรอื สามที าํ ร้ายรา่ งกายภรรยา เปน็ ตน้ ซง่ึ กรณดี ังกล่าวเจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั จะ เข้าแทรกแซงได้ 2. หนา้ ทขี่ องบคุ คลตอ่ ครอบครวั  สมาชิกในครอบครัวมคี วามรักสามคั คตี ่อกนั แสดงออกทางกายและวาจาดว้ ยความ ออ่ นโยน มีเมตตา เป็นมิตร และเออื้ อาทรต่อกนั คอยชว่ ยเหลอื เอาใจใสซ่ ง่ึ กันและกนั  บิดา มารดา ตอ้ งเล้ยี งดูบุตรด้วยความรักและความเอาใจใส่ ให้การอบรมสัง่ สอนบุตร ให้อยูใ่ นกรอบของศีลธรรมอนั ดงี าม และสนบั สนุนให้เขา้ รับการศึกษาอยา่ งเตม็ กาํ ลงั ความสามารถ  บตุ ร มหี น้าที่เคารพเชอื่ ฟังและอยใู่ นโอวาทของบิดา มารดา และญาติผ้ใู หญใ่ น ครอบครัว ตง้ั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น และคอยชว่ ยเหลืองานบา้ น ตลอดจนประพฤติตนไม่ใหเ้ ส่ือมเสยี ช่อื เสยี งของวงศ์ตระกูล สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ทขี่ องชาวไทยตอ่ ท้องถน่ิ ชมุ ชนหรอื สังคม ค3มู่ 8อื สง่ เสรคชิมมู่้นั แือมลกธั ะายพรมจัฒศดั ึกนกษาิจากกปิจรทีกรมี่ร2รลมูกเลสูกือเเสสอืริมทสักรษ้าะงชทวี ักติ ษใะนชสีวถิตาปนระศเกึภษทาลูกลเกูสเือสสอื าสมาญั มรัญุน่ รใหุน่ ญให่ เญค่รชื่อนั้งหมมัธายยมลศูกกึ เสษือาชปนั้ ีทพี่ 2เิ ศษ 45

สทิ ธิ เสรีภาพ และหนา้ ท่ีของชาวไทยตอ่ ทอ้ งถน่ิ ชุมชนหรอื สงั คม 1. สิทธิ และเสรีภาพในทางสังคม  บคุ คลมีสทิ ธิและเสรภี าพในเคหสถาน ในฐานะทเ่ี ปน็ เจ้าของบ้านย่อมไดร้ บั การ เคารพในสทิ ธขิ องตนผูใ้ ดจะเขา้ ไปอาศัย ครอบครอง หรอื บกุ รกุ ไมไ่ ด้ แมแ้ ต่เจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจจะเข้าไป ตรวจค้นย่อมตอ้ งมีหมายค้นทอี่ อกโดยศาล  บคุ คลมสี ทิ ธิและเสรภี าพในการติดตอ่ สื่อสารถึงกันโดยวิธีการท่ีชอบด้วยกฎหมาย  บคุ คลมีสทิ ธแิ ละเสรภี าพในการเดนิ ทาง และเลอื กถิน่ ฐานท่ีอยไู่ ด้  บุคคลมีสทิ ธิและเสรภี าพในการชมุ นมุ โดยสงบและปราศจากอาวธุ  บุคคลมสี ทิ ธแิ ละเสรีภาพในการนับถอื ศาสนา  บคุ คลมสี ทิ ธเิ สมอภาคกันในการเขา้ รบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานไมน่ อ้ ยกว่า 12 ปี  บุคคลมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพในการรวมตัวจดั ต้งั เปน็ สมาคม สหพนั ธ์ สหกรณ์ กลมุ่ เกษตรกร และอ่ืนๆ  บคุ คลมสี ทิ ธแิ ละเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชพี ทไ่ี มข่ ัดตอ่ กฎหมาย 2. หนา้ ที่ของบุคคลต่อทอ้ งถ่นิ ชมุ ชน หรือสงั คม  บุคคลมหี นา้ ที่ให้ความมอื กบั รัฐ ท้องถน่ิ หรือชมุ ชน ดูแลรกั ษาสาธารณสมบัติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในทอ้ งถนิ่ หรอื ชมุ ชนของตนให้อยใู่ นสภาพดีเสมอ  บุคคลมหี น้าทเ่ี คารพกฎระเบยี บและปฏิบตั ติ ามกฎหมายของทอ้ งถิ่น ได้แก่ เทศ บัญญัติ ขอ้ บังคบั องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล (อบต.) หรือขอ้ บญั ญัตกิ รุงเทพมหานคร เปน็ ตน้  บคุ คลมหี น้าทล่ี งคะแนนเสยี งเลือกตงั้ สมาชิกสภาท้องถน่ิ เชน่ เทศบาล องคก์ าร บรหิ ารส่วนตําบล (อบต.) หรอื เลือกตง้ั ผู้บริหารของทอ้ งถ่ิน เชน่ ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร เปน็ ตน้  บุคคลมหี นา้ ที่ร่วมมือกบั รัฐ เอกชน ท้องถ่นิ หรอื ชุมชน สืบสานภมู ิปัญญาท้องถิน่ และอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและประเพณอี นั ดงี ามของทอ้ งถน่ิ ให้คงอย่สู บื ไป  บุคคลมหี น้าทใ่ี ห้ความรว่ มมอื กบั รัฐ ท้องถนิ่ หรือชุมชน พัฒนาความเจรญิ ของ ท้องถ่ินหรอื ชุมชนในด้านต่างๆ เชน่ ซ่อมและสรา้ งสะพาน ถนน บอ่ นาํ้ บาดาล เสาไฟฟฺา ฯลฯ 3. หน้าท่ีของบคุ คลต่อประเทศชาติ  บคุ คลมหี นา้ ทป่ี ฏิบัตติ ามกฎหมายของบา้ นเมอื ง  บคุ คลมหี นา้ ทไี่ ปใชส้ ิทธอิ อกเสียงเลอื กต้ัง  บุคคลมหี น้าทปี่ ฺองกันประเทศ 46 คคู่มมู่ อื อื สก่งาเรสจรดั ิมกแิจลกะรพรมัฒลนกู าเสกือิจเกสรรรมิ มสลร้ากู งเทสกัอื ษทะักชษีวะติ ชปีวริตะใเภนทสลถูกาเนสศอื ึกสษามาญั ลรูกนุ่ เใสหือญส่าเมคญัรอื่ รงุ่นหชใมหั้นาญมยธัล่ ชยูกมัน้เสศมือกึ ัธชษยัน้ ามพปศิเที ศึกี่ ษษ2าปที ี่ 239

 บุคคลผมู้ รี ายไดม้ หี นา้ ทีต่ อ้ งเสียภาษอี ากรให้รฐั  บุคคลมหี นา้ ทช่ี ่วยเหลอื ราชการตามสมควร  บคุ คลมหี น้าท่ีเขา้ รบั การศึกษาอบรมในระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน  บุคคลมหี น้าทพ่ี ิทกั ษ์ ปกปอฺ งและสบื สานศลิ ปวฒั นธรรมของชาตแิ ละภูมิปญั ญา ท้องถน่ิ  บคุ คลมหี น้าทอี่ นุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ค4ู่ม0ือสง่ เสรคชิมู่ม้นั แือมลกธั ะายพรมจฒั ศดั กึนกษาจิ ากกปจิรีทกรม่ีร2รลมกู เลสูกือเเสสอืริมทสกั รษา้ ะงชทวี ักติ ษใะนชสวี ถติ าปนระศเึกภษทาลูกลเกูสเอื สสือาสมาญั มรญั นุ่ รให่นุ ญให่ เญค่รชื่อั้นงหมมัธายยมลศูกึกเสษอื าชปน้ั ีทพี่ 2เิ ศษ 47

ใบงานที่ 1 เร่อื ง สถาบนั หลักท่ีควรเทดิ ทูน ใหล้ ูกเสอื อภิปรายกล่มุ โดยร่วมกนั ใหค้ าํ นยิ ามความหมายของสถาบันหลกั ของประเทศ สถาบนั ชาติ นิยาม ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... สถาบนั ศาสนา นยิ าม ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ นยิ าม ................................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... สรุป ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... 48 คมู่คอืมู่ กอื าสรง่จเดั สกริจมิ กแรลระมพลัฒกู เนสือากเสิจรกิมรสรรม้าลงทูกักเสษอื ะทชกัีวิตษปะรชะีวเติภใทนลสูกถเสาอืนสศาึกมษญั ารุน่ลใกู หเสญอื ่ เสคารมือ่ ัญงหรชม่นุ ัน้ าใมยหัธลญยูกม่เชสศน้ัอื กึ ชมษ้นััธาพปยเิมีทศ่ีศษ2ึกษาปีท4่ี 21