Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

คู่มือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

Published by ปริญญา, 2021-11-14 11:03:45

Description: คู่มือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

Keywords: ลูกเสือ,ลูกเสือประชาธิปไตย

Search

Read the Text Version

ชือ่ วชิ า ลูกเสอื กับหลักการประชาธิปไตย บทเรยี นที่ ๓ เวลา ๖๐ นาที ขอบขา่ ยรายวชิ า หลักการประชาธิปไตย (ความเสมอภาค เสียงข้างมาก ปัญญาธรรม คารวะธรรม สามัคคีธรรม การมสี ่วนร่วม และคุณลกั ษณะของนักประชาธปิ ไตย) จดุ หมาย มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการประชาธิปไตยและนําไปใช้ในชีวิต เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประจําวันได้ วตั ถุประสงค์ เมื่อจบบทเรียนนแี้ ลว้ ผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมสามารถ ๑. อธบิ ายหลกั การประชาธิปไตยได้ ๒. นําหลักการประชาธิปไตยไปใชใ้ นการฝกึ อบรมลกู เสือประชาธิปไตยได้ วิธสี อน/กิจกรรม รปู แบบที่ ๑ (กิจกรรมฐาน) ๑. บรรยายนาํ เรื่อง “หลกั การประชาธปิ ไตย” ประกอบโสตทศั นูปกรณ์ ๒. แบ่งกลุ่มผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐาน ดังนี้ ฐานที่ ๑ หลกั อํานาจอธปิ ไตยเปน็ ของปวงชน และการมสี ่วนรว่ มในการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ฐานที่ ๒ หลกั เสยี งขา้ งมาก ฐานท่ี ๓ หลกั การปกครองโดยกฎหมาย ฐานท่ี ๔ หลกั สิทธแิ ละเสรภี าพ ฐานที่ ๕ หลักความเท่าเทียมกนั ฐานที่ ๖ หลกั เหตุผล ๓. สรุปใหเ้ หน็ ว่า ลกู เสอื จะนําหลักการประชาธิปไตยไปใชพ้ ัฒนาทักษะชีวติ ได้อยา่ งไร ๔. สรุป แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะ รูปแบบท่ี ๒ (การอภิปรายกลมุ่ ) ๑. บรรยายนาํ เร่อื ง “หลักการประชาธิปไตย” ประกอบโสตทศั นูปกรณ์ ๒. แบ่งกลุ่มผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรม อภิปรายกลุ่มถึงหลักการประชาธปิ ไตย ตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้ ๒.๑ หลกั อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนและการมีสว่ นรว่ มในการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ๒.๒ หลกั เสียงข้างมาก ๒.๓ หลักการปกครองโดยกฎหมาย ๒.๔ หลกั สทิ ธิและเสรภี าพ ๒๗ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธิปไตย

๒.๕ หลกั ความเท่าเทียมกนั ๒.๖ หลกั เหตผุ ล ส่อื การสอน ๑. แผนภมู ิ ๒. Power point ๓. รูปภาพ ๔. ใบความรูท้ ่ี ๓ เรอื่ ง “หลกั การประชาธิปไตย” การประเมินผล ๑. วิธีการวัดผล : สังเกตพฤตกิ รรม ประเมนิ ความรู้ ประเมินผลงาน ๒. เครื่องมือวัดผล : แบบสังเกตพฤติกรรม แบบประเมินความรู้ แบบประเมินผลงานกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมินผล : ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ เอกสารอา้ งอิง/แหลง่ ขอ้ มลู ๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ๒. เวบ็ ไซต์รฐั สภา 9www.parliament.go.th H ๓. เวบ็ ไซตส์ าํ นกั งานคณะกรรมการการเลอื กต้ัง 10www.ect.go.th H ๔. เวบ็ ไซตส์ าํ นักงานลูกเสอื แหง่ ชาติ 11www.scoutthailand.org H ๕. เวบ็ ไซตส์ าํ นกั การลกู เสอื ยุวกาชาด และกิจการนักเรยี น 12www.bureausrs.org H ๖. เวบ็ ไซต์สถาบนั พระปกเกล้า www.kpi.ac.th เนื้อหาวิชา ๑. หลกั การประชาธิปไตย ๒๘ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ใบความรูท้ ่ี ๓ เร่ือง หลักการประชาธิปไตย หลักการประชาธิปไตย ๑. หลักอํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนและการมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย หมายความว่า อํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของปวงชน เช่น การเลือกตั้ง การแสดงความคิดเห็น การแสดงประชามติ การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบโดยวิธีอื่น ๆ ท่ีกําหนดไว้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ประชาชน ๒. หลักเสียงข้างมาก แต่คุ้มครองสิทธิของเสียงข้างน้อย หมายความว่า การตัดสินใจนโยบายสําคัญ ยึดถอื เสียงข้างมากของส่วนใหญ่เปน็ หลัก แตท่ ้งั นกี้ ค็ มุ้ ครองสทิ ธิของเสียงข้างนอ้ ยด้วย ๓. หลักการปกครองโดยกฎหมาย หมายความว่า อํานาจการปกครองและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องอาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือในการคุ้มครองท่ีทุกคนได้รับ ความยุติธรรมภายใต้กฎหมายเดียวกัน หรือ เสมอภาคกันในกฎหมาย ได้รบั ความคมุ้ ครองจากกฎหมายเท่า ๆ กนั ๔. หลักสิทธิและเสรีภาพ คือ ประชาชนได้รับการรับรองและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เช่น เสรภี าพในการนบั ถอื ศาสนาและการปฏิบตั ใิ นขอบเขตของศาสนาโดยไม่ละเมิดสิทธขิ องบคุ คลอ่นื ๆ ๕. หลักความเท่าเทียมกัน ถือว่ามนุษย์เกิดมาด้วยความเท่าเทียมกันในทุกโอกาส ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบง่ แยก เพศ ผวิ ภาษา ศาสนา ชนชัน้ เรยี กว่า ไมล่ ําเอยี งเลือกทีร่ ักมกั ท่ชี งั ๖. หลกั เหตุผล คอื ฟังเหตุผลของกนั และกนั เคารพความคดิ เหน็ คนอ่ืน ๒๙ คมู่ ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลูกเสอื ประชาธปิ ไตย

ตวั อย่างแบบประเมนิ แบบประเมินพฤติกรรมการทาํ งานของกลมุ่ กล่มุ ท่ี ……………………………….. คาํ ชีแ้ จง ทาํ เคร่อื งหมายในชอ่ งท่ีตรงกับความจรงิ ระดบั ความพงึ พอใจ ขอ้ รายการประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับ (๔) (๓) (๒) ปรุง (๑) ๑ มีการปรึกษาและวางแผนร่วมกันก่อนทาํ งาน ๒ มีการแบ่งหน้าทอี่ ยา่ งเหมาะสมและสมาชิกตามหนา้ ทท่ี ุกคน ๓ ปฏิบตั ิหนา้ ทีต่ ามขั้นตอน ๔ มกี ารใหค้ วามช่วยเหลือกัน ๕ ทาํ งานเปน็ ไปตามวตั ถุประสงคท์ ่ีกําหนด ๖ ทํางานเสร็จตามกําหนดเวลา ๗ แสดงออกถงึ ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ ๘ นาํ ความรูท้ ไี่ ด้มาประยกุ ต์ใช้ ๙ สามารถใหค้ าํ แนะนํากลุม่ อน่ื ได้ ๑๐ จดั วสั ดุ อปุ กรณ์ เรยี บร้อย หลังเลกิ ปฏบิ ตั งิ าน รวม รวมทง้ั สนิ้ (ดมี าก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอย่ใู นระดับ......................... ลงชื่อ..............................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ถอื ว่า ดมี าก ให้ ๔ คะแนน ถอื ว่า ดี ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและสมาํ่ เสมอ ถอื ว่า ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตชิ ดั เจนและบอ่ ยครั้ง ถือวา่ ปรับปรงุ ให้ ๑ คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตินาน ๆ ครั้ง ๓๐ ค่มู ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสอื ประชาธิปไตย

เกณฑต์ ัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดมี าก ๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ต่ํากวา่ ๑๐ - ๑๖ ปรบั ปรงุ ตัวอยา่ งแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานของกลมุ่ กล่มุ ที่ ……………………………….. ขอ้ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ผลงานเปน็ ไปตามจุดประสงค์ ๒ ผลงานเสร็จทนั เวลา ๓ ผลงานมีความคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ ๔ เนือ้ หาสาระของผลงานมคี วามสมบรู ณ์ ๕ วิธีการนําเสนอผลงาน รวม รวมท้ังสน้ิ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คุณภาพอย่ใู นระดับ......................... ลงชอื่ ..............................................ผู้ประเมิน (...........................................) เกณฑต์ ดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดมี าก ๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ต่าํ กว่า ๑๐ - ๑๖ ปรบั ปรงุ คู่มือการฝกึ อบรมหลักสูตรลูกเสอื ประชาธิปไตย ๓๑

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานกลมุ่ หัวข้อทีป่ ระเมนิ ดมี าก (๔) ระดบั คณุ ภาพ/คะแนน ปรบั ปรงุ (๑) ๑. ผลงานเปน็ ไป ผลงานสอดคลอ้ ง ดี (๓) พอใช้ (๒) ผลงานไมส่ อดคล้อง ตามจดุ ประสงคท์ ่ี กบั จดุ ประสงค์ทกุ กบั จดุ ประสงค์ กาํ หนด ข้อ/ทกุ ประเด็น ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง สมบูรณ์ กบั จุดประสงค์เปน็ กับจดุ ประสงคบ์ าง ส่วนใหญ/่ เกอื บทกุ ข้อ/บางประเด็น ประเดน็ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ ๒. ผลงานเสรจ็ ทัน เสร็จกอ่ นเวลา เสรจ็ ตามเวลาท่ี เสร็จช้ากว่าเวลาท่ี ไม่เสร็จ ตามกําหนดเวลา กาํ หนด กาํ หนด ๓. ผลงานมี ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานถกู ตอ้ งตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานมี ความคิดรเิ ร่ิม หลักวชิ าการและ หลักวชิ าการและ หลกั วชิ าการแต่ ข้อบกพรอ่ งและ สรา้ งสรรค์ มแี นวคิดแปลกใหม่ มีแนวคิดแปลกใหม่ ยงั ไมม่ แี นวคดิ ไมม่ แี นวคิด และเปน็ ระบบ แตย่ งั ไม่เปน็ ระบบ แปลกใหม่ แปลกใหม่ ๔. เนอ้ื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานครบถว้ น ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานไมถ่ ูกตอ้ ง ผลงานมีความ ผลงานครบถ้วน เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางประเด็น เป็นส่วนใหญ่ สมบรู ณ์ ทกุ ประเด็น ๕. วธิ กี ารนําเสนอ มวี ิธีการนําเสนอ มีวธิ กี ารนาํ เสนอ มวี ิธกี ารนําเสนอ มวี ธิ กี ารนาํ เสนอ ผลงานกลุ่ม ผลงานทนี่ า่ สนใจ ผลงานท่นี ่าสนใจ ผลงานท่ีนา่ สนใจ ผลงานไมน่ ่าสนใจ พดู เสียงดังออก พูดเสียงดังออก พูดเสียงดงั ออก พดู เสยี งเบาออก เสียงอกั ขระชัดเจน เสียงอักขระชัดเจน เสยี งอกั ขระ เสยี งอักขระ คล่องแคล่ว แตไ่ ม่คลอ่ งแคลว่ ไมช่ ดั เจนและ ไม่ชดั เจนและ ไมค่ ลอ่ งแคล่ว ไม่คลอ่ งแคลว่ ๓๒ คมู่ ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลูกเสือประชาธปิ ไตย

ชอื่ วิชา ลูกเสอื กบั อํานาจอธปิ ไตย บทเรียนท่ี ๔ เวลา ๖๐ นาท่ี ขอบขา่ ยรายวชิ า ๑. ความหมายของอาํ นาจอธิปไตย (บรหิ าร/ ตลุ าการ/ นติ ิบัญญตั ิ) ๒. การใชอ้ ํานาจอธิปไตยกับกระบวนการลกู เสอื จุดหมาย เพือ่ ให้ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจเรือ่ งอํานาจอธิปไตยและนาํ ไปใช้ในชีวิตประจาํ วนั ได้ วตั ถปุ ระสงค์ เม่ือจบบทเรยี นนี้แล้ว ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมสามารถ ๑. ระบอุ ํานาจอธิปไตยได้ ๒. นาํ ความรู้ เรอื่ งอํานาจอธิปไตยไปใช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ วิธสี อน/กจิ กรรม ๑. แจกเอกสารความรเู้ รือ่ งอํานาจอธปิ ไตยให้ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมศกึ ษา ๒. แจกหนงั สอื พมิ พ์ วารสาร ใหผ้ ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมกลมุ่ ละ๑ – ๒ เลม่ ๓. ผ้เู ข้ารบั การฝกึ อบรมแต่ละกลมุ่ รว่ มกันทาํ ใบงานท่ี ๔ เรอื่ ง อาํ นาจอธิปไตย ๔. ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมแต่ละกลมุ่ นําเสนอผลงาน ๕. อภิปรายสรปุ บทบาทของสถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามบทบัญญตั ใิ นรฐั ธรรมนญู แห่ง ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สื่อการสอน ๑. หนงั สือพิมพ์ ๒. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ๓. ใบความรู้ที่ ๔ เร่ือง อํานาจอธิปไตยและบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามบทบัญญัติใน รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ๔. ใบงานที่ ๔ เร่อื ง อาํ นาจอธปิ ไตย ๕. ใบกิจกรรมการอภปิ รายกลมุ่ ๖. ใบกิจกรรมการปฏิบัตงิ านตามโครงการ การประเมินผล ๑. วธิ กี ารวดั ผล : สังเกตพฤตกิ รรม ประเมินความรู้ ประเมนิ ผลงาน ๒. เคร่อื งมือวดั ผล : แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ความรู้ แบบประเมินผลงานกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมินผล : ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ๓๓ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สูตรลูกเสอื ประชาธปิ ไตย

เอกสารอา้ งอิง / แหลง่ ข้อมลู ๑. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ๒. เวบ็ ไซตร์ ัฐสภา 13www.parliament.go.th H ๓. เวบ็ ไซต์สาํ นกั งานคณะกรรมการการเลือกตัง้ 14www.ect.go.th H ๔. เวบ็ ไซตส์ ํานกั งานลูกเสอื แหง่ ชาติ 15www.scoutthailand.org H ๕. เวบ็ ไซตส์ ํานักการลูกเสอื ยวุ กาชาด และกจิ การนักเรียน 16www.bureausrs.org H ๖. เว็บไซต์สถาบนั พระปกเกล้า www.kpi.ac.th เนอ้ื หาวชิ า ๑. อํานาจอธปิ ไตยและบทบาทของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามบทบัญญตั ิในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ ๓๔ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสือประชาธปิ ไตย

ใบความรู้ท่ี ๔ เร่อื ง อํานาจอธิปไตยและบทบาทของสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามบทบัญญัตใิ นรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ อํานาจอธปิ ไตย ประเทศไทยเปน็ ประเทศเอกราช มีบรรพบรุ ษุ ท่เี สียเลือดเสียเนอ้ื ในการปกปอ้ งและรักษาอธิปไตย สืบเน่อื ง ตอ่ มาให้ประชาชนไดต้ ่อสู้ให้เป็นประเทศและคงไวซ้ ง่ึ อาํ นาจอธปิ ไตยท่สี มบูรณ์ การปกครองระบอบประชาธิปไตย คือการปกครองท่ีอํานาจสูงสุดเป็นของประชาชน โดย ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ท่ีประชาชนทุกคนจะทําหน้าที่เป็น ผู้ปกครองด้วยตนเอง จึงต้องใช้ระบบตัวแทน คือการให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทนไปทําหน้าท่ีใช้อํานาจอธิปไตย แทนตนเองแบบมีเงื่อนไขเป็นเวลาคราวละส่ีปี การปฏิบัติหน้าท่ีไม่มีประสิทธิภาพก็พิจารณาเลือกคนท่ีดีกว่าไป อีก นั้น “การเลือกต้ัง” จึงถือเป็นเร่ืองสําคัญที่สุดของการปกครองระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งการใช้สิทธิ เลือกตง้ั หรือลงสมัครรับเลือกตัง้ ในระดบั ต่างๆ ด้วย อํานาจอธิปไตย คือ อํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศเหนือสิ่งอื่นใดสูงสุด จะมีอํานาจย่ิงกว่า หรือ ขัดตอ่ อํานาจอธปิ ไตยไมไ่ ด้ อาํ นาจอธปิ ไตย รัฐธรรมนูญฉบับได้บัญญัติไว้ว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อันเป็นการยืนยันหลักการ สําคัญอย่างหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตยท่ีนานาอารยประเทศยึดถือ และส่งผลให้บทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญปัจจุบันท่ีบัญญัติว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข เปน็ ท่ียอมรับของนานาอารยประเทศทวั่ โลก ความหมายและทมี่ าของอาํ นาจอธิปไตย อาํ นาจอธปิ ไตย หมายถงึ อํานาจสงู สุดในการปกครองประเทศ ซง่ึ แยกออกไดเ้ ปน็ ๓ อาํ นาจ ดังนี้ ๑. อาํ นาจนิติบัญญัติ หมายถงึ อาํ นาจตรากฎหมายโดยรฐั สภาเปน็ ผใู้ ช้ ๒. อาํ นาจบรหิ าร หมายถึง อํานาจในการใชบ้ งั คับกฎหมาย โดยคณะรัฐมนตรเี ป็นผใู้ ช้ ๓. อาํ นาจตุลาการ หมายถงึ อาํ นาจในการพจิ ารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย โดย ศาลเป็นผ้ใู ช้ ๓๕ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สตู รลูกเสือประชาธิปไตย

