Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา ยุทธวิธี (หมู่ปืนเล็กในการตั้งรับและถอนตัว) ปี 3

วิชา ยุทธวิธี (หมู่ปืนเล็กในการตั้งรับและถอนตัว) ปี 3

Published by military2 student, 2022-04-27 01:54:27

Description: วิชา ยุทธวิธี (หมู่ปืนเล็กในการตั้งรับและถอนตัว) ปี 3

Search

Read the Text Version

บทท่ี ชุดยงิ ก. หมใู่ นการเข้าตี หวั หน้าชดุ พลปืนเล็ก พลยิงเครอื่ งยิง พลปืนเล็ก พลปืนเล็ก อตั โนมัติ ลูกระเบิด M.203 ผู้บงั คบั หมู่ ชุดยิง ข. ตอนท่ี 1 ิวชา ุยทธวิ ีธ 131 การเคลือ่ นยา้ ยทางยทุ ธวธิ ี 1. กล่าวทว่ั ไป โดยทวั่ ไปแลว้ ลกั ษณะการรบแบง่ ออกเปน็ 3 ลกั ษณะ คอื การรบดว้ ยวธิ รี กุ , การรบด้วยวิธีรับ และการร่นถอย ซึ่ง นศท.ได้รับการศึกษาในรายละเอียดมาแล้วใน ชนั้ ปที ่ี 2 สำ� หรบั การศกึ ษาในเรอื่ งการเคลอื่ นยา้ ยทางยทุ ธวธิ นี นั้ เปน็ การปฏบิ ตั ขิ องหนว่ ย ทป่ี ฏบิ ตั ิในทางยทุ ธวิธี ซ่งึ เป็นการปฏบิ ตั ิชน้ั หนึ่งของการรบด้วยวธิ ีรุก ก. การรบด้วยวิธีรุก คือ การรบที่จะต้องเคลื่อนที่เข้าไปให้ถึงตัวข้าศึก เพอื่ ยดึ , ยอื้ แยง่ ดนิ แดน หรอื ทมี่ น่ั ทขี่ า้ ศกึ ยดึ ครองอยู่ พรอ้ มทง้ั ขบั ไลข่ า้ ศกึ ใหอ้ อกไปจาก ท่ีม่ัน และพยายามติดตามทำ� ให้ข้าศึกเกิดระส่�ำระสาย โดยพยายามท�ำลายให้ข้าศึก ได้รบั ความเสยี หายอย่างสงู สดุ ข. ความมุ่งหมายของการรบด้วยวธิ รี กุ เปน็ การปฏบิ ตั กิ ารรบเพอื่ ความมงุ่ หมายอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลาย ๆ อย่าง ดงั นี้ - เพื่อท�ำลายกำ� ลังรบของข้าศึก - เพือ่ แย่งยึดภูมปิ ระเทศหรือดนิ แดนทข่ี ้าศกึ ยดึ ครอง - เพอ่ื คลี่คลายรปู การวางกำ� ลังของข้าศกึ

132 วชิ ายทุ ธวธิ ี - เพื่อขดั ขวางการใช้แหล่งทรพั ยากรท่ตี ้องการ - เพื่อหนั เหความสนใจของข้าศกึ จากพนื้ ทอ่ี ่ืน ค. ขัน้ ตอนการรบด้วยวธิ รี ุก แบ่งข้นั ตอนการปฏิบัตกิ ารรบด้วยวธิ ีรกุ ออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ :- (1) ขั้นการเคลื่อนท่ีเข้าปะทะ ข้ันการเคล่ือนท่ีเข้าปะทะเป็นการปฏิบัติ การรบดว้ ยวธิ รี กุ ภายในยทุ ธบรเิ วณทอี่ ยหู่ า่ งไกลจากขา้ ศกึ มาก เปน็ การเคลอ่ื นยา้ ยหนว่ ยทาง ยุทธวิธี จากต�ำบลหนึ่งท่ีอยู่ห่างไกลกับข้าศึก ไปยังอีกตำ� บลหนึ่งท่ีอยู่ใกล้กับข้าศึกเข้าไป ซ่ึงระยะทางที่ท�ำการเคลื่อนย้ายน้ีอาจจะมีอันตรายจากการกระท�ำของข้าศึกหรือไม่ก็ได้ เพราะฉะนน้ั หน่วยทหารท่ที �ำการเคลอื่ นย้ายในขั้นน้ี จงึ จำ� เป็นต้องจดั ให้มกี ารระวังป้องกัน ในขณะเคลอ่ื นท่ดี ้วย (2) ขั้นการเข้าตี เป็นข้ันการเริ่มปฏิบัติการรบปะทะในการด�ำเนินการ เขา้ ตี เพอื่ ยดึ ทหี่ มายทข่ี า้ ศกึ ยดึ ครองอยู่ การปฏบิ ตั ใิ นขนั้ นหี้ นว่ ยทเี่ ขา้ ตจี ำ� เปน็ ตอ้ งพยายามใช้ อำ� นาจก�ำลงั รบทง้ั มวลท่มี ีอยู่ กระทำ� ต่อข้าศกึ อย่างรุนแรงท่ีสดุ เพอ่ื ให้ส�ำเร็จภารกิจของตน เช่น การใช้ก�ำลังพลผสมผสานกับการใช้อ�ำนาจการยิงสนับสนุนทั้งทางพื้นดินและทาง อากาศ เป็นต้น ง. การเคลอื่ นยา้ ยทางยทุ ธวธิ ี คอื การเคลอ่ื นยา้ ยทก่ี ระท�ำภายใตส้ ภาพการรบ ในยทุ ธบรเิ วณ การปฏบิ ตั ขิ องขา้ ศกึ อาจเกดิ ขน้ึ ทงั้ ทางพนื้ ดนิ และทางอากาศ การเคลอ่ื นยา้ ย ทางยุทธวธิ ีอาจกระท�ำโดยการเดนิ เท้า ยานยนต์ ทางอากาศ ทางน้�ำ หรือผสมกัน จ. ปัจจัยสำ� คัญทสี่ ุดซ่งึ มผี ลต่อการปะทะกบั ข้าศึกอาจจะเกิดขนึ้ คือ - ระยะท่หี น่วยทหารฝ่ายเดยี วกนั อยู่ห่างข้าศึก - ความเรว็ ของการเคล่อื นที่เข้าหากนั และกัน - การปรากฏและก�ำลังของส่วนก�ำบังฝ่ายข้าศึกกับข้างหน้าหน่วยน�ำ จากปัจจยั เหล่าน้ี จึงพจิ ารณาได้ว่าการปะทะยงั อยู่ไกลหรือใกล้จะเกิดข้ึน ฉ. เม่ือหน่วยเคลื่อนท่ีเข้าหาข้าศึก โดยมีการระวังป้องกันอย่างเพียงพอจาก หนว่ ยทหารฝา่ ยเดยี วกนั แลว้ โอกาสทจี่ ะปะทะกำ� ลงั สว่ นใหญข่ องขา้ ศกึ ทางพน้ื ดนิ กจ็ ะลดลง อย่างมาก และอาจถือว่าการปะทะยังอยู่ห่างไกลแม้ว่าจะอยู่ห่างจากข้าศึกไม่มากนัก กต็ าม วธิ กี ารเคลอื่ นทแ่ี ละรปู ขบวนอาจใชท้ �ำนองเดยี วกบั การเคลอื่ นยา้ ยทางยทุ ธวธิ ี โดยมี ข้อยกเว้น ดงั ต่อไปนี้

(1) การใช้ส่วนกำ� บังเพ่ือให้การป้องกนั แก่กองร้อยเพม่ิ เตมิ ข้ึน ิวชา ุยทธวิ ีธ 133 (2) เพม่ิ การกระจายกำ� ลังมากข้นึ (3) ใช้การเคล่อื นทเ่ี วลากลางคนื (4) การปฏบิ ตั ขิ นั้ สดุ ทา้ ยทางยทุ ธวธิ ขี องการเคลอื่ นที่ กระทำ� เมอื่ ผา่ นหนว่ ย ทหารฝ่ายเดยี วกันไปแล้ว ช. เมอ่ื หน่วยเคลอื่ นทเี่ ข้าหาข้าศกึ เมอื่ การระวงั ป้องกนั ไม่เพยี งพอจากหน่วย ทหารฝา่ ยเดยี วแลว้ ผบ.หนว่ ยก�ำลงั ทเ่ี คลอ่ื นทนี่ ำ� จะรวมหนว่ ยตา่ ง  ๆ ของตนอยา่ งเหมาะสม ตามประมาณสถานการณ์ของตน และเลือกใช้รูปขบวนซง่ึ มกี ารระวังป้องกันและพร้อมรบ ซ. ผบ.หน่วยของขบวนเคลื่อนท่ีเป็นผู้รับผิดชอบและประมาณสถานการณ์ ว่าการระวงั ป้องกนั ของหน่วยทหารฝ่ายเดียวกนั ทางพ้นื ดินน้นั มเี พียงพอหรือไม่ 2. การเคลือ่ นท่ีเข้าปะทะ คือการเคลื่อนท่ีทางพ้ืนดินในทางยุทธวิธีก่อนการรบ เพื่อวางก�ำลังในที่ ซ่ึงจะประชดิ ข้าศกึ การเคล่อื นท่ีเข้าปะทะมี 2 ประเภท คือ ก. การเคลอื่ นทเ่ี ข้าปะทะในความก�ำบงั - การเคลอ่ื นทเี่ ขา้ ปะทะในความกำ� บงั คอื การเคลอ่ื นทข่ี า้ งหลงั สว่ นกำ� บงั ไปยังท่ีท่ีก�ำหนดให้ เพ่ือผลัดเปลี่ยนหรือเพ่ิมเติมก�ำลังให้พร้อมท่ีจะปะทะกับข้าศึกส้ินสุด ลงเม่ือเข้าท่ตี ั้งเรียบร้อยแล้ว ข. การเคล่ือนทเ่ี ข้าปะทะนอกความก�ำบัง - การเคลื่อนท่ีเข้าปะทะนอกความก�ำบัง คือ การเคลื่อนท่ีเข้าปะทะ โดยมีการกำ� บังจากหน่วยทหารฝ่ายเดยี วกนั เพยี งเล็กน้อยหรอื ไม่มีเลย การเคล่ือนท่ีสนิ้ สดุ ลงเมอื่ ปะทะกบั ข้าศกึ ทางพน้ื ดินโดยตรง 3. ขน้ั การเคลื่อนท่ี ตามปกตกิ ารเคล่ือนทเี่ ข้าปะทะ แบ่งการปฏบิ ัตเิ ป็น 3 ข้ัน ก. ข้ันที่ 1 การปฏิบัติการของข้าศึกทางพื้นดินยังอยู่ห่างไกล (การปะทะยังอยู่ ห่างไกล) ข. ข้ันท่ี 2 การปฏบิ ตั กิ ารทางพนื้ ดนิ ของขา้ ศกึ ยงั ไมน่ า่ จะเกดิ ขนึ้ (การปะทะ ไม่น่าจะเป็นไปได้)

134 วชิ ายทุ ธวธิ ี ค. ขน้ั ที่ 3 การปฏิบัติการทางพื้นดินของข้าศึกใกล้จะเกิดข้ึน (การปะทะใกล้ จะเกดิ ขน้ึ ) ขน้ั ต่าง ๆ เหล่านไ้ี ม่อาจเป็นไปตามลำ� ดบั ข้ันการเคลื่อนที่จะปฏบิ ตั ิขัน้ ใด ย่อมขึ้นอยู่กับการประมาณสถานการณ์ของผู้บังคับบัญชา การผ่านจากข้ันหน่ึงไปอีก ขั้นหน่ึงนั้น กระท�ำเม่ือผู้บังคับบัญชาเห็นว่าข้าศึกอยู่ใกล้พอท่ีจะเพ่ิมความพร้อมในการ ปฏิบตั ิของตนเองข้นึ 4. รูปขบวนในการเดิน การกระจายก�ำลังให้มีความเร็ว และการควบคุมดีท่ีสุดนับว่าเหมาะสมใน การเคลื่อนท่ีเข้าปะทะ ผู้บังคับบัญชาพิจารณาใช้รูปขบวนจากการประมาณสถานการณ์ ตดิ ตอ่ กนั ไปในเรอื่ งการใกลจ้ ะปะทะกบั ขา้ ศกึ ภารกจิ ก�ำลงั ทางอากาศของขา้ ศกึ ภมู ปิ ระเทศ การเพม่ิ เตมิ กำ� ลังทมี่ อี ยู่ และการยงิ สนบั สนุน จากปัจจัยเหล่าน้พี อจะสรปุ รปู ขบวนในการ เดินได้ดงั นี้ คอื ก. รูปขบวนตามเส้นทาง คือ รูปขบวนท่ีจัดข้ึนโดยพิจารณาในด้านธุรการ เป็นหลัก อาจเป็นรูปขบวนปิดระยะหรือไม่ก็ได้ ใช้เมื่อการปะทะทางพื้นดินยังอยู่ห่างไกล ดังน้ันการพิจารณาทางยุทธวิธีจึงเป็นรองในเรื่องความเร็วและความต้องการทางธุรการ รูปขบวนตามเส้นทางน้จี ะส้นิ สดุ ลง เมื่อกองร้อยรวมหน่วยทางยุทธวธิ ีเคล่อื นท่ีเข้าปะทะ ข. รูปขบวนทางยุทธวิธี คือ การรวมก�ำลังเป็นพวก ๆ ทางยุทธวิธีเพื่อให้ สภาพการจัดรูปขบวนรบได้ง่ายขึ้น ใช้ในห้วงระยะเวลาระหว่างการปะทะกับข้าศึกยังอยู่ ห่างไกลจนถงึ เวลาเม่อื การปะทะใกล้จะเกิดขน้ึ ผบ.หน่วยจดั ก�ำลงั ของตนเป็นพวก ๆ ทาง ยทุ ธวธิ ี โดยไมม่ กี ารปรบั ขบวน สนิ้ สดุ เมอื่ กองรอ้ ยจดั รปู ขบวนการเดนิ ระยะใกลห้ รอื เขา้ ทร่ี วมพล ค. รูปขบวนการเดินระยะใกล้ คือ รูปขบวนที่ใช้ในขั้นสุดท้ายของ การเคลื่อนที่เข้าปะทะ ข้อพิจารณาต่าง ๆ ข้ึนอยู่กับการปะทะกับข้าศึกทางพ้ืนดินใกล้ จะเกิดขึ้นกองร้อยจะจัดพวกยุทธวิธี และปรับขบวน การเดินระยะใกล้น้ีจะส้ินสุดลงเม่ือ ปะทะกบั การต้านทานท่ไี ด้รบั การดดั แปลงของข้าศึกทางพนื้ ดินหรือเข้าฐานออกตี

5. การควบคมุ ิวชา ุยทธวิ ีธ 135 ก. ที่หมายขณะเดิน (จดุ ควบคมุ ) และเส้นแบ่งข้นั การเดิน - ท่ีหมายขณะเดิน (จุดควบคุม) คือ ลักษณะภูมิประเทศซ่ึงจะต้อง เคลื่อนที่ไปให้ถึงขณะเคลื่อนย้าย ส่วนมากจุดควบคุมน้ีจะเลือกลักษณะภูมิประเทศเป็น ท่ีสูงหรอื สงั เกตเห็นได้ง่าย เช่น ภเู ขา ชมุ ทาง ถนน ล�ำธาร - เสน้ แบง่ ขน้ั การเดนิ คอื เสน้ ทเี่ ลอื กตง้ั ฉากกบั ทศิ ทางเคลอื่ นทใี่ ชส้ ำ� หรบั ควบคมุ และประสานงาน ตามปกตจิ ะเลอื กภมู ปิ ระเทศทม่ี ลี กั ษณะเปน็ แนวขวางเขตปฏบิ ตั ิ การ กรมอาจจะเป็นผู้กำ� หนดเส้นแบ่งขั้นการเดินให้ เมือ่ หน่วยในบงั คับบัญชาต้องแยกกนั เคลอื่ นทห่ี ลายเสน้ ทาง เมอ่ื หนว่ ยเคลอื่ นทไี่ ปถงึ เสน้ แบง่ ขนั้ การเดนิ ผบ.หนว่ ยจะตอ้ งรายงาน ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบ ขบวนเดนิ อาจไดร้ บั คำ� สง่ั ไมใ่ หเ้ คลอื่ นทล่ี ำ้� เสน้ แบง่ ขน้ั การเดนิ ออกไป จนกว่าจะถึงเวลาที่ก�ำหนดหรือจนกว่าจะได้รับค�ำสั่งให้เคล่ือนท่ีต่อไป ผบ.กรม หรือ ผบ.หนว่ ยเหนอื จะเปน็ ผกู้ ำ� หนดทห่ี มายขณะเดนิ และเสน้ แบง่ ขน้ั การเดนิ ระยะหา่ งระหวา่ ง เส้นแบ่งข้นั การเดนิ ขนึ้ อยู่กบั ประเภทของการเคล่อื นท่ี ภูมปิ ระเทศ ทัศนวสิ ัย และการใกล้ จะปะทะกบั ข้าศกึ เพียงใด ข. จดุ เรม่ิ ตน้ คอื จดุ ทขี่ บวนเรม่ิ ตน้ ตงั้ ขบวน ณ ทน่ี น้ั เปน็ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ตามเส้นทาง ซ่ึงหน่วยจะเคลื่อนที่ผ่านไปยังเส้นทางอื่น หรือจะเคลื่อนท่ีกลับไปข้างหลัง จากบรเิ วณท่อี ยู่เดมิ ไม่ได้ ค. จดุ แยก คอื ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทส่ี งั เกตเหน็ ไดใ้ กล ้ๆ จดุ หมายปลายทาง ซง่ึ หนว่ ยในขบวนเดนิ จะแยกจากการควบคมุ ไปอยใู่ นความควบคมุ ของ ผบ. หนว่ ยเดมิ ตามลำ� ดบั ณ จดุ นี้ ผนู้ ำ� ทางจากสว่ นเตรยี มทพี่ กั จะคอยพบขบวนตรงจดุ แยกเพอ่ื น�ำหนว่ ย เข้าพื้นท่ตี ามล�ำดับ เป็นการป้องกนั การสบั สนด้วย 6. การตดิ ต่อสอื่ สาร การควบคุมของกองร้อยระหว่างการเคลื่อนท่ีเข้าปะทะใช้เครื่องมือส่ือสาร ในอัตราของกองร้อย วธิ ีการตดิ ต่อสื่อสารหลัก คอื วิทยุ และพลน�ำสาร 7. กองรอ้ ยเมื่อเปน็ ส่วนน�ำ ของก�ำ ลงั สว่ นใหญ่ในขบวนเดนิ ก. กองร้อยเดินด้วยรูปขบวนทางยุทธวิธี เคลื่อนที่น�ำและรักษาความเร็วใน การเดนิ ตามท่ี ผบ.พนั . กำ� หนด กองร้อยอน่ื  ๆ กร็ ักษาตำ� แหน่งของตนในขบวนไว้ตามปกติ

136 วชิ ายทุ ธวธิ ี ผบ.รอ้ ย.เดนิ อยทู่ ตี่ น้ ขบวนของกองรอ้ ยตน แตอ่ าจไปทใี่ ดกไ็ ดต้ ามความจำ� เปน็ สำ� หรบั หมวด ปืนเลก็ และหมู่ปืนเลก็ กค็ งเดนิ อยู่ภายในขบวนของกองร้อยหรอื หมวดของตน ข. ยานยนต์ของกองร้อยเคลื่อนท่ีในความควบคุมของกรมหรือกองพัน ตามปกติจะเคล่ือนท่ีตามเป็นห้วง ๆ ข้างหลังขบวนเดินเท้าของกรม แต่เม่ืออยู่ในความ ควบคุมของกองพนั กเ็ คลือ่ นทเ่ี ป็นห้วง ๆ ข้างหลงั ส่วนเดนิ เท้าของกองพัน ค. การเดินส้ินสดุ ลงเม่ือเข้าที่รวมพล หรือฐานออกตี 8. การจดั ก�ำ ลังของกองพันท่เี ป็นกองระวงั หน้า กองพันท่ีได้รับมอบภารกิจให้เป็นกองระวังหน้า จัดก�ำลังออกเป็นส่วน ช่วยและส่วนหนนุ ส่วนช่วย คอื กองร้อยทเ่ี คล่ือนทน่ี �ำของกองพัน ส่วนหนนุ คือ ส่วนทเ่ี หลอื ท้ังหมดของกองพัน ประกอบกันเป็นส่วนหนุน 9. กองรอ้ ยเมอื่ เป็นส่วนช่วยของกองพนั ทเ่ี ป็นกองระวังหน้า ก. ป้องกันความล่าช้า ในการเคล่ือนที่ของกองพัน, ป้องกันกองพันจาก การเข้าตอี ย่างจู่โจมและการตรวจการณ์ทางพน้ื ดินจากข้าศึก ข. จากข้างหน้าไปข้างหลัง ส่วนช่วยจดั กำ� ลงั เป็น - ส่วนลาดตระเวน - ส่วนล่วงหน้า - ส่วนช่วย ผบ.ส่วนช่วย เป็นผู้จดั ก�ำลงั 1 หมวดปืนเล็กเพ่ิมเตมิ กำ� ลังออกไปข้างหน้าและ เรียกส่วนน้ีว่า “ส่วนล่วงหน้า” เวลากลางคืน ทัศนวิสัยเลว ระยะต่าง ๆ ก็อาจลดลงมา ถ้าในท่โี ล่งแจ้งอาจเพม่ิ ข้ึนได้

หน ่วย กำ� ลัง ความยาวเฉล่ยี บนถนน ระยะเฉล่ยี จากหน่วยทีอ่ ย่ถู ัดไป เปน็ เมตร ตามล�ำดับเป็นเมตร เวลากลางวนั ส่วนลาดตระเวน 1 หมู่ ปล. 50 เมตร 200 เมตร (+_) ส่วนล่วงหน้า 1 หมวด ปล. 75 เมตร 400 เมตร (หย่อน 1 หมู่) 150 เมตร 500 เมตร (+) ส่วนช่วย 1 กองร้อย อวบ. เพิ่มเติมก�ำลัง (หย่อน 1 หมวด) ผบ.ส่วนล่วงหน้า ก็จะส่งก�ำลงั 1 หมู่ปืนเล็ก ออกไปข้างหน้าให้ทำ� หน้าท่ี ิวชา ุยทธวิ ีธ 137 ลาดตระเวน เรยี กส่วนน้วี ่า “ส่วนลาดตระเวน” ค. ชุดผู้ตรวจการณ์หน้า ปืนใหญ่, ค.81, ปรส.106, รถถงั และส่วนต่าง ๆ จากหมวดช่างสนาม จะมาสมทบกบั ส่วนช่วย ง. ความยาวเฉลย่ี บนถนน และระยะระหว่างส่วนต่าง ๆ ของส่วนช่วยใน การเดนิ กลางวนั ย่อมขน้ึ อยู่กบั ภูมปิ ระเทศและทศั นวิสัย จ. การควบคมุ ใชว้ ทิ ยุ และพลนำ� สาร ผบ.สว่ นชว่ ยดำ� รงการตดิ ตอ่ สอื่ สารกบั ส่วนต่าง ๆ ทางวทิ ยุธรรมดา ผบ.ส่วนลาดตระเวนจะได้รบั วทิ ยุ 1 เครอ่ื ง และทหารต่อเพื่อ รกั ษาการตดิ ต่อทางสายตา และแลกเปล่ยี นข่าวสารระหว่างหน่วยต่าง ๆ

ส่วนระวังป้องกัน ข้าศึก 200 เมตร และลาดตระเวน ของหน่วยเหนอื ส่วนลาดตระเวน ส่วนล่วงหน้า 138 วชิ ายทุ ธวธิ ี 400 เมตร ส่วนช่วย ส่วนระวังป้องกนั ไม่ก�ำหนด หรอื ส่วนสนบั สนนุ ทางปีก ป้องกนั ระยะ กำ� ลงั ส่วนใหญ่ กองกระหนาบ กอง 600 เมตร กระหนาบ รปู ท่ี 1 รปู ขบวนของกองระวังหนา้

10 รูปขบวนกองระวงั หนา้ ิวชา ุยทธวิ ีธ 139 ก. ส่วนลาดตระเวน (1) คือกำ� ลงั หน่งึ หมู่ปืนเลก็ ท่ีส่วนล่วงหน้าส่งออกไปเดนิ ข้างหน้าเพ่อื ท�ำ หน้าท่ีระวังป้องกันส่วนล่วงหน้า ส่วนลาดตระเวนอาจมีหน่วยลาดตระเวนยานยนต์ และ ส่วนระวงั ป้องกนั จากหน่วยเหนอื (2) สว่ นลาดตระเวนของกองระวงั หนา้ เคลอื่ นทต่ี ามเส้นทางการเคลอื่ นท่ี และปอ้ งกนั ขบวนใหป้ ลอดภยั จากขา้ ศกึ ทอี่ ยรู่ ะยะใกล ้ ๆ สว่ นลาดตระเวนธรรมดาอยหู่ า่ งจาก ส่วนล่วงหน้า ระยะประมาณ 200 เมตร ส่วนลาดตระเวนเดินด้วยรูปขบวนหมู่แถวตอน หมู่แถวแยกเดนิ 2 ฟากถนน ระยะต่อระหว่างบคุ คลอย่างน้อย 10 ก้าว พลปืนเล็ก 2 คน ท่ีเดินน�ำหน้า เพิ่มระยะต่อข้ึนไปประมาณ 20 ก้าว ไม่ว่าจะใช้รูปขบวนใด ผบ.หน่วยจะ ต้องควบคมุ ได้ทวั่ ถึง (3) ส่วนลาดตระเวนจะยิงข้าศึกในระยะหวังผลรายงานด้วยสัญญาณ เมื่อพบข้าศึกนอกระยะยิงหวังผล ส่วนลาดตระเวนจะเคลื่อนที่ต่อไปจนกระทั่งถึงระยะยิง หวังผลด้วยการปฏิบัติอย่างฉับพลัน และการดำ� เนินกลยุทธ์อาจบังคับให้ข้าศึกส่วนใหญ่ ท�ำการยิงเพ่อื เปิดเผยทีต่ ้ัง เมือ่ ไม่สามารถขบั ไล่ข้าศึกออกไปได้ตามธรรมดา ผบ.หมู่จะให้ ทหาร 2 คน หรือมากกว่าท�ำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการณ์และเพื่อระวังป้องกันเฉพาะบริเวณ ก�ำหนดให้คนหนึ่งคอยดูสัญญาณจากหมวด ส่วนท่ีเหลืออยู่ภายใต้การกำ� บัง เตรียมจะ เคลอ่ื นที่เข้าทต่ี ัง้ ยงิ ทนั ที เมอื่ พบขา้ ศกึ รายงานดว้ ยสญั ญาณหรอื พลนำ� สาร และถา้ อยใู่ นระยะยงิ หวงั ผล แลว้ ทำ� การยงิ ทนั ที ถา้ ขา้ ศกึ อยนู่ อกระยะยงิ หวงั ผล ผบ.หมปู่ ฏบิ ตั ติ ามคำ� สง่ั ของ ผบ.หมวด หรือตามความรเิ รมิ่ ของตนเอง

140 วชิ ายทุ ธวธิ ี 200 เมตร หลังของ ส่วนระวงั ส่วนลาดตระเวน ทหารต่อ หมู่ ปก เครื่องหมาย ผบ.หมวด นายสบิ ประจำ� หมวด ผตู้ รวจการณห์ นา้ ค.81 มม. หมายเหตุ อาจมี (1) ผู้ตรวจการณ์หน้าปืนใหญ่ (2) ชุดตรวจ คชร. (3) ชดุ ลาดตระเวนทางการชา่ ง รูปท่ี 2 รปู ขบวนแบบหนึ่งของส่วนล่วงหน้า

การเคลอื่ นทผี่ า่ นการยงิ ระยะไกล เมอ่ื ขา้ ศกึ คมุ้ ครองเขตตามแนวขนานของ ิวชา ุยทธวิ ีธ 141 เสน้ ทางเคลอ่ื นทดี่ ว้ ยการยงิ ระยะไกล ด้วยการยงิ ของปืนใหญ่หมกู่ ระจายก�ำลงั ออกแลว้ รบี เคลอื่ นทผ่ี า่ นยา่ นการยงิ เปน็ หว้ ง ๆ ตามความรเิ รมิ่ ของ ผบ.หมู่ หรอื ตามคำ� สงั่ ของ ผบ.หมวด ทหารจะไม่หยุดจนกว่าจะผ่านพ้นพื้นที่ท่ีมีการยิง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการข้ามสันเนิน หรือผ่านทางแคบ ผบ.หมู่น�ำหมู่ของตนผ่านพืน้ ทน่ี ีแ้ ล้วจดั รปู ขบวนใหม่ เม่อื ผ่านพ้นไปแล้ว การปฏบิ ตั เิ มอื่ เกดิ การปะทะ เมอื่ สว่ นลาดตระเวนถกู ยงิ พลปนื เลก็ เขา้ ทต่ี งั้ ยงิ ทำ� การยงิ โตต้ อบ ผบ.หมเู่ ลอื กทตี่ ง้ั ยงิ ทดี่ ที สี่ ดุ ใหก้ บั แตล่ ะชดุ ยงิ จากการยงิ ของพลยงิ ปล./อ. และพลยงิ ค. จะสามารถทำ� ลายหรอื ตดั รอนกำ� ลงั ขา้ ศกึ ซงึ่ เปดิ เผยทตี่ ง้ั ตนเองดว้ ยการยงิ ได้ เมอื่ ขา้ ศกึ ขดั ขวาง ผบ.หมกู่ ส็ รา้ งอำ� นาจการยงิ ใหเ้ หนอื ขา้ ศกึ และนำ� หมเู่ คลอื่ นทไี่ ปขา้ งหนา้ โดยใชก้ ารยงิ และการดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ ผบ.หมวดอาจใชห้ มนู่ เี้ ขา้ ตตี รงหนา้ ขณะทหี่ มวดดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ด้วยกำ� ลังของหมวด เม่ือหมู่ถูกยิงจากอาวุธเบาของข้าศึก ผบ.หมู่อาจนำ� หมู่เข้าที่ตั้งยิงซ่ึงสามารถ ท�ำการยิงทางปีก ผบ.หมู่พยายามใช้การยิงจากอาวุธยิงช่วยการกำ� บังและซ่อนพรางจาก ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ และน�ำหมู่เข้าใกล้ข้าศึกให้มากท่ีสุดเท่าที่จะท�ำได้ก่อน เริ่มท�ำการยิง และถ้ามีเส้นทางปกปิดก�ำบัง ผบ.หมู่ก็จะใช้รูปขบวนหมู่ชุดยิงตามกัน เล็ดลอดไปยังที่ต้ังยิงที่ใกล้ข้าศึกแล้ว เปิดฉากการยิงอย่างรุนแรงและแม่นย�ำ ต่อจากนั้น หมู่ก็เคลอ่ื นท่เี ข้าตะลมุ บอนตามแผนการเข้าตีของหมวด ข. สว่ นลว่ งหน้า (1) ส่วนล่วงหน้า ประกอบด้วย ก�ำลัง 1 หมวดปืนเล็ก (เพ่ิมเติมก�ำลัง) หย่อนกำ� ลัง 1 หมู่ท่สี ่งออกเป็นส่วนลาดตระเวน ส่วนล่วงหน้ามีภารกจิ ในการระวงั ป้องกนั การเคลื่อนท่ีของส่วนช่วยมิให้ชะงักหยุดลง ปกติส่วนล่วงหน้าเคลื่อนท่ีด้วยรูปขบวน แถวตอนหมู่ แตล่ ะหมจู่ ดั รปู ขบวนหมแู่ ถวตอนชดุ ยงิ เคยี งกนั แยกเดนิ 2 ฟากเสน้ ทาง ระยะ ต่อระหว่างบคุ คลไม่เกิน 5 ก้าว ส่วนท่มี าเพ่ิมเติมกำ� ลงั ให้แก่ส่วนล่วงหน้า ได้แก่ ค.60 มม., รถถังที่มาข้ึนสมทบ, ผู้ตรวจการณ์หน้าจากปืนใหญ่, ค.หนัก, และ ค.81 อาจเดินไปกับ สว่ นลว่ งหนา้ ปกติ ผบ.สว่ นลว่ งหนา้ จะเดนิ อยทู่ หี่ วั ขบวนของสว่ นลว่ งหนา้ แตอ่ าจจะไปอยู่ ที่ใดก็ได้ ซ่ึงสามารถตรวจการณ์เห็นการปฏิบัติทางพ้ืนดินโดยตรงได้ ผบ.ส่วนล่วงหน้า รับผิดชอบในการเดนิ ของกองระวงั หน้า และเป็นผู้ก�ำหนดระยะทสี่ ่วนลาดตระเวน จะต้อง เดินไปข้างหน้าในภมู ปิ ระเทศโล่งแจ้งระยะอาจเปล่ยี นแปลงระหว่าง 150 - 200 เมตร เวลา

142 วชิ ายทุ ธวธิ ี กลางคนื หรอื ทศั นวสิ ยั เลวระยะยอ่ มลดลงมาก ส่วนล่วงหนา้ สง่ ทหารต่อไปรกั ษาการตดิ ต่อ กับส่วนลาดตระเวน (2) ตามธรรมดาการระวังป้องกันทางข้างจ�ำกัดกระท�ำได้เพียงแต่การ ลาดตระเวนดว้ ยสายตา เนอ่ื งจากเปน็ หนว่ ยขนาดเลก็ และเนอ่ื งจากภารกจิ ของสว่ นลว่ งหนา้ ตำ� บลใดในระยะใกล ้ๆ ทสี่ งสยั กนั วา่ นา่ จะมขี า้ ศกึ หรอื มอี นั ตรายใหร้ ายงานไปยงั ผบ.สว่ นชว่ ย ซึง่ จะสัง่ กองกระหนาบทจ่ี �ำเป็นจากส่วนช่วยออกไประวังป้องกัน (3) เมื่อขบวนหยุดลง ส่วนล่วงหน้าจัดการระวังป้องกันไปข้างหน้า สงั่ ผู้ตรวจการณ์ไปยงั จุดใกล้ ๆ ทันที เพอื่ ตรวจการณ์ไปทางหน้าและทางข้าง กองกระหนาบ เมื่อหน่วยท�ำหน้าที่เป็นกองกระหนาบของขบวนเดิม ภารกิจ ก็คือป้องกันก�ำลังส่วนใหญ่จากการตรวจการณ์ทางพื้นดินและการเข้าตีอย่างจู่โจมทาง พื้นดินของข้าศกึ จากทางปีก ในกรณีท่ถี ูกเข้าตีทางปีก ภารกจิ ของกองกระหนาบอาจต้อง เข้าตีตั้งรับ หรือรบหน่วงเวลา เพื่อให้ก�ำลังส่วนใหญ่มีเวลาพอในการผ่านพื้นท่ีนั้น ๆ ไป หรือมีเวลาพอในการจดั ขบวนรบและด�ำเนนิ กลยุทธ์ กองรักษาด่านขณะเดิน หมู่และหมวดปืนเล็กอาจจัดการระวังป้องกันให้กับ ขบวนเดนิ ระหวา่ งการหยดุ ชว่ั คราว โดยเขา้ ยดึ ภมู ปิ ระเทศสำ� คญั ตามชอ่ งทางทจี่ ะเขา้ มายงั เสน้ ทางเคลอ่ื นที่ การปฏบิ ตั ขิ น้ึ อยกู่ บั ระยะเวลาในการหยดุ การอยใู่ กลข้ า้ ศกึ การใกลจ้ ะปะทะ และภูมิประเทศ ผบ.หมวดปืนเลก็ จะได้รบั ค�ำสงั่ ชี้แจงการปฏิบตั ิจาก ผบ.ร้อย. การปฏบิ ตั ิเมือ่ เกดิ การปะทะ เมื่อส่วนลาดตระเวนประสบการต้านทานของ ขา้ ศกึ และไมส่ ามารถขบั ไลข่ า้ ศกึ ไปได้ สว่ นลว่ งหนา้ กป็ รบั รปู ขบวนและเขา้ ตหี รอื ลาดตระเวน เกาะขา้ ศกึ ไวต้ ลอดเวลา พยายามกวาดลา้ งเสน้ ทางอยา่ งรวดเรว็ เพอื่ อำ� นวยความสะดวกแก่ ส่วนทเ่ี หลอื ของขบวนอย่างเตม็ ท่ี ผบ.ส่วนล่วงหน้าเคลอ่ื นทข่ี น้ึ ไปข้างหน้าอย่างรวดเรว็ เมอื่ เร่ิมปะทะและตัดสินใจใช้วิธีการเข้าตีท่ีดีที่สุด อาจใช้ส่วนลาดตระเวนเข้าตีตรงหน้าและ ด�ำเนินกลยุทธ์ด้วยส่วนที่เหลือของหมวด หรืออาจใช้หมวดเข้าตีตรงหน้าวิธีการและ รูปขบวนในการเข้าตขี ้ึนอยู่กบั ภมู ปิ ระเทศและสถานการณ์ข้าศกึ เมือ่ เอาชนะการต้านทาน ได้แล้วกท็ �ำการเดนิ ต่อไปทันที ถา้ สว่ นลว่ งหนา้ ไมส่ ามารถจะเอาชนะขา้ ศกึ ได้ กพ็ ยายามตรงึ ขา้ ศกึ ใหอ้ ยกู่ บั ทด่ี ว้ ย การยงิ และคน้ หาทตี่ งั้ ของปกี ทงั้ สอง สว่ นการปฏบิ ตั ติ อ่ ไปกระทำ� ตามคำ� ชแี้ จงจาก ผบ. สว่ นชว่ ย เม่ือเกิดการปะทะแล้ว ผบ.ส่วนช่วยอาจจ�ำต้องปรับขบวนไปทางข้างคร่อม เสน้ หลกั การเคลอื่ นทเ่ี พอ่ื ปอ้ งกนั การจโู่ จมจากทางขา้ ง หรอื เพอื่ คน้ หาทตี่ ง้ั ขา้ ศกึ ในกรณเี ชน่ นี้

สว่ นลว่ งหนา้ หรอื หมวดปนื เลก็ จากสว่ นช่วยอาจได้รบั มอบเขตการลาดตระเวนและทห่ี มาย ิวชา ุยทธวิ ีธ 143 ตามล�ำดับข้ันภายในเขตน้ี ความกว้างของเขตขึ้นอยู่กับภูมิประเทศและการตรวจการณ์ เม่ือไปถึงท่ีหมายตามล�ำดับข้ันภายในเขตการลาดตระเวน ผบ.หมวดมักจะไปข้างหน้า กับหมู่ท่ีท�ำหน้าท่ีระวังป้องกันไปยังลักษณะภูมิประเทศท่ีส�ำคัญ เมื่อได้ลาดตระเวน ภมู ปิ ระเทศแล้วกใ็ ห้สญั ญาณแก่หมวดเคลือ่ นท่ไี ปข้างหน้า ตอนท่ี 2 หม่ปู ืนเล็กเขา้ ตีในเวลากลางวัน 1. กล่าวท่ัวไป โดยปกติหม่ปู ืนเล็ก  เป็นหน่วยในสังกัดของหมวดปืนเล็กในกองร้อยอาวุธเบา ภายในหมวดปนื เลก็ มหี มปู่ นื เลก็ อยู่ 3 หมู่ และมหี มปู่ นื กลอยู่ 1 หมู่ การปฏบิ ตั กิ ารเขา้ ตขี อง หมู่ปืนเล็กทำ�การเข้าตีโดยเป็นกำ�ลังส่วนหนึ่งของหมวดปืนเล็กเคลื่อนที่เป็นหน่วย ภายใต้การยิงคุ้มครองของอาวุธยิงหน่วยอื่น ๆ ผบ.หมู่เลือกใช้รูปขบวนรบให้เหมาะสมกับ สภาพที่เป็นอยู่และดำ�รงความเป็นชุดยิงไว้ให้สมบูรณ์ ถ้าถูกยิงจากอาวุธเบาของข้าศึก หมู่จะต้องทำ�การยิงโต้ตอบทันทีและใช้การยิง และการเคลื่อนที่เข้าประชิดข้าศึก จะเป็น ด้วยการเข้าประชิดด้วยหมู่เดียวหรือร่วมกับหมู่อื่น ๆ ก็ได้ การปฏบิ ตั ดิ งั กลา่ ว เปน็ การปฏบิ ตั ภิ ายในกรอบของหมวดปนื เลก็ แตห่ มปู่ นื เลก็ ยอ่ มปฏบิ ตั ิการเข้าตไี ด้ 2 โอกาสด้วยกนั คือ การเข้าตเี ป็นอสิ ระ และการเข้าตใี นกรอบของ หมวดปืนเลก็ ก. การเข้าตีเป็นอิสระ หมู่ปืนเล็กอาจจะใช้ในลักษณะก่ึงอิสระเพ่ือปฏิบัติ พิเศษได้ เช่น การลาดตระเวนและการระวงั ป้องกนั เป็นต้น ข. การปฏบิ ตั เิ ขา้ ตใี นกรอบของหมวด ยอ่ มปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ได้ คอื เปน็ สว่ นรบ หรอื เป็นส่วนหนนุ ทั้งน้ยี ่อมแล้วแต่ ผบ.หมวดจะมอบให้ปฏบิ ตั กิ ารในส่วนใด หมู่ปืนเล็กเป็นหน่วยหลักในการยิงของหมวดปืนเล็ก ยุทโธปกรณ์หรือ การจดั และการฝึกของหมู่ปืนเลก็ ทำ� ให้หมู่ปืนเล็กสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เพ่อื ให้สำ� เรจ็ ภารกจิ ได้

144 วชิ ายทุ ธวธิ ี 2. ภารกจิ ภารกจิ ของหมปู่ นื เลก็ ในการเขา้ ตี คอื การเขา้ ตปี ระชดิ แลว้ ทำ� ลาย หรอื จบั ขา้ ศกึ 3. หนา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ท่ีในหม่ปู นื เลก็ 1. หมู่ปืนเลก็ ประกอบด้วย ผบ.หมู่และสองชุดยิง คือ ชดุ ยิง ก. และ ชดุ ยิง ข. (ดรู ูปที่ 3) ชุดยงิ ก. ประกอบด้วย - หน.ชดุ ยงิ (ปล.) - พลปืนเล็กกล 1 นาย (M249 มนิ มิ )ิ - พลยงิ เครือ่ งยงิ ลูกระเบดิ 1 นาย (ปล./ค.40) - พลปืนเล็ก 2 นาย (ปล.) ชุดยงิ ข. คงมกี ารจดั เช่นเดยี วกับ ชุดยิง ก. ชดุ ยิง ก. หัวหน้าชดุ พลปืนเลก็ กล พลยิงเคร่อื งยงิ พลปืนเล็ก พลปืนเลก็ ลกู ระเบดิ ผู้บังคับหมู่ ชุดยงิ ข. รปู ที่ 3 การจดั และอาวธุ ของหมู่ปืนเลก็

4. หน้าท่ขี องทหารภายในหมู่ ิวชา ุยทธวิ ีธ 145 ทหารภายในหมแู่ ตล่ ะคนมหี นา้ ทเี่ ฉพาะอนั หนงึ่ ทเี่ ปน็ หลกั คอื ถา้ ตอ้ งการใหห้ มู่ บรรลภุ ารกจิ ของตนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพแลว้ ทกุ คนภายในหมจู่ ะตอ้ งมปี ระสทิ ธภิ าพในการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี ฉพาะตา่ ง ๆ ของตน มจี ติ ใจในการปฏบิ ตั งิ านเปน็ ชดุ และมคี วามเชอ่ื มน่ั ซงึ่ กนั และกนั ภายในหมู่ อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ความกลมเกลยี วภายในชดุ ยงิ และภายในหมู่ ทง้ั จะเปน็ การ เสริมสร้างขวัญและความกล้าหาญให้เพ่ิมพูนสูงข้ึน ตลอดจนท�ำให้ประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติการรบสูงย่งิ ขนึ้ ด้วย ทุกคนนอกจากจะต้องรู้หน้าที่ของตนแล้ว จะต้องรู้หน้าท่ีของแต่ละคนภายใน หมู่ด้วย เพอ่ื เตรยี มตัวไว้ทจ่ี ะท�ำหน้าที่รบั ผดิ ชอบทดแทนกนั เม่ือถงึ คราวจำ� เป็น ก. ผู้บังคับหมู่ ปฏิบัติตามค�ำส่ังของ ผบ.หมวด, ผบ.หมู่จะต้องรับผิดชอบ ในเร่ืองวินัย ความประพฤติ การฝึก การควบคุม และการปฏิบัติการของหมู่ของตนอยู่ ตลอดเวลา - นอกจากนั้น ยังต้องรับผิดชอบเก่ียวกับสถานภาพและการระวังรักษา และอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย - ในการปฏิบัติการรบ ผบ.หมู่จะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้การยิง การควบคมุ การยิง และการด�ำเนินกลยทุ ธ์ - ผบ.หมจู่ ะอยู่ ณ ทซี่ งึ่ สามารถปฏบิ ตั ติ ามคำ� สง่ั ผบ.หมวดไดด้ ที สี่ ดุ และ สามารถมองเหน็ และควบคมุ หมู่ได้ดีทส่ี ุด - ปกติ ผบ.หมู่จะไม่ท�ำการยิง เว้นไว้แต่เมื่อการยิงน้ันมีความส�ำคัญ มากกว่าการควบคมุ หมู่เท่านน้ั ข. หัวหน้าชุดยิง ปฏิบัติตามค�ำส่ังของ ผบ.หมู่เกี่ยวกับการใช้ชุดยิงของตน รวมทัง้ วนิ ยั การยิง และการควบคมุ ชุดยิงนน้ั - หน.ชดุ ยงิ จะอยู่ ณ ทซ่ี ง่ึ สามารถปฏบิ ตั ติ ามคำ� สงั่ ผบ.หมไู่ ดด้ ที สี่ ดุ และ ควรอยู่ใกล้กับพลยิงอาวุธกลและพลยิงเครื่องยิงลูกระเบิดพอสมควรเพื่อจะได้ปฏิบัติการ ควบคุมได้อย่างรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพดีที่สุด - หน.ชุดยงิ จะต้องปฏบิ ัติหน้าทีเ่ ป็นพลปืนเลก็ เพมิ่ เติมด้วย - หน.ชดุ ยงิ ทีอ่ าวุโสจะต้องปฏบิ ัติหน้าท่ีแทน ผบ.หมู่ เม่อื ผบ.หมู่ไม่อยู่ ด้วย

146 วชิ ายทุ ธวธิ ี ค. พลปืนเลก็ กล พลยงิ เคร่อื งยงิ ลูกระเบิด และพลปืนเล็ก - มีหน้าที่ท�ำการยิงเป้าหมายท่ีเกิดข้ึนตามความเหมาะสม โดยอาศัย คำ� ส่งั ระเบียบปฏบิ ตั ิประจ�ำ และเทคนคิ ต่าง ๆ ตามทก่ี ำ� หนดไว้ - คอยหาหนทางช่วยเหลอื หมู่ โดยใช้การยงิ ของอาวธุ ต่าง ๆ ทีม่ อี ยู่ - คอยเฝ้าสังเกตเกี่ยวกับเป้าหมายต่าง ๆ แล้วรายงานให้หัวหน้าชุดยิง และ ผบ.หมู่ทราบ - ทกุ คน ทกุ หน้าทต่ี ้องสามารถทดแทนกนั ได้ 5. มาตรการในการควบคมุ ทหารจะต้องมีความรู้และความเข้าใจเร่ืองของพื้นที่และส่ิงประกอบอ่ืน ๆ ที่ ใช้เป็นมาตรการในการควบคุม เพื่อจะได้ทราบและปฏิบัติตามข้ันตอนต่าง ๆ ได้ถูกต้อง มาตรการในการควบคมุ ได้แก่ ก. ทรี่ วมพล ท่รี วมพล คอื พน้ื ที่ซง่ึ หน่วยทหารที่จะเข้าตีได้มารวมกันอยู่ก่อน ทจ่ี ะปฏิบตั ทิ างยทุ ธวิธตี ่อไป ตามปกตแิ ล้วพน้ื ทน่ี ผ้ี ู้บงั คบั บัญชาเป็นผู้กำ� หนดขึน้ ทีร่ วมพล นอ้ี ยู่ห่างจากฐานออกตหี รือแนวออกตี ในระยะใช้เวลาเดนิ เท้าไม่เกินกว่า 1 ช่วั โมง เพราะ ถ้าหากกำ� หนดให้ระยะไกลกว่านอ้ี าจจะเป็นเหตใุ ห้ทหารได้รบั ความอดิ โรยเกนิ ไปก่อนออก ตไี ด้ และอาจจะไดร้ บั อนั ตรายจากปนื ใหญข่ องขา้ ศกึ ในขณะเคลอ่ื นยา้ ยจากทร่ี วมพลไปยงั ฐานออกตี ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของท่ีรวมพลมี 5 ประการ คอื 1.1 มีการกำ� บังและการซ่อนพราง 1.2 มพี นื้ ท่กี ว้างพอท่จี ะกระจายก�ำลังกนั ได้ 1.3 มีเส้นทางเข้าออกและเคลอื่ นท่ไี ปข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม 1.4 ปลอดภัยจากการโจมตที ง้ั ทางพน้ื ดนิ และทางอากาศ 1.5 ถ้าสามารถทำ� ได้ควรเลอื กให้พ้นระยะของปืนใหญ่ ข. เวลาออกตี คือเวลาที่หน่วยเข้าตีผ่านแนวออกตีไปตามก�ำหนดเวลา โดยพร้อมเพรยี งกนั เมอ่ื ได้รบั ค�ำสัง่ หรือสญั ญาณ ค. ฐานออกตี เปน็ ตำ� บลทตี่ ง้ั สดุ ทา้ ยทใี่ หก้ ารปกปดิ กำ� บงั และซอ่ นพราง เปน็ ตำ� บลทอ่ี ยู่ใกล้ ๆ กบั แนวออกตี เป็นตำ� บลทห่ี มู่จดั รูปขบวนเข้าตแี ละทำ� การตดิ ต่อประสาน เป็นขนั้ สดุ ท้าย หมู่จะหยดุ ณ ฐานออกตกี เ็ ฉพาะเมือ่ การเตรยี มการข้ันสดุ ท้ายยังไม่เสรจ็ สมบรู ณ์ในท่รี วมพลหรอื ในขณะเคล่ือนที่ หรือเมือ่ ได้รับค�ำสง่ั จาก ผบ.มว.เท่าน้ัน

ง. แนวออกตี ผบ.รอ้ ย.ก�ำหนดขนึ้ เพอ่ื ประสานการเรมิ่ ตน้ การเขา้ ตี โดยปกติ ิวชา ุยทธวิ ีธ 147 แนวนส้ี ังเกตได้ในภมู ปิ ระเทศและตง้ั ฉากกับทศิ ทางเข้าตี เช่น ล�ำธาร ถนน ฯลฯ จ. เขตปฏบิ ตั กิ าร คอื พน้ื ทซ่ี งึ่ ถกู กน้ั ไวด้ ว้ ยแนวออกตี เสน้ แบง่ เขตและทหี่ มาย ขน้ั สดุ ทา้ ย ผบ.รอ้ ย.เปน็ ผมู้ อบขอบเขตในการปฏบิ ตั ขิ องหมวด และกำ� หนดใหต้ ามลกั ษณะ ของภมู ิประเทศ เช่น ลำ� ธาร สนั เขา หมวดจะมีเสรใี นการปฏิบตั กิ ารภายในขอบเขตของตน ท่ีได้รบั มอบการด�ำเนินกลยทุ ธ์นอกเขตปฏบิ ตั กิ ารของตน ต้องได้รบั อนุญาตจาก ผบ.ร้อย. ก่อนเสมอ ฉ. เส้นหลักการรุก หมายถึงเส้นทางกว้าง ๆ ที่หมวดจะต้องเคลื่อนที่เข้าตี หมวดอาจเคลอื่ นทอ่ี อ้ มผา่ นขา้ ศกึ ทไ่ี มข่ ดั ขวางการเคลอ่ื นทข่ี องหมวดไปกไ็ ด้ แตต่ อ้ งรายงาน ให้ ผบ.ร้อย.ทราบ เส้นหลกั การรกุ นี้ส่วนมากใช้กับหน่วยยานเกราะ ช. ทศิ ทางเขา้ ตี คอื ทศิ ทางหรอื เสน้ ทางซงึ่ ศนู ยก์ ลางรปู ขบวนของหมวดทเี่ ขา้ ตี เคล่ือนท่ีไปตามนั้น การต้านทานของข้าศึกบนพื้นท่ีตามทิศทางท่ีหมวดเข้าตีผ่านไปนั้น จะต้องทำ� การกวาดล้างให้หมดส้นิ ซ. จดุ ตรวจสอบ หมายถงึ ตำ� บลตา่ ง ๆ ในภมู ปิ ระเทศซง่ึ งา่ ยตอ่ การสงั เกตเหน็ เช่น ถนนตัดกัน เป็นต้น ใช้เพ่ือเป็นต�ำบลควบคุมการเคล่ือนท่ีเป็นจุดอ้างในการรายงาน ทต่ี ง้ั ของฝ่ายเราและปรบั การยงิ ด. จดุ ติดตอ่ หมายถึงตำ� บลในภมู ปิ ระเทศทใ่ี ช้ส�ำหรับตง้ั แต่สองหน่วยขน้ึ ไป พบปะติดต่อกนั โดยตรง ใช้ในโอกาสเสริมความมัน่ คง ณ ทห่ี มาย ต. ขนั้ การเคลอื่ นท่ี เปน็ แนวในภมู ปิ ระเทศซงึ่ ตง้ั ไดฉ้ ากกบั ทศิ ทางเขา้ ตสี งั เกต เหน็ ไดง้ า่ ย เชน่ สนั เขา ลำ� ธาร ถนน ขน้ั การเคลอื่ นที่ ผบ.รอ้ ย.ใชใ้ นการควบคมุ กำ� ลงั สว่ นหนา้ ของตนและถอื เปน็ ตำ� บลอา้ งในการรายงานทตี่ ง้ั และอาจใชใ้ นการประสานการเคลอ่ื นทขี่ อง หน่วยเข้าตีเพ่ือให้การปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนและหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ด�ำเนินไปอย่าง ได้ผลสงู สดุ หมวดจะหยดุ ณ ข้นั การเคลื่อนทน่ี ี้เม่อื ผบ.ร้อย.ส่งั เท่านั้น ถ. แนวประสานการปฏบิ ตั ิขน้ั สดุ ท้าย แนวน้อี ยู่ห่างจากทหี่ มายประมาณ 100 - 150 เมตร ใช้เพ่ือประสานการเลอื่ นและย้ายการยิงสนับสนนุ และเพื่อปรับปรุงกำ� ลัง ข้ันสุดท้ายของหน่วยเข้าตี เพื่อเข้าตะลุมบอนต่อท่ีม่ันข้าศึก ตามอุดมคติแล้วแนวน้ีควร เป็นลักษณะภูมิประเทศที่มีการปกปิดก�ำบังดี ผบ.ร้อย.จะเป็นผู้ก�ำหนดแนวประสานงาน ขั้นสุดท้ายให้กับหมวดก็ต่อเม่ือจำ� เป็นต้องมีการประสานการปฏิบัติระหว่างหมวด ถ้าไม่ ประสงค์ดงั กล่าวน้ี ผบ.หมวดจะต้องเป็นผู้เลือกเอง

ท. ท่ีหมาย คือต�ำบลหรือลักษณะภูมิประเทศที่จะต้องเคลื่อนที่ไปให้ถึงหรือ ทำ� การเขา้ ตใี ห้ถงึ หรอื ยดึ ผบ.ร้อย.อาจมอบทห่ี มายเดยี วหรอื หลาย ๆ ทห่ี มาย (ทหี่ มายตาม ล�ำดับขั้น) ให้กับหมวดก็ได้ เม่ือยึดที่หมายได้แล้ว ผบ.หมวดจะต้องรายงานให้ ผบ.ร้อย. ทราบเสมอ ตามปกตแิ ล้วการเข้าตที ีห่ มายขั้นต่อไปจะกระท�ำตามค�ำสง่ั ของ ผบ.ร้อย. ท่ีหมาย ระยะห่าง 100 - 150 ม. แนวประสานการปฏบิ ตั ิ ระยะห่าง 300 - 1,000 ม. 148 วชิ ายทุ ธวธิ ี ทศิ ทางเข้าตี แนวออกตี ฐานออกตี ระยะห่างเดนิ ไม่เกนิ 1 ชว่ั โมง หรอื 4 กม. ที่รวมพล รปู ที่ 4 แผนผงั การเข้าตี

6. การเตรียมการเขา้ ตี ิวชา ุยทธวิ ีธ 149 ก. การนำ� กำ� ลงั เขา้ ทรี่ วมพล ปกติ ผบ.มว.กำ� หนดพน้ื ทใ่ี ห้กบั หมตู่ า่ ง ๆ ของ ตนตามปกตแิ ลว้ ทร่ี วมพลของแตล่ ะหมมู่ กั จะอยใู่ นบรเิ วณพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งกนั มาก เมอื่ ผบ.หมู่ ได้รับมอบท่ีรวมพลเรียบร้อยแล้ว ผบ.หมู่จะต้องนำ� ทหารเคล่ือนท่ีเข้าพักรอเพื่อเตรียมการ เข้าตตี ่อไป ข. การปฏิบัติการในท่ีรวมพล เม่ือ ผบ.หมู่น�ำก�ำลังเข้าไปในท่ีรวมพล แล้ว ผบ.หมู่จะต้องกำ� หนดท่ีอยู่ให้กับทหารเป็นคน ๆ ไป ท่ีอยู่ของทหารแต่ละคนจะต้อง กระจายกำ� ลงั ออกไปอย่างเตม็ ที่ ท้งั นี้ เพือ่ ป้องกนั ไม่ให้ได้รับอนั ตรายจากกระสนุ ปืนใหญ่ นัดเดียวกันได้ และ ผบ.หมู่จะต้องจัดให้มีการระวังป้องกันท่ีรวมพลของตนโดยรอบตัว เพราะฉะน้นั ผบ.หมู่จะต้อง (1) กำ� หนดเขตการยงิ ให้ทหารแต่ละคนรบั ผิดชอบ (2) ดัดแปลงทีว่ างตวั (3) จดั ยามเฝ้าตรวจ (4) ให้ทหารทกุ คนและอาวธุ อยู่ในทีป่ กปิดก�ำบัง นอกจากน้ี ผบ.หมู่จะต้องเตรยี มการในเรอ่ื งอนื่  ๆ ได้แก่ จ่ายกระสนุ เสบยี ง นำ�้ ตรวจความเรียบร้อยของอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ปลดสัมภาระประจ�ำกายไม่จ�ำเป็น ในการเข้าตีรวบรวม ณ บก.หมวดเพ่ือส่งไปเก็บไว้ ณ บก. ให้ทหารทุกคนจัดการพราง ให้เรียบร้อย ในขณะที่อยู่ในท่ีรวมพล ผบ.หมู่จะต้องขึ้นไปรับคำ� สั่งจาก ผบ.มว.ข้างหน้า เมอ่ื พลน�ำสารมาตาม หรือตามเวลาที่ ผบ.มว.นดั หมายไว้ ฉะนัน้ ก่อนที่ ผบ.หมู่จะข้ึนไปรบั คำ� สง่ั การเขา้ ตจี าก ผบ.หมวด ผบ.หมจู่ ะตอ้ งมอบหมายการบงั คบั บญั ชาและการเตรยี มการ ทีย่ ังไม่เรยี บร้อยให้กบั หัวหน้าชดุ ยงิ อาวโุ สด�ำเนินการต่อไป ค. การปฏิบัตขิ อง ผบ.หมู่ขณะรับค�ำสั่งเข้าตี (1) เลอื กทอี่ ยู่ ณ ท่ที ่เี หมาะจะรบั ค�ำส่งั และเตรยี มการบันทกึ ไว้ให้พร้อม (2) บนั ทึกค�ำสัง่ (3) ซักถามข้อสงสยั เก่ยี วกบั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ (4) ต้องม่ันใจว่าตนเข้าใจภารกิจของหมวด และหน้าที่ของตนในการท่ี จะปฏิบัติภารกจิ นน้ั เป็นผลส�ำเร็จ

150 วชิ ายทุ ธวธิ ี (5) ซักถามข้อสงสยั เพื่อให้เข้าใจแจ่มแจ้งในค�ำสงั่ การเข้าตขี อง ผบ.หมวด หลังจาก ผบ.หมู่ได้ค�ำสั่งการเข้าตีของ ผบ.หมวดแล้ว ผบ.หมู่จะต้องปฏิบัติขั้นตอนของ ระเบยี บการนำ� หน่วย 8 ข้อ 7. ระเบยี บการน�ำ หนว่ ย ระเบยี บการนำ� หนว่ ยเปน็ ลำ� ดบั ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ทิ ี่ ผบ.หนว่ ยพงึ กระทำ� ในการ เตรียมการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับเพื่อให้สามารถใช้เวลาอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งขึน้ อยู่กบั ส่ิงแวดล้อมและประเภทการยุทธ์ทเี่ ป็นอยู่ขณะนน้ั บางขัน้ ตอนอาจต้องกระทำ� ใหเ้ สรจ็ กอ่ นขน้ั อนื่ และในบางสถานการณบ์ างขน้ั ตอนอาจไมต่ อ้ งการหรอื อาจท�ำไมไ่ ดเ้ พราะ เวลาจำ� กดั ซ่ึงทกุ ข้ันตอนของระเบยี บการนำ� หน่วยควรต้องได้พจิ ารณาโดยตลอด แต่เวลา นบั วา่ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ของการเลอื กใชข้ นั้ ตอนของระเบยี บการนำ� หนว่ ยเปน็ อยา่ งมาก ระดบั การพจิ ารณาแต่ละครง้ั นน้ั อาจแตกต่างกัน การวางแผนของ ผบ.หนว่ ยโดยใช้ระเบียบการนำ�หนว่ ย 8 ขัน้ ดงั น้ี ขน้ั ที่ 1 รบั ภารกจิ ภารกจิ อาจได้รบั มาจากค�ำสง่ั เตรยี ม คำ� สั่งยทุ ธการหรือคำ� สั่งเป็นส่วน  ๆ เมอ่ื รบั และวางแผนการใช้เวลาทม่ี อี ยู่อย่างเหมาะสม คำ� แนะนำ� ประการแรก กไ็ ดแ้ ก่ การใหค้ ำ� สงั่ เตรยี ม ในคำ� สง่ั เตรยี มจะมขี า่ วสาร เพยี งพอทห่ี นว่ ยจะเรม่ิ ตน้ ในการปฏบิ ตั กิ ารได้ ระเบยี บปฏบิ ตั ปิ ระจำ� (รปจ.) ของหนว่ ยควรมี รายละเอยี ดวา่ จะตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรบา้ ง เมอ่ื ไดร้ บั คำ� สงั่ เตรยี ม เชน่ การเบกิ กระสนุ เสบยี ง นำ้� เครอ่ื งมอื สอื่ สาร เปน็ ตน้ ทนั ทที ไ่ี ดร้ บั คำ� สง่ั ผบ.หนว่ ยจะตอ้ งตง้ั คำ� ถามตนเองในเรอื่ งตอ่ ไปน้ี - ภารกจิ ให้เราทำ� อะไรบ้าง - ทำ� อย่างไรจงึ จะทราบข่าวเกย่ี วกับข้าศกึ - ภมู ปิ ระเทศและลมฟา้ อากาศจะมผี ลกระทบตอ่ การปฏบิ ตั ขิ องเราอยา่ งไรบา้ ง - กำ� ลังฝ่ายเรามหี น่วยอะไรบ้าง - จะใช้เวลาท่มี ีอยู่ให้เกดิ ประโยชน์มากท่สี ดุ ได้อย่างไร - สิง่ อุปกรณ์ และยทุ โธปกรณ์ทตี่ ้องการมีอะไรบ้าง - มีกิจพเิ ศษอะไรบ้างทจี่ ะมอบหมายให้ปฏบิ ตั ิ

ผู้บังคับหน่วยจะต้องแบ่งเวลาในการปฏิบัติ โดยหลักทั่วไปแล้ว ผบ.หน่วย ิวชา ุยทธวิ ีธ 151 จะใช้เวลาไม่เกินหน่ึงในสามของเวลาท่ีมีอยู่ และใช้เวลาที่เหลือให้ ผบ.หน่วยรองในการ เตรยี มการจะสง่ั หนว่ ยวา่ ใหพ้ รอ้ มหรอื แลว้ เสรจ็ ผบู้ งั คบั หนว่ ยจะตอ้ งระบสุ งิ่ ทจี่ ะตอ้ งกระทำ� ตามล�ำดับเวลาย้อนหลังจากเวลาท่ีต้องการให้พร้อมเพื่อปฏิบัติภารกิจ โดยให้ทหารได้ มเี วลาเพียงพอในการปฏบิ ัติกจิ ต่าง ๆ ตวั อยา่ งการวางแผนการใชเ้ วลาย้อนหลังของ ผบ.หมู่ 1420 เวลาพร้อมปฏบิ ัติ 1415 ตรวจทรี่ วมพล (เพอ่ื ให้แน่ใจได้ว่ามกี ารรอื้ ถอนทุ่นระเบดิ สงั หารบคุ คล) ไม่หลงลมื กระสนุ ฯลฯ ไว้ 1300 ตรวจความเรยี บร้อยของทหารแต่ละคน 1205 ออกค�ำสง่ั ยทุ ธการ 1200 ท�ำคำ� สง่ั ยุทธการของหมู่ให้สมบูรณ์ 1105 ลว.ภูมปิ ระเทศของ ผบ.หมู่ 1050 ออกค�ำสงั่ เตรยี มแก่ทหาร ขน้ั ที่ 2 ออกค�ำส่งั เตรยี ม ผบ.หมจู่ ะออกคำ� สง่ั เตรยี มทง้ั หมดใหแ้ กท่ หารภายในหมู่ คำ� สง่ั เตรยี มอยา่ งนอ้ ย ทีส่ ดุ จะต้องกล่าวถงึ เรอ่ื งต่อไปน้ี 2.1 ภารกิจ 2.2 เวลาปฏบิ ัติการ 2.3 การแนะนำ� โดยเฉพาะเจาะจง ถ้ามี 2.4 เวลาและสถานท่อี อกค�ำสง่ั สมบูรณ์ ตวั อย่างคำ� ส่งั เตรยี มของ ผบ.หมู่ หมขู่ องเราจะทำ� การเขา้ ตเี ขานกกระจบิ เวลา 1430 โดยเปน็ สว่ นหนง่ึ (ในกรอบ) ของหมวด ขา้ ศกึ อยใู่ นทม่ี น่ั ดดั แปลงแขง็ แรง มคี ตู ดิ ตอ่ และทกี่ �ำบงั เหนอื ศรี ษะ มอี าวธุ จรวด ต่อสู้รถถังด้วย ให้เบิกรับกระสุนปืนเล็กคนละ 200 นัด และลูกระเบิดขว้างคนละ 6 ลูก จาก ผบ.หมวดของเรา และหมู่จะออกค�ำส่งั ยุทธการ ณ ท่รี วมพล เวลา 1205 ขนั้ ท่ี 3 วางแผนขั้นต้น ผู้บังคับหน่วยวางแผนข้ันต้นโดยอาศัยมูลฐานจากภารกิจ ข้าศึก ลักษณะ ภมู ปิ ระเทศ ลมฟา้ อากาศ และกำ� ลงั ทมี่ อี ยู่ แผนขน้ั ตน้ จะชว่ ยใหผ้ นู้ ำ� หนว่ ยไดใ้ ชเ้ ปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทส่ี ามารถนำ� ไปใชใ้ นการประสานงาน ลาดตระเวน การจดั กำ� ลงั และการเคลอื่ นยา้ ยไดต้ อ่ ไป

152 วชิ ายทุ ธวธิ ี อะไรคือภารกจิ หมู่ (เราต้องทำ� การเข้าตีเพือ่ ยดึ ท่หี มาย หรอื เราต้องเตรียมการ ตั้งรบั ในทม่ี น่ั แห่งนใ้ี นเวลา 1400) หนว่ ยอะไรของขา้ ศกึ ทเี่ ปน็ ฝา่ ยตรงขา้ มกบั เรา มขี นาดเทา่ ใด วางกำ� ลงั อยทู่ ไ่ี หน มีอาวุธอะไรสนับสนุน มีทหารช่างสนับสนุนหรือไม่ เป็นทหารราบธรรมดาหรือยานเกราะ หรอื ท้งั 2 อย่าง เราจะใชภ้ มู ปิ ระเทศและลมฟา้ อากาศใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กเ่ ราไดอ้ ยา่ งไร เพอื่ จะให้ สามารถตอบคำ� ถามเหลา่ นไ้ี ด้ ผบ.หนว่ ยจะตรวจการณแ์ ละพน้ื ยงิ การกำ� บงั และการซอ่ นพราง เครือ่ งกีดขวางภูมปิ ระเทศส�ำคญั และเส้นทางในการเคล่อื นท่ี การตรวจการณ์และพื้นยิง การตรวจการณ์เป็นเร่ืองสำ� คัญต่อการใช้อ�ำนาจ การยงิ ไดผ้ ลไปยงั ขา้ ศกึ การควบคมุ การเคลอ่ื นยา้ ยหนว่ ย และตอ่ การปอ้ งกนั การจโู่ จมจาก แงค่ ดิ ของการตรวจการณ์ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทด่ี ที สี่ ดุ นน้ั จะตอ้ งสามารถตรวจการณไ์ ด้ทง้ั ในระยะทางไกลเขา้ ไปจนถงึ พน้ื ทท่ี ข่ี า้ ศกึ ยดึ ครองอยู่ และตรวจการณร์ ะยะใกลต้ อ่ หนว่ ยตา่ ง ๆ ของข้าศกึ ที่อยู่ข้างหน้าได้ พ้ืนยิง คือ พ้ืนที่ซ่ึงอาวุธหรือกลุ่มอาวุธสามารถท�ำการยิงครอบคลุม อย่างได้ผลจากท่ตี งั้ ทก่ี �ำหนดให้ เมือ่ พิจารณาภูมปิ ระเทศในเรอื่ งเก่ียวกับพ้ืนท่ียิง ประเภท ของอาวธุ ท่ีมีอยู่เป็นปัจจยั ทีส่ �ำคัญทจี่ ะต้องพจิ ารณาด้วย การกำ� บงั และการซอ่ นพราง มอี ทิ ธพิ ลตอ่ การเลอื กเสน้ ทางทตี่ ง้ั หรอื ทว่ี างกำ� ลงั และกำ� หนดเป้าหมายหรอื ไม่ เครื่องกีดขวาง กม็ ีอิทธพิ ลต่อการเลอื กเส้นทางในการเข้าตี ภูมปิ ระเทศสำ� คัญ มผี ลต่อการตดั สินใจเกย่ี วกบั การก�ำหนดเป็นท่หี มาย และเส้นทางการเข้าตี เส้นทางการเคลอ่ื นท่ี เป็นเรอื่ งทีจ่ ะต้องพจิ ารณาร่วมกับปัจจัยอ่นื  ๆ มอี ิทธพิ ล ต่อการเลือกเส้นทาง และทศิ ทางเข้าตี ขน้ั ที่ 4 เคลือ่ นย้ายหน่วยทจี่ �ำเปน็ กอ่ น เมื่อถึงเวลา ผบ.ร้อย.จะน�ำ ผบ.มว.ไปยังท่ีตรวจการณ์และให้ค�ำส่ังสมบูรณ์ เพอ่ื ประหยดั เวลา ผบ.มว.อาจจะให้ รอง ผบ.มว.หรอื นายสบิ ประจำ� หมวดเคลอ่ื นยา้ ย มว.ไปยงั พนื้ ทท่ี จ่ี ะปฏบิ ตั กิ าร สำ� หรบั หมปู่ นื เลก็ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของหมวดกค็ งเคลอ่ื นทไ่ี ปกบั หมวดดว้ ย ขนั้ ท่ี 5 การลาดตระเวน ผู้บังคับหน่วยจะต้องลาดตระเวนให้เห็นลักษณะภูมิประเทศ และประเมิน ค่าภูมิประเทศท่ีจะต้องใช้ในการรบเพ่ือให้การใช้ก�ำลังพลและยุทโธปกรณ์ได้ดีที่สุด ถ้ามี เวลานอ้ ยกจ็ ะต้องลาดตระเวนบนแผนทใี่ หไ้ ด้ ในขน้ั นส้ี ามารถยนื ยนั หรอื ปรบั แผนขนั้ ต้นได้

ขั้นท่ี 6 ท�ำแผนสมบรู ณ์ ิวชา ุยทธวิ ีธ 153 อาศยั การลาดตระเวนภมู ปิ ระเทศ ผบู้ งั คบั หนว่ ยกจ็ ะท�ำแผนสมบรู ณใ์ นการเขา้ ตี กส็ ามารถตกลงใจได้ว่าจะเคล่อื นทแี่ ละเข้ายดึ ที่หมายอย่างไร ข้ันท่ี 7 ออกค�ำสัง่ ยุทธการ (การสัง่ การ) คำ� สงั่ ยทุ ธการของหมนู่ นั้ มกั จะออกดว้ ยวาจา ในการเขา้ ตี ผบ.หมจู่ ะไดม้ โี อกาส ออกคำ� สง่ั เขา้ ตจี ากจดุ ทท่ี หารในหมสู่ ามารถมองเหน็ ทห่ี มาย หรอื ใชแ้ บบจำ� ลองภมู ปิ ระเทศ เพ่อื ให้หมู่ของตนได้เหน็ สภาพภูมปิ ระเทศ ข้นั ที่ 8 การกำ� กับดูแล ภายหลงั ออกค�ำสงั่ ผู้บงั คบั หน่วยกำ� กับดูแลเพ่ือให้แน่ใจได้ว่าทหารของหน่วย ได้เตรียมการเพอ่ื ให้งานบรรลผุ ลส�ำเร็จ - การยิง การดำ� เนินกลยุทธ์ - การปฏบิ ัตเิ มื่อปะทะข้าศึกโดยไม่คาดคดิ - การปฏิบตั ติ ะลมุ บอน และการทำ� ลาย การตรวจเสบยี ง น้�ำ อาวุธ กระสุน - การแต่งกาย และยทุ โธปกรณ์ การพราง ค�ำ สงั่ ยทุ ธการ คำ� สง่ั ยทุ ธการ เปน็ คำ� สง่ั แจง้ สถานการณ์ ภารกจิ การตกลงใจของผบู้ งั คบั บญั ชา และแผนการปฏบิ ัติต่าง ๆ และรายละเอียดของการปฏิบตั ิทต่ี ้องการเพอื่ การแน่นอนในการ ประสานการปฏบิ ตั ขิ องหน่วย คำ� สงั่ เตรยี มเปน็ คำ� สงั่ ซง่ึ แจ้งข่าวสาร และคำ� ชแ้ี จ้งทเี่ กย่ี วกบั การปฏบิ ัตใิ นอนาคต เป็นคำ� สัง่ ซง่ึ ใช้เพอ่ื ให้มเี วลาพอในการเตรียมการและวางแผนในการ ปฏบิ ัตกิ าร ค�ำนวณรายละเอียดต่าง ๆ ทอ่ี ยู่ในค�ำส่งั และความยาวของค�ำสัง่ น้นั ข้ึนอยู่กบั เวลาที่มีอยู่ ผู้น�ำหน่วยขนาดเล็กส่ังการแก่หน่วยของตนด้วยวิธีการสั่งด้วยวาจา ผู้บังคับ บญั ชาทกุ ระดับจะสั่งการตามล�ำดบั ขน้ั ต่อไปนี้ หัวข้อคำ� สั่งยทุ ธการ 1. สถานการณ์ ก. ก�ำลังข้าศึก สถานการณ์ (การประกอบก�ำลัง, การวางก�ำลังที่ตั้ง, การเคลอ่ื นย้าย ขดี ความสามารถ และสิ่งบอกเหตุต่าง ๆ)

154 วชิ ายทุ ธวธิ ี ข. ก�ำลังฝ่ายเรา ภารกิจของหน่วยเหนือ ท่ีต้ังภารกิจของหน่วยข้างเคียง และภารกิจของหน่วยยิงสนับสนุนท่ีมิได้อยู่ในอัตราของหน่วยซ่ึงอาจมีผลกระทบกระเทือน ต่อการปฏบิ ัตขิ องหน่วย ค. หน่วยสมทบและหน่วยแยก หน่วยที่มาสมทบหรือแยกไปสมทบตาม คำ� สัง่ ของหน่วยเหนอื รวมทง้ั เวลาทม่ี ผี ลบงั คบั ใช้ของหน่วยสมทบหรือหน่วยแยกด้วย 2. ภารกจิ ระบถุ งึ งานทหี่ นว่ ยจะตอ้ งทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปอยา่ งชดั เจนและสนั้  ๆ (ใคร-ท�ำอะไร-เมอื่ ไร-ทไ่ี หน-ท�ำไม) 3. การปฏบิ ตั ิ ก. แนวความคดิ ในการปฏบิ ตั ิ คอื แผนการปฏบิ ตั อิ ยา่ งกวา้ ง ๆ ของผบู้ งั คบั บญั ชา ซ่งึ รวมทัง้ แผนการด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ และการใช้อาวุธยงิ สนบั สนุนด้วย ข. ในยอ่ หนา้ ตอ่  ๆ ไป แตล่ ะขอ้ นน้ั เปน็ การมอบหมายงานโดยเฉพาะใหแ้ ก่ หน่วยรองและหน่วยทข่ี นึ้ สมทบ ค. ในข้อรองสดุ ท้าย เป็นการสงั่ การ และมอบภารกิจให้กบั กองหนุน ต. ในขอ้ สดุ ทา้ ย เปน็ การกำ� หนดรายละเอยี ด คำ� แนะนำ� ในการประสานงาน ซึ่งหน่วยรองต้งั แต่ 2 หน่วยข้นึ ไปจะต้องทราบหรือปฏิบัติ 4. การชว่ ยรบ ในหวั ขอ้ นปี้ ระกอบดว้ ยขา่ วสาร หรอื คำ� ชแี้ จงทเ่ี กย่ี วกบั เสบยี ง กระสนุ ทตี่ ง้ั ตำ� บลจ่ายต่าง ๆ ทต่ี ัง้ ปฐมพยาบาล และเรอ่ื งทัง้ มวลทเ่ี ก่ยี วข้องกับกิจการทาง ธุรการและการส่งกำ� ลงั แต่ให้ลงไว้เฉพาะข่าวสารท่ีจำ� เป็นเท่าน้นั 5. การบงั คบั บญั ชาและการส่ือสาร ก. ทอ่ี ยขู่ อง ผบ.หนว่ ย และทตี่ งั้ กองบงั คบั การในระหวา่ งการปฏบิ ตั กิ ารรบ ข. ค�ำชี้แจงการสื่อสารพิเศษ ซึ่งรวมท้ังอาณัติสัญญาณนัดหมาย ล่วงหน้าต่าง ๆ การใช้วทิ ยแุ ละเครอื่ งมือสอื่ สารอืน่  ๆ 8. การปฏิบัตกิ ารเข้าตี ก. การเคลื่อนทจี่ ากที่รวมพลไปยงั แนวออกตี - หมู่เคลื่อนท่ีออกจากท่ีรวมพล เคล่ือนที่ไปข้างหน้าภายใต้การควบคุม ของหมวด - ถ้าการเข้าตีครั้งนั้นให้ก�ำหนดฐานออกตี หมู่จะต้องเข้าไปหยุดลงในฐาน ออกตี

- จัดรปู ขบวนขน้ั ต้น ิวชา ุยทธวิ ีธ 155 - จัดวางอาวธุ ยงิ และยามเพอื่ รกั ษาความปลอดภัย - อาจมีการประสานงานขน้ั สดุ ท้ายในฐานออกตี - ถ้าสามารถกระทำ� ได้ หมู่ควรจะหยุดอยู่ ณ ฐานออกตนี ้ีเพียงชัว่ ระยะ เวลาอนั สั้นท่สี ดุ เพอ่ื - เตรยี มการข้นั สดุ ท้าย ต่อจากที่ท�ำไม่เสร็จท่ีรวมพล - จัดรูปขบวนรบ - รอเวลาออกตตี ามค�ำสั่งเท่าน้นั - แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าทำ� ได้ก็ไม่ควรหยุดอยู่ ณ ฐานออกตีนี้เลย ฉะนั้น หมจู่ ะตอ้ ง - พยายามเตรยี มการต่าง ๆ ให้แล้วเสรจ็ ในทีร่ วมพล - จดั รูปขบวนให้เสร็จก่อนถึงฐานออกตี - เคลอ่ื นทอี่ อกจากทรี่ วมพลตามก�ำหนดเวลา และกะให้ถงึ ฐานออกตี เมอ่ื ใกล้เวลาออกตี แล้วเคล่ือนทผ่ี ่านแนวออกตีไปได้เลย - เหตผุ ลทไี่ ม่ต้องการให้หยดุ ในฐานออกตี คือ - ท่ฐี านออกตเี ป็นพ้ืนท่ีซ่งึ ใกล้ทีห่ มายข้าศกึ อาจตรวจการณ์เห็น - อาจเปน็ อนั ตรายจากการยงิ ปนื ใหญ่ของข้าศกึ ได้งา่ ย เพราะฝา่ ยเรา ไม่ได้เคล่อื นท่ี ข. การปฏิบัติระหว่างการเคล่ือนท่ีจากแนวออกตีถึงแนวประสาน การปฏิบตั ิขัน้ สุดท้าย - ถ้าจำ� เป็นอาจสง่ั ให้ติดดาบก่อนกไ็ ด้ - ถ้าแนวออกตีถูกข้าศึกระดมยิงด้วย ป.ทหารทุกคนภายในหมู่จะต้อง เคล่ือนที่ ด้วยการว่ิงผ่านแนวออกตีไปรวดเร็วจนกว่าจะผ่านต�ำบลกระสุนตก แล้วจึงหยุด เพ่อื ปรบั รูปขบวนใหม่ - ถ้าแนวออกตไี ม่ถูกระดมยิงจาก ป. - การผ่านแนวออกตอี าจไม่จ�ำเป็นต้องวิง่ ก็ได้ - ผบ.หมู่จะต้องอ�ำนวยการให้หมู่เคล่ือนท่ีไปทางทิศทางและใช้รูปขบวน ท่ตี นก�ำหนดเป็นขน้ั ๆ

156 วชิ ายทุ ธวธิ ี - เมื่อประสบกับการต้านทานของข้าศึก หมู่เริ่มเปิดฉากการยิงทันที โดยพยายามทำ� ลายเป้าหมายทกุ แห่งท่ตี รวจพบหรอื สงสยั - ถา้ การยงิ ของขา้ ศกึ รนุ แรง ณ จดุ ใด ผบ.หมจู่ ะตอ้ งรายงานสถานการณ์ ให้ ผบ.หมวดทราบ แลว้ ใชว้ ธิ กี ารยงิ และการเคลอ่ื นทหี่ รอื ด�ำเนนิ กลยทุ ธเ์ ขา้ ไปยงั ทห่ี มายนน้ั - ร้องขอการยงิ สนับสนุนตามความจ�ำเป็น - ถ้าประสบกบั เครอื่ งกดี ขวาง จะต้องจดั การรอื้ ถอนด้วยเครอื่ งมอื ทมี่ อี ยู่ หรอื อ้อมผ่านไป ค. การเคลอื่ นท่จี ากแนวประสานการปฏิบตั ิข้ันสุดทา้ ยไปยังทห่ี มาย - ในการเคล่ือนทอ่ี อกจากแนวประสานการปฏบิ ัติข้นั สดุ ท้าย จะต้องอยู่ ภายใต้การกำ� กบั ของ ผบ.มว. - ตามปกติ ผบ.มว.จะใหส้ ญั ญาณเขา้ ตะลมุ บอนตอ่ เมอ่ื อาวธุ ยงิ สนบั สนนุ ต่าง ๆ ได้ย้ายหรอื เลื่อนฉากการยงิ ไปแล้ว - หมู่จะต้องปรับรูปขบวนตะลุมบอนให้แล้วเสร็จก่อนเคลื่อนท่ีเข้า ตะลมุ บอน - ถ้ายงั มิได้ตดิ ดาบ จะต้องสัง่ ให้ทหารตดิ ดาบ - เม่อื ได้รับสัญญาณให้เรม่ิ เข้าตะลมุ บอนได้ - ทหารทกุ คนในหมู่เรมิ่ ท�ำการยิงตะลุมบอนทนั ที - ผบ.หมู่ไม่ต้องทำ� การยิง - การยิงตะลุมบอนให้ท�ำการยิงด้วยสะโพกอย่างรวดเร็ว ไปยังจุดท่ี สงสัยว่าจะเป็นท่ตี ั้งข้าศกึ ทกุ แห่ง - ถ้าเห็นข้าศกึ อย่างชดั เจน จะหยุดท�ำท่ายนื ยิงต่อข้าศกึ ก็ได้ - การกวาดล้างทห่ี มายให้พยายามกระท�ำจนถงึ ชายหลงั ของทีห่ มาย - ไม่ไล่ติดตามข้าศกึ ท่วี ง่ิ หนีไป การยิงตะลมุ บอน (เวลากลางวนั ) เม่ือการยิงของข้าศึกหมดประสิทธิภาพลง เน่ืองจากการยิงสนับสนุนด้วยวิธี เล็งจ�ำลองของฝ่ายเราและการปฏบิ ัติการต่าง ๆ ของหมู่ ก็ให้หมู่รบี เข้าตะลมุ บอนต่อทม่ี ั่น ต่าง ๆ ของข้าศึกก่อนท่ีทหารของข้าศึกแต่ละคนจะสามารถท�ำการยิงอย่างได้ผลและจัด

ระเบียบใหม่การเข้าตะลุมบอนน้ี หมู่จะต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในรูปขบวน ิวชา ุยทธวิ ีธ 157 แถวหน้ากระดาน - ในระหวา่ งเขา้ ตะลมุ บอนนน้ั ทหารทกุ คนในหมจู่ ะตอ้ งรอ้ งตะโกนและสง่ เสยี งรอ้ ง ใหด้ งั ทสี่ ดุ เทา่ ทจี่ ะดงั ได้ เพราะวา่ การตะลมุ บอนนน้ั จะตอ้ งมลี กั ษณะเปน็ การปฏบิ ตั ทิ ก่ี ระทำ� อย่างรุนแรงและมกี ารยงิ หนาแน่นและแม่นย�ำด้วย - จะตอ้ งพยายามใชอ้ าวธุ ตา่ ง ๆ ทม่ี อี ยทู่ ง้ั หมด ตลอดจนลกู ระเบดิ ขวา้ งและ ดาบปลายปืน เพื่อท�ำลายหย่อมการต้านทานต่าง ๆ ของข้าศึกให้หมดสิ้นไป ก�ำลังส่วน ต่าง ๆ ของหน่วยทเ่ี ข้าตะลุมบอนทสี่ ามารถยดึ ทมี่ ่ันข้าศึกไว้ได้จะยิงสนบั สนนุ ให้กับกำ� ลงั ที่ เข้าตะลมุ บอนส่วนท่เี หลอื - เพอ่ื เปน็ การด�ำรงไว้ซง่ึ การควบคมุ บงั คบั บญั ชา และเพอ่ื ให้การตะลมุ บอน สามารถครอบคลมุ ทมี่ นั่ ของขา้ ศกึ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ ผบ.หมคู่ วรจะบอกทห่ี มายใหแ้ ตล่ ะชดุ ยงิ ไว้ การมอบท่ีหมายดังกล่าวจะเป็นการป้องกันไม่ให้ทหารเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มก้อนมาก เกินไปและจะเป็นการอ�ำนวยให้หมู่พร้อมที่จะปฏบิ ตั กิ ารเข้าตเี ข้าไปได้อย่างรวดเรว็ ด้วย - ในเวลากลางวัน พลยิงอาวุธกลท่ีเข้าตะลุมบอนจะท�ำการยิงจากท่ายิง ใต้วงแขน แต่ส�ำหรับพลปืนเล็กและหัวหน้าชุดยิงนั้นในคร้ังแรกจะต้องท�ำการยิงจาก ท่ายิงประทบั บ่าแล้วเปลี่ยนไปท�ำการยิงท่ายงิ ใต้แขน เม่อื ได้เคล่อื นทไ่ี ปถึง ณ ตำ� บลหน่ึง ในภมู ิประเทศท่ที �ำการยิงจากท่ายงิ ใต้แขนได้ - เม่ือเร่ิมต้นการยิงตะลุมบอน อาจใช้ลูกระเบิดขว้างเพื่อให้อ�ำนาจการยิง ครอบคลมุ เตม็ พนื้ ท่ี ในขน้ั การยงิ ตะลมุ บอนในการเขา้ ตนี ี้ การรวมอำ� นาจการขวา้ งลกู ระเบดิ โดยผู้ขว้างท่ีมีความช�ำนาญเป็นวิธีท่ีดีที่สุดอย่างหนึ่ง ที่ขจัดการสูญเสียอ�ำนาจการยิงที่ เหนอื กว่าข้าศกึ ซ่งึ อาจเกดิ ขึ้นได้ - เทคนิคการยิงตะลุมบอนหลาย ๆ อย่างสามารถประยุกต์ใช้กับการ ตะลุมบอนในเวลากลางคนื ได้ด้วย 9. การเสริมความมนั่ คง ณ ทห่ี มายและการจัดระเบียบใหม่ ก. การเสริมความมั่นคง ณ ท่หี มาย - เม่อื ยดึ ทห่ี มายได้แล้ว - หยดุ การเคล่อื นทแ่ี ล้วหยดุ ยึดภมู ิประเทศน้ันทนั ที

158 วชิ ายทุ ธวธิ ี - วางกำ� ลงั ทหารเปน็ รายบคุ คลลงในภมู ปิ ระเทศ โดยใชห้ ลกั การวางกำ� ลงั ในการตง้ั รับ - มอบหมายเขตการยิง - ดัดแปลงภูมปิ ระเทศตามความจ�ำเป็นเท่าท่ีพอท�ำได้ - การเสรมิ สรา้ งความมน่ั คง ณ ทห่ี มาย กระทำ� เพอื่ ปอ้ งกนั การตโี ตต้ อบจาก ขา้ ศกึ ข. การจดั ระเบยี บใหม่ - เมือ่ วางกำ� ลงั เพื่อเสรมิ ความมนั่ คง ณ ที่หมายเสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว - ข้าศกึ ไม่ได้ทำ� การตโี ต้ตอบ - สถานการณ์รบหยุดลงแล้ว ผบ.หม่จู ะต้อง 1. สำ� รวจความสญู เสยี ต่าง ๆ ทไ่ี ด้รับ 2. ส�ำรวจการสูญเสยี กำ� ลงั พล อาวธุ ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ 3. จดั การกบั ทหารที่ได้รบั บาดเจ็บ 4. ส�ำรวจความสน้ิ เปลืองของกระสนุ 5. รายงาน ผบ.มว. เพ่อื ทราบ 6. ขอเบกิ กระสุนเพม่ิ เติมและจดั การเพิ่มกระสุน 7. รอรับค�ำส่งั การปฏบิ ัตติ ่อไปจาก ผบ.มว. ตอนที่ 3 หมูป่ นื กลในการเข้าตี 1. กลา่ วน�ำ นกั ศกึ ษาวชิ าทหารไดศ้ กึ ษาถงึ เรอื่ งของการจดั หมวดปนื เลก็ มาแลว้ ซง่ึ หมปู่ นื กล เปน็ หนว่ ยหนงึ่ ในอตั ราของหมวดปนื เลก็ หมปู่ นื กลนบั วา่ เปน็ อาวธุ สนบั สนนุ หลกั ของหมวด ปนื เลก็ ฉะนน้ั เนอื่ งจากขอบเขตการศกึ ษาวชิ าทหารชน้ั ปที ี่ 3 เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาไดม้ คี วามรคู้ วาม สามารถในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นฐานะเปน็ ผบู้ งั คบั หมไู่ ด้ จงึ จ�ำเปน็ ทนี่ กั ศกึ ษาจะตอ้ งทราบถงึ อาวุธสนับสนุนของหน่วยเหนือ ท่ีสามารถให้การสนับสนุนส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ หมู่ปืนกล

นบั ว่ามบี ทบาทส�ำคัญมากท่จี ะช่วยให้ภารกจิ ของหมวดปืนเลก็ บรรลุผล ซ่ึงจะใช้หมู่ปืนกล ิวชา ุยทธวิ ีธ 159 อย่างไรนน้ั นักศกึ ษาวชิ าทหารจะได้เรยี นในเรอ่ื งหมู่ปืนกลในการเข้าตตี ่อไป 2. การจดั กำ�ลงั หมู่ปืนกลประกอบด้วย ผู้บงั คับหมู่ 1 คน, พลยงิ 2 คน พลยิงผู้ช่วย 2 คน และ พลกระสุน 4 คน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นพวกปืนกลสองพวก แต่ละพวกมีปืนกล 38 (MAG 58) 1 กระบอก ประกอบด้วยพลประจ�ำปืน คอื พลยิง 1 คน พลยงิ ผู้ช่วย 1 คน และ พลกระสุน 2 คน 3. ภารกจิ ของหมปู่ ืนกลในการเขา้ ตี หมู่ปืนกลมภี ารกิจหลัก คอื สนบั สนนุ การเคลือ่ นทแี่ ละการเข้าตะลุมบอนของ หมู่ปืนเลก็ ภายในหมวดเดยี วกนั ด้วยการยิงสนบั สนุนอย่างใกล้ชดิ และต่อเนือ่ ง 4. การใช้หมปู่ ืนกลในทางยุทธวธิ ี โดยธรรมดาแลว้ ผบู้ งั คบั หมวดปนื เลก็ จะเปน็ ผพู้ จิ ารณาและสงั่ การใชห้ มปู่ นื กล เพอ่ื สนบั สนนุ การเข้าตขี องหมวด ซ่งึ สามารถจะแบ่งการใช้ได้เป็น 3 ลกั ษณะ คือ ก. ถ้ามที ตี่ ง้ั ยิงท่เี หมาะสมใกล้ ๆ กบั แนวออกตี หรอื ณ แนวออกตี ซ่งึ อำ� นวย ใหก้ ารตรวจการณ์ และมพี น้ื ยงิ ครอบคลมุ เสน้ ทางเคลอ่ื นทข่ี องหมปู่ นื เลก็ ตา่ ง ๆ ไปสทู่ หี่ มาย ขั้นต้นได้โดยตลอดแล้ว ก็ควรก�ำหนดให้ปืนกลของหมู่ปืนกลท้ังสองกระบอกเข้าประจ�ำ ท่ีต้ังยิงเหล่าน้ีก่อนเวลาออกตีเล็กน้อย และให้มีเจ้าหน้าท่ีคอยยิงสนับสนุน หรือคุ้มครอง การเคลื่อนท่ีให้กับหมู่ปืนเล็กต่าง ๆ นับตั้งแต่เริ่มต้นเคลื่อนท่ีผ่านแนวออกตีไปจนกว่าจะ ท�ำการยิงต่อไปไม่ได้ การใช้ปืนกลในลักษณะการดังกล่าวน้ี ถือได้ว่าเป็นการสนับสนุน สว่ นรวม ซงึ่ โดยปกตแิ ลว้ ผบู้ งั คบั หมปู่ นื กลจะตอ้ งเปน็ ผคู้ วบคมุ การยงิ อยา่ งใกลช้ ดิ ตอ่ ปนื กล ท้ังสองกระบอกด้วยตวั เอง ข. ถา้ ในพน้ื ทร่ี ะหวา่ งแนวออกตไี ปจนถงึ ทห่ี มายนนั้ มพี น้ื ทบี่ างสว่ นไมส่ ามารถ ใชป้ นื กลทำ� การยงิ คมุ้ ครองไดจ้ ากทตี่ งั้ ยงิ ตามทก่ี ลา่ วใน ขอ้ ก. ขา้ งตน้ แลว้ การยงิ สนบั สนนุ ของปนื กลอาจจะกระทำ� ไดเ้ ปน็ อยา่ งดที สี่ ดุ กค็ อื ควรใชป้ นื กลกระบอกหนงึ่ เขา้ ประจำ� ทตี่ งั้ ยงิ ใกล ้  ๆ กบั แนวออกตี และใหป้ นื กลอกี กระบอกหนง่ึ รว่ มเคลอื่ นทไ่ี ปกบั หมปู่ นื เลก็ หมใู่ ดหมหู่ นงึ่ ที่เป็นส่วนดำ� เนินกลยุทธ์การ ใช้ปืนกลในลักษณะดังกล่าวนี้ควรกำ� หนดให้ปืนกลกระบอก ทต่ี ง้ั ยงิ สนบั สนนุ ณ แนวออกตมี หี นา้ ทส่ี นบั สนนุ สว่ นรวมอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ อยา่ งใกลช้ ดิ

160 วชิ ายทุ ธวธิ ี ของผบู้ งั คบั หมปู่ นื กล ส่วนปนื กลอกี กระบอกหนงึ่ ทกี่ �ำหนดใหเ้ คลอ่ื นทร่ี ่วมไปกบั หม่ปู ืนเลก็ ท่ีเป็นส่วนด�ำเนินกลยุทธ์นั้น อาจจะก�ำหนดให้ใช้ในลักษณะของการสนับสนุนโดยตรง ขนึ้ การบงั คบั บญั ชาต่อผู้บงั คบั หมวดโดยตรง หรือมอบหน้าที่การบังคบั บญั ชาให้กบั พลยิง ก็ได้ หรืออาจจะก�ำหนดให้ใช้ในลักษณะของการจัดให้สมทบกับผู้บังคับหมู่ปืนเล็กนั้น ๆ ซง่ึ จะต้องข้นึ การบังคับบัญชากบั ผู้บังคบั หมู่ปืนเลก็ นนั้  ๆ ก็ได้ ค. ถ้า ณ แถวออกตนี ้นั ไม่มพี ้นื ยิง และการตรวจการณ์ไปยงั พ้นื ทขี่ ้างหน้าได้ เลย มวี ธิ กี ารเดยี วเท่านน้ั ทจ่ี ะใช้ปืนกล คอื จะตอ้ งใช้ปืนกลใหร้ ่วมเคลอ่ื นทไี่ ปกบั หมปู่ นื เลก็ ทีเ่ ป็นส่วนด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ท้ัง 2 กระบอก ซงึ่ อาจจะแบ่งการใช้ออกได้เป็นลกั ษณะการต่าง ๆ คือ (1) ถา้ สถานการณแ์ ละลกั ษณะภมู ปิ ระเทศยงั ไมบ่ ง่ ในขนั้ ตน้ วา่ ปนื กลควรจะ มบี ทบาท ณ พน้ื ทดี่ า้ นใด อาจจะเกบ็ หมปู่ นื กลทงั้ 2 กระบอกใหเ้ คลอื่ นทตี่ ดิ ตามหมปู่ นื เลก็ ที่เป็นส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ โดยให้อยู่ในความควบคุมโดยตรงของผู้บังคับหมู่ปืนกล และ รับค�ำส่ังการปฏบิ ัติขัน้ ต่อไปจากผู้บงั คบั หมวดก็ได้ (2) ถ้าสถานการณ์และลักษณะภูมิประเทศบ่งชัดเป็นบางส่วนก็อาจ จะก�ำหนดให้เป็นปืนกลกระบอกหน่ึงร่วมเคล่ือนที่ไปกับหมู่ปืนเล็กหนึ่งหมู่ในลักษณะ สนับสนุนโดยตรง หรือจัดสมทบ และให้ปืนกลอีกกระบอกหนึ่งสนับสนุนส่วนรวมภายใต้ การควบคุมของผู้บังคับหมู่ปืนกลในลักษณะของการสนับสนุนส่วนรวม หรือสนับสนุน โดยตรงเสมอ 5. การเตรียมการเข้าตี ก. การใชป้ นื กลระวังป้องกนั ที่รวมพลหมวด เม่ือหมวดปืนเล็กเข้าพักอยู่ ในทร่ี วมพลเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารเตรยี มการเขา้ ตนี นั้ ถงึ แมว้ า่ หมปู่ นื กลจะมฐี านะเปน็ หนว่ ยรองของ หมวดกต็ าม ผู้บังคบั หมวดมกั จะไม่มอบหมายพนื้ ทร่ี วมพลให้กับหมู่ปืนกล แต่จะกำ� หนด ภารกจิ ใหห้ มปู่ นื กลมหี นา้ ทจ่ี ดั การระวงั ปอ้ งกนั ทร่ี วมพลใหก้ บั หมวด โดยก�ำหนดทต่ี งั้ ยงิ และ เขตการยงิ ให้ ซง่ึ ทตี่ งั้ ยงิ นน้ั  ๆ มกั จะอยใู่ นพนื้ ทรี่ วมพลของหมปู่ นื เลก็ ตา่ ง ๆ ผบู้ งั คบั หมปู่ นื กล จะตอ้ งนำ� ปนื กลของตนทง้ั สองกระบอกเขา้ ประจำ� ทตี่ ง้ั ยงิ ตามทผ่ี บู้ งั คบั หมวดสง่ั แตใ่ นขณะ เดยี วกนั กำ� ลงั พลของหมปู่ นื กลทง้ั หมดกจ็ ะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ นรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ภายในทร่ี วมพล เช่นเดยี วกบั หมู่ปืนเล็กตามรายละเอียดทีก่ ล่าวไว้ในข้อ 4 ก.

ข. การรว่ มไปรบั คำ� สงั่ การเขา้ ตกี บั ผบู้ งั คบั หมวด ผบู้ งั คบั หมปู่ นื กลจะตอ้ ง ิวชา ุยทธวิ ีธ 161 เป็นบุคคลหน่ึงที่ผู้บังคับหมวด มักจะก�ำหนดให้ต้องร่วมไปรับค�ำสั่งการเข้าตีจากผู้บังคับ กองร้อยกับตน เม่ือจะต้องร่วมไปรับค�ำสั่งกับผู้บังคับหมวดก่อนที่จะเคลื่อนที่ออกไปจาก ทรี่ วมพล กค็ วรจะมอบหนา้ ทบ่ี งั คบั บญั ชาหมไู่ วก้ บั พลยงิ อาวโุ สเสยี กอ่ น โดยก�ำหนดใหเ้ ปน็ ผู้อ�ำนวยการให้กำ� ลงั พลของหมู่เตรยี มการในเรอ่ื งต่าง ๆ ต่อไปให้แล้วเสรจ็ ค. การให้ข้อเสนอแนะต่อผู้บังคับหมวด เมื่อได้รับค�ำส่ังการเข้าตีจาก ผ้บู งั คบั การกองร้อยแล้ว ผบู้ งั คบั หมวดอาจจะกำ� หนดให้ผ้บู งั คบั หมปู่ นื กลช่วยทำ� การตรวจ ภมู ปิ ระเทศเพอ่ื หาขอ้ ตกลงใจเกย่ี วกบั การใชป้ นื กลทางยทุ ธวธิ ที เี่ หมาะสม ผบู้ งั คบั หมปู่ นื กล จะต้องตรวจและพิจารณาภูมิประเทศอย่างรอบคอบและเตรียมข้อเสนอแนะการใช้ปืนกล ทางยทุ ธวธิ วี ธิ ใี ดวธิ หี นง่ึ หรอื หลายวธิ ตี ามรายละเอยี ดทกี่ ลา่ วในขอ้ 4 ขา้ งตน้ ตอ่ ผบู้ งั คบั หมวด ง. การรับค�ำส่ังการเข้าตี ในขณะท่ีผู้บังคับหมวดสั่งการเข้าตีผู้บังคับ หมปู่ นื กลจะตอ้ งรว่ มรบั คำ� สงั่ การเขา้ ตจี ากผบู้ งั คบั หมวดพรอ้ มกบั ผบู้ งั คบั หมปู่ นื เลก็ อนื่  ๆ ดว้ ย 6. ระเบียบการน�ำ หนว่ ย หลังจากที่ได้รับค�ำส่ังการเข้าตีจากผู้บังคับหมวดแล้ว ผู้บังคับหมู่ปืนกลคงมี ข้ันตอนในการปฏิบัติงานตามระเบียบการน�ำหน่วยเช่นเดียวกับผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก จะมี ข้อแตกต่างกนั ก็เฉพาะที่เป็นรายละเอียดของการปฏิบตั ใิ นเร่อื งต่อไปนคี้ อื ก. ผู้บังคับหมู่ปืนกลจะต้องท�ำการลาดตระเวนตรวจภูมิประเทศโดยละเอียด อกี ครั้งตามภารกจิ ท่ีได้รบั มอบ เพื่อหาข้อตกลงในเรื่อง (1) ทีต่ ัง้ ยิง (ทตี่ ้งั ยงิ จริง และที่ตง้ั ยงิ ส�ำรอง) การตรวจการณ์ และพื้นการ ยิงจากแนวออกตไี ปตามเส้นทางเข้าสู่ทห่ี มายของหมวด (2) ตรวจหาท่ีต้ังยิงในพ้ืนท่ีข้างหน้า แนวออกตีท่ีมีการตรวจการณ์และ พน้ื การยงิ ดี ตลอดเส้นทางจนถงึ ทหี่ มาย (3) ที่ตั้งยิงท่ีสามารถใช้ท่ีตั้งยิงสนับสนุนการปฏิบัติการตะลุมบอนให้กับ หมวดได้ (4) ความจำ� เป็นท่ตี ้องใช้ปืนกลเข้าร่วมตะลุมบอนพร้อมกบั หมู่ปืนเลก็ ข. ค�ำสั่งการเข้าตีของผู้บังคับหมู่ปืนกล คงใช้หัวข้อการส่ังการเช่นเดียวกับ คำ� ส่ังของผู้บงั คับหมู่ปืนเลก็ แต่จะต้องมรี ายละเอยี ดทีค่ รอบคลมุ ถงึ เร่ืองต่าง ๆ เหล่าน้ี คอื

162 วชิ ายทุ ธวธิ ี (1) การใช้หมู่ปืนกลทางยทุ ธวธิ ี (2) ทตี่ ัง้ ยิงข้นั ต้น และภารกจิ การยงิ ของปืนแต่ละกระบอก (3) การเปล่ยี นย้ายทต่ี ้ังยงิ (4) การควบคมุ การยิง (5) การยิงในขณะปฏบิ ตั กิ ารตะลมุ บอน (6) การใช้ปืนกลในการเสริมสร้างความมั่นคง ณ ทหี่ มาย 7. การปฏิบัตกิ ารเขา้ ตี ก. เมอ่ื ใชป้ นื กลยงิ สนบั สนนุ สว่ นรวม ผบู้ งั คบั หมปู่ นื กลจะตอ้ งอ�ำนวยการ ให้มีการปฏบิ ัติการสนับสนนุ การเข้าตไี ด้ดังต่อไปนี้ (1) ใหน้ ำ� ปนื กลเขา้ ประจำ� ทตี่ ง้ั ยงิ ทม่ี กี ารกำ� บงั และการซอ่ นพราง และมกี าร ตรวจการณ์และพน้ื ยงิ ดี (2) ผบู้ งั คบั หมเู่ ปน็ ผพู้ จิ ารณากำ� หนดทตี่ ง้ั เปา้ หมาย กำ� หนดวธิ ี และจงั หวะ การยิง และเป็นผู้ออกค�ำสั่งยิงต่อเป้าหมายต่าง ๆ ให้บังเกิดเป็นผลดีต่อการคุ้มครองการ เคล่อื นท่ใี ห้กบั หมู่ปืนเล็กต่าง ๆ ได้อย่างมากทสี่ ดุ (3) ผู้บงั คับหมู่จะต้องคอยตรวจการณ์ ดกู ารรกุ ไปข้างหน้าของหมู่ปืนเล็ก ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ และพิจารณาอยู่เสมอว่าการเคล่ือนท่ีของหน่วยต่าง ๆ เหล่าน้ีจะบังทางยิงของปืนกลหรือไม่ ถ้าจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการเปล่ียนย้ายที่ตั้งยิงไปตาม ความเหมาะสมในทนั ที (4) ถา้ หมปู่ นื เลก็ เคลอ่ื นทบ่ี งั ทางยงิ ควรใชเ้ ทคนคิ การยงิ ขา้ มตามความเหมาะสม ข. เมอ่ื ใชป้ นื กลรว่ มเคลอ่ื นทไ่ี ปกบั สว่ นดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ เมอื่ พลประจำ� ปนื เข้าร่วมไปกบั ส่วนด�ำเนนิ กลยทุ ธ์ จะต้องปฏบิ ตั ิดงั ต่อไปนี้ (1) พลประจ�ำปืนจะต้องน�ำปืนของตนเข้าประจ�ำท่ีตั้งยิง ซึ่งสามารถ จะปฏิบัติการยิงไปยังเป้าหมายต่าง ๆ ได้ในทันที โดยไม่ให้การยิงน้ันต้องเป็นอันตราย ตอ่ หมปู่ นื เลก็ และคอยเปลย่ี นยา้ ยทต่ี ง้ั ยงิ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั กิ ารยงิ ดงั กลา่ วนนั้ ไดโ้ ดยตลอด ถงึ แม้ว่าจะไม่มเี ป้าหมายปรากฏข้นึ ก็ตาม (2) ในระหว่างการตะลุมบอนพลยิงอาจเข้าประจ�ำท่ีตั้งยิง ตามที่กล่าว ในขอ้ 1 ขา้ งตน้ หรอื ถา้ ไมม่ ที ตี่ ง้ั ยงิ ทเี่ กอ้ื กลู ใหท้ �ำการยงิ สนบั สนนุ การตะลมุ บอนเชน่ เดยี วกบั พลปืนเลก็

8. การเสริมสรา้ งความมั่นคง ณ ทห่ี มาย ิวชา ุยทธวิ ีธ 163 ในทนั ทที ห่ี มวดปนื เลก็ ยดึ ทห่ี มายไดแ้ ลว้ ไมว่ า่ ในการปฏบิ ตั กิ ารเขา้ ตนี น้ั จะไดใ้ ช้ ปืนกลสนับสนุนการเข้าตีอยู่ในลักษณะใดก็ตาม การใช้ทางยุทธวิธีดังกล่าวนั้นย่อมหมด สภาพลง ผู้บังคบั หมู่ปืนกลจะต้องอำ� นวยการนำ� ปืนกลของตนท้งั สองกระบอกเข้าประจำ� ท่ี ตงั้ ยงิ ตามตำ� บลทผ่ี บู้ งั คบั หมวดไดส้ ง่ั การไว้ โดยตนเองจะตอ้ งเปน็ ผกู้ �ำหนดทต่ี ง้ั ยงิ ทแ่ี นน่ อน ใหก้ บั ปืนกลแต่ละกระบอก และมอบเขตการยงิ ให้ เพอื่ ใหส้ ามารถใชป้ นื กลทง้ั สองกระบอก น้ันป้องกนั การตีโต้ตอบของข้าศกึ ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากทีส่ ดุ 9. การจดั ระเบียบใหม่ เมื่อได้น�ำปืนกลทั้งสองกระบอกเข้าประจ�ำที่ตั้งยิงเพื่อเสริมสร้างความม่ันคง ณ ท่ีหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้บังคับหมู่ปืนกลและเจ้าหน้าท่ีของหมู่ปืนกลทุกคน จะต้องทำ� การจดั ระเบยี บใหม่เช่นเดยี วกบั หมู่ปืนเลก็ หลักฐานอ้างองิ 1. รส. 7-11, 7-15 2. หมู่, หมวด ทหารราบ ฉบบั (2512)

164 วชิ ายทุ ธวธิ ี บทท่ี หมปู่ นื เล็กในการตัง้ รบั และถอนตวั ตอนท่ี 1 การรบด้วยวธิ รี บั 1. กลา่ วท่ัวไป ในการปฏิบัตกิ ารรบกบั ข้าศกึ น้นั การจะได้ชยั ชนะโดยเด็ดขาดฝ่ายเราต้อง เป็นฝ่ายรกุ หรอื เป็นฝ่ายเข้าตขี ้าศกึ การรบด้วยวิธรี บั ไม่เป็นสิ่งที่จะท�ำให้ฝ่ายเราได้รบั ชยั ชนะขา้ ศกึ โดยเดด็ ขาดได้ ทกี่ ลา่ วเชน่ นมี้ ไิ ดห้ มายความวา่ เราจะหลกี เลยี่ งการรบดว้ ย วธิ รี บั เสยี โดยสน้ิ เชิง ในบางโอกาสเราอาจมีความจำ� เป็นจะต้องท�ำการตง้ั รบั เหมือนกนั ซงึ่ กเ็ ป็นไปตามความมุ่งหมายของการรบด้วยวิธีรับ 2. ความมุ่งหมายของการรบด้วยวธิ ีรับ การปฏิบัติการรบด้วยวิธีรับมีความมุ่งหมายเพ่ือเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ดงั ต่อไปนี้คอื ก. เพื่อรอโอกาสทจ่ี ะกลบั มาเป็นฝ่ายรุก ข. เพอ่ื ออมกำ� ลงั ในพื้นทแ่ี ห่งหน่ึง และน�ำก�ำลงั ส่วนใหญ่ไปปฏบิ ัตกิ ารรบ แตกหัก ณ พ้นื ท่อี กี แห่งหนง่ึ

ค. เพอื่ ทำ� ลายหรอื ล่อให้ข้าศกึ เข้ามาในพน้ื ทีท่ เี่ ราต้องการ ิวชา ุยทธวิ ีธ 165 ง. เพอื่ ลดขีดความสามารถในการรบด้วยวิธรี กุ ของข้าศกึ จ. เพื่อขดั ขวางข้าศกึ ท่จี ะเข้ามาสู่พนื้ ทส่ี ำ� คญั 3. การรบดว้ ยวธิ ีรบั คือการใช้เครื่องมือและวิธีการท้ังมวลท่ีมีอยู่เพ่ือป้องกันต้านทาน หรือท�ำลาย การเข้าตีของข้าศึกด้วยการยึดรักษาภูมิประเทศไว้ การปฏิบัติการในลักษณะน้ีเรียกว่า “การตั้งรบั ” 4. แบบของการตง้ั รับ การตงั้ รบั มี 2 แบบ คือ การต้งั รับแบบพ้นื ท่ี และการต้งั รับเคลอ่ื นที่ ก. การต้ังรับแบบพื้นท่ี คือการปฏิบัติการเพ่ือยึดและรักษาภูมิประเทศที่ กำ� หนดเฉพาะแห่งใดแห่งหนง่ึ การตง้ั รบั แบบนจี้ ะต้องมกี ำ� ลงั ประจำ� อยู่ในที่ม่นั ในแถวหน้า อยา่ งเขม้ แขง็ และมภี ารกจิ หลกั คอื หยดุ ขา้ ศกึ ไว้ ณ ขา้ งหนา้ พน้ื ทก่ี ารรบ กำ� ลงั สว่ นนจี้ ะเขา้ ประจำ� ทม่ี นั่ ซง่ึ ไดด้ ดั แปลงไวอ้ ยา่ งแขง็ แรงในพน้ื ทกี่ ารรบสว่ นหนา้ ถา้ ขา้ ศกึ เจาะพน้ื ทกี่ ารรบ เขา้ มาได้ จะตอ้ งพยายามทำ� ลายหรอื ขบั ไลข่ า้ ศกึ ออกไปดว้ ยการตโี ตต้ อบ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ หลกั เพอ่ื กลบั เขา้ ควบคมุ พน้ื ทก่ี ารรบสว่ นหนา้ ไวใ้ หมอ่ กี ครง้ั หนง่ึ การตง้ั รบั แบบนจ้ี ะวางกำ� ลงั ส่วนน้อยไว้ในพน้ื ท่กี ารรบส่วนหลงั เพือ่ ท�ำหน้าทเ่ี ป็นกองทุน ข. การตั้งรับเคลื่อนที่ หน่วยระดบั กองพลข้ึนไปจงึ สามารถด�ำเนนิ การต้ังรับ แบบน้ีได้ การต้ังรับเคลื่อนที่ คือการต้ังรับท่ีใช้อ�ำนาจก�ำลังรบในพ้ืนท่ีต้ังรับส่วนหน้า ใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ เพอื่ ใหม้ กี ารแจง้ เตอื นการเขา้ ตขี องขา้ ศกึ ทใี่ กลเ้ ขา้ มาหนว่ งเหนยี่ วการเคลอ่ื นท่ี ของข้าศกึ ให้ช้าลง ทำ� ใหข้ า้ ศกึ เสยี ระเบยี บในการรกุ และเพอ่ื บบี บงั คบั ให้ฝ่ายเขา้ ตเี คลอ่ื นที่ ไปยังพ้ืนที่ท่ีเก้ือกูลต่อการใช้กองหนุนเข้าท�ำการตีโต้ตอบ ในขณะเดียวกันฝ่ายตั้งรับจะ ตอ้ งเกบ็ อำ� นาจกำ� ลงั รบสว่ นใหญไ่ วใ้ นลกั ษณะเปน็ กองหนนุ เคลอื่ นทเ่ี รว็ ซง่ึ จะใหเ้ ขา้ ประจำ� ท่ีม่ันไว้ส�ำหรับท�ำการรบด้วยวิธีรุก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อท�ำลายก�ำลังของฝ่ายเข้าตี ให้ได้รับความเสยี หายให้มากทส่ี ดุ

166 วชิ ายทุ ธวธิ ี ตอนท่ี 2 หมูป่ ืนเล็กในแนวหนา้ ตง้ั รบั 1. กลา่ วทัว่ ไป ก. หมู่ปืนเล็กมกี ำ� ลังพลอยู่เพียง 11 คน ด้วยก�ำลังพลและอาวธุ ท่ีมอี ยู่ภายใน หมู่ปืนเล็กนั้นไม่สามารถจะไปท�ำการตั้งรับสู้รบกับข้าศึกได้ ในการต้ังรับน้ันหมู่ปืนเล็กจะ ปฏบิ ตั ติ ามลำ� พงั ไมไ่ ด้ แตห่ มปู่ นื เลก็ จะตอ้ งปฏบิ ตั กิ ารตง้ั รบั ในฐานะเปน็ ก�ำลงั สว่ นหนงึ่ ของ หน่วยเหนอื เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตง้ั รับแบบใด หมู่ปืนเลก็ จะท�ำการต้ังรบั ตามล�ำพงั มิได้ ข. ในการปฏิบัติการต้ังรับของหมู่ปืนเล็กน้ัน นศท.จะมีส่วนเข้าปฏิบัติการ ในฐานะเป็น ผบ.หมู่ และลูกแถวตามตำ� แหน่งต่าง ๆ ในหมู่ปืนเลก็ เช่น เป็นหัวหน้าชดุ ยงิ , พลปืนเล็ก, พลยิงเคร่ืองยิงลูกระเบิด หรือพลปืนเล็กกล นศท.จะต้องมีความรู้ในหน้าที่ ต่าง ๆ ภายในหมู่ปืนเลก็ เพอื่ ให้สามารถปฏิบตั งิ านได้ทุกหน้าที่ 2. แนวคดิ ในการตั้งรับ กอ่ นทจ่ี ะศกึ ษาในรายละเอยี ดการตงั้ รบั ของหมปู่ นื เลก็ นศท.มคี วามจำ� เปน็ ตอ้ ง เรยี นรถู้ งึ หลกั พน้ื ฐานของการตง้ั รบั โดยทว่ั ๆ ไปเสยี กอ่ นวา่ ในการตงั้ รบั นนั้ เราตอ้ งพจิ ารณา แบ่งพ้นื ทแ่ี ละวางก�ำลงั อย่างไร ส่งิ น้เี ราเรยี กว่า “แนวความคดิ ในการตง้ั รบั ” ตามปกติแล้วเราจะแบ่งพ้ืนที่ในการตั้งรับออกเป็นพ้ืนที่ส�ำคัญ 2 ส่วน จาก ข้างหน้าลงมาข้างหลงั ตามล�ำดับ คอื ก. พ้ืนท่ีส่วนระวงั ป้องกนั ข. พน้ื ที่การรบ พืน้ ทส่ี ่วนระวังปอ้ งกัน พนื้ ทสี่ ว่ นระวงั ปอ้ งกนั เปน็ พน้ื ทท่ี อ่ี ยขู่ า้ งหนา้ ในทศิ ทางทขี่ า้ ศกึ จะเคลอ่ื นทเี่ ขา้ มา พ้ืนท่ีส่วนระวังป้องกันน้ีไม่ใช่พื้นท่ีท่ีฝ่ายตั้งรับจะต้องยึดรักษาไว้ แต่มีการวางก�ำลังไว้ ในพื้นท่ีส่วนน้ีเพ่ือให้ทราบการเข้ามาของข้าศึกเสียแต่เนิ่น การสู้รบของก�ำลังทหาร ทปี่ ระจำ� อยู่ในพนื้ ทสี่ ่วนระวงั ป้องกนั นจ้ี ะพยายามทำ� ให้ข้าศกึ ได้รบั ความเสยี หายมากทสี่ ดุ แล้วถอนตวั หนี ทง้ั น้ี เพื่อประสงค์จะให้ก�ำลงั รบของข้าศึกที่เข้าตตี ้องอ่อนก�ำลังลง

พืน้ ที่การรบ ิวชา ุยทธวิ ีธ 167 พ้ืนที่การรบ เป็นพื้นท่ีที่อยู่ข้างหลังต่อลงมาจากพ้ืนที่ส่วนระวังป้องกัน พื้นท่ี การรบนี้เป็นพ้ืนท่ีท่ีฝ่ายต้ังรับจะต้องยึดรักษาไว้ โดยไม่ยอมให้ข้าศึกล่วงล้�ำเข้ามาได้โดย เดด็ ขาดแนวหนา้ สดุ ของพนื้ ทเ่ี รยี กวา่ “แนวขอบหนา้ พนื้ ทก่ี ารรบ” (ขนพร.) หนา้ ทข่ี องหนว่ ย ทหารทป่ี ระจ�ำอยู่ในแนวขอบหน้าพน้ื ทก่ี ารรบนี้ จะต้องพยายามปฏิบัติต่อข้าศึกทกุ วิถีทาง เพอื่ ไม่ยอมให้ข้าศกึ เคลอื่ นทล่ี ่วงล้�ำผ่านแนวนม้ี าได้โดยเดด็ ขาด ส่วนพน้ื ทก่ี ารรบจะมคี วามลกึ ลงมาขา้ งหลงั มากน้อยเพยี งใดนนั้ ย่อมขนึ้ อย่กู บั ขนาดของหนว่ ยทเ่ี ขา้ ประจำ� อยู่ เชน่ ถา้ เปน็ กองพนั กจ็ ะลกึ ลงมามากเพราะมที หารมาก ถา้ เปน็ กองร้อย, หมวด, หมู่ ก็รับผิดชอบน้อยลงมาตามลำ� ดบั โดยเฉพาะพืน้ ทก่ี ารวางก�ำลังต้ังรบั ของหมกู่ วา้ ง 30 - 100 เมตร และไมเ่ กนิ 125 เมตร ความลกึ อาจเทา่ ของหมวด 50 - 200 เมตร พน้ื ท่สี ่วนระวงั ปอ้ งกันแบง่ ออกเปน็ แนวส�ำคัญ 2 แนว คอื ก. แนวกองรกั ษาดา่ นทว่ั ไป (กคป.) แนวประเภทนจี้ ะอยหู่ า่ งจากแนวขอบหนา้ พน้ื ทก่ี ารรบไปประมาณ 8 - 16 กโิ ลเมตร ข. แนวกองรักษาด่านรบ (กดร.) แนวน้ีจะอยู่ห่างจากแนวขอบหน้าพื้นท่ี การรบไปประมาณ 1,000 - 2,400 เมตร ขอให้สังเกตว่าก่อนท่ีข้าศึกจะเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาถึงแนวของหน้าพื้นที่การรบ ข้าศกึ จะตอ้ งเผชญิ กบั ส่วนระวงั ปอ้ งกนั ของฝา่ ยเราถงึ 2 แนว ยอ่ มจะทำ� ให้ข้าศกึ ออ่ นกำ� ลงั ลงได้ก่อนท่จี ะเข้ามาถงึ แนวขอบหน้าพ้ืนทก่ี ารรบ ข้างหน้าแนวขอบหน้าพ้นื ทกี่ ารรบ ยงั มีการจัดส่วนระวังป้องกันเฉพาะตำ� บลไว้ อีกเพ่ือแจ้งการเล็ดลอดแทรกซึมเข้ามาของข้าศึก ส่วนระวังป้องกันเฉพาะต�ำบลนี้จะจัดไว้ ห่างจากแนวขอบหน้าพ้ืนที่การรบออกไปไม่เกิน 400 เมตร ในเวลากลางวันจัดเป็นยาม คอยเหตกุ ำ� ลงั จดุ ละ 1 - 2 คน ในเวลากลางคนื จดั เป็นท่ฟี ังการณ์ หมู่ตรวจ หน่วยลาด ตระเวนตดิ ต่อ มกี �ำลงั จุดละ 2 - 4 คน พนื้ ทกี่ ารรบ แบง่ พนื้ ทอี่ อกเปน็ 2 สว่ น จากขา้ งหนา้ ลงมาขา้ งหลงั ตามลำ� ดบั คอื ก. พนื้ ทก่ี ารตง้ั รบั ในแนวหนา้ คอื พนื้ ทซี่ ง่ึ หนว่ ยทหารทปี่ ระจำ� อยจู่ ะตอ้ งยดึ รกั ษาไว้โดยไม่ยอมให้ข้าศกึ เคล่ือนที่ผ่านแนวขอบหน้าพน้ื ทีก่ ารรบเข้ามาได้โดยเดด็ ขาด

 ข. พื้นท่ีกองหนุน คือ พ้ืนท่ีการรบในส่วนหลัง ก�ำหนดเอาไว้เพื่อวางก�ำลัง ในทางลกึ ลงมาข้างหลงั ส�ำหรับใช้ในการแก้ปัญหา เม่ือก�ำลังในพน้ื ทกี่ ารต้งั รับในแนวหน้า 168 วชิ ายทุ ธวธิ ี ไม่สามารถต้านทานข้าศึกได้ เราก็จะใช้ก�ำลังทหารในพื้นที่กองหนุนน้ีผลักดันหรือขับไล่ ข้าศึกออกไปอกี ท่ีหนง่ึ ข้าศึก พน้ื ทีส่ ่วนระวงั ป้องกัน แนวขอบหน้าพื้นทีก่ ารรบ พืน้ ท่กี ารรบ รูปที่ 1 การแบง่ พ้นื ทส่ี ่วนใหญใ่ นการตง้ั รบั

1,000 ถึง 8 - 16 กม. ข้าศกึ ืพ้นที่ ่สวนระวัง ้ปอง ักน 2,400 เมตร แนวกองรกั ษาด่านท่วั ไป แนวกองรกั ษาด่านรบ แนวขอบหนา้ พื้นทกี่ ารรบ ้ืพนท่ีการรบ พ้ืนทตี่ ง้ั รบั ในแนวหน้า ิวชา ุยทธวิธี 169 พน้ื ที่กองหนุน รปู ที่ 2 แนวความคดิ ในการตั้งรบั

170 วชิ ายทุ ธวธิ ี 3. ภารกจิ ในการตง้ั รบั ของหมปู่ นื เล็ก ในการต้ังรับนั้นหมู่ปืนเล็กมีภารกิจส�ำคัญที่จะต้องยึดถือเป็นหนทางปฏิบัติอยู่ 2 ประการ คอื ก. ยบั ย้ังข้าศกึ ไว้ ณ ข้างหน้าแนวขอบหน้าพน้ื ทก่ี ารรบด้วยการยิง ข. ขับไล่ข้าศกึ ด้วยการรบประชิด ภารกจิ ยบั ยัง้ ขา้ ศกึ ในขณะท่ีข้าศึกเคล่ือนที่เข้ามานั้น หมู่ปืนเล็กจะต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะ ใช้อ�ำนาจการยงิ ทัง้ ปวงท่มี ีอยู่ท�ำการยิงสกดั กัน้ ข้าศกึ เอาไว้ เพ่อื ยับยงั้ ข้าศกึ ไม่ให้เคลอื่ นท่ี เข้ามาถงึ แนวขอบหน้าพ้นื ท่กี ารรบ ภารกิจขบั ไล่ขา้ ศึก เมอื่ ได้พยายามใช้อำ� นาจการยงิ ตามภารกจิ แรกแลว้ ยงั ไม่สามารถสกดั กนั้ หรอื ยับย้ังข้าศึกไว้ได้ ปรากฏว่าข้าศึกบางส่วนได้เคล่ือนท่ีเข้ามาจนถึงขอบหน้าพ้ืนที่การรบ หนา้ ทส่ี ำ� คญั ทห่ี มปู่ นื เลก็ จะปฏบิ ตั ติ อ่ ไปกค็ อื พยายามผลกั ดนั หรอื ขบั ไลข่ า้ ศกึ สว่ นนนั้ ออกไป ด้วยการรบในระยะประชดิ การรบในระยะประชิด หมายถึงการสู้รบในระยะใกล้มาก จนถึงการสู้รบแบบ ถงึ ตวั ในลกั ษณะตะลมุ บอน การสู้รบในขัน้ นอ้ี าจจ�ำเป็นต้องใช้ดาบปลายปืนด้วยกไ็ ด้ 4. การเตรยี มการต้งั รับ ก. การปฏิบัติการในทร่ี วมพล เมื่อหมู่ปืนเล็กได้รับค�ำส่ังให้ไปท�ำการต้ังรับ ณ พ้ืนที่แห่งใดก็ตาม มิได้ หมายความว่า ผบ.หมู่จะนำ� ทหารขน้ึ ไปวางก�ำลงั ณ พ้ืนท่ีตัง้ รบั ในทนั ทีทนั ใดเลย ผบ.หมู่ จะต้องน�ำกำ� ลงั ท้งั หมดของหมู่ไปรวม ณ พ้ืนทรี่ วมพลเพือ่ เตรียมการปฏบิ ัตติ ่าง ๆ ในทาง ธุรการให้หมู่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจท่ีได้รับมอบได้ นอกจากน้ัน ผบ.หมู่ยัง มีภาระหน้าที่ตามขั้นตอนของระเบียบการนำ� หน่วย ซ่ึง ผบ.หมู่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ดงั ต่อไปน้ี (1) ไปรบั คำ� ส่ังการตงั้ รบั จาก ผบ.หมวด (2) ทำ� การลาดตระเวนตรวจภมู ิประเทศตามแง่คดิ ทางทหาร (3) วางแผนสมบรู ณ์ และตกลงใจเพื่อปฏบิ ัตกิ ารตง้ั รบั (4) สั่งการต้ังรบั ให้กับทหารภายในหมู่

ในขณะที่ ผบ.หมไู่ ปปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนตามทกี่ ลา่ วไปแลว้ ผบ.หมมู่ กั จะพา ิวชา ุยทธวิ ีธ 171 ทหารไปรวมกนั อยู่ ณ พื้นทแี่ ห่งใดแห่งหน่ึงซึ่งไม่ห่างไกลจากแนวทจ่ี ะทำ� การตง้ั รบั ณ ทีน่ ี้ เราเรยี กว่า พ้นื ทีร่ วมพล การเขา้ ประจำ� อยใู่ นพน้ื ทร่ี วมพลนี้ โดยธรรมดาแลว้ จะไมป่ ลอ่ ยใหท้ หารเลอื ก ท่ีอยู่ได้ตามใจชอบ แต่ ผบ.หมู่จะก�ำหนดท่ีวางตัวให้กับทหารทุกคนเป็นรายบุคคล พร้อมกับมอบเขตการยิงที่แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบ โดยใช้หัวหน้าชุดยิงเป็นผู้ช่วยเหลือ สำ� หรบั ในหน้าทข่ี องทหารจะต้องมหี น้าที่ปฏิบัติตนภายในพน้ื ที่รวมพล ดังต่อไปนคี้ ือ (1) จะต้องเข้าประจ�ำท่ีตามที่ ผบ.หมู่ก�ำหนด จะเปลี่ยนที่อยู่หรือวางตัว โดยพลการไม่ได้ (2) จะตอ้ งทราบและเขา้ ใจเขตการยงิ ท่ี ผบ.หมมู่ อบหมายไวใ้ หแ้ กต่ นอยา่ ง แจ่มแจ้ง (3) ดดั แปลงภมู ปิ ระเทศ ณ ทว่ี างตวั ตามความจำ� เปน็ เชน่ การถากถางหรอื ปรบั พนื้ ทใี่ หส้ ามารถใชเ้ ปน็ ทกี่ �ำบงั ได้ ถากถางพน้ื ยงิ ในเขตรบั ผดิ ชอบและจดั ใหม้ กี ารพราง ทตี่ ้ังตามสมควร เป็นต้น (4) ถ้าไม่จ�ำเป็นแล้วห้ามเดินไปไหนมาไหน และห้ามจับกลุ่มพูดคุยกัน โดยเดด็ ขาด (5) ให้สามารถใช้อาวุธยิงได้ทันทีเม่ือปรากฏข้าศึกในเขตรับผิดชอบ หรือ เมือ่ ได้รับคำ� ส่งั จากผู้บงั คับบัญชา (6) จัดเตรียมเครื่องอุปกรณ์ประจ�ำกายต่าง ๆ ให้เรียบร้อย พร้อมที่จะ เคลื่อนย้ายได้ ในบางกรณอี าจต้องรับกระสนุ เพิ่มเตมิ ณ พนื้ ทร่ี วมพลแห่งน้ี (7) ไมท่ ำ� ใหเ้ กดิ เสยี งดงั จะตอ้ งอยใู่ นความสงบเงยี บและพรอ้ มรบอยเู่ สมอ ข. การเคล่ือนยา้ ยไปประจำ� แนวตั้งรับ เมอ่ื ผบ.หมไู่ ดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนตามขอ้ ก. เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ผบ.หมจู่ ะ กลบั มายังทร่ี วมพลเพ่อื น�ำทหารท้งั หมู่เคลื่อนทีข่ ึ้นไปประจ�ำแนวตง้ั รับ การเคลอื่ นท่ตี ้องไป เป็นรูปขบวนอย่างมรี ะเบียบ ซ่งึ ส่วนใหญ่แล้วหมู่มกั จะเคลอื่ นทไี่ ปโดยอยู่ในความควบคุม ของหมวดจนกว่าจะถงึ จุดแยก หมู่ ผบ.หมู่จงึ น�ำหมู่ของตนไปยังพื้นท่ีต้ังรับทีห่ มู่ได้รับมอบ ส�ำหรับหน้าท่ีของทุกคนภายในหมู่ จะต้องยึดถือปฏิบัติในระหว่าง การเคล่ือนทไ่ี ปประจ�ำแนวต้งั รับมดี ังนี้ คือ (1) จะต้องเคลื่อนท่ีประจ�ำอยู่ในรูปขบวนเดินตามที่ ผบ.หมู่ก�ำหนดตาม ตำ� แหน่งในรปู ขบวนนน้ั

172 วชิ ายทุ ธวธิ ี (2) ให้ถืออาวธุ ในสภาพท่จี ะใช้ยิงได้ทนั ที (3) ไม่ส่งเสยี งดงั หรอื พูดคยุ กนั ในระหว่างเคล่ือนท่ี (4) พยายามรกั ษาระยะต่อระยะเคยี งตามท่ี ผบ.หมู่ก�ำหนด (5) ตลอดเวลาทเี่ คลอ่ื นทต่ี อ้ งใชส้ ายตาตรวจการณไ์ ปรอบ ๆ และพรอ้ มทจี่ ะ ระวงั ป้องกนั ในทิศทางท่ตี นรับผดิ ชอบ ค. การส่งั การตง้ั รับ ทนั ทที เี่ คลอ่ื นทไี่ ปถงึ พนื้ ทตี่ งั้ รบั ของหมู่ ผบ.หมจู่ ะรวมทหารทง้ั หมดเพอื่ ชแี้ จง ให้ทกุ คนภายในหมู่ทราบว่าเราจะทำ� อะไรกันต่อไป เราเรียกข้นั ตอนน้วี ่า การสงั่ การต้งั รับ ซึ่งจะเป็นการส่งั การของ ผบ.หมู่ ณ บรเิ วณพืน้ ท่ีทจี่ ะท�ำการต้งั รบั น้ัน คำ� สง่ั การตง้ั รบั ของ ผบ.หมู่ 1. สถานการณ์ ผบ.หมู่จะชี้แจงสถานการณ์ให้ทหารทราบในเรื่อง ก. ขา่ วเกย่ี วกบั ขา้ ศกึ ผบ.หมจู่ ะบอกใหท้ ราบวา่ มขี า้ ศกึ มากนอ้ ยเพยี งใด หน่วยอะไรเคลื่อนที่มาจากไหน มีขีดความสามารถอย่างไร และคาดว่าข้าศึกจะเข้าตี ฝ่ายเราได้เม่อื ไร ข. ข่าวเก่ียวกับฝ่ายเรา ฝ่ายเราที่จะท�ำการต้ังรับน้ีมีหน่วยข้างเคียง ท่ตี ั้งรับตดิ ต่อกบั หมู่ของเราเป็นหมู่ใด หมวดใด หรอื กองร้อยใด ค. อาวธุ ยงิ สนบั สนนุ มอี าวธุ ของหนว่ ยเหนอื อะไรบา้ งทจ่ี ะคอยสนบั สนนุ ช่วยเหลอื เรา เช่น ปืนใหญ่, เครอ่ื งยงิ ระเบิดหนัก, ค.81, ค.60 และเครอ่ื งบินโจมตี เป็นต้น 2. ภารกิจ ผบ.หมู่จะแจ้งให้ทุกคนในหมู่ทราบถึงกิจของหมู่ที่ได้รับมอบให้ปฏิบัติจน เป็นผลสำ� เร็จ และกำ� หนดเวลาทท่ี หารจะต้องเตรยี มท่ีมั่นตงั้ รับให้แล้วเสรจ็ ตวั อยา่ งเชน่ “หมขู่ องเรามภี ารกจิ ทำ� การตงั้ รบั โดยไมช่ กั ชา้ เพอ่ื ยดึ รกั ษาพน้ื ท่ี ของปีกซ้ายต้งั แต่... (ชี้ให้เหน็ ภูมปิ ระเทศ) ไปจนถงึ ปีกขวา... (ชใ้ี ห้เหน็ ในภูมิประเทศ) และ จะต้องจดั เตรียมทม่ี ่นั ต้งั รับให้แล้วเสร็จก่อนเวลา...นาฬิกา” เป็นต้น 3. การปฏิบตั ิ ก. ต่อจากนน้ั ผบ.หมู่จะมอบหมายหน้าทใี่ ห้กับทหารเป็นคน ๆ ไป โดย ปกตแิ ลว้ ผบ.หมจู่ ะนำ� ทหารไปชใี้ หเ้ หน็ ทว่ี างตวั ของทหารแตล่ ะคน พรอ้ มกบั มอบเขตการยงิ ท่ีต้องรับผิดชอบให้ว่าทางซ้ายแค่ไหน ทางขวาแค่ไหน ทหารจะต้องจดจ�ำไว้ให้แม่นทั้งท่ี วางตวั และเขตการยงิ

ข. เมื่อมอบหมายที่วางตัวและเขตการยิงแล้ว ผบ.หมู่จะสั่งการให้ทุกคน ิวชา ุยทธวิ ีธ 173 ทราบท้งั ลำ� ดับความเร่งด่วนในการดดั แปลงภมู ปิ ระเทศ ว่าจะต้องทำ� อะไรก่อนหลัง ทกุ คน ต้องพยายามปฏิบัติให้เสร็จตามเวลาท่ี ผบ.หมู่ก�ำหนด มิฉะน้ันถ้าข้าศึกเข้าตีตามเวลาท่ี คาดหมายไว้ ทหารอาจได้รบั อันตรายถงึ ชีวิต 4. การช่วยรบ ในเรอื่ งการสง่ กำ� ลงั บำ� รงุ นี้ ผบ.หมมู่ กั จะแจง้ ใหท้ หารทราบถงึ จำ� นวนกระสนุ วัตถรุ ะเบดิ ต่าง ๆ ท่ที กุ คนจะต้องนำ� ตดิ ตัวไปแต่ละอาวุธ ต�ำบลจ่ายกระสุนของหน่วยเหนอื ที่ปฐมพยาบาลของหน่วยเหนือ แหล่งน้�ำกินน้�ำใช้ และรายละเอียดเก่ียวกับเรื่องเสบียง อาหาร การรบั ประทานอาหาร 5. การบังคบั บัญชาและการสือ่ สาร ผบ.หมู่จะแจ้งให้ทราบถึงอาณัติสัญญาณต่าง ๆ ที่ก�ำหนดข้ึนมาใช้แทน การสงั่ การดว้ ยวาจา เชน่ สญั ญาณเรมิ่ ยงิ สญั ญาณยงิ ฉากปอ้ งกนั ขน้ั สดุ ทา้ ย และสญั ญาณ หยุดยิงฉากป้องกนั ข้ันสดุ ท้าย ฯลฯ เป็นต้น นอกจากน้ี จะแจ้งให้ทราบว่าในระหว่างการต้งั รับนนั้ ผบ.หมู่จะประจ�ำอยู่ ณ ทีใ่ ด หรอื อาจจะบอกให้ทหารทราบว่า ผบ.หมวดอยู่ท่ใี ดด้วยกไ็ ด้ ง. การดัดแปลงภูมปิ ระเทศและการเตรียมการอนื่ ๆ เมอ่ื ทหารไดร้ บั คำ� สง่ั การตงั้ รบั จาก ผบ.หมเู่ ปน็ ทเี่ รยี บรอ้ ยและเขา้ ใจในหนา้ ท่ี อย่างดีแล้ว งานข้นั ต่อไปทจ่ี ะต้องปฏิบตั กิ ็คือ การดัดแปลงภมู ปิ ระเทศ (1) ลำ� ดบั ความเรง่ ดว่ นในการดดั แปลงภมู ิประเทศ ในการดัดแปลงภูมิประเทศเพ่ือใช้เป็นที่ม่ันตั้งรับน้ัน เพ่ือให้หน่วย ทหารสามารถด�ำเนินการตั้งรับได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยธรรมดาแล้วมักจะก�ำหนดล�ำดับ ความเร่งด่วนในการดัดแปลงภูมิประเทศไว้เป็นข้อเตือนใจให้ยึดถือเป็นหนทางปฏิบัติ ก่อนหลงั ดงั นี้.- (ก) การถากถางพน้ื ยิง (ข) การขุดหลมุ บคุ คลและทตี่ งั้ ยิง (ค) การพราง (ง) การจดั ท�ำเครื่องกดี ขวาง (จ) การดดั แปลงท่มี ่นั เพ่ิมเติม (ฉ) การขุดคูตดิ ต่อ

174 วชิ ายทุ ธวธิ ี (2) การดัดแปลงทีม่ ั่นจรงิ ภายหลังจากทท่ี หารแต่ละคนได้รบั มอบทต่ี ั้ง (ไม่ว่าจะเป็นหลมุ บคุ คล เดยี่ วหรอื หลมุ บคุ คลค)ู่ และเขตการยงิ ทจ่ี ะตอ้ งรบั ผดิ ชอบแลว้ งานดดั แปลงทมี่ นั่ จรงิ จะตอ้ ง เรมิ่ ขนึ้ ทนั ที ตามปกตแิ ลว้ ในการดดั แปลงทมี่ นั่ จรงิ มกั จะเรม่ิ งานไปตามล�ำดบั และมขี น้ั ตอน ดงั น้ี (ก) วางอาวุธ ณ จุดซึง่ ผบ.หมู่ก�ำหนด ตรวจสอบเขตการยงิ ด้วยท่า นอนยงิ โดยใชอ้ าวธุ ทำ� การเลง็ ไปขา้ งหนา้ ตงั้ แตเ่ ขตการยงิ ซา้ ยสดุ ไปจนถงึ เขตการยงิ ขวาสดุ เพอ่ื ตรวจสอบดวู า่ ตลอดเขตการยงิ นน้ั จะสามารถใชอ้ าวธุ ยงิ ไปขา้ งหนา้ ไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด จ�ำเป็นต้องมกี ารถากถางต้นไม้หรอื ก่งิ ไม้ตรงไหนบ้าง เพือ่ ให้สามารถท�ำการยิงไปข้างหน้า ในเขตการยงิ ทไ่ี ด้รับมอบอย่างต่�ำไม่น้อยกว่าระยะ 200 เมตร (ข) ถา้ เหน็ วา่ พน้ื ทข่ี า้ งหนา้ จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี ารถากถางพน้ื ยงิ ลำ� ดบั งาน ขั้นต่อไปก็คือ การถากถางพ้ืนยิงเฉพาะต้นไม้ ใบไม้ หรือวัชพืชท่ีมาบังทิศทางยิง และ ตรวจการณ์ให้สามารถท�ำการยิงและตรวจการณ์ไปข้างหน้าได้ในระยะท่ีต้องการ (ไม่น้อย กว่า 200 เมตร) การถากถางพื้นยิงมีหลักอยู่ว่า เม่ือถากถางแล้วจะไม่เป็นการเปิดเผย ท่ีม่นั ตง้ั รบั ของฝ่ายเราให้ข้าศกึ ทราบ (ค) เม่ือถากถางพื้นยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเริ่มงานขุดหลุม บคุ คลท่ีตงั้ ยงิ ทหารจะต้องน�ำอาวุธประจ�ำกายของตนไปวางไว้ ณ ทแี่ ห่งใดแห่งหน่งึ ใกล้ ๆ กบั ทข่ี ดุ หลมุ บคุ คล ในลกั ษณะทใี่ หส้ ามารถใชอ้ าวธุ นน้ั ยงิ ไปยงั เขตการยงิ ทต่ี นไดร้ บั มอบให้ รบั ผดิ ชอบไดโ้ ดยใหม้ ที กี่ ำ� บงั พอสมควร ถา้ ไมม่ ที กี่ ำ� บงั ตามธรรมชาตกิ จ็ ำ� เปน็ ตอ้ งดดั แปลงขนึ้ ท้ังน้ีเป็นการกระท�ำเพ่ือให้ตนสามารถเข้าประจ�ำที่ต้ังอาวุธนั้นได้อย่างปลอดภัย ถ้าข้าศึก เข้าตีในขณะทย่ี ังขุดหลมุ บคุ คลไม่แล้วเสร็จ (ง) จดั ยามประจำ� แนวอย่างน้อยหนง่ึ คนให้ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ยาม เพอื่ ทำ� หน้าท่คี อยเฝ้าตรวจการเข้ามาของข้าศึก เม่ือปรากฏการเข้ามาของข้าศึก ยามประจ�ำแนว ตอ้ งแจง้ ใหท้ กุ คนภายในหมทู่ ราบ ทหารทไ่ี ดร้ บั มอบหนา้ ทยี่ ามประจำ� แนวยงั ไมต่ อ้ งขดุ หลมุ บุคคลของตน การขุดหลุมบุคคลจะกระท�ำภายหลัง หรือ ผบ.หมู่อาจจะก�ำหนดให้ผู้อื่น ขุดให้หรือจัดคนไปเปลี่ยน การเฝ้าตรวจของยามประจ�ำแนวจะประมาทหรือละเลยไม่ได้ จงระลึกอยู่เสมอว่าชวี ติ ของคนทง้ั หมู่ฝากไว้กบั ท่านแต่เพียงคนเดยี ว (จ) ขดุ หลุมบคุ คล ทุกคนจะต้องตั้งเป้าหมายไว้ดังน ี้ ให้พยายามขุด อย่างเร่งรีบให้เป็นหลุมบุคคลนอนยิงก่อน แล้วจึงท�ำเป็นหลุมน่ังยิงและยืนยิงตามล�ำดับ

เท่าทเ่ี วลาอ�ำนวยให้ บางโอกาส ผบ.หมู่อาจจะส่งั ให้ขุดหลมุ นอนยงิ หรอื น่งั ยิงให้แล้วเสรจ็ ิวชา ุยทธวิ ีธ 175 ก่อน แล้วไปท�ำงานตามลำ� ดับความเร่งด่วนอนื่ ก่อน เช่น ไปขึงลวดหนามป้องกนั ตน หรอื งานอืน่ ๆ เมือ่ เสร็จแล้วจงึ กลับมาท�ำหลุมบคุ คลต่อ ถ้าเช่นนท้ี หารจะต้องปฏิบตั ติ ามคำ� สั่ง โดยเคร่งครดั (ฉ) งานขนั้ สดุ ทา้ ยของการดดั แปลงทมี่ น่ั จรงิ กค็ อื การพราง กลา่ วคอื หลงั จากทท่ี หารไดข้ ดุ หลมุ บคุ คลของตนเสรจ็ แลว้ ตามขนั้ ตอนทต่ี อ้ งการจะตอ้ งจดั การพราง ทีต่ ัง้ หลุมบคุ คลน้ันทนั ที ตามหลกั การพรางท่ไี ด้เรียนมาแล้ว (3) การจดั ทำ� แผน่ จดระยะ เม่ือได้จัดท�ำหลุมบุคคลเสร็จแล้ว งานในหน้าท่ีของทหารแต่ละบุคคล ที่จ�ำเป็นจะต้องกระท�ำเป็นอันดับต่อไปก็คือ ทหารทุกคนจะต้องจัดท�ำแผ่นจดระยะขึ้น อย่างน้อยทส่ี ุดหน่ึงแผ่น (ก) รูปแบบของแผ่นจดระยะไม่ว่าจะเป็นอาวุธอะไร (ปลย.เอ็ม.16, ปลย.11 เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบิด เอ็ม.203) คงจดั ท�ำแผ่นจดระยะในรูปแบบเช่นเดยี วกนั รูปแบบของแผ่นจดระยะ มีส่ิงส�ำคัญท่ีจะต้องจดจ�ำไว้เป็นหลัก ในการทำ� ดงั น้ี ท�ำเป็นเส้นโค้งครง่ึ วงกลมแสดงลายเส้น เส้นละ 100 เมตร จากท่ีต้งั หลุม บุคคล ส�ำหรับ ปลย.เอ็ม.16 ปลย.11 เครื่องยิงลกู ระเบดิ เอม็ .203 จะต้องแสดงไว้ถึงระยะ 500 เมตร 5 เส้น ตามเกณฑ์เฉลย่ี ของระยะยิงหวงั ผลไกลสุดของปืน ในแผ่นจดระยะจะต้องแสดงรายละเอยี ดต่าง ๆ เหล่านไ้ี ว้คือ (1) ทีต่ งั้ ยงิ (2) แนวทิศเหนอื แม่เหล็ก (3) เขตการยิงซ้ายขวาของปืนเขยี นด้วยเส้นประ พร้อมทัง้ แสดง มมุ ภาคของทศิ เขตการยิงซ้ายขวาไว้ด้วย (4) ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเี่ ดน่ ชดั ภายในเขตการยงิ เขยี นดว้ ยเสน้ ทบึ จากทวี่ างตวั หรือท่ตี ้งั ปืนไปยงั ท่หี มายเหล่าน้ัน (5) ทข่ี อบบนของแผน่ จดระยะทบ่ี รรทดั วดั มมุ มคี า่ ชอ่ งละ 5 องศา มีไว้เพื่อสะดวกในการกำ� หนดท่หี มายและเขตการยงิ (ข) วิธกี ารใช้แผ่นจดระยะ (1) วางแผน่ จดระยะใหข้ อบลา่ งอยกู่ งึ่ กลางและขนานกบั ขอบหนา้ ของทีว่ างตวั ทหารหรอื หลมุ บุคคลโดยประมาณ

176 วชิ ายทุ ธวธิ ี (2) เล่ือนแผ่นจดระยะไปมาจนกระท่ังเส้นครึ่งวงกลมในแผ่นจด ระยะสามารถครอบคลมุ เขตการยงิ ซ้ายขวาท่ี ผบ.หมู่ก�ำหนดให้แก่ทหารแต่ละบคุ คลได้ (3) โดยไม่ให้แผ่นจดระยะเคลื่อนที่ แล้วเร่ิมหาแนวทิศเหนือ ให้แผ่นจดระยะด้วยเข็มทิศ โดยลากแนวทิศเหนือจากที่ตั้งปืนออกไป (ผบ.หมู่เป็นคนหา ให้ทหารแต่ละบคุ คล) (4) โดยไม่ให้แผ่นจดระยะเคล่ือนท่ี จ�ำลองลักษณะภูมิประเทศ ท่ี ผบ.หมกู่ ำ� หนดให้เป็นเขตการยงิ ซ้ายขวาลงไปในแผ่นจดระยะ โดยวธิ กี ารเลง็ ต่อแนวจาก ทตี่ ง้ั ปนื ไปยงั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศนน้ั ๆ แลว้ เขยี นแนวเขตการยงิ ซา้ ยขวาจากทตี่ งั้ ยงิ ออกไป ด้วยเส้นประ และเขยี นมุมทศิ พร้อมทัง้ ระยะก�ำกับเขตการยงิ ซ้ายขวาด้วย (5) เขยี นเครอื่ งหมายลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทเ่ี ดน่ ชดั ภายในเขตการ ยงิ ลงในแผน่ จดระยะ โดยขดี ดว้ ยเสน้ ทบึ จากทวี่ างตวั หรอื ทต่ี ง้ั ปนื ไปยงั ทหี่ มายเหลา่ นนั้ โดย ใช้วธิ ีการเลง็ ต่อแนวเช่นเดยี วกบั การเขยี นเขตการยงิ รปู ที่ 3 แผ่นจดระยะ (ค) ประโยชน์ของแผ่นจดระยะ (1) ท�ำให้ทหารสามารถกำ� หนดและค้นหาเป้าหมายไว้ล่วงหน้าได้ (2) เมื่อใช้ศนู ย์รบจะสามารถปรับจดุ เล็งของตนได้

(4) การเตรียมการยงิ ในเวลากลางคืน ิวชา ุยทธวิ ีธ 177 งานส�ำคัญในข้ันต่อไปซึ่งจะเว้นการกระท�ำเสียไม่ได้ในการต้ังรับก็คือ การเตรยี มการยงิ ในเวลากลางคนื การเตรยี มการยงิ ในเวลากลางคนื คอื การเตรยี มการเพอ่ื ทำ� หลักฐานการยิงต่อเป้าหมายต่าง ๆ ที่ก�ำหนดขึ้นไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ในเวลากลางวันหรือ ในระหว่างเวลาท่ีมีทัศนวิสัยดี ส�ำหรับเพื่อใช้ท�ำการยิงในเวลากลางคืนหรือในระหว่างที่มี ทศั นวิสยั จ�ำกัด การเตรียมการยิงสำ� หรับปืนเล็กมีวิธีกระท�ำได้ 2 วิธี คือ การท�ำราว พาดปืนไว้เป็นพวก และการทำ� หลักรองรบั ปืนเป็นบุคคล (ก) การท�ำราวพาดปืนไว้เป็นพวก วิธนี ี้มักจะน�ำไปใช้เมอื่ หลมุ บคุ คล มีทหารประจำ� อยู่มากกว่าหนง่ึ คนขน้ึ ไป โดยกระท�ำตามลำ� ดับดงั ต่อไปน้ี - ให้หาไม้ควบคุมทางระดับมาหนึ่งอันให้มีความยาวพอที่จะ ครอบคลมุ เขตการยงิ ซ้ายขวาท่ี ผบ.หมู่กำ� หนดให้ได้ และหาหลกั จ�ำกดั เขตการยงิ ซ้ายขวา อย่างละหน่งึ อนั พร้อมท้งั ง่ามรองรับปืนทางด้านหลงั หนง่ึ อนั - น�ำไม้ควบคุมทางระดับมาวาง ณ ท่ีต้ังปืนโดยให้ไม้ควบคุม ทางระดับขนานกับแนวหลุมปืน เลื่อนไม้ควบคุมทางระดับไปทางซ้ายหรือทางขวาให้ ความยาวของไม้สามารถครอบคลมุ เขตการยงิ ซ้าย, ขวาทต่ี นรบั ผิดชอบได้ - ท�ำเครื่องหมายเขตการยิงซ้าย, ขวาลงไปท่ีปลายท้ังสองด้าน ของไม้ควบคมุ ทางระดับ - นำ� หลกั จำ� กดั เขตการยงิ ซา้ ย, ขวามาประกอบเขา้ กบั ไมค้ วบคมุ ทางระดบั ตรงทที่ �ำเครอื่ งหมายไว้ - โดยไมใ่ หไ้ มค้ วบคมุ ทางระดบั ซงึ่ ประกอบเขา้ กบั หลกั จำ� กดั เขต การยงิ ซ้าย, ขวา เรียบร้อยแล้วเคล่อื นท่ี ทำ� เครอื่ งหมายท่ีปลายด้านล่างของหลักจ�ำกัดเขต การยิงซ้าย, ขวา ลงบนพน้ื ดนิ - ปักหลักจ�ำกัดเขตการยิงซ้าย, ขวา ซึง่ ประกอบกับไม้ควบคุม ทางระดบั เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ลงบนพน้ื ดนิ แลว้ เอาดนิ กลบใหแ้ นน่ หลกั จำ� กดั เขตการยงิ ซา้ ย, ขวาจะตรงกบั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทก่ี ำ� หนดใหเ้ ปน็ เขตการยงิ ซา้ ยและขวาในภมู ปิ ระเทศจรงิ - นำ� ปนื มาวางพาดบนไมค้ วบคมุ ทางระดบั ประมาณใตห้ กู ระวนิ ใหต้ รงประมาณกง่ึ กลางของไมค้ วบคมุ ทางระดบั เลง็ ปนื ตรงไปยงั กง่ึ กลางเขตการยงิ แลว้ ทำ� เครอ่ื งหมายประมาณหนา้ โกรง่ ไกลงบนพนื้ ดนิ แลว้ ปกั ไมง้ า่ มรองรบั อนั หลงั ประมาณหนา้ โกรง่ ไก

- เมอื่ ปฏบิ ตั มิ าถงึ ขน้ั นเ้ี สรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ถา้ นศท.วางปนื ลงบน ไมค้ วบคมุ ระดบั แลว้ เลอ่ื นปนื ไปทางซา้ ยจนกระทงั่ ปากลำ� กลอ้ งปนื แนบชดิ ตดิ กบั หลกั จำ� กดั เขตการยงิ ซ้าย แนวปากล�ำกล้องปืนจะช้ีตรงไปยงั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทก่ี �ำหนดให้เป็นเขต การยิงซ้ายในภูมิประเทศจริง และถ้า นศท.เล่ือนปากล�ำกล้องปืนไปทางขวาจนกระท่ัง แนบชดิ ตดิ กบั เขตการยงิ ขวา ปากล�ำกล้องปืนกจ็ ะชตี้ รงไปยงั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทก่ี �ำหนด ให้เป็นเขตการยงิ ขวาในภูมปิ ระเทศจริง - เพื่อให้ทุกคนสามารถมองเห็นเขตการยิงซ้ายขวาได้ในเวลา กลางคนื ใหห้ าหลกั ไมม้ าสองหลกั ความยาวประมาณ 60 ซม. ปกั ลงพนื้ ดนิ ใหห้ า่ งจากทตี่ งั้ ปนื ประมาณ 5 เมตร ในแนวเขตการซ้าย, ขวา แล้วหาเทปเรืองแสงหรือสสี ะท้อนแสงมาตดิ หรือทาท่หี ลกั เลง็ ทั้งสองหลกั โดยให้เทปเรืองแสงหรอื สเี รอื งแสงหนั มาทางด้านคนยงิ - สำ� หรบั ทหี่ มายอน่ื ทก่ี ำ� หนดใหใ้ นเขตการยงิ กใ็ หก้ ระทำ� โดยหนั ปนื ไปเลง็ ยงั ทหี่ มายทกี่ ำ� หนด ใชม้ ดี บากไมค้ วบคมุ ทางระดบั เปน็ รอ่ งพาดปนื แลว้ ปกั หลกั เลง็ ตดิ เทปเรืองแสงตามทไ่ี ด้ปฏบิ ัติมาเช่นเดยี วกนั กับเขตการยิงซ้าย, ขวา 178 วชิ ายทุ ธวธิ ี ไม้ควบคมุ ทางระดบั หลกั จ�ำกัดเขตการยงิ ซ้าย หลกั จ�ำกดั เขตการยิงขวา ใช้หลักการหรอื ไม้ง่ามเป็นช่อง รูปท่ี 4 การเตรยี มหลกั ฐานการยงิ ในเวลากลางคนื ส�ำหรับหลุมบคุ คลคู่