Anthropometry
การวดั สัดส่วนของร่างกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมิน 1.การเจริญเติบโต : มีความสัมพนั ธ์กบั สารอาหารที่ไดร้ ับพลงั งาน โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่บางชนิด (Fe,Zn,Ca) 2.องคป์ ระกอบของร่างกาย : มีความสมั พนั ธ์กบั ปริมาณโปรตีน และพลงั งานท่ีไดร้ ับ เพอ่ื ประเมินภาวะขาด โปรตีนและพลงั งาน ภาวะอว้ น -ส่วนท่ีเป็นไขมนั (Fat mass) -ส่วนที่ปราศจากไขมนั (Fat free mass) ความคลาดเคล่ือนในการวดั สดั ส่วนของร่างกาย 1.ความคลาดเคลื่อนในการวดั ข้นึ อยกู่ บั ผวู้ ดั หรือเครื่องมือ 2.ส่งผลต่อความคลาดเคล่ือนในการวดั 3.มีผลต่อความคลาดเคล่ือนในการประเมินภาวะโภชนาการ
การชง่ั น้าหนกั Measuring weight Pediatric scale Beam balance เครื่องมือที่ใช้ Spring balance การช่ังนา้ หนักทารกและเด็ก การชั่งนา้ หนกั ทารกและเดก็ การชั่งนา้ หนักของเด็กโตและ -อาย<ุ 2 ปี -ถอดเส้ือผา้ ใหเ้ หลือนอ้ ยท่ีสุด - น้าหนกั จะถกู บนั ทึกไวท้ ่ี 10 กรัม ผู้ใหญ่ (0.01กก.) ท่ีใกลท้ ี่สุด -วางบนพ้ืนเรียบ - ทารกที่ถกู วางไวบ้ นถาดเพ่ือให้ -ตรวจสอบและปรับเป็นศูนย์ น้าหนกั กระจายเทา่ ๆกนั ที่ก่ึงกลาง -ควรยนื อยแู่ ทน่ ตรงกลาง ถาด -มองตรงไปขา้ งหนา้ -ยนื โดยไม่ไดร้ ับความช่วยเหลือ ผอ่ นคลายและยนื น่ิงๆ -มีน้าหนกั ของเส้ือผา้ นอ้ ยท่ีสุด -ควรปัสสาวะก่อนชง่ั น้าหนกั -ควรบนั ทึกน้าหนกั ตวั ให้ ใกลเ้ คียง 100 กรัม (0.1 กก.)
การวดั วดั ส่วนสูง Height/Length Standing position Knee height in children Recumbent length Lower leg length in infants Knee height in adults Arm span.
คาอธบิ ายเคร่ืองมือ Recumbent length Standing position Knee height in children 1.ถอดหมวกและรองเทา้ สาหรับเดก็ อายไุ มเ่ กิน 2 ปี -เด็กอายุ 3 ปี ข้ึนไป สามารถนงั่ 2.นอนในทา่ ขาและเขา่ เหยยี ดตรง 1.วางแผน่ วดั ความสูงใหต้ ้งั ตรงได้ นิ่งๆไดเ้ อง ส่วนศีรษะชิดกบั ไมว้ ดั ที่ต้งั ฉากอยู่ ระดบั ดี ส่วนมากวางชิดกาแพงหรือ -ระยะห่างระหวา่ งสน้ เทา้ และเข่า กบั ที่ ประตทู ี่ต้งั ฉาก ของขาขวา 3.เลื่อนไมว้ ดั ส่วนท่ีใกลเ้ ทา้ ใหม้ า 2.ใหแ้ ม่เดก็ ถอดรองเทา้ หรือถุงเทา้ ชิดกบั ปลายเทา้ และสน้ เทา้ ที่ต้งั เด็กและถอดหมวกออกก่อนวดั Arm span. ฉากกบั พ้นื ส่วนสูง ความกวา้ งของแขน 4.อา่ นค่าใหล้ ะเอียดมีทศนิยม1 3.ใหแ้ มเ่ ดก็ พาเดก็ มายนื บนแผน่ วดั ตาแหน่ง ความสูงใหข้ าชิดกนั และสน้ เทา้ ชิด และอยตู่ รงกลางเด็กยนื หันหนา้ Lower leg length in infants ออกมาหาผวู้ ดั Lower leg lenght in infants 4.จดั เดก็ ใหย้ นื ในลกั ษณะ เข่าเหยยี ด < 3 ปี สามารถนงั่ และร่วมมือกนั ตรงไม่งอ ส่วนหลงั ไหล่ กน้ และ ลาตวั อยใู่ นแนวตรง ได้ 5.จบั ศรีษะเด็กใหห้ ันหนา้ ตรงไมก่ ม้ หรือเงย ดา้ นหลงั ศรีษะสัมผสั กบั ผนงั ดา้ นที่วดั Knee height in adults การประมาณส่วนสูงคนท่ีมีกระดูก สันหลงั คด ที่ไมส่ ามารถวดั ส่วนสูง ได้
Head circumference เป็นการวดั การเจริญเติบโตของเดก็ เลก็ ท่ี < 3 ปี -มองตรงไปขา้ งหนา้ เพื่อให้แนวการมองเห็นต้งั ฉากกบั ลาตวั -วดั ที่เหนือศีรษะ วางแถบวดั อยใู่ นระดบั เดียวกนั -ดึงใหแ้ นบกบั ผม -สามารถใชเ้ ป็นตวั ช้ีวดั การขาดโปรตีนและพลงั งานเร้ือรังสาหรับเด็ก < 2ปี -ภาวะอายนุ อ้ ยต้งั แต่อยใู่ นครรภ์ Growth indices การใชข้ อ้ มลู ภาวะโภชนาการ น้าหนกั -ส่วนสูง 1.น้าหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ ขอ้ เด่น : สะทอ้ นภาพโดยรวมของผมู้ ีภาวะโภชนาการขาด/พร่อง นิยมใช้ ครอบคลุมปัญหาดา้ นการขาดได้ เกือบหมด ขอ้ ดอ้ ย : - ไมส่ ามารถระบุปัญหาโภชนาการเกินท่ีเกิดข้ึน - ครอบคลุมปัญหาไดไ้ มห่ มด 2.ส่วนสูงตามเกณฑอ์ ายุ ขอ้ เด่น : สะทอ้ นกนั เจริญเติบโตของเด็กชดั เจนกวา่ น้าหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ ขอ้ ดอ้ ย : ตอ้ งติดตามดูระยะยาว
3.น้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง (ภาวะอว้ น-ผอม) ขอ้ เด่น : - ใชเ้ ป็นตวั บง่ ช้ีภาวะโภชนาการเกิน - เหมาะกบั การติดตามผลระยะส้นั ขอ้ ดอ้ ย : ใชด้ ูภาวะโภชนาการเกิน (ภาวะอว้ น) และภาวะการขาดแบบเฉียบพลนั (ภาวะผอม) ไมเ่ หมาะใช้ ในการดูภาวะการเจริญเติบโต มกั ใชค้ ู่กบั ส่วนสูงตามเกณฑอ์ ายุ Body composition องคป์ ระกอบร่างกาย : Body composition 2.Fat free mass (FFM) 1.Fat mass (FM) -มวกลา้ มเน้ือ -ไขมนั ใตผ้ วิ หนงั -มวลกระดูก -ไขมนั ที่เกาะตามอวยั วะในช่องทอ้ ง -น้า ไดแ้ ก่ น้าในเซลล์ น้านอกเซลล์ ปัจจยั ที่มีผลตอ่ องคป์ ระกอบร่างกาย • สารอาหาร(Nutrients) -สารอาหารที่ใหพ้ ลงั งาน -สารอาหารที่ไมใ่ หพ้ ลงั งาน • กิจกรรมทางกาย (Physical Activity) -ทางาน -เดินทาง -นนั ทนาการ -พฤติกรรมเนือยนิ่ง • พนั ธุกรรม (Genetic) • อื่นๆ (other) -โรคประจาตวั
การวดั ไขมนั ใตผ้ วิ หนงั (Skinfold Thickness) Caliper
การวดั ไขมนั ใตผ้ ิวหนงั (Skinfold Thickness) Suprailiac skinfold Tricep & Bicep Skinfold Subscapular skinfold - วดั บริเวณจุดก่ึงกลางของแขน -วดั ความหนาของไขมนั ใต้ ผถู้ กู ประเมินยนื ในทา่ ตรง วดั ท่อนบนขา้ งท่ีไมถ่ นดั หาจุด ผวิ หนงั ตรงบริเวณมมุ ของสะบกั ความหนาของกลา้ มเน้ือ ก่ึงกลางโดยวดั จากกระดูก โดยใหบ้ ริเวณท่ีวดั ทามมุ suprailiac กระดูกหวั ไหล่ Acromial ประมาณ 45 องศา กบั กระดูกสัน ใหท้ ามมุ 45 องศา กบั แนวราบ Process ถึง Olecanon Process หลงั บริเวณขอ้ ศอกทาเครื่องหมายไว้ ดา้ นหลงั ของแขน - ผทู้ ี่ทาการวดั จบั Caliper ดว้ ย มือขวา ใชห้ วั แมม่ ือและนิ้วช้ี หยบิ ผิวหนงั บริเวณที่ทาการวดั ข้นึ มาประมาณ 1 ซม. โดยไมม่ ี เน้ือเยอ่ื ของกลา้ มเน้ือติด - การหยบิ ใหก้ างนิ้วหัวแมม่ ือ และปลายนิ้วช้ีห่างกนั ประมาณ 8 ซม. เป็นแนวต้งั ฉากกบั เสน้ ผิวหนงั ที่จะหยบิ
-ผถู้ กู วดั ปล่อยแขนเป็นอิสระขา้ ง ลาตวั ไมเ่ กร็ง หันฝ่ ามือเขา้ หา ลาตวั -วางปากคีบของ Caliper ใหต้ ้งั ฉากกบั สนั ผิวหนงั และห่างหรือ ต่าลงมาจากปลายนิ้วหวั แม่มือ และนิ้วช้ีที่หยบิ ประมาณ 1 ซม. และอยกู่ ่ึงกลางระหวา่ งสนั ผิวหนงั และฐาน สมการองคป์ ระกอบของร่างกายเฉพาะอายแุ ละเพศพฒั นาจาก Durnin & Womersley
Percent body fat equation Siri (1961) Brozek et al (1963) Rathburn and Pace (1945) % body fat = ((4.950÷body % body fat = ((4.570÷body % body fat = ((5.548÷body density)-4500)× 100% density)-4.142)×100% density)-5.044)×100% Total body fat & Fat-Free mass Fat-free mass(kg) body weight (kg)- Body fat (kg) Total body fat(kg) body weight (kg) × % body fat 100 ช่วงไขมนั ในร่างกายสาหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขนึ้ ไป Body fat ranges
Waist circumference (เส้นรอบเอว) -ผถู้ ูกวดั ยนื แยกเทา้ ห่างกนั เลก็ นอ้ ยประมาณ 10 ซม. -วดั ผา่ นก่ึงกลางระหวา่ งขอบบนของกระดูกเชิงกราน กบั ขอบลา่ งของชายโครง (ระดบั ชุมชนใหว้ ดั ผา่ น สะดือ) ความเส่ียงในการเกิดโรคร่วมกบั ค่าดชั นีมวลกายและรอบเอวในผใู้ หญ่เอเชีย
การวดั เส้นรอบวงของตน้ แขนMid-upper arm circumference (MUAC) -สามารถบอกถึงการสะสมของไขมนั และโปรตีนในร่างกายของเด็ก -เมื่อมีภาวะขาดสารอาหารที่ยงั ไมร่ ุนแรง จะทาใหก้ ารสะสมของไขมนั และ โปรตีนลดลง เส้นรอบวงแขนนอ้ ยกวา่ เด็กปกติ -วธิ ีการวดั เสน้ รอบวงแขน ดงั น้ี 1.ใชส้ ายวดั ที่ไมย่ ดื หรือหด 2. ทาการวดั ตรงจุดก่ึงกลางของแขนซา้ ยส่วนบน ( แขนท่ีไมไ่ ดใ้ ชง้ าน) 3.โดยใหผ้ ทู้ ่ีถูกวดั งอขอ้ ศอกเป็นมุม 90 องศา 4.วดั ระยะจากจุดที่ไหล่ ถึงขอ้ ศอก แลว้ แบ่งคร่ึงระยะทางโดยโดยทาเครื่องหมายจุดก่ึงกลางไวบ้ นผวิ ผนงั 5.เหยยี ดแขนลงในท่าท่ีสบาย แลว้ จึงวดั เสน้ รอบแขน บนั ทึกคา่ มีความละเอียด 0.1 ซม. ข้อดี-ข้อจากดั ของการวัดสัดส่วนของร่างกาย ขอ้ ดี ขอ้ เสีย -วธิ ีวดั และการวิเคราะห์ผลทาไดง้ ่าย -ตวั บ่งช้ีไมไ่ วต่อการเปล่ียนแปลงภาวะโภชนาการ -Non-invasive ที่เกิดข้นึ ในระยะส้นั -อปุ กรณ์ที่ใชร้ าคาไม่แพง-ไมต้ อ้ งอาศยั ความ -ไมส่ ามารถจาแนกไดว้ า่ เป็นการบกพร่องของการ เช่ียวชาญพิเศษเฉพาะทาง เจริญเติบโตหรือองคป์ ระกอบของร่างกาย -ไมส่ ามารถบง่ ช้ีการขาดสารอาหารตวั ใดตวั หน่ึง โดยเฉพาะ
Biochemisry
Clinical
Protein-energy malnutrition (PEM) โรคขาดพลงั งานและโปรตีน Kwashiorkor Marasmic Kwashiorkor Marasmus
➢ โรคท่ีเกิดจากการขาดวิตามิน Disease Deficiency Vitamin A Follicular hyperkeratosis Xeropthalmia ผิวหนงั หนาข้ึน หยาบเป็นเกลด็ โรคตอ้ กระจกตา Vitamin D Rickets Osteomalacia Vitamin E โรคกระดูกอ่อนในเด็ก โรคกระดูกอ่อน Hemolytic anemia : ภาวะที่เกิดการทาลายเมด็ เลือดแดงก่อน อายขุ ยั Vitamin C scurvy โรคลกั ปิ ดลกั เปิ ด Thiamine (B1) Beriberi โรคเน็บชา
Rivoflavin (B2) Cheilosis โรคปากนกกระจอก Niacin (B3) Pellagra Folate (B9) Spina Bifida Anencephaly Anemia : โรคโลหิตจาง
Dietary
Dietary assessment ภาวะโภชนาการ หมายถึง ภาวะสุขภาพในร่างกายที่มีผลมาจากการรับประทานอาหาร Levels of dietary assessment • Food consumption at the national level • Food consumption at the household level • Food consumption at the individual level Approaches to be used national level 1.Food balance sheets • อาหารที่ผลิตไดใ้ นประเทศ • อาหารสารอง • อาหารนาเขา้ • อาหารส่งออก • อาหารท่ีกระจายในประเทศ 2. Total diet studies (TDSs) เป็นการวิเคราะห์องคป์ ระกอบทางเคมีในอาหาร เพ่ือประเมินการปนเป้ื อนของสารบางชนิดใน อาหารที่มีการบริโภค เพ่อื การติดตามการไดร้ ับสารอาหารในประชากร โดยจะเกบ็ ตวั อยา่ งอาหารจากหลาย พ้นื ท่ี เช่น ขา้ วสารมีการปนเป้ื อนยาฆ่าแมลง • Market basket studies : ซ้ือวตั ถุดิบอาหารของกลุ่มประชากรที่สนใจ 1 คร้ังหรือมากกวา่ นาปรุงประกอบ ตามวิธีการท่ีใชท้ วั่ ไป และเตรียมตวั อยา่ งใหเ้ ป็นเน้ือเดียวกนั เพอ่ื นาไปวิเคราะห์ ขอ้ จากดั : ไม่ไดใ้ หข้ อ้ มูลท่ีครอบคลมุ ช่วงของการบริโภคที่แทจ้ ริง • Individual food items : การสุ่มตวั อยา่ งที่บริโภคบอ่ ย ปั่นผสม เพ่ือนาไปวิเคราะห์ • Duplicate portion studies : การนาอาหารท่ีบริโภคปกติ 1 ส่วน 2 ภาชนะ นาไปตรวจสอบ เช่น ขา้ วที่มีสาร ปนเป้ื อน นาขา้ ว 2 จานเทา่ ๆกนั
Approaches to be used household level 1.Food account method • การบนั ทึกอาหาร 7 วนั • บนั ทึกยหี่ อ้ ราคา จานวน 2.Household food record method • บนั ทึกการบริโภคอาหารในบา้ น 7 วนั • บนั ทึกปริมาณ ชื่ออาหาร • บนั ทึกคนในครอบครัวทกุ คนที่บริโภคอาหารในบา้ น 3.Household 24- h recall method • ขนาด ปริมาณ ส่วน Approaches to be used individua level เป็นการเกบ็ ขอ้ มลู การบริโภค เพอื่ ประเมินสารอาหารท่ีบุคคลบริโภคเขา้ ไป ขอ้ จากดั : อาการท่ีบริโถคเขา้ ไปข้ึนอยกู่ บั ประสิทธิภาพการยอ่ ย ดูดซึม และขนส่งสารอาหารในร่างกาย วธิ ีการประเมินการบริโภคอาหาร 1.การสมั ภาษณ์การบริโภคอาหารยอ้ นหลงั 24 ชวั่ โมง (24-h recalls) • ผเู้ กบ็ ขอ้ มูลให้ subject ให้นึกยอ้ นหลงั การบริโภคอาหารในช่วง 24 ชว่ั โมง • ใหก้ ะประมาณปริมาณอาหารแต่ละชนิดท่ีรับประทาน • ใชอ้ ุปกรณ์ช่วยกะประมาณเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มลู ที่ใกลเ้ คยี งความจริงมากที่สุด ไดแ้ ก่ อาหารจริง หุ่นจาลอง รูปภาพ รูปเรขสคณิต ชอ้ นตวง ถว้ ยตวง อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นครัวเรือน เช่น ทพั พี ถว้ ย ชอ้ น แกว้ น้า 2.การบนั ทึกรายการอาหารท่ีบริโภค (Estimated food record) • Subject เป็นผบู้ นั ทึกรายการหารท่ีบริโภคตลอดท้งั วนั • บนั ทึกรายการอาหาร ส่วนประกอบ และปริมาณอาหารแต่ละชนิด • ปริมาณอาหารท่ีบนั ทึก ไดจ้ ากการประมาณใหใ้ กลเ้ คยี งความจริงมากท่ีสุด
3.การบนั ทึกน้าหนกั อาหารท่ีบริโภค (Weighed food record) • Subject เป็นผบู้ นั ทึกรายการอาหารท่ีบริโภคตลอดท้งั วนั • บนั ทึกรายการอาหาร ส่วนประกอบ และปริมาณอาหารแตล่ ะชนิด • ปริมาณอาหารที่บนั ทึก ไดจ้ ากการชงั่ น้าหนกั อาหารทกุ ชนิดที่บริโภค • ระยะเวลาของการบนั ทึก 1 ,3 วนั หรือ 7 วนั 4.การสอบถามประวตั ิการบริโภค (dietary history) • เพือ่ ศึกษาถึงนิสัยการบริโภคแตล่ ะบุคคล • สัมภาษณ์ขอ้ มลู เกี่ยวกบั พฤติกรรมการบริโภคท่ีปฏิบตั ิเป็นปกตินิสยั เช่น กี่ม้ือ อาหารท่ีชอบหรือไม่ชอบ ความถ่ีของการบริโภค 5.การสอบถามความถี่ของการบริโภคอาหาร (FFQ) • ใชแ้ บบสอบถาม ประวตั ิความถ่ีของการรับประทานอาหารตามรายการท่ีกาหนด • เพื่อศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอาหารหรือสารอาหารต่อความเสี่ยงของการเกิดโรคตา่ งๆ ทางโภชนาการ • มีรายช่ืออาหาร ให้ subject ระบจุ านวนคร้ังท่ีบริโภคแต่ละรายการตอ่ วนั ต่ออาทิตย์ ตอ่ เดือน ต่อปี • อาจจะมีการสอบถามปริมาณที่บริโภคต่อคร้ังเครี่องมือน้ีจะตอ้ งทาง่าย ครอบคลุมกลมุ่ เป้าหมาย คาถามไม่ ซบั ซอ้ น ตอบง่าย การประเมินความเพยี งพอของการได้รับสารอาหาร 1.ระดบั บคุ คล : EAR เป็นปริมาณความตอ้ งการสารอาหารเฉล่ียของประชากรที่สุขภาพดีท่ีครอบคลมุ requirement 50% 2.ระดบั ประชากร : จะใชเ้ ทคนิค Probability approach เพือ่ หาความชุกความน่าจะเป็น สูตรการคานวณ ความชุก = จานวนประชากรที่มีความเสี่ยง *100/จานวนประชากรท้งั หมด
Obesity and Metabolic Syndrome Obesity หมายถึง ภาวะท่ีมีไขมนั สะสมเกินกวา่ ปกติ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ Metabolic Syndrome หมายถึง ภาวะท่ีเกิดจากการเผาผลาญอาหารของร่างกายผิดปกติ Assessment of obesity • Adults : BMI (18.5-22.9 kg/m2) • Children aged under-fives : weight-for-height - Overweight 2-3 sd - Obesity >3 sd • Children aged between 5-19 years : BMI for Age - Overweight 1-2 sd - Obesity >2 sd ความเสี่ยงในการเกิดโรคร่วมกบั คา่ ดชั นีมวลกายและรอบเอวในผใู้ หญ่เอเชีย
Etiology of obesity •พนั ธุกรรม •การบริโภค •การออกกาลงั กาย •การใชย้ าหรือภาวะโรค Health Risks of Being of Overweight and Obesity •โรคเบาหวาน •โรคความดนั โลหิตสูง •โรคหลอดเลือดสมอง •โรคคอเลสเตอรอลสูง •นิ้วในถงุ น้าดี •มะเร็ง •ไขมนั พอกตบั •ขอ้ เส่ือม •หยดุ หายใจขณะนอนหลบั Metabolic Syndrome •Visceral Obesity •Low HDL-Cholesterol •High Triglycerides •Insulin Resistance •Hypertension
Criteria of Metabolic syndrome Weight management 5% Weight loss 5-10% Weight loss HbA1c Blood Pressure Total Cholesterol HDL Cholesterol Triglycerides Therapy of obesity •Lifestyle modification •Pharmaceutical therapy •Surgery Energy deficit diet •Energy-Calorie Diet (LCD) : 800-1500 kcal/day •Very low calory diet : <800 Cal/day
Differing macronutrient composition •Low carbohydrate diet : <30 g/day •Low / very low fat •Intermittent fasting (IF) Weight management : modify physical activity •Aerobic exercise •Weight training •Stretching •House works / gardening Physical activity Maximum Heart Rate (MHR) = 220 – Age (years) •Light exercise intensity : 40-50% of MHR •Moderate exercise intensity : 50-70% of MHR •Vigorous exercise intensity : 70-80% of MHR NCP for weight management •Assessment •Diagnosis •Intervention •Monitoring & Evaluation
ความดนั โลหิตสูง (hypertention ) ความดนั โลหิตสูง ( HT ) เป็นภาวะแรงดนั ในหลอดเลือดสูงตลอดเวลา โดยวดั จากหลอดเลืดแดง มี 2 ค่า - Systolic blood pressure ( SBP ) คา่ ตวั บน คือ แรงดนั เลือดขณะที่หวั ใจบีบตวั -diastolic blood pressure ( DBP ) คา่ ตวั ล่าง คือ แรงดนั เลือดขณะที่หวั ใจคลายตวั เกณฑ์ในการวนิ จิ ฉัย เอกสารประกอบการเรีน MNT II
➢ สาเหตุของการเกิด HT มี 2สาเหตุ ➢ ผลกระทบของการเกิด HT ผลกระทบ เกิดหลอดเลือดในสมอง โรคหลอดเลือดหวั ใจตีบ หวั ใจวาย ไตวาย ตาบอด
➢ Nutrition Therapy DASH diet ยอ่ มาจาก Dietary Approaches to Stop Hypertention เป็นหลกั การบริโภคอาหารเพ่อื ยบั ย้งั โรค HT DASH diet ออกแบบโดยสถาบนั National Heart,Lung,and Blood Institute (NHLBI) ของ สหรัฐอเมริกา ประโยชนข์ อง DASH diet ลดความดนั โลหติ และ ปอ้ งกนั โรคความดนั โลหิตสงู ลดความเสีย่ งในการเกิดโรคหวั ใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ลกั ษณะอาหาร DASH diet อาหารที่มี K,Mg, fiber แต่มี fat , sat fat , chol. •เนน้ ผกั ผลไม้ •เนน้ ธญั พชื ไมข่ ดั สี *** DASH diet ไมแ่ นะนา •อาหารและเคร่ืองดื่มลดหวาน ผปู้ ่ วยโรคไตระยะ 3-5 •ไขมนั ต่า,ไขมนั อิ่มตวั และคลอเรสเตอรอลต่า เน่ืองจากเป็นแหล่งของ K •ลดการกินเน้ือสตั วใ์ หญแ่ ตก่ ินสัตวป์ ี ก ปลา ถว่ั เป็ นหลกั
โรคเบาหวาน (Diebetes ,DM) รายละเอียดสารอาหาร สารอาหาร รายละเอียด คารโ์ บไฮเดรต ปริมาณคาร์โบไฮเดรตท่ีบริโภคและปริมาณอินซูลินที่ใช้ เป็นปัจจยั หลกั ที่มีผลตอ่ การ ควบคมุ ระดบั น้าตาลในเลือดและควรแนะนามาพิจารณาในการกาหนดอาหาร -เนน้ แหลง่ คาร์บไฮเดรตเชิงซอ้ น - เลือกบริโภคอาหารท่ีมี GI และ GL ต่า - ปริมาณน้าตาลตอ้ งไม่เกินร้อยละ 5 ของพลงั งานท้งั หมด (ประมาณ 5-6 ชอ้ นชา) -กรณีท่ีฉีดอินซูลิน ถา้ รับประทานอาหารท่ีมีน้าตาลหรือคาร์โบไฮเดรตเพ่มิ ข้นึ ตอ้ งใช้ อินซูลินเพม่ิ ข้ึนตาม ความเหมาะสม -บริโภคอาหารท่ีใยอาหารสูงใหไ้ ด้ 14 g ต่ออาหาร1000 Kcal โปรตีน -บริโภคโปรตีนร้อยละ 15-20 ของพลงั งานท้งั หมด ถา้ การทางานของไตปกติ -บริโภคปลาและเน้ือไก่เป็นหลกั ควรบริโภคปลา 2 คร้ัง/สัปดาห์ หลีกเล่ียงเน้ือสตั ว์ ไขมนั ใหญ่และเน้ือสตั วแ์ ปรรูป โซเดียม - ผปู้ ่ วยเบาหวานท่ีเป็นโรคไตระยะตน้ ไม่ตอ้ งปรับลดปริมาณโปรตีน หากไมม่ ากเกิน 1.3 กรัม/กิโลกรัม/วนั แต่ถา้ เป็นโรคไตระยะ 4-5 หรือ eGFR <30 มล./นาที/1.73 ม.2 ควรจกดั ปริมาณโปรตีนนอ้ ยกวา่ 0.8 กรัม/กิโลกรัม/วนั โดยรับประทานโปรตีนจากไข่ ปลา ไก่ ไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 60 ของปริมาณโปรตีนท่ีกาหนดต่อวนั -จากดั MUFA ไม่เกินร้อยละ 7 ของาฃพลงั งาน -จากดั PUFA ไมเ่ กินร้อยละ10 ของพลงั งานท้งั หมด - จากดั ไขมนั ทรานส์ไม่เกินร้อยละ 1 ของพลงั งานรวม -บริโภคอาหารท่ีมีกรดไขมนั โอเมกา้ 3 จาพวก EPA และ DHA 2 คร้ังตอ่ สปั ดาห์ -องคก์ ารอนามยั โลกแนะนาใหบ้ ริโภคโซเดียมไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมตอ่ วนั -ผปู้ ่ วยเบาหวานท่ีมีภาวะความดนั โลหิตสูงร่วมดว้ ย อาจตอ้ งจากดั ปริมาณโซเดียม เขม้ งวดกวา่ เดิม
วติ ามินและเกลือแร่ -ไมจ่ าเป็นตอ้ งใหว้ ติ ามนิ หรอื แรธ่ าตเุ สรมิ ในผปู้ ่วยเบาหวานท่ไี ม่ไดข้ าด แอลกอฮอล์ สารอาหารเหลา่ นนั้ -ไม่แนะนาใหใ้ ชส้ ารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระเพ่มิ เป็นประจา -สาหรบั ผสู้ งู วยั อาจใหว้ ิตามนิ และแรธ่ าตรุ วมเสรมิ เป็นประจาทกุ วนั โดยเฉพาะในผทู้ ่รี บั ประทานอาหาร ไดน้ อ้ ย ไมค่ รบหมู่ -ไม่แนะนาใหด้ ่ืมแอลกอฮอล์ ถา้ ด่ืม ควรจกดั ปริมาณไมเ่ กิน 1 ส่วน/วนั สหรับผหู้ ญิง และ 2 ส่วน/วนั สาหรับผชู้ าย2 (นาหนกั คาแนะนา+) โดย 1 ส่วนของแอลกอฮอล์ (ปริมาณแอลกอฮอล์ 12-14 กรัม) คือ วสิ ก้ี 45 มล. หรือเบียร์ชนิดออ่ น 330 มล. หรือ ไวน์ 150 มล. -ถา้ ด่ืมเครื่องดื่มท่ีมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ควรรับประทานอาหารร่วมดว้ ย เพ่ือ ป้องกนั ภาวะนาตาลต่าในเลือด ท่ีมา :แนวทางเวชปฏิบตั ิสาหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
Carbohydrate Counting การนบั คาร์บ หมายถึง การนบั ปริมาณสารอาหารคาร์โบไฮเดรทในอาหารท่ีกินเขา้ ไปทา ใหม้ ีผลอ่ ระดบั น้าตาลในเลือด กลุ่มอาหารที่สารอาหารคาร์โบไฮเดรต 1 คาร์บ = 15 กรัมคาร์โบไฮเดรท
Glycemic index คอื คา่ ที่มีเฉพาะในสารอาหารจาพวกคาร์โบไฮเดรตเท่าน้นั โดยเป็นคา่ ท่ีใชบ้ ง่ บอกถึงความสามารถ ของอาหารท่ีประกอบไปดว้ ยคาร์โบไฮเดรตต่างๆน้นั วา่ มีผลต่อการข้ึนของระดบั น้าตาลในเลือดได้ รวดเร็วเพยี งใดภายใน 2-3 ชวั่ โมง หลงั การบริโภคอาหารชนิดน้นั Low Glycemic ค่า ≤ 55 Medium Glycemic ค่า 56-69 High Glycemic คา่ ≥ 70
การคดั กรองเบาหวานควรทาใน 1. ผทู้ ี่อายุ 35 ปี ข้ึนไป 2. ผทู้ ่ีอว้ น* และมี พอ่ แม่ พี่ หรือ นอ้ ง เป็นโรคเบาหวาน 3. เป็นโรคความดนั โลหิตสูงหรือกาลงั รับประทานยาควบคุมความดนั โลหิตสูง 4. มีระดบั ไขมนั ในเลือดผดิ ปกติ (ระดบั ไตรกลีเซอไรด์ 250 มก./ดล.และ/หรือ เอช ดี แอล คอเลสเตอรอล(<35 มก./ดล.) 5. มีประวตั ิเป็นโรคเบาหวานขณะต้งั ครรภห์ รือเคยคลอดบุตรน้าหนกั เกิน 4 กิโลกรัม 6. เคยไดร้ ับการตรวจพบวา่ เป็น IGT หรือ IFG 7. มีโรคหวั ใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease) 8. มีกลมุ่ อาการถุงนาในรังไข่ ( polycystic ovarian syndrome ) ***อว้ น หมายถึง BMI 25 กก./ม.2 และ/หรือ รอบเอวเท่ากบั หรือมากกวา่ 90 ซม.ในผชู้ าย หรือ เท่ากบั หรือมากกวา่ 80 ซม.ในผหู้ ญิง หรือมากกวา่ ส่วนสูงหารดว้ ย 2 ท้งั สองเพศ สาเหตุและโอกาสที่ทาใหเ้ กิดโรคเบาหวาน -ความอว้ น การไมอ่ อกกาลงั กาย ความเครียด เนื่องจากการตอบสนองของอินซูลินลดลง -ผสู้ ูงอายุ การสงั เคราะห์และการหลงั่ ฮอร์โมนอินซูลินลดลง -โรคของตบั อ่อน เช่น ตบั อ่อนอกั เสบ ไดร้ ับการผา่ ตดั ตบั ออ่ น ทาใหก้ ารหลง่ั อินซูลินลดลง -การติดเช้ือไวรัสบางชนิด เช่น หดั เยอรมนั คางทูม ซ่ึงมีผลตอ่ ตบั อ่อนทาใหก้ ารหลงั่ อินซูลินลดลง -การไดร้ ับยาบางชนิด สเตียรอยด์ ยาขบั ปัสสาวะ ยาคุมกาเนิดบางชนิดทาใหม้ ีการสร้างน้าตาลมากข้นึ หรือการตอบสนองของอินซูลินลดลง -การต้งั ครรภ์ เนื่องจากมีการสร้างฮอร์โมนจากรกหลายชนิด ซ่ึงมีฤทธ์ิตา้ นการทางานของอินซูลิน อาการของโรคเบาหวาน -ปัสสาวะบอ่ ย โดยเฉพาะตอ้ งต่ืนมาปัสสาวะตอนกลางคืน -หิวน้าบ่อย -หิวบอ่ ย รับประทานจุ แต่น้าหนกั ลด -ผิวแหง้ -เป็นแผลแลว้ หายยากตาพร่ามวั -ชาบริเวณปลายมือปลายเทา้ -หยอ่ นสมรรถภาพทางเพศ ที่มา :แนวทางเวชปฏิบตั ิสาหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
การวินิจฉยั ภาวะเบาหวาน การแปลผลระดบั พลาสมากลโู คสและ A1C เพ่ือการวนิ ิจฉัย *** ผปู้ ่ วยเบาหวานเม่ือไดร้ ับการวนิ ิจฉยั โรคว่าเป็นโรคเบาหวานคร้ังแรก ควรไดร้ ับการซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย และ การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ เป้าหมายของการรักษาโรคเบาหวาน การกาหนดเป้าหมายในการดูแลผปู้ ่ วยเบาหวานควรกระทาต้งั แต่เริ่มวินิจฉยั วา่ เป็น เบาหวาน และควรกาหนดเป้าหมายใหเ้ หมาะกบั ผปู้ ่ วยแตล่ ะราย โดยคานึงถึงอายุ ระยะเวลาที่เป็น โรคเบาหวาน การมีโรคแทรกซอ้ นเร้ือรัง ความเจ็บป่ วยหรือความพิการร่วมและความรุนแรง รวมท้งั การ เกิดผลกระทบจากภาวะน้าตาลต่าในเลือด เป้าหมายการควบคุมเบาหวานสาหรับผใู้ หญ่ *ผใู้ หญ่ที่เป็นโรคเบาหวานในระยะเวลาไม่นานไมม่ ีภาวะแทรกซอ้ น ควบคมุ เขม้ งวดมาก เป้าหมาย A1C<6.5% *ควบคมุ เขม้ งวด เป้าหมายการควบคุมคือ A1C <7.0% *ผปู้ ่ วยที่มีภาวะน้าตาลต่าในเลือดบ่อยหรือรุนแรงผปู้ ่ วยที่มีโรคแทรกซอ้ นรุนแรงหรือมีโรคร่วมหลายโรค เป้าหมายระดบั A1C ไมค่ วรต่ากวา่ 7.0%
ผสู้ ูงอายุ (อายุ >65 ปี ) ควรพจิ ารณาสุขภาพโดยรวมของผปู้ ่ วย และแบง่ ผปู้ ่ วยเป็น 3 กลุ่มเพอ่ื กาหนด เป้าหมายในการรักษา (ดงั ตาราง) **นอกจากน้ี ควรควบคุมและลดปัจจยั เส่ียงตา่ งๆ ท่ีส่งเสริมการเกิดโรคแทรกซอ้ นเร้ือรังจากเบาหวานให้ไดต้ าม เป้าหมายหรือใกลเ้ คยี งที่สุด ไดแ้ ก่ น้าหนกั ตวั และเส้นรอบเอว ควบคมุ ระดบั ไขมนั ในเลือดท่ีผดิ ปกติ ความดนั โลหิต สูง การงดสูบบุหรี่ และใหม้ ีการออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอและเพียงพอ การแนะนาใหอ้ อกกาลงั กาย 1.ควรต้งั เป้าหมายในการออกกาลงั กาย 2.ประเมินสุขภาพก่อนเร่ิมออกกาลงั กาย ระดบั ความแรกของการออกกาลงั กาย ชีพจรสูงสุด = 220 – อายเุ ป็นปี ระดบั เบา คือ อชีพจรนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 50 ของชีพจรสูงสุด ระดบั นหนกั ปานกลาง คือ หช้ ีพจรเทา่ กบั ร้อยละ 50-70 ของชีพจรสูงสุด ระดบั หนกั คือ หช้ ีพจรเท่ากบั ร้อยละ 50-70 ของชีพจรสูงสุด ที่มา :แนวทางเวชปฏิบตั ิสาหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
การออกกาลงั กายแบบแอโรบิก ขอ้ พึงระวงั และพงึ ปฏิบตั ิเม่ือออกกาลงั กายในภาวะตา่ งๆ ท่ีมา :แนวทางเวชปฏิบตั ิสาหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
โรคเบาหวานขณะต้งั ครรภ (Gestational Diabetes Mellitus, GDM) การคดั กรอง หญิงที่มีความเสี่ยงสูง : แนะนาใหต้ รวจคดั กรอง ยกเวน้ : หญิงที่มีความเสี่ยงต่ามาก เม่ือฝากครรภค์ ร้ังแรก ถา้ ผลปกติใหต้ รวจซ้าใหม่ ไดแ้ ก่ อายุ < 25 ปี และ นน.ตวั ก่อน เมื่ออายคุ รรภไ์ ด้ 24-28 สัปดาห์ การต้งั ครรภป์ กติ,ไมม่ ีประวตั ิ DM ในครอบครัว,ไม่เคยมีประวตั ิ เกณฑข์ อง Carpenter และ Coustan ต้งั ครรภท์ ่ีผดิ ปกติมาก่อน ด่ืม สลล. กลโู คส 50 g ระดบั พลาสมากลโู คส ส่วนเกณฑข์ อง IDF หลงั ดื่ม 1 ช่ัวโมง ≥140 มก./ดล. ถือวา่ วิธีตรวจ ระดับน้าตาลในเลือด ผิดปกติ (ทดสอบOGTT) FBS ≥ 92 มก./ดล. ถือวา่ ผดิ ปกตก Glucosechallenge test : ด่ืมกลูโคสแลว้ เจาะท่ีหลอด *ถา้ มีคา่ นอ้ ยกวา่ 92 มก./ดล. แนะนาให้ เลือดดาเพื่อดูระดบั น้าตาล ตรวจต่อดว้ ย 75 กรมั OGTT เม่ืออายคุ รรภไ์ ด้ 24-28 สปั ดาห์ การวนิ ิฉยั โรค เกณฑข์ อง Carpenter และ Coustan เกณฑข์ อง IDF 100 g OGTT ระดบั น้าตาลในเลือด 75 gm OGTT ระดบั น้าตาลในเลือด ของหญิงที่เป็น GDM* ของหญิงที่เป็น GDM* ก่อนดื่มน้าตาล ก่อนดื่มน้าตาล ≥ 92 มก./ดล. หลงั ด่ืม 1 ชม. ≥ 95 มก./ดล. หลงั ด่ืม 1 ชม. ≥ 180 มก./ดล. หลงั ดื่ม 2 ชม. ≥ 180 มก./ดล. หลงั ดื่ม 2 ชม. ≥ 155 มก./ดล. หลงั ด่ืม 3 ชม. ≥ 155 มก./ดล. ≥ 140 มก./ดล. ** ถา้ มตี งั้ แต่ 1 คา่ ขนึ้ ไปจะถือวา่ เป็นโรคเบาหวาน ขณะตงั้ ครรภ์ **ถา้ มี 2 คา่ ขนึ้ ไปจะถือวา่ เป็นโรคเบาหวาน ขณะตงั้ ครรภ์ ท่ีมา :แนวทางเวชปฏิบตั สิ าหรบั โรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
Nutrition management การคานวณพลงั งานที่ควรไดร้ ับขณะต้งั ครรภ์ ไตรมาส พลงั งานทค่ วรไดร้ ับ การกระจายพลงั งาน (%) - ควรไดร้ ับ CHO อยา่ งนอ้ ย (Kcal/IBW/Day) 25-20 59-55 200 g/day 1 PRO 20 - มีอาหารวา่ ง ม้ือก่อนนอน 2-3 32 FAT 25-20 38 เป้าหมายของระดบั น้าตาลในเลือดของผู้ป่ วยเบาหวานขณะต้งั ครรภ์ น้าหนักตวั ทีค่ วรเพม่ิ ขึน้ ขณะต้งั ครรภ์ตามดชั นีมวลกายก่อนต้ังครรภ์ ท่ีมา :แนวทางเวชปฏบิ ตั สิ าหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560
การการออกกาลงั กาย ผปู้ ่ วยที่ไม่มีอาการแทรกซอ้ นจากการ ต้งั ครรภส์ ามารถทากิจวตั รประจาวนั และ ทางานท่ีไมห่ กั โหมไดต้ ามปกติ แนะนา ไม่แนะนา -ออกกาลงั กายโดยการว่งิ เพราะจะเป็นผล -ออกกาลงั กายโดยใชก้ ลา้ มเน้ือส่วนบน กระตุน้ ใหก้ ลา้ มเน้ือมดลูกหดตวั ของร่างกาย -เพ่ิมกิจกรรมทางกาย อยา่ งน่อย 30 min/week โดย 3 คร้ัง/week ยกเวน้ : กรณีมีขอ้ หา้ มแพทย์
Dyslipidemia โภชนบาบดั โรคไขมนั ในเลือด โรคไขมนั ในเลือดสูง (Dyslipidemia) คอื โรคที่มีระดบั ไขมนั ในเลือดสูงกว่าคา่ ท่ีถกู กาหนดข้นึ ซ่ึงไดม้ าโดยการ เกบ็ ขอ้ มลู ทางสถิติของระดบั ไขมนั ในเลือดของประชากรทวั่ ไป ปกติร่างกายคนเราจะมีไขมนั อยู่ 2 ชนิด คือ 1.คอเลสเตอรอล (Cholesterol) แบ่งเป็ น ชนิดความหนาแน่นต่า (LDL) หรือ ไขมนั ชนิดไม่ดี เป็นคอเลสเตอรอลที่ไปสะสมในผนงั หลอดเลอื ด ทาให้ หลอดเลือดแดงตบี และแขง็ เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหวั ใจตีบตนั และหลอดเลือดสมองตีบ ชนิดความหนาแน่นสูง (HDL) หรือ ไขมนั ชนิดดี เป็นคอเลสเตอรอลประเภทหน่ึงเหมือนกนั แต่จะทาหนา้ ที่กาจดั ไขมนั ชนิดอนั ตรายออกไปจากกระแสเลือด ซ่ึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นเลือดหวั ใจตีบ 2.ไตรกลเี ซอไรด์ (Triglyceride) เป็นไขมนั ประเภทหน่ึง ซ่ึงอาจมีการสะสมที่ผนงั หลอดเลือดไดเ้ ช่นกนั เม่ือมีปริมาณ สูงมาก ๆ แตจ่ ะมีอทิ ธิพลต่อการเกิดโรคหวั ใจและหลอดเลือดนอ้ ยกวา่ ไขมนั ชนิดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ เป็นสารอาหารประเภทไขมนั ที่เราบริโภคอยเู่ ป็นประจา ใหอ้ าหารมีรสชาดิ และทาให้อ่ิมทอ้ งอยู่ นาน ช่วยในการดูดซึมวติ ามินเอ ดี อี และเค และที่สาคญั คือไตรกลีเซอร์ไรด์ เป็นสารทใี่ หพ้ ลงั งานท่ีสาคญั แก่ร่างกาย จะถกู สะสมไวต้ ามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทาให้น้าหนกั เพิม่ และอว้ นข้ึน ตบั ยงั สามารถสร้างไตรกลีเซอไรด์ จาก อาหารประเภทแป้ง น้าตาล และแอลกอฮอล์ ท่ีเราบริโภคเขา้ ไปอีกดว้ ยนสภาพไขมนั ชนิด VLDLซ่ึง VLDL ทาหนา้ ที่ นาไตรกลีเซอไรด์ ที่ร่างกายสร้างข้ึน ไปไวต้ ามผนงั หลอดเลือดทาให้หลอดเลือดแดงแขง็ ตวั -VLDL LDL ซ่ึงมีโคเลสเตอรอลเกาะอยู่ โคเลสเตอรอลไปใชส้ ร้าง หรือซ่อมแซ่มของเน้ือเยื่อ -HDL ทาหนา้ ที่ตรงกนั ขา้ มกบั แอลดีแอล คอื ขนส่งโคเลสเตอรอล ท่ีมากเกินพอในเซลลก์ ลบั ไปยงั ตบั ระดบั โคเลสเตอรอลในเลือดของคนปกติ ควรต่ากวา่ 200 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ระดบั ไตรกลีเซอไรดใ์ นเลือดของคนปกติ ควรต่ากว่า 200 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ระดบั HDL ในเลือด ควรสูงกว่า 35 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ระดบั LDL ในเลือด ควรต่ากว่า 130 มิลลิกรัม / เดซิลิตร
Search