ต้ังรับน้ัน ย่อมมีความจ�ำเป็นท่ีจะต้องติดต่อกับหน่วยข้างเคียงและหน่วยเหนือ กองพัน เหล่าทหารช่าง 41 ทหารช่างใช้วิทยุในกองพัน 2 เครื่อง เข้าช่วยกับหน่วยข้างเคียงและกรมทหารราบ ที่ตนข้ึนสมทบ เน่ืองจากการจัดให้มีการติดต่อส่ือสารประเภทเดียวย่อมจะเกิดความ ไม่แน่นอนข้ึน จะต้องจัดการติดต่อ สื่อสารทางสายขึ้นกรมทหารราบท่ีรับการสมทบ จะวางสายการสื่อสารจากกองบังคับการกรมมายังกองพันทหารช่าง กองพันปืนใหญ่ ท่ีช่วยโดยตรงต่อกรมทหารราบ จะวางสายการสื่อสารจากกองพันปืนใหญ่มายัง กองพันทหารช่าง และวางต่อไปจนถึงกองร้อยทหารช่างในแนวหน้า หมู่สื่อสารของ กองพันทหารช่างวางสายการส่ือสารไปยังกองร้อยทหารช่างในกองพัน และวางสายไปยัง หน่วยข้างเคียงทางขวามือ และรับต่อสายของหน่วยข้างเคียงทางซ้ายมือ นอกจากน้ัน กองพันทหารช่างจะต้องประสานการใช้อาณัติสัญญาณกับกรมทหารราบและหน่วย ข้างเคยี งด้วย 7. แนวทางทีเ่ สนอแนะในการจดั กำ�ลงั ใหมเ่ พ่อื เขา้ ท�ำ การรบ หน่วยทหารช่างต้องวางแผนรายละเอียด อันเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบ ปฏิบัติประจ�ำ ซึ่งจะช่วยให้หน่วยจัดก�ำลังท�ำการรบอย่างได้ผล ไม่เป็นการพึงประสงค์ ท่ีจะก�ำหนดแผนมาตรฐานส�ำหรับหน่วยทหารช่างท้ังหมด เพราะแต่ละหน่วยมีลักษณะ การจัดและการปฏิบัติ ของตนเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาในการวางแผนการจัดก�ำลังใหม่ เพือ่ เข้าท�ำการรบ ต่อไปน้ี เป็นแนวทางทีเ่ สนอแนะในการจัดกำ� ลังใหม่เพอ่ื เข้าท�ำการรบ 7.1 กองพนั ทหารชา่ งของกองพล 7.1.1 ส่วนหน้า ส่วนหน้าของกองบงั คบั การกองพัน อยู่ในความควบคมุ โดยตรงของ ผบู้ งั คบั กองพนั กองบงั คบั การกองพนั ดำ� เนนิ การทบ่ี งั คบั การ และจดั เจา้ หนา้ ทฝี่ า่ ยอำ� นวยการ ท่จี �ำเป็นในการปฏบิ ัตกิ ารทางยทุ ธวิธี 7.1.2 ส่วนหลงั เจ้าหน้าที่และเครื่องมือของตอนฝ่ายอ�ำนวยการกองพัน ซึ่งไม่ต้อง ใช้ในภารกิจการรบกลายเป็นส่วนหน่ึงของส่วนหลัง ส่วนหลังของกองบังคับการกองพัน มีนายทหารอาวโุ สเป็นผู้บงั คับบัญชา ซงึ่ มกั จะได้แก่ ฝอ.4
พัน.ช.พล. ส่วนหน้า ส่วนหลงั บก.พนั . (ส่วนหน้า) ร้อย.บก. (ส่วนหลงั ) ร้อย.ช.สนาม บก.พัน. (ส่วนหลัง) ร้อย.บก. (ส่วนหลงั ) แหล่งรวมเครือ่ งมือ(1) (1)รวมทงั้ ส่วนหลงั ของกองร้อย ช.สนาม กองพนั ทหารชา่ งของกองพล 42 เหลา่ ทหารชา่ ง 7.2 กองบังคับการและกองรอ้ ยกองบงั คบั การ 7.2.1 ส่วนหน้า ส่วนหน้าของกองร้อยกองบังคับการ ประกอบด้วย เจ้าหน้าท่ี และ เครือ่ งท่ีจำ� เป็นส�ำหรับจัดต้งั ด�ำเนินงานและป้องกนั ทบ่ี ังคบั การกองพัน 7.2.2 ส่วนหลงั สว่ นหลงั ประกอบดว้ ย เจา้ หนา้ ท่ี และเครอื่ งมอื ทไ่ี มต่ อ้ งใชใ้ นสว่ นหนา้ ก�ำลังพล และเครื่องมือของกองร้อยที่มีผู้บังคับทหารช่างของกองพล อาจแยกไปและ ใช้งานช่างในท่อี นื่ ได้
บก. และ รอ้ ย.บก. สว่ นหน้า หมู่ บก.ช.พล.(1) ส่วนหลัง บก.พัน. (ส่วนหน้า) ร้อย.บก. (ส่วนหน้า) บก.ร้อย. กำ� ลังพลในส่วนหน้า หน่วยแยก ตอน บก.พัน. กองบังคับการ ฝอ.2 ฝอ.3 นายแพทย์ นายทหารส่อื สาร ฝอ.1 นายทหารลาดตระเวน บก.พนั . (ส่วนหลงั ) ร้อย.บก. (ส่วนหลงั ) หมวดเคร่ืองมอื หมู่ธรุ การ (-) ฝอ.4 หมวดซ่อมบ�ำรงุ เหล่าทหารช่าง 43 (1)อยู่ ณ บก.พล. (ส่วนหน้า) กองบังคบั การและกองรอ้ ยกองบังคบั การ 7.3 กองร้อยทหารชา่ งสนาม 7.3.1 ส่วนหน้า เจา้ หนา้ ที่ และเครอ่ื งมอื ทจี่ ะปฏบิ ตั ภิ ารกจิ การรบจดั ขนึ้ เปน็ สว่ นหนา้ กองร้อยจดั ให้แต่ละหน่วยมกี องบงั คับการละ 3 หน่วยทหารช่างสนาม
กองรอ้ ยทหารช่าง สว่ นหน้า ส่วนหลัง บก.ร้อย. (ส่วนหน้า) หมวดทหารช่างสนาม บก.ร้อย. (ส่วนหลงั ) ส่วนหลงั ของหมวด กองบงั คับการ หมู่สอื่ สาร หมู่ธรุ การ หมู่สทู กรรม หมู่ส่งก�ำลัง บก.หมวด หมู่ทหารช่างสนาม หมู่เครอ่ื งมอื และซ่อมบ�ำรงุ กองร้อยทหารชา่ งสนาม 44 เหลา่ ทหารชา่ ง การจดั ก�ำ ลังในกองบังคบั การกองรอ้ ย ส่วนหน้า ประกอบด้วย หมู่กองบังคับการเพิ่มเติมก�ำลังด้วยช่างอาวุธจาก หมู่ส่งกำ� ลงั และหมู่ส่อื สาร 1. หม่กู องบังคบั การ ประกอบด้วย - ผบ.ร้อย. - รอง ผบ.ร้อย. - จ่ากองร้อย - พลขบั รถ 1/4 ตนั - ทหารบรกิ าร - ทหารบรกิ าร - ทหารบรกิ าร - ทหารบรกิ าร - ทหารบรกิ าร - ช่างอาวธุ (ใช้ เอ็ม.203)
2. หมสู่ ือ่ สาร ประกอบด้วย - ช่างวทิ ยุ - พลวิทยุ - พลวิทยุ - พลทางสาย (ใช้ ปก.93) - พลทางสาย (ใช้ ปก.39) - พลวทิ ยโุ ทรเลข - พลขับรถ 3/4 ตนั ส่วนหลัง ประกอบด้วย หมู่ธุรการ หมู่สทู กรรม หมู่ส่งก�ำลงั (เว้นช่างอาวธุ ) และหมู่ เคร่อื งมอื และซ่อมบ�ำรงุ 1. หมู่ธรุ การ ประกอบด้วย - เสมยี นกองร้อย 2. หมู่สทู กรรม ประกอบด้วย - นายสบิ สูทกรรม - พลสทู กรรม เหล่าทหารช่าง 45 - พลสทู กรรม - พลสูทกรรม - พลสูทกรรม - พลสูทกรรม - พลสทู กรรม - พลสทู กรรม - พลสูทกรรม - พลสูทกรรม - พลสทู กรรม - พลสทู กรรม - พลสทู กรรม - พลสทู กรรม - พลสูทกรรม
46 เหลา่ ทหารชา่ ง 3. หมู่สง่ กำ� ลงั (ท่เี หลอื ) ประกอบด้วย - นายสบิ ส่งก�ำลัง - นายสบิ ส่งก�ำลงั สาย ซ. - พลขับรถ 3/4 ตนั 4. หม่เู คร่ืองมือและซ่อมบำ� รุง ประกอบด้วย - นายสบิ ยานยนต์ - ช่างยานยนต์ล้อ - ช่างยานยนต์ล้อ - ช่างเคร่อื งมือกล - พลประจ�ำรถตักบรรทกุ - พลประจ�ำรถตกั บรรทกุ - พลประจ�ำเครอื่ งอดั ลม - พลประจ�ำเครือ่ งอดั ลม - พลประจ�ำรถถากถาง - พลประจ�ำรถถากถาง - พลประจ�ำรถถากถาง - พลประจ�ำรถถากถาง - พลขับรถบรรทกุ หนัก - พลขบั รถบรรทกุ หนกั - พลขบั รถบรรทกุ หนัก - พลขับรถบรรทกุ หนัก - พลขบั รถบรรทกุ หนกั - พลประจ�ำรถเกลี่ย - พลประจ�ำรถเกลี่ย - พลประจ�ำรถราดน้าํ - พลประจ�ำรถราดน้าํ
หมวดทหารช่างสนาม กองบงั คับการหมวด หม่ทู หารชา่ งสนาม 3 หมู่ 1. ผู้บังคบั หมวด 1. ผู้บงั คบั หมู่ 2. รองผู้บงั คบั หมวด 2. รองผู้บังคบั หมู่ 3. นายสบิ ประจำ� หมวด 3. พลขับบรรทุกเทท้าย 4. นายสิบคลงั เครื่องมอื 4. พลช่างก่อสร้าง 3 นาย 5. พลขบั รถ 1/4 ตัน (คนแรกอตั รา ส.อ.) 6. พลขบั รถบรรทกุ เทท้าย 5. พลทำ� ลาย 2 นาย 6. พลช่างโยธา 4 นาย อาวธุ ประจ�ำหนว่ ยของหมวด อาวธุ ประจำ� หนว่ ยของหมู่ 1. ปก.93 1 กระบอก 1. เคร่ืองยิงจรวด 1 กระบอก 2. ปก. เอ็ม.60 3 กระบอก 2. เอ็ม.203 2 กระบอก หมวดทหารชา่ งสนามจัดก�ำ ลังท�ำ การรบแบบที่ 1 เหล่าทหารช่าง 47 ส่วนหนา้ ประกอบด้วย กองบงั คบั การหมวด หมู่อาวุธและหมู่ปืนเล็ก 3 หมู่ 1. กองบงั คับการหมวด 1.1 ผู้บงั คบั หมวด 1.2 รองผู้บงั คบั หมวด 1.3 พลวิทยแุ ละพลนำ� สาร (พลขบั รถ 1/4 ตันของ บก.มว. พร้อมรถ) 1.4 นายสบิ พยาบาล (จดั จาก มว.สร. ของกองพนั ) 2. หมู่อาวธุ 2.1 ผู้บงั คบั หมู่ (นายสิบประจำ� หมวด) 2.1.1 พวก ปก. ท่ี 1 (จดั จากหมู่ทหารช่างท่ี 1) - พลยงิ ปก. เอม็ .60 - พลยงิ ผู้ช่วย - พลกระสนุ
2.1.2 พวก ปก. ท่ี 2 (จดั จากหมู่ทหารช่างที่ 2) - พลยงิ ปก. เอม็ .60 - พลยงิ ผู้ช่วย - พลกระสุน 2.1.3 พวก ปก. ท่ี 3 (จดั จากหมู่ทหารช่างท่ี 3) - พลยงิ ปก. เอ็ม.60 - พลยงิ ผู้ช่วย - พลกระสุน 3. หมู่ปืนเลก็ (3 หมู่) • หมู่ที่ 1 - ผู้บงั คบั หมู่ (หัวหน้าชุดยิงที่ 1) - พลปืนเลก็ (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก (พลยิงเคร่ืองยงิ จรวด) - พลปืนเล็ก (พลยิงผู้ช่วย) 48 เหลา่ ทหารชา่ ง - รองผู้บังคบั หมู่ (หัวหน้าชดุ ยิงท่ี 2) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเลก็ - พลปืนเล็ก • หมู่ท่ี 2 - ผู้บงั คับหมู่ (หวั หน้าชุดยิงที่ 1) - พลปืนเลก็ (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเลก็ (พลยงิ เคร่ืองยิงจรวด) - พลปืนเล็ก (พลยงิ ผู้ช่วย) - รองผู้บังคบั หมู่ (หวั หน้าชุดยงิ ท่ี 2) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก - พลปืนเลก็
• หมู่ท่ี 3 (หวั หน้าชุดยิงท่ี 1) - ผู้บงั คับหมู่ - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก (พลยิงเคร่อื งยิงจรวด) - พลปืนเล็ก (พลยิงผู้ช่วย) - รองผู้บังคับหมู่ (หวั หน้าชดุ ยงิ ท่ี 2) - พลปืนเลก็ (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก - พลปืนเล็ก ส่วนหลัง ประกอบด้วย กองบงั คบั การหมวดและหมู่ทหารช่าง 3 หมู่ 1. กองบังคับการหมวด - นายสิบคลังเครอ่ื งมือ - พลขบั รถบรรทกุ เททำ� ยของหมวด พรอ้ มดว้ ยรถเครอื่ งมอื ของหมวดและ ปก.93 หนง่ึ กระบอก 2. หมทู่ หารชา่ ง 3 หมู่ เหล่าทหารช่าง 49 - พลขบั รถบรรทุกเททำ� ยของหมู่ พร้อมด้วยรถและเครอื่ งมือของหมู่ หมวดทหารช่างสนามจัดกำ�ลังการรบแบบท่ี 2 สว่ นหน้า ประกอบด้วย กองบงั คับการหมวดและหมู่ปืนเลก็ 3 หมู่ 1. กองบังคบั การหมวด - ผู้บงั คบั หมวด - รองผู้บังคบั หมวด - นายสิบประจำ� หมวด - พลวิทยแุ ละพลนำ� สาร (นายสบิ คลงั เครอ่ื งมอื ) - นายสิบพยาบาล (จดั จากหมวดเสนารกั ษ์ของกองพัน)
2. หมปู่ นื เล็ก 3 หมู่ • หม่ทู ี่ 1 - ผู้บงั คับหมู่ - รองผู้บงั คบั หมู่ (เป็นหวั หน้าชุดยิงที่ 1) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก - พลปืนเล็ก - พลประจำ� ปก. เอม็ .60 (พลยิง) - พลประจำ� ปก. เอ็ม.60 (พลยิงผู้ช่วย) - พลช่างก่อสร้างคนแรก (เป็นหัวหน้าชุดยงิ ท่ี 2) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก 50 เหลา่ ทหารชา่ ง - พลประจำ� เครอื่ งยงิ จรวด 73 มม. (พลยงิ ) - พลประจำ� เครอ่ื งยงิ จรวด 73 มม. (พลยงิ ผู้ช่วย) • หมู่ท่ี 2 - ผู้บงั คับหมู่ - รองผู้บงั คบั หมู่ (เป็นหวั หน้าชุดยิงท่ี 1) - พลปืนเลก็ (ใช้ เอม็ .203) - พลปืนเล็ก - พลปืนเล็ก - พลประจำ� ปก. เอ็ม.60 (พลยิง) - พลประจำ� ปก. เอ็ม.60 (พลยิงผู้ช่วย) - พลช่างก่อสร้างคนแรก (เป็นหวั หน้าชุดยงิ ท่ี 2) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203)
- พลปืนเลก็ - พลประจำ� เครื่องยงิ จรวด 73 มม. (พลยงิ ) - พลประจำ� เครอ่ื งยงิ จรวด 73 มม. (พลยงิ ผู้ช่วย) • หมูท่ ี่ 3 - ผู้บังคบั หมู่ - รองผู้บงั คับหมู่ (เป็นหวั หน้าชุดยงิ ที่ 1) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอ็ม.203) - พลปืนเลก็ - พลปืนเล็ก - พลประจำ� ปก. เอ็ม.60 (พลยงิ ) - พลประจำ� ปก. เอ็ม.60 (พลยิงผู้ช่วย) - พลช่างก่อสร้างคนแรก (เป็นหวั หน้าชดุ ยิงท่ี 2) - พลปืนเล็ก (ใช้ เอม็ .203) เหล่าทหารช่าง 51 - พลปืนเล็ก - พลประจำ� เคร่ืองยงิ จรวด 73 มม. (พลยิง) - พลประจำ� เครอ่ื งยงิ จรวด 73 มม. (พลยงิ ผู้ช่วย) ส่วนหลงั ประกอบด้วย กองบงั คบั การหมวด และหมู่ทหารช่าง 3 หมู่ 1. กองบังลับการหมวด - พลขับรถ 1/4 ตนั - พลขับรถบรรทุกเทท้ายของหมวดพร้อมด้วยรถเครื่องมือของหมวด และ ปก.93 1 กระบอก 2. หมู่ทหารช่าง 3 หมู่ - พลขับรถบรรทุกเทท้ายของหมู่ พร้อมด้วยรถและเคร่ืองมอื ของหมู่
52 เหลา่ ทหารชา่ ง บทที่ การยทุ ธข้ามลำ� น�้ำ 1. วตั ถปุ ระสงค์ วัตถุประสงค์ในการเข้าตีข้าศึกซึ่งยึดแนวลำ� นํ้านี้ คือ การข้ามลำ� น้ําให้ได้ โดยเร็วที่สุด ออมก�ำลังและจัดตั้งหัวสะพานข้ึนหน่ึงแห่งหรือหลายแห่งเพื่อคุ้มครอง การข้ามล�ำน้ําของกำ� ลังส่วนท่เี หลอื 2. ค�ำ จ�ำ กดั ความ 2.1 หวั สะพาน คอื พน้ื ทบ่ี นฝง่ั ขา้ ศกึ ทย่ี ดึ มาไดเ้ พอ่ื ใชใ้ นการดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ ทางพ้ืนดนิ ต่อไป 2.2 ก�ำลังส่งข้าม คือ ก�ำลังทั้งหมดที่จะท�ำการส่งข้าม ซึ่งได้แก่ กอง บงั คบั การ ควบคมุ การส่งข้าม ก�ำลงั บุกข้าม กองหนนุ ส่วนสนบั สนนุ การรบ และส่วน สนบั สนนุ บรกิ ารทางการรบ 2.3 ก�ำลังบุกข้าม คือ หน่วยรองของก�ำลังส่งข้ามทั้งหมดท่ีจะท�ำการส่ง ข้าม และทำ� การรกุ บนฝั่งข้าศกึ 2.4 กว้างด้านหน้าในการข้าม คือ ระยะตามแนวล�ำน้ําภายในขอบเขต การรบั ผิดชอบของก�ำลงั ส่งข้าม 2.5 ทา่ สง่ ขา้ ม คอื ทา่ ขา้ มตา่ ง ๆ (เรอื , แพ, สะพาน) ทตี่ งั้ อยตู่ ามแนวลำ� นา้ํ และอยู่ในการครอบครองของหน่วยส่งข้าม
2.6 พื้นที่ส่งข้าม คือ พ้ืนที่ที่กำ� หนดข้ึนเพ่ือสะดวกในการควบคุมการจราจร เหล่าทหารช่าง 53 ในการเคล่อื นย้ายหน่วยทหารและยทุ โธปกรณ์ข้ามล�ำนา้ํ ด้วยวธิ ีต่าง ๆ ทางพน้ื ดนิ พ้ืนทส่ี ่ง ข้าม ประกอบด้วยท่าส่งข้ามและพน้ื ท่ีกระจายก�ำลัง 3. แบบของการยทุ ธข้ามล�ำน�้ำ การข้ามลำ� นา้ํ ทางยทุ ธวธิ ีน้นั จะต้องประกอบด้วย ลำ� น�้ำลกึ ที่ลุยข้ามไม่ได้ ไม่มี สะพานอยเู่ ดมิ และมขี า้ ศกึ ยดึ อยบู่ นฝง่ั ตรงขา้ ม การขา้ มลำ� นำ้� ทางยทุ ธวธิ มี ี 2 แบบ คอื การขา้ ม ลำ� นำ้� อย่างเร่งด่วน และการข้ามลำ� นำ้� อย่างประณีต 3.1 การข้ามล�ำน้ําอย่างเรง่ ด่วน จะกระท�ำได้ในโอกาสต่อไปนี้ 3.1.1 ขา้ ศกึ มกี ำ� ลงั เพยี งรบกวน ซง่ึ ฝา่ ยเราสามารถกวาดลา้ งใหห้ มดไปได้ ด้วยการส่งกำ� ลังที่เหนอื กว่าไปท�ำการเข้าตี 3.1.2 ข้าศึกขาดอาวุธหนักสนับสนุน ซึ่งฝ่ายเราสามารถยิงข่มไว้จนกว่า ทหารราบ และยานเกราะเข้าไปเข้าตไี ด้ 3.1.3 ข้าศึกมีก�ำลังมาก แต่ยังไม่สามารถจัดระเบียบการต้ังรับที่แข็งแรง ขน้ึ ได้ เชน่ ขา้ ศกึ เพงิ่ เคลอื่ นทมี่ าถงึ ล�ำนำ�้ ใหม ่ ๆ การขา้ มลำ� นำ�้ อยา่ งเรง่ ดว่ นนจ้ี ะตอ้ งกระท�ำ ด้วยความกล้าหาญ ใช้การจู่โจมและความรวดเรว็ ในการข้าม กำ� ลงั ส่วนทที่ �ำการรุกไปข้าง หน้าจะท�ำการข้ามโดยวิธีแสวงเครื่องหน่วยทหารช่างที่สนับสนุน จะช่วยขยายผลส�ำเร็จ โดยการใชเ้ ครอื่ งขา้ มลำ� นำ้� ในอตั ราและทแ่ี สวงหาได้ ทำ� การสง่ ขา้ มกำ� ลงั ของหนว่ ยรบใหไ้ ด้ มากทส่ี ดุ เพอ่ื ขยายผลสำ� เรจ็ ในขน้ั ตน้ ออกไปอกี การขา้ มลำ� นำ้� อยา่ งเรง่ ดว่ นเปน็ การขา้ มลำ� นำ้� ในลักษณะฉวยโอกาสซ่ึงจะวางระเบียบและวิธีการดำ� เนินการตายตัวแน่นอนไม่ได้ ดังน้ัน การศกึ ษาในบทเรยี นนจี้ ะเป็นการข้ามลำ� นำ้� อย่างประณตี ส่วนการข้ามลำ� น�้ำอย่างเร่งด่วน ก็น�ำเอาหลักการของการข้ามล�ำน�้ำอย่างประณีตมาใช้เป็นบางส่วนเพื่อให้เหมาะสม ในการข้ามแต่ละคร้งั 3.2 การขา้ มล�ำนาํ้ อย่างประณีต จะกระท�ำในโอกาสต่อไปน้ี 3.2.1 การขา้ มลำ� นำ�้ อยา่ งเรง่ ดว่ นลม้ เหลวลง ไมส่ ามารถทำ� การขา้ มตอ่ ไปได้ 3.2.2 ข้าศึกยดึ อยู่บนฝั่งตรงข้ามอย่างแขง็ แรง 3.2.3 มีเครือ่ งกีดขวาง ณ แนวลำ� นำ�้ มาก
54 เหลา่ ทหารชา่ ง การข้ามล�ำน�้ำอย่างประณีตน้ันต้องอาศัยการวางแผนอย่างละเอียด มีการ เตรยี มงานสง่ กำ� ลงั บำ� รงุ อยา่ งกวา้ งขวาง และมคี วามเปน็ ใหญท่ ง้ั ทางอากาศและทางพน้ื ดนิ เหนือกว่าข้าศึกกองบัญชาการกองทัพน้อยหรือสูงกว่าเป็นผู้วางแผนและประสานงาน เป็นส่วนรวม 4. ขน้ั ตอนมูลฐานในการข้ามล�ำน้ำ� โดยธรรมดา การลาดตระเวน การวางแผน การรวบรวมเคร่ืองข้ามล�ำน้�ำ การกำ� หนดกำ� ลงั ทที่ ำ� การขา้ ม และการฝกึ หนว่ ยทท่ี ำ� การขา้ ม ยอ่ มตอ้ งกระทำ� ลว่ งหนา้ กอ่ น ท�ำการข้ามลำ� นำ้� โดยแท้จรงิ ของก�ำลังบุกข้าม จะด�ำเนินการเป็น 4 ขนั้ ตอน คือ 4.1 การเคลอื่ นยา้ ยไปขา้ งหนา้ เขา้ ทรี่ วมพล หนว่ ยรบทจ่ี ะขา้ มลำ� นา้ํ เคลอื่ นที่ เข้าสู่ท่ีรวมพล ซ่ึงมีความปกปิดและอยู่พ้นระยะยิงของปืนใหญ่เบาของข้าศึก แต่ทว่า อยภู่ ายในระยะทางเดนิ โดยสะดวกในเวลากลางคนื ไปยงั ทา่ ขา้ ม หนว่ ยรบทำ� แผนขน้ั สดุ ทา้ ย อย่างสมบูรณ์ จดั ชดุ ลงเรือ และออกค�ำสัง่ คร้ังสดุ ท้ายก่อนออกจากทรี่ วมพล ในระหว่างท่ี หน่วยรบเข้าท่ีรวมพลหน่วยทหารช่างเข้าสู่ฐานออกตีและหน่วยสนับสนุนด้วยการยิง จะเข้าสู่ท่ตี ง้ั ยงิ 4.2 การเคลอื่ นยา้ ยจากทรี่ วมพลไปยงั ฐานออกตี หนว่ ยรบจะเคลอ่ื นทอ่ี อก จากทรี่ วมพลไปยงั ฐานออกตี อาวธุ หนกั ของหนว่ ยจะเคลอ่ื นยา้ ยเขา้ ทต่ี งั้ ยงิ เพอ่ื ยงิ สนบั สนนุ การขา้ มลำ� นำ�้ ฐานออกตที หี่ นว่ ยรบ จดั ผลู้ าดตระเวนและเลอื กไวเ้ มอื่ หนว่ ยรบเขา้ ฐานออก ตี จะพบกับผู้นำ� ทางของทหารช่างซ่งึ จะคอยอยู่ ณ ฐานออกตี 4.3 การข้ามล�ำน้ํา ผู้น�ำทางทหารช่างจะน�ำหน่วยรบท่ีท�ำการข้ามล�ำน�้ำใน คล่ืนแรกไปยังที่กองเรือ ตามเส้นทางที่ลาดตระเวนไว้ล่วงหน้า (เม่ือลักษณะภูมิประเทศ ข่ายถนน และการรกั ษาความลบั อ�ำนวยให้จะจดั กองเรอื ไว้ห่างจากล�ำน�ำ้ 100 - 200 เมตร) หน่วยรบ ซงึ่ เป็นชดุ ลงเรอื แต่ละชดุ เป็นผู้ยกขนเรือบุกข้ามของตนเองไปสู่ฝั่งลำ� นำ�้ เมอ่ื ออก จากฐานออกตไี ปแล้วจะไม่มกี ารหยดุ เพื่อประสานงานกันอีก เม่ือไปถงึ แนวลำ� นำ�้ ให้ลงเรือ ทนั ทีแล้วพายไปยงั ฝั่งตรงข้าม ในการข้ามลำ� นำ�้ ในเวลากลางคนื ห้ามทำ� การยิงปืนจากเรือ อาจน�ำยุทโธปกรณ์พเิ ศษ เช่น ลวดถกั เป็นผนื เหมือนเสื่อเพ่อื พาดข้ามเครอื่ งกดี ขวาง หรือ บังกาโลตอร์ปิโดไปใช้ระเบิดเคร่ืองกีดขวาง เมื่อถึงฝั่งตรงข้ามแล้วหน่วยรบข้ึนจากเรือ เพอื่ เขา้ ตขี า้ ศกึ สว่ นทหารชา่ งจะน�ำเรอื กลบั หนว่ ยรบทที่ �ำการขา้ มในคลน่ื ทสี่ องจะออกจาก
ฐานออกตชี า้ ลง โดยใหห้ นว่ ยรบในคลน่ื แรกกวาดลา้ งชายฝง่ั เสยี กอ่ น สว่ นคลน่ื อนื่ ๆ จะปฏบิ ตั ิ เหล่าทหารช่าง 55 ไปตามตารางเวลาท่กี �ำหนดการข้ามไว้ 4.4 การเข้าตีบนฝั่งตรงข้ามเพ่ือยึดท่ีหมาย ท่ีหมายบนฝั่งตรงข้ามอาจมี ทหี่ มายเดยี ว สองทห่ี มาย หรอื สามทห่ี มายกไ็ ด้ ซง่ึ จะเรยี กวา่ เปน็ การขา้ มขนั้ เดยี ว ขา้ มสองขน้ั หรอื ข้ามสามขน้ั ตามท่หี มายท่กี �ำหนดบนฝั่งตรงข้าม การแบ่งการข้ามเป็นกข่ี ั้นนัน้ ขึ้นอยู่ กับปัจจยั ดงั ต่อไปนี้ 4.4.1 ภารกจิ ท่ไี ด้รับมอบ หรือทจ่ี ะปฏิบตั บิ นฝั่งไกล 4.4.2 สถานการณ์ทก่ี �ำลังเข้าตจี ะต้องเผชญิ 4.4.3 อันตรายจากลำ� นำ้� 4.4.4 ขีดความสามารถของกำ� ลังบกุ ข้าม 4.4.5 ระยะทางและภมู ปิ ระเทศจากล�ำนำ�้ ถงึ หวั สะพาน 4.4.6 ขีดความสามารถของข้าศึกที่จะขัดขวางการรุกบนฝั่งไกลทั้งทางพ้ืน ดินและทางอากาศ 5. ชนิดของการขา้ มล�ำน�้ำ 5.1 การขา้ มขนั้ เดยี ว กระท�ำเม่ือ 5.1.1 สถานการณ์อำ� นวยให้ 5.1.2 ข้าศกึ ไม่สามารถขดั ขวางการรกุ คบื หน้าของก�ำลังบกุ ข้ามได้ 5.1.3 สามารถเข้ายดึ หัวสะพานได้ด้วยการเข้าตีได้เพยี งคร้งั เดียว 5.2 การข้ามสองข้นั กระท�ำเมือ่ 5.2.1 กองทพั นอ้ ยหรอื กองพล พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ จำ� เปน็ ตอ้ งหยดุ ชวั่ คราว บนฝั่งไกล เพ่อื สร้างสมก�ำลัง จัดระเบยี บและประสานงานการเข้าตกี ่อนเข้ายึดหัวสะพาน 5.2.2 การขา้ มสองขน้ั จะมที ห่ี มายระหวา่ งทางโดยกองทพั นอ้ ยหรอื กองพล เป็นผู้ก�ำหนด 5.2.3 การข้ามขน้ั แรก คอื การบกุ ยดึ ทหี่ มายระหว่างทาง 5.2.4 การข้ามขน้ั ทสี่ อง คือ การสร้างสมกำ� ลงั ทง้ั ทางยุทธวธิ แี ละทางการ ส่งก�ำลงั บำ� รุงประสานการเข้าตแี ละการเข้าตีเพือ่ ยึดหวั สะพาน
56 เหลา่ ทหารชา่ ง 5.3 การขา้ มสามข้นั กระท�ำเมือ่ 5.3.1 กองทพั นอ้ ยหรอื กองพล พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ จำ� เปน็ ตอ้ งหยดุ ชว่ั คราว บนฝั่งไกลเพ่ือให้กรมทหารราบสร้างสมก�ำลัง จัดระเบียบก่อนเข้ายึดท่ีหมายระหว่างทาง แห่งท่สี อง 5.3.2 การข้ามขั้นแรก คือ การบุกยึดท่ีหมายระหว่างทางแห่งแรกของ กรมทหารราบ 5.3.3 การข้ามขน้ั ทส่ี อง คอื การสร้างสมกำ� ลงั และจดั ระเบยี บ เพอื่ เข้ายดึ ทห่ี มายระหว่างทางแห่งท่สี อง 5.3.4 การข้ามขั้นที่สาม คือ การสร้างสมก�ำลัง และประสานการเข้าตี เพือ่ ยดึ หัวสะพาน 5.3.5 ท่ีหมายระหว่างทางข้ันแรก ควรมีพ้ืนที่เพียงพอแก่กรมทหารราบ สร้างสมก�ำลังจัดระเบียบใหม่ก่อนเข้าตีที่หมายต่อไป และที่หมายระหว่างทางแห่งที่สอง ควรมพี ้นื ท่เี พียงพอแก่กองพลสร้างสมก�ำลงั และจดั ระเบยี บใหม่ก่อนการเข้าตี เพอ่ื ยึดแนว หัวสะพาน 6. เครอ่ื งข้ามล�ำน�ำ้ 6.1 เรือบุกข้าม ใช้ท�ำการส่งข้ามคล่ืนแรก ๆ ของการข้ามล�ำนํ้า โดยปฏิบัติ ดงั น้ี 6.1.1 หน่งึ หมู่เรอื ประกอบด้วยเรือส่งข้าม 3 - 5 ล�ำ 6.1.2 หนึง่ หมวดปืนเลก็ ใช้เรอื 4 ล�ำ ถ้ามี ค.60 สมทบต้องใช้ 5 ลำ� 6.1.3 การนำ� เรอื ไปสลู่ ำ� นำ้� ทหารราบเปน็ ผขู้ นโดยแบกเรอื ควาํ่ ลง ทหารชา่ ง เป็นผู้ขนพาย เม่อื ถงึ ล�ำน้าํ ให้หงายเรอื ขน้ึ เอาหวั ลงก่อน ทหารช่าง 2 คน เป็นผู้ยึดหัวเรอื ให้ทหารราบลงเรือแล้วส่งพายให้ทหารราบ เสร็จแล้วกระโดดขึ้นเรือพายไปยังฝั่งตรงข้าม ให้เร็วท่สี ดุ 6.1.4 ไม่ต้องรักษาแนวของหมู่เรือ แต่ภายในหมู่เรือจะต้องรักษาแนว ภายในหมู่ 6.1.5 เมอื่ ถงึ ฝง่ั นำ� เรอื เกยฝง่ั ทหารชา่ งหวั เรอื ลงจบั เรอื ไวใ้ หท้ หารราบขนึ้ ฝง่ั และทหารช่างถอยเรอื ออกจากฝั่งน�ำเรือกลับเพ่อื รบั คล่นื ต่อไป 6.1.6 เรือส่งข้ามนจ้ี ะใช้ในล�ำนา้ํ กว้างไม่เกิน 600 ฟุต
6.2 เรือเร็วส่งข้าม ใช้แทนเรือส่งข้ามเม่ือไม่ต้องการรักษาความลับโดย เหล่าทหารช่าง 57 ดำ� เนินการดงั น้ี 6.2.1 การยกเรอื ไปยงั ลำ� นำ้� ทหารราบเปน็ ผยู้ กโดยหงายเรอื ขน้ึ เมอ่ื ถงึ ลำ� นำ�้ ให้เอาท้ายลงก่อน และนาํ้ ต้องลกึ พอเม่ือบรรทกุ แล้วใบพดั ของเรือไม่ติดพื้นท้องน้�ำ 6.2.2 ทหารช่างยึดเรือทหารราบลงนอนในเรือแล้วทหารช่างผลักเรือออก คนหนึง่ อยู่หวั เรือ อกี คนขบั เรือ 6.2.3 เม่ือถึงฝั่ง น�ำเรือเกยฝั่ง ทหารราบข้ึนจากเรือ ทหารช่างผลักเรือ ออกจากฝั่ง นำ� เรือกลับเพอ่ื รบั คลน่ื ต่อไป 6.2.4 ใช้ข้ามลำ� นำ�้ ทกี่ ว้างกว่า 600 ฟุตขึ้นไป 6.2.5 ต้องมเี รอื ทดแทนการสูญเสยี ให้เพียงพอ 6.2.6 หากทศั นวสิ ยั เลว มีสิ่งปลักหักพงั อยู่ใต้น้�ำจะต้องไม่ใช้เรือเร็ว 6.2.7 ต้องไม่บรรทกุ เกินอตั รา 6.2.8 ต้องมกี ารฝึกซ้อมอยู่เสมอ 6.3 สะพานคนเดิน โดยธรรมดาแล้วจะไม่สร้างสะพานคนเดิน จนกว่าฝ่าย เราจะสามารถขจดั อำ� นาจการยงิ ดว้ ยอาวธุ เลง็ ตรงของขา้ ศกึ ทจ่ี ะท�ำการยงิ อยา่ งไดผ้ ลมายงั ท่าข้ามได้เสียก่อน การใช้สะพานคนเดินใช้ส่งข้ามทหารเดินเท้า เพ่ือข้ามไปสนับสนุน การเข้าตบี นฝั่งข้าศกึ 6.4 แพสง่ ขา้ ม การสรา้ งและดำ� เนนิ งาน แพสง่ ขา้ มเพอ่ื สง่ ขา้ มยานพาหนะขนาด เบาน้ัน จะท�ำทันทีเม่ือสามารถขจัดอ�ำนาจการยิงด้วยอาวุธเล็งตรงไปจากท่าข้ามได้แล้ว โดยปกตจิ ะใชแ้ พยทุ ธวธิ เี บากอ่ นแลว้ จงึ สรา้ งแพสง่ ขา้ มจากสะพานเครอื่ งหนนุ ลอย เอม็ 4 ที 6 เพ่ือส่งข้ามยานเกราะ และปืนใหญ่ในการสนับสนุนการเข้าตีบนฝั่งข้าศึก และท�ำการส่ง ข้ามอย่างต่อเน่ืองจนกว่าจะสร้างสะพานเสร็จ แต่อย่างไรก็ตาม จะทำ� งานแพต่อไป เพ่ือ ส่งยานพาหนะกลบั มาข้างหลงั 6.5 สะพานเคร่ืองหนุนลอยและสะพานเครื่องหนุนม่ัน การสร้างจะเริ่ม เมอ่ื ได้ขจดั อ�ำนาจการยงิ ของปืนใหญ่ข้าศึกไปจากท่าข้ามได้แล้ว จะต้องเลอื กท่ีตั้งสะพาน หลักและท่ีส�ำรองไว้แต่เนิ่น โดยปกติจะสร้างสะพานเคร่ืองหนุนลอยข้ึนก่อน แล้วจึงสร้าง สะพาน เครอื่ งหนนุ มนั่ เมอื่ สรา้ งสะพานขนึ้ แลว้ กใ็ ชส้ ง่ ขา้ มปนื ใหญ่ และยานเกราะขนาดหนกั ยุทโธปกรณ์และหน่วยสนบั สนนุ อืน่ ๆ ทัง้ น้เี พ่อื ให้การยึดแนวหวั สะพานเป็นผลส�ำเร็จ
58 เหลา่ ทหารชา่ ง 7. กวา้ งดา้ นหนา้ ในการขา้ ม กองทพั น้อยจะกำ� หนดกว้างด้านหน้าในการข้ามให้กบั กองพล โดยกำ� หนดเป็น เส้นแบ่งเขตกว้างด้านหน้าเฉพาะหรอื จุดจ�ำกดั เขตบนลำ� น้าํ กองพลก�ำหนดกว้างด้านหน้า ในการขา้ มใหก้ บั กรมทหารราบแตล่ ะกรม กวา้ งดา้ นหนา้ ในการขา้ มของกรมจะกำ� หนดพน้ื ที่ ส่งข้ามข้นึ ซึ่งในพน้ื ทสี่ ่งข้ามขน้ึ จะต้องมพี ื้นท่ีเพยี งพอให้หน่วยทหารกระจายก�ำลังกนั เพ่ือ มใี หเ้ กดิ การสบั สนในการขา้ มลำ� นำ้� โดยใหเ้ รอื แตล่ ะลำ� ทจี่ ะสง่ ขา้ มหา่ งกนั อยา่ งนอ้ ย 20 เมตร ซึง่ พ้ืนทสี่ ่งข้ามของหน่วยทหารราบ ควรเป็นดงั น้ี 7.1 หมวดทหารราบ 60 - 150 เมตร 7.2 กองร้อยทหารราบ 200 - 500 เมตร 7.3 กองพันทหารราบ 500 - 1,600 เมตร 8. เวลาในการข้าม การข้ามล�ำน�้ำจะทำ� การข้ามเวลาใดน้นั ข้นึ อยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ 8.1 ความต้องการในการรกั ษาความลบั 8.2 สภาพการฝึกของหน่วยทหาร 8.3 ลกั ษณะภมู ิประเทศ 8.4 ลกั ษณะล�ำนำ้� 8.5 การวางกำ� ลังและขดี ความสามารถของข้าศกึ 8.6 ความรวดเร็วในการข้ามท่ีต้องการตามปกติจะท�ำการข้ามเวลาใกล้สว่าง หรือกลางวนั 9. การลาดตระเวนทางการช่าง จะกระทำ� เพอ่ื ให้ได้ข่าวสารเกย่ี วกบั 9.1 ท่ตี ง้ั และสภาพของถนนและทางคนเดนิ 9.2 ทตี่ ง้ั , ขอบเขตและชนดิ ของสนามทุ่นระเบดิ 9.3 ลกั ษณะของล�ำน้าํ (ความกว้าง, ความลึก, ความเรว็ ของกระแสนา้ํ , สถิติ น้ําข้ึนนํ้าลง, ส่ิงกีดขวางในล�ำน้ํา, ลักษณะพ้ืนท้องนํ้า, ความสูงของตล่ิง และลักษณะ ดนิ ทตี่ ลิ่ง)
9.4 ท่ีปกปิดสำ� หรับหน่วยทหารและเครอ่ื งมือ เหล่าทหารช่าง 59 9.5 เส้นทางจากฐานออกตไี ปยงั ล�ำน้าํ 9.6 ท่ีต้งั ยทุ โธปกรณ์ของทหารช่างและทพี่ กั แรม 9.7 แหล่งทรพั ยากรตามธรรมชาตแิ ละทพ่ี ักแรม 9.8 ส่ิงปลูกสร้างทม่ี อี ยู่เดมิ (สะพาน, แพ, อาคาร และส่งิ อืน่ ๆ) 9.9 ขีดความสามารถของข้าศกึ ในการท�ำให้นา้ํ ท่วม และการโจมตีทางนํ้า 10. การสนับสนุนของทหารช่าง ในการขา้ มลำ� นา้ํ อยา่ งประณตี กองทพั นอ้ ยหรอื กองทพั เปน็ ผจู้ ดั หนว่ ยทหารชา่ ง ตามปกติ ไดแ้ ก่ กรมทหารชา่ งสนามหนง่ึ กรมพรอ้ มดว้ ยเครอื่ งมอื พเิ ศษในการสนบั สนนุ หนงึ่ กองพลทท่ี ำ� การข้ามล�ำนา้ํ 10.1 ภารกิจของทหารช่างในการยทุ ธข้ามล�ำนํ้า 10.1.1 ท�ำหน้าทเ่ี ป็นผู้น�ำทาง 10.1.2 เดนิ เรอื ส่งข้ามหรอื เรือเรว็ ส่งข้าม 10.1.3 ประกอบแพและเดนิ แพ 10.1.4 สร้างและบำ� รงุ รักษาสะพาน 10.1.5 สร้างเครอ่ื งป้องกันสะพาน 10.1.6 รอื้ ถอนทุ่นระเบดิ 10.1.7 สร้างทางเข้าท่าข้าม 10.1.8 ขยายข่ายถนน 10.1.9 สร้างสะพานลวง 10.1.10 การสนบั สนนุ ภายหลงั การขา้ มลำ� นาํ้ ไดแ้ ลว้ (ตามปกตใิ ชท้ หารชา่ ง ในอัตราของกองพล โดยใช้หน่ึงหมวดทหารช่างต่อหน่ึงกองพันทหารราบท่ีบุกข้าม) ซ่ึงจะ ใช้ สมทบหรอื สนบั สนนุ โดยตรงกไ็ ด้แต่ถ้าสมทบจะต้องกำ� หนดระยะเวลาในการเลกิ สมทบ ไว้ด้วย 10.2 ก�ำลังหนุนและเคร่ืองสร้างล�ำนํ้าส�ำรอง จะต้องมีก�ำลังหนุนของ หน่วยทหารช่าง และเครอ่ื งสร้างล�ำน้าํ สำ� รองไว้ส่วนหนงึ่ ด้วย เพอ่ื 10.2.1 เพิม่ เตมิ เครอ่ื งข้ามล�ำนา้ํ ณ ต�ำบลท่ีได้ผลเดด็ ขาด
10.2.2 ทดแทนการสญู เสยี 10.2.3 ปฏบิ ัติภารกจิ ทางการช่างอนื่ ๆ (ตามปกติจะส�ำรองก�ำลังทหารช่างและเครื่องข้ามล�ำน้ําทุกชนิดไว้อีกหน่ึง ในสามของทใ่ี ช้จรงิ ) 10.3 ทต่ี ง้ั ยทุ โธปกรณส์ ายทหารชา่ ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สะพานเครอ่ื งหนนุ ลอย นั้นต้องปกปิดเป็นอย่างดีก่อนข้ามล�ำน�้ำ ทั้งน้ี เพราะถ้าข้าศึกทราบท่ีต้ังของเคร่ืองมือ ดังกล่าวแล้วย่อมเป็นการเปิดเผยแผนของผู้บังคับบัญชาต่อข้าศึก นอกจากนั้นยังเป็น เป้าหมายอันคุ้มค่าของปืนใหญ่ และเครื่องบินข้าศึก ดังนั้น นอกจากปกปิดแล้วจะต้อง จดั การป้องกนั อันตรายโดยเฉพาะจากเครือ่ งบนิ ของข้าศึกด้วย 60 เหลา่ ทหารชา่ ง
บทที่ เหล่าทหารช่าง 61 คณุ ลักษณะและการทำ� งานของทนุ่ ระเบิด ทุ่นระเบดิ ทนุ่ ระเบดิ คอื วตั ถรุ ะเบดิ ทบ่ี รรจใุ นภาชนะหรอื วสั ดอุ นื่ ๆ ออกแบบเพอื่ ทำ� ลาย หรือท�ำความเสยี หายแก่ยานพาหนะ เรือ อากาศยาน และทำ� ให้บคุ คลบาดเจ็บ ตาย หรือไร้สมรรถภาพ ส่วนประกอบของทุ่นระเบดิ มดี ังน้ี 1. ชนวน (FUZE) 2. ดนิ นำ� หรือดินปะทุ (DETONATOR) 3. ดินขยายการระเบดิ (BOOSTER) 4. ดินระเบิดหลกั (MAIN CHARGE) 5. เปลือกทุ่นระเบดิ (BODY) ชนวน เปลอื กทุ่นระเบดิ ดินระเบิดหลัก ดินขยายการระเบดิ ภาพทุ่นระเบดิ ดินน�ำหรอื ดนิ ปะทุ
62 เหลา่ ทหารชา่ ง ดนิ ระเบดิ หลกั อาจเปน็ วตั ถรุ ะเบดิ , ควนั หรอื สารเคมี (ดนิ ขยายการระเบดิ และ เปลอื กทุ่นระเบดิ อาจไม่มใี นทุ่นระเบิดบางแบบก็ได้) สายการจดุ ระเบิด การท�ำงานของทุ่นระเบิดจะเป็นไปตามขั้นตอนซึ่งเรียกว่า สายการจุดระเบิด (FIRING TRAIN) เร่ิมต้นด้วยมีการกระท�ำเริ่มแรกไปกระตุ้นหรือกระท�ำต่อชนวนซ่ึง เรยี กว่า อาการรเิ ริม่ การจดุ ชนวน, ชนวนจะจุดประกายไฟหรือส่งคลน่ื ระเบิด, ประกายไฟ หรอื คลนื่ ระเบดิ จดุ ดนิ นำ� หรอื ดนิ ปะทุ ดนิ นำ� หรอื ดนิ ปะทเุ กดิ การระเบดิ , การระเบดิ ของดนิ นำ� หรอื ดนิ ปะทุ จดุ ดนิ ขยายการระเบดิ หรอื จดุ ดนิ ระเบดิ หลกั ในกรณที ไ่ี มม่ ดี นิ ขยายการระเบดิ ถ้าสายการจุดระเบิดบกพร่องหรือขาดตอนท่ีจุดใดจุดหน่ึง ทุ่นระเบิดก็จะไม่ ท�ำงานอย่างไรก็ตาม ในโอกาสท่ีจะท�ำทุ่นระเบิดให้ไม่พร้อมระเบิด จะต้องปฏิบัติด้วย ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ทั้งน้ีเพื่อให้แน่ใจว่า ทุ่นระเบิดนั้นไม่มีสายการจุดระเบิด ติดต้ังไว้มากกว่า 1 แห่ง ชนวนและอาการริเร่มิ การจุดชนวน (FUZE AND INITIATING ACTION) 1. ชนวน (FUZE) ชนวนใช้จดุ ทุ่นระเบดิ มหี ลายแบบ มีลักษณะทไ่ี ปจุดระเบิด แตกต่างกันหลายวิธี ตามปกติทุ่นระเบิดดักรถถังจะระเบิดขึ้นได้โดยใช้อาการริเริ่มการ จุดชนวนแบบกด (PRESSURE INITIATING ACTION) สำ� หรับทุ่นระเบิดสงั หารบุคคล อาการ รเิ รม่ิ การจดุ ชนวนตามปกตเิ ป็นแบบกด หรอื แบบดงึ อาการรเิ รม่ิ การจดุ ชนวนแบบต่าง ๆ ท่ี เป็นตวั ทำ� ให้ทุ่นระเบดิ เกิดการระเบดิ มีดงั น้ี 1.1 แบบกด (PRESSURE) แรงกด (ทเ่ี หยียบหรอื ทับ) ลงไปบนชนวน (หรือ ทุ่น) โดยเท้าของทหาร หรอื สายพานหรอื ล้อของยานพาหนะ 1.2 แบบดึง (PULL) แรงดึงที่กระท�ำต่อลวดสะดุดที่ผูกไว้กับชนวน เช่น การสะดุดลวดสะดดุ 1.3 แบบเลิกดึง (TENSION-RELEASE) ปล่อยอาการตงึ ให้หย่อน หรอื หลุด เช่น การตดั ลวดสะดุดทีข่ งึ ตึงให้ขาดออกจากกนั 1.4 แบบเลิกกด (PRESSURE-RELEASE) ยกของที่มีน�้ำหนักกดอยู่บน ตวั ชนวนออก 1.5 แบบไฟฟา้ (ELECTRICAL) การกระทำ� ดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ ใหส้ ายไฟฟา้ ครบวงจร
อาการรเิ ริ่มการจุดชนวนแบบต่าง ๆ แบบกด แบบดงึ แบบเลกิ ดึง แบบเลิกกด แรงส่นั สะเทือน คลื่นสนามแม่เหลก็ ความถคี่ ลน่ื วิทยุ เหล่าทหารช่าง 63 ความถคี่ ลน่ื เสียง แบบต้งั เวลา ไฟฟ้า ภาพอาการรเิ ร่มิ การจดุ ชนวนแบบต่าง ๆ
64 เหลา่ ทหารชา่ ง 1.6 แบบอน่ื ๆ (OTHER) เชน่ แรงสน่ั สะเทอื นคลน่ื สนามแมเ่ หลก็ การชกั น�ำ ความถ่ขี องไฟฟ้าและความถ่ขี องคล่ืนเสียง ฯลฯ 2. วิธีการท�ำงานของชนวน ชนวนทุ่นระเบิดชนดิ ต่าง ๆ เมื่อได้ติดต้งั ให้มอี าการรเิ ร่ิม (INITIATION AC- TION) แล้ว จะมวี ธิ ีการท�ำงานเพ่อื ส่งคล่ืนระเบิดหรอื ประกายไฟไปจดุ ระเบิดได้ 4 วิธี คือ 2.1 กลไกทางแมคคานคิ (MECHANICAL) คอื แหนบเขม็ แทงชนวนจะเปน็ ตวั ออกแรงดนั เขม็ แทงชนวนไปกระทบกบั จอกกระทบแตก (PERCUSSION CAP) จอกกระทบ แตก เกดิ ประกายไฟไปจดุ ดินน�ำหรือดินปะทุ (DETONATOR) 2.2 วธิ ีเคมี (CHEMICAL) คือ ท�ำให้หลอดแก้วเลก็ ๆ ซ่ึงบรรจนุ ํ้ากรดไว้แตก โดยอาการรเิ รมิ่ (INITIATING ACTION) แลว้ เมอื่ หลอดแกว้ แตกนาํ้ กรดจะกดั ลวดยดึ เขม็ แทง ชนวนใหข้ าดออก ท�ำใหเ้ ขม็ แทงชนวนกระทบจอกกระทบแตกเกดิ ประกายไฟไปจดุ ดนิ ปะทุ หรือดนิ นำ� (DETONATOR) หรืออาจทำ� ให้น้าํ กรดเป็นตวั จดุ สารเคมีชนดิ อนื่ เกิดประกายไฟ ไปจดุ ระเบดิ ข้นึ โดยตรงกไ็ ด้ 2.3 วธิ เี สยี ดสี (FRICTION) อาการรเิ รมิ่ ทำ� ให้สารเคมที อี่ ย่ใู นชนวนตดิ ไฟขนึ้ ด้วยการเสยี ดสแี ละเกดิ ประกายไฟไปจดุ ดินปะทุหรอื ดินน�ำ 2.4 วิธีใช้กระแสไฟฟ้า (ELECTRICAL) อาการริเริม่ เป็นตัวท�ำให้สายไฟฟ้า ครบ วงจร กระแสไฟฟ้าไปจดุ เช้อื ปะทุไฟฟ้า (ELECTRIC DETONATOR) ชนิดของท่นุ ระเบดิ (TYPE OF MINES) ทุ่นระเบดิ แบ่งออกตามความมุ่งหมายของการใช้งานได้ 4 ชนดิ ดังน้ี 1. ทุน่ ระเบิดจรงิ (LIVE MINES) ทุ่นระเบิดจริงแบ่งออกตามลักษณะต่าง ๆ เชน่ เปลอื กท่นุ ระเบดิ , ดนิ ระเบดิ หลกั , อาการรเิ รม่ิ ของการจดุ ชนวน (หรอื วธิ กี ารจดุ ระเบดิ ), ความยากง่ายของการตรวจค้นและวธิ ีการใช้ทุ่นระเบดิ 1.1 เปลือกทุ่นระเบดิ จรงิ แบ่งออกเป็น โลหะ เซรามกิ แก้ว พลาสตกิ ไม้ และกระดาษแข็ง สีของเปลือกทุ่นระเบิดจะเป็นสีกากีแกมเขียว สำ� หรับทุ่นระเบิดที่บรรจุ วัตถรุ ะเบิด และสเี ทาส�ำหรบั ทุ่นระเบิดบรรจุสารเคมี 1.2 ดินระเบิดหลกั แบ่งเป็นวัตถรุ ะเบดิ แรงสูง ระเบดิ เพลงิ และสารเคมี 1.3 อาการรเิ ร่ิมของการจดุ ชนวน แบ่งออกได้ดงั น้ี
1.3.1 การจดุ ระเบดิ โดยการทที่ นุ่ ระเบดิ ถกู กระทำ� โดยตรงจากเปา้ หมาย เหล่าทหารช่าง 65 เช่น รถถงั ทบั แล้วเกดิ การระเบดิ ขึน้ 1.3.2 การจุดระเบิดโดยการบังคับจุด จุดระเบิดโดยผู้ตรวจการณ์ เมือ่ เป้าหมายเข้ามาใกล้หรอื ทับทุ่นระเบดิ 1.3.3 การจดุ ระเบดิ โดยอทิ ธพิ ลของแรงสนั่ สะเทอื น คลนื่ เสยี ง แมเ่ หลก็ และความถข่ี องคล่นื วิทยุ 1.3.4 การจดุ ระเบดิ ตวั เอง โดยการตง้ั เวลา 1.4 การตรวจค้น ทุ่นระเบิดท่ีเปลือกท�ำด้วยโลหะ สามารถตรวจค้นพบ ด้วยเคร่อื งตรวจโลหะ ทุ่นระเบดิ ทีม่ เี ปลอื กเป็นแก้ว พลาสตกิ ไม้ และกระดาษแข็ง ยุ่งยาก ต่อการตรวจค้น (วธิ กี ารตรวจค้น ดูบทเรยี นว่าด้วยเคร่อื งตรวจค้น) 1.5 วธิ กี ารใชท้ นุ่ ระเบดิ จรงิ แบง่ ตามวธิ กี ารใช้ 3 ชนดิ คอื ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั , ทุ่นระเบดิ สงั หารบคุ คล และทุ่นระเบิดเคมี 1.5.1 ทุ่นระเบิดดกั รถถัง (AT.MINES) ทุ่นระเบดิ ดักรถถังได้ออกแบบ เพื่อยับยง้ั การเคลอ่ื นท่ีหรอื ท�ำลายรถถงั ยานยนต์หุ้มเกราะและยานยนต์ล้อ แบ่งออกเป็น 1.5.1.1 ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั ชนดิ ระเบดิ อยกู่ บั ที่ (BLAST TYPE AT. MINES) ออกแบบเพอ่ื ทำ� ลาย หรอื ทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกย่ านยนตล์ อ้ หรอื ยานสายพาน ท่ีทบั ทุ่นระเบดิ จนต้องหยดุ ปฏบิ ติ ิการใด ๆ (ดถ. M 15 และ M 19) 1.5.1.2 ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั ชนดิ ทำ� ลายทางดง่ิ (VERTICAL-PENE- TRAT¬ ION AT.MINES) ออกแบบมาเพอ่ื ใหเ้ จาะทำ� ลายขน้ึ ขา้ งบน ทำ� ความเสยี หายหรอื ทำ� ลาย ยานยนต์ล้อหรอื ยานสายพาน โดยเจาะทะลเุ ข้าไปข้างในทำ� ให้พลประจำ� บาดเจบ็ หรอื ตาย (ดถ. M 21) 1.5.1.3 ทุ่นระเบิดดักรถถังชนิดระเบิดทางราบ (HORIZONTAL EFFECT AT.MINES) ออกแบบเพ่อื ทำ� ลายทางด้านข้างของยานล้อ และยานสายพาน โดย ทำ� การยงิ จากข้างเส้นทาง ทำ� ให้พลประจ�ำบาดเจบ็ และตาย (ดถ. M 24 และ M 66 ซึ่งตาม ปกตเิ รยี ก OFF-ROUTE MINES) 1.5.2 ทุ่นระเบดิ สงั หารบคุ คล (APERS MINES) ออกแบบมาเพอื่ ท�ำให้ บุคคลบาดเจบ็ ไร้สมรรถภาพหรอื ตาย แบ่งออกเป็น
66 เหลา่ ทหารชา่ ง 1.5.2.1 ทนุ่ ระเบดิ สงั หารบคุ คลชนดิ ระเบดิ อยกู่ บั ท่ี (BLAST TYPE APERS MINES) เป็นทุ่นระเบดิ ทบี่ รรจุดนิ ระเบดิ ไว้ในตวั ทุ่นเพียงอย่างเดียว ตามปกติจะมี เปลอื กเป็นอโลหะ (สห. M 14) 1.5.2.2 ทนุ่ ระเบดิ สงั หารบคุ คลชนดิ สะเกด็ ระเบดิ (FRAGMENTA- TION APERS MINES) เปน็ ทนุ่ ระเบดิ ทบ่ี รรจดุ นิ ระเบดิ และลกู ปรายไวใ้ นตวั ทนุ่ หรอื หลอ่ เปลอื ก ทุ่นให้แตกออกเป็นสะเก็ดระเบิดเมื่อดินระเบิดเกิดระเบิดข้ึน สะเก็ดระเบิดหรือลูกปราย จะสาดออกในทางราบ (สห. M 18 A 1) 1.5.2.3 ทนุ่ ระเบดิ สงั หารบคุ คลชนดิ กระโดดระเบดิ (BOUNDING APERS MINES) เป็นทุ่นระเบดิ ทม่ี ดี นิ ขับบรรจอุ ยู่ เมือ่ ชนวนทำ� งานจะจุดดินขบั ซงึ่ บรรจุอยู่ จะขบั ลกู ระเบดิ ในตวั ทนุ่ ใหล้ อยสงู ขน้ึ หลายฟตุ เหนอื พน้ื ดนิ แลว้ เกดิ ระเบดิ สาดสะเกด็ ระเบดิ ครอบคลุมพน้ื ท่บี รเิ วณท่ีวางทุ่น (สห. M 2 A 4, M 16, M 26) 1.5.3 ทนุ่ ระเบดิ เคมี (CHEMICAL MINES) เปน็ ทนุ่ ระเบดิ ทบี่ รรจสุ ารเคมไี ว้ ในตวั ทนุ่ โดยมดี นิ ระเบดิ เปน็ สว่ นผลกั ดนั สารเคมใี หก้ ระจายออกคลมุ พนื้ ท่ี ทำ� ใหเ้ กดิ เปน็ พษิ ในบรเิ วณน้นั (สห. M 1 และ M 23) 2. ทนุ่ ระเบิดฝกึ (TRAINING MINES) ทุ่นระเบิดฝึกแบ่งออกเป็น 3 ชนดิ คือ 2.1 PRACTICE MINES เป็นทุ่นระเบิดที่มีรูปร่างลักษณะและขนาดเท่า ของจริง ออกแบบให้สามารถตดิ ต้งั ชนวนฝึกและทำ� งานให้ได้คล้ายของจรงิ มุ่งหมายให้ใช้ ทำ� การฝึกการตดิ ตั้ง การท�ำให้พร้อมระเบิด และการท�ำให้ไม่พร้อมระเบดิ สขี องทุ่นระเบดิ เป็นสีฟ้า หรอื สีน�้ำเงินอ่อน 2.2 INERT MINES เป็นทุ่นระเบิดทีม่ รี ปู ร่างลกั ษณะและขนาดเท่าของจรงิ ภายในบรรจวุ ัสดุเฉือ่ ย (INERT) แทนวัตถุระเบดิ ไม่สามารถแสดงการทำ� งานของชนวนได้ มงุ่ หมายใชใ้ นการสอนเกย่ี วกบั รปู รา่ งลกั ษณะของทนุ่ ระเบดิ สขี องทนุ่ ระเบดิ ชนดิ นเ้ี ปน็ สดี �ำ 2.3 DRILL MINES เปน็ ทนุ่ ระเบดิ ทท่ี ำ� เลยี นแบบของจรงิ โดยใหม้ ขี นาดและ น้�ำหนกั เท่าของจรงิ ใช้วสั ดรุ าคาถกู และทนทาน มุ่งหมายใช้ในการฝึกวางสนามทุ่นระเบดิ 3. ทุ่นระเบิดลวง (PHONY MINES) เป็นวัสดุที่ไม่มีดินระเบิดบรรจุ เพื่อ ใชล้ วงขา้ ศกึ วา่ เปน็ ทนุ่ ระเบดิ จรงิ เชน่ ใชก้ ระปอ๋ งโลหะฝงั ไวใ้ นดนิ ทำ� ใหฝ้ า่ ยขา้ ศกึ ตอ้ งเสยี เวลา ในการตรวจค้น จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดจริงหรือไม่ ตามปกติใช้กับสนาม ทุ่นระเบดิ ลวง
4. ทุ่นระเบิดแสวงเครื่อง (IMPROVISED MINES) เป็นทุ่นระเบิดท่ีผลิตขึ้น เหล่าทหารช่าง 67 ในสนาม โดยใชว้ ตั ถรุ ะเบดิ ใด ๆ กไ็ ด้ มาประกอบกบั ชนวนหรอื เครอื่ งจดุ ระเบดิ ใชเ้ ปน็ ทนุ่ ระเบดิ แสวงเคร่อื ง เช่น น�ำเครื่องจดุ ระเบดิ หรอื เชอ้ื ประจไุ ฟฟ้าประกอบเข้ากบั กระสนุ ปืนใหญ่ การจบั ถือทุ่นระเบิด (HANDLING MINES) ทุ่นระเบดิ และชนวน ควรจบั ถือด้วยความระมดั ระวัง เช่นเดยี วกับการจบั ถือ วตั ถรุ ะเบิดและเช้อื ปะทุ 1. เครื่องนิรภัย ชนวนของทุ่นระเบิดจะมีเครื่องให้ความปลอดภัย (เครื่อง นริ ภยั ) เพอ่ื ปอ้ งกนั การทำ� งานของชนวนโดยอบุ ตั เิ หตุ หรอื ทำ� งานกอ่ นกำ� หนดเวลาทตี่ อ้ งการ ทุ่นระเบดิ ที่มชี นวนอยู่ในตวั จะมเี ครอ่ื งนิรภัยในลกั ษณะของส้อม (FORK) หรอื แป้นหมุนตั้ง ชนวน ซ่ึงเมื่อหมุนไปอยู่ในต�ำแหน่งปลอดภัย (SAFE) ทุ่นระเบิดจะไม่สามารถท�ำงานได้ ส�ำหรับตัวชนวนท่ีแยกออกจากทุ่นระเบิดได้จะมีเคร่ืองนิรภัยในลักษณะของสลักหรือ คลิปชนวนกันเขย้ือน ชนวนที่แยกออกจากทุ่นระเบิดได้ และเครื่องจุดระเบิดเม่ือไม่ใช้ ต้องเอาออกจากตวั ทุ่นระเบดิ (ส�ำหรบั รายละเอยี ดของเครื่องนริ ภยั ดผู นวก C ของ TM. 9-1345-200, TM. 5-280 และ TM. 9-1300-206 2. การติดตง้ั ชนวน ในกรณีท่ชี นวนแยกออกจากทุ่นระเบดิ ได้ คอื การนำ� เอา ชนวนใสเ่ ขา้ ไปในทนุ่ ระเบดิ แตย่ งั ไมถ่ อดเครอ่ื งนริ ภยั หรอื ยงั ไมห่ มนุ แปน้ ตง้ั ชนวนไปตำ� แหนง่ พร้อมระเบิด (รายละเอยี ดในการตง้ั ชนวนให้ดรู ายละเอียดของทุ่นระเบดิ แต่ละแบบ) 3. การท�ำให้พร้อมระเบิด ได้แก่ การถอดเคร่ืองนิรภัยออกจากชนวนหรือ ตัวทุ่นระเบิด หรือหมุนแป้นตั้งชนวนไปต�ำแหน่งพร้อมระเบิด (ARMED) (รายละเอียด ในการทำ� ให้พร้อมระเบดิ ให้ดูรายละเอยี ดของทุ่นระเบิดแต่ละแบบ) 4. การทำ� ใหไ้ มพ่ รอ้ มระเบดิ (การทำ� ทุ่นระเบิดให้เป็นกลาง) วธิ ีที่ดีที่สุด คอื ทำ� ลาย ณ ท่วี าง (เว้นทุ่นระเบิดเคมี ถ้าทำ� ลาย ณ ท่วี าง จะทำ� ให้พืน้ ท่ีบริเวณน้นั เป็นพิษ) แต่ถ้าจ�ำเป็นที่จะต้องท�ำให้ไม่พร้อมระเบิดด้วยมือแล้ว จะต้องศึกษาวิธีการท�ำให้ไม่พร้อม ระเบิดแต่ละแบบอย่างละเอยี ดรอบคอบก่อนการปฏบิ ัติ
68 เหลา่ ทหารชา่ ง การวางทนุ่ ระเบิด (MINE LAYING) ทุ่นระเบดิ บางชนดิ ออกแบบมาให้สามารถวางได้ทง้ั บนดนิ และฝังดิน บางชนิด ออกแบบมาเพ่อื ให้ใช้ฝังดินเท่านน้ั ค�ำแนะนำ� ทั่ว ๆ ไปในการวางทุ่นระเบิด มีดังน้ี 1. ทุ่นระเบดิ แต่ละทุ่น จะต้องวางห่างเท่ากนั เพ่อื ป้องกันการระเบดิ อย่างต่อ เนอ่ื ง ระยะท่ยี อมให้ใกล้กนั ได้มากที่สุด ดงั น้ี 1.1 ทุ่นระเบดิ ดกั รถถัง วางบนดนิ 9 ม. (ถ้าฝังดนิ 4.5 ม.) 1.2 ทนุ่ ระเบดิ สงั หารบคุ คล (มสี ะเกด็ ระเบดิ ) ใชช้ นวนกด 1.5 ม. ถา้ ใชช้ นวน ดึง 7.5 ม. ทุ่นระเบิดสงั หารบคุ คล (ไม่มีสะเก็ดระเบดิ ) 1 ม. 2. ในพ้นื ที่เป็นดนิ อ่อน ทุ่นระเบดิ วางบนแผ่นไม้ หรือวสั ดแุ ผ่นเรยี บอน่ื ๆ เพือ่ ป้องกันทุ่นระเบดิ จมลงไปในดนิ 3. ในสภาพอากาศที่มีความช้ืนสูงหรือฝนตกชุก อาจใช้ถุงพลาสติกหรือ ประสานรอยต่อของทุ่นระเบดิ ด้วยไขข้น น้�ำมันดิน ฟล้ินโค้ทฯ ก่อนการวางทุ่นระเบดิ 4. จะต้องทำ� การพรางทุ่นระเบดิ เสมอไม่ว่าจะวางบนดินหรอื ฝังดนิ การวางทุ่นระเบิดในน้ํา (STREAMBED LAYING ANTITANK MINES IN WATER) ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั สามารถวางในนำ�้ ได้ ทนุ่ ระเบดิ ทใี่ หผ้ ลดี คอื ทนุ่ ระเบดิ ทม่ี ชี นวน แบบก้าน (M 21) แต่ทุ่นระเบดิ ทใ่ี ช้ชนวนกดกส็ ามารถใช้วางได้เช่นเดยี วกัน ทุ่นระเบิดท่ีใช้ วางในน้�ำไม่ควรใช้ทุ่นระเบิดท่ีผลิตมานาน ให้ใช้ทุ่นระเบิดที่ผลิตใหม่ ก่อนจะวางจะต้อง ปอ้ งกนั นำ�้ ซมึ เขา้ ทนุ่ ระเบดิ โดยใชไ้ ขขน้ นำ�้ มนั ดนิ ฟลนิ้ โคท้ ทาตามรอยตอ่ ของทนุ่ ระเบดิ ชนวน และชนวนกนั เขยอื้ น การวางทนุ่ ระเบดิ ในนำ�้ จะตอ้ งวางตามทา่ ลยุ ขา้ มทน่ี ำ้� ลกึ ไมเ่ กนิ 1 - 2 ม. ซ่ึงเป็นท่าลุยข้ามส�ำหรับยานพาหนะท่ีไม่มีเคร่ืองมือพิเศษในการลุยข้าม วิธีวางทุ่นระเบิด กระทำ� ดงั น้ี 1. ในพ้ืนท้องน้�ำที่แน่นแขง็ ใช้วธิ ฝี ังเป็นวธิ ที ี่ดีท่ีสุด ถ้านำ�้ ลึกน้อยกว่า 0.6 ม. ทุ่นระเบดิ ท่ีใช้ชนวนแบบก้านจะต้องฝังให้ปลายก้านชนวนอยู่ใต้ระดบั น�้ำ 2. ในพน้ื ทอ้ งนำ�้ ทอี่ อ่ นจะตอ้ งใชไ้ มท้ ม่ี ขี นาด ∅ 4 ซม. ยาว 1 ม. ยดึ กบั ทนุ่ ระเบดิ วธิ กี ารโยงยดึ ดถ. เพอ่ื วางในนำ้� เพอื่ ปอ้ งกนั ทนุ่ ระเบดิ จมลงไปในพนื้ ทอ้ งนำ้� และใชก้ ระสอบ ทรายวางทบั ไม้เพ่อื ป้องกนั ทุ่นระเบดิ ถูกกระแสนน้�ำพัดพา
ภาพวธิ กี ารโยงยึด ดถ. เพื่อวางในน้�ำ เหล่าทหารช่าง 69 3. ระยะห่างของทุ่นระเบดิ ท่ีวางในนํ้า การระเบดิ ต่อเนอ่ื งของทุ่นระเบดิ ท่ีวางในนํ้าจะมมี ากกว่าวางบนดิน ดงั นั้น ระยะห่างในการวางในน้ำ� ควรวางห่างกนั 13 ม. สำ� หรับนำ้� ลึกไม่เกิน 0.6 ม. ถ้านำ้� ลกึ กว่า วางให้ชดิ กนั เท่าทจ่ี �ำเป็น เพอ่ื ให้ได้ความแน่นตามต้องการ มาตรการป้องก้นการรื้อถอนทุ่นระเบิด (ANTIHANDLING DEVICES AND TECHNIQUES) การป้องกนั มิให้ข้าศึกท�ำการร้ือถอนทุ่นระเบดิ ท่วี างไว้ กระท�ำได้ดงั นี้ 1. การใช้วิธีการของระบบจุดระเบดิ 1.1 ระบบป้องกนั การถอนชนวน ระบบน้ีทุ่นระเบิดจะเกดิ ระเบิดทันที เม่อื พยายามถอดชนวนออกจากทุ่นระเบิด 1.2 ระบบป้องกันการห้ามการท�ำงานของชนวน ระบบน้ีทุ่นระเบิดจะเกิด ระเบิดข้นึ เม่อื ใส่สลกั หรอื คลิปนิรภัย หมุนแป้นตงั้ ชนวนไปต�ำแหน่งปลอดภัย 2. การปอ้ งก้นการรบกวนทุ่นระเบิด ทุ่นระเบดิ ดักรถถัง โดยทัว่ ไปจะมีรูสำ� หรับใส่ชนวนกันเขยือ้ น 1 แห่ง หรอื มากกว่าเพ่อื ติดตั้งระบบชนวนกนั เขยือ้ น โดยใช้เครอ่ื งจุดระเบิดและชนวนกนั เขยื้อน การ ติดตัง้ ชนวนกนั เขยื้อนกระท�ำได้ดังน้ี 2.1 ตดิ ตงั้ ชนวนกนั เขยอ้ื นเขา้ ไปในรสู ำ� หรบั ใสช่ นวนกนั เขยอ้ื นของทนุ่ ระเบดิ
ดนิ กลบหลังทุ่น 1. ชนวนกันเขยอื้ นประกอบเคร่อื ง 2. ชนวนกนั เขยื้อนประกอบเคร่ืองจดุ ระเบิดแบบเล็ก ภาพทุน่ ระเบิดกับระเบดิ 2.2 ตดิ ตงั้ ชนวนกนั เขยอ้ื นเข้ากบั รสู �ำหรบั ใสช่ นวนกนั เขยอ้ื นของท่นุ ระเบดิ ทุ่นอืน่ ทุ่นระเบดิ ดถ. ดนิ กลบหลังทุ่น ก้อนหนิ วางหนนุ ดถ. 3. ชนวนกันเขย้ือนประกอบ เคร่อื งจดุ 70 เหลา่ ทหารชา่ ง ภาพทนุ่ ระเบิดกบั ระเบิดซ้อนท่นุ เพอื่ การเพ่มิ เตมิ ดินระเบดิ 2.3 ใช้ประกอบกับดนิ ระเบดิ ท�ำเป็นกบั ระเบิดโดยใช้ทุ่นระเบดิ วางทบั เครอ่ื งจดุ ระเบิด M142 ดินระเบดิ เชื้อปะทชุ นวน ชนวนฝักแคระเบดิ ภาพทนุ่ ระเบดิ ประกอบกับระเบิด
3. การใชวิธกี ารตอ่ ตา้ นอ่นื ๆ 3.1 ใช้ระบบบังคับจุดกับทุ่นระเบิดเพื่อป้องกันการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของข้าศกึ 3.2 ใช้ชนวนสั่นสะเทือน หรือชนวนส่ันสะเทือนผสม เพ่ือป้องกันข้าศึก ทำ� การกวาดล้างด้วยลูกกลง้ิ หรือกวาดล้างด้วยวตั ถรุ ะเบิด 3.3 การป้องกันการกวาดล้างด้วยรถลูกกล้ิงท่ีให้ผลดีท่ีสุดก็คือ การวาง ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั โดยไมต่ ดิ ตง้ั ชนวน แลว้ ลา่ มฝกั แคระเบดิ เขา้ มาทางดา้ นฝา่ ยเราประมาณ 10 ฟตุ ประกอบเขา้ กบั เครอ่ื งจดุ ระเบดิ เมอื่ ลกู กลง้ิ ทบั ทนุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั ทนุ่ ระเบดิ ไมร่ ะเบดิ แตเ่ มอ่ื ลกู กลงิ้ ไปทบั เครอ่ื งจดุ ระเบดิ ตวั รถทดี่ นั ลกู กลงิ้ จะทบั ทนุ่ ระเบดิ เมอื่ เครอื่ งจดุ ระเบดิ ทำ� งาน ทุ่นระเบิดดกั รถถังจะระเบดิ ต่อท�ำลายรถท่ดี นั ลกู กลิง้ 3.4 การป้องกนั การตรวจค้นด้วยเครื่องตรวจค้นไฟฟ้า ชนวนชนดิ นี้เมอ่ื ตั้ง ให้พร้อมระเบิดแล้ว ถ้ามีสัญญาณของเครื่องตรวจค้นไฟฟ้ามากระทบ ชนวนจะทำ� งาน เกิดระเบิดข้นึ เหล่าทหารช่าง 71
72 เหลา่ ทหารชา่ ง บทท่ี หลกั นิยมของสงครามท่นุ ระเบิด การใชส้ นามทนุ่ ระเบดิ ทางยทุ ธวธิ ี กลา่ วท่ัวไป 1. ทุน่ ระเบดิ เป็นเคร่อื งกดี ขวางทสี่ ร้างขน้ึ ทีด่ ีที่สดุ ยกขนไปมาได้สะดวก ตดิ ตงั้ ไดง้ า่ ย สรา้ งความเสยี หายแกข่ า้ ศกึ รง้ั หนว่ งการปฏบิ ตั กิ ารและยบั ยงั้ การเคลอ่ื นที่ ของฝ่ายข้าศึก ท�ำลายขวัญของข้าศึกให้ต�่ำลง ไม่กล้ารุกรบและท�ำให้เกิดความกลัว ตอ่ การสญู เสยี ทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ไดท้ กุ ขณะ อยา่ งไรกต็ าม การใชส้ นามทนุ่ ระเบดิ ขนาดใหญ่ จ�ำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเวลาท่ีจะต้องใช้ในการสร้างก�ำลังคนที่ใช้สร้าง ตลอดท้ัง การส่งกำ� ลงั บำ� รงุ วสั ดุ อปุ กรณ์ และทุ่นระเบิดอย่างเพยี งพอ 2. สนามทนุ่ ระเบดิ เปน็ เครอ่ื งชว่ ยสนบั สนนุ ใ่ นการปฏบิ ตั กิ ารรบแบบตงั้ รบั การรบแบบร่นถอย และการรบด้วยวิธีรุก โดยท�ำการยับยั้งหรือหยุดการเคล่ือนที่ของ ฝ่ายข้าศึก สนามทุ่นระเบิดช่วยเพ่ิมคุณค่าเคร่ืองกีดขวางตามธรรมชาติท่ีมีอยู่ และ เครื่องกีดขวางอ่ืน ๆ ท่ีสร้างขึ้นให้มีศักย์ในทางกีดขวางให้สูงขึ้น การท�ำให้ทุ่นระเบิด เปน็ กลางกด็ ี การตดิ ตง้ั ทนุ่ ระเบดิ กด็ ี ลว้ นแตม่ อี นั ตรายทงั้ ฝา่ ยขา้ ศกึ และฝา่ ยเดยี วกนั เสมอ เพราะฉะน้ัน จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงบริเวณท่ีวางสนามทุ่นระเบิด ฝ่ายเดียวกัน เพื่อประกันว่าจะไม่ขัดขวางแผนการด�ำเนินกลยุทธ์ของฝ่ายเดียวกัน ผลทไี่ ด้รบั ประการสำ� คญั ในการใช้สนามท่นุ ระเบดิ กค็ อื การบงั คบั หนั เห หรอื การทำ� ให้ การเคล่อื นท่ขี องข้าศึกต้องหยดุ ชะงกั โดยสินเซิง
3. ทุ่นระเบิดแบบมาตรฐาน (CONVENTIONAL MINES) โดยปกติใช้กับ เหล่าทหารช่าง 73 การปฏิบัติการสงครามทุ่นระเบิดขนาดใหญ่ และก�ำหนดพื้นท่ีวางโดยอาศัยรายละเอียด ในภมู ปิ ระเทศจรงิ ทุ่นระเบดิ ชนิดโปรยหว่าน (SCATTERABLES MINES) จะนำ� ไปใช้ในกรณี ทต่ี ้องการเคร่อื งกดี ขวางท่สี ร้างขนึ้ โดยเร่งด่วน เพื่อสกัดกำ� ลังฝ่ายข้าศกึ ท่ีเผชญิ หน้ากนั อยู่ และจะก�ำหนดพ้ืนท่ีว่าง โดยพิจารณาจากการวางกำ� ลังของข้าศึกมากกว่าการพิจารณา ภมู ปิ ระเทศจรงิ นอกจากนี้ ทนุ่ ระเบดิ ชนดิ โปรยหวา่ นสามารถนำ� ไปใชเ้ สรมิ สนามทนุ่ ระเบดิ แบบชนิดอื่น ๆ และเสริมอาวธุ ในระบบต่าง ๆ ด้วย การยิงและการตรวจการณ์ (FIRE AND OBSERVATION) สนามทุ่นระเบิด ควรมีการลาดตระเวน การตรวจการณ์และการยิงคุ้มครอง เพื่อถือโอกาสปฏิบัติการต่อเป้าหมาย และขัดขวางการเจาะช่องสนามทุ่นระเบิดของ ฝ่ายข้าศึก ซ่ึงจะท�ำให้สนามทุ่นระเบิดมีผลในทางกีดขวางเพิ่มข้ึน กล้องตรวจการณ์ กลางคืน สามารถน�ำมาใช้ตรวจการณ์สนามทุ่นระเบิดในเวลากลางคืนได้ตลอดท้ัง กลไกเครื่องเตือนภัยอื่น ๆ สามารถน�ำมาใช้เพื่อชี้จุดท่ีข้าศึกพยายามเจาะช่องเข้ามาเม่ือ ทศั นวิสยั เลว นโยบายการปฏิบัตกิ ารสงครามทุน่ ระเบิด (MINES WARFARE POLICY) นโยบายการปฏิบัติการสงครามทุ่นระเบิด ในกองบัญชาการทุกระดับจะต้อง ตรงกนั กบั แนวความคิดของการปฏบิ ตั กิ ารเป็นส่วนรวม ภารกจิ ท่คี าดว่าจะมขี ้ึนในอนาคต และแหล่งทรัพยากรท้ังปวงท่ีมีอยู่ผู้บังคับบัญชาอาจจ�ำกัดการใช้สนามทุ่นระเบิดแก่ หน่วยรองของตน โดยการจ�ำกัดหรือลดอ�ำนาจในการสั่งวางสนามทุ่นระเบิดบางแบบและ บางพื้นที่ก็ได้ข้อจ�ำกัดอ�ำนาจในการสั่งวางสนามทุ่นระเบิดประกอบกับความต้องการใน การวางสนามทนุ่ ระเบดิ จะออกคำ� สง่ั หรอื อนมุ ตั โิ ดยผบู้ งั คบั บญั ชาชนั้ สงู ถา้ การใหค้ ำ� แนะนำ� รวมทงั้ ขอ้ จำ� กดั จำ� เปน็ อนื่ ๆ ประสบความลม้ เหลว อาจเปน็ เหตใุ หก้ ารปฏบิ ตั กิ ารในอนาคต อยู่ในภาวะอนั ตรายอย่างย่งิ วิธวี างสนามทุ่นระเบิด (METHODS OF MINEFIELD INSTALLATION) การวางสนามทุ่นระเบดิ มีอยู่ 4 วิธีคือ 1. เร่งด่วน
74 เหลา่ ทหารชา่ ง 2. ประณีต 3. พิเศษ 4. โปรยหว่าน วิธีเร่งด่วน (HASTY) การวางโดยวิธีเร่งด่วน ตามปกติจะกระท�ำในพ้ืนที่ ข้างหน้าเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองกีดขวางในระยะเวลาส้ัน ๆ โดยใช้เป็นเคร่ืองระวังป้องกัน การสกัดก้ัน การท�ำลายและขัดขวางการเข้าตีของฝ่ายข้าศึกตามปกติจะจ�ำกัดในเรื่องของ ขอบเขต และจ�ำนวนทุ่นระเบิดที่วาง หรือปัจจัยทางภูมิประเทศ ตลอดทั้งสถานการณ์ ทางยทุ ธวธิ ใี นพน้ื ท่ี นนั้ ๆ การวางสนามท่นุ ระเบดิ วธิ เี รง่ ดว่ นนี้ จะไม่ใชห้ น่วยทหารชา่ งและ เจา้ หนา้ ทพี่ เิ ศษใด ๆ เขา้ ชว่ ยเหลอื และจะไมว่ างตามแบบมาตรฐาน ทนุ่ ระเบดิ มกั จะวางบน พื้นดนิ แล้วท�ำการพรางมากกว่าจะทำ� การฝังดนิ วิธีประณีต (DELIBERATE) การวางแบบประณีตใช้ส�ำหรับการวางสนาม ทุ่นระเบิด ตามแผนการปฏิบัติการทางยุทธวิธีและตามแผนฉากขัดขวาง จะกระท�ำเม่ือ มเี วลาและวสั ดอุ ปุ กรณท์ นุ่ ระเบดิ ทมี่ เี พยี งพอ มกี ารประสานแผนกบั หนว่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในเรอื่ ง ต�ำบลท่ีจะวางสนามทุ่นระเบิด รายละเอียดต่าง ๆ กับหน่วยท่ีเก่ียวข้อง พร้อมด้วยการ ชว่ ยเหลอื จากหนว่ ยทหารชา่ ง การวางสนามทนุ่ ระเบดิ วธิ ปี ระณตี นตี้ ามปกตจิ ะวางตามแบบ มาตรฐาน และทุ่นระเบดิ ทุกทุ่นท�ำการซ่อนพรางและฝังดนิ วิธีพิเศษ (SPECIAL TECHNIQUE) 1. การวางทนุ่ ระเบดิ ตามทางรถไฟ เสน้ ทางคมนาคม ลำ� ธาร หรอื ทา่ ลยุ ขา้ ม และ เปา้ หมายพเิ ศษอนื่ ๆ มกั มคี วามจำ� เปน็ ตอ่ การปฏบิ ตั กิ ารชว่ ยรบ ซงึ่ จะตอ้ งใชเ้ ทคนคิ ทพี่ เิ ศษ แตกตา่ งจากทกี่ ลา่ วมาแลว้ การแสวงเครอ่ื ง และการดดั แปลงทนุ่ ระเบดิ ตามแบบมาตรฐาน ตลอดทั้งการท�ำลายด้วยวัตถุระเบิดเป็นการปฏิบัติการในสถานการณ์ที่ผิดปกติ ธรรมดา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทตี่ อ้ งการปฏบิ ตั กิ ารวางดว้ ยวธิ พี เิ ศษน้ี จำ� เปน็ ตอ้ งใชเ้ จา้ หนา้ ที่ ทมี่ คี วามรู้ และความช�ำนาญพเิ ศษ เพือ่ ให้ภารกจิ ประสบผลส�ำเร็จ 2. การวางสนามทุ่นระเบิดในเวลากลางคืน อาจจ�ำเป็นต้องใช้แสงสว่างจาก เคร่อื งใช้แสงสว่างจากแสงอนิ ฟราเรดของรถ CEV (COMBAT ENGINEER VEHICLES) หรือ ชดุ แสงสว่างตดิ ต้ังบนรถ 1/4 ตัน เมอ่ื ใช้แสงสว่างจากอินฟราเรด เจ้าหน้าท่ผี ู้ใช้กล้องส่อง แบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์
วิธโี ปรยหวา่ น เหล่าทหารช่าง 75 การวางทุ่นระเบิดวิธีโปรยหว่าน มีวิธีการวางหลายอย่าง จะกระท�ำได้ในการ โปรยหว่านทนุ่ ระเบดิ ลงไปในพนื้ ทเี่ ปา้ หมาย ทนุ่ ระเบดิ สามารถใชโ้ ปรยหวา่ นได้จากการยงิ ของปนื ใหญ่ เครอื่ งบนิ จรวด ยานพาหนะ และตลอดจนขวา้ งดว้ ยมอื ซง่ึ สามารถทำ� การวางได้ โดยไมต่ อ้ งคำ� นงึ ถงึ รปู แบบของการวางสนามทนุ่ ระเบดิ การวางสนามทนุ่ ระเบดิ วธิ โี ปรยหวา่ น นใ้ี ชไ้ ดท้ งั้ ในการปฏบิ ตั กิ ารรกุ และการตงั้ รบั การใชก้ ารวางสนามทนุ่ ระเบดิ วธิ โี ปรยหวา่ นนี้ เป็นการตกลงใจของผู้บังคับบัญชาที่ต้องการวางทุ่นระเบิดจ�ำนวนมาก และวางได้อย่าง รวดเร็วลงพ้นื ทีท่ ไี่ ด้เลือกไว้แล้วโดยใช้ก�ำลังพลในการวางน้อยท่สี ดุ ความแน่นของสนามทุ่นระเบิด (MINEFIELD DENSITY) 1. ความแน่น ความแน่นกำ� หนดโดยผลเฉลี่ยของจำ� นวนทุ่นระเบิดต่อความ กวา้ งดา้ นหนา้ ของสนามทนุ่ ระเบดิ ตอ่ เมตร ความแนน่ อาจกำ� หนดเปน็ จำ� นวนทนุ่ ระเบดิ ทว่ี าง ตอ่ ตารางเมตร หรอื ตอ่ รอ้ ยตารางเมตรกไ็ ด้ ความแนน่ กำ� หนดโดยจำ� นวนทนุ่ ระเบดิ ทต่ี อ้ งการ วางต่อกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบิดทมี่ ีความยาว 1 เมตร ท้งั นี้ เพื่อความมุ่งหมาย ในการวางแผนการส่งก�ำลังบ�ำรุงเป็นประการส�ำคัญ ส�ำหรับความลึกของสนามทุ่นระเบิด ไม่จ�ำเป็นต้องนำ� มาพิจารณาในเรอ่ื งของความแน่น 2. ความกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบิดและเส้นกำ� หนดแนวสนาม ทุ่นระเบิด (FRONT AND TRACE) 2.1 ความกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบิดคอื ระยะความยาวทางขวาง ระหว่างด้านข้างสนามทุ่นระเบิด การก�ำหนดความกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบิด ผบู้ งั คบั บญั ชาจะเปน็ ผกู้ �ำหนดสถานทว่ี างในพนื้ ทภ่ี มู ปิ ระเทศจรงิ โดยพจิ ารณาและคาดวา่ เป็นทิศทางเคลอ่ื นทเ่ี ข้ามาของข้าศกึ รวมทง้ั กำ� หนดแนวทางในการวางสนามทุ่นระเบิดต่อ หน่วยทว่ี างด้วยตนเอง ความกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบิดจะกำ� หนดเป็นเมตรเสมอ 2.2 ลวดลายหรือเส้นก�ำหนดแนวของสนามทุ่นระเบิดคือ แนวทิศทาง บนพน้ื ทภี่ มู ปิ ระเทศจรงิ ซงึ่ จะตอ้ งวางสนามทนุ่ ระเบดิ ตามแนวนนั้ ผบู้ งั คบั หนว่ ยในการวาง สนามทุ่นระเบดิ จะเป็นผู้พจิ ารณาโดยการลาดตระเวนบรเิ วณพ้ืนทน่ี ั้นอีกคร้ังหนึ่ง 2.3 ข้อมูลที่ใช้ในการค�ำนวณสนามทุ่นระเบิด ส�ำหรับสนามทุ่นระเบิด ขนาดเลก็ (มีความกว้างน้อยกว่า 500 ม.) ความกว้างด้านหน้าของสนามทุ่นระเบดิ ตาม
76 เหลา่ ทหารชา่ ง ปกติมีความยาวเท่ากับแนวสนามทุ่นระเบิด (TRACE) ส�ำหรับสนามทุ่นระเบิดขนาดใหญ่ แนวของสนามทุ่นระเบิดอาจมีความยาวมากกว่าความกว้างของสนามทุ่นระเบิดก็ได้ เมื่อ มีสิ่งผิดปกติของภูมิประเทศขัดขวางอยู่ หรือมีเครื่องกีดขวางตามธรรมชาติกั้นขวางอยู่ใน บรเิ วณของสนามทุ่นระเบดิ การแบ่งประเภทสนามทุ่นระเบิดทางยุทธวิธี (CLASSIFICATION OF MINEFIELDS) ส�ำหรับการแบ่งประเภทสนามทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะท�ำการวางโดยเครื่องมือกล หรอื ใชแ้ รงคน ไดแ้ บง่ ออกตามความมงุ่ หมายในการใชต้ ามหลกั ยทุ ธวธิ ี ออกเปน็ 5 ประเภท คอื 1. สนามทุ่นระเบดิ ป้องกันตน (PROTECTIVE MINEFIELD) 2. สนามทุ่นระเบดิ ยุทธวิธี (TACTICAL MINEFIELD) 3. สนามทุ่นระเบดิ เฉพาะต�ำบล (POINT MINEFIELD) 4. สนามทุ่นระเบดิ ขดั ขวาง (INTERDICTION MINEFIELD) 5. สนามทุ่นระเบดิ ลวง (PHONY MINEFIELD) สนามทุ่นระเบดิ ปอ้ งกันตน (PROTECTIVE MINEFIELD) 1. ค�ำจำ� กัดความ สนามทุ่นระเบดิ ป้องกันตน คือ สนามทุ่นระเบิดทีส่ ร้างขึน้ เพื่อใช้ป้องกนั ตนในระยะใกล้ (CLOSE-IN PROTECTION) 2. ความมงุ่ หมาย สนามทนุ่ ระเบดิ ปอ้ งกนั ตน จดั วา่ เปน็ เครอ่ื งชว่ ยเพมิ่ อำ� นาจ การยงิ ใหก้ บั อาวธุ ระวงั ปอ้ งกนั ทต่ี ง้ั เสรมิ เครอื่ งกดี ขวางอน่ื ๆ ทม่ี อี ยู่ และอาจใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการขยายสนามทนุ่ ระเบดิ ขนาดใหญใ่ นโอกาสตอ่ ไป ใหเ้ ปน็ เครอื่ งกดี ขวางทมี่ คี วามแขง็ แรง ถาวรมากขน้ึ ตามปกตสิ นามทนุ่ ระเบดิ ประเภทนจ้ี ะวางไวใ้ นหว้ งเวลาสน้ั ๆ โดยใชท้ นุ่ ระเบดิ ในอัตรามูลฐานของหน่วยหรือจากคลังของท้องถ่ิน ทุ่นระเบิดท่ีวางต้องให้ตรวจค้นหาได้ และร้ือถอนได้รวดเร็วโดยหน่วยท่ีทำ� การวาง เว้นแต่ในกรณีท่ีมีการสับเปล่ียนหน่วย และ ได้มีค�ำขอให้คงสนามทุ่นระเบิดน้ีไว้ จะต้องท�ำรายงานการมอบโอนและเสนอให้ผู้บังคับ บญั ชาชน้ั เหนอื ทราบ
2.1 ใช้ป้องกนั ทมี่ ั่น สนามทุ่นระเบดิ ป้องกนั ตนใช้ทั้งข้างหน้าและข้างหลงั เหล่าทหารช่าง 77 ของพ้ืนท่ีการรบหรือหน่วยปฏิบัติการโดดเดี่ยว เช่น กองรักษาด่าน ชุดปฏิบัติงาน หรือ ใช้ปิดกั้นถนน อาจใช้ระวังป้องกันการโจมตีโฉบฉวย ขัดขวางเส้นทางเข้ามาของข้าศึก ทุ่นระเบิดเป็นส่วนหน่ึงในระยะต้ังรับของหน่วย เพื่อเพ่ิมอ�ำนาจการยิงของหน่วยให้สูงขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มแรงคน สนามทุ่นระเบิดป้องกันตนจะวางตรงจุดท่ีน่าจะเป็นเส้นทางเข้ามา ของข้าศึกภายในระยะยิงของอาวุธประจ�ำหน่วยที่ท�ำการตั้งรับแต่ระยะที่วางควรจะให้ไกล ออกไปจากทม่ี นั่ ให้พ้นรศั มกี ารใช้ลกู ระเบิดขว้างของข้าศึก 2.2 ใช้ป้องกันสถานที่ทางทหาร ทุ่นระเบิดอาจวางในแบบล้อมรอบเป็น ปริมณฑล เพอื่ ให้ความปลอดภยั แก่หน่วยที่ตง้ั ทางทหาร เช่น คลัง สนามบนิ ทต่ี ้งั อาวุธ จรวดและสถานทอ่ี �ำนวยความสะดวกอน่ื ๆ ท่ตี ัง้ อยู่ในเขตพ้นื ที่ข้างหลงั 3. แบบของสนามทนุ่ ระเบดิ ป้องก้นตน มอี ยู่ 2 แบบ คือ 3.1 สนามทุ่นระเบิดป้องกันตนแบบเร่งด่วน (HASTY PROTECTIVE MINEFIELD) เป็นสนามทุ่นระเบิดท่ีใช้ป้องกันตน เมื่อออกปฏิบัติการทางยุทธวิธี ในห้วงระยะเวลาส้ัน ๆ โดยใช้วางรอบฐานบังคับการ ฐานปฏิบัติการ ในแหล่งงานหรือ พื้นที่พักแรมเพ่ือป้องกันตนเองในระยะใกล้ใช้ทุ่นระเบิดในอัตรามูลฐานในการวาง จะวางในลักษณะจ�ำกัด และสามารถรื้อถอนได้รวดเร็วโดยหน่วยท่ีทำ� การวาง ตามปกติ จะไม่ฝังดิน จะวางไว้บนดินแล้วท�ำการซ่อนพรางไว้ กับระเบิดและการติดต้ังชนวน กันเขย้ือน ไม่ควรใช้กับสนามทุ่นระเบิดนี้ เมื่อวางแล้วจะต้องบันทึกด้วยแบบบันทึก สนามทุ่นระเบิดแบบ ทบ.462-035 หน่วยที่ท�ำการวางเมื่อจะออกจากฐานหรือพ้ืนที่ นี้ไป จะต้องท�ำการร้ือถอนทุ่นระเบิดออกไปด้วย หรือในกรณีที่ไม่ร้ือถอน จะต้อง ส่งมอบโอนสนามทุ่นระเบิดน้ีให้กับหน่วยที่เข้ามาผลัดเปล่ียน และรายงานให้หน่วยเหนือ ทราบทุกครง้ั 3.2 สนามทุ่นระเบดิ ป้องกันตนแบบประณตี (DELIBERATE PROTECTIVE MINEFIELD) เป็นสนามทุ่นระเบิดท่ีใช้เพื่อป้องกันตนในระยะใกล้ ใช้วางรอบพ้ืนที่ตั้งของ หน่วยทหารอาคารท่พี ักแบบกึ่งถาวร คลงั ยทุ โธปกรณ์ สนามบนิ ฐานยงิ สนับสนุน ป. ที่ตง้ั ยงิ อาวุธ จรวด หรอื ใช้ในโอกาสทส่ี นามทุ่นระเบิดยุทธวธิ ีไม่ได้วางไว้ เมื่อสถานการณ์ทาง ยทุ ธวธิ อี ำ� นวยให้ ควรสรา้ งรวั้ และเครอื่ งหมายสนามทนุ่ ระเบดิ เสมอ ตอ้ งมกี ารรายงานหนว่ ย
78 เหลา่ ทหารชา่ ง เหนอื ตง้ั แต่การขออนมุ ัตวิ าง ขณะทวี่ าง และเม่ือวางเสรจ็ แล้ว สนามทุ่นระเบิดป้องกันตน แบบประณตี จะต้องท�ำการบนั ทกึ ตามแบบ ทบ.462-034 4. อำ� นาจในการสง่ั วาง (AUTHORITY TO EMPLOY) 4.1 สนามทุ่นระเบดิ ป้องกนั ตนแบบเร่งด่วน ผู้บงั คบั กองพนั เป็นผู้มอี ำ� นาจ ในการสง่ั อนมุ ตั ใิ ห้วาง ในบางโอกาสผ้บู งั คบั กองพนั อาจมอบอำ� นาจให้กบั ผ้บู งั คบั กองร้อย หรือผู้บงั คบั หมวดเม่อื ออกปฏบิ ัติการตามภารกจิ อิสระได้เป็นครั้งคราว 4.2 สนามทุ่นระเบดิ ป้องกนั ตนแบบประณตี ผู้บงั คบั กองพนั หรือผู้บังคับ บญั ชาหน่วยในทต่ี ง้ั 5. ส่วนประกอบของสนามทุ่นระเบิดป้องกันตน ทุ่นระเบิดชนิดต่าง ๆ ที่ ใช้กบั สนามทุ่นระเบิดแบบนค้ี วรจะเป็นทุ่นระเบิดดักรถถงั และทุ่นระเบดิ สังหารบุคคลชนดิ เปลอื กโลหะ ซง่ึ สามารถตรวจคน้ รอื้ ถอนไดง้ า่ ย ทนุ่ ระเบดิ ทต่ี รวจคน้ ไดย้ าก (แบบอโลหะ) หรอื ทุ่นระเบิดเคมีหรือการติดตั้งชนวนกันเขยื้อนไม่ควรน�ำมาใช้กับสนามทุ่นระเบิดป้องกันตน ถา้ มคี วามจำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งใชท้ นุ่ ระเบดิ ชนดิ อโลหะกค็ วรใชว้ ตั ถทุ เ่ี ปน็ โลหะฝงั ไปดว้ ย เพอ่ื ให้ ง่ายต่อการตรวจค้นและการร้อื ถอน สนามทุ่นระเบิดป้องกนั ตนแบบเร่งด่วน ทุ่นระเบิดท่ใี ช้ วางทว่ั ๆ ไป โดยวางบนพ้ืนดิน เช่น M18A1 (เคลย์โม) M24 และ M66 (OFF-ROUTEMINES) และท�ำการซ่อนพรางส�ำหรับแบบประณีต ซ่ึงมีลักษณะท่ีเป็นการถาวรมากกว่าจะทำ� การ ฝังดิน ส่วนความแน่นและชนิดทุ่นระเบิดที่ใช้กันน้ันจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะ การคุกคามของข้าศกึ (รถถงั หรือทหารราบข้าศกึ ) สนามท่นุ ระเบดิ ยทุ ธวิธี (TACTICAL MINEFIELED) 1. ค�ำจำ� กดั ความ สนามทุ่นระเบดิ ยุทธวิธี เป็นสนามทุ่นระเบดิ ท่ใี ช้ตามแบบ การปฏบิ ิตกิ ารทางยทุ ธวธิ ีของกองพล 2. ความมุ่งหมาย เพื่อหยุดยั้ง รั้งหน่วง และท�ำลายการเข้าตีของข้าศึกให้ เสียรูปขบวนเป็นเคร่ืองช่วยลดความคล่องตัว การเคล่ือนที่ของข้าศึก ช่วยสกัดกั้น การเข้าตีเจาะและเสริมความแข็งแรงให้กับอาวุธยิงต่าง ๆ เม่ือปฏิบัติการรุกต่อฝ่าย ข้าศึก สนามทุ่นระเบิดยุทธวิธีใช้วางในพ้ืนที่ข้างหลังของข้าศึก เพื่อขัดขวางการถอนตัว หรือป้องกันการเสริมก�ำลัง นอกจากน้ียังด�ำเนินการป้องกันปีกฝ่ายเดียวกันด้วย สนามทุ่นระเบิดยุทธวิธี อาจวางตามแผนฉากขัดขวางของกองพล หรืออาจวางใน
ขณะท่ีข้าศึกคุกคามต่อการเข้าตีทางภาคพ้ืนดินสนามทุ่นระเบิดเหล่านี้อาจให้วางแบบ เหล่าทหารช่าง 79 กระจัดกระจาย (SCATTERABLE MINES) ซึง่ โปรยหว่านจาก บ. หรอื ยิงจาก ป. ซง่ึ กระทำ� ได้โดยรวดเรว็ ซึง่ เรียกการวางชนดิ นวี้ ่า DYNAMIC EMPLACEMENT ทุ่นระเบิดตามแบบ มาตรฐาน (CONVENTIONAL MINES) จะให้วางแบบมาตรฐาน ส�ำหรับหลักนิยม ในการวางสนามทุ่นระเบิดแบบมาตรฐานหรือแบบกระจัดกระจาย ให้ศึกษาในบทเรียน ว่าด้วยทุ่นระเบิดโปรยหว่าน 3. อำ� นาจในการสง่ั วาง ผบู้ ญั ชาการกองพลหรอื สงู กวา่ อาจมอบอำ� นาจใหก้ บั ผู้บงั คบั การกรมหรอื เทยี บเท่า 4. สว่ นประกอบของสนามทุ่นระเบิดยทุ ธวธิ ี สนามทุ่นระเบิดยทุ ธวิธจี ะใช้ ทนุ่ ระเบดิ ทกุ ชนดิ มกี ารตดิ ตงั้ ชนวนกนั เขยอ้ื น ใชพ้ ลสุ ะดดุ (ทนุ่ ระเบดิ เคมสี ามารถนำ� มาใชไ้ ด้ เมอ่ื ได้รบั อนญุ าตจากผู้บังคบั บญั ชาชั้นเหนอื แล้ว) เครือ่ งเตอื นภยั ชนิดต่าง ๆ น�ำมาติดต้งั เพอื่ เป็นเครื่องช้บี อกในการพยายามเจาะช่องสนามทุ่นระเบิดของข้าศึก ตำ� บลทว่ี างสนาม ทุ่นระเบิดจะต้องมีการประสานกับกองพล และกองทัพภาคในเรื่องแผนการวางและ แผนด�ำเนินกลยทุ ธ์ 5. สนามทุ่นระเบิดยุทธวิธี จะต้องมีการตรวจการณ์และการยิงคุ้มครอง ทเ่ี หมาะสม เพ่อื ให้สนามทุ่นระเบดิ เกิดประสิทธภิ าพมากทสี่ ุด 5.1 ความลกึ ของสนามทนุ่ ระเบดิ ตอ่ ตา้ นรถถงั (TACTICAL ANTITANK MINE FIELDS) ท่ีควรให้คือ 100 เมตร ส�ำหรับความแน่นของสนามทุ่นระเบิด ให้พิจารณาจาก การคุกคามของข้าศึกและทุ่นระเบิดชนิดต่าง ๆ ที่มีอยู่ อัตราส่วนของทุ่นระเบิดดักรถถัง กับทุ่นระเบิดสังหารบุคคลท่ีใช้วางน้ัน การคุกคามของข้าศึกจะเป็นเครื่องช้ีบอกให้ด้วย เหมอื นกนั จ�ำนวนทุ่นระเบดิ ดักรถถงั ทต่ี ดิ ตง้ั ชนวนกนั เขย้อื นตามปกติให้ใช้ 5% 5.2 ความลกึ ของสนามท่นุ ระเบดิ ตอ่ ตา้ นบคุ คล (TACTICAL ANTIPERSON- NEL MINEFIELDS) ท่คี วรใช้ คือ 50 เมตร สนามท่นุ ระเบดิ เฉพาะตำ� บล (POINT MINEFIELDS) 1. ค�ำจ�ำกัดความ สนามทุ่นระเบดิ เฉพาะตำ� บล คือ สนามทุ่นระเบดิ ทใ่ี ช้ใน พนื้ ทข่ี า้ งหนา้ ขอบหนา้ พน้ื ทก่ี ารรบ (FEBA.) เพอื่ ลวงขา้ ศกึ ใหส้ บั สนเกยี่ วกบั เสน้ ขอบหนา้ ทม่ี น่ั ท่ีแท้จริงของฝ่ายเราเป็นเคร่ืองช่วยชนิดหนึ่งในการพัฒนาเป้าหมายระยะไกลของอาวุธยิง
80 เหลา่ ทหารชา่ ง ต่อสู้รถถัง สนามทุ่นระเบดิ แบบน้มี ีรูปร่างลกั ษณะขนาดไม่แน่นอน จะมกี ารวางตง้ั แต่กลุ่ม โดดเด่ียวไปจนถึงการวางเป็นพื้นท่ีตามแนวควบคุมหลักและเส้นทางเคล่ือนท่ีเข้ามาของ ข้าศกึ 2. ความมุ่งหมาย สนามทุ่นระเบิดเฉพาะต�ำบลท่ีวางเพ่ือให้ฝ่ายข้าศึก เสียรูปขบวน บังคับให้ข้าศึกเข้าไปสู่พ้ืนที่ระวังป้องกันของกรมและกองพล และขัดขวาง การใช้พ้นื ทส่ี �ำคัญ 3. ผมู้ ีอำ� นาจในการสั่งวาง ผู้บญั ชาการกองพลหรอื สงู กว่า อาจมอบอำ� นาจ ให้กับ ผบ.กรม หรอื เทียบเท่า 4. ส่วนประกอบของสนามทุ่นระเบิดเฉพาะต�ำบล สนามทุ่นระเบิดนี้ใช้ ทนุ่ ระเบดิ ตามแบบมาตรฐาน (CONVENTIONAL MINES) และทนุ่ ระเบดิ แบบกระจดั กระจาย (SCATTERABLE) หรือทุ่นระเบิดแสวงเครื่องติดต้ังชนวนกันเขย้ือนให้มากท่ีสุด ทุ่นระเบิด ดักยานพาหนะตามเส้นทาง (OFF-ROUTE MINES) ใช้ได้ผลดีกับสนามทุ่นระเบิดชนิดน้ี นอกจากนี้ ยังเพิ่มคุณค่าให้กับเครื่องกีดขวางตามธรรมชาติและที่สร้างขึ้นให้มีศักย์ ในการกดี ขวางสูงข้ึน สนามทุน่ ระเบิดขัดขวาง (INTERDICTION MINEFIELDS) 1. ค�ำจ�ำกัดความ สนามทุ่นระเบิดขัดขวาง คือ สนามทุ่นระเบิดที่ใช้วาง เพ่ือรงั้ หน่วง และทำ� ให้ข้าศกึ เสียรปู ขบวน ขดั ขวางการใช้พนื้ ท่ีหรอื เส้นทางท่ีส�ำคัญ 2. ความมุ่งหมาย เป็นสนามทุ่นระเบิดท่ีใช้ปฏิบัติการในทางลึก และใช้ ประกอบแผนการปฏิบัติการยุทธแบบร่นถอย ขนาดและรูปร่างของสนามจะไม่ค�ำนึงถึง อาจวางเป็นกลุ่มโดด ๆ ไปจนถึงการวางเป็นแนวหลาย ๆ แนวตามเส้นทางที่ส�ำคัญ เช่น ทางรถไฟ เสน้ ทางเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ มาของขา้ ศกึ และใชว้ างตามพนื้ ทท่ี ค่ี าดวา่ ขา้ ศกึ จะใชพ้ นื้ ทน่ี นั้ เช่น พ้ืนท่ีพักแรมท่ีตั้งปืนใหญ่ เขตร่อนลงสู่พ้ืนดินและท่ีตั้ง บก. การทำ� ลายสะพานด้วย วตั ถรุ ะเบดิ เครอื่ งปดิ กนั้ ถนน การทำ� หลมุ ระเบดิ หรอื เครอ่ื งกดี ขวางอน่ื ๆ ทส่ี รา้ งขนึ้ จะชว่ ย ใหก้ ารวางทนุ่ ระเบดิ ทงั้ ดถ. และ สห. รอบ ๆ พน้ื ทน่ี น้ั มปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขนึ้ สนามทนุ่ ระเบดิ ขัดขวางอาจน�ำไปใช้ประกอบการยุทธขัดขวาง เพื่อป้องกันมีให้ข้าศึกใช้ประโยชน์จาก สง่ิ อ�ำนวยความสะดวกทม่ี ีอยู่ในพนื้ ทน่ี ้ันได้ เช่น อาคารสาธารณปู โภค คลงั เก็บส่ิงอปุ กรณ์ ทางทหารท่สี �ำคญั สนามบิน ยทุ โธปกรณ์ท่ถี กู ทอดท้งิ ไว้ สถานรี ถไฟ เมอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธ
หลงั แนวขา้ ศกึ หนว่ ยรบพเิ ศษจะตอ้ งใชค้ วามสามารถและความชำ� นาญในการวางทนุ่ ระเบดิ เหล่าทหารช่าง 81 เพอื่ ทำ� ลายเสน้ ทางคมนาคมของขา้ ศกึ หนว่ ยรบแบบกองโจรของฝา่ ยเราอาจวางทนุ่ ระเบดิ ขัดขวางเอาไว้เพอ่ื คุ้มครองการถอนตวั ภายหลังการเข้าตีโฉบฉวยหรอื การซุ่มโจมตี 3. อ�ำนาจในการส่ังวาง แม่ทัพภาคหรือสูงกว่าอาจมอบอำ� นาจให้ ผบ.พล. หรือเทียบเท่า 4. ส่วนประกอบของสนามทุ่นระเบดิ ขดั ขวาง 4.1 ทุ่นระเบิดดักรถถังและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด เหมาะกับ สนามทุ่นระเบดิ น้ี เมือ่ ได้รบั อนมุ ตั ิทุ่นระเบดิ เคมอี าจนำ� มาใช้ได้ การตดิ ต้ังชนวนกนั เขยื้อน ในทุ่นระเบดิ ดกั รถถังให้กระท�ำให้มากท่สี ดุ ท่สี ามารถจะทำ� ได้ ทุ่นระเบิดทใ่ี ช้วางให้ยากต่อ การตรวจค้น และการรอ้ื ถอนกับระเบดิ และเครื่องซุ่มกลอาจน�ำมาใช้ได้เหมือนกนั 4.2 กับระเบิดชนิดต่าง ๆ สามารถน�ำไปใช้ในการปฏิบัติการยุทธร่นถอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะเดียวกันกับทุ่นระเบิดรบกวน ในการปฏิบัติการยุทธ แบบตงั้ รบั กบั ระเบดิ ชนดิ ตา่ ง ๆ อาจนำ� ไปใชก้ บั พนื้ ทข่ี า้ งหนา้ ทม่ี น่ั ใหญ่ (FEBA.) ตามเสน้ ทาง เคลื่อนท่ีเข้ามาของข้าศึก เพ่ือขัดขวางการรุกเข้ามาของข้าศึกรั้งหน่วงและเป็นเครื่อง บอกสัญญาณในการเคล่ือนท่ีเข้ามาของข้าศึก ผู้บัญชาการประจ�ำยุทธบริเวณก�ำหนด นโยบายในการใช้กับระเบิดต่าง ๆ ไว้โดยชัดเจน และให้ผู้บังคับบัญชาระดับกองทัพภาค เป็นผู้มีอ�ำนาจในการสังการใช้กับระเบิดชนิดต่าง ๆ อ�ำนาจในการส่ังวางน้ีจะไม่มอบ ให้ต่�ำกว่าผู้บญั ชาการกองพลหรอื ต�ำแหน่งเทียบเท่า 4.3 ทนุ่ ระเบดิ ดกั ยานพาหนะตามเสน้ ทาง (OFF-ROUTE MINES) อาจนำ� มา ใชเ้ พอื่ ระวงั ปอ้ งกนั พนื้ ทขี่ ดั ขวางทางจราจรของขา้ ศกึ หรอื ไมย่ อมใหข้ า้ ศกึ ใชเ้ สน้ ทางเฉพาะ ทุ่นระเบดิ ดกั รถถังชนดิ ระเบิดอยู่กบั ที่ (BLAST TYPE) ใช้วางตดั ผ่านถนน และทุ่นระเบิดดกั ยานพาหนะตามเส้นทาง (OFF-ROUTE MINES) ใช้วางตามแนวยาวทางด้านข้างถนนและ ท�ำการเล็งไปยังเป้าหมายบนถนน ทุ่นระเบิดดักยานพาหนะตามเส้นทางติดตั้งได้ง่ายและ รวดเรว็ มาก จะไม่ทำ� ความเสยี หายต่อผิวถนน ทุ่นระเบดิ สังหารบุคคลอาจใช้วางตามแนว ของไหล่ถนนหรอื รอบ ๆ จดุ ที่วางทุ่นระเบิดดักรถถงั เพ่ือให้เกิดความสูญเสยี ต่อฝ่ายข้าศกึ ทเ่ี ข้ามาท�ำการตรวจค้นบรเิ วณทฝ่ี ังทุ่นระเบิดดกั รถถงั เมื่อจะท�ำการรื้อถอนออก 4.4 การสกัดกั้นบนถนน จะต้องใช้ทุ่นระเบิดดักยานพาหนะตามเส้นทาง (OFF-ROUTE MINES) อย่างน้อยจ�ำนวน 3 ทุ่น หรอื วางทุ่นระเบิดดกั รถถังตัดผ่านถนนและ
82 เหลา่ ทหารชา่ ง ไหลถ่ นนอยา่ งนอ้ ยจำ� นวน 2 แถว ตามปกตจิ ะตอ้ งมกี ารยงิ คมุ้ ครองและจะตอ้ งรอื้ ถอนออก เม่อื ฝ่ายตัง้ รบั ได้ถอนตวั ไปจากพ้นื ที่นน้ั แล้ว 4.5 การวางทุ่นระเบิดท�ำลายรางรถไฟ จุดท่ีควรวางทุ่นระเบิดท�ำลาย รางรถไฟ ก็คือตรงบริเวณท่ีมีท่อระบายน�้ำ สะพาน จุดเลี้ยวโค้งมาก ท่ีท่ีลาดชันมาก ทุ่นระเบิดควรวางตรงบริเวณที่เส้นทางการวางทุ่นระเบิดท�ำลายทางรถไฟ ตามปกติ จะปฏบิ ัตกิ ารต่อเน่อื งกับการรบแบบกองโจร หรือการรบแบบร่นถอย สนามทนุ่ ระเบดิ ลวง (PHONY MINEFIELDS) 1. คำ� จำ� กดั ความ สนามทนุ่ ระเบดิ ลวง คอื พน้ื ทหี่ รอื บรเิ วณทท่ี ำ� ลวง ประหนงึ่ วา่ เป็นสนามทุ่นระเบดิ จริงเพอ่ื ท�ำการลวงข้าศึก 2. ความมุ่งหมาย สนามทุ่นระเบิดลวงจะให้เป็นส่วนหน่ึงในระบบสนาม ทนุ่ ระเบดิ จรงิ จะเปน็ สว่ นเพมิ่ เตมิ หรอื ขยายสนามทนุ่ ระเบดิ จรงิ ใหก้ วา้ งขน้ึ หรอื อาจใหเ้ มอ่ื เวลาแรงงานทใ่ี ชว้ างหรอื วสั ดอุ ปุ กรณไ์ มอ่ ำ� นวยใหท้ จ่ี ะวางสนามทนุ่ ระเบดิ จรงิ ได้ อาจจะใช้ เป็นช่องทางผา่ นระหวา่ งหรอื ภายในสนามท่นุ ระเบดิ จรงิ ทสี่ ร้างขนึ้ ประสทิ ธภิ าพของสนาม ทนุ่ ระเบดิ ลวงนข้ี น้ึ อยกู่ บั การท�ำใหค้ ลา้ ยคลงึ กบั สนามทนุ่ ระเบดิ จรงิ สนามทนุ่ ระเบดิ ชนดิ นี้ จะมีคณุ ค่าทแ่ี ท้จริงจนกว่าข้าศกึ จะรู้ว่าเป็นทุ่นระเบดิ ลวง 3. อ�ำนาจในการสง่ั วาง อ�ำนาจในการส่งั วางสนามทุ่นระเบิดลวง คงใช้เช่น เดียวกับอ�ำนาจการส่ังวางสนามทุ่นระเบิดจริงตามประเภทสนามทุ่นระเบิดจริงที่ใช้สนาม ทุ่นระเบดิ ลวงแทน 4. สว่ นประกอบของสนามทนุ่ ระเบดิ ลวง สนามทนุ่ ระเบดิ ลวงอาจประกอบ ด้วย ตัวทุ่นระเบิดปลอม หรืออาจแสร้งท�ำให้ท่ัวพ้ืนที่ตรงบริเวณน้ัน ให้มีลักษณะเป็น สนามทุ่นระเบิดท่ัวไป ช้ินส่วนของเศษโลหะควรฝังไว้ด้วย เพื่อให้ฝ่ายข้าศึกเกิดเข้าใจผิด ในเสยี งสัญญาณ เม่อื ให้เครอ่ื งตรวจค้นท�ำการตรวจค้นและรอ้ื ถอน การแยกประเภทสนามทนุ่ ระเบดิ ในลักษณะอนื่ ๆ 1. นอกจากการแบ่งประเภทสนามทุ่นระเบิดตามหลักการทางยุทธวิธี (ป้องกันตน ยุทธวิธี เฉพาะตำ� บล ขัดขวาง และลวง) แล้ว สนามทุ่นระเบิดอาจกำ� หนด ตามการขัดขวางการเคล่ือนที่ของข้าศึก เช่น สนามทุ่นระเบิดต่อสู้รถถัง สนามทุ่นระเบิด ต่อต้านบุคคล สนามทุ่นระเบิดป้องกันการยกพลขึ้นบก และสนามทุ่นระเบิดขัดขวาง
การสง่ ทางอากาศ นอกจากน้ี ยงั อาจก�ำหนดตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทว่ี างสนามทนุ่ ระเบดิ เหล่าทหารช่าง 83 เช่น สนามทุ่นระเบิดเส้นทางคมนาคม สนามทุ่นระเบิดชายฝั่งทะเล สนามทุ่นระเบดิ ใต้นำ้� และสนามทุ่นระเบิดในพื้นที่วิบาก (CROSS COUNTRY) การกำ� หนดสนามทุ่นระเบิดตาม ท่ีกล่าวแล้ว มิได้เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประเภทของสนามทุ่นระเบิดทางยุทธวิธี แต่อย่างใด เช่น สนามทุ่นระเบิดเฉพาะต�ำบลอาจมีส่วนหน่ึงของสนามทุ่นระเบิดเส้นทาง คมนาคม ส่วนหนึ่งของสนามทุ่นระเบิดพื้นที่วิบาก ฯลฯ และสนามทุ่นระเบิดพวกนี้อาจ ท�ำหน้าท่เี ช่นเดียวกบั สนามทุ่นระเบดิ ป้องกนั ตน สนามทุ่นระเบดิ ยทุ ธวธิ ี สนามทุ่นระเบดิ เฉพาะตำ� บล หรอื สนามทุ่นระเบิดขดั ขวางกไ็ ด้ 2. สนามทุ่นระเบิดแบบอ่ืน ๆ ที่กล่าวแล้ว มักจะออกแบบให้เป็นสนาม ทุ่นระเบิดต่อสู้รถถังหรือต่อต้านบุคคลโดยเฉพาะ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะก�ำหนดให้เป็น แบบตอ่ สรู้ ถถงั กม็ กั จะไมใ่ ชท้ นุ่ ระเบดิ ดกั รถถงั เพยี งอยา่ งเดยี ว จะใชท้ นุ่ ระเบดิ สงั หารบคุ คล ร่วมด้วย เพื่อร้ังหน่วงและท�ำความสูญเสียให้กับทหารเดินเท้าท่ีพยายามเจาะช่องสนาม ทุ่นระเบดิ หรอื จะไม่ใช้ทุ่นระเบดิ สงั หารบคุ คลอย่างเดยี วโดยเฉพาะในพน้ื ทีบ่ ังคบั 3. ในการรบยดื เยอ้ื ภายใตก้ ารปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ (การรบในปา่ การรบนอกแบบ ฯลฯ) การแบ่งประเภทของสนามทุ่นระเบิดและส่วนประกอบของสนามจะไม่เหมือนกับ การรบตามแบบ การวางแผนการใช้สนามทุ่นระเบิด และการก�ำหนดต�ำบลท่ีวางสนาม ทนุ่ ระเบดิ 1. การก�ำหนดต�ำบลที่วางสนามทุ่นระเบิด ต�ำบลท่ีวางสนามทุ่นระเบิด ก�ำหนดขึ้นตามแผนปฏิบัติการของส่วนรวม ภูมิประเทศและต�ำบลเคร่ืองกีดขวางอ่ืน ๆ ต้องพิจารณาเบื้องต้นและล�ำดับความเร่งด่วนในการก�ำหนดต�ำบลท่ีวางสนามทุ่นระเบิด กค็ อื บรเิ วณพ้นื ทสี่ กดั กั้นที่น่าจะเป็นแนวเคล่อื นทเี่ ข้ามาของฝ่ายข้าศกึ ประสิทธิภาพของ การวางสนามทุ่นระเบดิ มสี ่วนเกีย่ วข้องโดยตรงกับหลกั การก�ำหนดตำ� บลทว่ี าง 2. การก�ำหนดต�ำบลท่ีวางสนามทุ่นระเบิด จะต้องให้เชื่อมต่อกับแนว เคร่ืองกีดขวางธรรมชาตหิ รอื แนวเครอื่ งกดี ขวางท่ีสร้างขึ้นอื่น ๆ 3. ใชท้ นุ่ ระเบดิ ใหเ้ หมาะสมตามขดี ความสามารถของเสน้ ทางสญั จร (TRAFFIC CAPABILITY) ของพน้ื ทภ่ี ูมปิ ระเทศ และตามลักษณะการคกุ คามของข้าศกึ
84 เหลา่ ทหารชา่ ง 4. สนามทุ่นระเบิด จะต้องพยายามแสวงหาความได้เปรียบในเร่ือง การซ่อนพรางจากธัญพืช และลักษณะภูมิประเทศในพ้ืนที่น้ัน โดยท�ำให้เข้าใจผิดได้ง่าย และยากต่อการกวาดล้าง 5. ถ้าเป็นไปได้ต�ำบลที่วางสนามทุ่นระเบิดต้องไม่ให้ฝ่ายข้าศึกตรวจการณ์ ทราบต�ำบลทว่ี างไว้จนกว่าจะได้เผชญิ กับสนามทุ่นระเบดิ 6. สนามทนุ่ ระเบดิ ชว่ ยสนบั สนนุ แผนการปฏบิ ตั กิ ารยทุ ธวธิ ี โดยทำ� การหยดุ ยง้ั หันเห หรอื ร้ังหน่วงการเคล่อื นท่ีของข้าศึก 7. เม่อื เป็นไปได้ ตำ� บลท่วี างสนามทุ่นระเบิดควรมีการตรวจการณ์และการยงิ คุ้มครอง หรือมีเส้นทางพร้อมทจ่ี ะให้หน่วยยงิ สนบั สนุนเคลื่อนท่ีเรว็ เข้าไปปฏิบติ กิ ารได้ การกำ� หนดชอ่ งทางผ่านและช่องวา่ งของสนามทนุ่ ระเบดิ 1. การใชท้ างยทุ ธวธิ ี จะต้องพจิ ารณาถึง จ�ำนวน ท่ตี งั้ และความกว้างของ ช่องทางผ่านและช่องว่างของสนามทุ่นระเบิด ซึ่งจะต้องเตรียมการเก่ียวกับการเปล่ียน ชอ่ งทางและชอ่ งวา่ งใหมไ่ วด้ ว้ ย เมอื่ จะตอ้ งขยายเวลาการใชต้ อ่ ไปอกี การเตรยี มการนตี้ อ้ ง ทำ� ไว้ตง้ั แต่แรกเรม่ิ ของการวางแผนการใช้สนามทุ่นระเบดิ 2. การกำ� หนดชอ่ งทางผา่ นและชอ่ งวา่ ง ชอ่ งทางผา่ นและชอ่ งวา่ งกำ� หนดขน้ึ เพ่ือให้หน่วยท่ีคุ้มครองสนามทุ่นระเบิดและหน่วยข้างเคียงสามารถปฏิบัติการตามแผน เชน่ การลาดตระเวน การตโี ตต้ อบได้ โดยทวั่ ไปทต่ี งั้ ของชอ่ งทางผา่ นและชอ่ งวา่ งของสนาม ทนุ่ ระเบดิ ผบู้ งั คบั บญั ชาของหนว่ ยทที่ ำ� การวางเปน็ ผกู้ ำ� หนด ทงั่ นจ้ี ะตอ้ งประสานกบั ผบู้ งั คบั หน่วยทางยทุ ธวธิ ี การกำ� หนดทต่ี ัง้ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทส่ี ุดเพอ่ื มใิ ห้ข้าศกึ ทราบ ไดง้ า่ ย แนวของชอ่ งทางและชอ่ งวา่ งจะตอ้ งเปน็ แบบไมม่ รี ะเบยี บ และอยา่ ใหค้ ลอ้ ยตามแนว ถนนหรอื ทางเดนิ ทม่ี อี ยเู่ ดมิ พยายามทกุ อยา่ งทจี่ ะลวงขา้ ศกึ มใิ หท้ ราบทต่ี งั้ ของชอ่ งทางผา่ น ขณะท่ีท�ำการวางสนามทุ่นระเบิดอาจท�ำช่องทางลวง โดยก่อนท่ีจะฝังทุ่นระเบิดควรใช้ ยานยนต์ชนิดสายพานและยานยนต์ล้อวิ่ง เพื่อท�ำเป็นแนวทางรถเอาไว้ก่อนแล้วจึง ฝังทุ่นระเบดิ ซ่งึ ท�ำให้ข้าศกึ คดิ ว่าเส้นทางทีเ่ กดิ ขึ้นนั้นเป็นเส้นทางทป่ี ลอดภัยแล้ว 3. ท่ีตั้งของช่องทางผ่านและช่องว่าง ควรเปลี่ยนใหม่ตามระยะเวลาที่ สมควร เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกทราบได้และเพ่ือผลของการซุ่มโจมตีด้วย สำ� หรับสนามทุ่น ระเบิดที่มีความแน่นสูงและใช้ทุ่นระเบิดโลหะเพียงเล็กน้อย ที่ต้ังของช่องทางผ่านและ
ช่องว่างควรพิจารณาไว้ก่อนที่จะวางสนามทุ่นระเบิด และใช้ทุ่นระเบิดชนิดเปลือกโลหะ เหล่าทหารช่าง 85 ในพื้นที่น้ัน เพ่ือช่วยให้เปลี่ยนที่ตั้งช่องทางและช่องว่างใหม่ โดยใช้เคร่ืองตรวจค้นแบบ โลหะตรวจ 4. ร้ัวสนามทุ่นระเบิดในพื้นท่ีข้างหลัง สนามทุ่นระเบิดในพื้นท่ีข้างหลัง ต้องล้อมรั้วให้สมบูรณ์ด้วยลวดหนามสองเส้น หรือล้อมด้วยลวดหีบเพลง การวางแนวรั้ว ไม่ควรวางตรงกับขอบเขตความเป็นจริงของสนามทุ่นระเบิด หลีกเล่ียงการชี้บอกขอบเขต ที่แท้จริงของสนามทุ่นระเบิด ร้ัวสนามทุ่นระเบิดจะต้องห่างจากทุ่นระเบิดท่ีใกล้ท่ีสุด ไม่น้อยกว่า 15 เมตร ลวดหนามเส้นบนของรั้วสงู ประมาณเอว เส้นล่างสงู ประมาณข้อเท้า แขวนป้ายเคร่อื งหมายสนามทุ่นระเบดิ มาตรฐาน บนลวดหนามเส้นบนระยะห่างประมาณ 15 เมตร ใช้อกั ษร คำ� ว่า “ทุ่นระเบิด” หันหน้าออกจากสนามทุ่นระเบดิ สนามทุ่นระเบดิ ท่มี ี ทนุ่ ระเบดิ เคมฝี งั รว่ มอยดู่ ว้ ยจะตอ้ งแขวนปา้ ยเครอื่ งหมายทนุ่ ระเบดิ เคมเี พมิ่ ขนึ้ อกี ปา้ ยหนงึ่ คกู่ บั เครอื่ งหมายทนุ่ ระเบดิ เครอ่ื งหมายทนุ่ ระเบดิ ใชต้ ามขอ้ 8. ระยะหา่ งระหวา่ งเครอ่ื งหมาย ช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิดและเคร่ืองหมายสนามทุ่นระเบิดอาจจะส้ันกว่า 15 เมตร ถ้าลักษณะภูมิประเทศและสภาวะจ�ำกัดอื่นตามต้องการ ช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด ในพื้นท่ีข้างหลงั จะมรี ้ัวทง้ั 2 ด้าน เช่อื มต่อกับร้ัวทีล่ ้อมรอบสนามทุ่นระเบดิ ที่ทางเข้าและ ทางออก นอกจากน้ีทางเข้าและทางออกสนามทุ่นระเบิดต้องเด่นชัด ระหว่างเวลากลาง คืนหรือทัศนวิสัยไม่ดี เครื่องหมายช่องทางผ่านจะติดสัญญาณไฟตามข้อ 8. ในพื้นท่ี ท่ีประชาชนไม่ทราบภาษาไทยให้ท�ำเคร่ืองหมายภาษาพื้นเมืองไว้ด้วย อาจมีความจ�ำเป็น จัดยามเฝ้าทช่ี ่องทางเข้าเพอ่ื ป้องกันบคุ คลพวกเดียวกันเข้าไปในพ้ืนทอี่ ันตราย 5. รั้วสนามทนุ่ ระเบดิ ในพื้นท่ีขา้ งหน้า 5.1 การท�ำร้ัวและการติดต้ังเครื่องหมายแบบมาตรฐาน ส�ำหรับสนาม ทนุ่ ระเบดิ ในแนวขอบหนา้ ทมี่ นั่ ใหท้ �ำเฉพาะทางด้านฝา่ ยเรา เพอ่ื ปอ้ งกนั ทหารฝ่ายเดยี วกนั พลัดหลงเข้าไปในสนามทุ่นระเบดิ เว้นแต่ต้องการให้ข้าศึกอ้อมผ่านสนามทุ่นระเบิด เขา้ สพู่ นื้ ทส่ี งั หาร จะตอ้ งทำ� รว้ั และตดิ ตง้ั เครอ่ื งหมายมาตรฐานเชน่ เดยี วกบั สนามทนุ่ ระเบดิ ในพ้นื ทขี่ ้างหลงั 5.2 ช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิดในพ้ืนท่ีข้างหน้าไม่ใช้เคร่ืองหมาย มาตรฐาน เพอื่ ไม่ให้ข้าศกึ ทราบทต่ี งั้ ของช่องทางผ่าน ทำ� เครอ่ื งหมายขอบเขตช่องทางผ่าน ให้วางลวดหนาม ผ้าแถบหมายแนวหรือวัสดุอื่น ๆ ใกล้กับพื้นท่ีตรงปากทางเข้า ใช้เสา ตอกลงในดนิ พนั ด้วยผ้าแถบหมายแนว หรอื ใช้กองดนิ กองวสั ดุอื่น ๆ ที่สังเกตได้ง่าย
6. ความกว้างของช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด ช่องทางผ่านสนามทุ่น ระเบิดจะมีความกว้างตามความจำ� เป็นในทางยทุ ธวิธี โดยก�ำหนดให้มีความกว้าง ดังนี้ 6.1 สำ� หรบั ยานพาหนะ ทางเดยี วกว้าง 8 เมตร ทางคู่ 16 เมตร 6.2 ทางเท้ากว้าง 2 เมตร 7. ทนุ่ ระเบดิ ดกั ยานพาหนะตามเสน้ ทาง (OFF-ROUTE MINES) สามารถ น�ำมาใช้ตามช่องทางผ่านและช่องว่างของสนามทุ่นระเบิด ทั้งน้ี เม่ือสภาพการซ่อนพราง อ�ำนวยให้ในกรณนี ีท้ ุ่นระเบดิ จะต้องท�ำให้ไม่พร้อมระเบิดจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องการ 8. ป้ายและเครอ่ื งหมายต่าง ๆ ที่ใชก้ ับสนามทุ่นระเบดิ 8.1 ทนุ่ ระเบดิ แขวนดว้ ยแผน่ ปา้ ยทำ� ดว้ ยโลหะ พลาสตกิ หรอื วสั ดอุ นื่ ๆ ดงั รปู - พืน้ สีแดง - ตวั อักษรสขี าว 86 เหลา่ ทหารชา่ ง 8.2 กับระเบดิ - พ้นื สีแดง - แถบและตัวอกั ษรสขี าว 8.3 ทุ่นระเบดิ เคมี - พืน้ สีแดง - แถบสีเหลือง แผ่นปา้ ยและเครือ่ งหมายทีใ่ ชก้ บั สนามทุ่นระเบิด
ในสนามทนุ่ ระเบดิ ถา้ วางทงั้ ทนุ่ ระเบดิ และทนุ่ ระเบดิ เคมี จะตอ้ งแขวน เหล่าทหารช่าง 87 เครื่องหมายมาตรฐานของแต่ละชนดิ ท่ีใช้ด้วย 8.4 แผ่นป้ายสนามทุ่นระเบดิ - พืน้ สขี าว - ตัวอักษรสแี ดง - ตดิ ตง้ั ทางด้านฝ่ายเราในระยะทส่ี งั เกต เหน็ ได้ง่ายก่อนเข้าถงึ สนามทุ่นระเบดิ แผ่นปา้ ยสนามทนุ่ ระเบิด 8.5 แผ่นป้ายแสดงช่องทางผ่านของสนามทุ่นระเบิด - พน้ื สขี าว - ตัวอักษรสแี ดง - ตดิ ตั้งทางปากทางเข้าท่เี สาต้นใด ตน้ หนง่ึ ของชอ่ งทางผา่ นสนามทนุ่ ระเบดิ แผน่ ป้ายแสดงช่องทางผ่านของสนามทุ่นระเบิด 8.6 แผ่นป้ายแสดงขอบเขตของช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด - ติดต้ังทั้งสองข้างของช่องทางผ่าน ห่างกนั ป้ายละ 30 เมตร สีแดง สีขาว - ป้ายสขี าวชเ้ี ข้าหาช่องทาง แผน่ ป้ายแสดงขอบเขตช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด
88 เหลา่ ทหารชา่ ง 8.7 แผ่นป้ายสนามทุ่นระเบดิ ของข้าศกึ เมื่อตรวจพบสนามทุ่นระเบิดของข้าศึกให้ท�ำเคร่ืองหมายโดยใช้ แผ่นพลาสตกิ , แผ่นโลหะทำ� เป็นเครอ่ื งหมายตามรปู วางหรอื ผกู ตดิ ไว้ตรงทุ่นระเบดิ ทต่ี รวจ 10 นิ้ว - พน้ื สีแดง 6 นว้ิ - ตวั อักษรสขี าว พบ แผน่ ปา้ ยสนามท่นุ ระเบดิ ข้าศกึ หมายเหตุ สแี ละข้อความเหมอื นกนั ท้ัง 2 ด้าน 8.8 สญั ญาณไฟฟ้า ใช้เแสดงขอบเขตช่องทางผ่านในเวลากลางคนื จะตดิ ทแ่ี ผ่นป้ายแสดง ขอบเขตของช่องทางผ่านสนามทุ่นระเบิด สนามทนุ่ ระเบิด
หลักเกณฑ์การใช้สนามทุ่นระเบิด (FORMULATION OF MINEFIELD เหล่าทหารช่าง 89 EMPLOYMENT) การสร้างสนามทุ่นระเบดิ จะต้องใช้เวลา แรงงาน การขนส่ง และวัสดอุ ุปกรณ์ การท�ำแผนการวางสนามทุ่นระเบิดต้องเร่ิมท�ำไว้แต่ต้น ในการท�ำแผนจะต้องพิจารณา ถึงปัจจัยต่อไปนี้คือ ภารกิจ ขีดความสามารถของข้าศึก ขีดความสามารถในการวาง ภูมิประเทศ สภาพลมฟ้าอากาศ ต�ำบลที่วางสนามทุ่นระเบิด การยิงคุ้มครองและล�ำดับ ความเร่งด่วน 1. เปา้ หมายทางยทุ ธวิธี (TACTICAL OBJECTIVE) จำ� นวนและชนิดของ ทุ่นระเบดิ ทใ่ี ช้วาง มผี ลเกีย่ วข้องโดยตรงกบั เป้าหมายทางยทุ ธวิธี ตวั อย่างเช่น เป้าหมาย ในการรง้ั หนว่ งขา้ ศกึ ตามเสน้ ทางเคลอ่ื นทเี่ ขา้ มา ใชท้ นุ่ ระเบดิ เพยี งเลก็ นอ้ ยวางทเี่ สน้ ทางหรอื พนื้ ทบี่ งั คบั กย็ อ่ มจะไดผ้ ลในการรงั้ หนว่ งขา้ ศกึ ไดเ้ ทา่ กบั การวางสนามทนุ่ ระเบดิ ขนาดใหญ่ ท่มี ีความแน่นสูง 2. ขีดความสามารถของหน่วยที่วางสนามทนุ่ ระเบดิ (CAPABILITY OF LAYING UNITS) ควรได้พิจารณาถึงจ�ำนวนก�ำลังพลที่ต้องใช้ และประสบการณ์ของ หนว่ ยทหาร ซง่ึ เขา้ รบั ผดิ ชอบในการวางสนามทนุ่ ระเบดิ รวมถงึ การประมาณเวลาทต่ี อ้ งการ ท้ังสิ้นด้วย ท้ังนี้ เพื่อจะได้ก�ำหนดเวลาที่จะใช้วางได้โดยแน่นอน ถ้าสนามทุ่นระเบิดมี การใชช้ นวนกนั เขยอื้ นกบั ระเบดิ หรอื การจดุ ระเบดิ พลกิ แพลงอนื่ ๆ (DIRTY TRICK DEVICES) ซง่ึ เป็นการปฏบิ ัตกิ ารพเิ ศษต้องใช้เจ้าหน้าทีซ่ ึ่งได้รบั การฝึกเป็นอย่างดมี าแล้วเป็นผู้ปฏิบตั ิ 3. จำ� นวนทนุ่ ระเบดิ ทมี่ ี (AVAILABILITY OF MINES) การพฒั นาขยายสนาม ทุ่นระเบดิ ในเขตหน้า กระท�ำได้อย่างจำ� กัดตามจำ� นวนทุ่นระเบิดทมี่ หี น่วยต่าง ๆ ต้องด�ำรง สถานภาพกระสุนและวัตถุระเบิด รวมท้ังทุ่นระเบิดในอัตรามูลฐานเอาไว้ ทุ่นระเบิดใน อตั รา มลู ฐานเพยี งพอทจ่ี ะใชว้ างเปน็ เครอื่ งกดี ขวางขนาดเลก็ ๆ เพอื่ ยบั ยงั้ ฝา่ ยขา้ ศกึ เทา่ นนั้ การสร้างเคร่ืองกีดขวางขนาดใหญ่ต้องท�ำแผนการวางเป็นพิเศษ เพ่ือส่งก�ำลังและขนส่ง อปุ กรณ์จ�ำนวนมาก 4. เส้นทางเข้าไปสู่ต�ำบลท่ีวางสนามทุ่นระเบิด (ACCESSIBILITY OF MINEFIELD SITES) เส้นทางเข้าสู่ตำ� บลทว่ี างสนามทุ่นระเบิด เป็นปัจจยั ที่จะต้องได้รับ การพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะน�ำหน่วยวางทุ่นระเบิดไปยังต�ำบลน้ัน ถ้าหาก ภูมิประเทศเป็นไปด้วยความยากล�ำบาก จะต้องท�ำการขนส่งทาง ฮ. ซ่ึงจะต้องเพ่ิมงาน ในด้านส่งก�ำลังบำ� รงุ ขึ้นเป็นอย่างมาก
90 เหลา่ ทหารชา่ ง 5. ขดี ความสามารถของขา้ ศกึ (ENEMY CAPABILITIES) ขดี ความสามารถ ของข้าศึกมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อขนาดส่วนประกอบของสนามทุ่นระเบิด แบบและ วธิ วี างสนามทุ่นระเบดิ ปัจจยั ที่ควรพจิ ารณา คือ 5.1 ยทุ ธวิธแี ละการใช้กำ� ลงั ของหน่วยรบฝ่ายข้าศกึ 5.2 จำ� นวนและคณุ ภาพของเครอื่ งมอื ฝา่ ยขา้ ศกึ ทจี่ ะใชเ้ จาะชอ่ งผา่ นสนาม ทุ่นระเบดิ ตลอดทง้ั ความช�ำนาญในการปฏิบตั ิ 5.3 ขีดความสามารถทางด้านข่าวกรองของข้าศึก เพื่อที่จะชี้บอกต�ำบล สนามทุ่นระเบิดของฝ่ายเรา มิฉะน้ันแล้วจุดประสงค์หลักในการใช้สนามทุ่นระเบิดจะมี จดุ อ่อน หรอื ไม่ได้ผลเลย 5.4 ดินฟ้าอากาศและสภาพของดิน เมื่อสนามทุ่นระเบิดที่ใช้วางในพ้ืนท่ี เป็นหญ้าเป็นเวลานาน ๆ อัตราการเติบโตของหญ้าที่ฝังทุ่นระเบิดกับที่ข้างเคียงกัน เป็น เครื่องชี้บอกจุดที่ฝังทุ่นระเบิดไปในตัว ควรมีการทดลองในพ้ืนที่ข้างเคียงที่ปลอดภัย เพ่ือ สงั เกตผลการเจรญิ เตบิ โตของหญ้าทจ่ี ะเป็นผลกระทบกระเทอื นในการวางสนามทุ่นระเบดิ ในพื้นทีน่ น้ั 6. ขดี ความสามารถของการใชท้ ่นุ ระเบิดเคมี (CHEMICAL ABILITIES) ทุ่นระเบิดเคมี (CHEMICAL LANDMINES) เป็นทุ่นระเบิดท�ำลายบุคคล มีเครื่องจุดชนวนแบบบังคับจุดหรือเป้าหมายมากระทบ (TARGET CONTACT) และ ตวั ทุ่นระเบดิ บรรจุด้วยสารเคมเี ป็นพิษ ชนิดทำ� ลายระบบประสาท (VX) หรือชนดิ ท�ำให้เกดิ แผลพุพอง (BLISTER AGENT HD.) การใช้ท่นุ ระเบดิ เคมใี นยทุ ธบรเิ วณขนึ้ อย่กู บั นโยบายแห่งชาติ เมอ่ื นโยบาย แห่งชาติ อนมุ ตั ใิ ห้ใช้ทุ่นระเบดิ เคมไี ด้แล้ว ตามปกตจิ ะใช้ทุ่นระเบิดเคมสี ำ� หรับการปฏบิ ัติ การยุทธแบบต้ังรับ และการยุทธแบบร่นถอย ไม่ใช้ทุ่นระเบิดเคมีวางกับสนามทุ่นระเบิด ป้องกันตน การใช้ทุ่นระเบดิ เคมมี คี วามมุ่งหมายดงั ต่อไปนี้ 6.1 ลดความเร็วของรถถังและทหารราบข้าศึก ในการเคลื่อนที่ผ่านสนาม ทุ่นระเบิดและพ้ืนที่เป็นพิษ เมื่อข้าศึกเผชิญแก๊สพิษจะต้องสวมใส่เสื้อป้องกันแก๊สพิษ ทำ� ให้ลดความเรว็ ในการเคลอื่ นทผี่ า่ นสนามท่นุ ระเบดิ และเสยี เวลาตอ่ ไปอกี ในการล้างพษิ 6.2 ในการกวาดล้างสนามทุ่นระเบิด โดยใช้การท�ำลายด้วยวัตถุระเบิด ทุ่นระเบดิ เคมกี ลบั มผี ลท�ำให้พืน้ ทน่ี ้นั เป็นอันตรายจากแก๊สพิษ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155