เคร่ืองมอื วดั และประเมินผล ในรายวชิ าที่รบั ผิดขอบสอน กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 จดั ทาโดย นางสาวณัฐธนัญา บญุ ถงึ ตาแหน่ง ครู คศ.2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลชา่ งเคิง่ อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวดั เชียงใหม่ สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษสานักงานการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
แบบวิเคราะห์ข้อสอบโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 กลมุ่ สาระการเรียนร.ู้ ................. วิทยาศาสตร์ ................ ( ) กลางภาคเรยี นที่ ..... 1/2559 ......... ( ) ปลายภาคเรยี นท.่ี ........./.................การวิเคราะหข์ ้อสอบรายวิชา ฟสิ ิกส์ 1 รหัสวิชา ว 31201 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4สาระการเรียนรู้ : -มาตรฐาน : -ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ : 2 . วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟสิกสไดถูกตองเหมาะสม โดยนาความคลาดเคล่ือนในการวดั มาพจิ ารณาในการ นาเสนอผล รวมทงั้ แสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟ วิเคราะหและแปลความหมายจากกราฟเส้นตรง 3 . ทดลองและอธบิ ายความสัมพนั ธระหวางตาแหนง การกระจดั ความเร็ว และความเรงของการเคลื่อนท่ีของวตั ถใุ นแนวตรง ทม่ี คี วามเรงคงตวั จากกราฟและสมการ รวมทงั้ ทดลองหาคาความเรงโนมถวงของโลก และคานวณปรมิ าณตางๆ ท่ีเกี่ยวของ ตัวช้ีวัด/ รปู แบบ ความรู้ ความร/ู้ ทกั ษะตามตัวชีว้ ดั (จานวนข้อ) สรา้ งสรรค์ รวมผลการเรยี นรู้ ข้อสอบ จา เขา้ ใจ ทกั ษะและกระบวนการคดิ (ข้อ) 112 1 ปรนยั 3 นาไปใช้ วิเคราะห์ วิเคราะห์ ประเมินค่า 13 2 อตั นยั 17 33 1 ปรนยั 2 10 1 27 21 2 อัตนยั 1 ปรนัย 2 อตั นยั 1 ปรนยั 2 อตั นยัรวมจานวนขอ้ สอบ 35 18 1 ลงชือ่ ………………………………………………………..ครูผ้สู อน (นางสาวณัฐธนญั า บญุ ถึง) ตาแหนง่ ครู คศ. 2
แบบประเมินการสร้างข้อสอบ ( ) กลางภาคเรียนท่ี 1/2561 ( ) ปลายภาคเรยี นท่ี ......../...............คาชแ้ี จง ใหผ้ ู้ประเมินทาเครื่องหมาย ลงชอ่ งว่างตามหวั ขอ้ ตา่ งๆ ต่อไปนี้ ตามความคิดเหน็ ที่ตรงความจริงมากท่สี ดุ รายการประเมนิ การปฏบิ ตั ิ ความ ปรับปรงุ มี ไมม่ ี เหมาะสม1. ความชัดเจนของคาสงั่ 2. ความชดั เจนของโจทย์ 3. ความสอดคล้อง ตรงตามตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 4. ข้อสอบมีการวัดครอบคลมุ พฤติกรรม :ทกั ษะ (สามารถประเมินได้มากกวา่ 1 ข้อ) - รู้ + จา(อนุญาตเฉพาะ ป.1-3) - เข้าใจ - นาไปใช้ - วเิ คราะห์ - ประเมินค่า - สร้างสรรค์ - วดั ทักษะ 5. ข้อสอบครอบคลุมเน้อื หาที่สอน 6. ความเหมาะสมของขอ้ สอบกับคะแนน 7. ความเหมาะสมของข้อสอบกับเวลา 8. แบบทดสอบแบบปรนยั เลอื กตอบ 1 คาตอบ/มากกวา่ 1 คาตอบ เลือกตอบแบบเชงิ ซ้อน เลือกตอบแบบกลมุ่ สัมพนั ธ์9. แบบทดสอบแบบอตั นัยพรอ้ มเกณฑ์ประเมนิ ชดั เจนบันทกึ การนิเทศ 1. กลุม่ สาระการเรยี นรู้ …………………………………………….……………………………………………………….…….…………………………………………. ลงชอ่ื ........................................................หัวหน้าสาระการเรยี นรู้ ( นางสาวณฐั ธนัญา บุญถึง ) วันท่ี........../....................../..............2. งานวัดผล……………………………………………………………………………………………………..………………………………………………….…………… ลงชือ่ ........................................................งานวัดผล ( นายเสรี แซจ่ าง ) วันท่ี........../....................../..............3. หัวหน้ากลมุ่ บริหารวิชาการ ( ) เห็นชอบให้นาไปจดั ทาขอ้ สอบได้ ( ) ไมเ่ ห็นชอบให้นาไปทาข้อสอบ ให้นาไปปรับปรงุ แก้ไข ดังน…ี้ ………………........................................................................ ลงช่อื ........................................................หวั หนา้ งานวัดและประเมินผล ( นางสาวศิรมิ า เมฆปัจฉาพชิ ิต ) วนั ท่ี........../....................../..............( ) อนมุ ตั จิ ดั ทาขอ้ สอบได้( ) ไม่อนมุ ัติใหจ้ ดั ทาข้อสอบ ตามรายละเอียดขอ้ เสนอ ............................................................................................................ลงชอื่ ....................................................รองผู้อานวยการกล่มุ บริหารวิชาการ ( นายวเิ ศษ ฟองตา ) วันที่........../....................../........
ªÍè× ………………………………………..……………..ª¹Ñé …………àÅ¢·èÕ ………….. ขอสอบกลางภาคโรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 อาํ เภอแมแจม จังหวัดเชียงใหมขอสอบรายวิชาฟส กิ ส 1 รหัสวชิ า ว 31201 ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 4 จาํ นวน 2.0 หนวยกิตภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2561 จาํ นวน 20 คะแนน เวลาสอบ 90 นาที *************************************คาํ ชี้แจง 1 ขอสอบนี้มวี ตั ถุประสงคเพ่อื วัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นกลางภาคที่ 1 ปก ารศึกษา 2561ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 ตามผลการเรียนรู รายวิชาฟส ิกส 1 รหัสวิชา ว 31201 ดังนี้2 . วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟสิกสไ ดถกู ตองเหมาะสม โดยนําความคลาดเคล่ือนในการวดั มาพิจารณาในการนาํ เสนอผล รวมทงั้ แสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟ วเิ คราะหแ ละแปลความหมายจากกราฟเสนตรง3 . ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร ะหวางตาํ แหนง การกระจดั ความเร็ว และความเรงของการเคลอ่ื นท่ีของวัตถใุ นแนวตรงท่ีมีความเรงคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทัง้ ทดลองหาคา ความเรง โนม ถว งของโลกและคาํ นวณปริมาณตา งๆ ท่ีเกี่ยวของ2. ขอสอบฉบับนีม้ ีจํานวนทั้งหมด 9 หนา มีลักษณะขอ สอบ คอื แบง เปน 2 ตอนตอนท่ี 1 สว นที่ 1 เปน แบบปรนัย (เลือก1 คําตอบ) จํานวน 20 ขอสวนท่ี 2 เปนแบบปรนัย (เลือกตอบเชงิ ซอน) จาํ นวน 2 ขอสว นท่ี 3 เปนแบบปรนัย (เลือกตอบแบบกลุมสมั พนั ธ) จาํ นวน 2 ขอตอนท่ี 2 เปนแบบทดสอบแบบอตั นัย(เขียนตอบคาํ ถาม+แสดงวธิ ที ํา) จาํ นวน 3 ขอ3. เกณฑก ารใหค ะแนนตอนท่ี 1 สวนท่ี 1 เปน แบบปรนัยเลอื กตอบ 1 คาํ ตอบ (ขอละ 0.5 คะแนน) รวม 10 คะแนนสว นที่ 2 เปนแบบปรนยั เลือกตอบเชงิ ซอ น (ขอละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนสวนท่ี 3 เปนแบบปรนัยเลอื กตอบแบบกลมุ สัมพันธ (ขอ ละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนตอนที่ 2 เปน แบบทดสอบแบบอตั นัยเขยี นตอบ+แสดงวธิ ที ํา (ขอ ละ 5 คะแนน) รวม 15 คะแนน รวมทั้งสิ้น 37 คะแนน4. ขอปฏบิ ตั ใิ นการสอบ 1. แตงกายดว ยชดุ นักเรียนใหสุภาพเรียบรอย ตามขอ บังคับของโรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 2. หา มนําหนงั สอื /เอกสารเขา ไปในทีน่ ่งั สอบ และหา มทาํ เคร่ืองหมายใดๆ ลงใบขอ สอบท่แี จกให 3. หามนําเครอื่ งคดิ เลขเขา หอ งสอบ อนุญาตใหน กั เรียนคดิ เลขไดในดา นหลังของกระดาษคําตอบ 4. หามนักเรยี นนาํ กระดาษคําตอบออกหอ งสอบ จะตองสง คนื กรรมการควบคุมหองสอบเม่ือสอบเสรจ็ 5. หา มนักเรยี นตดิ ตอพูดจาปรกึ ษาหรือทําสัญญาณขณะทาํ ขอ สอบ เม่ือมีขอสงสัยหรือตอ งการสิ่งใด ใหยกมือข้ึนสอบถาม หรือขอความชว ยเหลอื จากกรรมการควบคุมหองสอบ หากพบการทุจริตใน การสอบในครัง้ น้ีจะปรับตกรายวชิ านที้ นั ที
ตอนท่ี 1 สวนที่ 1 เปน แบบปรนยั เลอื กตอบ 1 คําตอบ ใหนักเรียนเลือกคําตอบท่ีถกู ตองเพียงขอเดียว แลววงกลมลอมรอบคาํ ตอบที่ถูกตอง (ขอละ1 คะแนน)1. ผลลัพธต ามหลกั เลขนัยสาํ คัญของ ( 4.5 x 1.12 ) – 1.35 คอื ขอใด (2:วิเคราะห)ก. 3.69 ข. 3.7 ค. 4.69ง. 4.7 จ. 0.372. คําตอบท่ถี ูกตองทีส่ ดุ ตามหลกั เลขนัยสาํ คัญของ 3.25 + 2.1 – 2.12 คอื ขอใด (2:วเิ คราะห)ก. 3 ข. 3.2 ค. 3.23ง. 3.27 จ. 0.323. สนามหญารปู สเ่ี หลยี่ มผืนผายาว 15.5 m กวาง 10.25 m สนามหญาน้มี ีพ้ืนทีเ่ ทา ใด (2:วเิ คราะห)ก. 159 m2 ข. 158.9 m2 ค .158.88 m2P Pง .158.875 m2 จ. 160.0 m24. ขอ ใดเปน เรียงลาํ ดับจํานวนเลขนัยสาํ คัญตอไปนจ้ี ากมากไปนอยได ถกู ตอง (2:วิเคราะห)ก. 0.05 , 0.70 , 0.145 , 0.1025 ข. 0.70 , 0.145 , 0.1025 , 0.05ค. 0.1025 , 0.145 , 0.70 , 0.05 ง. 0.145 , 0.1025 , 0.05 , 0.70จ. 0.70, 0.05 , 0.145 , 0.10255. ผลลพั ธต ามหลักเลขนัยสําคญั ของ 360 ÷3.00 คอื (2:วิเคราะห)ก. 12.00 x 101 ข. 1.20 x 102 ค. 1.2 x 102ง. 12.0 x 102 จ. 0.12 x 1026. จงพิจารณา A. 1.2 + 62.543+10.12 = ? B. 0.0387 x 1.542 x 1.32 = ?จากสมการขา งตนนี้ การสรุปเกยี่ วกบั คําตอบอบของท้ังสองสมการ ขอ สรปุ ใดถกู ตอ งทสี่ ดุ (2:วเิ คราะห)ตัวเลือก สมการ A จาํ นวนเลขนยั สําคัญ สมการ B ก ข 2 ตวั 2 ตัว ค 2 ตัว 3 ตัว ง 5 ตวั 3 ตัว จ 6 ตัว 3 ตวั 5 ตวั 5 ตัว7. นาย ก มเี ชือกยาวเทากับ 29.2 ± 0.2 cm สวนนาย ข มเี ชอื กยาว 24.4 ± 0.3 cm จงหาผลตางมากทีส่ ุดของความยาวเชือกท่ีทั้งสองคนมเี ปน เทาใด (2:วเิ คราะห)ก. 4.8 ± 0.1 ข. 4.8 ± 0.5 ค. 96. ± 0.1ง. 9.6 ± 0.5 จ. 0.52 ± 0.18. จงพิจารณาขอความตอไปน้ี เปน ปรมิ าณฐานทงั้ หมด 1. มวล เวลา ความยาว เปนปริมาณฐานท้งั หมด2. ความเร็ว ความถี่ อุณหภูมิ3. ความเรง ความดนั พลังงาน เปนปริมาณอนุพัทธท ้ังหมดคําตอบท่ีถูกตองท่ีสุดคือขอ ใด (2:เขา ใจ)ก. ขอ 1 และ 2 ข. ขอ 2 และ 3 ค. ขอ 1 และ 3ง. ขอ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ 1 เทา นนั้
จงพจิ ารณากลุม ปรมิ าณตอไปนี้ ใชตอบคําถามขอ 9 - 101. อัตราเร็ว ความเรง สนามโนมถวง 2. ความเร็ว มวล เวลา3. แรง นํา้ หนกั ความเรว็ 4. ระยะทาง พ้ืนที่ ปรมิ าตร9. จงพจิ ารณาขอตอไปน้ีขอใดเปนปรมิ าณสเกลารทง้ั หมด (2:เขา ใจ)ก. ขอ 1. ข. ขอ 2. ค. ขอ 3.ง. ขอ 4. จ. ขอ 1 และ 410. จงพจิ ารณาขอตอไปนี้ขอใดเปนปริมาณเวกเตอรท้ังหมด (2:เขาใจ)ก. ขอ 1. ข. ขอ 2. ค. ขอ 3.ง. ขอ 4. จ. ขอ 3 และ 411. วัตถหุ น่งึ เคลอ่ื นทต่ี ามเสน ทาง ดงั รูป ขอความใดตอ ไปน้ีกลาวถูกตอ งในชว งทีว่ ตั ถเุ คล่ือนท่ีจาก A ไป B1. ระยะทางของการเคลือ่ นที่ คือ ความยาวของเสนโคง AB2. ขนาดของการกระจดั เทา กบั ระยะทางตรง AB B A3. ระยะทางมีทศิ ดงั แสดงดว ยหวั ลกู ศรในรูปคาํ ตอบที่ถูกคือขอ ใด (3:วเิ คราะห)ก. ขอ 1 เทา นัน้ ข. ขอ 2 เทานน้ั ค. ขอ 3 เทา นัน้ง. ขอ 1 และ 2 จ. ขอ 1 และ 312. เดก็ ชายคนหนง่ึ ไปทางทิศตะวันออก 8 เมตร แลว เดนิ ตอไปทางทิศเหนืออกี 6 เมตร เขาเดนิ ไดการกระจัดและระยะทางก่ีเมตร ตามลําดบั (3:วิเคราะห)ก. 7 , 14 ข. 9 , 14 ค. 10 , 14ง. 12 , 14 จ. 14 , 1413. ใชมอื ดงึ แถบกระดาษผา นเครอ่ื งเคาะสัญญาณเวลาจุดบนแถบกระดาษ ในขอใดแสดงวาความเร็วของมือคงตวั(3:นําไปใช)ก. ข.ค. ง.จ. ภาพที่ปรากฏทุกขอ มีความเร็วของมอื คงตวั เทา กัน14. จงพิจารณาขอความตอไปนี้1. วัตถุทมี่ ีอัตราเร็วเปลีย่ นแตท ศิ ไมเ ปลี่ยน เคล่อื นทีด่ ว ยความเรง2. วตั ถุทีม่ ีอัตราเรว็ ไมเปลย่ี นแตทิศเปลีย่ น เคลอ่ื นทด่ี ว ยความเรง3. ในการตกแบบอิสระถาไมคิดแรงตานของอากาศ ขณะที่วัตถุเคล่ือนท่ีขึ้นหรือเคลื่อนที่ลงตามแนวด่ิงความเรงมีคา คงตัวขอความทถ่ี กู ตองท่สี ุดคอื ขอ ใด (3:วิเคราะห)ก. ขอ 1 และ 2 ข. ขอ 1 และ 3 ค. ขอ 2 และ 3ง. ขอ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ 3 เทานั้น
15. ถา a เปน ความเรงของวตั ถุ เมอ่ื นกั เรยี นคํานวณหาความเรงของวตั ถุหนึ่ง ปรากฏวาได a มเี ปนลบ ( - ) อธบิ ายไดว าอยา งไร1. วตั ถุเคลื่อนทไี่ ปในทิศเดยี วกับทิศของความเรว็ ทีเ่ ปลี่ยน2. ความเรง มที ิศตรงขามกับทศิ ทว่ี ัตถุเคลือ่ นที่3. วตั ถเุ คลือ่ นทีช่ าลงขอ สรุปที่ถูกตอ งท่สี ดุ คอื ขอใด (3:วิเคราะห)ก. ขอ 1 และ 3 ข. ขอ 2 และ 3 ค. ขอ 1 และ 2ง. ขอ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ 3 เทานน้ั16. จากกราฟระหวางการกระจดั และเวลา ดงั รูป หมายเลขใดแสดงวาวัตถุมีความเรว็ สูงสดุ ณ เวลาเดียวกัน(3:วเิ คราะห) ก. หมายเลข 1 การกระจดั 4 32ค. หมายเลข 3 ข. หมายเลข 2 ง. หมายเลข 4 1จ. หมายเลข 3 และ 4 เวลา17. จงพิจารณาขอ ความตอไปนี้ เม่อื g = 10 m/s21. ปลอยวตั ถุใหตกลงมาตามแนวดง่ิ เมอื่ เวลาผานไป 5 วนิ าที วตั ถุมคี วามเรง 10 m/s22. ปลอ ยกอนหนิ ใหตกลงมาจากหอคอย ความเร็วของกอนหินเปน ศนู ย ณ จดุ ปลอย3. โยนลกู บอลขึน้ ไปในแนวดิ่ง ความเร็วของลูกบอลเปนศูนยเ มื่อถึงจดุ สูงสุดคาํ ตอบท่ีถูกตอ งทส่ี ดุ คือขอ ใด (3:วิเคราะห)ก. ขอ 1 และ 2 ข. ขอ 1 และ 3 ค. ขอ 2 และ 3ง. ขอ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ 2 เทานนั้18. กราฟของความเร็ว v กับเวลา t ขอ ใดสอดคลองกบั การเคล่ือนที่ของวัตถทุ ่ีถูกโยนขึ้นไปในแนวด่งิ (3:วเิ คราะห)ก. ข. ค. ง. จ. และ19. จากรปู แสดงจดุ หา งสมํา่ เสมอกันบนแถบกระดาษทีผ่ านเครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลา 50 ครัง้ ตอวนิ าที ขอความใด ถกู ตองสาํ หรบั การเคล่อื นที่นี้ (3:วิเคราะห)ก. ความเร็วเพ่ิมขนึ้ สมาํ่ เสมอ ข. ความเรง เพม่ิ ขึ้นสมาํ่ เสมอค. ความเรงคงตัวและไมเ ปนศูนย ง. ระยะทางเพ่ิมขึน้ สม่าํ เสมอจ. ทงั้ ความเรง และความเรว็ เปน ศนู ย20. จาํ นวน 1.6 x 10 -27 กโิ ลกรมั เม่อื เปลีย่ นหนวยเปนมิลลิกรมั จะมีคาตรงกับขอใดตอไปนี้ (2:นาํ ไปใช)ก. 1.6 x 10 –29mg ข. 1.6 x 10 –21mg ค. 1.6 x 10 29 mgง. 1.6 x 10 21 mg จ. 1.6 x 10 –30mg
ตอนที่ 1 สว นที่ 2 เปนแบบปรนยั เลอื กตอบแบบเชงิ ซอน โดยคาํ ถามชดุ น้มี ีคาํ ถามยอยรวมอยใู นขอเดยี วกันซ่ึง เกย่ี วกบั เรอ่ื ง/สถานการณท ี่อาน (ขอละ3 คะแนน * ขอยอ ยละ 0.5 คะแนน) 1. พิจารณาขอ มลู ตอไปนีแ้ ลวตอบคําถาม การเคลือ่ นท่ี (Motion) กระบวนการอยางหน่ึงที่ทําใหม ีการเปล่ยี นแปลงตําแหนงอยา งตอ เนื่องตามเวลาท่ีผา นไป โดยมีทิศทางและระยะทาง ซึง่ ความสัมพันธร ะหวา งความเร็ว เวลา ความเรง และระยะทางทวี่ ตั ถเุ คล่ือนที่ไปได ลักษณะการเคล่อื นที่ของส่งิ ตางๆ ท่อี ยรู อบตัวเรา แตกตา งกนั ออกไป เชน การเคลื่อนทีใ่ นแนวตรง แนวโคง เปน วงกลม หรือกลบั ไปกลับมา การบอกตาํ แหนงของวัตถุ ในชวี ิตประจําวนั เราพบเห็นการเคล่ือนท่ีของสิง่ ตางๆ เชน นกบนิ รถยนตแลน บนถนน ลกู ฟตุ บอลเคลื่อนท่ีในอากาศ ใบพัดลมหมนุ เดก็ แกวง ชิงชา ผลไมห ลน จากตน เปนตน จากขอ มูลเกย่ี วกับ “การเคลอื่ นที่ (Motion)” ขอสรปุ ตอไปน้ีเปน จรงิ หรือไม ถา ถูกตองเปนไปตามความจริงใหคําวา “จริง” แตถาขอสรุปน้ันไมถูกตองตามความเปนจริง ใหเติมคําวา “ไมจริง” ลงในชองวางทายขอยอยนั้นๆ(3:วเิ คราะห)ขอ ขอ สรุป จรงิ /ไมจ รงิ1.1 การเคลอ่ื นท่ขี องส่งิ ตา งๆ บนโลกน้ี ระยะทางจะ มากกวา การกระจดั เสมอ1.2 การบอกตําแนงของวัตถุ เมอ่ื เวลาผา นไปเทียบกบั จุดอา งอิง ทาํ ใหท ราบวา วัตถเุ คลอ่ื นที่หรอื ไม1.3 การปลอ ยลกู เปตองกับลกู ปงปอง ถา ไมม แี รงตานอากาศ วตั ถทุ ้งั สองจะถึงพ้นื พรอ มกัน1.4 ระยะทางจาก AB = 2BC ถา ใหสองคนเดนิ ในระยะทางดงั กลาว ในเวลาทีเ่ ทากนั คนทเ่ี ดินจาก A ไป B จะตองเดนิ เร็วกวา คนทเี่ ดินจาก B ไป C สองเทา ดว ยเชน กัน2 พิจารณาขอ มลู ตอไปนี้แลว ตอบคาํ ถาม จากขอมูลเกี่ยวกับ “การเคลื่อนที่ของรถยนต” ขอสรุปตอไปน้ีเปนจริงหรือไม ถาถูกตองเปนไปตามความจริง ใหคําวา “จริง” แตถาขอสรุปนั้นไมถูกตองตามความเปนจริง ใหเติมคําวา “ไมจริง” ลงในชองวางทายขอยอยนั้นๆ(3:วิเคราะห) ดเคร่ืองขอ ขอสรปุ จรงิ /ไมจ รงิ1.1 จากรปู มาตรวัดความเรว็ ของรถยนต ความเรว็ ท่ปี รากฏ เปน อัตราเร็วของรถไมใ ชค วามเร็วของรถทแ่ี ทจริง1.2 รถคันนี้เรมิ่ ตนการเคลอ่ื นท่ีโดยการติดเครื่องยนตคร้งั แรกและออกเดินทางเทา นัน้ ไมมโี อกาสเปน อยางอ่นื เพราะความเร็ว v = o1.3 การปลอยลกู เปตองกับลกู ปง ปอง ถา ไมม แี รงตา นอากาศ วตั ถทุ งั้ สองจะถงึ พนื้ พรอมกนั1.4 ในวินาทีที่ 25 – วนิ าทีท่ี 50 รถยนตค นั นี้มีอตั ราเรงและและความเรง คงที่
ตอนที่ 1 สวนท่ี 3 เปนแบบปรนยั เลือกตอบแบบกลุมคาํ ตอบสมั พันธ โดยคําถามชดุ นมี้ คี ําถามมากกวา 1 ขอ ทม่ี ีเง่ือนไขใหคิดและ สัมพนั ธตอเนอ่ื งกัน โดยวงกลมลอ มรอบคาํ ตอบท่ีเลอื ก (ขอละ 3 คะแนน # ขอ คาํ ถามยอ ยแตล ะกลมุ ๆละ 1 คะแนน)1. พจิ ารณาขอ มลู ตอไปนแ้ี ละตอบคําถาม เมื่อพิจาณาการเคล่อื นทข่ี องรถคันดงั กลาว อตั ราเร็วเฉลย่ี ของรถคันนใ้ี นชว งวนิ าทท่ี ี่ 50 – 75 คือขอ ใด ( กลมุ A )ขอ สรปุ ใดอธิบายการเคล่ือนที่ของรถคันนี้ไดถ ูกตอ งทีส่ ดุ (กลมุ B) กราฟขอ ใดแสดงอตั ราเรว็ กบั เวลาในชว งวินาทท่ี ่ี 50 – 70ของรถคันนไี้ ดถ กู ตอ งทีส่ ดุ (กลุม C) (3:ประเมินคา ) (กลมุ A) (กลมุ B) (กลุม C)ก. 3.5 m/s2 ก. รถคนั นีเ้ ร้ิมตนจากจดุ หยดุ นิ่งแลวมีอัตราเรว็ และมีอตั ราเรว็ คงทแ่ี ละข. 25 m/s2 ก.ค. 75 m/s2 จนถงึ จดุ หยุดนง่ิ ข.ง. 90 m/s2 ข. รถคันน้เี รมิ้ ตนจากอตั ราเรว็ เพมิ่ ขึน้ และมีอัตราเรว็ เปน ศูนย เมือ่ ถงึ ค. จดุ หยดุ น่ิง ง. ค. รถคนั น้ีเรม้ิ ตน จากจดุ หยดุ นิ่งแลวมีอัตราเรว็ คงที่ โดยในวนิ าทท่ี ่ี 25 – 50 วนิ าที จนถงึ จดุ หยุดนงิ่ ซ่ึงมอี ตั ราเร็วเปน ศูนย ง. รถคนั น้ีเรม้ิ ตนจากจุดหยดุ นิ่งแลว มอี ัตราเร็วเพิม่ ขึ้น โดยในวินาทท่ี ่ี 25 – 50 วนิ าที จะมอี ัตราเร็วคงทแี่ ละมอี ัตราเร็วเปนศนู ย เม่อื ถึง จุดหยุดนิ่งจากขอ มูลสามารถจัดกลุมความสัมพนั ธท ถ่ี กู ตอง ตามกลุม A , กลมุ B และ กลุม C ตามขอ ใด ( 2:วเิ คราะห)1. ก , ง , ข 2. ข,ค,ง 3. ค , ข , ง4. ง , ข , ค 5. ก , ค , ข
2. พจิ ารณาขอมลู ตอไปนีแ้ ละตอบคาํ ถาม รูป ก รูป ข เมื่อพิจาณาขา งตนแลว จากรูป ก ขอสรปุ ใดตอไปนถี้ ูกตอ ง ( กลุม A ) ขอ สรปุ ใด ไมถกู ตอ ง เกยี่ วกับกราฟ รปู ข(กลุม B) ขอสรุปใดไมถูกตอ งความสัมพนั ธข องตัวแปรในการเขยี นเปนกราฟแสดงการเคลอ่ื นท่ี (กลุม C) (3:นาํ ไปใช) (กลุม A) (กลุม B) (กลุม C)ก. ก. ถา a เปน บวก จะทาํ ใหค วามเร็ว (v) ก. กราฟระยะทางกบั เวลา (S กบั t) แทนระยะทาง มีคาเพ่ิมมากข้ึน ความชันของกราฟเปนความเรว็ เปน ปริมาณเวกเตอรข. ข. ความหนว ง a = 0 จะทาํ ใหความเร็ว (v) ข. กราฟความเรว็ กบั เวลา (v กับ t) แทนระยะทาง มีคาลดลง พน้ื ทีใ่ ตก ราฟคือระยะทาง เปนปริมาณเวกเตอรค. ค. ถา a = 0 แสดงวา วตั ถมุ ีความเร็ว ค. กราฟความเร็วกบั เวลา (v กับ t) แทนการกระจดั (v) มีคา คงที ความชนั ของกราฟเปน ความเรง เปนปรมิ าณเวกเตอรง. ง. พน้ื ท่ใี ตก ราฟคือ (v-u) ง. กราฟความเรงกบั เวลา (a กับ t) พืน้ ท่ี แทนการกระจดั การเปลี่ยนแปลงความเร็ว ใตกราฟคอื การเปลย่ี นแปลงความเรว็ เปนปรมิ าณเวกเตอรจากขอมูลสามารถจัดกลุมความสัมพันธท ถี่ กู ตอง ตามกลมุ A , กลุม B และ กลุม C ตามขอ ใด1. ง , ค , ข 2. ค,ข,ง 3. ค , ข , ข4. ง , ก , ค 5. ก , ค , ขตอนท่ี 2 ใหน ักเรียนตอบคําถามตอไปน้ี โดยการเขียนอธบิ ายและแสดงวิธที าํ ตามความเขา ใจจากท่ีไดเรียนรูม า 1. ใหผูเรยี นตอบคําถามตอไปนี้ โดยการแสดงวิธที ําใหถูกตอ ง จากรปู จงหาระยะทางและการกระจัดของการเคล่ือนที่ ตอ ไปน้ี (3:นาํ ไปใช =5 คะแนน) 2.1. A 8 m B ระยะทาง 6m C การกระจดั
2.2. B 8m ระยะทาง A C การกระจัด 45 m2.3. สนามหญาหนาบา นเปน รปู วงกลมมเี สน ผาศนู ยกลาง 14 m เมอ่ื เดินครบ 1 รอบใชเ วลา 5 s (3:วเิ คราะห=5 คะแนน) จงหา a. ระยะทาง 14 m ระยะทาง b. การกระจดั การกระจัด c. อตั ราเร็ว d. ความเรว็อตั ราเร็ว ความเรว็เกณฑการใหค ะแนน - ใหคะแนน 5 คะแนน สามารถปฏิบตั เิ พือ่ ใหไ ดมาซ่งึ คําตอบครบ 5 ประเด็น ดังนี้ 1. วเิ คราะหโจทยหรอื วาดภาพประกอบถกู ตอง ครบทุกประเดน็ ทโี่ จทยก าํ หนด สามารถระบสุ ิ่งทโ่ี จทยกาํ หนดไดท ถี่ กู ตอง 2. สามารถระบุส่งิ ท่ีโจทยต องการคาํ ตอบ (กําหนดตัวแปรชดั เจน) 3. สามารถบง บอกไดวา การจะไดม าซึง่ คาํ ตอบตองใชสตู รในการคํานวณใด 4. สามารถแทนคา แสดงวิธคี ดิ เพื่อจะไดมาซึ่งคาํ ตอบไดถ กู ตอง ตามหลักการคณติ ศาสตรส าํ หรบั ฟส กิ สและสดุ ทา ย 5. ตอ งตอบคําถามถึงส่ิงโจทยต องการคาํ ตอบพรอ มระบหุ นว ยทช่ี ดั เจน
- ใหค ะแนน 4 คะแนน สามารถปฏิบตั เิ พอ่ื ใหไดมาซ่งึ คาํ ตอบดงั นี้ ขาด 1 ประเด็น- ใหค ะแนน 3 คะแนน สามารถปฏิบตั ิเพอ่ื ใหไ ดม าซึ่งคําตอบดงั นี้ ขาด 2 ประเดน็- ใหคะแนน 2 คะแนน สามารถปฏิบตั ิเพ่ือใหไ ดมาซึ่งคําตอบดังน้ี ขาด 3 ประเดน็- ใหค ะแนน 1 คะแนน สามารถปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหไดมาซ่งึ คาํ ตอบดังน้ี ขาด 4 ประเดน็- ใหค ะแนน 0 คะแนน ไมเ ขยี นอธิบายคําตอบหรือแสดงวิธีคดิ ใดๆ ท้ังส้ิน @@@@@@@@@@@@@@@ลงชอ่ื ...................................... ลงชื่อ........................................... ลงชื่อ ……………................................... (น.ส.ณฐั ธนญั า บญุ ถึง) (น.ส.ณฐั ธนญั า บุญถงึ ) (นายเสรี แซจ าง) ครผู สู อน (ผูแ ตง/พิมพ) หวั หนากลุมสาระฯ วิทยาศาสตร งานวดั ผลระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายลงช่ือ................................................. ลงชื่อ ....................................................................... (น.ส.ศริ มิ า เมฆปจ ฉาพชิ ติ ) (นายวเิ ศษ ฟองตา) หัวหนางานวัดและประเมินผล รองผูอาํ นวยการกลุมบรหิ ารงานวิชาการ
เฉลยขอ้ สอบกลางภาคโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 13 อาเภอแม่แจม่ จังหวัดเชียงใหม่ขอ้ สอบรายวิชาฟิสกิ ส์ 1 รหัสวชิ า ว 31201 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 2.0 หนว่ ยกติภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 จานวน 20 คะแนน เวลาสอบ 90 นาที *************************************คาชแี้ จง 3 ขอ้ สอบนี้มีวตั ถุประสงค์เพือ่ วัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นกลางภาคท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2213ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามผลการเรยี นรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 1 รหสั วิชา ว 31201 ดังน้ี2 . วดั และรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟสิ กิ สไ์ ดถูกตอ้ งเหมาะสม โดยนาความคลาดเคล่อื นในการวดั มาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมทงั้ แสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟ วเิ คราะหแฺ ละแปลความหมายจากกราฟเสน้ ตรง3 . ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างตาแหนง การกระจดั ความเรว็ และความเรง่ ของการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุในแนวตรงทมี่ ีความเรงคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทงั้ ทดลองหาคาความเรงโนมถวงของโลกและคานวณปรมิ าณตางๆ ทเ่ี กยี่ วของ2. ขอ้ สอบฉบับนีม้ ีจานวนทง้ั หมด 9 หน้า มลี กั ษณะขอ่ สอบ คือ แบ่งเป็น 2 ตอนตอนที่ 1 สว่ นท่ี 1 เปน็ แบบปรนัย )เลอื ก1 คาตอบ( จานวน 20 ข้อส่วนที่ 2 เปน็ แบบปรนัย )เลอื กตอบเชิงซ้อน( จานวน 2 ข้อสว่ นท่ี 3 เปน็ แบบปรนัย )เลือกตอบแบบกลุ่มสัมพันธ์( จานวน 2 ขอ้ตอนที่ 2 เปน็ แบบทดสอบแบบอตั นัย)เขียนตอบคาถาม+แสดงวิธที า( จานวน 3 ขอ้3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนตอนที่ 1 ส่วนท่ี 1 เปน็ แบบปรนัยเลือกตอบ 1 คาตอบ )ข้อละ 0.5 คะแนน( รวม 10 คะแนนส่วนที่ 2 เป็นแบบปรนยั เลือกตอบเชงิ ซ้อน )ข้อละ 3 คะแนน( รวม 6 คะแนนส่วนที่ 3 เป็นแบบปรนัยเลือกตอบแบบกล่มุ สมั พนั ธ์ )ขอ้ ละ 3 คะแนน( รวม 6 คะแนนตอนที่ 2 เป็นแบบทดสอบแบบอัตนัยเขียนตอบ+แสดงวธิ ีทา )ข้อละ 5 คะแนน( รวม 15 คะแนน รวมท้ังสิ้น 37 คะแนน4. ขอ้ ปฏิบตั ใิ นการสอบ 1. แต่งกายด้วยชดุ นกั เรียนใหส้ ุภาพเรยี บร้อย ตามขอ้ บงั คบั ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 2. หา้ มนาหนงั สอื /เอกสารเข้าไปในทีน่ ่งั สอบ และหา้ มทาเครื่องหมายใดๆ ลงใบขอ้ สอบทแ่ี จกให้ 3. ห้ามนาเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบ อนญุ าตให้นกั เรียนคดิ เลขได้ในด้านหลงั ของกระดาษคาตอบ 4. ห้ามนักเรยี นนากระดาษคาตอบออกห้องสอบ จะต้องสง่ คนื กรรมการควบคมุ ห้องสอบเม่ือสอบเสรจ็ 5. ห้ามนกั เรียนตดิ ตอ่ พูดจาปรกึ ษาหรือทาสญั ญาณขณะทาข้อสอบ เม่ือมีขอ้ สงสัยหรือตอ้ งการส่ิงใด ให้ยกมือขน้ึ สอบถาม หรือขอความชว่ ยเหลอื จากกรรมการควบคุมห้องสอบ หากพบการทจุ ริตใน การสอบในครัง้ นีจ้ ะปรบั ตกรายวิชาน้ีทันที
ตอนที่ 1 สว่ นที่ 1 เปน็ แบบปรนยั เลือกตอบ 1 คาตอบ ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกต้องเพยี งข้อเดียว แล้ววงกลมล้อมรอบคาตอบท่ถี ูกต้อง )ข้อละ1 คะแนน(1. ผลลัพธต์ ามหลักเลขนยั สาคัญของ ( 4.5 x 1.12 ) – 1.35 คอื ขอ้ ใด (2:วิเคราะห์)ก. 3.69 ข. 3.7 ค. 4.69ง. 4.7 จ. 0.372. คาตอบท่ถี กู ต้องทสี่ ดุ ตามหลักเลขนยั สาคญั ของ 3.25 + 2.1 – 2.12 คือขอ้ ใด (2:วิเคราะห์)ก. 3 ข. 3.2 ค. 3.23ง. 3.27 จ. 0.323. สนามหญ้ารูปส่ีเหล่ยี มผืนผา้ ยาว 15.5 m กว้าง 10.25 m สนามหญ้าน้ีมีพ้นื ทเ่ี ท่าใด (2:วเิ คราะห)์ก. 159 m2 ข. 158.9 m2 ค .158.88 m2ง .158.875 m2 จ. 160.0 m24. ขอ้ ใดเปน็ เรียงลาดับจานวนเลขนยั สาคญั ต่อไปน้ีจากมากไปน้อยได้ ถกู ต้อง (2:วเิ คราะห์)ก. 0.05 , 0.70 , 0.145 , 0.1025 ข. 0.70 , 0.145 , 0.1025 , 0.05ค. 0.1025 , 0.145 , 0.70 , 0.05 ง. 0.145 , 0.1025 , 0.05 , 0.70จ. 0.70, 0.05 , 0.145 , 0.10255. ผลลพั ธต์ ามหลักเลขนยั สาคัญของ 360 3.00 คอื (2:วเิ คราะห์)ก. 12.00 x 101 ข. 1.20 x 102 ค. 1.2 x 102ง. 12.0 x 102 จ. 0.12 x 1026. จงพจิ ารณา A. 1.2 + 62.543+10.12 = ? B. 0.0387 x 1.542 x 1.32 = ?จากสมการข้างตน้ น้ี การสรุปเกีย่ วกับคาตอบอบของท้ังสองสมการ ข้อสรปุ ใดถูกตอ้ งทสี่ ุด (2:วิเคราะห)์ตวั เลือก จานวนเลขนยั สาคญั ก สมการ A สมการ B ข ค 2 ตวั 2 ตวั ง จ 2 ตวั 3 ตวั 5 ตวั 3 ตวั 6 ตวั 3 ตวั 5 ตวั 5 ตวั7. นาย ก มีเชือกยาวเท่ากบั 29.2 0.2 cm ส่วนนาย ข มีเชอื กยาว 24.4 0.3 cm จงหาผลต่างมากทสี่ ดุของความยาวเชอื กทที่ ัง้ สองคนมเี ปน็ เท่าใด (2:วเิ คราะห์)ก. 4.8 0.1 ข. 8.4 0.0 ค. 96. 0.1ง. 6.6 0.5 จ. 0.52 0.18. จงพจิ ารณาข้อความต่อไปนี้1. มวล เวลา ความยาว เป็นปรมิ าณฐานท้งั หมด2. ความเรว็ ความถี่ อุณหภมู ิ เปน็ ปรมิ าณฐานทั้งหมด3. ความเรง่ ความดนั พลงั งาน เปน็ ปรมิ าณอนุพัทธ์ทั้งหมดคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดคือขอ้ ใด (2:เขา้ ใจ)ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3 ค. ข้อ 1 และ 3ง. ข้อ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ้ 1 เท่านั้น
จงพจิ ารณากลุ่มปรมิ าณตอ่ ไปนี้ ใชต้ อบคาถามข้อ 9 - 101. อัตราเรว็ ความเรง่ สนามโนม้ ถว่ ง 2. ความเรว็ มวล เวลา3. แรง น้าหนกั ความเรว็ 4. ระยะทาง พื้นท่ี ปรมิ าตร9. จงพจิ ารณาข้อต่อไปนี้ข้อใดเปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ทั้งหมด (2:เข้าใจ)ก. ข้อ 1. ข. ข้อ 2. ค. ขอ้ 3.ง. ข้อ 8. จ. ข้อ 1 และ 410. จงพจิ ารณาข้อต่อไปนี้ข้อใดเปน็ ปริมาณเวกเตอรท์ ั้งหมด (2:เขา้ ใจ)ก. ข้อ 1. ข. ขอ้ 2. ค. ข้อ 3ง. ข้อ 4. จ. ข้อ 3 และ 411. วัตถหุ น่งึ เคลอ่ื นท่ีตามเสน้ ทาง ดังรปู ขอ้ ความใดต่อไปนีก้ ล่าวถูกตอ้ งในช่วงทวี่ ตั ถุเคลื่อนทจี่ าก A ไป B1. ระยะทางของการเคลื่อนท่ี คอื ความยาวของเส้นโค้ง AB B2. ขนาดของการกระจัดเท่ากับระยะทางตรง AB3. ระยะทางมที ศิ ดังแสดงด้วยหวั ลกู ศรในรูป Aคาตอบทถี่ กู คอื ขอ้ ใด (3:วเิ คราะห์)ก. ข้อ 1 เทา่ นนั้ ข. ขอ้ 2 เท่าน้ัน ค. ข้อ 3 เทา่ น้นัง. ขอ้ 1 และ 2 จ. ขอ้ 1 และ 312. เดก็ ชายคนหนึ่งไปทางทิศตะวนั ออก 8 เมตร แลว้ เดนิ ต่อไปทางทศิ เหนอื อีก 6 เมตร เขาเดนิ ได้การกระจัดและระยะทางกเ่ี มตร ตามลาดับ (3:วเิ คราะห์)ก. 7 , 14 ข. 9 , 14 ค. 10 , 14ง. 12 , 14 จ. 14 , 1413. ใชม้ อื ดงึ แถบกระดาษผา่ นเคร่อื งเคาะสัญญาณเวลาจดุ บนแถบกระดาษ ในข้อใดแสดงวา่ ความเรว็ ของมือคงตัว(3:นาไปใช้)ก. ข.ค. ง.จ. ภาพท่ีปรากฏทุกขอ้ มีความเร็วของมอื คงตวั เทา่ กนั14. จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้1. วตั ถทุ ่ีมอี ตั ราเรว็ เปลยี่ นแตท่ ศิ ไมเ่ ปลย่ี น เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง2. วตั ถุทม่ี ีอัตราเรว็ ไม่เปลีย่ นแตท่ ศิ เปล่ียน เคลื่อนท่ดี ว้ ยความเรง่3. ในการตกแบบอิสระถ้าไม่คิดแรงต้านของอากาศ ขณะท่ีวัตถุเคลื่อนที่ข้ึนหรือเคลื่อนที่ลงตามแนวด่ิงความเรง่ มคี า่ คงตวัขอ้ ความทถี่ กู ตอ้ งทีส่ ดุ คือขอ้ ใด (3:วิเคราะห)์ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 1 และ 3 ค. ข้อ 2 และ 3ง. ข้อ 1 , 2 และ 3 จ. ข้อ 3 เทา่ นัน้
15. ถ้า a เปน็ ความเรง่ ของวัตถุ เมอ่ื นักเรียนคานวณหาความเรง่ ของวัตถหุ น่ึง ปรากฏวา่ ได้ a มเี ปน็ ลบ ( - ) อธิบายไดว้ า่ อยา่ งไร1. วัตถเุ คลอื่ นท่ีไปในทิศเดยี วกับทศิ ของความเรว็ ที่เปลย่ี น2. ความเร่งมีทิศตรงขา้ มกับทิศที่วัตถุเคล่อื นที่3. วตั ถุเคล่อื นทช่ี ้าลงข้อสรปุ ท่ีถกู ตอ้ งท่สี ุดคอื ข้อใด (3:วเิ คราะห)์ก. ขอ้ 1 และ 3 ข. ข้อ 2 และ 3 ค. ข้อ 1 และ 2ง. ขอ้ 1 , 2 และ 3 จ. ขอ้ 3 เท่าน้นั16. จากกราฟระหวา่ งการกระจัดและเวลา ดังรปู หมายเลขใดแสดงว่าวตั ถุมคี วามเร็วสงู สุด ณ เวลาเดียวกนั(3:วเิ คราะห์) การกระจัด 4 32 ก. หมายเลข 1 ข. หมายเลข 2ค. หมายเลข 3 ง. หมายเลข 4 1จ. หมายเลข 3 และ 4 เวลา17. จงพจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี เมอ่ื g = 10 m/s21. ปล่อยวัตถุให้ตกลงมาตามแนวดงิ่ เม่อื เวลาผ่านไป 5 วินาที วตั ถุมีความเร่ง 10 m/s22. ปล่อยก้อนหนิ ให้ตกลงมาจากหอคอย ความเร็วของก้อนหินเปน็ ศนู ย์ ณ จดุ ปลอ่ ย3. โยนลกู บอลขน้ึ ไปในแนวดิ่ง ความเรว็ ของลูกบอลเป็นศูนย์เม่ือถึงจดุ สงู สุดคาตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุดคือขอ้ ใด (3:วเิ คราะห์)ก. ข้อ 1 และ 2 ข. ขอ้ 1 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 3ง. ข้อ 1 , 2 และ 3 จ. ข้อ 2 เทา่ นั้น18. กราฟของความเร็ว v กับเวลา t ข้อใดสอดคล้องกับการเคลอ่ื นที่ของวัตถทุ ถ่ี ูกโยนขึ้นไปในแนวดงิ่ (3:วเิ คราะห)์ก. ข. ค. ง. จ. และ19. จากรปู แสดงจดุ หา่ งสม่าเสมอกันบนแถบกระดาษท่ผี า่ นเคร่อื งเคาะสญั ญาณเวลา 50 ครั้งตอ่ วนิ าที ขอ้ ความใด ถูกต้องสาหรับการเคลื่อนที่นี้ (3:วเิ คราะห)์ก. ความเรว็ เพ่ิมขน้ึ สม่าเสมอ ข. ความเรง่ เพม่ิ ขึน้ สม่าเสมอค. ความเรง่ คงตวั และไม่เป็นศนู ย์ ง. ระยะทางเพ่ิมข้นึ สมา่ เสมอจ. ทงั้ ความเร่งและความเรว็ เป็นศนู ย์20. จานวน 1.6 x 10 -27 กิโลกรมั เม่ือเปลย่ี นหน่วยเป็นมิลลกิ รัม จะมคี ่าตรงกบั ขอ้ ใดต่อไปนี้ (2:นาไปใช)้ก. 1.6 x 10 –29mg ข. 1.6 x 10 –2mg ค. 1.6 x 10 29 mgง. 1.6 x 10 21 mg จ. 1.6 x 10 –30mg
ตอนที่ 1 ส่วนท่ี 2 เปน็ แบบปรนัยเลอื กตอบแบบเชิงซ้อน โดยคาถามชุดนม้ี ีคาถามย่อยรวมอยู่ในข้อเดยี วกันซ่ึง เกี่ยวกบั เรอ่ื ง/สถานการณท์ ่ีอา่ น )ข้อละ3 คะแนน * ข้อยอ่ ยละ 0.5 คะแนน( 1. พจิ ารณาข้อมลู ต่อไปน้แี ลว้ ตอบคาถาม การเคลอ่ื นท่ี (Motion) กระบวนการอย่างหนง่ึ ที่ทาให้มีการเปลีย่ นแปลงตาแหน่งอย่างตอ่ เนื่องตามเวลาทผ่ี ่านไป โดยมีทศิ ทางและระยะทาง ซ่ึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความเร็ว เวลา ความเร่ง และระยะทางที่วัตถุเคลอื่ นท่ีไปได้ ลักษณะการเคลอ่ื นท่ีของส่ิงต่างๆ ที่อยรู่ อบตวั เรา แตกต่างกนั ออกไป เชน่ การเคลื่อนทใี่ นแนวตรง แนวโค้ง เปน็ วงกลม หรือกลบั ไปกลับมา การบอกตาแหน่งของวตั ถุ ในชวี ิตประจาวัน เราพบเห็นการเคลื่อนท่ีของสงิ่ ตา่ งๆ เชน่ นกบิน รถยนต์แลน่ บนถนน ลูกฟุตบอลเคล่ือนที่ในอากาศ ใบพัดลมหมุน เด็กแกว่งชงิ ชา้ ผลไมห้ ลน่ จากตน้ เป็นต้น จากขอ้ มูลเกีย่ วกับ “การเคลอ่ื นที่ (Motion)” ข้อสรุปต่อไปน้ีเป็นจริงหรอื ไม่ ถา้ ถูกต้องเป็นไปตามความจริงให้คาว่า “จริง” แต่ถ้าข้อสรุปนั้นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ให้เติมคาว่า “ไม่จริง” ลงในช่องว่างท้ายข้อย่อยน้ันๆ)3:วิเคราะห(์ข้อ ข้อสรุป จริง/ไม่จริง1.1 การเคลือ่ นทข่ี องส่ิงต่างๆ บนโลกนี้ ระยะทางจะ มากกว่า การกระจดั เสมอ ไม่จรงิ1.2 การบอกตาแน่งของวตั ถุ เมอ่ื เวลาผ่านไปเทยี บกับจดุ อา้ งอิง ทาให้ทราบวา่ วัตถเุ คลอ่ื นที่หรือไม่ จริง1.3 การปลอ่ ยลกู เปตองกบั ลกู ปงิ ปอง ถ้าไม่มแี รงต้านอากาศ วตั ถทุ ั้งสองจะถงึ พ้นื พรอ้ มกนั จรงิ1.4 ระยะทางจาก AB = 2BC ถ้าให้สองคนเดนิ ในระยะทางดงั กล่าว ในเวลาท่เี ทา่ กนั คนทเ่ี ดนิ จาก A ไป B จรงิ จะต้องเดนิ เรว็ กว่า คนท่เี ดนิ จาก B ไป C สองเท่าดว้ ยเช่นกนั2 พิจารณาขอ้ มลู ต่อไปน้แี ลว้ ตอบคาถาม จากข้อมูลเก่ียวกับ “การเคล่ือนที่ของรถยนต์” ข้อสรุปต่อไปนี้เป็นจริงหรือไม่ ถ้าถูกต้องเป็นไปตามความจริง ให้คาว่า “จริง” แต่ถ้าข้อสรุปน้ันไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ให้เติมคาว่า “ไม่จริง” ลงในช่องว่างท้ายข้อย่อยนนั้ ๆ(3:วเิ คราะห์) ดเครอ่ื งข้อ ข้อสรุป จรงิ /ไม่จริง1.1 จากรปู มาตรวดั ความเร็วของรถยนต์ ความเร็วท่ปี รากฏ เป็นอัตราเรว็ ของรถไมใ่ ช่ความเรว็ ของรถทีแ่ ท้จรงิ จริง จริง1.2 รถคันนเ้ี รม่ิ ตน้ การเคลอื่ นที่โดยการติดเครือ่ งยนต์ครั้งแรกและออกเดินทางเท่าน้นั ไมม่ โี อกาสเปน็ อยา่ งอืน่ เพราะความเรว็ v = o จรงิ ไม่จรงิ1.3 ใน 20 วินาทสี ดุ ท้าย รถยนตค์ ันนมี้ ีอตั ราเร่งและและความเร่งลดลง เรยี กวา่ รถมีความหน่วง1.4 ในวนิ าทที ่ี 25 – วนิ าทที ี่ 50 รถยนตค์ นั น้มี อี ตั ราเร่งและและความเร่งคงที่
ตอนท่ี 1 ส่วนที่ 3 เปน็ แบบปรนยั เลอื กตอบแบบกลมุ่ คาตอบสมั พนั ธ์ โดยคาถามชดุ นมี้ คี าถามมากกว่า 1 ขอ้ ท่มี ีเงอ่ื นไขใหค้ ดิ และ สมั พันธ์ต่อเนื่องกัน โดยวงกลมล้อมรอบคาตอบทเี่ ลอื ก )ข้อละ 3 คะแนน # ขอ้ คาถามยอ่ ยแต่ละกลุม่ ๆละ 1 คะแนน(1. พิจารณาข้อมูลตอ่ ไปนแี้ ละตอบคาถาม เมื่อพจิ าณาการเคล่ือนที่ของรถคันดงั กล่าว อัตราเร็วเฉลี่ยของรถคันนี้ในชว่ งวินาทีท่ ่ี 50 – 75 คอื ขอ้ ใด ( กลมุ่ A )ขอ้ สรปุ ใดอธิบายการเคลอ่ื นที่ของรถคันน้ีได้ถูกตอ้ งทสี่ ดุ (กลมุ่ B) กราฟขอ้ ใดแสดงอัตราเร็วกบั เวลาในช่วงวินาทท่ี ี่ 50 – 70ของรถคนั นีไ้ ด้ถกู ต้องทส่ี ุด (กล่มุ C) (3:ประเมินคา่ ) (กลุม่ A) (กลมุ่ B) (กลุ่ม C)ก. 3.5 m/s2 ก. รถคนั นีเ้ รมิ้ ตน้ จากจดุ หยดุ น่ิงแลว้ มีอัตราเร็ว และมอี ตั ราเรว็ คงท่แี ละข. 25 m/s2 ก.ค. 75 m/s2 จนถงึ จุดหยุดนง่ิ ข.ง. 90 m/s2 ค. ข. รถคันนเ้ี ริ้มต้นจากอัตราเร็วเพมิ่ ขึ้น และมีอตั ราเรว็ เป็นศูนย์ เมอ่ื ถงึ จดุ หยดุ นิ่ง ง. ค. รถคนั นี้เรม้ิ ตน้ จากจดุ หยดุ น่งิ แล้วมีอตั ราเรว็ คงท่ี โดยในวินาทที่ ี่ 25 – 50 วนิ าที จนถงึ จดุ หยุดนงิ่ ซึ่งมีอตั ราเรว็ เปน็ ศนู ย์ ง. รถคนั น้เี ริ้มตน้ จากจดุ หยุดนง่ิ แล้วมีอัตราเร็วเพิ่มขน้ึ โดยในวนิ าทที่ ่ี 25 – 50 วินาที จะมอี ตั ราเรว็ คงท่แี ละมอี ตั ราเรว็ เป็นศนู ย์ เม่ือถงึ จุดหยุดน่งิจากข้อมูลสามารถจดั กลุ่มความสัมพนั ธท์ ่ีถกู ต้อง ตามกลุม่ A , กลุ่ม B และ กล่มุ C ตามขอ้ ใด ( 2:วเิ คราะห)์1. ก , ง , ข 2. ข,ค,ง 3. ค , ข , ง4. ง , ข , ค 5. ก , ค , ข
2. พิจารณาข้อมูลต่อไปน้ีและตอบคาถาม รปู ก รปู ข เมอื่ พิจาณาข้างต้นแลว้ จากรูป ก ข้อสรุปใดตอ่ ไปน้ถี กู ตอ้ ง ( กลุ่ม A ) ขอ้ สรุปใด ไม่ถกู ต้อง เก่ยี วกบั กราฟ รปู ข(กลมุ่ B) ขอ้ สรุปใดไม่ถกู ตอ้ งความสมั พันธข์ องตัวแปรในการเขียนเปน็ กราฟแสดงการเคล่อื นที่ (กล่มุ C) (3:นาไปใช้) (กลมุ่ A) (กล่มุ B) (กล่มุ C)ก. ก. ถา้ a เปน็ บวก จะทาใหค้ วามเร็ว )v) ก. กราฟระยะทางกับเวลา )S กบั t) แทนระยะทาง มคี ่าเพม่ิ มากขึ้น ความชันของกราฟเปน็ ความเร็ว เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ข. ความหน่วง a = 0 จะทาใหค้ วามเรว็ )v) ข. กราฟความเร็วกับเวลา )v กบั t)ข. แทนระยะทาง มคี า่ ลดลง พืน้ ท่ีใต้กราฟคอื ระยะทาง เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ค. ถ้า a = 0 แสดงว่าวัตถุมคี วามเรว็ ค. กราฟความเรว็ กบั เวลา )v กับ t)ค. )v) มีค่าคงที ความชันของกราฟเปน็ ความเรง่ แทนการกระจดั เปน็ ปริมาณเวกเตอร์ ง. พ้นื ทีใ่ ตก้ ราฟคือ )v-u) ง. กราฟความเร่งกับเวลา )a กบั t) พ้ืนที่ การเปลยี่ นแปลงความเร็ว ใต้กราฟคือการเปลย่ี นแปลงความเรว็ง. แทนการกระจดั เป็นปริมาณเวกเตอร์จากขอ้ มูลสามารถจดั กลุ่มความสัมพันธ์ทถ่ี กู ต้อง ตามกลมุ่ A , กลุ่ม B และ กลมุ่ C ตามข้อใด1. ง , ค , ข 2. ค,ข,ง 3. ค , ข , ข4. ง , ก , ค 5. ก , ค , ขตอนท่ี 2 ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ โดยการเขียนอธบิ ายและแสดงวธิ ีทาตามความเขา้ ใจจากท่ีได้เรยี นร้มู า1. ให้ผู้เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ โดยการแสดงวิธีทาใหถ้ ูกต้องจากรูปจงหาระยะทางและการกระจดั ของการเคลื่อนท่ี ต่อไปน้ี (3:นาไปใช้ =5 คะแนน)2.1. A 8 m B ระยะทาง คือ SAC หาได้จาก SAC = SAB + SBC 6 m แทนค่า SAC = 8 m + 6 m ∴ SAC = 14 m C ตอบ จากรปู มรี ะยะทางของการเคลือ่ นที่ คือ 14 เมตร การกระจัด คือ ������AC หาไดจ้ าก ������������������������ = ������������������������+ ������������������������ =������AC ������������������������ + ������������������������ แทนคา่ ������AC = ������ ������������ + ������������������ ∴ ������AC = ������������ + ������������ ������AC = ������������������ ตอบ จากรปู มีการกระจัดของการเคลอ่ื นท่ี คอื 10 เมตร
2.2. B 8m ระยะทาง คอื SAC หาได้จาก SAC = SAB + SBC A แทนค่า SAC = 45 m + 8 m C ∴ SAC = 53 m 45 m ตอบ จากรูปมรี ะยะทางของการเคลอื่ นท่ี คอื 53 เมตร การกระจดั คอื ������AC หาไดจ้ าก ������AC = SAB - SBC แทนค่า ������AC = 45 m - 8 m ∴ ������AC = 37 m ตอบ จากรูปมีการกระจดั ของการเคลอื่ นที่ คือ 37 เมตร2.3. สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นรูปวงกลมมีเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 14 m เมือ่ เดนิ ครบ 1 รอบใชเ้ วลา 5 s (3:วิเคราะห์=5 คะแนน) จงหา a. ระยะทาง 14 m ระยะทาง คือ เส้นรอบวง จากสูตร 2������������ หรือ ������ x เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง b. การกระจดั หาไดจ้ าก SAC = 2������������ ; r = 7 m ������������ แทนค่า SAC = 2 x ������ x 7 m ∴ SAC = 44 m ตอบ จากรปู มีระยะทางของการเคลอื่ นท่ี คือ 44 เมตร การกระจัด คือ ระยะทางท่ีส้นั ทสี่ ดุ ของการเคลอื่ นทจ่ี ากจุดเริ่มต้นถึงจดุ สดุ ท้าย จากการเคลื่อนทีน่ ้ี พบวา่ จดุ เรม่ิ ้นและจกุ สุดท้ายเป็นจดุ เดยี วกนั ∴ ������AC= 0 m ตอบ จากรูปมีการกระจัดของการเคลื่อนที่ คอื 0 เมตร c. อตั ราเร็ว d. ความเร็วอตั ราเร็ว คือ ปริมาณของระยะทางเทยี บกับเวลาทใี่ ช้ ความเร็ว คอื ปรมิ าณของการกระจัดเทียบกับเวลาที่ใช้ ������หาได้จาก v= ������ หาได้จาก ������= = ������ ������ = ������������������ ������ แทนคา่ ������ = ( 0 m ) (5 s )แทนคา่ v ������ ������∴ V = 44 m/s ∴ ������ = 0 mตอบ จากรูปอตั ราเร็วของการเคล่ือนท่ี คอื 44 เมตร/วินาที ตอบ จากรปู ความเร็วของการเคลือ่ นที่ คอื 0 เมตร/วนิ าทีเกณฑ์การใหค้ ะแนน - ใหค้ ะแนน 5 คะแนน สามารถปฏบิ ตั เิ พอ่ื ให้ได้มาซ่งึ คาตอบครบ 5 ประเดน็ ดงั น้ี 1. วเิ คราะหโ์ จทยห์ รือวาดภาพประกอบถูกต้อง ครบทกุ ประเดน็ ท่ีโจทย์กาหนด สามารถระบสุ ิง่ ที่โจทยก์ าหนดได้ท่ีถูกตอ้ ง 2. สามารถระบุสิ่งทโ่ี จทยต์ อ้ งการคาตอบ )กาหนดตวั แปรชัดเจน( 3. สามารถบง่ บอกได้วา่ การจะไดม้ าซึง่ คาตอบตอ้ งใช้สตู รในการคานวณใด 4. สามารถแทนค่า แสดงวิธีคดิ เพ่ือจะไดม้ าซง่ึ คาตอบไดถ้ ูกต้อง ตามหลกั การคณติ ศาสตรส์ าหรบั ฟสิ ิกสแ์ ละสดุ ท้าย 5. ตอ้ งตอบคาถามถงึ ส่ิงโจทย์ต้องการคาตอบพร้อมระบุหน่วยที่ชัดเจน
- ให้คะแนน 4 คะแนน สามารถปฏิบตั ิเพอ่ื ใหไ้ ด้มาซึ่งคาตอบดังนี้ ขาด 1 ประเดน็- ให้คะแนน 3 คะแนน สามารถปฏิบตั เิ พื่อใหไ้ ด้มาซง่ึ คาตอบดงั น้ี ขาด 2 ประเด็น- ให้คะแนน 2 คะแนน สามารถปฏิบตั เิ พอ่ื ใหไ้ ดม้ าซึ่งคาตอบดงั นี้ ขาด 3 ประเดน็- ให้คะแนน 1 คะแนน สามารถปฏิบตั ิเพอื่ ให้ได้มาซึ่งคาตอบดังน้ี ขาด 4 ประเด็น- ให้คะแนน 0 คะแนน ไมเ่ ขียนอธิบายคาตอบหรือแสดงวิธคี ดิ ใดๆ ท้งั สิน้ @@@@@@@@@@@@@@@ลงชื่อ...................................... ลงช่อื ........................................... ลงชื่อ ……………................................... )น.ส.ณฐั ธนัญา บุญถงึ ( )น.ส.ณฐั ธนญั า บญุ ถึง( )นายเสรี แซจ่ าง( ครผู สู้ อน )ผูแ้ ต่ง/พมิ พ์( หัวหนา้ กล่มุ สาระฯ วิทยาศาสตร์ งานวัดผลระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลายลงชื่อ................................................. ลงชื่อ ....................................................................... )น.ส.ศิริมา เมฆปัจฉาพชิ ติ ( )นายวิเศษ ฟองตา( หัวหน้างานวัดและประเมินผล รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
แบบวิเคราะหขอสอบโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 กลมุ สาระการเรียนรู.................. วทิ ยาศาสตร ................ ( ) กลางภาคเรยี นที่ ..... 1/2561 ......... ( ) ปลายภาคเรยี นท่ี........../.................การวเิ คราะหขอสอบรายวิชา ฟสกิ ส 5 รหสั วิชา ว 32201 ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5สาระการเรียนรู : -มาตรฐาน : -ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรู : 1 ทดลองและอธิบายสมบตั ขิ องคลื่นกลและอธิบายความสมั พนั ธร ะหวา ง อัตราเร็ว ความถี่และความยาวคลน่ืตวั ช้ีวดั / รปู แบบ ความรู ทักษะและกระบวนการคิด รวมผลการ ขอ สอบ ความ นําไปใช วเิ คราะห สังเคราะห ประเมนิ สรางสรรค (ขอ )เรียนรู 1 ปรนัย เขา ใจ 2 อัตนัย 1 10 11 1 1 ปรนัย 2 2 อัตนัย 1 1 1 ปรนยั 2 2 3 2 อตั นัย 81 9 1 1รวมจํานวนขอสอบ 1 1 21 1 24 ลงชือ่ ………………………………………………………..ครผู สู อน (นางสาวณฐั ธนัญา บุญถงึ ) ตําแหนง ครู คศ. 2
แบบประเมินการสรา งขอ สอบ ( ) กลางภาคเรยี นที่ 1/2561 ( ) ปลายภาคเรียนที่ ......../...............คําชี้แจง ใหผูประเมินทําเครื่องหมาย ลงชองวา งตามหวั ขอ ตา งๆ ตอ ไปนี้ ตามความคดิ เหน็ ที่ตรงความจริงมากทีส่ ดุ รายการประเมนิ การปฏบิ ตั ิ ความ ปรับปรงุ1. ความชดั เจนของคาํ สงั่ มี ไมมี เหมาะสม2. ความชัดเจนของโจทย 3. ความสอดคลอง ตรงตามตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู 4. ขอ สอบมีการวัดครอบคลุมพฤติกรรม :ทกั ษะ (สามารถประเมินไดมากกวา 1 ขอ) - รู + จํา(อนญุ าตเฉพาะ ป.1-3) - เขา ใจ - นําไปใช - วิเคราะห - ประเมินคา - สรา งสรรค - วดั ทักษะ 5. ขอ สอบครอบคลุมเนอ้ื หาทีส่ อน 6. ความเหมาะสมของขอสอบกับคะแนน 7. ความเหมาะสมของขอสอบกับเวลา 8. แบบทดสอบแบบปรนัย เลอื กตอบ 1 คาํ ตอบ/มากกวา 1 คําตอบ เลือกตอบแบบเชิงซอ น เลอื กตอบแบบกลุมสัมพันธ9. แบบทดสอบแบบอตั นยั พรอมเกณฑประเมินชดั เจนบันทกึ การนิเทศ 1. กลุมสาระการเรียนรู …………………………………………….……………………………………………………….…….…………………………………………. ลงชอื่ ........................................................หวั หนา สาระการเรยี นรู ( นางสาวณัฐธนัญา บญุ ถึง ) วันที่........../....................../..............2. งานวัดผล……………………………………………………………………………………………………..………………………………………………….…………… ลงชือ่ ........................................................งานวัดผล ( นายเสรี แซจ าง ) วันที่........../....................../..............3. หวั หนากลุมบรหิ ารวชิ าการ ( ) เหน็ ชอบใหนาํ ไปจัดทาํ ขอสอบได ( ) ไมเ ห็นชอบใหนาํ ไปทาํ ขอสอบ ใหนําไปปรับปรงุ แกไ ข ดงั น้ี…………………........................................................................ ลงชือ่ ........................................................หัวหนางานวัดและประเมนิ ผล ( นางสาวศิรมิ า เมฆปจ ฉาพิชิต ) วนั ท่ี........../....................../..............( ) อนุมัติจดั ทาํ ขอ สอบได( ) ไมอนุมัตใิ หจ ดั ทําขอ สอบ ตามรายละเอยี ดขอ เสนอ ............................................................................................................ลงชอื่ ....................................................รองผอู าํ นวยการกลุมบรหิ ารวิชาการ ( นายวิเศษ ฟองตา ) วันที่........../....................../........
ªè×Í ……………………………………………………..ª¹éÑ …………àÅ¢·èÕ ………….. แบบทดสอบกลางภาคโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 อาํ เภอแมแจม จังหวัดเชยี งใหมแบบทดสอบรายวชิ าฟส กิ ส 3 รหัสวิชา ว 32201 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 จาํ นวน 1.0 หนว ยกิตภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2561 เวลาสอบ 60 นาที จํานวน 20 คะแนน *************************************คําชแ้ี จง 1. ขอสอบน้ีมีวตั ถุประสงคเ พ่ือวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนกลางภาคท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2561ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 ตามผลกกการเรียนรู รายวิชาฟสิกส 3 รหัสวชิ า ว 32201 ดังน้ี2. ทดลองและอธบิ ายสมบัติของคล่นื กลและอธิบายความสัมพันธร ะหวา ง อัตราเรว็ความถีแ่ ละความยาวคล่นื2. แบบทดสอบฉบบั นีม้ ีจาํ นวนทั้งหมด 5 หนา มีลักษณะแบบทดสอบ คอื แบงเปน 2 ตอนตอนท่ี 1 สว นที่ 1 เปนแบบปรนยั (เลือก 1 คาํ ตอบ) จํานวน 15 ขอสวนท่ี 2 เปน แบบปรนัย (เลือกตอบเชิงซอน) จํานวน 2 ขอสวนที่ 3 เปน แบบปรนัย (เลอื กตอบแบบกลมุ สัมพนั ธ ) จํานวน 2 ขอตอนท่ี 2 เปน แบบทดสอบแบบอัตนัย(เขยี นตอบคําถาม+แสดงวิธีทํา) จาํ นวน 2 ขอ3. เกณฑก ารใหคะแนนตอนที่ 1 สว นท่ี 1 เปน แบบปรนยั เลอื กตอบ 1 คาํ ตอบ (ขอ ละ 1 คะแนน) รวม 15 คะแนนสวนที่ 2 เปนแบบปรนยั เลือกตอบเชงิ ซอน (ขอละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนสวนท่ี 3 เปนแบบปรนัยเลอื กตอบแบบกลุม สมั พันธ (ขอละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนตอนที่ 2 เปน แบบทดสอบแบบอัตนยั เขยี นตอบ+แสดงวธิ ีทาํ (ขอละ3 คะแนน) รวม 7 คะแนน รวมทั้งส้ิน 28 คะแนน4. ขอ ปฏบิ ตั ใิ นการสอบ1. แตง กายดวยชุดนักเรยี นใหสภุ าพเรียบรอย ตามขอบังคับของโรงเรียนราชประชานุเคราะห 312. หามนําหนงั สอื /เอกสารเขาไปในทน่ี ่ังสอบและหามทําเครอ่ื งหมายใดๆ ลงใบขอสอบที่แจกให3. หามนาํ เคร่อื งคิดเลขเขา หองสอบ อนญุ าตใหน ักเรยี นคิดเลขไดในดานหลงั ของกระดาษคําตอบ4. หามนกั เรียนนํากระดาษคําตอบออกหอ งสอบ จะตองสง คนื กรรมการควบคุมหอ งสอบเม่ือสอบเสรจ็5. หามนักเรยี นติดตอพูดจาปรึกษาหรอื ทาํ สญั ญาณขณะทําขอ สอบ เมื่อมีขอ สงสยั หรอื ตองการส่งิ ใดใหย กมือขน้ึ สอบถามหรอื ขอความชวยเหลือจากกรรมการควบคมุ หองสอบ หากพบการทุจริตในการสอบในครัง้ นีจ้ ะปรบั ตกรายวิชาน้ีทันที
ตอนที่ 1 สวนที่ 1 เปน แบบปรนัยเลอื กตอบ 1 คําตอบ ใหน กั เรยี นเลอื กคําตอบทีถ่ กู ตองเพยี งขอเดียว แลว วงกลม ลอมรอบคําตอบท่ีถกู ตอง (ขอ ละ 1 คะแนน)1. ขอความใดอธิบายความหมายของคลนื่ ได ถูกตอ งทีส่ ุด (2:วเิ คราะห)ก. การสัน่ สะเทือนของอะตอมของธาตุ ข. การกระจายของอนุภาคในสสารค. การสงผา นแรงจากท่หี น่ึงไปยงั อีกทหี่ น่ึง ง. การสงผานพลังงานจากที่หน่ึงไปยังอีกท่หี น่ึงจ. การสงผานคล่นื จากทห่ี นงึ่ ไปยังอีกทห่ี น่ึง2. สิง่ ใดตอไปนี้ที่บงชี้ความแตกตางระหวางคลืน่ ตามขวางและคล่นื ตามยาว (2:วิเคราะห)ก. ความถข่ี องคล่ืนตามขวางมากกวาคล่ืนตามยาวข. แอมพลจิ ูดของคลนื่ ตามยาวมากกวาคล่นื ตามขวางค. ความยาวคลนื่ ของคลื่นตามขวางมากกวาคลน่ื ตามยาวง. การกระจัดของอนุภาคหรือการส่ันของอนุภาคจะมที ิศทางตา งกนัจ. การสนั่ ของตัวกลางและการเคลอ่ื นท่ีของคลนื่ ตามยาวจะทาํ มุมตอกนั3. การทดลองการเคล่ือนทแี่ บบคลืน่ โดยการสะบัดเชือกเปนดงั น้ี1. สะบดั เชือกไปมาหลายครั้งดว ยความเรว็ สมํ่าเสมอและมชี ว งกวางเทากัน2. สะบดั เชอื กไปมาดวยความเรว็ เทากบั ขอ 1 แตม ชี วงกวางนอยกวา3. สะบดั เชอื กไปมาดว ยความเร็วเพ่มิ ขึ้น แตมชี ว งกวางเทากับขอ 1ผลสรปุ ของการทดลองขอใด ผดิ จากความเปน จริง (2:ประเมนิ คา)ก. ความยาวคลืน่ ในขอ 1 จะสน้ั กวาคลน่ื ในขอ 3ข. ความถี่ของคลน่ื ในขอ 1 จะเทา กับคล่ืนในขอ 3ค. ความถขี่ องคล่นื ในขอ 1 จะนอ ยกวา คลน่ื ในขอ 3ง. แอมพลจิ ดู ของคลื่นในขอ 2 จะส้นั กวา คล่นื ในขอ 3จ. คลื่นทีเ่ กิดขึ้นทั้ง 3 กรณี มีความเร็วของคล่นื เทากนั4. ขอ ใดตอ ไปนี้ กลา วถกู ตอง เก่ียวกับคล่นื ตามยาว (2:เขา ใจ)ก. เปนคลนื่ ที่ไมต องอาศัยตัวกลางในการเคลือ่ นท่ีข. เปน คลืน่ ทีเ่ คลือ่ นที่ไปตามแนวยาวของตวั กลางค. เปนคลืน่ ที่อนุภาคของตวั กลางมกี ารส่ันไดห ลายแนวง. เปน คล่ืนที่อนภุ าคของตัวกลางมกี ารสั่นในแนวเดยี วกับการเคล่อื นท่ีของคลื่นจ. เปนคลื่นทอี่ นภุ าคของตวั กลางมีการส่ันในแนวต้งั ฉากกับการเคล่ือนที่ของคล่นื5. การสรางโรงภาพยนตร ผอู อกแบบตองมีความรูเกีย่ วกับสมบตั ขิ องคลืน่ ดา นใด มากที่สดุ (2:วิเคราะห)ก. การหกั เหของคล่นื ข. การสะทอนของคล่นืค. การเล้ียวเบนของคลน่ื ง. การแทรกสอดของคลืน่จ. ใชส มบตั ขิ องคลนื่ ทกุ ขอ รวมกัน6. ระยะต่าํ ที่สุดหรือสงู ท่ีสุดของคลืน่ เม่ือวดั จากแนวปกติตําแหนง หนึ่ง ๆ จะมากหรือนอยข้นึ อยกู ับสงิ่ ใดตอไปนี้(2:วิเคราะห)ก. พลงั งานคล่นื ข. ความถีค่ ล่ืน ค. ความยาวคลื่นง. จุดกําเนิดคล่นื จ. อตั ราเร็วของคลนื่7. รังสตี อ ไปนีเ้ ปน รงั สีทีเ่ คลอ่ื นทไี่ ดโ ดยไมจ าํ เปนตองมตี ัวกลางในการเคล่ือนท่ี ยกเวน ขอใด (2:นําไปใช)ก. รังสีบตี า ข. รงั สีเอกซ ค. รังสแี กมมาง. รงั สีอนิ ฟราเรด จ. รงั สอี ัลตราไวโอเลต
8. คลนื่ สะทอนในเสนเชือกกรณีทีเ่ คลื่อนที่เขาหาจดุ ตรึง จะมลี กั ษณะอยางไรและตรงกับภาพใดตอไปน้ี (2:วิเคราะห)ก. ข. ค. ง. จ.9. ถารูปคล่ืนตอ ไปนเี้ ปน แหลงกาํ เนิดเสยี ง รูปคล่ืนขอใดที่สัน่ แลว จะทาํ ให เสียงสูงท่ีสดุ (2:วเิ คราะห) ก. ข. ค. ง. จ.10. ขอความใด กลา วไมถูกตอง (2:วเิ คราะห) ก. รังสแี ตละชนดิ มแี หลงกาํ เนิดแตกตา งกนั ข. คลืน่ แมเหล็กไฟฟา มีความเร็วเทา กันในตวั กลางทุกชนดิ ค. ความถีข่ องคลืน่ แมเหล็กไฟฟาใชจําแนกชนดิ ของรังสไี ด ง. พลงั งานของคลน่ื แมเหล็กไฟฟา เปนปฏิภาคโดยตรงกับความถข่ี องคล่นื จ. คลืน่ แมเ หลก็ ไฟฟา เกิดจากสนามไฟฟาและสนามแมเ หลก็ ท่ที าํ มุมต้งั ฉากตลอดเวลาตอนท่ี 1 สว นที่ 2 เปน แบบปรนยั เลอื กตอบแบบเชิงซอน โดยคาํ ถามชุดนีม้ ีคาํ ถามยอ ยรวมอยูใ นขอเดยี วกนั ซ่ึงเก่ยี วกับ เรอ่ื ง/สถานการณท่ีอาน (ขอละ3 คะแนน * ขอ ยอยละ 0.5 คะแนน) 1. พิจารณาขอ มูลตอไปนีแ้ ลวตอบคาํ ถาม คล่ืน มลี ักษณะของการถูกรบกวนทีม่ ีการแผกระจายเคลอื่ นที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกวงหรือกระเพื่อม ซ่ึงจะเดนิ ทางและสงผา นพลังงานจากจุดหน่งึ ไปยังอีกจดุ หนึง่ ในตัวกลาง โดยสว นที่มีคา สงู ขึน้ หรือตาํ แหนง ที่มกี ารกระจัดสงู สดุ ในทางบวกและสวนทม่ี คี าตํ่าลงหรือตาํ แหนงท่ีมกี ารกระจดั สงู สดุ ในทางลบ มที ง้ั ตั้งฉากและขนานกบัทศิ ทางการเคลื่อนท่ี.คล่นื แมเหล็กไฟฟา เปน คล่นื ที่เคลอ่ื นทีโ่ ดยไมอาศัยตวั กลาง สามารถเคลื่อนทใ่ี นสุญญากาศได เชนคลนื่ แสง คล่นื วทิ ยแุ ละโทรทัศน คล่ืนไมโครเวฟ รังสีเอกซ รังสีแกมมา เปนตน จากขอมูลเกี่ยวกับ “คล่ืน” ขอสรุปตอไปนี้เปนจริงหรือไม ถาถูกตองเปนไปตามความจริง ใหคําวา “จริง” แตถาขอสรุปนั้นไมถ กู ตอ งตามความเปนจรงิ ใหเ ตมิ คําวา “ไมจ ริง” ลงในชอ งวา งทายขอยอ ยนนั้ ๆ(2:วิเคราะห)ขอ ขอสรปุ จริง/ไมจ ริง1.1 คลืน่ เสียง คล่นื ผวิ นาํ้ คลนื่ ในเสนเชอื ก จดั เปน คล่ืนตามขวาง1.2 คล่ืนทม่ี ีความถม่ี ากแสดงวาคล่นื นั้นมคี วามยาวคลนื่ มากดว ยเชน กัน1.3 ความยาวคล่นื เทากบั ระยะระหวางสันคลื่นถงึ ทอ งคล่ืนทีอ่ ยถู ัดกนั มีหนวยเปน เมตร1.4 แอมพลิจดู เปน ระยะการกระจดั มากสดุ ของคลน่ื ซงึ่ วดั จากแนวปกติทีเ่ กิดคลน่ื1.5 จาํ นวนลูกคลนื่ ทเ่ี คลื่อนท่ผี านตําแหนงใดๆ ในหนึ่งหนวยเวลา หรือเรยี กวา คาบ1.6 แอมพลจิ ูดของคลน่ื นํ้าเปนระยะการกระจัดมากสุด มีคาบวกเทา นน้ั
2. คลื่นขบวนหนงึ่ เคล่ือนทโี่ ดยมกี ารกระจัดเปนเมตร เมื่อขณะเวลาหนงึ่ มีลักษณะการเคลื่อนทเ่ี ปน ดังรูป (2:วิเคราะห) จากขอมลู เกย่ี วกับ “การเคลอื่ นท่ีของคล่นื ขบวนหนึ่ง” ขอสรุปตอ ไปนเี้ ปนจริงหรือไม ถา ถกู ตอ งเปนไปตามความจริง ใหค ําวา “จริง” แตถา ขอสรปุ น้ันไมถกู ตองตามความเปนจรงิ ใหเ ติมคําวา “ไมจ ริง”ลงในชอ งวา งทายขอยอยนน้ั ๆ(2:วิเคราะห)ขอ ขอ สรุป จรงิ /ไมจ ริง1.1 ความยาวคลน่ื ของคลนื่ ขบวนน้ี คือ 20 เมตร1.2 ระยะทางระหวา งจดุ 2 จดุ บนคลืน่ ระยะ ac = 1 λ1.3 คลนื่ ขบวนนีม้ ีการเคลอ่ื นท่ีครบ 3 รอบในเวลา 1 นาที1.4 แอมพจิ ูดของคล่นื ขบวนน้ีเทา กบั 0.5 และ – 0.5 เซนติเมตร1.5 เกิดขบวนน้ีเกิดจากการเคลือ่ นทข่ี องคลนื่ นา้ํ ทีร่ ะดับความลึกเทากัน1.6 ระยะทางระหวางจดุ 2 จุดบนคล่ืน ระยะ am เปน 2 เทา ของระยะ ekตอนที่ 1 สวนที่ 3 เปนแบบปรนยั เลือกตอบแบบกลมุ คําตอบสมั พันธ โดยคาํ ถามชุดนมี้ คี าํ ถามมากกวา 1 ขอ ทม่ี ีเงอื่ นไขใหคิดและสมั พันธ ตอเนื่องกัน โดยวงกลมลอ มรอบตัวเลือก (ขอ ละ3 คะแนน # ขอคําถามยอ ยแตล ะกลมุ ๆละ 1 คะแนน)1. พิจารณาขอมูลตอไปนีแ้ ละตอบคาํ ถาม เมือ่ คลืน่ ผานจากตัวกลางหนง่ึ ไปยงั อกี ตวั กลางหนงึ่ ซงึ่ มคี วามหนาแนน ไมเ ทากันจะทาํ ใหอตั ราเร็ว แอมพลิจูด และความยาวของคลื่นเปล่ียนไป แตค วามถี่จะคงเดมิ เชน คลน่ื เคลื่อนจากนํา้ ตืน้ ลงไปสนู าํ้ ลึกหรอื คลืน่ เคลอื่ นจากนํ้าลึกลงไปสูน้าํ ต้นื ตอนคลืน่ อยใู นน้ําลึกคล่นืจากความยาวคล่นื แอมพลจิ ูดความเรว็ คลื่น มากกวาในนาํ้ ตื้นเสมอ แตความถจ่ี ะมคี า คงที่เทา เดมิ ขอความใด ถูกตอง เกีย่ วกับคลื่นน้ําท่ีผา นจากตวั กลางหนงึ่ ไปยังอีกตัวกลางหน่ึงซง่ึ มีความหนาแนน ไมเ ทากนั ( กลมุ A ) ในการทดลองเรอื่ งการหกั เหของคล่ืนผิวนํา้ เมื่อคลืน่ผวิ นา้ํ เคล่ือนทจี่ ากบรเิ วณน้ําลกึ ไปน้าํ ต้นื ความยาวคลนื่ ความเร็วและความถี่ของคล่นื ผวิ น้ําจะเปล่ียนอยางไร( กลุม B ) ถา คล่ืนเคลอ่ื นทจี่ าก บรเิ วณนํา้ ลึกไปยังบริเวณนํ้าตืน้ ขอ ใดไมถ กู ตอง (กลุม C) (กลุม A) (กลุม B) (กลุม C)ก. อัตราเร็วคล่นื มากกวา ก. λ นอ ยลง v นอ ยลง แต f คงท่ี ก. ความยาวคลนื่ นํ้าลกึ มากกวาในนาํ้ ตน้ืข. อตั ราเร็วคล่นื นอ ยกวา ข. λ มากขนึ้ v มากขึน้ แต f คงท่ี ข. แอมพลจิ ดู นาํ้ ลกึ มากกวา ในน้ําตน้ืค. อัตราเร็วคล่ืนเทา กับ ค. λ นอ ยลง f มากข้ึน แต v คงท่ี ค. ความเร็วคล่นื น้าํ ลึกมากกวาในนํ้าตน้ืง. อัตราเร็วคลน่ื ไมค งที่ ง. λ มากขึน้ f นอ ยลง แต v คงท่ี ง. ความถ่คี ลน่ื น้ํามากกวาความถีใ่ นน้ําตื้นจากขอ มูลสามารถจัดกลุมความสัมพันธทีถ่ ูกตอง ตามกลุม A , กลมุ B และ กลมุ C ตามขอใด ( 2:วิเคราะห)1. ก , ข , ค 2. ข,ค,ง 3. ค , ข , ง4. ง , ข , ง 5. ค , ง , ก
2. พิจารณาขอมลู ตอไปน้แี ลวตอบคาํ ถามตอไปนี้ เฟสตรงกนั คอื เฟสท่อี ยคู นละลูกคล่นื เมอื่ ยกลูกคลืน่ ที่ตา งกันไปซอ นกันเฟสทีต่ รงกันนัน้ จะซอนกนั ไดพอดี เฟส 1.620o ตรงกบัเฟสใด( กลมุ A) ตาํ แหนง ใดของคลืน่ ที่มเี ฟสตรงกนั ขามกบั 450o(กลุม B) ขอ ใดสรปุ ไมถูกตอง เกยี่ วกบั คล่นื ทม่ี เี ฟสตรงกนั (กลมุ C)(2:วเิ คราะห) (กลมุ A) (กลุม B) (กลุม C)ก. 270o ก. ตาํ แหนงทองคลืน่ ก. อยดู านเดยี วกนัข. 180o ข. ตาํ แหนงของสนั คลื่น ข. จะอยูห างกนั = nλค. 90o ค. จดุ เร่มิ ตนของการเกิดคล่ืน ค. อยหู า งจากระดับนาํ้ ปกตเิ ทา กนัง. 0o ง. จุดสน้ิ สดุ ของการเกดิ คลนื่ ง. จะมุมหางกนั 180 องศาพอดีจากขอมลู สามารถจัดกลมุ ความสมั พันธท ถี่ กู ตอ ง ตามกลุม A , กลมุ B และ กลุม C ตามขอใด1. ก , ข , ง 2. ข,ก,ค 3. ค , ก , ง4. ง , ข , ค 5. ข , ก , งตอนท่ี 2 ใหนกั เรยี นตอบคําถามตอ ไปนี้ โดยการเขยี นอธบิ ายและแสดงวิธีทําตามความเขา ใจจากทไ่ี ดเรยี นรูมา1. ใหนกั เรียนอธบิ ายเกย่ี วกบั “สมบัติของคลนื่ ” ใหอธิบายเฉพาะ การแทรกสอดและเลี้ยวเบน โดยวาดภาพพรอมอธบิ ายประกอบ(2: นําไปใช =4 คะแนน)- การแทรกสอด คาํ อธบิ าย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (1 คะแนน)- ภาพประกอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (1 คะแนน)
- การเล้ียวเบนคลนื่ คาํ อธบิ าย……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (1 คะแนน)- ภาพประกอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (1 คะแนน)2. ระยะทางจากสนั คลื่นถึงทองคลื่นทีอ่ ยูติดกันเปน 2 เมตร ถา มีคลนื่ 30 คลืน่ เคลื่อนทผ่ี า นจุดคงทใี่ นเวลา 1 นาที คลืน่ ขบวนนี้มคี วามเร็วเทา ไร# ตอบ 2 เมตร/วนิ าที # (2:วเิ คราะห : 3 คะแนน)- วิเคราะหโ จทย/ภาพประกอบ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………- สงิ่ ที่ตองใหหาคาํ ตอบ……………………………………………………………………………………………………………………………………. ) 1 คะแนน(- สตู รท่ใี ช …………………………………………………………………………………………… )1 คะแนน(
- แสดงวิธคี ดิ ) 2 คะแนน (……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ตอบ )1 คะแนน(……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… @@@@@@@@@@@@@@@ลงชื่อ...................................... ลงช่อื ........................................... ลงชื่อ ……………................................... (น.ส.ณัฐธนญั า บญุ ถึง) (น.ส.ณัฐธนัญา บญุ ถงึ ) (นายเสรี แซจ าง) ครูผสู อน (ผูแตง/พิมพ) หัวหนา กลุม สาระฯ วิทยาศาสตร งานวัดผลระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลายลงชือ่ ................................................. ลงช่ือ ....................................................................... (น.ส.ศริ มิ า เมฆปจฉาพชิ ิต) (นายวเิ ศษ ฟองตา) หัวหนางานวัดและประเมินผล รองผอู ํานวยการกลมุ บริหารงานวิชาการ
เฉลยแบบทดสอบกลางภาคโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 13 อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่แบบทดสอบรายวชิ าฟสิ กิ ส์ 3 รหสั วิชา ว 32201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 3.0 หนว่ ยกติภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 เวลาสอบ 60 นาที จานวน 20 คะแนน *************************************คาชแ้ี จง 1. ข้อสอบนมี้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื วดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนกลางภาคที่ 1 ปีการศกึ ษา 5261ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ตามผลกกการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 3 รหสั วิชา ว 32201 ดงั น้ี2. ทดลองและอธบิ ายสมบตั ิของคล่นื กลและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่าง อัตราเรว็ความถแี่ ละความยาวคลืน่2. แบบทดสอบฉบบั น้มี ีจานวนท้ังหมด 6 หน้า มีลกั ษณะแบบทดสอบ คือ แบ่งเป็น 2 ตอนตอนท่ี 1 สว่ นท่ี 1 เปน็ แบบปรนัย )เลอื ก 1 คาตอบ( จานวน 10 ข้อส่วนที่ 2 เปน็ แบบปรนัย )เลอื กตอบเชิงซ้อน( จานวน 2 ข้อสว่ นที่ 3 เปน็ แบบปรนัย )เลือกตอบแบบกลุ่มสัมพนั ธ์ ( จานวน 2 ข้อตอนที่ 2 เป็นแบบทดสอบแบบอตั นยั )เขียนตอบคาถาม+แสดงวธิ ีทา( จานวน 2 ขอ้3. เกณฑก์ ารให้คะแนนตอนที่ 1 สว่ นที่ 1 เปน็ แบบปรนัยเลือกตอบ 1 คาตอบ )ขอ้ ละ 1 คะแนน( รวม 10 คะแนนสว่ นท่ี 2 เปน็ แบบปรนยั เลอื กตอบเชิงซอ้ น )ข้อละ 3 คะแนน( รวม 6 คะแนนส่วนที่ 3 เปน็ แบบปรนัยเลอื กตอบแบบกลุ่มสัมพนั ธ์ )ขอ้ ละ 3 คะแนน( รวม 6 คะแนนตอนท่ี 2 เป็นแบบทดสอบแบบอัตนยั เขยี นตอบ+แสดงวิธีทา )ขอ้ ละ4 คะแนน( รวม 8 คะแนน รวมท้งั ส้นิ 30 คะแนน4. ข้อปฏบิ ัติในการสอบ1. แตง่ กายด้วยชดุ นกั เรียนให้สภุ าพเรียบร้อย ตามข้อบังคบั ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 312. หา้ มนาหนังสือ/เอกสารเข้าไปในท่ีนั่งสอบและห้ามทาเคร่ืองหมายใดๆ ลงใบข้อสอบท่ีแจกให้3. ห้ามนาเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบ อนุญาตใหน้ ักเรียนคิดเลขได้ในด้านหลังของกระดาษคาตอบ4. หา้ มนกั เรยี นนากระดาษคาตอบออกห้องสอบ จะต้องสง่ คืนกรรมการควบคุมห้องสอบเมื่อสอบเสร็จ5. หา้ มนกั เรียนตดิ ต่อพูดจาปรึกษาหรือทาสัญญาณขณะทาข้อสอบ เม่ือมีขอ้ สงสัยหรอื ต้องการสิ่งใดให้ยกมือขึ้นสอบถามหรือขอความชว่ ยเหลือจากกรรมการควบคุมห้องสอบ หากพบการทุจริตในการสอบในคร้ังนีจ้ ะปรบั ตกรายวชิ าน้ีทันที
ตอนที่ 3 ส่วนที่ 3 เป็นแบบปรนัยเลอื กตอบ 3 คาตอบ ให้นกั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องเพยี งข้อเดียว แลว้ วงกลม ลอ้ มรอบคาตอบท่ีถกู ต้อง )ขอ้ ละ 1 คะแนน(1. ข้อความใดอธิบายความหมายของคลื่นได้ ถูกต้องท่ีสดุ )2:วิเคราะห์(ก. การสั่นสะเทือนของอะตอมของธาตุ ข. การกระจายของอนภุ าคในสสารค. การสง่ ผ่านแรงจากทหี่ นึ่งไปยงั อีกทหี่ นึง่ ง. การสง่ ผา่ นพลงั งานจากท่หี นึ่งไปยังอกี ท่ีหนงึ่จ. การสง่ ผา่ นคลนื่ จากท่ีหนึ่งไปยงั อีกที่หนง่ึ2. สิ่งใดตอ่ ไปนี้ทบี่ ง่ ชคี้ วามแตกตา่ งระหว่างคลื่นตามขวางและคลืน่ ตามยาว )2:วเิ คราะห์(ก. ความถขี่ องคลืน่ ตามขวางมากกวา่ คลนื่ ตามยาวข. แอมพลจิ ูดของคล่ืนตามยาวมากกว่าคล่นื ตามขวางค. ความยาวคลืน่ ของคล่นื ตามขวางมากกวา่ คล่ืนตามยาวง. การกระจดั ของอนภุ าคหรอื การสนั่ ของอนภุ าคจะมที ิศทางตา่ งกนัจ. การสนั่ ของตวั กลางและการเคล่อื นท่ีของคล่นื ตามยาวจะทามุมตอ่ กัน3. การทดลองการเคลื่อนทแ่ี บบคลื่นโดยการสะบัดเชือกเป็นดังน้ี1. สะบดั เชือกไปมาหลายครั้งดว้ ยความเรว็ สม่าเสมอและมีชว่ งกวา้ งเท่ากนั2. สะบัดเชือกไปมาด้วยความเร็วเทา่ กับข้อ 1 แต่มีช่วงกวา้ งน้อยกว่า3. สะบดั เชือกไปมาด้วยความเรว็ เพ่มิ ข้ึน แต่มชี ว่ งกว้างเท่ากับข้อ 1ผลสรปุ ของการทดลองข้อใด ผดิ จากความเปน็ จรงิ )2:ประเมินค่า(ก. ความยาวคล่ืนในข้อ 1 จะสัน้ กว่าคล่ืนในข้อ 3ข. ความถ่ขี องคลืน่ ในข้อ 1 จะเทา่ กบั คลนื่ ในข้อ 3ค. ความถ่ขี องคล่ืนในข้อ 1 จะนอ้ ยกวา่ คล่นื ในข้อ 3ง. แอมพลจิ ูดของคลื่นในข้อ 2 จะสน้ั กวา่ คล่ืนในข้อ 3จ. คล่ืนทีเ่ กดิ ขน้ึ ท้ัง 3 กรณี มคี วามเร็วของคล่นื เท่ากนั4. ข้อใดต่อไปน้ี กลา่ วถกู ต้อง เกย่ี วกับคล่ืนตามยาว )2:เข้าใจ(ก. เปน็ คลน่ื ที่ไม่ต้องอาตยั ตัวกลางในการเคลือ่ นท่ีข. เป็นคล่ืนทีเ่ คล่ือนท่ีไปตามแนวยาวของตวั กลางค. เปน็ คลื่นท่ีอนภุ าคของตัวกลางมีการสน่ั ได้หลายแนวง. เปน็ คลน่ื ท่อี นภุ าคของตวั กลางมกี ารสนั่ ในานวเดียวกัตการเคลอื่ นทขี่ องคลื่นจ. เป็นคลน่ื ทอ่ี นภุ าคของตวั กลางมีการสั่นในแนวต้งั ฉากกับการเคล่ือนทีข่ องคลืน่5. การสร้างโรงภาพยนตร์ ผู้ออกแบบต้องมีความรเู้ กีย่ วกับสมบตั ิของคลื่นดา้ นใด มากทีส่ ุด )2:วิเคราะห์(ก. การหกั เหของคลนื่ ข. การสะท้อนของคล่นืค. การเลี้ยวเบนของคลนื่ ง. การแทรกสอดของคล่ืนจ. ใช้สมบัตขิ องคล่ืนทุกขอ้ รวมกนั6. ระยะตา่ ที่สดุ หรือสูงทส่ี ุดของคล่ืนเม่ือวัดจากแนวปกติตาแหน่งหนง่ึ ๆ จะมากหรอื น้อยขนึ้ อยู่กับส่งิ ใดต่อไปนี้)2:วเิ คราะห์(ก. พลังงานคล่ืน ข. ความถี่คลน่ื ค. ความยาวคลน่ืง. จุดกาเนิดคล่นื จ. อัตราเร็วของคลน่ื7. รงั สีตอ่ ไปนี้เปน็ รังสที เี่ คลอ่ื นท่ีไดโ้ ดยไมจ่ าเปน็ ต้องมีตวั กลางในการเคลื่อนที่ ยกเว้น ข้อใด )2:นาไปใช้(ก. รังสตี ีตา ข. รังสีเอกซ์ ค. รงั สีแกมมาง. รังสอี นิ ฟราเรด จ. รังสีอัลตราไวโอเลต
8. คลน่ื สะท้อนในเสน้ เชือกกรณีท่เี คลื่อนท่เี ข้าหาจุดตรึง จะมีลักษณะอยา่ งไรและตรงกับภาพใดต่อไปน้ี )2:วิเคราะห์(ก. ข. ค. ง. จ.9. ถา้ รูปคลืน่ ต่อไปน้ีเป็นแหล่งกาเนดิ เสียง รูปคล่ืนข้อใดที่สัน่ แลว้ จะทาให้ เสียงสงู ท่สี ุด )2:วิเคราะห(์ ก. ข. ค. ง. จ.10. ข้อความใด กล่าวไม่ถกู ต้อง )2:วเิ คราะห์( ก. รงั สแี ตล่ ะชนดิ มีแหล่งกาเนดิ แตกตา่ งกนั ข. คลื่นามเ่ หล็กไฟฟ้ามีความเร็วเทา่ กนั ในตัวกลางทุกชนดิ ค. ความถขี่ องคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าใชจ้ าแนกชนิดของรังสีได้ ง. พลงั งานของคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ เปน็ ปฏิภาคโดยตรงกับความถี่ของคลื่น จ. คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ เกิดจากสนามไฟฟ้าและสนามแมเ่ หล็กท่ีทามุมต้งั ฉากตลอดเวลาตอนท่ี 1 ส่วนที่ 2 เป็นแบบปรนยั เลือกตอบแบบเชิงซ้อน โดยคาถามชุดน้มี ีคาถามย่อยรวมอย่ใู นข้อเดยี วกันซ่ึงเกีย่ วกับ เร่ือง/สถานการณท์ ี่อ่าน )ข้อละ3 คะแนน * ขอ้ ยอ่ ยละ 0.5 คะแนน( 1. พจิ ารณาขอ้ มลู ต่อไปนแี้ ลว้ ตอบคาถาม คล่ืน มลี ักษณะของการถูกรบกวนทม่ี ีการแผ่กระจายเคลือ่ นท่ีออกไป ในลักษณะของการกวัดแกวง่ หรือ กระเพ่ือม ซ่ึงจะเดนิ ทางและส่งผา่ นพลงั งานจากจดุ หนงึ่ ไปยังอีกจดุ หน่งึ ในตวั กลาง โดยส่วนทีม่ ีค่าสูงขึ้นหรือตาแหน่งที่ มกี ารกระจดั สูงสดุ ในทางบวกและสว่ นทม่ี คี ่าต่าลงหรอื ตาแหน่งท่ีมีการกระจดั สงู สุดในทางลบ มีทง้ั ตัง้ ฉากและขนานกับ ทติ ทางการเคลื่อนที่.คล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ เป็นคลน่ื ที่เคล่ือนทโ่ี ดยไม่อาตัยตวั กลาง สามารถเคลอ่ื นท่ีในสญุ ญากาตได้ เช่น คล่นื แสง คลน่ื วิทยุและโทรทัตน์ คลนื่ ไมโครเวฟ รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา เปน็ ต้น จากข้อมูลเก่ียวกับ “คลื่น” ข้อสรุปต่อไปน้ีเป็นจริงหรือไม่ ถ้าถูกต้องเป็นไปตามความจริง ให้คาว่า “จริง” แต่ถ้าขอ้ สรปุ นั้นไมถ่ กู ตอ้ งตามความเป็นจริง ให้เติมคาวา่ “ไม่จรงิ ” ลงในชอ่ งวา่ งท้ายขอ้ ยอ่ ยนน้ั ๆ)2:วเิ คราะห์(ขอ้ ขอ้ สรุป จริง/ไม่จรงิ1.1 คล่ืนเสยี ง คลน่ื ผิวน้า คลน่ื ในเส้นเชอื ก จัดเป็น คลืน่ ตามขวาง ไม่จรงิ1.2 คล่ืนทมี่ คี วามถ่ีมากแสดงวา่ คลืน่ น้นั มีความยาวคล่ืนมากดว้ ยเช่นกัน ไม่จรงิ1.3 ความยาวคลืน่ เทา่ กบั ระยะระหวา่ งสนั คลืน่ ถึงทอ้ งคลื่นท่อี ยู่ถัดกัน มหี นว่ ยเปน็ เมตร ไม่จรงิ1.4 าอมพลจิ ูด เป็นระยะการกระจดั มากสุดของคล่นื ซึ่งวดั จากแนวปกตทิ ่ีเกิดคลืน่ จริง1.5 จานวนลูกคลนื่ ท่เี คลือ่ นทผ่ี า่ นตาแหนง่ ใดๆ ในหน่ึงหนว่ ยเวลา หรอื เรียกวา่ คาต ไม่จรงิ1.6 แอมพลจิ ดู ของคลนื่ นา้ เป็นระยะการกระจัดมากสุด มีคา่ บวกเท่าน้นั ไม่จริง
2. คล่นื ขบวนหนึง่ เคล่ือนทโี่ ดยมกี ารกระจดั เปน็ เมตร เมื่อขณะเวลาหน่งึ มลี ักษณะการเคล่ือนท่ีเปน็ ดังรปู )2:วิเคราะห(์ จากข้อมูลเกีย่ วกบั “การเคลอื่ นทีข่ องคล่นื ขบวนหน่ึง” ข้อสรปุ ต่อไปนี้เป็นจรงิ หรอื ไม่ ถ้าถูกตอ้ งเป็นไปตามความจริง ใหค้ าว่า “จรงิ ” แตถ่ ้าข้อสรุปน้ันไม่ถูกต้องตามความเปน็ จรงิ ให้เติมคาวา่ “ไม่จรงิ ”ลงในช่องวา่ งทา้ ยขอ้ ย่อยนั้นๆ)2:วิเคราะห(์ขอ้ ข้อสรุป จริง/ไม่จริง1.1 ความยาวคล่ืนของคลน่ื ขบวนน้ี คอื 20 เมตร ไม่จริง1.2 ระยะทางระหวา่ งจดุ 2 จดุ บนคลนื่ ระยะ ac = 1 ไม่จริง1.3 คล่นื ขบวนน้มี ีการเคล่ือนท่ีครบ 3 รอบในเวลา 1 นาที ไม่จริง1.4 แอมพจิ ดู ของคลื่นขบวนนเ้ี ทา่ กับ 0.5 และ – 0.5 เซนติเมตร ไม่จรงิ1.5 เกิดขบวนนเ้ี กดิ จากการเคล่อื นที่ของคลน่ื น้าทร่ี ะดับความลกึ เท่ากนั จริง1.6 ระยะทางระหวา่ งจุด 2 จุดบนคลน่ื ระยะ am เปน็ 2 เทา่ ของระยะ ek จรงิตอนที่ 1 ส่วนท่ี 3 เป็นแบบปรนยั เลือกตอบแบบกลมุ่ คาตอบสมั พันธ์ โดยคาถามชดุ นมี้ คี าถามมากกวา่ 1 ขอ้ ทีม่ เี งื่อนไขให้คิดและสมั พันธ์ ตอ่ เนื่องกนั )ข้อละ3 คะแนน # ขอ้ คาถามย่อยแตล่ ะกล่มุ ๆละ 1 คะแนน(1. พิจารณาขอ้ มูลตอ่ ไปน้ีและตอบคาถาม เม่ือคล่ืนผ่านจากตัวกลางหนึง่ ไปยงั อกี ตวั กลางหน่ึงซ่ึงมีความหนาแนน่ ไม่เทา่ กนั จะทาใหอ้ ตั ราเรว็ แอมพลิจดู และความยาวของคล่นื เปลยี่ นไป แต่ความถจ่ี ะคงเดมิ เชน่ คลื่นเคลื่อนจากน้าตื้นลงไปสนู่ ้าลกึ หรือ คลน่ื เคลื่อนจากน้าลึกลงไปสู่นา้ ตน้ื ตอนคลน่ื อยูใ่ นนา้ ลกึ คล่นืจากความยาวคล่นื แอมพลจิ ูดความเร็วคล่นื มากกวา่ ในน้าตืน้ เสมอ แตค่ วามถี่จะมคี า่ คงท่เี ท่าเดมิ ขอ้ ความใด ถูกต้อง เกี่ยวกบั คล่ืนนา้ ที่ผา่ นจากตัวกลางหนง่ึ ไปยงั อกี ตวั กลางหนึง่ ซง่ึ มีความหนาแนน่ ไมเ่ ท่ากนั ) กลมุ่ A ( ในการทดลองเรอ่ื งการหกั เหของคล่ืนผวิ น้า เมอ่ื คล่ืนผิวนา้ เคล่ือนที่จากบรเิ วณน้าลึกไปนา้ ตืน้ ความยาวคล่ืน ความเร็วและความถขี่ องคล่นื ผิวน้าจะเปล่ยี นอยา่ งไร) กลุ่ม B ( ถ้าคลนื่เคลอื่ นที่จาก ตริเวณน้าลกึ ไปยังตริเวณน้าตนื้ ขอ้ ใดไมถ่ ูกตอ้ ง )กลุ่ม C( )กลุม่ A( )กล่มุ B( )กลุ่ม C(ก. อัตราเร็วคลืน่ มากกวา่ ก. λ น้อยลง v น้อยลง แต่ f คงท่ี ก. ความยาวคล่นื นา้ ลกึ มากกวา่ ในนา้ ตน้ืข. อัตราเรว็ คล่ืนนอ้ ยกวา่ ข. λ มากขึ้น v มากข้นึ แต่ f คงที่ ข. แอมพลจิ ูดน้าลึกมากกวา่ ในนา้ ต้ืนค. อัตราเรว็ คลืน่ เท่ากบั ค. λ นอ้ ยลง f มากขึ้น แต่ v คงท่ี ค. ความเรว็ คลื่นน้าลึกมากกว่าในนา้ ต้นืง. อัตราเร็วคลื่นไมค่ งที่ ง. λ มากขน้ึ f นอ้ ยลง แต่ v คงท่ี ง. ความถี่คลื่นนา้ มากกวา่ ความถีใ่ นน้าตื้นจากข้อมูลสามารถจัดกลุ่มความสัมพันธท์ ่ีถูกต้อง ตามกล่มุ A , กลมุ่ B และ กลุ่ม C ตามข้อใด ) 2:วิเคราะห(์1. ก , ข , ค 2. ข,ค,ง 3. ค , ข , ง4. ง , ข , ง 5. ค , ง , ก
2. พิจารณาข้อมลู ต่อไปน้แี ล้วตอบคาถามต่อไปน้ี เฟสตรงกัน คือ เฟสท่ีอยคู่ นละลกู คล่นื เม่ือยกลูกคลน่ื ที่ตา่ งกันไปซอ้ นกันเฟสท่ีตรงกันนัน้ จะซอ้ นกนั ไดพ้ อดี เฟส 1.620o ตรงกบัเฟสใด) กล่มุ A( ตาแหน่งใดของคลนื่ ทีม่ ีเฟสตรงกันขา้ มกบั 450o)กลมุ่ B( ขอ้ ใดสรปุ ไมถ่ กู ต้อง เกย่ี วกบั คล่ืนทม่ี เี ฟสตรงกัน )กลมุ่ C( )2:วิเคราะห(์ )กลมุ่ A( )กลมุ่ B( )กลุม่ C(ก. 270o ก. ตาแหน่งท้องคล่ืน ก. อยดู่ ้านเดียวกนัข. 180o ข. ตาแหน่งของสันคล่ืนค. 90o ข. จะอยหู่ ่างกนั = nλง. 0o ค. จุดเริ่มต้นของการเกดิ คลนื่ ค. อยหู่ า่ งจากระดบั นา้ ปกตเิ ทา่ กนั ง. จดุ สน้ิ สุดของการเกิดคลน่ื ง. จะมุมหา่ งกัน 180 องตาพอดีจากข้อมลู สามารถจัดกล่มุ ความสัมพนั ธ์ทถี่ กู ตอ้ ง ตามกล่มุ A , กล่มุ B และ กลมุ่ C ตามขอ้ ใด1. ก , ข , ง 2. ข,ก,ค 3. ค , ก , ง4. ง , ข , ค 5. ข , ก , งตอนที่ 5 ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ โดยการเขยี นอธบิ ายและแสดงวธิ ีทาตามความเข้าใจจากทไี่ ดเ้ รยี นร้มู า1. ใหน้ ักเรยี นอธิบายเก่ียวกับ “สมบตั ขิ องคลนื่ ” ใหอ้ ธบิ ายเฉพาะ การแทรกสอดและเลี้ยวเบน โดยวาดภาพพร้อมอธบิ ายประกอบ ) 3: นาไปใช้ =4 คะแนน( การาทรกสอดคลื่น ถ้าให้าหลง่ ก้าเนดิ คลน่ื อา้ พันวางอยหู่ ่างกันในระยะท่ีพอเหมาะ าล้วสรา้ งคลน่ื ขนึ้ มาพรอ้ ม ๆ กัน จะพตวา่ คล่นื ทัง้ สองจะเกิดการาทรกสอดกัน จะมาี นวคลนื่ ที่เสริมกนั ตลอดเวลา เรยี กว่า านวปฎติ ัพ (Antinode, A) าละมีานวที่เกิด การหักล้างกนั ตลอด เรียกวา่ านวตัพ (Node, Nสาหรับแนวปฏบิ ัพลาดับที่ n ( An ) เมอื่ P คือ จุดซ่งึ อยูบ่ นแนวปฎิบัพลาดับท่ี n(An)สาหรับแนวบัพลาดบั ท่ี n(An) S1P คือ ระยะจาก S1 ถงึ P S2P คือ ระยะจาก S2 ถงึ P λ คือ ความยาวคล่นื (m) n คือ ลาดบั ที่ของปฎิบัพนน้ั /ลาดบั ทขี่ องแนวบพั นนั้ d คือ ระยะหา่ งจาก S1 ถงึ S2 θ คือ มุมที่วัดจาก A0 ถึง An )2 คะแนน(
การเล้ียวเตนคลนื่ หลกั ของฮอย์เกนส์ กลา่ วว่า “ ทุก ๆ จดุ ตนหนา้ คลืน่ สามารถประพฤตติ วั เปน็ าหลง่ กา้ เนดิ คลนื่ ใหมไ่ ด้” ถ้าเอาาผน่ ที่มชี ่องาคต ๆ ไปกน้ั หน้าคลื่นไว้ จะพตว่าเมอื่ คล่นื สว่ นหนง่ึ ลอดชอ่ งน้นั ออกไปจะเกดิ คลน่ื ลกู ใหมห่ ลังช่องาคตนน้ัาละคลน่ื ท่เี กดิ ใหมต่ างสว่ นจะเลยี้ วออ้ มไปทางซ้าย ตางส่วนออ้ มไปทางขวา ดงั รูปn คือ ลาดับทข่ี องแนวบพั น้ัน ) 2 คะแนน(เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน- ใหค้ ะแนน 2 คะแนน สามารถอธบิ ายความหมาย ระบุสตู รและตวั แปรที่เกี่ยวขอ้ ง และวาดภาพประกอบถูกตอ้ ง- ใหค้ ะแนน 1 คะแนน สามารถอธบิ ายความหมาย ระบสุ ตู รและตวั แปรท่เี กยี่ วขอ้ ง หรือวาดภาพประกอบถกู ต้อง- ให้คะแนน 0 คะแนน ไมเ่ ขียนอธบิ ายคาตอบหรือแสดงวิธีคดิ ใดๆ ท้งั ส้นิ2. ระยะทางจากสันคลน่ื ถึงท้องคลน่ื ที่อย่ตู ิดกนั เป็น 2 เมตร ถ้ามีคลื่น 30 คลื่น เคลอ่ื นที่ผา่ นจุดคงทใ่ี นเวลา 1 นาที คลนื่ ขบวนน้ีมีความเร็วเทา่ ไร# ตอบ 2 เมตร/วินาที # )2:วเิ คราะห์ : 3 คะแนน(- วเิ คราะหโ์ จทย์/ภาพประกอบ ������= 4 m ������ ������ =4m , f = จำนวนคล่นื รอบ = รอบ = 0.5 Hz เวลำ วนิ ำที วนิ ำที- ส่งิ ทีต่ ้องใหห้ าคาตอบ : คลื่นขบวนนมี้ คี วามเรว็ เท่าไร- สูตรทใี่ ช้ :- แสดงวิธคี ิด จากสูตร แทนคา่ ตอบ คลนื่ ขบวนนม้ี คี วามเร็ว 2 เมตร/วินาทีเกณฑก์ ารให้คะแนน - เม่อื ดาเนินการตามรายการ โดยแยกตามประเด็น ประเดน็ ละ 1 คะแนน ดงั นี้ 1. สามารถระบุสง่ิ ทโ่ี จทยก์ าหนด พร้อมวาดภาพประกอบไดท้ ถ่ี กู ต้อง 2, สามารถระบุสง่ิ ท่ีโจทยต์ อ้ งการคาตอบกาหนด ตัวแปรชดั เจน 3. ระบสุ ตู รทตี่ อ้ งใช้ในการหาคาตอบ 4. แสดงวธิ คี ิดหาคาตอบได้ถูกตอ้ ง 5. ตอบคาถามในสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ พรอ้ มระบุหน่วยชดั เจน @@@@@@@@@@@@@@@ลงชอ่ื ...................................... ลงช่ือ........................................... ลงชือ่ ……………................................... )น.ส.ณฐั ธนญั า บญุ ถงึ ( )น.ส.ณฐั ธนัญา บุญถึง( )นายเสรี แซจ่ าง( ครผู ู้สอน )ผ้แู ต่ง/พมิ พ์( หวั หนา้ กลุ่มสาระฯ วิทยาตาสตร์ งานวดั ผลระดบั ชั้นมธั ยมตกึ ษาตอนปลายลงช่ือ................................................. ลงชื่อ ....................................................................... )น.ส.ตริ มิ า เมฆปัจฉาพชิ ิต( )นายวเิ ตษ ฟองตา( หวั หน้างานวัดและประเมนิ ผล รองผอู้ านวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ
แบบวเิ คราะหขอ สอบโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 กลมุ สาระการเรียนรู. ................. วทิ ยาศาสตร ................ ( ) กลางภาคเรียนที่ ..... 1/2561 ......... ( ) ปลายภาคเรยี นท่ี........../.................การวเิ คราะหข อสอบรายวิชา วทิ ยาศาสตร รหัสวิชา ว 31201 ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 6สาระการเรยี นรู : - ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอม - สมบตั ขิ องสารมาตรฐาน ว 2.1 เขาใจสง่ิ แวดลอ มในทองถนิ่ ความสัมพนั ธร ะหวา งส่ิงแวดลอมกับสงิ่ มชี วี ติ ความสัมพันธระหวา ง สงิ่ มีชีวติ ตา งๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสบื เสาะ หาความรูและจติ วทิ ยาศาสตรส ่ือสาร ส่ิงทีเ่ รยี นรูและนําความรูไปใชป ระโยชน ว 3.2 เขา ใจหลักการและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลงสถานะของสาร การเกดิ สารละลายการเกดิ ปฏิกริ ิยา มีกระบวนการสบื เสาะหาความรูและจติ วิทยาศาสตร ส่อื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรูและนําความรูไปใชป ระโยชนตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู :ว 2.1 ม.4-6/4 อภิปรายแนวทางในการปอ งกนั แกไ ข ปญ หาสิ่งแวดลอมและทรัพยากรธรรมชาติว 2.1 ม.4-6/5 วางแผนและดาํ เนินการเฝาระวัง อนุรักษและพฒั นาสิ่งแวดลอมและทรพั ยากรธรรมชาติว 3.2 ม.4-6/5 ทดลองและอธิบายการเกดิ พอลิเมอร สมบัตขิ องพอลเิ มอรว 3.2 ม.4-6/6 อภปิ รายการนาํ พอลเิ มอรไ ปใชประโยชน รวมทง้ั ผลท่เี กดิ จากการผลติ และใชพอลเิ มอรต อสิง่ มีชีวิตและ ส่งิ แวดลอ ม ตวั ชวี้ ดั / รูปแบบขอสอบ ความรู ความรู/ทักษะตามตวั ชวี้ ดั (จํานวนขอ) สรา งสรรค รวมผลการเรยี นรู จํา เขา ใจ ทักษะและกระบวนการคดิ (ขอ ) 3ว 2.1 ม.4-6/4 1 ปรนยั นาํ ไปใช วิเคราะห วเิ คราะห ประเมินคา 5 2 อตั นยั 12 2 4ว 2.1 ม.4-6/5 1 ปรนัย 5 2 2 อตั นยั 4 2 8ว 3.2 ม.4-6/5 1 ปรนัย 1 1 2 อัตนยั 8 21ว 3.2 ม.4-6/6 1 ปรนยั 2 อัตนัยรวมจาํ นวนขอ สอบ 2 16 3 ลงชือ่ ………………………………………………………..ครผู ูส อน (นางสาวณัฐธนญั า บุญถึง) ตําแหนง ครู คศ. 2
แบบประเมินการสรา งขอ สอบ ( ) กลางภาคเรยี นที่ 1/2561 ( ) ปลายภาคเรยี นที่ ......../...............คําช้ีแจง ใหผปู ระเมนิ ทาํ เครือ่ งหมาย ลงชองวา งตามหวั ขอ ตา งๆ ตอ ไปน้ี ตามความคดิ เหน็ ที่ตรงความจริงมากทสี่ ดุ รายการประเมนิ การปฏบิ ตั ิ ความ ปรบั ปรุง1. ความชดั เจนของคาํ ส่ัง มี ไมม ี เหมาะสม2. ความชัดเจนของโจทย 3. ความสอดคลอง ตรงตามตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู 4. ขอ สอบมกี ารวัดครอบคลุมพฤติกรรม :ทกั ษะ (สามารถประเมินไดม ากกวา 1 ขอ) - รู + จาํ (อนุญาตเฉพาะ ป.1-3) - เขา ใจ - นําไปใช - วเิ คราะห - ประเมินคา - สรา งสรรค - วัดทกั ษะ 5. ขอ สอบครอบคลุมเนอ้ื หาทีส่ อน 6. ความเหมาะสมของขอสอบกับคะแนน 7. ความเหมาะสมของขอสอบกับเวลา 8. แบบทดสอบแบบปรนัย เลอื กตอบ 1 คาํ ตอบ/มากกวา 1 คําตอบ เลือกตอบแบบเชิงซอ น เลือกตอบแบบกลุม สัมพันธ9. แบบทดสอบแบบอัตนัยพรอมเกณฑประเมินชดั เจนบันทึกการนเิ ทศ 1. กลุมสาระการเรียนรู …………………………………………….……………………………………………………….…….…………………………………………. ลงชอื่ ........................................................หวั หนา สาระการเรยี นรู ( นางสาวณัฐธนัญา บุญถึง ) วันที่........../....................../..............2. งานวดั ผล……………………………………………………………………………………………………..………………………………………………….…………… ลงชือ่ ........................................................งานวดั ผล ( นายเสรี แซจาง ) วันที่........../....................../..............3. หัวหนากลมุ บริหารวิชาการ ( ) เหน็ ชอบใหนาํ ไปจัดทาํ ขอสอบได ( ) ไมเ ห็นชอบใหนาํ ไปทาํ ขอสอบ ใหนําไปปรับปรงุ แกไข ดงั น้ี…………………........................................................................ ลงช่ือ........................................................หวั หนางานวัดและประเมินผล ( นางสาวศิรมิ า เมฆปจ ฉาพิชติ ) วนั ท่ี........../....................../..............( ) อนุมตั ิจัดทําขอ สอบได( ) ไมอนุมัติใหจ ัดทําขอ สอบ ตามรายละเอยี ดขอ เสนอ ............................................................................................................ลงชอื่ ....................................................รองผอู าํ นวยการกลุมบรหิ ารวิชาการ ( นายวิเศษ ฟองตา ) วันท่ี........../....................../........
ª×èÍ ……………………………………………………..……………..ªÑ¹é …………àÅ¢·èÕ ………….. แบบทดสอบกลางภาคโรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 อําเภอแมแ จม จังหวัดเชียงใหมแบบทดสอบรายวชิ าฟสกิ ส 5 รหัสวชิ า ว 33201 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 จาํ นวน 1.5 หนว ยกติภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา 2561 เวลาสอบ 90 นาที จํานวน 20 คะแนน *************************************คําชี้แจง 1. แบบทดสอบนี้มวี ัตถุประสงคเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นกลางภาคท่ี 1 ปก ารศึกษา 2561ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 6 ตามผลการเรียนรู รายวิชาฟสกิ ส 5 รหสั วิชา ว 33201 ดังน้ี1. อธิบายปรากฏการณธรรมชาตทิ างไฟฟา ประจุไฟฟา กฎการอนรุ ักษประจุไฟฟาและการเหน่ียวนําไฟฟา2. คดิ คํานวณ แรงระหวางประจแุ ละกฎของคลู อมบ3. อธบิ ายเปรยี บเทยี บสนามไฟฟา เสน แรงไฟฟาและศกั ยไ ฟฟา2. แบบทดสอบฉบับนี้มีจํานวนท้ังหมด 9 หนา มลี ักษณะแบบทดสอบ คือ แบงเปน 2 ตอนตอนท่ี 1 สวนท่ี 1 เปน แบบปรนยั (เลอื ก 1 คาํ ตอบ) จาํ นวน 15 ขอสวนที่ 2 เปนแบบปรนัย (เลอื กตอบเชิงซอน) จํานวน 2 ขอสวนที่ 3 เปนแบบปรนัย (เลือกตอบแบบกลุมสัมพนั ธ) จาํ นวน 2 ขอตอนที่ 2 เปน แบบทดสอบแบบอตั นยั (เขยี นตอบคาํ ถาม+แสดงวธิ ีทาํ ) จํานวน 3 ขอ3. เกณฑการใหค ะแนนตอนที่ 1 สว นที่ 1 เปน แบบปรนัยเลอื กตอบ 1 คําตอบ (ขอ ละ 1 คะแนน) รวม 15 คะแนนสวนท่ี 2 เปน แบบปรนยั เลอื กตอบเชงิ ซอน (ขอ ละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนสว นที่ 3 เปน แบบปรนยั เลือกตอบแบบกลมุ สัมพนั ธ (ขอ ละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนตอนท่ี 2 เปนแบบทดสอบแบบอัตนัยเขียนตอบ+แสดงวธิ ที ํา (ขอละ 3 คะแนน) รวม 10 คะแนน รวมท้งั ส้ิน 30 คะแนน4. ขอปฏิบตั ใิ นการสอบ1. แตง กายดวยชุดนักเรียนใหส ภุ าพเรียบรอ ย ตามขอ บังคับของโรงเรียนราชประชานุเคราะห 312. หา มนาํ หนังสอื /เอกสารเขาไปในที่นั่งสอบ และหามทําเครอื่ งหมายใดๆ ลงใบขอ สอบทแ่ี จกให3. หามนาํ เครือ่ งคดิ เลขเขา หองสอบ อนุญาตใหนักเรียนคิดเลขไดในดานหลังของกระดาษคาํ ตอบ4. หามนักเรียนนํากระดาษคําตอบออกหองสอบ จะตองสง คนื กรรมการควบคุมหอ งสอบเมื่อสอบเสร็จ5. หามนกั เรยี นติดตอพูดจาปรกึ ษาหรือทําสัญญาณขณะทําขอสอบ เม่ือมีขอสงสัยหรอื ตองการส่งิ ใดใหยกมือข้ึนสอบถาม หรอื ขอความชวยเหลือจากกรรมการควบคมุ หองสอบ หากพบการทุจรติ ในการสอบในคร้งั นี้จะปรบั ตกรายวชิ าน้ีทันที
ตอนท่ี 1 สวนที่ 1 เปน แบบปรนัยเลอื กตอบ 1 คําตอบ ใหน กั เรยี นเลือกคําตอบท่ีถกู ตองเพียงขอ เดียว แลว วงกลมลอ มรอบคําตอบ ที่ถูกตอ ง (ขอละ 1 คะแนน)1. เมอื่ ถูแทงแกวดวยผาไหม แลวพบวาแทงแกว จะมีประจไุ ฟฟาเปน บวก เปนเพราะวาสาเหตใุ ด (1 : วิเคราะห)1. อเิ ล็กตรอนบางตัวหลุดจากแทง แกว และถา ยเทไปยังผาไหมทาํ ใหเ หลือประจุไฟฟา บวกบนแทงแกวมากกวา ประจุไฟฟาลบ2. โปรตอนบางตัวในผาไหมถา ยเทไปแทง แกว3. ท้ังขอ 1 และ 2 ถกู ตอง4. ขอ 2 เทานน้ั ทถ่ี ูกตอง5. ผิดหมดทกุ ขอ2. เมอื่ นาํ ไมบรรทดั ถูกบั เสน ผมจะพบวาท้ังไมบรรทดั และเสนผมทม่ี ปี ระจุ การที่ท้ังสองสงิ่ มีประจไุ ดเปนเพราะสาเหตุหลักท่สี ําคัญคอื ขอใด (1 : วเิ คราะห)1. การเปลย่ี นแปลงประจุ 2. ประจุถูกสรา งขน้ึ 3. การแยกของประจุ4. การเสยี ดสี 5. แรงทถ่ี ู3. ทรงกลมโลหะ A และ B วางสัมผสั กันโดยยึดฐานที่ทําดวยฉนวน แลวนําแทง พลาสติกซึ่งมีประจุลบเขา ใกลทรงกลมA ดังรปู จะมปี ระจไุ ฟฟาชนดิ ใดเกดิ ข้ึนท่ตี ัวนําทรงกลมทงั้ สอง (1:วเิ คราะห)1. ทรงกลมทง้ั สองจะมปี ระจุลบ2. ทรงกลมท้ังสองจะมีประจุบวก3. ทรงกลม A มีประจุบวกและทรงกลม B มีประจุลบ4. ทรงกลม A มปี ระจุลบและทรงกลม B มปี ระจบุ วก5. ทรงกลม A มปี ระจลุ บและทรงกลม B มีประจเุ ปนกลาง4. โลหะทรงกระบอกยาวปลายมนเปนกลางทางไฟฟาตง้ั อยูบ นฐานท่เี ปนฉนวน เมือ่ นาํ ประจุบวกขนาดเทา กนั มาจอใกลๆ ปลายท้ังสองขางพรอมกนั ดว ยระยะหา งจากปลายเทา กัน จะเกดิ การเปลยี่ นแปลงของประจบุ นโลหะ และถาหากเปล่ียนท่ีนาํ มาจอ เปนประจลุ บทีม่ ขี นาดเทาเดิม การกระจายของประจุตรงสว น A , B และ C ของทรงกระบอกเปนอยางไร (1 : วเิ คราะห)1. A และ C เปน กลาง แต B เปน บวก2. A และ C เปนลบ แต B เปนกลาง3. A และ C เปน บวก แต B เปน ลบ4. A และ C เปนลบ แต B เปนบวก5. ท้ัง A , B และ C เปน กลาง5. เมือ่ นาํ วตั ถุ A มาถู กับวัตถุ B พบวา วัตถุ A มปี ระจไุ ฟฟา เกดิ ข้นึ ขอสรุป วตั ถุ A ควรเปนวตั ถุอยางไรจึงจะถกู ตองทีส่ ดุ (1 : นําไปใช)1. ตวั นํา 2. ฉนวน 3. ก่งึ ตัวนํา4. โลหะ 5. กึ่งโลหะ6. ถาตองการใหอ ิเล็กโตรสโคปมีประจุบวก ควรมขี ้ันตอนในการเหน่ียวนาํ อยา งไร จึงจะ ถกู ตองท่ีสุด (1: วเิ คราะห)a. นาํ วัตถุทีม่ ีประจุบวกเขาใกลจานโลหะของอิเลก็ โตรสโคป d. ดงึ วตั ถทุ ่ีมปี ระจุออกb. นําวัตถทุ ่ีมปี ระจเุ ขา ใกลจานโลหะของอเิ ลก็ โตรสโคป e. ดึงสายดนิ ออกc. ตอสายดนิ กับจานโลหะของอิเล็กโตรสโคป1. a , c , d , e 2. a , c , e , d 3. b , c , d , e4. b , c , e , d 5. a , b , c , d , e
7. นําวตั ถุทีม่ ีประจลุ บเขามาจอ ใกลๆจานโลหะ หลังจากน้ันใชส ายไฟทป่ี ลายขางหนง่ึ ตอโยงกับตัวนําท่ีฝงใตด นิ ชืน้ ๆ แลว นาํ อีกปลายหนึ่งมาแตะจานโลหะ ดังแสดงในรูป นักเรียนสรุปไดว าผลทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการทดลองนเ้ี ปน ไป ตามภาพใด (1:วิเคราะห)1. 2. 3, 4. 5.8. ประจุ +5.0 x 10-6C และ -3.0 x 10-6C วางอยูหางกัน 20 cm ถานาํ ประจทุ ดสอบขนาด -1.0 x 10-6Cมาวางไวท จ่ี ดุ ก่งึ กลางระหวางประจุทัง้ สอง ขนาดและทิศทางของแรงทีก่ ระทําตอประจทุ ดสอบ คือขอใด(2 : วิเคราะห)1. 0.18 นวิ ตันและมที ิศชีเ้ ขาหาประจุลบ 2. 1.8 นิวตันและมีทศิ เขาหาประจุบวก3. 7.2 นวิ ตันและมีทศิ เขาหาประจลุ บ 4. 7.2 นวิ ตันและมที ิศเขาหาประจบุ วก5. 72 นวิ ตนั และมที ิศเขา หาประจบุ วก9. ตาํ แหนง ท่ีสนามไฟฟารวมเปน ศูนย( จุดสะเทิน) ซึ่งสนามนน้ั เกิดจากประจุ 2 ประจุทช่ี นิดเดียวกันและขนาดเทา กนัดังนี้ a. เกิดข้นึ ไดเพียงจดุ เดยี วเทานน้ั b. เกดิ อยใู กลประจทุ ี่พิจารณา c. เกดิ ในแนวเสน ตรงทล่ี ากผานประจทุ ง้ั สอง d. เกิดทต่ี ําแหนงกงึ่ กลางของประจทุ ั้งสองขอสรปุ ใดท่ี ไมมีโอกาสเกิดขึ้น เพราะผดิ หลักจากความจริง (3 : ประเมินคา )1. ขอ a , d 2. ขอ a 3. ขอ b4. ขอ c 5. ขอ d10. ในการทําใหว ตั ถุท่ีมปี ระจุไฟฟา ลบ บวก หรอื เปนกลางทางไฟฟานน้ั จะตองตอสายดนิ กับพื้นโลก เหตผุ ลที่ตองตอแบบนน้ั เพราะโลกเปนอยา งไร (1:วิเคราะห)1. มสี นามไฟฟาตา่ํ 2. มีความจไุ ฟฟามาก3. มีความตานทานตาํ่ 4. มีศักยไฟฟา เปนกลาง5. มคี วามตานทานมาก11. ถา +Q และ –Q เปนประจตุ นกาํ เนดิ สนามโดยท่ี +q และ –q เปนประจุทดสอบ รูปใดแสดงทิศของ F และ Eไมถ ูกตอ ง (3 : นําไปใช)1. 2.3. 4.5.
12. การทดลองการเหน่ยี วนําประจไุ ฟฟา โดยใชอ ิเล็กโทรสโคปแผน โลหะและแผนตัวนาํ ตอนแรกอิเลก็ โทรสโคป มีประจไุ ฟฟาเปนบวกและแผน ตวั นําเปน ตัวกลางทางไฟฟา เมื่อนักเรียนคนหนงึ่ ถอื แผนตวั นาํ ท่ีปลายขา งหน่งึ คอยๆ สอดปลายอีกขางหน่ึงมาใกลๆ กบั อิเล็กโทรสโคป ในขณะทท่ี าํ การทดลองผลทเี่ กิดขึ้นจะเปน อยางไร (1:วิเคราะห) 1. แผน โลหะจะหบุ สนทิ ทนั ที 2. แผน โลหะจะคอยๆ หุบลงเมอ่ื แผนตวั นาํ มาใกลม ากขนึ้ 3. แผน โลหะจะการออกกอนและหบุ สนิททนั ทใี นเวลาตอ มา 4. แผนโลหะจะกางออกเหมือนเดมิ และจะหุบสนิทเม่ือแตะกบั แผนโลหะ 5. จะมปี ระจุลบอยูทีป่ ลายของแผนตวั นําดวยขนาดเทากับประจบุ วกบนอเิ ลก็ โทรสโคป13. จดุ ประจุ Q , 2Q และ Q วางท่ตี าํ แหนง ดงั รปู ถา นําอเิ ลก็ ตรอน 1 ตวั ไปวางท่ีจดุ P อเิ ลก็ ตรอนจะเคลื่อนท่ีไปในทิศทางใด(1:วิเคราะห) 1. 2. 3. 4. 5.14. ประจไุ ฟฟา ขนาด -15 ไมโครคูลอมบ และ - 30 ไมโครคูลอมบ วางอยูด ังรูป นักเรยี นคดิ วา ตาํ แหนง ใด เปน จดุ สะเทินของประจุดงั กลา ว (3:วิเคราะห) 1. A 2. B 3. C 4. D 5. ไมเ กิดจุดสะเทนิ15. จดุ ประจุ +Q และ -Q วางหางกันเปน ระยะ 2 เซนตเิ มตร ซึง่ ถือวาเปน คา คงตวั แรงท่ีเกดิ ข้นึ ตอประจทุ ั้งสอง มคี าเทากนั แตทิศตรงขา ม แรงท่ีเกิดขน้ึ นี้จะเปนอยางไร (3:วิเคราะห) 1. แปรผันตามผลคณู ของประจุทง้ั สองและระยะหางกาํ ลังสอง 2. แปรผันตามผลคูณของประจุทงั้ สองตอ ระยะหา งกาํ ลงั สอง 3. แปรผกผนั ตามขนาดของประจทุ ง้ั สอง 4. แปรผันตามผลคณู ของประจุทง้ั สอง 5. แปรผกผนั กบั ระยะหางกําลงั สอง ***********************************
ตอนที่ 1 สวนที่ 2 เปนแบบปรนัยเลอื กตอบแบบเชงิ ซอน โดยคําถามชุดนมี้ ีคาํ ถามยอยรวมอยใู นขอเดียวกัน ซ่ึงเกีย่ วกบั เร่อื ง/สถานการณท่อี า น (ขอละ 3 คะแนน * ขอ ยอยละ 0.5 คะแนน) 1. พจิ ารณาขอ มูลตอไปนีแ้ ลว ตอบคําถาม ถา +Q คือ ประจุตนเหตุ +q และ –q คือ ประจุทดสอบ จากขอมลู เกีย่ วกบั “สนามไฟฟา และจดุ ประจ”ุ ขอสรปุ ตอ ไปนีเ้ ปนจรงิ หรอื ไม ถาถกู ตองเปนไปตามความจริงใหน กั เรยี นคําวา “จรงิ ” แตถ าขอ สรปุ นน้ั ไมถ ูกตอ งตามความเปนจรงิ ใหเ ติมคําวา “ไมจ ริง”ลงในชอ งวา งทายขอยอยนนั้ ๆ (3:วิเคราะห)ขอ ขอสรุป จรงิ /ไมจ รงิ1.1 สนามไฟฟา ของประจุ +Q คือ บรเิ วณรอบๆ ประจุซงึ่ จะมีแรงทางไฟฟา แผออกมา ตลอดเวลา1.2 ประจุ Q สนามไฟฟามที ศิ เขาตัวประจุ และ +q มาทดสอบ แรงทก่ี ระทาํ ตอประจุ +q จึงเปน ผลกั ออก1.3 สนามไฟฟา มีสัญลกั ษณ คือ (E) เปน ปรมิ าณสเกลาร1.4 ประจุ Q สนามไฟฟามีทศิ เขาตัวประจุ และ -q มาทดสอบแรงทกี่ ระทําตอประจุ -q จึงตองเปนผลกั ออก1.5 สนามไฟฟาของ +q มีทศิ ออก สวน –q มที ิศเขาหาประจุ ตามลําดบั1.6 ขนาดความเขมสนามไฟฟา มีคา คงที่เสมอ แมวาจะอยหู า งจากสนามเทา ใดก็ตาม2. พิจารณา รปู ตอไปนแ้ี ลว ตอบคาํ ถาม
จากรปู เปนตวั นาํ ทรงกลมกลวงทีม่ ีรศั มี a ดังรูป เมอื่ พิจารณา เก่ยี วกบั “สนามไฟฟาและความตา งศกั ยไฟฟา ” ขอสรุปดังกลา วถกู ตองหรอื ไม ถา สรุปถูกตองใหเ ตมิ คาํ วา “ใช” แตถาสรปุ ไมถ ูกตอง ใหเ ติมคําวา “ไมใ ช”ลงในชอ งวา งทา ยขอยอยน้ันๆ (3 :วเิ คราะห)ขอ ขอ สรุป ใช / ไมใ ช2.1 ท่ีจดุ ๆ หนง่ึ คือ ถาสนามไฟฟามคี า เปน ศูนยแลว ศักยไฟฟา ท่จี ดุ นน้ั ไมจําเปนตอง มีคาเปน ศูนยเสมอไป2.2 ศกั ยไฟฟา ท่ีจุดๆ หนึ่ง คือ งานทีต่ อ งทําตานกบั แรงไฟฟาในการนําประจุทดสอบ จากระยะอนันตมาสจู ุดนนั้2.3 ศกั ยไฟฟา ณ ตาํ แหนงตรงกลางภายในทรงกลมตวั นํา จะมคี า เทา กันและมคี ามาก ที่สุดตรงบริเวณผวิ ตัวนําและมีคา ลดลง เมื่อระยะจากผวิ ตัวนํามีคามากขึ้น2.4 ความตา งศักยไฟฟาระหวางจุด 2 จดุ น้ัน คือ งานท่ีตอ งทําในการเคลื่อนประจุ ตวั หน่ึงจากจุดหนง่ึ ไปยังอีกจุดหนงึ่2.5 สนามไฟฟา ทจ่ี ดุ ๆ หน่งึ คือ แรงตอหนง่ึ หนว ยประจุท่กี ระทําตอ ประจทุ ดสอบ ขนาดเลก็ ทว่ี างอยทู ่จี ุดนัน้ และมหี นวยเปน โวลต- เมตร2.6 สนามไฟฟา ณ ตาํ แหนงติดกับผวิ ของตัวนาํ จะมที ิศต้ังฉากกับผิวเสมอ จะมีคามาก ทีส่ ดุ ตรงบริเวณผวิ ตัวนาํ และมีคาลดลง เมื่อระยะจากผิวตัวนาํ มคี ามากขึ้นตอนท่ี 1 สว นที่ 3 เปนแบบปรนัยเลอื กตอบแบบกลุม คาํ ตอบสมั พนั ธ โดยคาํ ถามชดุ น้ีมีคําถามมากกวา 1 ขอ ท่มี เี งื่อนไขใหคิดและสัมพนั ธตอเน่ืองกัน แลว วงกลมลอมรอบคาํ ตอบทถี่ กู ตอ ง (ขอละ 3 คะแนน # ขอคาํ ถามยอยแตละกลุม กลุมๆละ 1 คะแนน) “ การถูแทง พลาสตกิ กับผาสกั หลาด ปกตแิ ลวอะตอมในแทงพลาสติกและในผา สักหลาดจะมีจํานวนอิเล็กตรอน (ประจลุ บ) เทา กบั จํานวนโปรตอน (ประจุบวก) แตเ ม่ือเกดิ การเสยี ดสจี ะทําใหเกดิ การหมนุ เวยี นของอิเลก็ ตรอน ของแทง พลาสติกกบั ผา สักหลาด หากแทงพลาสตกิ ไดรับอิเล็กตรอนมากกวา ทีเ่ สียไปจะทาํ ใหแทง พลาสติกมี ประจสุ ะสมเปนลบ ประจทุ ส่ี ะสมตรงนี้ เรียกวา ไฟฟา ” 1. ในการทาํ ใหว ัตถุที่มปี ระจุไฟฟา เปนลบ เปน บวกหรอื เปน กลางไฟฟา จะตองตอสายดินกบั พ้ืนโลก ทั้งนเ้ี ปน เพราะเหตุใด (กลุม A) ถาเปล่ยี นจากแทงพลาสตกิ เปน แทง โลหะและเปลี่ยนผาสกั หลาดเปนผาขนสัตว แลว ใชม อื จับแทง โลหะถูกับผาขนสตั ว ผลที่เกิดข้ึนเปนอยางไร โดยถือวา คนเปน ตวั นําและยนื เทา เปลาบนพื้น (กลุม B) หรือเมื่อเปลย่ี นมาใชแทงแกว ถูกับผาแพร แลว เมื่อนําแทงแกวผิวเกลีย้ งถกู ับผา แพร จะปรากฏวา เกิดประจุบวกบนแทงแกว เหตทุ ่ีเปนเชน นี้เพราะแทงแกว (กลุม C) (กลุม A) (กลุม B) (กลมุ C)ก. โลกมีสนามไฟฟา ตาํ่ ก. จะเกดิ ประจุอิสระบนแทงโลหะและผาขนสัตว ก. สูญเสียอิเลก็ ตรอนข. โลกมีความจไุ ฟฟา มาก ข. จะไมเกิดประจุอสิ ระทั้งบนแทงโลหะและบนผา ขนสัตว ข. ไดร ับอเิ ล็กตรอนค. โลกมคี วามตา นทานต่าํ ค. จะไมมีประจุอิสระบนแทง โลหะ แตจะเกิดประจุอิสระ ค. สญู เสยี โปรตอนง. โลกมีศกั ยไฟฟา เปน กลาง ง. ไดรบั โปรตอน บนผาขนสตั ว ง. จะเกิดประจุอิสระบนแทง โลหะ แตจ ะไมเกดิ ประจุอิสระ บนผา ขนสตั ว
จากขอ มูลสามารถจัดกลุมความสัมพันธท ่ีถูกตอง ตามกลมุ A , กลมุ B และ กลุม C ตามขอ ใด (3:วเิ คราะห)1. ก , ค , ง 2. ข,ค,ง 3. ง , ข , ข4. ง , ข , ก 5. ข , ค , ก2. พจิ ารณาขอมลู ตอไปนแี้ ลวตอบคาํ ถาม 600 B.C.: ทาลีส Thales)นกั วิทยาศาสตรชาวกรีก ไดคนพบอํานาจไฟฟา (Electron) ซึ่งจัดเปนไฟฟาสถติจากการท่ีวัตถเุ สยี ดสีกนั แลวสามารถดูดวัตถเุ ล็กๆได เนอ่ื งมาจากเกดิ ประจุไฟฟาขึ้นบนวัตถุนั้น เรียกวา เกดิ ไฟฟาสถติ(Static Electric) ขึ้นบนวตั ถุนัน้ วา ทําไมไฟฟา สถิตจึงเกิดไดดีในฤดหู นาว (กลมุ A) การเกิดฟา แลบฟาผา เปนปรากฏการณเ กีย่ วกับขอใด (กลมุ B) และในวันอากาศแหง เมื่อใชห วพี ลาสติกหวีผม พบวาเสน ผมต้ังชันขนึ้ ตามหวีเพราะสาเหตุใด(กลมุ C) (กลมุ A) (กลุม B) (กลมุ C)ก. อากาศมตี ัวนํามาก ก. การถา ยเทของประจุ ก. ความรอนท่ีเกิดจากหวีเสียดสกี บั เสนผมข. อากาศมีตวั นํานอ ย ข. การสน่ั พองของประจุ ข. เกดิ การเหนีย่ วนาํ ไฟฟา ท่ีหวีขณะที่หวผี มค. อากาศมีตัวเหน่ยี วนาํ ดี ค. การสลายตวั ของประจุ ค. หวีกบั เสนผมเกดิ ประจุไฟฟาชนิดเดยี วกันง. อากาศมตี ัวนาํ และ ง. การเหนี่ยวนาํ ของประจุ ง. เสน ผมและหวีเกดิ ประจไุ ฟฟา ชนดิ ตรงขามกัน ฉนวนเทากันจากขอมูลสามารถจัดกลุมความสัมพนั ธท ี่ถูกตอง ตามกลุม A , กลุม B และ กลุม C ตามขอใด (1:วิเคราะห)1. ก , ค , ง 2. ข , ก , ง 3. ค , ก , ง4. ง , ก , ค 5. ก , ง , คตอนที่ 2 ใหนักเรียนตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี โดยการเขยี นอธบิ ายและแสดงวิธที ําตามความเขา ใจจากที่ไดเรยี นรูมา 1. ใหน ักเรียนอธบิ ายเกย่ี วกบั “สนามไฟฟา ” วาดภาพพรอ มอธบิ ายประกอบ (3:เขา ใจ=2 คะแนน)………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ประจุ +5.0 x 10-6C และ –3.0 x 10-6C วางอยูห างกนั 20 cm ถา นําประจุทดสอบขนาด -1.0 x 10-6C มาวางไวทจ่ี ดุ กึ่งกลางระหวา งประจุทง้ั สอง จงหาขนาดและทิศทางของแรงท่ีกระทําตอประจุทดสอบ พรอม อธิบายวาทาํ ไมประจุทดสอบจึงมที ิศตามคาํ ตอบ (2:วเิ คราะห = 5 คะแนน) - วิเคราะหโจทย/ภาพประกอบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… - สงิ่ ท่ีตอ งใหหาคําตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………. (1 คะแนน)- สูตรที่ใช …………………………………………………………………………………………… (1 คะแนน)- แสดงวธิ คี ดิ (2 คะแนน)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอบ (1 คะแนน)………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ทรงกลมตัวนํา รศั มี 3 และ 6 cm ตามลําดบั ทรงกลมทัง้ สองมีประจุ 3 ������������ และ -4 ������������ ถาวางทรงกลมตวั นําน้ีใหห างกันผวิ ทง้ั สองหางกัน 10 cm จงหาแรงระหวางประจทุ เี่ กดิ ขน้ึ กับประจุทั้งสอง (2:วเิ คราะห=5 คะแนน)- วิเคราะหโจทย/ภาพประกอบ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………- สิ่งทต่ี อ งใหห าคําตอบ (1 คะแนน)…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………- สูตรที่ใช (1 คะแนน)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………- แสดงวธิ ีคิด (2 คะแนน)…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………- ตอบ (1 คะแนน)…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… @@@@@@@@@@@@@@@ลงชื่อ...................................... ลงชอื่ ........................................... ลงช่อื ……………................................... (น.ส.ณัฐธนัญา บุญถงึ ) (น.ส.ณฐั ธนญั า บญุ ถึง) (นายเสรี แซจ าง) ครูผูสอน (ผูแตง/พมิ พ) หัวหนา กลุมสาระฯ วิทยาศาสตร งานวดั ผลระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายลงช่ือ................................................. ลงชอื่ ....................................................................... (นางสาวศิรมิ า เมฆปจ ฉาพชิ ิต) (นายวเิ ศษ ฟองตา) หวั หนางานวัดและประเมินผล รองผูอ าํ นวยการกลุมบริหารงานวิชาการ
เฉลยแบบทดสอบกลางภาคโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชียงใหม่แบบทดสอบรายวชิ าฟสิ ิกส์ 5 รหัสวิชา ว 33201 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 จานวน 1.5 หนว่ ยกติภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 เวลาสอบ 90 นาที จานวน 20 คะแนน *************************************คาชี้แจง 1. ขอ้ สอบนีม้ ีวัตถุประสงค์เพื่อวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นกลางภาคท่ี 1 ปีการศึกษา 2561ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ตามผลการเรียนรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์ 5 รหัสวิชา ว 33201 ดงั นี้1. อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติทางไฟฟา้ ประจุไฟฟา้ กฎการอนุรักษ์ประจุไฟฟ้าและการเหน่ยี วนาไฟฟา้2. คดิ คานวณ แรงระหวา่ งประจุและกฎของคูลอมบ์3. อธบิ ายเปรยี บเทยี บสนามไฟฟ้า เสน้ แรงไฟฟา้ และศักย์ไฟฟา้2. แบบทดสอบฉบบั น้ีมีจานวนทั้งหมด 10 หน้า มลี กั ษณะแบบทดสอบ คอื แบง่ เป็น 2 ตอนตอนท่ี 1 ส่วนที่ 1 เป็นแบบปรนยั (เลอื ก 1 คาตอบ) จานวน 15 ข้อสว่ นท่ี 2 เปน็ แบบปรนัย (เลอื กตอบเชงิ ซ้อน) จานวน 2 ข้อสว่ นที่ 3 เปน็ แบบปรนัย (เลือกตอบแบบกลุ่มสัมพนั ธ)์ จานวน 2 ขอ้ตอนท่ี 2 เป็นแบบทดสอบแบบอัตนัย(เขยี นตอบคาถาม+แสดงวธิ ที า) จานวน 3 ข้อ3. เกณฑก์ ารให้คะแนนตอนท่ี 1 ส่วนท่ี 1 เป็นแบบปรนยั เลอื กตอบ 1 คาตอบ (ขอ้ ละ 1 คะแนน) รวม 15 คะแนนส่วนท่ี 2 เปน็ แบบปรนัยเลือกตอบเชิงซอ้ น (ขอ้ ละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนส่วนท่ี 3 เปน็ แบบปรนัยเลือกตอบแบบกล่มุ สมั พันธ์ (ข้อละ 3 คะแนน) รวม 6 คะแนนตอนท่ี 2 เป็นแบบทดสอบแบบอตั นัยเขยี นตอบ+แสดงวิธที า (ขอ้ ละ 3 คะแนน) รวม 10 คะแนน รวมทั้งสนิ้ 37 คะแนน4. ข้อปฏิบัตใิ นการสอบ1. แตง่ กายด้วยชุดนักเรียนใหส้ ุภาพเรียบร้อย ตามข้อบงั คับของโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 312. ห้ามนาหนังสือ/เอกสารเข้าไปในที่นั่งสอบและหา้ มทาเคร่อื งหมายใดๆ ลงใบข้อสอบท่ีแจกให้3. ห้ามนาเครอ่ื งคิดเลขเข้าห้องสอบ อนญุ าตให้นักเรยี นคิดเลขไดใ้ นด้านหลังของกระดาษคาตอบ4. ห้ามนักเรียนนากระดาษคาตอบออกหอ้ งสอบ จะต้องสง่ คนื กรรมการควบคุมหอ้ งสอบเม่อื สอบเสร็จ5. หา้ มนกั เรียนติดต่อพูดจาปรึกษาหรอื ทาสญั ญาณขณะทาขอ้ สอบ เม่ือมีข้อสงสัยหรอื ต้องการสง่ิ ใดให้ยกมือขน้ึ สอบถาม หรือขอความช่วยเหลอื จากกรรมการควบคุมห้องสอบ หากพบการทุจรติ ในการสอบในคร้งั นจี้ ะปรับตกรายวชิ าน้ีทันที
ตอนท่ี 1 สว่ นท่ี 1 เป็นแบบปรนยั เลอื กตอบ 1 คาตอบ ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทถี่ กู ต้องเพียงขอ้ เดียว แลว้ วงกลมล้อมรอบคาตอบ ทถี่ กู ตอ้ ง (ข้อละ 1 คะแนน)1. เม่อื ถูแท่งแก้วด้วยผา้ ไหม แลว้ พบวา่ แท่งแก้วจะมีประจไุ ฟฟ้าเป็นบวก เป็นเพราะวา่ สาเหตใุ ด (1:วเิ คราะห)์1. อิเลก็ ตรอนบางตัวหลุดจากแท่งแกว้ และถ่ายเทไปยังผ้าไหมทาใหเ้ หลอื ประจไุ ฟฟา้ บวกบนแท่งแก้วมากกวา่ ประจไุ ฟฟา้ ลบ2. โปรตอนบางตัวในผา้ ไหมถา่ ยเทไปแท่งแกว้3. ทัง้ ข้อ 1 และ 2 ถูกต้อง4. ข้อ 2 เท่าน้ัน ทถ่ี ูกตอ้ ง5. ผดิ หมดทุกขอ้2. เมือ่ นาไม้บรรทัดถูกับเส้นผมจะพบวา่ ทั้งไม้บรรทัดและเสน้ ผมที่มีประจุ การทท่ี ้ังสองส่ิงมีประจไุ ด้เป็นเพราะสาเหตุหลกั ท่ีสาคัญคอื ข้อใด (1:วเิ คราะห์)1. การเปล่ยี นแปลงประจุ 2. ประจุถูกสร้างขึน้ 3. การแยกของประจุ4. การเสียดสี 5. แรงทีถ่ ู3. ทรงกลมโลหะ A และ B วางสมั ผัสกนั โดยยึดฐานทีท่ าด้วยฉนวน แล้วนาแท่งพลาสติกซง่ึ มปี ระจลุ บเข้าใกล้ทรงกลมA ดังรปู จะมปี ระจุไฟฟ้าชนิดใดเกิดข้ึนที่ตัวนาทรงกลมทั้งสอง (1:วเิ คราะห์)1. ทรงกลมท้ังสองจะมีประจุลบ2. ทรงกลมทงั้ สองจะมีประจุบวก3. ทรงกลม A มีประจบุ วกและทรงกลม B มปี ระจลุ บ4. ทรงกลม A มปี ระจุลบและทรงกลม B มปี ระจุบวก5. ทรงกลม A มีประจุลบและทรงกลม B มีประจเุ ปน็ กลาง4. โลหะทรงกระบอกยาวปลายมนเปน็ กลางทางไฟฟ้าตั้งอยู่บนฐานที่เป็นฉนวน เมื่อนาประจุบวกขนาดเท่ากันมาจ่อใกล้ๆ ปลายทัง้ สองข้างพร้อมกันดว้ ยระยะห่างจากปลายเท่ากัน จะเกิดการเปลย่ี นแปลงของประจุบนโลหะ และถ้าหากเปลย่ี นทน่ี ามาจ่อเปน็ ประจุลบทม่ี ขี นาดเทา่ เดิม การกระจายของประจุตรงส่วน A , B และ C ของทรงกระบอกเป็นอย่างไร (1 : วิเคราะห์)1. A และ C เป็นกลาง แต่ B เป็นบวก2. A และ C เปน็ ลบ แต่ B เปน็ กลาง3. A และ C เปน็ บวก แต่ B เป็นลบ4. A และ C เปน็ ลบ แต่ B เปน็ บวก5. ท้งั A , B และ C เป็นกลาง5. เมอ่ื นาวัตถุ A มาถู กับวตั ถุ B พบวา่ วตั ถุ A มีประจุไฟฟา้ เกิดขึน้ ข้อสรปุ วัตถุ A ควรเป็นวัตถุอยา่ งไรจึงจะถกู ตอ้ งที่สดุ (1 : นาไปใช้)1. ตัวนา 2. ฉนวน 3. ก่ึงตัวนา4. โลหะ 5. กึ่งโลหะ6. ถ้าต้องการให้อิเล็กโตรสโคปมีประจบุ วก ควรมีข้ันตอนในการเหน่ียวนาอยา่ งไร จงึ จะ ถูกต้องที่สุด (1: วิเคราะห์)a. นาวตั ถทุ ่มี ีประจบุ วกเขา้ ใกลจ้ านโลหะของอเิ ลก็ โตรสโคป d. ดึงวตั ถทุ ี่มปี ระจุออกb. นาวตั ถุทม่ี ีประจเุ ข้าใกลจ้ านโลหะของอเิ ลก็ โตรสโคป e. ดงึ สายดินออกc. ต่อสายดินกบั จานโลหะของอเิ ลก็ โตรสโคป1. a , c , d , e 2. a , c , e , d 3. b , c , d , e4. b , c , e , d 5. a , b , c , d , e
7. นาวัตถุทม่ี ีประจุลบเข้ามาจอ่ ใกล้ๆจานโลหะ หลังจากนั้นใชส้ ายไฟทีป่ ลายขา้ งหนึ่งต่อโยงกับตวั นาท่ฝี ังใต้ดนิ ชื้นๆ แลว้ นาอกี ปลายหนึ่งมาแตะจานโลหะ ดงั แสดงในรูป นักเรียนสรุปไดว้ า่ ผลทีจ่ ะเกดิ ข้ึนจากการทดลองน้ีเป็นไป ตามภาพใด (1:วิเคราะห)์1. 2. 3, 4. 5.8. ประจุ -5.0 x 10-6C และ +3.0 x 10-6C วางอยูห่ า่ งกัน 20 cm ถ้านาประจุทดสอบขนาด +1.0 x 10-6Cมาวางไวท้ ี่จดุ ก่ึงกลางระหว่างประจทุ ้งั สอง ขนาดและทิศทางของแรงที่กระทาตอ่ ประจุทดสอบ คอื ข้อใด(2 : วิเคราะห์)1. 0.18 นิวตนั และมที ิศชเ้ี ข้าหาประจุลบ 2. 1.8 นวิ ตนั และมีทศิ เข้าหาประจบุ วก3. 7.2 นวิ ตนั และมีทศิ เข้าหาประจลุ บ 4. 7.2 นวิ ตนั และมที ศิ เข้าหาประจบุ วก5. 72 นวิ ตนั และมีทศิ เขา้ หาประจบุ วก9. ตาแหน่งทีส่ นามไฟฟ้ารวมเป็นศูนย์(จุดสะเทิน) ซึ่งสนามนน้ั เกิดจากประจุ 2 ประจุทชี่ นิดเดยี วกนั และขนาดเท่ากนัดังน้ี a. เกิดขึ้นไดเ้ พยี งจดุ เดียวเท่าน้นั b. เกิดอยใู่ กลป้ ระจุที่พจิ ารณา c. เกิดในแนวเสน้ ตรงทีล่ ากผ่านประจุทัง้ สอง d. เกดิ ท่ีตาแหน่งกงึ่ กลางของประจุทงั้ สองข้อสรปุ ใดที่ ไม่มีโอกาสเกดิ ขึ้น เพราะผดิ หลักจากความจรงิ (3 : ประเมินค่า)1. ขอ้ a , d 2. ขอ้ a 3. ข้อ b4. ข้อ c 5. ขอ้ d10. ในการทาใหว้ ัตถุท่มี ปี ระจุไฟฟ้าลบ บวก หรือเปน็ กลางทางไฟฟา้ นน้ั จะต้องต่อสายดนิ กบั พื้นโลก เหตุผลที่ตอ้ งตอ่ แบบนน้ั เพราะโลกเป็นอย่างไร (1:วเิ คราะห์)1. มีสนามไฟฟ้าต่า 2. มคี วามจุไฟฟา้ มาก3. มีความตา้ นทานต่า 4. มศี กั ยไ์ ฟฟ้าเป็นกลาง5. มีความต้านทานมาก11. ถ้า +Q และ –Q เปน็ ประจตุ น้ กาเนดิ สนามโดยที่ +q และ –q เปน็ ประจุทดสอบ รูปใดแสดงทิศของ F และ Eไมถ่ กู ต้อง (3 : นาไปใช้)1. 2.3. 4.5.
Search