แผนผงั แสดงการแบ่งอาํ นาจอธปิ ไตย รัฐธรรมนญู อํานาจอธิปไตย อํานาจนิตบิ ญั ญตั ิ อาํ นาจบรหิ าร อํานาจตลุ าการ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนญู ศาลยตุ ธิ รรม สภาผแู้ ทนราษฎร วุฒสิ ภา กระทรวง ศาลปกครอง กรม กอง ศาลทหาร ท้ังน้ี รัฐธรรมนูญของไทยได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงใช้อํานาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล และแม้ว่ารัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้สถาบันท้ังสามนี้ให้อํานาจอย่างเป็นอิสระต่อกัน แต่ก็บัญญัติให้ท้ัง สามสถาบันมคี วามสมั พันธก์ นั โดยสามารถตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อาํ นาจของกันและกนั ได้ ข้อควรรู้ ๑. อํานาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชาวไทย ๒. พระมหากษัตริยผ์ ูเ้ ปน็ ประมขุ ทรงใชอ้ าํ นาจผา่ นทางรฐั สภาคณะรัฐมนตรแี ละศาลตามบทบญั ญัติ รัฐธรรมนญู ๓๖ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สูตรลูกเสอื ประชาธิปไตย

ใบงานท่ี ๔ เร่อื ง อํานาจอธปิ ไตย คาํ ชแ้ี จง : ใหเ้ ยาวชนเลือกเหตุการณ์ในขา่ วทส่ี มั พันธ์กันกับอํานาจอธปิ ไตยแล้ววเิ คราะหต์ ามประเด็นท่ี กาํ หนดให้ เหตุการณ์ เกยี่ วข้องกับอาํ นาจอธิปไตยดา้ นใด ๓๗ คู่มือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลูกเสือประชาธิปไตย

ใบกจิ กรรมการอภิปรายกลมุ่ ใหห้ มู่ลกู เสอื รว่ มกนั อภิปรายกลมุ่ และสง่ ผู้แทนรายงานผลการอภปิ รายต่อทีป่ ระชุม เรอ่ื งการประชุมนายหมู่ ลูกเสอื ใช้อาํ นาจนติ บิ ัญญตั ิ/ บริหาร/ ตุลาการไดอ้ ย่างไร จงยกตัวอย่าง ๑. การใชอ้ าํ นาจนิตบิ ัญญตั ิ (ขอ้ บังคับของกองลกู เสือ) ๑.๑ .......................................................................................................... ๑.๒ .......................................................................................................... ๑.๓ .......................................................................................................... ๒. การใช้อาํ นาจบริหาร (การบรหิ ารงานของกองลูกเสือ) ๒.๑ .......................................................................................................... ๒.๒ .......................................................................................................... ๒.๓ .......................................................................................................... ๓. การใชอ้ าํ นาจตลุ าการ (การกําหนดเกณฑเ์ พือ่ พิจารณาผฝู้ ่าฝนื ระเบียบของกองลูกเสอื ) ๓.๑ .......................................................................................................... ๓.๒ .......................................................................................................... ๓.๓ .......................................................................................................... ๓๘ คู่มือการฝกึ อบรมหลักสูตรลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ใบกิจกรรมการปฏิบัตงิ านตามโครงการ หมู่ของท่านมีโครงการจิตอาสาดแู ลผสู้ ูงอายใุ นบา้ นพกั คนชรา ให้หมู่ลูกเสือจัดประชุมภายในหมู่กําหนดรายละเอียดในการทําโครงการดังกล่าว แยกประเด็น การดาํ เนินงานตามอํานาจอธิปไตยท้งั ๓ ด้าน แลว้ นาํ เสนอทป่ี ระชมุ แผนดําเนนิ งานโครงการจติ อาสาดแู ลผู้สงู อายใุ นบา้ นพักคนชรา ๑. ด้านนติ ิบัญญตั ิ (ขอ้ กําหนดในการปฏิบัติกิจกรรม) ๑.๑ .......................................................................................................... ๑.๒ .......................................................................................................... ๑.๓ .......................................................................................................... ๑.๔ .......................................................................................................... ๑.๕ .......................................................................................................... ๑.๖ .......................................................................................................... ๑.๗ .......................................................................................................... ๒. ดา้ นบริหาร (วธิ ีปฏบิ ตั ิกจิ กรรม) ๒.๑ .......................................................................................................... ๒.๒ .......................................................................................................... ๒.๓ .......................................................................................................... ๒.๔ .......................................................................................................... ๒.๕ .......................................................................................................... ๒.๖ .......................................................................................................... ๒.๗ .......................................................................................................... ๓. ด้านตุลาการ (วธิ ีพจิ ารณาเพื่อประเมินผลกิจกรรม) ๓.๑ .......................................................................................................... ๓.๒ .......................................................................................................... ๓.๓ .......................................................................................................... ๓.๔ .......................................................................................................... ๓.๕ .......................................................................................................... ๓.๖ .......................................................................................................... ๓.๗ .......................................................................................................... ๓๙ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลูกเสือประชาธปิ ไตย

ตัวอยา่ งแบบประเมนิ แบบประเมนิ พฤติกรรมการทํางานของกลมุ่ กลุม่ ท่ี ……………………………….. คาํ ช้แี จง ทาํ เครือ่ งหมายในช่องที่ตรงกับความจริง ระดับความพงึ พอใจ ขอ้ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับ (๔) (๓) (๒) ปรงุ (๑) ๑ มกี ารปรึกษาและวางแผนร่วมกันก่อนทาํ งาน ๒ มกี ารแบ่งหนา้ ท่อี ย่างเหมาะสมและสมาชิกตามหนา้ ทท่ี กุ คน ๓ ปฏิบัติหน้าทีต่ ามขนั้ ตอน ๔ มกี ารให้ความชว่ ยเหลอื กนั ๕ ทาํ งานเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ กี่ ําหนด ๖ ทํางานเสรจ็ ตามกําหนดเวลา ๗ แสดงออกถึงความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ๘ นําความรทู้ ีไ่ ด้มาประยกุ ต์ใช้ ๙ สามารถให้คาํ แนะนาํ กลุ่มอนื่ ได้ ๑๐ จดั วัสดุ อุปกรณ์ เรยี บรอ้ ย หลังเลกิ ปฏิบัติงาน รวม รวมทงั้ สนิ้ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยูใ่ นระดบั ......................... ลงชื่อ..............................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ถือว่า ดมี าก ให้ ๔ คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและสมาํ่ เสมอ ถอื ว่า ดี ให้ ๓ คะแนน พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยครัง้ ถอื ว่า ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั บิ างคร้ัง ถอื วา่ ปรบั ปรงุ ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตินานๆ คร้ัง ๔๐ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

เกณฑต์ ดั สนิ คณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ช่วงคะแนน ดี ๒๔ - ๓๐ พอใช้ ๑๗ -๒๓ ปรับปรงุ ๑๐ - ๑๖ ต่ํากว่า ๑๐ - ๑๖ ตัวอย่างแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานของกลุ่ม กลุ่มท่ี ………………………………….. ข้อ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ผลงานเป็นไปตามจุดประสงค์ ๒ ผลงานเสรจ็ ทนั เวลา ๓ ผลงานมีความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ ๔ เนื้อหาสาระของผลงานมคี วามสมบรู ณ์ ๕ วธิ กี ารนาํ เสนอผลงาน รวม รวมทัง้ สน้ิ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คุณภาพอยู่ในระดบั ......................... ลงชอื่ ..............................................ผปู้ ระเมิน (...........................................) เกณฑต์ ัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดีมาก ๔๑ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ตํา่ กวา่ ๑๐ - ๑๖ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานกลมุ่ หัวขอ้ ทปี่ ระเมนิ ดีมาก (๔) ระดบั คณุ ภาพ/คะแนน ปรบั ปรงุ (๑) ๑. ผลงานเปน็ ไป ผลงานสอดคลอ้ ง ดี (๓) พอใช้ (๒) ผลงานไม่สอดคล้อง ตามจุดประสงค์ท่ี กบั จดุ ประสงค์ทุก กับจุดประสงค์ กําหนด ข้อ/ทกุ ประเด็น ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ กบั จดุ ประสงคเ์ ป็น กับจดุ ประสงค์บาง ส่วนใหญ่/เกือบทกุ ขอ้ /บางประเด็น ประเด็นสมบูรณ์ สมบรู ณ์ ๒. ผลงานเสรจ็ ทนั เสร็จก่อนเวลา เสร็จตามเวลาที่ เสร็จช้ากวา่ เวลาที่ ไมเ่ สร็จ ตามกําหนดเวลา กาํ หนด กาํ หนด ๓.ผลงานมีความคดิ ผลงานถกู ตอ้ งตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานมี รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ หลกั วชิ าการและ หลกั วชิ าการและ หลักวิชาการแต่ยงั ขอ้ บกพร่องและ มีแนวคดิ แปลกใหม่ มแี นวคิดแปลกใหม่ ไมม่ แี นวคิด ไม่มีแนวคดิ และเป็นระบบ แต่ยงั ไม่เปน็ ระบบ แปลกใหม่ แปลกใหม่ ๔.เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานครบถ้วน ผลงานมีความ ผลงานครบถว้ น เป็นสว่ นใหญ่ ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานไม่ถูกต้อง สมบรู ณ์ ทกุ ประเดน็ บางประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ ๕.วธิ กี ารนาํ เสนอ มวี ธิ กี ารนาํ เสนอ มีวิธกี ารนาํ เสนอ มีวิธกี ารนาํ เสนอ มวี ิธกี ารนาํ เสนอ ผลงานกลุ่ม ผลงานทนี่ ่าสนใจ ผลงานทีน่ ่าสนใจ ผลงานทน่ี ่าสนใจ ผลงานไม่นา่ สนใจ พดู เสียงดงั ออก พดู เสยี งดังออก พดู เสียงดังออก พดู เสียงเบาออก เสยี งอักขระชัดเจน เสียงอักขระชัดเจน เสยี งอกั ขระ เสียงอักขระ คลอ่ งแคล่ว แต่ไมค่ ล่องแคลว่ ไม่ชดั เจนและ ไมช่ ดั เจนและ ไมค่ ล่องแคล่ว ไม่คลอ่ งแคลว่ ๔๒ คู่มือการฝกึ อบรมหลักสูตรลูกเสอื ประชาธิปไตย

ชอ่ื วชิ า ลูกเสอื กบั วถิ ชี วี ิตแบบประชาธิปไตย บทเรียนที่ ๕ เวลา ๖๐ นาที ขอบข่ายรายวชิ า ๑. ความหมายและความสําคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข หลกั การ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ และวิถีแบบประชาธปิ ไตย ๒. ความสาํ คัญของการเมอื งการปกครองท่มี ีตอ่ ชีวติ ของทกุ คน จดุ หมาย ๑. เพ่ือใหผ้ เู้ ข้ารับการฝกึ อบรมทราบและเข้าใจความหมายและความสาํ คัญของการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็นพระประมุข ๒. เพ่ือใหผ้ ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรมตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของการเมือง การปกครองทีม่ ตี ่อชวี ิตของทกุ คน ๓. เพื่อให้ผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรมเกดิ ความสนใจ ความตืน่ ตัวท่จี ะร่วมกระบวนการฝึกอบรมอย่าง กระตอื รือร้นตลอดหลกั สตู ร วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมบอกความหมายและความสําคญั ของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุขได้ ๒. ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนสามารถบอกความสําคัญของการเมือง การปกครองท่ีมีต่อชีวิตของ ทุกคนได้ วิธีสอน/กิจกรรม ๑. บรรยาย เรื่อง “แนวทางการจัดการฝึกอบรมเรื่องความหมายและความสําคัญของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข” ๒. บรรยาย เรอื่ ง “แนวทางการจัดการฝกึ อบรมเรื่องความสําคัญของการเมืองการปกครองท่ีมีต่อชีวิต ของทกุ คน” กิจกรรมตา่ ง ๆ ดําเนินการ โดยแบ่งผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมเปน็ ๕ กลุม่ ๆ ละ ๘ คน ร่วมกันอภิปราย และ นาํ เสนอ ดังนี้ กลมุ่ ที่ ๑ ให้ช่วยกันหาข้อมูลวา่ ๑) ลกู เสือเสียภาษแี ล้วหรือยัง ๒) รฐั บาลเกบ็ ภาษีประเภทใดจากประชาชนบ้าง ๓) รฐั บาลเกบ็ ภาษไี ปจัดทาํ งบประมาณปีละเทา่ ใด ๔) หากนําเงนิ เหล่านน้ั มาใส่ไวใ้ นห้องเรียนตอ้ งใช้ก่ีห้องเรียน ๕) เงนิ เหลา่ นีค้ วรนาํ ไปใชจ้ า่ ยอะไรบ้าง ๖) ใครเป็นผู้ได้รบั ผลกระทบหากเงินเหลา่ นีถ้ ูกเบยี ดบังไป กลมุ่ ที่ ๒ อภิปรายว่า ๔๓ คูม่ ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธิปไตย

๑) กิจกรรมในช่วงชีวติ เราต้ังแต่ตื่นจนเข้านอนของเรามีอะไรบา้ ง ๒) แตล่ ะกจิ กรรมข้างต้นมีการเมืองเข้ามาเก่ยี วข้องอย่างไร (วิทยากรอาจยกตัวอยา่ งใหด้ ู ๑ กิจกรรม) กลุ่มท่ี ๓ ใหช้ ่วยกนั อภิปรายว่า ๑) กิจกรรมในชว่ งชีวิตของเราต้ังแตเ่ กดิ จนตายมอี ะไรบ้าง ๒) แตล่ ะกิจกรรมข้างตน้ มกี ารเมอื งเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งอยา่ งไร (วิทยากรอาจยกตัวอย่างใหด้ ู ๑ กจิ กรรม) กลุ่มท่ี ๔ ให้ชว่ ยกันอภิปรายวา่ ๑) ปัจจุบันนม้ี ีปญั หาเรอื่ งสารปนเป้ือนในอาหาร เชน่ สารฟอกขาว สารเรง่ เนอ้ื แดง ฟอรม์ าลนี บอแรก็ ซ์ วิธแี กป้ ัญหาท่ีดีท่ีสดุ คอื ทาํ อย่างไร ๒) พระราชบัญญัติคมุ้ ครองผู้ประสบภยั จากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีหลกั การอย่างไร มปี ระโยชนต์ ่อ ประชาชนอย่างไร องคก์ รใดเป็นผู้พิจารณาให้ความเหน็ ชอบตรากฎหมายน้ขี ึ้น วิทยากรสรปุ (๕ นาท)ี สือ่ การสอน ๑. เครื่องคิดเลข ๒. กระดาษชาร์ท ๓. ปากกาเคมี ๔. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์โนต้ บุ๊ค ๕. เครือ่ งฉาย LCD ๖. ใบความรทู้ ่ี ๕ / ๒.๑ เรอ่ื ง “ความหมายและความสาํ คญั ของการเมอื ง” ๗. ใบความรู้ที่ ๕ / ๒.๒ เรือ่ ง “ความสัมพันธร์ ะหวา่ งการเมอื งกับการดาํ เนนิ ชีวติ ” ๘. ใบความรู้ท่ี ๕ / ๒.๓ เรอื่ ง “การเมอื งเรื่องใกล้ตัว” การประเมินผล ๑. วธิ กี ารวดั ผล : สงั เกตพฤตกิ รรม ประเมนิ ความรู้ ประเมินผลงาน ๒. เครอ่ื งมือวดั ผล : แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ความรู้ แบบประเมินผลงานกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมินผล : ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ ๘๐ เอกสารอา้ งองิ / แหลง่ ขอ้ มลู ๑. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ๒๕๕๐ ๒. หนงั สอื การเมืองการปกครองกับชวี ิต ๓. เวบ็ ไซตร์ ัฐสภา 17www.parliament.go.th H ๔. เว็บไซตส์ าํ นักงานคณะกรรมการการเลือกตัง้ 18www.ect.go.th H ๕. เวบ็ ไซตส์ ํานกั งานลกู เสอื แห่งชาติ 19www.scoutthailand.org H ๖. เวบ็ ไซต์สาํ นักการลูกเสอื ยวุ กาชาด และกิจการนกั เรียน 20www.bureausrs.org H ๗. เวบ็ ไซตส์ ถาบนั พระปกเกลา้ 21www.kpi.ac.th H ๘. ชยั อนนั ท์ สมทุ วณิช, ๒๕๑๗, ๑๖ ๙. เพนนอคและสมธิ (๑๙๖๔,๙) ๔๔ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สตู รลูกเสอื ประชาธิปไตย

เนอ้ื หาวชิ า ๑. ความหมายและความสําคญั ของการเมือง ๒. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการเมืองกบั การดําเนนิ ชีวติ ๓. การเมืองเรื่องใกล้ตัว ใบความรูท้ ี่ ๕ / ๒.๑ เรือ่ ง ความหมายและความสําคัญของการเมอื ง ความหมายและความสาํ คญั ของการเมือง การเมืองคืออะไร การเมือง คือ การใช้อํานาจในการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ เพ่ือสร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนใน สงั คมอย่างเป็นธรรมและทว่ั ถงึ การใช้อํานาจในการจัดสรร คือ อํานาจในการจัดการหรือบริหาร ในทางการเมืองผู้มีอํานาจ ได้แก่ ประชาชน แตป่ ระชาชนไดม้ อบอาํ นาจให้แก่นกั การเมอื ง โดยเลือกตง้ั ใหไ้ ปใชอ้ าํ นาจแทน ทรพั ยากร หมายถงึ คน วัสดสุ ่งิ ของ สงิ่ มีชวี ิต ดิน น้าํ อากาศ และสิง่ แวดลอ้ มท่มี คี ุณค่า สร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรม คือ จุดมุ่งหมายสูงสุดของการใช้อํานาจในการ บริหารทรพั ยากร เมื่อพูดถึง การเมือง หลายคนมักจะรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากสนใจ ไม่อยากข้องเกี่ยว เพราะมักจะเห็น การเมืองเต็มไปด้วย การทุจริตโกงกิน การกอบโกยผลประโยชน์ การแย่งชิงตําแหน่ง การซ้ือเสียง การเล่นพรรคเล่นพวก การใชอ้ ํานาจโดยไมช่ อบ ฯลฯ แต่ถ้าหากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่า ส่ิงท่ีเบ่ือหน่าย นั้นคอื พฤตกิ รรมของนักการเมืองบางคนต่างหาก ไม่ใชก่ ารเมือง การเมอื งคืออะไร สําคัญอย่างไร ทาํ ไมต้องมกี ารเมือง ไมม่ กี ารเมอื งไดไ้ หม โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์เป็นสัตว์สังคม กล่าวคือ มนุษย์มักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เน่ืองจากมนุษย์ต้อง พง่ึ พาอาศยั กนั เม่อื มนษุ ยอ์ ยู่รว่ มกันเปน็ สงั คม ก็ต้องมีผลประโยชนร์ ่วมกัน เป็นตน้ ว่า อาหาร ทรัพยากรต่าง ๆ ความมนั่ คงปลอดภยั ฯลฯ จึงจําเปน็ ตอ้ งมีระบบการจดั สรรผลประโยชนต์ า่ ง ๆ เหลา่ นี้ ระบบการจัดสรรผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีร่วมกันของคนไทยในสังคมน่ีแหละคือ การเมือง ลองคิดดูว่า ถ้าอยูค่ นเดียว ต้องปลกู ขา้ วกนิ เอง เลย้ี งสตั วเ์ อง ทอผ้าใช้เอง สร้างท่อี ยู่อาศัยและผลิตยารักษาโรคเอง ซึ่งก็อาจ พออยู่ได้ แต่กค็ งลําบากมากทเี่ ดยี ว การอยู่ร่วมกันและพง่ึ พาอาศัยกันนีเ่ อง ท่ีทาํ ให้อยอู่ ย่างสุขสบาย ดังน้นั จงึ ตอ้ งมี การเมอื ง ตราบเท่าท่ีมนษุ ยย์ ังต้องอยู่รวมกันเป็นสังคม เมื่อต้องมีการเมือง หนีการเมือง ไม่พ้น และการเมืองก็เป็นเรื่องที่มีความสําคัญอย่างมาก ฉะน้ัน แทนที่จะเบ่ือการเมือง ไม่สนใจการเมือง กลับต้องคิดว่า จะทําอย่างไรการเมืองถึงจะดีข้ึน ซ่ึงก็คือ ควรจะทําอย่างไรกับระบบการจัดสรรผลประโยชน์ใน สังคมจึงจะดีขึน้ และเป็นธรรมขึน้ เช่ือหรือไม่ว่า ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทยนี้ สามารถผลิตอาหารส่งออก เช่น ข้าว มันสําปะหลัง ข้าวโพด เนอื้ ไก่ กุง้ สับปะรด ยางพารา ฯลฯ เปน็ ลําดับตน้ ๆ ของโลก น่ีแสดงวา่ ประเทศไทย เป็นประเทศท่ี อุดมสมบูรณ์อย่างมาก แต่ทําไม คนไทยส่วนใหญ่ยังอยู่กันอย่างลําบากยากจน ทั้งน้ีเป็นเพราะว่า ระบบ การจัดสรรผลประโยชน์ (ความอุดมสมบูรณ์) หรือ การเมืองยังไม่ดี และถ้าย่ิงไม่สนใจที่จะเข้ามาทําให้ระบบ ๔๕ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสูตรลกู เสือประชาธิปไตย

การจัดสรรผลประโยชน์ หรือการเมืองดีขึ้น ถ้าหากปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของคนไม่ก่ีคน ก็จะต้องมีชีวิตท่ี ลําบากยากจนอยู่อย่างนี้ตลอดไป ยิ่งไปกว่าน้ันการที่อยู่ร่วมกันในสังคม ก็ต้องมีส่ิงสาธารณะต่าง ๆ เพ่ือใช้ ประโยชน์ร่วมกัน เชน่ โรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง สนามกีฬา สวนสาธารณะ ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ เป็นต้น ซ่ึงเราแต่ละคนอาจจะไม่รวยพอที่จะมีส่ิงเหล่านี้เป็นของเราคนเดียวได้ เราจึงต้องมีการเก็บภาษี เพื่อ นํามา สร้างส่ิงสาธารณะต่าง ๆ ไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ภาษีต่าง ๆ ท่ีเก็บจากพวกเรา ได้แก่ ภาษีทางตรง เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ที่หักจากดอกเบ้ียเงินฝาก ภาษีเงินได้จากรางวัล ต่าง ๆ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสรรพสามิตเหล้า บุหร่ี นํ้ามัน รถยนต์ ฯลฯ ภาษีทางอ้อมและภาษีอ่ืนๆ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการค้า ภาษีธุรกิจเฉพาะอากรแสตมป์ ภาษีสรรพสามิตสินค้าฟุ่มเฟือย ค่าภาคหลวงแร่ ค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ภาษีที่เก็บจากทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ ภาษีสินค้าขาเข้า ภาษี สินคา้ ขาออก ภาษีลกั ษณะอนุญาต ฯลฯ เชื่อไหมว่า ภาษีท่ีรัฐบาลเก็บไปรวมกับรายได้อื่นของรัฐบาลเป็นงบประมาณแผ่นดิน ปีหน่ึง ๆ มีมูลค่า เกือบ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ (หนึ่งล้านล้านบาท) เงินเหล่านี้เป็นเงินที่จ่ายไปเพ่ือให้ย้อนกลับมาหา ประชาชนในรูปสาธารณะสมบัติ และบริการต่าง ๆ จากรัฐบาล เช่ือได้เลยว่าถ้าเงินเหล่าน้ีย้อนกลับมาหาครบ ก็นา่ จะมีชวี ิตความเปน็ อยทู่ ดี่ ีไมน่ อ้ ยเลยทีเดยี ว ประชาชนจะได้เรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี มีถนน ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ สวนสาธารณะ สนามกฬี า และสวัสดกิ ารต่างๆ ที่ดีและทว่ั ถงึ สําหรับทุกคน แต่อย่างไรก็ดี ภาษีอากรท่ีเก็บไปเป็นงบประมาณแผ่นดินนี้ ไม่สามารถย้อนกลับมาหาได้เอง จึงจําเป็นตอ้ งมตี วั แทนท่ีจะทําหนา้ ทจ่ี ัดสรรและบริหารการใชจ้ ่ายเงินมหาศาลน้ี ซ่ึงก็คือรัฐบาล น่ันเอง และถ้า รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ก็แสดงว่า การไปใช้สิทธิเลือกต้ัง หมายถึง การมอบอํานาจให้บุคคลกลุ่มหนึ่งไป ทําหน้าท่ีจัดสรรและบริหารการใช้จ่ายเงินปีละหนึ่งล้านล้านบาท และถ้า ๔ ปี ก็เท่ากับ ๔,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรอื ส่ลี ้านล้านบาท เลยท่เี ดยี ว นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ได้มีอํานาจหน้าท่ีเพียงจัดสรรและบริหารการใช้จ่ายงบประมาณจํานวนมหาศาล นี้เท่าน้ัน รัฐบาลยังมีอํานาจหน้าที่ในการดูแลรักษาและจัดสรรการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ท่ีดิน แหล่งนํ้า ป่าไม้ และแร่ธาตุต่าง ๆ อีกท้ังยังมีอํานาจในการอนุมัติ อนุญาต การให้สัมปทานต่าง ๆ ซึ่ง ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบอย่างมาก ถ้าหากประชาชนไม่สนใจการเมือง แล้วปล่อยให้คนทุจริตไปทําหน้าท่ี ผลประโยชน์ของส่วนรวมก็คง ถกู กอบโกยไปโดยคนทุจรติ เหลา่ นีอ้ ยา่ งแน่นอน ความเช่ือ (บางประการ) เกย่ี วกบั เรอื่ งการเมอื งและประชาธิปไตย ๑. ความเช่อื ท่ี ๑ “การเมอื งเป็นเรอ่ื งของนักการเมือง ประชาชนไมเ่ กี่ยว” มีคนไทยจํานวนไม่น้อยเลยที่คิดเช่นนี้ ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะคนไทยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการ มานาน แตแ่ ทท้ ีจ่ รงิ แล้วการเมอื งกค็ ือ “การใชอ้ าํ นาจในการจดั สรรผลประโยชน์ต่าง ๆ ในสังคม” หากปล่อยให้การเมืองเป็นเร่ืองของนักการเมืองแต่ฝ่ายเดียว ประชาชนก็คงจะไม่ได้รับผลประโยชน์ ต่าง ๆ เท่าที่ควรจะได้ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น สาธารณะสมบัติ สาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น หรือ ผลประโยชน์ท่ีเป็นนามธรรม เช่น ความยุติธรรม เสรีภาพ ความเสมอภาค เป็นตน้ ๒. ความเชอื่ ที่ ๒ “ไม่อยากสนใจเรือ่ งการเมือง สนใจเร่ืองทาํ มาหากินดีกว่า” ๔๖ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธิปไตย

แท้ท่ีจริงแล้ว การทํามาหากินจะดีหรือไม่นั้น การเมืองมีอิทธิพลต่อการทํามาหากินและความเป็นอยู่ อย่างมาก หากการเมืองดี ประชาชนเลือกนักการเมืองท่ีดีมาบริหารประเทศ เศรษฐกิจก็จะเจริญก้าวหน้า การทาํ มาหากินก็จะดีขนึ้ อย่างมากด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม หากการเมืองไม่ดี ประชาชนเลือกนักการเมืองไม่ดีมาบริหารประเทศ เศรษฐกิจ ก็จะถดถอย การทํามาหากนิ ก็จะฝืดเคืองอย่างมาก ๓. ความเชื่อท่ี ๓ “เหน็ พฤติกรรมนกั การเมอื งแลว้ รูส้ ึกเบือ่ หน่าย ไม่อยากสนใจการเมอื ง” เม่ือพูดถึงนักการเมือง หลายคนรู้สึกเบื่อหน่าย กับการเมืองเพราะนักการเมืองมักมีแต่เร่ืองทุจริต โกงกนิ ขัดแยง้ ทะเลาะววิ าท หากพิจารณาใหด้ แี ล้ว เรอื่ งเหลา่ น้ีเปน็ เพยี งพฤติกรรมของนักการเมอื งบางคนเทา่ นนั้ ไมใ่ ชก่ ารเมอื ง ส่ิงท่ีต้องยอมรับก็คือ ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเมือง ยิ่งไม่สนใจการเมือง การเมืองก็จะไม่มีวันดีข้ึน และ ประชาชนน่ันแหละท่ีต้องได้รับผลกระทบ แม้จะหนีไปอยู่ประเทศอ่ืน ก็ต้องได้รับกระทบจากการเมืองของ ประเทศอ่นื อย่ดู ี ดังนนั้ แทนที่จะเบือ่ การเมือง ไม่สนใจการเมอื ง กลับจะต้องศึกษาและตดิ ตามการเมอื งอยา่ งจรงิ จงั หากพิจารณาให้ดี นักการเมืองท่ีมีพฤติกรรมไม่ดีเหล่าน้ี ก็ล้วนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน นน่ั เอง ถ้าไม่อยากให้นักการเมืองท่ีมีพฤติกรรมไม่ดีเหล่าน้ีเข้าไปก่อความเดือดร้อน ทุจริตคดโกง ก็ควรท่ีจะ สกัดก้ันไม่ให้คนเหล่านี้เข้าไปมีอํานาจได้ ตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “ในบ้านเมืองน้ัน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทําให้ทุกคนเป็นคนดีได้ท้ังหมด การทําให้บ้านเมืองมี ความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทําให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครอง บา้ นเมืองและควบคุมคนไม่ดไี มใ่ ห้มอี าํ นาจ ไม่ใหก้ อ่ ความเดือดร้อนวุ่นวายได”้ ประชาชน ภาพรวมของการเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย เลอื ก เลอื ก ส.ส. เลอื ก ส.ว. ควบคุมการบริหาร นายกรฐั มนตรี ราชการแผน่ ดนิ แตง่ ตง้ั ตรวจสอบการบรหิ าร คณะรัฐมนตรี ราชการแผน่ ดนิ บงั คบั บญั ชาควบคุม ทํางานรบั ใช้บริการ ข้าราชการ เจ้าหน้าทขี่ องรัฐ ๔๗ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสูตรลกู เสือประชาธปิ ไตย

ปัญหาความทจุ รติ ของระบบการเมอื ง ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยกําลังประสบปัญหาการทุจริตอย่างรุนแรง เน่ืองจากคนไทยมีค่านิยมใฝ่บริโภค มากข้ึน จึงมีคนไทยจํานวนไม่น้อยท่ีมุ่งหน้าแสวงหาความร่ํารวยด้วยวิธีการท่ีไม่ถูกต้องชอบธรรม เข้ามาเล่น การเมืองเพื่อแสวหาอํานาจ และผลประโยชน์มากกว่าท่ีจะทําเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ซึ่งจะเห็นได้ว่า การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบันกําหนดให้ประชาชนเป็นผู้เลือก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แล้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไปเลือกนายกรัฐมนตรี และ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้คัดเลือกบุคคลมาดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี เพื่อควบคุม บังคับบัญชาข้าราชการให้ทํางาน รบั ใชป้ ระชาชน แต่ความเป็นจริงในปัจจุบัน ประชาชนเลือกคนไม่ดีไม่มีคุณภาพไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จํานวนมาก ซึ่งส่งผลทําให้ไปสนับสนุนคนไม่ดีไม่มีความสามารถมาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วไปแต่งต้ังคนไม่ดี ไม่มีความสามารถเป็นรัฐมนตรีอีก ทําให้แทนท่ีจะควบคุมบังคับบัญชาให้ข้าราชการทํางานรับใช้ประชาชน กลบั รว่ มมือกบั ข้าราชการกอบโกยผลประโยชน์จากประชาชน เม่ือเป็นเช่นน้ี จุดสําคัญของปัญหาการเมืองไทย จึงอยู่ท่ีการใช้สิทธิเลือกต้ังของประชาชน จึงเป็นท่ีน่า สงสยั ว่า เหตุใดประชาชนจึงเลือกคนไม่ดีไม่มีความสามารถไปเป็นตัวแทนของตน ท้ังนี้เป็นเพราะว่า ประชาชน มกั จะใชค้ วามรสู้ กึ ในการรับร้เู รื่องการเมืองมากกว่าท่จี ะใช้ความคดิ อย่างมี วิจารณญาณ จึงทําให้ประชาชนเบื่อ การเมือง ไม่สนใจการเมือง เม่ือไม่สนใจการเมืองก็ย่อมไม่มีความรู้ เป็นต้นว่าไม่รู้ว่าการเมืองมีความสําคัญ อย่างไร ไม่รู้กติกาการเมือง ไม่รู้พฤติกรรมของนักการเมือง ดังนั้น เม่ือประชาชนไม่มีความรู้ เวลาใช้สิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้ง ก็เลือกอย่างไม่มีวิจารณญาณท่ีดี หรือเลือกเพราะอามิสสินจ้าง จึงทําให้ได้คนไม่ดีเข้าไป มอี ํานาจ คนเหลา่ นี้จึงเขา้ ไปทจุ ริตขดั แยง้ แยง่ ชิงผลประโยชน์ เม่ือประชาชนทราบก็มักจะเบื่อการเมืองอีก และ วนเวียนอยู่เช่นนี้คร้ังแล้วคร้ังเล่า ท่ีแย่ไปกว่าน้ันก็คือ เม่ือประชาชนขายเสียง ก็จะทําให้คนดีมีความสามารถ ไม่ได้รับเลือกต้ัง และจะเกิดผลร้ายตามมาในระยะยาวคือ จะไม่มีคนดีมีความสามารถมาสมัครรับเลือกตั้ง อีกเลย ก็ย่ิงจะทําให้ประชาชนหมดหวังและเบื่อหน่ายการเมืองมากย่ิงข้ึนไปอีก ประชาชนก็ย่ิงไม่สนใจ ไม่มี ความรู้ และเลอื กต้ังอยา่ งไมม่ ีคุณภาพ ซึ่งจะวนเวียนอยใู่ นวฏั จกั รเช่นนีต้ ลอดไป ดังแผนภมู ิ ขา้ งล่างน้ี ๔๘ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสือประชาธิปไตย

๑. ประชาชนไม่สนใจ การเมอื ง ๓.๓ ไมม่ ีคนดี เสนอตัวให้ ๖. ประชาชนเบื่อ ๒. ประชาชนไมร่ ้แู ละ ประชาชน การเมอื ง ไม่เขา้ ใจการเมอื ง ๓.๒ คนดีมคี ณุ ธรรมไม่ ๕. เกิดการทุจรติ ๓. ประชาชนขายเสียง ลงรับสมัครเลอื กต้ัง และขดั แยง้ เมื่อมกี ารเลือกตั้ง ๔. เกดิ การทจุ รติ ๓.๑ คนทมี่ คี ุณธรรม ไม่ไดร้ ับการเลอื กต้ัง และขดั แย้ง ภาพรวมสาเหตทุ ป่ี ระชาชนไม่สนใจการเมอื ง ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองท่ีได้อํานาจสูงสุดปกครองประเทศ อํานาจสูงสุดนั้นเป็น ของประชาชน ดังน้ัน ประชาชนน่ีแหละที่จะทําให้ประเทศดีข้ึนหรือแย่ลง ดังที่ท่านพระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยตุ โต) ไดก้ ล่าวไว้ว่า “ตามปกตคิ ุณภาพของการปกครองนั้น ยอ่ มขึน้ ตอ่ คณุ ภาพของผูป้ กครองเป็นสาํ คัญ ในเม่ือประชาชนมา เป็นผู้ปกครอง ประชาธิปไตยจะมีคุณภาพแค่ไหนก็อยู่ท่ีคุณภาพของประชาชน… ประชาชนมีคุณภาพดี ประชาธิปไตยก็มีคุณภาพดีด้วย ถ้าประชาชนมีคุณภาพต่ํา ประชาธิปไตยก็จะเป็นประชาธิปไตยอย่างเลวด้วย เพราะคณุ ภาพของประชาธิปไตยข้นึ ตอ่ คุณภาพของประชาชน” อํานาจอธิปไตย ๔๙ ค่มู ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลูกเสอื ประชาธิปไตย

อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรฐั มนตรี และศาล ตามบทบัญญตั แิ ห่งรฐั ธรรมนญู ลกั ษณะการใช้อํานาจอธิปไตย ๑. ใชอ้ าํ นาจโดยตรงตามสทิ ธิ – กลไกท่กี ําหนดไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ ๒. ใช้อํานาจโดยตรงร่วมกับผูอ้ ืน่ ในรปู แบบตา่ ง ๆ ๓. ใชอ้ าํ นาจโดยออ้ ม โดยผ่านตวั แทน เพอื่ ไปทําหนา้ ท่นี ิตบิ ญั ญัติ บริหาร/ตรวจสอบการบรหิ าร กฎหมายประเภทตา่ งๆ ๑. รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดที่เก่ียวข้องกับการจัดการองค์กรของรัฐ กําหนดกลไกใน การปกครองของประเทศ รับรองสิทธิ หน้าท่ีและเสรีภาพของประชาชน รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ฉะน้ัน กฎหมาย กฎระเบยี บใดท่ขี ดั แยง้ กับรัฐธรรมนูญไมอ่ าจบังคับใชไ้ ด้ ๒. พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายทอ่ี อกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ กระบวนการออก กฎหมายคลา้ ยกับพระราชบัญญตั ิ แตจ่ ะมเี น้ือหาท่ีเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญพูดหลักกว้าง ๆ แต่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู จะบญั ญัตใิ นรายละเอยี ด ๓. พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เป็นกฎหมายที่ตราขึ้น โดยความยินยอมของสภาผู้แทนราษฎรและ วฒุ ิสภา พระราชบญั ญตั ิ มี ๒ ประเภทคอื พระราชบญั ญัติทว่ั ไป และพระราชบัญญตั เิ กี่ยวกบั การเงิน การเสนอพระราชบัญญัติท่ัวไป โดยจะมาจาก ๓ กลุ่มคือ รัฐมนตรี, ส.ส., และประชาชน (ผู้มีสิทธิ เลอื กตั้ง) ๔. พระราชกําหนด (พ.ร.ก.) เป็นกฎหมายที่ตราข้ึนโดยฝ่ายบริหาร ในกรณีท่ีมีความจําเป็นไม่อาจ รอการประชมุ รัฐสภา เพ่อื นาํ รา่ งกฎหมายเข้าสู่สภาตามปกตไิ ด้ และเม่ือประกาศใชแ้ ล้วต้องเสนอต่อรัฐสภาเพ่ือ ขออนุมัติ ถ้าอนุมัตกิ ็กลายเป็นพระราชบัญญตั ิ ถา้ ไม่อนุมตั ิ พระราชกําหนดนน้ั ก็ตกไป ๕. พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ) เป็นกฎหมายท่ีตราข้ึนโดยพระมหากษัตริย์ โดยคําแนะนําของ คณะรัฐมนตรี มีได้ ๓ ทางคือ รัฐธรรมนูญกําหนดให้มี พระราชกฤษฎีกาท่ีตราขึ้นโดยพระราชบัญญัติ หรือ พระราชกําหนด ให้อํานาจไว้ และพระราชกฤษฎีกาท่ีออกโดยอํานาจฝ่ายบริหาร ใช้เฉพาะภายในฝ่ายบริหาร ไมม่ ีผลต่อบุคคลท่ัวไป เช่น พระราชกฤษฎกี าเบิกจา่ ยค่าเชา่ บา้ นของราชการ เป็นตน้ ๖. กฎกระทรวง ออกโดยอํานาจของรัฐมนตรี และโดยความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี เป็นการกําหนด รายละเอยี ดและอํานาจในการปฏบิ ัตขิ องกระทรวง ทบวง กรมนัน้ ๆ สทิ ธเิ สรภี าพ สิทธิ หมายถึง ผลประโยชน์หรืออํานาจอันชอบธรรมที่กฎหมายรับรองคุ้มครองให้ มีสิทธิเอกชน (ส่วนบุคคล) และสทิ ธิมหาชน (สาธารณะ) เสรีภาพ หมายถึง สิทธิท่ีจะทํา หรือไม่ทําอะไรก็ได้ เสรีภาพที่กฎหมายรับรอง = สิทธิโดยไม่ละเมิด สิทธิของผอู้ น่ื หนา้ ท่ี หน้าที่ หมายถึง สง่ิ ทบ่ี ุคคลต้องปฏบิ ัติ หรืองดเว้นการปฏิบัติเพื่อประโยชน์โดยตรงของการมีสิทธิหน้าที่ เปน็ ส่ิงจําเป็นท่ที าํ ให้ประเทศและสงั คมอยู่รว่ มกนั ได้ ๕๐ คูม่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลูกเสอื ประชาธิปไตย

สทิ ธมิ นุษยชน สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิท่ีมากับความเป็นคน ซ่ึงมนุษย์ท่ีเกิดมาย่อมเท่าเทียมกัน เป็นสิทธิที่ ลดิ รอนไม่ได้ และไม่มใี ครล่วงละเมิดได้ เชน่ สิทธใิ นชวี ติ ร่างกาย ทรัพยส์ ิน อนามยั เป็นตน้ หลกั การน้เี ปน็ ข้อผกู มดั ไมใ่ หผ้ มู้ ีอาํ นาจทาํ ตามอาํ เภอใจ หรือใชอ้ าํ นาจเกินขอบเขต ใบความรทู้ ี่ ๕ / ๒.๒ เร่ือง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งการเมอื งกับการดาํ เนนิ ชีวิต ความหมายของการเมือง การเมืองเป็นเร่ืองเก่ียวกับรูปของรัฐและการจัดระเบียบความสัมพันธ์ ภายในรัฐ ระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง เม่ือสังคมมนุษย์ยังมีความจําเป็นที่ต้องมีรัฐบาล คนเราจึงต้อง แบ่งออกเปน็ สองพวกใหญ่ ๆ คือ ผู้ทําหนา้ ทบ่ี งั คบั กับผถู้ ูกบังคบั เสมอ (ชยั อนันท์ สมทุ วณชิ , ๒๕๑๗, ๑๖) ความหมายของการเมืองแบ่งออกเปน็ ๖ กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ การเมืองเป็นเร่ืองของอํานาจ เพนนอคและสมิธ (๑๙๖๔,๙) กล่าวว่า การเมือง หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีเก่ียวกับอํานาจ สถาบัน และองค์กรในสังคม ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีอํานาจเด็ดขาด ครอบคลุมสังคม ในการสถาปนาและทํานุรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม มีอํานาจในการทําให้ จุดประสงค์ร่วมกันของสมาชิกในสังคมได้บังเกิดผลขึ้นมา และมีอํานาจในการประนีประนอมความคิดเห็นที่ แตกตา่ งกันของคนในสงั คม อีกกลุ่มอํานาจ ณรงค์ สนิ สวัสดิ์ (๒๕๓๙, ๓) กล่าวว่า การเมืองเป็นการต่อสู้ช่วงชิง การรักษาไว้และ การใช้อํานาจทางการเมือง กลุ่มน้ีได้ให้ความหมายอํานาจทางการเมือง หมายถึง อํานาจในการที่จะวาง นโยบายในการบริหารประเทศหรือสงั คม อาํ นาจทีจ่ ะแตง่ ตัง้ บุคคลเพอ่ื ช่วยในการนาํ นโยบายไปปฏบิ ตั ิ ดงั นั้นท้ัง ๒ กลุ่มจะมองการเมืองเป็นปฏิสัมพันธ์ในเชิงการใช้อํานาจของรัฐาธิปัตย์ต่อผู้อยู่ใต้อํานาจซ่ึง คือประชาชนน่ันเอง อีกกลุ่มนักรัฐศาสตร์มองว่าการเมืองเป็นเร่ืองท่ีเก่ียวข้องการต่อสู่แย่งชิงกันของกลุ่มผลประโยชน์ (Interest Group) ที่ดําเนินกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ ในอันท่ีจะแย่งชิงกันเข้าสู่อํานาจการบริหารประเทศ หรืออย่างน้อยท่ีสุดก็ให้ผลผลิตจากระบบการเมือง (Political Outputs) เดวิด อีสตัน นักรัฐศาสตร์อเมริกัน มองการเมอื งเชงิ ระบบทีน่ าํ นโยบาย กฎหมาย ระเบียบ ข้อบงั คบั โครงการ หรือแผนงานพัฒนาของภาครัฐและ ภาคราชการ ซ่ึงจะเป็นผลในทางที่เป็นประโยชน์ของกลุ่มตนมากที่สุด จึงเรียกกลุ่มการเมืองเชิงกลุ่ม ผลประโยชน์ ดังนั้น การเมืองตามนัยนี้ก็คือการท่ีบุคคลใดหรือกลุ่มใดในสังคม ซ่ึงอาจมีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือขัดกันก็ตาม หรือมีความเห็นเหมือนกันหรือไม่เหมือนกัน มารวมต่อสู้เพ่ือให้ได้มาซ่ึงอํานาจสามารถ ตดั สินใจในเรอ่ื งของสว่ นรวมไดโ้ ดยชอบธรรม กลุม่ อาํ นาจกลุ่มนี้จะเปน็ กลุม่ นกั รัฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมการเมอื ง (Political Scientist) นิยมน่ันเอง กลุ่มท่ี ๒ มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากรของรัฐหรือสิ่งท่ีมีคุณค่าทางสังคม ซึ่งเดวิด อีสตัน ซึ่งได้อธิบายไว้ว่าการเมืองเป็นการใช้อํานาจหน้าที่ในการจัดสรรแจกแจงส่ิงที่มีคุณค่าต่าง ๆ ๕๑ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลูกเสอื ประชาธปิ ไตย

ให้กับสังคมอย่างชอบธรรม ซ่ึงการเมืองดังกล่าวน้ีจะใช้ได้ต่อเมื่อในสังคมนั้น ๆ ท่ีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ เก่ียวข้อง และได้รับผลกระทบจากทั้งทางตรงและทางอ้อม มีความเห็นพ้องต้องกันและยอมรับในกติกาท่ี กาํ หนด สว่ นในสงั คมทย่ี ังไมย่ อมรบั ในกตกิ าดงั กล่าวนี้ ชยั อนันต์ สมทุ วณชิ ยงั อธบิ ายว่าการเมืองยังคงเป็นเร่ือง ของการแข่งขันกัน เพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ในการแบ่งปันคุณค่าท่ีให้ผลประโยชน์แก่ฝ่ายตนให้ได้มากท่ีสุดเท่าท่ี จะเป็นได้ ดังน้ัน กลุ่มน้ีจึงสรุปว่าการเมืองมีสองระดับ ระดับแรก การเมืองอยู่ภายใต้การแข่งขัน ขัดแย้งของ ฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซ่ึงอํานาจทางการเมืองท่ีทุก ๆ ฝ่ายยอมรับได้ ส่วนอีกกลุ่มจะยอมรับว่ารัฐเป็น การรวมกันหรอื ประกอบกันของกลุ่มหลากหลายในสังคม และรัฐมิได้เป็นเคร่ืองมือทางการบริหาร มิได้เป็นตัว กระทําทางการเมืองท่ีจะช้ีนําการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่รัฐเป็นเพียงรัฐบาลท่ีทําหน้าท่ี เออ้ื อํานวยความสะดวกในการแขง่ ขันกันของกลมุ่ หลากหลายเทา่ นน้ั (ชยั อนันต์ สมทุ วณิช ๒๕๓๕, ๖) กลุ่มที่ ๓ มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ท้ังนี้เน่ืองจากทรัพยากรของชาติท่ีมีอยู่อย่าง จํากัด หากไม่ยุติข้อขัดแย้งที่เกิดข้ึนได้ บ้านเมืองย่อมตกอยู่ในสภาวะยุ่งยาก วุ่นวาย และต่อมาจึงมีผู้ให้มุมมอง การเมืองใหมว่ ่าเปน็ เรอ่ื งของการประนปี ระนอมความขัดแย้ง มากวา่ เปน็ เรอ่ื งของความขดั แย้ง กลุ่มที่ ๔ มองว่า การเมืองเป็นเรื่องของการประนีประนอมผลประโยชน์ เพ่ือหลีกเล่ียงมิให้เกิด ความขัดแยง้ จากการดําเนินงานทางการเมืองทไี่ มม่ ที างออก กลุ่มท่ี ๕ มองว่า การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐและการบริหารประเทศ ในเร่ืองงานเกี่ยวกับรัฐ การบรหิ ารประเทศในเรือ่ งนโยบาย และการอาํ นวยการบรหิ ารราชการแผน่ ดินซึ่งเป็นการควบคุมให้เป็นไปตาม นโยบายที่วางไว้ ดังนั้น จึงมีลักษณะในเชิงอํานาจ ดังน้ันจึงอาจกล่าวได้ว่าการเมืองเป็นการบริหารหรือการ ปกครองยากท่ีจะสามารถแยกออกจากกันได้ กลุ่มสุดท้ายกลุ่มท่ี ๖ มองว่า การเมืองเป็นเร่ืองของการกําหนดนโยบายของรัฐ โดยอาศัยหน่วยงาน ต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นเคร่ืองมือในการที่จะได้อํานาจมา เม่ือได้อํานาจมาแล้วก็จะนําไปกําหนด นโยบายการบริหารประเทศ ๕๒ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ใบความร้ทู ่ี ๕ / ๒.๓ เรอ่ื ง การเมอื งเร่ืองใกลต้ ัว การเมืองเป็นการจัดแจงแบ่งปันของมีค่าคือทรัพย์ในดินสินในนํ้า ความพอดี พอกิน ความรู้ ความปลอดภัย เสรีภาพ อํานาจ เพ่ือให้ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงลดลง มีการตัดสินปัญหาโดยสันติ วิธีไม่ใช่การประทุษร้ายหรือเข่นฆ่ากัน นักการเมืองใช้การเมืองเพ่ือเป้าหมายคือสันติภาพสันติสุขของคน ท้ังหลายและความยุติธรรมหรือบางกลุ่มอาจจะกําหนดอย่างแคบว่านักการเมืองคือคนท่ีแสวงอํานาจทาง การเมืองหรืออํานาจรัฐ ซ่ึงได้มาในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน เช่น ส.ส. ส.ว. ส.ท. อบต. อบจ. สว่ นราชการ พ่อคา้ กรรมกร ชาวนา นักศกึ ษา สมัชชาคนจน พรภิกษุ สามเณร แม่ชี ฯลฯ ซ่ึงมีความเกี่ยวข้อง กับการเมืองด้วย จุดมุ่งหมายเพ่ือสันติภาพและความยุติธรรม เช่นเดียวกัน เม่ือการเมืองสร้างสันติภาพได้ การเมืองจึงเป็นสิ่งที่ดีงามท่ีคนดี ๆ ต้องใส่ใจ เสียสละ ใช้การเมืองอย่างถูกวิธีและถูกต้องตามเป้าหมายและ นโยบายท่ีมุ่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขในประเทศ แต่ยังมีบางกลุ่มท่ีใช้การเมืองเพ่ือฉ้อ ฉล คดโกง หาผลประโยชน์ให้ตนเอง หมู่คณะ ทําลายสันติสุขของคนอ่ืน ไม่ควรเรียกว่านักการเมือง แต่ควรเรียกว่านักโกง เมอื ง ดังนั้น ถ้าเราจะทําให้การเมืองของประเทศไทยดีขึ้นต้องอัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งท่ี ๖ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อําเภอ ศรรี าชา จังหวัดชลบุรี เมอื่ วนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม ๒๕๑๒ “…ในบา้ นเมอื งนั้น มที ้ังคนดแี ละคนไมด่ ี ไมม่ ีใครจะทาํ ให้ทุกคนเป็นคนดไี ดท้ ้ังหมด การทาํ ให้บา้ นเมืองมีความปรกตสิ ขุ เรยี บร้อย จงึ มิใช่การทาํ ใหท้ กุ คนเปน็ คนดี หากแต่อยทู่ ก่ี ารสง่ เสริมคนดี ใหค้ นดไี ด้ปกครองบ้านเมือง และควบคมุ คนไม่ดไี มใ่ หม้ ีอํานาจ ไมใ่ ห้กอ่ ความเดอื ดรอ้ นวนุ่ วายได…้ ” ๕๓ คูม่ ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสือประชาธปิ ไตย

สรุป ดังน้ัน การเมืองจึงเกี่ยวกับชีวิตของคนที่ถูกปกครองตั้งแต่ต่ืนนอนจนถึงเข้านอนหรือต้ังแต่เกิดจนตาย ในทกุ เรอ่ื ง การกิน การนอน การเจ็บป่วย ความสุข ความทุกข์ ความเจริญร่งุ เรอื ง สันตสิ ขุ ความยุติธรรม ซึ่งรัฐ จะกําหนดเป็นนโยบายในการบริหารประเทศ นโยบายเหล่าน้ีจะต้องผ่านรัฐสภา นักการเมืองจะต้องเป็น ผปู้ ฏิบตั ิ ดงั นนั้ ของกิน ของใช้ นโยบายการรกั ษาพยาบาลต่าง ๆ จึงข้นึ อย่กู ับการทํางานของนักการเมืองทั้งส้นิ คนไทยทุกคนจึงควรอัญเชิญพระบรมราโชวาทใส่เกล้า ฯ เพื่อหานักการเมืองที่ดีมาปกครองประเทศ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข การแสวงหานักการเมืองที่ดีต้องพิจารณาความดี ตามหลักคุณธรรม ๘ ประการ คือมีความขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีวินัย สะอาด สามัคคี และมีนํ้าใจ มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และ มีจิตสาธารณะ ไม่ใช่พิจารณาที่ความเป็นญาติพ่ีน้อง ผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์ หรือคนท่ีแจก เงิน เพราะคนเหล่าน้ีเมื่อเขานําสิ่งของมาให้ เขาก็ต้องไปคดโกงหรือคอร์รัปช่ัน ทําให้ประเทศชาติพบแต่ความ สูญเสียและเป็นท่ีอับอายไปท่ัวโลก อย่าให้ได้ชื่อว่าประเทศไทยมีการคดโกง คอร์รัปช่ันมาก เป็นอันดับต้น ถา้ คนไทยเลือกคนดีมาปกครองเงินทองผลประโยชน์ที่รั่วไหลออกมาไปเป็นผลประโยชน์ของบุคคล คณะบุคคล ก็จะมาเป็นของประชาชนทุกคน ชีวิตเราก็ดีข้ึนจากงบประมาณท่ีมาบริหารประเทศท่ีเต็มท่ีเม็ดเต็มหน่วย ๕๔ คูม่ ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ตวั อยา่ งแบบประเมนิ แบบประเมินพฤตกิ รรมการทาํ งานของกลมุ่ กลมุ่ ที่ ……………………………….. คําชี้แจง ทาํ เคร่ืองหมายในช่องทต่ี รงกับความจริง ระดบั ความพงึ พอใจ ข้อ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับ (๔) (๓) (๒) ปรงุ (๑) ๑ มีการปรกึ ษาและวางแผนรว่ มกันกอ่ นทํางาน ๒ มีการแบง่ หน้าทอี่ ย่างเหมาะสมและสมาชิกตามหนา้ ท่ีทกุ คน ๓ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทต่ี ามขนั้ ตอน ๔ มกี ารให้ความช่วยเหลือกัน ๕ ทํางานเป็นไปตามวัตถุประสงคท์ ก่ี าํ หนด ๖ ทาํ งานเสรจ็ ตามกาํ หนดเวลา ๗ แสดงออกถงึ ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ ๘ นาํ ความรู้ที่ได้มาประยกุ ตใ์ ช้ ๙ สามารถใหค้ ําแนะนาํ กลมุ่ อนื่ ได้ ๑๐ จดั วัสดุ อุปกรณ์ เรยี บร้อย หลงั เลิกปฏิบตั งิ าน รวม รวมท้งั สนิ้ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรับปรุง) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยูใ่ นระดับ......................... ลงชอื่ ..............................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ถอื วา่ ดมี าก ให้ ๔ คะแนน ถือวา่ ดี ให้ ๓ คะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม่าํ เสมอ พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ๕๕ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสอื ประชาธิปไตย

พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัติบางคร้ัง ถอื ว่า ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ินาน ๆ ครงั้ ถอื ว่า ปรบั ปรงุ ให้ ๑ คะแนน เกณฑต์ ดั สนิ คณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ ดมี าก ชว่ งคะแนน ดี ๒๔ - ๓๐ พอใช้ ๑๗ -๒๓ ปรบั ปรุง ๑๐ - ๑๖ ตํ่ากว่า ๑๐ - ๑๖ ตัวอย่างแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานของกลุ่ม กล่มุ ท่ี ……………………………….. ข้อ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ผลงานเป็นไปตามจดุ ประสงค์ ๒ ผลงานเสร็จทนั เวลา ๓ ผลงานมีความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ ๔ เนอ้ื หาสาระของผลงานมคี วามสมบูรณ์ ๕ วิธีการนาํ เสนอผลงาน รวม รวมทงั้ สน้ิ (ดมี าก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยู่ในระดบั ......................... ลงช่ือ..............................................ผปู้ ระเมิน (...........................................) เกณฑ์ตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ๕๖ คมู่ ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลูกเสือประชาธปิ ไตย

๒๔ - ๓๐ ดมี าก ๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ ต่าํ กวา่ ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานกลมุ่ หวั ข้อท่ีประเมนิ ดีมาก (๔) ระดับคณุ ภาพ/คะแนน ปรบั ปรงุ (๑) ๑. ผลงานเปน็ ไป ผลงานสอดคลอ้ ง ดี (๓) พอใช้ (๒) ผลงานไม่สอดคลอ้ ง ตามจุดประสงคท์ ่ี กบั จดุ ประสงค์ทุก กับจุดประสงค์ กําหนด ข้อ/ทกุ ประเดน็ ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ กบั จุดประสงคเ์ ป็น กับจุดประสงค์บาง ส่วนใหญ่/เกอื บทกุ ข้อ/บางประเด็น ประเด็นสมบรู ณ์ สมบูรณ์ ๒. ผลงานเสรจ็ ทนั เสร็จกอ่ นเวลา เสรจ็ ตามเวลาท่ี เสร็จชา้ เวลาท่ี ไมเ่ สร็จ ตามกาํ หนดเวลา กําหนด กําหนด ๓.ผลงานมีความคดิ ผลงานถกู ตอ้ งตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานถูกต้องตาม ผลงานมี รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ หลักวชิ าการและมี หลักวชิ าการและ หลักวชิ าการแต่ยงั ข้อบกพรอ่ งและ มแี นวคดิ แปลกใหม่ ไมม่ ีแนวคดิ ไม่มแี นวคดิ แนวคิดแปลกใหม่ แตย่ ังไม่เป็นระบบ แปลกใหม่ แปลกใหม่ และเป็นระบบ ๔.เน้อื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ ผลงานครบถว้ น ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานไมถ่ กู ตอ้ ง ผลงานมีความ ผลงานครบถว้ น เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ สมบูรณ์ ทกุ ประเดน็ ๕.วิธีการนาํ เสนอ มวี ธิ ีการนาํ เสนอ มีวธิ ีการนาํ เสนอ มวี ิธกี ารนาํ เสนอ มีวธิ กี ารนําเสนอ ผลงานกลุ่ม ผลงานท่ีน่าสนใจ ผลงานทนี่ า่ สนใจ ผลงานทน่ี า่ สนใจ ผลงานไมน่ า่ สนใจ พูดเสียงดังออก พดู เสยี งดงั ออก พูดเสยี งดังออก พูดเสยี งเบาออก เสียงอกั ขระชัดเจน เสยี งอักขระชดั เจน เสียงอกั ขระ เสียงอกั ขระ คลอ่ งแคล่ว แตไ่ มค่ ลอ่ งแคลว่ ไม่ชดั เจนและ ไมช่ ดั เจนและ ไม่คล่องแคลว่ ไม่คล่องแคลว่ ๕๗ คู่มือการฝึกอบรมหลักสตู รลูกเสอื ประชาธปิ ไตย

ช่อื วชิ า ลูกเสือกบั การศกึ ษาเพ่ือความเป็นพลเมือง บทเรียนที่ ๖ เวลา ๑๒๐ นาที ขอบขา่ ยรายวชิ า ๑. ความหมายของประชาชน พลเมือง หนา้ ท่ี สทิ ธิ เสรีภาพและภราดรภาพ ๒. สิทธิ เสรภี าพตามรฐั ธรรมนูญ ๓. การศกึ ษาเพอ่ื สร้างความเปน็ พลเมืองในประเทศไทย จดุ หมาย เพื่อให้ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรม มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏบิ ัติตนเป็นพลเมอื งของชาตไิ ด้ วัตถปุ ระสงค์ เมือ่ จบบทเรยี นนี้แลว้ ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมสามารถ ๑. ระบหุ น้าที่ สทิ ธิ เสรีภาพท่ีถูกตอ้ งตามรฐั ธรรมนูญได้ ๒. นําหลักการประชาธปิ ไตยใชใ้ นการฝกึ อบรมเพือ่ ความเปน็ พลเมอื งของประเทศไทยได้ วิธีสอน/กิจกรรม ๑. บรรยายนําหรอื กจิ กรรมตามยทุ ธศาสตร์พัฒนาการศกึ ษาเพอ่ื สร้างความเปน็ พลเมือง ๒. เกมวเิ คราะหภ์ าพ เกมใบค้ าํ ๓. บทบาทสมมติ โดยใชค้ าํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ๔. กิจกรรมฐานศกึ ษาหนา้ ที่ของปวงชนชาวไทย ฐานที่ ๑ - เร่อื ง การรักษาไว้ซึง่ ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ฐานที่ ๒ - เรอ่ื ง ปอ้ งกันประเทศ ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ฐานท่ี ๓ - เร่อื ง การใช้สิทธิเลือกตั้ง ฐานท่ี ๔ - เรือ่ ง ชว่ ยเหลอื ราชการปกปอ้ งศลิ ปวฒั นธรรม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ฐานที่ ๕ – เรื่อง ธรรมาภบิ าลของภาครัฐ (ใชเ้ วลาปฏิบตั ิกจิ กรรมฐานละ ๒๐ นาที) ๕. วิทยากรใหฟ้ งั เพลงเช่นเพลงต้นไม้ของพอ่ หรือของขวญั จากก้อนดินและสร้างความตระหนกั การเป็นพลเมืองของประเทศไทย โดยสรุปจากพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว ฯ ส่ือการสอน ๑. ภาพบุคคลอาชีพต่าง ๆ ๒. แผนภมู ิเรอ่ื งสทิ ธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนญู (หมวดท่ี ๓) ๓. ภาพ - ขา่ ว สถานการณต์ า่ ง ๆ จากหนงั สอื พิมพ์ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั สทิ ธิเดก็ ตามรัฐธรรมนญู ๕๘ ค่มู ือการฝึกอบรมหลกั สูตรลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

๔. เพลง ตน้ ไม้ของพอ่ ของขวัญจากกอ้ นดนิ ฯลฯ ๕. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ๖. ใบความร้ทู ่ี ๖.๑ เร่ือง หนา้ ทขี่ องปวงชนชาวไทย ๗. ใบความรทู้ ่ี ๖.๒ เรือ่ ง การศึกษาเพ่อื ความเปน็ พลเมอื ง ๘. ใบความร้ทู ี่ ๖.๓ เรื่อง คาํ ปฏิญาณ และกฎของลูกเสอื ๙. ใบกิจกรรมบทบาทสมมติ การประเมินผล ๑. วิธกี ารวดั ผล : สงั เกตพฤตกิ รรม ประเมนิ ความรู้ ประเมนิ ผลงาน ๒. เคร่ืองมอื วัดผล : แบบสังเกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ความรู้ แบบประเมนิ ผลงานกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมินผล : ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ เอกสารอา้ งอิง/แหลง่ ขอ้ มลู ๑. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ ๒. ยทุ ธศาสตรพ์ ฒั นาการศึกษาเพอื่ สรา้ งความเปน็ พลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๖๑ ของ คณะอนุกรรมการ กนป. สาํ นกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๓. เว็บไซต์รฐั สภา 22www.parliament.go.th H ๔. เว็บไซต์สาํ นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง 23www.ect.go.th H ๕. เวบ็ ไซตส์ ํานกั งานลูกเสือแหง่ ชาติ 24www.scoutthailand.org H ๖. เว็บไซต์สาํ นกั การลูกเสอื ยวุ กาชาด และกิจการนักเรียน 25www.bureausrs.org H ๗. เวบ็ ไซตส์ ถาบนั พระปกเกล้า www.kpi.ac.th เน้อื หาวชิ า ๑. หน้าทีข่ องปวงชนชาวไทย ๒. การศึกษาเพอื่ ความเปน็ พลเมือง ๓. คาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ๕๙ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ใบความร้ทู ่ี ๖.๑ เรอ่ื ง หนา้ ท่ขี องปวงชนชาวไทย ๑. หมวด ๔ หน้าทขี่ องชนชาวไทย ในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๗๐ บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุขตามรฐั ธรรมนูญนี้ มาตรา ๗๑ บคุ คลมีหนา้ ท่ปี ้องกนั ประเทศ รกั ษาผลประโยชนข์ องชาติ และปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย มาตรา ๗๒ บุคคลมีหนา้ ทไี่ ปใชส้ ิทธิเลอื กต้ัง บุคคลซ่ึงไปใช้สิทธิหรือไม่ไปใช้สิทธิโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควร ที่ทําให้ไม่อาจไปใช้สิทธิได้ ย่อมได้รับสทิ ธหิ รอื เสยี สิทธติ ามท่กี ฎหมายบัญญัติ การแจ้งเหตุที่ทําให้ไม่อาจไปเลือกตั้งและการอํานวยความสะดวกในการไปเลือกต้ังให้เป็นไป ตามทก่ี ฎหมายบัญญตั ิ มาตรา ๗๓ บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร ช่วยเหลือในการป้องกัน และบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม พิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและ ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ และอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ทั้งน้ี ตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา ๗๔ บคุ คลผู้เปน็ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อ่ืนของรัฐ มีหน้าที่ดําเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพ่ือรักษาประโยชน์ส่วนรวม อํานวย ความสะดวก และให้บริการแกป่ ระชาชนตามหลักธรรมาภบิ าลของการบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งทดี่ ี ในการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติการอื่นที่เก่ียวข้องกับประชาชน บุคคลตามวรรคหนึ่งต้อง วางตนเปน็ กลางทางการเมือง ในกรณีท่ีบุคคลตามวรรคหนึ่งละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามวรรคหน่ึงหรือ วรรคสอง บุคคลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียย่อมมีสิทธิขอให้บุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือผู้บังคับบัญชาของบุคคลดังกล่าว ชแี้ จง แสดงเหตผุ ล และขอใหด้ าํ เนนิ การให้เปน็ ไปตามบทบญั ญตั ิในวรรคหนง่ึ หรอื วรรคสองได้ หนา้ ที่ของปวงชนชาวไทย รัฐธรรมนูญนอกจากจะคุ้มครองสิทธิของประชาชนโดยเท่าเทียมกันแล้ว ยังได้กําหนดหน้าท่ี ของประชาชนไทยไวห้ ลายประการสาํ คัญคือ หนา้ ทีพ่ ลเมอื งกาํ หนดใหป้ ระชาชนชาวไทยมีหน้าท่ีปฏิบัติตนตามกฎหมายป้องกนั ประเทศรับ ราชการทหาร เสยี ภาษอี ากร พทิ ักษ์ ปกปอ้ ง สืบสานศิลปะ วฒั นธรรม และภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น รวมทั้งการรักษา ไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมขุ ๖๐ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธิปไตย

หน้าท่ีตามกฎหมายเลือกต้ัง กําหนดให้ประชาชนชาวไทยทุกคนมีหน้าที่ไปใช้สิทธ์ิเลือกต้ัง ถ้าใครไม่ไปเลือกต้ังโดยไม่แจ้งเหตุก็จะทําให้เสียสิทธิตามที่กฎหมายกําหนดสิทธิเลือกต้ังของประชาชนท่ีสําคัญ กว่านั้น คือ การที่ประชาชนพึงตระหนักถึงความรับผดิ ชอบต่อบ้านเมืองที่ประชาชนควรเป็นผู้กําหนดถึงภาระ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมท่ีจะเลือกคนดี เพ่ือไม่ให้ประเทศสูญเสียโอกาสน้ี เพราะการเลือกต้ังเป็น วาระแหง่ ชาตแิ ละภาระทางการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธปิ ไตย ใบความรู้ท่ี ๖.๒ เรอื่ ง การศึกษาเพือ่ ความเปน็ พลเมือง การศึกษาเพอ่ื ความเป็นพลเมอื ง นับต้ังแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เมื่อ “คณะราษฎรได้ขอร้องให้อยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน สยาม เพ่ือท่ีบ้านเมืองจะได้เจริญขึ้น และโดยท่ีได้ทรงยอมรับตามคําขอร้องของคณะราษฎร” พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ช่ัวคราว พุทธศักราช ๒๔๗๕ ซึ่งมาตรา ๑ บัญญัติว่า “อํานาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎร ทั้งหลาย” อํานาจอธิปไตยอันแต่เดิมเป็นของพระมหากษัตริย์ จึงได้กลายเป็นของ “ราษฎรทั้งหลาย” โดย เจ้าของอํานาจแต่เดิมได้ทรงลงพระปรมาภิไธยมอบอํานาจนั้นให้แก่ราษฎรท้ังหลายโดยพระองค์เอง ระบอบ “ประชาธิปไตย” (ประชา – อธิปไตย) ท่ีอํานาจสูงสุดของประเทศ (อํานาจอธิปไตย) เป็นของประชาชน โดยมี พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข กไ็ ด้เริม่ ตน้ ขึน้ ในประเทศไทยนบั แต่นัน้ มา “ประชาธิปไตย” คือการปกครองโดยประชาชน หรือประชาชนปกครองตนเอง ประชาธิปไตยจึงมาอาจ ประสบความสําเรจ็ ได้ ถ้าประชาชนไม่มคี วามสามารถในการปกครองกันเองตามระบอบประชาธิปไตย ประเทศ ต่าง ๆ ท่ีเคยประสบปัญหากับการปกครองระบอบประชาธิปไตย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศ เยอรมนี เปน็ ต้น จึงได้ตระหนักว่าประชาธิปไตยจะประสบความสําเร็จได้ ไม่ใช่เพียงแต่มีรัฐธรรมนูญที่ดีเท่านั้น แต่ประชาชนจะต้องเป็น “พลเมือง” ตามระบอบประชาธิปไตยด้วย กล่าวคือ มีสมาชิกของสังคมที่ใช้สิทธิ เสรีภาพโดยมีความรับผิดชอบ เคารพสิทธิผู้อื่น เคารพความแตกต่าง เคารพกติกา ประชาธิปไตยจึงจะประสบ ความสําเร็จได้ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเยอรมนี จึงจัดให้มี การศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง (Civil Education) ขึ้นมา และประสบความสําเร็จในการสร้างพลเมือง จนเป็นตัวอย่างให้กับประเทศต่าง ๆ และปัจจุบันการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองได้กลายเป็นปัจจัยความสําเร็จในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยของประเทศตา่ ง ๆ ท่ัวโลก สําหรับประเทศไทยนั้น ถึงแม้จะเคยมี “วิชาหน้าที่พลเมือง” เป็นวิชาเฉพาะในหลักสูตรการศึกษา พ้นื ฐานทนี่ ักเรยี นทุกคนต้องเรยี น แต่ “วชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมือง” ไดถ้ กู ลดความสําคญั ให้เหลือเพียงเป็นสาระหน่ึงใน สาระการเรียนรู้สังคมศึกษาเท่าน้ัน และเป็นวิชาท่ีแทบไม่มีผลกับการเรียนต่อหรือการเข้ามหาวิทยาลัย ทําให้ ผู้เก่ียวข้องไม่ให้ความสําคัญและขาดการพัฒนาให้เหมาะสมกับยุคสมัย เนื้อหาก็เป็นวิชาการมากและยาก เกินไปสําหรับนักเรียน และน่าเบื่อ และทําให้การศึกษาขั้นพื้นฐานของชาติไม่สามารถสร้างเด็กและเยาวชนให้ เป็น”พลเมอื ง” ใหก้ ับประเทศไทยได้ หลักสูตรและวิธีการจัดการเรียนการสอนเน้นความรู้ภาคทฤษฎีและวิธีการบรรยาย ท้ัง ๆ ท่ี ความเป็น พลเมือง คือ การเคารพตนเอง เคารพผู้อ่ืน เคารพกติกา และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ฯลฯ และการได้มาซึ่ง ๖๑ คู่มือการฝกึ อบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธปิ ไตย

คุณลกั ษณะดังกลา่ วต้องจดั การเรยี นการสอนแบบคดิ วเิ คราะห์ ฝกึ ฝน ผ่านกจิ กรรมเชิงกระบวนการเรียนรู้ของ กล่มุ ร่วมกัน พัฒนาทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง การแลกเปล่ียนเรียนรู้ เพ่ือให้เกิดความรู้สึก ความผูกพันฉันท์มิตร และเขา้ ใปสมั ผัสความจรงิ ในชุมชน ในสงั คม ครู ผบู้ รหิ าร ผู้ปกครอง และผู้ใหญ่ในสังคมมักใช้ความสัมพันธ์เชิงอํานาจท่ีไม่เคารพศักดิ์ศรีผู้อ่อนอาวุโส และไม่เป็นต้นแบบความเป็นพลเมือง ทําให้เด็กและเยาวชน ขาดผู้นําที่สร้างแรงบันดาลใจ จึงทําให้วิถีชีวิต ครอบครัวไทย นอกจากไม่สอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยังหลงลืมการบ่มเพาะ “ต้นกล้าแห่ง ความเป็นพลเมือง” ให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย หาก “สังคมพลเมือง” คือ สังคมที่สมาชิกเคารพกติกา และร่วมกัน ขับเคล่ือน ดูแล แก้ไขเสมือนชุมชน สังคม ประเทศชาติ คือ ครอบครัวของเขาเอง สังคมไทยในวันน้ียังต้องใช้ เวลาในการเดนิ ทางอกี ระยะหนึ่ง เพื่อก้าวสู่ “สงั คมพลเมือง” หลกั การสร้างความเปน็ พลเมอื ง “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตย แตกต่างจากพลเมืองของระบอบอื่นท่ีพลเมืองจะมี “คุณสมบัติ” อย่างไร จะเป็นไปตามท่ีผู้มีอํานาจประสงค์จะให้เป็น ขณะที่ระบอบประชาธิปไตย เจ้าของอํานาจสูงสุด คือ ประชาชน ดังน้ัน ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอํานาจจึงกําหนดชีวิตตนเองได้ “ประชาชน” ในระบอบ ประชาธิปไตย จึงแตกต่างหลากหลายได้ เมื่อแตกต่างหลากหลายได้ จึงต้องเคารพซึ่งกันและกัน และใช้กติกา ในการแก้ปัญหา จึงจะสามารถอยู่ร่วมกันตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตย สามารถสรุปคณุ สมบัติได้ ๖ ประการ คอื ๑. มีอสิ รภาพ (liberty) และพึ่งตนเองได้ (independent) ไมอ่ ยภู่ ายใต้การครอบงาํ ของระบบอุปถมั ภ์ ๒. เคารพสิทธิผ้อู น่ื ไมใ่ ชส้ ทิ ธเิ สรภี าพของตนเองไปละเมดิ สิทธิเสรภี าพของบุคคลอ่ืน ๓. เคารพความแตกตา่ ง มที ักษะในการฟัง และยอมรับความคดิ เหน็ ท่แี ตกต่างจากตนเอง ๔. เคารพหลักความเสมอภาค เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อ่ืน และเห็นคนเท่าเทียมกัน มองคน เปน็ แนวระนาบ ไม่ใชแ่ นวด่งิ ๕. เคารพกติกา เคารพกฎหมาย ใช้กติกาในการแก้ปัญหา ไม่ใช้กําลัง และยอมรับผลของการละเมิด กฎหมาย ๖. รับผิดชอบต่อสังคม ตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม กระตือรือร้นท่ีจะรับผิดชอบ และร่วม แกไ้ ขปญั หาสงั คมโดยเรม่ิ ต้นทตี่ นเอง การศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง จึงไม่ใช่การสอนด้วยการ “บรรยาย” แต่ผู้สอนต้องพัฒนาการ สอนในรูปแบบ “กิจกรรม” และ “การลงมือปฏิบัติ” หรือ การเรียนการสอนผ่าน “กระบวนการคิด วิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติ” ข้ึนมา เสมือนเช่นการใช้กระบวนการลูกเสือเข้าไปจัดกิจกรรมเพ่ือให้เกิดความสมบูรณ์ของความ เป็นพลเมือง ๖๒ คมู่ ือการฝึกอบรมหลกั สตู รลกู เสือประชาธิปไตย

ใบความรทู้ ี่ ๖.๓ เรือ่ ง คาํ ปฏิญาณ และกฎของลกู เสือ คาํ ปฏญิ าณของลูกเสือสาํ รอง ด้วยเกียรตขิ องข้า ข้าสัญญาว่า On my honor , I promise ขอ้ ๑ ขา้ จะจงรักภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้อ ๒ ข้าจะยดึ มั่นในกฎของลกู เสือสาํ รอง และบําเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ นื่ ทุกวัน กฎของลกู เสือสํารอง ขอ้ ๑ ลกู เสอื สาํ รองทําตามลกู เสอื รนุ่ พี่ ขอ้ ๒ ลกู เสือสาํ รองไม่ทําตามใจตนเอง คาํ ปฏญิ าณของลกู เสือสามญั ลูกเสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ และลกู เสอื วสิ ามญั ดว้ ยเกียรตขิ องข้า ขา้ สัญญาว่า ข้อ ๑ ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้อ ๒ ขา้ จะช่วยเหลือผอู้ ่ืนทุกเม่ือ ขอ้ ๓ ขา้ จะปฏิบัตติ ามกฎของลูกเสอื กฎของลกู เสอื สามญั ลกู เสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ และลกู เสอื วสิ ามญั ข้อ ๑ ลกู เสือมเี กียรตเิ ชอ่ื ถือได้ A scout’s honor is to be trusted. ข้อ ๒ ลกู เสอื มคี วามจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และซื่อตรงต่อผ้มู ีพระคุณ A scout is loyal. ขอ้ ๓ ลกู เสือมหี น้าทก่ี ระทําตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์และช่วยเหลือผอู้ น่ื A scout’s duty is to be useful to help others. ข้อ ๔ ลูกเสือเปน็ มิตรของคนทุกคน และเปน็ พน่ี ้องกบั ลกู เสืออ่ืนทว่ั โลก A scout is a friend to all and a brother to every other scouts. ข้อ ๕ ลกู เสอื เป็นผูส้ ภุ าพเรียบร้อย A scout is courteous. ข้อ ๖ ลูกเสอื มคี วามเมตตากรุณาต่อสัตว์ A scout is a friend to animal. ข้อ ๗ ลกู เสือเชอ่ื ฟงั คาํ สงั่ สอนของบิดามารดา และผบู้ งั คบั บัญชาดว้ ยความเคารพ A scout obeys orders of his parents, Patrol Leader and Scoutmaster without question. ๖๓ คู่มือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ขอ้ ๘ ลกู เสอื มใี จรา่ เรงิ และไม่ยอ่ ท้อต่อความยากลาํ บาก A scout smiles and whistles under all difficulties. ขอ้ ๙ ลกู เสอื เป็นผมู้ ัธยัสถ์ A scout is thrifty. ขอ้ ๑๐ ลกู เสอื ประพฤติชอบ ดว้ ยกาย วาจา ใจ A scout is clean in thought, word and deed. ใบกจิ กรรมบทบาทสมมติ ให้ลกู เสือประชมุ เพอื่ นาํ องคค์ วามรู้เรอ่ื ง “หน้าที่ชนชาวไทย“ ท่ีได้ศึกษาจากฐานกิจกรรมแสดงบทบาทสมมติ ๑. ให้ลูกเสือประชุมเพื่อนําองค์ความรู้เร่ืองหน้าที่ชนชาวไทย คิดการแสดงบทบาทสมมติเสนอต่อ ทีป่ ระชุม (๑๕ นาที) ๒. ลูกเสือแตล่ ะหมูแ่ สดงบทบาทสมมตติ อ่ ทีป่ ระชมุ (๑๕ นาที) ๖๔ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธิปไตย

ตวั อยา่ งแบบประเมนิ แบบประเมินพฤติกรรมการทาํ งานของกลมุ่ กลุม่ ที่ ……………………………….. คาํ ชแ้ี จง ทาํ เครอ่ื งหมายในช่องทต่ี รงกบั ความจริง ระดบั ความพงึ พอใจ ขอ้ รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั (๔) (๓) (๒) ปรงุ (๑) ๑ มกี ารปรึกษาและวางแผนร่วมกันกอ่ นทํางาน ๒ มีการแบ่งหน้าที่อยา่ งเหมาะสมและสมาชกิ ตามหนา้ ที่ทุกคน ๓ ปฏบิ ตั ิหน้าท่ตี ามข้ันตอน ๔ มกี ารใหค้ วามชว่ ยเหลือกัน ๕ ทํางานเป็นไปตามวตั ถุประสงค์ทก่ี าํ หนด ๖ ทํางานเสรจ็ ตามกาํ หนดเวลา ๗ แสดงออกถึงความคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ ๘ นาํ ความรู้ทไี่ ด้มาประยกุ ต์ใช้ ๙ สามารถใหค้ ําแนะนาํ กลมุ่ อน่ื ได้ ๑๐ จัดวสั ดุ อุปกรณ์ เรียบรอ้ ย หลังเลกิ ปฏบิ ตั ิงาน รวม รวมทัง้ สน้ิ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยูใ่ นระดับ......................... ลงชอื่ ..............................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและสมา่ํ เสมอ ถอื วา่ ดีมาก ให้ ๔ คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติชดั เจนและบ่อยครั้ง พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างคร้ัง ถือวา่ ดี ให้ ๓ คะแนน ถือวา่ ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน ๖๕ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลกู เสือประชาธปิ ไตย

พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตนิ าน ๆ คร้งั ถอื วา่ ปรับปรุง ให้ ๑ คะแนน เกณฑต์ ดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดีมาก ๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ต่ํากวา่ ๑๐ - ๑๖ ปรบั ปรงุ ตัวอย่างแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานของกลุม่ กล่มุ ท่ี ……………………………….. ข้อ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ผลงานเปน็ ไปตามจุดประสงค์ ๒ ผลงานเสร็จทนั เวลา ๓ ผลงานมีความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ ๔ เนอื้ หาสาระของผลงานมีความสมบรู ณ์ ๕ วธิ ีการนําเสนอผลงาน รวม รวมทัง้ สน้ิ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรบั ปรุง) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยู่ในระดบั ......................... ลงชอ่ื ..............................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................) เกณฑ์ตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดีมาก ๖๖ คู่มือการฝึกอบรมหลกั สตู รลูกเสอื ประชาธิปไตย

๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ตาํ่ กว่า ๑๐ - ๑๖ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานกลมุ่ หัวข้อทป่ี ระเมนิ ดีมาก (๔) ระดบั คณุ ภาพ/คะแนน ปรบั ปรุง (๑) ๑. ผลงานเปน็ ไป ผลงานสอดคลอ้ ง ดี (๓) พอใช้ (๒) ผลงานไม่สอดคลอ้ ง ตามจุดประสงคท์ ี่ กบั จดุ ประสงคท์ กุ กบั จุดประสงค์ กาํ หนด ข้อ/ทกุ ประเด็น ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ กับจดุ ประสงคเ์ ปน็ กับจดุ ประสงค์บาง สว่ นใหญ่/เกือบทกุ ข้อ/บางประเด็น ประเดน็ สมบูรณ์ สมบูรณ์ ๒. ผลงานเสร็จทนั เสรจ็ ก่อนเวลา เสรจ็ ตามเวลาที่ เสรจ็ ชา้ กวา่ เวลาท่ี ไม่เสรจ็ ตามกําหนดเวลา กําหนด กําหนด ๓.ผลงานมีความคดิ ผลงานถกู ตอ้ งตาม ผลงานถูกตอ้ งตาม ผลงานถูกต้องตาม ผลงานมี รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ หลกั วชิ าการและมี หลกั วิชาการและมี หลกั วิชาการแตย่ งั ขอ้ บกพรอ่ งและ แนวคดิ แปลกใหม่ ไมม่ ีแนวคิด ไมม่ ีแนวคดิ แนวคิดแปลกใหม่ แตย่ งั ไม่เป็นระบบ แปลกใหม่ แปลกใหม่ และเป็นระบบ ๔.เนอ้ื หาสาระ เน้ือหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ของผลงานมี ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานไมถ่ ูกต้อง ความสมบูรณ์ ผลงานครบถ้วนทุก ผลงานครบถ้วน เปน็ บางประเด็น เปน็ สว่ นใหญ่ ประเด็น เป็นส่วนใหญ่ ๕.วธิ ีการนําเสนอ มวี ิธีการนําเสนอ มวี ิธกี ารนําเสนอ มีวธิ กี ารนาํ เสนอ มีวธิ ีการนาํ เสนอ ผลงานกลุ่ม ผลงานทน่ี า่ สนใจ ผลงานทน่ี า่ สนใจ ผลงานที่นา่ สนใจ ผลงานไมน่ า่ สนใจ พูดเสียงดงั ออก พูดเสียงดงั ออก พูดเสยี งดังออก พูดเสียงเบาออก เสียงอกั ขระชัดเจน เสียงอกั ขระชัดเจน เสียงอกั ขระ เสียงอกั ขระ คลอ่ งแคล่ว แต่ไม่คล่องแคล่ว ไม่ชัดเจนและ ไม่ชดั เจนและ ไม่คลอ่ งแคลว่ ไม่คล่องแคล่ว ๖๗ ค่มู ือการฝกึ อบรมหลักสูตรลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ช่ือวชิ า รวมพลงั ลกู เสอื ประชาธปิ ไตย “ระบบหม”ู่ บทเรยี นที่ ๗ เวลา ๑๒๐ นาที ขอบข่ายรายวชิ า ๑. ชแี้ จง กจิ กรรมในการฝกึ อบรม และการปฏิบัตติ นระหวา่ งการฝึกอบรม ๒. ระบบหมู่ ทป่ี ระชุมนายหม่กู ับและหลกั การพ้ืนฐานของประชาธปิ ไตย จดุ หมาย เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมสามารถอย่รู ว่ มกันอยา่ งมคี วามสขุ ในระบอบประชาธิปไตย วัตถปุ ระสงค์ เมอ่ื จบบทเรยี นนแี้ ลว้ ผูเ้ ข้ารบั การฝกึ อบรมสามารถ ๑. อธิบายบทบาท หน้าที่ ความรับผดิ ชอบและปฏิบตั ิตนระหวา่ งการฝึกอบรมได้ ๒. ปฏบิ ัตติ ามวิธกี ารลูกเสอื ทีส่ อดคลอ้ งกบั หลักประชาธิปไตย วิธสี อน/กจิ กรรม รปู แบบท่ี ๑ ๑. บรรยายนําเรื่องบทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบ และการปฏิบัติตนระหว่างการฝึกอบรม ประกอบวิดที ศั น์ เรอื่ ง การประชุมคณะกรรมการดําเนนิ งานของกองลกู เสือ โสตทศั นปู กรณแ์ ละแผนภูมิ ๒. สาธติ การประชมุ นายหมู่โดยคณะวิทยากร ๓. แบง่ กลุ่มผู้เข้ารบั การฝึกอบรมใหไ้ ปดําเนินการประชมุ นายหมู่โดยมีวทิ ยากรประจาํ หมูเ่ ปน็ ทปี่ รกึ ษา ๔. วทิ ยากรสรปุ ให้เห็นวา่ ระบบหมูล่ กู เสือและการประชมุ นายหมเู่ ป็นพ้ืนฐานของประชาธปิ ไตย รูปแบบท่ี ๒ ๑. บรรยายนาํ เรอื่ งบทบาท หน้าท่ี ความรับผดิ ชอบ และการปฏบิ ตั ิตนระหวา่ งการฝึกอบรม ประกอบวิดที ศั น์ เรอ่ื ง การประชมุ คณะกรรมการดําเนินงานของกองลกู เสอื โสตทศั นปู กรณ์ และแผนภูมิ ๒. คัดเลือกตัวแทนผู้เข้ารับการฝึกอบรมแต่ละหมู่สาธิตการประชุมนายหมู่ ต่อหน้าท่ีประชุม โดย วทิ ยากรกาํ หนดหวั ขอ้ การประชุม เน้นให้เหน็ ขน้ั ตอนและวิธีการในการประชมุ ๓. วิทยากรสรุปให้เหน็ วา่ ระบบหมูล่ ูกเสือและการประชุมนายหมนู่ น้ั เป็นพ้ืนฐานของประชาธิปไตย รปู แบบที่ ๓ ๑. บรรยายนําเรือ่ งบทบาท หน้าท่ี ความรับผิดชอบ และการปฏบิ ตั ิตนระหว่างการฝกึ อบรม ประกอบวิดที ัศน์ เรื่อง การประชุมคณะกรรมการดาํ เนนิ งานของกองลูกเสือ โสตทัศนปู กรณแ์ ละแผนภูมิ ๒. มอบหมายใหผ้ ู้เข้ารับการฝึกอบรมแตล่ ะหมูจ่ ดั การประชุมนายหมู่ โดยมวี ิทยากรประจําหมเู่ ปน็ ผสู้ งั เกตให้คําแนะนาํ ๖๘ คูม่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลูกเสือประชาธปิ ไตย

๓. วิทยากรสรปุ ใหเ้ หน็ วา่ ระบบหมลู่ ูกเสอื และการประชมุ นายหม่เู ปน็ พนื้ ฐานของประชาธิปไตย สือ่ การสอน ๑. วีดิทัศน์ เรอ่ื ง การประชุมคณะกรรมการดําเนินงานของกองลกู เสือ ๒. แผนภูมริ ูปแบบการจัดประชมุ นายหมู่ ๓. ส่อื โสตทัศนปู กรณ์ ๔. ใบความรู้ เร่อื ง ระบบหมู่/ การประชุมนายหมู่ ๕. ตวั อย่างหัวขอ้ การประชุมนายหมู่ - การอยู่ค่ายพักแรม - การบาํ เพญ็ ประโยชน์ - กิจกรรมเดนิ ทางไกล - การปฏบิ ตั ติ นในการอยู่รว่ มกนั อย่างมีความสุข ฯลฯ การประเมินผล ๑. วธิ กี ารวดั ผล : สังเกตพฤตกิ รรม ประเมินความรู้ ประเมนิ ผลงาน ๒. เครือ่ งมือวัดผล : แบบสงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ความรู้ แบบประเมินผลงานกล่มุ ๓. เกณฑก์ ารประเมินผล : ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ เอกสารอา้ งอิง / แหล่งข้อมลู ๑. ขอ้ บงั คบั คณะลกู เสือแห่งชาติว่าดว้ ยการปกครอง หลกั สูตรและวิชาพเิ ศษ ๒. ธรรมนญู ลกู เสือโลก ๓. เว็บไซตร์ ฐั สภา 26www.parliament.go.th H ๔. เวบ็ ไซต์สํานกั งานคณะกรรมการการเลือกตงั้ 27www.ect.go.th H ๕. เวบ็ ไซดส์ ํานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ 28www.scoutthailand.org H ๖. เว็บไซด์สํานกั การลูกเสือ ยวุ กาชาด และกิจการนกั เรยี น 29www.bureausrs.org H ๗. เว็บไซตส์ ถาบันพระปกเกลา้ www.kpi.ac.th เนอื้ หาวิชา ๑. ระบบหม/ู่ การประชมุ นายหมู่ ๖๙ ค่มู ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธิปไตย

ใบความรทู้ ่ี ๑ เร่ือง ระบบหมู่ / การประชมุ นายหมู่ ระบบหมู่ (THE PATROL SYSTEM) หมู่ลูกเสือเป็นหน่วยรากฐานสําคัญในการดําเนินงานของกองลูกเสือ เป็นการสร้างค่านิยมให้แก่เด็กท่ี อยู่ในวัยที่จะเป็นลูกเสือ สามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมในเรื่องหน้าท่ีและความรับผิดชอบได้เป็น อย่างดี หม่ลู กู เสอื ตามปกติจะเปน็ หนว่ ยฝกึ อบรมทเ่ี ลก็ ท่ีสุดในกองลกู เสอื “หม่ลู ูกเสอื ” ต้องมจี ํานวนลูกเสอื ไมน่ ้อยกว่า ๔ คน และอย่างมากไม่เกิน ๘ คน โดยกาํ หนดหนา้ ทแ่ี ละความรับผิดชอบ ดังน้ี (๑) นายหม่ลู กู เสือ (๒) รองนายหมลู่ ูกเสือ (๓) พลาธกิ าร (๔) คนครัว (๕) ผู้ช่วยคนครัว (๖) คนหานํ้า (๗) คนหาฟืน (๘) ผู้ชว่ ยเหลือท่ัวไป “\"หมู่ลูกเสือ\" จึงเป็นหน่วยที่มีความสําคัญ เป็นหน่วยท่ีมีคุณประโยชน์โดยเฉพาะในทางปฏิบัติและ การเลน่ เกม ความจาํ เป็นในเร่ืองระบบหมู่ จะเห็นไดจ้ ากการจดั ต้งั กล่มุ เฉพาะกจิ ขนึ้ เพอ่ื ความมุ่งประสงค์โดยเฉพาะ ในการท่จี ะได้ประสบกบั ความต้องการอันจําเป็นในการท่ีจะไดจ้ ดั ใหม้ ีการศึกษาเป็นกรณพี เิ ศษขน้ึ ในเร่อื งนั้น ๆ \"ระบบหมู่\" ของลูกเสือจึงมีความสําคัญเช่นเดียวกับกลุ่มเฉพาะกิจ และเป็นรากฐานถาวรที่สร้าง กองลกู เสือใหเ้ ป็นปกึ แผน่ โดยมนี ายหมู่เป็นผู้นํา จึงไดก้ าํ หนดหนา้ ทีข่ องนายหมูไ่ วด้ งั นี้ และมสี ว่ น ๑. เปน็ สมาชกิ ท่ปี ระชุมคณะกรรมการดาํ เนินงานของกอง เพอื่ รว่ มกันประชุมพิจารณา การดําเนนิ งานของกองลกู เสือ ๒. ในการประชมุ ประจาํ สปั ดาห์ นายหมู่จะตอ้ งเรยี นรู้ ทราบเค้าโครงของกาํ หนดการ รับผิดชอบดว้ ย รวมไปถึงความรับผดิ ชอบท่มี ีต่อสมาชิกภายในหมขู่ องตนด้วย ๓. มีความรับผิดชอบต่อกําหนดการฝึกอบรมเกี่ยวกับกิจกรรมของหมู่ นอกเหนือจากกําหนดการ ฝึกอบรมของกอง เช่น การเดินทางสํารวจและการไปเย่ียมเยียนอื่น ๆ ในวันสุดสัปดาห์และความก้าวหน้าเป็น รายบุคคลของสมาชิกภายในหม่ขู องตน ๔. การบริหารงานของหมู่ คือการใช้การประชุมภายในหมู่ (PATROL IN COUNCIL) เป็นอุปกรณ์ใน การบริหารงานของหมู่ ๗๐ คู่มือการฝึกอบรมหลักสูตรลูกเสือประชาธปิ ไตย

ระบบหมู่ เป็นโครงสร้างที่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องท่ีจะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์และความเหมาะสม นายหมู่ลกู เสอื จะต้องปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ในฐานะผ้อู าวุโสในหมู่ และทาํ หนา้ ท่ฝี กึ อบรมลูกเสือภายในหมูข่ องตนดว้ ย การประชุมนายหมู่ (COURT OF HONOUR) และที่ประชุมคณะกรรมการดําเนินงานของกอง (PATROL LEADER'S COUNCIL) ๑. มีหน้าท่ีรับผิดชอบเก่ียวกับการจัดดําเนินงานทั่วไป การบริหารงานภายในกองลูกเสือท้ังหมด รวมไปถึงการใช้จา่ ยเกยี่ วกบั การเงินของกองลูกเสือด้วย ๒. ผู้บงั คบั บญั ชาลกู เสืออยู่เบอื้ งหลัง คอยใหค้ ําแนะนําและเสนอแนะ เม่ือเห็นว่านายหมู่กําลังจะหลง ทางหรือปฏิบตั ิในเรอ่ื งที่ไม่ถกู ตอ้ ง นี่เป็นวธิ ีการฝกึ อบรมอย่างหนงึ่ และก่อนอ่นื ลูกเสอื ต้องได้รับการฝึกอบรมให้ เขา้ ใจวธิ ีการน้เี สยี ก่อน ๓. ถ้าไมท่ ําให้นายหมูเ่ หน็ จริงโดยทันทีทนั ใดแลว้ เขาก็จะไมส่ ามารถท่ีจะมองเหน็ วถิ ีทางที่ถกู ต้อง ในการที่จะปฏิบัติตามแนวทางของตนเองได้ ผู้กํากับหรือรองผู้กํากับลูกเสือไม่ควรไปบีบบังคับหรือกระทําใน ลกั ษณะเป็นเชิงการต่อต้านต่อความคดิ เหน็ ของทป่ี ระชมุ นายหมู่ ควรหาวิธที ด่ี ีทีส่ ุดในการปฏบิ ตั ิต่อเร่ืองเหล่านี้ โดยให้เขาได้รู้จักกับ \"การให้และการรับ\" ซ่ึงเป็นเร่ืองที่เขาจะมีชีวิตผูกพันอยู่กับสังคมหรือชุมชนต่อไปใน อนาคต ๔. หนา้ ทขี่ องท่ปี ระชมุ คณะกรรมการดาํ เนินงานของกองลกู เสอื มดี ังตอ่ ไปนี้ ๑) วางแผนและจัดรายงานกิจกรรมประจําของกองลูกเสือ ๒) ในกรณที ่ีมกี ิจกรรมพิเศษ อาจพิจารณาแต่งตงั้ ลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญใ่ นกองคนหนึ่งใหเ้ ปน็ หวั หน้ากิจกรรมนน้ั ๓) บริหารกิจการภายในกองลกู เสอื ๔) รกั ษาเกยี รติของกองลูกเสอื ๕) ควบคมุ การรบั จา่ ยเงินของกองลกู เสือ ๖) ให้ประธานหรือผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมายเป็นผ้แู ทนของกอง ในการตดิ ต่อกับบุคคลภายนอก ๕. \"รักษาเกียรติของกองลูกเสือ\" วินัยของลูกเสือไม่ได้เกิดข้ึนมาจากการฝึกอบรมของผู้กํากับลูกเสือ ฝ่ายเดียว ที่ประชุมนายหมู่จะเป็นหูเป็นตาของกองลูกเสือคอยดูแลว่าลูกเสือในกองได้ปฏิบัติตนในฐานะเป็น ลกู เสอื สามญั ร่นุ ใหม่ตลอดเวลาหรือไม่ ๖. จัดและวางแผนเก่ียวกับกิจกรรมของกอง มีการฝึกอบรมข้ันพ้ืนฐานเป็นรายสัปดาห์ มีโครงการ เดินทางสํารวจในฤดูร้อน หรือในระยะเวลาอ่ืนใดตามความเหมาะสม การจัดดําเนินการเกี่ยวกับเรื่องน้ีท้ังหมด เปน็ หน้าทข่ี องทป่ี ระชมุ นายหมู่ ๗. พิจารณาดแู ลความก้าวหน้าของลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่แต่ละคน ที่ประชุมคณะกรรมการดําเนินงาน ของกองต้องสํานึกถึงความรู้สึกรับผิดชอบที่มีต่อความก้าวหน้าของสมาชิก วัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ตามตาราง การฝึกอบรม และการกาํ หนดกจิ กรรม การประชุมภายในหมู่และกองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ (THE PATROL AND TROOP IN COUNCIL) การประชมุ ภายในหมู่ ควรจะมอี ย่างนอ้ ยเดอื นละ ๑ คร้ัง อาจจะเปน็ กอ่ นท่ีมีการประชมุ ๗๑ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลูกเสือประชาธิปไตย

คณะกรรมการดาํ เนนิ งานของกองลกู เสอื เพอ่ื ใหล้ กู เสอื หรอื สมาชกิ ภายในหมมู่ ีโอกาสแสดงความคิดเห็นและให้ ข้อเสนอแนะตามแนวความคิดของเขา เพื่อที่นายหมู่จะได้นําเอาความคิดเห็นเหล่าน้ันไปเสนอต่อ ที่ประชุม คณะกรรมการดําเนินงานของกองลูกเสือ การประชุมเช่นน้ี ควรกระทําอย่างไม่เป็นทางการ เช่น ในระหว่าง การเดินทางไกลและปฏบิ ตั ิกิจกรรม เพ่อื จะได้อภปิ รายถึงงานและหนา้ ที่ในขณะนัน้ การประชุมภายในกอง ถ้าเป็นกองลูกเสือขนาดเล็ก อาจทําการประชุมในสถานท่ีประชุม คณะกรรมการดําเนินงานของกองแต่ละคน มีสิทธิและควรได้รับเชิญให้ข้ึนมาพูด เพ่ือมีข้อเสนอแนะและ ขอ้ วพิ ากษว์ ิจารณ์ต่าง ๆ เท่าทีจ่ ะเป็นไปได้ ในการประชุมท้ังหมดเหล่านี้ เปน็ รากฐานแห่งความไวว้ างใจและสร้างค่านยิ มให้แกส่ มาชิกใน กองลูกเสอื ทุกคน การประชุมไม่ควรเปน็ ทางการ แตค่ วรมกี ารบนั ทึกขอ้ ตกลงไว้ด้วย แนวปฏบิ ัตใิ นการประชมุ คณะกรรมการดาํ เนนิ งานของกอง/ การประชุมนายหมู่ ๑. ห้องประชุม ในหอ้ งประชมุ จัดให้มีโต๊ะหมูบ่ ูชา มพี ระพทุ ธรปู ธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั รชั กาลปัจจุบัน มพี ระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั องคพ์ ระผู้พระราชทานกําเนิดลกู เสือไทย และรปู ของลอรด์ เบเดน-โพเอลล์ ๒. โต๊ะประชุม ควรจัดใหม้ ีเกา้ อป้ี ระชมุ ตามจาํ นวนของคณะกรรมการ และจดั ท่นี ัง่ เปน็ พิเศษ สาํ หรบั ผกู้ าํ กบั หรือรองผูก้ ํากับท่ีจะเข้าประชุมด้วยในฐานะที่ปรกึ ษา โดยจดั ใหน้ งั่ อย่ทู างซา้ ยของประธาน ๓. การจัดทีน่ ัง่ จะตอ้ งกําหนดไวใ้ หท้ ราบ โดยมีการเขียนป้ายหรอื เครอ่ื งหมายแสดงไว้ ณ ที่นั้น ๆ เช่น ประธาน เลขานุการ กรรมการฝา่ ยต่าง ๆ ๔. ผู้เข้าประชมุ (๑) หัวหน้านายหมู่ (เปน็ ประธาน) (๒) ผ้ชู ่วยหัวหนา้ นายหมู่ (เปน็ รองประธาน) (๓) นายหมู่ รองนายหม่ใู นกองนัน้ เลอื กกันเองเป็นกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ (เป็นท่ปี รกึ ษา) - ผ้กู าํ กบั ลูกเสือ ถ้าผูก้ ํากบั ไมอ่ ยใู่ ห้รองผ้กู ํากับเข้าประชมุ แทน - ผู้ทรงคณุ วุฒิท่กี องลกู เสอื เชิญมาเพ่อื แนะนาํ ดา้ นวิชาการเปน็ ครั้งคราว หมายเหตุ คณะกรรมการดาํ เนินงานของกอง ให้อยู่ในตาํ แหนง่ ไมเ่ กิน ๑๒ เดือน ๕. การเข้าห้องประชุม เลขานุการจะเป็นผู้เชิญ โดยให้กรรมการต่าง ๆ เข้าก่อนแล้วจึงเชิญประธาน และท่ีปรึกษาเข้านั่งเป็นคนสุดท้าย สําหรับผู้ท่ีเข้าประชุม ก่อนท่ีจะเข้านั่งท่ีจะต้องกราบพระพุทธรูป แสดงความเคารพต่อธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามลําดับเสียก่อน โดยวธิ ีวนั ทยหตั ถ์ แลว้ จงึ ไปนงั่ ยงั ท่ขี องตน (ยกเว้นประธานจะตอ้ งจุดธูปเทยี นและกราบที่หนา้ พระพุทธรปู ) ๖. การเปิดประชุม เป็นหน้าท่ีของประธานท่ีจะกล่าวเปิด โดยลุกข้ึนยืนหันหน้าเข้าสู่ที่ประชุม ยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า ทํามุมประมาณ ๔๕ องศา แขนเหยียดตรงแสดงรหัสของลูกเสือแล้วกล่าวว่า \"บัดน้ี สมาชิกของที่ประชุมได้มาครบองค์ประชุมแล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุม ขอให้สมาชิกท้ังหลายได้ใช้สิทธิและ เสรีภาพของท่านโดยเสรีในการประชุมและขอให้ถือว่าการประชุมนี้เป็นความลับไม่เปิดเผย\" เม่ือประธานกล่าว จบสมาชิกท่ีเข้าประชุมยืนขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับยกมือขวาข้ึนแสดงรหัสลูกเสือแบบให้คําปฏิญาณของลูกเสือ แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ข้าพเจ้าจะได้ถือว่าการประชุมน้ีเป็นความลับ เว้นไว้แต่จะได้รับความเห็นชอบจากท่ี ประชุม\" “ เสร็จแล้วประธานน่ังลง สมาชิกนั่งลงพร้อมกัน จากนั้นจึงให้ดําเนินการประชุมตามระเบียบวาระ ตอ่ ไป ๗๒ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสตู รลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

๗. การพูดในท่ีประชุม ก่อนพูดต้องยกมือขออนุญาต เม่ือประธานอนุญาตจึงจะพูดได้ (จะต้องพูดขอ อนญุ าตต่อประธานทกุ ครง้ั ) เมือ่ เวลาพูดใหน้ ่ัง ไม่ตอ้ งยนื ๘. การนดั หมายเรียกประชมุ เปน็ หนา้ ทขี่ องเลขานกุ ารทีจ่ ะแจ้งนดั หมายไป ๙. การจดั ระเบยี บวาระการประชุม เปน็ หน้าทข่ี องเลขานุการโดยประสานงานกบั ประธาน ๑๐. เร่อื งท่ีจะจดั เขา้ วาระการประชุมคณะกรรมการดําเนนิ งานของกอง ควรเปน็ เร่อื งทเ่ี กย่ี วกบั หนา้ ที่ความรบั ผดิ ชอบในกองลูกเสือของตน จดั ทํากาํ หนดการฝกึ อบรม การอย่คู ่ายพกั แรม การเงิน การลงโทษ การให้รางวัล และการแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ฯลฯ เป็นตน้ ๑๑. รายงานการประชุมของคณะกรรมการดําเนินงานของกองผเู้ ขา้ รว่ มประชุมจะต้องถือเป็นความลับ ไม่ควรเปิดเผยเวน้ แตจ่ ะไดร้ ับความเหน็ ชอบจากทีป่ ระชุม ๑๒. การจดรายงานการประชุม เป็นหน้าท่ีของเลขานุการจะต้องเป็นผู้จัดทํารายงานการประชุม บันทกึ ลงในสมุดและแจง้ ให้ผเู้ ขา้ ประชุมทราบ ๑๓. ผู้กํากับลูกเสือ ที่เข้าประชุมไม่มีสิทธิออกเสียงในท่ีประชุม แต่มีสิทธิยับยั้งการกระทําใด ๆ ถ้า ผูก้ าํ กบั ฯ เห็นวา่ หากจะปลอ่ ยให้ทําไปตามข้อตกลงของทปี่ ระชมุ แล้ว อาจก่อใหเ้ กดิ ผลเสยี หายขน้ึ ได้ ๑๔. การปิดประชุม ประธานจะลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าสู่ในท่ีประชุม ย่ืนมือขวาออกไปข้างหน้าทํามุม ประมาณ ๔๕ องศา แขนเหยียดตรงแสดงรหัสของลูกเสือ แล้วกล่าวว่า \"ข้าพเจ้าขอปิดการประชุม\" เมอ่ื ประธานกลา่ วจบกรรมการทกุ คนลุกข้ึนยืนทําวนั ทยหตั ถแ์ กป่ ระธาน (ประธานทําวนั ทยหัตถ์ตอบ) ๑๕. การออกจากห้องประชุมตามลําดับดังน้ี คือท่ีปรึกษา ประธานและกรรมการฝ่ายต่าง ๆ (โดย ปฏบิ ัตพิ ิธกี ารเชน่ เดยี วกบั การเข้าห้องประชุม) แผนภมู ริ ูปแบบการจัดประชมุ นายหมู่ ๗๓ ค่มู ือการฝกึ อบรมหลกั สูตรลกู เสอื ประชาธปิ ไตย

ตวั อยา่ งแบบประเมิน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการทาํ งานของกลุ่ม กลมุ่ ที่ ……………………………….. คําช้แี จง ทาํ เคร่อื งหมายในช่องทต่ี รงกบั ความจริง ระดบั ความพงึ พอใจ ข้อ รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับ (๔) (๓) (๒) ปรุง (๑) ๑ มกี ารปรึกษาและวางแผนรว่ มกนั กอ่ นทํางาน ๒ มีการแบง่ หน้าทอ่ี ย่างเหมาะสมและสมาชกิ ตามหนา้ ท่ที กุ คน ๗๔ คมู่ ือการฝกึ อบรมหลกั สตู รลูกเสอื ประชาธปิ ไตย

๓ ปฏิบัติหน้าท่ตี ามขนั้ ตอน ๔ มีการให้ความช่วยเหลือกนั ๕ ทาํ งานเป็นไปตามวัตถุประสงคท์ กี่ าํ หนด ๖ ทาํ งานเสรจ็ ตามกาํ หนดเวลา ๗ แสดงออกถงึ ความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ ๘ นาํ ความรูท้ ไี่ ดม้ าประยกุ ตใ์ ช้ ๙ สามารถใหค้ ําแนะนํากลุ่มอน่ื ได้ ๑๐ จดั วสั ดุ อุปกรณ์ เรียบร้อย หลังเลิกปฏบิ ตั ิงาน รวม รวมทง้ั สนิ้ (ดมี าก+ดี + พอใช้ + ปรบั ปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอย่ใู นระดับ......................... ลงชื่อ..............................................ผปู้ ระเมิน (...........................................) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ถอื วา่ ดีมาก ให้ ๔ คะแนน ถือว่า ดี ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมํา่ เสมอ ถือวา่ ปานกลาง ให้ ๒ คะแนน พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้งั ถือว่า ปรบั ปรุง ให้ ๑ คะแนน พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัติบางครั้ง พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ินาน ๆ คร้งั เกณฑต์ ดั สนิ คณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ดีมาก ดี ๒๔ - ๓๐ ๑๗ -๒๓ พอใช้ ๑๐ - ๑๖ ปรับปรงุ ตํ่ากว่า ๑๐ - ๑๖ ตัวอยา่ งแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานของกลุ่ม กลุ่มท่ี ……………………………….. ๗๕ คมู่ ือการฝึกอบรมหลักสตู รลูกเสอื ประชาธิปไตย

ขอ้ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ผลงานเป็นไปตามจดุ ประสงค์ ๒ ผลงานเสร็จทนั เวลา ๓ ผลงานมคี วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๔ เนอ้ื หาสาระของผลงานมีความสมบรู ณ์ ๕ วธิ ีการนําเสนอผลงาน รวม รวมทง้ั สนิ้ (ดีมาก + ดี + พอใช้ + ปรับปรงุ ) ผลการประเมนิ คณุ ภาพอยู่ในระดบั ......................... ลงชอ่ื ..............................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................) เกณฑ์ตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๒๔ - ๓๐ ดมี าก ๑๗ -๒๓ ดี ๑๐ - ๑๖ พอใช้ ต่ํากวา่ ๑๐ - ๑๖ ปรับปรงุ เกณฑ์การประเมนิ ผลงานกลมุ่ หัวข้อท่ปี ระเมนิ ดีมาก (๔) ระดบั คณุ ภาพ/คะแนน ปรับปรุง (๑) ๑. ผลงานเป็นไป ผลงานสอดคลอ้ ง ดี (๓) พอใช้ (๒) ผลงานไม่สอดคล้อง ตามจดุ ประสงคท์ ี่ กบั จุดประสงคท์ กุ กบั จุดประสงค์ กาํ หนด ข้อ/ทกุ ประเด็น ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง สมบรู ณ์ กบั จดุ ประสงค์เปน็ กับจุดประสงค์ ส่วนใหญ/่ เกอื บทกุ บางข้อ/บาง ประเด็นสมบูรณ์ ประเด็นสมบูรณ์ ๒. ผลงานเสรจ็ ทัน เสรจ็ ก่อนเวลา เสร็จตามเวลาท่ี เสร็จช้ากวา่ เวลาที่ ไมเ่ สร็จ ตามกําหนดเวลา กําหนด กาํ หนด ๓.ผลงานมคี วามคดิ ผลงานถูกตอ้ งตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานถกู ต้องตาม ผลงานมี ๗๖ ค่มู ือการฝกึ อบรมหลักสตู รลูกเสือประชาธิปไตย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook