Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore namlok

namlok

Published by nongfaye37, 2018-04-26 00:49:52

Description: namlok

Search

Read the Text Version

ส่อื วัฒนธรรมบา้ นน้าลอก

สือ่ วฒั นธรรมบ้านนา้ ลอก1. ประเพณกี น๋ิ สลากหรอื สลากภัตความสา้ คัญ กิ๋นสลากเปน็ ประเพณีการทาบุญกนิ๋ ตานไปหาญาตผิ ู้ล่วงลับ โดยมกี ารรวมตัวของคณะศรัทธาทั้งหมู่บ้านนาผลไม้และอาหารคาวหวานรวมท้ังไทยทานต่างๆไปตั้งเป็นกัณฑ์สลากถว ายพระภิกษุท่ีนิมนต์มาจากวัดต่างๆ เป็นประเพณีใหญ่สาหรับหมู่บ้านและวัดนั้นๆ มีการถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เพียงแต่เราต้องจัดเตรียมสารับอาหาร โดยไม่เจาะจงว่าจะถวายให้พระรูปไหน เราต้องจับฉลากเลขเบอร์ของพระได้เบอร์อะไร ก็ต้องนาอาหารท่ีเราเตรียม ไปถวายพระรูปนั้น ข้อสาคัญในการทาบญุ สลากภัตกค็ ือ เป็นการถวายทานแบบไม่เจาะจงตวั ผู้รับ แสดงออกถึงความเสียสละและความสามัคคีของคนในชมุ ชน เป็นการทาบุญเพอื่ บารุงพระพทุ ธศาสนาวัสดอุ ุปกรณ์1. สารับอาหาร2. ขนมหวาน3. กระโถน4. ทิชชู่5. น้าดื่ม6. ผลไม้ตา่ งๆวิธกี าร ก่อนวันพิธี 1 วันเรียกว่า วันดาสลาก จะมีการทาขนม ข้าวปลาอาหารเป็นห่อๆ ผลไม้ต่างๆและจัดเตรียมสิ่งของปัจจัยเคร่ืองไทยทาน พร้อมเขียนข้อความจารึกชื่อผู้ถวายพร้อมระบุด้วยว่า เพื่ออะไร สาหรับผู้ใด ก่อนจะจบั สลากชาวบา้ นจะปูเส่ือและปักหมายเลขที่น่ังเรียงไว้ก่อนแลว้ จะมีการยกสารับถวายพระตามสลากท่ีเราจับได้ โดยจะมีการยกสารับไปวางที่หมายเลขที่ตนจับได้ แล้วเชิญพระภกิ ษุ สามเณร มาน่ัง ส่วนใหญ่ของท่ีเตรียมไว้จะพอดีระหว่างเจ้าภาพและพระที่นิมนต์มา กอ่ นจะมีการจับสลากก็จะมกี ารฟงั เทศน์อย่างน้อย 1 กัณฑ์ ตอ่ จากน้ันก็จะมีการยกของประเคนตามสลากเม่ือ

เสร็จแล้วพระสงฆ์ก็จะอนุโมทนา และให้พรเจ้าภาพก็กรวดน้าอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเป็นอันเสร็จพธิ ี2. ประเพณีท้าบุญขา้ วหลามความสา้ คญั ประเพณีทาบญุ ข้าวหลามจะจดั ขนึ้ ในวันวนั ที่ 1 ของทกุ ๆปี เปน็ การทาบุญข้าว เช่ือว่าเปน็ การนาพระแม่โพสพเข้าวดั โดยจะใส่ทานข้าวเปลอื ก ขา้ วสาร และตักบาตรข้าวหลาม 1 ครง้ั ต่อปีวัสดอุ ุปกรณ์1. ขา้ วหลาม2. ข้าวเปลอื ก3. ขา้ วสาร4. ดอกไม้ ธปู เทยี น5. อาหารและน้าดม่ื สาหรับใสบ่ าตรวธิ ีการ กอ่ นวนั พธิ ี 1 วันชาวบา้ นจะทาข้าวหลาม และเผาขา้ วหลามเพอื่ จะนาไปถวายพระในวันรุ่งขึ้นในวันทาบุญชาวบา้ นจะนาข้าวเปลือกและข้าวสารไปถวายรวมกับคนอน่ื ๆ จากน้ันก็ตักบาตร ถวายข้าวหลาม และรบั พรจากพระเปน็ อนั เสรจ็ พธิ ี

3. ประเพณีสง่ เคราะห์ความสา้ คญั เป็นความเชื่อดั้งเดิมเก่ียวกับการปัดเป่าเคราะห์ภัย สิ่งชั่วร้ายต่างๆให้พ้นจากตัว ซึ่งเปรียบเสมือนการสะเดาะเคราะหป์ ระจาปีวัสดอุ ุปกรณ์1. ใบพลู 9 ใบ2. ใบคณู หรอื ใบดอกราชพฤกษ์ 9 ใบ3. ใบค้า 9 ใบ4. ใบมะเด่อื เกล้ียง 9 ใบ5. ใบมะเดือ่ ป่า 9 ใบ6. ยาเสน้ 9 มวน7. กล้วยตบี คา 9 ช้ิน8. ออ้ ย 9 ชิ้น9. ใบขนนุ 9 ใบ10. ดา้ ยสายสญิ จน์ ความยาว 1 วา (ของแต่ละคน)11. เสื้อผา้ ของคนในครอบครัว คนละ 1 ผืน12. น้ามันตะเกียง13. ไม้ ความยาว 1 วา14. ดอกไม้ ธปู เทยี น15. อาหารและน้าดมื่ สาหรับใสบ่ าตร16. ถงุ ร้อน17. กระจาดวิธกี าร ก่อนวันทาพิธีจะมีการเตรียมใบพลู ใบคูณหรือใบดอกราชพฤกษ์ ใบค้า ยาเส้น กล้วยตีบคาอ้อย จัดเส้ือผ้าพับใส่กระจาด นาด้ายสายสิญจน์ที่เตรียมไว้ใส่ในถุง เทน้ามันตะเกียงลงไป และมัด

ปากถุง วนั ร่งุ ข้ึนจะมีการนาของตา่ งๆไปทว่ี ดั โดยวางไมแ้ ละด้ายสายสิญจน์ชุบน้ามนั ตะเกยี งไว้ดา้ นล่างศาลา ซึ่งจะมกี ารใส่บาตรตามปกติ หลังจากถวายเพลเสร็จ ชาวบา้ นก็จะลงไปดา้ นล่างท่ีตน ได้วางไมไ้ ว้วิธีการคือจะคล่ีด้ายสายสิญจน์ออก แล้วแขวนไว้กับไม้ที่เตรียมมา เม่ือแขวนเรียบร้อยแล้วก็จะจุดไฟเผา ให้ด้ายสายสิญจนไ์ หม้จนหมด เม่ือเสร็จแลว้ ก็จะนาไม้ไปไวท้ ่ีใต้ต้นโพธิ์ จากน้ันพระภิกษุจะสวดให้และพระลูกวัดจานวน 8 รูป ทาการคว่ากระจาดโดยแบ่งเป็น หัวแถว 4 รูป และท้ายแถว 4 รูปหลังจากคว่ากระจาดเรียบร้อยแล้วก็จะกลับไปนั่งท่ีเดิม หลังจากสวดจบบทและกราบลาพระแล้วชาวบ้านกจ็ ะเก็บของใส่กระจาด โดยชาวบ้านเช่ือวา่ การทาเช่นน้ี เปน็ การไลส่ ่งิ ท่ชี ่วั รา้ ยหรอื สิง่ อปั มงคลใหอ้ อกไปจากตัว4. ประเพณีรดน้าผีปู่ย่าความส้าคญั เป็นความเช่ือดง้ั เดิมตัง้ แต่บรรพบุรุษเกี่ยวกับเรอ่ื งภูตผวี ิญญาณของบรรพบุรษุ ท่ีลว่ งลับไปแล้วซ่ึงท่านได้ปกปักรักษาลูกหลานที่อยู่ในหมู่บ้านและท่ไี ด้ออกไปทางานอยู่ต่างจังหวัดให้อยู่รอดปลอดภัยพ้นเคราะห์อันตรายท้งั ปวง จึงมเี ขา้ ทรงและรดน้าดาหวั ทา่ นในทุกๆปี เพื่อเป็นศริ มิ งคลแก่ลกู หลานวัสดุอุปกรณ์1. ดอกไม้ เทียน ธปู2. น้า 1 ขวด3. สม้ ปอ่ ย4. ผวิ มะกรดู5. ขนมไทย6. นา้ อัดลม

วธิ ีการ ลูกหลานที่กลับมาบ้าน จะนาน้าน้าท่ีลอยส้มป่อย ผิวมะกรูด ขนม น้าอัดลม และดอกไม้ธูปเทียน มามารวม กันที่บ้านของคนทรง หลังจากเข้าทรงแล้ว ก็จะทาการรดน้าดาหัว จากน้ันปู่ย่าก็จะผกู ขอ้ ใหล้ กู หลาน5. ทา้ บญุ กลางบ้านความสา้ คญั เป็นการทาบุญให้ภูตผีวิญญาณ สัมพเวสี เพ่ือไม่ให้มารบกวนหรือทาร้ายคนในหมู่บ้าน เป็นการขอให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขและประสบความเจริญรงุ่ เรืองในหน้าท่ีการงาน ขบั ไล่สิ่งเลวรา้ ยตา่ งๆ ท่ีผ่านมาให้หมดส้ินไปด้วยการสะเดาะเคราะห์ การทาบุญกลางบ้านเช่ือว่าการอุทิศส่วนกุศลไปให้ดวงวิญญาณท้ังหลายแล้ว จะไม่มารบกวนคนและสัตว์ให้เกิดการเจ็บป่วยและตาย ทาให้ทุกคนเกิดความสบายใจในการได้ทาบญุ ครัง้ น้ีวสั ดุอปุ กรณ์1. ดา้ ยสายสญิ จน์2. ข้าวสาร3. พรกิ4. หอม5. ปลาร้า6. กระทงกาบกลว้ ย7. อาหารและนา้ ดมื่ สาหรบั ใสบ่ าตร8. ดอกไม้ เทยี น ธูป9. ฟกั ทองห่นั10. ใบมะขาม11. ใบหนาด12. อ้อย 1 ตน้13. ต้นกล้วยเล็ก

วิธีการ กระทาพิธีประมาณกลางเดือน 6 โดยให้ผู้เฒ่าผู้แก่ หรือชาวบ้านกาหนดวันทาบุญโดยถือเอาวันสะดวกและวันวา่ ง ใชส้ ถานท่ที เ่ี ปน็ ที่ว่างกลางหมู่บ้าน พิธีกรรมจะเร่มิ เมอื่ สวดมนต์เย็นในบริเวณพธิ ีพระสงฆ์จะมาสวดมนต์เย็น หลังจากน้ันจะมีการละเล่นในหมู่บ้าน และตอนเชา้ วนั รงุ่ ข้ืนมีการสวดมนต์ทาบุญเล้ียงพระ ชาวบ้านจะนาอาหารมาถวายพระและจะแบ่งอาหารใส่กระทงใบตอง วางลงบนกระทงกาบกล้วยรปู ส่ีเหล่ียม และนาไปวางไวท้ ี่ทิศตะวันตก เม่อื พระฉันอาหารเสร็จเรียบร้อยจะนาน้ามารูปละ 1 แก้ว ยืนเป็นวงกลมแล้วสวดมนต์กรวดน้าราดลงไปในกระทง บางแห่งอุทิศให้คนอยู่บางแห่งอุทิศให้คนตาย เสร็จแล้วจะนากระทงไปวางท้ิงบริเวณพ้ืนท่ีทางสามแพร่ง หลังจากเสร็จพิธีชาวบ้านจึงร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน ไต่ถามความเป็นอยู่ตลอดจนแก้ปัญหาต่างๆ ร่วมกัน หรืออาจจะมีการละเล่นตา่ งๆ ก็ได้6. แหน่ างแมวความส้าคญั เป็นพิธีอ้อนวอนขอฝนตามความเชื่อของชาวบ้าน ประเพณีแห่นางแมวขอฝนไม่จัดว่าเป็นประเพณีประจาปี จะทาเฉพาะในปีใดที่ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นจะกระทาจนกลายเป็น ประเพณีขอฝน ทส่ี บื ทอดกนั มาตราบจนทุกวันน้ี ประเพณแี ห่นางแมวขอฝน วนั ประกอบพิธีไม่มีวันกาหนดท่ีแน่นอน โดยมากมักจะเป็นวันพระ เมื่อตกลงกาหนดวันเรียบร้อยแล้วชาวบ้านจะจดั เตรียมสถานทีเ่ กยี่ วกบั พิธีท่วี ดัวัสดุอปุ กรณ์1. กะทอหรอื เข่งทมี่ ีฝาปดิ ขา้ งบน 1 อนั2. แมวสดี าตัวเมยี 1 ตัว (เหตุทใี่ ช้แมวสีดาเพราะ ให้เปน็ สีดาเหมือนก้อนเมฆเมอื่ ฝนตก)3. เทยี น 5 คู่4. ดอกไม้ 5 คู่5. ไมส้ าหรับสอดกะทอให้คนหาม 2 ทอ่ น

วธิ กี าร ชาวบ้านรวมท้ังคนแก่คนหนุ่มและเด็กส่วนมากจะเป็นผู้ชาย ปรึกษาหารือกัน คนท่ีเป็นผู้นาร้องเพลง เพ่ือให้ผู้ไปแห่ทั้งหมดเป็นผู้ว่าตาม ส่วนใหญ่จะเป็นคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน จากนั้นจะจับแมวตัวเมียสีดา 1 ตัวใส่ในกะทอ ใช้เชือกผูกปิดปากกะทอไม่ให้แมวออกได้ และใช้ไมส้ อดกะทอให้ คนหาม 2 คน ต้ังคายด้วยขันธ์ หา้ เพ่ือให้เทวดาบันดาลให้ฝนตก เม่อื ได้เวลาพลบค่าผู้คนกาลังอยู่บ้าน ก็เร่ิมขบวนแห่โดยหามกะทอแมวออกข้างหน้า แล้วตามด้วยคนว่าคารอ้ ง และผู้แห่วา่ ตามเป็นท่อนๆ ไปในขบวนก็จะมีการตีเกราะเคาะไม้ตีกลองเพ่ือให้เกิดจังหวะตามไปด้วย และแห่ไปทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านน้ันๆ เมือ่ แห่ไปถึงบ้านใครเจ้าของบ้านก็ต้องเอานา้ สาดหรือรดท่ตี ัวแมวให้เปียกและทาให้แมวร้อง และสาดใส่ขบวนแห่ด้วย การแห่นางแมวขอฝนบางบ้านก็สาดใส่ขบวนเฉยๆ โดยไม่ให้ถูกแมวเพราะอาจทาแมวตายได้ ประเพณีแห่นางแมวขอฝน จะมีคาร้องแต่ละท้องถ่ิน ไม่ค่อยเหมือนกันแตส่ งิ่ ทรี่ วมอย่ใู นคารอ้ งคือมีการพรรณนาถึงความแห้งแล้งและขอให้ฝนตกเหมือนกนั7. ประเพณสี รงนา้ พระความสา้ คัญ การสรงน้าพระเป็นการแสดงความเคารพในพระพุทธคุณและพระสังฆคุณ การแสดงความเคารพบูชาเช่นนี้เป็นบุญกุศล ได้อานิสงส์ให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ไม่ตกอบายภูมิ พิธีนี้จึงนิยมทากันในเทศกาลสงกรานต์ เพอ่ื เป็นการเร่มิ ต้นสงิ่ ใหมๆ่ ท่ดี ี ด้วยการทาบุญกุศล ในวันเร่ิมตน้ ของปีใหมไ่ ทยวัสดอุ ปุ กรณ์1. นา้2. กระติก3. สม้ ป่อย4. ผิวมะกรูด5. นา้ อบ น้าหอม6. ขัน

วธิ ีการ การสรงน้าจะใช้น้าอบ น้าหอม หรือน้าท่ีผสมด้วยน้าอบ น้าหอมประพรมการสรงน้าพระภิกษุสามเณร จะใชแ้ บบเดยี วกับอาบน้า คือ การใช้ขันตกั รดที่ตวั ท่าน หรือท่ีฝา่ มือก็ได้ หากเป็นการสรงน้าแบบอาบนา้ พระจะมีการถวายผา้ สบงหรือถวายผา้ ไตรตามแต่ศรทั ธาดว้ ย8. รดน้าด้าหวั ผสู้ งู อายุความสา้ คญั จะกระทากันในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานตเ์ พียงวันเดียว เป็นการแสดงความเคารพและความกตญั ญูตอ่ บดิ ามารดา ผู้ใหญ่ และผู้มพี ระคณุ ดว้ ยความเชื่อที่ว่า เป็นการขอขมาลาโทษ พร้อมท้ังรบั คาอวยพรเพื่อสริ มิ งคลของชีวติ และเป็นประเพณนี ีย้ งั ทรงคุณคา่ มาจนทกุ วนั นี้วสั ดุอุปกรณ์1. นา้2. กระตกิ3. สม้ ปอ่ ย4. ผวิ มะกรูด5. นา้ อบ นา้ หอม6. ขนั7. พานดอกไม้8. ด้ายสายสญิ จน์สาหรับผูกขอ้วธิ กี าร จะทากับในเครือญาติเพือ่ เสรมิ สรา้ งความรักความผกู พันกันในครอบครวั โดยลกู หลานจะรดนา้ ดาหัวหัวผู้สูงอายุในบ้านหลงั จากนั้นผูส้ งู อายุกจ็ ะให้พรและผูกข้อไม้ข้อมือแก่ลูกหลาน

9. ค้องช้างความสา้ คัญ เป็นปะเพณีทีส่ บื ทอดกันมาแตโ่ บราณตามความเชอ่ื เรื่องส่งิ ท่มี องไม่เห็น เปน็ การทรงเจา้ ค้มุ ท่ีคุ้มครอง ท่ีปกปักรักษาคนในหมู่บา้ นวัสดุอุปกรณ์1. ตน้ งว้ิ สาหรบั ทาช้างและมา้2. ฝา้ ยขาว/ แดง3. มะพรา้ ว4. ฆอ้ งวธิ กี าร ชาวบ้านจะจัดพธิ ีท่ีบริเวณหน้าศาลปู่ มีการเตรียมชา้ งและม้า ไวห้ ลังจากนั้นก็จะคืนให้เจ้าคุ้มให้เข้าทรง เร่ิมจดั ทาพิธขี ้ึนโดยจะมีการเล่นไล่จับช้างและม้า ถ้าเจ้าคุ้มจับได้ก็จะนาไปถวายที่ศาล ของเจา้ คุม้ ท่ีจบั ได้เพอื่ เป็นบริวารของตนเอง และหลังจากเสร็จพิธีเจา้ คุ้มก็จะออกเปน็ อันเสร็จพธิ ี10. จักสานผกั ตบชวา กลุ่มอาชีพสตรีจักสานผักตบชวา ได้จัดตั้งข้ึนในปี พ.ศ.2536 โดยการรวบรวมกลุ่มสตรีในหมู่บ้าน ว่างงานหลักจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยจัดให้มีการฝึกอบรมกลุ่มสตรีตามข้ันตอนของกรมการพัฒนาชุมชน ผู้นาท้องถ่ินได้ให้ความสนใจในด้านอาชีพ จึงได้แนะนาสตรีในการดาเนินงานกลุ่มอาชีพสตรี เพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัว มีคบองธรรมชาติซึ่งมีผักตบชวาข้ึนอยู่เป็นจานวนมาก ผู้นา

ทอ้ งถ่ินจึงได้ประชุมกับสตรีในหมู่บ้านวา่ ควรที่จะนาผักตบชวา มาใช้ประโยชน์ ดังนั้นจึงได้จัดตั้งกลุ่มขน้ึ มีสมาชิกกลมุ่ เรมิ่ แรก จานวน 32 คน โดยใช้ชือ่ ว่า \"กลมุ่ อาชีพสตรจี ักสานผักตบชวา”ชอ่ื : คณุ ลาดวน สสี ขุท่อี ยู่ : เลขท่ี 30 บา้ นนา้ ลอก หมู่ท่ี 4 ต.บอ่ ทอง อ.ทองแสนขนั จ.อตุ รดิตถ์ 53230โทร : 08-1036-4041, 055 418063อเี มลล์ : [email protected]. วัดดอนมลู น้าลอก ต้ังอยู่เลขท่ี 172 หมู่ท่ี 4 ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ปัจจุบันมีเจ้าอาวาสคือพระครูนิวิฐธรรมวิมล (สมชัย) มีเนื้อท่ี 6 ไร่ 2 งาน 21 ตารางวา ประวัติความเป็นมาเล่าขานว่า พุทธศักราช2442 หลวงพ่อสุรินทร์ (สกุลเดิมกันภัย) ได้ชักชวนชาวบ้านจานวน 24 หลังคาเรือน ย้ายถ่ินฐานจากบา้ นหลวงป่ายาง หนโี รคระบาดและมาจบั จองทด่ี ินแห่งใหม่ เรยี กที่ตรงน้ีว่า “บ้านไรน่ อก” เน่อื งจากที่พกั และทท่ี ากนิ อยู่ติดกบั คลองน้าลอก จงึ เพ้ยี นเรียกขานใหมเ่ ปน็ “บ้านนา้ ลอก” มีการปลกู ไมผ้ ลไมย้ ืนตน้ และ กั้นฝายหลวง กั้นคลองนา้ ลอก ทาคลองสายเลก็ ๆ ไปสพู่ ืน้ ท่ที านาหรอื เพ่ือใชใ้ นการเกษตรต่อมาหลวงพอ่ สุรินทรเ์ หน็ สมควรจึงชักชวนญาตโิ ยมย้ายท่ีต้ังวัดใหม่ในปัจจุบันซ่ึงเป็นทีร่ าบสงู น้าท่วมไม่ถึงและได้ตั้งชื่อว่า วัดดอนมูล (มูล แปลว่า ที่สูง ในภาษาล้านนา) ในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการเปล่ียนแปลงชื่อวัดจาก “วดั ดอนมูล” เปน็ “วดั ดอนมลู นา้ ลอก” เมอ่ื วนั ท่ี 14 กนั ยายน พ.ศ. 254412. รถไทยแลนด์ หรอื รถอแี ตน๋

เน่ืองจากชาวบา้ นนยิ มทาการเกษตร ส่วนใหญ่เกอื บทกุ บ้านจาเป็นตอ้ งมีรถไทยแลนด์ เพื่อจะไดส้ ะดวกตอ่ การเดินทางไปไร่ นา เดนิ ทางไปทาธุระท่ีอ่ืน และบรรทุกผลผลิตทางการเกษตรไปขาย13. การทา้ นาการปลูกข้าวจะปลูก 2 ครง้ั ต่อปี คือขา้ วนาปี และขา้ วนาปรังวธิ กี าร ก่อนอ่ืนจะต้อแช่ข้าวเปลือกท่ีจะนาไปหว่านก่อน ต่อไปจะทาการเตรียมดินเริ่มจากการไถดะไถแปร และคราดดิน แต่ก่อนจะไถต้องให้ดินชุ่มช้ืนได้ตามความเหมาะสมเสียก่อน ก่อนจะหว่านข้าวจะต้องหว่านปุ๋ยรองพ้ืนเสียก่อน จากน้ันจะทาการหว่านลงไปตรงบริเวณนา ท่ีได้มีการไถเตรียมเอาไว้โดยตรง ส่วนใหญ่จะเร่ิมไถกันมาต้ังแต่เมษายนเพราะพ้ืนท่ีนาแบบนี้ไม่มีคันกั้นนาทาให้สะดวกในการใช้รถไถจัดการได้เลย หลังจากท่ีเราหว่านข้าวเรียบร้อยต้องคอยป้องกันกาจัดโรคและแมลง กาจัดวชั พืชในนา และรกั ษาระดับนา้ ในนา จากนน้ั กอ่ นขา้ วออกรวงจะหวา่ นปยุ๋ อกี 1 รอบเรียกว่าปยุ๋ แตง่ หน้า หลังจากข้าวออกรวงและสกุ งอมเตม็ ทีแ่ ล้ว จงึ ทาการเก็บเก่ียว14. มันสา้ ปะหลงั

ขนั ตอนการปลูกมนั สา้ ปะหลัง การปลูกมันสาปะหลงั จะไถดิน 2 ครงั้ คร้ังท่ี 1 ลงผาน 3 ใหล้ ึกทส่ี ุดและกลบหญา้ ให้ตายและจะกลายเปน็ ปุ๋ยไปในตวั คร้งั ท่ี 2 ใช้ผาล 7 เพอื่ ใหด้ นิ แตกรว่ นซุย และหากมีการใช้ปยุ๋ คอก ปยุ๋ หมัก ให้หวานไปพร้อมกับการลงผาน 7 น้ี การเตรียมท่อนพนั ธ์ุมนั สาปะหลงั เราสามารถเลอื กทอ่ นพันธมุ์ นัสาปะหลังใหเ้ หมาะสมกับสภาพดินของเรา เพอื่ ให้ได้ผลผลติ ดที ส่ี ุด ดนิ ร่วนปนทราย ปลูกมันสาปะหลังไดท้ ุกสายพนั ธุ์ ดนิ เหนียว หรือดนิ ที่ปนหินกรวด เลือกสายพนั ธ์ุท่ีมหี วั ป้อมและดก เลือกทอ่ นพันธมุ์ นัสาประหลังท่ีมีอายุ 8 เดือน และมีความสมบรู ณ์ จะสง่ ผลดีตอ่ ผลผลิต เลือกตน้ ที่ไม่ใช่แขนง ตาถยี่ ิง่ ดีท่อนพนั ธมุ์ นั สาปะหลงั ท่ีดคี วรปลูกใน 2 สัปดาหห์ ลังตดั และไม่ควรเกนิ 30 วัน ท่อนทง่ี อกดีทสี่ ดุ คือสว่ นกลางของลาต้น ตดั ทอ่ นพันธย์ุ าว 30 เซนติเมตร ปักลึกลงไป 10 เซนตเิ มตร หรือ 1/3 ของความยาว ปกั ให้แนน่ ลาต้นตรงปอ้ งกันหญ้า โดยการใช้ยาคุมหญ้าฉดี บนสนั ร่องในวนั ทป่ี ลกู กดใหต้ า่ อย่าใหล้ ะอองโดนต้นมนัสาปะหลังทป่ี ักไปแลว้ เม่ือมันสาปะหลงั อายุได้ 30-45 มนั ให้ทารุน่ หญ้าครัง้ ท่ี 1 พร้อมกับการใส่ปุ๋ยบารุงตน้ เมื่อมนั สาปะหลังอายุ 3-6 เดอื น ให้เพ่ิมขนาดและนา้ หนักของหัวมันสาปะหลังดว้ ยปุ๋ย พออายุครบ ปี ก็จะทาการขดุ มันสาปะหลังเพ่ือนาไปขาย15. ขา้ วโพดขนั ตอนการปลูกข้าวโพดเลียงสตั ว์ เรม่ิ จากช่วงรองพน้ื ใส่ปยุ๋ อนิ ทรีย์เคมหี มอดิน พร้อมหยอดเมลด็ พนั ธุ์ขา้ วโพด ในอัตรา 20-30กิโลกรมั ตอ่ ไร่ เพื่อบารุงใหธ้ าตอุ าหารหลัก รอง และเสรมิ สาหรับช่วยบารุงระบบราก บารุงลาต้นให้เติบโตเรว็ ใบเขียวนาน ช่วงท่ีทารุ่น ใสป่ ุ๋ยเคมหี มอดิน ในอัตรา 30-35 กโิ ลกรัมต่อไร่ เพ่ือชว่ ยบารงุลาต้น ใบ ให้ต้นขา้ วโพดมีฝักใหญ่ น้าหนกั ดี เมลด็ ตดิ เต็มฝัก สาหรับช่วงออกดอกหัว หากพบวา่ ต้นขา้ วโพดไม่สมบรู ณ์ หรอื กระทบแล้ง เกษตรกรจะไดร้ บั คาแนะนาให้ใสป่ ุ๋ยหมอดนิ ในอัตรา 10 กโิ ลกรมัตอ่ ไร่ เพือ่ ชว่ ยให้ดอกสมบูรณ์ ติดเมล็ดดี และใหผ้ ลผลิตสูง เมือ่ ข้าวโพดแกเ่ ต็มที่กจ็ ะทาการเก็บเกี่ยวผลผลติ

16. ผักขหี ูด เป็นผักทชี่ าวบ้านนยิ มปลกู และนาไปขายท่ตี ลาด นิยมนามาทากับข้าว จะแกงใสห่ มู ปลา หรอืจะตม้ กินกับน้าพริกกไ็ ด้17. แกงผักหวานใส่ไข่มดแดงส่วนผสมยอดผักหวานป่า 300กรัมไขม่ ดแดง 100 กรมัพรกิ แหง้ 15 เม็ดกระเทยี ม 1 หัวหอมแดง 2 หัวตะไคร้ 1 หวักะปิ 1 ชอ้ นชาน้าปลาร้า 1 ชอนโต๊ะเกลือเลก็ น้อย

วธิ ีการทา้1. นาผักหวานมาเดด็ เอาส่วนทแ่ี ข็งออกและลา้ งผักหวานให้สะอาด และไข่มดแดงลา้ งน้า พกั ไว้2. เตรยี มเคร่ืองแกง โขลกน้าพริก พริกแหง้ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง กะปิ นา้ ปลารา้ เขา้ ด้วยกนั3. ตัง้ หมอ้ ใส่น้าพอประมาณ พอน้าเดอื ดใสเ่ คร่อื งแกงลงไป4. พอเคร่ืองแกงละลายและเดอื ดใส่ผกั หวานลงไป พอผกั หวานใกล้จะสกุ ใส่ไข่มดแดงลงไป5. ปรงุ รสอีกคร้งั หน่ึงแลว้ ยกลง เป็นอนั เสรจ็18. ขา้ วเหนยี ว คนในหมบู่ า้ นนยิ มทานข้าวเหนยี ว สว่ นข้าวจ้าวนั้นจะเป็นผสู้ ูงอายุทานเสียสว่ นมาก เนื่องจากเคีย้ วง่ายวิธนี ึ่ง นาขา้ วสารเหนียวมาแช่น้า (เรยี กว่า หมา่ ข้าว) เพ่ือให้ข้าวอ่ิมน้าใช้เวลาไมต่ า่ กว่า 3 ชั่วโมงหากข้าวไม่อิม่ นา้ เวลานึง่ ข้าวจะไม่สุก หากเป็นข้าวสารใหม่จะใช้เวลาแช่น้า น้อยกว่าจากนนั้ นามาซาวเอาแตข่ า้ ว เทน้าซาวข้าว (นา้ ขา้ วหมา่ ) เกบ็ ไว้ใชล้ า้ งจาน หรือสระผม นาขา้ วสารใส่ในหวด ท่ีวางบนหมอ้นึ่ง แล้วนาขึ้นต้งั ไฟแรง ปิดฝารอจนไอนา้ ผา่ นขา้ วเหนยี วจนเกือบสุก เปิดฝาหม้อแลว้ ใช้ไม้พายพลิกข้าวสว่ นที่ยงั ไม่สุกกลับลงไปด้านล่างแทนส่วนทสี่ ุกแลว้ จากนนั้ นาข้าวลงมาเทบนเบียน (ภาชนะสาหรบั พกั และคนข้าวให้ไอน้าระเหยออกไปเพื่อให้ข้าวเย็นและไม่เปยี ก ชืน้ จากไอนา้ เพ่ือเก็บไว้รบั ประทานท้ังวนั ได้ในก่องขา้ ว หรอื กระต๊บิ ข้าว) นาไม้พายเกลย่ี ขา้ ว พลกิ ไปมาใหไ้ อนา้ ท่ีรอ้ นระเหยออกไปให้ท่ัวถงึ พอได้ท่ีก็มว้ นขา้ วเกบ็ เอาไวใ้ นกระตบ๊ิ ข้าวเหนยี ว

19. สานแหคณุ สีเทยี น อุปทะ ไดส้ ืบทอดการสานแหมาจากคุณพ่อ ซงึ่ ในอดตี จะนยิ มทาเครื่องมือทามาหากินขึ้นมาเองวสั ดุอุปกรณ์1. ไม้ปานแห2. ดา้ ยวธิ กี าร นาด้ายใสห่ ลิม แล้วค่อยๆสานลงมาทีละนิด ความกวา้ งและความยาว แล้วแตเ่ ราวา่ ตอ้ งการจะทาขนาดไหน20. แกงบอนสว่ นผสมบอนต้มสกุ 200 กรัมหมยู ่าง 100 กรัมน้าตาลปบี๊ 1 ช้อนโต๊ะกะทิ 700 มล.น้าปลา 2 ช้อนโตะ๊พรกิ แกง 2 ช้อนโต๊ะน้ามะขามเปียก 2 ชอ้ นโตะ๊

ขนั ตอนการท้า1.เลือกบอนทีไ่ มแ่ ก่เกินไป เลอื กส่วนช่วงตรงโคนจะออ่ น แลว้ จากน้นั นามาลา้ งน้าใหส้ ะอาด2.จากนนั้ นาบอนมาลอกปอกเปลือกออก ค่อยๆ ลอกออก ข้อควรระวังยางติดมือจะคัน3.เมื่อปอกเปลือกบอนออกแลว้ จากนนั้ นามาหนั่ เป็นชน้ิ ๆ ขนาด 2 น้ิว เตรยี มไว้4. จากน้ันตม้ นา้ ใหเ้ ดือดพล่าน ใช้ไฟแรง แลว้ จากนัน้ จึงนาบอนหัน่ ชน้ิ ไว้ ใสล่ งไปต้ม จากนน้ั ตม้ บอนให้สุกนิ่ม5. เมอื่ ตม้ บอนไดส้ ุกนม่ิ ดีแลว้ จากนัน้ ตักสะเดด็ น้าออก ใชม้ อื บบี นา้ ออกใหห้ มด6. จากนั้นนาหมูมาหมักกับซีอ้วิ ขาว หมกั พักไวป้ ระมาณ 10 นาที แลว้ จากน้ันนามายา่ งใหพ้ อสุก ยา่ งให้ออกสีเหลืองทัง้ สองด้าน แลว้ จากนนั้ นามาหัน่ เป็นช้นิ ๆ ขนาดพอคาเตรียมไว้7. จากน้ันตั้งหม้อใส่กะทิลงไปนดิ หนอ่ ย ใช้ไฟอ่อนๆ จากนั้นผดั ให้กะทิแตกมันดีแล้ว จากนั้นจงึ ใสพ่ ริกแกงลงไป ผดั คนให้พริกแกงมีกลิน่ หอมแตกมัน จากนน้ั ใสห่ มูย่างลงไปผดั คลกุ เคล้า เติมกะทิที่เหลือลงไป ตม้ จนน้าแกงเดือด8. เมอ่ื น้าแกงเดือดแลว้ จากนั้นใสบ่ อนต้มสุกลงไป และใส่เนอ้ื ปลาย่างที่แกะไว้ลงไป9. จากนนั้ ใส่เครอื่ งปรงุ รสลงไป ใสน่ า้ ปลา นา้ ตาลปีบ๊ น้ามะขามเปียกลงไป จากนั้นคนให้เขา้ กัน รอให้เดือดอกี คร้ัง จากนั้นปดิ ไฟยกลง พร้อมจัดเสิร์ฟ21. ภาษาถิน่ ภาษาถิ่นของบ้านนา้ ลอก มรี ากฐานภาษามาจากภาษาล้านนา เพราะบรรพบรุ ุษได้อพยพมาจากจงั หวดั ราย ไดม้ าต้งั รกรากทบี่ า้ นน้าลอก ซ่งึ ภาษาทใี่ ช้กนั จึงมีความคล้ายคลงึ กับภาษาลา้ นนายกตัวอย่างเช่น กา่ แปลว่า เหรอ บ่แต้ แปลว่า ไม่จริง กิ๋น แปลว่า กิน ยะ แปลว่า ทา22. ผา้ ซนิ่ ตนี เก็บ คุณสีเทียน อปุ ทะ บ้านเลขที่ 198/1 ม.4 ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขนั จ.อตุ รดติ ถ์ อาชพีเกษตรกรรม พอว่างจากการทาเกษตรกรรมชาวบ้านจะตัง้ กลมุ่ ทอผา้ เพ่ือเปน็ อาชีพเสริม ซึ่งผา้ ทอจะมีหลากหลายลาย เช่นลายนก เปน็ ตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook