Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งท่องเที่ยวสมุทรสาคร ชนาธิป

แหล่งท่องเที่ยวสมุทรสาคร ชนาธิป

Published by ชนาธิป มีฤกษ์งาม, 2022-08-29 01:55:16

Description: แหล่งท่องเที่ยวสมุทรสาคร ชนาธิป

Search

Read the Text Version

42 ตารางท่ี 1-45 : แสดงข้อมลู ผูใ้ ชน้ ้ำประปาในจงั หวัดสมุทรสาคร ปี พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2560 ปี ปรมิ าณการผลิตน้ำ ปรมิ าณน้ำจำหนา่ ย จำนวนผู้ใช้น้ำ (ลกู บาศกเ์ มตร) (ลูกบาศกเ์ มตร) (ราย) พ.ศ. 2555 5,570,677 4,471,156 44,976 พ.ศ. 2556 5,964,822 4,418,854 49,819 พ.ศ. 2557 5,980,866 4,448,714 54,995 พ.ศ. 2558 6,098,158 4,767,619 59,338 พ.ศ. 2559 6,404,577 4,581,587 62,407 พ.ศ. 2560 6,724,806 5,039,746 68,484 (ทม่ี า : การประปาส่วนภูมิภาคสาขาสมทุ รสาคร, มิถุนายน 2560) 3) โทรศพั ทแ์ ละระบบเครอื ข่าย การให้บริการโทรศัพทใ์ นพน้ื ทีจ่ ังหวัดสมุทรสาครอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีชุมสายโทรศัพท์ 3 แห่ง ได้แก่ ชุมสายโทรศัพท์สมุทรสาคร ชุมสายโทรศัพท์กระทุ่มแบน และ ชุมสายโทรศัพท์บ้านแพ้ว มีเลขหมายที่มีผู้เช่าใช้บริการ 31,552 เลขหมาย จำแนกเป็นโครงข่ายของ TOT จำนวน 30,813 เลขหมาย และโครงข่ายของ TT&T จำนวน 11,276 เลขหมาย 4) การคมนาคม จังหวดั สมทุ รสาคร มกี ารคมนาคมสะดวกทั้งทางบก และทางน้ำ ทำใหก้ ารติดตอ่ ระหว่างจังหวัด กับจังหวัด หรืออำเภอกับอำเภอเป็นไปด้วยความสะดวก และเป็นจังหวัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้เป็นเส้นทาง หลกั ลงสภู่ าคใต้โดยมถี นนพระราม 2 และถนนเพชรเกษมเป็นถนนสายหลกั 1) ทางรถยนต์ มีถนนสายหลักที่สำคัญ 3 สาย ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 (ถนน พระราม 2) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3091 (ถนนเศรษฐกิจ) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3242 (ถนน เอกชยั ) ภาพที่ 1-8 : แผนท่ีโครงการถนนทอ่ี ยใู่ นความรับผดิ ชอบของแขวงทางหลวงชนบทสมุทรสาคร

43 ขอ้ มูลลกั ษณะผวิ ทาง แสดงระยะทางควบคุมของแขวงทางหลวงสมุทรสาคร (2562-2565) รวมระยะทาง/2ช่องจราจร และปริมาณ Work Load บัญชแี สดงระยะทางควบคุมของแขวงทางหลวงสมุทรสาคร (2562-2565) แขวงทางหลวงสมุทรสาครสำนกั งานทางหลวงท่ี 13 หมายเลขควบคุม ระหว่าง ระยะทางจรงิ ลกั ษณะผิวทาง รวมระยะทาง/ ปริมาณ 2 ช่องจราจร Work Load 00040100 กม. - กม. (กม.) คอนกรตี ลาดยาง ลกู รัง 26+420 - 14.647 58.588 249.878 33100100 41+067 58.588 - ต่างระดบั พทุ ธมณฑลสาย 4 1+680 - 10+814 9.134 46.578 172.986 - 46.578 4.321 18.865 กม.9+930 30910100 9+930 4.321 - 54.000 202.500 30910100 11.002 47.031 (Interchange) 0+000 - 18+000 18.00 - 54.000 ต่างระดับสมุทรสาคร 18+000 - 1.851 11.002 - 3.624 13.590 กม.18+980 19+851 32420100 18+980 - 3.624 0.251 0.251 13.353 41.935 สะพาน Overpassมหาชัย 1+191 – 1+216 0.025 0.075 - 15.259 53.981 เมืองใหมก่ ม. 6+690 1+216 – 6+130 4.914 - 13.353 34230100 7.616 - 15.259 0.799 2.758 6+130 – 13+746 - 0.799 8.720 31.589 6+690 0+200 - 7+137 6.937 - 8.720 03380201 15+111 - 16.308 - 69.565 69.565 262.473 31+419 2.128 -- (U-Turn กม.15+503 15+503 - 0.525 0.525 1.980 ขาออกลับขาเขา้ ) -- 19+986 - 2.263 2.263 8.600 สะพานลอยเข้าสถานขี นสง่ พทุ ธมณฑลกม.19+986 20+888 (U-Turn กม.20+888 0+000 - 2+128 ขาออกลบั ขาเขา้ ) 03380202 32350100 0+000 - 6+239 6.239 - 6.239 6.239 23.210 33160100 0+000 - 13+161 13.161 3.500 10.161 13.661 50.566 34140100 0+985 - 10+752 9.767 - 23.981 23.981 65.541 34150100 0+000 - 5+153 5.153 4.500 2.053 6.553 26.860 00350201 14+660- 15.615 49.968 49.968 188.155 30+275 23.600 - 96.218 369.748 00350202 2.291 93.927 30+275 - รวมระยะทางในความ 53+875 ควบคมุ ของแขวงทางหลวง 34+000 สมุทรสาครทัง้ หมด 155.095 84.277 401.561 485.291 1,832.496 (ที่มา : แขวงทางหลวงชนบทสมทุ รสาคร, พฤศจิกายน 2561)

44 ตารางท่ี 1-46 : แสดงถนนที่อย่ใู นความรับผดิ ชอบขององคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ ลำดับที่ อำเภอ จำนวน ระยะทางท้ังหมด สภาพการใชง้ าน สายทาง (กิโลเมตร) ใชง้ านได้ ต้องซ่อมบำรุง 613 530.609 1 อำเภอเมืองสมุทรสาคร 478.624 51.985 2 อำเภอกระทุ่มแบน 576 286.753 265.227 21.526 3 อำเภอบา้ นแพ้ว 247 322.327 240.438 81.889 รวม 1,436 1,139.69 984.289 155.400 (ทม่ี า : สำนักงานส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่นิ จังหวัดสมุทรสาคร, 2560) 2) ทางรถไฟ มีทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัย เริ่มต้นที่สถานีวงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร ถึงสถานีมหาชัยสมุทรสาคร อำเภอเมือง (ระยะทาง 33.1 กม.) และทางรถไฟสายมหาชัย - แม่กลอง เริ่มต้นที่ สถานีบ้านแหลม ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร ถึงสถานีแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัด สมทุ รสงคราม (ระยะทาง 33.7 กม.) 3) ทางน้ำ สภาพทั่วไปในท้องที่จังหวัดมีแม่น้ำลำคลองจำนวนมาก แม่น้ำลำคลองที่ใช้เป็น เส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำท่าจีน คลองมหาชัย คลองพิทยาลงกรณ์ คลองสุนัขหอน คลองภาษีเจริญ คลองบางยาง และคลองดำเนินสะดวก การคมนาคมทางน้ำส่วนใหญ่จะใช้เรือยนต์โดยสาร เรือยนต์บรรทุกสินค้า ตลอดจนเรือแจว/เรือพาย เดินทางไปมาระหว่างตำบล หมู่บ้าน อำเภอ และจังหวัด ปจั จุบนั มีเรอื หางยาวรบั จา้ งขนสง่ ผโู้ ดยสาร ทำให้เกดิ ความสะดวกยิ่งขึน้ ในการเดนิ ทาง 1.3.8 การมีงานทำ จังหวัดสมุทรสาครมีกำลังแรงงานในปี พ.ศ. 2562 (เดือน กันยายน 2562) มีผู้อยู่ในวัยทำงาน หรืออายุ 15 ปี ขึ้นไป จำนวน 888,843 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 704,934 คน เป็นผู้มีงานทำ 702,991 คน ผู้ว่างงาน 1,943 คน ในกลุ่มผู้มีงานทำทั้งหมด 702,991 คน เป็นผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 70,042 คน ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 632,949 คน โดยสาขานอกภาคเกษตรที่มีผู้ทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สาขาการผลิต โดยมีผู้ทำงานจำนวน 407,765 คน (ร้อยละ 58.00 ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ใน ครัวเรือน 78,595 คน (ร้อยละ 11.18) สาขาโรงแรมและภัตตาคาร 38,640 คน (ร้อยละ 5.50) และสาขา กอ่ สรา้ ง 12,519 คน (รอ้ ยละ 1.78) ตามลำดบั ตารางที่ 1-47 : แสดงจำนวนกำลังแรงงานของจังหวัดสมุทรสาคร หน่วย : คน สถานภาพแรงงาน ปี 2560 ปี 2561 ไตรมาส 3 ปี 2562 ผู้มอี ายุ 15 ปีขึน้ ไป 867,067 877,319 ชาย หญงิ รวม 1. ผู้อยใู่ นกำลังแรงงาน 682,344 701,059 677,359 696,796 436,376 452,467 888,843 1.1 ผ้มู งี านทำ 4,985 1.2 ผ้วู า่ งงาน 4,263 369,892 335,042 704,934 1.3 ผ้ทู ี่รอฤดูกาล 0 0 368,442 334,459 702,991 1,450 493 1,943 00 0

สถานภาพแรงงาน ปี 2560 45 ไตรมาส 3 ปี 2562 ปี 2561 ชาย หญงิ รวม 2. ผ้ไู มอ่ ยู่ในกำลังแรงงาน 184,723 176,260 66,484 117,425 183,909 56,600 60,588 2.1 ทำงานบ้าน 50,517 4,169 51,758 55,927 2.2 เรยี นหนงั สอื 77,607 45,584 2.3 อื่น ๆ 99.27 70,088 26,534 25,464 51,998 อัตราการมีงานทำ 0.73 99.39 35,781 40,203 75,984 อัตราการวา่ งงาน 0.61 99.61 99.83 99.72 ท่ีมา: สำนกั งานสถิติจังหวัดสมุทรสาคร 0.39 015 0.28 จากขอ้ มูลของสำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแหง่ ชาติ ซึ่งได้ ดำเนนิ การจดั ทำผลิตภัณฑม์ ลรวมจงั หวัดและขอ้ มูลจำนวนผู้มงี านทำตามรายละเอยี ด ดังน้ี รายการขอ้ มูล 2558 2559 ผลติ ภัณฑม์ วลรวมของจังหวดั (GPP) (ล้านบาท) 334,897 366,207 จำนวนผู้มีงานทำของจังหวัด (คน) 679,614 671,749 ผลิตภาพแรงงาน (บาท) 492,775 545,155 ข้อมูลอัตราการเปลี่ยนแปลงของผลิตภาพแรงงาน ปี 2558 – 2559 คำนวณจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด (GPP) และจำนวนผู้มีงานทำของจังหวัด (GPP ÷ จำนวนผู้มีงานทำของจังหวัด) ผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) คือจำนวนผลผลติ ต่อแรงงาน 1 คน จากข้อมูลจะเหน็ ได้วา่ ผลติ ภาพแรงงานในปี 2559 เพมิ่ ขึน้ จาก ปี 2558 รอ้ ยละ 10.63 1.3.9 การประกนั สงั คม สถานประกอบการและผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม จังหวัดสมุทรสาครมีสถาน ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม จ้านวน 9,007 แหง และมีผู้ประกันตนรวมทั้งสิ้น 369,545 คน เมื่อพิจารณาจ้านวนสถานประกอบการจำแนกตามอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรมการค้า มีจ้านวนสถาน ประกอบการมากที่สุด 2,261 แหง (คิดเป็นร้อยละ 25.15 ของสถานประกอบการทั้งหมด) สำหรับประเภท อุตสาหกรรมที่มีผู้ประกันตนมากที่สุด ไดแก่ อุตสาหกรรมการผลิตอาหารเครื่องดื่ม มีจ้านวน 104,568 คน (คิดเปน็ รอ้ ยละ 28.30 ของจ้านวนผู้ประกันตนทง้ั หมด) การใช้บริการประกันสังคม จ้านวนผู้ประกันตนของจังหวัดสมุทรสาครที่มาใช้บริการกองทุน ประกันสังคม มีจ้านวน 143,851 คน (หรือร้อยละ 38.93 ของจ้านวนผู้ประกันตนทั้งหมด) โดยประเภทประโยชน ทดแทนที่ผู้ประกันตนมาใช้บริการสูงสุด ได้แก่ กรณีสงเคราะห์บุตร จำนวน 109,377 คน หรือร้อยละ 76.03 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รองลงมา คือ กรณีเจ็บป่วย 16,360 คน (ร้อยละ 11.37) กรณีว่างงาน 7,358 คน (ร้อยละ 5.12) กรณีชราภาพ 5,627 คน (ร้อยละ 3.91) กรณีคลอดบุตร 3,756 คน (ร้อยละ 2.61) กรณีทพุ พลภาพ 954 คน (รอ้ ยละ 0.66) และกรณีตาย 419 คน (รอ้ ยละ 0.29) เม่ือพิจารณาปริมาณการจ่ายเงินประโยชนทดแทน พบว่ากรณีคลอดบุตร มกี ารจ่ายเงินสูงสุด ถึง 50.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.75 ของเงินประโยชนทดแทนที่จ่าย รองลงมา ไดแก กรณีสงเคราะห์บุตร 46.87 ล้านบาท (รอ้ ยละ 24.80) กรณชี ราภาพ 44.35 ลา้ นบาท (ร้อยละ 23.47) กรณวี ่างงาน 24.57 ล้านบาท (ร้อยละ 13.00) กรณีตาย 10.62 ล้านบาท (ร้อยละ 5.62) กรณีเจ็บป่วย 9.56 ล้านบาท (ร้อยละ 5.06) และกรณีทพุ พลภาพ 2.44 ลา้ นบาท (ร้อยละ 1.29)

46 1.3.10 ความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพยส์ ิน สถิติคดีอาชญากรรมของจังหวัดสมุทรสาคร 5 กลุ่ม ปี พ.ศ. 2554 – พ.ศ. 2558 มีแนวโน้มลดลง อยา่ งต่อเนอ่ื ง โดยคดปี ระทุษรา้ ยต่อทรพั ยแ์ ละคดที ่นี า่ สนใจ มีแนวโนม้ เพมิ่ ขึ้น ตารางที่ 1-48 : แสดงสถติ คิ ดอี าญา 5 กลุ่ม ปี พ.ศ. 2558– พ.ศ. 2560 ประเภทคดี ปี พ.ศ. 2558 ปี พ.ศ. 2559 ปี พ.ศ. 2560 รบั แจ้ง รบั แจ้ง รับแจง้ จบั รบั แจ้ง จับ 1. คดอี ุกฉกรรจแ์ ละสะเทือนขวัญ 33 32 26 24 23 22 2. คดชี ีวติ ร่างกาย และเพศ 206 154 162 126 175 146 3. คดีประทุษรา้ ยต่อทรพั ย์ 434 271 535 379 545 420 4. คดที นี่ ่าสนใจ 318 146 - - - - 5. คดีที่รัฐเป็นผเู้ สยี หาย 4,992 4,991 2,171 2,328 3,977 4,315 6. คดฐี านความผดิ พเิ ศษ - - 29 24 43 42 รวม 5,983 5,594 2,923 2,881 4,763 4,945 (ที่มา : กองบังคับการตำรวจภูธรจงั หวดั สมุทรสาคร, สงิ หาคม 2559) ตารางที่ 1-49 : แสดงสถติ ิการจบั กุมยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ในเขตพื้นทจี่ ังหวดั สมุทรสาคร ปี พ.ศ. 2554 – พ.ศ. 2559 ประเภทขอ้ กล่าวหา จบั กมุ จำหน่าย+ ไดท้ งั้ หมด พ.ศ. ผลติ สนบั สนนุ หรอื -+ ครอบครอง ครอบครอง เสพ ปี ชว่ ยเหลือ ++ เพื่อจำหนา่ ย คดี คน คดี คน คดี คน คดี คน คดี คน คดี คน คดี คน 2555 5,436 5,477 - - - - 333 342 638 659 3827 3837 638 639 2556 6,057 6,113 3 3 1 3 129 137 858 894 4580 4590 486 486 2557 3,824 3,847 - - 2 5 84 88 928 943 2365 2366 445 445 2558 2,758 2,787 2 2 - - 101 104 694 712 1684 1692 277 277 2559 1,267 1,276 2 2 - - 23 23 409 415 736 739 97 97 2560 1,953 1,978 1 1 - - 31 31 787 807 920 926 214 214 รวม 22,107 22,599 9 9 3 8 725 751 4,613 4,735 14,511 14,550 2,243 2,244 (ทม่ี า : กองบงั คับการตำรวจภธู รจงั หวดั สมุทรสาคร, มถิ ุนายน 2561)

47 1.3.11 สรปุ จำนวนขอ้ มลู ของศนู ยข์ อ้ มูลกลางทางวฒั นธรรมจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนข้อมูลของศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งสิ้น 1,592 ข้อมูล สามารถ แยกไดต้ ามหมวดหมู่ ดังนี้ 1. บุคคล/องคท์ างวัฒนธรรม จำนวน 525 ข้อมูล - ศิลปิน = 19 - ปราชญช์ าวบ้าน = 49 - บคุ คลสำคัญทางศาสนา = 93 - นักเขียน/นกั ประพันธ์ =4 - สมาคม/มลู นธิ /ิ ชมรม =2 - เครอื ข่ายทางวัฒนธรรม = 378 - หน่วยงานทางวัฒนธรรม = 16 2. สงิ่ ประดษิ ฐ์ทางวัฒนธรรม จำนวน 629 ข้อมูล - โบราณวัตถุ = 232 - ศิลปวัตถุ = 32 - ทัศนศลิ ป์ = 44 - เอกสารหนงั สือ =6 - ส่ือโสตทศั น์ =- - เครอ่ื งมือเคร่ืองใช้ = 517 - เครื่องแต่งกาย =4 3. วิถีชีวติ จำนวน 205 ขอ้ มูล - ชาตพิ ันธุ์ = 10 - ศาสนาและความเชื่อ = 20 - ประเพณีและพธิ กี รรม = 48 - ภาษาและวรรณกรรม = 13 - ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ = 129 - ศลิ ปะการแสดงและดนตรี = 26 4. สถานทที่ างวัฒนธรรม จำนวน 342 ข้อมูล - แหล่งโบราณคดี = 44 - อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ = 16 - โบราณสถาน = 101 - สถาปตั ยกรรมสำคัญ = 41 - ศาสนสถาน = 203 - พพิ ธิ ภัณฑ์ = 17 - หอสมุด/ห้องสมุด = 15 - หอจดหมายเหตุ =5 - อนุสาวรีย์/อนสุ รณส์ ถาน = 27 - สถานท่จี ดั แสดงทางวฒั นธรรม = 16 - แหล่งทอ่ งเทีย่ ว = 26 5. ประเภทอืน่ ๆ จำนวน 439 ข้อมูล

48 1.3.12 เครือข่ายภาคประชาชน ในการบริหารงานของจังหวัดสมุทรสาคร สามารถแปลงไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนอื่ งจากมเี ครอื ขา่ ยภาคประชาชนทเี่ ขม้ แข็งในพื้นที่ ท้งั ระดับหมบู่ ้านและระดับตำบล ดงั น้ี ตารางท่ี 1-50 : แสดงเครอื ข่ายภาคประชาชนของสว่ นราชการ ที่ รายชอ่ื เครอื ขา่ ย จำนวน เครอื ขา่ ยระดับหมบู่ ้าน 1 อาสาสมคั รพฒั นาชุมชน (อช.) 972 คน 2 คณะกรรมการพฒั นาสตรหี มบู่ ้าน (กพสม.) 243 คน 3 กลมุ่ ออมทรัพย์ 34 กลมุ่ 4 กลุ่มแก้ไขปญั หาความยากจน 12 กองทนุ 5 กองทุนแม่ของแผน่ ดิน 193 คน 6 กลมุ่ OTOP 268 กลมุ่ 7 ศนู ย์เรียนรู้ชุมชน 4 แห่ง 8 อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมบู่ ้าน 3,670 คน 9 อาสาสมคั รป้องกันภัยฝา่ ยพลเรือน 1,263 คน 10 กองทนุ หม่บู ้าน 345 แหง่ 11 กลุ่มวิสาหกจิ ชมุ ชน 123 กลมุ่ ระดับตำบล 12 ศนู ย์บริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยีประจำตำบล 36 แหง่ 13 ศนู ย์การจัดการศตั รพู ชื 14 แหง่ 14 ผ้นู ำอาสาพฒั นาชุมชน 52 คน 15 คณะกรรมการพฒั นาสตรีตำบล (กพสต.) 375 คน 16 ศูนยป์ ระสานงานองค์กรชมุ ชนระดบั ตำบล (ศอช.ต.) 135 คน 17 กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 47,426 คน 18 สภาองค์กรชมุ ชนตำบล 39 ตำบล 19 กองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน 21 กองทนุ (ที่มา : รวบรวมโดยสำนกั งานจงั หวดั สมุทรสาคร, กนั ยายน 2559) 1.4 ด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม 1.4.1 ดิน ลักษณะดินในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ แบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่ม ดินเค็มชายฝั่งทะเล มีพื้นที่ประมาณร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ตอนล่างของจังหวัดที่ติดกับ อ่าวไทย บริเวณน้ำทะเลท่วมถึงเป็นดินเลนเนื้อดินเหนียวและเค็มจัดเหมาะแก่การเลี้ยงปลาน้ำกร่อยบางส่วน ทำสวนมะพร้าว ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอเมอื งสมทุ รสาคร กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มดินนา พื้นที่ส่วนท่ีเหลืออีกร้อย ละ 50 ของพน้ื ทีจ่ ังหวัดอยู่บรเิ วณตอนบนของจังหวัด น้ำทะเลทว่ มไม่ถึงและเปน็ พืน้ ทด่ี อน ดินเป็นดินเหนียวท่ี มีดินร่วนปน ได้แก่ พื้นที่ในเขตของอำเภอบ้านแพ้ว อำเภอกระทุ่มแบน และบางส่วนของอำเภอเมือง สมุทรสาคร เหมาะสมที่จะทำการเกษตรกรรม ปลูกพืชผัก ปลูกไม้ผล และไม้ดอก สภาพดินของจังหวัด สมทุ รสาคร จำแนกออกได้เป็น 6 ชดุ ดนิ คือ

49 1) ดินชุดท่าจีน พบบริเวณที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล มีพื้นที่ประมาณ 103,000 ไร่ เท่ากับร้อยละ 19.3 ของพื้นที่จังหวัด ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่เป็นดินเค็มเพราะน้ำทะเลท่วมถึง ระดับน้ำใต้ดินสูง เกือบถึงหน้าดินตลอดปี เป็นป่าชายเลน นากุ้ง และยกร่องปลูกมะพร้าว ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอ เมืองสมุทรสาคร 2) ดินชุดสมุทรปราการ พบในบริเวณพื้นที่ราบชายฝั่งทะเลถัดจากดินชุดท่าจีนเข้ามามีพื้นท่ี ประมาณ 5,500 ไร่ เท่ากับร้อยละ 1 ของพื้นที่จังหวัด ดินมีความอุดมสมบูรณ์ระดับสูงถึงระดับปานกลาง ลกั ษณะเปน็ ดนิ เค็มไมส่ ามารถปลูกข้าวได้ บางแหง่ ใช้ขดุ บอ่ เลย้ี งปลาหรอื ยกร่องปลูกมะพรา้ ว สว่ นใหญ่อยู่ในเขต อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 3) ดนิ ชดุ บางกอก พบในบรเิ วณพ้นื ทร่ี าบชายฝ่ังทะเลท่ีนำ้ ทว่ มไม่ถึง เป็นดินท่ีมคี วามอุดมสมบูรณ์ ค่อนข้างสูง มีพื้นที่ประมาณ 100,500 ไร่ เท่ากับร้อยละ 18.9 ของพื้นที่จังหวัด จัดเป็นดินชั้นหนึ่งสำหรับ ปลูกข้าว ถั่วตา่ ง ๆ ขา้ วโพด ฯลฯ ส่วนใหญอ่ ยใู่ นเขตอำเภอกระทุ่มแบน 4) ดินชุดบางเลน พบในบริเวณพื้นที่ราบน้ำท่วมถึง เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีพื้นที่ ประมาณ 28,500 ไร่ เท่ากับร้อยละ 5.3 ของพื้นที่จังหวัด เป็นดินดีเหมาะสมที่จะปลูกข้าว แต่ไม่เหมาะสม ทีจ่ ะปลูกพชื ไร่ สว่ นใหญ่อยู่ในเขตอำเภอกระทมุ่ แบนและอำเภอบา้ นแพว้ 5) ดนิ ชดุ ธนบุรี พบในบริเวณพื้นท่ีราบใกล้ชายฝ่ังแม่น้ำ พนื้ ทรี่ าบเรียบเป็นดินลึกมีความอุดมสมบูรณ์ ปานกลาง มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ เท่ากับร้อยละ 1.2 ของพื้นที่จังหวัด เป็นดินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ ทำสวนผลไม้และปลูกผัก สว่ นใหญ่อยู่ในเขตอำเภอกระทมุ่ แบน 6) ดินชุดดำเนินสะดวก พบในบริเวณที่ราบห่างจากฝั่งทะเล มีพื้นที่ประมาณ 46,500 ไร่เท่ากับ ร้อยละ 8.8 ของพื้นที่จังหวัด สภาพพื้นที่ราบเรียบมีลักษณะเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนซิลล์ มีความอุดมสมบูรณ์สูงเหมาะที่จะใช้ปลูกผักและทำสวนผลไม้ บางแห่งใช้ปลูกพืชไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เขต อำเภอบ้านแพว้ 1.4.2 ป่าไมแ้ ละสัตว์ป่า 1) สภาพป่าไมจ้ งั หวดั สมุทรสาคร บริเวณปากแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก พบป่าชายเลนผืนใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัด สมุทรสาคร บริเวณอื่นพบป่าชายเลนมีลักษณะเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อยตลอดแนวชายฝั่งทะเลทั้ง 2 ด้าน เดิมชายฝ่งั ทะเลของจังหวัดสมุทรสาครอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ชายเลน เชน่ ต้นโกงกาง และแสมทะเล เป็นต้น เป็นระบบนิเวศที่มีความซับซ้อน เป็นแนวกันคลื่น เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นที่อนุบาลของสัตว์น้ำ วัยอ่อน เป็นแหล่งไม้ใช้สอย ตลอดจนเป็นแหล่งสมุนไพรที่สำคัญ แต่ต่อมาพื้นที่ป่าชายเลนได้ลดลงเรื่อย ๆ อันมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติ เกิดจากการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และในปัจจุบันเหลือพื้นที่ที่เป็นป่าไม้ ประมาณ 594 ไรเ่ ท่านั้น 2) ป่าสงวนแหง่ ชาติ จังหวัดสมุทรสาครมีป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัย ฝั่งตะวันออก และปา่ อา่ วมหาชยั ฝงั่ ตะวนั ตก รวมเนื้อทีป่ ระมาณ 16,208 ไร่ (ตามกฎกระทรวง) ดังนี้ (1) ปา่ สงวนแหง่ ชาติปา่ อา่ วมหาชยั ฝง่ั ตะวันออก ครอบคลมุ พน้ื ท่ีตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลโคกขาม และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมทุ รสาคร เนื้อที่ประมาณ 7,343 ไร่ (กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 1,194 พ.ศ. 2529)

50 (2) ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก ครอบคลุมพ้ืนที่ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบล บางกระเจ้า ตำบลบ้านบ่อ ตำบลบางโทรัด ตำบลกาหลง และตำบลนาโคก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัด สมทุ รสาคร เนื้อท่ีประมาณ 8,865 ไร่ (กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 1,202 พ.ศ. 2530) 3) เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จงั หวดั สมุทรสาครมีพื้นท่ีเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 1 แห่ง คือ เขตห้ามลา่ สัตวป์ ่าพันท้ายนรสิงห์ ครอบคลุมพื้นที่ต้าบลบางหญ้าแพรก ต้าบลโคกขาม ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ ต้าบลบางกระเจ้า ต้าบลบ้านบ่อ ต้าบลบางโทรัด ต้าบลกาหลง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีพื้นที่ประมาณ 14,426 ไร่ ตามแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันออกและป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก ยกเว้นพื้นที่บางส่วนบริเวณตำบลบางหญ้าแพรกที่มีการครอบครองใช้ประโยชน์พื้นที่มามากกว่า 20 ปี (ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม, 2554) 4) สตั วท์ พ่ี บในปา่ ชายเลน สัตวท์ พ่ี บในปา่ ชายเลนจังหวัดสมทุ รสาคร ประกอบไปด้วย (1) กลุ่มประชาคมสิ่งมีชีวิตพื้นป่าชายเลนหรือสัตว์หน้าดินพื้นป่าชายเลนพบจำนวน 7 ชนิด มีค่าความหนาแน่นเท่ากับ 24 ตัวต่อตารางเมตร มีค่าดัชนีความหลากหลาย (H/) เท่ากับ 0.57 และมีค่า ความสม่ำเสมอ (J/) เทา่ กบั 0.33 ตวั อย่างสตั ว์ทพี่ บ ไดแ้ ก่ ปแู สม ปกู ้ามดาบ ไส้เดือนทะเล หอยเจดยี ์ เปน็ ตน้ (2) กลุ่มของนกในป่าชายเลน ในจังหวัดสมุทรสาคร พบจำนวน 25 ชนิด 21 สกุล 15 วงศ์ และ 4 อนั ดบั ตวั อยา่ งนกท่ีพบ ได้แก่ นกตีนเทียน นกนางนวลแกลบเคราขาว นกชายเลนเขียวนกกินเป้ียว เปน็ ตน้ 1.4.3 แหลง่ นำ้ จังหวัดสมุทรสาคร มีแหล่งน้ำทั้งจากแม่น้ำลำคลองตามธรรมชาติ และคลองขุดและ แหล่งน้ำจากน้ำฝน พื้นที่ของจังหวัดได้รับน้ำส่วนใหญ่จากแมน่ ำ้ ทา่ จีน และแม่น้ำเจ้าพระยา มีโครงการเกบ็ นำ้ จากแหล่งนำ้ ในคลองชลประทาน 10 สาย และคลองธรรมชาตกิ วา่ 170 สาย แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำสำคัญสายหลักของจังหวัด ไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร โดยแยกจากแมน่ ำ้ เจ้าพระยาท่ีบา้ นปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสงิ ห์ จังหวัดชัยนาท เรียกแม่น้ำมะขามเฒ่า แล้วไหลตามแนวเหนือใต้ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่ านจังหวัด สุพรรณบุรี เรียกแม่น้ำสุพรรณบุรี ผ่านจังหวัดนครปฐม เรียกแม่น้ำนครชัยศรี แล้วไหลผ่านเข้าเขตจังห วัด สมุทรสาคร ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน เรียกแม่น้ำท่าจีน ไหลลงสู่อ่าวไทยในเขตตำบล ท่าฉลอม อำเภอเมืองฯ ในสมัยก่อนมีเรือสำเภาจีนมาทำการค้าขาย และจอดทอดสมอเพื่อขนถ่ายสินค้าที่ปากแม่น้ำสายนี้เป็นประจำ อยจู่ ำนวนมาก จงึ เปน็ เหตใุ หเ้ รยี กชือ่ แม่น้ำ และหมู่บ้านของชุมชนน้วี ่า ท่าจีน” คลองมหาชัย เป็นคลองที่ขุดในสมัยอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 (พระเจ้าเสือ) เพื่อตัดความคดเคี้ยวของคลองโคกขาม แต่เดิมเริ่มต้นจากคลองด่าน วัดหัวหมู เขตเมืองธนบุรี จนถึงคลองโคกขาม เรียกว่า คลองพระพุทธเจา้ หลวง แต่การขุดยังไม่ทนั แล้วเสร็จ ต่อมาสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ 9 เสด็จมาที่ปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อเสด็จถึงคลองมหาชัยเห็นคลองยังขุดไม่แล้วเสร็จค้างอยู่ จึงได้โปรด เกล้าให้พระราชสงครามเป็นนายกอง ให้เกณฑ์คนจากหัวเมืองปักษ์ใต้ขุดคลองมหาชัย ให้ฝรั่งส่องกล้องดูให้ ตรงปากคลอง แล้วปักกรุยลงเป็นสำคัญยาว 340 เส้น ให้ขุดคลองลึก 6 ศอก กว้าง 7 วา ใช้เวลาขุดอยู่สอง เดือนจงึ แล้วเสร็จเรยี กวา่ คลองมหาชัย คลองพิทยาลงกรณ์ ยาวประมาณ 27 กิโลเมตร เป็นคลองขุดเพื่อการชลประทาน และทำนาเกลือ ทางริมฝั่งทะเลของเขตอำเภอเมือง ฯ โดยแยกจากแม่น้ำท่าจีน ที่วัดศรีสุทธาราม (วัดกำพร้า) ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมือง ฯ ไปเชื่อมคลองสรรพสามิต ไปเชื่อมต่อแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอเมือง สมุทรปราการ คลองภาษีเจริญ รวมความยาว 28 กิโลเมตร เริ่มต้นที่บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกัน ไปเชื่อมแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร คลองสายนี้เป็น เส้นทางสัญจรทางน้ำท่ีสำคัญ ตลอดรมิ สองฝง่ั คลอง จะมชี ุมชนเกษตรกระจายกันอยู่มีคลองซอยเล็ก ๆ ทั้งสอง

51 ข้างเพื่อเชื่อมพื้นที่ของอำเภอกระทุ่มแบนตอนเหนือ การขุดคลองสายนี้ดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.1410 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม) เป็นแม่กองขุดคลอง สายนี้ โดยขุดตั้งแต่คลองบางกอกใหญ่ริมวัดปากน้ำ ไปออกแม่น้ำท่าจีน ที่ตำบลดอนไก่ดี ขุดเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2415 เปน็ คลองยาว 620 เสน้ กวา้ ง 7 วา ลึก 5 ศอก คลองสนุ ขั หอน เป็นคลองท่ขี ดุ เช่อื มระหวา่ งแมน่ ้ำทา่ จีนกบั แม่นำ้ แมก่ ลอง ยาวประมาณ 42 กิโลเมตร ในเขต สมุทรสงครามราว 13 กิโลเมตร ในเขตสมุทรสาคร ราว 29 กิโลเมตร เริ่มจากอำเภอ เมืองฯ ที่บ้านท่าจีน ไปเชื่อมกับคลองท่าแรง้ ที่บ้านบางนำ้ วน จนมาถึงบ้านสุนัขหอน แล้วออกสูแ่ มน่ ้ำแม่กลอง ที่อำเภอเมืองสมุทรสงคราม คลองนี้มีน้ำเค็มเข้ามามากจนมีป่าจาก และชายป่าเลนขึ้นอยู่หนาแน่นตลอด สองฝงั่ คลอง คลองดำเนินสะดวก ขุดเชื่อมระหว่างแม่น้ำแม่กลองกับแม่น้ำท่าจีน ยาวประมาณ 32 กิโลเมตร เริ่มจากประตูน้ำบางยาง อำเภอบ้านแผ้ว ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ไปเชื่อมกับ แม่น้ำแม่กลอง ที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นคลองที่ขุดเพื่อการชลประทานและการสัญจรทางน้ำ สองขา้ งคลองมคี ลองซอยย่อยเชื่อมต่อเป็นจำนวนมาก แหลง่ นำ้ ชลประทาน การพัฒนาแหล่งน้ำและคูคลอง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีการซ่อมแซม ก่อสร้างประตูระบายน้ำและขุดลอกคูคลอง ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งนี้ ในแต่ละส่วนเขตพื้นที่จะมี หนว่ ยงานของกรมชลประทานดูแล ซึง่ จะแบง่ เขตพน้ื ทรี่ บั ผิดชอบของจังหวดั สมุทรสาคร ดงั น้ี 1. โครงการชลประทานสมุทรสาคร มีพน้ื ที่ 242,074 ไร่ 2. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดำเนนิ สะดวก มีพ้นื ที่ 90,193 ไร่ 3. โครงการสง่ น้ำและบำรุงรกั ษาภาษีเจริญ มพี ้นื ท่ี 128,725 ไร่ 4. โครงการสง่ น้ำและบำรงุ รักษานครปฐม มีพ้ืนที่ 54,780 ไร่ 5. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครชมุ มพี ้ืนท่ี 29,464 ไร่ 6. โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย - คลองสนามชยั มพี ้นื ที่ 28,700 ไร่ โครงการแก้มลงิ คลองมหาชยั - คลองสนามชยั โครงการแก้มลิงในพื้นทีฝ่ ั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (คลองมหาชัย - คลองสนามชัย) ทำหนา้ ที่รบั นำ้ ในพ้นื ที่ฝ่ังตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านพน้ื ที่บางสว่ นของกรุงเทพมหานคร และสมุทรสาคร ตอนบนไปลงคลองมหาชัย - คลองสนามชยั และแมน่ ำ้ ทา่ จีน เพอื่ ระบายออกส่ทู ะเลดา้ นจงั หวัดสมุทรสาคร ช่วงน้ำปกติ จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยการเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 10 แห่ง เพอื่ รับนำ้ คุณภาพดีจากทะเลเข้ามาหมุนเวยี นในระบบแก้มลิง ส่วนประตูระบายนำ้ และสถานสี ูบน้ำคลองมหาชัย จะมหี น้าทบ่ี รหิ ารจัดการน้ำเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเปิดประตูระบายน้ำตลอด ยกเวน้ กรณีน้ำทะเลหนุนสูงจะทำการ ปิดประตูระบายน้ำลง เมื่อน้ำทะเลไหลลงจะเปิดประตูระบายน้ำเพื่อระบายน้ำในคลองมหาชัยออกสู่ทะเล เป็นการหมุนเวียนน้ำให้มีคุณภาพดีขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ทำการเพาะเลี้ยง สัตวน์ ้ำกร่อย ให้สามารถประกอบอาชีพได้อยา่ งยั่งยืน ชว่ งน้ำหลาก จะมกี ารปิดประตูระบายน้ำทั้ง 10 แหง่ ในระบบแก้มลิงของกรมชลประทาน ในเขตจังหวัดสมุทรสาครทั้งหมด โดยมีการบริหารจัดการน้ำที่ประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองมหาชัย เป็นหลัก เมื่อระดับน้ำทะเลลดลงจะเปิดประตูระบายน้ำเพื่อระบายน้ำในคลองมหาชัยออกสู่ทะเล โดยระบบ แรงโน้มถว่ งของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ เม่อื ระดบั น้ำทะเลสูงกว่าระดบั นำ้ ในลำคลองให้ทำการปิด ประตูระบายน้ำ และใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าขนาดกำลังสูบเครื่องละ 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 12 เครื่อง รวมท้งั สิ้น 36 ลบ.ม./วนิ าที สบู น้ำออกจากคลองมหาชัย เปน็ การพรอ่ งน้ำภายในระบบแก้มลงิ เพื่อจะได้ทำให้ นำ้ ตอนบนคอ่ ยๆ ไหลมาเติมตลอดเวลา สง่ ผลให้ปริมาณน้ำท่วมพื้นทีล่ ดน้อยลง

52 ประตูระบายนำ้ ในระบบแก้มลิงของกรมชลประทานในเขตจงั หวดั สมุทรสาคร 10 แห่ง ได้แก่ 1. ประตูระบายนำ้ และสถานสี ูบนำ้ คลองมหาชยั 2. ประตูระบายนำ้ คลองพระราม (คลองหลวง) 3. ประตรู ะบายน้ำคลองสหกรณ์สายสาม 4. ประตูระบายน้ำคลองเจก๊ 5. ประตูระบายน้ำคลองโคกขามเกา่ 6. ประตรู ะบายน้ำโคกขาม 7. ประตูระบายน้ำคลองสหกรณส์ ายสี่ 8. ประตูระบายนำ้ คลองสหกรณ์สายห้า 9. ประตูระบายน้ำคลองลัดตะเคียน 10. ประตูระบายน้ำคลองแสมดำ ปริมาณการใชน้ ำ้ บาดาลในจังหวัดสมุทรสาคร ปริมาณน้ำบาดาลท่สี ูบข้ึนมาจากบอ่ บาดาลของเอกชนทไี่ ดร้ บั ใบอนญุ าตใชน้ ้ำบาดาล มดี ังนี้ - ในปี พ.ศ. 2557 ปริมาณนำ้ บาดาลที่สบู ขึ้นมามีค่าประมาณ 21 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร - ในปี พ.ศ. 2558 ปรมิ าณนำ้ บาดาลท่ีสบู ขึ้นมามคี ่าประมาณ 23 ลา้ นลกู บาศก์เมตร - ในปี พ.ศ. 2559 ปริมาณน้ำบาดาลท่ีสูบขึน้ มามีค่าประมาณ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร 1.4.4 ป่าชายเลน จากการสำรวจและจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน โดยการแปลภาพถ่าย ดาวเทียมเมื่อปี พ.ศ. 2557 พบว่า ขอบเขตที่ดินป่าชายเลน (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543) ในท้องที่ 24 จังหวัด มีเนื้อที่รวมประมาณ 2,869,489 ไร่ ซึ่งในจำนวนน้ี มีพื้นที่ที่คงสภาพ เป็นปา่ ชายเลน ประมาณ 1,534,585 ไร่ ป่าชายหาด ป่าพรุ และป่าบก 61,211 ไร่ สว่ นท่ีเหลือได้เปลย่ี นสภาพ เป็นการใชป้ ระโยชนร์ ูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ พ้ืนทเี่ พาะเลยี้ งสัตว์นำ้ พนื้ ท่ีนาเกลือ พนื้ ท่เี กษตรกรรม ท่าเทียบเรือ เมอื งและสง่ิ กอ่ สร้างและพืน้ ที่ท้งิ ร้าง โดยในจำนวนน้ีมพี ืน้ ที่เลนงอกและหาดเลน เน้อื ทป่ี ระมาณ 44,520 ไร่ ตารางท่ี 1-51 : แสดงการจำแนกการใชป้ ระโยชนพ์ น้ื ทีป่ ่าชายเลนจงั หวดั สมุทรสาคร ประเภท พื้นท่ี (ไร)่ ป่าชายเลน 20,385.69 พื้นทเ่ี พาะเลีย้ งสัตวน์ ำ้ 50,671.52 นาเกลอื 53,113.96 เกษตรกรรม 7,811.84 เมืองและส่งิ กอ่ สรา้ ง 32,792.31 พน้ื ที่ทิ้งร้าง 1,012.40 อื่นๆ 2,595.31 รวม 168,383.03 (ทีม่ า : สำนกั งานทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มจังหวดั สมทุ รสาคร, 2557)

53 นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2557 ได้มีการสำรวจชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน ในท้องที่ 15 จังหวัด พบว่า มีชุมชนตั้งอยู่ในเขตที่ดินป่าชายเลน จำนวน 280 ชุมชน จำนวนครัวเรือน จำนวน 8,802 ครอบครัว ราษฎร จำนวน 42,625 คน เนื้อที่การอยู่อาศัยประมาณ 5,361 ไร่ สำหรับพื้นที่จังหวัด สมุทรสาคร มีจำนวน 1 ชมุ ชน เน้อื ท่ี 1-2-65 ไร่ จำนวนครวั เรือน 16 ครัวเรอื น ประชากร 73 คน ตารางท่ี 1-52 : แสดงพน้ื ท่ีฟน้ื ฟูปา่ ชายเลนท่เี ปลี่ยนสภาพหรือเสือ่ มโทรม และเลนงอกจงั หวัดสมทุ รสาคร ประเภท พืน้ ที่ (ไร่) พืน้ ที่ AO 01 - AO 03 9,232 พนื้ ทีเ่ ลนงอก 2,690 รวม 11,922 (ท่ีมา : สำนกั งานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มจังหวดั สมุทรสาคร, 2557) 1.5 สถานการณก์ ารพัฒนาของจังหวัดสมทุ รสาคร 1.5.1 ดา้ นเศรษฐกิจ 1.5.1.1 ภาวะดา้ นการคลงั ภาวะเศรษฐกิจของจังหวดั ในปี พ.ศ. 2559 โดยรวมขยายตัว เป็นผลจากการขยายตัวของ เศรษฐกิจด้านอุปทาน ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การปรับตัวดีขึ้นของภาคเกษตรกรรม แม้ว่า ภาคบริการจะชะลอตัวลง ในขณะที่ด้านอุปสงค์ชะลอตัวลง ตามการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนและ การบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การใชจ้ ่ายภาครฐั ขยายตัวดีขนึ้ จากการเรง่ รัดการใช้จ่ายเงนิ งบประมาณประจำปี และงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ตารางที่ 1-53 : แสดงขอ้ มูลภาวะดา้ นการคลงั พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2559 ข้อมูล หนว่ ย พ.ศ. 2556 พ.ศ. 2557 พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 ด้านการคลัง การจดั เก็บรายได้ ล้านบาท 23,243.38 24,105.44 24,461.35 26,175.40 การใชจ้ ่ายงบประมาณ ลา้ นบาท 3,490.56 3,413.70 2,677.09 2,846.34 ด้านการเงิน ปริมาณเงนิ ฝาก ล้านบาท 124,531 133,650 133,164 144,523 ปริมาณสนิ เชือ่ ล้านบาท 85,545 94,831 100,197 104,242 (ทม่ี า : สำนกั งานคลังจังหวัดสมทุ รสาคร, สิงหาคม 2560) 1.5.1.2 ภาวะคา่ ครองชีพ การประมวลผลดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ ใช้รายการสินค้าและบริการที่นำมาคำนวณ จำนวน 422 รายการ สำหรบั จังหวัดสมุทรสาคร ใช้รายการสนิ ค้าจำนวน 267 รายการ ครอบคลมุ หมวดอาหาร และเคร่ืองด่ืม เครอื่ งนงุ่ หม่ และรองเทา้ เคหสถาน การตรวจรกั ษาและบริการสว่ นบุคคล ยานพาหนะการขนส่ง และการสื่อสาร การบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เพื่อนำมา คำนวณดัชนรี าคาผบู้ รโิ ภคของจงั หวัดสมุทรสาคร ไดผ้ ลดงั นี้

54 (1) ดชั นรี าคาผ้บู รโิ ภคทวั่ ไปของประเทศ เดอื นสิงหาคม 2560 ปี 2558 ดชั นีราคาผบู้ รโิ ภคทว่ั ไปของประเทศ เท่ากบั 100 เดอื นสงิ หาคม 2560 เทา่ กับ 100.64 สำหรับเดือนกรกฎาคม 2560 เท่ากับ 100.53 เดอื นสิงหาคม 2559 เทา่ กับ 100.32 การเปลี่ยนแปลง ดัชนรี าคาผูบ้ ริโภคทว่ั ไปของประเทศ เมื่อเทยี บกบั เดือนสงิ หาคม 2560 (2) ดชั นรี าคาผ้บู รโิ ภคของจงั หวดั สมทุ รสาคร เดอื นสิงหาคม 2560 ดัชนีราคาผู้บรโิ ภคของจงั หวัดสมุทรสาครเดอื นสงิ หาคม 2560 ปี 2558 ดัชนรี าคาผบู้ รโิ ภค ของจังหวัดสมุทรสาคร เท่ากับ 100 และเดือนสิงหาคม 2560 เท่ากับ 99.9 สำหรับเดือนกรกฎาคม 2560 เทา่ กบั 99.9 และเดอื นสงิ หาคม 2559 เท่ากบั 100.4 เมื่อเทียบกบั (3) การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดสมุทรสาครเดือนสิงหาคม 2560 สงู ขน้ึ รอ้ ยละ 0.4 (3.1) เดอื นกรกฎาคม 2560 เดือนสงิ หาคม 2560 ราคาไมเ่ ปลีย่ นแปลง (3.2) เดือนสิงหาคม 2559 เดือนสิงหาคม 2560 ลดลงรอ้ ยละ 0.5 (3.3) เทียบเฉลี่ย 8 เดือน (มกราคม - สิงหาคม) 2560 กับระยะเดียวกันของปี 2559 (4) ดัชนีราคาผ้บู รโิ ภคของจังหวดั สมุทรสาครเดอื นสงิ หาคม 2560 เทยี บกับเดือนกรกฎาคม 2560 เดือนสิงหาคม 2560 ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น รอ้ ยละ 0.3 สำหรับดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใชอ่ าหารและเครื่องดื่ม ลดลงรอ้ ยละ 0.1 (4.1) ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น ร้อยละ 0.3 จากการสูงข้ึน ของหมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำสูงขึ้น ร้อยละ 2.3 หมวดเครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น ร้อยละ 0.7 หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลส์ ูงข้ึน ร้อยละ 1.1 สำหรับดัชนที ี่ปรบั ตัวลดลง ได้แก่ หมวดไข่และผลติ ภัณฑ์นม ลดลงรอ้ ยละ 0.8 หมวดผกั และผลไมล้ ดลง รอ้ ยละ 1.9 (ถว่ั ฝักยาว ผักบุ้ง ผกั คะน้า ผักชี ตน้ หอม สม้ เขยี วหวาน) (4.2) ดัชนหี มวดอน่ื ๆ ไมใ่ ชอ่ าหารและเครอื่ งด่มื ลดลง รอ้ ยละ 0.1 หมวดพาหนะ การขนส่ง และการส่อื สารลดลง ร้อยละ 0.3 (5) เดือนสิงหาคม 2560 เทียบเดือนสิงหาคม 2559 เดือนสิงหาคม 2560 ลดลงร้อยละ 0.5 สำหรับหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง ร้อยละ 1.9 หมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น รอ้ ยละ 0.6 (6) ดัชนีราคาเฉลี่ย 8 เดือนของปี 2560 เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2559 สูงข้ึน ร้อยละ 0.4 หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น ร้อยละ 0.4 ได้แก่ เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้น ร้อยละ 2.5 เครื่องประกอบอาหารสูงขึ้น ร้อยละ 6.0 อาหารบริโภค-ในบ้าน สูงขึ้น ร้อยละ 2.0 หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเคร่ืองดื่มสูงขนึ้ ร้อยละ 0.2 ได้แก่ หมวดเคร่ืองนุ่งห่มและรองเทา้ สูงข้นึ ร้อยละ 2.6 หมวดการตรวจ รักษาและบริการส่วนบุคคลสูงขึ้น ร้อยละ 2.3 หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารสูงขึ้น ร้อยละ 2.3 หมวดนำ้ มันเชอื้ เพลงิ สงู ขึ้น ร้อยละ 10.8 (ทีม่ า : สำนกั งานพาณิชยจ์ งั หวัดสมทุ รสาคร, สิงหาคม 2560) 1.5.1.3 ปัจจัยภายนอกด้านเศรษฐกจิ 1) นโยบายการพัฒนาเมืองนวตั กรรมอาหาร (Food Innopolis) Food Innopolis เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลาง การวิจัยพัฒนาและนวตั กรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร” โดยกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กำหนด เขตพื้นท่ีดำเนินการ Food Innopolis บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (Thailand Science

55 Park : TSP) เป็นพื้นที่แรก ซึ่งมีความพร้อมรองรับกิจกรรมวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมของภาคเอกชน ทั้งโครงสร้าง พื้นฐานและพื้นท่ีใช้สอยกว่า 60,000 ตร.ม. บุคลากรวิจัย และการเชื่อมโยงความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยภาคเอกชนและภาครัฐ (Public Private Partnership) Food Innopolis มุ่งเน้นดงึ ดูดบรษิ ัทผูผ้ ลติ หรือวิจยั พฒั นาอาหารช้นั นำทง้ั ในประเทศและ ต่างประเทศมาลงทุนในกิจกรรมวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม และสนับสนุนภาคเอกชนในทุกระดับตั้งแต่ Start-up, SMEs ไปจนถึงบริษทั ขนาดใหญ่ให้เขา้ มามีส่วนรว่ มในห่วงโซม่ ลู ค่าของอตุ สาหกรรมอาหารระดับโลก เพ่ือสร้าง ผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ซึ่งเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการ แข่งขันของผู้ประกอบการไทย เพิ่มการจ้างแรงงานฐานความรู้ และเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ Food Innopolis อาศัยกลไกประชารัฐในการดำเนินงาน โดยมีมาตรการส่งเสริม และอำนวยความสะดวกให้นักวิจัยชั้นนำจากต่างประเทศและของไทยเข้ามาทำงานเพื่อตอบโจทย์ภาคเอกชน มีการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและเงินสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี แรงจูงใจ และการสนับสนุน อื่นๆ รวมทั้งบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพือ่ สนบั สนุนการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมใน Food Innopolis Food Innopolis เปิดให้บริษัทเข้ามาลงทุนทำกิจกรรมวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเท่านั้น เมื่อได้ผลงานต้นแบบทางนวัตกรรมสามารถนำไปผลิตต่อยอดขยายผลเชิงพาณิชย์นอกพื้นที่ได้ โดยผู้เข้ามา ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจาก BOI และการสนับสนุนต่างๆ อย่างครบวงจรจากระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศมหาวิทยาลัย และหน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง กิจการเป้าหมายใน Food Innopolis ที่เร่งสนับสนุนให้เกิดการวิจยั พัฒนาเป็นนวัตกรรม มูลค่าเพิ่มสูง อาทิ อาหารเพ่ือสุขภาพ อาหารฟังก์ชั่นและโภชนเภสัชภัณฑ์ อาหารและวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหาร คุณภาพสูง สารปรุงแต่งอาหารและสารสกัดทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมันเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ ผกั และผลไม้คุณภาพสงู และกจิ การสนับสนุนนวัตกรรมอาหาร การใหบ้ รกิ ารของ Food Innopolis ความเชีย่ วชาญท่ี Food Innopolis ใหบ้ รกิ าร ประกอบดว้ ย 3 ดา้ น 1. ด้านเทคโนโลยี 1) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป แบบครบวงจรตั้งแต่วิจัยพัฒนาไปจนถึงการใช้พื้นที่โรงงานต้นแบบและทดลองผลิตในโรงงานนำร่องที่ได้มาตรฐาน GMP (Pilot Plant and Commercial) เพ่ือทดสอบตลาดและผบู้ ริโภค และเพ่อื ประกอบการตัดสนิ ใจลงทนุ 2) ออกแบบพัฒนาบรรจภุ ณั ฑแ์ ละโลจิสตกิ ส์ 3) Processing Engineering and Automation การให้คำปรึกษา และบริการพัฒนา กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ วศิ วกรรมและการใชเ้ ครือ่ งจกั รอตั โนมตั ิ 2. ด้านมาตรฐาน 1) เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจอาหารเพื่อประสานงานรับรองสินค้าสำหรับ การคา้ และส่งออก 2) Food Safety and Quility ให้บริการตรวจวิเคราะห์และทดสอบคุณภาพทางเคมีและ กายภาพ ทางจลุ ชีววทิ ยาและความปลอดภยั ของอาหารด้วยห้องปฏิบัตกิ ารมาตรฐาน ต้งั แตช่ ้ันการวจิ ัยจนถึงการผลติ

56 3. ดา้ นธรุ กิจ 1) Consumer Research และ Market Research ให้บริการทำวิจัยผู้บริโภคเป้าหมาย และวจิ ัยตลาดเพ่อื ลดความเสี่ยงในการออกสินค้าใหม่ 2) Business Support ให้คำปรึกษาและบริการประสานงานในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจาก เทคโนโลยีการผลิตแก่ผู้ประกอบการอาหาร เช่น ให้คำปรึกษาเพื่อวางแผนธุรกิจและแผนการตลาดสำหรับ ผู้ประกอบการ ประสานงานเพื่อจัดตั้งธุรกิจ ประสานงานแหล่งเงินทุน ให้บริการฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร ในอตุ สาหกรรมอาหาร และพฒั นาบุคลากรเขา้ สู่อตุ สาหกรรมอาหาร 3) การบ่มเพาะผูป้ ระกอบการเทคโนโลยสี ำหรับธรุ กจิ นวตั กรรมอาหาร และการใหบ้ ริการ พื้นท่เี ชา่ คุณภาพสูง ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั การดำเนนิ การ Food Innopolis ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) ดังนี้ • กว่า 100 บริษัทอาหารชั้นนำทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเข้ามาลงทุนและทำวิจัย พัฒนาและนวตั กรรมใน Food Innopolis • เกดิ บรษิ ัท Startup ไมน่ ้อยกวา่ 100 บริษัท • การลงทุนวิจยั พัฒนาและนวตั กรรมของภาคเอกชนในอตุ สาหกรรมอาหารเพ่มิ ขน้ึ 10 เท่า (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) และมูลคา่ การสง่ ออกเพม่ิ ขนึ้ 2 เท่า (ประมาณ 2 ลา้ นบาท) • เกิดมูลค่าเชงิ พาณิชย์ ไม่น้อยกว่า 270,000 ล้านบาท จากการนำผลวิจยั พัฒนาและ นวตั กรรมไปผลติ • เพิ่มการจ้างงานบุคลากรวิจัยใน FoodInnopolis ไม่น้อยกว่า 1,000 ราย และในอุตสาหกรรม อาหารทเ่ี ป็นการผลติ ต่อเนื่องจากงานวจิ ัยของ Food Innopolis กว่า 3,000 ราย 2) Thailand 4.0 : สร้างความเขม้ แขง็ จากภายใน เช่ือมโยงเศรษฐกิจไทยส่โู ลก พลวัตการเปลยี่ นแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจบุ นั ซงึ่ เปน็ เรอ่ื งทีส่ ง่ ผลกระทบเราอยา่ งหลีกเลี่ยง ไมไ่ ดม้ ีอยดู่ ว้ ยกนั 3 กระแสหลัก คือ 1) Globalization ทที่ ่ัวโลกกำลงั เกิดการเปลย่ี นแปลงในส่งิ ต่างๆเหล่าน้ีพร้อมกนั อาทิ - กระแส Digitization ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนและรูปแบบ ในการทำธรุ กิจ - กระแส Urbanization ทีม่ ีการกระจายตัวไปโดยรอบทุกคนเริ่มมีชวี ติ ความเป็นอยู่ แบบคนเมอื ง มีการกระจายตวั ทางความเจรญิ ไปสูภ่ มู ิภาคมากขนึ้ - กระแส Commonization ที่เป็นเรื่องที่ผู้คนในโลกได้รับผลกระทบร่วมกัน อย่างถ้วนทั่วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การก่อการร้าย โรคระบาด ที่สามารถ แพร่ไปในทุกภูมภิ าคของโลกอย่างหลีกเลย่ี งไมไ่ ด้ 2) Regionalization กระแสการรวมกลุ่มกันในภูมิภาค ไมว่ า่ จะเป็นในเชงิ ของภมู ิรัฐศาสตร์ และภูมเิ ศรษฐศาสตร์ การรวมกลุม่ ดังกลา่ วทำให้มอี ำนาจตอ่ รองของประเทศที่อยูใ่ นกลมุ่ สมาชิกเป็นอยา่ งดี 3) Localization กระแสของการมีความเป็นทอ้ งถิ่นและชมุ ชนอย่างเข้มขน้

57 พลวัตการเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจของไทย ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขับเคล่ือนด้วยการ พ่งึ พาทุนจากต่างชาตเิ ปน็ หลัก ผ่าน BOI และพ่งึ พารายได้จากการส่งออกสนิ ค้าเป็นหลกั ซ่ึงเจ้าของกิจการของ ธรุ กจิ ส่งออกก็เปน็ ชาวต่างชาติ ไทยจะไดร้ ับกเ็ พยี งคา่ แรงและตวั เลขการสง่ ออกเทา่ นั้น ผลจากการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจแบบนั้น ทำให้ในที่สุด ประเทศไทยกำลังติด กบั ดักของการที่เป็นประเทศท่ีมี \"รายไดป้ านกลาง\" ไม่สามารถพัฒนาตัวเองไปส่ปู ระเทศที่มีรายได้สงู เน่ืองจาก ต้องพึ่งพาต่างชาติมากจนเกินไป นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง อำนาจ และโอกาส มากมาย ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง และสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจและสังคม ใหเ้ กิดความมั่นคง ม่ังคงั่ และยง่ั ยืน โดย “Thailand 4.0\" ประกอบด้วย 2 แนวคดิ สำคัญ 1) Strength from Within หรือการสร้างความเข้มแข็งจากภายในนั้น มีกลไกในการ ขับเคล่ือนหลกั อยู่ 3 ตัว คือ • การยกระดับนวัตกรรม (Innovation Driven Proposition) ของทุกภาคส่วน ในประเทศ • การสร้างสังคมท่ีมีจิตวิญาณของความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur Driven Proposition) • การสร้างความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนและเครือขา่ ย (Community Driven Proposition) ซง่ึ ท้งั 3 กลไกน้ีต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กนั นวตั กรรมจะถกู ยกระดบั ขึ้น ผา่ น Growth Engine 3 ตัวใหม่ อันประกอบด้วย Green Growth Engine, Productive Growth Engine และ Inclusive Growth Engine การยกระดับนวัตกรรมเมื่อผนวกกับการสร้างสังคมที่มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ จึงจะเอื้อให้เกิดการสร้าง Smart Enterprise ที่มีโมเดลการทำธรุ กิจแบบใหม่ๆ มากมาย ท่ามกลาง Enabling Ecosystem ทเ่ี ออื้ ให้เกิดการรงั สรรคน์ วัตกรรมและความคดิ สร้างสรรค์ ส่วนสุดท้ายของ Strength from Within คือการสร้างความเข้มแข็งในระดับฐานราก หรือชุมชนซึ่งเมื่อผนวกความเข้มแข็งในระดับฐานรากกับการสร้างสังคมที่มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการจะก่อให้เกิด การขยับปรับเปลี่ยนสถานะของผู้คนในสังคม (Social Mobility) ผ่านการสร้างสังคมแห่งโอกาส (Society with Opportunity) ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่สามารถ (Society with Competence) และเมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจ และสงั คมภายในประเทศเกิดความเขม้ แขง็ แลว้ การเชื่อมโยงภายนอก 2) Connect to the World เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินควบคู่กันไป ระบบเชื่อมโยงกับโลก ใน 3 ระดบั ด้วยกนั คือ • Domestic Economy เศรษฐกจิ ภายในประเทศ • Regional Economy เศรษฐกิจภูมภิ าค • Global Economy เศรษฐกจิ โลก เศรษฐกิจในประเทศ เมื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ ฐานรากจะก่อให้เกิดการเติมเต็มพลังในท้องถิ่น (Local Empowerment) ผ่านการค้าและการลงทุนในท้องถิ่น การจ้างงานในทอ้ งถ่นิ และนำไปสคู่ วามเปน็ เจ้าของของคนในทอ้ งถิน่

58 ขณะเดียวกัน การผนวก Domestic กับ Regional Economy เข้าด้วยกัน จะทำให้เหน็ ภาพของ ASEAN ในภาพใหญ่ และ CLMVT ในภาพที่เล็กลงมา ซึ่งส่วนนี้จะสอดรับกับแนวคิด \"CLMVT As Our Home Market\" ที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ ผ่านการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกจิ กับธุรกิจ และประชาชนกับประชาชน สุดท้ายเป็นการเชื่อมโยง Regional กับ Global Economy ขยายความเชื่อมโยงและ เรียงร้อย ASEAN เข้าด้วยกัน เพื่อเป็นพลังต่อรองกับส่วนอื่นๆของประชาคมโลกผ่านบทบาทในมิติทาง ภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ของภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งจะนำพาประเทศไทยให้ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืนได้ ซึ่งจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความหวัง (Hope) มีความสุข (Happy) และความสมานฉันท์ (Harmony) ได้อย่างแทจ้ รงิ 3) การเป็นประชาคมอาเซียนและการไหลเข้ามาของแรงงานประเทศเพอ่ื นบ้าน โอกาสและผลกระทบจากการเปน็ ประชาคมอาเซียน การรวมกันเป็นประชาคมอาเซียน ประกอบดว้ ย 3 เสาหลกั ได้แก่ 1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community–ASC) อาเซียนจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศสมาชิกมีความพร้อมในการร่วมมือป้องกัน และจัดการกับความขัดแย้งระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะภัยข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งจะจัดตั้งกลไก สทิ ธิมนษุ ยชน เพือ่ ส่งเสริมแนวคดิ ประชาธปิ ไตยและสิทธิมนษุ ยชนในภูมิภาค 2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) อาเซียนได้รวมตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างเขตการค้าเสรีอาเซียนและเขตการลงทุน อาเซียน เพื่อพัฒนาอาเซียน ซึ่งมีประชากรกว่า 567 ล้านคน และมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ให้เป็นตลาดและ ฐานการผลิตท่เี ป็นหนง่ึ เดียว ซึง่ จะทำใหอ้ าเซยี นนา่ สนใจและมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ 3. ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) อาเซียนกำลังมุ่งพัฒนาความร่วมมือในสาขาการศึกษา วัฒนธรรม สาธารณสุข พลงั งานสวัสดิการสังคม วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีและสิ่งแวดลอ้ ม รวมทัง้ มีเป้าหมายใหป้ ระชาชนในภูมิภาค รจู้ กั และเขา้ ใจกันมากข้นึ มคี วามรสู้ ึกเปน็ สว่ นหนงึ่ ของประชาคมอาเซียน ซึ่งการรวมกันเป็นประชาคมอาเซียนมีทั้งโอกาสและในอีกมุมหนึ่งก็เป็นภัยคุกคาม ตอ่ ประเทศไทยเช่นกนั โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรวมกันเปน็ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน ทีไ่ ดก้ ำหนดเป้าหมาย ในการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน อันเป็นผลมาจากการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และ แรงงานฝีมือที่เสรี รวมทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมาขึ้น ส่งผลให้เกิดการจัดระบบและขยายตัวทาง เศรษฐกิจภายในภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการกำหนดระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน เดียวกัน การขจัดภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เนื่องจากการกำหนดระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่เป็น มาตรฐานเดียวกันการบังคับใช้กฎว่าดว้ ยแหล่งกำเนดิ สนิ คา้ (Rule of Origin-ROO) การรวมกลุ่มทางศุลกากร รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้าและศุลกากรจะก่อให้เกิดการจัดระบบด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างประเทศที่มีมาตรฐานเดยี วและเปน็ สากล เมื่อผนวกกับการขยายขนาดของตลาดที่กว้างขวาง การเป็น ฐานการผลิตรว่ มกันจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบรู ณ์ภายในภูมภิ าค จะทำใหป้ ระเทศสมาชิกได้รับ ประโยชน์จากการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ เพม่ิ มากขน้ึ

59 ในด้านการค้า ประเทศอาเซียนจะได้รับประโยชน์จากการลดต้นทุนการผลิตสินค้า และบริการเนื่องจากสามารถนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน การขยายตัวของตลาดแรงงาน การจ้างแรงงานฝีมือที่มีทักษะความสามารถตรงตามความต้องการของภาคการผลิตนั้น ๆ ตลอดจนก าร ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาการทำธุรกรรม พิธีการศุลกากร และระเบียบกฎเกณฑ์ทางการค้า ดังน้ัน การผลิตสินค้าชนิดเดียวกันอาจพึ่งพาแรงงาน วัตถุดิบในการผลิตแต่ละขั้นตอนจากประเทศหลาย ประเทศ ขึ้นอยู่กับความคุ้มค่าภายใต้ห่วงโซ่การผลิตนั้น เช่น การผลิตเสื้อผ้าที่พ่ึงพาการออกแบบจากประเทศไทย วัตถุดิบจากประเทศอินโดนีเซีย การตัดเย็บจากแรงงานประเทศกัมพูชา กระดุมจากประเทศเวียดนาม เป็นตน้ อย่างไรก็ตามประเทศที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่มีต้นทุนสินค้าสูงกว่าก็จะต้องปรับตัวเพื่อรักษา ความสามารถในการแขง่ ขนั ในภาคการผลิตน้ัน ๆ ด้วย นอกจากนี้ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นยงั จะเปน็ การสร้างแรงดงึ ดปู ระเทศคู่ค้านอก ภูมิภาคอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ให้เข้ามาลงทุนหรือทำธุรกิจ เนื่องจาก นักลงทุนจาก ต่างประเทศได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การยกเว้นภาษีเมื่อใช้วัตถุดิบภายในภูมิภาคร้อยละ 40 เป็นต้น จะทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียนซึ่งเป็นทั้งแหล่งวัตถุดิบ และตลาดสินค้าขนาดใหญ่ เช่น การ ลงทุนด้านการท่องเที่ยวทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร บริการรถเช่า และร้านขายสินค้าที่ระลึก หรือบริษัท บริการนำเที่ยวจากประเทศจีน เป็นต้น อนึ่งภูมิภาคอาเซียนมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยว ทั้งในเชิง ธรรมชาติ ประวตั ศิ าสตร์ วัฒนธรรม รวมท้งั สถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจอื่น ๆ และความได้เปรียบด้านราคา ทำให้ อาเซียนเป็นเป้าหมายด้านการทอ่ งเทีย่ วจากนักท่องเท่ียวในภูมิภาคอนื่ ของโลก ทัง้ นจ้ี ำนวนตัวเลขนักท่องเท่ียว ในภูมิภาคอาเซียนในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ.2010) มีจำนวนรวม 72.2 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 10.1 ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากประเทศในอาเซียน ร้อยละ 47.4 และนักท่องเที่ยวจากภายนอก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นเกาหลี ร้อยละ 16.4 สหภาพยุโรป ร้อยละ 9.5 และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3.7 ดังนั้น การเป็น ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) น้ีจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานการค้า การลงทุน และการทอ่ งเท่ียวของอาเซียนใหม้ ีการขยายตัวเพิ่มมากข้ึน ประชาคมอาเซียนจะก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายคน (People Mobilization) กลุ่มต่างๆ ภายในภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานวิชาชีพ การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีจะทำให้แรงงานของประเทศ สมาชิกหนึ่งสามารถจะเข้าไปทำงานในประเทศใดก็ได้ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน นอกจากนั้นแล้วยังจะมี การเคลื่อนย้ายหรือเดินทางของคนกลุ่มอื่น ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุนหรือผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามา ติดต่อค้าขายภายในประเทศ กลุ่มนักท่องเที่ยว รวมไปถึงกลุ่มผู้ติดตามกับที่เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มดังกล่าว เชน่ สมาชิกในครอบครวั เป็นตน้ สำหรับประเทศไทยนั้น การเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรีอันเน่ืองมาจากการเปิด ตลาดแรงงานและตลาดการค้าที่กว้างขวางมากขึ้น มีแนวโน้มจะทำให้เกิดการเคล่ือนย้ายของแรงงานวิชาชีพ ของไทยไปประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน หรือในทางกลับกันหากแรงงาน วิชาชีพของไทยมีขีดความสามารถไม่เพียงพอ เช่น ทักษะด้านภาษา การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็อาจทำให้ ผู้ประกอบการเลือกจ้างแรงงานวิชาชีพจากประเทศอื่นได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ผลพวงสำคัญประการหนึ่ง จากการเคลื่อนย้ายคน ได้แก่ การเข้ามาของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเพื่อลดต้นทุนด้านแรงงานของสถาน ประกอบการด้วยอัตราค่าจ้างท่ีต่ำกว่าการจ้างแรงงานไทย หรือชดเชยแรงงานในประเทศที่อาจไม่เพียงพอ การย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสามารถส่งผลกระทบทางสังคม อาทิ ปัญหา อาชญากรรม การบรกิ ารทางการแพทย์ และการศึกษา ท่ีรัฐบาลไทยจะต้องรองรับ เปน็ ต้น

60 การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนก่อให้เกิดผลกระทบสำคัญในอนาคตที่ติดตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือผลกระทบเกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยี ของประเทศรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากจะมีการ เคลื่อนย้ายแรงงาน การลงทุน ตลาด ฐานการผลิต แหล่งวัตถุดิบ เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องจากจุดหนึง่ ไปยงั อีกจุดหนึ่งเพื่อให้เป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว การที่ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนแต่ละประเทศมี ความแตกต่างกันมากทั้งในด้านฐานะของประเทศ ประเทศที่ร่ำรวยติดอันดับโลก ได้แก่ บรูไนดารุสลาม และ สิงคโปร์ กับประเทศที่ค่อนข้างยากจน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมาร์ ความแตกต่าง ทางด้านลัทธิการเมืองการปกครอง เช่น ประเทศที่ปกครองโดยพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประเทศที่มี ประธานาธิบดีเป็นประมุขประเทศที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศ ความแตกต่างทางด้านความเจริญก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีความแตกต่างทางด้านระบบการศึกษา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นช่องว่างระหว่างประเทศ สมาชิกและถอื เปน็ อุปสรรคในการพัฒนาร่วมกนั ของประชาคมอาเซียนที่ต้องร่วมกันในการกำหนดทิศทางและ ลงมือปฏิบัติเพื่อขจัดอุปสรรคดังกล่าวให้หมดไป เพื่อให้กระบวนการเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนบรรลุตาม วัตถุประสงค์ และมีความยัง่ ยนื ตอ่ ไป 4) การพัฒนาดิจทิ ลั เพื่อเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศไทย ปจั จุบนั โลกเรม่ิ เขา้ สยู่ ุคระบบเศรษฐกิจและสงั คมดิจทิ ัล ทเ่ี ทคโนโลยีดิจิทลั จะไม่ได้เป็น เพียงเครื่องมือสนับสนุนการทำงานเฉกเช่นที่ผ่านมาอีกต่อไป หากแต่จะหลอมรวมเข้ากับชีวิตคนอย่างแท้จริง และจะเปลย่ี นโครงสร้างรปู แบบกจิ กรรมทางเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต การคา้ การบริการ และกระบวนการ ทางสังคมอื่นๆ รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ไปอย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยจึงต้องเร่งนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยในบริบทของประเทศไทยเทคโนโลยี ดิจิทัลสามารถตอบปัญหาความท้าทายที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่หรือเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและ สงั คม เชน่ • การก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาประเทศ เร่งดว่ นของรัฐบาล ดว้ ยการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมทีม่ ีอย่แู ลว้ ในประเทศและอตุ สาหกรรมกระแสใหม่ท่ี รวมถึงอุตสาหกรรมดจิ ทิ ลั • การพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจในประเทศทั้งภาคการเกษตร การผลิต และ การบรกิ ารโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในกลมุ่ SMEs และวิสาหกจิ ชมุ ชนใหแ้ ข่งขนั ในโลกสมยั ใหมไ่ ด้ •การปรับตัวและฉกฉวยโอกาสจากการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการ เปน็ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น ท่มี นี ัยสาคญั ตอ่ การเคลอื่ นย้ายสินค้าและกำลงั คนจากไทยไปสู่โลก •การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้าของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านรายได้ การศึกษา การรักษาพยาบาล สิทธิประโยชน์การเข้าถึงข้อมูล ฯลฯ ให้เกิดการกระจายทรัพยากรและโอกาสที่ทั่วถึงเท่าเทียม และเป็นธรรมย่งิ ขึน้ • การบริหารจัดการการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างประชากรทมี่ ีนัยต่อผลิตภาพของประเทศ รวมถึงความต้องการใชเ้ ทคโนโลยใี นการดแู ลผสู้ งู อายุ • การแก้ปัญหาคอร์รัปช่ัน อันเป็นปัญหาเร้ือรังของประเทศ โดยสร้างความโปร่งใส ใหก้ บั ภาครัฐดว้ ยการเปิดเผยข้อมูล เพ่อื ให้ประชาชนสามารถมสี ่วนร่วมในการตรวจสอบการทางานของภาครฐั ได้ •การพัฒนาศักยภาพของคนในประเทศทั้งบุคลากรด้านเทคโนโลยี บุคลากรที่ทำงาน ในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ รวมถึงคนทั่วไปที่จะต้องชาญฉลาด รู้เท่าทันสื่อ เท่าทันโลกด้วยการ ตระหนักถึงความท้าทายและโอกาสดังกล่าว รัฐบาลไทย โดยกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้

61 จัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับนี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบในการผลักดันให้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางความคิด ในทุกภาคส่วน การปฏิรูปกระบวนการทางธุรกิจการผลิต การค้า และการบริการ การปรับปรุงประสิทธิภาพ การบริหารราชการแผ่นดิน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยงั่ ยืนของประเทศไทยตามนโยบายของรฐั บาลในท้ายทส่ี ุด 1.5.1.4 ผลการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย และเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาครในช่วงปี ทีผ่ ่านมา เศรษฐกจิ ประเทศไทยมีความผนั ผวนจากปจั จัยเสยี่ งหลายด้านเช่นเดียวกบั เศรษฐกิจจังหวัด สมุทรสาคร ซึ่งถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรม ที่สร้างมูลค่าเพิ่มเป็นลำดับต้น ๆ ให้กับประเทศโดยปัจจัยเสี่ยงที่ ฉุดดึงให้มูลคา่ เพิ่มของจังหวัดลดลงมีสองปัจจัยเส่ียงหลัก คือ เร่ืองของภาวะเศรษฐกิจโลกและมาตรการกีดกนั ทางการค้าระหวา่ งประเทศ โดยเฉพาะมาตรควำ่ บาตรจากการทำประมงผิดกฎหมาย ไร้การรายงาน และไร้การ ควบคุม (IUU Fishing) ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งกระทบต่ออุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมต่อเนื่อง จากการประมงและอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและสินค้าประมง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญของ จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์โดย SCB Economic Intelligence Center (EIC) (กรกฎาคม, 2558) จากข้อมูลของสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย พบว่าอตุ สาหกรรมประมงไทยอาจสญู เสียมลู ค่าการส่งออกสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหา IUU Fishing ได้ ในปี พ.ศ. 2557 ประเทศไทย ถือเป็น ผู้ส่งออกสินค้าประมงรายใหญ่ นับเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมูลค่าการส่งออกปลา กุ้ง ปลาหมึก และอาหารทะเลแปรรูปไปยัง EU สูงถึงราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (คิดเป็น 12 % ของมูลค่าการ ส่งออกสนิ คา้ ประมงโดยรวมของไทย) ทง้ั นี้ กว่า 58 % ของผลติ ภณั ฑป์ ระมงที่ไทยส่งออกไปยัง EU เป็นอาหาร สำเร็จรปู หรืออาหารกระป๋องโดยส่วนใหญเ่ ปน็ ทนู า่ กระป๋องและกุ้งแปรรปู นอกจากนั้น อีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ เรื่องภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบกับจังหวัดสมุทรสาคร ในช่วงปี พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2559 เกิดภาวะภัยแล้งและน้ำเค็มรุกพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะกล้วยไม้ และไมผ้ ล ทำใหผ้ ลผลติ ตกต่ำ และเสียหาย กระทบต่อรายไดข้ องภาคการเกษตร ในภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดยังคงสามารถปรับฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเกิดจากความ ร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเร่งคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ และนโยบายภาครัฐด้านการคลัง ในการกระตุ้น เศรษฐกิจให้มีการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงิน ลงสู่ระบบเร็วขึ้น อีกทั้งโครงการต่าง ๆ ของจังหวัดในการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภค และการลงทุนในจังหวัดเป็นแรงขับเคลื่อนให้ภาคการผลิต ของจงั หวัดขยายตัว 1.5.1.5 แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจ จากการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ไม่สนับสนุน ปฏิบัติ ดำเนินการสอดคล้อง กับมาตรฐานขั้นต่ำ ตามกฎหมายคุ้มครองเหย่ือการค้ามนุษย์ และไม่มีความพยายามแก้ไข หรือ TIER จาก TIP Report ของสหรัฐอเมริกา และได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ TIER 2 Watch List และการแก้ไขปัญหา IUU Fishing อย่างจริงจัง จะส่งผลดตี ่อภาคอตุ สาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมประมง อตุ สาหกรรมต่อเนอ่ื งจากการประมง และอุตสาหกรรม การแปรรูปอาหารและสินค้าประมง ตลอดทั้งสายพานการผลิต (Supply chain) ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวการณ์ ขยายตวั ของเศรษฐกจิ และการจา้ งแรงงานในพื้นท่ี

62 นอกจากนั้น ในด้านการเกษตรของจังหวัดสมุทรสาคร พบว่าในภาวะสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลให้สินค้าการเกษตรที่สำคัญ เช่น มะพร้าวน้ำหอม ลำไย ฯลฯ เป็นที่ต้องการของตลาดสูง เนื่องจาก มี คณุ ภาพและรสชาติดี ตลอดจนมแี นวโนม้ ทม่ี ีราคาที่สงู ข้ึนดว้ ย สำหรบั ด้านการลงทุนของภาคเอกชนและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพน้ื ท่ี มีแนวโน้มท่ีจะ มีการลงทุนจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในจังหวัด เช่น กลุ่มบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการ ก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซามหาชัยแล้ว ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4,750 ล้านบาท การลงทุน อสังหาริมทรัพย์ โซนถนนพระราม 2 ไปจนถึงเขตตัวเมืองสมุทรสาคร จากกลุ่มทุนต่างๆ ในการสร้างบ้านจัดสรร และทีอ่ ยู่อาศัยประเภทตา่ งๆ จำนวนหลายโครงการ เพ่ือรองรบั การขยายตัวของเมืองจากกรงุ เทพมหานคร ฯลฯ เป็นต้น และปัจจัยจากการลงทุนของภาครัฐในพื้นที่จากแหล่งงบประมาณต่างๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจภาครัฐ น่าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และการบริโภคของประชาชน ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของ เศรษฐกิจภายในจงั หวัดสมุทรสาครมากยงิ่ ขึน้ นอกจากนั้น จังหวัดสมุทรสาคร ยังได้เน้นส่งเสริมให้จังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เป็นการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสาครมีความได้เปรียบใน เชิงที่ตั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร และมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงเกษตร และเชิงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ ป่าชายเลน และภูมิปัญญาชาวบ้านที่สามารถนำมาเป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาสินค้าชุมชน และเชื่อมโยง กบั ผลิตภัณฑ์แปรรปู และอาหารทะเลในจังหวัด ดึงดดู รายได้จากการท่องเที่ยว โดยภาคการท่องเท่ียวและบริการนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อน (Driver) การขยายตัวของเศรษฐกิจฐานของจังหวัดสมุทรสาครในอนาคต ตอ่ ไป 1.5.2 ด้านสังคม 1.5.2.1 สถานการณ์แรงงานตา่ งด้าว จังหวัดสมุทรสาครมีคนต่างด้าวที่ไดรับอนุญาตทำงาน (สิงหาคม 2562) รวมทั้งสิ้น จำนวน 256,761 คน ซึ่งจำแนกตามลกั ษณะการเขาเมืองของคนตา่ งด้าว โดยมีแรงงานตา่ งด้าวที่ได้รับอนุญาต ทำงาน และแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่เข้ามาประกอบอาชีพในสถานประกอบการ จึงมีสิทธิการรักษาประเภท บัตรประกนั สงั คมมากกวา่ สทิ ธกิ ารรักษาประเภทบตั รประกนั สุขภาพกระทรวงสาธารณสขุ ดงั ตารางที่ 1 และ 2 ตารางที่ 1-54 แสดงจำนวนคนตา่ งด้าวท่ีไดร้ บั อนญุ าตทำงานในจงั หวดั สมุทรสาคร จำแนกตามลักษณะการเขา้ เมือง ลักษณะการเขา้ เมือง จำนวน มาตรา 59 พิสจู น์สญั ชาติ (ปรบั ปรุง และยังไม่ปรบั ปรงุ ทะเบียนประวตั ิแลว้ ) 151,498 มาตรา 59 นำเขา้ ตาม MOU 105,185 มาตรา 62 สง่ เสรมิ การลงทุน 78 รวม 256,761 ทีม่ า : ขอ้ มลู จาก สำนักบรหิ ารแรงงานต่างด้าว กรมการจดั หางาน ณ เดอื นสิงหาคม 2562 ดว้ ยบรบิ ทของจังหวดั สมทุ รสาครเปน็ เขตตดิ ต่อกับกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล มคี วามเจรญิ ทางเศรษฐกิจทำใหม้ สี ถาน ประกอบการจำนวนหลายแห่ง แรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่เขา้ มาประกอบอาชพี ในสถานประกอบการ จงึ มสี ิทธิการรักษาประเภท บัตรประกันสังคมมากกว่าสิทธิการรักษาประเภทอ่ืน ผลกระทบจากแรงงานตา่ งด้าว ปัญหาแรงงานต่างด้าวทั้งในระบบและนอกระบบที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับการอยู่ร่วมกัน กับคนไทยในพื้นที่ เกิดทัศนคติชิงชังแบ่งแยกเพราะรู้สึกว่าถูกแรงงานต่างด้าวแย่งชิงการใช้ทรัพยากรไป เช่น

63 แนวปฏิบัติด้านการประกันสุขภาพได้เปิดกว้างให้กับแรงงานข้ามชาติและครอบครัวที่ไม่มีเอกสารใด ๆ ทำให้ เข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น โดยให้แต่ละโรงพยาบาลพิจารณาตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีปัญหา มลภาวะทางส่งิ แวดล้อมเป็นพษิ จากความเส่อื มโทรมของชุมชนที่อยอู่ าศัยของแรงงานต่างด้าว ประเด็นปัญหาแรงงานเหลา่ น้ีสง่ ผลตอ่ ต้นทุนการผลติ ด้านประมงและสาขาอน่ื ๆ อย่างมาก และยงั สง่ ผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันตสิ ุขในสังคมของประชาชนในพื้นที่กับแรงงานตา่ งด้าวอีกด้วย ประกอบกับ เมื่อมีการเปิดเสรีทางการค้ากับกลุม่ ประเทศอาเซียนแล้วก็จะมีการไหล่บ่าของแรงงานต่างด้าวทัง้ ในระบบและ นอกระบบมากมาย หากจงั หวดั ไมม่ ีการบรหิ ารจัดการอยา่ งเป็นระบบในทางเชิงรุกมากกว่าเชิงรับอย่างเร่งด่วน แลว้ ย่อมจะกอ่ ใหเ้ กิดปญั หาทางเศรษฐกจิ และสังคมอย่างใหญห่ ลวงตอ่ จังหวดั สมทุ รสาครในอนาคต แนวโน้มความต้องการแรงงานต่างด้าวของจังหวัดสมุทรสาครสถานประกอบการมีการ ขยายตัว กำลังแรงงานเป็นความต้องการที่ไม่สิ้นสุดปัญหาความขาดแคลนแรงงานเกิดขึ้นอยู่เสมอแรงงาน ข้ามชาตมิ ีการอพยพเคล่ือนย้ายหลบหนีเข้าเมืองมาทำงานอย่างต่อเน่ือง จังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นแหล่งประมงสำคัญของประเทศ มีแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ ชาวเมียนมาร์หลั่งไหลเข้ามาทำงาน และกลายเป็น \"ประชากรแฝง\" เกือบเท่าๆ กับประชากรทั้งจังหวัด ด้วยปริมาณประชากรแฝงจำนวนมากนี้ จึงก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งปัญหาสังคมและอาชญากรรมต่างๆ เช่น การค้ายาเสพติด และการทะเลาะวิวาท ฯลฯ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงเป็นอย่างมาก เพราะแรงงานต่างด้าว ท่ีหล่งั ไหลมาทำงานในจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนมาก ซ่งึ มีแนวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาสำคัญในอนาคต ซึ่งจังหวัด กำลงั ดำเนนิ การจัดระเบียบอยใู่ นขณะนแี้ ละได้พยายามนำแรงงานตา่ งด้าวที่มีอยู่ การจดั ระเบยี บทีอ่ ย่อู าศัยแรงงานต่างด้าว ในจงั หวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครกำหนดดำเนินการจัดระเบียบท่ีอยู่อาศยั แรงงานต่างด้าวในจังหวัด เพ่ือ แก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้ามาทำงานและพักอาศัย ทั้งในด้านความ มัน่ คง ด้านสงั คม และดา้ นเศรษฐกจิ โดยดำเนนิ การใน 2 รูปแบบ ดังนี้ 1) การจดั เขตพ้ืนท่สี ่งเสรมิ ทีพ่ ักอาศยั แรงงานต่างดา้ ว (Zoning) กำหนดพื้นที่บ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมทุ รสาคร (ท่าจีน) เป็นพื้นที่นำรอ่ ง พร้อมกำหนด มาตรฐานที่พักอาศัยเพื่อเป็นแบบอย่างการจัดที่พักอาศัยในแห่งอื่นๆ ซึ่งสามารถรองรับแรงงานต่างด้าวพักอาศัย ในพ้นื ที่ดังกลา่ ว จำนวนประมาณ 5,000 คน 2) การจัดระเบียบแรงงานตา่ งด้าวในพนื้ ทีช่ ุมชน จังหวัดสมุทรสาครได้กำหนดดำเนินการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ชุมชนที่มี แรงงานตา่ งดา้ วหนาแนน่ จำนวน 43 ชุมชน โดยมแี ผนดำเนนิ การ ดงั นี้ (1) จัดระเบียบแรงงานตา่ งดา้ วในพืน้ ท่ีชุมชนนำร่อง ปีงบประมาณ 2560 จำนวน 5 ชมุ ชน ไดแ้ ก่ - ชุมชนคลองครนุ อก ตำบลทา่ ทราย อำเภอเมอื งสมทุ รสาคร - ชุมชนศาลเจ้าฮน่ั ซวิ ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมอื งสมทุ รสาคร - ชมุ ชนวัดนอ้ ยนางหงส์ ตำบลท่าจนี อำเภอเมืองสมุทรสาคร - ชุมชนคลองเจก๊ ตำบลนาดี อำเภอเมืองสมุทรสาคร - ชุมชนบ้านหนองบวั ตำบลออ้ มนอ้ ย อำเภอกระท่มุ แบน โดยมีมาตรการควบคุม/ดูแล ครอบคลุม ทั้งด้านความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจ รวมทั้งมีคณะกรรมการ ฯ ซึ่งประกอบด้วย ส่วนราชการที่เก่ียวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการ/ผู้นำชุมชน และสถาน ประกอบการ รบั ผิดชอบดำเนนิ การในแตล่ ะชุมชน

64 (2) จดั ระเบียบแรงงานต่างด้าวในพ้ืนทีช่ ุมชนท่ีมีแรงงานต่างด้าวหนาแน่นให้ครบทุกชุมชน ในปีงบประมาณ 2561 – 2564 ซึ่งเหลืออีกจำนวน 38 ชุมชน โดยนำมาตรการควบคุม/ดูแล ตลอดจนวิธีดำเนินการ ในพ้นื ทีน่ ำร่องมาทบทวน/ ปรับปรุงให้เหมาะสม และนำไปดำเนนิ การในชุมชนอนื่ ๆ ตอ่ ไป 1.5.2.2 การแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายของจังหวดั สมุทรสาคร (IUU Fishing) EU (สหภาพยุโรป) ให้ใบเหลืองแก่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2558 ขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ไมใ่ ห้ ความร่วมมือในการตอ่ ตา้ นการทำการประมงท่ผี ิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไรก้ ารควบคุม (IUU FISHING) ใหเ้ วลา 6 เดือน ในการดำเนินการแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทำการประมงท่ีผดิ กฎหมาย มีข้อเสนอแนะ 4 ข้อ ของ DG MARE (Directorate-General for Maritime Affairs and Fisheries) 1. ประเทศไทยต้องออกพระราชบัญญตั ิการประมงใหม่ 2. ต้องปรับปรุงแผนระดบั ชาตใิ นการป้อง ยับย้ัง และขจดั การทำการประมงท่ีผดิ กฎหมาย ขาดการรายงาน และไรก้ ารควบคมุ 3. เร่งรัดการติดตง้ั ระบบตดิ ตามตำแหน่งเรือประมง (VMS) 4. เพ่มิ ความเขม้ งวดในระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) แผนปฏบิ ัติการแก้ไขปัญหา IUU Fishing ของประเทศไทย 1. จดทะเบยี นเรือ และออกใบอนุญาตเครอ่ื งมือทำการประมงใหค้ รบถว้ นถูกต้อง 2. การควบคมุ และเฝ้าระวงั การทำการประมง รวมถึงการแจ้งเขา้ แจง้ ออกของเรือประมง (Pi-Po) 3. จัดทำระบบตดิ ตามตำแหน่งเรอื ประมง (VMS) 4. การปรบั ปรงุ ระบบการตรวจสอบย้อนกลบั (Traceability) 5. การปรับปรงุ พระราชบญั ญตั ิการประมง และกฎหมายลำดับรอง 6. การจดั ทำแผนระดับชาตใิ นการป้องกนั ยับยงั้ และขจดั การทำการประมงทผี่ ิดกฎหมาย (NPOA) การดำเนินงานระดับประเทศ ❖ มคี ำสัง่ หวั หนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 10/2558 ลงวนั ที่ 29 เมษายน 2558 • ตงั้ ศปมผ. (ศนู ย์บญั ชาการแกไ้ ขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย) • มผี บู้ ญั ชาการทหารเรือเป็นผบู้ ญั ชาการ ตงั้ แต่ 1 พฤษภาคม 2558 •จัดต้ังศนู ย์ควบคุมการแจ้งเรอื เข้า ออก 22 จงั หวดั ชายทะเล 28 ศูนย์ขับเคลื่อนการปฏบิ ตั ิงาน

65 การดำเนินงานระดับจังหวัดสมุทรสาคร 1. จัดต้งั ศูนยค์ วบคมุ การแจ้งเรือเข้า – ออก สมุทรสาคร เมื่อวันท่ี 6 พฤษภาคม 2558 • บรู ณาการกำลังเจา้ หน้าทจ่ี ากหน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้อง จำนวน 16 นาย ร่วมปฏิบตั ิงาน • เปดิ ใหบ้ รกิ ารแจ้งเรือเขา้ – ออก ขนาดมากกวา่ 30 คันกรอสส์ ขึน้ ไป • เปิดศูนย์ One Stop Service ระดับจงั หวัด 2. ดำเนนิ กกาารรดตำาเมนคนิ ำกสาั่งรคเพสชอื่ .แแกลไ้ ขะปศัญมหปผาก. าในรทระำดปบั รพะมื้นงทผ่ี 3ิดกรฎะหยะมา(ภยายในเวลา 6 เดือน) ดังนี้ •1.เคดำอื สน่ังพคฤสษชภ. ทาค่ี 1ม0/–25ม5ิถ8ุนาเรย่อื นง 2ก5าร5แ8ก(้ไกขาปรัญผหอ่ านกปารนทแำกบาบรมปเี รงะื่อมนงไผขิด)กฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม ลงว•ันทเี่ด2อื 9นเกมรษกาฎยานคม25–58สงิ มหอาบคใมห้2ศ5ป5ม8ผ(.บเปังคน็ บัผใูค้ ชวก้ บฎคหุมมสาง่ัยก)าร 2. พ•ระรเดาชอื กนำกหันนยดายกนาร–ปรตะลุ มางคพม.ศ25. 52855(8จดั (มระีผเลบบยี งับคเับรือใชป้ ร1ะ4มพง)ฤศจกิ ายน 2558) มาตรการท่ีดำเนินการโดยสังเขป • ตงั้ ศูนยค์ วบคุมการแจ้งเรือเขา้ - ออก • เรือมากกวา่ 30 ตนั กรอสส์ ทุกลำตอ้ งแจ้งเข้า - ออก และมี Logbook • เรอื มากกว่า 30 ตนั กรอสส์ ต้องตดิ ตงั้ VMS • กำหนดหลักเกณฑ์ เรือที่ไปทำประมงนอกน่านน้ำ กำหนดท่าเทียบเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ สำหรับเรอื นอกน่านนำ้ • งดจดทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรอื ไทย • ห้ามใช้หรือมไี วใ้ นครอบครอง เครื่องมอื ประมงบางชนดิ - อวนรนุ ยกเวน้ อวนรุนเคย - โพงพาง - อวนล้อมจับขนาดตาเล็กกวา่ 2.5 เซนตเิ มตร หา้ มทำการประมงกลางคนื - ลอบพบั (ไอ้โง)่ - อวนลากทม่ี ีขนาดตาอวนกน้ ถุงเลก็ กวา่ 5 เซนตเิ มตร • กำหนดวันหยดุ ทำการประมง - อวนลาก หยดุ 4 วัน ทกุ วนั ที่ 1 - 3 และ 16 - 17 ทุกเดอื น - อวนล้อม หยดุ 9 วนั ต่อเนื่อง แตล่ ะเดอื น • ชดเชยกรณีเรือที่ได้รับผลกระทบจากการที่ยกเลิกเครื่องมือประมง (อวนรุน) และหยุด ทำการประมง ตามคำสง่ั คสช. • ออกใบอนุญาตการทำการประมงพานิชย์ รอบปกี ารประมง 2559 - 2560 (2ปี) • ออกใบอนญุ าตเรือขนถา่ ยสตั วน์ ำ้ ในทะเล • จดทะเบยี นท่าเทียบเรอื ผลกระทบต่อชาวประมง • ชาวประมงต้องปรับตัว และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เคร่งครัดและบทลงโทษรุนแรง ประกอบกบั ความสบั สนในแนวทางการปฏบิ ัตทิ ่ีชดั เจน ทำให้บางสว่ นไมก่ ลา้ ออกทำการประมงเน่ืองเกรงกลวั

66 • ชาวประมงมีเพิ่มค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ อาทิเช่น ค่าใบอนุญาตทำการประมง การติดตั้ง VMS เป็นต้น • บทกำหนดโทษตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มบี ทกำหนดโทษสูง • ชาวประมงพื้นบ้านยังไม่มีความชัดเจนในการทำการประมงที่ถูกต้อง เนื่องจากยังไม่มี หลักเกณฑ์ทช่ี ดั เจนในการอนญุ าตทำการประมงพื้นบ้าน ส่วนใหญไ่ ม่กล้าออกทำการประมง ผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออก • ผู้ประกอบการไม่สามารถส่งออกสินค้าประมงไปต่างประเทศหากไม่สามารถยืนยันว่าสัตว์น้ำได้มา จากการทำการประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing หรือไม่ ตอ้ งมใี บรับรองการจบั สตั ว์น้ำ • ผู้ประกอบการโรงงานส่งออก ไม่สามารถขอ Logbook จากเรือประมงทุกลำ และไม่มี หนังสอื กำกบั การจำหนา่ ย ทำใหไ้ ม่สามารถตรวจสอบยอ้ นกลับได้ จึงไม่สามารถออกใบรับรองการจบั สตั ว์นำ้ • การส่งออกสินค้าประมงไปสหภาพยุโรปลดลง ทั้งนี้มาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัญหา IUU Fishing และที่สำคัญคือการตัดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP โดยในไตรมาสแรกของ ปีพ.ศ. 2559 มูลค่าการ ส่งออกสินค้าประมงไปยังสหภาพยุโรปลดลง ร้อยละ 17.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2558 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกท่ีลดลงประมาณ 1,000 ล้านบาท สภาพปัญหา และความท้าทายในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย • การจบั สตั วน์ ้ำมากเกินควรและศักยภาพในการจับสัตวน์ ำ้ ทส่ี งู เกนิ ไป โดยเฉพาะกองเรอื พาณิชย์ • มีจำนวนเรอื ประมงมากเกินไปจับสตั วน์ ้ำโดยเฉพาะเรือประมงพาณิชย์ • ตอ้ งมีการควบคุมขนาดหรือจำนวนเคร่ืองมือทำการประมงทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ • การบงั คับใชม้ าตรการการบริหารจดั การทม่ี ีอยูไ่ ม่เข้มแข็งเพียงพอ • การทำประมงผดิ กฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคมุ • การบังคบั ใชก้ ฎหมายใหม้ ีประสทิ ธิภาพ • การจบั ลกู สัตวน์ ้ำเศรษฐกจิ ในปริมาณมาก ซึง่ ลกู สตั ว์นำ้ เหล่านีส้ ามารถเจรญิ เติบโตและ มขี นาดใหญ่ขึ้นได้ • ควบคุมขนาดตาอวน • ความขดั แย้งระหว่างชาวประมงพนื้ บา้ นและพาณชิ ย์ • ความเส่ือมโทรมของแหล่งท่ีอยูอ่ าศยั สตั ว์นำ้ • ข้อมูลสารสนเทศดา้ นการประมงไม่เพียงพอ • ศักยภาพในการจดั การการประมงไมเ่ พยี งพอ 1.5.2.3 ปัจจยั ภายนอกดา้ นสงั คมและความมน่ั คง นโยบายรัฐบาลสง่ เสริมการขับเคลือ่ นการปฏริ ปู การศกึ ษาในระดบั ภูมภิ าค ตามรายงานดัชนีความก้าวหน้าของคน (HAI) ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2558 ระบวุ า่ จงั หวดั สมทุ รสาครเปน็ 5 จังหวัดในภาคกลางท่ีมี ความล้าหลงั ดา้ นการศึกษา เนือ่ งจากจำนวนปกี ารศึกษาเฉล่ยี ของประชากรอายุ 15 ปีข้นึ ไป (7.2 ปี) และอัตรา การเข้าเรียนรวม ระดับมัธยมปลายและอาชีวะศึกษา (ร้อยละ 53.1) ต่ำสุดของภาคกลาง ขณะเดียวกันด้านสุขภาพ

67 พบว่าจังหวัดสมุทรสาครเป็น 5 จังหวัดที่มีการออกกำลังน้อยที่สุด และเป็น 5 จังหวัดในภาคกลางที่มีความล้าหลัง ด้านสุขภาพโดยพิจารณาจากทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์สูง และจำนวนแพทย์ต่อประชากรสูง เมอื่ เทยี บกบั จังหวดั ในภาคกลาง เมื่อพิจารณาจากกลุ่มเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศตามขนาดจำนวนนักเรียน พบว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ซึ่งอยู่ในกลุ่มขนาดใหญ่ นักเรียน 4,000 คนขึ้นไป (แบ่งกลุ่ม 3 ขนาด ตามจำนวนนักเรียน ขนาดเล็ก นักเรียนไม่เกิน 2,000 คน ขนาดกลาง 2,001 - 4,000 คนข้ึนไป) มีค่าเฉลี่ยรวมผล O-net ประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2558 อยู่ในลำดับที่ 6 จาก 18 เขตพื้นที่ และอยู่ใน ลำดับที่ 23 เปรียบเทียบจากเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาในภาคกลาง จากท้งั หมด 47 เขต เมือ่ พิจารณาด้านพัฒนาการ พบว่า คะแนนเฉลี่ยรวมผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-net) ในวิชาที่สำคัญ มีอัตราก้าวหน้าทั้ง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมีอัตราความก้าวหน้าในวิขาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ โดยประถมศึกษาปีที่ 6 มีอัตราสูงกว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 สงู กว่าระดบั ประเทศ นโยบายรัฐบาลส่งเสริมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูป ระบบการศึกษาของประเทศให้เกิดผลสมั ฤทธิ์และสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกดิ ประโยชน์ สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศ และได้แต่งตั้ง คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวดั (กศจ.) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวดั เป็นประธาน มอี ำนาจหนา้ ที่ในการกำหนดยทุ ธศาสตร์ แนวทางการจดั การศึกษา และการส่งเสริมสนับสนุนการ จัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภท ประสานและส่งเสริมการบริหารและการจัดการศึกษาขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นรวมท้ังส่งเสริมและสนบั สนุนการจดั การศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กร เอกชนองค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบท่ี หลากหลายในจังหวัดรวมทง้ั วางแผนการจัดการศึกษาในจังหวัดและพจิ ารณาเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณ ใหแ้ กส่ ถานศกึ ษา 1.5.2.4 การประเมินสถานการณ์ดา้ นความมัน่ คงในพ้ืนที่จงั หวดั สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลไทยอยู่ในภาคกลางตอนล่างติดกับจังหวัด นครปฐม กรุงเทพมหานคร สมุทรสงคราม และราชบุรี แบ่งเขตการปกครองเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง สมุทรสาคร อำเภอกระทุ่มแบน และอำเภอบ้านแพ้ว มี 40 ตำบล 290 หมู่บ้าน 68 ชุมชน ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพประมง เกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรม จากการที่เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลทำให้สามารถใช้ ประโยชน์ ทงั้ ในดา้ นการคมนาคม การประมง การประมงตอ่ เนอ่ื ง ซง่ึ ทำรายไดเ้ ขา้ สู่จังหวดั เปน็ จำนวนมาก สถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของจังหวัดสมุทรสาครท่ีสำคัญ ได้แก่ ปัญหา ขยะมลพิษและน้ำเสียที่เป็นปัญหาเรื้องรัง ปัญหาครอบครัว ความยากจนและการประกอบอาชีพ และเป็น ต้นตอไปสู่ปัญหาอื่นๆ หลายประการ เช่น ปัญหายาเสพติด การลักลอบค้ายาเสพติดยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จากการที่จังหวัดสมทุ รสาครมีสถานประกอบการโรงงานอยูเ่ ป็นจำนวนมาก มีการเคลื่อนยา้ ยแรงงานอยู่เปน็ ประจำ ปัญหาการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งยังปรากฏการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา พม่า และลาว อย่างต่อเนื่อง จากปัญหาเศรษฐกิจ ของประเทศเพือ่ นบ้าน ซ่ึงอาจกอ่ ให้เกดิ ผลกระทบตอ่ การรกั ษาความสงบภายในประเทศ และการบงั คับใช้แรงงานผิดกฎหมายและการค้ามนษุ ย์ นอกจากนี้ ปญั หาการทำประมง ซ่งึ ยงั คงมีการลกั ลอบทำการประมงในเขตน่านนำ้ ประเทศ เพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการลดลงของปริมาณสัตว์น้ำในพื้นที่ทางทะเลของไทย ทั้งนี้มีแนวโน้มว่า ประเทศเพื่อนบ้านเข้มงวดต่อเรือประมงไทย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนมากขึ้น ปัญหาการก่อการร้าย การกอ่ การร้ายในทะเลจะนอ้ ยกว่าเม่ือเทียบกับทางบก อย่างไรกต็ ามมแี นวโน้มวา่ อาจมีการใช้ประโยชน์พ้ืนทาง

68 ทะเลเพื่อสนับสนุน การก่อการร้าย เช่น การใช้เป็นแหล่งพักลำเลียงอาวุธ สิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ เพื่อสนับสนุน การปฏบิ ัตกิ ารก่อการร้ายทางบก และการก่อวินาศกรรม ปัญหาภัยคุกคามจากธรรมชาติ ไดแ้ ก่ภัยจากปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ และปรากฏการณ์เรือนกระจก ซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเล ซึ่งเกดิ จากการทำประมงไม่ถูกวิธี น้ำมันปนเป้ือนและขยะ และปญั หาการลักลอบจำหน่ายสนิ ค้าเล่ียงภาษี ศลุ กากร ซ่ึงยังคงมอี ยใู่ นปัจจบุ ัน การที่สภาพพื้นที่บริเวณชายฝ่ังทะเลต้องประสบปัญหาอันเกิดจากสภาพพื้นที่ และปัญหา ผลกระทบจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงท่ีมคี วามซับซ้อนสูงขึ้น ส่งผลต่อความมั่นคงของ ชาติโดยรวม ดังน้นั จังหวัดสมุทรสาคร จงึ ได้กำหนดยุทธศาสตรค์ วามมั่นคงชายแดนและชายฝั่งทะเล เพื่อเป็น กรอบการดำเนินงานใหห้ น่วยงานภาคส่วนต่างๆ ได้ดำเนินการโดยมุ่งเน้นใหป้ ระชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและ พนื้ ทีต่ อนใน มีความมัน่ คงปลอดภยั และเป็นชมุ ชนเข้มแข็งทส่ี ามารถพ่ึงพาตนเองได้ เพอื่ มีภูมิคมุ้ กนั การป้องกัน ปัญหาจากนอกประเทศ และปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนมใิ ห้กระจายลึกเข้ามายงั พื้นที่ตอนในของจังหวดั รวมทั้งเพื่อให้คน และชุมชนในพื้นที่ได้เป็นสื่อสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน อันจะกอ่ ให้เกิดการพัฒนาร่วมกันท่ยี ่งั ยืนและสมดุล 1.5.2.5 ผลการวิเคราะหส์ ถานการณด์ า้ นสังคม ตารางท่ี 1-55 : แสดงลำดับดชั นีความก้าวหนา้ ของคน (HAI) ของจังหวดั สมุทรสาคร เปรยี บเทยี บปี 2558 ปี 2560 และปี 2562 ดัชนคี วามกา้ วหน้าของคน (HAI) ลำดบั ของประเทศ ลำดับของประเทศ ลำดับของประเทศ (ปี 2558) (ปี 2560) ปี 2562) 1. สขุ ภาพ 36 8 6 2. การศึกษา 38 45 38 3. ชีวิตการงาน 14 12 5 4. รายได้ 222 5. ท่ีอย่อู าศัยและสภาพแวดลอ้ ม 75 71 74 6. ชวี ติ ครอบครวั และชุมชน 32 5 2 7. การคมนาคมและการสอื่ สาร 9 4 4 8. การมสี ว่ นรว่ ม 71 75 70 ภาพรวม ดชั นี (HAI) 26 19 10 (ค่าดัชนี 0.6129) (คา่ ดชั นี 0.6175) (ค่าดัชนี 0.6527) (ทม่ี า : สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดทำข้อมูลตามดัชนี ความก้าวหน้าของคน ปี พ.ศ. 2562 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประเมินความก้าวหน้าของคนในระดับจังหวัดด้วย ดัชนี 8 ดัชนีย่อย ได้แก่ 1) ดัชนีย่อยด้านสุขภาพ 2) ดัชนีย่อยด้านการศึกษา 3) ดัชนีย่อยด้านชีวิตการงาน 4) ดัชนีย่อยด้านรายได้ 5) ดัชนีย่อยด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม 6) ดัชนีย่อยด้านชีวิตครอบครัวและ ชุมชน 7) ดัชนีย่อยด้านการคมนาคมและการสื่อสาร 8) ดัชนีย่อยด้านการมีส่วนร่วม ซึ่งในแต่ละดัชนีย่อย มี 4 ตวั ชี้วัดเทา่ ๆ กัน รวมตวั ชว้ี ัดท้งั หมด 32 ตัวช้วี ัด

69 จังหวัดสมุทรสาครมีการพัฒนาคนในภาพรวมอยู่ลำดับที่ 10 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ (ดัชนี HAI = 0.6527) โดยมคี วามโดดเด่นการพัฒนาคนดา้ นรายไดซ้ ึง่ มีความกา้ วหน้ามากอยลู่ ำดับท่ี 2 จาก 77 จังหวัด ค่าดัชนี = 0.7722 มีตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือ ความเหลื่อมล้ำในรายได้น้อยที่สุดคืออยู่ลำดับที่ 1 จาก 77 จังหวัด ครัวเรือนที่มีหนี้สินเพื่อการอุปโภคบริโภคก็ค่อนข้างน้อยอยู่ลำดบั ที่ 7 จาก 77 จังหวัด รวมทั้งจังหวดั สมุทรสาครยังติดลำดับ 1 ใน 5 จังหวัดที่มีความก้าวหน้าด้านการคมนาคมและการสื่อสาร และด้านชีวิต ครอบครวั และชมุ ชนมากทสี่ ดุ โดยอยู่ลำดบั ท่ี 4 และ 2 จาก 77 จงั หวดั ตามลำดับ มี ในทางกลับกัน การพัฒนาคนด้านการมีส่วนร่วมของจังหวัดสมุทรสาครมีความก้าวหน้า น้อยมากอยู่ลำดับที่ 70 จาก 77 จังหวัด โดยมีตัวบ่งชี้ จานวนองค์กรชุมชนและการมีส่วนร่วมของครัวเรือนในการ ทำกิจกรรมสาธารณะของหมู่บ้านน้อยมากอยู่ลำดับที่ 76 จาก 77 จังหวัด ครัวเรือนที่เป็นสมาชิกกลุ่ม หรอื องค์กร ในท้องถ่ินก็ค่อนข้างน้อยมากอยลู่ าดับท่ี 71 จาก 77 จังหวัด นอกจากนี้ จังหวดั สมทุ รสาครยังมีจุดด้อย ในประเด็น ครัวเรือนที่มบี า้ นและทด่ี ินเปน็ ของตนเองน้อยทสี่ ุด (อย่ลู ำดับที่ 74 จาก 77 จังหวดั ) 1.5.2.6 แนวโน้มสถานการณ์ดา้ นสังคมและความมั่นคงของจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ได้เล็งเห็นความสำคัญในมิติด้านสังคมและความมั่นคง โดยเน้นการ พัฒนาในด้านสุขภาพและการศึกษา ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของจังหวัด ทั้งนี้ แนวโน้มของการจัดการศึกษา ภายในจังหวัดน่าจะดียิ่งขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการ ศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)ซึ่งจะได้กำกับดูแลการศึกษาภายในจังหวัดให้มีคุณภาพมากย่ิงขึ้น สำหรับด้าน สขุ ภาพ แนวโนม้ ของจงั หวดั สมทุ รสาคร จะมกี ารส่งเสริมในเชิงการป้องกันมากกว่าการรักษา เชน่ การเน้นการ ดูแลสุขภาพการออกกำลังกายการสร้างสถานที่ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง การเพิ่มศักยภ าพ ของสถานพยาบาลภายในจังหวดั ใหส้ ามารถรองรับการเพิ่มข้ึนของการบริการ ทัง้ นี้ มขี อ้ จำกดั ในเชิงประชากร แฝง โดยเฉพาะจากแรงงานต่างดา้ วทเ่ี ข้ามารับบรกิ าร ในมิติของความมั่นคง สัดส่วนคดีต่อการจับกุม มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้ม เศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราคดีเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีจำนวนประชากรแฝงในพื้นที่ ค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยภายใน นอกจากนั้น ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ของประชากรแฝงและผู้ติดตาม ปัญหายาเสพติด ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีการจัดระเบียบสถาน ประกอบการแรงงาน และจัดชุดปฏบิ ัตกิ าร เขา้ ตรวจสอบ เพ่อื กำกบั ติดตามใหเ้ ปน็ ไปตามที่กฎหมายกำหนด 1.5.3 ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ 1.5.3.1 สถานการณ์ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ 1) สภาพปา่ ไม้จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณปากแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันตก พบป่าชายเลนผืนใหญ่และอุดมสมบูรณ์ท่ีสุดของ จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณอื่นพบป่าชายเลนมีลักษณะเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อยตลอดแนวชายฝั่งทะเล ทั้ง 2 ด้าน เดิมชายฝ่ังทะเลของจังหวัดสมุทรสาครอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ชายเลน เช่น ตน้ โกงกาง และต้นแสมทะเล เป็นต้น เปน็ ระบบนเิ วศทม่ี ีความซับซ้อน เป็นแนวกันคลน่ื เป็นแหลง่ ท่อี ยู่อาศัยของสัตว์นำ้ เปน็ ท่ีอนบุ าลของสัตวน์ ้ำวัยอ่อน เปน็ แหลง่ ไม้ใช้สอย ตลอดจนเปน็ แหล่งสมนุ ไพรท่ีสำคัญ แต่ตอ่ มาพื้นทีป่ ่าชายเลนได้ลดลงเรื่อย ๆ อันมีสาเหตุ มาจากภัยธรรมชาติ เกิดจากการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และในปัจจุบันเหลือพื้นที่ที่เป็นป่าไม้ ประมาณ 594 ไร่ เทา่ นน้ั 2) ป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดสมุทรสาครมีป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าว มหาชยั ฝั่งตะวันออกและป่าอ่าวมหาชยั ฝง่ั ตะวันตก รวมเนอื้ ทปี่ ระมาณ 16,208 ไร่ (ตามกฎกระทรวง) ดงั น้ี

70 (1) ป่าสงวนแหง่ ชาติป่าอ่าวมหาชัยฝ่ังตะวนั ออก ครอบคลมุ พ้นื ท่ีตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลโคกขาม และตำบลพันทา้ ยนรสงิ ห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมทุ รสาคร เนอ้ื ท่ีประมาณ 7,343 ไร่ (กฎกระทรวงฉบบั ที่ 1,194 พ.ศ. 2529) (2) ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลบางกระเจ้า ตำบลบ้านบ่อ ตำบลบางโทรัด ตำบลกาหลง และตำบลนาโคก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวดั สมุทรสาคร เนื้อทป่ี ระมาณ 8,865 ไร่ (กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 1,202 พ.ศ. 2530) 3) เขตห้ามล่าสตั ว์ปา่ จังหวัดสมุทรสาครมีพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 1 แห่ง คือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า พันท้ายนรสิงห์ครอบคลุมพื้นที่ต้าบลบางหญ้าแพรก ต้าบลโคกขาม ต้าบลพันท้ายนรสิงห์ ต้าบลบางกระเจ้า ต้าบลบ้านบ่อต้าบลบางโทรัด ต้าบลกาหลง ต้าบลนาโคก อ้าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีพื้นท่ี ประมาณ 14,426 ไร่ตามแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันออกและป่าอ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก ยกเว้นพื้นที่บางส่วนบริเวณตำบลบางหญ้าแพรกที่มีการครอบครองใช้ประโยชน์พื้นที่มามากกว่า 20 ปี (ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม, 2554) 4) สัตว์ทะเล ตารางท่ี 1-56 แสดงสถานภาพสัตวท์ ะเลหายากในพื้นท่ีจังหวัดสมุทรสาคร (ปี พ.ศ. 2560-2561) ช่อื ไทย ชอ่ื สามญั ชอื่ วิทยาศาสตร์ แหล่งท่ีมาขอ้ มูล เกยตน้ื ในธรรมชาติ จากชุมชน 1. วาฬบรูด้า Bryde’s whale Balaenoptera edeni - 37 ตวั - 2. โลมาอิรวดี Irrawaddy dolphin Orcaella brevirostris 3 ≥20 ตัว - 3.โลมาหัวบาตรหลงั เรียบ Finless porpoise Neophocaena phocaenoides 4 ≥30 ตวั - 4. เต่าตนุ Green turtle Chelonia mydas 3- - 5. เตา่ กระ Hawksbill sea turtle Eretmochelys imbricata 3 - - 6. เต่าทะเล ไมส่ ามารถระบุชนิดได้ ซากเนา่ จนไม่สามารถระบชุ นดิ ได้ 1 - - ท่ีมา: ศนู ย์วจิ ัยทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่งั อ่าวไทยตอนบน, สิงหาคม 2562 ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาครไม่พบแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล แต่อาจจะพบซากเต่าทะเล เกยตื้นได้ โดยเฉพาะเต่าตนุและเต่ากระ ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสาครพบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นระหว่างปี พ.ศ. 2551-2561 โดยในปงี บประมาณ 2561 มีการเกยต้นื รวม 14 ตัว ไดแ้ ก่ โลมาและวาฬ 7 ตัว และเต่าทะเล 7 ตัว ดงั น้ี รปู ที่ 1 สถิติการเกยตืน้ ของทะเลหายากในจังหวัดสมุทรสาคร ปี พ.ศ. 2551-2561 ที่มา: ศูนย์วิจยั ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝงั่ อา่ วไทยตอนบนฝง่ั ตะวนั ตก, สิงหาคม 2562

71 สาเหตทุ ม่ี ผี ลกระทบตอ่ ทรัพยากรสัตว์ทะเลหายาก (Pressure) การเกยต้นื ของสัตวท์ ะเลหายากในพน้ื ทช่ี ายฝง่ั ทะเลจงั หวดั สมทุ รสาครสว่ นมากแลว้ จะไมส่ ามารถ ระบสุ าเหตกุ ารตายท่แี นช่ ัดได้ เนื่องจากสภาพของซากทไี่ ด้รับมีสภาพเน่ามาก แต่ปจั จัยท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ สัตวท์ ะเลหายากโดยทวั่ ไป มีดังนี้ 1) การติดเครื่องมือประมงโดยไม่เจตนา เนื่องจากพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทะเล หายากอยู่บริเวณใกล้ฝั่ง ซึ่งพื้นที่ทำการประมงของชาวประมง ก็เป็นพื้นที่ที่ซ้อนทับกับแหล่งหากินของสัตว์ ทะเลหายาก มีเครื่องมือประมงหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อสตั วท์ ะเลเหลา่ นี้ จากข้อมูลการตายของสัตว์ทะเล หายากต่างๆ พบว่าเครื่องมือประมงที่เป็นสาเหตุการตายของสัตว์เหล่านี้ ได้แก่ อวนจมปู ลอบหอย ลอบจับปูม้า และอวนลอยปลาขนาดใหญ่ 2) ผลกระทบจากสง่ิ ก่อสรา้ งท่ปี อ้ งกันการกดั เซาะชายฝง่ั เช่น ไส้กรอกทราย (sand sausage) และแนวปกั ไม้ไผช่ ะลอคลื่น กส็ ่งผลกระทบกับโลมาอริ วดดี ้วยเช่นกนั เนอื่ งจากในชว่ งเวลานำ้ ขึ้น โลมาอริ วดีมัก ว่ายเขา้ ไปหาอาหารบริเวณใกล้ชายฝ่งั ทะเล และหลงเข้าไปอย่ดู ้านหลงั สิ่งกอ่ สร้างเหล่านี้ เมื่อถึงช่วงเวลาน้ำลง โลมาอิรวดีไม่สามารถว่ายน้ำออกมาได้ มีหลายครั้งที่กลุ่มชาวประมง ชาวบ้านและเครือข่ายอนุรักษ์ในพื้นที่ ตลอดจนเจา้ หนา้ ทขี่ องกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สามารถชว่ ยกนั ขนย้ายโลมาอิรวดีออกไปปล่อยด้าน นอกแนวสิ่งก่อสร้างได้ แตเ่ หตุการณ์การเกยตื้นเม่ือวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 มโี ลมาอิรวดี จำนวน 4 ตัว เกย ตน้ื หลงั แนวปักไม้ไผช่ ะลอคล่ืน และไมม่ ีผู้พบเหน็ จนเปน็ เหตุใหโ้ ลมาอริ วดีทัง้ 4 ตวั ตดิ อยู่ที่หาดเลนจนตาย 3) มลพิษและความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและขยะในทะเล การเสื่อมโทรมของ สภาพแวดล้อม ก็เป็นอีกสาเหตหุ นึง่ ทีม่ ีผลกระทบโดยตรงกับสตั วท์ ะเลหายากทีอ่ าศัยตามแนวชายฝัง่ ซึ่งภาวะ เสื่อมโทรมนี้ทำให้สัตว์น้ำท่ีเป็นอาหารลดลง ทำให้สัตว์ทะเลหายากขาดแคลนอาหาร และส่งผลกระทบต่อ จำนวนประชากรในระยะยาว นอกจากนั้นการทิ้งขยะโดยเฉพาะประเภท เศษอวน ถุงพลาสติกลงในทะเล ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สัตว์ทะเลบาดเจ็บหรือตายได้ ดังกรณีการตายของเต่าทะเลและโลมาหลายตัว ซ่งึ พบว่าสตั วท์ ะเลหลายชนิด กินถุงพลาสติกเข้าไปทำใหล้ ำไส้อุดตันและตายในที่สุด 4) การเจ็บป่วยตามธรรมชาติ และภัยจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ สัตว์ทะเลหายากทั้ง เต่าทะเล พะยูน โลมาและวาฬ เป็นสัตว์ที่หายใจด้วยปอด ดังนั้นการเกิดภัยพิบัติในธรรมชาติ หรือการ เปล่ยี นแปลงบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม และอณุ หภมู ิของน้ำ จงึ มผี ลโดยตรงตอ่ สขุ ภาพของสตั ว์เหล่าน้ัน ดงั ทม่ี ี การพบโลมาเกยตื้นเป็นจำนวนมาก ที่แสดงอาการของการเจ็บป่วย และโรคพยาธิ โรคที่พบมากได้แก่ โรคปอด นวิ โมเนยี และพยาธิในอวัยวะภายในท่สี ำคัญ เชน่ หัวใจ และตับ เป็นต้น 5) การรบกวนและอุบัติเหตุจากการท่องเที่ยว บางพื้นที่ของจังหวัดสุมทรสาครเป็นพื้นที่ที่มี สัตว์ทะเลหายาก เช่น วาฬบรูด้า และโลมาชนิดต่าง ๆ อยู่ประจำที่ หรือมีการเดินทางเข้ามาหากินเป็นประจำ และมีช่วงเวลาที่แน่นอนนั้น สามารถใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวมาสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนได้ แต่หากไม่มี การจัดระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนบนหลักการพื้นฐานทางวิชาการ อาจทำให้บางครั้งมีความพยายามที่จะนำ นกั ท่องเที่ยวเขา้ ใกลส้ ัตว์ทะเลหายากให้มากที่สุด ซึง่ เปน็ การรบกวนสัตว์ และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลให้ สัตวท์ ะเลหายากนัน้ ๆ ไดร้ บั บาดเจบ็ หรอื ตายได้

72 5) สถานการณค์ ุณภาพนำ้ ทะเลชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ทำการตรวจวัดและเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำทะเล บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน และได้นำค่าคุณภาพน้ำซึ่งมีทั้งหมด 8 ปัจจัย ได้แก่ ความเป็นกรด-ด่าง ออกซิเจนละลายน้ำ อณุ หภมู ิ ความเคม็ สารแขวนลอยทงั้ หมด ไนเตรท ฟอสเฟต และแบคทเี รียกล่มุ โคลิฟอร์ม ทั้งหมดมาใช้คำนวณหาค่าดัชนีคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง (Marine water quality index)เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ถึง สถานภาพของคุณภาพนำ้ ทะเล 5.1) สถานภาพคณุ ภาพน้ำทะเลจังหวดั สมทุ รสาคร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ทำการตรวจวัดและเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำทะเล บริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้นำค่าคุณภาพน้ำทั้งหมด 8 ปัจจัย ได้แก่ ความเป็นกรด-ด่าง ออกซิเจน ละลายน้ำ อุณหภูมิ ความเค็ม สารแขวนลอยทั้งหมด ไนเตรท ฟอสเฟต และแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด มาใช้คำนวณหาค่าดัชนีคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง (Marine water quality index) เพื่อเป็นตัวบ่งบอกถึง สถานภาพของคุณภาพน้ำ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก ได้ดำเนินการตรวจวัดคณุ ภาพน้ำทะเลชายฝั่งบริเวณปากแมน่ ้ำท่าจนี เป็นประจำทุก 2 เดือน (ระหว่างปี พ.ศ. 2557 -2561) พบว่าในปี 2561 ค่าเฉลี่ยสถานะคุณภาพน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำท่าจีนอยู่ในเกณฑ์ เสื่อมโทรมมาก ส่วนบริเวณห่างจากปากแม่น้ำอยู่ในสถานะเสื่อมโทรม (รูปที่ 2) ในส่วนของคุณภาพน้ำทะเล ในปี 2562 อย่รู ะหว่างการวเิ คราะหใ์ นหอ้ งปฏบิ ัติการ รูปท่ี 2 แผนทจ่ี ดุ เกบ็ ตวั อย่างและค่าเฉล่ยี สถานะคณุ ภาพนำ้ ทะเลชายฝัง่ จงั หวัดสมุทรสาคร ท่ีมา: ศูนยว์ จิ ัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ อา่ วไทยตอนบนฝ่งั ตะวนั ตก, สงิ หาคม 2562 จากการศกึ ษาแนวโน้มการเปลีย่ นแปลงคุณภาพน้ำทะเลชายฝ่ัง จังหวดั สมุทรสาคร ระหว่างปี พ.ศ.2557–2561 พบว่าแนวโน้มคุณภาพน้ำทะเลโดยรวมมีทิศทางแย่ลงโดยพิจารณาจากแนวโน้มของค่า MWQI เฉลี่ยในแต่ละปีเนื่องจากพบเกณฑ์เสื่อมโทรมมากเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2559 เกิดจากการปนเปื้อนของ ปริมาณสารอาหารชนิดฟอสเฟต-ฟอสฟอรัสแอมโมเนีย-ไนโตรเจนปริมาณตะกอนแขวนลอยในน้ำ และปริมาณ โคลิฟอร์มแบคทีเรียทั้งหมดมีปริมาณสูงโดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำ นอกจากนี้ยังพบค่าความเค็ม และความ เป็นกรด-ด่างในน้ำค่อนข้างต่ำ โดยในปี 2561 พบคุณภาพน้ำทะเลส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม (ร้อยละ 62) และเกณฑเ์ สือ่ มโทรมมาก (รอ้ ยละ 38) ดังรปู

73 รปู ที่ 3 แนวโน้มการเปลีย่ นแปลงคุณภาพนำ้ ทะเลชายฝั่ง จงั หวดั สมุทรสาคร ระหว่างปี พ.ศ. 2557–2561 ทม่ี า: ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั อ่าวไทยตอนบน, สิงหาคม 2562 5.2) สถานภาพการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี จังหวดั สมุทรสาคร ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ได้ดำเนินการติดตาม เฝ้าระวงั การเกิดปรากฏการณน์ ้ำทะเลเปลย่ี นสีหรือขปี้ ลาวาฬ อนั เกิดจากการเจรญิ เตบิ โตและเพิม่ จำนวนอย่าง รวดเร็วของแพลงก์ตอนพืช หรือแพลงก์ตอนสัตว์ ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ตามสีรงควัตถุของแพลงก์ ตอนพืชชนิดนั้น โดยเมื่อแพลงก์ตอนพืชได้รับสารอาหารและแสงในปริมาณมากกว่าปกติจึงเจริญเติบโต และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว การเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมีความสัมพันธ์โดยตรงกับกิจกรรม มนุษย์โดยเฉพาะการเพิ่มปริมาณอินทรียสารบริเวณชายฝั่ง เช่น น้ำเสียจากบ้านเรือนชุมชน จากกิจกรรม การเกษตร อุตสาหกรรม และการขยายตัวของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ซึ่งการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบท้ังทางตรงและทางออ้ มต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง สถานภาพการเกดิ ปรากฏการณน์ ้ำทะเลเปลยี่ นสจี ากสถติ ิการรายงานการเกิดปรากฏการณ์น้ำ ทะเลเปลี่ยนสี (red tide) บริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 พบการเกิด ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี จำนวน 10ครั้ง (รูปที่ 14) บริเวณชายฝั่งทะเลสมุทรสาคร ปากแม่น้ำท่าจีน ท่าเรือมหาชัย ชายฝั่งทะเลตำบลพันท้ายนรสิงห์ ชายฝั่งทะเลตำบลนาโคก คลองเฉลิมพระเกียรติ คลองบาง สีคต และคลองหลวงสหกรณ์โดยแพลงก์ตอนพืชที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์นำ้ ทะเลเปลีย่ นสบี รเิ วณชายฝ่ัง ทะเลจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ Skeletonema costatum, Chaetoceros spp., Mesodinium rubrum, Ceratium furca, Prorocentrum micansและ Noctiluca scintillansทั้งนี้ไม่พบรายงานเกิดปรากฎการณ์ น้ำทะเลเปล่ยี นสีจากสถติ ิการรายงานการเกดิ ปรากฎการณ์นำ้ ทะเลเปล่ียนสี ในปี 2561แต่อยา่ งใด ครัง้ 5 4 3 2 1 0 2557 2558 2559 2560 2561 รปู ท่ี 4 สถิตกิ ารเกดิ ปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลย่ี นสี (red tide) บรเิ วณชายฝ่ังทะเลจงั หวดั สมุทรสาครระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 ท่มี า: ศนู ย์วจิ ยั ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง่ั อา่ วไทยตอนบน, สิงหาคม 2561, ปรับปรุง สิงหาคม 2562

74 1.5.3.2 สถานการณ์ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม 1) มลพษิ ทางน้ำ (1) สถานการณค์ ณุ ภาพนำ้ คุณภาพน้ำแหล่งนำ้ ผวิ ดิน แม่น้ำท่าจีนเป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดสมุทรสาครและเป็นแม่น้ำสายสำคัญ ลำดับที่ 2 ของประเทศรองจากแมน่ ้ำเจา้ พระยา ไหลผา่ นอำเภอกระทุม่ แบน อำเภอบา้ นแพว้ อำเภอเมอื ง และ ไหลลงสู่อ่าวไทย จากการกำหนดประเภทแหล่งน้ำผิวดินโดยกรมควบคุมมลพิษ แม่น้ำท่าจีนตอนล่างในช่วง จังหวดั สมุทรสาครจัดเป็นแหล่งน้ำประเภทท่ี 4 สามารถใช้ประโยชนใ์ นการอุปโภค บรโิ ภค โดยผา่ นการฆ่าเช้ือโรค ตามปกติและการปรับปรุงคณุ ภาพนำ้ เป็นพิเศษก่อน การคมนาคมและการอตุ สาหกรรม โดยกำหนดคา่ มาตรฐาน คุณภาพน้ำดังนี้คือ ค่าออกซิเจนละลาย (DO) ไม่ต่ำกว่า 2.0 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) ปริมาณความสกปรก ในรูปบโี อดี (BOD) ไมเ่ กนิ กว่า 4.0 มก./ล. และค่าแอมโมเนยี (NH3) ไม่เกินกวา่ 0.5 มก./ล. คณุ ภาพนำ้ แม่น้ำทา่ จนี ตอนลา่ ง จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำท่าจีนโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5 ในปี 2559 พบวา่ สถานวี ดั ศริ มิ งคล สถานปี ากแมน่ ้ำท่าจนี อำเภอเมืองสมุทรสาคร และสถานีโรงเรียนปล่องเหลี่ยม อำเภอกระทุ่มแบน มีค่าออกซิเจนละลายเฉลี่ยเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานฯ โดยมีค่าเฉลี่ย 3.45 มก./ล., 4.23 มก./ล. และ 3.01 มก./ล. ตามลำดับ ส่วนความสกปรกในรูปบีโอดี พบว่า สถานีปากแม่น้ำท่าจีน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.48 มก./ล. มีค่าเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานฯ ส่วนสถานีวัดศิริมงคล และสถานีโรงเรียน ปลอ่ งเหลยี่ มอำเภอกระทมุ่ แบน มีค่าเฉลย่ี 4.90 มก./ล. และ 5.15 มก./ล. สูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐานท่กี ำหนด การปนเปื้อนแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด ตามมาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดิน กำหนดใหแ้ หล่งน้ำท่ีจะนำมาใชใ้ นการผลิตนำ้ ประปา รวมทัง้ สามารถว่ายน้ำและเล่นกีฬาทางน้ำได้ ไม่ควรมีค่า ปริมาณรวมของแบคทเี รียกลุ่มโคลิฟอรม์ เกนิ กว่า 5,000 เอ็มพเี อน็ ต่อ 100 มล. (มาตรฐานคณุ ภาพแหล่งน้ำผิว ดินประเภทที่ 2) ขณะที่แหล่งน้ำที่เหมาะสมจะอนุรักษ์ไว้เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมการเกษตรกรรมไม่ควรมีค่า ปรมิ าณรวมแบคทเี รยี กลุ่มโคลิฟอร์มเกนิ กว่า 20,000 เอม็ พีเอ็นต่อ 100 มล. (มาตรฐานคณุ ภาพแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทท่ี 3) แต่ปริมาณแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมดในช่วงแม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ไม่ได้กำหนดค่ามาตรฐานไว้ จงึ พิจารณาจากค่าท่ีมากกวา่ หรือเท่ากบั ค่าสูงสุดในแม่น้ำท่าจีนตอนกลาง จากการตรวจติดตามทั้ง 3 สถานี ได้แก่ สถานีวัดศิริมงคล สถานีปากแม่น้ำท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร และสถานีโรงเรียนปล่องเหลี่ยม อำเภอกระทุ่มแบน พบวา่ คา่ เฉล่ียปริมาณแบคทเี รยี กลุ่มโคลิฟอร์มท้งั หมดมีคา่ 16,675 เอม็ พเี อ็นตอ่ 100 มล. ,19,150 เอ็มพีเอ็นต่อ 100 มล. และ 24,750 เอ็มพีเอ็นต่อ 100 มล. ตามลำดับ ซึ่งมีค่าอยู่ในมาตรฐานแหล่ง น้ำผิวดินประเภทท่ี 3 ยกเว้น สถานโี รงเรยี นปลอ่ งเหล่ียมมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน จากการตรวจวัดค่าแอมโมเนีย−ไนโตรเจนของแม่น้ำท่าจีนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จากการตรวจติดตามทั้ง 3 สถานี ได้แก่สถานีวัดศิริมงคล สถานีปากแม่น้ำท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร และ สถานีโรงเรียนปลอ่ งเหลี่ยม อำเภอกระทมุ่ แบน พบวา่ อยู่ระหว่าง 0.67 – 1.32 มก./ล. ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ สว่ นคา่ โลหะหนกั (Heavy Metals) ของแม่นำ้ ท่าจีนตอนลา่ งในพ้ืนทจี่ งั หวัดสมุทรสาคร ทง้ั 3 สถานี ตรวจวัดโลหะหนกั 9 ชนดิ ไดแ้ ก่ แคดเมียม (Cadmium: Cd) โครเมยี ม (Cromium: Cr) ทองแดง (Copper: Cu) ตะกั่ว (Lead: Pb) นิกเกิล (Nickle: Ni) แมงกานีส (Manganese: Mn) สารหนู (Arsenic:As) ปรอท (Mercury:Hg) และสงั กะสี (Zine: Zn) พบว่าทง้ั 3 สถานเี ปน็ ไปตามเกณฑม์ าตรฐานทง้ั หมด

75 โดยรวมคุณภาพน้ำแม่น้ำท่าจีนตอนล่างอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ปัญหาคุณภาพน้ำของแม่น้ำท่าจีน ตอนล่าง คือ ค่าออกซิเจนละลายน้ำ ค่าความสกปรกในรูปบีโอดี และการปนเปื้อนของแบคทีเรียกลุ่ม โคลิฟอร์มเกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นปัญหามาก คือ ปากแม่น้ำท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จงั หวัดสมทุ รสาคร และบรเิ วณโรงเรียน บา้ นปล่องเหลยี่ ม อำเภอกระทมุ่ แบน จังหวัดสมุทรสาคร คุณภาพน้ำบรเิ วณปากคลองสาขา ในปี 2559 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5 ได้ตรวจติดตามคุณภาพน้ำคลองสาขา ของแม่น้ำท่าจีนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 3 คลอง ได้แก่ คลองดำเนินสะดวก คลองภาษีเจริญ และ คลองมหาชัย จากการตรวจติดตาม พบว่า ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ คลองดำเนินสะดวก คลองภาษีเจริญ และคลองมหาชัย มีค่าเฉลี่ย 4.43 มก./ล., 2.03 มก./ล. และ 1.53 มก./ล. ตามลำดับ และมีค่าความ สกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) มีค่าเฉลี่ย 4.23 มก./ล., 10.4 มก./ล. และ 7.8 มก./ล. และมีค่าปริมาณ รวมของแบคทีเรียกลุม่ โคลิฟอร์ม มีค่าเฉลี่ย 20,966 เอ็มพีเอ็นต่อ 100 มล., 378,000 เอ็มพีเอ็นต่อ 100 มล. และ 443,333 เอ็มพีเอน็ ต่อ 100 มล. ตามลำดบั จากผลการตรวจติดตามคุณภาพนำ้ บริเวณปากคลองสาขาพบว่า คลองมหาชัยมีค่า ออกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากนี้พบว่าทั้ง 3 สถานี มีค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) เกินเกณฑ์มาตรฐาน และพบคา่ ปริมาณรวมของแบคทเี รียกลุ่มโคลิฟอร์มเกนิ เกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี โดยเมื่อ วิเคราะห์จากแหล่งกำเนิดมลพิษใกล้เคียงบริเวณที่ตรวจวัดพบว่าคลองดำเนินสะดวกและคลองภาษีเจริญมี แหล่งกำเนิดมลพิษจากชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนคลองมหาชัยมีแหล่งกำเนิดมลพิษจากชุมชน ท่าจอด เรอื ประมงและเรอื สนิ คา้ และเหนือขึ้นไปเป็นโรงงานอตุ สาหกรรม ภาพที่ 1-9 : แสดงแผนท่แี สดงคณุ ภาพน้ำแมน่ ำ้ ท่าจีน (ตอนลา่ ง) (ท่ีมา : กรมควบคุมมลพิษ, 2560) คณุ ภาพนำ้ ทะเลชายฝ่งั จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งของจังหวัดสมุทรสาคร ปี พ.ศ. 2559 บรเิ วณปากแมน่ ้ำท่าจนี นำค่าทไี่ ดม้ าประเมนิ สถานการณ์ โดยใช้ดชั นีคุณภาพน้ำทะเล (MWQI) พบว่า คณุ ภาพ น้ำทะเลบริเวณชายฝั่งอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม เมื่อเทียบกับคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 5 สำหรับเขตชุมชน พบว่าปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำอยู่ในช่วง 0.6 - 4.2 มก./ล. ปริมาณแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด อยู่ในช่วง 5,400 - 49,000 MPN/100 มก. และฟิคอลโคลิฟอร์ม อยู่ในช่วง 1,300 - 14,000 CFU/100 มก. ปริมาณฟอสเฟต - ฟอสฟอรสั มีคา่ อย่ใู นช่วง 140 - 503 ไมโครกรมั ฟอสฟอรสั /ลิตร

76 แหลง่ กำเนิดมลพิษและการจัดการ แหล่งกำเนิดน้ำเสียท่ีสำคัญที่สง่ ผลให้แม่น้ำท่าจีนและคูคลองสาขาเส่ือมโทรมลง ได้แก่ ชมุ ชนอตุ สาหกรรม และเกษตรกรรม จากการคำนวณประเมินปริมาณน้ำเสียท้ังจังหวัดมีทั้งสิ้น 233,074 ลบ.ม./วัน โดยแหล่งกำเนิดประเภทอุตสาหกรรมทำให้เกิดปริมาณน้ำทิ้ง ประมาณ 127,480 ลบ.ม./วัน รองลงมาเป็นน้ำเสีย จากชุมชน 95,629 ลบ.ม./วัน และนำ้ เสยี จากการเกษตรกรรมเกิดปริมาณนำ้ ท้งิ ประมาณ 9,965 ลบ.ม./วนั (1) นำ้ เสียอุตสาหกรรม ในปี 2559 โรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรสาครมีประมาณ 5,410 แห่ง อยู่พื้นที่อำเภอเมือง 3,137 แห่ง รองลงมาเป็นอำเภอกระทุ่มแบนจำนวน 2,165 แห่ง และอำเภอบ้านแพ้วจำนวน 110 แห่ง โดยเมื่อพิจารณาโรงงานที่มีน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตพบว่ามีทั้งสิ้น 413 แห่ง มีน้ำทิ้งที่ปล่อยออกสู่ สิ่งแวดลอ้ ม ภายนอกโรงงานปริมาณ 127,480 ลบ.ม/วนั แยกตามพื้นท่ี ไดแ้ ก่ อำเภอเมอื งสมุทรสาคร จำนวน 262 แห่ง ปริมาณน้ำทิ้ง 79,871 ลบ.ม/วัน รองลงมาเป็นอำเภอกระทุ่มแบนจำนวน 262 แห่ง และอำเภอบ้านแพ้ว 6 แห่ง ตารางที่ 1-57 : จำนวนโรงงานทมี่ ีนำ้ ทิ้งจากกระบวนผลิต ปริมาณนำ้ เสียแยกรายอำเภอและตำบล (ปี พ.ศ. 2558 – พ.ศ. 2559) อำเภอ ตำบล ปี พ.ศ. 2558 ปี พ.ศ. 2559 เมืองสมุทรสาคร กาหลง จำนวนโรงงานท่ีมีนำ้ ท้ิง ปริมาณนำ้ เสีย จำนวนโรงงานทม่ี นี ้ำทง้ิ ปริมาณนำ้ เสีย โกรกกราก จากกระบวนการผลติ (ลบ.ม./วัน) จากกระบวนการผลิต (ลบ.ม./วนั ) คอกกระบอื โคกขาม 7 1,525 5 1,480 ชยั มงคล 4 98 4 71 1291 388 10 144 ทา่ ฉลอม ท่าทราย 5 4,950 33 3,733 นาโคก 4 1,062 5 785 นาดี 45 370 3 325 บางกระเจ้า บางโทรัด 2 20,216 44 24,340 บางหญ้าแพรก 34 190 4 433 บ้านเกาะ 30 8,313 36 5,896 บา้ นบอ่ มหาชัย 16 9,746 28 8,143 บางนำ้ จืด 16 3,834 16 3,951 ทา่ จีน 13 2,425 23 1,217 พนั ท้ายนรสิงห์ 14 16,088 17 13,625 รวมอำเภอเมืองสมุทรสาคร 185 1,265 5 1,270 กระทุ่มแบน แคราย 18 5,550 20 1,039 คลองมะด่ือ 5 305 11 388 ดอนไกด่ ี ตลาดกระทุ่มแบน 18 3,519 19 3,590 ทา่ เสา 2 27 5 55 262 79,871 288 70,485 7 5,239 7 5,221 19 3,430 19 3,464 1 200 3 208 3 222 2 220 8 2,112 11 5,126

77 อำเภอ ตำบล ปี พ.ศ. 2558 ปี พ.ศ. 2559 ท่าไม้ จำนวนโรงงานท่มี ีนำ้ ท้งิ ปรมิ าณน้ำเสีย จำนวนโรงงานท่มี นี ้ำทง้ิ ปริมาณน้ำเสีย จากกระบวนการผลติ (ลบ.ม./วนั ) จากกระบวนการผลิต (ลบ.ม./วนั ) สวนหลวง 17 11,762 12 11,338 ออ้ มนอ้ ย 10 854 8 1,189 รวมอำเภอกระทุ่มแบน 80 23,615 43 23,256 145 47,434 105 50,022 บา้ นแพ้ว บา้ นแพว้ 1 5 1 5 สวนส้ม 2 135 1 120 โรงเข้ 2 25 0 0 หลักสาม 1 10 1 10 6 175 3 135 รวมอำเภอบ้านแพ้ว 413 127,480 396 120,642 รวมทงั้ จงั หวดั (ท่มี า : สำนักงานอุตสาหกรรมจงั หวดั สมุทรสาคร, มถิ นุ ายน 2560) ภาพที่ 1-10 : แสดงลักษณะการกระจายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมจงั หวัดสมทุ รสาคร (ที่มา : กรมควบคุมมลพษิ , 2560) (2) นำ้ เสยี ชมุ ชน จากข้อมูลปี 2559 จังหวัดสมุทรสาครมีประชากรทั้งหมด 560,217 คน มีปริมาณน้ำเสียเกิดขึ้นทั้งหมด ประมาณ 95,629 ลบ.ม./วัน มีชุมชนในระดับเทศบาลตำบลจำนวน 12 เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล 25 แห่ง โดยส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน แต่ทั้งนี้เทศบาลนคร สมุทรสาคร ไดด้ ำเนินการศกึ ษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบบำบัดน้ำเสยี รวมของชุมชนแล้ว แต่ไม่สามารถ ดำเนินการก่อสร้างได้เนื่องจากได้รับการต่อต้านจากประชาชน แต่ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายของ

78 องค์การจัดการน้ำเสียที่จะก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวมเทศบาลนครสมุทรสาคร ซึ่งมีแผนงานจะดำเนินการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2559งบประมาณ 1,657.2 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการอนมุ ัติจาก ครม. และ ได้รับงบประมาณจึงจะสามารถดำเนินการได้นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวม เทศบาล นครอ้อมน้อย งบประมาณ 1,635.2 ล้านบาทซึ่งองค์การจัดการน้ำเสียมีแผนงานที่จะดำเนินการใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556-2559 ซึ่งปัจจุบัน ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการให้องค์การจัดการน้ำเสียดำเนิน โครงการเม่อื วนั ท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2555 แต่ปจั จุบันยังไมม่ กี ารดำเนนิ การ ปัจจุบันมีชุมชนในพื้นที่ อปท. จำนวน4 แห่ง ที่มีการจัดการน้ำเสียโดยมีระบบบำบัด น้ำเสีย ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 4 พื้นที่ ในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร ได้แก่ เทศบาลตำบลบางปลา และ องค์การบริหารส่วนตำบลคอกกระบือ เทศบาลตำบลบางหญ้าแพรก และเทศบาลตำบลท่าจีน ซึ่งระบบบำบัด น้ำเสียรวมของชุมชนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การจัดการน้ำเสีย และกองทุน สิ่งแวดล้อม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ควรได้รบั การสนับสนุนและสง่ เสริมให้มกี ารการจดั การนำ้ เสียชุมชน ที่เหมาะสม เช่น เทศบาลนครสมุทรสาคร เทศบาลนครอ้อมน้อย เทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มี ความหนาแนน่ ประชากรและเป็นแหลง่ ชุมชนเมือง นอกจากนี้ยังมีองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นอ่ืนๆ อีกท่ีควรได้รับ การสนับสนุนฯ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ใช้งบประมาณ ในการก่อสร้างประมาณ 4 ล้านบาท แหล่งงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ระดับจังหวัดปีงบประมาณ 2552 ได้ดำเนินการกอสรางแลวเสร็จ และเริ่มดำเนินการเม่ือปี พ.ศ. 2552 และ ดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนตำบลคอกกระบือ การประเมินปริมาณน้ำเสียที่เกิดจากการทำนาข้าวในพื้นท่ี อำเภอเมืองสมุทรสาคร กระทุ่มแบน และบ้านแพ้ว คิดเป็น 569,760 ลบ.ม/ปี, 1,991,520 ลบ.ม/ปี และ 7,451,520 ลบ.ม/ปี ก. การเพาะปลูก การเพาะปลูกในพื้นท่ีจังหวัดสมุทรสาครประกอบด้วยการทำนาข้าว ปลูกไม้ผล ปลูกพืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับ รวมทั้งหมด 67,908 ไร่ โดยอำเภอบ้านแพ้วมีพื้นที่เพาะปลูก 46,258 ไร่ รองลงมาเป็น อำเภอกระทุ่มแบน 16,603 ไร่ และอำเภอเมืองสมทุ รสาคร 5,047 ไร่ ข. การปศุสตั ว์ การปศุสัตว์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ประกอบด้วย การเลี้ยงไก่ เป็ด และโคเน้ือ โดยมีจำนวนฟาร์มทั้งหมด 2,335 แห่ง พื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์มากที่สุดคือ อำเภอกระทุ่มแบน รองลงมาคือ อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอเมืองสมุทรสาคร ตามลำดับ น้ำเสียจากการปศุสัตว์ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ มากนัก เนอื่ งจากสว่ นใหญ่เป็นการเล้ียงไก่ไม่ก่อให้เกิดน้ำเสีย และยงั มีการใช้แกลบหรือข้ีเลื้อยเป็นวัสดุรองพ้ืน โรงเรอื นและมีการเกบ็ กวาดออกเม่ือทำความสะอาดโรงเรือนซ่งึ สามารถนำมาใชเ้ ป็นป๋ยุ ของพชื ได้ ค. การเพาะเลีย้ งสัตว์นำ้ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในจังหวัดสมุทรสาคร ปี 2559 มีจำนวนพื้นที่เลี้ยงทั้งหมด ประมาณ35,092 ไร่ (สำนักงานประมงจังหวดั สมุทรสาคร, 2559) โดยมปี รมิ าณนำ้ เสยี ที่เกิดจากการเพาะเล้ียง สัตวน์ ำ้ ประมาณ 157,550 ลบ.ม./วัน ค่าเฉลี่ยการเกิดปริมาณน้ำเสีย ปลานิลและปลาสลิด เท่ากับ 2,800 ลบ.ม/ไร่/ปี และ ก้งุ ทะเล เท่ากบั 4,422 ลบ.ม/ไร/่ ปี ขอ้ มลู จากโครงการพฒั นามาตรฐานการจดั การนำ้ ทิ้งจาก การเพาะเล้ียงสัตว์ น้ำจืด และโครงการนำร่องระบบจัดการน้ำเสียจากแหล่งกำเนิดประเภทการเพาะเลี้ยงสัตว์นำ้ (ลุ่มน้ำสงขลา), กรมควบคมุ มลพษิ , 2547)

79 (3) เรอ่ื งร้องเรยี นด้านมลพิษ เรื่องร้องเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยแยกตามประเภทของปัญหาที่ร้องเรียน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องน้ำเสีย รองลงมาเป็นเรื่องกลิ่นเหม็น และฝุ่น ละออง/เขม่าควันโดยคดิ เป็นรอ้ ยละ 53.85, 23.08 และ 11.79 ตามลำดบั ตาราง 1-58 : แสดงจำนวนเรอื่ งรอ้ งเรยี นดา้ นปญั หาส่ิงแวดลอ้ มปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 – 2559 ประเภทปัญหาทีร่ อ้ งเรียน ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 กล่ินเหมน็ 58 45 67 54 น้ำเสีย 50 44 64 105 ฝนุ่ ละออง/เขม่าควนั 21 19 9 23 เสยี งดงั /เสยี งรบกวน 10 7 12 9 ขยะมลู ฝอยและสงิ่ ปฏิกูล - 1 9- ของเสียอันตราย 1 - 14 อ่นื ๆ 3 3 8 - (ทมี่ า : กรมควบคมุ มลพษิ 2560) เมื่อพิจารณาจำนวนเรื่องร้องเรียนด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 – 2559 โดยแยกตามพื้นที่ที่ถูกร้องเรียน พบว่าพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาครมีเรื่องร้องเรียนมาก ทส่ี ดุ รองลงมาเป็นอำเภอกระทุ่มแบน และอำเภอบา้ นแพว้ ตามลำดับ ตารางท่ี 1-58 : แสดงจำนวนเรอื่ งร้องเรียนดา้ นปญั หาสิ่งแวดลอ้ มปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 – 2559 พน้ื ที่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 78 72 84 147 อำเภอกระทุ่มแบน 45 28 65 196 อำเภอบา้ นแพ้ว 20 19 21 2 รวม 143 119 170 345 (ทมี่ า : กรมควบคมุ มลพิษ 2560) จากปรมิ าณความสกปรกจากแหลง่ กำเนิดอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และชุมชน รวมทั้งคุณภาพน้ำในแม่น้ำท่าจีนตอนล่างแล้ว พบว่าอำเภอเมืองเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษทางน้ำมาก ที่สุด โดยมีสาเหตุสำคัญคือ น้ำเสียจากอุตสาหกรรม เนื่องจากโรงงานบางแห่งไม่มีการบำบัดน้ำเสยี อย่างถูกต้องและ เป็นไปตามมาตรฐานก่อนระบายลงสู่แม่น้ำลำคลอง นอกจากนี้ การจัดการน้ำเสียจากชุมชน ขณะนี้ยังไม่มี การก่อสรา้ งระบบบำบดั น้ำเสยี รวม รวมทั้งปี 2558 ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยแรง ซ่งึ เปน็ อีกปัญหาหน่ึง ทส่ี ำคัญท่ีอาจมีผลให้คณุ ภาพนำ้ เส่ือมโทรมและแนวโนม้ มปี ัญหาเพมิ่ มากขึ้น

80 2) ขยะมลู ฝอยและของเสียอนั ตราย (1) สถานการณ์ขยะมลู ฝอยจงั หวดั สมุทรสาคร ปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 (ขอ้ มลู จาก สำนักงานสง่ิ แวดลอ้ มภาคท่ี 5 (นครปฐม)) 1. ปรมิ าณขยะมลู ฝอย 1.1 ขยะมูลฝอยใหม่ จากการวเิ คราะหข์ ้อมูลปริมาณขยะมูลฝอยจากองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นจำนวน 37 แหง่ พบปริมาณขยะ มลู ฝอยทเ่ี กดิ ข้นึ จำนวน 840 ตันต่อวัน โดยมที ่มี าของขยะมลู ฝอยดังน้ี 1) ขยะมลู ฝอยทีเ่ กบ็ รวบรวมจาก อปท. จำนวน 36 แห่ง เพอื่ นำไปกำจัด ณ สถานท่กี ำจดั ขยะมลู ฝอย 2) ขยะมูลฝอยจาก อปท. ทย่ี ังไม่มกี ารให้บริการรวบรวมและเก็บขนขยะมูลฝอย โดยมีการจัดการเอง ในครวั เรือน จำนวน 1 แห่ง (องค์การบริหารสว่ นตำบลคลองตนั ) ขยะมูลฝอยที่มีการเก็บรวบรวม จะถูกนำไปกำจัด ณ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ถูกต้อง 377 ตัน ตอ่ วนั (รอ้ ยละ45) และสถานที่กำจดั ขยะมูลฝอยที่ไมถ่ ูกต้อง 69 ตนั ต่อวนั (ร้อยละ 8) นอกจากน้ยี ังพบขยะมูลฝอยท่ี ถูกนำกลบั ไปใชป้ ระโยชนป์ รมิ าณ 394 ตนั ต่อวนั (รอ้ ยละ 47) เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ขยะมูลฝอยปี 2560 กับปี 2561 พบว่ามีแนวโน้มดีขึ้น โดยพบปริมาณ ขยะมูลฝอยที่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ซึ่งมีการส่งไปกำจัดที่ สถานที่กำจัดขยะที่ถูกต้อง และมีการนำ กลับมาใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น และมีปริมาณมากกว่าขยะมูลฝอยที่ถูกส่งไปกำจัดแบบไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จังหวัดสมุทรสาคร จะมีการจัดการขยะมูลฝอยทีด่ ีขึ้น แต่ก็ยังพบปริมาณขยะมูลฝอยที่เกดิ ขึ้นในปี 2561 สงู กวา่ ปี 2560 ดังแสดงในตารางท่ี 1 ตารางที่ 1-59 แสดงสถานการณ์ขยะมูลฝอยปี 2560 และปี 2561 ลำดบั ท่ี สถานการณข์ ยะมูลฝอย ปี 2560 ปี 2561 (ตนั ต่อวนั ) (ตนั ตอ่ วนั ) 840 1 ปริมาณขยะมลู ฝอยทเ่ี กดิ ขึน้ 641 771 (รอ้ ยละ 92) 2 ปรมิ าณขยะมลู ฝอยท่ไี ด้รับการจดั การอย่างถูกต้อง 312 377 (รอ้ ยละ 45) (กำจดั ถกู ต้องรวมกับนำกลบั ไปใชป้ ระโยชน์) (ร้อยละ 49) 394 (รอ้ ยละ 47) 2.1 ปรมิ าณขยะมูลฝอยทก่ี ำจัดถกู ตอ้ ง 40 69 (ร้อยละ 8) (ร้อยละ 7) 2.2 ปรมิ าณขยะมลู ฝอยท่ีนำกลบั ไปใช้ประโยชน์ 272 (รอ้ ยละ 42) 3 ปรมิ าณขยะมลู ฝอยทกี่ ำจัดไมถ่ ูกต้อง 329 (ร้อยละ 51) 1.2 องค์ประกอบของขยะมลู ฝอย จากการวิเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบขยะมูลฝอย พบว่าขยะทั่วไป มีปริมาณมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ขยะอนิ ทรยี ์ ขยะรีไซเคิล ขยะอนั ตราย และขยะอเิ ลก็ ทรอนิคส์ ตามลำดบั โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี 1) ขยะทว่ั ไป มปี ริมาณ 633 ตันต่อวัน (รอ้ ยละ 87)

81 2) ขยะอนิ ทรีย์ มีปรมิ าณ 64 ตนั ตอ่ วนั (ร้อยละ 8) 3) รีไซเคิล มีปรมิ าณ 30 ตนั ต่อวนั (ร้อยละ 4) 4) ขยะอันตราย มีปรมิ าณ 1 ตนั ต่อวัน (ร้อยละ 0.997) 5) ขยะอิเลก็ ทรอนกิ ส์ มีปรมิ าณ 0.02 ตันต่อวนั (รอ้ ยละ 0.003) 1.3 ขยะมูลฝอยตกค้างสะสม (ขยะเกา่ ) จากการสำรวจสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ยังคงดำเนินการในปี 2561 จำนวน 5 แห่ง พบปริมาณขยะ ตกคา้ งสะสมในสถานท่ีกำจัดขยะมูลฝอย ซ่ึงไม่ถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ จำนวน 1 แห่ง (บริษทั พันทา้ ย รีไซเคิล จำกดั ) รวมจำนวน 9,968 ตัน 2. การบรหิ ารจดั การขยะมูลฝอยและของเสยี อันตรายชมุ ชน 2.1 ระบบการจดั การขยะมลู ฝอย การจัดการขยะมูลฝอยในจังหวดั สมุทรสาคร โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี 1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่มีระบบจัดการขยะมูลฝอย จำนวน 1 แห่ง (ร้อยละ 3) โดยไม่มี ระบบรวบรวม เก็บขน และกำจัดขยะมูลฝอย ได้แก่ องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลคลองตนั ทำให้ประชาชนในพ้ืนท่ี ดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยในครัวเรือนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดการกำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องได้ เช่น การเผาในที่โล่ง และการลักลอบทิง้ ขยะมูลฝอย เปน็ ต้น 2) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีระบบจัดเก็บขยะมูลฝอย แต่กำจัดไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จำนวน 2 แห่ง (ร้อยละ 5) ได้แก่ อบต. โคกขาม และ อบต. พันท้ายนรสิงห์ โดยมีระบบรวบรวมและเก็บขนขยะ มูลฝอย แต่ส่งไปกำจัด ณ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้เกิดขยะมูลฝอยที่กำจัด ไมถ่ กู ต้อง ซึง่ จัดเป็นขยะตกค้างสะสม 3) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีระบบจัดการขยะมูลฝอยแบบถูกต้องตามหลักวิชาการ จำนวน 34 แห่ง (รอ้ ยละ 92) เมื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนในปี 2560 และปี 2561 พบว่าองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น มีระบบการจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการมากขึ้น ทำให้ปริมาณขยะมูลฝอย ที่ได้รับการ จัดการถูกต้องเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังพบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งที่ยังไม่มีระบบจัดการ และ บางแหง่ กำจัดไม่ ดังแสดงในตารางท่ี 2 ตารางที่ 1-60 แสดงระบบการจัดการขยะมลู ฝอยปี 2560 และปี 2561 ลำดับท่ี การบริหารจดั การขยะมลู ฝอย ปี 2560 (แหง่ ) ปี 2561 (แห่ง) 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไม่มีระบบจัดการขยะมูลฝอย 9 1 (ไมม่ กี ารรวบรวม เก็บขน และกำจดั ) (ร้อยละ 8) (ร้อยละ 3) 2 องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ทีม่ รี ะบบจัดการขยะมลู ฝอย 43 2 แต่กำจดั ไม่ถกู ต้อง (ร้อยละ 37) (รอ้ ยละ 5) 3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีระบบจัดการขยะมูลฝอย 64 34 ถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ (ร้อยละ 55) (ร้อยละ 92)

82 2.2 สถานท่กี ำจัดขยะมลู ฝอย จากการสำรวจสถานทีก่ ำจดั ขยะมูลฝอย พบว่าปิดดำเนินการ 2 แห่ง ได้แก่ สถานท่ีกำจัดขยะมูลฝอย ของบริษัท ปลายวิว จำกัด และบริษัทพันท้ายรีไซเคิลจำกัด และปัจจุบันมีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยท่ี ยังคง ดำเนินการ จำนวน 3 แห่ง โดยประกอบด้วยสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ถูกหลักวิชาการจำนวน 2 แห่ง และเป็น สถานขี นถ่ายขยะมูลฝอยเพอ่ื นำไปแปรรปู ขยะเปน็ เช้ือเพลิง (RDF) ดังแสดงในตารางท่ี 1-59 ตารางท่ี 1-61 แสดงระบบการกำจัดขยะมูลฝอยในจังหวัดนครปฐม ปี 2561 ลำดบั ชอ่ื ระบบการกำจัด หมายเหตุ ปดิ แปรรูปขยะ เทกอง เปน็ เช้ือเพลงิ 1 บรษิ ัท ปลายวิว จำกดั ตำบลแคราย อำเภอกระทมุ่ แบน ✓ 2 หา้ งหนุ้ สว่ นจำกดั สมนึก ธรุ กิจ ตำบลนาดี ✓ อำเภอเมืองสมทุ รสาคร 3 บริษัท พันท้าย รีไซเคิล จำกัด ตำบลพันท้ายนรสิงห์ ✓ อำเภอเมืองสมุทรสาคร 4 บรษิ ทั สมทุ รสาคร เนเชอรลั คลีนเอนเนอร์จี จำกัด ✓ ตำบลบางโทรดั อำเภอเมอื งสมทุ รสาคร 5 บรษิ ทั ฤตธนารยี สู จำกดั ตำบลบ้านแพ้ว ✓ อำเภอบ้านแพ้ว 2.3 การจัดการของเสียอันตรายชุมชน การจัดการของเสียอันตรายชุมชนในจังหวัดสมุทรสาคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 37 แห่ง ได้ตั้งจุดรวบรวมของเสียอันตรายในพื้นที่ จำนวน 377 จุด และมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เปน็ เจ้าภาพหลกั ที่เปน็ ศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายชมุ ชนกอ่ นจัดส่งไปกำจดั 2.4 ผลการบรหิ ารจัดการขยะมลู ฝอยเปรียบเทียบกบั เปา้ หมายตามตัวชวี้ ดั ผลจากการดำเนินงานบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายในปี 2561 ทำให้จังหวัด สมุทรสาครมีปริมาณขยะมลู ฝอยได้รับการจัดการถูกต้อง และขยะมลู ฝอยตกคา้ งสะสมได้รับการจัดการถูกต้อง เมื่อเทียบกับขอมูลปี 2558 เป็นไปตามเป้าหมายตัวช้ีวดั ของจังหวดั ยกเว้นปริมาณขยะมูลฝอยที่นำกลับมาใช้ ประโยชน์ ที่มีค่าต่ำกว่าค่าเป้าหมายตัวชี้วัด ดังแสดงในตารางที่ 4 ซึ่งจะต้องเร่งให้มีการดำเนินกิจกรรมที่มี การนำขยะกลับมาใชป้ ระโยชนใ์ หม้ ากข้นึ ตารางท่ี 1-62 แสดงผลการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอย ลำดับ ตวั ชีว้ ดั เป้าหมาย ผลการดำเนนิ งาน ที่ (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1 ขยะมูลฝอยไดร้ ับการจดั การถูกต้อง 62.69 94 2 ขยะมูลฝอยทีน่ ำกลบั มาใช้ประโยชน์ 62.69 63 3 ขยะมูลฝอยตกค้างสะสมไดร้ ับการจดั การถกู ต้อง 100 100

83 3. ปัญหาดา้ นการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอนั ตราย ปญั หาทีพ่ บในการจดั การขยะมลู ฝอยและของเสียอนั ตราย มีรายละเอยี ดดงั นี้ 3.1 ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นยังคงมีปริมาณมาก ประกอบกับการนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ ยังมีน้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากประชาชนยังไม่ให้ความสำคัญ และหันมาดำเนินการจัดการจัดการขยะมูลฝอย ตามหลัก 3Rs (ใช้นอ้ ย ใช้ซำ้ นำกลับมาใช้ใหม่) 3.2 การทง้ิ ขยะมูลฝอยผดิ ประเภท โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1) การทิ้งขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องตรงตามประเภทถังขยะมูลฝอยที่จัดให้ (ขยะอินทรีย์ รีไซเคิล ทั่วไป และขยะอันตราย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการท้ิงขยะอันตรายปะปนในถงั ขยะทั่วไป เมื่อถูกส่งไปกำจัดจะทำ ให้มปี ล่อยมลพษิ ออกสสู่ ิ่งแวดลอ้ มได้ 2) พบขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และท่ัวไป ในถังขยะอันตราย 3.3 การคัดแยก และนำขยะกลับไปใช้ประโยชน์ยังไม่มีประสิทธิภาพ โดยยังคงพบขยะมูลฝอยที่สามารถ นำกลับไปใชป้ ระโยชน์ได้ (ขยะอนิ ทรยี ์ ขยะรีไซเคิล) ในถงั ขยะ และสถานท่ีกำจัดขยะมูลฝอย 3.4 การกำจดั ขยะมูลฝอยไม่ถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ โดยมรี ายละเอียดดังน้ี 1) พื้นที่ที่ไม่มีระบบรวบรวม และเก็บขนขยะมูลฝอย (องค์การบริหารส่วนตำบลคลองตัน) ทำให้ ประชาชนในพื้นที่มีการจัดการขยะมูลฝอยเอง อาจส่งผลให้มีการจัดการที่ไม่ถูกต้อง เช่น การเผา เทกองกลางแจ้ง และการทิง้ ขยะมูลฝอยในพืน้ ทีส่ าธารณะ เป็นตน้ 2) ยังมีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยบางแห่งไม่ถูกหลกั วิชาการ (บริษัท พันท้าย รีไซเคิล จำกัด) ซึ่งทำให้ เกิดขยะตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย โดยมีองค์การบริหารสว่ นตำบลโคกขาม และองค์การบริหาร ส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ ส่งขยะมลู ฝอยไปกำจดั 3.5 ขยะตกคา้ งสะสมในสถานทีก่ ำจดั ขยะมูลฝอย เนื่องจากสถานทีก่ ำจัดขยะมลู ฝอยไมถ่ ูกหลกั วชิ าการ 3.6 การจัดเก็บข้อมูลด้านการจัดการขยะมูลฝอยระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังมีความซ้ำซ้อน และไม่ เป็นระบบเดียวกัน ประกอบกับข้อมูลอาจมีความคลาดเคล่ือน ไม่สะท้อนความเป็นจริง เช่น องค์ประกอบขยะ มูลฝอย ที่พบขยะทัว่ ไปมีปริมาณสงู มาก และการจำแนกประเภทของขยะมูลฝอย เปน็ ตน้ ซง่ึ จะมีผลต่อเนื่องใน การพิจารณาเพ่อื การตดั สินใจแก้ไขปัญหาขยะมลู ฝอยในจังหวดั ไม่ตรงประเด็นได้ 4. แนวทางการดำเนนิ งานจดั การขยะมูลฝอย แนวทางในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาขยะมลู ฝอย ควรพิจารณารูปแบบการดำเนินโครงการหรอื กิจกรรมที่ มีประสิทธิภาพในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอย การสนับสนุนการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ และการกำจัดขยะ ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมถึงการจัดการขยะตกค้างสะสม เพื่อให้ผลการดำเนินงานสอดคล้องกับแผน แม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 – 2564) ซึ่งจะต้องสร้างระบบการจัดการขยะ มูลฝอยชมุ ชนท่ีถูกต้องตามหลักวิชาการต้ังแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี 4.1 การจัดการที่ต้นทาง โดยการสนับสนุนให้แหล่งกำเนิดขยะมูลฝอยทุกประเภท เช่น บ้านเรือน ศาสนสถาน สถาบันการศึกษา สถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ เปน็ ต้น มีองค์ความรู้ และมีการดำเนินกจิ กรรมด้านการจัดการขยะมูลฝอยดังนี้ 1) การดำเนินกิจกรรมลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ ตามหลัก 3Rs รวมถึงการ เลอื กใช้สินคา้ และบริการท่เี ป็นมติ รกับสิง่ แวดล้อม ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 2) การเพ่ิมประสิทธิภาพการคดั แยกขยะมูลฝอยให้ถูกตอ้ ง

84 3) การพัฒนาเครือข่ายด้านการจัดการขยะมูลฝอย เช่น ผู้นำชุมชน อาสาสมัครพิทักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน และแกนนำนักเรียน เป็นต้น ให้เป็นต้นแบบในการลด คัดแยก และนำขยะมลู ฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ 4) การเสริมสร้างองค์ความรู้ ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การฝึกอบรม การสร้างหลักสูตรในสถานศึกษา การสร้างศูนย์เรียนรู้ และการสร้างเครือข่ายเผยแพร่องค์ความรู้ในระดับพื้นที่ เป็นต้น เพื่อให้ความรู้ขยายวง กว้างไปสกู่ ล่มุ เปา้ หมายไดอ้ ย่างทัว่ ถึง 5) รณรงค์ประชาสัมพันธ์ โดยสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ที่ทันสมัย และเพิ่มช่องทางการสื่อสาร ทั้งน้ี มุ่งเน้นการยกระดับการประชาสัมพันธ์ ให้สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และเป็นวงกว้าง เช่น สอื่ สังคมออนไลน์ เป็นต้น 6) สร้างความเข้าใจและระบบในการนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลขยะมูลฝอยที่ต้นทางระหว่างหน่วยงาน ทเ่ี ก่ียวข้อง เพอื่ บรู ณาการการจัดการขอ้ มลู ใหม้ คี วามถกู ต้อง เหมาะสม และเปน็ ฐานข้อมลู เดยี วกนั 4.2 การจัดการที่กลางทาง โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ 1) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาระบบการรวบรวม และเก็บขนขยะมูลฝอยและของเสีย อันตรายแบบแยกประเภท หรือกำหนดเวลาในการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอยแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับ สถานท่ี และดำเนินการคดั แยก และนำขยะมูลฝอยกลบั มาใช้ประโยชน์ 2) สร้างความเขา้ ใจและระบบในการนำเข้าและจัดเก็บข้อมูลขยะมูลฝอยที่กลางทางระหว่างหน่วยงาน ทเ่ี กยี่ วข้อง เพ่ือบูรณาการการจดั การขอ้ มูลให้มีความถูกต้อง เหมาะสม และเปน็ ฐานข้อมลู เดยี วกนั 4.3 การจัดการที่ปลายทาง โดยการดำเนินงานต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะ มูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 – 2564) ที่กำหนดให้มีการจัดการขยะตกค้างสะสมให้ได้ร้อยละ 100 ในปี 2562 ซึง่ ในการดำเนินงานควรรายละเอียดดังน้ี 1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานที่กำจดั ขยะมูลฝอยแบบไม่ถูกต้อง ควรดำเนินการปิดสถานท่ี กำจัดขยะมูลฝอย และพิจารณาจัดการขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในพื้นที่ตามรูปแบบที่เหมาะสม เช่น ปิดแบบ ถาวรตามหลักวิชาการ ขนยา้ ยไปกำจัดยังสถานท่ีกำจัดขยะมูลฝอยอื่นทด่ี ำเนินการถูกต้อง ขุดร่อนขยะมูลฝอย ขึ้นมาใช้ประโยชน์ (Landfill Mining) และปรับปรุงสถานที่กำจดั ขยะมูลฝอยให้สามารถรองรับการดำเนนิ งาน กำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกต้อง ได้แก่ ระบบฝังกลบเชิงวิศวกรรม (Engineered Landfill) และระบบฝังกลบ อยา่ งถูกหลกั สุขาภบิ าล (Sanitary Landfill) เปน็ ตน้ 2) ควรปรับปรุงสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยพิจารณาเลือกวิธีการให้ เหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ โดยมที างเลือกของรปู แบบการจัดการในการปรับปรุง ดังน้ี - ระบบเทกองทม่ี กี ารควบคุม (Controlled Dump) เหมาะกับการแกไ้ ปัญหาสถานทีก่ ำจดั ขยะมลู ฝอยในระยะเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม จะตอ้ งจำกัดปรมิ าณขยะมูลฝอยที่เข้าสู่ระบบให้ มีจำนวนน้อยกว่า 50 ตันต่อวัน จึงจะจัดให้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ในอนาคต จะตอ้ งปรับปรุงให้เป็นระบบอ่นื ทีม่ คี วามถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ - ระบบฝังกลบเชงิ วิศวกรรม (Engineered Landfill) - ระบบฝงั กลบอยา่ งถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary Landfill) - การนำขยะมูลฝอยกลบั มาใชป้ ระโยชน์ เช่น การผลติ เป็นพลงั งาน และการหมกั ทำปยุ๋ เป็นตน้

85 3) เนื่องจากปัจจุบันยังมีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเปิดดำเนินการอยู่ และ บางแห่งปิดดำเนินการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้สิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียง (น้ำผิวดิน น้ำบาดาล ดิน อากาศ) ไดร้ บั การปนเป้ือนมลพิษได้ ดังนั้นจึงควรมกี ารเฝา้ ระวังคุณภาพส่ิงแวดล้อมดังกล่าว เพอ่ื ปอ้ งกันปัญหาคุณภาพ ส่งิ แวดลอ้ มทจ่ี ะเกิดขน้ึ ได้ 4) สร้างความเขา้ ใจและระบบในการนำเขา้ และจัดเก็บข้อมลู ขยะมูลฝอยทีป่ ลายทางระหว่างหน่วยงาน ท่ีเก่ยี วข้อง เพ่ือบูรณาการการจัดการข้อมูลใหม้ ีความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน สรปุ ผลการประเมินสถานภาพการดำเนินงานสถานท่ีกำจดั ขยะมลู ฝอยจังหวดั สมุทรสาคร สำนักงานสง่ิ แวดล้อมภาคท่ี 5 (นครปฐม) รว่ มกบั สำนักงานทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มจังหวัด สมุทรสาคร ได้ดำเนินการสำรวจและประเมินสถานภาพการดำเนินงานสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย และขยะมูล ฝอยตกคา้ งในสถานท่ีกำจัดขยะมลู ฝอย โดยสถานที่กำจัดขยะมลู ฝอยทีย่ ังเปดิ ดำเนินการ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1. สถานท่กี ำจดั ขยะมลู ฝอยของห้างหุ้นสว่ นจำกดั สมนกึ ธุรกจิ 1.1 ข้อมูลทัว่ ไป สถานทก่ี ำจัดขยะมลู ฝอยของห้างหนุ้ สว่ นจำกัด สมนึก ธรุ กจิ เป็นสถานทก่ี ำจัดขยะมูลฝอยท่ีดำเนินการ โดยภาคเอกชน ตั้งอยูเ่ ลขท่ี 6 หมูท่ ี่ 5 ถนนเศรษฐกิจ 1 ตำบลนาดี อำเภอเมอื งสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึง่ อยูใ่ นเขตพ้นื ทรี่ ับผิดชอบของเทศบาลตำบลนาดโี ดยเปิดดำเนินการในปี 2535 มพี ้นื ทโ่ี ครงการทั้งหมด 85 ไร่ และมบี ่อพกั น้ำชะขยะมูลฝอยจำนวน 1 บ่อ โดยเปน็ บ่อผงึ่ ธรรมชาติ 1.2 การบรหิ ารจดั การ ระบบการกำจัดขยะมูลฝอยเป็นสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย โดยมีการนำขยะมูลฝอยบางส่วนกลับไปใช้ ประโยชน์ และส่วนที่เหลือจากการนำไปใช้ประโยชน์จะถูกส่งไปผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) นอกจากนี้ยังมี โครงสรา้ งพืน้ ฐานในสถานขี นถ่ายขยะมลู ฝอย เช่น อาคารสำนกั งาน อาคารเครือ่ งช่งั นำ้ หนกั โรงคัดแยกขยะมูล ฝอย และมีแนวรั้วล้อมรอบทุกด้าน เป็นต้น ส่วนค่าดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยจำนวน 400 บาทต่อตัน สำหรบั รายละเอียดการดำเนินงานจัดการขยะมลู ฝอยมดี ังน้ี 1.2.1 ขยะมูลฝอยใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ส่งขยะมูลฝอยมากำจัดมีจำนวน 16 แห่ง โดยอยู่ในเขตอำเภอเมือง จำนวน 12 แหง่ และอำเภอกระทมุ่ แบนจำนวน 4 แหง่ ดงั น้ี 1) เทศบาลนครสมทุ รสาคร อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 2) เทศบาลตำบลบางหญ้าแพรกอำเภอเมอื งสมุทรสาคร 3) เทศบาลตำบลท่าจีนอำเภอเมืองสมทุ รสาคร 4) เทศบาลตำบลบางปลาอำเภอเมอื งสมุทรสาคร 5) องค์การบริหารส่วนตำบลบา้ นบอ่ อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 6) องค์การบริหารส่วนตำบลบางโทรัด อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 7) องคก์ ารบริหารส่วนตำบลบ้านเกาะอำเภอเมอื งสมทุ รสาคร 8) องคก์ ารบริหารส่วนตำบลบางนำ้ จดื อำเภอเมืองสมทุ รสาคร 9) องค์การบริหารสว่ นตำบลชัยมงคลอำเภอเมืองสมทุ รสาคร 10) องค์การบริหารสว่ นตำบลทา่ ทรายอำเภอเมืองสมทุ รสาคร 11) เทศบาลตำบลนาดี อำเภออำเภอเมืองสมทุ รสาคร 12) องค์การบริหารส่วนตำบลคอกกระบอื อำเภอเมืองสมทุ รสาคร 13) เทศบาลเมอื งกระทุ่มแบน อำเภอกระทมุ่ แบน

86 14) เทศบาลตำบลดอนไกด่ ี อำเภอกระทมุ่ แบน 15) องคก์ ารบริหารส่วนตำบลคลองมะเดือ่ อำเภอกระทมุ่ แบน 16) องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลแครายอำเภอกระทมุ่ แบน ขยะมูลฝอยที่เข้าสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยมีจำนวน 383 ตันต่อวัน โดยขยะมูลฝอยจำนวน 191.5 ตนั ตอ่ วนั (ร้อยละ 50) จะถกู นำกลับไปใชป้ ระโยชน์ ท่เี หลอื นำไปผลิตเชอ้ื เพลิงขยะ (RDF) โดยส่งให้กับ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำนวน 191.5 ตัน (ร้อยละ 50) ซึ่งจะมีการคัดแยกขยะมูลฝอย โดยใช้ สายพานในการคัดแยกขยะมูลฝอยจำนวน 1 ชุด ส่วนขยะมลู ฝอยท่ีเหลือจากการนำกลบั ไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ เศษดินและขยะอินทรีย์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สมนึก ธุรกิจ มีแนวทางจะพัฒนาเป็นสารปรับปรุงดินและบางส่วน นำไปถมที่ตนเองต่อไป ขยะมลู ฝอยใหม่ ส่ง บ. ทพี ีไอ โพลนี จก. (มหาชน) 191.5 ตัน/วัน 383 ตัน/วนั เพ่อื ทำ RDF (อปท. 16 แห่ง) เข้าระบบคดั แยกขยะ เศษดิน และวสั ดอุ ินทรยี ์ 57 เทกอง รอการทำป๋ยุ มูลฝอย 191.5 ตัน/วัน ตนั /วัน โดยสายพาน 1 ชดุ วัสดุรไี ซเคิล 38 ขาย/ ตัน/วันพลาสตกิ ทำ RDF สง่ บ. ทพี ีไอ โพลีน จก. 134.5 ตนั /วัน (มหาชน) การจดั การขยะมูลฝอยใหม่ 1.2.2 ขยะมลู ฝอยเก่า ขยะมูลฝอยเก่า จะถูกรื้อร่อนและนำกลับมาใช้ประโยชน์ โดยส่งให้กับ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปผลิตเชือ้ เพลิงขยะ (RDF) จำนวน 600 ตันต่อวัน ซึ่งขยะมูลฝอยจะถูกคัดแยกด้วยสายพาน คดั แยกขยะเกา่ จำนวน 3 ชุด ผลจากการดำเนนิ งานคาดว่าจะทำให้ขยะตกคา้ งสะสมหมดภายในปี 2561 วสั ดรุ ีไซเคลิ พลาสตกิ ขาย/สง่ บ.ทีพไี อ โพลนี จก. 200 ตัน/วนั (มหาชน) ขยะมูลฝอยเก่า ร้ือ รอ่ น คดั แยก 600 ตนั /วนั ขยะทวั่ ไป ขยะอินทรีย์ เศษผ้า 400 ตัน/วัน เศษดิน 300 ตัน/วัน เศษผ้า 100 ตัน - เทกอง ผสมกบั ขยะใหม่ - รอทำปุ๋ย ในไลน์ผลิตใหม่ของ - ชาวบา้ นถมที่ TPI เพอื่ ทำ RDF การจดั การขยะมูลฝอยเก่า

87 หา้ งหุ้นสว่ นจำกัด สมนึกธุรกิจ ตำบลนาดี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวดั สมุทรสาคร [พื้นทท่ี ั้งหมด 85 ไร]่ สายพานการคดั แยกขยะใหม่ เพื่อส่งบรษิ ทั ทีพีไอ โพลีน จำกดั (มหาชน) ขยะทผ่ี ่านสายพานการคัดแยกกำลงั ถกู ดึงข้นึ รถบรรทุก เพื่อนำไปอัดก้อนรอก่อนนำสง่

88 2. สถานทกี่ ำจดั ขยะมลู ฝอยของบริษัท สมทุ รสาคร เนเชอรลั คลีนเอนเนอรจ์ ี จำกัด 2.1 ข้อมลู ทวั่ ไป สถานทกี่ ำจัดขยะมูลฝอยบริษทั สมุทรสาคร เนเชอรลั คลนี เอนเนอร์จี จำกดั เป็นสถานีขนถ่ายขยะมูล ฝอย ทดี่ ำเนนิ การโดยภาคเอกชน เปดิ ดำเนนิ การเม่ือปี พ.ศ. 2559 ต้งั อย่ทู ี่ 65/1 ตำบลบางโทรัด อำเภอเมือง สมทุ รสาคร จ.สมทุ รสาคร บนท่ีดนิ ท่เี อกชนเป็นเจ้าของ เน้ือท่ี 60 ไร่ มเี ครือ่ งช่ังน้ำหนกั ที่ใช้การได้ 2.2 การบริหารจัดการ สถานขี นถา่ ยขยะมลู ฝอยของบริษัท สมุทรสาคร เนเชอรัลคลนี เอนเนอร์จี จำกัด มปี รมิ าณขยะมูลฝอย เขา้ สู่ระบบจำนวน 153 ตนั ต่อวัน ดำเนินการคดั แยกขยะมูลฝอยด้วยสายพาน ขนาด 150 ตนั ต่อวนั จำนวน 2 เครื่อง และใช้แรงงานคน จำนวน 50 คน สำหรับคัดแยกขยะมูลฝอยเฉพาะขยะรีไซเคิล จำนวน 5 ตันต่อวัน และส่ง กำจัดเพื่อการผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) จำนวน 120 ตันต่อวัน ส่วนขยะอินทรีย์ที่เหลือมีแผนงานจะก่อสร้าง โรงงานปุ๋ยอินทรีย์ในปี 2561 และคิดค่าดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยจำนวน 300 -400 บาทต่อตันขึ้นอยู่กับ ปริมาณขยะในแตล่ ะเดือนขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ หน่วยงานที่ส่งขยะมูลฝอยมากำจัดมีจำนวน 7 แห่ง โดยอยู่ในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาครจำนวน 3 แห่ง และอำเภอกระทมุ่ แบนจำนวน 3 แหง่ และนอกเขตพ้ืนที่จงั หวดั สมทุ รสาคร จำนวน 1 แห่ง ดังน้ี 1) องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลบางโทรดั อำเภอเมอื งสมุทรสาคร 2) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลกาหลง อำเภอเมืองสมุทรสาคร 3) องค์การบรหิ ารส่วนตำบลนาโคก อำเภอเมืองสมทุ รสาคร 4) องค์การบริหารสว่ นตำบลท่าเสา อำเภอกระท่มุ แบน 5) เทศบาลตำบลออ้ มนอ้ ย อำเภอกระทุม่ แบน 6) เทศบาลตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน 7) นอกพน้ื ทีจ่ ังหวดั สมทุ รสาคร ได้แก่ บริษทั ราชบุรี จำกดั 2.3 การตรวจวัดคุณภาพน้ำบรเิ วณสถานทก่ี ำจัดขยะมลู ฝอย 2.3.1 บรเิ วณบ่อรองรับน้ำเสียจากบอ่ ขยะ จากการเก็บตัวอย่างน้ำน้ำบริเวณบ่อพักน้ำทิ้งบ่อสุดท้าย (ไม่มีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ ภายนอก) เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 พบพารามิเตอร์ที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน เมื่อเทียบเคียงกับ ค่ามาตรฐานตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2539) เรื่อง กำหนด มาตรฐานควบคมุ การระบายนำ้ ท้งิ จากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนคิ มอุตสาหกรรมดงั น้ี 1) คา่ ทีดีเอส มคี ่า 6,116 มก./ล. (มาตรฐานฯ กำหนดไมเ่ กิน 3,000 มก./ล.) 2) คา่ สารแขวนลอย เทา่ กับ 14 มิลลิกรัมต่อลติ ร (มาตรฐานฯ กำหนดไมเ่ กิน 50 มก./ล.) 3) ค่านำ้ มันและไขมัน เท่ากับ 0 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ลิตร (มาตรฐานฯ กำหนดไมเ่ กิน 5 มก./ล.) 4) ค่าบีโอดี เทา่ กบั 2.7 มิลลกิ รัมต่อลติ ร (มาตรฐานฯ กำหนดไม่เกนิ 20 มก./ล.) 5) คา่ ทเี คเอน็ น้อยกว่า 5 มิลลิกรมั ต่อลติ ร (มาตรฐานฯ กำหนดไม่เกนิ 100 มก./ล.) 6) ค่าซีโอดี มากกวา่ 117.6 มลิ ลิกรัมต่อลติ ร (มาตรฐานฯ กำหนดไมเ่ กิน 120 มก./ล.)

89 2.3.2 บริเวณคลองสาธารณะ (ด้านหนา้ บริษัทฯ) ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำ จากการเก็บตัวอย่างน้ำเม่ือวันที่ 25 มกราคม 2561 พบค่าบีโอดี ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน เมื่อเทียบเคียงกับค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทที่ 4 ตาม ประกาศคณะกรรมการส่งิ แวดล้อมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2537) เรอ่ื ง กำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่ง น้ำผิวดนิ ซง่ึ เป็นแหลง่ นำ้ ทไ่ี ด้รับน้ำท้ิงจากกจิ กรรมบางประเภท และสามารถเปน็ ประโยชน์เพอื่ การอุปโภคและ บริโภคโดยผ่านการฆ่าเชื้อโรคตามปกติและผ่านการปรับปรุงคุณภาพน้ำเป็นพิเศษก่อน และการอุตสาหกรรม โดยมคี า่ 3.4 มก./ล. (มาตรฐานฯ กำหนดไม่เกนิ 2 มก./ล.) ซึ่งสง่ ผลให้แหล่งน้ำบริเวณดังกลา่ วไม่เหมาะต่อการ การอุปโภคและบริโภค และการใช้ประโยชน์เพื่อการอุตสาหกรรม สำหรับค่าโลหะหนักทุกพารามิเตอร์ มีค่า เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานท่ใี ช้เทียบเคยี ง แตพ่ บโลหะหนกั ชนิดแมงกานีสในน้ำคลองสาธารณะ คลองสาธารณะ บ่อรวบรวมน้ำเสยี อาคารคัดแยกขยะ บรษิ ทั สมุทรสาคร เนเชอรัลคลนี เอนเนอร์จี จำกัด [พื้นท่ที ้งั หมด 60 ไร]่ มีปรมิ าณขยะมูลฝอยท่เี ขา้ ระบบ 153 ตัน/วนั

90 3. สถานท่กี ำจดั ขยะมลู ฝอยของบริษัท ฤตธนารียูส จำกัด 3.1 ข้อมูลทว่ั ไป สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของบริษัท ฤตธนารียูส จำกัดเป็นสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยที่ดำเนินการโดย ภาคเอกชน ตั้งอยู่ที่ 42 หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร อยู่ในเขตพื้นท่ีรับผิดชอบ ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแพ้ว เริ่มเปดิ ดำเนินการในปี 2550 มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 37 ไร่ โดยพื้นที่ 7 ไร่ เป็นโรงคดั แยกขยะมูลฝอย และอีก 30 ไรแ่ บง่ เปน็ สวนมะพร้าว และบอ่ บำบัดนำ้ เสีย 3 ไร่ 3.2 การบริหารจัดการ สถานขี นถ่ายขยะมูลฝอยของบริษัท ฤตธนารยี ูส จำกัด มปี รมิ าณขยะมลู ฝอยท่ีเข้าระบบกำจดั จำนวน 60 ตันต่อวัน โดยจะดำเนินการคัดแยกขยะอินทรีย์ ซึ่งจะนำมาเลี้ยงสัตว์ และทำปุ๋ยหมักชีวภาพสำหรับใช้ใน พน้ื ที่เกษตรกรรม และคดั แยกขยะรีไซเคิล โดยใช้แรงงานคน จำนวน 25 คน และสายพานคัดแยกขยะมูลฝอย ซึ่งจะคัดแยกได้ จำนวน 41 ตันต่อวัน และนำส่งห้างหุ้นส่วนจำกัด สมนึก ธุรกิจ วันเว้นวัน เพ่ือขนส่งไปยัง บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ส่วนขยะอินทรีย์ที่เหลือจากการนำ กลับไปใช้ประโยชน์จำนวน 19 ตันต่อวัน จะนำไปทำสารปรับปรุงดิน ส่วนค่าดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย จำนวน 600 บาท/ตนั และส่ง หจก.สมนึก ธรุ กจิ เพอื่ นำไปกำจดั แบบถกู หลักวชิ าการ 1,600 บาทตอ่ ตนั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ส่งขยะมูลฝอยมากำจัดมีจำนวน 8 แห่ง โดยอยู่ในเขตอำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบน ดังน้ี 1) เทศบาลตำบลหลกั ห้า อำเภอบ้านแพว้ 2) เทศบาลตำบลบา้ นแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว 3) เทศบาลตำบลเกษตรพฒั นา อำเภอบา้ นแพ้ว 4) องค์การบริหารสว่ นตำบลหลักสาม อำเภอบา้ นแพ้ว 5) องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลบ้านแพว้ อำเภอบา้ นแพว้ 6) องค์การบริหารส่วนตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพว้ 7) องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลเจด็ รว้ิ อำเภอบา้ นแพ้ว 8) องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน บรษิ ทั ฤตธนารยี สู ต.บา้ นแพ้ว อ.บ้านแพว้ จ.สมทุ รสาคร [พนื้ ท่ีทัง้ หมด 37 ไร่]

91 มีปรมิ าณขยะมูลฝอยท่เี ข้าระบบมากกวา่ 60 ตนั /วนั (2) สถานการณแ์ ละการจดั การของเสียอนั ตรายชมุ ชน จังหวัดสมุทรสาคร มีคำสั่งจังหวัดสมุทรสาครที่ 479/2558 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 แต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการของเสียอันตรายจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อกำกับ ดูแล ติดตามการดำเนินงาน ดา้ นการบรหิ ารจดั การของเสยี อันตราย โดยมอี งค์การบริหารส่วนจังหวัดสมทุ รสาครเป็นผรู้ ับผดิ ชอบ และดำเนินงาน ในสว่ นท่ีเกย่ี วข้องดังน้ี 1.จังหวัดสมุทรสาครได้มีคำสั่งที่ 479/2558 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 แต่งตั้งให้นายกองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานคณะทำงานด้านการบริหารจัดการของเสีย อันตรายจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร สำนกั งานส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่ินจังหวัด สมทุ รสาคร นายอำเภอ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ และผู้แทนภาคประชาชน เปน็ คณะทำงาน โดยให้มี อำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการของเสียอันตราย (ชุมชน) ให้เป็นไปตาม แผนการบริหารจัดการขยะ มูลฝอยจังหวัดสมุทรสาคร ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและ ประเมนิ ผลการดำเนนิ งานดา้ นการบริหารจัดการของเสยี อนั ตราย และปฏบิ ตั ิงานตามทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 2. คณะทำงานด้านการบริหารจัดการของเสียอันตรายจังหวัดสมุทรสาครได้จัดประชุม คณะทำงานฯ จำนวน 3 คร้ัง เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 วันที่ 17 ธันวาคม 2558 และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 มผี ลการดำเนินงานโดยสรุปดงั นี้ - ได้ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านของเสียอันตรายชุมชน และข้อมูลอน่ื ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ เพือ่ ใช้พิจารณาประกอบการดำเนนิ งานท่เี ก่ยี วข้อง - กำหนดใหอ้ งคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดสมุทรสาคร (อบจ.สค.) เปน็ เจ้าภาพหลัก ในการบริหารจัดการของเสียอันตรายชุมชนในภาพรวม และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งร่วมมือกับ อบจ.สค. เพื่อให้การบริหารจัดการของเสียอันตรายชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยกำหนดประเภทของเสียอันตรายชุมชนท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะดำเนินงานรว่ มกัน 5 ประเภท ได้แก่ ภาชนะบรรจุสารเคมี กระปอ๋ งสเปรย์ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ และหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ - ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ คัดแยก จัดเก็บ และขนส่งของเสียอันตรายชุมชนจากพื้นที่มายังจุดนัดพบกลางตามที่คณะทำงานฯ กำหนด และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ประสานงานกับหน่วยงานรับกำจัดของเสียเพื่อนำของเสียอันตราย ชุมชนไปกำจดั อยา่ งถูกต้องตามหลกั วิชาการ (โดยไมม่ ีการกกั เก็บของเสียอนั ตรายชมุ ชนไวท้ จี่ ุดนดั พบกลาง)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook