Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Moral and ethic Book 2016

Moral and ethic Book 2016

Published by chaiyaraks, 2020-04-08 23:54:25

Description: Moral and ethic Book 2016

Search

Read the Text Version

44 : วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ครูคือผู้ให้ ท่ีให้ท้ังความรัก ความอบอุ่น ให้ท้ังความรู้ ให้ท้ังการเป็นแบบอย่าง ให้คาแนะนาพร่าสอน ด้วยความเมตตาและห่วงใย ดังนั้น ครูจึงพึงสารวมระมัดระวังในการดาเนินชีวิต ควรมีสติ ระลึกอยู่เสมอว่า เราเป็นใคร กาลังทาอะไร ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ควรมีศีล มีความเพียรพยายามทาหน้าที่ของตนเอง ให้สมบรู ณ์ แสดงบทบาทให้สมกับท่ีคนอ่ืนยกย่องว่าเป็นครู ส่งิ ท่สี าคัญในการวางตัวของครูคือความเท่ียงธรรม ไมม่ อี คตใิ นการทางาน ในการจัดการเรียนการสอน คือครูต้องวางตัวเปน็ กลาง นอกจากนี้แล้ว ครตู อ้ งพยายาม ศึกษาค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ ไม่หยุดอยู่เฉพาะในตาราเท่านั้น แต่จะต้องพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับท่ีว่า ครูคือผู้รอบรู้ และดังพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เก่ียวกับครู ทีท่ รงพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ความตอนหนง่ึ ว่า “...คาว่าครูนั้นเป็นคาท่ีสูงยิ่ง เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับการเคารพบูชาได้ ฉะน้ันได้ชื่อหรือเรียกตัวว่า เป็นครูก็จะต้องบาเพ็ญตนให้ดี บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ บาเพ็ญตนให้เป็นท่ีนับถือได้ เพราะว่าผู้ใดเป็นครู แลว้ ไมบ่ าเพญ็ ตนให้เป็นทน่ี บั ถอื ได้ ก็เท่ากบั บกพร่อง...” “...ครู จะต้องตั้งมั่นอยู่ในหลักศีลธรรม และพยายามถ่ายทอดวิชาความรู้แก่เด็กให้ดีที่สุดที่จะทาได้ นอกจากนี้ จงวางตนให้สมกับท่ีเป็นครูให้นักเรียนมีความเคารพนับถือ และเป็นที่เลื่อมใสไว้วางใจของ ผูป้ กครองนกั เรียนดว้ ย...” “...ถ้าครูไม่หว่ งประโยชนท์ ่ีควรจะหว่ งหันไปห่วงอานาจ ห่วงตาแหนง่ หว่ งสทิ ธิ และห่วงรายไดก้ ันมาก เข้า ๆ แล้ว จะเอาจิตเอาใจที่ไหนมาห่วงความรู้ ความดี ความเจริญของเด็ก ความห่วงในส่ิงเหล่านั้นก็จะ ค่อย ๆ บั่นทอนทาลายความเป็นครูไปจนหมดส้ิน จะไม่มีอะไรดีเหลือไว้พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจหรือผูกใจ ใครไว้ได้ ความเปน็ ครูก็จะไม่มคี ่าเหลอื อยู่ใหเ้ ป็นทเ่ี คารพบชู าอีกตอ่ ไป...” “...คนเราจะแสวงหาแต่วิชาการฝ่ายเดียวไม่ได้ ผู้มีวิชาการจาเป็นจะต้องมีคุณสมบัติในตัวเอง นอกจากวิชาความรู้ด้วย จึงจะนาตนนาชาติให้รอดและเจริญได้ คุณสมบัติพ้ืนฐานที่จาเป็นสาหรับทุกคนน้ัน ทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ ความรู้จักผดิ ชอบชั่วดี ความละอายชวั่ กลวั บาป ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ท้ังในความคดิ และการกระทา ความไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อ่ืน ความไม่มักง่าย หยาบคาย กับอีกอย่างหนึ่งท่ีสาคัญเป็นพิเศษ คือ ความขยันหมั่นเพียร พยายามฝกึ หดั ประกอบการงานทุกอย่างดว้ ยตนเอง ดว้ ยความตง้ั ใจ ไมล่ ะเลย ไม่ทอดทิ้ง คณุ สมบตั ิเหล่าน้เี ปน็ องค์ประกอบทส่ี าคญั ท่ีจะทาใหก้ ารศึกษาสมบูรณเ์ ปน็ ประโยชนจ์ รงิ ...”

วชิ าคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 45 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เอกสำรอำ้ งองิ กรมวชิ าการ. (2540). ประทีปแห่งกำรศกึ ษำ: พระบรมรำโชวำทและพระรำชดำรัสเก่ียวกบั กำรศึกษำ. กรุงเทพฯ : ครุ ุสภาลาดพร้าว. กรมศาสนา. (2554). ควำมรู้ศำสนำเบอ้ื งต้น. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. คณาจารย์ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . (2555). ศำสนำทั่วไป (Religions). กรุงเทพฯ: มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณ.ี (2546). กำรพฒั นำคณุ ธรรมจริธรรม และค่ำนยิ ม: จำกทฤษฎสี ่กู ำรปฏบิ ัติ. กรุงเทพฯ: เมธีทิปส์. ธานินทร์ กรยั วเิ ชยี ร. (2548). คุณธรรมและจริธรรมของผู้บริหำร. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ปราชญา กล้าผจญภัย. (2549). คณุ ธรรม จรยิ ธรรมผ้นู ำรฐั . กรงุ เทพฯ: ขา้ วฟ่าง. ประภาศรี ศรหี อาไพ. (2550). พ้นื ฐำนกำรศกึ ษำทำงศำสนำและจรยิ ธรรม (พิมพ์ครั้งท่ี 4). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . พณดิ า กันทะเขียว. (online). หลกั คำสอนของศำสนำสำคญั ในประเทศไทย. สืบค้นจาก https://goo.gl/1R27VA เมื่อวนั ท่ี 28 มกราคม 2558 พระราชวรมนุ ี (ประยทุ ธ์ ปยุตฺโต). (2527). พจนำนุกรมพุทธศำสตร์ ฉบับประมวลศัพท์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์. พระศักดิด์ า ฉนฺทโก (สวุ รรณทา). (2557). ควำมเปน็ ครูตำมวถิ ีพทุ ธในสังคมไทย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร. พุทธทาสภิกข.ุ (2529). ธรรมสำหรับครู (พิมพ์คร้งั ท่ี 2). กรุงเทพฯ: นิพพาน. ไพรชั มณีโชติ. (2554). วำรสำรวิชำกำร พระผ้ทู รงเป็นครแู หง่ แผ่นดนิ : พระผู้ทรงเป็นตน้ แบบแหง่ ครู ทั้งแผน่ ดิน. กรงุ เทพฯ: สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน. ฟื้น ดอกบัว. (2555). ศำสนำเปรียบเทยี บ (พิมพค์ ร้ังท่ี 4). กรงุ เทพฯ: โสภณการพิมพ์. เยาวลักษณ์ แสนดวงดี. (online). หลักกำรศำสนำพรำหมณ์-ฮนิ ดู พทุ ธ คริสต์ อิสลำม ซกิ ข.์ สืบคน้ จาก http://www.aecnews.co.th/buddhism/read/51 เมื่อวนั ท่ี 28 มกราคม 2558 ราชบัณฑติ ยสถาน. (2525). พจนำนกุ รมฉบับรำชบัณฑติ ยสถำน. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์. รัตนวดี โชติกพนชิ . (online). จรยิ ธรรมและจรรยำบรรณในวชิ ำชีพครู. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง. สบื คน้ จาก http://goo.gl/IYT7zZ เมอื่ วันที่ 5 มกราคม 2558 ว.วรรณพงษ.์ (2557). ธรรมะท่พี อ่ ทำ ธรรมดที ีพ่ ่อสอน. กรงุ เทพฯ: พีอาร์. วชิ ดุ า กิจธรธรรม และคณะ. (2556). แนวปฏิบตั ิท่ดี ใี นกำรถ่ำยทอดคุณธรรมของครไู ทย. กรุงเทพฯ: วารสารวชิ าการคุณธรรมความดี ปีที่ 2 ฉบบั ท่ี 1 ศนู ย์คณุ ธรรม (องคก์ ารมหาชน).

46 : วชิ าคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ศูนยค์ ณุ ธรรม (องค์การมหาชน). (2556). วำรสำรวชิ ำกำรคุณธรรมควำมดี ปที ่ี 2 ฉบับท่ี 1. กรุงเทพฯ: ไทยสมั พนั ธ์. สานักงานกิจการยตุ ิธรรม. (online). ทศพิธรำชธรรม สืบค้นจาก http://www.dgr.go.th/transparent/pdf/oja.pdf เมื่อวันท่ี 8 เมษายน 2558 สุทธพิ ร บญุ สง่ . (2550). คุณธรรมจริยธรรมกับกำรพัฒนำคุณภำพชวี ิต (พิมพค์ รง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ: ทริปเพ้ลิ กร๊ปุ . อศั นี อาษาสิงห์. (online). คุณธรรมสำหรับครู. สืบคน้ จาก http://www.kroobannok.com/blog/21656 เม่อื วันท่ี 8 เมษายน 2558 อไุ รวรรณ ธนสถิตย์. (2555). คณุ ธรรมของควำมเปน็ คร.ู กรงุ เทพฯ: วารสารวิชาการคณุ ธรรมความดี ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน).

บทที่ 3 หลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance) อาจารย์สมยศ เผือดจนั ทกึ ธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นปฐมบทของการบริหารจัดการองค์การตามพันธกิจ ใหป้ ระสบความสาเร็จตามจดุ มุ่งหมายอยา่ งมีประสิทธภิ าพ และคมุ้ คา่ กบั ทรพั ยากรท่ีมีอยู่อยา่ งบริสุทธย์ิ ตุ ิธรรม ตามหลักกฎหมาย ซ่ึงองค์การต่าง ๆ มีระเบียบ ข้อบังคับและแนวปฏิบัติท่ีนาไปสู่เป้าหมายตามแผนกลยุทธ หรือยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกนั ท้ังภาครัฐและภาคเอกชน เช่น แพทยสภา สภาการพยาบาล และองคก์ ารโทรศัพท์ เป็นต้น ต่างก็นาหลักธรรมาภิบาลมาใช้จนประสบผลสาเร็จในการบริหารจัดการองค์การ ในทานองเดียวกัน การนาหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในองค์กรวิชาชีพครู เพื่อการเตรียมครูและพัฒนาวิชาชีพครูให้มีคุณภาพและ ได้มาตรฐาน ถือเปน็ ก้าวแรกของการพฒั นาบุคลากรในสาขาวิชาชีพครูให้มีความซ่ือสัตย์ ยตุ ิธรรม และโปร่งใส รวมท้ังพร้อมก้าวสู่ครูมืออาชีพและเป็นสากล ซึ่งในการเตรียมความพร้อมของการเป็นครูและพัฒนาครู ต้องกระทาอย่างต่อเนื่องนนั้ มีหน่วยงานหรอื สถาบันท่ีทาหน้าทใ่ี นการผลิตและพัฒนาครูมีอยู่ 2 หน่วยงาน คือ สภาครู หรือ คุรุสภา และสถาบันอุดมศึกษา หรือ มหาวิทยาลัย นอกจากน้ี สถาบันและหน่วยงานท่ีทาหน้าท่ี ในการถ่ายทอดหลักธรรมาภบิ าลให้กับบุคลากรต่าง ๆ ในประเทศไทยทั้งเชิงวิชาการและการปฏิบตั ิ (In service training) มอี ยู่ 2 หน่วยงาน คือ สถาบันพระปกเกล้า และสานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร.) (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2552 และ สถาบันพระปกเกล้า, 2558) สาหรับหน่วยงาน ในต่างประเทศที่ทาหน้าที่ในการริเร่ิมการใช้หลักธรรมาภิบาลหรือ Good governance หรือ Cooperate governance คือ ธนาคารโลก (World Bank) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา ( Organization for Economic Cooperation and Development: OECD) แ ล ะ อ ง ค์ ก า ร พั ฒ น า แ ห่ ง สหประชาชาติ (United Nations Development Program: UNDP) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ ติดตาม ตรวจสอบการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแก่หน่วยงานต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายที่กาหนด (Graham, Amos & Plumptre, 2003, pp. 1-2) ซึ่งเมื่อทาการสังเคราะห์องค์ความรู้ท่ีได้จากการศึกษา บทความและเอกสารงานวิจัยต่าง ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งแล้วพบว่ามีเน้ือหาที่สาคัญ ๆ และเกีย่ วขอ้ งกบั ธรรมาภิบาลซ่ึง นักศึกษากลุ่มวิชาชีพครูควรจะมีความรู้ ความเข้าใจและอาจจะนาไปใช้ประโยชน์ได้ คือ ความหมายของ ธรรมาภบิ าล จดุ มุง่ หมายและความสาคญั ของธรรมาภบิ าล องคป์ ระกอบของธรรมาภิบาล และแนวปฏบิ ตั ิตาม หลักธรรมาภิบาลที่นาไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน สถาบันและองค์การหรือชุมชนต่าง ๆ (The good governance may be usefully applied in the different context-global, international, institutional and communities) (Graham, Amos & Plumptre, 2003, pp. 1-2) ดังน้ัน บทน้ีเขียนข้ึนเพ่ือใชเ้ ปน็ สว่ นหนึ่ง ในการจัดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี ในรายวิชาคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพครู 3(3-0-6) รหัสวิชา 1012204 หมวดวิชาเฉพาะ กลุ่มวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยมีรายละเอียด สาระสาคัญ ๆ ดงั ต่อไปนี้

48 : วชิ าคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.1 ความหมายของธรรมาภิบาล (Definitions of Good Governance) ธรรมาภิบาล (Good Governance) หรือ การบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดี หรือ ธรรมรัฐ หรือ ธรรมของผู้บริหารจัดการ หรือ ธรรมของการปกครองท่ีดี หรือ ธรรมของครู หรือ ธรรมนูญโรงเรียน เป็น ปัจจัยหรือองค์ประกอบหน่ึงของการพัฒนาหรือการบริหารการพัฒนา (Development or Development Management) ทีถ่ กู นาไปใช้ในทกุ องค์กรท้ังภาครัฐและเอกชน ซ่งึ “ธรรมาภบิ าล” เปน็ คาสมาสระหวา่ งคา 2 คา คือ คาว่า “ธรรม” (Good) กบั “อภบิ าล” (Governance) (รชั ยา ภกั ดจี ิตต,์ 2555: 8 อา้ งองิ จาก ปฐม มณีโรจน์, 2543: 353) ดังนั้น ความหมายของธรรมาภิบาลหรือการบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี มีหลายองค์กร หรือหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ไดใ้ ห้ความหมายไว้อยา่ งหลากหลาย (Definitions and elements of good governance policies developed by multilateral institutions) เช่น ธนาคารโลก (World Bank) ธนาคารแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ (Asian Development Bank: ADB) และองค์การเพ่ือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development: OECD) ดังต่อไปนี้ 1. ธนาคารโลก (World Bank) ได้ให้ความหมายของธรรมาภิบาล หมายถึง “Good governance and development is defined as the manner in which power is exercised in the management of a country’s economic and social resources for development” ซึ่งหมายถึง “การบริหารกิจการ บา้ นเมืองและสงั คมท่ดี ”ี หรอื อาจกลา่ วอีกอย่างหนงึ่ ได้ว่าเป็นการปกครอง ดแู ล หรอื กากบั งานตา่ ง ๆ ท่รี ฐั บาล ผู้บริหารและผ้นู าในระดับต่าง ๆ ปกครองดูแลตามหลักวิชาการ หลักการกฎหมาย หลักความรับผิดชอบ หลัก ความมีสว่ นรว่ ม หลักความคุ้มคา่ ประสทิ ธภิ าพ และหลักการตรวจสอบได้ของทกุ ภาคส่วน 2. องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้ให้ความหมายของธรรมาภิบาล หมายถึง “ Good governance is promoted equity, participation, pluralism, transparency, accountability and the rule of law, in a manner that is effective, efficient and enduring.” ซงึ่ หมายถึง การส่งเสริม และสนับสนุนความเสมอภาค การมีส่วนร่วม ความหลากหลาย ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และหลัก กฎหมาย ตลอดจนประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ลและความย่งั ยืน 3. ธนาคารแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Asian Development Bank: ADB) ได้ให้ความหมาย ของธรรมาภิบาล หมายถึง “Good governance is defined as “the manner in which power is exercised in management of a country’s economic and social resources for development” ซึ่ ง ห ม า ย ถึ ง การบรหิ ารจดั การซึ่งดาเนนิ การพัฒนาเศรษฐกจิ สังคมและทรัพยากรให้มีคุณภาพและประสทิ ธิภาพ กล่าวโดยสรุป แนวคิดเก่ียวกับ “ธรรมาภิบาล” มีความหมายว่า “การบริหารจัดการทรัพยากรอย่าง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ภายใต้หลักการบริหารจัดการที่มีทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมกากับ ดูแลอย่างมี ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล

วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 49 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.2 จุดมงุ่ หมายและหลกั การของธรรมาภิบาล ธรรมาภิบาล (Good governance) หรอื การบรหิ ารจดั การบ้านเมืองและสังคมที่ดี ได้กาหนดจดุ มุง่ หมาย ที่สาคัญ ๆ ไว้ 5 ประการ ดังนี้ (ระเบียบสานักนากรัฐมนตรวี ่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและ สงั คมทีด่ ี พ.ศ. 2542, 2542: 2) 1. สร้างกฎเกณฑแ์ ละกลไกที่ดใี นการบริหารบา้ นเมืองและสงั คมท่ีดี เพอื่ ใหห้ นว่ ยงานท่ีมีอานาจหน้าท่ี โดยตรงสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยและผู้มีหน้าที่เก่ียวข้องสามารถปรับเปลี่ยนกลไกและฟันเฟืองการทางาน และการประสานงานในภาครฐั และเอกชนรองรบั ได้อยา่ งทนั ท่วงทีในยามทมี่ ปี ัญหา 2. พัฒนาศักยภาพของนักวิชาการให้สามารถศึกษา ค้นคว้า และเสนอแนะแนวทางแก้ไขจุดบกพร่อง ตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็นต่อการบริหารกจิ การบ้านเมืองและสังคมอยา่ งถูกต้อง กล้าหาญ และมจี ริยธรรม 3. ปรับปรุงระบบการตัดสินใจและการบริหารจัดการทั้งภาครัฐและเอกชนให้รวดเร็ว ชัดเจนและ เปน็ ธรรม 4. ขยายโอกาสของประชาชนในการรบั รู้ข้อมลู ขา่ วสารโดยเฉพาะข้อมูลเก่ียวกับสภาพการณ์บา้ นเมือง เพือ่ ร่วมกบั ภาครัฐในการตัดสินใจและแกไ้ ขปญั หาส่วนรวม 5. ขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบ และการหลีกเล่ียงกฎหมายเพื่อแสวงหาประโยชน์ใส่ตนหรือกิจการ ท่ีตนมีสว่ นได้สว่ นเสยี ทงั้ ในภาครัฐและภาคธรุ กจิ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสานึกรบั ผิดชอบตอ่ ส่วนรวมรว่ มกนั ธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นการนาหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี มาประยุกต์ใช้ในองค์การและหนว่ ยงานทง้ั ภาครัฐและเอกชน ซึ่งหลักการบริหารกิจการบา้ นเมืองและสงั คมท่ีดี มีอยู่ 2 ประการสาคัญ คือ (ระเบียบสานักนากรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและ สังคมทีด่ ี พ.ศ. 2542, 2542: 3) 1. การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดีเป็นแนวทางสาคัญในการจัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคเอกชน ซ่ึงครอบคลุมไปถึงฝ่ายวิชาการ ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกิจ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความรู้รักสามัคคี และร่วมกันเป็นพลังก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและ ส่งเสริมความเข้มแข็ง หรือสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประเทศเพื่อบรรเทา ป้องกัน หรือแก้ไข เยียวยาภาวะวิกฤติ ภยันตรายที่จะมีมาในอนาคต เพราะสังคมจะรู้สึกถึงยุติธรรม ความโปร่งใสและความมีส่วนร่วม อันเป็น คุณลักษณะสาคัญของศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ และการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ ประมุข สอดคล้องกบั ความเป็นไทย รัฐธรรมนูญและกระแสโลกยุคปจั จบุ ัน 2. การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี ควรจะส่งเสริมให้สังคมไทยอยู่บนพื้นฐานของหลักการ สาคัญอย่างนอ้ ย 6 ประการ คือ 1) หลกั นติ ิธรรม 2) หลักคณุ ธรรม 3) หลักความโปรง่ ใส 4) หลกั ความมีส่วนร่วม 5) หลักความรับผดิ ชอบ 6) หลกั ความคุ่มค่า

50 : วชิ าคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… นอกจากหลักธรรมาภิบาลทีใ่ ชใ้ นการบริหารจดั การดังกล่าวข้างตน้ 2 ประการใหญ่ ๆ แลว้ การปฏบิ ตั ิ หน้าท่ีของครูและนักศึกษาครูที่เตรียมจะออกไปเป็นครู ควรมีความรู้และความเข้าใจในหลักของศีลธรรม โดยเฉพาะทศพิธราชธรรม คือ หลักธรรมของพระราชา หรือเป็นธรรมของผู้ปกครองทุกระดับ เช่น ผู้ปกครอง ระดับประเทศ ระดับองค์การ/หน่วยงาน ระดับสถาบัน/โรงเรียน และระดับช้ันเรียน/ห้องเรียน เป็นต้น ซ่ึง นักศึกษาครูก็เช่นกันต้องทาหน้าท่ีปกครองชั้นเรียนในอนาคต ดังนั้น จึงควรมีความรู้ ความเข้าใจในหลัก ทศพิธราชธรรม ซง่ึ ประกอบดว้ ยหลกั สาคัญ ๆ 10 ประการ ดังน้ี (สถาบนั พระปกเกลา้ , 2558; พระพรหมบัณฑิต (ประยรู ธมั ฺมจิตโฺ ต, 2557: 37-42) 1. ทาน (การให)้ ธรรมราชาทรงบาเพ็ญทาน 2 อยา่ ง คือ 1) อามิสทาน เป็นการให้สิ่งของเพ่ือการส่งเคราะห์ประชาชนตามหลักราชสังคหวัตถุ ขอ้ สัมมาปาสะ คอื การผูกใจประชาชนด้วยมอบทนุ ทรัพย์เพ่อื สง่ เสรมิ อาชีพ และ 2) ธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทานและวิทนาธาน ซึ่งเป็นการให้ความรู้เป็นทาน ดังเช่นท่ี พระเจ้าอโศกมหาราชทรงให้สอนธรรมแก่ประชาชน พระมหาธรรมราชาลิไทยทรงแต่งพระราชนิพนธ์ เร่ือง ไตรภูมิพระรว่ ง เปน็ ตน้ 2. ศีล (ความประพฤติดีงาม) หมายถึง การรักษาศีล 5 และศีลอุโบสถ (ศีล 8) กุศลกรรมบถ ที่เป็น การทาความดีทางกายและทางวาจา จัดรวมอยู่ในศีล 5 และการท่ีพระเจ้าอโศกมหาราชทรงรับสง่ั ห้ามฆ่าสตั ว์ บชู ายัญจดั เขา้ ในเรอ่ื งการรกั ษาศลี น้ีด้วย 3. บริจาค (การเสียสละ) หมายถึง การเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน ดังพุทธพจน์ที่ว่า “ถ้าเห็นว่าจะได้ความสุขที่ย่ิงใหญ่เพราะสละความสุขเล็กน้อย บุคคลควรสละความสุข เล็กน้อยเพ่ือความสขุ ทยี่ งิ่ ใหญ่” 4. อาชชวะ (ความซ่ือตรง) หมายถึง ธรรมราชาทรงมีความซื่อตรงต่อประชาชน และทรงพิพากษาคดี ความดว้ ยความเที่ยงธรรม ดังพุทธพจนท์ วี่ า่ “บุคคลใด ไมเ่ ชอื่ ว่าเที่ยงธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายซึ่งสามารถนามาประยุกต์ใช้ในองค์การท่ีทาหน้าท่ีในการจัดการเรียนการสอน เช่น โรงเรยี น สถาบันการศกึ ษา หรอื หน่วยงานตา่ ง ๆ เป็นตน้ 3.3 องค์ประกอบของธรรมาภิบาล (Elements of Good Governance) องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาล (Main basic elements of good governance) มีหลาย หน่วยงาน ที่กาหนดคุณลักษณะสาคัญ ๆ ของธรรมาภิบาล สรุปได้ดังนี้ (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2559: 2) 1. หลักนิตธิ รรม (Rule of Law) 2. หลักคุณธรรม (Morality) 3. หลกั ความโปร่งใส (Transparency) 4. หลักความมสี ่วนร่วม (Participation) 5. หลกั ความรบั ผิดชอบ (Accountability) 6. หลักความคุ้มค่า (Cost-Efficiency)

วชิ าคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 51 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ภาพท่ี 3.1 Characteristics of good governance ทม่ี า: http://www.gdrc.org/u-gov/escap-governance.htm 1. หลักนิติธรรม (Rule of Law) ได้แก่ การตรากฎหมาย กฎ ข้อบังคับต่าง ๆ ให้ทันสมัยและ เป็นธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคมยินยอมพร้อมใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับเหล่าน้ัน โดยถือว่าเป็น การปกครองภายใตก้ ฎหมาย มใิ ชต่ ามอาเภอใจ หรอื อานาจของตัวบคุ คล 2. หลักคุณธรรม (Morality) (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, 2559: 3) ได้แก่ การยึดม่ันในความถูกต้อง ดีงาม โดยรณรงค์ให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ยึดถือหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าท่ีให้เป็น ตัวอย่างแก่สังคม และส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวนิ ัย ประกอบอาชพี สุจริตจนเปน็ นิสัยประจาชาติ 3. หลักความโปร่งใส (Transparency) ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจซ่ึงกันและกันของคนในชาติ โดยปรบั ปรงุ กลไกการทางานขององค์กรทุกวงการให้มีความโปร่งใส มกี ารเปดิ เผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก และมีกระบวนการให้ ประชาชนตรวจสอบสอบถูกต้องชัดเจนได้ 4. หลกั ความมสี ่วนร่วม (Participation) (United Nations Economic and social Commission for Asia and the Pacific: UNECAP, 2558: 2) ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ประชานมีสว่ นรบั รู้และเสนอความเหน็ การตัดสินใจปัญหาสาคัญของประเทศ ไม่ว่าด้วยการแจ้งความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพิจารณ์ การแสดงประชามตหิ รืออ่นื ๆ 5. หลักความรับผิดชอบ (Accountability) ได้แก่ การตรวจสอบในหน้าท่ี ความสานึกในความ รับผิดชอบต่อสังคม การใส่ใจปัญหาสาธารณะของบ้านเมือง และกระตือรือร้นในการแก้ปัญหา ตลอดจน การเคารพในความคิดเห็นทแี่ ตกตา่ ง และความกลา้ ที่จะยอมรับผลจากการกระทาของตน 6. หลักความคุ้มค่า (Cost-Efficiency) ได้แก่ การบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรท่ีมีจากัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม โดยรณรงค์ให้คนไทยมีความประหยัดใช้ของอย่างคุ้มค่า สร้างสรรค์ สังคมและบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และรักษาพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ ยงิ่ ข้นึ

52 : วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.4 ความสาคญั ของธรรมาภิบาลและการนาไปใช้ ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอย่างมาก บางเร่ืองมีผลในการ ขยายตัวและสร้างสรรค์ บางเรื่องมีผลกระทบในทางชะลอตัวหรือก่อให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่พึงประสงค์ จนบางคร้ังกลายเป็นภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุส่วนหน่ึงท่ีทาให้เกิดความหย่อน ประสิทธิภาพของกลไกการบริหารกิจการบ้านเมือง การบริหารราชการ การกาหนดนโยบายสาธารณะ และ การทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ในขณะเดียวกันภาคประชาชนก็เป็นพลังสาคัญที่จาเป็นต้องสร้าง ความตนื่ ตวั และรบั ผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนตระหนักในสิทธแิ ละหน้าท่ีของแต่ละฝา่ ยเพมิ่ มากข้ึน โดยเฉพาะ อย่างย่ิงรฐั ธรรมนญู ฉบับปจั จุบนั (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550) หมวด 4 มาตรา 74 วรรคหนงึ่ กาหนดว่า “บุคคลผู้เป็นข้าราชการ ข้าราชการและลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อ่ืนของรัฐ มีหน้าท่ีดาเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพ่ือรักษาประโยชน์ส่วนรวม อานวย ความสะดวก และใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชนตามหลกั ธรรมาภบิ าลของการบริหารกิจการบา้ นเมืองทด่ี ี” หมวด 5 แนวนโยบายพ้นื ฐานแหง่ รัฐ ส่วนท่ี 3 มาตรา 78 “รัฐต้องดาเนินการตามแนวนโยบายในด้าน การบริหารราชการแผ่นดิน โดยพัฒนาระบบงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ คุณธรรม และ จริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐควบคู่ไปกับการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการทางาน เพ่ือให้การบริหารราชการ แผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐใช้หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ และจัดระบบงานราชการ และงานรัฐอย่างอื่น เพื่อให้การจัดทาและ การใหบ้ ริการสาธารณะเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้โดยคานึงถงึ การมสี ว่ นร่วม ของประชาชน นอกจาก รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 แล้ว แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ต้ังแตฉ่ บบั ที่ 8 ถงึ ปจั จบุ ัน ยงั กล่าวถึงหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยได้กาหนดไว้ว่า การบริหาร จดั การประเทศต้องเสริมสรา้ งหลักธรรมาภิบาลให้เขม้ แข็ง ธรรมาภิบาล (Good governance) หรือ การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองท่ีดี หรือ ธรรมรัฐ หรือ ธรรมนูญ โรงเรยี น คอื การบริหารจัดการหรือกระบวนการตดั สินใจ (Decision-making) ตามแนวปฏิบตั ิในการมสี ว่ นร่วม ตามหลักกฎหมายในการตรวจสอบ กากับ ติดตาม และประเมินผลการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลตามนโยบาย แผน งานและโครงการ แผนกลยุทธ์หรือแผนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเกิดการเรียนรู้และปลูกฝังค่านิยมประชาธิปไตย ความโปร่งใส ความรับผิดชอบและคิดวิเคราะห์ อย่างใคร่ครวญ (Critical Thinking) รวมทั้งส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนตามหลักธรรมาภิบาลและ สนับสนุนการจัดการศึกษาตามธรรมนูญโรงเรียนให้คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์กับเด็ก เยาวชน และประชาชน ให้เป็นคนดแี ละรบั ผิดชอบต่อสังคม ชุมชนและประเทศตามพนั ธกิจหลกั ของสถาบันการศึกษาในการสร้างและ พัฒนาคนให้มีความพร้อมเป็นบุคคลต้นแบบท่ีซ่ือสัตย์ รับผิดชอบ และตระหนักในการเรียนรู้และพัฒนา อย่างแท้จรงิ ทเี่ ขา้ ถงึ การพฒั นาตนเองดว้ ยหลกั ศลี ธรรม จรรยาบรรณและหลักของความดี ซึง่ หลกั การดงั กลา่ ว ต้องอาศัยกฎหมาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ จรรยาบรรณ ความถูกต้อง ความโปร่งใส และการตรวจสอบได้ท่ีมี ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ดังน้ัน นักศึกษาวิชาชีพครูจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาไป ประยกุ ต์ใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั งิ านทเ่ี กีย่ วข้องกบั วิชาชีพครูต่อไปในอนาคต

วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 53 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ธรรมาภิบาล เป็นหลักการท่ีนามาใช้บริหารงานในปัจจุบนั อย่างแพร่หลาย เพราะช่วยสร้างสรรค์และ ส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพและประสทิ ธภิ าพ เช่น พนักงานต่างทางานอย่างซ่ือสัตย์สจุ ริตและขยันหม่ันเพยี ร ทาให้ผลประกอบการขององค์กรธุรกิจนั้นขยายตัว นอกจากน้ีแล้วยังทาให้บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ศรัทธา และเช่ือมั่นในองค์กรนั้น ๆ อันจะทาให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง เช่น องค์กรท่ีโปร่งใส ย่อมได้รับ ความไว้วางใจในการร่วมทาธุรกิจ รัฐบาลท่ีโปร่งใสตรวจสอบได้ ย่อมสร้างความเชื่อม่ันให้แก่นักลงทุนและ ประชาชน ตลอดจนส่งผลดีต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ (สภาหอการค้า แหง่ ประเทศไทย, 2558) การส่งเสริมใหเ้ กิดการสร้างธรรมาภิบาลนน้ั มาจากความรว่ มมือของทั้งสถาบันทั้งภาครฐั ภาคเอกชน และประชาสังคม บทบาทของรัฐที่สาคัญน้ัน คือ รัฐเป็นผู้มีบทบาทในการวางรากฐาน และรักษากฎระเบียบ ต่าง ๆ การสร้างธรรมาภิบาลของรัฐน้ันจาเป็นต้องอาศัยระบบการจัดการภาครัฐท่ีมีประสิทธิภาพ มีภาระ รับผิดชอบภายใต้กฎหมาย และนโยบายท่ีโปร่งใสตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีรัฐจะต้องมี การปฏิรูประบบราชการ เพ่ือปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และรับผิดชอบภายใต้กรอบ ของกฎหมาย ซึ่งจุดมุ่งหมายในการสร้างธรรมาภิบาลของภาครัฐนั้น จะต้องพยายามปฏิรูปการบริหารจัดการ ให้ถูกต้องตามหลักเหตผุ ลและหน้าท่ี มีระบบความรับผิดชอบด้านการเงินท่ีมีประสทิ ธภิ าพมาใช้และให้มีความ โปร่งในการปฏบิ ตั ิงาน ยกระดบั ความชานาญของภาครฐั ให้มีความทันสมัย ส่วนบทบาทขององค์กรภาคเอกชน และบทบาทของประชาสังคมท่ีมีต่อการสร้างธรรมาภิบาล คือ การรวมตัวกันของสาธารณชนในการต่อต้าน การทุจริตและการประพฤติมิชอบ โดยรัฐควรมีการหามาตรการท่ีจะกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงการทาผิด จรรยาบรรณ เปน็ ตน้ (สานกั งานเกษตรชมุ พร, 2558)

54 : วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เอกสารอ้างอิง พระราชกฤษฎกี าวา่ ด้วยหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารบรหิ ารกจิ การบ้านเมืองท่ดี ี พ.ศ. 2546. (2546, 9 ตุลาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. เลม่ ท่ี 120 ตอนท่ี 100 ก. หนา้ 1-16. พระพรหมบัณฑติ (ประยรู ธมฺมจติ โฺ ต). (2557). ธรรมราชา. กรงุ เทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการสรา้ งระบบบรหิ ารกิจการบา้ นเมืองและสงั คมท่ดี ี พ.ศ. 2542. (2542, 10 สงิ หาคม). ราชกิจจานเุ บกษา. เล่มท่ี 116 ตอนที่ 63 ง. หนา้ 1-8. ปธาน สวุ รรณมงคล. (2558). การบริหารงานภาครฐั กับการสร้างธรรมาภิบาล. กรงุ เทพฯ: แก่นจนั ทร์. รชั ยา ภักดจี ติ ต.์ (2555). ธรรมาภบิ าลเพ่ือการบริหารภาครัฐและภาคเอกชน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สถาบนั พระปกเกล้า. (2549). ทศธรรม : ตวั ช้ีวัดการบริหารกิจการบา้ นเมืองที่. กรงุ เทพฯ: ธรรมดาเพรส. สภาหอการคา้ แห่งประเทศไทย. (2558). หลักการสากลของธรรมาภิบาล. สบื คน้ จาก http://www.thaichamber.org/scripts/detail.asp?nNEWSID=1220 เม่ือวันท่ี 2 ธนั วาคม 2558 สานักงานเกษตรชุมพร. (2558). ความหมายของธรรมาภิบาล. สืบค้นจาก http://www.chumphon.doae.go.th/goodgovern.pdf เมือ่ วันที่ 2 ธันวาคม 2558 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.). (2552). คู่มอื การจัดระดบั การกากับดูแลองค์การ ภาครัฐตามหลกั ธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบา้ นเมืองทดี่ .ี กรงุ เทพฯ: พรีเมียร์โปร์. สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร.). (2559). องค์ประกอบหลักธรรมาภบิ าลของการ บรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทีด่ ี (Good Governance). สบื ค้น 7 มกราคม 2559, จาก http://www.igpthai.org/home/file.pdf Graham, J., Amos, B. & Plumptre, T. (2003). Policy Brief No.15: Principles for Good Governance in the 21st Century. สบื คน้ 11 มกราคม 2559, จาก http://unpan1.un.org/intradoc/groups/public/documents/UNPAN/UNPAN011842. United Nations (UN), (2559). Global Issues: Governance. สืบค้น 13 มกราคม 2559, จาก http://www.un.org/en/globalissues/governance/ United Nations Economic and social Commission for Asia and the Pacific (UNECAP). (2558). What is good governance? สบื คน้ 27 ธนั วาคม 2558, จาก www.unescap.org/sites/default/good governance.pdf. Good Governance Guide. What is good governance? สืบคน้ 27 ธันวาคม 2558, จาก http://www.goodgovernance.org.au/about-good-governance/what-is-good- governance/

บทท่ี 4 ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ และการปลูกฝงั ความซ่ือสตั ย์สุจริต อาจารยภ์ านุวฒั น์ น่มิ นวล \"... ความซอ่ื สัตย์ สจุ รติ เป็นพื้นฐานของความดที ุกอย่าง เด็ก ๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้ เกดิ มขี ึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เตบิ โตขึน้ เปน็ คนดีมี ประโยชน์ และมีชวี ติ ท่ีสะอาดท่เี จรญิ มั่นคง...\" พระบรมราโชวาท พระราชทานเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2531 4.1 ความหมายของความซอื่ สตั ย์ ความซ่อื สัตย์ หมายถงึ มีความซือ่ ตรง มัน่ คงอยใู่ นศีลธรรม มคี วามซ่ือสตั ย์ต่อตนเองและผู้อืน่ มคี วาม สุจริตทางกาย ทางวาจาและทางใจ ซ่ึงความซื่อสัตย์น้ีจะไม่ทาให้บุคคลรอบข้างของเราเดือดร้อน และแล้ว ความซ่อื สัตย์น่ันก็จะนาพามาซ่ึงความเจริญของบา้ นเมือง คาว่า \"ซ่ือสัตย์\" ในพจนานกุ รมได้ให้ความหมายของ คาว่า “ซ่ือ” ว่าหมายถึง ตรง ไม่มีเล่ห์เหล่ียม ไม่คดโกง ส่วนคาว่า “ซื่อตรง” หมายถึง ความประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไม่คดโกง และ “ซื่อสัตย์” หมายถึง ความประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและ ไมห่ ลอกหลวง หรือเราอาจจะพูดงา่ ย ๆ ว่าคนทซี่ ือ่ สัตย์ กค็ อื คนท่เี ป็นคนตรง ประพฤติส่งิ ใดก็ด้วยนา้ ใสใจจรงิ พุทธภาษิตบทหน่ึงกล่าวไว้ว่า “สจฺเจน กิตฺตี ปปฺโปติ” แปลว่า “คนเราจะบรรลุถึงเกียรติได้เพราะ ความสัตย์” น้ันก็หมายความว่า คนท่ีจะมีเกียรติ ย่อมต้องเป็นคนท่ีมีความสัตย์ซ่ือ จึงจะเป็นที่ยอมรับนับถือ ของคนในสังคมไดอ้ ย่างจรงิ ใจ โดยไม่ต้องไม่เสแสร้งแกลง้ ทา ความซื่อสัตย์ เป็นคุณธรรมท่ีจาเป็นต่อทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์ในระดับไหนก็ตาม จะต้อง มีการปลูกฝังหรือสอนเยาวชนรุ่นหลังให้ประพฤติปฏิบัติ ท้ังนี้เพราะ หากคนในสังคมขาดคุณธรรมข้อนี้เม่ือใด สังคมก็จะวุ่นวาย ไม่สงบ คนจะเอารัดเอาเปรียบกัน และเห็นแก่ตัวมากขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาอ่ืน ๆ ตามมา อีกมากมาย ดงั ตัวอยา่ งที่กลุม่ ประชาสัมพันธ์ สานักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ยกมาให้เหน็ ดังนี้ 1. การไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เช่น เราต้ังใจว่าจะไม่กินของหวานของมันเพ่ือลดน้าหนัก แต่เราก็แอบกิน แม้คนอื่นไม่ทราบ แต่เราก็รู้ตัวเราดี ผลเสีย คือ เราก็จะอ้วนและเป็นโรคอ่ืนตามมา หรือต้ังใจจะอ่านหนังสือ แล้วก็ไม่อ่านเพราะมัวไปเท่ียวเล่น ดูหนังหรือเล่นอินเตอร์เน็ต ผลเสียคือ เราอาจจะสอบตก ซ่ึงหากเราขาด ความซ่ือสัตย์ต่อตนเองและผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ ในระยาวเราอาจจะกลายเป็นคนขาดระเบียบ ขาดความตั้งใจ กลายเป็นคนทาอะไรไม่ประสบความสาเร็จในชวี ิต 2. การไม่ซ่ือสัตย์ต่อครอบครัว เช่น ไปมีชู้ มีกิ๊ก ติดพันนักร้องนักแสดง มีความสัมพันธ์กับคนที่มี ครอบครัวแล้ว แม้จะไม่ต้องรับผิดชอบเล้ียงดู แต่ก็จะทาให้ละเลยต่อลูกเมียหรือสามี สร้างปัญหาในชีวิต กอ่ ใหเ้ กิดความไม่ไว้วางใจซ่ึงกันและกนั อีกทัง้ ยงั เปน็ ท่ีดูถูกเหยียดหยามของผู้อืน่ หากเปน็ หัวหนา้ ไปมสี ัมพันธ์ กับลกู น้อง กจ็ ะทาให้ลูกนอ้ งคนอื่น ๆ ขาดความเชอื่ ถอื หรอื หวั หนา้ ระดบั สงู ขึ้นไปไม่ให้ความไวว้ างใจ เป็นต้น

56 : วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าท่ีการงาน เช่น เป็นข้าราชการ ทหาร ตารวจใช้อานาจในทางมิชอบ กระทา ทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือครอบครัว ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและ บ้านเมือง ดังท่ีเราจะเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน หรือหากเป็นพ่อค้าแม่ขาย ชาวสวนชาวนาไม่ซ่ือสัตย์ต่อหน้าท่ี ขายของโกงเขา หรือใช้สารเคมีท่ีเป็นอันตราย ฯลฯ ก็จะทาให้เกิดการทะเลาะวิวาท โรคภัยไข้เจ็บจากสารพษิ สะสมในรา่ งกาย เป็นตน้ ซึ่งล้วนแลว้ แตส่ ร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผเู้ ก่ียวข้องทัง้ สิ้น 4. การซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ เป็นส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุด เพราะหากชาติอยู่ไม่ได้ ประชาชนคนในชาติก็อยู่ ไมไ่ ด้ และหากชาติลม่ สลายก็คือพวกเราทีจ่ ะกลายเป็นคนไรแ้ ผน่ ดิน ซึง่ คงไมม่ ใี ครอยากใหเ้ กิดข้ึน ตัวอย่างข้างต้น ทาให้เห็นว่า “ความซื่อสัตย์” เป็นส่ิงสาคัญ เพราะหากขาด “ความซ่ือสัตย์” แล้ว สังคมคงยงุ่ เหยงิ เกิดความหวาดระแวงไม่ไว้ใจซง่ึ กันและกัน เกิดความโกลาหลไปทัว่ ไม่รูส้ งิ่ ไหนจรงิ สง่ิ ไหนเท็จ ถ้าขาดในระดบั บคุ คลกจ็ ะกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือและมีปญั หาอยูต่ ลอดเวลา ส่วนในระดับประเทศ ก็จะไร้ซ่ึง เกียรติภูมิเป็นท่ีดูถูกของชาติอื่น ซ่ึงความซ่ือสัตย์ที่ว่าน้ี รวมไปถึงการมี สัจจะ พูดจริงทาจริง ไม่โกหกหรือพูด เหลวไหล พูดคาไหนเป็นคานั้นด้วย คนเช่นน้ีไปที่ใดย่อมเป็นท่ีเคารพนับถือว่าเป็นคนมีเกียรติ ข้อสาคัญ ถ้าทกุ คนทาหนา้ ทดี่ ว้ ยความซ่ือสัตยส์ จุ ริต ยอ่ มจะทาใหส้ ังคม และประเทศชาตมิ คี วามม่ันคง สงบสขุ อนั มผี ลดี ต่อประชาชนคอื ตวั เราทกุ คน 4.2 คุณคา่ และความสาคญั ของความซือ่ สตั ย์ คนท่ีมีความซื่อสัตย์จะเป็นคนที่ศรัทธาการพูดความจริง ซึ่งทาให้การสื่อสารของเขาเป็นไปอย่าง เปิดเผย ไม่พูดโกหก ไม่ขโมยและไม่คดโกงใคร รวมทั้งยังคอยเปิดเผยข้อมูลและเป็นหูเป็นตาในเร่ืองท่ี ไม่ถูกต้อง ท่ีส่งผลเสียหายต่อส่วนรวมหรือแม้แต่ส่วนตน ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นอันตราย ดังน้ัน ความซ่ือสัตย์ จึงเปน็ คณุ ค่าสาคัญที่มนุษยค์ วรได้รบั การปลกู ฝงั ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นคุณธรรมลักษณะอันสูงค่าย่ิงของความเป็นมนุษย์สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจท่ี บริสุทธิ์ซื่อตรงและจริงใจถ้าเปรยี บกับคุณธรรมอย่างอืน่ แล้ว คณุ ธรรมข้อนีเ้ ปรยี บเสมือนเพชรนา้ เอกท่ีประเมิน ค่ามไิ ด้ ชนชาตติ ่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสาคญั ยง่ิ ในเร่ืองความซื่อสตั ย์ ภาษิตจีนกลา่ วไวว้ า่ “ผู้สูญเสยี ความซื่อสัตย์ เหมอื นสูญเสยี แลว้ ทกุ ส่ิงทุกอย่าง” ผู้ที่ดารงรักษาไว้ซ่ึงความซ่ือสัตย์สุจริต ประพฤติปฏิบัติในสิ่งท่ีถูกต้องชอบธรรม ไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ใน สภาพใดตาแหน่งใดใหญ่เล็กแค่ไหน ยากดีมีจนอย่างไร ถือว่าเป็นผู้ท่ีมีเกียรติมีความสง่างามได้รับความเชือ่ ถอื ศรัทธาจากผู้คนทั่วไป ความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเกราะคอยป้องกันภยันตรายจากสิ่งช่ัวร้ายทั้งปวง เป็น คุณธรรมอันประเสริฐท่ีมีคุณค่าไม่เส่ือมคลาย เป็นหลักชัยที่จะนาไปสู่ความสุขความสาเร็จในชีวิตอย่างแท้จรงิ ฉะนั้นผู้ท่ีปรารถนาความสาเร็จในชีวิต หวังความเจริญก้าวหน้าทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม ได้รับการยอมรับ นับถือ และความเช่ือมั่นศรัทธาจากผู้คนจะต้องยึดม่ันในความซ่ือสัตย์สุจริตและทาในส่ิงท่ีถูกต้องเป็นธรรม อยา่ งสมา่ เสมอ

วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 57 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.3 ประโยชนข์ องความซ่ือสัตย์ 1. การได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้างาน พนักงานที่มีความซ่ือสัตย์ย่อมทาใหห้ ัวหนา้ งานพร้อมและ กล้าพอที่จะมอบหมายงานท่ีสาคัญหรือเป็นความลับของบริษัทให้กับคุณ เพราะหัวหน้าไวว้ างใจตัวคุณ เพราะ รู้ว่างานที่มอบหมายให้ไปนัน้ คุณตอ้ งทาเสรจ็ และขอ้ มูลที่คุณทาน้ันมีความถูกต้องอยา่ งแน่นอน 2. ความนา่ เชอ่ื ถือได้ของตัวคณุ คณุ จะได้รับการยอมรับและการกล่าวถึงในทางที่ดจี ากบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้กระทั่งลูกค้าของคุณเอง เช่น ยอมรับว่าคุณมีความ รบั ผดิ ชอบและความตั้งใจทางาน เนอ่ื งจากคุณไม่เคยทีจ่ ะขาดงานหรือมาสาย รวมทง้ั ข้อมลู ท่ีคุณให้นั้นมีความ ถูกต้องและเปน็ ปจั จุบันเสมอ 3. สรา้ งผลงาน (Performance) ของตัวคณุ ความซอ่ื สตั ย์ทาใหค้ ุณมโี อกาสทางานใหญ่หรือสาคัญ ซ่ึง อาจเป็นงานท่ีมีผลกระทบต่อหน่วยงานหรือองค์กร โดยคุณจะมีโอกาสแสดงฝีมือการทางานของคุณและ โอกาสนี้เองย่อมจะส่งผลต่อเน่ืองไปยังผลผลการปฏิบัติงาน (Performance) และมูลค่าเพิ่ม (Added Value) ของตัวคุณเอง 4. รักษาผลประโยชน์ของหน่วยงาน/บริษัท หากคุณมีความซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ย่อมหมายถึงคุณไม่ได้ เอาเปรียบหน่วยงานและบริษัท เนื่องจากคุณทางานอย่างเต็มที่ ได้ปฏิบัติตามระเบียบและรักษาทรัพย์สนิ ของ บริษัท และรวมถงึ คณุ ไมเ่ อาความลบั ของบริษัทไปเปิดเผยให้คู่แข่งรับรู้ ซึ่งหมายถึงคุณกาลงั รักษาผลประโยชน์ ใหก้ ับหน่วยงานและบรษิ ทั ของคณุ เอง 4.4 คุณธรรมพนื้ ฐานเรื่องความซือ่ สตั ย์ ความสาคญั และความเปน็ มา คนทม่ี ีความซือ่ สตั ย์จะเป็นผทู้ ่ยี ดึ มนั่ ในหลกั ความจรงิ และความถกู ต้องในการดาเนนิ ชีวิต ประพฤติตรง ตามความเป็นจรงิ ต่อตนเองและผู้อ่ืน ท้ังทางกาย วาจา ใจ มีความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทาผิด คนมี ศีลธรรมหรือมีมนุษยธรรมที่สามารถเรียกได้ว่า เป็นอารยชนจะมีความประพฤติดี ประพฤติชอบและมีความ ซอื่ สัตย์สุจรติ 3 ประการ ดงั นค้ี อื กายสุจริต เป็นความสุจริตทางกาย ทาสิ่งท่ีดีงามถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยกาย ละเว้นการบีบคั้น เบียดเบียน มีเมตตากรุณา ช่วยเหลือเกื้อกูลสงเคราะห์กัน ไม่แย่งชิงลักขโมย หรือเอารัดเอาเปรียบ แต่เคารพ สิทธิในทรัพย์สินของกันและกัน ไม่ประพฤติผิดล่วงละเมิดในของรักของหวงของผู้อ่ืน ไม่ข่มเหงจิตใจ หรือ ทาลายลบหลู่เกียรติและวงศ์ตระกูลของกนั วจีสุจริต เป็นความสุจริตทางวาจา ทาสิ่งที่ดีงามถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยวาจา ละเว้นการพูดเท็จ โกหกหลอกลวง กล่าวแตค่ าสัตย์ ไม่จงใจพดู ให้ผดิ จากความจรงิ เพราะเห็นแก่ผลประโยชนใ์ ด ๆ ไมพ่ ูดสอ่ เสียด ยุยง สร้างความแตกแยก พูดแต่คาท่ีส่งเสรมิ สามัคคี ละเว้นจากการพดู คาหยาบคาย สกปรกเสียหาย พูดแต่คา สุภาพ นุ่มนวลควรฟัง รวมถึงละเว้นจากการพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ พูดแต่คาจริง มีเหตุมีผล มีสารประโยชน์ และถูกกาลเทศะ มโนสุจริต เป็นความสุจริตทางใจ ทาส่ิงท่ีดีงามถูกต้อง ประพฤติชอบด้วยใจ ไม่ละโมบ ไม่เพ่งเล็งคิด หาทางเอาแตจ่ ะได้ คิดให้ คิดเสยี สละ ทาใจใหเ้ ผ่ือแผ่กวา้ งขวาง ไมค่ ดิ ร้ายมุ่งเบยี ดเบียน หรอื เพ่งมองในแง่ท่ีจะ

58 : วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ทาลาย แต่ต้ังความปรารถนาดี แผ่ไมตรี มุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่กัน มีความเห็นถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ เข้าใจ ในหลักกรรมว่า ทาดีมีผลดี ทาช่ัวมีผลช่ัว รู้เท่าทันความจริงที่เป็นธรรมดาของโลกและชีวิต มองเห็นความ เป็นไปตามเหตุปจั จัย มนุษยเ์ ราเปน็ สิง่ แวดล้อมของกนั และกัน ตัวเราก็เป็นส่ิงแวดล้อมของผู้อื่น เราจงึ ควรมจี ติ ใจเกื้อกูลต่อ ผู้อื่น มีเมตตาไมตรีต่อกัน ในฐานะที่เราเป็นสิ่งแวดล้อมของเพ่ือนมนุษย์ เราจึงต้องมีความสัมพันธ์กับ สิ่งแวดล้อมทางสังคม นับต้ังแต่การอยู่ร่วมกันในครอบครัว เราทุกคนควรเป็นผู้ที่มีวินัยในการดารงชีวิต ไมเ่ บียดเบียนผอู้ ่ืน มีความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มีความสามัคคี รับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน รูบ้ ทบาทของตน ใหค้ วาม ช่วยเหลือเก้อื กลู กนั สามารถแก้ปญั หาและขจัดความขดั แย้งได้ 4.5 การปลูกฝงั ความซอ่ื สตั ยส์ ุจริต การปลูกฝังเร่ืองความซ่ือสัตย์สุจริตเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในสังคมท่ีต้องช่วยกัน จะยกภาระให้ฝ่าย หน่ึงฝ่ายใดไม่ได้ ทุกคนต้องมีสานึกและปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือสร้างจิตสานึก ให้คนอ่ืนปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต โดยมีองค์กรหลักทาหน้าที่รับผิดชอบ คอื 1. ครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง ต้องช่วยกันดูแลสร้างและปลูกฝังจิตสานึกน้ีด้วยการ แนะนา สั่งสอน ทาตัวอย่างท่ีดีให้กับคนในครอบครัวของตน ตัวอย่างนิทานเรื่อง \"สอนลูกให้เป็นโจร\" เป็น อุทาหรณ์เตือนใจที่ดี เรื่องน้ีเล่าว่า มีพ่อแม่คู่หน่ึงเล้ียงลูกด้วยความรักจึงตามใจลูกทุกอย่าง ลูกอยากได้อะไร หาให้ลูก ถ้าผิดก็ไม่ตักเตือน ลูกไปหยิบฉวยของผู้อ่ืนก็ไม่ว่าไม่กล่าวจนเด็กเกิดเป็นนิสัยชอบลักขโมยของผู้อ่ืน จากของเล็กน้อย ก็เป็นของมีค่ามากข้ึนจนกระท่ังเม่ือโตขึ้นก็เป็นโจรลักของคนอ่ืน วันหนึ่งไปปล้นทรัพย์ ฆ่าเจ้าทรัพย์ตายถูกเจ้าหน้าที่จับได้จะต้องถูกลงโทษถึงประหารชีวิต พ่อแม่ได้ข่าวก็เสียใจ ขอพบลูก เมื่อลูก ได้พบพ่อแม่ก็ต่อว่าว่าเป็นเพราะพ่อแม่เลี้ยงดูเขาไม่ดี ไม่เคยแนะนาสั่งสอนห้ามปรามเมื่อเขาทาผิดเขาจึง กลายเป็นนกั โทษประหาร เชน่ นี้ 2. โรงเรียนและสถานศึกษา เป็นสถาบันสาคัญที่ทาหน้าที่ให้การศึกษาอบรมบ่มนิสัย คือ ให้ความรู้ ความเข้าใจท่ีถูกต้อง การสร้างนิสัย การประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง หัวใจสาคัญของการศึกษา คือ การทาให้คน เป็นคนดีเป็นคนที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นท้ังต่อสังคมที่ตนอยู่อาศัยและต่อประเทศชาติจนถึงมนุษยชาติในท่ีสุด การสร้างลักษณะนิสัยความซื่อสัตย์สุจริต จึงเป็นเร่ืองสาคัญท่ีโรงเรียนและสถานศึกษาจะต้องให้การเอาใจใส่ ดูแลไม่น้อยกว่าการทาให้ผู้เรียนมีความรู้ และมีลักษณะอื่น ๆ ที่พึงประสงค์ การปลูกฝังจิตสานึกเร่ืองความ ซื่อสัตย์สุจริตก็เหมือนกับการปลูกฝังคุณลักษณะอื่น ๆ คือต้องทาให้ผู้เรียนเกิดศรัทธา เชื่อว่าสิ่งน้ีเป็นสิ่งที่ดีท่ี ทุกคนพงึ ประพฤติปฏบิ ตั ิ และตอ้ งใหผ้ ้เู รียนปฏิบัติเป็นกิจนิสัยควบคูก่ ับการให้ความรูค้ วามเข้าใจท่ีถกู ตอ้ ง และ ได้เห็นตัวอย่างของจรงิ ที่ถูกต้องด้วย การสร้างนิสัยความซ่ือสัตย์สจุ ริตใหก้ ับเด็กเป็นเร่ืองที่ต้องทาตอ่ เนื่องเปน็ เวลานาน ตลอดเวลาที่เด็กได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียน เพื่อให้กระบวนการศึกษาเล่าเรียนเป็นไปอย่าง เหมาะสม ทุกฝา่ ยในโรงเรียนจะชว่ ยกันรับผิดชอบต้ังแตผ่ ู้บริหารซงึ่ ต้องถือว่าเรื่องน้ีเปน็ เรื่องสาคญั คอยกากับ ดูแลติดตามอย่างใกล้ชิดกระบวนการเรียนก็ต้องถูกต้องเหมาะสมกับวัยและพ้ืนฐานของเด็ก ครูท่ีสอนทุกคน

วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 59 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ทุกวิชาก็ต้องถือเป็นหน้าที่คอยดูแลเอาใจใส่กิจกรรมทุกอย่างท่ีจัดก็ต้องอยู่บนพ้ืนฐานท่ีถูกต้องเหมาะสมและ สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดความซ่ือสตั ย์สุจรติ ไมว่ ่าจะเปน็ กิจกรรมเพื่อความรู้ ความบนั เทิง หรอื การกฬี าก็ตาม 3) สถาบนั สังคมตา่ ง ๆ ก็ตอ้ งมีบทบาทส่งเสริมสนบั สนนุ การสรา้ งลักษณะนิสัย ความซอ่ื สตั ย์สุจรติ วดั และองค์กรทางศาสนาต่าง ๆ จะมีส่วนช่วยได้มากในการอบรม สร้างความเชื่อ ความศรัทธาให้เกิดขึ้น สื่อมวลชนตา่ ง ๆ ก็มีส่วนให้ความรู้ ความตระหนักความสานึกในความสาคัญของความซ่ือสัตย์สุจริตได้มาก ถ้า มกี ารยกตวั อยา่ งคนทาความดีให้ปรากฏเสมอๆ ก็จะทาให้สังคมเช่ือมั่นในความดงี านนั้น ๆ ไดม้ ากข้นึ ทส่ี าคัญ คอื จะต้องไมเ่ ผลอยกย่องคนไมซ่ ่ือสัตยส์ ุจริตให้คนท่ัวไปเห็น เพราะจะทาให้คนทวั่ ไปรู้สึกวา่ เป็นปกติวิสัยท่ีคน ท่ัวไปพึงประพฤติปฏิบัติได้ ไม่ใช่เร่ืองเสียหายเรามักจะได้ยินได้ฟังอยู่เสมอที่บางคร้ังสังคมยกย่องเชิดชูคน ที่มี ฐานะดี บริจาคเพ่ือสังคมมาก ๆ แต่เคยมีประวัติช่ือเสียงในทางไม่ดีมาก่อนการทาเช่นน้ีเป็นอันตรายต่อสังคม รวมมากทาให้เยาวชนเห็นวา่ ความรา่ รวยมคี วามสาคัญมากกว่าการเป็นคนดีของสงั คม 4.5.1 กจิ กรรมเพอ่ื ปลกู ฝงั จิตสานึกความซ่ือสตั ย์สจุ ริต 1. การให้พบเห็นตัวอย่างท่ีดีอย่างสม่าเสมอจนเกิดความเคยชิน หรือเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่า ทาไมจึงต้องเป็นเช่นน้ัน อาจนาตัวอย่างที่ไม่ดีให้พบเห็นได้เป็นคร้ังคราว แต่ต้องให้เห็นผลของการประพฤติ ปฏิบัติไมถ่ ูกตอ้ งดว้ ย 2. การยกย่องสรรเสริญให้ขวัญและกาลังใจกับผู้ประกอบความดีประพฤติปฏิบัติด้วยความ ซื่อสตั ยส์ จุ รติ 3. แนะนาตกั เตือนเม่ือเขาประพฤติไม่ถกู ต้องเพ่อื จะได้ปรบั ตน 4. ใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรจู้ ากตัวอยา่ งของจรงิ เช่น ได้พูดคยุ กบั คนท่ีสมควรเป็นตัวอย่าง ให้ไปศกึ ษา นทิ าน เรอ่ื งราว สารคดี ชีวิตจริงของคนทปี่ ระพฤติตนด้วยความซื่อสตั ย์สจุ ริต ให้นกั เรยี นได้วเิ คราะห์ และสรปุ เหตุและผลดว้ ยตนเอง ใหท้ าบอ่ ย ๆ เสมอ ๆ ในสถานการณท์ ่แี ตกต่างกันทง้ั ทีร่ ู้ตัวและไมร่ ู้ตวั 5. ให้ได้วิเคราะห์วิจารณ์ เหตุการณ์จริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นท้ังจากการร่วมกันเป็นหมู่คณะและ วเิ คราะหด์ ว้ ยตนเอง เพอ่ื นาสู่ความเขา้ ใจเชงิ เหตุและผลท้งั ท่ดี หี รือไม่ดี หรือยงั ไม่อาจหาขอ้ ยตุ ไิ ด้ 6. ให้ได้แสดงเจตนารมณ์เป็นรายบุคคลหรือหมู่คณะท่ีจะประพฤติปฏิบัติตนในกรอบของ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เชน่ การมคี ติพจน์ประจาใจ 4.5.2 ตวั อย่างกิจกรรมสง่ เสริมความซ่ือสัตย์ในโรงเรยี นมัธยมศึกษาของไทย โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง จัดกิจกรรมส่งเสริมความซื่อสัตย์ โดยอบรมนักเรียนให้เป็นผู้ ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์ต่อหน้าท่ี ต่อตนเองและสังคม มีความสุจริต ท้ังในด้านการเรียน การพูด และการไม่นาของๆคนอ่ืนมาเป็นของตนเอง มีการประกาศยกย่องและมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้มีความซ่ือสัตย์ เกบ็ ของไดแ้ ล้วนามาคนื เจา้ ของ เพอ่ื เป็นแบบอยา่ งที่ดีให้กบั นกั เรียนคนอ่นื ในการทาความดี โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จัดโครงการทาดีได้ทุกวัน ให้แก่ผู้เรียนทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับ ประถมศึกษาปีท่ี1-มัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยมีแบบบันทึกความดีให้ผู้เรียนทุกคนได้บันทึกความดีทุกวัน กิจกรรม ยกย่องบุคลากรผู้มีความซอ่ื สัตย์เพ่ือให้ผู้เรยี นเปน็ คนท่ีซื่อสัตย์ ไม่คิดคดโกงผู้อื่น และโดยการปลูกฝงั คุณธรรม ด้านนี้ท้ังเข้าแถวตอนเช้าและเข้าห้องเรียน มีผู้เรียนเก็บสิ่งของ ทรัพย์สิน มาส่งที่ห้องพักครู เป็นจานวนมาก หากไมม่ ผี เู้ รียนมารับคนื ทีงานปกครอง จะจัดส่งตอ่ ให้งานอาสาฯไปมอบให้ผดู้ อ้ ยโอกาสต่อไป

60 : วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โรงเรียนบ้านในปงจังหวัดตรัง จัดกิจกรรมของหายรับคืน เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นเร่ืองความ ซือ่ สตั ย์ ความมนี ้าใจ โรงเรียนจะมีเจ้าหนา้ ท่ีคอยรับสิ่งของทีน่ ักเรยี นเก็บหรือพบเจอในแตล่ ะวัน เชน่ เงิน วสั ดุ เคร่ืองเขียนต่าง ๆ และจะประกาศหาเจ้าของ มีการบันทึกชื่อนักเรียนท่ีทาความดีและชมเชยหน้าเสาธง ซึ่ง จะเปน็ ตัวกระตุน้ ให้นักเรียนเกดิ คุณธรรมจริยธรรมดา้ นนี้ โรงเรยี นหนองกพี่ ิทยาคม จ.บุรรี ัมย์ จัดกิจกรรมทีด่ าเนินชีวิตดว้ ยความซือ่ ตรง ศึกษาแนวทาง การดาเนนิ ชวี ิตของบุคคลทม่ี ีความซ่ือสัตย์ ในโรงเรียนและในชุมชน โดยนักเรยี นแบ่งกลุ่มตามหมู่บา้ น จากน้ัน แต่ละกลุ่มศึกษา สารวจ และทาทะเบียนประวัติ ของบุคคลที่มีคุณธรรมในเรื่องความซ่ือสัตย์ ในชุมชนของ นกั เรียนอย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 คน จากนัน้ รวบรวมผลงานของนักเรียนทาเป็นสมุดทะเบียนประวัติคนซื่อสัตย์ ของชมุ ชน 4.6 คา่ นยิ มและการปลูกฝงั ค่านยิ มความซือ่ สัตย์ การจะปลูกฝงั ให้เดก็ ไทยรุน่ ใหมเ่ กิดความซอื่ สัตยส์ ุจรติ ต้องรว่ มมือกันทุกภาคสว่ นเริม่ ตั้งแต่ครอบครัว ต้องให้ความรักความอบอุ่น และอบรมส่ังสอนต่อจากน้ันโรงเรียน โดยผู้บริหารและครูอาจารย์ ต้องปลูกฝัง ค่านิยมในเร่ืองความซื่อสัตย์สุจริต ให้เด็กทราบในรูปแบบของกิจกรรมต่าง ๆ จึงนับว่าทุกคนต้องมีส่วนร่วม ในการสรา้ งเสริมความซอื่ สัตย์สจุ รติ ใหเ้ กดิ กับเด็กเพ่อื จะได้เป็นกาลังสาคญั ในอนาคตของประเทศชาติต่อไป ค่านิยม มาจากคาในภาษาองั กฤษวา่ “Value” และมาจากคาสองคาคือ “คา่ ” “นยิ ม” เม่อื คาสองคา รวมกันแปลว่า การกาหนดคุณค่า คุณค่าท่ีเราต้องการทาให้เกิดคุณค่า คุณค่าดังกล่าวน้ีมีทั้งคุณค่าแท้และ คุณค่าเทียม ซง่ึ คุณคา่ แท้เปน็ คุณคา่ ท่ีสนองความต้องการในการพฒั นาคุณภาพชีวิต สว่ นคุณค่าเทียม หมายถึง คุณค่าทส่ี นองความตอ้ งการอยากเสพสิ่งปรนเปรอชั่วคู่ช่วั ยาม ค่านิยม หมายถึง ทัศนะของคนหรือสังคมที่มีต่อส่ิงของ ความคิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความ ปรารถนา คุณค่าและความถูกต้องของสังคมนั้น ๆ เช่น ชาวอเมริกันถือว่า “ประชาธิปไตย” มีค่าสูงสุดควรแก่ การนยิ มควรรักษาไว้ดว้ ยชีวติ อเมรกิ ันรักอสิ ระ เสรภี าพ และความก้าวหน้าในการงาน ส่วนค่านยิ มของคนไทย หรือคนตะวันออกโดยทว่ั ไปนนั้ แตกต่างจากค่านยิ มในอเมริกนั หรือคนตะวันตก เชน่ คนไทยถอื ว่าความสงบสุข ทางจิตใจและการทาบุญให้ทานเป็นสิง่ ท่พี ึงปรารถนา การเคารพเช่อื ฟังบิดามารดาและการกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่ง ท่คี วรยกยอ่ ง ค่านิยม หมายถึง ส่ิงท่ีบุคคลพอใจหรือเห็นว่าเป็นส่ิงที่มีคุณค่า แล้วยอมรับไว้เป็นความเชื่อ หรือ ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ค่านิยมจะสิงอยู่ในตัวบุคคลในรูปของความเชื่อตลอดไป จนกว่าจะพบกับค่านิยม ใหม่ ซ่ึงตนพอใจกว่าก็จะยอมรับไว้ เมื่อบุคคลประสบกับการเลือกหรือเผชิญกับเหตุการณ์และต้องตัดสินใจ อย่างใดอย่างหน่ึงเข้าจะนาค่านิยมมาประกอบการตัดสินใจทุกคร้ังไป ค่านิยมจึงเป็นเสมือนพื้นฐานแห่งการ ประพฤตปิ ฏบิ ัตขิ องบุคคลโดยตรง 4.6.1 ความสาคัญของคา่ นยิ ม ค่านิยม เป็นสิ่งที่สาคัญอย่างมาก เนื่องจากว่าค่านิยมที่มนุษย์เรามีอยู่นั้นทาหน้าที่มากมาย หลายอย่างท่ีเก่ียวกับชีวิตของเราท่ีสาคัญ คือ ค่านิยมทาหน้าที่เป็นบรรทัดฐานหรือมาตรฐานของพฤติกรรม ทั้งหลายของเรากล่าวคือค่านิยม จะเป็นตัวกาหนดการแสดงออกซ่ึงพฤติกรรมของเราว่า เราควรจะทา

วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู : 61 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หรือไม่ควรจะทาในส่ิงใด ค่านิยมจะช่วยกาหนดจุดยืนในเร่ืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ และค่านิยมจะช่วยทาหน้าที่ประเมินการปฏิบัติการต่าง ๆ ท้ังของตัวเราเองและของผู้อ่ืน ค่านิยมทาหน้าที่เป็นแบบแผนสาหรับการตัดสินใจการแก้ไขข้อขัดแย้งต่าง ๆ ในบางกรณีบุคคลต้องเผชิญกับ สถานการณ์บางอย่างที่ขัดแย้งกัน ทาให้เขาต้องเลือกทางใดทางหน่ึง เช่น การปฏิบัติตามคาส่ังของ ผบู้ ังคบั บัญชา อยา่ งเครง่ ครัด กบั ความเป็นตวั ของเอง หรือการรักษาความเปน็ อสิ ระเสรีของตน การปฏบิ ตั ิงาน ด้วยความชื่อสัตย์ สุจริตแต่ยากจน กับการปฏิบัติงานในทางที่ไม่สุจริต แต่ทาให้ร่ารวย บุคคลจะเลือกเดินทาง ใดนัน้ ค่านยิ มหรือระบบค่านยิ มที่บคุ คลมีอยูจ่ ะชว่ ยกาหนดทางเลือกให้เขา ค่านิยมทาหน้าที่เป็นแรงจูงใจ หรือผลักดันของบุคคล เช่น บุคคลท่ีมีค่านิยมชมชองในการมี อายุนาน หรือสุขภาพดี ก็จะมีแรงผลักดันให้อยากออกาลังกายอยู่สม่าเสมอ ตลอดจนมีความรอบคอบในการ บริโภคอาหารบุคคลท่ีทีค่านิยมเก่ียวกับวัตถุนิยมสูง ก็มักจะมีความขยันขันแข็ง และเพียรพยายามในการ ทางานเพ่อื ให้มาซึ่งเงินทองและสิ่งทต่ี นพึงปรารถนาเหล่านี้ เปน็ ต้น ด้วยเหตุที่ค่านิยมเป็นตัวกาหนดความประพฤติและการปฏิบัติของตน และการประพฤติการ ปฏิบัติของตนเป็นตัวการทาให้สังคมเปล่ียนไป เราจึงอาจจะกล่าวได้ว่าค่านิยม มีส่วนทาให้เกิดการ เปล่ียนแปลงทางสังคม ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี ก็มี ส่วนทาให้ค่านิยมใหม่ๆ เกิดข้ึนได้เหมือนกัน พูดอีกนัยหน่ึงก็คือ ค่านิยมเป็นได้ทั้งเหตุและผลของการ เปลี่ยนแปลง ดังน้ันค่านิยมจึงมีความสาคัญมาก เพราะส่งผลกระทบกระเทือนถึงความเจริญ ความเส่ือมของ สังคม และความม่ังคงของชาติ กล่าวคือ สังคมท่ีมีค่านิยมที่เหมาะสม ถูกต้อง เช่น ความซื่อสัตว์ ความ ขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย ความสามัคคี เป็นต้น สังคมน้ันย่อมจะเจริญก้าวหน้าอย่าง แน่นอน สังคมใดมีค่านิยมไม่เหมาะสม เช่น ขาดระเบียบวินัย ไร้ความสามัคคี เกียจคร้าน ฯลฯ สังคมนั้นจะ เสื่อมลงและขาดความม่ันคงภายในชาติ จึงจาเป็นอย่างยิ่งที่สังคมจะต้องสร้างค่านิยมท่ีเหมาะสมและเป็น คา่ นิยมทีน่ าไปสกู่ ารเปลีย่ นแปลงที่พึงปรารถนามากทสี่ ดุ ค่านิยมเกิดข้ึนจากผลผลิตของวัฒนธรรม สังคม สถาบัน รวมทั้งแรงผลักดันส่วนบุคคล ซ่ึง ต่างก็มีอิทธิพลในการป้ันแต่งค่านิยมขึ้นมาท้ังน้ัน แต่ค่านิยมท่ีจะเกิดข้ึนมาและเจริญงอกงามได้ดีเพียงใดนั้น ย่อมข้ึนอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละบุคคลอีกด้วย ทั้งนี้มีปัจจัยสาคัญอยู่ 2 ประการ (สมบูรณ์ ตันยะ, 2542) ได้แก่ 1. สภาพจิตใจและร่างกาย ซ่ึงได้มาโดยธรรมชาติที่เรียกว่า อุปนิสัย พรสวรรค์ เพศ วัย พนั ธุกรรม เปน็ ต้น 2. การเลี้ยงดู การจูงใจ การให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมของสังคมและธรรมชาติ การให้การศึกษา อบรมที่เรยี กวา่ การปลูกฝังหรอื วฒั นธรรมดา้ นต่าง ๆ หากปัจจัย 1 และ 2 แปรเปล่ียนไป ค่านิยมย่อมแปรเปล่ียนไปด้วยในทิศทางเดียวกันกับ ปัจจัยน้นั ๆ (พนัส หนั นาคินทร์, 2520) ไดส้ รปุ แนวคิดเกยี่ วกับค่านิยม ที่สนับสนนุ เรือ่ งนี้วา่ ค่านยิ มของแต่ละ คนนั้นเกดิ ขน้ึ จากประสบการณท์ ี่ได้รับการตรวจสอบแล้วของเขา และเน่ืองจากประสบการณ์ท่ีแตกต่างกันของ แต่ลุบุคคล จึงทาให้ค่านิยมของแต่ละบุคคลผิดแผนแตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรม หรือสังคม

62 : วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เดียวกันก็ตาม เม่ือประสบการณ์ของแต่ละบุคคลมีเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีผลกระทบกระเทือนทาให้เขา เปลีย่ นแปลงและวุฒิภาวะของประสบการณข์ องบุคคลนัน้ ๆ ดังนั้นกล่าวได้ว่า ค่านิยมเกิดข้ึนเพราะพื้นฐานความต้องการโดยธรรมชาติของมนุษย์ ด้วย การเรียนรู้ แล้วกลายเป็นค่านิยมข้ึนมา ค่านิยมที่ก่อตัวและฝังรากลึกนานเข้าก็จะมีอิทธิพลต่อทัศนคติและ พฤติกรรมของบุคคลท่ีแสดงออกในช่วยระยะเวลาหน่ึง และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลสมัย สภาพแวดล้อมและบคุ คลในสังคม อาจกล่าวได้ว่าค่านิยมเกิดข้ึนเพราะพ้ืนฐานความต้องการโดยธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยการ เรียนรู้แล้วกลายเป็นค่านิยมข้ึนมา ค่านิยมที่ก่อตัวและฝังรากลึกนานเข้าก็จะมีอิทธิพลต่อทัศนคติและ พฤติกรรมของบุคคลท่ีแสดงออกในช่วยระยะเวลาหนึ่ง และสามารถเปล่ียนแปลงได้ตามกาลสมัย สภาพแวดล้อมและบุคคลในสังคม ค่านิยมมีความเก่ียวพันกับวัฒนธรรม ค่านิยมบางอย่างได้สร้างแก่นของ วัฒนธรรมน่ันเอง เช่น ค่านิยมเรื่องรักอิสระเสรีของสังคมไทย ทาให้คนไทยมีพฤติกรรมท่ี “ทาอะไรตามใจ คือไทยแท้” เพราะฉะนั้นค่านิยมจึงมีความสาคัญมากและมีผลกระทบถึงความเจริญหรือความเสื่อมของสังคม กล่าวคือ สังคมที่มีค่านิยมที่เหมาะสมและถูกต้อง เช่น ถ้าสังคมใดยืดถือค่านิยมเรื่องความซ่ือสัตย์ ความ ขยันหม่ันเพียร ความเสียสละ หรือความสามัคคี สังคมน้ันย่อมจะเจริญก้าวหน้าแน่นอนแต่ในทางกลับกัน ถ้าสังคมใดมีค่านิยมที่ไม่สนับสนุนความเจริญ เช่น ค่านิยมท่ีเช่ือเร่ืองโชคชะตาก็จะก่อให้เกิดพฤติกรรม ไม่กระตือรอื รน้ หรอื เฉอื่ ยชา ซึ่งจะเป็นอปุ สรรคในการพฒั นา 4.6.2 ลกั ษณะของคา่ นิยมทแ่ี ทน้ ั้นจะมลี กั ษณะดงั ต่อไปน้ี 1. เป็นค่านิยมท่ีบุคคลเลือกหรือยอมรับ โดยไม่ได้ถูกบังคับบุคคลมีเสรีภาพในการตัดสินใจ เลอื กหรอื ยอมรับค่านยิ มใดกไ็ ดท้ ่เี ห็นวา่ เหมาะสมน่าปฏิบตั ิ 2. เป็นค่านิยมที่บุคคลมีโอกาสเลือกจากตัวเลอื กหลาย ๆ ตัว ไม่ใช่เป็นเพราะมีตัวเลอื กจากดั เพียงสิง่ เดียว จึงทาให้ตอ้ งยอมรบั โดยปรยิ าย 3. เป็นคา่ นยิ มทไ่ี ด้รับการกล่ันกรองพิจารณาอย่างรอบคอบจากบุคคลตลอดจนมกี ารวิเคราะห์ ข้อดีข้อเสียของตัวเลือกหลาย ๆ ตัวเมื่อเห็นว่าตัวเลือกใดดีที่สุดเหมาะสมท่ีสุดหรือมีเหตุผลในการสร้าง ความพอใจได้มากท่สี ดุ ก็จะเลือกตวั เลือกนน้ั 4. เปน็ ค่านยิ มท่ีบคุ คลยกย่อง เทดิ ทนู และภูมใิ จ 5. เป็นค่านิยมที่บุคคลสามารถยอมรับอย่างเปิดเผยและพร้อมที่จะสนับสนุนค่านิยมท่ีตน ยอมรับ 6. เปน็ คา่ นยิ มทีบ่ ุคคลยดึ ถอื ปฏบิ ัตจิ รงิ ไม่ใชเ่ พยี งคาพุดเทา่ นน้ั 7. เป็นค่านิยมทบี่ คุ คลปฏิบัตอิ ยเู่ สมอ ๆ บอ่ ย ๆ ไม่ใช่ปฏบิ ัติเป็นคร้ังคราว จากลักษณะข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมที่แท้น้ันเป็นค่านิยมท่ีผ่านการเลือกมาอย่างดีและ เมื่อเลือกแล้วก็ถือปฏิบัติอย่างสม่าเสมอด้วยความม่ันใจความภูมิใจ และพอจะสรุปได้ว่าค่านิยมนั้น เป็น ความคิดหรือความเช่ือที่บุคคลพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่า จึงนามาใช้ในการประกอบการ ตัดสินใจทีจ่ ะแสดงพฤติกรรมออกมาในสถานการณ์ต่าง ๆ กนั

วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 63 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางที่ 4.1 อิทธพิ ลของค่านยิ มที่มตี อ่ พฤตกิ รรมของบุคคล คา่ นิยมสงั คมเมอื ง คา่ นยิ มสังคมชนบท 1. เชื่อในเร่ืองเหตแุ ละผล 1. ยอมรบั บญุ รับกรรมไม่โต้แย้ง 2. ข้ึนอยู่กบั เวลา 2. ขน้ึ อยูก่ ับธรรมชาติ 3. แขง่ ขนั มาก 3. เชือ่ ถือโชคลาง 4. นิยมตะวนั ตก 4. ชอบเสยี่ งโชค 5. ชอบจดั งานพิธี 5. นยิ มเครื่องประดบั 6. ฟมุ่ เฟือยหรหู รา 6. นยิ มคุณความดี 7. นิยมวัตถุ 7. นิยมพธิ กี ารและการทาบญุ เกินกาลัง 8. ชอบทาอะไรเปน็ ทางการ 8. ชอบเป็นฝ่ายรบั มากกว่าฝา่ ยรกุ 9. ยกยอ่ งผู้มีอานาจผู้มีตาแหน่ง 9. ทางานเป็นเล่น ทาเล่นเป็นงาน 10. วนิ ัย 10. พง่ึ พาอาศยั กัน 11. ไมร่ ักของส่วนรวม 11. มีความเป็นส่วนตวั มากเกินไป 12. พดู มากกวา่ ทา 12. รักญาตพิ ีน่ ้อง 13. ไมช่ อบเหน็ ใครเหนือกวา่ 13. มคี วามสันโดษ 14. เหน็ แก่ตัวไม่เช่ือใจใคร 14. หวงั ความสุขชว่ั หนา้ 4.6.3 ประเภทของค่านิยม ค่านิยมนั้นกลา่ วกันโดยทวั่ ไปวา่ มี 2 ประเภท คือ คา่ นิยมส่วนบุคคลและค่านยิ มของสงั คม 1. ค่านิยมส่วนบุคคล ค่านิยมส่วนบุคคลเป็นการตัดสินใจเลือกในสิ่งหรือสถานการณ์ท่ีตน ตอ้ งการหรือพอใจนน้ั ถือว่าเปน็ คา่ นยิ ม (Value) ของบคุ คลน้ัน เชน่ นายแดง อยากเป็นคนขยันขันแข็งเอาการ เอางาน นายแดงก็จะปฏิบัติตามตามพ้ืนฐานของความคิดของตนเอง เพราะฉะน้ัน นายแดงจะมีค่านิยมของ ความขยนั ขันแขง็ และแสดงความเป็นคนขยันออกมา 2. ค่านิยมของสังคม ซึ่งนักวิชาการได้แสดงทัศนะไว้ต่าง ๆ กัน ดังน้ี ค่านิยมของสังคม คือ การรวมค่านยิ มของคนสว่ นใหญใ่ นสังคม กล่าวคอื สมาชกิ ของสงั คมสว่ นใหญ่นยิ มส่ง หรืออยากจะปฏบิ ัติตนใน สถานการณ์น้ัน ๆ อย่างไร สิ่งหรือสถานการณ์นั้น ๆ ก็กลายเป็นค่านิยมของสังคมนั้น ขอยกตัวอย่าง เช่น ในสถานการณ์ที่ผัวเมียตบตกี ัน สมาชิกส่วนใหญ่ของสังคมอยากสอดรู้สอดเห็นถึงความเดือดร้อนของคนอื่นจงึ ได้ไปมงุ ดู การมุงดกู ็เป็นค่านยิ มของสงั คมนน้ั ค่านิยมส่วนบุคคล หมายถึง ส่ิงที่ตนสนใจ สิ่งที่ตนปรารถนาจะได้ ปรารถนาจะเห็นหรอื กลับ กลายมาเป็นส่ิงที่คนถือว่าเป็นส่ิงบังคับ ต้องทาต้องปฏิบัติ เป็นสิ่งท่ีคนบูชายกย่อง และมีความสุขจะได้เห็น ได้ฟงั ได้เป็นเจ้าของ

64 : วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ค่านิยมของสังคม หมายถึงค่านิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคมกล่าวคือสมาชิกของสังคม ส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นส่ิงท่ีดีงาม หรือควรแก่การปฏิบัติส่ิงหรือสถานการณ์นั้น ๆ ก็จะกลายเป็นค่านิยมของ สงั คมนั้น ๆ ค่านิยมแบ่งออกเป็น 2 ระดบั คอื 1. ค่านิยมในทางปฏิบัติ (Pragmatic values) เป็นหลักของศีลธรรมที่ต้ังอยู่บนรากฐานท่ีว่า ตนในสงั คมต้องพ่ึงพาอาศัยกัน ดงั น้ันคา่ นิยมจงึ ประณาม สงิ่ ทที่ าให้เกดิ ความแตกแยกในสงั คม เชน่ การคดโกง การทารา้ ยกนั และยกย่องพฤติกรรมที่เป็นประโยชนต์ ่อสว่ นรวม เช่น ความขยนั ขันแข็ง ความซือ่ สตั ย์ 2. ค่านิยมอุดมคติ (Ideal values) ซ่ึงมีความลึกซึ่งกว่าค่านิยมในทางปฏิบัติ เช่นศาสนา คริสต์สอนว่าให้คนรักเพื่อนบ้านเหมือนกับรักตนเอง ซ่ึงน้อยคนที่จะปฏิบัติตามได้ แต่ค่านิยมระดับน้ีก็มี ความสาคัญในการทาให้คนเหน็ แกต่ วั น้อยลง 4.6.4 ค่านยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช. การสรา้ งค่านยิ มหลักของคนไทย ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพ่ือ สร้างสรรค์ประเทศไทยใหเ้ ข้มแข็ง โดยตอ้ งสรา้ งคนในชาติให้มีคา่ นยิ มไทย 12 ประการ 1. มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ พฤติกรรมบ่งช้ี เช่น ยืนตรงเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติและ อธิบายความหมายของเพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง 1.2 ธารงไว้ซ่ึงความเป็นไทย พฤติกรรมบ่งช้ี เช่น เข้าร่วม ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมที่ สรา้ งความสามัคคี ปรองดองทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อ โรงเรยี น ชุมชนและสังคม 1.3 ศรัทธา ยึดมั่น ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น เข้าร่วมกิจกรรม ทางศาสนาท่ีตนเองนับถือ (ศาสนาพุทธ) และปฏิบัตติ นตามหลักของศาสนาท่ตี นนบั ถอื 1.4 เคารพเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น มสี ่วนร่วมหรือจดั กิจกรรม ทเ่ี ก่ียวกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ 2. มคี วามซื่อสัตย์สุจริต 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทายกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น ให้ข้อมูลท่ีถูกต้องและเป็นจริงปราศจากความลาเอียง และปฏิบัติตนโดยคานึงถึงความถูกต้องละอายและ เกรงกลัวต่อการกระทาผิดและปฏิบตั ติ ามคามนั่ สัญญา 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อ่ืนทั้งทายกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น ไม่ถือเอาสิ่งของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรงและไม่หาประโยชน์ ในทางทีไ่ ม่ถกู ต้อง 3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียนและสังคม ไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผู้อ่ืนและตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั และรับผดิ ชอบในการทางาน

วิชาคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 65 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรียนทง้ั ทางตรงและทางอ้อม 4.1 ต้ังใจเพียรพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ พฤติกรรมบ่งช้ี เชน่ ต้งั ใจเรยี น เอาใจใส่และมคี วามเพียรพยายามในการเรยี นรู้ และสนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนร้ตู า่ ง ๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการ เลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์สรุปเป็นองค์ความรู้และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ พฤติกรรมบง่ ชี้ เช่น ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร ส่งิ พมิ พ์ สือ่ เทคโนโลยีตา่ ง ๆ แหลง่ เรยี นรู้ทั้ง ภายในและภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสิ่งที่ เรยี นรู้ สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้ และแลกเปล่ียนความรู้ดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ เพ่อื นาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั 5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย 5.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทยและมีความกตัญญู กตเวที พฤตกิ รรมบง่ ช้ี เช่น แต่งกายและมมี ารยาทงดงามแบบไทย มสี มั มาคารวะ กตญั ญกู ตเวทีตอ่ ผมู้ พี ระคุณ ร่วมกิจกรรมท่เี กี่ยวขอ้ งกับประเพณี ศลิ ปะ และวฒั นธรรมไทย และชักชวน แนะนาให้ผู้อืน่ ตามขนบธรรมเนียม ประเพณี ศลิ ปะ และวฒั นธรรมไทย 5.2 เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม พฤติกรรมบ่งช้ี เช่น ใช้ภาษาไทยและเลขไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและชักชวน แนะนาให้ผู้อื่นเห็นคุณค่า ของการใชภ้ าษาไทยท่ถี ูกตอ้ ง 5.3 อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทย พฤติกรรมบ่งช้ี พฤติกรรมบ่งชี้ เช่น นาภูมิปัญญา ไทยมาใช้ให้เหมาะสมในวิถีชวี ิตร่วมกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับภมู ิปัญญาไทยและแนะนามีสว่ นร่วมในการสบื ทอด ภมู ปิ ญั ญาไทย 6. มีศีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ 6.1 การที่เราให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐ การทาสิ่งต่าง ๆ ด้วย ความหวังดี ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ท่ีเราจะได้คือความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เราก็จะได้มิตรสัมพันธ์ท่ีดี ศีลธรรมก็เป็น ข้อท่ีเราควรถอื ไวใ้ นใจ เชน่ ศีล 5 และการทีเ่ ราส่อื สัตย์ตลอดไมว่ ่าจะทาอะไร จะทาใหเ้ ราเป็นคนดีในสงั คม 7. เข้าใจเรียนรูก้ ารเป็นประชาธิปไตย 7.1 เสริมสร้างความรู้เก่ียวกับการปกครองไทยหรือสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การส่งเสริม คุณลักษณะการเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย อันประกอบไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม และความรู้ความ เข้าใจเก่ียวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระบบ รัฐสภา 8. มีระเบียบวนิ ยั รักษากฎหมาย ผ้นู ้อยรู้จักเคารพผู้ใหญ่ 8.1 การควบคุมตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน มเี หตผุ ลและเป้าหมาย ในการเพิ่มพูนความรู้ เพ่ือพัฒนาตนเอง โดยการจัดตารางเวลาและการควบคุมตนเองให้ปฏิบัติตามตาราง ดังกล่าว 8.2 การประพฤติปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน ยึดม่ันในขนบธรรมเนียมประเพณีท่ี ดีงาม เคารพปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับของสังคม รู้จักใช้สิทธิและหน้าที่ ละเว้น การใช้อภิสิทธิ์โดยรับ

66 : วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บริการและให้บริการที่เป็นไปตามลาดับก่อนหลงั อกี ท้ังมมี ารยาทในการใช้ถนน การขบั ขย่ี านพาหนะ โดยการ ปฏิบัตติ ามกฎจราจร 9. มีสตริ ้ตู ัว รคู้ ิด รทู้ า 9.1 ต้ังใจและรับผิดชอบ มีสติ คิดรอบคอบ ทาในส่ิงที่เป็นประโยชน์ ในการปฏิบัติหน้าท่ี การงาน พฤติกรรมบง่ ช้ี เช่น เอาใจใส่ต่อการปฏบิ ัตหิ น้าที่ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการทางาน ให้สาเร็จ และปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานดว้ ยตนเอง 9.2 ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย พฤติกรรม บ่งช้ี เช่น ทุ่มเททางาน อดทน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคในการทางาน พยายามแก้ปัญหาและอุปสรรค ในการทางานใหส้ าเรจ็ และชื่นชมผลงานดว้ ยความภาคภมู ิใจ 10. รู้จักดารงตนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 10.1 ดาเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม พฤติกรรมบ่งช้ี เชน่ ใชท้ รพั ยส์ ินของตนเอง เชน่ เงนิ ส่งิ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี รวมทง้ั การใช้เวลาอย่างเหมาะสม ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแลอย่างดี ปฏิบัติ ตนและตัดสินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผลและไม่เอาเปรียบผู้อ่ืนและไม่ทาให้ผู้อื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัย เมือ่ ผ้อู ื่นกระทาผดิ 10.2 มีภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี ปรบั ตัวเพอื่ อยู่ในสังคมได้อยา่ งมีความสุข พฤตกิ รรมบง่ ชี้ เชน่ วางแผนการเรียน การทางานและการใช้ชีวิตประจาวันบนพื้นฐานของความรู้ ข้อมูล ข่าวสารและรู้เท่าทันการ เปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรบั ตวั เพอื่ อยู่รว่ มกับผูอ้ นื่ ได้อย่างมคี วามสุข 11. มีความเข้มแข็งทง้ั รา่ ยกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจใฝ่ต่า 11.1 มีความละอายต่อบาป จะทาสิ่งใดต้องคานึงถึงจิตใจของผู้อื่น ไม่ทาให้ผู้อ่ืนได้รับ ความเดือดร้อนทั้งด้านร่างกายและจิตใจมีศีลธรรมและการปฏิบัติตัวให้เข้ากับผู้อื่นทั้งด้านจิตใจ มีจิตใจท่ี เขม้ แขง็ ยอมรบั ผดิ ความคดิ เห็นของผู้อื่น 11.2 มคี วามเข้มแข็งและเชอื่ ม่นั ในตนเองและเช่ือในจิตใจของตนเอง และไม่หวัน่ ไหวต่อ อานาจหรือกิเลส 11.3 ส่งเสริมสนับสนุนบทบาทของครอบครัว ชุมชนในการสร้างเสริมสุขภาพอย่าง เหมาะสม และไดร้ ับความปลอดภยั อยา่ งเหมาะสม 12. คานงึ ถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง 12.1 ชว่ ยเหลอื ผอู้ ื่นด้วยความเต็มใจและพงึ พอใจโดยไม่หวังผลตอบแทน พฤติกรรมบง่ ชี้ เช่น ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูทางานด้วยความเต็มใจ อาสาทางานให้ผู้อ่ืนด้วยกาลังกาย กาลังใจ และ กาลังสติปัญญาโดยไม่หวังผลตอบแทนและแบ่งปันส่ิงของ ทรัพย์สิน และอ่ืน ๆ และช่วยแก้ปัญหาหรือสร้าง ความสขุ ให้กับผอู้ ื่น 12.2 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤติกรรมที่บ่งชี้ เช่น ดูแลรักษาสาธารณสมบัติและส่ิงแวดล้อมด้วยความเต็มใจ เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน

วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 67 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชุมชนและสังคม และเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหาหรือร่วมสร้างส่ิงท่ีดีงามของส่วนรวมตามสถานการณ์ท่ี เกิดขึ้นดว้ ยความกระตือรอื ร้น ค่านิยม\" ของ คสช. ที่ประชาชนให้ความสาคัญ \"สวนดุสิตโพล\" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้สารวจ ความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จานวน 1,532 คน ระหว่างวันท่ี 22-27 ก.ย. 57 สรุปผลได้ ดังน้ี \"คา่ นิยม\" ของ คสช.ทีป่ ระชาชนให้ความสาคญั อนั ดบั 1 มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ 96.13% อนั ดับ 2 กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์ 90.80% อันดับ 3 ซอ่ื สัตย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณใ์ นสิ่งท่ดี ีงามเพ่อื สว่ นรวม 87.28% อันดบั 4 คานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องส่วนรวมและของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง 82.30% อันดบั 5 มศี ลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผ้อู น่ื เผ่ือแผ่และแบ่งปัน 80.12% อนั ดบั 6 ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเลา่ เรยี นทั้งทางตรงและทางอ้อม 79.88% อนั ดับ 7 มีสติรตู้ วั รู้คดิ รูท้ า รู้ปฏิบัตติ ามพระราชดารัสของพระเจา้ อยู่หวั 78.40% อันดบั 8 มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยร้จู ักการเคารพผู้ใหญ่ 75.79% อันดับ 9 เข้าใจเรยี นร้กู ารเปน็ ประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ ทถี่ ูกต้อง 75.14% อันดับ 10 รจู้ กั ดารงตนอยู่โดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดารัสฯ 72.55% อันดบั 11 มีความเข้มแข็งท้ังร่างกายและจิตใจ ไมย่ อมแพ้ตอ่ อานาจฝา่ ยตา่ หรือกเิ ลสฯ 71.29% อันดับ 12 รกั ษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม 70.68%

68 : วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เอกสารอ้างอิง ขจดั ภยั บรุ ษุ พัฒน. (2556). คุณธรรมนาชีวติ พลิกวกิ ฤตเปนโอกาส (พิมพคร้งั ท่ี 3). กรุงเทพฯ: ฐานบันฑิต. ชยสาโรภกิ ข.ุ (2549). โหลหนงึ่ กถ็ ึง: คณุ ธรรม 12 ประการ เพอื่ ความสาเร็จในการศกึ ษาวถิ ีพุทธ โรงเรียน ทอส.ี กรุงเทพฯ: ควิ พรน้ิ ท์ แมเนจเม้นท์. ชยสาโรภกิ ขุ. (2552). สรณะ (พิมพ์ครง้ั ท่ี 2). กรุงเทพฯ: คิว พรนิ้ ท์ แมเนจเม้นท์. พนม พงษ์ไพบลู ย.์ (2540). การศึกษากบั การเสริมสรา้ งความซ่ือสตั ย์สจุ ริต. วารสารแนะแนว. 31(165) : 4 มกราคม. พนสั หนั นาคินทร.์ (2520). การสอนคา่ นยิ ม. พษิ ณุโลก: มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2546). ธรรมนูญชีวิต พทุ ธจริยธรรมเพือ่ ชวี ติ ทีด่ งี าม (พมิ พ์ครง้ั ท่ี 57). กรุงเทพฯ. สุจนิ ดา ขจรร่งุ ศิลป.์ (Online). แนะปลกู ฝงั เดก็ ใหซ้ ่ือสัตย์ต้องเรมิ่ ท่ีปฐมวัย. สบื ค้นจาก http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROc1lXUXdNekV5TURFMU13PT0= เมื่อวนั ท่ี 11 มนี าคม 2558. สมบูรณ์ ตันยะ. (2542). คา่ นิยมทางการศึกษาของไทย: อดตี ปัจจบุ นั อนาคต. นครราชสีมา: สถาบัน ราชภัฏนครราชสีมา. สรุ พล ธรรมร่มดี. (2551). หัวใจรงุ่ อรุณ. กรงุ เทพฯ: สานอักษร มลู นิธโิ รงเรยี นรุง่ อรณุ . เสาวนิจ รัตนวิจติ ร นจิ อนันต์ชยั . (2547). การปลกู ฝังคณุ ธรรมความซ่ือสัตย์ ชุมชนพุทธ ครสิ ต์ อสิ ลาม. กรงุ เทพฯ: เฟ่อื งฟ้า. อดิศร จนั ทรสุข. (2548). รายงานการวิจยั การปลกู ฝังคุณธรรมในเด็กปฐมวัยผา่ นกระบวนสร้างสรรค์ของ แกนนาโรงเรียนวถิ พี ทุ ธ. โครงการวจิ ัยภายใต้ทนุ สนับสนนุ จากศนู ยส์ ่งเสรมิ และพฒั นาพลงั แผน่ ดิน เชิงคณุ ธรรม (ศูนย์คุณธรรม) สานักงานบริหารและพฒั นาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน).

บทท่ี 5 จรรยาบรรณของวิชาชพี ท่ีคุรุสภากาหนด อาจารย์อลงกรณ์ เกิดเนตร คุรุสภา เป็นสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดต้ังข้ึนตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทาง การศึกษา พ.ศ. 2546 มีบทบาทในการกาหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กากับ ดูแล การปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานวชิ าชีพและจรรยาบรรณของวชิ าชีพ รวมท้งั การพัฒนาวชิ าชีพทางการศึกษา ซ่ึงเป็นการยกระดับวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นวิชาชีพช้ันสูง โดยพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทาง การศกึ ษา พ.ศ. 2546 มาตรา 8 กาหนดวัตถุประสงค์ของคุรสุ ภาไว้ดังนี้ 1. กาหนดมาตรฐานวิชาชพี ออกและเพิกถอนใบอนุญาต กากบั ดแู ลการปฏบิ ัตติ ามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณวชิ าชีพ รวมทัง้ การพฒั นาวิชาชีพ 2. กาหนดนโยบายและแผนพฒั นาวชิ าชีพ 3. ประสาน สง่ เสริมการศกึ ษาและการวจิ ยั เกย่ี วกับการประกอบวิชาชพี จิราพร รัตนคา (2558) กล่าวว่า อาชีพแต่ละอาชีพย่อมมีความแตกต่างกันออกไป ทุกอาชีพต่างมี จุดประสงค์หลักท่ีเหมือนกันก็คือจะมีจรรยาบรรณใช้เป็นหลักยึดถือในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ ซึ่งถือเป็น คุณธรรมประจาของแต่ละอาชีพและความรับผิดชอบในอาชีพน้ัน ๆ ถ้าได้ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของอาชีพ น้ัน ๆ แล้วจะทาให้งานท่ีทามีประสิทธิภาพ บังเกิดผลดี ปราศจากข้อตาหนิติเตียนในการทางาน ทาให้ผลงาน ท่ีทาออกมาประสบผลสาเร็จได้เป็นอย่างดี จรรยาบรรณจึงใช้เป็นหลักปฏิบัติในการประกอบทุกอาชีพ สว่ นวิชาชพี ครูน้ัน เป็นวชิ าชพี ช้ันสงู ท่ีไดร้ ับการยกย่องจากสังคมทั่วไป ไม่แตกต่างไปจากวิชาชีพช้นั สูงอ่ืน ๆ เชน่ วิชาชีพทางการแพทย์ วิศวกร ทนายความ สถาปนิก วิชาชีพต่าง ๆ เหล่าน้ีล้วนมีจรรยาบรรณวิชาชีพของ ผู้ประกอบวิชาชีพ เพ่ือใช้เป็นแนวทางในปฏิบัติและสร้างความเช่ือถือให้เกิดขึ้นในวงการวิชาชีพต่าง ๆ น้ันด้วย โดยทั่วไปแล้ว จรรยาบรรณไม่ใช่ข้อบังคับเด็ดขาดเหมือนกฎหมาย แต่เป็นแนวทางในวิชาชีพท่ีผู้มีอาชีพนั้น ๆ ใช้ยึดถือปฏิบัติ จรรยาบรรณวิชาชีพทุกสาขาจึงมีจุดมุ่งหมายไม่แตกต่างกัน คือ สร้างความเจริญก้าวหน้า ในวชิ าชพี และยกระดับวชิ าชีพของตนใหเ้ ป็นทย่ี อมรับในสังคม 5.1 ความหมายของจรรยาบรรณ (Ethics Codes) สานักงานข้าราชการพลเรือน กาหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2537 ว่าเป็นประมวลความประพฤติเพ่ือรักษาไว้ซ่ึงศักดิ์ศรีและส่งเสริมช่ือเสียงเกียรติคุณ เกียรติฐานะ ของข้าราชการพลเรอื น อนั จะยงั ผลให้ผูป้ ระพฤตเิ ปน็ ที่เล่อื มใสศรทั ธาและยกย่องของบุคคลทว่ั ไป ราชบัณฑิตยสถาน (2542, หนา้ 289) ใหค้ วามหมายของ จรรยาบรรณ วา่ เปน็ คานาม หมายถึง ประมวล ความประพฤติท่ีผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่างกาหนดขึ้น เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียงและ ฐานะของสมาชกิ อาจเขยี นเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรหรอื ไม่ก็ได้

70 : วิชาคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (2551, หน้า 11) กล่าวว่า จรรยาบรรณ คือ ประมวลความประพฤติท่ี ดีงามที่มหาวิทยาลัยกาหนดขึ้น ตามข้อบังคับ เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง ฐานะของบุคลากร และให้หมายความรวมถึงจรรยาบรรณวิชาชีพเฉพาะท่ีองค์กรวิชาชีพนั้น ๆ กาหนดข้ึนด้วย เช่น บุคลากรพึงมี จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง จรรยาบรรณตอ่ ผูบ้ ังคบั บัญชา ผู้ใต้บงั คับบญั ชาและผู้รว่ มงาน เปน็ ต้น กลั ยาณี สูงสมบัติ (2557) กลา่ วว่า จรรยาบรรณ คอื กรอบหรอื แนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิที่ดีงาม ของการประกอบอาชีพในสาขาต่าง ๆ หรือรูปแบบในการดารงตนของคนในกลุ่ม สังคม หมู่คณะ หรือองค์กร ตา่ ง ๆ ซงึ่ นอกเหนือจากการแสดงออกในแนวทางท่ีถูกต้องท่ีสังคมยอมรับแลว้ การมจี ิตสานกั ท่ีดี มจี ติ ใจงาม มี ความเมตตา โอบอ้อมอารี ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ประกอบสัมมาอาชีพ หรือ การดารงตนที่ จะส่งผลต่อช่ือเสียง เกียรติยศ และความมีคุณธรรมของแต่ละบุคคล หรือ ผู้ประกอบการหรือกลุ่มสังคมน้ัน ๆ ทีส่ ามารถจะมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ ธนาคารพัฒนาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (2557) กล่าววา่ จรรยาบรรณ คือ หลักความประพฤติปฏิบัติอันเหมาะสมแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงปฏิบัติในการประกอบวิชาชีพที่ บุคคลในแต่ละวิชาชีพได้ประมวลข้ึนเป็นหลัก เพื่อให้สมาชิกในสาขาวิชาชีพนั้น ๆ ยึดถือปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นถึง จริยธรรมปลูกฝัง และเสริมสร้างให้สมาชิกมีจิตสานึกบังเกิดขึ้นในตนเองเกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติในทางท่ี ถูกท่ีควรและมุ่งหวังให้สมาชิกได้ยึดถือ เพ่ือรักษาชื่อเสียงและส่งเสริมเกียรติคุณของสมาชิกและสาขาวิชาชีพ ของตน จิราพร รัตนคา (2558) กล่าวว่า จรรยาบรรณ หมายถึง ข้อควรประพฤติท่ีดีงามสาหรับสมาชิก ในวิชาชีพนั้น ๆ ข้อควรประพฤตินี้ ถ้าเราฝ่าฝืนจะเกิดโทษ จรรยาบรรณวิชาชีพจึงเป็นมาตรฐาน ความ ประพฤติ และวิจารณญาณทางศีลธรรมและวิชาชีพที่เป็นกฎเกณฑ์หรือแบบแผนของความประพฤติ สาหรับ ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพหน่ึง หลักปฏิบัติดังกล่าวอาศัยหลักธรรม ความถูกต้อง ส่วนใหญ่ กาหนดโดยสมาคมวชิ าชีพนน้ั ๆ ดังน้ัน จรรยาบรรณ หมายถงึ ข้อกาหนดหรือข้อควรประพฤติปฏบิ ัติของผู้ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ เพ่ือ ดารงรกั ษาไวซ้ ่งึ ความถกู ต้อง ดงี าม ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายและความเส่ือมเสียต่อวิชาชพี นัน้ ๆ จรรยาบรรณ ของวิชาชีพ จึงเปรียบเสมือนเป็นการกาหนดข้อห้ามไม่ให้สมาชิกกระทาหรือประพฤติปฏิบัติ อันจะก่อให้เกิด ความเสยี หาย ความเสื่อมเสยี ต่อวิชาชพี โดยส่วนรวมนน่ั เอง 5.2 ความสาคญั ของจรรยาบรรณ วชั รี ตระกูลงาม (2553, หน้า 71) กล่าวถึง ความสาคัญของจรรยาบรรณไว้เป็นรายข้อดังต่อไปนี้ 1. ชว่ ยควบคุมมาตรฐานประกนั คณุ ภาพและปรมิ าณทถี่ ูกตอ้ งในการประกอบอาชีพ 2. ชว่ ยควบคุมจริยธรรมของผู้ประกอบอาชพี ใหเ้ ปน็ ผ้มู คี วามซอื่ สตั ยส์ ุจรติ และยุติธรรม 3. ชว่ ยส่งเสริมมาตรฐานคณุ ภาพและปรมิ าณท่ีดีมีคุณค่า และเผยแพร่ใหร้ ้จู ักเปน็ ที่นยิ มเชือ่ ถือ 4. ชว่ ยสง่ เสรมิ จรยิ ธรรมของผปู้ ระกอบอาชีพให้มีความเมตตากรุณา เห็นอกเหน็ ใจต่อผู้ร่วมงาน 5. ชว่ ยลดปัญหาการเอารดั เอาเปรียบ การคดโกงฉ้อฉล ความเหน็ แก่ตัว ตลอดจนความมักง่าย ใจแคบ ไม่ยอมเสียสละ

วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู : 71 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ช่วยเนน้ ให้เหน็ ชดั เจนย่ิงขึน้ ในภาพพจน์ทด่ี ขี องผู้มีจริยธรรม 7. ช่วยทาหน้าท่ีพิทักษ์สิทธิตามกฎหมายสาหรับผู้ประกอบอาชีพ ให้เป็นไปโดยถูกต้องตามทานอง คลองธรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (2554, หน้า 2) ให้ความสาคัญเก่ียวกับจรรยาบรรณไว้ว่า มีคุณค่าเป็น พเิ ศษตอ่ ตนเองและสว่ นรวม ดังน้ี 1. ความสาคัญต่อตนเอง ทาให้บุคคลมีความประพฤติที่ดีงาม มีระเบียบวินัย มีน้าใจเอ้ืออาทร ชว่ ยเหลือซงึ่ กันและกนั 2. ความสาคัญตอ่ ส่วนรว่ ม ทาให้เกิดเจตคติท่ดี ี มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สว่ นร่วม สงั คมมีระเบยี บ มีน้าใจ เอื้ออาทรซ่ึงกันและกัน คนในสังคมอยู่ ร่วมกันอย่างมีความสุข ท้ังชีวิตครอบครัวและการงาน สังคมพ้นจาก การกดข่ีข่มแหงรังแกกัน พ้นจากภัยพิบัติ มีความเจริญพร้อมท้ังด้านวัตถุและจิตใจ สังคมเป็นปกติสุข และ รม่ เย็น มีความสงบเรียบรอ้ ยนา่ อยู่ นา่ ทางาน ณรงค์วิทย์ แสนทอ (2557) กล่าวถึงความสาคัญของจรรยาบรรณว่า จรรยาบรรณคือประเด็นการ บริหารท่ีสาคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม ถึงจรรยาบรรณจะไม่ใช่ส่ิงที่จะทาให้องค์กรมีกาไรมากข้ึน แต่ถ้าขาด ส่ิงนี้แล้วอาจจะทาให้องค์กรเดินไปสู่ความพินาศได้ภายในระยะเวลาอันส้ัน “จรรยาบรรณ” จึงถือเป็นหัวใจ สาคัญอย่างหน่ึงขององค์กรในปัจจุบัน เพราะถ้าบุคลากรในองค์กรใดขาดในเรื่องน้ีแล้ว โอกาสที่องค์กรจะ ก้าวหน้าลดหน้าลงแน่นอน แต่ที่สาคัญกว่าน้ีคือโอกาสล้มเหลวมีมากขึ้น จรรยาบรรณเปรียบเสมือนภูมิคุ้มกัน โรค “ทุจริต” ให้กับองค์กร องค์กรไหนมีภูมิคุ้มกันดี ถึงแม้ว่าจะมีคนไม่ดีอยู่บ้างก็คิดว่าคงไม่สามารถทาอะไร องค์กรได้ ไม่แตกต่างอะไรไปจากภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันดี ร่างกายแข็งแรง ถึงแม้จะมีโรค อะไรมารุมเร้า รา่ งกายเราก็สามารถตอ่ สกู้ บั มนั ได้ พฤทธ์ิ ศิริบรรณพิทักษ์ (2557) กล่าวว่า ในการทางานของมนุษย์ท่ีเรียกว่าเป็นอาชีพต่าง ๆ น้ัน สามารถจาแนกระดับทักษะในการทางานได้เป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled labor) ระดับแรงงานก่ึงฝีมือ (Semi-skilled labor) ระดับฝีมือ (Skilled labor) และระดับวิชาชีพ (Profession) ดังนั้น การทางานในระดับวิชาชีพจึงถือว่าเป็นระดับทักษะขั้นสูงของการทางาน ซึ่งจะต้องเกิดจากการสั่งสม ความรู้ ความชานาญ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณใ์ นการทางานนน้ั ๆ จนได้รบั การยอมรบั โดยท่ัวไปเป็น อย่างดี วิชาชีพต่าง ๆ จึงต้องมีการกาหนดจรรยาบรรณ หรือข้อกาหนดกฎเกณฑ์ หรือมีกฎหมายควบคุม เพ่ือรับรองให้เหมาะสมกับท่ีเป็นมาตรฐานของวิชาชีพช้ันสูง จรรยาบรรณวิชาชีพครูจึงมีความสาคัญต่อ วิชาชีพครู เช่นเดียวกับท่จี รรยาบรรณวชิ าชพี อ่ืน ๆ มีความสาคัญต่อวิชาชพี นั้น ๆ ซึ่งสามารถสรุปความสาคัญ ของจรรยาบรรณที่มีต่อวิชาชีพได้เป็น 3 ประการ คือ ปกป้องการปฏิบัติงานของสมาชิกในวิชาชีพ รักษา มาตรฐานวิชาชพี และพฒั นาวิชาชพี ส่วนจรรยาบรรณวชิ าชพี ครูจะต้องมีลักษณะท่ีสาคัญ 4 ประการ คอื 1. เป็นคามัน่ สัญญาหรือพันธะผกู พนั ตอ่ ผู้เรียน (Commitment to the student) 2. เป็นคามนั่ สัญญาหรอื พันธะผูกพนั ตอ่ สังคม (Commitment to the society) 3. เป็นคามน่ั สญั ญาหรือพันธะผูกพนั ต่อวชิ าชีพ (Commitment to the profession) 4. เป็นคามั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อสถานปฏิบัติงาน (Commitment to the employment practice)

72 : วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประสาน อุฬารธรรม (2557) กล่าวว่า จรรยาบรรณมีความสาคัญเพราะเป็นพ้ืนฐานแนวทางต่อการ ปฏิบัติงานในอาชีพทุกอาชีพ ซึ่งจรรยาบรรณจะช่วยควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในองค์กรในแต่ละบทบาท หนา้ ที่ ช่วยให้การปฏิบัติหน้าทก่ี ารทางานเปน็ ไปโดยถูกต้อง รวมทั้งทาให้องค์กรมีความสามัคคีและปฏบิ ัติงาน ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ทาให้เกิดประสิทธิภาพในการทางาน นอกจากนั้น จรรยาบรรณจะช่วยให้การ บรหิ ารงานขององคก์ รเป็นไปดว้ ยคุณธรรม ไม่มกี ารเอารัดเอาเปรยี บซึ่งกนั และกัน ดังนั้น จรรยาบรรณจึงมีความสาคัญกับทุกวิชาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาชีพครูท่ีเป็นวิชาชีพแห่ง การหล่อหลอม ปลูกฝัง ถ่ายทอดวิชาความรูใ้ ห้กับเด็กและเยาวชนของประเทศชาติให้เป็นผู้มีความรู้ และครูยัง เปน็ ผสู้ ร้างอนาคตของประเทศชาติดว้ ยการอบรมส่ังสอนใหล้ ูกศิษย์เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม ครูทกุ คนจึง ควรเป็นผ้มู ีจรรยาบรรณของวิชาชพี เพ่ือชว่ ยควบคมุ มาตรฐานและการประพฤตปิ ฏบิ ัติตนท่ีดีตอ่ ไปในอนาคต 5.3 หลกั การสาคัญของจรรยาบรรณวชิ าชีพ ยนต์ ชุ่มจิต (2553, หน้า 206-207) กล่าวว่า ข้อกาหนดที่สาคัญประการหนึ่งในจานวน หลายๆ ข้อของการเป็นวิชาชีพหรืออาชีพช้ันสูง คือ การมีจรรยาบรรณ แม้ว่าวิชาชีพครูจะได้รับการรับรองอย่างเป็น ทางการให้เป็นวิชาชพี หรอื อาชีพชัน้ สูง ตามพระราชบัญญัติสภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 แต่ ผู้ประกอบวิชาชีพครูก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะอาชีพชั้นสูงมาเป็นเวลายาวนาน ก่อนที่จะมีการกาหนด จรรยาบรรณวิชาชีพครูขึ้นใช้ กล่าวคือ ผู้ประกอบวิชาชีพครู ได้ประพฤติปฏิบัติตนในฐานะแม่พิมพ์ ถ่ายทอด วิชาความรู้ อบรมส่ังสอนศษิ ยด์ ว้ ยวิญญาณความเป็นครู ส่ังสอนศษิ ยด์ ้วยความรักความเมตตา ประพฤติปฏิบัติ ตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม มีคุณธรรม จริยธรรมอันดีงาม โดยไม่จาเป็นต้องให้ผู้มีอานาจเหนือกว่ามาบังคับ บัญชาอยา่ งเขม้ งวดกวดขันตง้ั แตโ่ บราณกาล กล่าวโดยสรุปคือ ผู้ประกอบวิชาชีพครูได้ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณครูที่ไม่ได้เขียนไว้เป็น ลายลักษณ์อักษรต้ังแต่อดีตกาล เม่ือเริ่มมีการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนหรือต้ังแต่เร่ิมมีการเรียน การสอนเกิดข้ึน อย่างไรก็ตาม เม่ือการศึกษาได้รับการพัฒนาให้กว้างขวางขึ้น จึงจาเป็นต้องเพ่ิมสถานที่เรียน และจานวนครูมากข้ึน การคัดเลือกบุคคลเข้ามาประกอบวิชาชีพครูย่อมได้ทั้งคนที่ตั้งใจมาเป็นครูและไม่ได้ ตง้ั ใจมาเป็นครูอยา่ งแท้จริง พฤติกรรมของคนที่เปน็ ครูดว้ ยจติ วิญญาณความเปน็ ครูจึงมปี รากฏใหเ้ ห็นไม่มากนัก ในทางตรงกันข้ามสังคมกลับพบเห็นบุคคลที่เป็นครูจานวนมากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นครู เพิ่มข้ึน ด้วยเหตุน้ี การกาหนดกฎระเบียบ หรือ “จรรยาบรรณ” อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ครูทุกคน ได้ยึดถือปฏิบัติเพื่อเกียรติศักดิ์ ศักดิ์ศรี ช่ือเสียง และความเจริญก้าวหน้าของผู้เป็นครูและสถาบันวิชาชีพครู จงึ เปน็ ส่งิ จาเป็น วิไล ต้ังจิตสมคิด (2554, หน้า 168) กล่าวว่า ข้อบังคับว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณ ตามเกณฑม์ าตรฐานวิชาชีพครูของครุ สุ ภา ปี พ.ศ. 2550 ได้ใหค้ วามหมายจรรยาบรรณของวิชาชีพว่า หมายถึง มาตรฐานการปฏิบัตติ นตามข้อบงั คบั ครุ ุสภาว่าด้วยมาตรฐานวชิ าชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548 ซึ่งแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครู แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ จรรยาบรรณต่อตนเอง จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และจรรยาบรรณ ตอ่ สงั คม

วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู : 73 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วันทนี อนุพันธ์ (2557, หน้า 64) กล่าวว่า จรรยาบรรณ หมายถึง กฎเกณฑ์มาตรฐานความประพฤติ สาหรับสมาชิกวิชาชีพครู ซึ่งองค์กรวิชาชีพครูเป็นผู้กาหนด และสมาชิกในวิชาชีพทุกคนต้องถือปฏิบัติ โดยเครง่ ครดั หากมีการกระทาผิดจรรยาบรรณ จะไดร้ บั การลงโทษ พฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ (2557) กล่าวว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครู คือ กฎแห่งความประพฤติ สาหรับสมาชิกวิชาชีพครู ซึ่งองค์กรวิชาชีพครูเป็นผู้กาหนด และสมาชิกในวิชาชีพทุกคนต้องถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัด หากมีการละเมิดจะมีการลงโทษ ดังนั้น จรรยาบรรณของวิชาชีพครูจึงมีหลักการที่สาคัญเกี่ยวกับกฎเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนดหรือ ใหย้ ดึ ถอื ปฏบิ ัตสิ าหรบั ผู้ประกอบวิชาชีพครู เพ่ือใหด้ ารงรักษาไวซ้ ่ึงความถูกต้องดีงาม ไมก่ ่อให้เกิดความเสียหาย และเกิดความเส่ือมเสียต่อวชิ าชีพครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู 5.4 จรรยาบรรณของวชิ าชีพครูท่ีคุรสุ ภากาหนด วิชาชีพครูมีลักษณะแตกต่างไปจากวิชาชีพอ่ืน ๆ ท้ังภารกิจ หน้าท่ี ตาแหน่ง การเข้าสู่ตาแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจรรยาบรรณวิชาชีพ วิชาชีพครูถือเป็นวิชาชีพช้ันสูงที่สังคมยกย่องว่าเป็น “ปูชนียบุคคล” คือ เป็นบุคคลท่ีควรค่าแก่การเคารพบูชา เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์และบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะสังคมไทย ซึ่งมีความคาดหวังในความเป็นครูไว้สูง การควบคุมและรักษามาตรฐานการประกอบวิชาชีพครูของไทย มีมานาน ต้ังแต่ปี 2438 โดยได้มีการอบรมครูเป็นครั้งแรกที่ “วิทยาทานสถาน” ซึ่งเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุญนาค) เสนาบดีคนแรกเป็นผู้จัดต้ังข้ึน ต่อมาในปี 2443 มีการจัดตั้งสภาสาหรับอบรมและประชุมครู ข้ึนที่วัดใหม่วินัยชานาญ แขวงบางกอกน้อยจังหวั ดธนบุรี เรียกว่า “สภาไทยาจารย์” ในปี 2445 กรมศึกษาธิการจัดต้ัง “สามัคยาจารย์สโมสรสถาน” เพื่อใช้เป็นท่ีประชุมอบรมและสอนครูที่โรงเรียน ทวีธาภิเษก โดยมีเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) เป็นนายกสภาคนแรก ซึ่งต่อมา ได้ย้ายไปตั้งอยู่ในโรงเรียนมัธยมราชบูรณะ (โรงเรียนสวนกุหลาบ) และยกฐานะเป็นสมาคมใช้ชื่อว่า “สามัคยาจารย์สมาคม” ซึ่งได้สร้างความเจริญ เพิ่มพูนความรู้และความสามัคคีให้แก่ครูด้วยดี (สานักงาน เลขาธิการคุรุสภา, 2549, หน้า 1-2) ต่อมาเม่ือมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 ได้กาหนดให้ต้ังสภาของครูข้ึนในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า “คุรุสภา” เป็นนิติบุคคล โดยทาหน้าที่แทน สามคั ยาจารย์สมาคม ในเรอ่ื งของวิชาชีพ ควบคมุ ดูแลจรรยาบรรณ ส่งเสรมิ ฐานะและสวัสดกิ ารต่าง ๆ ของครู และทาหน้าทแี่ ทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น (ก.พ.) ในการบรหิ ารงานบุคคล ครุสภา จึงเป็นองค์กรครูแห่งแรกที่มีบทบาทเก่ียวกับการส่งเสริมและควบคุมระเบียบวินัยและ จรรยาบรรณครู ซ่ึงตอ่ มาในปี 2506 ครุ สุ ภาในฐานะองค์กรวชิ าชีพครูได้วางระเบียบเพื่อให้ครูได้ยึดเป็นแนวทาง ในการปฏิบตั ขิ นึ้ 2 ฉบบั คือ ระเบยี บครุ ุสภา ว่าดว้ ยวินัยตามระเบยี บประเพณขี องครู พ.ศ. 2506 และระเบยี บ คุรสุ ภา วา่ ดว้ ยจรรยามารยาทตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2506 ระเบยี บครุ สุ ภา วา่ ด้วยวินัยตามระเบยี บประเพณีของครู พ.ศ. 2506 มีสาระสาคญั ดังนี้ 1. ครูตอ้ งสนับสนุนและปฏิบตั ติ ามนโยบายของรัฐบาลด้วยความบริสทุ ธิ์ใจ 2. ครตู ้องต้ังใจปฏิบตั หิ นา้ ที่ของตนใหเ้ กิดผลดดี ้วยความเอาใจใส่ ระมดั ระวัง รกั ษาผลประโยชนข์ อง สถานศึกษา

74 : วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ครูต้องสุภาพเรยี บร้อย เชือ่ ฟงั และไม่แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคบั บญั ชา ใตบ้ งั คับบญั ชา ต้องปฏิบัติตามคาส่ังของผู้บังคับบัญชาซึ่งส่ังในหน้าท่ีการงานโดยชอบด้วยกกหมายและระเบียบแบบแผนของ สถานศึกษาในการปฏิบัติหน้าท่ีการงานห้ามมิให้กระทาการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ผู้บังคับบัญชา เหนอื ข้ึนไป เปน็ ผู้สง่ั ให้กระทาหรือได้รบั อนุญาตเป็นพเิ ศษช่วั คร้งั ชว่ั คราว 4. ครตู ้องอุทิศเวลาของตนใหแ้ ก่สถานศกึ ษา จะละทง้ิ หรือทอดทงิ้ หน้าท่ีการงานมิได้ 5. ครูต้องประพฤตติ นอยู่ในความสจุ ริตและปฏบิ ัติหน้าที่ของตนดว้ ยความซ่อื สตั ย์เทีย่ งธรรม 6. ครูต้องรักษาชื่อเสียงมิให้ขึ้นช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว ห้ามมิให้ประพฤติการใด ๆ อันอาจทาให้ เสื่อมเสียเกียรติยศและช่ือเสียงของครู เช่น ประพฤติตนเป็นคนเสเพล เสพเคร่ืองดองของเมาจนไม่สามารถ ครองสติได้ มหี น้ีสนิ รุงรงั หมกมนุ่ ในการพนัน กระทาความผิดอาญา ประพฤตผิ ดิ ในทางประเวณีต่อบุคคลหรือ คสู่ มรสของผู้อ่นื กระทาหรอื ยอมใหผ้ ู้อื่นกระทาการอนั ใดอนั อาจทาให้เสื่อมเสยี เกยี รติศักดิ์ของตาแหน่งหน้าท่ี ของตน 7. ครตู ้องประพฤตติ นเป็นแบบอย่างท่ดี ีแกศ่ ษิ ย์และไมด่ ูหม่ินเหยยี ดหยามบุคคลใด ๆ 8. ครตู ้องถอื ปฏิบัตติ ามแบบธรรมเนียมของสถานศึกษา 9. ครตู ้องรักษาความสามัคครี ะหวา่ งครูและช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในหนา้ ทกี่ ารงาน 10. ครตู ้องรักษาความลับของศิษย์ ผูร้ ว่ มงาน และสถานศึกษา ระเบียบครุ สุ ภา วา่ ด้วยจรรยามารยาทตามระเบียบประเพณีของครู พ.ศ. 2506 (ระเบียบว่าด้วยจรรยามารยาทอันดีงามตามประเพณีของครูตามอานาจท่ีพระราชบัญญัติครู มาตรา 28, 2506) มีสาระสาคญั ดังนี้ 1. ครคู วรมศี รทั ธาในอาชพี ครแู ละให้เกียรติแก่ครูด้วยกนั 2. ครูควรบาเพ็ญตนให้สมกบั ทไ่ี ด้ชอ่ื ว่าเปน็ ครู 3. ครูควรใฝใ่ จศึกษาหาความรู้ความชานาญอยู่เสมอ 4. ครูควรรว่ มมือกับผปู้ กครองในการอบรมสั่งสอนเด็กอย่างใกล้ชิด 5. ครคู วรตัง้ ใจฝกึ สอนศษิ ย์ใหเ้ ป็นพลเมืองท่ดี ขี องชาติ 6. ครคู วรร้จู ักเสียสละและรบั ผิดชอบในหน้าทีก่ ารงานทง้ั ปวง 7. ครคู วรรักษาช่ือเสียงของคณะครู 8. ครูควรรจู้ ักมัธยัสถ์และพยายามสรา้ งฐานของตนเอง 9. ครูควรยดึ มนั่ ในศาสนาที่นบั ถือและไม่ลบหลศู่ าสนาอน่ื 10. ครคู วรบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ ังคม จะเห็นได้ว่า ระเบียบคุรุสภาท้ังสองฉบับน้ีเป็นจรรยาบรรณวิชาชีพครูท่ีกาหนดข้ึนเป็นลายลักษณ์ อักษรเป็นคร้ังแรก โดยฉบับที่ 1 มีลักษณะเป็นวินัย ฉบับท่ี 2 มีลักษณะเป็นจรรยามารยาท ซ่ึงได้ใช้เป็น แนวปฏบิ ตั สิ าหรับครตู ลอดมา จนถงึ ปี พ.ศ. 2526 ครุ ุสภาจงึ ไดอ้ อกประกาศยกเลิก และใหใ้ ช้ระเบียบเรยี กว่า “ระเบยี บคุรสุ ภา วา่ ดว้ ยจรรยามารยาทและวนิ ัยตามระเบยี บประเพณขี องครู พ.ศ. 2526”

วชิ าคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 75 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ระเบียบคุรสุ ภา ว่าดว้ ยจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู พ.ศ. 2526 ครูต้องมีจรรยามรรยาทอันดีงามและต้องอยู่ในวินัยตามระเบียบประเพณีของครู (ระเบียบว่าด้วย จรรยามารยาทอันดงี ามตามประเพณขี องคร,ู 2526) ตอ่ ไปน้ี 1. เลอ่ื มใสการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ เ์ ป็นประมุขด้วยความบริสุทธใ์ิ จ 2. ยึดมั่นในศาสนาทีต่ นนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมน่ิ ศาสนาอืน่ 3. ต้งั ใจสัง่ สอนศิษย์และปฏิบตั หิ นา้ ทีข่ องตนให้เกดิ ผลดดี ้วยความเอาใจใส่อทุ ิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์ จะละทงิ้ ทอดทิ้งหนา้ ที่การงานมิได้ 4. รกั ษาชอ่ื เสียงของตนมใิ ห้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤตชิ ่ัว หา้ มประพฤตกิ ารใด ๆ อนั อาจทาให้เสื่อมเสีย เกียรตแิ ละช่อื เสียงของครู 5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษาและปฏิบัติตามคาสั่งของ ผบู้ ังคับบญั ชาซงึ่ สงั่ ในหนา้ ท่กี ารงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา 6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบงั อาพรางไม่นาหรอื ยอมให้นาผลงานทางวิชาการของ ตนไปใชใ้ นทางทจุ ริตหรอื เปน็ ภยั ต่อมนุษยชาติ 7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นาผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่ เบยี ดบังใช้แรงงานหรอื นาผลงานของผ้อู ่ืนไปเพือ่ ประโยชนส์ ่วนตน 8. ประพฤติอยู่ในความซ่ือสัตย์สุจริตและปฏิบัติหน้าท่ีของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสว งหา ประโยชน์สาหรับตนเองหรอื ผ้อู ่ืนโดยมิชอบ 9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและ ของสถานศกึ ษา 10. รกั ษาความสามัคคีระหวา่ งครแู ละชว่ ยเหลอื กนั ในหนา้ ทีก่ ารงาน ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2539 คุรสุ ภาได้ปรบั ปรงุ ข้อบังคบั เก่ียวกบั จรรยาบรรณของครูขึ้นใหม่โดยตัดข้อความ ท่ีมีลักษณะเป็นวินัยออกไป เหลือเพียงบทบัญญัติท่ีมีลักษณะเป็นจริยธรรมหรือจรรยาบรรณ เรียกว่า “ระเบียบคุรสุ ภา ว่าด้วยจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539” โดยประกาศใชเ้ ม่อื วันท่ี 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 ระเบียบคุรุสภาวา่ ด้วยจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 ระเบยี บครุ ุสภาฉบับนี้ได้กาหนดจรรยาบรรณครู เพ่ือเป็นหลกั ปฏบิ ตั ิในการประกอบวิชาชีพครรู วม 9 ข้อ (สานกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา, 2541, หนา้ 21-22) ดังนี้ 1. ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ชว่ ยเหลือ ส่งเสริมให้กาลังใจในการศึกษาเล่าเรยี น แก่ศษิ ยโ์ ดยเสมอหนา้ 2. ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้แก่ศิษย์อย่างเต็ม ความสามารถดว้ ยความบริสทุ ธ์ใิ จ 3. ครูต้องประพฤติ ปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอย่างที่ดแี ก่ศษิ ย์ท้งั ทางกาย วาจา และจิตใจ 4. ครูตอ้ งไม่กระทาตนเปน็ ปฏปิ ักษ์ต่อความเจริญทางกาย สตปิ ญั ญา จติ ใจ อารมณแ์ ละสงั คมของศิษย์ 5. ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามปกติ และไม่ใช้ ศิษยก์ ระทาการใด ๆ อนั เป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมชิ อบ

76 : วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วชิ าการ เศรษฐกจิ สังคมและการเมอื งอยูเ่ สมอ 7. ครยู อ่ มรกั และศรัทธาในวิชาชีพครู และเปน็ สมาชิกทดี่ ขี ององค์กรวิชาชีพครู 8. ครูพงึ ช่วยเหลอื เก้ือกลู ครแู ละชมุ ชนในทางสร้างสรรค์ 9. ครพู งึ ประพฤติ ปฏบิ ตั ติ น เป็นผู้นาในการอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย จะเห็นได้ว่า จรรยาบรรณครูทั้ง 9 ข้อน้ี ข้อ 1 ถึงข้อ 5 เป็นข้อบัญญัติที่เข้มงวด เป็นจรรยาบรรณ ส่วนที่มุ่งกาหนดข้อปฏิบัติของครูต่อศิษย์โดยตรง เป็นหน้าท่ีและความรับผิดชอบของครูต่อศิษย์ ต่อวิชาชีพ และต่อสังคม ซ่ึงเป็นคุณลักษณะของครูที่สังคมต้องการ ข้อ 6 และข้อ 7 เป็นจรรยาบรรณครูท่ีเก่ียวกับการ ประพฤติปฏิบัติตนเพื่อพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับวิชาชีพ และการประกอบวิชาชีพครู ส่วนข้อ 8 และข้อ 9 เป็นจรรยาบรรณทีค่ รพู ึงประพฤตปิ ฏิบตั ติ อ่ สภาพแวดล้อมซึ่งได้แก่ เพื่อนครู ชุมชนและท้องถน่ิ ทค่ี รูดารงตนอยู่ คุรุสภาได้อธิบายความเพิ่มเติมในบทบัญญัติเกี่ยวกับจรรยาบรรณครูตามระเบียบคุรุสภา ว่าด้วย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 มีสาระสาคัญ ดงั น้ี จรรยาบรรณ ข้อท่ี 1 ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วงเหลือส่งเสริมให้กาลังใจ ในการศึกษาเลา่ เรียนแก่ศษิ ย์โดยเสมอหนา้ คาอธบิ าย ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ให้กาลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์ โดยเสมอหนา้ หมายถงึ การตอบสนองตอ่ ความต้องการ ความถนัด ความสนใจของศิษย์อย่างจรงิ ใจ สอดคลอ้ ง กับการเคารพ การเห็นอกเห็นใจต่อสิทธิพื้นฐานของศิษย์จนเป็นท่ีไว้วางใจเชื่อถือและช่ืนชมได้รวมทั้งเป็นผล ไปสกู่ ารพัฒนารอบด้านอย่างเท่าเทยี มกนั พฤตกิ รรมสาคัญ 1. สร้างความรู้สึกเป็นมิตร เป็นที่พ่ึงพาและไว้วางใจได้ของศิษย์ แต่ละคนและทุกคน เช่น ให้ความ เป็นกันเองกับศิษย์ รับฟังปัญหาของศิษย์และให้ความช่วยเหลือศิษย์ ร่วมทากิจกรรมกับศิษย์เป็นครั้งคราว ตามความเหมาะสม สนทนาไต่ถามทุกขส์ ุขของศษิ ย์ ฯลฯ 2. ตอบสนองข้อเสนอและการกระทาของศิษย์ในทางสร้างสรรค์ตามสภาพปัญหาความต้องการและ ศักยภาพของศิษย์แต่ละคนและทุกคน เช่น สนใจคาถามและคาตอบของศิษย์ทุกคน ให้โอกาสศิษย์แต่ละคน ได้แสดงออกตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของศิษย์ รับการนัดหมาย ของศิษยเ์ กย่ี วกบั การเรียนรู้กอ่ นงานอ่ืน ๆ ฯลฯ 3. เสนอและแนะแนวทางการพัฒนาของศิษย์แต่ละคนและทุกคนตามความถนัด ความสนใจ และ ศักยภาพของศิษย์ เช่น มอบหมายงานตามความถนัด จัดกิจกรรมหลากหลายตามสภาพความแตกต่างของ ศิษยเ์ พอื่ ใหแ้ ตล่ ะคนประสบความสาเร็จเปน็ ระยะ ๆ อยูเ่ สมอ แนะแนวทางทีถ่ ูกใหแ้ กศ่ ิษย์ ปรึกษาหารือกับครู ผปู้ กครอง เพ่ือน นกั เรียน เพ่ือหาสาเหตแุ ละวธิ แี กป้ ัญหาของศิษย์ ฯลฯ 4. แสดงผลงานท่ีภมู ิใจของศิษย์แต่ละคนและทุกคนทั้งในและนอกสถานศึกษา เช่น ตรวจผลงานของ ศษิ ยอ์ ย่างสม่าเสมอ แสดงผลงานของศิษย์ในห้องเรยี น (หอ้ งปฏิบตั กิ าร) ประกาศหรือเผยแพร่ผลงานของศิษย์ ทปี่ ระสบความสาเร็จ

วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 77 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… จรรยาบรรณ ข้อท่ี 2 ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงาม ให้แก่ศษิ ย์อย่างเตม็ ความสามารถดว้ ยความบรสิ ุทธ์ใิ จ คาอธบิ าย ครูต้องอบรมสั่งสอนฝึกฝนสร้างเสริมความรู้ทักษะ และนิสัยท่ีถูกต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์อย่าง เต็มความสามารถด้วยความบริสุทธ์ิใจ หมายถึง การดาเนินงานต้ังแต่การเลือกกาหนดกิจกรรมการเรียน ที่มุ่งผลต่อการพัฒนาในตัวศิษย์อย่างแท้จริงการจัดให้ศิษย์มีความรับผิดชอบ และเป็นเจ้าของการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินร่วมศิษย์ ในผลของการเรียนและการเพิ่มพูนการเรียนรู้ภายหลังบทเรียนต่าง ๆ ด้วย ความปรารถนาที่จะให้ศิษยแ์ ต่ละคนและทุกคนพฒั นาได้อย่างเต็มศักยภาพและตลอดไป พฤตกิ รรมสาคัญ 1. อบรม สั่งสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศิษย์อย่างมุ่งม่ันและต้ังใจ เช่น สอนเต็มเวลา ไม่เบียดบังเวลาของศิษย์ไปหาผลประโยชน์ส่วนตน เอาใจใส่ อบรมส่ังสอนศิษย์จนเกิดทักษะ ในการปฏิบัตงิ าน อทุ ิศเวลาเพอ่ื พัฒนาศษิ ยต์ ามความจาเป็นและเหมาะสม ไม่ละท้ิงชัน้ เรือนหรือขาดการสอน 2. อบรม ส่ังสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศิษย์อย่างเต็มศักยภาพ เช่น เลือกใช้วิธีการท่ีหลากหลายในการสอนให้เหมาะสมกับสภาพของศิษย์ ให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง สอน เต็มความสามารถ เปิดโอกาสให้ศิษย์ได้ฝึกปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ สอนเต็มความสามารถและด้วย ความเตม็ ใจ กาหนดเปา้ หมายทที่ า้ ทาย พฒั นาข้ึน ลงมอื จดั เลือกกจิ กรรมทน่ี าสูผ่ ลจริง ภูมิใจเมอ่ื ศิษยพ์ ัฒนา 3. อบรม ส่ังสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาศิษย์ด้วยความบริสุทธิ์ใน เช่น สั่งสอนศิษย์โดยไม่บิดเบือนหรือปิดบังอาพราง อบรมส่ังสอนศิษย์โดยไม่เลือกท่ีรักมักท่ีชัง มอบหมายงานและ ความผลงานดว้ ยความยตุ ธิ รรม ฯลฯ จรรยาบรรณ ข้อท่ี 3 ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอยา่ งที่ดีแก่ศิษยท์ ั้งทางกาย วาจาและจติ ใจ คาอธิบาย การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่างทด่ี ี หมายถงึ การแสดงอกกอย่างสม่าเสมอของครูท่ศี ิษย์สามารถ สังเกตรับรู้ได้เอง และเป็นการแสดงที่เป็นไปตามมาตรฐานแห่งพฤติกรรมระดับสูงตามค่านิยม คุณธรรมและ วฒั นธรรมอันดงี าม พฤติกรรมสาคญั ตระหนักว่า พฤติกรรมการแสดงออกของครูมีผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมของศิษย์อยู่เสมอ เช่น ระมัดระวังในการกระทา และการพูดของตนเองอยู่เสมอ ไม่โกธรง่ายหรือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าศิษย์ มองโลกในแงด่ ี ฯลฯ 1. พูดจาสุภาพและสร้างสรรค์โดยคานึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับศิษย์และสังคม เช่น ไม่พูดคาหยาบหรือ กา้ วรา้ ว ไมน่ นิ ทาหรือพดู จาสอ่ เสยี ด พดู ชมเชยให้กาลงั ใจศษิ ย์ดว้ ยความจริงใจ ฯลฯ 2. กระทาตนเป็นแบบอย่างที่ดี สอดคล้องกับคาสอนของตน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เช่น ปฏบิ ัติตนให้มีสขุ ภาพ และบคุ ลิกภาพท่ดี ีอยู่เสมอ แต่งกายสะอาดสุภาพเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ แสดง กริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยอยู่เสมอ ตรงต่อเวลา แสดงออกซึ่งนิสัยในการประหยัดซื่อสัตย์ อดทน สามัคคี มวี นิ ยั ฯลฯ

78 : วชิ าคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… จรรยาบรรณ ขอ้ ที่ 4 ครตู อ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษต์ อ่ ความเจริญทางกายสตปิ ญั ญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศษิ ย์ คาอธบิ าย การไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติ ปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ หมายถึง การตอบสนองต่อศิษย์ในการลงโทษหรือให้รางวัลการกระทาอ่ืนใดที่นาไปสู่การลดพฤติกรรมท่ีพึง ปรารถนา และการเพิ่มพฤติกรรมที่ไม่พงึ ปรารถนา พฤตกิ รรมสาคัญ 1. ละเว้นการกระทาที่ทาให้ศิษย์เกิดความกระทบกระเทือนต่อจิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคม ของศษิ ย์ เช่น ไมน่ าปมด้อยของศิษย์มาล้อเลียน ไม่ประจานศษิ ย์ ไม่พดู จาหรอื กระทาการใด ๆ ทีเ่ ป็นการซ้าเติม ปัญหาหรือข้อบกพร่องของศิษย์ ไม่นาความเครียดมาระบายต่อศิษย์ไม่ว่าจะด้วยคาพูด หรือสีหน้าท่าทาง ไมเ่ ปรียบเทยี บฐานะความเปน็ อยขู่ องศษิ ย์ ไมล่ งโทษศษิ ย์เกินกว่าเหตุ 2. ละเว้นการกระทาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของศิษย์ เช่น ไม่ทาร้ายร่างกายศิษย์ ไม่ ลงโทษศษิ ยเ์ กินกว่าระเบยี บกาหนด ไม่ใช้ศิษย์ทางานเกินกาลังความสามารถ ฯลฯ 3. ละเว้นการกระทาที่สกัดกั้นพัฒนาการทาง สติปัญญา อารมณ์ จิตใจ และสังคมของศิษย์ ไม่ตัดสิน คาตอบถูกผิดโดยยึดคาตอบของครู ไม่ดุด่าซ้าเติมศิษย์ที่เรียนช้า ไม่ขัดขวางโอกาสให้ศิษย์ได้แสดงออกทาง สร้างสรรค์ ไมต่ ง้ั ฉายาในทางลบใหแ้ ก่ศษิ ย์ ฯลฯ จรรยาบรรณ ข้อท่ี 5 ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามปกติ และไม่ใช้ศษิ ย์กระทาการใด ๆ อันเปน็ การหาประโยชนใ์ ห้แก่ตนโดยมิชอบ คาอธิบาย การไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช้ศิษย์ กระทาการใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ หมายถึง การไม่กระทาการใด ๆ ที่จะได้มาซ่ึง ผลตอบแทนเกินสิทธิทพี่ ึงมีพึงไดจ้ ากการปฏิบัติหน้าท่ใี นความรับผิดชอบตามปกติ พฤติกรรมสาคญั 1. ไม่รับหรือแสวงหาอามิสสินจ้างหรือผลประโยชน์อันมิควรจากศิษย์ เช่น ไม่หารายได้จากการนา สินค้ามาขายให้ศิษย์ ไม่ตัดสินผลงานหรือผลการเรียน โดยมีส่ิงแลกเปลี่ยน ไม่บังคับหรือสร้างเง่ือนไขให้ศิษย์ มาเรยี นพิเศษเพอ่ื หารายได้ ฯลฯ 2. ไม่ใช่ศิษย์เป็นเคร่ืองมือหาประโยชน์ให้กับคนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขนมธรรมเนียม ประเพณี หรือความรู้สึกของสังคม เช่น ไม่นาผลงานของศิษย์ไปแสวงหากาไรส่วนคน ไม่ใช้แรงงานศิษย์เพ่ือประโยชน์ ส่วนตน ไมใ่ ช้หรอื จ้างวานศษิ ยไ์ ปทาสิ่งผดิ กฎหมาย ฯลฯ จรรยาบรรณ ข้อที่ 6 กฎย่อมพัฒนาตนเองท้ังในด้านวิชาชพี ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อ การพฒั นาทางวทิ ยาการเศรษฐกจิ สังคมและการเมอื งอยู่เสมอ คาอธิบาย การพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อยู่เสมอ หมายถึง การใฝ่รู้ ศึกษาค้นคว้า ริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ให้ทันสมัย

วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 79 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ทันเหตุการณ์ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและเทคโนโลยี สามารถพัฒนา บคุ ลิกภาพและวิสยั ทศั น์ พฤติกรรมสาคญั 1. ใส่ใจศึกษาค้นคว้า ริเร่ิมสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ท่ีเกี่ยวกับวิชาชีพอยู่เสมอ เช่น หาความรู้จาก เอกสาร ตารา และสื่อตา่ ง ๆ อยูเ่ สมอ จัดทาและเผยแพรค่ วามร้ผู ่านสอ่ื ต่าง ๆ ตามโอกาส เขา้ รว่ มประชมุ อบรม สัมมนา หรือฟังการบรรยายหรืออภิปรายทางวชิ าการ ฯลฯ 2. มีความรอบรู้ ทันสมัย ทันเหตุการณ์สามารถนามาวิเคราะห์ กาหนดเป้าหมาย แนวทางพัฒนา ตนเองและวิชาชีพ ทันต่อการเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การอาชีพ และเทคโนโลยี เช่น นาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ประกอบการเรียนการสอน ติดตามข่าวสารเหตุการณ์ด้านการเมืองเศรษฐกิจ สังคม การเมอื งอยู่เสมอ วางแผนพฒั นาตนเองและพฒั นางาน ฯลฯ 3. แสดงออกทางร่างกาย กริยา วาจา อย่างสง่างาม เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น รักษาสุขภาพและ ปรับปรุงบุคลิกภาพอยู่เสมอ มีความเช่ือมั่นในตนเอง แต่งกายสะอาดเหมาะสมกับกาลเทศะและทันสมัย มีความกระตือรือรน้ ไวต่อความรู้สกึ ของสังคม ฯลฯ จรรยาบรรณ ข้อที่ 7 ครูย่อมรักและศรทั ธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกทดี่ ขี ององคก์ รวชิ าชีพครู คาอธิบาย ความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกท่ีดีขององค์กรวิชาชีพครู หมายถึง การแสดงออก ด้วยความชื่นชมและเชื่อมั่นในอาชีพครูด้วยตระหนักว่าอาชีพน้ีเป็นอาชีพท่ีมีเกียรติ มีความสาคัญและจาเป็น ต่อสังคม ครูพึงปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจและภูมิใจ รวมทั้งปกป้องเกียรติภูมิของอาชีพครู เข้าร่วมกิจกรรม และสนบั สนุนองค์กรวชิ าชพี ครู พฤตกิ รรมสาคญั 1. เช่ือม่ัน ช่ืนชม ภูมิใจในความเป็นครูและองค์กรวิชาชีพครู ว่ามีความสาคัญและจาเป็นต่อสังคม เช่น ชื่นชมในเกียรติและรางวัลที่ได้รับและรักษาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ยกย่องชมเชยเพ่ือนครูที่ประสบ ผลสาเรจ็ เก่ยี วกบั การสอน เผยแพร่ผลสาเรจ็ ของตนเองและเพอ่ื นครู แสดงตนว่า เป็นครอู ยา่ งภาคภมู ิ ฯลฯ 2. เป็นสมาชิกองค์กรวิชาชีพครูและสนับสนุนหรือเข้าร่วมหรือเป็นผู้นาในกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพครู เช่น ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกาหนดขององค์กร ร่วมกิจกรรมที่องค์กรจัดข้ึน เป็นกรรมการหรือคณะทางานของ องค์กร ฯลฯ 3. ปกป้องเกียรติภูมิของครูและองค์กรวิชาชีพ เช่น เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของครูและองคก์ ร วิชาชพี ครู เมื่อมผี เู้ ขา้ ใจผิดเกีย่ วกบั วงการวิชาชีพครูกช็ ี้แจงทาความเข้าใจให้ถกู ต้อง จรรยาบรรณ ขอ้ ท่ี 8 ครูพึงช่วยเหลือเกอ้ื กลู ครูและชุมชนในทางสรา้ งสรรค์ คาอธิบาย การช่วยเหลือเก้ือกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์ หมายถึง การให้ความร่วมมือ แนะนาปรึกษา ชว่ ยเหลอื แก่เพื่อนครทู งั้ เรอื่ งสว่ นตวั ครอบครัว และการงานตามโอกาสอยา่ งเหมาะสม รวมทั้งเข้ารว่ มกิจกรรม ของชุมชน โดยการให้คาปรึกษาแนะนาแนวทางวิธีการปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน ในชุมชน

80 : วิชาคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… พฤตกิ รรมสาคญั 1. ให้ความร่วมมือแนะนา ปรึกษาแก่เพื่อนครูตามโอกาสและความเหมาะสม เช่น ให้คาปรึกษาการ จดั ทาผลงานทางวชิ าการ ใหค้ าปรกึ ษาแนะนาการผลิตส่ือการเรียนการสอน ฯลฯ 2. ให้ความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สิ่งของแก่เพื่อนครูตามโอกาสและความเหมาะสม เช่น ร่วมงาน กุศล ช่วยทรพั ย์เมือ่ เพอ่ื นครเู ดือนร้อน จดั ตงั้ กองทนุ เพ่อื ชว่ ยเหลอื ซ่ึงกันและกนั ฯลฯ 3. เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนรวมท้ังให้คาปรึกษาแนะนา แนวทางวิธีการปฏิบัติตน ปฏิบัติงานเพ่ือ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยชุมชน เชน่ แนะแนวทางการปอ้ งกนั และกาจดั มลพิษ ร่วมกิจกรรมตามเพณีของ ชุมชน ฯลฯ จรรยาบรรณ ข้อที่ 9 ครูพึงประสงค์ ปฏิบัติตน เป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญา และ วัฒนธรรมไทย คาอธบิ าย การเป็นผู้นาในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย หมายถึง การริเร่ิมดาเนิ น กิจกรรม สนบั สนนุ สง่ เสริมภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมไทย โดยรวบรวมข้อมูล ศึกษาวิเคราะห์เลือกสรร ปฏบิ ัติตน และเผยแพร่ศิลปะ ประเพณีดนตรี กีฬา การละเล่น อาหาร เครื่องแต่งกาย ฯลฯ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน การดารงชีวติ ตนและสังคม พฤติกรรมสาคญั 1. รวบรวมข้อมูลและเลือกสรรภูมิปัญญาท้องถ่ินและวัฒนธรรมที่เหมาะสมใช้จัดกิจกรรมการเรียน การสอน เช่น เชิญบุคคลในท้องถ่ินเป็นวิทยากร นาภูมิปัญญาท้องถ่ินมาใช้จัดการเรียนการสอน นาศิษย์ไป ศกึ ษาในแหล่งวิทยาการชุมชน 2. เป็นผู้นาในการวางแผนและดาเนินการเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถ่ินและวัฒนธรรม เชน่ ฝกึ การละเล่นทอ้ งถ่นิ ใหแ้ กศ่ ษิ ย์ จดั ตั้งชมรม สนใจศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ จัดทาพพิ ิธภณั ฑ์ในสถานศกึ ษา 3. สนับสนุนส่งเสริมเผยแพร่และร่วมกิจกรรมทางประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนอย่างสม่าเสมอ เชน่ รณรงคก์ ารใช้สนิ ค้าพ้นื เมอื ง เผยแพรก่ ารแสดงศิลปะพ้ืนบ้าน ร่วมงานประเพณีของท้องถิน่ 4. ศึกษาวิเคราะห์ วิจัยภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถ่ินเพื่อนาผลมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน เชน่ ศึกษาวเิ คราะห์ วจิ ัยภมู ปิ ญั ญาและวัฒนธรรมท้องถ่ินเพ่ือนาผลมาใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียน การสอน เช่น ศกึ ษาวิเคราะหเ์ กีย่ วกับการละเลน่ พ้ืนบ้าน นิทานพนื้ บา้ น เพลงกลอ่ มเด็ก ตานานและความเช่ือ นาผลการศึกษาวเิ คราะหม์ าใชใ้ นการเรียนการสอน ฯลฯ ต่อมาได้มีการประกาศใช้ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548 และข้อบังคับครุ สุ ภา ว่าด้วยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี พ.ศ. 2550 กาหนดว่า แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพ หมายความว่า ประมวลพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ตัวอย่างของ การประพฤติที่กาหนดข้ึนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คือ ครู ผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ต้องหรือพึงประพฤติปฏิบตั ิตาม ประกอบด้วย พฤติกรรมที่ พึงประสงค์ ที่กาหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องหรือพึงประพฤติตามและพฤติกรรมที่ไม่พึง ประสงค์ ที่กาหนดให้ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาต้องหรือพึงละเวน้

วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู : 81 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… จรรยาบรรณของวิชาชพี หมายความถงึ มาตรฐานการปฏบิ ตั ติ นตามข้อบังคับคุรสุ ภาว่าดว้ ยมาตรฐาน วชิ าชพี และจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548 แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู พ.ศ. 2550 ส่วนท่ี 1 หมวด 1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง ครูต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วิทยาการ เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู่เสมอ โดยต้องประพฤติและละเว้นการประพฤติตามแบบแผน พฤตกิ รรม ดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ (ก) พฤติกรรมท่พี ึงประสงค์ (1) ประพฤตติ นเหมาะสมกบั สถานภาพและเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี (2) ประพฤตติ นเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการดาเนนิ ชวี ิตตามประเพณี และวัฒนธรรมไทย (3) ปฏบิ ตั ิงานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ดร้ ับมอบหมายให้สาเร็จอย่างมีคุณภาพ ตามเปา้ หมายท่กี าหนด (4) ศกึ ษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และสะสมผลงานอย่างสม่าเสมอ (5) ค้นคว้า แสวงหา และนาเทคนิคด้านวิชาชีพท่ีพัฒนาและก้าวหน้าเป็นท่ียอมรับมาใช้ แกศ่ ษิ ยแ์ ละผู้รบั บริการให้เกิดผลสมั ฤทธท์ิ พ่ี ึงประสงค์ (ข) พฤติกรรมท่ีไมพ่ งึ ประสงค์ (1) เกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือเสพส่ิงเสพติดจนขาดสติหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพเป็นที่ นา่ รังเกียจในสังคม (2) ประพฤตผิ ิดทางชู้สาวหรือมพี ฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ (3) ขาดความรับผิดชอบ ความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่ จนเกิดความเสียหายในการ ปฏบิ ัตงิ านตามหนา้ ท่ี (4) ไมร่ ับรู้หรือไม่แสวงหาความรูใ้ หม่ๆ ในการจดั การเรยี นรู้ และการปฏิบัตหิ นา้ ที่ (5) ขดั ขวางการพัฒนาองคก์ ารจนเกิดผลเสียหาย ส่วนที่ 2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชพี ครูต้องรัก ศรัทธา ซ่ือสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพและเป็นสมาชิกท่ีดีขององค์กรวิชาชีพ โดยต้อง ประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดังตวั อย่างต่อไปนี้ (ก) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ (1) แสดงความช่ืนชมและศรทั ธาในคณุ คา่ ของวิชาชพี (2) รกั ษาช่ือเสียงและปกป้องศกั ดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ (3) ยกย่องและเชิดชเู กียรติผูม้ ีผลงานในวชิ าชพี ให้สาธารณชนรับรู้ (4) อทุ ิศตนเพอ่ื ความกา้ วหนา้ ของวิชาชีพ (5) ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความรับผิดชอบ ซ่ือสัตย์สุจริตตามกฎระเบียบและแบบแผนของทาง ราชการ (6) เลือกใชห้ ลักวชิ าทถ่ี กู ต้อง สร้างสรรค์เทคนิค วิธกี ารใหม่ๆ เพอ่ื พัฒนาวชิ าชีพ (7) ใชอ้ งคค์ วามรู้หลากหลายในการปฏิบัตหิ น้าทแ่ี ละแลกเปลยี่ นเรียนรู้กับสมาชิกในองค์การ

82 : วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (8) เข้าร่วมกจิ กรรมของวชิ าชีพหรือองค์กรวชิ าชีพอย่างสร้างสรรค์ (ข) พฤตกิ รรมทีไ่ ม่พงึ ประสงค์ (1) ไมแ่ สดงความภาคภมู ิใจในการประกอบวชิ าชีพ (2) ดหู มิน่ เหยียดหยาม ให้รา้ ยผู้รว่ มประกอบวชิ าชีพ ศาสตร์ในวิชาชพี หรอื องค์กรวชิ าชีพ (3) ประกอบการงานอ่นื ที่ไม่เหมาะสมกบั การเป็นผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา (4) ไม่ซ่ือสัตย์สุจริต ไม่รับผิดชอบ หรือไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบหรือแบบแผนของทาง ราชการจนก่อให้เกิดความเสียหาย (5) คดั ลอกหรือนาผลงานของผู้อ่ืนมาเปน็ ของตน (6) ใช้หลักวิชาการที่ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติวิชาชีพ ส่งผลใหศิษย์หรือผู้รับบริการเกิดความ เสียหาย (7) ใช้ความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพหรืออาศัยองค์กรวิชาชีพแสวงหาประโยชนเพ่ือตนเองหรือ ผู้อ่ืนโดยมิชอบ สว่ นที่ 3 จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ ครูต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กาลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าท่ี โดยเสมอหน้า ครูต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะและนิสัยท่ีถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาท หนา้ ที่อย่างเตม็ ความสามารถดว้ ยความบริสุทธิ์ใจ ครตู ้องประพฤติปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอย่างทดี่ ีทั้งทางกาย วาจา และจติ ใจ ครูต้องไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์ และผู้รับบรกิ าร ครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ ตาแหนง่ หนา้ ท่ีโดยมชิ อบ โดยต้องประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรมดงั ตัวอยา่ งต่อไปน้ี (ก) พฤตกิ รรมท่พี งึ ประสงค์ (1) ให้คาปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์และผู้รับบริการด้วยความเมตตากรุณาอย่างเต็มกาลัง ความสามารถและเสมอภาค (2) สนับสนนุ การดาเนนิ งานเพอื่ ปกป้องสทิ ธเิ ด็ก เยาวชนและผูด้ อ้ ยโอกาส (3) ต้ังใจ เสียสละ และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่เพ่ือให้ศิษย์และผู้รับบริการได้รับการ พัฒนาตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจของแตล่ ะบุคคล (4) สง่ เสรมิ ใหศ้ ิษย์และผู้รบั บรกิ ารสามารถแสวงหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองจากสื่อ อปุ กรณแ์ ละ แหล่งเรียนรู้อยา่ งหลากหลาย (5) ให้ศิษย์และผู้รับบริการมีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้และเลือกวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม กบั ตนเอง (6) เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการ ดว้ ยการรับฟังความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชย และใหก้ าลังใจอย่างกลั ยาณมติ ร

วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 83 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ข) พฤตกิ รรมทีไ่ ม่พงึ ประสงค์ (1) ลงโทษศษิ ย์อย่างไมเ่ หมาะสม (2) ไม่ใส่ใจหรือไม่รับรู้ปัญหาของศิษย์หรือผู้รับบริการจนเกิดผลเสียหายต่อศิษย์หรือ ผู้รับบริการ (3) ดหู ม่นิ เหยยี ดหยามศษิ ย์หรือผู้รับบรกิ าร (4) เปิดเผยความลับของศิษย์หรือผู้รับบริการ เป็นผลให้ได้รับความอับอายหรือเสื่อมเสีย ชื่อเสยี ง (5) จูงใจ โน้มนา้ ว ยุยงส่งเสรมิ ใหศ้ ษิ ยห์ รอื ผู้รับบริการปฏบิ ตั ขิ ดั ต่อศีลธรรมหรอื กฎระเบยี บ (6) ชักชวน ใช้ จ้างวานศิษย์หรือผู้รับบริการให้จัดซ้ือ จัดหาสิ่งเสพติด หรือเข้าไปเกี่ยวข้อง กับอบายมขุ (7) เรียกร้องผลตอบแทนจากศิษย์หรือผู้รบั บรกิ ารในงานตามหน้าที่ท่ตี ้องให้บริการ สวนท่ี 4 จรรยาบรรณต่อผู้รว่ มประกอบวชิ าชพี ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดม่ันในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคี ในหมคู่ ณะ โดยพงึ ประพฤตแิ ละละเว้นการประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรม ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี (ก) พฤติกรรมทพี่ ึงประสงค์ (1) เสยี สละ เออื้ อาทรและใหค้ วามช่วยเหลือผูร้ ว่ มประกอบวิชาชีพ (2) มีความรัก ความสามคั คี และร่วมใจกนั ผนกึ กาลังในการพฒั นาการศึกษา (ข) พฤติกรรมทไ่ี ม่พึงประสงค์ (1) ปิดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงานจนทาให้เกิดความเสียหายต่องานหรอื ผู้ร่วมประกอบ วิชาชพี (2) ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยตาหนิ ให้รา้ ยผู้อน่ื ในความบกพรองทเ่ี กิดขนึ้ (3) สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่นแกล้งผู้ร่วมประกอบวิชาชีพให้เกิดความ เสยี หาย (4) เจตนาให้ข้อมูลเท็จทาให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดความเสียหายต่อผู้ร่วมประกอบ วิชาชพี (5) วิพากษ์ วิจารณ์ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพในเร่ืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือแตกความ สามัคคี สว่ นท่ี 5 จรรยาบรรณตอ่ สังคม ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพึงประพฤติและละเว้น การประพฤติตามแบบแผนพฤติกรรมดังตัวอย่าง ตอ่ ไปนี้

84 : วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ก) พฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ (1) ยึดมั่น สนับสนุนและส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมขุ (2) นาภูมิปัญญาท้องถ่ินและศิลปวัฒนธรรมมาเป็นปัจจัยในการจัดการศึกษาให้เป็น ประโยชนต์ ่อส่วนรวม (3) จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และสามารถดาเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียง (4) เป็นผู้นาในการวางแผนและดาเนินการเพื่ออนุรักษสิ่งแวดล้อม พัฒนาเศรษฐกิจ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ และศิลปวัฒนธรรม (ข) พฤตกิ รรมท่ีไม่พงึ ประสงค์ (1) ไม่ให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนที่จัดเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาท้ัง ทางตรงหรือทางออ้ ม (2) ไมแ่ สดงความเป็นผนู้ าในการอนุรักษหรือพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาหรือส่งิ แวดล้อม (3) ไมป่ ระพฤติตนเปน็ แบบอย่างที่ดใี นการอนรุ กั ษหรือพฒั นาสง่ิ แวดล้อม (4) ปฏบิ ัตติ นเป็นปฏปิ กั ษ์ตอ่ วฒั นธรรมอนั ดงี ามของชุมชนหรอื สงั คม ในปี 2556 คณะกรรมการคุรุสภาได้ออกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพทาง การศกึ ษา พ.ศ. 2556 กาหนดว่า วิชาชีพ หมายความว่า วิชาชีพทางการศึกษาท่ีทาหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริม การเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพ้ืนฐาน และอุดมศึกษาท่ีต่ากว่าปริญญาท้ังของรัฐและเอกชน และการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษา ในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษาให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัด กระบวนการเรียนการสอน การนเิ ทศ และการบรหิ ารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา หมายความว่า ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และ บุคลากรทางการศึกษาอื่น ซ่ึงได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากร ทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 ครู หมายความว่า บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัยข้ันพ้ืนฐาน และอุดมศึกษาท่ีต่ากว่าปริญญา ทั้งของรัฐและ เอกชน ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา หมายความว่า บุคคลซ่งึ ปฏบิ ัตงิ านในตาแหน่งผู้บรหิ ารสถานศึกษา ภายในเขตพ้ืนที่ การศึกษา และสถานศึกษาอ่ืนที่จัดการศึกษาปฐมวัยข้ันพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ากว่าปริญญา ท้ังของรัฐและ เอกชน

วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู : 85 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผู้บรหิ ารการศึกษา หมายความว่า บคุ คลซึง่ ปฏิบตั ิงานในตาแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษา ในระดับเขต พ้นื ท่ีการศึกษา บุคลากรทางการศึกษาอื่น หมายความว่า บุคคลซึ่งทาหน้าท่ีสนับสนุนการศึกษาให้บริการ หรือ ปฏิบัติงานเกี่ยวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงาน การศกึ ษาตา่ ง ๆ ซ่งึ หน่วยงานการศึกษากาหนดตาแหนง่ ใหต้ ้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา จรรยาบรรณของวิชาชีพ หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กาหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการ ประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และ ฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นท่ีเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะนามาซ่ึงเกียรติ และศกั ด์ิศรีแห่งวิชาชีพ ประกอบด้วย หมวด 1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง 1. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยในตนเองพัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพและ วิสัยทัศน์ใหท้ ันตอ่ การพัฒนาทางวทิ ยาการเศรษฐกจิ สังคมและการเมืองอยู่เสมอ หมวด 2 จรรยาบรรณตอ่ วิชาชีพ 2. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรักศรัทธาซื่อสัตย์สุจริตรับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิก ที่ดขี ององค์กรวิชาชีพ หมวด 3 จรรยาบรรณต่อผู้รับบรกิ าร 3. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรักเมตตาเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริม ให้กาลังใจแก่ศิษย์และ ผรู้ ับบรกิ ารตามบทบาทหน้าท่ีโดยเสมอหนา้ 4. ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษาต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะและนิสยั ทีถ่ ูกต้องดีงามแก่ศิษย์ และผู้รับบริการตามบทบาทหนา้ ทอ่ี ยา่ งเตม็ ความสามารถดว้ ยความบริสุทธ์ใิ จ 5. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางกาย วาจาและ จติ ใจ 6. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจอารมณ์ และสังคมของศิษยแ์ ละผูร้ ับบรกิ าร 7. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาคโดยไม่เรียกรับ หรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใชต้ าแหน่งหนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ หมวด 4 จรรยาบรรณต่อผ้รู ่วมประกอบวิชาชีพ 8. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดม่ันใน ระบบคณุ ธรรมสร้างความสามคั คีในหมคู่ ณะ หมวด 5 จรรยาบรรณตอ่ สังคม 9. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ส่ิงแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดม่ันในการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ

86 : วิชาคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.5 มาตรฐานวชิ าชพี ทางการศึกษาและมาตรฐานวชิ าชพี ครู วิชาชีพทางการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม นับได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา ให้สูงขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับวิชาชีพ ทางการศึกษา ซึ่งได้กาหนดให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาอ่ืน (ตามที่ประกาศกาหนดในกฎกระทรวง) จะต้องปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลดีต่อผู้รับบริการ อันถือเป็นเป้าหมายหลัก ของการประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา 5.5.1 ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คุรุสภาให้ความหมายเกี่ยวกับ วิชาชีพ ไว้ว่า วิชาชีพทางการศึกษาที่ทาหน้าที่หลักทางด้าน การเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมท้ังการรับผิดชอบการบริหาร สถานศึกษาในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาท่ีต่ากว่าปริญญาท้ังของรัฐและเอกชน และการ บรหิ ารการศึกษานอกสถานศึกษาในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตลอดจนการสนบั สนุนการศึกษา ให้บริการหรือ ปฏิบัติงานเกี่ยวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงาน การศกึ ษาตา่ ง ๆ มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา หมายความว่า ข้อกาหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ และคุณภาพ ทีพ่ ึงประสงค์ในการประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ซึง่ ผูป้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏบิ ัติตาม ประกอบดว้ ย มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณว์ ิชาชพี มาตรฐานการปฏิบตั ิงานและมาตรฐานการปฏบิ ตั ิตน มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายความว่า ข้อกาหนดเกี่ยวกับความรู้และ ประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ซึ่งผู้ต้องการประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมี เพยี งพอทีส่ ามารถนาไปใช้ในการประกอบวิชาชีพได้ มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายความว่า ข้อกาหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะหรือการแสดง พฤติกรรมการปฏิบัติงานและการพัฒนางาน ซ่ึงผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตามเพ่ือให้เกิดผล ตามวตั ถปุ ระสงค์และเปา้ หมายการเรยี นรู้ หรือการจัดการศกึ ษา รวมทง้ั ต้องฝึกฝนให้มีทักษะหรือความชานาญ สูงขนึ้ อยา่ งตอ่ เน่อื ง มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายความว่า จรรยาบรรณของวิชาชีพที่กาหนดขึ้นเป็นแบบแผน ในการประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ช่ือเสียง และฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคม อันจะ นามาซึ่งเกยี รติและศกั ดศ์ิ รแี หง่ วชิ าชีพ ดังนั้น มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา จึงเป็นข้อกาหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณภาพ ทพี่ งึ ประสงค์ในการประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ซง่ึ ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดคุณภาพในการประกอบวชิ าชีพ สามารถสร้างความเช่ือมั่นศรทั ธาใหแ้ ก่ผู้รับบริการจากวิชาชีพไดว้ ่า เปน็ บรกิ ารทม่ี คี ุณภาพ ตอบสังคมไดว้ า่ การทมี่ ีกฎหมายให้ความสาคัญกับวิชาชีพทางการศึกษา และกาหนดให้ เป็นวิชาชีพควบคุมน้ัน เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเช่ียวชาญ ในการประกอบวชิ าชพี (สานักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2549 หน้า 19) ซึ่งผ้ปู ระกอบวิชาชีพจะต้องศึกษาให้เกิด ความรู้ ความเขา้ ใจท่ีถูกต้องให้สามารถนาไปใช้ในการประกอบวชิ าชีพให้สมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูงและได้รับ

วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 87 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… การยอมรับ โดยคุรุสภาดาเนินการตามหน้าที่ที่กาหนดในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 5.5.2 รายละเอียดของมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 มาตรา 49 กาหนดให้มี มาตรฐานวชิ าชพี ครู 3 ด้าน ประกอบดว้ ย (สานักงานเลขาธิการคุรสุ ภา. 2552, หน้า 17) มาตรฐานวิชาชีพครู มาตรฐานความรู้และ มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน มาตรฐานการปฏบิ ัติงาน ประสบการณ์วชิ าชีพ (จรรยาบรรณของวชิ าชีพ) แบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพ ภาพที่ 5.1 มาตรฐานวชิ าชีพครู ท่มี า : สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา (2552, หนา้ 17) 1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกาหนดสาหรับผู้ที่จะเข้ามา ประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบวิชาชีพ จึงจะสามารถขอรับ ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพ เพ่อื ใช้เปน็ หลกั ฐานแสดงว่า เป็นบคุ คลที่มคี วามรู้ความสามารถ และมปี ระสบการณ์ พร้อมที่จะประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษาได้ ตารางที่ 5.1 มาตรฐานความรูแ้ ละประสบการณว์ ิชาชีพครู มาตรฐานความรู้ ประสบการณว์ ิชาชีพครู มีคุณวุฒไิ มต่ า่ กว่าปรญิ ญาตรีทางการศกึ ษาหรอื เทียบเทา่ หรือ ผา่ นการปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาตามหลกั สตู ร คุณวฒุ อิ นื่ ทีค่ รุ ุสภารับรองโดยมีความรู้ ดังตอ่ ไปน้ี ปรญิ ญาทางการศกึ ษาเปน็ เวลาไมน่ ้อยกวา่ 1 ปี และผ่าน 1. ภาษาและเทคโนโลยีสาหรบั ครู เกณฑ์การประเมินปฏบิ ัตกิ ารสอนตามหลักเกณฑว์ ธิ ีการ 2. การพัฒนาหลักสตู ร และเง่อื นไขท่ีคณะกรรมการคุรสุ ภากาหนด ดังนี้ 3. การจดั การเรียนรู้ 1. การฝกึ ปฏิบตั ิวิชาชพี ระหวา่ งเรยี น 4. จติ วิทยาสาหรบั ครู 2. การปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ 5. การวดั และประเมินผลการศึกษา 6. การบริหารจัดการในหอ้ งเรยี น 7. การวจิ ยั ทางการศึกษา 8. นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศกึ ษา 9. ความเป็นครู

88 : วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางที่ 5.2 สาระความร้แู ละสมรรถนะของครูตามมาตรฐานความรู้ มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ 1. ภาษาและเทคโนโลยี 1) ภาษาไทยสาหรบั ครู 1) สามารถใช้ทกั ษะในการฟงั การพูด สาหรบั ครู 2) ภาษาอังกฤษ หรอื ภาษาตา่ งประเทศ การอา่ น การเขียนภาษาไทยเพอ่ื การ อื่น ๆ สาหรบั ครู ส่อื ความหมายได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. การพัฒนาหลกั สตู ร 3) เทคโนโลยสี ารสนเทศสาหรับครู 2) สามารถใชท้ กั ษะในการฟงั การพูด การอ่าน การเขียนภาษาองั กฤษ หรือ 3. การจัดการเรียนรู้ 1) ปรัชญาแนวคดิ ทฤษฎีการศึกษา ภาษาตา่ งประเทศอื่น ๆ เพือ่ การส่อื 2) ประวตั ิความเป็นมาและระบบการจดั ความหมายได้อยา่ งถูกต้อง การศึกษาไทย 1) สามารถวิเคราะหห์ ลกั สตู ร 3) วสิ ยั ทศั นแ์ ละแผนพฒั นาการศึกษาไทย 2) สามารถปรบั ปรงุ และพัฒนา 4) ทฤษฎหี ลกั สูตร หลกั สูตรไดอ้ ย่างหลากหลาย 5) การพัฒนาหลักสูตร 3) สามารถประเมนิ หลกั สตู รไดท้ งั้ ก่อน 6) มาตรฐานและมาตรฐานช่วงชน้ั ของ และหลงั การใช้หลักสูตร หลักสตู ร 4) สามารถจดั ทาหลักสูตร 7) การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ปัญหาและแนวโนม้ ในการพฒั นาหลักสตู ร 1) สามารถนาประมวลรายวชิ ามา 1) ทฤษฎีการเรยี นรู้และการสอน จดั ทาแผนการเรียนรูร้ ายภาคและตลอด 2) รูปแบบการเรยี นรแู้ ละการพัฒนา ภาค รปู แบบการเรยี นการสอน 2) สามารถออกแบบการเรยี นรู้ 3) การออกแบบและการจดั ท่เี หมาะสมกบั วยั ของผู้เรียน ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 3) สามารถเลือกใช้พัฒนาและสร้างสอื่ 4) การบูรณาการเนื้อหาในกลมุ่ สาระ อุปกรณท์ ี่สง่ เสรมิ การเรยี นรูข้ องผ้เู รยี น การเรยี นรู้ 4) สามารถจัดกิจกรรมทส่ี ่งเสรมิ 5) การบูรณาการการเรียนรู้ การเรียนรู้ของผเู้ รียนและจาแนกระดบั แบบเรียนรวม การเรียนร้ขู องผเู้ รียนจากการ 6) เทคนคิ และวิทยาการจัดการเรยี นรู้ ประเมินผล 7) การใชแ้ ละการผลิตสื่อและ การพัฒนานวัตกรรมในการเรียนรู้ 8) การจัดการเรียนรแู้ บบยึดผเู้ รียน

วิชาคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 89 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางท่ี 5.2 (ต่อ) มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ 4. จติ วทิ ยาสาหรับครู 1) จติ วิทยาพน้ื ฐานท่ีเกี่ยวขอ้ งกับ 1) เขา้ ใจธรรมชาตขิ องผูเ้ รยี น พฒั นาการมนษุ ย์ 2) สามารถช่วยเหลอื ผูเ้ รียนใหเ้ รียนรู้ 2) จติ วทิ ยาการศึกษา และพัฒนาได้ตามศักยภาพของตน 3) จติ วทิ ยาการแนะแนวและให้ 3) สามารถให้คาแนะนาชว่ ยเหลอื คาปรกึ ษา 5. การวดั และประเมินผล 1) หลักการและเทคนิคการวัดและ 1) สามารถวัดและประเมินผลได้ตาม การศกึ ษา ประเมนิ ผลทางการศกึ ษา สภาพความเปน็ จริง 2) การสรา้ งและการใช้เคร่ืองมอื วดั ผล 2) สามารถนาผลการประเมนิ ไปใช้ และประเมนิ ผลการศกึ ษา ในการปรับปรุงการจัดการเรยี นรู้และ 3) การประเมนิ ตามสภาพจริง หลักสูตร 4) การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน 5) การประเมนิ ภาคปฏบิ ตั ิ 6) การประเมนิ ผลแบบยอ่ ย และแบบรวม 6. การบริหารจดั การ 1) ทฤษฎีและหลักการบรหิ ารจัดการ 1) มภี าวะผนู้ า ในห้องเรียน 2) ภาวะผนู้ าทางการศกึ ษา 2) สามารถบรหิ ารจดั การในชั้นเรยี น 3) การคิดอยา่ งเป็นระบบ 3) สามารถสือ่ สารได้อยา่ งมคี ณุ ภาพ 4) การเรยี นรวู้ ฒั นธรรมองค์กร 4) สามารถในการประสานประโยชน์ 5) มนุษย์สัมพนั ธใ์ นองคก์ ร 5) สามารถนานวตั กรรมใหม่ๆ มาใช้ 6) การติดตอ่ สื่อสารในองคก์ ร ในการบริหารจัดการ 7) การบริหารจดั การช้นั เรยี น 8) การประกันคุณภาพการศกึ ษา 9) การทางานเปน็ ทีม 10)การจดั ทาโครงงานทางวิชาการ 11)การจดั โครงการฝึกอาชีพ 12) การจัดโครงการและกิจกรรม เพื่อพัฒนา 13)การจดั ระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหารจัดการ

90 : วชิ าคณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางท่ี 5.2 (ตอ่ ) มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ 7. การวจิ ัยทางการศกึ ษา 1) ทฤษฎกี ารวิจยั 1) สามารถนาผลการวจิ ยั ไปใช้ 2) รปู แบบการวจิ ยั ในการจัดการเรยี นการสอน 3) การออกแบบการวิจยั 2) สามารถทาวิจัยเพอื่ พฒั นาการเรยี น 4) กระบวนการวจิ ยั การสอนและพฒั นาผเู้ รยี น 5) สถติ เิ พอื่ การวจิ ยั 6) การวิจยั ในชนั้ เรียน 7) การฝกึ ปฏิบตั ิการวิจยั 8) การนาเสนอผลงานวิจยั 9) การคน้ ควา้ ศกึ ษางานวิจัย ในการพัฒนากระบวนการจดั การเรียนรู้ 10) การใช้กระบวนการวิจัยในการแกป้ ญั หา 11) การเสนอโครงการเพือ่ ทาวจิ ยั 8. นวัตกรรมและเทคโนโลยี 1) แนวคิดทฤษฎเี ทคโนโลยีและ 1) สามารถเลอื กใชอ้ อกแบบสร้างและ สารสนเทศทางการศกึ ษา นวตั กรรมการศกึ ษาทส่ี ่งเสริม ปรับปรุงนวตั กรรมเพือ่ ให้ผู้เรียนเกิด การพฒั นาคณุ ภาพการเรียนรู้ การเรียนรู้ทีด่ ี 2) เทคโนโลยีและสารสนเทศ 2) สามารถพัฒนาเทคโนโลยแี ละ 3) การวิเคราะหป์ ัญหาทเ่ี กดิ จากการใช้ สารสนเทศเพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นเกิด นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ การเรยี นร้ทู ี่ดี 4) แหลง่ การเรียนร้แู ละเครือข่าย 3) สามารถแสวงหาแหลง่ เรียนรู้ การเรียนรู้ ทห่ี ลากหลายเพือ่ สง่ เสริมการเรียนร้ขู อง 5) การออกแบบการสรา้ งการนาไปใช้ ผู้เรยี น การประเมนิ และการปรับปรงุ นวตั กรรม 9) ความเป็นครู 1) ความสาคญั ของวชิ าชพี ครู บทบาท 1) รักเมตตาและปรารถนาดตี ่อผู้เรยี น หนา้ ท่ีภาระงานของครู 2) อดทนและรบั ผิดชอบ 2) พัฒนาการของวชิ าชพี ครู 3) เปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรแู้ ละ 3) คณุ ลักษณะของครทู ีด่ ี เปน็ ผ้นู าทางวชิ าการ 4) การสรา้ งทัศนคตทิ ่ดี ีตอ่ วชิ าชีพครู 4) มวี สิ ัยทศั น์ 5) การเสรมิ สรา้ งศักยภาพและ 5) ศรัทธาในวิชาชีพครู สมรรถภาพความเปน็ ครู 6) ปฏบิ ตั ิตามจรรยาบรรณ 6) การเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้และ การเป็นผู้นาทางวชิ าการ 7) เกณฑ์มาตรฐานวชิ าชีพครู 8) จรรยาบรรณของวิชาชีพครู 9) กฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกับการศกึ ษา

วิชาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชพี ครู : 91 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกาหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวิชาชีพให้เกิดผล เป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชานาญในการ ประกอบวิชาชีพ ท้ังความชานาญเฉพาะด้านและความชานาญตามลาดบั คุณภาพของมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน หรืออย่างน้อยจะต้องมีการพัฒนาตามเกณฑ์ที่กาหนดว่า มีความรู้ ความสามารถ และความชานาญ เพียง พอที่จะดารงสถานภาพของการประกอบวิชาชีพต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็คือ การกาหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้อง ตอ่ ใบอนุญาตทกุ ๆ 5 ปี รายละเอยี ดมาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน มดี งั น้ี มาตรฐานที่ 1 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมทางวชิ าการเกีย่ วกับการพัฒนาวชิ าชพี ครูอยูเ่ สมอ คาอธิบาย การปฏิบัติกิจกรรมทางวชิ าการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครู หมายถึง การศึกษา ค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเองการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการและการเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการท่ีองค์การหรือ หน่วยงานหรือสมาคมจัดขึ้นเช่นการประชุมการอบรม การสัมมนาและการประชุมปฏิบัติการ เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องมีผลงานหรือรายงานท่ปี รากฏชัดเจน มาตรฐานท่ี 2 ตดั สินใจปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานึงถึงผลท่จี ะเกดิ แกผ่ ู้เรยี น คาอธิบาย การตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคานึงถึงผลท่ีจะเกิดกับผู้เรียน หมายถึง การเลือกอย่างชาญฉลาดด้วยความรักและหวังดีต่อผู้เรียนดังนั้นในการเลือกกิจกรรมการเรียนการสอนและ กจิ กรรมอ่นื ๆ ครูตอ้ งคานึงถึงประโยชนท์ จี่ ะเกิดแก่ผเู้ รียนเป็นหลัก มาตรฐานที่ 3 มุ่งม่ันพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ คาอธิบาย การมุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนหมายถึงการใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถของ ครูท่ีจะให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ให้มากทส่ี ดุ ตามความถนดั ความสนใจความต้องการ โดยวิเคราะห์วนิ จิ ฉยั ปญั หา ความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียนปรับเปล่ียนวิธีการสอนท่ีจะให้ได้ผลดีกว่าเดิมรวมท้ังการส่งเสริมพัฒนา การดา้ นตา่ ง ๆ ตามศกั ยภาพของผ้เู รยี นแตล่ ะคนอยา่ งเป็นระบบ มาตรฐานท่ี 4 พฒั นาแผนการสอนใหส้ ามารถปฏิบตั ไิ ดเ้ กิดผลจรงิ คาอธิบาย การพัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริงหมายถึงการเลือกใช้ ปรับปรุง หรือสร้างแผนการสอนบันทึกการสอนหรือเตรียมการสอนในลักษณะอ่ืน ๆ ที่สามารถนาไปใช้จัด กจิ กรรมการเรียนการสอนใหผ้ เู้ รยี นบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 5 พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสทิ ธิภาพอยู่เสมอ คาอธบิ าย การพัฒนาส่ือการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หมายถงึ การประดิษฐ์ คิดค้น ผลิตเลือกใช้ ปรับปรุงเครื่องมืออุปกรณ์เอกสารส่ิงพิมพ์เทคนิควิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนบรรลุ จดุ ประสงคข์ องการเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 6 จดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยเนน้ ผลถาวรที่เกดิ แก่ผูเ้ รยี น คาอธิบาย การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การจัด การเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผูเ้ รียนประสบผลสาเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพความแตกต่างของบุคคล ด้วยการปฏิบัติจริงและสรุปความรู้ทั้งหลายได้ด้วยตนเองก่อให้เกิดค่านิยมและนิสัยในการปฏิบัติจนเป็น บุคลกิ ภาพถาวรติดตวั ผเู้ รียนตลอดไป

92 : วิชาคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… มาตรฐานที่ 7 รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผู้เรียนไดอ้ ย่างมรี ะบบ คาอธิบาย การรายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ หมายถึง การรายงานผลการพัฒนาผู้เรียนท่ีเกิดจากการปฏิบัติการเรียนการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุปัจจัยและ การดาเนินงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งโดยครนู าเสนอรายงานการปฏิบัติในรายละเอยี ด ดงั นี้ 1. ปญั หาความต้องการของผู้เรียนที่ตอ้ งได้รับการพัฒนาและเปา้ หมายของการพัฒนาผู้เรยี น 2. เทคนิควธิ ีการหรือนวัตกรรมการเรยี นการสอนทนี่ ามาใช้เพือ่ การพฒั นาคุณภาพของผู้เรียน และขน้ั ตอนวธิ กี ารใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ารหรอื นวัตกรรมนัน้ ๆ 3. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนตามวิธีการทีก่ าหนดทเี่ กิดกับผู้เรียน 4. ขอ้ เสนอแนะแนวทางใหม่ๆ ในการปรับปรงุ และพฒั นาผเู้ รียนใหไ้ ด้ผลดียิ่งขึน้ มาตรฐานท่ี 8 ปฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแก่ผเู้ รียน คาอธิบาย การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน หมายถึง การแสดงออกการประพฤติ และปฏิบัติในด้านบุคลิกภาพทั่วไป การแต่งกายกิริยาวาจาและจริยธรรมที่เหมาะสมกับความเป็นครู อย่างสม่าเสมอทที่ าให้ผเู้ รยี นเลื่อมใสศรทั ธาและถือเปน็ แบบอย่าง มาตรฐานที่ 9 รว่ มมือกบั ผู้อ่ืนในสถานศึกษาอยา่ งสรา้ งสรรค์ คาอธิบาย การร่วมมือกับผู้อ่ืนในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึง ความสาคญั รบั ฟังความคิดเห็นยอมรับในความรู้ความสามารถใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ของ เพือ่ นร่วมงานดว้ ยความเตม็ ใจ เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายของสถานศึกษาและรว่ มรับผลท่ีเกิดข้ึนจากการกระทาน้ัน มาตรฐานที่ 10 รว่ มมอื กับผู้อืน่ ในชมุ ชนอย่างสร้างสรรค์ คาอธิบาย การร่วมมือกับผู้อ่นื ในชุมชนอย่างสรา้ งสรรค์ หมายถงึ การตระหนักถึงความสาคัญ รับฟังความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถของบุคคลอ่ืนในชุมชน และร่วมมือปฏิบัติงานเพ่ือพัฒนา ง า น ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า ใ ห้ ชุ ม ช น แ ล ะ ส ถ า น ศึ ก ษ า มี ก า ร ย อ ม รั บ ซ่ึ ง กั น แ ล ะ กั น แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ง า น ร่ ว ม กั น ดว้ ยความเตม็ ใจ มาตรฐานที่ 11 แสวงหาและใชข้ ้อมลู ขา่ วสารในการพัฒนา คาอธิบาย การแสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา หมายถึง การค้นหาสังเกตจดจา และรวบรวมข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้านโดยเฉพาะสารสนเทศเกี่ยวกับวิชาชีพครูสามารถ วิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผลและใช้ข้อมูลประกอบการ แก้ปัญหาพัฒนาตนเองพัฒนางานและพัฒนาสังคม ได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานที่ 12 สร้างโอกาสใหผ้ เู้ รียนได้เรียนรใู้ นทุกสถานการณ์ คาอธิบาย การสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกสถานการณ์ หมายถึง การสร้างกิจกรรม การเรยี นรู้ โดยการนาเอาปัญหาหรือความจาเป็นในการพฒั นาต่าง ๆ ท่เี กิดขนึ้ ในการเรียนและการจัดกิจกรรม อื่น ๆ ในโรงเรียนมากาหนดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาของผู้เรียนท่ีถาวรเป็นแนวทางใน การแก้ปัญหาของครูอีกแบบหนึ่งที่จะนาเอาวิกฤติต่าง ๆ มาเป็นโอกาสในการพัฒนาครู จาเป็นต้องมองมุม ตา่ ง ๆ ของปญั หาแลว้ ผันมมุ ของปัญหาไปในทางการพฒั นากาหนดเปน็ กจิ กรรมในการพัฒนาของผเู้ รียน ครูจงึ ตอ้ งเปน็ ผู้มองมุมบวกในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้กล้าที่จะเผชิญปัญหาต่าง ๆ มสี ตใิ นการแก้ปญั หามิได้ตอบสนอง

วชิ าคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพครู : 93 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหาต่าง ๆ ด้วยอารมณ์หรือแง่มุมแบบตรงตัวครูสามารถมองหักมุมในทุก ๆ โอกาสมองเห็นแนวทางที่นาสู่ ผลก้าวหนา้ ของผเู้ รียน 3. มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายถึง จรรยาบรรณของวิชาชีพที่กาหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการ ปฏบิ ัตติ น ซ่ึงผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาต้องปฏิบตั ิตาม โดยมีจรรยาบรรณของวิชาชพี เปน็ แนวทางในการ ประพฤติปฏิบัติ เพ่ือดารงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติ และศักด์ิศรีแห่งวิชาชีพ ตามแบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวชิ าชีพ โดยคุรสุ ภากาหนดเป็นข้อบังคบั ครุ ุสภาว่าดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของ วิชาชีพ พ.ศ.2548 มีผลใช้บังคับเมื่อวันท่ี 5 กันยายน 2548 หากผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติผิด จรรยาบรรณของวิชาชีพ ทาให้เกิดความเสยี หายแกบ่ ุคคลอื่นจนได้รับการร้องเรยี นถึงคุรุสภาแลว้ ผนู้ ้นั อาจถูก คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินจิ ฉยั ช้ขี าดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ยกขอ้ กลา่ วหา 2) ตักเตือน 3) ภาคทณั ฑ์ 4) พักใช้ใบอนุญาตทกี่ าหนดเวลาตามทเ่ี หน็ สมควร แต่ไมเ่ กนิ 5 ปี 5) เพิกถอนใบอนญุ าต 5.5.3 มาตรฐานความรู้ 11 มาตรฐาน ตามขอ้ บงั คับคุรสุ ภา วา่ ด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. 2556 มาตรฐานความรู้ 11 มาตรฐาน ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 (ประกาศเม่ือวันท่ี 19 กันยายน 2556) กาหนดว่า ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาตรี ทางการศกึ ษา หรอื เทยี บเท่า หรอื มีคุณวฒุ อิ ื่นที่ครุ ุสภารับรอง โดยมีมาตรฐานความรูแ้ ละประสบการณว์ ิชาชีพ ดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) มาตรฐานความรู้ ประกอบดว้ ยความรู้ ดังตอ่ ไปน้ี 1) ความเปน็ ครู 2) ปรัชญาการศกึ ษา (เพมิ่ ) 3) ภาษาและวฒั นธรรม (เดมิ ภาษาและเทคโนโลยีสาหรับครู) 4) จติ วทิ ยาสาหรับครู 5) หลักสตู ร (เดมิ การพัฒนาหลกั สูตร) 6) การจัดการเรยี นรแู้ ละการจัดการชน้ั เรียน (รวมจาก 2 มาตรฐานเป็น 1 มาตรฐาน) 7) การวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรยี นรู้ (เดิม การวจิ ยั ทางการศึกษา) 8) นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา 9) การวัดและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 10) การประกันคุณภาพการศึกษา 11) คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ (เพ่ิม)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook