Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช

ความรู้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช

Published by libarynfe, 2020-05-14 18:08:21

Description: ความรู้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช

Search

Read the Text Version

คมู่ อื ...รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ศแตั มรลพู งชืชดุ ... ความรใู้ นการกำ� จดั

คมู่ ือเกษตรกร “รู้ไว้ใช้จรงิ ” ชุด แมลงศัตรพู ืช พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 จ�ำ นวน 3,000 ชุด ปที ีพ่ มิ พ์ สิงหาคม 2562 จัดพิมพโ์ ดย สถาบันสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมปดิ ทองหลังพระ สบื สานแนวพระราชด�ำ ริ อาคารสยามทาวเวอร์ ชน้ั 26 เลขที่ 989 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวนั เขตปทมุ วนั กรงุ เทพมหานคร 10330 โทรศพั ท์ : 0 2611 5009 โทรสาร : 0 2658 1413 Website : www.pidthong.org twitter : www.twitter.com/pidthong Facebook : www.facebook.com/pidthong Youtube : www.youtube.com/pidthongchannel #เชอ่ื ม่นั เศรษฐกิจพอเพยี ง

ความรใู้ น การก�ำจัดแมลงศตั รูพชื ตา่ ง ๆ หนงั สือ “ความร้ใู นการกำ�จดั แมลงศัตรูพืชต่างๆ” เล่มน้ี เปน็ 1 ใน 5 หนังสือชุดคู่มือเกษตรกร “รู้ไว้ใช้จริง” ท่ีเกิดข้ึนจากการรวบรวมเสียงความ ต้องการของพี่น้องเกษตรกรในพื้นท่ีต้นแบบ 5 จังหวัดดำ�เนินงานของสถาบัน ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำ�ริ อันได้แก่ จงั หวัดน่าน อดุ รธานี กาฬสนิ ธ์ุ อุทัยธานี และเพชรบุรี ทงั้ จากการพบปะโดยตรง และสะท้อนผ่านข้อเสนอแนะท้ายแบบสอบถามในการศึกษาต่างๆ ท่ีต้องการ ทราบถึงขั้นตอน วิธีการป้องกันรักษา แก้ไขปัญหา ตลอดจนเทคนิคหรือวิธีการ จัดการท่ีสร้างสรรค์และมีความเหมาะสม เกี่ยวเนื่องกับการจัดการหมู่แมลงที่มี ความเกี่ยวข้องในกระบวนการเพาะปลูก ท้ังในชนิดพืชไร่และพืชสวน ทั้งในชนิด แมลงที่มีประโยชน์และเป็นภัยต่อผลผลิต ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสารชีวภัณฑ์ จากสมุนไพรที่มีอยู่ท่ัวไปในธรรมชาติ ซ่ึงมีสรรพคุณในการออกฤทธ์ิไล่แมลง หรืออาศัยกระบวนการทางธรรมชาติ อย่างการนำ� “ตัวห้ำ�” (Predator) และ “ตัวเบียน” (Parasite) ซ่ึงเป็นแมลงชนิดดีและปลอดภัย มาใช้ในการ เข้าทำ�ลายแมลงศัตรูที่เป็นภัยแก่พืชชนิดต่างๆ เพื่อทดแทนและหลีกเล่ียงการใช้ สารเคมี เปน็ ต้น จากปัญหาและความต้องการข้างต้น จึงได้ทำ�การสำ�รวจและคัดกรอง ปัญหาและองค์ความรู้ท่ีเป็นที่ต้องการ ท้ังในรูปวิชาการและภูมิปัญญาท้องถิ่น จากครูปราชญ์และหน่วยงานต่างๆ ท่ีมีองค์ความรู้ในเรื่องน้ันๆ มานำ�เสนอ ใน เน้ือหารูปแบบของการ์ตูนประกอบภาพ เพ่ือให้เข้าใจง่าย แต่มีข้อมูลท่ีครบถ้วน และเกษตรกรสามารถนำ�ไปประยุกต์ปรับใช้ได้อยา่ งแท้จรงิ

สารบญั 5 10 12 มารจู้ ัก แมลงศัตรพู ชื เทคนคิ เสรมิ ประสทิ ธภิ าพ เชื่อหรอื ไม่ แตล่ ะชนดิ กันเถอะ หัวเชอื้ Bt ก�ำ จัดแมลง ใชไ้ สเ้ ดือนฝอยก�ำ จัดแมลงได้ 15 18 20 2 สูตรสมนุ ไพร “ลูกเหมน็ ” ปราบเพลยี้ ไฟ ไลแ่ มลงไดผ้ ลชะงดั ฮีโรไ่ ลแ่ มลง ศตั รตู วั รา้ ยต้นพรกิ 23 26 31 แมลงหางหนีบ รจู้ กั หนอนกระทู้ รกั ษาสมดุลแมลงธรรมชาติ ฮโี ร่ผู้พทิ ักษไ์ ร่ ศัตรตู วั ร้ายแห่งไร่ข้าวโพด ใชพ้ ิฆาตแมลงศัตรพู ชื 34 38 “น�ำ้ หมกั พริกไทย” แมลงร้าย ไล่แมลงไดท้ ัง้ สวน ศัตรทู �ำ ลายข้าว 45 “ภาษาของใบไม้” รไู้ วป้ ราบแมลง

มาร้จู ักแมลงศัตรพู ชื แต่ละชนิดกันเถอะ ศัตรูพืช หมายถึง ปัจจัยชีวภาพ (biotic factors) ใน การกสิกรรมที่ก่อความเสียหายต่อพืชปลูก และเป็นสาเหตุทำ�ให้ ศักยภาพของการกสิกรรมลดลง หรืออาจหมายถึงสิ่งมีชีวิต ซง่ึ ท�ำ ใหผ้ ลผลิตของพืชปลูกลดลง ศตั รูพืชที่ส�ำ คัญ ได้แก่ แมลงศัตรู พืช โรคพืช วัชพืช และศัตรูอ่ืนๆ เช่น นก หนู กระรอก ปู ไรแดง หอยทาก เปน็ ต้น แมลงศัตรูพืช หมายถึงสัตว์ท่ีมีลำ�ตัวเป็นปล้อง ซึ่งสัตว์เหล่าน้ี ไดก้ อ่ ความเสยี หายแกพ่ ชื เพาะปลกู แมลงเปน็ สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั ลำ�ตัวแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ส่วนศีรษะ อก และท้อง มีผนัง หุ้มลำ�ตัวแข็ง ดังนั้น การเจริญเติบโตของแมลงจึงต้องอาศัยการ ลอกคราบ การจำ�แนกชนิดของแมลงท่ีถูกต้องจะแบ่งตามหลักการ อนุกรมวิธานโดยนักกีฏวิทยา แต่ในทางการเกษตรจะขอแบ่งชนิด ของแมลงศตั รพู ชื ออกตามลักษณะของการทำ�ลายดงั นี้ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 5 ชดุ “แมลงศัตรพู ืช”

ตอ่ ตก๊ั แตน หนอนผเี สือ้ กลางวัน หนอนดว้ ง แตน ดว้ งปกี แข็ง ปลวก เพลี้ย หนอนผีเสอ้ื กลางคนื แมงกระชอน จ้งิ หรีด หนอนแมลงวนั ด้วงดิน 6 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

หนอนผีเสือ้ กลางวนั แมลงจำ�พวกกดั กินใบ (leaf feeder) หนอนผีเสอ้ื กลางคืน ได้แก่ หนอนผีเส้ือ ตั๊กแตน ด้วงปีกแข็ง แมลงพวกนี้ มีปากแบบกัดกิน (chewing) สามารถกัดกินใบท้ังหมด หรือกัดกินเฉพาะตัวใบแล้วเหลือเส้นใบไว้ ทำ�ให้พืชขาด สว่ นสงั เคราะหแ์ สงหรอื ขาดทส่ี ะสมอาหารหรอื ขาดยอดออ่ น ส�ำ หรบั การเจรญิ เติบโตต่อไป ตกั๊ แตน ดว้ งปีกแข็ง แมลงจำ�พวกดดู กินน�้ำ เล้ียง (juice sucker) ได้แก่ เพล้ียอ่อน เพล้ียกระโดด เพลี้ย เพลีย้ กระโดด เพล้ียออ่ น จั๊กจ่ัน และมวนต่างๆ แมลงจำ�พวกนี้มี ปากแบบดูด (sucking) สามารถแทงและ ดูดนำ้�เล้ียงจากใบ ยอดอ่อน ก่ิง ลำ�ต้น ดอกหรือผล ทำ�ให้ส่วนต่างๆ ของพืชที่ ถูกดูดกินนำ้�เล้ียงมีรอยไหม้ ใบม้วนเห่ียว ไม่เจริญเติบโต แคระแกร็น และนอกจากนี้ แมลงจำ�พวกน้ียังเป็นสาเหตุสำ�คัญของ การถ่ายทอดและแพร่กระจายโรคพืชท่ีมี เชอื้ ไวรสั เปน็ สาเหตุอีกดว้ ย คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 7 ชุด “แมลงศัตรูพืช”

แมลงจำ�พวกหนอนชอนใบ (leaf minor) หนอนแมลงวนั ได้แก่ หนอนผีเสื้อ หนอนแมลงวัน บางชนดิ แมลงจ�ำ พวกนมี้ กั มขี นาดเลก็ กดั กนิ เนอ้ื เยอ่ื อยรู่ ะหวา่ งผวิ ใบพชื ท�ำ ใหพ้ ชื ขาดสว่ น สังเคราะห์แสงหรอื ขาดสว่ นสะสมอาหาร แมลงจำ�พวกหนอนเจาะลำ�ตน้ (stem borer) ปลวก หนอนด้วง หนอนผเี สอ้ื ได้แก่ หนอนด้วง หนอนผีเส้ือ และปลวก แมลงจำ�พวกนี้มักวางไข่ตามใบหรือเปลือกไม้ เมื่อไข่ฟักออกเป็นตัวหนอนก็จะชอนไชเข้าไป อยู่ในก่ิง ลำ�ต้น หรือผล ทำ�ให้ต้นพืชขาดนำ้� และอาหารแล้วแห้งตายไป หรอื ท�ำ ใหผ้ ลไม้เน่า หล่นเสยี หาย 8 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

แมลงจำ�พวกกดั กนิ ราก (root feeder) ได้แก่ ด้วงดีด จ้ิงหรีด แมลงกระชอน ด้วงดนิ ด้วงงวง จง้ิ หรดี แมลงจำ�พวกน้ีมีปากแบบกัดกิน มักมีชีวิตหรือวางไข่ ตามพ้ืนดิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะเข้าทำ�ลายรากพืช แมงกระชอน ทัง้ ท�ำ ใหพ้ ชื ยืนต้นแหง้ ตายเน่ืองจากขาดนำ้�และอาหาร ด้วงดนิ แมลงจำ�พวกทที่ �ำ ใหเ้ กดิ ปุ่มปม (gall maker) ต่อ ได้แก่ ต่อ แตน และเพลี้ย แมลงจำ�พวกนี้เม่ือกัดกิน แตน ดูดนำ้�เลี้ยงหรือวางไข่บนพืชแล้ว มักจะปลดปล่อยสารบาง เพลี้ย ชนิดลงบนพืช ทำ�ให้เกิดอาการปุ่มปมผิดปกติบนส่วนต่างๆ ของพชื เชน่ ดอก ใบ ยอดออ่ น ราก และลำ�ตน้ แมลงศตั รพู ชื ทง้ั 6 จ�ำ พวก ถา้ จดั แบง่ ตามระยะเวลาการเขา้ ท�ำ ลายพชื ปลกู แลว้ แบง่ ได้ 2 ประเภท คือ 1. แมลงศตั รูพชื ประเภททเี่ ขา้ ท�ำ ลายตงั้ แตร่ ะยะปลกู จนถึงระยะเกบ็ เก่ยี ว การทำ�ลาย ของแมลงศัตรูพืชประเภทน้ีเกิดโดยการกัดกินใบ ยอดอ่อน ตาดอก ดอก และลำ�ต้น หรือ การดูดกินน้ำ�เล้ียงของยอดอ่อน ตาดอก และก่ิงอ่อน หรือการเจาะไชลำ�ต้น หรือการเป็น พาหะที่ทำ�ให้เกิดการระบาดหรือแพร่กระจายของโรคพืช การทำ�ลายของแมลงประเภทนี้ ท�ำ ใหศ้ ักยภาพการใหผ้ ลผลติ ของพืชปลูกลดลง 2. แมลงศตั รูพชื ประเภทท�ำ ลายผลผลติ ในโรงเกบ็ เกยี่ ว (stored insect pest) แมลง ศัตรูประเภทน้ีอาจจะวางไข่บนดอกหรือผลของพืชปลูกขณะอยู่ในแปลง แล้วตัวแมลง ไปเจริญเติบโตทำ�ลายผลผลิตขณะที่อยู่ในโรงเก็บ หรือหลังการเก็บเก่ียวผลผลิตมาแล้ว เช่น ด้วงงวงขา้ วสาร ด้วงถัว่ มอด แมลงวนั ผลไม้ หรืออาจจะเปน็ พวกทอี่ าศัยอยู่ในโรงเกบ็ เชน่ แมลงสาบ มด เปน็ ต้น คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 9 ชุด “แมลงศัตรพู ชื ”

เทคนคิ เสรมิ ประสทิ ธภิ าพ หวั เช้อื Bt ก�ำจดั แมลง หวั เชอ้ื บที ี (Bt) คือ เชือ้ แบคทีเรีย Bacillus thuringiensis ที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช ซ่ึงมีการนำ�มาใช้กำ�จัด แมลงศัตรูพืชท่ีสำ�คัญและมีการดื้อยาหรือสารเคมีง่าย เช่น หนอน ใยผัก หนอนผีเสื้อกะหล่ำ� หนอนคืบกะหลำ่� หนอนกระทู้ผัก หนอน เจาะผล หนอนเจาะสมอฝา้ ย และแมลงด�ำ หนาม อยา่ งไดผ้ ลชะงัด เชอ้ื บที ีมที ง้ั ในแบบทเ่ี ปน็ ของเหลวและแบบแหง้ มจี �ำ หนา่ ยทวั่ ไป ภายใตช้ อื่ การคา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั การจะน�ำ มาใชจ้ งึ ควรเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ ให้แก่เช้ือ Bt ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพไร้อาหารมานานให้มีความ แข็งแรงดีเสียก่อน จึงจะนำ�ไปใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่างได้ผล การขยายหัวเช้ือน้ันมีได้หลายวิธี แต่วิธีท่ีง่าย รวดเร็ว และต้นทุนตำ่� นั้น ก็มเี ชน่ เดียวกัน 10 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

วตั ถดุ บิ ในการขยายหัวเช้ือ วธิ ีทำ� นำ�นมถ่ัวเหลือง 250 มิลลิลิตร ผสมกับหัวเช้ือ Bt 1 ช้อนชา จากนั้น หมกั ไว้ 24-28 ช่วั โมง นมถั่วเหลอื ง 250 มิลลลิ ติ ร หัวเช้ือ Bt 1 ชอ้ นชา เมื่อหมักได้ทแ่ี ล้ว ให้ผสมหวั เช้อื ท่ีหมักไว้กบั น้ำ� 20 ลิตร แล้วน�ำ ไปฉีดพน่ ในบริเวณที่ตอ้ งการ น�ำ้ 20 ลติ ร   เคลด็ ลับ การนำ�นมถั่วเหลืองมาหมักกับหัวเช้ือนั้นก็เพราะว่านมถ่ัวเหลืองเป็นอาหาร เพาะเล้ียงเช้ือได้อย่างดี และการหมักทิ้งไว้นาน 24-28 ชั่วโมง จะทำ�ให้เช้ือแข็งแรง และมีการเพิม่ จำ�นวนมากย่ิงขึน้ ซง่ึ เป็นการเสริมประสิทธภิ าพของเชือ้ ให้ก�ำ จดั แมลงไดด้ ี คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 11 ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

เชอ่ื หรอื ไม่ ใชไ้ สเ้ ดอื นฝอย ก�ำจดั แมลงได้ ไส้เดือนฝอยกำ�จัดแมลงเป็นชีวภัณฑ์ท่ีมีศักยภาพ ในการกำ�จัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด สามารถทำ�ให้แมลงตาย ภายใน 48 ชั่วโมง ทั้งยังมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ พืช สัตว์ และ สิง่ แวดล้อม เน่อื งจากไส้เดือนฝอยมเี ช้ือแบคทีเรยี ทที่ ำ�ให้เลอื ดแมลง เป็นพิษ นอกจากจะฆ่าแมลงศัตรูพืชต่างๆ ได้แล้ว ยังสามารถ ฆ่าปลวกและแมลงสาบซงึ่ เป็นแมลงในบ้านไดอ้ ีกดว้ ย ไส้เดือนฝอยจะสามารถเข้าทำ�ลายแมลงได้ท้ังระยะตัวหนอน และตัวเต็มวัยของแมลง ผ่านทางช่องเปิดปากหรือรูทวาร แล้ว เคล่ือนท่ีไปยังช่องว่างในตัวแมลงซ่ึงมีน้ำ�เลือด และปลดปล่อย แบคทีเรียออกมาและสร้างสารพิษ ทำ�ให้แมลงเกิดอาการเลือด เป็นพิษและตายลง ไส้เดอื นฝอยจะเตบิ โต ขยายพันธ์ุอย่ใู นตวั แมลง จนแมลงเหลือแต่ซาก ตัวอ่อนในระยะท่ี 3 ซึ่งเป็นระยะที่ทนทาน ต่อสภาพแวดล้อมจะเคล่ือนที่ออกมานอกซากแมลง และรอท่ีจะ เขา้ สแู่ มลงตัวใหม่ต่อไป 12 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศัตรูพืช”

ไขไ่ ก่ ผสมนำ้�มันหมู และน�ำ้ ใส่ในภาชนะกลอ่ งพลาสตกิ พร้อมฝาปิด คลกุ กบั ก้อนฟองนำ้� หรือถงุ ทนรอ้ น นงึ่ ฆ่าเช้ือ   วธิ เี พาะเลย้ี งไสเ้ ดอื นฝอย ใสห่ ัวเช้ือไส้เดอื นฝอย ใช้ไข่ไก่ 4-5 ฟอง ผสมน้ำ�มันหมู 130 ซีซี. และน้ำ� 260 ซีซี. คลุกกับก้อนฟองน้ำ� ตัดรูปทรงส่ีเหล่ียม 40 กรัม แล้วนำ�ไปใส่ ในภาชนะกล่องพลาสติกพร้อมฝาปิดหรือ ถุงทนร้อน แบ่งเท่าๆ กัน จำ�นวน 20 กล่อง หรือถุง จากนั้นนำ�ไปนึ่งฆ่าเช้ือด้วยหม้อนึ่ง ไอนำ้�เดอื ด เปน็ เวลา 1 ช่วั โมง เม่ืออาหารเทียมเย็น ใส่หัวเชื้อไส้เดือน ฝอย 50,000 ตัวต่อภาชนะ ด้วยกระบอก ฉีดยาพร้อมเข็มสะอาด นำ�ไปบ่มเพาะเป็น เวลาเพียง 7 วัน หัวเช้ือไส้เดือนฝอยจะ ขยายพันธุ์เพิ่มจำ�นวนได้มากกว่า 300 เท่า หรือได้ไส้เดือนฝอยเฉล่ีย 15 ล้านตัว ต่อภาชนะ หรอื 20 ภาชนะ ได้ 300 ล้านตัว ต่อ 1 รอบการผลิต คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 13 ชดุ “แมลงศตั รูพืช”

  วธิ กี ารน�ำ ไปใช้ ขยำ�ฟองนำ้�ท่ีมีไส้เดือนฝอยในน้ำ� เปล่าเพอื่ ให้ไสเ้ ดือนฝอยออกมา โดยผสม ซนั ไลตเ์ ลก็ นอ้ ยเพอ่ื ใหไ้ สเ้ ดอื นฝอยออกมา จากฟองนำ�้ ได้งา่ ยขนึ้ 2. ลา้ งฟองนำ�้ ที่ขยำ�แลว้ ด้วยน�ำ้ เปล่า อกี 2 น�้ำ เพอ่ื ใหไ้ สเ้ ดอื นฝอยออกมาใหห้ มด 3. เทนำ�้ ล้างไสเ้ ดือนฝอยทัง้ หมดรวม กันแลว้ น�ำ ไปฉีดพน่ กำ�จัดศตั รพู ืช เกษตรกรสามารถน�ำ ไปพน่ ก�ำ จดั แมลงศตั รพู ชื ได้ ในพน้ื ทเ่ี ฉลย่ี 1 ไร่ คดิ เปน็ ตน้ ทนุ ประมาณ 100 บาท ตอ่ การพน่ 1 ครง้ั โดย 1 ฤดปู ลกู พน่ ก�ำ จดั แมลง เฉลย่ี 5 ครง้ั คดิ เปน็ เงนิ 500 บาทตอ่ ไร่ ขอขอบคุณ ส�ำนกั วจิ ยั พฒั นาการอารักขาพชื กรมวิชาการเกษตร และ www.technologychaoban.com 14 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

2 สตู รสมนุ ไพร ไลแ่ มลงไดผ้ ลชะงดั การใช้พืชสมุนไพร ทางเลือกหน่ึงท่ีสามารถนำ�มาใช้ ป้องกันแมลงศัตรูพืช ทดแทนการใช้สารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงพชื สว่ นใหญเ่ ป็นพชื ในทอ้ งถิน่ สามารถปลูกและหาไดง้ า่ ย รวมทั้ง ไม่มีพิษต่อส่ิงมีชีวิตและสภาพแวดล้อม มีการสลายตัวในธรรมชาติ ได้รวดเร็ว ต่างจากสารเคมีท่เี กษตรกรส่วนใหญม่ กั ใช้ ฉะนน้ั มาดวู ธิ ที �ำ น�ำ้ สกดั ชวี ภาพสมนุ ไพรก�ำ จดั แมลงและปอ้ งกนั เชอ้ื รา แบบไร้สารพิษ ไม่พง่ึ สารเคมี คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 15 ชดุ “แมลงศัตรพู ืช”

สตู รนำ้� หมกั สมนุ ไพร สตู รท่ี 1 การท�ำ สารสกัดไล่แมลงและปอ้ งกนั เช้ือรา วัตถดุ ิบ 1.  ใบสะเดาแก่ 2.  ใบน้อยหน่า 3. ใบฝรง่ั หรอื เมลด็ สะเดาบด 4.  ใบกะเพรา 5.  หัวข่าแก่ 6.  ตะไคร้หอม 7.  เปลือกตน้ แค 8.  เปลือกมงั คดุ 9.  กากน�ำ้ ตาล วธิ ีการท�ำ นำ�ส่วนผสมท่ี 1-8 จำ�นวนพอสมควรเท่าๆ กัน สับหรือหั่นรวมกัน ในอัตรา 3 ส่วน (3 กิโลกรัม) ผสมคลุกเคล้ากับกากนำ้�ตาล 1 ส่วน (1 กิโลกรัม) ใส่ถังพลาสติกหมักไว้ 7-10 วัน กรองเอานำ้�หมักไปใช้ใน อัตรา 2 ช้อนแกงต่อน้ำ� 20 ลิตร นำ�ไปฉีดพ่นต้นพืชในช่วงเย็นหรือเช้า ท่ยี งั ไม่มีแสงแดด ทกุ 7-10 วัน / คร้ัง เพอื่ ไลแ่ มลงและปอ้ งกันก�ำ จดั เชอ้ื รา 16 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพืช”

สตู รที่ 2 น�ำ้ หมักสมนุ ไพรกำ�จดั แมลง หางไหลหรอื ตน้ บอระเพด็ ใบสะเดาแกห่ รอื เมลด็ บด ตะไครห้ อม หวั ขา่ แก่ น�ำ้ สะอาด 2 กโิ ลกรมั 2 กโิ ลกรมั 20 ลติ ร 2 กโิ ลกรมั 2 กโิ ลกรมั หน่ั สมนุ ไพรเปน็ ชน้ิ เลก็ ๆ ต�ำ หรอื บดใหล้ ะเอยี ด กรองเอาน�ำ้ ยาเขม้ ขน้ ผสมน�ำ้ วธิ ีการท�ำ ห่ันสมุนไพรท้ัง 4 ชนิด เป็น ช้ินเล็กๆ รวมกัน ตำ�หรือบด ให้ละเอียด แช่น้ำ� 1 ปี๊บ กรองเอา นำ้�ยาเข้มข้นสูง 1 ลิตร ผสมนำ้� 1-2 ป๊ีบ นำ�ไปฉีดต้นไม้ ป้องกัน กำ�จัดเพล้ีย หนอน แมลงต่างๆ ควรฉีดห่างกัน 3-5 วัน อย่างน้อย 2 คร้งั ขึน้ ไป ขอขอบคุณ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 17 ชุด “แมลงศัตรูพืช”

“ลกู เหมน็ ” ฮโี รไ่ ลแ่ มลง มีเกษตรกรหลายท่านมักบ่นว่า ในแปลงเกษตร ของตนมีแมลงศัตรูพืชมาวุ่นวายให้รําคาญใจอยู่เสมอๆ คร้ันจะใช้ สารเคมีทำ�ลายก็กลัวอันตราย ท้ังยังมีราคาแพง จึงอยากจะหาวิธี แกไ้ ขเบื้องตน้ ง่ายๆ ค่าใช้จา่ ยไม่แพง จะทําอยา่ งไรไดบ้ ้าง หลายคน คงไม่เช่ือว่า วัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัวง่ายๆ ที่มีในบ้าน ใกล้ๆ ตัว หาซื้อได้ท่ัวไป อย่าง “ลูกเหม็น” ก็สามารถไล่แมลงในสวนเกษตร ได้เช่นกนั 18 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

“ลกู เหมน็ ” เปน็ สารประกอบโพลไี ซคลกิ อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน ท่ีผลิตได้จาก กระบวนการกล่ันนํ้ ามนั ปโิ ตรเลียม มสี ถานะ เป็นของแขง็ สขี าว มกี ลน่ิ ฉนุ เฉพาะ สามารถ ระเหิดได้ท่ีอุณหภูมิห้อง นิยมนํามาใช้ใน การดบั กลน่ิ อบั และปอ้ งกนั แมลงในบา้ นเรอื น ด้วยคุณสมบัติด้านกล่ินเฉพาะของ ลูกเหม็นน้ี ได้มีเกษตรกรนํามาประยุกต์ ใช้ป้องกันแมลงศัตรูพืชแล้วได้ผลด้วย วธิ ีงา่ ยๆ คอื 1. นํา ลูกเ ห ม็นใส่ในถุงพลาสติก ประมาณ 5-7 ลกู มดั ปากถุง 2. จากนั้นนําไปห้อยท่ีไม้ผลภายใน ทรงพุ่มประมาณ 5-6 จุด หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของไม้ผล เท่านี้ก็พอจะ บรรเทาไม่ให้แมลงเข้ามารบกวนพืชผล ทางการเกษตรของเราแลว้ ขอขอบคุณ www.rakbankerd.com คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 19 ชดุ “แมลงศตั รพู ชื ”

ปราบเพลยี้ ไฟ ศตั รตู วั รา้ ยตน้ พรกิ เพล้ียไฟพริก    เป็นแมลงศัตรูพืชที่มีความสำ�คัญมาก ชนิดหนึ่ง มักพบการระบาดต้ังแต่หลังย้ายปลูก  1  เดือน ส่วนใหญ่ เข้าทำ�ลายบริเวณยอดและใบอ่อน ทำ�ให้ยอดหรือใบอ่อนหงิก เมื่อ ใบพริกแก่จะเห็นเป็นรอยกร้านสีนำ้�ตาล ส่งผลให้การสังเคราะห์แสง ลดลง พรกิ จะชะงักการเจรญิ เติบโต ใหผ้ ลผลติ น้อยลง และมชี ่วงอายุ การเก็บเกี่ยวผลผลิตส้ัน หากเพลี้ยไฟระบาดในระยะท่ีพริกออกดอก จะท�ำ ใหด้ อกพรกิ หลดุ รว่ ง  ถา้ ระบาดในระยะตดิ ผล พรกิ จะมลี กั ษณะ บิดงอ แคระแกร็น และมีคุณภาพตำ่� ไม่เป็นท่ีต้องการของตลาด  ถ้ามีการระบาดท่ีรุนแรง ต้นพริกจะชะงักการเจริญเติบโต หรือ แหง้ ตายในทส่ี ุด 20 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศัตรูพชื ”

-45 วนั วางไข่ 100-150 ฟอง/ครง้ั ไข่ 1-2 วนั ระยะดกั แด้ 1-3 วัน ัตวเ ็ตม ัวย 30 ตวั ออ่ นระยะท่ี 1 1-2 วัน น ระยะกอ่ นเขา้ ดกั แด้ 1-2 วนั ตัวอ่อนระยะท่ี 2 2-4 วั โดยสาเหตุสำ�คัญที่ทำ�ให้พริกใบหงิก ได้แก่ แมลงศัตรูพืชสองชนิด คือ เพล้ียไฟ ไรแดง และไรขาว ซึ่งอาจเข้าทำ�ลายพร้อมๆ กันก็ได้ หรือสลับกันเข้าทำ�ลาย โดยปกติจะพบว่า ถ้าเพลี้ยไฟระบาดมาก จะมีไรแดงและไรขาวน้อย และถ้าพบไรแดงและไรขาวมาก เพลี้ยไฟ จะระบาดน้อย คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 21 ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

ว  ธิ กี ารปอ้ งกนั ก�ำ จดั 1. ควรฉีดพ่นเชื้อราเมทาไรเซียมสลับ กับเช้ือราบิวเวอเรีย ก่อนการระบาดของ เพล้ียไฟ  ตามอัตราแนะนำ�พ่นทุก 5-7  วัน ให้ทั่วทรงพุ่มและบริเวณดินโคนต้นพริก ในกรณีที่เร่ิมพบการระบาดควรฉีดพ่น ทุก 3 วัน 2. ควรเพ่ิมความช้ืนโดยการให้น้ำ� อย่าให้พชื ขาดนำ้� เพราะจะทำ�ให้พชื อ่อนแอ และเพลี้ยไฟพรกิ จะระบาดอย่างรวดเร็ว 3. พ่นสารป้องกันกำ�จัดแมลงเมื่อพบ มีการระบาด เพื่อทำ�ลายไข่ ตัวอ่อน และ ตวั เต็มวยั เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็ก ชอบหลบ อยู่ตามใต้ใบและซอกยอดอ่อน เวลาพ่น ควรใช้เคร่อื งมอื ทีส่ ามารถพ่นได้อย่างทัว่ ถึง ขอขอบคณุ กรมวิชาการเกษตร 22 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

แมลงหางหนบี ฮโี รผ่ พู้ ทิ กั ษไ์ ร่ แมลงหางหนีบ เป็นแมลงตัวห้ำ�อีกประเภทหนึ่ง ซ่ึงเป็น ฮีโร่ผู้พิทักษ์ตัวใหม่ที่จะมาช่วยกำ�จัดแมลงศัตรูพืชในไร่ได้ และ ช่วยควบคุมประชากรของแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เช่น เพล้ียอ่อน  ชนิดต่างๆ หนอนเจาะลำ�ต้นข้าวโพด หนอนกระทู้ข้าวโพด  หนอน เจาะสมอฝ้าย หนอนเจาะเปลือกลำ�ต้นลองกอง หนอนกออ้อย  แมลงดำ�หนามมะพรา้ ว ไข่และหนอนของดว้ งกุหลาบ เป็นต้น  โดยแมลงหางหนีบมีหลายชนิด ทั้งแมลงหางหนีบสีดำ� แมลง หางหนีบสีนำ้�ตาล และแมลงหางหนีบขาวงแหวน ซึ่งแต่ละชนิด มีคุณสมบัติใช้ควบคุมศัตรูพืชต่างกัน เช่น แมลงหางหนีบสีน้ำ�ตาล ใช้ควบคุมหนอนเจาะลำ�ต้นข้าวโพด ส่วนแมลงหางหนีบขาวงแหวน ใช้ควบคมุ หนอนกออ้อย คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 23 ชดุ “แมลงศตั รพู ืช”

แมลงขาหนบี สดี �ำ แมลงขาหนบี สนี �ำ้ ตาล   ลกั ษณะเดน่ มแี พนหางรปู คมี ใชใ้ นการจบั เหยอื่ ปอ้ งกนั ตวั สรา้ งรงั และช่วยในการผสมพันธุ์ ลำ�ตวั เล็ก ยาวรีค่อนข้างแบน ยาวเฉล่ีย 4-18 มิลลิเมตร แมลงหางหนีบชอบหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอก ตามใบพืช หรือตามซอกดินท่ีมีเศษซากพืช หรือใบไมท้ ่ีมคี วามชน้ื พอเหมาะ สว่ นตัวเต็มวยั จะวางไข่ในดิน สามารถหาเหย่ือตามซอกมุม ได้ดี จะทำ�ลายเหยื่อที่เป็นตัวหนอนด้วย แพนหางซง่ึ มลี กั ษณะคลา้ ยคมี หนบี ล�ำ ตวั เหยอื่ แล้วกินเป็นอาหาร แต่ถ้าเป็นเพลี้ยอ่อนก็จะ กัดกินโดยตรง แมลงหางหนีบจึงเป็นแมลงท่ีมี ศักยภาพในการนำ�ไปใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืช ได้หลายชนดิ 24 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศตั รพู ืช”

ตวั เตม็ วยั กลอ่ งเพาะเลย้ี ง ไขอ่ ายปุ ระมาณ 8-10 วนั   วธิ เี ลย้ี งและขยายพนั ธ์ุ เพลย้ี ออ่ นและอาหารแมว นำ � แ ม ล ง ห า ง ห นี บ ตั ว เ ต็ ม วั ย เ พ ศ ผู้ แ ล ะ เพศเมียจ�ำ นวน 50 ตวั ทเ่ี ก็บจากธรรมชาติมาเล้ียง ในกล่องพลาสติกทรงกลมที่บรรจุดินผสมวัสดุ ธรรมชาติอ่ืนๆ เช่น ดิน แกลบดำ� หรือขุยมะพร้าว ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 แล้วพ่นนำ้�ให้ช้ืน แล้วให้ อาหารเป็นเพล้ียอ่อน แมลงศัตรูพืชอ่ืนๆ หรือใช้ อาหารแมวบดละเอียดก็ได้ ควรเปลี่ยนอาหาร สัปดาห์ละ  1  คร้ัง และรักษาความช้ืนของดินและ วสั ดุผสมใหม้ ีความชืน้ อยู่ตลอดเวลา การน�ำ ไปใช้ แมลงหางหนบี 1 ตวั สามารถ ขอขอบคณุ กินหนอนกออ้อยได้ 6-10 ตัวต่อวัน โดยท่ัวไป www.mitrpholmodernfarm.com ใช้ในอัตราไร่ละ  1,000  ตัว ให้ปล่อยช่วงเย็น และกระจายท่ัวแปลง ในแปลงควรมีความช้ืน และแหลง่ หลบอาศัยได้ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 25 ชดุ “แมลงศตั รูพชื ”

รจู้ กั หนอนกระทู้ ศตั รตู วั รา้ ยแหง่ ไรข่ า้ วโพด หนอนกระทู้ นับเป็นศัตรูสำ�คัญของข้าวโพด นอกจากน้ี ยงั มพี ืชอาหารมากกวา่ 80 ชนดิ เชน่ ขา้ ว ออ้ ย ขา้ วฟ่าง พชื ตระกูลถวั่ มะเขือเทศ มันฝรั่ง ยาสูบ ฝ้าย ทานตะวัน กล้วย กระเทียม ขิง มันเทศ พริก พืชตระกูลกะหล่ำ� พืชตระกูลแตง และพืชผัก ท่ี หนอนกระทู้เข้าท�ำ ลาย วงจรชีวติ ของหนอนกระทู้ (Fall armyworm) ใชเ้ วลา 30-40 วนั เม่ือผสมพันธุ์แล้ว ผีเสื้อเพศเมียจะวางไข่ในเวลากลางคืน โดย วางไข่เป็นกลุ่ม ประมาณ 100-200 ฟอง มีขนปกคลุมไข่ ผีเสื้อ เพศเมียหน่ึงตัววางไข่ได้ประมาณ 1,500-2,000 ฟอง ระยะไข่ 2-3 วัน ตัวเต็มวัยมีชีวิต 10-21 วัน และสามารถบินได้ไกลเฉลี่ย 100 กโิ ลเมตรตอ่ คนื 26 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

วงจรชีวติ ผีเสอื้ หนอนกระทู้ ผเี สอ้ื ตวั เตม็ วยั ระยะหนอน 14-22 วนั มชี วี ติ 10-21 วนั ระยะไข่ 2-3 วนั ระยะดกั แด้ 7-13 วนั คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 27 ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

ผี เ สื้ อ ห น อ น ก ร ะ ทู้ ข้ า ว โ พ ด ล า ย จุ ด จะเร่ิมวางไข่บนต้นข้าวโพด ต้ังแต่ข้าวโพด งอก อายุ 3-4 วัน โดยพบกลุ่มไข่ทั้งด้าน บนใบ ใตใ้ บ และที่ลำ�ตน้ หลังจากฟักจากไข่ หนอนขนาดเล็กจะรวมกลุ่มกัดกินผิวใบ เหน็ เปน็ รอยท�ำ ลายสขี าวทผ่ี วิ ใบเมอื่ ขา้ วโพด อายุ 6-7 วัน (10-11 วนั หลังปลูก) ลกั ษณะ เป็นจุดหรือเป็นแถบสีขาว หนอนตัวเล็กที่ เพิ่งฟักสามารถกระจายไปยังต้นข้างเคียง โดยปลิวไปกับลม หนอนเข้าไปกัดกินอยู่ ในสว่ นยอดของขา้ วโพด ในสภาพที่อากาศร้อนจัด ก่อนเข้าสู่ ฤดูฝน (เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) หรือ ในช่วงท่ีมีอากาศร้อนแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วง สภาพดงั กล่าวหนอนท่ีมีอายปุ ระมาณ 5 วัน มกั จะหลบอาศยั ใตผ้ วิ ดนิ กดั กนิ เนอ้ื เยอื่ เจรญิ ส่วนโคนต้น ทำ�ให้เกิดอาการยอดเหี่ยว ต้นตาย ต้นข้าวโพดที่ยอดตายบางต้น มกั จะมกี ารแตกหนอ่ ขา้ ง ถา้ ดนิ มสี ภาพเปยี ก หรือแฉะ หรือช่วงอากาศเย็นในการผลิต ข้าวโพดฤดูแล้งหลังนา หนอนจะไม่ลงมา ท�ำ ลายใต้ดินบรเิ วณโคนต้น 28 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

การปลูกข้าวโพดในฤดูฝน หากมีการ กระจายของฝนดี ต่อเน่ืองอย่างสมำ่�เสมอ ความรุนแรงในการระบาดของหนอนกระทู้ ข้าวโพดลายจุดจะลดลง ฝนท่ีตกหนักจะชะ กลุ่มไข่หรือหนอนขนาดเล็กที่เพิ่งฟัก หรือ ทำ�ให้หนอนท่ีอยู่ในดินซ่ึงกำ�ลังจะเข้าดักแด้ รวมทั้งดักแด้ท่ีอยู่ในดินมีชีวิตรอดน้อยลง ทำ�ให้สามารถเว้นระยะห่างในการพ่นสาร และลดจำ�นวนครั้งในการพ่นสารลงได้ อยา่ งไรกต็ าม ควรมกี ารตดิ ตามส�ำ รวจแปลง อย่างสม่ำ�เสมอ ช่วงที่ต้องมีการป้องกันกำ�จัดหนอน กระทขู้ า้ วโพดลายจดุ คอื ระยะตงั้ แตข่ า้ วโพด งอกจนถงึ อายุ 30-43 วนั เนอ่ื งจากเปน็ ชว่ งที่ มีการระบาดสูงท่ีสุด และเป็นช่วงที่ข้าวโพด ฟื้นตัวได้ หลังจากช่วงนี้ไปแล้วการระบาด ลดลงตามธรรมชาติ การปอ้ งกนั ก�ำ จดั หนอน กระทขู้ า้ วโพดลายจดุ ควรมกี ารส�ำ รวจแปลง อย่างสม่�ำ เสมอ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 29 ชุด “แมลงศัตรพู ืช”

การปอ้ งกนั กาํ จดั หนอนกระทู้   การใชส้ ารฆา่ แมลง 1. สารสไปนีโทแรม (spinetoram) 12% SC อัตรา 20 มิลลิลิตรตอ่ น�ำ้ 20 ลติ ร 2. สารคลอแรนทรานลิ โิ พรล (chlorantraniliprole) 5.17% SC อตั รา 20 มลิ ลลิ ิตร ต่อนำ้� 20 ลิตร หรือสารฟลูเบนไดอะไมด์ (flubendiamide) 20% WG อัตรา 6 กรัมตอ่ นำ้� 20 ลติ ร 3. สารคลอร์ฟนี าเพอร์ (chlorfenapyr) 10% SC อตั รา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ� 20 ลติ ร 4. สารอินดอกซาคาร์บ (indoxacarb) 15% SC อตั รา 30 มิลลลิ ิตรตอ่ นำ้� 20 ลิตร ท้ังนี้ ให้พ่นสารฆ่าแมลงทุก 7 วัน ติดต่อกัน 2-4 ครั้ง และต้องสลับกลุ่มสาร ทกุ 30 วัน เพอ่ื ลดความตา้ นทานสารปอ้ งกนั ก�ำ จัดศตั รูพืช   การใชช้ วี วธิ ี 1. เช้ือแบคทีเรียบาซิลลัสทูริงจิเอน สายพันธุ์ไอซาไว หรือสายพันธุ์เคอร์สตา อัตรา 80 กรมั /ต่อนํ้ า 20 ลติ ร พ่นทุก 4-7 วนั เมอ่ื พบการระบาด 2. แตนเบยี นไข เช่น แมลงหางหนบี มวนพิฆาต และมวนเพชฌฆาต หมายเหตุ หากพบการทําลายรนุ แรงจนไมส่ ามารถเกบ็ ผลผลติ ได้ ใหไ้ ถทําลายแปลง และไถพรวนเพื่อทําลายดักแดท้ ่อี ยู่ในดิน เพอื่ ไมใ่ ห้ระบาดในปถี ดั ไป ขอขอบคณุ สํานกั วิจัยพฒั นาการอารักขาพืช กรมวชิ าการเกษตร 30 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศตั รูพชื ”

รกั ษาสมดลุ แมลงธรรมชาติ ใชพ้ ฆิ าตแมลงศตั รพู ชื ในปจั จบุ นั การใชส้ ารเคมกี �ำ จดั แมลงศตั รพู ชื เปน็ ทใ่ี นนยิ มกนั อย่างแพร่หลาย ทำ�ให้เกิดสารพิษตกค้าง ซ่ึงเป็นอันตรายต่อ ตัวเกษตรกรผู้ใช้ ผู้บริโภค และตกค้างอยู่ในส่ิงแวดล้อม เช่น ในอากาศ ในดิน ในทุ่งนา และยังเป็นการทำ�ลายระบบนิเวศใน ธรรมชาติใหส้ ญู เสยี ไป ตามหลักการทำ�เกษตรธรรมชาติ จะอาศัยสารสกัดสมุนไพร มาช่วยในการควบคุมแมลงศัตรูพืชเหล่านั้น แต่เนื่องจากแมลง ศัตรูพืชสามารถแพร่พันธ์ุ เพ่ิมปริมาณได้อย่างรวดเร็ว จึงทำ�ให้ บางครง้ั การใชส้ ารสกดั สมนุ ไพรเพยี งอยา่ งเดยี ว กไ็ มส่ ามารถควบคมุ แมลงศัตรพู ืชเหลา่ นัน้ ได้ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 31 ชุด “แมลงศตั รูพชื ”

แต่ทราบไหมว่า โดยธรรมชาติแมลงศัตรูพืชเหล่าน้ันก็ยังมีศัตรูตามธรรมชาติอยู่มากมาย ที่คอยควบคุมประชากรของแมลงให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้ ศัตรูธรรมชาติของแมลง ได้แก่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น สภาพแวดล้อมต่างๆ ท่ีเปลี่ยนแปลงไป และยังมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ที่เป็นศัตรูสำ�คัญของแมลงศัตรูพืช ก็คือแมลงศัตรูธรรมชาติซึ่งมีอยู่หลายชนิด มีทั้งแบบ ที่เข้าทำ�ลาย หรือจับแมลงศัตรูพืชกินเป็นอาหารโดยตรง แมลงกลุ่มนี้เรียกว่า “ตัวหำ้�” ซ่ึงมาจากคำ�ว่า “ห�ำ้ หน่ั ” ให้ตายไปทันที และอีกกลุ่มหน่ึงที่อาศัยดูดกินนำ้�ในไข่ หรือตัวหนอน เรียกวา่ “ตวั เบยี น” ซึง่ มาจากค�ำ ว่า “เบยี ดเบยี น” น่ันเอง ปกติแล้วในธรรมชาติแมลงเหล่านี้ จะมีอยู่จำ�นวนมากพอที่จะควบคุมจำ�นวนประชากร ของแมลงชนดิ หนงึ่ ๆ ให้อย่ใู นสมดลุ แตม่ าถงึ ปจั จุบนั เกษตรกรได้ท�ำ ลายแมลงทเี่ ป็นประโยชน์ ไปเสียมาก ทั้งการฆ่าโดยตรง และที่ไปรบกวนเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ซึ่งกระทบกระเทือน ต่อวงจรชีวิตของมัน จนทำ�ให้แมลงตัวห้ำ�และตัวเบียนน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่เพียงพอจะกำ�จัด แมลงศตั รพู ชื หากเกษตรกรต้องการอนุรักษ์แมลงที่เป็นประโยชน์ไว้ ควรงดใช้สารเคมี หันมาใช้สาร สมุนไพรทดแทนไปสักระยะ ก็จะสามารถอนุรักษ์และเพ่ิมจำ�นวนประชากรของแมลงที่เป็น ประโยชน์ได้ จนเมอื่ เกิดความสมดุลแลว้ จงึ ค่อยๆ ลดการใช้สารสกัดสมุนไพรลง โดยใช้เฉพาะ เท่าท่ีจ�ำ เปน็ เทา่ น้นั เพ่ือเป็นการช่วยอนุรักษ์ 32 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศตั รูพืช”

วธิ อี นรุ กั ษแ์ มลงทเ่ี ปน็ ประโยชน์ 1. หลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษทางการเกษตร เพราะ จะท�ำให้ดนิ เปน็ กรดจัด เปน็ อนั ตรายตอ่ วงจรชวี ิตของแมลง 2. หลีกเล่ียงการใช้ยาฆ่าหญ้า ให้ใช้วิธีการตัด นาบ หรือ คลุมด้วยฟาง ใบไม้ หรือก่งิ ไมแ้ ทน 3. หลีกเลี่ยงการใช้สารก�ำจัดแมลงและสารฆ่าเชื้อรา ควรใช้ สารสกัดสมุนไพรแทน 4. ปลูกพืชหลายๆ ชนิด หลายๆ ระดับ เพ่ือจัดระบบนิเวศใน แปลงหรือสวน เช่น ปล่อยให้วัชพืชข้ึนหลากหลายชนิด ปลกู ไม้ดอกหลายชนิดใหข้ ึน้ ปะปนกัน 5. ห้ามท�ำอันตรายสัตว์กินแมลง เช่น กบ เขียด ก้ิงก่า แย้ คางคก อึ่งอ่าง และนก เป็นต้น 6. หมั่นศึกษาและส�ำรวจแมลงในสวนอย่างสม่�ำเสมอ หาก พบว่าแมลงศัตรูพืชเข้าท�ำลายมากเกินท่ีต้นพืชจะงอก ทดแทนได้ ควรใช้สารสกัดสมุนไพรก�ำจัดแมลงศัตรูพืช ฉีดพ่นอย่างต่อเน่ืองทุกวัน (ประมาณ 1-3 วัน) จนแมลง ลดลงหรือหายไป คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 33 ชุด “แมลงศตั รพู ืช”

“นำ�้ หมกั พรกิ ไทย” ไลแ่ มลงไดท้ งั้ สวน สตู รสมนุ ไพรไลแ่ มลงนน้ั มหี ลากหลายมากแตน่ อ้ ย คนท่ีจะรู้ว่า “พริกไทย” วัตถุดิบทำ�อาหารท่ีมักจะมีติดอยู่ในครัว แทบทกุ บ้านนั้น กส็ ามารถไล่แมลงศตั รูพืชได้เหมอื นกนั โดยสูตรน้ำ�หมักไล่แมลงพริกไทยสูตรน้ี นอกจากจจะไล่แมลง ต่างๆ ได้ดีแล้ว ยังไม่มีสารเคมีท่ีเป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย และสามารถใชไ้ ดผ้ ลกบั พชื ทกุ ชนดิ เนอื่ งจากน�ำ้ หมกั จากพรกิ ไทยนนั้ มีกลิ่นฉุนรุนแรงและประกอบด้วยสารรสเผ็ดและสารท่ีมีกลิ่นฉุน และเผด็ รอ้ น จึงทําให้สามารถมีฤทธิ์ในการขบั ไล่แมลงได้ดที ีเดียว 34 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรพู ชื ”

น�ำ้ หมกั พรกิ ไทย สตู รท่ี 1   วตั ถดุ บิ 1. เมลด็ พรกิ ไทยดาํ หรอื เมลด็ พรกิ ไทยขาว 4 ชอ้ นโตะ๊ 2. น�ำ้ สะอาด 1 ลติ ร   ขน้ั ตอนการทาํ 1. ตําพริกไทยดําและพริกไทยขาวให้ละเอยี ด (การตําจะช่วยให้สารท่ีใหร้ สเผด็ และสารใหก้ ลิน่ ฉุน ในพริกไทยออกมาได้ดีขึน้ ) 2. จากนนั้ นําพริกไทยที่ตําละเอยี ดดแี ล้ว กรอกใสข่ วดท่ีบรรจุน�้ำ สะอาดไว้แลว้ 3. หมักทงิ้ ไว้ 1 คืน สามารถนําไปใช้ไดเ้ ลย คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 35 ชุด “แมลงศัตรพู ชื ”

  วตั ถดุ บิ น�ำ้ หมกั พรกิ ไทย เมลด็ พรกิ ไทยดาํ สตู รท่ี 2 หรอื เมลด็ พรกิ ไทยขาว   ขน้ั ตอนการทาํ 4 ชอ้ นโตะ๊ น�ำ้ สะอาด 1. ตั้งหม้อบนเตา ใส่นำ้� 250 มิลลิลิตร ลงไป 500 มลิ ลลิ ติ ร จากน้นั นําพรกิ ไทยทีต่ ําละเอยี ดดแี ล้วใสต่ ามลงไป น�ำ้ ยาลา้ งจาน 2. ต้มน้ำ�ให้เดือดพล่านจนได้กลิ่นพริกไทยที่ 1 ชอ้ นชา ฉุนมากลอยออกมา แล้วน้ำ�กลายเป็นสีน้ำ�ตาลเข้ม ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ (วธิ กี ารตม้ ใหเ้ ดอื ดนจ้ี ะชว่ ยสกดั น�้ำ มนั หอม มะนาว 1 ผล ระเหยจากพริกไทยออกมาได้มากที่สุด โดยท่ีไม่ต้อง หมักท้ิงไว้) 36 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศัตรพู ืช”

3. เม่ือนำ้�เย็นดีแล้วให้กรองเศษพริกไทยออก แลว้ กรอกใสข่ วดพรอ้ มเติมนำ�้ ตามไปอกี 250 มิลลิลิตร (น้ำ�ต้มพริกไทยมีปริมาณเท่าไหร่ ให้ใส่นำ้�สะอาด ตามลงไปเท่านัน้ ในอตั ราสว่ น น�ำ้ พริกไทย 1 สว่ น ตอ่ น้ำ�สะอาด 1 สว่ น) 4. จากน้ันนํานำ้�ยาล้างจานและน้ำ�มะนาวใส่ ตามลงไป เขยา่ ใหส้ ว่ นผสมเขา้ กัน 5. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว สามารถนําไปใช้ ได้เลย น้ำ�พริกไทยสูตรนี้ไม่ต้องหมักท้ิงไว้ เพราะลัด ขั้นตอนโดยการนําไปตม้ แลว้   วธิ กี ารใช้ สตู รที่ 1 และสูตรท่ี 2 มวี ิธกี ารใช้เหมือนกนั คือ ไมต่ อ้ ง ผสมน้ำ�ใดๆ ทั้งส้ิน สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลย โดยสามารถฉีดพ่นในบริเวณที่มีเพล้ีย หรือมด แมลงต่างๆ มากวนต้นพืช เช่น ในบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้ง บรเิ วณยอด หรอื บรเิ วณรากพืช ขอขอบคณุ ยทู ปู ชาแนล Playground KIDS channel คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 37 ชุด “แมลงศตั รพู ชื ”

แมลงรา้ ย ศตั รทู �ำลายขา้ ว แมลงศัตรูข้าวไร่มีหลายชนิด นอกจากจะเป็น แมลงศตั รขู า้ วชนดิ ทร่ี ะบาดทำ�ลายในนาขา้ วท่วั ไป ซ่ึงมีปริมาณน้อย และจัดว่าไม่ค่อยมีความสำ�คัญในการเพาะปลูกข้าวไร่แล้ว ยังมี ชนิดที่สำ�คัญและระบาดทำ�ความเสียหายอยู่เสมอ โดยเฉพาะ ในการเพาะปลูกข้าวไร่ในภาคเหนือ ได้แก่ มดง่าม ปลวก แมลงวัน เจาะยอด ด้วงหมัดดำ� ด้วงแทะใบ แมลงคอ่ มทอง แมลงนูน ดว้ งดีด เพล้ยี อ่อน หนอนใย ต๊กั แตน เพล้ยี แปง้ 38 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรพู ืช”

มดงา่ ม  เป็นแมลงศัตรูพืชที่ทำ�ให้เกิดปัญหาในระยะ หยอดเมล็ด เมื่อเกษตรกรหว่านโรยหรือหยอด เมล็ดพันธ์ุข้าวไร่ลงไปในดิน มดง่ามซ่ึงอาศัยอยู่ใน รังในดิน จะขนเมล็ดข้าวนำ�ไปเป็นอาหารหรือเก็บ สะสมเป็นอาหารในรัง ทำ�ให้สูญเสียเมล็ดพันธ์ุที่ใช้ เพาะปลูก ก่อปัญหาในด้านจำ�นวนกอต่อพื้นที่และ การซอ่ มเมลด็ ท�ำ ใหผ้ ลผลิตลดลง   การปอ้ งกันกำ�จัด 1. ถ้าพบรังหรือทางเดินของมดง่าม ใช้สารฆ่า แมลงคาร์บาริล (เซฟวิน 85%) หรือเฮปตะคลอร์ (อาลามอน 40%) ชนิดผงโรยท่ีรังหรือทางเดินของ มดง่าม 2. ถ้าพบรังมดง่ามอยู่กระจัดกระจายทั่วแปลง เพาะปลูกหรือบริเวณใกล้เคียง ใช้วิธีคลุกเมล็ดพันธุ์ ขา้ วไรด่ ว้ ยสารฆา่ แมลงชนดิ ผง เชน่ คารบ์ ารลิ (เซฟวนิ 85%) เมทิโอคาร์บ (เมซูโรล 50%) เฟนวาลีเรต (ซูมิ ไซดิน 20%) เตตระคลอร์วินฟอส (การ์โดนา 50%) ในอตั รา 1% ต่อน้�ำ หนกั เมล็ด (สารฆา่ แมลง 85% ใช้ อตั รา 12 กรมั ตอ่ เมล็ดขา้ ว 1 กโิ ลกรัม สารฆา่ แมลง 50% ใช้อัตรา 20 กรัมต่อเมล็ดข้าว 1 กิโลกรัม) ควรคลุกให้สารฆ่าแมลงติดเมล็ดสมำ่�เสมอที่สุดแล้ว น�ำ ไปปลกู ทนั ที คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 39 ชดุ “แมลงศัตรพู ืช”

ปลวก  ตก๊ั แตน กัดกินทำ�ลายส่วนรากของข้าวไร่ ท่ีพบเป็นประจำ�ในแปลงเพาะปลูก ทุกระยะ และยงั กดั กนิ ท�ำ ลายโดยเรมิ่ จาก ข้าวไร่เป็นต๊ักแตนขนาดเล็กซ่ึงมีปริมาณ ส่วนใต้ดนิ ขน้ึ ไปตามภายในล�ำ ต้น ตน้ ขา้ ว ไม่มากนัก ทั้งตัวแก่และตัวอ่อนกัดกิน ท่ีถูกทำ�ลายในระยะแรกจะมีลำ�ต้นเหลือง ใบขา้ วท�ำ ใหใ้ บขาดแหวง่ ถา้ มกี ารท�ำ ลาย หรือเหลืองซีดท้ังกอและแห้งตายในเวลา มากจะกัดกินจนกระท่ังเหลือแต่เส้น ตอ่ มา การป้องกันก�ำ จดั กลางใบ ทำ�ให้ต้นข้าวเจริญเติบโตไม่ เต็มที่ ผลผลิตต่ำ�ลง แต่ตั๊กแตนชนิดท่ี 1. ขณะทำ�การเตรียมดิน ถ้าพบรัง สำ�คัญ ซึ่งควรระวังการระบาดทำ�ลาย ปลวกใต้ดินให้ขุดทำ�ลายรังหรือไถพรวน ได้แก่ต๊ักแตนปาทังกา ต๊ักแตนโลคัสตา ดินหลายๆ คร้ัง เพื่อเป็นการทำ�ลายรัง ตั๊กแตนไซทาแคนทาคริส และต๊ักแตน และเปิดโอกาสให้มดและนกชนิดต่างๆ คอนดราคริส ซึ่งจัดว่าเป็นแมลงศัตรูท่ี เข้าชว่ ยกินปลวก ส�ำ คัญ 2. ถา้ พบรงั ปลวกมากและอยกู่ ระจาย   การป้องกันกำ�จัด ในแปลงเพาะปลูก ควรพ่นด้วยสารฆ่า แมลงชนิดผงละลายนำ�้ เชน่ เฮปตะคลอร์ วธิ กี ารปอ้ งกนั ก�ำ จดั ตก๊ั แตนใหไ้ ดผ้ ล (อาลามอน 40%) อัตรา 2 กิโลกรัมต่อไร่ ควรใช้วิธีการทุกอย่างท่ีสามารถลด พ่นให้ท่ัวแปลงแล้วพรวนให้เข้ากับดิน ประชากรของต๊ักแตนให้น้อยลง ท้ังน้ี หรอื อาจใชว้ ธิ ีพ่นหรอื โรยตามแถวปลูก ควรจะทราบชนดิ อปุ นสิ ยั นเิ วศวทิ ยา ฯลฯ ของตั๊กแตนท่ีจะป้องกันกำ�จัดเสียก่อน จงึ จะสามารถวางมาตรการในการปอ้ งกนั กำ�จัดได้ โดยทัว่ ไปควรทำ�ดงั นี้ 40 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศัตรูพชื ”

1. เกษตรกรควรร่วมกันดำ�เนินการจับต๊ักแตนในฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ)์ ถา้ อุณหภมู ิต�ำ่ กว่า 13 ํC ลงไป ตก๊ั แตน จะเคลื่อนไหวช้าหรือแข็งตัวบินไม่ได้ ซึ่งสามารถจับได้ง่ายด้วย มอื เปลา่ และยงั น�ำ ตกั๊ แตนทจี่ บั ไดไ้ ปแปรรปู เปน็ อาหารไดอ้ กี ดว้ ย 2. กำ�จัดวัชพืชที่เป็นอาหารหรือเป็นที่อาศัยของตั๊กแตน ทง้ั ในไร่และในบรเิ วณใกลเ้ คยี ง 3. ไถและพรวนดินในบริเวณท่ีมีต๊ักแตนอาศัยเพื่อตากดิน และช่วยทำ�ลายไข่ของตั๊กแตนท่ีอยู่ในดิน ซ่ึงควรเริ่มดำ�เนินการ ระหว่างเดอื นพฤษภาคม-มถิ นุ ายน 4. ภายหลังการเก็บเกี่ยวควรเก็บตอซังและซากพืชให้หมด เพือ่ มิให้เป็นทอี่ ยู่อาศยั ของตัก๊ แตน 5. ปลกู พชื ตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลสิ ง สลบั กับแปลงเพาะปลกู ข้าวไร่ เพ่ือดึงดูดตั๊กแตนให้มาอาศัยร่มเงาหลบแสงแดดใน ถั่วลิสง และกำ�จัดโดยวิธีปล่อยลูกเป็ดเข้าไปกินหรือเกษตรกร จับมาใช้ประโยชน์หรือพ่นสารฆ่าแมลงคาร์บาริลผสมน้ำ�และ กากนำ�้ ตาลหรอื นำ�้ อ้อยแดง 6. หม่ันตรวจแปลงเพาะปลกู อยเู่ สมอ 7. การใช้สารฆา่ แมลงพน่ ก�ำ จดั ควรใชใ้ ห้ถูกตอ้ งตามชนิด และวัยของตัก๊ แตน เชน่ คาร์บารลิ (เซฟวนิ เซฟ 85 ดี เอส 85) 85% ชนดิ ผงละลายน�ำ้ ซงึ่ เปน็ สารฆา่ แมลงชนดิ กนิ ตาย พน่ คลมุ พ้ืนท่ีที่มีต๊ักแตนซึ่งเป็นระยะตัวอ่อนอยู่หนาแน่นในฤดูการ เพาะปลูก ในอัตรา 70-80 กรัมต่อน้ำ� 20 ลิตร และผสมด้วย กากน้ำ�ตาลหรือน้ำ�อ้อยแดง 2-3 ช้อนแกง โดยพ่นบนใบข้าว หรอื ถ่วั ลิสงที่ปลกู เปน็ พชื สลับ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 41 ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

เพล้ยี ออ่ น เป็นแมลงขนาดเล็ก เคล่ือนไหวช้า มีขนาด 1-2 มม. สีน้ำ�ตาลหรือน้ำ�ตาลแดง รปู รา่ งคลา้ ยผลฝรง่ั ผา่ ครงึ่ และเปน็ เพลยี้ ออ่ น ชนิดไม่มีปีก การทำ�ลายพบอาศัยเกาะดูด กินนำ้�เล้ียงอยู่ที่ส่วนรากในดินของต้นข้าว ในระยะเร่ิมแตกกอและเกาะเป็นกลุ่มๆ บางคร้ังพบเกาะดูดกินส่วนรากของต้นข้าว ท่ีอยู่โคนต้นใกล้ระดับดิน ต้นข้าวมีอาการ เหลืองซีดและเต้ียแคระแกร็นผิดปกติ ถ้ามี การระบาดรุนแรง ต้นข้าวจะแสดงอาการ เหีย่ วเฉาและตายในเวลาต่อมา   การปอ้ งกันก�ำ จัด เพลี้ยอ่อนท่ีอาศัยดูดกินนำ้�เล้ียงบริเวณ ราก การระบาดทำ�ลายจะเป็นหย่อมๆ ควร ใช้สารฆ่าแมลงพวกคาร์บาริล (เซฟวิน) ชนิดผงละลายน้ำ�หรือชนิดนำ้� ซ่ึงชนิดหลัง มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำ�จัดได้นาน กว่าพ่นบริเวณโคนต้นข้าว และไม่ควรพ่น สารฆ่าแมลงคลมุ ไปทัง้ แปลง ควรพ่นเฉพาะ บรเิ วณท่มี เี พล้ยี ออ่ นระบาดเทา่ นั้น 42 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รูพืช”

  เพลีย้ กระโดดหลังขาว เพล้ียกระโดดหลังขาว สามารถแยกชนิดออกจาก เพล้ียกระโดดชนิดอ่ืนในระยะตัวเต็มวัยได้โดยมีแถบ สีขาวตามยาวของด้านหลังส่วนอกอยู่ระหว่างฐานปีก ทั้งสอง แมลงในสกุลน้ีมีหลายชนิดท่ีพบในนาข้าว แต่ข้าวไม่ใช่พืชอาหารหลัก และสามารถจำ�แนกแมลง แต่ละชนิดออกจากกันโดยดูท่ีปีก ส่วนหัว และลักษณะ อวัยวะเพศผู้ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นแมลงพาหะนำ�โรคไวรัส แต่ก็พบเพล้ียกระโดดหลังขาวได้ทั่วไป และอาจดูดกิน น้ำ�เล้ียงต้นข้าวทำ�ให้แห้งตายได้ แต่สามารถป้องกัน กำ�จัดได้โดยใช้สารฆ่าแมลง เพล้ียกระโดดหลังขาว ระบาดได้ทกุ สภาพแวดลอ้ ม   การปอ้ งกันก�ำ จดั โดยชวี วิธี เพลี้ยกระโดดหลังขาวมีศัตรูธรรมชาติทำ�ลายทุกระยะการเจริญเติบโต ไข่ของ เพล้ียกระโดดหลังขาวถูกเบียนโดยแตนเบียนตัวเล็กๆ หรือถูกมวนเขียวดูดไข่ หรือไร ตัวหำ้�กิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยถูกเบียนโดยแตนเบียน dryinid หรือถูกเช้ือราทำ�ลาย ตัวห้ำ�ของตัวอ่อนและตัวเต็มวัย รวมทั้งตัวห้ำ�ท่ีอยู่ใต้ผิวนำ้� ได้แก่ แมลงเหนี่ยง ด้วงด่ิง ตวั ออ่ นแมลงปอบา้ น แมลงปอเขม็ พวกทอี่ ยบู่ นผวิ น�ำ้ ไดแ้ ก่ จงิ โจน้ �้ำ กเ็ ปน็ ตวั ห�้ำ ทส่ี �ำ คญั ด้วยเช่นกัน ตัวหำ้�ที่อยู่ในนำ้�เหล่าน้ีจะคอยจับกินเพล้ียกระโดดท่ีหล่นลงบนผิวนำ้� และยังสามารถจับเพลี้ยกระโดดบนใบขา้ วทอี่ ยใู่ กล้ๆ ระดับน�ำ้ ได้อีกด้วย ดว้ งก้นกระดก ด้วงดิน และมวนดอกรัก รวมทั้งแมงมุมต่างๆ จับตัวอ่อนและตัวเต็มวัยเพล้ียกระโดด หลังขาวที่อยู่ตามใบข้าวกินเป็นอาหาร แมลงปอเข็มตัวเต็มวัยจับกินเพลี้ยกระโดดที่ เกาะตามใบข้าว ส่วนแมลงปอบ้านตวั เต็มวยั จับกินเพล้ยี กระโดดทบ่ี ินในนาขา้ ว คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 43 ชดุ “แมลงศัตรูพืช”

แมลงสิง  มวนในสกุล Leptocorisa เรียกว่า แมลงสิง มวน เหล่าน้ีมีลักษณะการระบาด ชีววิทยา และการทำ�ลายข้าว คล้ายคลึงกันการเป็นศัตรูพืช ปกติการสูญเสียผลผลิต เนื่องจากแมลงสิงมีน้อย เพราะประชากรแมลงสิงมีมาก เป็นบางช่วง และทำ�ลายข้าวเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของการ เจริญเติบโตของข้าว แมลงสิงพบได้ในทุกสภาพแวดล้อม แตจ่ ะพบมากในนาน้ำ�ฝนและขา้ วไร่ ปจั จัยท่ที ำ�ใหแ้ มลงสิง มีปริมาณมาก คือ อยู่ใกล้ชายป่า มีวัชพืชข้ึนอยู่มากมาย ใกลน้ าขา้ ว และมกี ารปลูกข้าวเหล่ือมเวลากัน ความเสียหายจากการทำ�ลายของแมลงสิงทำ�ให้ เมล็ดข้าวเส่ือมเสียคุณภาพมากกว่าทำ�ให้น้ำ�หนักเมล็ดข้าว ลดลง เมลด็ ข้าวที่ถกู แมลงสงิ ท�ำ ลาย เมอื่ น�ำ ไปสีจะแตกหัก ได้ง่าย เกษตรกรโดยท่ัวไปมักไม่ได้สูญเสียรายได้จาก คุณภาพเมล็ดท่ีเสียหายดังกล่าว เนื่องจากโดยทั่วไปไม่มี การตรวจสอบคณุ ภาพเมลด็ ทมี่ กี ารซือ้ ขายกัน     การปอ้ งกนั ก�ำ จดั โดยชีววิธี ไข่แมลงสิงถูกเบียนโดยแตนเบียน โดยจะเห็นเป็นรู ทางออกของแตนเบียนได้ชัดเจน ตั๊กแตนหนวดยาวเป็น ตัวห้ำ�กินไข่ของแมลงสิง แมงมุมในนาข้าวกินตัวอ่อนและ ตัวเต็มวัยของแมลงสิง นอกจากนี้ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ของแมลงสิงยังถูกเชอื้ ราท�ำ ลายดว้ ยเช่นกัน 44 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชุด “แมลงศตั รูพชื ”

“ภาษาของใบไม”้ รไู้ วป้ ราบแมลง ใบหงิกงอ เหลืองรว่ ง : เพลย้ี ออ่ น เพลี้ยอ่อนเป็นแมลงที่มีขนาดเล็กเท่าหัวเข็ม ดูดกินนำ้�เล้ียง ตามใบ ยอด หรือดอก ทําให้มีอาการใบหงิกงอ ใบเหลืองร่วง ต้น ไมแ่ ตกยอดอ่อน ไมอ่ อกดอก ดอกเห่ยี วและออ่ นแอ กำ�จัดด้วยชีววิธี : ใช้แมลงหำ้�อย่างด้วงเต่าลาย แมลงปอ กนิ ตัวเพล้ียออ่ น สูตรสมุนไพร : บดพริกสด พริกไทยสด และดีปลีสด อย่างละ 1 กิโลกรัม ให้ละเอียด นำ�ส่วนผสมท้ังหมดไปผสมกับนำ้� 20 ลิตร หมักนาน 3-5 วัน กรองเอาแต่นำ้�หัวเช้ือ โดยอัตราส่วนการใช้ให้ ผสมน้ำ�หัวเช้ือปริมาณ 200-500 ซีซี.ต่อนำ้� 20 ลิตร นำ�ไปฉีดพ่น ใหท้ วั่ ทรงพมุ่ ต้น ทกุ 3-5 วัน  คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 45 ชดุ “แมลงศัตรูพืช”

ใบพชื มจี ดุ ด่างขาว  : ไรแดง ใบพืชมีจุดด่างบางๆ สีใบจางลง และขอบใบม้วนงอ จากน้ัน ใบจะร่วง และต้นพืชอาจตายได้ ไรแดงมีช่ือเรียกอีกชื่อวา่ ไรแมงมุม เพราะสามารถสร้างใยได้เหมือนแมงมุม ทำ�ลายใบเป็นจุดด่างขาว ตามเส้นใบ แพร่ขยายในวงกว้าง ทำ�ให้ใบขาวซีด กระด้างกรอบ แล้วค่อยๆ แห้งและรว่ งจากต้น กำ�จดั ด้วยชีววิธี :  ใช้แมลงห้ำ� เช่น ไรตวั ห้�ำ กนิ ตวั ไรแดง สูตรสมุนไพร : สับใบสะเดา ข่า และตะไคร้หอม อย่างละ 1 กิโลกรมั ใหล้ ะเอยี ด  นำ�ส่วนผสมทงั้ สามอย่างมาตำ�รวมกัน ผสมกบั นำ้� 20 ลิตร หมักไว้ 1 คืน กรองเอานำ้�หัวเช้ือที่ได้นำ�ไปผสมนำ้� ในสดั สว่ น 1 : 1 ฉีดพน่ ทุก 7 วัน ในตอนเย็น  46 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรูพชื ”

มีจุดสเี หลอื ง หงิกงอ  : แ  มลงหว่ีขาว แมลงหวี่ขาวและตัวอ่อนจะรวมกลุ่มอยู่ใต้ใบของพืช แมลงหวี่ ขาวจะดดู กินนำ้�เลี้ยงจากใบและยอดของตน้ ไม้ ทำ�ใหเ้ กดิ จุดสเี หลือง บนใบพืช ใบหงกิ งอ ขอบใบมว้ นลงด้านลา่ ง ตน้ แคระแกร็น และเป็น พาหะน�ำ เชื้อไวรสั สาเหตขุ องโรคใบดา่ ง กำ�จัดด้วยชีววิธี :  ใช้แมลงเบียน เช่น แตนเบียน วางไข่ใน ตัวแมลงหวข่ี าว สูตรสมุนไพร :  เลือกพืชที่มีกลิ่นแรง เช่น ใช้ยาสูบแช่นำ้� คั้นนำ�้ บอระเพ็ด คน้ั นำ�้ ดอกดาวเรอื ง ผสมน้�ำ สะอาดแล้วนำ�ไปฉดี รด ต้นไม้ กล่ินฉุนๆ จะไล่แมลงหวไี่ ม่ใหเ้ ขา้ มาใกล้ต้นไม้ คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” 47 ชุด “แมลงศตั รพู ืช”

ใบแหว่ง มีรอยกดั :  หอยทาก อีกหน่งึ ศตั รูตวั รา้ ยในสวนคือหอยทาก จะเติบโตและขยายพันธุ์ จำ�นวนมากในช่วงฤดูฝน วางไข่ในพ้ืนที่อับชื้นอย่างซากกองใบไม้ ซากไม้ผุ เม่ือแพร่ขยายเติบโตข้ึนออกหากินในช่วงเวลากลางคืน ทม่ี อี ากาศเยน็ ลง และกดั กนิ ใบไมเ้ กอื บทกุ ชนดิ เปน็ อาหาร การปอ้ งกนั หอยทากในเบื้องต้นคือต้องรู้จักสร้างนิเวศในสวนไม่ให้เป็นแหล่ง เพาะพันธ์ุ หรือหากพบว่าหอยทากบุกแล้วให้เก็บไปท้ิงให้ไกล จากพนื้ ท่สี วนของเรา วิธีป้องกัน :  ใช้ปูนขาว กากกาแฟ กระเทียมสับ โรยรอบๆ โคนต้นไม้ แปลงปลูก ฤทธ์ิกรด ด่างจะทำ�ให้ตัวหอยทากรู้สึก ระคายเคอื งและไม่เข้ามาใกล้บริเวณนนั้ อกี ขอขอบคณุ www.baanlaesuan.com 48 คมู่ อื เกษตรกร “รไู้ วใ้ ชจ้ รงิ ” ชดุ “แมลงศัตรพู ืช”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook