หลกั สูตรพนื้ ฐานการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรับเครือข่ายภายใน ชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) ท่ปี รกึ ษา ธรรมปาโล ผอู้ ำนวยการกองด่านควบคุมโรคตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศ นายแพทยส์ ุวิช เอ่ยี มศริ ิถาวร ผอู้ ำนวยการกองโรคตดิ ตอ่ ท่ัวไป นายแพทย์โสภณ ตงั คณะกลุ รองผอู้ ำนวยการกองโรคตดิ ตอ่ ทว่ั ไป แพทย์หญงิ วราลกั ษณ์ Knust ศูนยค์ วามร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสขุ Dr.Barbara ชักนำ กองระบาดวทิ ยา นายสตั วแพทยธ์ รี ศักด์ิ คณะบรรณาธิการ ตงั คณะกลุ รองผ้อู ำนวยการกองโรคตดิ ต่อท่ัวไป แพทย์หญิงวราลักษณ์ ชกั นำ กองระบาดวิทยา นายสตั วแพทยธ์ ีรศักด์ ิ ทัยสุวรรณ สำนักสอ่ื สารความเส่ียงและพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ ดร.พาหุรตั น ์ คงเมอื ง วงศ์จินดานนท์ ศูนยค์ วามร่วมมอื ไทย-สหรัฐ ดา้ นสาธารณสุข ดร.ณัฐพงษ์ แสงยนต ์ กองโรคติดตอ่ ท่วั ไป นางสาวสุดธิดา จานนอก กองดา่ นควบคมุ โรคติดต่อระหวา่ งประเทศ นายเทวพร วรรณขำ กองด่านควบคมุ โรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ นางสาวกมลวรรณ เตารส กองโรคติดตอ่ ทวั่ ไป นางสาวอรยุดา สุคณุ พนั ธ์ กองด่านควบคมุ โรคติดต่อระหวา่ งประเทศ นางสาวโชติมณี วรเชษฐ์ กองด่านควบคมุ โรคติดต่อระหวา่ งประเทศ นายกิตติพทั ธ์ ช่วยจันทร์ กองดา่ นควบคมุ โรคติดตอ่ ระหว่างประเทศ นางสาวกมลชนก ใจยงค์ กองระบาดวิทยา นายรุ่งโรจน์ รวบรวมเน้ือหาและออกแบบรปู เล่ม กองด่านควบคุมโรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ นายเทวพร จานนอก กองด่านควบคุมโรคตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศ นางสาวกมลชนก ช่วยจนั ทร ์ จดั พมิ พ์ครงั้ ที่ 1 กันยายน ๒๕๖๓ จดั ทำรปู เลม่ โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย ๑๔๕,๑๔๗ ถนนเลย่ี งเมอื งนนทบรุ ี ตำบลตลาดขวญั อำเภอเมอื ง จงั หวดั นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ หน่วยงานทีจ่ ดั พมิ พ ์ กรมควบคมุ โรค ISBN ๙๗๘-๖๑๖-๑๑-๔๓๓๕-๐
หลกั สูตรพ้นื ฐานการเฝ า้ ระวังโรคและภยั สุขภาพ สำหรับเครือข่ายภายใน ช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-H ealth) เพอ่ื กาไดรเ้ผฝ่าา้ นระกวางั รปณตอ้ รงววกจันนัปทร่ี คะ๑วเมบ๖ินคแมุม ลโิถะรรคนุ บั แารลยอะนภงมยั ๒าส๕ตขุ รภ๖ฐา๓าพน ผกลรมติ คภวณั บฑค์ มุ โรค
คำนำ การจัดทำหลักสูตรพื้นฐานการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรับเครือข่ายภายใน ช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เจ้าหน้าที่เครือข่ายผู้ปฏิบัติงานภายใน ช่องทางเข้าออกประเทศ หรือ Non-Health ตรวจจับความผิดปกติภายในด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ และป้องกันตนเองจากโรคและภัยสุขภาพเบ้ืองต้นได้ ประเมินความเสี่ยงความผิดปกต ิ ภายในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และประสานงานหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือดำเนินการจัดการหรือ ควบคมุ โรคและภัยสขุ ภาพได้ เข้าใจและปฏบิ ัตติ ามข้อกำหนดตามพระราชบัญญตั โิ รคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ กองโรคติดต่อทั่วไป ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการพัฒนาสมรรถนะ ชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ มหี นา้ ทใี่ นการพฒั นาสมรรถนะดา้ นระบบเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคมุ โรค ณ ชอ่ งทาง เข้าออกประเทศ ซ่งึ จากคำแนะนำขององคก์ ารอนามัยโลก (World Health Organization) หลังการประเมนิ IHR-JEE ประเทศไทย เมื่อวันท่ี ๒๖ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ แนะนำให้ประเทศไทยเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของบุคลากรในการตรวจตราอากาศยานและเรือ การออกใบรับรองสุขาภิบาลเรือ รวมถึงการตรวจจับและ การตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ กองโรคติดต่อท่ัวไปในบทบาทหน้าที่เลขานุการ คณะกรรมการพัฒนาสมรรถนะช่องทางเข้าออกประเทศจึงได้พัฒนาหลักสูตรพ้ืนฐานการเฝ้าระวังโรคและ ภัยสุขภาพสำหรับเครือข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือ ไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข (TUC) ข้ึนมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเฝ้าระวัง และตอบโต้ในภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศได้ คณะผู้จัดทำขอขอบคุณคณะทปี่ รึกษา และผู้เช่ยี วชาญท่ีมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาหลักสูตร และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะทำให้เจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าท่ีเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานภายใน ช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคและ ภัยสุขภาพ และเสริมสร้างประสบการณ์จนเกิดความม่ันใจในการส่ือสารและจัดการกับความผิดปกติภายใน ช่องทางเข้าออกประเทศจนประสบความสำเร็จสูงสุด กองดา่ นควบคมุ โรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ ธนั วาคม ๒๕๖๒
สารบญั เรอื่ ง หนา้ คำนำ ๓ สารบัญ ๔ คำยอ่ ๕ บทนำ ๗ กำหนดการอบรม ๑๕ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ ๑๖ พระราชบญั ญัตโิ รคติดตอ่ พ.ศ.๒๕๕๘ และกฎหมายอน่ื ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๒ ๒๗ การตรวจจบั ความผดิ ปกติ โรคและภยั สุขภาพ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ๓๕ การปอ้ งกันตนเองจากโรคและภัยสขุ ภาพเบื้องตน้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ๓๘ ความรูพ้ ื้นฐานในการประเมนิ ความเสีย่ งและจดั การความเสี่ยง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ ๔๒ การประสานงานและจัดการเมือ่ ตรวจพบความผิดปกตหิ รอื เม่อื เกิดเหตกุ ารณฉ์ ุกเฉิน ทางสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ (PHEIC) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๖ ๔๕ การชว่ ยฟืน้ คนื ชพี ขัน้ พืน้ ฐาน (CPR) และการใชเ้ คร่อื ง AED เอกสารอา้ งองิ ๕๒ ภาคผนวก องคค์ วามรทู้ ส่ี ำคัญเพ่ิมเตมิ ๕๕ แบบประเมนิ ความรู้ : Pre - Post Test ๖๐ แบบประเมนิ การปฏิบัติ : Skills Checklist ๖๓ นวัตกรรม การด์ “ดู แยก แจง้ ช่วย” ๖๔ ตัวอย่างสถานการณ์สมมต ิ ๖๕
คำย่อภาษาองั กฤษ Airway A Breathing B Chest compression C Automated External Defibrillator AED Acute Respiratory Distress Syndrome ARDS Core Capacities Assessment Tool CCAT Cardio Pulmonary Resuscitation CPR Ebola virus disease EVD International Health Regulations IHR Joint External Evaluation JEE Middle East Respiratory Syndrome MERS Middle East respiratory syndrome coronavirus MERS-CoV Non – health Staff Non - health Public Health Emergency of International Concern PHEIC Personal Protective Equipment PPE Patients under investigated PUI Severe Acute Respiratory Illness SARI - AI1 Severe Acute Respiratory Syndrome SARS Thailand MOPH – US CDC Collaboration TUC Extensively drug - resistant tuberculosis XDR - TB พระราชบัญญัต ิ คำยอ่ ภาษาไทย กรุงเทพมหานคร พ.ร.บ. สำนกั งานตรวจคนเขา้ เมือง กทม. สตม.
บทนำ ความเป็นมา จากสถิติองค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization ; NWTO) คาดว่าในปี พ.ศ.๒๕๖๓ จะมีผู้เดินทางระหว่างประเทศเพ่ิมถึง จำนวน ๑,๖๐๐ ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนอย่าง ต่อเน่ือง จากรายงานของกระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกฬี า ปี ๒๕๖๑ ประเทศไทยมโี อกาสต้อนรบั นกั ท่องเท่ียว ชาวต่างชาติ จำนวน ๓๘.๒๗ ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ ๒.๐๑ ล้านล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยว ในประเทศไทย ๒๒๖.๐๘ ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ราว ๑.๐๗ ล้านล้านบาทส่งผลให้รายได้จากการทอ่ งเท่ยี ว รวม ๓.๐๘ ล้านล้านบาท ซง่ึ สงู เปน็ อันดบั ๔ ของโลกซ่งึ การเดินทางระหว่างประเทศ หรือการทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ที่ ตา่ ง ๆ ของประเทศ มโี อกาสเสย่ี งตอ่ การเจบ็ ปว่ ย จงึ ควรเพมิ่ ความเขม้ แขง็ ของเจา้ หนา้ ทใ่ี นชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ ให้สามารถดูแล สังเกต จัดการผู้เดินทางที่สงสัยป่วยได้เบื้องต้นด้วย และจากสรุปคำแนะนำหลังการประเมิน IHR-JEE ประเทศไทย จากองคก์ ารอนามยั โลก (World health Organization: WHO) เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖-๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐ แนะนำให้ประเทศไทยเสริมสร้างความเข้มแข็งของบุคลากรในการตรวจตราอากาศยาน และเรือ การออกใบรบั รองสขุ าภบิ าลเรอื รวมถงึ การตรวจจบั และการตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ ซ่ึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบติงานภายในช่องทางเข้าออกประเทศที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ควรมีความรู ้ และประสบการณ์ในการสังเกตส่ิงผิดปกติและสามารถจัดการกับเหตุการณ์นั้น ๆ ได้เบ้ืองต้น หรือประสาน ความช่วยเหลอื กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไดอ้ ย่างทันท่วงที กองโรคติดต่อท่ัวไป จึงเห็นความสำคัญของการพัฒนาหลักสูตรพื้นฐานการเฝ้าระวังโรค และภัยสุขภาพสำหรับเครือข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) ข้ึนมา เพื่อเพ่ิมสมรรถนะ ในการเฝา้ ระวงั และตอบโตใ้ นภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศได้ ใหช้ อ่ งทางเขา้ ออกประเทศมสี มรรถนะ ท่ีองค์การอนามัยโลกกำหนด และเสริมสร้างความม่ันใจและไว้วางใจจากนักท่องเท่ียวและผเู้ ดินทาง ตลอดจน เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานภายในช่องทางเข้าออกประเทศ สามารถพัฒนาองค์ความรู้ด้านสาธารณสุขได้อย่างมั่นใจ และมีประสิทธภิ าพ จำนวนกลมุ่ เป้าหมาย : ๓๕ - ๕๐ คน/คร้ัง จำนวนชั่วโมงหรือวนั : ไม่ต่ำกว่า ๑๒ ชั่วโมง
กลมุ่ เป้าหมาย/คุณสมบตั กิ ลมุ่ เปา้ หมาย เครือข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ: เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non - Health) - เจ้าหน้าทศี่ ุลกากร - เจา้ หน้าทต่ี รวจคนเขา้ เมือง - เจ้าหนา้ ทกี่ ารทา่ เรอื แห่งประเทศไทย - เจา้ หนา้ ที่ต่าง ๆ ท่ีปฏบิ ัติงาน ณ ชอ่ งทางเข้าออกประเทศ - เจา้ หน้าที่บรษิ ัทเอกชน ณ ช่องทางเขา้ ออกประเทศ วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสตู ร (เปน็ วัตถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม) ๑. ตรวจจับความผิดปกติภายในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และป้องกันตนเองจากโรค และภัยสขุ ภาพเบือ้ งต้นได้ ๒. ประเมนิ ความเสย่ี งความผดิ ปกตภิ ายในดา่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ และประสานงานหนว่ ยงาน ท่เี ก่ียวขอ้ งเพือ่ ดำเนนิ การจัดการหรือควบคุมโรคและภยั สขุ ภาพได้ ๓. เขา้ ใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญตั โิ รคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได ้ วธิ กี ารวดั และประเมินผล ๑. การทดสอบก่อนและหลงั เรียน O แบบเลือกตอบ ๒. ทดสอบการปฏบิ ตั ิ (Skills Checklist) คุณสมบัตวิ ิทยากร คณะวิทยากรเป็นผู้มีความรู้ด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้านระบาดวิทยา ด้านการส่ือสารความเสี่ยง ด้านการช่วยฟื้นคืนชีพเบ้ืองต้น และด้านการพัฒนาสมรรถนะ ชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ อย่างน้อย ๒ ปี โครงสร้างหลกั สูตร หลกั สูตรนม้ี เี นือ้ หาสำหรบั การจัดอบรมโดยใชร้ ะยะเวลา ๒ วนั (ไม่ตำ่ กว่า ๑๒ ช่วั โมง) จำนวนผ้เู ขา้ รบั การอบรมประมาณ ๓๕ – ๕๐ คน/ครง้ั หลักสตู รพนื้ ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ขา่ ยภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 9
ประกอบดว้ ยภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ัติ โดยแบ่งโครงสรา้ งของเนื้อหาตามลกั ษณะของการอบรม ดังนี ้ ๑. การบรรยาย และสาธิตการจำลองสถานการณ์ จำนวน ๘ ชั่วโมง ๒. การฝกึ ปฏบิ ตั ิ ฝึกทักษะ จำนวน ๔ ชัว่ โมง กำหนดวตั ถุประสงค์ของรายวชิ าของหลกั สตู ร (ตามหน่วยการเรยี นร)ู้ หนว่ ยการเรยี นร้ ู วตั ถปุ ระสงคข์ องรายวิชา Bloom Taxonomy ๑ พระราชบญั ญตั ิโรคตดิ ต่อ เข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดตาม เข้าใจเน้ือหาและความรู้ พ.ศ.๒๕๕๘ และกฎหมายอื่น ๆ พระราชบญั ญตั โิ รคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ (Cognitive) ท่ีเก่ียวขอ้ ง ๒ การตรวจจับความผิดปกติ ตรวจจบั ความผดิ ปกตภิ ายในดา่ นควบคมุ สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง โรคและภยั สุขภาพ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศและปอ้ งกนั ตนเอง ตามแบบ (Psychomotor) จากโรคและภยั สขุ ภาพเบอ้ื งตน้ ได ้ ๓ การป้องกันตนเองจากโรคและ สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง ภยั สุขภาพเบ้ืองตน้ ได้อย่างถูกต้องกับเหตุการณ์ และสวม ตามแบบ (Psychomotor) ใสไ่ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๔ ความรู้พ้ืนฐานในการประเมิน ประเมนิ ความเสีย่ งความผิดปกติภายใน สามารถประยุกต์ใช้ได ้ ความเสยี่ งและจดั การความเสย่ี ง ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ถูกต้องตามแบบ และประสานงานหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง (Psychomotor) เพ่ือดำเนินการจัดการหรือควบคุมโรค และภยั สขุ ภาพได ้ ๕ การประสานงานและจัดการ ป ร ะ เ มิ น ค ว า ม เ ส่ี ย ง ค ว า ม ผิ ด ป ก ติ สามารถประยุกต์ใช้ได้ เม่ือตรวจพบความผิดปกติหรือ ภายในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่าง ถกู ตอ้ งตามแบบ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินทาง ประเทศและประสานงานหน่วยงานที่ (Psychomotor) สาธารณสุขระหว่างประเทศ เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดการหรือ (PHEIC) ควบคมุ โรคและภยั สุขภาพได ้ ๖ การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน เ ข้ า ใ จ วิ ธี ก า ร ที่ ถู ก ต้ อ ง แ ล ะ น ำ ไ ป สามารถประยุกตใ์ ช้ได้ (CPR) และการใช้เครื่อง AED ประยกุ ต์ใช้หรือแนะนำผู้อืน่ ได้ ถกู ตอ้ งตามแบบ (Psychomotor) 10 หลักสตู รพืน้ ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครือข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
กำหนดกิจกรรมการเรียนร/ู้ เนื้อหาวชิ า ประกอบด้วย ๖ หนว่ ยการเรยี นร ู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ พระราชบัญญตั ิโรคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายอน่ื ๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง เวลาเรียน : ๑.๕ ช่ัวโมง สาระสำคญั : ๑. โครงสร้างพระราชบญั ญัตโิ รคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะทำงานและบทบาทตา่ ง ๆ ทีส่ ำคัญ ๒. สาระสำคัญและบทบาทหน้าที่การมีสว่ นร่วมของเจา้ หนา้ ท่ีชอ่ งทางตามพระราชบญั ญตั ิโรคตดิ ตอ่ ๒๕๕๘ ๓. ชื่อโรคที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เรื่อง โรค/อาการท่ีมีความสำคัญสูง/ โรคติดต่ออันตราย ๔. โรคต้องหา้ มตามพระราชบญั ญตั ติ รวจคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๕. พ้ืนฐานกฎอนามัยระหว่างประเทศ กจิ กรรมการเรยี นรู้ : ๑. รับรถู้ ึงกฎหมาย หน้าท่แี ละความรับผิดชอบของหนว่ ยงานต่าง ๆ ๒. ให้ผู้อบรมสอบถาม/เสนอแนะเกยี่ วกบั บทบาทหน้าทใี่ นชอ่ งทาง และประสบการณท์ ำงานเบ้ืองต้น สือ่ และวิธกี ารสอน : บรรยาย/เอกสารประกอบการบรรยาย/ค่มู ือพระราชบญั ญัติโรคติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ การประเมินผลหนว่ ยการเรยี นรู้ : ๑. การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ๒. การซกั ถาม ๓. การทดสอบ กอ่ นและหลังการอบรม หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ การตรวจจบั ความผดิ ปกติ โรคและภัยสขุ ภาพ เวลาเรียน : ๑.๕ ชว่ั โมง สาระสำคัญ : ๑. ทราบถงึ อาการและอาการแสดงทสี่ ำคญั ๒. แนวทางปฏบิ ัติตวั ก่อนเหตกุ ารณ์ ระหวา่ งเหตกุ ารณ์ และหลงั เกดิ เหตุการณ์ ๓. การใช้ การด์ “ดู แยก แจ้ง ช่วย” ๔. ทราบถึงโรคที่สำคัญและบทบาทหน้าท่ีในภาวะฉกุ เฉิน กจิ กรรมการเรยี นรู้ : ๑. ทำใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มอบรมสามารถตรวจจบั ความผดิ ปกตขิ องผูเ้ ดินทางเบอื้ งตน้ ได ้ ๒. สมมติเหตุการณ์ และให้ผู้อบรมฝึกทักษะการสังเกตความผิดปกติเบ้ืองต้น และทราบถึงบทบาท หน้าทข่ี องตนเองในภาวะฉุกเฉิน ๓. การใช้ การด์ “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” ใชใ้ นการแจ้งเตอื นและสังเกตความผิดปกต ิ สอ่ื และวธิ กี ารสอน : บรรยาย/เอกสารประกอบการบรรยาย/การด์ “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” การประเมนิ ผลหน่วยการเรยี นรู้ : ๑. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็น ๒. การซักถาม ๓. การทดสอบ ก่อนและหลังการอบรม หลักสูตรพ้ืนฐานการเฝ้าระวังโรคและภยั สุขภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 11
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ การป้องกันตนเองจากโรคและภยั สขุ ภาพเบ้ืองตน้ เวลาเรียน : ๑.๕ - ๓.๕ ชั่วโมง สาระสำคัญ : ๑. การเลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ป้องกนั ตนเองให้เหมาะกับงาน และเหตกุ ารณ์ผดิ ปกติทีอ่ าจเกดิ ขึน้ ๒. การสวมใส่และถอดอปุ กรณป์ อ้ งกนั ตนเองเบื้องตน้ ทีถ่ ูกต้อง และข้อปฏิบตั หิ ลงั การใชง้ าน ๓. ตัวอยา่ งของชุดปอ้ งกันตนเองสำหรับหนว่ ยปฏบิ ัตกิ ารควบคมุ โรคตดิ ตอ่ (CDCU) กจิ กรรมการเรยี นรู้ : ๑. บรรยายวธิ กี ารทีถ่ กู ตอ้ งในการใช้งานอปุ กรณป์ ้องกนั ตนเองเบื้องตน้ ๒. ทดลองสวมใส่และถอดอุปกรณ์ปอ้ งกันตนเองเบ้ืองตน้ และการลา้ งมือ ๗ ขั้นตอน สื่อและวธิ ีการสอน : บรรยาย/เอกสารประกอบการบรรยาย/วดิ ีโอสาธติ /อุปกรณ์ป้องกันตนเอง การประเมินผลหนว่ ยการเรยี นรู้ : ๑. การมีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ ๒. การซกั ถาม ๓. การทดสอบ กอ่ นและหลงั การอบรม หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ ความรพู้ ้นื ฐานในการประเมินความเส่ียงและจดั การความเสีย่ ง เวลาเรยี น : ๑.๕ ชั่วโมง สาระสำคญั : ๑. การประเมินความเส่ียงโรคและภัยสขุ ภาพ ณ ชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศเบอ้ื งตน้ ๒. ชอ่ งทางตดิ ตามขา่ วสารดา้ นระบาดวทิ ยา/ชอ่ งทางและแนวทางการประสานงานกรณเี กดิ เหตกุ ารณผ์ ดิ ปกต ิ ๓. รวู้ ธิ รี บั ทราบขา่ วสาร ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ นั เหตกุ ารณร์ ะบาดของโรคในพนื้ ที่ เพอื่ เตรยี มพรอ้ มในทกุ เวลา ๔. การรายงานผลการดำเนินการหรอื ข่าวกลบั มายังเจา้ หน้าทีช่ อ่ งทางหลังเสร็จสิน้ เหตกุ ารณ์ กิจกรรมการเรียนรู้ : ๑. บรรยายเทคนิคและหลกั การสอ่ื สารเบื้องตน้ และยกตัวอยา่ งกรณีการสอื่ สารเพ่อื ให้เขา้ ใจงา่ ยข้ึน ๒. การเล่าประสบการณ์ของการส่ือสารและจดั การเหตุการณใ์ นช่องทางจากภาคีเครือข่าย สือ่ และวิธกี ารสอน : บรรยาย/เอกสารประกอบการบรรยาย การประเมนิ ผลหนว่ ยการเรยี นรู้ : ๑. การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ๒. การซกั ถาม ๓. การทดสอบกอ่ น และหลงั การอบรม 12 หลักสูตรพน้ื ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภัยสขุ ภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ การประสานงานและจัดการเมื่อตรวจพบความผิดปกติหรือเม่ือเกิด เหตกุ ารณฉ์ ุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) เวลาเรียน : ๒ ช่ัวโมง สาระสำคัญ : ๑. การสาธติ การจำลองเหตกุ ารณแ์ ละขน้ั ตอนการประสานงานผเู้ กยี่ วข้อง ๒. การสาธิตสังเกตความผิดปกตโิ รคและภยั สุขภาพและจดั การกบั เหตุการณ์ผิดปกติ ๓. ข้ันตอนการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมหากเกดิ เหตกุ ารณผ์ ิดปกติ กจิ กรรมการเรียนรู้ : ๑. ฝกึ ปฏิบตั บิ ทบาทหนา้ ท่ีตามการจำลองเหตุการณ ์ ๒. การทำรายชื่อผู้ประสานและแนวทาง Risk Communication and Media Management (การส่อื สารความเสย่ี ง และบริหารจัดการส่อื สารมวลชน) สื่อและวธิ กี ารสอน : แบง่ ฐานฝึกปฏิบตั /ิ จำลองเหตุการณ์สมมต/ิ อปุ กรณท์ ่ใี ชป้ อ้ งกันตนเอง/สอ่ื วิดโี อ การประเมนิ ผลหน่วยการเรียนรู้ : ประเมินการปฏบิ ตั ิ (Skills Checklist) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ การช่วยฟื้นคืนชีพขนั้ พ้นื ฐาน (CPR) และการใชเ้ ครื่อง AED เวลาเรียน : ๒ - ๔ ชัว่ โมง สาระสำคัญ : ๑. ทักษะการประเมนิ สถานการณ:์ ทำอย่างไรให้ปลอดภัยเสมอ ๒. วิธีการสังเกตเหตฉุ ุกเฉนิ ทางการแพทย์ท่ีเสี่ยงตอ่ ชีวติ ๓. การเรยี กบริการแพทยฉ์ กุ เฉินในประเทศไทย – หนว่ ยงานทตี่ ้องติดตอ่ ๔. การสงั เกตสญั ญาณและอาการทวั่ ไปของอาการหวั ใจวาย ภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ และโรคหลอดเลอื ดสมอง ๕. การเปิดทางเดินหายใจการปฏบิ ตั ิการช่วยฟ้นื คืนชพี (CPR) ๖. สถานการณใ์ ดควรใช้เครื่องกระตุน้ การเต้นของหัวใจอตั โนมัติ (AED) และการใช้เครอ่ื ง AED เบ้ืองตน้ กิจกรรมการเรยี นรู้ : ๑. การเรียนรู้หลักการปฏบิ ตั กิ ารช่วยฟน้ื คนื ชีพ (CPR ) เบ้อื งตน้ ๒. การลงมือปฏบิ ัติจริง การชว่ ยฟ้ืนคืนชพี (CPR ) เบอื้ งตน้ และการใช้เครือ่ ง AED ส่ือและวิธีการสอน : บรรยายพร้อมกับสาธิต การมีส่วนร่วมในช้ันเรียนเร่ืองปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) การปฐมพยาบาลและการจดั เตรยี มเครอ่ื ง AED/หุ่นฝกึ ซ้อม CPR/เครอ่ื ง AED การประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ : ประเมินการมีส่วมร่วมระหว่างเรียน/สามารถปฏิบัติตามผู้สอนได้อย่าง ถกู ต้อง หลกั สตู รพนื้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครือขา่ ยภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 13
การประเมนิ หลักสูตรและแผนพฒั นาปรบั ปรุงหลกั สูตร ดำเนนิ การโดย การวางแผนการประเมินหลกั สตู รฯ กำหนดให้มกี ารพฒั นาปรับปรุงหลกั สตู รอย่างน้อย ทกุ ๒ ปี โดยใช้สรุปผลการประเมินการอบรมแต่ละครั้ง ทปี่ ระกอบดว้ ยประเด็นดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. มีการตรวจสอบการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของการอบรมมากนอ้ ยเพยี งใด ๒. มีการประเมินความพึงพอใจ ประเมินจุดแข็ง และจุดท่ีควรปรับปรุงแก้ไข ในด้านเนื้อหา กิจกรรม ส่ือ วทิ ยากรรูปแบบการอบรม และมขี อ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ หลักสูตร ฯ ๓. มกี ารประเมนิ การเปล่ียนแปลงของระดบั ความรู้ ๔. ผลคะแนนการประเมินการปฏิบัติ (Skills Checklist) ๕. กำหนดคำอธิบายระดับคุณภาพ โดยใช้พฤติกรรมบ่งช้ีหรือคุณลักษณะที่สามารถสังเกตได้จาก นิยามของคุณลกั ษณะที่ต้องการประเมนิ ทไ่ี ดร้ ะบไุ ว้ โดยใช้ รบู รคิ (rubric) ดงั น้ี ช่ือเกณฑ์ประเมิน “การตรวจจับและจัดการเหตุการณ์ผิดปกติภายในด่านควบคุมโรคติดต่อ ระหว่างประเทศ และป้องกนั ตนเองจากโรคและภัยสขุ ภาพเบอ้ื งต้น” คุณลกั ษณะท ่ี เกณฑก์ ารให้คะแนน ตอ้ งการ ประเมนิ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑ป กผชบัดิ่อร. เปะงหตเกทตทรตกุวาศแิ าจงไลรดจเณขะับ้ จ้าภ์ ค ดัอาวกยอาาใมกนร สามารถสังเกตความผิด ส า ม า ร ถ สั ง เ ก ต ส า ม า ร ถ สั ง เ ก ต ไม่สามารถสังเกต ปกติได้และคัดแยก ความผิดปกติได้ และ ความผิดปกติได้ ความผิดปกติของ ผู้เดินทางท่ีผิดปกติได้ คั ด แ ย ก ผู้ เ ดิ น ท า ง แ ต่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ผเู้ ดินทางได้ หรือมีการคัดแยกได้ ที่ผิดปกติได้บางส่วน คัดแยกผู้เดินทาง ถูกต้องและสามารถ หรือมีการคัดแยก ทผี่ ดิ ปกติได้ แ จ้ ง เ จ้ า พ นั ก ง า น ได้ไมถ่ ูกตอ้ ง ควบคมุ โรคได ้ ๒.การปอ้ งกนั ตนเอง สามารถใช้อุปกรณ์ มกี ารใชอ้ ปุ กรณ์ ปอ้ งกนั มี ก า ร เ ลื อ ก ใ ช้ ไม่มีการใช ้ จากโรคและภัย ป้องกันร่ า ง ก า ย ไ ด้ ร่างกายครบถ้วนแต่ อุ ป ก ร ณ์ ป้ อ ง กั น อปุ กรณ์ สุขภาพเบอื้ งตน้ อยา่ งถกู ต้อง วิธีการใส่ไม่ถูกต้อง รา่ งกายบางชนิ้ เทา่ นน้ั ป้องกันร่างกาย ท้ังหมด 14 หลักสตู รพ้นื ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สุขภาพสำหรบั เครอื ขา่ ยภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
กำหนดการอบรมหลกั สตู รพน้ื ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพ สำหรบั เครอื ขา่ ยภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non - Health) กำหนดการ วนั ท่ี ๑ เวลา ๐๘.๐๐ - ๐๘.๔๕ น. ลงทะเบียนและทำแบบประเมนิ ความรกู้ ่อนการอบรม (Pre Test) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ทำแบบประเมนิ ความร้กู อ่ นการอบรม เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๐.๓๐ น. บรรยาย “พระราชบญั ญตั โิ รคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ กฎหมายอน่ื ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง และ กฎอนามัยระหวา่ งประเทศ (IHR 2005)” (๑.๕ ชวั่ โมง) เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. บรรยาย “การตรวจจับความผดิ ปกติโรคและภัยสขุ ภาพ” (๑.๕ ชั่วโมง) เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๓๐ น. บรรยาย “ความรพู้ น้ื ฐานในการประเมนิ ความเสย่ี งและจดั การความเสยี่ ง” (๑.๕ ชวั่ โมง) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๕.๓๐ น. บรรยาย “การประสานงานและจดั การเมอ่ื ตรวจพบความผดิ ปกติ หรอื เม่ือเกดิ เหตกุ ารณฉ์ ุกเฉนิ ทางสาธารณสขุ ระหว่างประเทศ (PHEIC)” (๑ ช่วั โมง) เวลา ๑๕.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. แบง่ กลมุ่ ฝกึ ปฏบิ ตั ิ “การประสานงานและจดั การเมอ่ื ตรวจพบความผิดปกติ หรอื เมอื่ เกดิ เหตุการณฉ์ กุ เฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC)” (๑ ชว่ั โมง) กลุ่มท่ี ๑ การสาธิตการจำลองเหตุการณ์และขั้นตอนการประสานงานผูเ้ กย่ี วข้อง กลมุ่ ท่ี ๒ การสาธติ สงั เกตความผิดปกตโิ รคและภัยสขุ ภาพ กำหนดการ วนั ท่ี ๒ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๐.๐๐ น. บรรยาย “สถานการณ์สำคัญ โรคที่พบบ่อย และบทบาทหน้าที่ของเครือข่าย ภายในช่องทางเข้าออกประเทศ” (๑ ช่วั โมง) เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. บรรยาย “การสวมหน้ากากอนามัยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เบ้อื งต้น” (๒ ชวั่ โมง) เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. บรรยาย “การช่วยฟื้นคืนชีพข้ันพื้นฐาน Cardio pulmonary resuscitation : CPR การใช้เครื่อง AED” และสาธติ (๒ ชว่ั โมง) เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ฝึกปฏิบัติ “การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน Cardio pulmonary resuscitation : CPR การใชเ้ ครื่อง AED” (๑ ชัว่ โมง) เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น ทำแบบประเมินความร้หู ลงั การอบรม (Post Test) และมอบใบประกาศนียบัตร หมายเหตุ : ฝึกปฏิบตั ิ “การประสานงานและจดั การเม่ือตรวจพบความผิดปกติ หรอื เมือ่ เกดิ เหตกุ ารณ์ฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC)” ให้ใช้แบบประเมินการปฏิบัติ (Skills Checklist) ในการประเมนิ ความรแู้ ละความเข้าใจนำไปส่กู ารปฏบิ ตั ิตามแบบได้ (Psychomotor) หลกั สตู รพนื้ ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 15
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ พระราชบัญญตั ิโรคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายอนื่ ๆ ที่เกีย่ วข้อง เวลาเรยี น : ๑.๕ ชวั่ โมง จดุ ประสงค์ : เขา้ ใจและปฏิบัติตามขอ้ กำหนดตามพระราชบญั ญตั โิ รคติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได ้ การดำเนนิ กจิ กรรม : บรรยายพร้อมการยกตวั อย่าง/การซักถาม อุปกรณ์ : ๑. เอกสารประกอบการบรรยาย ๒. คมู่ ือพระราชบัญญัติโรคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ องคค์ วามร้ทู ส่ี ำคญั : ๑. องค์ความรู้ท่สี ำคญั เกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ กฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ เปน็ ขอ้ ตกลงและพนั ธะสญั ญาระหวา่ งประเทศ ทจ่ี ะร่วมมือกัน จัดการกับเหตุการณ์ด้านสาธารณสุขที่มีศักยภาพในการแพร่ระบาดข้ามประเทศไปยังส่วนต่าง ๆ ของโลก มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันควบคุมโรค ภัยสุขภาพ และภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข (Public Health Emergency of International Concern : PHEIC) โดยให้มีผลกระทบต่อการเดินทางและการค้าขายระหว่าง ประเทศใหน้ ้อยท่ีสดุ ในระดบั สากล ๑.) เปน็ ข้อตกลงกันในระดบั โลก ๒.) เพอ่ื นำมาใชเ้ ป็นกฎ กติกาสากลระหวา่ งกนั ๓.) เป็นสนธิสญั ญาระหวา่ งประเทศ ประเทศสมาชกิ รับรอง สนบั สนุนและนำมาปฏบิ ตั ิ ในประเทศไทย ๑.) ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘ สมชั ชาองค์การอนามยั โลกรับรองการใช้ IHR ๒๐๐๕ ๒.) รฐั บาลไทยโดยคณะรฐั มนตรีไดเ้ ห็นชอบใหป้ ฏิบตั ิตาม IHR (๒๐๐๕) เมื่อวันท่ี ๑๕ มถิ ุนายน ๒๕๕๐ และมอบให้กระทรวงสาธารณสขุ จดั ทำแผนยทุ ธศาสตร์เพ่อื การดำเนินการ ๓.) กระทรวงสาธารณสุข แตง่ ตั้งคณะกรรมการ International Health Regulations (IHR ๒๐๐๕) มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ประกอบด้วยกระทรวงต่าง ๆ ๑๘ กระทรวง ขอบเขตของการพัฒนาสมรรถนะตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ การพัฒนาสมรรถนะในสถานการณ์ปกติ และฉุกเฉินเพื่อป้องกัน ตรวจจับ และตอบโต้ โรคระบาด และ/หรือ ภัยสุขภาพ ระหว่างประเทศตามที่ IHR กำหนดน้ัน ประเทศสมาชิกต้อง พฒั นาใหค้ รอบคลุม โรคระบาดและ/ หรือ ภยั สขุ ภาพท่สี ำคัญ ๖ ด้าน ได้แก่ โรคตดิ เช้อื (infectious) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (zoonosis) อาหารปลอดภัย (food safety) สารเคมี (chemical) กัมมันตภาพรังสี (nuclear) และภัยพิบัติ (disaster) โดยต้องพัฒนาสมรรถนะหลักใน ๘ เร่ือง ได้แก่ กฎหมายและนโยบาย (Legislation and Policy) การติดต่อสื่อสาร (Coordination) การเฝ้าระวัง (Surveillance) การตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน (response) การเตรียมความพร้อม (Preparedness) 16 หลกั สูตรพน้ื ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
การสอื่ สารความเสย่ี ง (Risk Communications) บคุ ลากร (Human resource) และความพรอ้ มทางหอ้ ง ปฏิบัติการ (Laboratory) ตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวกที่ ๑ ของ IHR โดยการพัฒนาต้อง ครอบคลมุ ทัง้ ระดบั ชาติ (national) ระดบั เขต (เขตตรวจราชการและจงั หวัด) และระดับพ้ืนท่ี (อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และชายแดน) อนึ่งในส่วนท่ีเป็นช่องทางเข้าออกประเทศ เน้นการเฝ้าระวัง ตรวจจับ ตอบโต้เหตกุ ารณ์ทีเ่ ปน็ ภาวะฉกุ เฉนิ ทางดา้ นสาธารณสขุ (PHEIC) Joint External Evaluation Tool ทงั้ ๑๙ ประเดน็ วิชาการ เป็นเคร่ืองมือที่องค์การอนามัยโลกใช้ในการประเมินสมรรถนะของประเทศต่าง ๆ วา่ มคี วามเตรยี มความพรอ้ มตอ่ การรองรบั สถานการณฉ์ กุ เฉนิ หรอื ไม่ โดยแบง่ เปน็ ประเดน็ วชิ าการ ดังน ี้ ๑.) ดา้ นการป้องกัน (Prevent) ๑. กฎหมายและนโยบาย ๒. กลไกการประสานความร่วมมือ การส่ือสาร และการช้ีนำด้านสุขภาพ ๓. การป้องกนั การแพร่ระบาดของเช้ือด้อื ยา ๔. การป้องกันการเกดิ และการแพร่ระบาดของโรคจากสตั ว์สู่คน ๕. ความปลอดภยั ด้านอาหาร ๖. ชวี นริ ภยั และความปลอดภัยทางชวี ภาพ ๗. โรคตดิ ตอ่ ท่ปี ้องกนั ไดด้ ว้ ยวัคซนี ๒.) การตรวจจบั (Detect) ๘. การพฒั นาระบบห้องปฏิบัติการ ๙. การเฝ้าระวังตามระบบเวลาจรงิ ๑๐. การรายงานโรคและภัยสุขภาพ ๑๑. การพฒั นากำลงั คนด้านระบาดวทิ ยา ๓.) การตอบโตเ้ หตกุ ารณ์ (Respond) ๑๒. การเตรียมความพรอ้ มในการรองรบั ภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ๑๓. ศูนยป์ ฏิบัตกิ ารตอบโตภ้ าวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ ๑๔. การเชอ่ื มประสานงานสาธารณสุข และหนว่ ยงานความมั่นคง ๑๕. มาตรการทางการแพทย ์ ๑๖. การสือ่ สารความเสย่ี ง ๔.) ประเดน็ วิชาการอื่น ๆ (Other) ๑๗. การพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศ ๑๘. ความปลอดภัยด้านสารเคมี ๑๙. ความปลอดภยั ด้านรงั สแี ละนวิ เคลยี ร์ หลกั สูตรพืน้ ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 17
ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency International Concern : PHEIC) คืออะไร เหตุการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หมายถึง เหตุการณ์ฉุกเฉินด้าน สาธารณสุขท่ีก่อให้เกิดความเส่ียงต่อประเทศอ่ืนๆจากการแพร่ระบาดระหว่างประเทศและต้อง อาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศในการรับมือกับเหตุการณ์น้ัน โดยต้องเข้ากับเงื่อนไข อย่างน้อย ๒ ใน ๔ ขอ้ ต่อไปน้ี (๑) เป็นเหตุการณ์ทีม่ ีผลกระทบดา้ นสาธารณสุขทร่ี นุ แรง (๒) เป็นเหตุการณท์ ี่ผิดปกติหรือไม่คาดคดิ มาก่อน (๓) มคี วามเสยี่ งสงู ที่จะแพรร่ ะบาดข้ามประเทศได้และ (๔) มีความเสยี่ งสูงท่ีจะต้องจำกดั การเดินทางหรือการคา้ ระหวา่ งประเทศ ๒. องคป์ ระกอบของ พระราชบญั ญัติโรคติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ มี ๖๐ มาตรา แบง่ เป็น ๙ หมวด หมวด ๑ บททัว่ ไป หมวด ๒ คณะกรรมการโรคติดต่อแหง่ ชาต ิ หมวด ๓ คณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ จังหวัด หมวด ๔ คณะกรรมการโรคตดิ ต่อกรงุ เทพมหานคร หมวด ๕ การเฝา้ ระวงั โรคตดิ ตอ่ หมวด ๖ การปอ้ งกันและควบคุมโรคตดิ ต่อ หมวด ๗ เจ้าพนกั งานควบคมุ โรคติดตอ่ หมวด ๘ คา่ ทดแทน หมวด ๙ บทกำหนดโทษ บทเฉพาะกาล ๓. นยิ ามในพระราชบัญญตั โิ รคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ทสี่ ำคญั ไดแ้ ก ่ “โรคติดต่อ” หมายความว่า โรคที่เกิดจากเช้ือโรคหรือพิษของเช้ือโรค ซ่ึงสามารถแพร่โดยทาง ตรงหรอื ทางอ้อมมาสูค่ น “โรคตดิ ต่ออันตราย” หมายความว่า โรคติดตอ่ ทม่ี ีความรนุ แรงสูงและสามารถแพร่ไปสู่ผ้อู ่นื ได้ อยา่ งรวดเร็ว “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” หมายความว่า โรคติดต่อที่ต้องมีการติดตามตรวจสอบหรือจัด เก็บข้อมูลอย่างต่อเนอื่ ง “โรคระบาด” หมายความว่า โรคติดต่อหรือโรคท่ียังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัด ซ่ึงอาจแพร่ไปสู่ผู้อ่ืนได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง หรือมีภาวะของการเกิดโรคมากผิดปกต ิ กว่าท่เี คยเปน็ มา 18 หลกั สตู รพ้นื ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
๔. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่อื ง ช่ือและอาการสำคญั ของโรคตดิ ตอ่ อันตราย พ.ศ. ๒๕๕๙ (ฉบับที่ ๑ และฉบบั ท่ี ๒ ) รวม ๑๓ โรค (รายละเอยี ดในภาคผนวก) ๕. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ช่ือและอาการสำคัญของโรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๕๕ โรค (รายละเอียดในภาคผนวก) ๖. กลมุ่ ผทู้ ่ีต้องรายงานโรค ตาม พระราชบัญญัตโิ รคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๗ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ใหร้ ฐั มนตรโี ดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ มีอำนาจประกาศกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งในกรณีท่ีมีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อท่ี ต้องเฝา้ ระวัง หรอื โรคระบาด เกิดขึ้น บุคคลตามมาตรา ๓๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) (๑) เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน หรือแพทย์ผู้ทำการรักษาพยาบาล ในกรณีที่พบผู้ที่เป็น หรอื มีเหตุอนั ควรสงสยั วา่ เปน็ โรคตดิ ตอ่ ดงั กลา่ วเกดิ ข้ึนในบา้ น (๒) ผู้รบั ผิดชอบในสถานพยาบาล ในกรณที ่พี บผทู้ เี่ ป็นหรอื มีเหตอุ นั ควรสงสัยว่าเป็นโรคตดิ ต่อ ดังกลา่ วเกิดขึน้ ในสถานพยาบาล (๓) ผู้ทำการชันสูตรหรือผู้รับผิดชอบในสถานท่ีที่ได้มีการชันสูตร ในกรณีที่ได้มีการชันสูตร ทางการแพทย์หรอื ทางการสตั วแพทยต์ รวจพบวา่ อาจมเี ชอ้ื อนั เป็นเหตขุ องโรคตดิ ต่อดังกลา่ ว (๔) เจ้าของ หรอื ผูค้ วบคุมสถานประกอบการหรอื สถานทอ่ี ่นื ใด ในกรณีท่พี บผู้ที่เปน็ หรอื มเี หตุ อันควรสงสัยวา่ เป็นโรคตดิ ตอ่ ดงั กลา่ วเกดิ ข้ึนในสถานทน่ี น้ั ๗. หลักเกณฑแ์ ละวิธีการแจง้ เจ้าพนกั งานควบคมุ โรคติดตอ่ ข้อ ๑ เม่ือมีโรคติดต่ออันตรายเกิดข้ึนหรือมีเหตุสงสัยว่าเกิดข้ึน และพบผู้ท่ีเป็นหรือมีเหตุอัน ควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อดังกล่าวให้บุคคล ตามมาตรา ๓๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) แห่งพระราชบัญญัติโรค ติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซ่ึงเป็นข้าราชการสังกัดกรมควบคุมโรคในราชการ บริหารส่วนกลางภายใน ๓ ช่ัวโมงนับแต่พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อดังกล่าว หรือที่ได้มี การชันสูตรทางการแพทย์หรือทางการสัตวแพทย์ตรวจพบว่ามีหรืออาจมีเช้ืออันเป็นเหตุของโรคติดต่อดังกล่าว แล้วแต่กรณี ข้อ ๒ เม่อื มีโรคระบาดเกดิ ข้ึนหรอื มีเหตสุ งสัยวา่ เกิดขึ้น และพบผทู้ เ่ี ป็นหรอื มีเหตอุ นั ควรสงสัย วา่ เป็นโรคติดตอ่ ดังกลา่ ว ให้บคุ คล ตามมาตรา ๓๑ (๑) (๒) (๓) และ (๔) แหง่ พระราชบญั ญัติโรคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพ้ืนที่ ภายใน ๒๔ ชั่วโมง นับแต่พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควร สงสัยว่าเป็นโรคติดต่อดังกล่าว หรือที่ได้มีการชันสูตรทางการแพทย์หรือทางการสัตวแพทย์ตรวจพบว่ามีหรือ อาจมีเชอื้ อนั เปน็ เหตขุ องโรคตดิ ตอ่ ดังกล่าว แล้วแต่กรณ ี หลักสตู รพืน้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครือข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 19
ข้อ ๓ เมอื่ มีโรคติดต่อท่ตี ้องเฝ้าระวงั เกดิ ขน้ึ หรือมเี หตุสงสยั วา่ เกดิ ขึน้ และพบผทู้ เ่ี ป็นหรอื มเี หตุ อันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อดังกล่าว หรือเมื่อได้มีการชันสูตรทางการแพทย์หรือทางการสัตวแพทย์แล้วตรวจ พบว่ามีหรืออาจมีเชื้ออันเป็นเหตุของโรคติดต่อดังกล่าว ให้บุคคลตามมาตรา ๓๑ (๒) และ (๓) แห่งพระราช บญั ญตั ิโรคติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ แจง้ ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคตดิ ตอ่ ได้แก่ นายแพทย์สาธารณสขุ จงั หวดั หรอื ผอู้ ำนวยการสำนกั อนามยั กรงุ เทพมหานคร แลว้ แตก่ รณภี ายใน ๗ วนั ทง้ั นี้ ตามแบบหรือมาตรฐานชุดข้อมูล ทกี่ รมควบคมุ โรคประกาศกำหนด ๘. วิธีการแจง้ ข้ันท่ี ๑ ช่องทางการแจ้ง ได้แก่ แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยตรง แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หนังสอื ราชการ ไปรษณยี ์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หรอื ช่องทางอ่นื ๆ ทอี่ ธบิ ดกี รมควบคมุ โรคกำหนดเพิ่มเตมิ ข้ันท่ี ๒ ข้อมูลการแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ได้แก่ ช่ือ ที่อยู่ สถานท่ีทำงาน ของตนท่ีเกี่ยวขอ้ งกับผ้ปู ่วย และรายละเอยี ดของผ้ปู ่วยทส่ี ำคัญ ขน้ั ท่ี ๓ เจา้ พนักงานควบคุมโรคติดตอ่ บันทกึ และส่งแบบรายงาน ๘. โครงสร้างการดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคตดิ ตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.) ความเช่อื มโยงระหวา่ งฝ่ายนโยบาย ฝา่ ยวิชาการ และฝา่ ยปฏบิ ตั ิ ๒.) สอดคลอ้ งกับกฎอนามัยระหว่างประเทศและเช่อื มโยงกบั องค์กรนานาชาต ิ ๓.) เชื่อมโยงกลไกการจัดการสาธารณภัยของประเทศ องค์กรปกครองท้องถิน่ และภาคเอกชนด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ๙. องค์ประกอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ/คณะทำงาน ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไดแ้ ก่ - คณะกรรมการโรคติดต่อแหง่ ชาติ (๓๐ คน) ประธานคณะกรรมการ : รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสขุ กรรมการและเลขานกุ าร : อธิบดกี รมควบคมุ โรค กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ : ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อท่ัวไป / กองระบาดวิทยา กรรมการโดยตำแหนง่ ๑๘ คน : ปลดั กระทรวง กลาโหม การต่างประเทศ คมนาคม มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ และสาธารณสขุ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้บญั ชาการตำรวจแห่งชาต ิ อธบิ ดกี รมการแพทย์/กรมอนามยั /กรมวทิ ย์ฯ อธบิ ดกี รมปศุสตั ว ์ อธบิ ดีกรมประชาสมั พนั ธ์ อธบิ ดีกรมกรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 20 หลักสตู รพน้ื ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
อธิบดีกรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถิน่ อธบิ ดกี รมอทุ ยานแหง่ ชาติสตั ว์ปา่ และพันธุพ์ ชื ปลดั กรงุ เทพมหานคร กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิ ๔ คน : รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสขุ แต่งตง้ั จากผู้มคี วามรู้ ความเชี่ยวชาญ และ มีประสบการณ์เป็นท่ีประจักษ์ในด้านการสาธารณสุข การควบคุมโรค และด้านอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์ / ในจำนวนนี้ต้องแต่งตั้งจากองค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งมิใช่เป็นการแสวงหาผลกำไรและดำเนินกิจกรรม ด้านสาธารณสขุ อย่างนอ้ ย ๑ คน กรรมการสภาวชิ าชพี ท่ีเก่ียวขอ้ ง ๔ คน : ผแู้ ทนแพทยสภา ผ้แู ทนสภาการพยาบาล ผ้แู ทนสภาเทคนคิ การแพทย ์ ผแู้ ทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชน อำนาจหน้าที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ (มาตรา ๑๔) : ๑.) กำหนดนโยบายวางระบบ และแนวทางปฏิบัติ ในการเฝ้าระวงั ปอ้ งกันและควบคมุ โรคติดตอ่ ๒.) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด และเสนอคณะรฐั มนตรใี หค้ วามเหน็ ชอบ ๓.) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี ในการออกกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัติน ี้ ๔.) ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน เก่ียวกับการเฝ้าระวัง ป้องกนั และควบคุมโรคติดต่อ ๕.) ติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ คณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวดั หรือ กรงุ เทพมหานคร ๖.) พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเก่ียวกับการเบิกจ่ายชดเชย ค่าทดแทน คา่ ตอบแทน หรอื คา่ ใช้จา่ ยที่จำเป็นในการดำเนินการเฝา้ ระวงั สอบสวนโรค ป้องกนั หรือควบคุมโรคติดต่อ ๗.) แตง่ ตัง้ กรรมการดา้ นวชิ าการหรอื คณะอนกุ รรมการ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี ๘.) ปฏิบัติการอ่ืนใดตามที่พระราชบัญญัติน้ี หรือกฎหมายอื่นบัญญัติ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ หรือตามที ่ คณะรัฐมนตรี มอบหมาย - คณะกรรมการวิชาการ (ไมเ่ กิน ๘ คน) ประธาน : แต่งต้ังจากกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิ ตามมาตรา ๑๑(๔) กรรมการ : แต่งตง้ั จากผู้มคี วามรู้ ความเชีย่ วชาญ และมีประสบการณใ์ นด้านโรคติดต่อ จำนวนไม่เกนิ ๗ คน อำนาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการวชิ าการ (มาตรา ๑๖) : ๑.) ให้คำแนะนำแกร่ ัฐมนตรใี นการประกาศเขตตดิ โรค ๒.) ใหค้ ำแนะนำแก่อธิบดใี นการประกาศโรคระบาด ๓.) ใหค้ ำแนะนำแก่รฐั มนตรหี รืออธิบดีในการประกาศยกเลกิ เมื่อสภาวการณ์ของโรค ตาม (๑) หรือ (๒) แลว้ แต่กรณี สงบลง หรอื กรณมี เี หตอุ นั สมควร หลักสูตรพนื้ ฐานการเฝ้าระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 21
๔.) ปฏิบตั ิการตามท่ีคณะกรรมการโรคติดต่อแหง่ ชาติมอบหมาย - คณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ จังหวดั (ไม่น้อยกวา่ ๑๘ คน) ประธานคณะกรรมการ : ผูว้ า่ ราชการจังหวดั กรรมการและเลขานกุ าร : นายแพทยส์ าธารณสุขจงั หวดั กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานุการ : ผูป้ ฏิบตั งิ านปอ้ งกนั ควบคุมโรค สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวัด (ไม่เกนิ ๒ คน) กรรมการโดยตำแหน่ง ๖ คน : ปลัดจังหวัด ประชาสมั พนั ธ์จงั หวัด ปศสุ ตั ว์จงั หวัด หัวหน้าสำนกั งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจงั หวัด ผู้อำนวยการสำนกั งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคทร่ี บั ผิดชอบในเขตจังหวดั นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด กรรมการจากหนว่ ยงานทอ้ งถน่ิ ซง่ึ ผวู้ า่ แตง่ ตงั้ ๒ คน : นายกเทศมนตรี ๑ คน /นายกองคก์ ารบรสิ ว่ นตำบล ๑ คน กรรมการจากหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงสาธารณสุข ๕ คน : ผ้อู ำนวยการโรงพยาบาลศนู ย/์ โรงพยาบาลทัว่ ไป ๑ คน/ผอู้ ำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ๒ คน/สาธารณสขุ อำเภอ ๒ คน กรรมการจากสถานพยาบาล : ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ๑ คน หนว่ ยงานอนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งในจงั หวดั : จงั หวดั ใดมดี า่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ ใหแ้ ตง่ ตงั้ เจา้ พนักงาน ควบคุมโรคตดิ ตอ่ ประจำดา่ นฯ แห่งละ ๑ คน ผรู้ ับผดิ ชอบช่องทางเข้าออกประจำด่าน แห่งละ ๑ คน อำนาจหน้าท่ขี องคณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ จังหวัด (มาตรา ๒๒) ๑.) ดำเนินการตามนโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ท่คี ณะกรรมการกำหนด ๒.) จัดทำแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดในเขตพื้นทจี่ ังหวดั ๓.) รายงานสถานการณ์โรคติดต่อหรือโรคท่ียังไม่ทราบสาเหตุที่อาจเป็นโรคระบาดซึ่งเกิดขึ้น ในเขตพน้ื ท่จี ังหวัดต่ออธบิ ดีกรมควบคุมโรค ๔.) สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เก่ียวข้องภายในจังหวัด แลว้ รายงานต่อคณะกรรมการโรคติดต่อแหง่ ชาติ ๕.) แต่งต้ังคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออกตามมาตรา ๒๓ ในกรณีที่จังหวัดน้ันมีด่านควบคุม โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ ๖.) เรียกให้บุคคลใด ๆ มาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้จัดส่งข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ท่ีจำเป็นหรือขอ้ คดิ เหน็ มาเพ่ือใช้ประกอบการพิจารณา ๗.) ดำเนินการอ่ืนใดที่เก่ียวกับการควบคุมโรคติดต่อตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ หรือ ผู้วา่ ราชการจงั หวดั มอบหมาย หรอื ตามทบี่ ญั ญตั ิไว้ในพระราชบัญญตั ิน้ ี 22 หลักสูตรพื้นฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สุขภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
- คณะกรรมการโรคตดิ ต่อกรุงเทพมหานคร (๒๖ คน) ประธานคณะกรรมการ : ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร กรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสำนกั อนามัย กรุงเทพมหานคร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ : ข้าราชการสงั กดั สำนกั อนามัย ไม่ตำ่ กว่า ผ้อู ำนวยการกอง (ไมเ่ กิน ๒ คน) กรรมการโดยตำแหนง่ ๙ คน : ปลดั กรุงเทพมหานคร ผแู้ ทนสำนกั งานปลดั กระทรวงมหาดไทย ผแู้ ทนกรมควบคุมโรค ผ้แู ทนกรมประชาสมั พันธ ์ ผู้แทนกรมปศสุ ัตว ์ ผแู้ ทนกรมสวัสดิการและคุม้ ครองแรงงาน ผู้อำนวยการสำนกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร ผอู้ ำนวยการสำนกั งานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั กรงุ เทพมหานคร ผอู้ ำนวยการโรงพยาบาล สงั กดั สภากาชาดไทย ในเขตกรงุ เทพมหานคร กรรมการจากโรงพยาบาล ๒ คน: ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ๑ คน /ผู้อำนวยการ โรงพยาบาล ในสงั กัดกรมการแพทย์ สาธารณสุข ๑ คน กรรมการจากสถานพยาบาล : ผ้ดู ำเนินการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าดว้ ยสถานพยาบาล ๑ คน กรรมการจากโรงพยาบาลสงั กดั หนว่ ยงานอน่ื ของรฐั ๕ คน : ผอู้ ำนวยการโรงพยาบาล ในสงั กดั หนว่ ยงานของรฐั นอกจากมาตรา ๒๖(๓) จำนวนไมเ่ กิน ๕ คน กรรมการจากสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ๕ คน : ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ คน หน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องในกรุงเทพมหานคร : เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านฯ ในเขต กรุงเทพมหานคร แห่งละ ๑ คน และผู้รับผิดชอบช่องทางเข้าออกประจำด่าน ในเขตกรุงเทพมหานคร แห่งละ ๑ คน อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร (มาตรา ๒๘) ๑.) ดำเนินการตามนโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบตั ิในการเฝา้ ระวัง ปอ้ งกันและควบคมุ โรคติดตอ่ ที่ คณะกรรมการกำหนด ๒.) จัดทำแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดในเขตพน้ื ท่ี กรุงเทพมหานคร ๓.) รายงานสถานการณ์โรคติดต่อหรือโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุท่ีอาจเป็นโรคระบาดซ่ึงเกิดข้ึน ในเขต พ้ืนท่ี กรุงเทพมหานคร ตอ่ อธบิ ดีกรมควบคุมโรค ๔.) สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เก่ียวข้องภายใน กรุงเทพมหานคร แล้วรายงานตอ่ คณะกรรมการโรคตดิ ต่อแห่งชาติ หลักสตู รพื้นฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครือข่ายภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 23
๕.) แตง่ ตั้งคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออกตามมาตรา ๒๓ ๖.) เรียกให้บุคคลใด ๆ มาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้จัดส่งข้อมูลหรือเอกสารใด ๆ ท่ีจำเปน็ หรอื ขอ้ คิดเหน็ มาเพ่อื ใชป้ ระกอบการพจิ ารณา ๗.) ดำเนินการอ่ืนใดท่ีเก่ียวกับการควบคุมโรคติดต่อตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ หรือ ผู้ว่า ราชการจงั หวัดมอบหมาย หรือตามทีบ่ ญั ญตั ิไวใ้ นพระราชบัญญตั ิน ี้ - คณะทำงานประจำชอ่ งทางเข้าออก (ไม่น้อยกวา่ ๘ คน) ประธานคณะทำงาน : เจ้าหน้าท่ขี องหนว่ ยงานของรัฐทร่ี ับผดิ ชอบช่องทางเข้าออก (ประธานช่องทาง) คณะทำงานและเลขานกุ าร : เจา้ พนกั งานควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ซงึ่ ประจำดา่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ คณะทำงานโดยตำแหน่ง ๕ คน : ผู้แทนกรมปศสุ ัตว ์ ผแู้ ทนกรมวชิ าการเกษตร ผแู้ ทนกรมศลุ กากร ผู้แทนสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ผ้แู ทนสำนักงานตรวจคนเขา้ เมอื ง (ปฏบิ ตั หิ น้าที่ในช่องทางเขา้ ออกนั้น) คณะทำงานจากโรงพยาบาล ๒ คน : ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ในสังกัดหน่วยงานของรัฐท่ีดูแลรับผิดชอบ ชอ่ งทางเข้าออกน้ัน ๑ คน หมายเหตุ : ช่องทางเข้าออกใดมีผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ ในช่องทางเข้าออกน้อยกว่า ตามทกี่ ำหนด ใหค้ ณะทำงาน ประกอบดว้ ย ผแู้ ทนเทา่ ทมี่ อี ยู่ /ชอ่ งทางเขา้ ออกใดมผี แู้ ทนจากหนว่ ยงานของรฐั ปฏบิ ตั ิ หน้าที่ในช่องทางเข้าออกมากกว่าตามท่ีกำหนด ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดเพ่ิมเติมจากจำนวนท่ีมีอยู่ อำนาจหน้าท่ีของคณะทำงานประจำชอ่ งทางเข้าออก (มาตรา ๒๔) ๑.) จัดทำแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและแผนเตรียม พร้อมรับสถานการณ์ฉกุ เฉนิ ด้านสาธารณสขุ ๒.) ประสาน สนบั สนนุ และตดิ ตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนในขอ้ ๑ ๓.) จัดทำแผนการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ ระหวา่ งประเทศ ๔.) ดำเนนิ การอนื่ ใดทเี่ กย่ี วกบั การเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ตามทค่ี ณะกรรมการหรอื คณะ กรรมการโรคติดต่อจังหวดั มอบหมาย ๑๐.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ฉบบั ที่ ๑ ฉบับที่ ๒ และ ฉบับที่ ๓) รวม ๖๘ ชอ่ งทาง ๑๑.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ท้องที่หรือเมืองท่านอกราชอาณาจักรท่ีเป็นเขตติดโรค ไข้เหลอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔๒ ประเทศ 24 หลักสูตรพ้ืนฐานการเฝา้ ระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
๑๒.ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เร่ือง การสร้างเสริมภูมคิ มุ้ กนั โรคไขเ้ หลอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒ เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง ให้มีผลใช้บังคับได้เมื่อพ้นสิบวัน นับแต่วันที่ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง ในรายท่ีเป็นการฉีดซ้ำให้มีผลใช้บังคับได้ทันทีนับแต่วันที่ได้รับการฉีด วคั ซนี นัน้ ทง้ั น้ี ให้เอกสารรบั รองการได้รับวัคซีนปอ้ งกันโรคไข้เหลอื งมีอายกุ ารใช้บังคบั ตลอดชีพของผูเ้ ดนิ ทางนัน้ ข้อ ๓ ผู้เดินทางที่มาจากเขตติดโรคไข้เหลือง ต้องแสดงเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรค ไข้เหลืองต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ณ ด่านควบคุมโรค ติดตอ่ ระหว่างประเทศ ข้อ ๕ กรณีผู้เดินทางที่มาจากเขตติดโรคไข้เหลืองได้แสดงเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรค ไขเ้ หลอื ง แตเ่ อกสารดงั กลา่ วยงั ไมม่ ผี ลใชบ้ งั คบั ตามระยะเวลาทกี่ ำหนดไวใ้ นขอ้ ๒ เพอื่ แยกกกั กกั กนั หรอื คมุ ไว้ สังเกตผู้เดินทางผู้น้ัน ตามสมควรแก่กรณี ไปจนกว่าเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองจะมีผล ใชบ้ ังคับ ๑๓. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เรอ่ื ง แตง่ ต้ังเจ้าพนกั งานควบคมุ โรคตดิ ต่อตามพระราชบญั ญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ขอ้ ท่ีสำคัญเก่ยี วกบั ด่านควบคมุ โรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ ดังนี ้ ข้อ ๒ ให้ข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปน้ีเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะในเขตท้องที่ท่ีตนมีอํานาจหน้าท่ีดูแลและรับผิดชอบ ในการปฏิบตั ริ าชการ (๑) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (๒) ผอู้ ํานวยการโรงพยาบาลศูนย์ (๓) ผอู้ าํ นวยการโรงพยาบาลทัว่ ไป (๔) ผอู้ าํ นวยการโรงพยาบาลชุมชน (๕) สาธารณสขุ อาํ เภอหรอื สาธารณสขุ ก่ิงอําเภอ (๖) ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการ ณ ด่านควบคมุ โรคตดิ ต่อระหวา่ งประเทศ ซ่ึงดาํ รงตาํ แหน่ง (๖.๑) นายแพทยร์ ะดับปฏบิ ตั กิ ารขนึ้ ไป (๖.๒) นายสัตวแพทยร์ ะดับปฏบิ ัตกิ ารขน้ึ ไป (๖.๓) นักวชิ าการสาธารณสขุ ระดับปฏบิ ัตกิ ารขึ้นไป (๖.๔) พยาบาลวชิ าชีพระดบั ปฏบิ ตั ิการข้ึนไป (๖.๕) เจ้าพนกั งานสาธารณสุขระดับปฏบิ ัตงิ านขึน้ ไป (๖.๖) เจ้าพนกั งานวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ระดบั ปฏบิ ัติงานข้นึ ไป ๑๔. พระราชบัญญัตคิ นเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ - โรคต้องห้ามในแรงงานต่างด้าว : คนต่างด้าวที่มีลักษณะเป็นโรคต้องห้ามมิให้เข้ามา ในราชอาณาจักร หรือสงสัยว่าเป็นโรคต้องห้ามให้ทำบันทึกแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพจิ ารณาดำเนนิ การต่อไป หลกั สตู รพื้นฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 25
๑.) คนต่างด้าวที่เป็นโรคต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับท่ี ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามแนวพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อท่ี ๒ โรค ตามมาตรา ๑๒ (๔) ๒.) คนต่างด้าวที่เป็นโรคต้องห้ามเขา้ มามีถ่นิ ท่อี ยใู่ นราชอาณาจกั ร ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามแนวพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อที่ ๓ โรคตาม มาตรา ๔๔ (๒) คอื - โรคเร้ือน - วัณโรคในระยะอนั ตราย - โรคเทา้ ชา้ ง - โรคยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ - โรคพษิ สุราเรื้อรงั - โรคซิฟลิ สิ ในระยะท่ี ๓ ข้อปฏิบัติ : หากตรวจพบโรคต้องห้ามในการทำงาน อาทิ โรคซิฟิลิสระยะที่ ๓ วัณโรคระยะแพร่เชื้อ ตดิ สารเสพติด จิตฟนั่ เฟอื น เปน็ ต้น ต้องประสานกับสำนักงานตรวจคนเขา้ เมอื ง (สตม.) ใหส้ ง่ กลบั ประเทศ สรุปกิจกรรม : ปัจจัยที่จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจในองค์ความรู้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ คือ การยกตัวอยา่ งใหเ้ ขา้ ใจงานพร้อมเปิดโอกาสให้ซักถาม มุ่งเน้นการอธิบาย หรอื เนอ้ื หา พระราชบญั ญัตไิ ปท่ดี า่ น ควบคมุ โรคหรอื ชอ่ งทางเข้าออกประเทศ ผลลัพธ์ท่ตี อ้ งการประเมิน : ที ่ ผลลัพธ์ทตี่ ้องการ วธิ กี ารประเมิน ๑ เข้าใจข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ประเมนิ จากการทำแบบทดสอบกอ่ น - หลังเรียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ ๒ ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติโรค สังเกตคำตอบเวลาผูส้ อนซกั ถาม ติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได ้ เทคนิคการสอน : ผู้สอนต้องเข้าใจบทบาทของเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ อย่างแท้จริง และสามารถอธิบาย ความเชือ่ มโยงกบั พระราชบญั ัติโรคติดตอ่ พ.ศ.๒๕๕๘ ได ้ 26 หลกั สูตรพื้นฐานการเฝ้าระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ การตรวจจับความผิดปกติ โรคและภยั สขุ ภาพ เวลาเรียน : ๑.๕ – ๓.๕ ชัว่ โมง จุดประสงค์ : ตรวจจับความผิดปกติภายในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและป้องกันตนเองจาก โรคและภยั สุขภาพเบื้องต้นได ้ การดำเนนิ กจิ กรรม : บรรยายพรอ้ มการยกตัวอย่าง/ฝึกการใชง้ านการ์ดคำแนะนำ อุปกรณ์ : ๑. เอกสารประกอบการบรรยาย ๒. การด์ “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” องคค์ วามรทู้ สี่ ำคญั : ๑.การใช้งานการด์ คำแนะนำ “ดู แยก แจง้ ช่วย” - ความเปน็ มาการด์ “ดู แยก แจ้ง ช่วย” ตามท่กี องโรคตดิ ตอ่ ทัว่ ไป กรมควบคุมโรคและศูนย์ ความร่วมมือไทย - สหรัฐ ด้านสาธารณสุข ได้พัฒนา การ์ด สำหรับให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ประจำชอ่ งทาง เขา้ ออกประเทศขน้ึ คอื การด์ ดู แยก แจง้ ชว่ ย ใหเ้ จา้ หนา้ ทสี่ ามารถสงั เกตความผดิ ปกตแิ ละสามารถปอ้ งกนั ตนเอง จากโรคตา่ ง ๆ ได้ - แนะนำการใช้ การ์ด “ดู แยก แจ้ง ช่วย” ดู คือ เฝ้าสังเกตความผิดปกติ สังเกตผู้เดินทางที่มีความผิดปกติชัดเจน รับฟังข่าวสาร การแจ้งข่าวจากช่องทางของกรมควบคุมโรค แยก คือ รีบแยก/แยกผูเ้ ดินทางทป่ี ว่ ย/สงสยั ป่วยออกห่างจากผู้อ่นื อยา่ งนอ้ ย ๒ เมตร แจ้ง คือ รีบแจ้ง หากสถานการณ์เป็นอันตรายถึงชีวิตให้รีบเรียกรถพยาบาล (๑๖๖๙) แจ้ง เจา้ หน้าท่ีดา่ นควบคุมโรคตดิ ต่อระหว่างประเทศ และรายงานผู้บรหิ ารของท่านทราบเบ้ืองตน้ ช่วย คือ ให้การสนับสนุน/ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ด่าน ควบคุมโรคตดิ ต่อระหวา่ งประเทศ เราจะสังเกตอาการหรือความผดิ ปกตเิ บ้ืองตน้ ยงั ไง? เฝ้าสังเกตความผิดปกติ ดู / ฟัง / ถาม อาการป่วยและความผิดปกติและแจ้งเจ้าหน้าที่ด่าน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ถา้ ผเู้ ดนิ ทางมี… ๑.) ผเู้ ดินทางบอกวา่ ตนเองเหมอื นจะ มไี ข้ ๒.) มกี ารแจ้ง หรือสังเกตเหน็ อาการต่างๆ ดังตอ่ ไปนี ้ - ไอตอ่ เนอื่ ง - หายใจติด ๆ ขดั ๆ - อจุ จาระร่วงตอ่ เนื่อง - อาเจยี นต่อเนอ่ื ง - มผี ืน่ ตามตวั /ผิวหนงั - มีแผลถลอกหรือเลือดออกโดยไมไ่ ด้รับการบาดเจ็บมาก่อน หลกั สตู รพื้นฐานการเฝ้าระวังโรคและภัยสขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 27
- มีอาการสับสน ขาดสต ิ - หนา้ ตาขาดความสดชน่ื ริมฝปี ากแหง้ แตก - แสดงอาการไมส่ บายชัดเจน ๓.) คำแนะนำเพ่ิมเติม ควรล้างมือเป็นเวลา ๒๐ วินาที หลังจากพูดคุยกับผู้เดินทางที่ป่วย/ สงสยั ปว่ ย และสวมหนา้ กากอนามยั หากมผี ูเ้ ดินทางไอหรือจาม ๒. การดู สงั เกต อาการหรอื สงิ่ ผดิ ปกต ิ ๒.๑ ไข้ (Fever) การดู ดวู า่ ผ้เู ดินทางมีไข้หรอื ไม่ โดยสงั เกต ดังนี ้ - สั่น เหงอื่ ออกมาก ใส่เสื้อผ้าหนา ประวตั ิตวั อุ่น และรบั ประทานยาลดไข ้ - ไข้เป็นอาการที่พบบอ่ ยในโรคติดเชอ้ื เชน่ ไข้หวัดใหญ,่ ไข้หวดั นก, อีโบลา ๒.๒ อาการไอต่อเนือ่ ง (Continues coughing) โดยสังเกต ดังน้ ี - ไอถ่แี ละแรง เปน็ อาการท่ีผิดปกติ ไอตอ่ เนอื่ งเป็นชุด - อาจจะเป็นไอกรนทีม่ ีเสยี งวดู๊ วณั โรค ปอดบวม ไขห้ วดั ใหญ่ได้ ๒.๓ หายใจติด ๆ ขดั ๆ (Difficulty breathing) โดยสงั เกต ดงั น้ี - อา้ ปากหายใจ หายใจกระหดื กระหอบ นบั ลมหายใจไม่ได้ รูส้ ึก ขาดลมหายใจ หายใจเร็วหรอื ช้าเกินไป - หายใจลำบาก อาจเปน็ ปอดบวม คอตีบ ไข้หวัดใหญห่ รือมโี อกาสเป็นลมหมดสติ ๒.๔ อจุ จาระร่วงต่อเน่อื ง (Continues diarrhea) โดยสังเกต ดงั น ้ี - ท้องเสีย หลายคร้ังเป็นอาการผิดปกติ เราจะทราบได้จากการสอบถามเบ้ืองต้น เมื่อสังเกตเห็นอาการหน้าซีดหรอื ปากแหง้ - ซึ่งอาการอุจจาระร่วงต่อเน่ือง อาจจะเป็นโรคอาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค อีโบลา หรือมีอาการช็อคหมดสติจากการขาดนำ้ ได ้ ๒.๕ อาเจยี นตอ่ เนือ่ ง (Continues vomiting) - อาเจียน ๒ ครั้งขึน้ ไป ที่ไม่ใชโ่ รคแพอ้ ากาศ แสดงวา่ ผิดปกติ - อาจจะปว่ ยโรคอาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค หรอื อีโบลาได ้ ๒.๖ มีแผลถลอก หรือแผลถลอกโดยไม่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน (Unusual bruising or bleeding not from injury) โดยสังเกต ดังนี ้ - สังเกต หรือพบ เลือดออกผดิ ปกติ ที่ เหงือก หู จมูก ผวิ หนงั ท่มี องเห็นง่าย โดยไมม่ ีอาการบาดเจบ็ อาจเป็นไขเ้ หลือง อโี บลาได ้ ๒.๗ ต่อมนำ้ เหลอื งโต และดซี ่าน โดยสังเกต ดงั น ี้ - สังเกตต่อมนำ้ เหลอื งโต เชน่ บริเวณคอหลังใบห ู - อาการตัวเหลือง ผิดปกติ (อาจเป็นดีซา่ น) 28 หลกั สตู รพนื้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
๒.๘ อาการสบั สน ขาดสติ (Confused mental state) โดยสงั เกต ดังน ้ี - ไม่สนใจสงิ่ แวดล้อม ไม่ตอบสนองต่อสิง่ กระต้นุ สบั สน เวลา สถานที่ บุคคล - อาจเป็น เยือ่ หุ้มสมองอักเสบ หรือโรคอื่น ๆ ระดบั ของความรสู้ ึกตวั ๔ ระดบั คือ ๑. ปกติ ๒. สปั งก คร่ึงหลบั คร่ึงตนื่ ๓. อ่อนเพลยี ออ่ นแรง ซึม เอาไมจ้ ม้ิ ไมต่ อบสนอง และ ๔. โคมา่ คอื ไม่ตอบสนองใด ๆ ๒.๙ สังเกตเห็นผ่ืนผิดปกติก็สามารถสอบถามเบื้องต้นได้ เพราะมีโอกาสป่วยเป็นโรคไข้เลือด ออก ไขป้ วดขอ้ ยงุ ลาย ไข้อดี ำอแี ดง หดั เยอรมนั หรือไข้กาฬได้ ๒.๑๐ สังเกตอาการป่วยหรือแสดงอาการไม่สบายเหน็ ชดั เจน เชน่ เดินกมุ ท้อง ปวดทอ้ ง ปวด ศรี ษะ ส่ังน้ำมูก ตาแดง เปน็ ตน้ ๓. การแยกผเู้ ดินทางสงสยั ป่วยหรอื ผิดปกติ ๓.๑ หลกั การแยกผู้สงสัยปว่ ยสำหรับเจ้าหนา้ ทท่ี ่ีช่องทางเขา้ ออกประเทศเบอ้ื งต้น ๑.) หากผู้สงสัยป่วยไอหรือจามควรเอาหน้ากากอนามัยให้สวมใส่ก่อนจะพูดคุย และแยกออกไป และเอาแอลกอฮอล์เจลให้ผู้สงสัยปว่ ยล้างทำความสะอาดมือด้วย ๒.) หากผู้สงสยั ป่วยอาเจยี น หรอื เปน็ ลมหมดสตไิ ม่ต้องให้สวมใส่หนา้ กากอนามัย ๓.) ให้แยกผู้สงสัยป่วยออกจากผู้เดินทางคนอ่ืน ๆ ระยะห่างไม่ต่ำกว่า ๒ เมตร หรือ ห้องแยกเด่ยี ว (ถ้าม)ี จากน้ันถงึ จะทำการแจ้งดา่ นควบคมุ โรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ ๔.) กรณีหมดสติให้รีบแจ้ง ๑๖๖๙ หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉินบริเวณช่องทางเข้าออก ประเทศน้ัน ๆ ใหส้ ามารถชว่ ยผู้หมดสตไิ ดอ้ ย่างทันทว่ งที ๓.๒ ข้อดีของการแยกผสู้ งสัยปว่ ย ๑.) ลดการแพรก่ ระจายเชื้อไปสผู่ เู้ ดนิ ทาง หรอื เจา้ หน้าทีอ่ น่ื ๆ ได้ ๒.) สามารถจัดการหรือแกป้ ญั หาผู้ปว่ ยรายนน้ั ๆ ไดอ้ ย่างทนั ท่วงทีและปลอดภัย ๓.) ง่ายตอ่ การส่งตอ่ ผูป้ ว่ ยและงา่ ยตอ่ การแจง้ ดา่ นควบคมุ โรคฯ มาดำเนินการต่อ ความรเู้ พิ่มเตมิ : ขอ้ แตกต่างระหวา่ ง การแยกกกั (Isolation) กับ กกั กนั (Quarantine) “แยกกัก” หมายความว่าการแยกผู้สัมผัสโรคหรือพาหะไว้ต่างหากจากผู้อื่นในที่ เอกเทศเพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซ่ึงอาจได้รับเช้ือโรคนั้น ๆ ได้จนกว่าจะ พ้นระยะติดตอ่ ของโรค “กักกัน” หมายความว่าการควบคุมผู้สัมผัสโรคหรือพาหะให้อยู่ในท่ีเอกเทศเพ่ือ ป้องกันมิให้เช้ือโรคแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซ่ึงอาจได้รับเช้ือโรคนั้น ๆ ได้จนกว่าจะพ้นระยะ ฟักตัวของโรคหรอื จนกว่าจะพ้นความเปน็ พาหะ หลักสตู รพื้นฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 29
๔. การแจง้ หรอื การประสานผ้เู กยี่ วขอ้ ง ๔.๑ หากเกิดเหตุฉกุ เฉนิ พบผสู้ งสัยป่วย หรอื สิง่ ผิดปกติ จะแจ้งใครไดบ้ า้ ง ๑.) ด่านควบคุมโรคตดิ ต่อระหวา่ งประเทศ : กรณพี บผู้สงสยั ปว่ ย หรือหมดสต ิ ๒.) เจา้ หน้าท่ีความปลอดภยั ในชอ่ งทาง : พบพฤติกรรมท่ผี ิดปกติ ทะเลาะวิวาท ๓.) เจา้ หนา้ ทด่ี า้ นความมนั่ คงในชอ่ งทาง (ทหาร) : พบวตั ถตุ อ้ งสงสยั หรอื ผู้เดินทางมี นสิ ัยผดิ ปกติ เชน่ ทำตัวลบั ๆ ลอ่ ๆ หนา้ สงสยั หรอื พกพาอาวุธ ๔.๒ สามารถแจ้งหรือประสาน ด่านควบคุมโรคตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศอยา่ งไรได้บ้าง ๑.) โทรศัพท์ (ให้ประสานขอเบอร์โทรกรณีฉุกเฉินหรือแจ้งเหตุจากด่านควบคุมโรค ติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ ณ ช่องทางของท่านไว)้ ๒.) ช่องทาง Social Media เชน่ ไลน์ (กรณมี ีกลมุ่ ไลน์ หรือกลุ่ม Social อน่ื ๆ ) ๓.) ประสานโดยตรง กรณดี า่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศอยไู่ มไ่ กลจดุ เกดิ เหตุ หรอื ไม่ไกลจุดทเ่ี จา้ หน้าท่ีตา่ ง ๆ ทำงานมากนกั ๔.๓ ขอ้ มูลใดบ้างท่คี วรแจ้งกบั ด่านควบคมุ โรคตดิ ต่อระหว่างประเทศ ๑.) อาการปว่ ย หรอื อาการทผ่ี ิดปกต ิ ๒.) ขอ้ มลู ทั่วไปผปู้ ่วย เชน่ เพศ อายุ สัญชาต ิ ๓.) ประวตั ิการเดนิ ทาง เช่น มาจากประเทศอะไร ๔.) สงิ่ ท่ีดำเนนิ การไปแล้ว เช่น การแยกผู้ปว่ ย ๒ เมตร สวมหนา้ กาก ลา้ งมือ ๔.๔ ประโยชน์ของการแจ้งเหตกุ ารณผ์ ดิ ปกติ แก่ผ้เู กีย่ วขอ้ งมาดำเนินการ ๑.) ลดการแพรก่ ระจายเช้อื โรค ช่วยให้คนอืน่ ๆ ปลอดภยั มากยิ่งข้นึ ๒.) ทำใหผ้ สู้ งสยั ป่วย หรือหมดสติปลอดภัย และทันท่วงที ๓.) ลดการสมั ผัสผูป้ ่วยไดม้ ากขนึ้ ๕. การใหค้ วามช่วยเหลอื หรืออำนวยความสะดวก ๕.๑ ใหค้ วามชว่ ยเหลืออะไรได้บา้ ง ๑.) ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำของผบู้ งั คบั บญั ชาและเจา้ หนา้ ทดี่ า่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ ๒.) ช่วยให้ข้อมูลด้านสุขภาพท่ีถูกต้องเบื้องต้นแก่ผู้เดินทาง หรือให้คำแนะนำใน การมาปรึกษาทดี่ า่ นควบคุมโรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ หากมผี ู้เดนิ ทางตอ้ งการพบแพทย์ ๓.) ช่วยอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าท่ีท่ีปฏิบัติงานหากมีกรณีเกิดส่ิงผิดปกติที่ ชอ่ งทางเข้าออกประเทศ ๔.) ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและภัยสุขภาพ หรือข่าวสารการระบาดของโรคใน ประเทศและตา่ งประเทศเบอ้ื งต้นได้ ๕.๒ ประโยชน์ของการให้ความช่วยเหลอื ๑.) ทำใหก้ ารปฏิบัตงิ านหรอื จัดการกับภาวะฉกุ เฉินตา่ ง ๆ สะดวก และราบร่นื ๒.) สรา้ งความมั่นใจตอ่ การปฏิบัติงานของทกุ หนว่ ยงาน 30 หลักสูตรพ้นื ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสขุ ภาพสำหรับเครอื ขา่ ยภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
๖.สถานการณโ์ รคทส่ี ำคญั และบทบาทหนา้ ทีใ่ นภาวะฉุกเฉิน ๖.๑ โรคประจำฤดูกาล ฤดหู นาว : แบง่ ออกเปน็ ๒ กลมุ่ คอื ๑. โรคตดิ ตอ่ ไดแ้ ก่ ๑) โรคหดั ๒) โรคปอดอกั เสบ ๓) โรคไขห้ วดั ใหญ่ ๔) โรคอจุ จาระร่วงเฉยี บพลนั ๒. ภยั สขุ ภาพ ไดแ้ ก่ ๑) การเสยี ชวี ติ ทเ่ี กย่ี วเนอื่ งจากภาวะอากาศหนาว ๒) การสดู ดมกา๊ ซพษิ และขาด อากาศหายใจจากเครอ่ื งทำนำ้ อนุ่ ระบบแกส๊ ๓) การเกดิ อบุ ตั เิ หตทุ างถนนในชว่ งอากาศหนาวและหมอกจดั ฤดูร้อน : ๑. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea) ๒. โรคอาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) ๓. โรคบดิ (Dysentery) ๔. อหวิ าตกโรค (Cholera) ๕. ไขไ้ ทฟอยดห์ รอื ไขร้ ากสาดน้อย (Typhoid) ๖. โรคพษิ สนุ ขั บ้า หรือโรคกลวั นำ้ (Rabies) ๗. โรคลมแดด (Heat stroke) ฤดฝู น : ๑. กลุ่มโรคตดิ ต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอจุ จาระร่วงเฉยี บพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี ๒. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ๓. กลุ่มโรคติดต่อท่ีเกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ไขส้ มองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย ๔. กลมุ่ โรคติดเชอ้ื ผ่านทางบาดแผล หรือเยอื่ บุผิวหนัง ไดแ้ ก่ โรคไข้ฉหี่ นู หรือ แลปโตสไปโรซิส ๕. กล่มุ โรคเย่อื บุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง ๖.๒ โรคท่อี งค์การอนามยั โลกใหค้ วามสำคญั ๑.โรคที่มีผู้ป่วยแม้เพียงรายเดียวด้วยโรคดังนี้ซ่ึงถือว่าไม่ปกติหรือไม่คาดคิดและ อาจส่งผลกระทบร้ายแรง จะตอ้ งรายงานให้องคก์ ารอนามยั โลกทราบ ไดแ้ ก่ ไขท้ รพิษ โปลโิ อมัยอิลัยตีส (wild type) ไข้หวัดใหญใ่ นคนสายพนั ธ์ุใหม่ และซารส์ ๒.เหตุการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับโรคดังต่อไปนี้ จะต้องนำไปวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือนี้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสาธารณสุขที่รุนแรง และแพร่กระจายระหว่างประเทศ ได้แก่ อหิวาต์ กาฬโรคชนิดปอดบวม ไขเ้ หลอื ง ไข้เลือดออกจากเชอ้ื ไวรสั (อโี บลา ลัสสา มารเ์ บริ ก์ ) ไขเ้ วสทไ์ นล์ โรคอนื่ ๆ ทม่ี ี ความสำคัญในระดบั ประเทศ หรือระดบั ภมู ิภาค เช่น ไขเ้ ลอื ดออก ไข้ริฟทเ์ วลลีย์ และไขก้ าฬหลงั แอ่น ๖.๓ บทบาทหน้าท่ีของเจ้าหนา้ ทีช่ ่องทางเขา้ ออกประเทศในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณกี ารเกดิ สถานการณ์ฉกุ เฉินทชี่ อ่ งทางเขา้ ออกประเทศ ลำดับ หนว่ ยงาน / ตำแหน่ง บทบาทหนา้ ท ่ี ๑ ประธานชอ่ งทางฯ / ส่ังเปิดศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและเรียกประชุมหน่วยงาน ผู้บัญชาการเหตกุ ารณ ์ ภายในชอ่ งทาง และสง่ั การตามคำแนะนำของท่ีประชุม ๒ ดา่ นควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ๑. เป็นหลักในการประสานงานหนว่ ยงานต่าง ๆ ๒. รวบรวมข้อมลู ท่ีสำคญั รายงานประธานฯ ๓. จดั เตรยี มสถานทส่ี ำหรบั กกั กนั หรอื แยกกกั ผปู้ ว่ ย และสถานท่ี สำหรบั สมั ภาษณผ์ เู้ ดนิ ทาง หลกั สูตรพน้ื ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสขุ ภาพสำหรบั เครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 31
ลำดบั หนว่ ยงาน / ตำแหน่ง บทบาทหนา้ ที ่ ๔. ดำเนนิ มาตรการทแี่ นะนำ ฆา่ เชอื้ ฆา่ แมลง ตอ่ กระเปา๋ สนิ คา้ คอนเทนเนอร์ พาหนะ สนิ คา้ อนื่ และพสั ดไุ ปรษณยี ภ์ ณั ฑ์ ฯลฯ ๕. ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านฯ ปฏิบัติงานเฝ้า ระวังโรคและคัดกรองโรค ณ บริเวณทางเข้าก่อนผ่าน พธิ ีการตรวจคนเข้าเมือง ๖. เจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านฯ สามารถดำเนิน การเฝ้าระวังและคัดกรองผู้เดินทางจากพ้ืนที่ท่ีได้รับผล กระทบได้ โดยให้ใช้อำนาจของเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา ๓๙ แห่ง พระราชบญั ญัตโิ รคตดิ ต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ และตาม คำส่งั ของกรมควบคุมโรค ๗. หากผู้เดินทางรายใด ไม่ยินยอมให้ทำการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังโรค ให้แจ้งเป็นบันทึกข้อความแก่เจ้าหน้าท่ี ตรวจคนเข้าเมือง ว่าผู้เดินทางรายน้ัน ละเมิด พระราช บัญญัติคนเขา้ เมอื ง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๒(๕) ๘.คัดกรองผู้เดินทางท่ีสงสัยป่วยโดยใช้เครื่องมือในการวัดไข้ คือ ThermoScan อุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ ๓๘ องศาเซลเซยี ส และมปี ระวัติเดนิ ทางมาจากพน้ื ทต่ี ิดโรค ในระยะเวลาตามระยะฟักตัวของโรค และส่งต่อข้อมูลมายัง SAT กรมควบคมุ โรค ๙. หากพบผู้สงสัยป่วยให้ประสานส่งต่อผู้ป่วยไปยัง โรงพยาบาลทเี่ กย่ี วข้อง เพื่อทำการรกั ษา แยกกัก หาสาเหตุ ของการปว่ ย และตรวจวินจิ ฉยั ทางห้องปฏบิ ตั กิ ารยนื ยันเชือ้ ก่อโรค ๑๐. กรณีคัดกรองแล้วผู้เดินทางไม่ป่วยแต่มีประวัติเดินทาง มาจากพ้ืนที่เขตติดโรคน้ัน ๆ เจ้าหน้าท่ีต้องให้คำแนะนำ สุขภาพ และแจก Health Beware Card หากมีอาการปว่ ย ใหแ้ จ้งหน่วยงานของกรมควบคมุ โรคทราบทันที จดั เตรยี มเจา้ หนา้ ที่ แพทย์ พยาบาล และเวชภณั ฑ์ ชว่ ยเหลอื คดั กรอง รกั ษา รว่ มกบั ดา่ นควบคมุ โรคฯ ๓ แพทยก์ ารทา่ อากาศยาน/ ๑. ประสานสง่ ตอ่ สมั ภาระผปู้ ่วยเพือ่ การทำลายเชอื้ ฝา่ ยแพทย์การท่าเรอื ๒. เตรียมดำเนินการพิธีการทางศุลกากรเก่ียวกับศพ ๔ หน่วยงานศลุ กากร กรณีมผี ู้เสยี ชีวติ 32 หลกั สูตรพน้ื ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครอื ขา่ ยภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
ลำดับ หน่วยงาน / ตำแหนง่ บทบาทหน้าท ่ี ๕ หนว่ ยงานตรวจคนเขา้ เมือง ๑. กวดขันการตรวจคนเข้าเมืองเป็นกรณีพิเศษ พร้อม สงั เกตอาการผเู้ ดนิ ทาง และแจง้ ดา่ นควบคมุ โรคฯทราบทนั ท ี ๒. ดำเนินการพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นกรณีพิเศษ หาก ผูเ้ ดนิ ทางต้องรับการรักษาและส่งต่อทันที ๖ หนว่ ยงานท่บี งั คับการเก่ียวกับการบนิ / ๑. ประสานและกำหนดจุดจอดเรือ/จุดลงจอดเครื่องบิน บังคบั การเทยี บเรอื เพ่ือง่ายต่อการรับส่งผู้ป่วย หรือขึ้นทำการสอบสวนและ ทำลายเชอื้ ๗ ฝา่ ยความม่นั คง (ทหาร)/หรือฝ่ายรกั ษา ๑. ต้ังศูนย์รักษาความปลอดภัย เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่ เกี่ยวขอ้ ง พรอ้ มตดิ ตามสถานการณจ์ ากดา่ นควบคมุ โรคฯ ความปลอดภยั ๒. จัดการจราจร อำนวยความสะดวกเส้นทางรถฉกุ เฉนิ ๓. กำหนดพื้นท่ีหวงห้ามพร้อมทำสัญลักษณ์และบัตรเข้า ออกถ้าจำเปน็ ๘ ฝ่ายบรรเทา ๑. จัดต้ังศูนย์ปฏิบัติการเคลื่อนท่ีตามผู้บัญชาการเหตุการณ์ สาธารณภยั / สงั่ การ ฝา่ ยดับเพลงิ และกูภ้ ยั ๒. จัดเตรียมอุปกรณ์และทีมเพ่ือตอบโต้ในภาวะฉุกเฉินที่ อาจเกดิ ขึ้น เช่น ภัยจากสารเคมี หรืออคั คีภยั เปน็ ตน้ ประชาสัมพันธข์ ้อมลู ทเี่ กย่ี วขอ้ งให้กับผูเ้ ดินทาง ๙ ฝา่ ยบริการลูกค้า ๑๐ สายการบนิ / ๑. ประสานและประชาสัมพันธ์ข้อมูลท่ีสำคัญให้กับผู้ ตวั แทนบรษิ ทั เรอื เกี่ยวข้อง ๒. รายงานรายชอ่ื ผโู้ ดยสารมากบั สายการบิน หรอื มาบนเรือ เพ่อื การเฝ้าระวังควบคมุ โรค ๑๑ หนว่ ยงานดา้ นสาธารณสุขในพื้นที่ ๑. จัดเตรียมหอ้ งสำหรบั แยกกกั ความดนั ลบ และทีมแพทย์ (โรงพยาบาลและสำนกั งานสาธารณสุข ทีจ่ ะรบั การรกั ษา จังหวดั ) ๒. จดั ทีมสอบสวนโรคลงพน้ื ท ่ี ๓. จัดเตรียมรถและระบบการรับสง่ ต่อผปู้ ว่ ย สรุปกิจกรรม : ปัจจัยที่จะทำให้ผู้เรียนแยกผู้ป่วยและคนปกติได้คือการยกตัวอย่างท่ีเห็นภาพชัดเจน สามารถ ดำเนินการและสงั เกตผปู้ ว่ ยตามคำแนะนำจาก การ์ด “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” ได้อยา่ งถูกต้อง หลกั สตู รพ้นื ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สุขภาพสำหรบั เครอื ขา่ ยภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 33
ผลลพั ธท์ ีต่ อ้ งการประเมิน : ท ี่ ผลลพั ธท์ ี่ต้องการ วธิ ีการประเมนิ ๑ ตรวจจับความผิดปกติภายในด่านควบคุมโรค ประเมนิ จากการทำแบบทดสอบกอ่ น - หลงั เรียน ตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศ ๒ สามารถใชง้ านการด์ “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” ได้ สังเกตคำตอบเวลาผู้สอนซกั ถาม เทคนคิ การสอน : ผู้สอนต้องยกตัวอย่างอาการและอาการแสดงผู้ป่วย และคนปกติให้ชัดเจน ให้ผู้เรียนสามารถแยกได้ และแนะนำการใชง้ านการด์ “ดู แยก แจง้ ชว่ ย” ไดอ้ ยา่ งถกู วธิ ี เชน่ การยกสถานการณส์ มมติ หรอื ประสบการณข์ อง ผเู้ รยี นมาประกอบ 34 หลกั สูตรพื้นฐานการเฝ้าระวงั โรคและภยั สุขภาพสำหรบั เครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ การป้องกนั ตนเองจากโรคและภยั สุขภาพเบ้อื งตน้ เวลาเรยี น : ๑.๕ ชั่วโมง จดุ ประสงค์ : สามารถเลอื กใชอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั ตนเองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามเหตกุ ารณ์ และสวมใสไ่ ดอ้ ยา่ งถกู ต้อง การดำเนินกจิ กรรม : บรรยายพร้อมการยกตัวอย่าง/ฝึกการใชง้ านอปุ กรณ/์ บทบาทสมมต ิ อปุ กรณ์ : ๑. เอกสารประกอบการบรรยาย ๒. วดิ โี อสาธิต ๓. อุปกรณ์ป้องกนั ตนเอง องค์ความร้ทู สี่ ำคัญ : ๑. การเลอื กใช้อปุ กรณ์ปอ้ งกันตนเองเบอื้ งตน้ ๑.๑ กรณีสงสัยผ้ปู ว่ ย ป่วยด้วยโรคทางเดนิ หายใจ เช่น ไอ จาม หายใจผิดปกติ มเี สียง : ให้สวม ถุงมอื หน้ากากอนามยั และล้างมอื ก่อนและหลังปฏิบัติหนา้ ที่ ๑.๒ กรณสี งสยั ผปู้ ว่ ย ทอ้ งเสยี อาเจยี น หรอื หมดสติ ควรเลอื กใสถ่ งุ มอื และหนา้ กากอนามัย และ ล้างมือหลังปฏบิ ัตงิ าน ๒. การลา้ งมือ ๒๐ วินาที ๒.๑ วิธีลา้ งมือ ๗ ข้ันตอน การล้างมือแบบเอามือผ่านน้ำใคร ๆ ก็ทำได้ แต่คุณรู้ไหมว่าการล้างมือให้สะอาด หมดจด จนปราศจากเช้ือโรคได้นัน้ ต้องทำตามวิธีทถ่ี กู ตอ้ ง ๗ ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ ๑.) ฝ่ามือถูฝ่ามือ เร่ิมต้นการล้างมือง่าย ๆ ด้วยการถูสบู่ข้ึนมาเล็กน้อยพอข้ึนฟอง ก่อนนำฝ่ามอื ทัง้ สองข้างประกบกันและถูใหท้ ่วั จนรูส้ ึกสะอาด ๒.) ฝา่ มอื ถหู ลงั มอื ปาดฟองสบมู่ าทห่ี ลงั มอื แลว้ ลา้ งมอื ตอ่ โดยการใชฝ้ า่ มอื ถหู ลงั มือและ ซอกนวิ้ ใหส้ ะอาด จากน้นั สลับขา้ ง วิธนี จ้ี ะทำให้ฆ่าเช้อื โรคบริเวณหลังมอื ที่เรามกั ลืมกนั ไป ๓.) ประกบฝ่ามือถูซอกน้ิว พลิกมือกลับมาประกบกัน ก่อนจะล้างมือให้สะอาดด้วย การถูซอกนว้ิ ดว้ ยสบูใ่ หส้ ะอาดหมดจด ๔.) ฝ่ามือขัดหลังนิ้ว กำกำป้ันข้างหน่ึงข้ึนล้างมือต่อ โดยใช้ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขัด บริเวณหลงั น้วิ สลบั ข้างทำแบบเดียวกันจนรู้สกึ วา่ มือสะอาด ๕.) ถูนิ้วหัวแม่โป้ง กางน้ิวหัวแม่โป้งก่อนใช้ฝ่ามืออีกข้างกำรอบแล้วหมุนวนด้วยฟอง สบูเ่ ป็นวงกลม ทำใหส้ ะอาดท้งั สองด้าน ๖.) ขัดฝ่ามือด้วยปลายน้ิว แบมือข้างหนึ่ง แล้วใช้ปลายน้ิวมืออีกข้างขัดฟองสบู่ตาม แนวขวางจนทั่ว แลว้ สลับข้างทำวิธเี ดยี วกนั ๗.) ถูรอบข้อมือ กำมือรอบข้อมือข้างหน่ึง แล้วถูวนไปรอบ ๆ จากนั้นเปล่ียนข้าง ทำเชน่ เดยี วกัน วิธีนจี้ ะชว่ ยใหข้ ้อมือสะอาด หลกั สูตรพนื้ ฐานการเฝ้าระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ข่ายภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 35
๒.๒ คำแนะนำเพ่มิ เติมในการลา้ งมอื ๑.) การล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หรือยาฆ่าเช้ือให้ถอดแหวนหรือเครื่องประดับอื่นท่ีใส ่ ในนิ้วมือออกฟอกสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วทุกส่วนของมือและน้ิวใช้เวลานานอย่างน้อย ๒๐ วินาที แล้วเช็ดมือใหแ้ หง้ ดว้ ยผา้ หรอื กระดาษที่สะอาด ๒.) การถมู อื ดว้ ยแอลกอฮอลใ์ ชแ้ อลกอฮอลป์ ระมาณ ๓ - ๕ มลิ ลลิ ติ ร ใสฝ่ า่ มอื แลว้ ลบู ใหท้ ัว่ ฝา่ มอื หลังมอื และน้วิ มอื จนกระท่ังแอลกอฮอล์ระเหยจนแหง้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ ๒๐ - ๓๐ วนิ าที ๒.๓ ประโยชนข์ องการลา้ งมอื กอ่ นและหลังการปฏิบัตงิ าน ๑.) ลดการติดเช้ือหรือเจ็บป่วยหลังจากการสัมผัสผู้เดินทาง เอกสารการเดินทาง หรือ สัมภาระของผูเ้ ดนิ ทางได ้ ๒.) ลดการแพรก่ ระจายเชือ้ โรคไปสูผ่ ้อู ื่น กรณีเรามอี าการปว่ ย ๓. การสวมและถอดถุงมือ ๓.๑ ขน้ั ตอนการสวมใสถ่ งุ มอื ๑.) หยบิ ถงุ มือจากกล่องถงุ มอื ให้ขนาดเหมาะสมกบั มอื ๒.) สอดนิ้วและมือเขา้ ไปในถงุ มือ ให้ถกู ด้าน ตามลักษณะนิว้ มือ ๓.) ดงึ ขอบถงุ มือให้เขา้ ท่ี และหมุ้ ขอ้ มือพอดี ๓.๒ ข้ันตอนการถอดถงุ มอื ๑.) ระลึกไว้เสมอว่าด้านนอกคือด้านท่ีสกปรก และด้านในคือด้านที่สะอาด ดังนั้น สะอาดจับสะอาด สกปรกจบั สกปรก ๒.) ใชม้ ือดึงขอบถงุ มอื ด้านนอก ๓.) ดึงถงุ มอื ออกมา ใหถ้ ุงมอื ข้างทถ่ี อดอย่ใู นมือข้างทย่ี ังสวมถงุ มือ ๔.) สอดนว้ิ มอื ข้างทถี่ อดถงุ มอื แลว้ เข้าไปด้านในของถุงมอื ข้างที่เหลือ ๕.) ใช้นว้ิ ดึงถุงมือโดยใหห้ ้มุ ถงุ มือข้างแรกท่ถี อดออกมาก่อน ๖.) นำถุงมือทงิ้ ลงในถังขยะติดเชือ้ ๗.) สำหรบั การถอดถุงมือจะถอดขา้ งใดกอ่ นข้นึ อยู่กับความถนัด การปฏบิ ัตทิ ส่ี ำคญั คือ ขณะที่ถอดถุงมือต้องระวังอย่าให้ด้านนอกของถุงมือสัมผัสกับผิวหนังหรือส่ิงอ่ืนใด และต้องล้างมือหลังถอด ถงุ มือทุกครัง้ ๓.๓ คำแนะนำเพมิ่ เติมในการใส่ถงุ มือ ๑.) ควรเลือกถุงมอื ใหเ้ หมาะสมกับขนาดของมอื ๒.) ไมค่ วรไวเ้ ล็บมอื ยาว เพราะจะทำให้ถุงมือฉกี ขาดได้ ๓.๔ ประโยชนข์ องการใช้ถุงมอื ในการปฏบิ ตั ิงาน ๑.) การสวมถุงมือปฏิบัติหน้าท่ีสามารถป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสผู้เดินทาง เอกสารการเดนิ ทาง หรือ สัมภาระของผเู้ ดนิ ทางได้ ๒.) การถอดถงุ มอื อยา่ งถูกวิธสี ามารถป้องกันการแพรก่ ระจายของเชอ้ื โรคได้ 36 หลักสูตรพนื้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
๔. การใชห้ นา้ กากอนามัย ๔.๑ การใส่หน้ากากอนามยั ๑.) ล้างมอื กอ่ นสวมหน้ากากอนามัย ๒.) ให้เอาสเี ข้มออกดา้ นนอก สีออ่ นอยูด่ ้านในชดิ จมกู และใบหน้า ๓.) ใหด้ ้านทมี่ โี ลหะขน้ึ ดา้ นบนชดิ สันจมูก ๔.) ดงึ สายรดั ทงั้ สองขา้ งคล้องบริเวณหูใหพ้ อด ี ๕.) กดโลหะที่อยู่บนหน้ากากให้แนบสนิทกบั สนั จมูก ๖.) ดงึ หนา้ กากใหค้ ลมุ จมูก ปาก และคาง ๗.) เปล่ยี นหน้ากากทนั ทีเมอ่ื เปียกชนื้ หรอื ทชี่ ำรดุ ๔.๒ การถอดหน้ากากอนามัย ๑.) ล้างมอื กอ่ นถอดหน้ากากอนามยั ๒.) ใชม้ อื ๒ ขา้ งจับสายรัดหลงั หู ๓.) ดงึ หนา้ กากอนามัยออกในแนวตรง ๔.) ท้ิงหนา้ กากอนามัยในถังขยะติดเชอื้ ระวงั ไมใ่ ห้มอื สมั ผัสหนา้ กาก ๕.) ล้างมือหลังถอดหน้ากากอนามัย ๔.๓ ประโยชนข์ องการใสห่ น้ากากอนามัย ๑.) ป้องกนั การติดเชื้อโรคระบบทางเดนิ หายใจ จากการพูดคยุ ใกล้ชดิ กบั ผูเ้ ดนิ ทาง ๒.) กรณีตนเองปว่ ย จะสามารถลดการแพรก่ ระจายเชื้อไปสู่ผ้อู ่นื ได้ สรุปกิจกรรม : ผู้เรียนต้องเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองเบ้ืองต้น ได้เหมาะสมกับโรคและภัยสุขภาพที่ อาจจะเกิดข้ึน พร้อมกับใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองเบื้องต้น ได้อย่างถูกต้อง เม่ือลองฝึกสวมใส่จริง และ สามารถถอดไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ผลลัพธท์ ่ีตอ้ งการประเมิน : ท่ี ผลลพั ธท์ ี่ต้องการ วิธีการประเมิน ๑ เลอื กใช้อปุ กรณ์ปอ้ งกันตนเองเบื้องต้นได้ สามารถตอบคำถามระหวา่ งเรยี นได้ อยา่ งถูกตอ้ งกบั โรคและภยั สุขภาพ อย่างถูกตอ้ ง ๒ สามารถสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองเบ้ืองต้นได้ สังเกตการทดลองใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเอง อย่างถูกตอ้ ง เบื้องตน้ จรงิ เทคนิคการสอน : ๑. ผู้สอนต้องยกตัวอย่างอาการและอาการแสดงผู้ป่วย แล้วให้ผู้เรียนเลือกอุปกรณ์ป้องกันตนเอง เบือ้ งต้น ว่าถูกต้องหรอื ไม ่ ๒. สอนเทคนิคการถอดอปุ กรณป์ ้องกนั ตนเองเบื้องต้นทีถ่ กู ต้อง หลกั สูตรพนื้ ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือขา่ ยภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 37
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ ความร้พู นื้ ฐานในการประเมนิ ความเสย่ี งและจดั การความเสี่ยง เวลาเรยี น : ๑.๕ ชว่ั โมง จดุ ประสงค์ : ประเมนิ ความเสย่ี งความผดิ ปกตภิ ายในดา่ นควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศและประสานงานหนว่ ย งานทีเ่ กยี่ วข้องเพ่ือดำเนินการจัดการหรอื ควบคุมโรคและภัยสุขภาพได ้ การดำเนนิ กจิ กรรม : บรรยายพรอ้ มการยกตัวอย่าง อปุ กรณ์ : ๑. เอกสารประกอบการบรรยาย องคค์ วามรู้ทสี่ ำคญั : ๑.การเตรยี มความพร้อมรบั ภาวะฉุกเฉนิ ทางสาธารณสุข มเี ป้าหมาย ดังน้ ี ๑.๑. ป้องกนั การแพรก่ ระจายโรค หรอื ความรนุ แรงของผลกระทบต่อสขุ ภาพท่อี าจเกิดข้ึน ๑.๒. ลดจำนวนผ้ไู ด้รับผลกระทบทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ๑.๓. เพ่ิมศักยภาพและความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วและ ทันเหตุการณ ์ ๒.การส่อื สารในแตล่ ะขนั้ ตอนนำไปสกู่ ารปฏบิ ัติ ๒.๑ การส่ือสารและเตรยี มความพร้อม มี ๓ ระยะ ไดแ้ ก ่ ๑.) ระยะกอ่ นเกดิ เหตุการณ์ ได้แก่ - การเตรียมความพรอ้ มด้านอปุ กรณ์/ความรู/้ วธิ ีการประสานงาน - การติดตามขา่ วสารโรคและภัยสุขภาพ - การเข้ารว่ มประชมุ คณะทำงานชอ่ งทางเข้าออกประเทศ ๒.) ระหวา่ งเกดิ เหตุ ได้แก ่ - ความสามารถในการป้องกันตนเองเบือ้ งตน้ - การตดิ ต่อประสานงานกับหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องอย่างทันท่วงที - จดั การกบั เหตุการณไ์ ดเ้ บื้องต้น ๓.) ระยะหลงั เกิดเหตุ ได้แก่ - การตอบกลับผลการดำเนินงานกลับมาให้กับเจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้องเพ่ือ ใช้ประเมนิ ตนเองและรบั ทราบแกไ้ ขข้อผิดพลาดนำไปสูก่ ารปรบั ปรงุ - การทราบประโยชนจ์ ากเหตกุ ารณ์ท่ีเพง่ิ ผ่านพ้นไป - ทบทวนสิ่งที่ดำเนินการไปแลว้ ค้นหาจุดเด่น จุดด้อย ๒.๒ การประเมนิ ความเสย่ี งที่อาจจะเกดิ ขน้ึ เบ้ืองต้น คอื การสังเกตอาการ ความผิดปกติ หรือส่งิ ของต้องสงสยั 38 หลักสูตรพ้นื ฐานการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรับเครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
๑.) หากผู้เดินทางมีอาการป่วยทางกาย เชน่ ไอ มนี ้ำมกู หรอื มผี น่ื แดงให้สงสยั อาจจะ เปน็ โรคติดต่อได้ ให้สวมหน้ากากอนามยั และถุงมือ จากนั้นก็แยกผ้สู งสยั แลว้ แจ้งเจ้าพนักงานควบคมุ โรคประจำ ดา่ น หรือฝ่ายการแพทยไ์ ด ้ ๒.) หากพบผู้เดินทางมีท่าทางผิดปกติหรือวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าท่ีด้าน ความมน่ั คงประจำด่าน ๒.๓ การประเมนิ ความเส่ียงโรคและภยั สขุ ภาพ เพอ่ื การส่อื สารความเสี่ยง หลกั การ : ความเส่ยี ง (Risk) = ภัยคุกคาม (Hazard) + การรับรคู้ วามเส่ยี ง (Outrage) นิยาม : ๑.) การรับรู้ความเสี่ยง(Outrage) : คือ การแสดงออกของกลุ่มเป้าหมาย เช่น โกรธ ก่อความวุ่นวาย ตอ่ ต้าน ความวติ กกังวล ๒.) ภัยคุกคาม(Hazard) คือ เชื้อโรค อาหารที่ไม่ปลอดภัย สัตว์ป่วย สารเคมี กัมมันตรังสี วตั ถุ ส่ิงของ หรือกลวิธี ทอ่ี าจทำใหเ้ กดิ ความเสีย่ ง หรือการบาดเจ็บ เจ็บป่วย และเสียชวี ติ อธิบาย : ๑.) การรับรู้ความเสี่ยงต่ำ แต่ภัยคุกคามสูง = จึงต้องส่ือสารสุขภาพให้กับประชาชน หรอื เจา้ หนา้ ทใี่ นชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศตา่ ง ๆ ไดร้ บั รแู้ ละเขา้ ใจ เกดิ ความตระหนกั และมพี ฤติกรรมท่ีถูกต้อง เพ่ือลดความเส่ียงทจ่ี ะเจบ็ ป่วย และเสียชวี ิต ๒.) การรับรู้ความเส่ียงสูง แต่ภัยคุกคามต่ำ = ต้องมีการจัดการกับการรับรู้ความเสี่ยง เน่ืองจากประชาชน หรอื เจ้าหนา้ ที่อน่ื ๆ มคี วามต่นื ตระหนกจากโรคหรอื ภยั สุขภาพทไี่ มไ่ ดเ้ ป็นปัญหาจริง ๆ ๓.) การรับรู้ความเส่ียงสูง และภัยคุกคามสูง = ทำให้เกิดการสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน เพราะ ประชาชน หรอื เจา้ หนา้ ทอ่ี น่ื ๆ มคี วามตน่ื ตระหนก ทเี่ กดิ จากโรคและภยั สขุ ภาพทำใหเ้ กดิ การเจบ็ ป่วย และเสยี ชีวิต ๒.๔ การประสานงานระหวา่ งหน่วยงาน ช่องทางท่ี ๑ เราควรมีเบอร์โทรหรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ในการติดต่อเจ้าหน้าท่ี ดา่ นควบคมุ โรคฯ ไว้ด้วย ช่องทางที่ ๒ สามารถประสาน สอบถามรายละเอียดเก่ียวกับโรค หรือแจ้งเหตุมาท่ี กรมควบคมุ โรค สายดว่ น ๑๔๒๒ ได ้ ช่องทางที่ ๓ กรณเี กดิ ผ้เู ดินทางป่วยหนักหรอื ถึงข้ันเส่ียงตอ่ การเสียชีวติ ให้รบี ประสาน แพทย์ฉกุ เฉินท่ีเบอร์ ๑๖๖๙ ไดท้ นั ท ี ชอ่ งทางที่ ๔ ควรมกี ารประสานงานสง่ ขา่ วหรอื แจง้ ให้เจา้ ของยานพาหนะทราบหากมี โรคระบาดเกิดขน้ึ หรอื มีผู้ปว่ ยมากบั รถหรอื มสี ง่ิ ของต้องสงสยั เปน็ ภยั คกุ คาม ๒.๕ ช่องทางการประสานงานและสอ่ื สาร มีหลายชอ่ งทาง ดังนี้ ๑.) หนังสือราชการ กรณีไม่เรง่ ด่วน ต้องการประสานงานอยา่ งเปน็ ทางการเทา่ น้นั ๒.) การประชุมคณะทำงานช่องทางเข้าออกประเทศ คือการรายงานความก้าวหน้า และสามารถแจ้งผลการดำเนินงานด้านการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพให้เจ้าหน้าท่ีตามคณะทำงานฯ รบั ทราบ ไดพ้ รอ้ ม ๆ กนั เปน็ ทางการ และสามารถทบทวนบทบาทหนา้ ทต่ี า่ ง ๆ ของแตล่ ะหนาวยงานไดอ้ กี ดว้ ย หลกั สูตรพ้ืนฐานการเฝ้าระวังโรคและภัยสขุ ภาพสำหรบั เครือขา่ ยภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 39
๓.) โทรศัพท์ ใช้กรณีเร่งด่วนฉุกเฉินจะเหมาะสมที่สุด สามารถประสานงานได้อย่าง รวดเรว็ และทนั เวลา สว่ นทางเวบ็ ไซตเ์ ปน็ ชอ่ งทางหนงึ่ ในการใชป้ ระชาสมั พนั ธ์ แจง้ เตอื น ใหค้ วามรกู้ ส็ ามารถใชช้ แี้ จง้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ได้เหมือนกนั ๔.) Social Media ใช้ในการประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ แต่สามารถใช้งานได้ สะดวก และมีผรู้ ับทราบไดอ้ ย่างกว้างขวางและหลายหนว่ ยงาน เชน่ การแจ้งเตอื นในกล่มุ ไลน์ เปน็ ตน้ Social Media ควรใชใ้ นกรณไี มฉ่ ุกเฉินเร่งดว่ นมาก และตอ้ งไม่มีขอ้ มูลท่เี ป็นความลบั ๒.๖ ช่องทางการติดตามข้อมูลขา่ วสารของโรค และภัยสุขภาพทส่ี ำคญั สำหรบั ของกรมควบคมุ โรคมเี วบ็ ไซตแ์ ละเพจเฟสบุ๊คท่ีเป็นทางการดงั นี้ ๑.) เว๊บไซต์ของกรมควบคุมโรค ประกอบไปด้วยหน้าเว็บของกองระบาดวิทยาและ หน้าเวบ็ ของกองโรคตดิ ต่อทว่ั ไป ๒.) เว็บไซตข์ องสำนกั สือ่ สารความเส่ียงและพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ ๓.) เพจเฟสบุ๊คความรู้และประกาศเกี่ยวโรคระบาด ได้แก่ เพจกองระบาดวิทยา เพจกองโรคติดตอ่ ทั่วไป และขอ้ มูลเก่ยี วกบั โรคระบาดขา้ มประเทศ ได้แก่ เพจ IHR Thailand ๒.๗ ประโยชนข์ องการคนื ขอ้ มลู และการตอบกลบั ผลการดำเนินงานต่อผู้ปฏิบัติงาน ๑.) ทำให้ทราบว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี หรือมี ประโยชนม์ ากน้อยแค่ไหน ตอ่ สถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้นึ ๒.) เพอ่ื ใชใ้ นการปรบั ปรงุ และพฒั นาวธิ กี ารสอื่ สารในชอ่ งทางใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ ๓.) ผปู้ ฏิบตั งิ านเขา้ ใจข้นั ตอนการประสานงาน การสื่อสาร และจดั การกบั สถานการณ์ ไดม้ ากขึน้ ๔.) เพอื่ ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั งิ านสามารถสง่ สรปุ ผลการดำเนนิ งานตอ่ ผบู้ รหิ ารของหนว่ ยงานนนั้ ๆ ได ้ ๒.๘ ข้อควรรู้/กระทำในการสอ่ื สารความเส่ยี ง ๑.) รจู้ กั ตวั เอง/ หนว่ ยงานทเ่ี ราปฏบิ ตั งิ าน มบี ทบาทหนา้ ท่ี ทำอะไร เราอยรู่ ะดบั ไหน จะสื่อสารความเสยี่ งเร่ืองอะไร ๒.) รู้จักและเข้าใจผู้ฟัง หน่วยงาน/บุคคลที่เราสื่อสารความเสี่ยงด้วยเป็นใคร/ มีบทบาทหน้าท่อี ะไร ๓.) สอื่ สารให้ตรงประเดน็ ชัดเจน และเจาะจง เพื่อให้ผฟู้ งั คล้อยตามความเข้าใจ และ ให้ความร่วมมอื ในส่ิงทกี่ ำลงั สื่อสารความเสยี่ งงา่ ยขนึ้ ๔.) ให้ความสำคัญกับถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษากาย สีหน้า ท่าทาง รับฟังและ ทำความเข้าใจ กอ่ นอธิบาย เมื่อมขี ้อซักถามหรือโตแ้ ยง้ ๒.๙ “สบิ ” คำถามท่ีต้องตอบ ในการสื่อสารความเสี่ยง ๑.) ทำไมเราตอ้ งส่ือสารความเส่ยี ง ๒.) ใคร คือ กลุม่ เป้าหมาย ๓.) มปี ระเด็นอะไรบา้ งท่ี กล่มุ เป้าหมายเราอยากร้ ู 40 หลักสตู รพ้ืนฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครอื ขา่ ยภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
๔.) มปี ระเด็นอะไรบ้างท่ี เราอยากให้กลุ่มเป้าหมายร ู้ ๕.) เราจะสือ่ สารความเสีย่ งอยา่ งไร ผา่ นชอ่ งทางใดบา้ ง ๖.) เราจะเฝ้าระวัง หรือประเมินสถานการณ์อย่างไร ทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง การส่อื สารความเส่ยี ง ๗.) เราจะตอบสนองตอ่ สถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไร ๘.) ใครจะเป็นผ้สู ่ือสารความเสยี่ ง และจะส่อื สารความเส่ียงเม่ือใด ๙.) ปัญหาและอปุ สรรคท่ีอาจเกดิ ขนึ้ เราจะแกไ้ ขอย่างไร ๑๐.) เราจะประสบความสำเรจ็ ในการสอ่ื สารความเส่ียงหรือไม ่ สรุปกิจกรรม : ผู้เรียนต้องเลือกใช้สื่อและวิธีการส่ือสารความเส่ียงได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตัดสินใจในการประสานงานเม่ือสังเกตเห็นความผิดปกติและจัดการกับเหตุการณ์นั้น ๆ เบื้องต้นได้แล้ว การตัดสนิ ใจแจ้งด่านควบคมุ โรคติดตอ่ ระหว่างประเทศตอ้ งเลือกใช้วธิ กี ารทรี่ วดเรว็ และสะดวกท่ีสุด ผลลัพธท์ ี่ตอ้ งการประเมิน : ท่ี ผลลพั ธ์ท่ตี ้องการ วิธีการประเมิน ๑ ประเมินความเส่ียงความผดิ ปกตภิ ายใน สามารถตอบคำถามระหว่างเรียนไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ดา่ นควบคุมโรคติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ ๒ ประสานงานหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องเพ่อื ดำเนินการจัด สามารถตอบคำถามระหว่างเรยี นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง การหรือควบคมุ โรคและภัยสุขภาพได้ เทคนิคการสอน : การยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง พร้อมอธิบายวิธีการส่ือสารความเสี่ยงประกอบจะทำให ้ ผู้เรยี นเห็นภาพชัดเจนมากขน้ึ หลกั สูตรพื้นฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 41
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ การประสานงานและจดั การเมอ่ื ตรวจพบความผิดปกติหรอื เมอื่ เกดิ เหตกุ ารณฉ์ ุกเฉนิ ทางสาธารณสุขระหวา่ งประเทศ (PHEIC) เวลาเรยี น : ๒ ช่วั โมง จุดประสงค์ : ประเมินความเสี่ยงความผิดปกติภายในด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและประสานงาน หน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดการหรอื ควบคมุ โรคฯ และภัยสขุ ภาพได ้ การดำเนินกจิ กรรม บรรยายพร้อมยกตวั อย่าง/แบง่ ฐานฝกึ ปฏบิ ตั ิ/จำลองเหตกุ ารณ์สมมติ ดังนี ้ ๑.บรรยายพร้อมยกตวั อย่าง อุปกรณ์ : เอกสารประกอบการบรรยาย องคค์ วามรู้ท่ีสำคญั : ๑.๑ ข้นั ตอนวธิ ีการการประสานงานเม่อื ตรวจพบความผิดปกต ิ วิธกี าร รายละเอยี ด ผู้รับผดิ ชอบ/ผู้ดำเนนิ การ โทรศัพ ท์แจ้งเตือนกรณีเกิด ขอ้ มลู ทีค่ วรแจง้ ไดแ้ ก่ แจ้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่าง เหตุกา รณ์ผิดปกติเก่ียวกับโรค ๑. จุดเกิดเหต ุ ประเทศ และสุข ภาพ ๒. ข้อมลู ทว่ั ไป : อายุ เพศ สญั ชาติ ๓. อาการป่วย ๔. ขอ้ มูลการเดินทาง ๕. ส่ิงทีด่ ำเนินการไปแล้ว โทรศัพ ท์แจ้งเม่ือพบพฤติกรรม ข้อมูลที่ควรแจง้ ไดแ้ ก่ ที่ผิดปก ติ ทะเลาะวิวาท หรือ ๑. จดุ เกดิ เหตุ ๑. เจ้าหน้าท่ีด้านความปลอดภัย ๒. ฝ่ายความมน่ั คง (ทหาร) วัตถุต้อ งสงสัย ๒. ลกั ษณะความรนุ แรง หรอื สงิ่ ผดิ ปกติ หรอื ลักษณะของสิง่ ของต้องสงสัย ๓. จำนวนคนทเี่ กดิ เหต ุ ๔. สิ่งทไ่ี ด้ดำเนนิ การเบ้อื งตน้ แล้ว โสไหทำลรคศ ัญัพ ทเช์แ่นจ้งไกฟรไณหีเมก้ ิดสอาุบรเัตคิภมัยีรทั่ว่ี ข้อมลู ทีค่ วรแจง้ ได้แก ่ ๑. หนว่ ยงานดบั เพลงิ ประจำชอ่ งทาง ๑. จดุ เกดิ เหตุ ๒. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒. สถานการณ ์ ทร่ี บั ผิดชอบชอ่ งทาง ๓. จำนวนผไู้ ดร้ ับผลกระทบ ๔. ข้อสนั นษิ ฐาน 42 หลกั สตู รพนื้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสุขภาพสำหรับเครือขา่ ยภายในช่องทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health)
วิธกี าร รายละเอยี ด ผรู้ บั ผดิ ชอบ/ผ้ดู ำเนนิ การ การแจ้งผู้บริหาร หรือประธาน ขอ้ มลู สำคญั ทตี่ อ้ งรายงาน ได้แก ่ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่าง ชอ่ งทางฯ ทราบเมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ์ ๑. ระหวา่ งเกิดเหตุการณ์ : รายงาน ประเทศ เปน็ ผดู้ ำเนินการ ผิดปกติ และหลังเสร็จส้ินเหตุ ขนาดของปัญหา สถานการณ์ และ การผิดปกติ ข้อเสนอแนะให้ส่ังการ หรือเรียก ประชุมกรณฉี กุ เฉนิ ๒. หลงั เสรจ็ สนิ้ เหตกุ ารณ์ : สรุปผล การดำเนินการส่งผู้บริหาร หรือ ประธานช่องทาง และแจ้งหน่วยงาน ท่เี กยี่ วข้องทราบ ๒. แบ่งฐานฝึกปฏบิ ตั ิ/จำลองเหตุการณส์ มมต ิ กลุ่มที่ ๑ การสาธติ การจำลองเหตกุ ารณ์และขั้นตอนการประสานงานผเู้ กีย่ วข้อง ๑. วธิ กี ารทำฐานฝึกปฏิบตั ิ ๑.๑ ใหผ้ ้สู อนสาธติ การปฏบิ ัติตามสถานการณส์ มมติเพ่ือให้ผูเ้ รียนไดด้ แู ละสังเกต ๑.๒ ใหผ้ สู้ อนกำหนดบทบาทสมมตใิ หแ้ ตล่ ะตวั ละคร เพอื่ แสดงใหเ้ หน็ บทบาทหนา้ ทท่ี แี่ ตกตา่ ง และตามบริบทของประเภทชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ คอื ทา่ เรอื ท่าอากาศยาน และพรมแดน ๑.๓ ให้ผู้เรียนได้กำหนดบทบาทหน้าท่ีของตนเอง และแสดงบทบาทหน้าที่น้ัน ๆ ตามสถานการณ์สมมติ ๑.๔ ให้ผู้เรียนฝึกการประสานงานกรณีเกิดเหตุการณ์ผิดปกติโดยเน้นการประสานงานผ่าน โทรศพั ทเ์ ปน็ หลกั ๑.๕ ให้ผู้เรียนแจ้งรายละเอียดการประสานงานไปยังด่านควบคุมโรคฯ โดยมีข้อมูลที่ควรแจ้ง คอื ๑. อาการปว่ ย หรอื อาการท่ีผิดปกติ ๒. ข้อมูลทว่ั ไปผปู้ ว่ ย เช่น เพศ อายุ สัญชาติ ๓. ประวตั กิ ารเดนิ ทาง เชน่ มาจากประเทศอะไร ๔. สงิ่ ทีด่ ำเนินการไปแล้ว เช่น การแยกผู้ป่วย ๒ เมตร สวมหนา้ กาก ล้างมอื ๑.๖ ให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศอธิบายถึงการจัดการกับเหตุการณ์ ฉุกเฉนิ หรอื สิ่งผดิ ปกตใิ นช่องทางเข้าออกประเทศ ๑.๗ ผู้สอนอธิบายถึงการเลือกส่ือการหาข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับโรคและภัยสุขภาพ โรคระบาด เขตตดิ โรค ประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่าง ๆ ๒. เทคนิคการทำฐานฝึกปฏบิ ัต ิ ๒.๑ การยกตวั อยา่ งใหเ้ หน็ ภาพ เชน่ การแสดงสถานการณส์ มมติ ๒.๒ การแสดงบทบาทของเจา้ หน้าทีส่ าธารณสุขเพอื่ ให้เจ้าหน้าท่อี ืน่ ๆ เห็นภาพการดำเนินงาน ควบคุมป้องกันโรค ๒.๓ การแสดงบทบาทสมมติของผเู้ รยี น ต้องใช้ความรู้ในการปฏิบัติงานจริงเขา้ มาเก่ยี วข้องเพอื่ เป็นขอ้ มูลทีจ่ ะใช้และเป็นตวั อย่างเพ่มิ เตมิ แกผ่ ู้อ่นื ได้ หลักสตู รพน้ื ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภยั สขุ ภาพสำหรับเครือข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 43
๓. ผลลัพธจ์ ากการทำฐานฝกึ ปฏิบัต ิ ๓.๑ ผเู้ รยี นเข้าใจบทบาทของตนเอง หากเกดิ เหตกุ ารณ์ผิดปกติ ๓.๒ ผูเ้ รยี นสามารถตดั สินใจและประสานงานหนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วข้องมาดำเนนิ การต่อได้ ๓.๓ ผู้เรียนเข้าใจบทบาทหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเบื้องต้น เพ่ือมองเห็นภาพของ กระบวนการปอ้ งกันและควบคมุ โรคตดิ ตอ่ ฯ ภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ ๔. สื่อ อปุ กรณ์ ๔.๑ สถานการณ์สมมตแิ บ่งเป็นประเภทชอ่ งทาง (สอื่ วิดโี อ หรอื เอกสารกไ็ ด้) ๔.๒ อุปกรณ์การสอื่ สาร ๔.๓ การ์ดคำแนะนำ “ดู แยก แจ้ง ชว่ ย” กลุ่มที่ ๒ การสาธิตสงั เกตความผดิ ปกติโรคและภัยสุขภาพ ๑. วธิ กี ารทำฐานฝึกปฏิบตั ิ ๑.๑ กำหนดสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ทำกลุ่มแบ่งเป็นกลุ่มอาการ ใช้ในการให้ผู้เรียนสังเกต ความผิดปกติ หดั สังเกตความผดิ ปกติ ๑.๒ ใหผ้ ู้เรยี นสงั เกตภาพหรอื สอ่ื วิดโิ อผู้เดินทางทผี่ ดิ ปกติ และปกติ ให้แยกกนั ให้ได้ ๑.๓ เมื่อผู้เรียนสามารถแยกคนปกติกับคนป่วยได้แล้ว ให้ประเมินว่า จะสวมอุปกรณ์ป้องกัน ตนเองอยา่ งไร สวมอะไรบา้ ง ให้เหมาะสมกับโรคที่อาจจะตดิ ต่อมาสูผ่ ูเ้ รยี นได ้ ๑.๔ ให้ผู้เรียนฝึกการซักถามผู้เดินทางที่สงสัยป่วยเบ้ืองต้น คือ ๑. อาการป่วย หรืออาการที่ ผิดปกติ ๒. ประวตั กิ ารเดนิ ทาง เช่น มาจากประเทศอะไร ๒. เทคนคิ การทำฐานฝกึ ปฏิบตั ิ ๒.๑ ฝึกผเู้ รียนใหส้ ังเกตส่ิงผิดปกตหิ รอื ผู้ปว่ ย หากอาการแบบนี้ ควรปอ้ งกนั ตนเองอย่างไร ๒.๒ เน้นการซกั ถามผู้เดินทางในข้อมลู ทีส่ ำคัญ ๓. ผลลัพธจ์ ากการทำฐานฝึกปฏิบตั ิ ๓.๑ ผเู้ รียนสามารถแยกผู้ป่วยกับคนปกติได ้ ๓.๒ สามารถซกั ถามข้อมูลทส่ี ำคญั ได้ ๓.๓ สามารถเลอื กใส่อุปกรณป์ อ้ งกันตนเองได้อย่างถูกต้อง ๔. สอ่ื อปุ กรณ ์ ๔.๑ สอ่ื ภาพ หรือสอื่ วิดโิ อ แสดงอาการป่วย หรอื สิง่ ผดิ ปกติ ๔.๒ อุปกรณป์ ้องกนั ตนเองเบอื้ งต้น การประเมนิ ผลกจิ กรรม : ประเมนิ การปฏบิ ตั ิ (Skills Checklist) ผลลัพธ์ที่ต้องการประเมิน : ผู้เรียนสามารถปฏิบัติตาม แบบประเมินการปฏิบัติ (Skills Checklist) โดยค่าเฉลีย่ ผ้เู รยี นทง้ั หมดตอ้ งไมต่ ่ำกวา่ ๕ ข้อ จากทัง้ หมด ๖ ขอ้ 44 หลักสูตรพืน้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสุขภาพสำหรบั เครอื ขา่ ยภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๖ การชว่ ยฟ้นื คนื ชีพขนั้ พืน้ ฐาน (CPR) และการใช้เครอื่ ง AED เวลาเรยี น : ๒ – ๔ ชว่ั โมง จดุ ประสงค์ : เข้าใจวธิ กี ารทถี่ กู ต้องและนำไปประยกุ ตใ์ ช้หรือแนะนำผอู้ นื่ ได ้ การดำเนินกิจกรรม บรรยายพร้อมกับสาธิต การมีส่วนร่วมในชั้นเรียนเร่ืองปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) การปฐมพยาบาล และการจดั เตรยี มเคร่ือง AED องคค์ วามรู้ : การช่วยคืนชีพ คือ การช่วยชีวิตคนหัวใจหยุดเต้นหรือคนท่ีหยุดหายใจกะทันหัน ใช้เพียงแรงกด หน้าอกและการผายปอด เพื่อให้หัวใจและระบบหายใจกลับมาทางานอีกคร้ัง จะได้ผลดีต้องทำภายใน ๔ นาที หลังผู้ป่วยหยดุ หายใจ วตั ถุประสงค์ CPR : ๑. เพม่ิ ออกซิเจนใหก้ บั เนื้อเยือ่ ๒. ปอ้ งกันภาวะสมองขาดเลอื ด ๓. คงไว้ซึง่ การไหลเวยี นโลหติ ๔. ผปู้ ่วยกลบั สภู่ าวะปกต ิ หวั ใจของการ CPR คอื การทำ BLS (Basic life support) : ความสำเรจ็ ของการช่วยชวี ติ ขน้ึ อยกู่ ับ ความรวดเร็วความถูกต้องของการได้รับความช่วยเหลือและความต่อเน่ืองของการปฏิบัติตามห่วงโซ่ การรอดชวี ติ Basic life support: ๑. การประเมนิ ว่าผู้ป่วยหมดสตจิ ริง (Immediate recognition of sudden cardiac arrest) ๒. การเรยี กหนว่ ยกูช้ พี ฉกุ เฉนิ (Activation of emergency response system) ๓. การกดหน้าอกโดยเร็ว (Early Cardiopulmonary Resuscitation : CPR) ๔. การกระตุกหวั ใจด้วยไฟฟา้ (Rapid defibrillation with Automated External Defibrillator : AED) การปั๊มหัวใจ : ใช้ส้นมือกดบนผนังทรวงอกบริเวณกระดูกหน้าอก (คร่ึงล่างโดยใช้น้ำหนักแรงพอ ประมาณเพือ่ ทำใหห้ วั ใจถกู บีบเอาเลือดไปเลีย้ งสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย “ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต” (Chain of Survival) เพ่ือเป็นหลักการช่วยฟ้ืนคืนชีพแนวทางเดียวกัน ท่วั โลกและเป็นขอ้ ตกลงรว่ มกนั ในการปฏิบตั ิ ประกอบดว้ ย ๑. การประเมินผู้ป่วยว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ หากไม่มีสติ คลำหาชีพจรไม่พบ ควรเรียกขอความช่วยเหลือหรือเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉินจากหน่วยงานต่าง ๆ ทันที เช่น ศูนย์เอราวัณ (เฉพาะในพื้นท่ี กรุงเทพมหานคร) โทร. ๑๖๔๖, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. ๑๖๖๙ (ทัว่ ประเทศ) ๒. การกดหน้าอกอยา่ งถูกต้องและทันท่วงที (ทำ CPR) หลกั สูตรพ้นื ฐานการเฝา้ ระวงั โรคและภยั สขุ ภาพสำหรบั เครอื ขา่ ยภายในชอ่ งทางเขา้ ออกประเทศ (Non-Health) 45
๓. การทำการชอ็ กไฟฟา้ หัวใจ (AED) ภายใน ๓ - ๕ นาที เมื่อมขี ้อบ่งช้ี ๔. การช่วยฟ้นื คืนชพี ขัน้ สูงอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๕. การดูแลภายหลงั การช่วยฟน้ื คนื ชพี สำหรบั อาการของผบู้ าดเจบ็ ทคี่ วรไดร้ บั การชว่ ยเหลอื อยา่ งเรง่ ดว่ นดว้ ยการทำ CPR สามารถสงั เกตได้ ดังนี ้ ๑. หมดสติ ไมร่ ูส้ ึกตวั ๒. ไม่หายใจ หรอื หายใจเฮอื ก ๓. หวั ใจหยุดเต้น การชว่ ยฟน้ื คนื ชพี ขน้ั พนื้ ฐาน (Basic Life Support : BLS) แนวทางการปฏิบัติการช่วยฟ้ืนคืนชีพขั้นพื้นฐานประกอบไปด้วย ๓ ขั้นตอนสำคัญ โดยแต่เดิมมีคำแนะนำให้ทำตามลำดับ A – B – C (Airway-Breathing-Circulation) แต่ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับขั้นตอนเป็น C – A – B (Chest compression-Airway-Breathing) เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปเล้ียงอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง โดยวิธี ปฏบิ ัตคิ ือ กดหนา้ อก (C) ๓๐ คร้ัง >> เปดิ ทางเดนิ หายใจ (A) >> ช่วยหายใจ (B) ๒ คร้งั = ๓๐:๒ หลกั การ C-A-B ในการช่วยชวี ิต C : Chest compression คอื การกดหนา้ อก ปมั๊ หวั ใจชว่ ยใหผ้ บู้ าดเจบ็ มกี ารไหลเวยี น ของเลือดในร่างกายอีกคร้ังหนึ่ง ท้ังนี้ หลักในการป๊ัมหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชดิ กบั กระดกู สนั หลงั ซงึ่ จะทำใหห้ วั ใจทอี่ ยรู่ ะหวา่ งกระดกู ทง้ั สองอนั ถกู กดไปดว้ ย ทำใหม้ กี ารบบี เลอื ดออก จากหัวใจไปเลยี้ งรา่ งกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ ซ่งึ มขี นั้ ตอนในการปมั๊ หัวใจตามน ้ี ๑. ให้ผู้บาดเจ็บนอนราบกับพื้นแข็ง ๆ หรือใช้ไม้กระดานรองท่ีหลังของผู้บาดเจ็บ ผปู้ ฐมพยาบาลคกุ เขา่ ลงขา้ งขวาหรอื ขา้ งซา้ ยบรเิ วณหนา้ อกผบู้ าดเจบ็ คลำหาสว่ นลา่ งสดุ ของกระดูกอก ท่ีต่อกับกระดูกซ่ีโครง โดยใช้น้ิวสัมผัสชายโครงไล่ข้ึนมา (หากคุกเข่าข้างขวาใช้มือขวาคลำเพ่ือ หากระดกู อก แต่หากคกุ เข่าข้างซ้ายใหใ้ ชม้ ือซา้ ยคลำ) ๒. วางน้ิวช้ีและน้ิวกลางตรงตำแหน่งท่ีกระดูกซ่ีโครงต่อกับกระดูกอกส่วนล่างสุด วางสันมืออีกข้างบนตำแหน่งถัดจากน้ิวช้ีและนิ้วกลางนั้น ซึ่งตำแหน่งของสันมือที่วางอยู่บนกระดูก หน้าอกน้ีจะเป็นตำแหน่งท่ถี กู ตอ้ งในการป๊มั หัวใจตอ่ ไป * หากไม่แนใ่ จว่าตำแหน่งกระดูกซี่โครงอย่ตู รงไหน ง่ายท่ีสดุ กค็ ือ ให้วางสนั มอื (ข้างที่ ไมถ่ นัด) ตรงกลางหนา้ อก ระหวา่ งหัวนมท้งั สองขา้ ง ๓. วางมอื อกี ขา้ ง (ควรเปน็ มอื ขา้ งทถี่ นดั ) ทบั ลงบนหลงั มอื ทว่ี างในตำแหนง่ ทถี่ ูกต้อง แลว้ เหยยี ดนว้ิ มอื ตรง จากนน้ั เกย่ี วนวิ้ มอื ทง้ั ๒ ขา้ งเขา้ ดว้ ยกนั เหยยี ดแขนตรง โนม้ ตวั ตง้ั ฉากกบั หนา้ อก 46 หลกั สตู รพนื้ ฐานการเฝ้าระวงั โรคและภัยสุขภาพสำหรบั เครอื ข่ายภายในช่องทางเข้าออกประเทศ (Non-Health)
ผู้บาดเจ็บ ท้ิงน้ำหนักลงบนแขนขณะกดหน้าอกผู้บาดเจ็บ กดให้ลึกอย่างน้อย ๒ น้ิว (๕ เซนติเมตร) สำหรบั ผใู้ หญ ่ แตห่ ากเปน็ เดก็ ใหก้ ดลงอย่างน้อย ๑/๓ ของความลึกทรวงอก (ประมาณ ๒ น้วิ หรือ ๕ เซนติเมตร) ส่วนในเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน การป๊ัมหัวใจให้ใช้เพียงนิ้วหัวแม่มือกดกลางกระดูก หนา้ อกใหไ้ ดอ้ ตั ราเรว็ ๑๐๐-๑๒๐ ครง้ั ตอ่ นาที โดยใชน้ วิ้ มอื โอบรอบทรวงอกสองขา้ งแลว้ ใชห้ วั แมม่ อื กด ๔. เพือ่ ใหช้ ว่ งเวลาการกดแตล่ ะครง้ั คงท่ี และจังหวะการสบู ฉีดเลือดออกจากหัวใจพอ เหมาะกับท่ีร่างกายต้องการ ให้ใช้วิธีนับจำนวนคร้ังท่ีกด ดังน้ี...หน่ึง และสอง และสาม และสี่ และ ห้า...โดยกดทุกครั้งท่ีนับตัวเลข และปล่อยตอนคำว่า “และ” สลับกันไป ให้ได้อัตราการกดอย่าง นอ้ ย ๑๐๐ ครง้ั ตอ่ นาที (ถา้ น้อยกว่าน้ีจะไม่ไดผ้ ล) เม่ือกดสุดให้ผ่อนมือขึ้นโดยท่ีตำแหน่งมือไม่ต้องเล่ือนไปจากจุดท่ีกำหนด และ กอ่ นการกดหนา้ อกครง้ั ตอ่ ไปตอ้ งทำการกดทนั ทที ห่ี นา้ อกคนื ตวั กลบั จนสดุ ขณะกดหนา้ อกปมั๊ หัวใจ ห้าม ใช้นว้ิ มอื กดลงบนกระดูกซีโ่ ครงผ้บู าดเจบ็ ๕. ควรกดหน้าอก ๓๐ ครั้ง สลับกับการผายปอด ๒ คร้ัง และควรมีผู้ช่วยเหลือ อยา่ งนอ้ ย ๒ คน เพราะพบวา่ ผปู้ ฏบิ ตั จิ ะเรม่ิ เหนอื่ ยและประสทิ ธภิ าพในการกดหนา้ อกลดลงหลงั จากทำไป ประมาณ ๑ นาที ดังน้ันในกรณีมีผู้ช่วยเหลืออย่างน้อย ๒ คน ให้เปล่ียนบทบาทผู้ทำการกดหน้าอก ทกุ ๆ ๒ นาที หรอื กดหนา้ อกสลบั การชว่ ยหายใจครบ ๕ รอบ (๓๐:๒) และทำตอ่ เนอ่ื งไปจนกระทง่ั เครอ่ื งชอ็ ก ไฟฟ้าหวั ใจมาถงึ และพร้อมใช้งาน หรอื มบี ุคลากรทางการแพทยเ์ ขา้ มาดแู ลผู้ป่วย ข้อควรระวงั - ต้องวางมือให้อยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่ต้องค่อนไปทางซ้าย หรือใกล้หัวใจ เพราะอาจทำใหก้ ระดูกซีโ่ ครงหักได้ - ตอ้ งกดหนา้ อกใหเ้ รว็ และแรง แตอ่ ยา่ กระแทก ดว้ ยอตั ราความเรว็ อยา่ งนอ้ ย ๑๐๐ ครงั้ ตอ่ นาท ี - กดลึกอย่างนอ้ ย ๒ นิ้ว หรือ ๕ เซนตเิ มตร สำหรับผ้ใู หญ ่ - หลังการกดแต่ละครั้งต้องปล่อยให้อกคืนตัวจนสุด เพื่อให้หัวใจรับเลือดสำหรับสูบ ฉีดครั้งต่อไป หากไม่ปล่อยให้หน้าอกคืนตัวจนสุด จะทำให้เลือดที่ไปเล้ียงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายลดลง - กดหน้าอกให้ต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด โดยสามารถหยุดการกดหน้าอกได้ไม่เกิน ๑๐ วินาที ในกรณีคลำหาชีพจร มีการช็อกไฟฟ้าหัวใจ ต้องการหยุดเพื่อใส่อุปกรณ์เปิดทางเดินหายใจ ข้ันสงู (ในกรณีท่ีใส่ในขณะกดหนา้ อกไมไ่ ด)้ - ไมค่ วรใช้วิธีช่วยหายใจมากเกนิ ไป - บุคคลท่ัวไปท่ีไม่เคยเข้ารับการอบรมการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานมาก่อน ควรทำการกดหนา้ อกแตเ่ พียงอย่างเดียว ไมต่ อ้ งช่วยหายใจ เนือ่ งจากในชว่ งแรกท่ผี ้ปู ่วยหวั ใจหยุดเตน้ ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดยังเพียงพออยู่อีกระยะหน่ึง และในขณะที่มีการกดหน้าอกน้ัน หลกั สูตรพนื้ ฐานการเฝา้ ระวังโรคและภัยสุขภาพสำหรบั เครือข่ายภายในชอ่ งทางเข้าออกประเทศ (Non-Health) 47
Search