BBS : Positive Reinforcement ข้อมูลเบื้องตน้ เก่ียวกบั พฤติกรรมความปลอดภัย องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ กับการเสรมิ แรงบวก (International Labour Organization : ILO) 100 ปี ขององคก์ ารแรงงาน Shift Work ระหว่างประเทศ (ILO): ผลกระทบจากทำ� งานเป็นกะ บทเรียนทางประวตั ิศาสตร์ จป.วัยทนี และการเมืองโลก เพ่อื ก้าวเข้าสู่ คณุ พรทิพา เจรญิ ผล ศตวรรษท่ี 2 จป.มือโปร นักศึกษาสาขาอาชีวอนามยั และความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ ปี4 คุณภูวสิทธ์ิ สิงหภมู ิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้จดั การฝ่ ายอาชีวอนามัย Global Wind ความปลอดภัยและส่งิ แวดล้อม Organisation – Basic Safety บรษิ ัท ไทรอมั พ์ สตรัคเจอร์ (ไทยแลนด)์ จ�ำกดั Training (GWO – BST) หลักสตู รการฝึกอบรม 7 Keys ส�ำหรบั การเขียน ทางดา้ นความปลอดภัย โครงการความปลอดภยั เพ่ือ สำ� หรบั ผู้ปฏิบัติงานบนกงั หนั ลม ลดอุบตั เิ หตแุ ละสง่ เสรมิ พฤติกรรม โรคพิษสุนขั บา้ (rabies, hydrophobia) การท�ำงานท่ีปลอดภยั อันตรายจากไฟฟ้ าหนา้ ฝน Safety Asean (Electrical Shock) TOSH NEWS ข่าว สสปท.
สวัสดีค่ะ เพิ่งผ่านพ้นไปด้วยดีส�ำหรับงานประจ�ำปีของแวดวงคน Safety นะคะ (Thailand Safe@Work 2019) ส่ิงที่อยู่เบื้องหลังความส�ำเร็จของงานอันยิ่งใหญ่ ก็คือ ความร่วมมืออันดีจากทุกภาคส่วน และความแข็งแกร่งของระบบไตรภาคีในแวดวงแรงงาน และเพ่ือให้ทุกท่านได้รู้จักองค์กรท่ีพัฒนา การบริหารแรงงานด้วยระบบไตรภาคีจนมีความ เขม้ แขง็ เชน่ ทกุ วนั น้ี เราจงึ ไดน้ ำ� เรอื่ งราวขององคก์ รแรงงานระหวา่ งประเทศ (ILO) ซงึ่ ครบรอบ 100 ปี ในปี 2019 มาเลา่ สทู่ กุ ทา่ นในเลม่ นี้ สว่ นเรอื่ งราวดๆี ทเี่ กดิ ขน้ึ ในงานความปลอดภยั และ อาชวี อนามัยแหง่ ชาติ ครัง้ ที่ 33 จะทยอยสรุป และน�ำเสนอในฉบบั ถัดๆ ไปนะคะ ที่ปรึกษา กรงุ ไกรวงศ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ สุดธิดา ปตี วิ รรณ ผู้อ�ำนวยการสถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั ฯ วรานนท ์ สุธรรมาสา สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช รองศาสตราจารยส์ ราวธุ พันธ์ประสิทธิ ์ สมาคมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำ� งาน (สอป.) รองศาสตราจารย์ ดร.วนั ทน ี บรรณาธกิ ารบรหิ าร บุญดกี ุล รองผูอ้ ำ� นวยการสถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั ฯ จุฑาพนิต สธุ รรมาสา รองศาสตราจารยส์ ราวธุ พันธ์ประสทิ ธ์ิ รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนี กองบรรณาธิการ ควบคมุ การผลติ และประสานงาน คณาธศิ เกิดคลา้ ย พินจิ เชื้อวงษ์ ธนกฤต ธนวงศ์โภคิน กมลฐิต ิ วรเวชกลุ เศรษฐ์ จิรนันทน์ อนิ ทร์มณี ขนษิ ฐา แสงภกั ดี ฝา่ ยการตลาดและสมาชิกสมั พันธ์ ชิดชนก แกน่ กลา้ สุคนธา ทว้ มพงษ์ สภุ ารัตน์ คะตา พษิ ณุ จันทร์สี สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย ศภุ ชยั แสงพวง และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน (องคก์ ารมหาชน) กรรณภริ มย์ คงค�ำ เลขที่ 18 ถนนบรมราชชนนี แขวงฉมิ พลี เขตตล่ิงชนั กรงุ เทพมหานคร 10170 พมิ พ์รมั ภา เรือนคำ� โทรศัพท์ 0 2448 9111, 0 2448 9098 สกุ านดา ปรางทพิ ย์ www.tosh.or.th นฤมล ดวงพลพรม จุฑาภรณ์ เมืองอดุ ม 4 นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน
โดย องั คณา เตชะโกเมนท์ กลมุ่ งานมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ส�ำนักพัฒนามาตรฐานแรงงาน ข้อมลู เบอื้ งตน้ ความเปน็ มาขององคก์ ารแรงงานระหว่างประเทศ เก่ียวกบั องคก์ าร องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO แรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) เกดิ ขน้ึ พร้อมกับการ ก่อต้ังสันนิบาตชาติ (The League of Nations) เมื่อ พ.ศ. (INTERNATIONAL LABOUR 2462 (ค.ศ. 1919) ภายใต้สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (Treaty of ORGANIZATION : ILO) Versailles) โดยมีประเทศไทยร่วมเป็นประเทศสมาชิกก่อต้ัง ด้วยวัตถุประสงค์ในการก่อต้ัง ILO คือ ส่งเสริมความยุติธรรม นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 5 ทางสังคม และส่งเสริมให้สิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานได้รับ การยอมรบั อยา่ งเปน็ สากล จนกระทงั่ สนั นบิ าตชาตไิ ดถ้ กู ยกเลกิ ไป และมีการจัดต้ังสหประชาชาติ (United Nations) ข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ILO จงึ กลายเปน็ องคก์ ารชำ� นาญพเิ ศษ (Specialized agency) ของสหประชาชาติ อนั เป็นองคก์ รหลัก เพียงหนึ่งเดียวของสหประชาชาติท่ีรับผิดชอบดูแลประเด็น แรงงานของประเทศสมาชิก โดยขณะน้ี ILO มีประเทศสมาชิก จ�ำนวน 181 ประเทศ (ขอ้ มลู ณ เดอื นมกราคม 2551)
ILOโ ครงสขรอ้างง ILO เปน็ องคก์ รไตรภาคี ประกอบดว้ ยฝา่ ยรฐั บาล ฝา่ ยนายจา้ ง และฝา่ ยลกู จา้ งของประเทศสมาชกิ โดยสามารถ แบง่ โครงสร้างการทำ� งานหลกั ขององค์การได้ ดังนี้ คณะประศาสน์การ (Governing Body) ในการบริหารองค์การนั้น ILO มีคณะประศาสน์การเป็นคณะกรรมการบริหารสูงสุดมีหน้าที่ก�ำหนดนโยบาย การบริหารและควบคุมการปฏิบัติงานขององค์การ และก�ำหนดโครงการงบประมาณเพื่อเสนอให้ท่ีประชุมใหญ่แรงงาน ระหว่างประเทศ (International Labour Conference: ILC) รับรอง คณะประศาสน์การมีการประชุมปีละ 3 คร้ัง ในเดือนมนี าคม มิถนุ ายน และพฤศจกิ ายน คณะประศาสน์การมีประธานคณะประศาสน์การ (Chairman of the Governing Body) เป็นผู้รับผิดชอบ สูงสุด สมาชิกของคณะประศาสน์ประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายนายจ้าง 14 คน ฝ่ายลูกจ้าง 14 คน และฝ่ายรัฐบาล 28 คน รวมเป็น 56 คน โดยเป็นคณะกรรมการถาวรจากประเทศอุตสาหกรรมส�ำคัญ 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบราซิล จีน ฝร่ังเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา คณะประศาสน์การอยู่ในต�ำแหน่ง คราวละ 3 ปี โดยพิจารณาหมุนเวียนไปตามภูมิภาค ส่วนประธานคณะประศาสน์การมีการเลือกตั้งหมุนเวียนกัน ดำ� รงตำ� แหนง่ คราวละ 1 ปี สำ� นกั งานแรงงานระหว่างประเทศ ILO มีส�ำนกั งานแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Office) ทำ� หน้าทด่ี �ำเนินงานต่าง ๆ หรือท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ เลขาธกิ ารขององคก์ าร รวมทงั้ ทำ� หนา้ ทปี่ ระสานงานและกจิ กรรมตา่ ง ๆ ใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายทคี่ ณะประศาสน์ การกำ� หนด และตามมตขิ องทป่ี ระชมุ ใหญแ่ รงงานระหวา่ งประเทศเปรยี บเสมอื นฝา่ ยอำ� นวยการทม่ี พี นกั งานประจำ� ทำ� งาน ตามหนา้ ทใี่ นแผนกตา่ ง ๆ มผี อู้ ำ� นวยการใหญ่ (Director-General) ซง่ึ มาจากการเลอื กตง้ั เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบสงู สดุ และอยู่ ในตำ� แหนง่ คราวละ 5 ปี สำ� นกั งานใหญท่ ่ีนครเจนวี า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มเี จ้าหนา้ ทีป่ ระจ�ำประมาณ 1,900 คน จากภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ทัว่ โลก และผ้เู ช่ียวชาญในด้านต่าง ๆ หลายเชื้อชาติ ประมาณ 600 คน นอกจากนี้ยังมสี ำ� นักงานภูมภิ าค ไดแ้ ก่ • ส�ำนักงานภมู ภิ าคเอเชยี และแปซฟิ กิ ต้ังอยู่ที่กรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย • ส�ำนกั งานภมู ภิ าคแอฟรกิ า ตัง้ อยทู่ ีก่ รงุ Addis Ababa ประเทศเอธิโอเปีย • สำ� นกั งานภมู ิภาคลาตินอเมรกิ าและแคริบเบยี น ต้งั อย่ทู ี่กรุงลิมา ประเทศเปรู • ส�ำนกั งานภูมภิ าคกลมุ่ ประเทศอาหรับ ตัง้ อยู่ทีก่ รงุ เบรตุ ประเทศเลบานอน • สำ� นักงานภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลาง ตงั้ อยทู่ น่ี ครเจนวี า ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ • สำ� นกั งานย่อยกระจายกันอยทู่ ว่ั โลกประมาณ 40 แห่ง 6 นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
ทปี่ ระชมุ ใหญแ่ รงงานระหวา่ งประเทศ การพจิ ารณาตดั สนิ ใจกระทำ� การใด ๆ ของ ILO มาจากการประชมุ ใหญแ่ รงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Conference: ILC) ซง่ึ จดั ขน้ึ ปลี ะหนง่ึ ครงั้ ในเดอื นมถิ นุ ายน ณ นครเจนวี า ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ โดยใหป้ ระเทศสมาชกิ สง่ ผแู้ ทน ไตรภาคี ไดแ้ ก่ ฝา่ ยรัฐบาล ฝ่ายนายจ้าง และฝา่ ยลกู จ้าง พรอ้ มด้วยท่ีปรกึ ษาของแต่ละฝา่ ยเขา้ รว่ มการประชุม ทป่ี ระชมุ มหี นา้ ทใ่ี นการพจิ ารณานโยบายและแนวทางการดำ� เนนิ งานในอนาคตขององคก์ าร กำ� หนดและรบั รองมาตรฐาน แรงงานระหวา่ งประเทศ ตดิ ตามผลการปฏบิ ตั ติ ามปฏญิ ญาวา่ ดว้ ยหลกั การและสทิ ธขิ นั้ พน้ื ฐานในการทำ� งาน ตดิ ตามผลการปฏบิ ตั ิ ตามอนสุ ญั ญาทีใ่ หส้ ตั ยาบันแลว้ และอภปิ รายถงึ ปญั หาแรงงานและสงั คมในปัจจบุ นั หัวขอ้ มาตรฐานแรงงานระหวา่ งประเทศของ ILO เพื่อให้ประเทศสมาชิกค�ำนึงถึงความยุติธรรมทางสังคม และเคารพในสิทธิขั้นพ้ืนฐานของคนงาน ILO จึงได้ก�ำหนด มาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศขน้ึ มา เพื่อใหป้ ระเทศสมาชิกได้นำ� ไปปฏิบตั ิ เนื้อหามาตรฐานแรงงานระหวา่ งประเทศของ ILO แบง่ ออกเปน็ 22 หัวขอ้ ไดแ้ ก่ 1. เสรภี าพในการสมาคม การรว่ มเจรจาตอ่ รอง และแรงงานสมั พนั ธ์ (Freedom of association, collective bargaining, and industrial relations) 2. แรงงานบงั คบั (Forced labour) 3. การขจัดการใช้แรงงานเด็ก และการคุ้มครองเด็กและผู้เยาว์ (Elimination of child labour and protection of children and young persons) 4. โอกาสและการปฏิบัตทิ ่ีเทา่ เทยี มกนั (Equality of opportunity and treatment) 5. การร่วมปรึกษาหารอื ไตรภาคี (Tripartite consultation) 6. การตรวจแรงงานและการบริหารแรงงาน (Labour administration and inspection) 7. การสง่ เสริมและนโยบายการจา้ งงาน (Employment policy and promotion) 8. การฝกึ อบรมและการแนะแนวอาชีพ (Vocational guidance and training) 9. ความมนั่ คงในการจา้ งงาน (Employment security) 10. ค่าจา้ ง (Wages) 11. เวลาการท�ำงาน(Working time) 12. ความปลอดภัยและสุขอนามัยในการทำ� งาน (Occupational safety and health) 13. ความมัน่ คงทางสงั คม (Social security) 14. การคมุ้ ครองความเปน็ มารดา (Maternity protection) 15. นโยบายทางสงั คม (Social policy) 16. คนงานอพยพ (Migrant workers) 17. คนประจ�ำเรอื (Seafarers) 18. คนงานประมง (Fishermen) 19. คนงานท่าเรอื (Dockworkers) 20. ชนเผา่ และคนพนื้ เมอื ง (Indigenous and tribal peoples) 21. ประเภทเฉพาะของคนงาน (Specific categories of workers) 22. บทบัญญัติทา้ ยบทของอนุสัญญา (Final Articles Conventions) นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 7
รปู แบบ มาตรฐานแรงงาน รขอะหงวIา่ LงปOระเทศ ILO ก�ำหนดมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศออกมาหลายรูปแบบ ด้วยกัน มีทั้งรูปแบบท่ีมีสภาพบังคับ และรูปแบบท่ีเป็นแนวทางซ่ึงไม่มีสภาพบังคับ เรยี กโดยรวมวา่ ตราสาร (Instruments) ซง่ึ ตราสารทกุ ฉบบั ของ ILO ไดผ้ า่ นการพจิ ารณา และรบั รองในระบบไตรภาคแี ลว้ โดยคณะกรรมการพเิ ศษเฉพาะดา้ นตา่ งๆ หรอื โดยทป่ี ระชมุ ใหญ่ แรงงานระหว่างประเทศ รปู แบบตราสารท่ีสำ� คัญของ ILO มีดงั ตอ่ ไปนี้ อนุสัญญา (Convention) อนสุ ญั ญาเปน็ ตราสารทมี่ สี ภาพบงั คบั โดยไดบ้ ญั ญตั ขิ อ้ กำ� หนดมาตรฐานแรงงานในแตล่ ะประเดน็ ไว้ ปจั จบุ นั มอี นุสัญญา ILO ท้งั สนิ้ จ�ำนวน 188 ฉบับ (ขอ้ มูล ณ เดือนมกราคม 2551) อนสุ ัญญาจะมีผลบงั คับใชก้ ับประเทศสมาชกิ ต่อ เมอ่ื ประเทศสมาชกิ ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั นนั้ แลว้ ประเทศสมาชกิ สามารถพจิ ารณาเลอื กใหส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั ใด กไ็ ดท้ เ่ี หน็ วา่ จะเกดิ ประโยชนต์ อ่ สถานการณแ์ รงงาน สภาพเศรษฐกจิ และสงั คมของตน หลงั จากการใหส้ ตั ยาบนั แลว้ ประเทศ ดังกล่าวต้องออกกฎหมาย ข้อบังคับ หรือแนวปฏิบัติภายในประเทศให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของอนุสัญญา และต้องขจัด อปุ สรรคในการปฏบิ ตั ติ ามอนสุ ญั ญา ไม่ว่าจะเปน็ การยกเลิกกฎหมายหรอื แนวปฏบิ ตั ภิ ายในประเทศทข่ี ดั กับอนสุ ัญญา อย่างไรก็ตาม ในบรรดาอนุสัญญาทั้ง 188 ฉบับน้ี มีอนุสัญญาจ�ำนวน 8 ฉบับด้วยกันท่ีมีความส�ำคัญยิ่ง อันเป็น อนุสัญญาท่ี ILO มนี โยบายส่งเสริมและติดตามผลใหป้ ระเทศสมาชิกปฏบิ ตั ใิ ห้สอดคลอ้ งกับอนุสัญญาทั้ง 8 ฉบบั น้ี แม้จะไม่ ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั กต็ าม เนอ่ื งจากเปน็ อนสุ ญั ญาทก่ี ำ� หนดมาตรฐานแรงงานเกย่ี วกบั ประเดน็ หลกั 4 ประการ ภายใตป้ ฏญิ ญา ILO เรอ่ื ง หลกั การและสทิ ธิข้ันพ้นื ฐานในการท�ำงาน (ILO Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) ดังน้ี 8 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
เสรภี าพในการสมาคม และการยอมรบั สิทธิในการรว่ มเจรจาต่อรอง ซึง่ ครอบคลุม - อนุสัญญาฉบับที่ 87 ว่าด้วยว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว (Freedom of Association and Protection of the Right to Organise) ค.ศ. 1948 - อนสุ ัญญาฉบับที่ 98 วา่ ดว้ ยสทิ ธิในการรวมตัวและการรว่ มเจรจาต่อรอง (Right to Organise and Collective Bargaining) ค.ศ. 1949 การขจัดแรงงานบงั คับและการเกณฑ์แรงงานในทุกรปู แบบ ซง่ึ ครอบคลมุ - อนุสญั ญาฉบบั ที่ 29 วา่ ด้วยแรงงานบังคบั (Forced Labour) ค.ศ. 1930 - อนสุ ัญญาฉบบั ท่ี 105 ว่าด้วยการยกเลกิ แรงงานบังคับ (Abolition of Forced Labour) ค.ศ. 1957 การยกเลกิ การใชแ้ รงงานเดก็ ใหเ้ ปน็ ผล ซงึ่ ครอบคลมุ - อนุสญั ญาฉบับที่ 138 วา่ ด้วยอายุขน้ั ตำ่� (Minimum Age) ค.ศ. 1973 - อนสุ ญั ญาฉบบั ที่ 182 วา่ ดว้ ยรปู แบบทเี่ ลวรา้ ยทสี่ ดุ ของการใชแ้ รงงานเดก็ (Worst Forms of Child Labour) ค.ศ. 1999 การขจดั การเลอื กปฏบิ ัติในการจ้างงานและอาชพี ครอบคลมุ - อนุสัญญาฉบบั ท่ี 100 วา่ ด้วยคา่ ตอบแทนท่เี ทา่ เทยี มกนั (Equal Remuneration) ค.ศ. 1951 - อนุสัญญาฉบับที่ 111 ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติ (การจ้างงานและอาชีพ) (Discrimination (Employment and Occupation)) ค.ศ. 1958 ขอ้ แนะ (Recommendation) ขอ้ แนะเปน็ ตราสารทไี่ มม่ สี ภาพบงั คบั และไมเ่ ปดิ ใหส้ ตั ยาบนั หากแตร่ ะบถุ งึ วธิ กี ารปฏบิ ตั ดิ า้ นแรงงานเพอื่ ใหป้ ระเทศ สมาชิกได้พจิ ารณานำ� ไปเปน็ แนวทางปรับใชภ้ ายในประเทศ ขอ้ แนะมี 2 ประเภทด้วยกนั ไดแ้ ก่ ขอ้ แนะเสรมิ อนสุ ัญญา : ขอ้ แนะประเภทน้มี เี นือ้ หาทเ่ี ปน็ การอธบิ าย หรอื เพิม่ เตมิ รายละเอยี ดในทางปฏิบตั ิให้แก่ อนสุ ญั ญาฉบบั นนั้ ๆ เนอ่ื งจากตวั บทของอนสุ ญั ญาจะบญั ญตั ไิ วเ้ ฉพาะหลกั การหรอื มาตรฐานเบอ้ื งตน้ เพอ่ื ใหป้ ระเทศสมาชกิ ตา่ ง ๆ จากทวั่ ภมู ภิ าคของโลกทใี่ หส้ ตั ยาบนั ไดไ้ ปออกกฎหมายหรอื กำ� หนดแนวปฏบิ ตั ทิ ส่ี อดคลอ้ งกบั อนสุ ญั ญาไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมกบั สถานการณแ์ รงงาน และภาวะเศรษฐกจิ หรอื สงั คมภายในประเทศ ดงั นน้ั อนสุ ญั ญาบางฉบบั จงึ ตอ้ งมี ขอ้ แนะเสรมิ สำ� หรบั อธบิ ายและชแี้ นะแนวทางปฏบิ ตั ิ เชน่ ขอ้ แนะฉบบั ท่ี 199 วา่ ดว้ ยงานในภาคการประมง (Work in Fishing) ค.ศ. 2007 ซงึ่ เพ่มิ เตมิ อนุสญั ญาฉบับท่ี 188 วา่ ด้วยงานในภาคการประมง (Work in Fishing) ค.ศ. 2007 เป็นตน้ นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 9
ข้อแนะทไี่ ม่ประกอบอนุสัญญาใด ๆ : ขอ้ แนะประเภทนี้ เปน็ เพียงตราสารที่ใหแ้ นวทางและวธิ ปี ฏิบตั ิดา้ นแรงงาน ในเรอื่ งใดเรอ่ื งหน่งึ แตเ่ ร่ืองดังกลา่ วไมใ่ ชป่ ระเดน็ ดา้ นแรงงานท่ีมคี วามส�ำคัญส�ำหรบั ประเทศสมาชกิ จนถึงข้นั ทตี่ ้องออกเป็น อนุสัญญา หรือเป็นประเด็นซึ่งท่ีประชุมใหญ่แรงงานระหว่างประเทศพิจารณาแล้วว่า ยังไม่สมควรมีสถานะให้บังคับใช้ได้ ในรูปอนุสัญญา เช่น ข้อแนะฉบับท่ี 198 ว่าด้วยความสัมพันธ์ในการจ้างงาน (Employment Relationship) ค.ศ. 2006 เปน็ ตน้ พิธีสาร (Protocol) พธิ สี าร คอื ตราสารทม่ี ขี อ้ กำ� หนดเพมิ่ เตมิ อนสุ ญั ญาฉบบั นนั้ ๆ เนอื่ งจาก อนสุ ญั ญาบางฉบบั มเี นอ้ื หาหรอื ขอ้ กำ� หนด ท่ีถูกต้องเหมาะสมแล้วไม่จ�ำเป็นต้องได้รับการแก้ไขออกเป็นอนุสัญญาฉบับใหม่แต่ประการใด แต่ด้วยเหตุท่ีเมื่อเวลาผ่านไป บริบททางสังคมมีมากข้ึน ท�ำให้เน้ือหาและบทบัญญัติของอนุสัญญานั้นไม่ครอบคลุมบริบททางสังคมท่ีเกิดขึ้นใหม่ ILO จึงบัญญัติข้อก�ำหนดเพิ่มเติม โดยให้อยู่ในรูปของพิธีสารแนบท้ายอนุสัญญา เพื่อให้อนุสัญญาฉบับน้ันมีความสมบูรณ์ย่ิงข้ึน ทง้ั นี้ ประเทศสมาชกิ สามารถเลอื กให้สตั ยาบันเฉพาะอนุสญั ญา โดยไม่ใหส้ ตั ยาบันพธิ สี ารได้ แต่จะให้สัตยาบนั เฉพาะพธิ สี าร โดยไม่ให้สัตยาบันอนุสัญญาไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่ให้สัตยาบันพิธีสารแล้ว พิธีสารฉบับน้ันจะมีฐานะเทียบเท่าอนุสัญญาท่ีให้ สัตยาบันไปแล้วในทนั ที เชน่ พิธีสาร ค.ศ. 2002 แนบทา้ ยอนสุ ัญญาฉบบั ท่ี 155 ว่าดว้ ยความปลอดภยั และสขุ ภาพอนามัย ในการทำ� งาน (Protocol of 2002 to the Occupational Safety and Health) ค.ศ. 1981 เปน็ ต้น ปฏญิ ญา (Declaration) ปฏิญญาเป็นตราสารซ่ึงระบุถึงหลักการด้านแรงงานท่ีคณะประศาสน์การ (Governing Body) หรือท่ีประชุมใหญ่ แรงงานระหว่างประเทศพิจารณาแล้ว เห็นชอบว่าเป็นหลักการที่ทรงคุณค่า และประเทศสมาชิกทุกประเทศควรมีมาตรการ สนบั สนนุ และกำ� หนดนโยบายสง่ เสรมิ หลกั การดงั กลา่ วขน้ึ ภายในประเทศของตน ขณะนี้ ILO มปี ฏญิ ญาอยู่ 2 ฉบบั คอื ปฏญิ ญา วา่ ดว้ ยหลกั การและสทิ ธขิ น้ั พนื้ ฐานในการทำ� งาน ซง่ึ กำ� หนดประเดน็ แรงงาน 4 ประการอนั ถอื ไดว้ า่ เปน็ สทิ ธขิ น้ั พนื้ ฐานในการ ท�ำงานของคนงานทุกคน ตามทไ่ี ด้กลา่ วไวแ้ ล้วข้างตน้ และปฏญิ ญาไตรภาคีเรื่องหลกั การว่าด้วยสถานประกอบการขา้ มชาติ 10 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
และนโยบายสงั คม (Tripartite Declaration of Principles concerning Multinational Enterprises and Social Policy) ซงึ่ กลา่ วถงึ ประเดน็ แรงงานตา่ ง ๆ ในสถานประกอบกจิ การขา้ มชาติ เชน่ การฝกึ อบรม สภาพ การทำ� งาน หรอื แรงงานสมั พนั ธ์ เปน็ ต้น อันเป็นประเด็นที่ภาครฐั องค์กรของนายจ้าง และองค์กรของลูกจ้างในประเทศเจา้ บ้านควรติดตามดูแล เพื่อไม่ใหม้ ี ข้อยกเวน้ ด้านแรงงานในสภาพที่เปน็ คณุ น้อยกวา่ เกดิ ข้นึ ในสถานประกอบกิจการข้ามชาติ ประมวลข้อปฏิบตั ิ (Code of Practice) ประมวลข้อปฏิบัติเป็นตราสารที่ไม่มีสภาพบังคับ เนื้อความของตราสารเป็นการช้ีแจง ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับประเด็น แรงงานทม่ี คี วามพเิ ศษเฉพาะดา้ น เพอ่ื ใหป้ ระเทศสมาชกิ นำ� ไปใช้ หรอื นำ� ไปเปน็ แนวทางในการกำ� หนดมาตรการและวธิ ปี ฏบิ ตั ิ ในเร่ืองนั้น ๆ ภายในประเทศ เช่น ประมวลขอ้ ปฏิบตั ิของ ILO เร่ือง HIV/AIDS และโลกแห่งการทำ� งาน (An ILO Code of Practice on HIV/AIDS and the World of Work) เป็นตน้ ตราสารประเภทน้ีจดั ท�ำขนึ้ โดยคณะท�ำงานในเรื่องท่ีเกย่ี วขอ้ ง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าท่ีของส�ำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ ร่วมกับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ประกอบด้วยผู้ทรง คณุ วุฒิซึ่งเปน็ ผ้แู ทนฝา่ ยรฐั บาล ฝ่ายนายจา้ ง และฝ่ายลกู จา้ ง และนกั วชิ าการทม่ี ีความรูแ้ ละประสบการณใ์ นแตล่ ะประเดน็ พนั ธกิจในฐานะประเทศสมาชกิ ประเทศไทยนอกจากจะตอ้ งจา่ ยคา่ บำ� รุงองค์การเป็นเงินประมาณปีละ 738,994 ฟรังก์สวิสแลว้ ประเทศไทยยังมี พันธกิจเช่นเดียวกับประเทศสมาชิกท้ังปวงของ ILO ท่ีต้องปฏิบัติภายใต้ธรรมนูญ ILO ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุมใหญ่ องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ การพจิ ารณาตรวจสอบ แกไ้ ข และ ใหค้ วามเหน็ ตอ่ รา่ งตราสาร การจดั ทำ� รายงานการปฏบิ ตั ิ ตามตราสาร การจัดท�ำรายงานด้านกฎหมายและแนวปฏิบัติภายในประเทศท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานแรงงาน ILO หรือการ จัดท�ำค�ำชี้แจงเก่ียวกับปัญหาและอุปสรรคในปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงาน ILO แต่พันธกิจท่ีส�ำคัญย่ิงในฐานะ ประเทศสมาชิกคือ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนข้ันพื้นฐาน การปรับปรุงสภาพการท�ำงานและความเป็นอยู่ของคนงาน และการเสริมสร้างโอกาสในการจ้างงาน หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงคือ พันธกิจในการปฏิบัติให้สอดคล้องตามมาตรฐานแรงงาน ระหวา่ งประเทศของ ILO นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 11
ประเทศสมาชิกประเทศใดประเทศหน่ึงที่พิจารณาแล้วว่า ประเทศ ตนมีกฎหมายและแนวปฏิบัติภายในประเทศที่สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงาน ระหวา่ งประเทศของ ILO หรอื พจิ ารณาแลว้ วา่ ประเทศตนพรอ้ มทจี่ ะปรบั ปรงุ และพฒั นา กฎหมายและแนวปฏิบัติภายในประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ของ ILO ในอนสุ ญั ญาฉบบั ใด กส็ ามารถใหส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั ดงั กลา่ ว ทง้ั น้ี ILO มกี ระบวนการ ตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติตามอนุสัญญาของประเทศสมาชิกที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาแล้ว ทกุ ระยะ โดย ILO จะใหข้ อ้ คดิ เหน็ ขอ้ เสนอแนะ หรอื ขอ้ ทกั ทว้ งเปน็ รายกรณไี ป และเผยแพรใ่ หป้ ระเทศสมาชกิ และประชาคมโลกได้รับทราบด้วย ประเทศใดที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและติดตามผลดังกล่าว โดยไม่ได้รับ ขอ้ ทกั ทว้ งจาก ILO ยอ่ มแสดงถงึ การมีมาตรฐานแรงงานตามอนุสญั ญาท่ไี ดใ้ ห้สตั ยาบันไว้ ภารกิจของกรมสวสั ดิการและคุม้ ครองแรงงาน ด้วยเหตุที่ เนื้อหามาตรฐานแรงงานของ ILO กว่าร้อยละ 80 เก่ียวข้องกับงานในความรับผิดชอบและการปฏิบัติ หน้าท่ีของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดังน้ัน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยกลุ่มงานมาตรฐานแรงงาน ระหวา่ งประเทศ สำ� นกั พฒั นามาตรฐานแรงงาน จงึ มหี นา้ ทใี่ นการพจิ ารณาตรวจสอบ และประมวลขอ้ คดิ เหน็ จากหนว่ ยปฏบิ ตั ิ ต่อร่างตราสารฉบับต่าง ๆ การจัดท�ำรายงานการปฏิบัติตามตราสาร การจัดท�ำรายงานด้านกฎหมายและแนวปฏิบัติภายใน ประเทศทส่ี อดคลอ้ งกบั มาตรฐานแรงงาน ILO หรือการจัดท�ำคำ� ชแ้ี จงเกยี่ วกบั ปญั หาและอปุ สรรคในการปฏิบัติใหส้ อดคลอ้ ง กับมาตรฐานแรงงาน ILO ตลอดจน การเผยแพรค่ วามรู้เกยี่ วกับมาตรฐานแรงงานของ ILO ให้แกข่ ้าราชการ นายจา้ ง ลกู จ้าง และประชาชน 12 นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
BBS : POSITIVE REINFORCEMENT พฤติกรรมความปลอดภัย แรงบวกกบั การเสริม ไมม่ ใี ครชอบ จป. ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย ทท่ี ำ� ตัวเหมอื นตำ� รวจ ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างพฤตกิ รรมความปลอดภัย วิทยากร ท่ีปรกึ ษา และ นักเขยี น Best Seller ยกตัวอยา่ ง ในขณะทีเ่ ราก�ำลงั ขับรถ แลว้ มผี ชู้ ายคนหน่ึง ใสช่ ดุ สกี ากี เดินมาโบกให้เราจอด เรารู้สกึ ดี หรอื รสู้ ึกหงุดหงดิ ? ผมเช่ือว่า คนส่วนใหญ่ น่าจะรู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เพราะเราก�ำลังถูกจับผิด และ มากกว่านั้น ถ้าเราท�ำอะไรท่ีผิดปกติ ส่ิงทต่ี ามมาก็คือ “การถกู ลงโทษ” น่ันคอื สิ่งท่ีหลายคนไม่ปรารถนา เคยมบี ้างมย้ั ? ทเ่ี ราขบั รถผา่ นด่าน แลว้ ตำ� รวจโบกรถให้เราหยุด และมองเข้ามาในรถ เห็นเราคาดเข็มขัดนริ ภยั แล้ว ชื่นชม เราว่า “ขอบคุณครับ ที่คาดเข็มขัดนิรภัย ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัยครับ” ผมว่าน้อยคนนัก ท่ีใครจะมีประสบการณ์แบบนี้ แต่หลายคน กอ็ ยากใหม้ ันเกิดข้ึนจริงๆ เรอ่ื งนา่ เศรา้ ในวงการความปลอดภยั กค็ ลา้ ยๆ กนั นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 13
วันก่อน ผจก.คนหน่ึง น่ังทานขา้ วกบั ผม แล้วกค็ ุยโว โออ้ วดวา่ พ่อของเขาเปน็ จป.วชิ าชีพ เวลาทพี่ อ่ ของเขา ลงไปเดนิ ตรวจ ในโรงงาน ทกุ คนคอหด กม้ หน้าก้มตาทำ� งาน อุปกรณ์ PPE ท่ีไมไ่ ดใ้ ส่ ก็รีบใสท่ นั ที บ้างกห็ นั หลังกลบั เดนิ หนี แบบน้เี ป็น Safety cop มากวา่ Safety manager พนักงานคนหนึ่งเลา่ ใหผ้ มฟงั ว่า จป.ทบี่ ริษทั ของเขา เป็นทหารเก่า เวลาเจอพนักงานทท่ี ำ� งานไม่ปลอดภัย ก็จะเดินเขา้ ไปตบ หรือ ทุบหลังเลยก็มี และแรงดว้ ย บ้างกส็ งั่ ให้ ปน่ั จิ้งหรีด หรอื ไม่ก็ วดิ พน้ื ซึ่งผมมีโอกาสได้ถามคนเหลา่ น้นั ท่ตี อ้ งหลบ ต้องหนี หรือ ทถ่ี กู ลงโทษวา่ ร้สู กึ อย่างไร? เขาบอกวา่ เขาไมช่ อบ และ บางทกี อ็ ยากจะชกมนั ใหค้ วำ�่ ตรงนนั้ ไปเลย แตท่ ำ� ไมไ่ ด้ เพราะตอ้ งการทำ� งานทนี่ ต่ี อ่ ถา้ ไมม่ งี านทำ� ก็อดตายกันทั้งครอบครวั นน่ั หมายความวา่ การขู่ การลงโทษ หรือ การท�ำให้กลัว ไม่ได้เปน็ สิ่งท่ใี ครชอบเลย สุดท้าย พวกคนที่ชอบขู่ ชอบลงโทษผู้อื่น ก็น่ังกินข้าวคนเดียว หากมองในมุมของจิตวิทยาน้ัน คนที่ไม่ชอบกันจะไม่ยอมน่ัง ทานข้าวดว้ ยกันเด็ดขาด หรอื ถ้าจ�ำเปน็ กจ็ ะน่ังให้ไกลกนั มากทีส่ ดุ งานท่ีท�ำ มันก็ไม่ต่างจากหัวโขน วันหน่ึงหากเราเจ็บป่วย วันหน่ึงที่เราเกษียณไปแล้ว ค�ำถามคือ เราจะมีเพื่อนมั้ย ตกลงการท�ำตัวเหมือนตำ� รวจ คุม้ ม้ัย ? ทั้งๆ ท่เี ราเปน็ จป. เราเรียนอะไรมากเ็ ยอะ เราน่าจะท�ำอะไรได้ดีมากกวา่ การขู่ การท�ำให้กลวั หรอื ลงโทษ พวกนี้คอื ส่งิ เร้า (stimulus )ในการทำ� ใหเ้ กิดพฤตกิ รรม แตม่ นั คือ เชิงลบ ไมไ่ ดก้ ่อให้เกิดพฤติกรรมทย่ี ่งั ยนื หากอยากจะสรา้ งวฒั นธรรมความปลอดภยั จรงิ ๆ กต็ อ้ งนำ� หลกั การของ Behavior- Based Safety มาใช้ เพอื่ นำ� ไปสวู่ ฒั นธรรม สกินเนอร์ ได้แบ่งแนวคดิ เก่ียวกับ พฤตกิ รรมเป็น 2 ประเภท คือ 1. Response behavior โดยพฤติกรรมเหล่าน้ีจะเกิดข้ึน เมื่อถุกกระตุ้นด้วยส่ิงเร้า เช่น เห็นป้าย Sale คนส่วนใหญ่ก็จะเดินเข้าไปดูทันทีว่าขายอะไร หรอื เจอค�ำวา่ แจกคูปองลดราคา บนจอสมาร์ทโฟน เราก็ต้องคลิกเข้าไปดูทนั ที สงิ่ นี้เรยี กว่า ใช้ส่ิงเร้ามากระตุ้น ให้รา่ งกายตอบสนอง ซง่ึ ถา้ เปน็ แบบนแ้ี ลว้ เรากต็ อ้ งพงึ่ พาสงิ่ เรา้ เหลา่ นตี้ ลอดไป ถา้ ไมม่ สี งิ่ เรา้ เรากไ็ มท่ ำ� คลา้ ยๆกบั การใหร้ างวลั ถา้ ทำ� งานดว้ ยความปลอดภยั แล้วให้ตลอด ให้บ่อยๆ ต่อไปจะใหเ้ ขาท�ำอะไรๆกต็ ้องใหร้ างวลั ซง่ึ นายจา้ งกไ็ มต่ อ้ งการให้ พนกั งานรสู้ กึ อยากทำ� เพราะอยากไดร้ างวลั แตอ่ ยากใหพ้ นกั งานอยากทำ� เพราะอยากไดร้ บั ความปลอดภยั 14 นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
บรษิ ทั แหง่ หนง่ึ ตอ้ งการใหพ้ นกั งานสง่ Safety observation card เดอื นละ 1 ใบ ตอ่ คน โดยใหใ้ บละ 20 บาท แรกๆ พนกั งาน กส็ ่ง เพราะพนกั งานเองอยากไดเ้ งนิ เงนิ เป็นสง่ิ เรา้ แต่พอนานๆเขา้ เขากไ็ ม่สง่ เพราะเริ่มเบื่อ และ ชนิ กบั สิง่ เรา้ ท่ีได้รบั สม่�ำเสมอ บรษิ ทั กต็ อ้ งกระตนุ้ โดยการใหเ้ งนิ มากขนึ้ เรอ่ื ยๆ แลว้ เมอื่ ไรพนกั งานจะรสู้ กึ วา่ เขาทำ� ความปลอดภยั เพอื่ ตนเอง เพราะตอน น้ีในสมองของเขาเหน็ แค่ว่า สง่ Safety observation card แลว้ ไดเ้ งิน แตไ่ มเ่ ห็นวา่ เขยี น Safety observation แล้วส่ง ไดค้ วาม ปลอดภัย 2. Operant behavior โดยพฤตกิ รรมเหลา่ นีเ้ กิดขึ้น จากการวางเง่อื นไขเป็นตัวเสริมแรง (Reinforcement) โดยเน้นการสรา้ งพฤตกิ รรมจากการ เรียนรู้ในสิ่งทที่ ำ� โดยทีเ่ ราได้วางเงือ่ นไขเป็นตัวเสรมิ กระบวนการใชแ้ รงเสริม หรือ Reinforcement แบ่งออกเปน็ 2.1 Positive reinforcement คอื การใชแ้ รงเสริมเชิงบวก เช่น การชน่ื ชม การให้รางวัลทันที เม่อื เหน็ พฤติกรรมท่ีดี ที่ถูกต้อง เพ่อื จูงใจใหเ้ กดิ พฤตกิ รรม น้นั ๆ ซ�้ำ เชน่ พนกั งานคนหนงึ่ หยบิ ไมถ้ พู นื้ มาถพู น้ื ทเ่ี ปยี ก ทง้ั ๆทไ่ี มใ่ ชห่ นา้ ของเขา เพราะมนั คอื หนา้ ทขี่ องแมบ่ า้ น ในฐานะทเี่ ราเปน็ จป. หรอื เพ่อื นรว่ มงาน เราควรจะทำ� อยา่ งไร? เฉยๆ หรือ วา่ เดินเขา้ ไปชื่นชม ถา้ เราเฉยๆ ครง้ั หนา้ เขาอาจจะไมช่ ว่ ยถพู นื้ แลว้ แตถ่ า้ เราเขา้ ไปชนื่ ชม โอกาสทจ่ี ะเกดิ พฤตกิ รรมนซี้ ำ้� ยอ่ มเปน็ ไปไดม้ ากกวา่ และท่สี �ำคัญ คอื ต้องรบี ช่ืนชมทนั ที แตถ่ ้าพบว่าพฤติกรรมท่เี ขาท�ำนนั้ ไมด่ ี ไม่ปลอดภัย การเสริมแรงบวกกท็ �ำได้ โดยการไม่ตำ� หนิ แต่ให้กำ� ลงั ใจ โดยสอบถาม ถึงสาเหตุว่า อะไรคอื ต้นเหตุของพฤติกรรม ? เช่น เขาไม่สวมแว่นตานิรภัย ก็ให้เราถามว่าติดปัญหาอะไร? อยากให้ผมช่วยอะไรม้ัยครับ? เขาตอบว่าใส่แล้วมันเกิดฝ้า เรากแ็ ก้ปญั หาใหท้ ันที โดยหาแว่นทีไ่ มเ่ กิดฝ้ามาให้ พรอ้ มให้กวนอมิ หนง่ึ กระปุก ไว้ทารอบๆ ใบหน้า นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 15
2.2 Negative reinforcement คือ การใช้แรงเสริมทางลบ โดยเฉพาะการลงโทษ ในสมัยที่เราเป็นเด็ก หลายคนมักจะเจอกันมาไม่ใช่น้อย และท่ีเลวร้ายกว่านั้น พอโตขนึ้ มาเรากลับนำ� มาใชก้ บั คนอ่ืนอกี ท้ังทเ่ี ราเอง ก็เคยโดนกระทำ� แบบนีม้ า เราไมช่ อบ แตเ่ รายงั เอามาทำ� กบั คนอ่ืนต่อ เช่น การลงโทษ ตวาด ตำ� หนิ ด่าทอ เหมือนทผี่ มยก ตวั อย่างไว้ขา้ งต้นที่ จป. ทำ� ตวั เหมอื นตำ� รวจ แบบน้ี นอกจากงานจะไม่ได้แล้ว ใจกไ็ ม่ไดด้ ้วย สรุป การสร้างพฤติกรรมความปลอดภัย สิ่งที่ส�ำคัญมากท่ีต้องท�ำ คือ การเสริมแรงบวก ส่วนการใช้ส่ิงเร้า หรือ การใช้แรงเสริมทางลบ ก็สามารถใช้ได้ แต่อย่าใชม้ ากจนเกนิ ไป เพราะผลเสยี ทไ่ี ด้ จะมากกวา่ ผลดี เอาแค่ท�ำใหม้ นั ดีพอ มนั ก็พอดี การจะสรา้ งวัฒนธรรมความปลอดภยั ต้องน�ำเร่อื งของ BBS มาใชด้ ้วย จึงจะเกดิ Cultural Change หรอื วฒั นธรรมความปลอดภัย นน่ั เอง เวลาที่เราพูดถงึ รางวลั คนส่วนใหญ่ กจ็ ะนึกถึงแต่ เงนิ และ สิง่ ของ ซง่ึ สง่ิ เรานไ้ี มไ่ ด้มคี วามยัง่ ยนื เลย เงนิ ใหไ้ ป เอาไปใช้ เด๋ยี วกห็ มด ส่งิ ของให้ไป เอาไปเกบ็ ก็เสื่อม เอาไปใช้ เด๋ียวกเ็ สยี แต่ค�ำชนื่ ชม ผ่านไป10 ปี 20 ปี นึกถึงทีไร กส็ ขุ ใจ ดังนนั้ ส่งิ ที่มองไม่เห็น กลบั ยั่งยืนกว่าสง่ิ ที่มองเหน็ นีค่ อื Positive reinforcement ลองน�ำใชด้ ูครับ 16 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
ผลกระทบจากท�ำงานเป็นกะ ทม่ี า : อ. พญ.ฉัฐญาณ์ วงศ์รฐั นันท์ ภาควิชาเวชศาสตรค์ รอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล Shift Work หรอื การทำ� งานเปน็ กะ สง่ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพในเรอื่ งของการกนิ ไมเ่ ปน็ เวลา นอนไมเ่ ป็นเวลา โดยเฉพาะคนท่ีท�ำงานกะดกึ ยอ่ มมอี าการเหน่ือยล้า อ่อนเพลีย ท�ำให้ สง่ ผลต่อการทำ� งานโดยตรง ทงั้ ยงั ส่งผลตอ่ สขุ ภาพในระยะสนั้ และระยะยาวอกี ด้วย ทำ� ความเขา้ ใจกับการท�ำงานเป็นกะ (Shift Work) สถานที่ที่มักพบการท�ำงานแบบ Shift Work เป็นสถานที่ท่ีเปิดให้บริการตลอด 24 ชวั่ โมง เชน่ โรงพยาบาล รา้ นสะดวกซอื้ สนามบนิ เปน็ ตน้ คนทำ� งานสว่ นหนงึ่ ตามสถานที่ ดังกล่าวมีการท�ำงานแบบ Shift Work หรือการท�ำงานเป็นกะ เป็นการท�ำงานท่ีไม่ตรงกับ นาฬกิ าชวี ติ ของรา่ งกายทเี่ ปน็ ธรรมชาติ โดยปกตชิ ว่ งเวลากลางวนั จะตอ้ งตน่ื เพอื่ ทำ� กจิ กรรม ต่าง ๆ และช่วงเวลากลางคืนเปน็ ชว่ งเวลาของการพักผ่อน นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 17
คนทำ� งานเป็นกะ (Shift Work) ควรปฏิบตั ิตนอย่างไร? การนอนหลับพักผ่อน ช่วงท่ีไม่ได้อยู่กะควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ครบ 8 ช่ัวโมง หากพักผ่อนไม่เพียงพอสมรรถภาพการท�ำงานของสมองจะลดลง ท่ีส�ำคัญควรจัดท่ีนอนให้เหมาะสม เพราะการนอนตอนกลางวนั จะมสี ง่ิ รบกวนคอ่ นขา้ งมาก อาจปดิ ผา้ มา่ นและหนา้ ตา่ งเพอื่ สง่ ผลใหก้ ารนอนหลบั พักผ่อนได้เต็มที่ การรับประทานอาหาร หากต้องอยู่กะดึก ไม่ควรรับประทานอาหารที่หนักเกินไป หรอื รบั ประทานอาหาร ควรกนิ แคไ่ มใ่ หร้ สู้ กึ หวิ เทา่ นนั้ แลว้ ไปกนิ มอื้ เชา้ หนกั ๆ เพอ่ื การนอนหลบั ใหเ้ ตม็ อม่ิ จากนนั้ เมอื่ นอนครบ 8 ชวั่ โมงแลว้ ตน่ื มาในชว่ งบา่ ย กใ็ หก้ นิ มอื้ กลางวนั และมอื้ เยน็ ตามปกตกิ อ่ นเขา้ งาน ทสี่ ำ� คญั คอื ควรรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ การออกกำ� ลงั กาย สำ� หรบั คนทที่ ำ� งานกะดกึ ไมค่ วรออก ก�ำลังกายหนักจนเกินไป เพราะจะท�ำให้ร่างกายเหนื่อยล้าในช่วงเวลางาน ส่วนคนที่ท�ำงานกะเช้าและ กะบา่ ย ควรออกกำ� ลงั กายอยา่ งสมำ่� เสมอ การเปลย่ี นกะ ควรเปลย่ี นไปขา้ งหนา้ เสมอ อยา่ เปลยี่ นยอ้ นหลงั หรือกลับไปกลับมา เพราะจะท�ำให้ร่างกายเหนื่อยล้า รู้สึกอดนอนมากข้ึน เช่น เปลี่ยนจากกะเช้าไป เปน็ กะบา่ ย เปลยี่ นจากกะบา่ ยไปเปน็ กะดกึ อยา่ เปลยี่ นจากกะดกึ ไปเปน็ กะบา่ ย เปน็ ตน้ และไมค่ วรเปลยี่ น กะทุกสัปดาห์ เพราะปกติแล้วเมื่อปรับเวลานอนต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ ร่างกายจะเริ่มชินกับเวลานอนน้ัน หากต้องเปล่ียนควรเปล่ียนทุก 2-3 สัปดาห์ หรือไม่ก็ให้เปลี่ยนทุก 2-3 วัน การแบ่งเวลา คนท�ำงาน เปน็ กะมกั มชี ว่ งเวลาชวี ติ ทไี่ มต่ รงกบั ผอู้ นื่ ทำ� ใหไ้ มม่ เี วลาในการพบปะเพอ่ื นฝงู หรอื ไมม่ เี วลาใหค้ รอบครวั ดงั นั้นควรแบ่งเวลาหรือวางแผนในเรือ่ งของเวลาให้ดีทง้ั นเ้ี พือ่ รักษาสขุ ภาพจิตใจของตนเอง ผลกระทบของการท�ำงานเปน็ กะ (Shift Work) การทำ� งานเปน็ กะส่งผลตอ่ สุขภาพทง้ั ในระยะสน้ั และระยะยาว - ระยะสั้น ได้แก่ รู้สกึ ออ่ นเพลีย เหนือ่ ยล้า ง่วงในเวลางาน ส่งผลตอ่ สมรรถภาพการทำ� งาน ทีล่ ดลง และเสย่ี งตอ่ การเกดิ อุบัตเิ หตุจากการทำ� งาน -ระยะยาว มีงานวิจัยเผยว่าคนท่ีท�ำงานเป็นกะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางอย่างมากกว่า คนอ่ืน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง สมรรถภาพของสมองเสื่อมลง มีอาการกล้ามเน้ือตาล้า ปวดเมื่อยกล้ามเนอ้ื มคี วามเครียด อ่อนเพลียเรือ้ รงั นอนไมก่ ลับ โรคอว้ น ทั้งนี้คนท�ำงานเป็นกะควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดีและมีแบบแผน จากวิถีชีวิตที่แตกต่างไป จากนาฬิกาชีวิตของร่างกายท่ีเป็นธรรมชาติ ทั้งในด้านการกิน การนอน รวมถึงการท�ำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรกั ษาสุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ใจของตนเอง 18 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
100 ปี รขะหอวงอ่างงปครก์ ะาเทรแศร(งIงLาOน): บทเรียนทางประวัติศาสตร์และการเมอื งโลก เพอ่ื กา้ วเขา้ สู่ศตวรรษท่ี 2 กฤษฎา ธรี ะโกศลพงศ์ ในวาระทอี่ งคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Organization: ILO) ครบรอบ 100 ปี จัดให้มกี ารเฉลมิ ฉลองในวันที่ 11 เมษายน 2561 โดยมีการถ่ายทอด สดให้ได้รับเข้าชมพร้อมกันท่ัวโลก และมีรัฐสมาชิกจ�ำนวน 24 ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ตลอดเวลา 24 ชว่ั โมง รวมถึงประเทศไทยได้รับเกียรตใิ ห้ถา่ ยทอดสด เวลา 10:00-11:00 น. จงึ เป็นโอกาสท่ีรฐั บาลไทย กระทรวงแรงงาน และผู้แทนไตรภาคเี ข้ามีสว่ นร่วมในกิจกรรมน้ี ท้ังยังมีการลงนามในแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า (Decent Work Country Programme: DWCP) โดยปัจจุบันประเทศใน ASEAN ท่ีได้จัดท�ำ DWCP คือ กัมพูชา (2016-2018) ลาว (2017-2021) เวยี ดนาม (2017-2021) และเมยี นมา (2018-2021) ขณะที่ อนิ โดนเี ซียมี DWCP แตห่ ยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2015 จากข้อเขียนนี้ ผู้เขียนต้ังใจน�ำเสนอให้เห็นประวัติศาสตร์การเมืองของ ILO ตาม ประเดน็ ทห่ี ยบิ ยกขนึ้ เสนอ และตามทา้ ยดว้ ยขอ้ สงั เกตตอ่ อนาคตของ ILO พรอ้ มกบั บทบาท ของตัวแสดงทีเ่ กีย่ วข้องเพ่ือกา้ วสู่ศตวรรษทสี่ อง โดยอาศัยการแสดงทัศนะ ของผู้เขียนท่ีปรากฎอยู่ตลอดข้อเขียน แต่ไม่อาจกล่าวทุกเร่ืองราวได้ ในข้อเขยี นที่กระชับและสน้ั เพยี งไม่ก่หี น้ากระดาษ ขณะเดียวกนั ผเู้ ขียน ไม่จ�ำเป็นต้องกล่าวถึงความเป็นมาของ ILO และองค์ประกอบอื่น เชิงสถาบนั และกฎเกณฑ์อยา่ งละเอยี ด เน่ืองจากผอู้ า่ นสามารถ เข้าถงึ และอา่ นได้โดยท่ัวไป นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 19
บทน�ำ ในปี 2019 ถอื เปน็ ปแี ห่งการครบ 100 ปี ของ ILO โดย ILO แตก่ ไ็ ม่ประสบความสำ� เร็จและถกู ล้มแผนการลงอย่างรวดเร็ว แรกเรมิ่ กอ่ ตง้ั ในปี 1919 โดยสยามไดเ้ ขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ แรกเรมิ่ กอ่ ตงั้ ILO จึงอาศัยช่วงหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 ขับเคลื่อนให้ 1 ใน 29 ประเทศ เพราะได้รับชัยชนะจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดความร่วมมือในทุกภูมิภาคด้วยแผนงานการมีงานท�ำโลก (World และยดึ ตามการลงนามในสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย แตถ่ า้ นบั จากการเขา้ รว่ ม Employment Programme: WEP) จนประสบความสำ� เรจ็ ในปี 1969 เป็นประเทศสมาชิกของ ILO ในปี 1919 ก็ให้สยามถอื เปน็ จำ� นวน 1 โดยถอื เปน็ ผลงานชนิ้ สำ� คญั ที่ David Morse ทง้ิ ไวใ้ ห้ ILO ในปสี ดุ ทา้ ย ใน 44 ประเทศ แตใ่ นชว่ งปี 1919-1945 ประเทศไทยแทบไมม่ บี ทบาท กอ่ นทจ่ี ะถอนตวั ออกจากตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการใหญใ่ นปี 1970 อยา่ งไร ร่วมกับ ILO เนื่องจากไม่มีความพร้อมท้ังในแง่ของระบบการบริหาร ก็ดี โครงการพัฒนาระหว่างประเทศน้ี ไม่ส�ำคัญต่อสามทศวรรษ ขอ้ มูลสถติ แิ รงงานและตอบกลบั ไปถึง ILO ว่าแรงงานสว่ นใหญอ่ ยู่ใน ตอ่ มาเทา่ นน้ั แตแ่ สดงใหเ้ หน็ ILO ประสบความสำ� เรจ็ ตอ่ การบรู ณาการ ภาคเกษตรกรรม ความรว่ มมอื ในระดบั โลกได้อย่างสำ� เรจ็ ชว่ งการบรหิ ารประเทศโดยรฐั บาลจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม การพลิกผันของ ILO ได้เกิดข้ึนหลังสงครามเย็น จนมี ได้ตราพระราชบัญญัติประกันสังคม 1954 กลับไม่มีผลบังคับใช้ ผู้อ�ำนวยการใหญ่ของ ILO คือ Michel Hansenne แถลงในปีท่ี แตห่ ลกั การกไ็ มแ่ ตกตา่ งจากฉบบั ปี 1990 เทา่ ไรนกั และพระราชบญั ญตั ิ ILO ครบรอบ 75 ปี โดยให้ ILO เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ขณะเดียวกัน แรงงาน 1956 ตอ่ มาถกู ยกเลกิ ตามประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 19 ก็สนับสนุนมาตรฐานแรงงานสากล (International Labour เมื่อวันที่ 31 ตลุ าคม 1958 ทงั้ ท่เี ปน็ กฎหมายแรงงานท่ี ILO ให้ความ Standards) เพ่ือรองรับต่อการท�ำสงครามทางการค้าและแข่งขัน ช่วยเหลือทางวิชาการมาต้ังแต่การส�ำรวจสภาวะกรรมกรในปี 1954 ในระบบเศรษฐกิจโลกจนที่ประชุมระดับโลกว่าด้วยการพัฒนาสังคม จนมผี ลตอ่ การจดั ทำ� กฎหมายและเปน็ ตวั แบบของประเทศในภมู ภิ าค ณ โคเปนเฮเกน ในปี 1995 ให้ความส�ำคัญต่อการมีงานท�ำ ต่อมา เอเชียที่มีความก้าวหน้าในเร่ืองการบริหารแรงงาน ขณะเดียวกันก็ จัดหมวดหมู่มาตรฐานแรงงานท�ำให้อนุสัญญาจ�ำนวน 7 ฉบับ สร้างความนิยมในกลุ่มแรงงานจนกลายเป็น “จอมพลของกรรมกร” เปน็ อนสุ ญั ญาพนื้ ฐาน (Fundamental Conventions) หรอื ทเ่ี รยี กวา่ เป็นตวั อย่างท่รี ฐั บาลไทยและ ILO รว่ มมือกนั นอกเหนอื จากโครงการ มาตรฐานแรงงานหลกั (Core Labour Standards) เพอ่ื คมุ้ ครองสทิ ธิ ความชว่ ยเหลอื เฉพาะทางดา้ นกำ� ลงั แรงงานในภาคพน้ื เอเชยี หลงั จาก ของการท�ำงาน โดยเป็นความพยายามของประเทศพัฒนาแล้ว นน้ั ความรว่ มมือก็เริม่ ปรากฏขึน้ ไม่เพยี งเฉพาะในประเทศไทย แต่ใน เพื่อสร้างเงื่อนไขทางการค้า ขณะเดียวกันประเทศก�ำลังพัฒนา ช่วงก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 2 เกิดขึ้นมาแล้วที่อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ก็ต่อต้านการกีดกันทางการค้า จึงเคยมีการกล่าวถึงว่ามาตรฐาน แตด่ ว้ ยขอ้ จำ� กดั ที่ ILO กอ่ ตง้ั ขนึ้ ตามเจตจำ� นงทางการเมอื งของประเทศ แรงงานหลักเกือบจะกลายเป็นเคร่ืองมือขององค์การการค้าโลก มหาอำ� นาจในภมู ภิ าคยโุ รปมากกวา่ จะพจิ ารณาถงึ บรบิ ทของประเทศ (World Trade Organization: WTO) แตก่ ารที่ ILO แถลงปฏิญญา อ่ืนเพราะแม้แต่ระยะแรกสหรัฐอเมริกาก็เลือกไม่เข้าร่วมเพราะ ว่าด้วยหลักปฏบิ ตั พิ นื้ ฐานและสทิ ธิการท�ำงานในปี 1998 น้ันเปน็ การ รูปแบบของรัฐสวัสดิการและปัจจัยอื่นทางสังคมก็มีความแตกต่างกัน ย้�ำจุดยืนว่ามาตรฐานแรงงานเป็นเคร่ืองมือของ ILO ท่ีสร้างความ รวมท้ังเคยมีแนวคดิ ทีจ่ ะให้จัดทำ� อนสุ ัญญาของ ILO ในระดับภมู ภิ าค เปน็ ธรรมใหแ้ ก่แรงงาน 20 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
ตอ่ มาในปี 1999 ILO กไ็ ดเ้ สนอวาระงานทม่ี คี ณุ คา่ (Decent Work Agenda) โดย Juan Somavia แต่ต้องท�ำความเข้าใจว่างาน ทม่ี คี ณุ คา่ ไมไ่ ดห้ มายถงึ การทำ� งานทม่ี คี ณุ คา่ เพราะอนั ทจี่ รงิ ครอบคลมุ ถงึ ภาพขนาดใหญใ่ นสงั คมและประเทศ คือ แรงงานมีหลกั ประกนั พืน้ ฐานทางกฎหมาย ไดร้ บั การสง่ เสรมิ พฒั นา มมี าตรฐานขน้ั ตำ่� ทางสงั คม และมสี ทิ ธริ วมกลมุ่ เพอื่ เรยี กรอ้ งโดยยดึ หลกั การมสี ว่ นรว่ มตามครรลอง ประชาธิปไตย กล่าวได้ว่า แม้งานที่มีคุณค่าเป็นเคร่ืองมือท่ี ILO ใช้สนับสนุนเป็นแนวทางการพัฒนาระหว่างประเทศ แต่ภายใต้ ขอ้ เสนอกไ็ มไ่ ดส้ ถาปตั ยกรรมใหม่ เพยี งแตบ่ รู ณาการภารกจิ นดี้ ำ� เนนิ มา ก่อนหนา้ น้ี ให้อยู่ภายใตอ้ งคาพยพเดยี วกันเท่าน้ัน ขบอทงเทรอีต่ ียงอ้คนงก์ทจาาางรรปแกึ รรไะงววง้ใตัานนิศหรานะสึ่งหตศวรตา่ ก์งวปารรรรเะษมเทอื ศง ILO ไม่ได้ก่อตั้งข้ึนตามเจตจ�ำนงทางการเมืองของแรงงาน ท่ีรับรู้และตระหนักถึงในองค์การภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ไม่มีการ แต่เป็นความเห็นพ้องร่วมกันของผู้แทนอภิสิทธ์ิชน ไม่ว่าจะเป็น จดั เตรยี มแนวทางและดำ� เนนิ การอยา่ งเปน็ รปู ธรรมในหว่ งโซอ่ ปุ ทานโลก นักการเมอื งและผูน้ ำ� สหภาพแรงงาน เพื่อก่อรูปข้ึนเปน็ ความสัมพันธ์ อยา่ งไรกด็ ี ILO มคี วามแตกตา่ งจากองคก์ ารระหวา่ งประเทศ ในรปู แบบของไตรภาคี (Tripartite) ประกอบดว้ ย แรงงาน เจา้ ของทนุ อ่ืนภายในสหประชาชาติ (United Nations: UN) กล่าวคือ ILO และรฐั บาล แตก่ ลบั ตงั้ อยบู่ นความสมั พนั ธเ์ ชงิ อำ� นาจ เนอ่ื งจากอำ� นาจ เปดิ โอกาสใหม้ สี ว่ นรว่ มจากตวั แสดงอนื่ นอกเหนอื จากรฐั บาล หรอื ที่ การต่อรองที่ไม่เท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันก็ลดทอนต่อข้อเรียกร้อง เรียกว่า ตัวแสดงที่มิใช่รัฐ (Non-State Actors) เพ่ือให้มีผู้แทนฝ่าย และผลประโยชน์ท่ีแรงงานควรได้รับจากการกระจายแบ่งสรรมูลค่า เจ้าของทุนและแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในท่ีประชุมใหญ่แรงงาน ส่วนเกินอย่างเป็นธรรม แม้อาณัติ (Mandate) ของ ILO ก�ำหนด ระหวา่ งประเทศ (International Labour Conference: ILC) แตจ่ ำ� นวน เป้าหมายไว้ให้บรรลุความยุติธรรมทางสังคมและสันติภาพสากล ผู้เข้าร่วมท่ีกำ� หนดใหแ้ ตล่ ะประเทศนัน้ คือ ผแู้ ทนฝ่ายรฐั บาล 2 ทน่ี ัง่ ค่อนข้างถือเป็นอุดมคติ ทั้งท่ีควรต้ังข้อสังเกตต่อไปถึงงานท่ีมีคุณค่า ฝ่ายเจ้าของทุน 1 ทีน่ ั่ง และฝ่ายแรงงาน 1 ท่ีน่ัง (2:1:1) แตป่ ระเดน็ (Decent Work) จะสามารถบรรลเุ ปา้ หมายนไี้ ดอ้ ยา่ งไร เพราะดำ� เนนิ มา น้เี คยถกเถียงมาแลว้ ตัง้ แตแ่ รกเรมิ่ กอ่ ตั้ง ILO ดงั ท่ี Edward Phelan ตั้งแต่ปี 1999-2019 รวมแล้วก็ 20 ปี แต่งานท่ีมีคุณค่ากลับไม่เป็น เคยเสนอว่าควรกำ� หนดให้เป็นฝา่ ยละ 1 ท่นี ั่ง แต่ Albert Thomas นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 21
และ Harold Butler กลบั ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั ขอ้ เสนอน้ี เพราะแบง่ จากตวั Perkins รบั ขอ้ เสนอจาก Butler สนบั สนนุ ให้ Franklin D. Roosevelt แสดงทเ่ี ปน็ รฐั 2 ทน่ี ง่ั และมใิ ชร่ ฐั 2 ทนี่ ง่ั แตอ่ นั ทจ่ี รงิ แลว้ ผลประโยชน์ นำ� พา US เขา้ รว่ มเปน็ รฐั สมาชกิ ของ ILO ในปี 1934 เพอื่ ใหม้ าตรฐาน ระหว่างเจ้าของทนุ และแรงงานนนั้ จัดอยูใ่ นลักษณะค่ตู รงขา้ มกัน แรงงานสากลมาเป็นหลักการท่ีใช้พัฒนาระบบความม่ันคงทางสังคม ในกรณีของการแต่งต้ังผู้แทนตามระบบไตรภาคีเข้าร่วม ใน US ประชุมใหญ่แรงงานระหว่างประเทศ จัดให้มีการประชุมประจ�ำปี เหตุการณ์ต่อมา คือ ท�ำให้แผนการสืบทอดต�ำแหน่งท่ีคาด อย่างน้อยละปีละ 1 สมัย เว้นแต่บางปีอาจมีมากกว่า 1 สมัย วา่ จะเป็น Phelan กลับลม้ เหลวลง เพราะ US สนับสนุนให้ John G. กลับพบว่าในประวัติศาสตร์ค่อนข้างมีปัญหาท่ีว่าการก�ำหนดผู้แทน Winant แตไ่ ดด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ในระยะเวลาไมย่ าวนกั เพราะชว่ งเวลานน้ั และคัดเลือกล้วนเป็นอ�ำนาจหน้าท่ีของรัฐบาล เช่น Adolf Hitler ILO ต้องประสบความขดั แยง้ ในการเมอื งโลกเชน่ เดยี วกับประเทศอน่ื เคยส่งให้ Robert Lay เป็นผู้แทนฝ่ายนายจ้างของรัฐบาลนาซี ในภูมิภาคยุโรป จึงตัดสินใจอพยพย้ายส�ำนักงานมาประจ�ำช่ัวคราว เพ่ือเข้าร่วมที่ประชุมใหญ่แรงงานระหว่างประเทศในปี 1933 ท้ังที่ ท่ี Montreal ในแคนาดา และทกี่ ลา่ ววา่ US เปน็ ผบู้ งการสนบั สนนุ ILO Lay เป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และมีแสดงออกในเชิงปฏิปักษ์ต่อระบอบ เพอื่ ตอ่ ตา้ นลทั ธฟิ าสซสิ ตแ์ ละนาซอี ยกู่ ค็ อื Roosevelt ไมว่ า่ จะเปน็ การ ประชาธิปไตย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนระบอบอ�ำนาจนิยมนาซี ให้ใช้ท�ำเนียบขาวเป็นที่ประชุมสมัยพิเศษในปี 1941 จนต่อมากลับ มากกว่าเชื่อมั่นการส่งเสริมอุตสาหกรรมประชาธิปไตย (Industrial กลายเป็น Phelan ได้ด�ำรงต�ำแหน่งรักษาการหลังจากท่ี Winant Democracy) จนทา้ ยทส่ี ดุ บน้ั ปลายชวี ติ ไมส่ วยงามนกั เพราะตอ้ งกลาย ลาออก สง่ ผลให้ Phelan ไมแ่ ตกตา่ งจากผปู้ ดิ ทองหลงั พระ นอกจากน้ี เป็นอาชญากรสงคราม แต่ปัญหาเช่นนี้ก็พบทั่วไปในกลุ่มประเทศ การลาออกของ Butler เพือ่ ให้ Winant ดำ� รงต�ำแหนง่ ในกอ่ นหน้านี้ ทไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นโลกตะวนั ตก และตอ่ สกู้ นั มายาวนานจนในทศวรรษ 1960 กย็ งั คลมุ เครอื และไมท่ ราบวา่ สาเหตทุ แี่ ทจ้ รงิ ของเขาคอื อะไร ไมว่ า่ จะ กย็ งั เผชญิ ปญั หานใ้ี นประเทศทเ่ี พง่ิ ไดร้ บั การปลดปลอ่ ยจากอาณานคิ ม เปน็ เหตผุ ลทางครอบครวั ไปทำ� งานสถานทแี่ หง่ ใหม่ ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั มติ เพราะไม่เคยมวี ัฒนธรรมการมสี ว่ นรว่ มและประชาธปิ ไตยมาก่อน การประชุมของคณะประศาสนก์ าร ทะเลาะอย่างรุนแรงกับ Phelan ขณะท่ีประเทศไทยในระยะแรกท่ีเข้าร่วม ILC ก็เผชิญ หรือมีสาเหตุอื่นท่ีไม่อาจเปิดเผยและบันทึกไว้ในเอกสารกระแสหลัก ปัญหาน้ีเช่นเดียวกัน และส่วนใหญ่แล้วพบว่าผู้แทนท่ีได้เข้าร่วมองค์ ของ ILO ได้ ประชุมสามฝ่ายไตรภาคีก็คือในปี 1951 ประกอบด้วย ผู้แทนฝ่านรัฐ ขณะท่ีการเมืองโลกในช่วงสงครามเย็น ก่อให้เกิดปัญหา บาลคือ ปกรณ์ อังศุสิงห์ และ หลวง มาลากุล ผู้แทนฝ่ายเจ้าของ หลายด้าน ด้านแรกคือ ILO ต้องตกอยู่ภายใต้การแทรกแซงทางการ ทุนคือ พระยามไหสวรรย์ และผู้แทนฝ่ายแรงงานคือ สังข์ พัธโนทัย เมอื งจาก US โดยเฉพาะบทบาทของ George Meany ประธานบรหิ าร แต่ก็มีความคลุมเครือเช่นเดียวกันว่าคัดเลือกโดยใช้หลักเกณฑ์ใด ของสหพันธ์แรงงานและสภาแรงงานอุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา และมีกระบวนการอย่างไร เพราะเท่าท่ีส�ำรวจและอ่านเอกสารจาก (AFL-CIO) กดดันและสร้างเง่ือนไขต่อ ILO โดยใชอ้ นุสัญญา ตวั แสดง หอจดหมายเหตุแห่งชาติ พบว่าอาศัยมติจากกรมประชาสงเคราะห์ ตามระบบไตรภาคี ต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการใหญ่ และการบริจาคเงิน ในกระทรวงมหาดไทย หรอื ไมก่ ค็ ำ� ชแ้ี นะจากกระทรวงการตา่ งประเทศ ทุน แม้ David Morse พยายามรอมชอมและวางตัวเป็นกลางแล้ว เพราะในเวลานั้น ยังไม่มีการก่อตั้งกระทรวงแรงงานในประเทศไทย โดยชักชวนสหภาพโซเวียต กลับเข้ามาร่วมเป็นประเทศสมาชิกในปี แตก่ ม็ แี นวคดิ เชน่ นม้ี าตง้ั แตท่ ี่ ILO มาสำ� รวจสภาวะกรรมกรในปี 1954 1954 ภายหลงั ที่ Joseph Stalin เสยี ชีวิตลง แต่สถานการณ์ทางการ แตร่ ฐั บาลสมยั จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม เหน็ วา่ ยงั ไมถ่ งึ คราวทเ่ี หมาะสม เมอื งกลบั ไมส่ ดู้ ี เนอื่ งจาก Meany ไมพ่ อใจตอ่ กรณีนี้ ยง่ิ กวา่ นม้ี หี ลาย ให้เผยแพร่รายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชน ทั้งที่ข้อเสนอแนะจาก เหตุการณ์ท่ีเป็นชนวนของการแตกหักระหว่าง US และ ILO เช่น Ludwig Hamburger กเ็ ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทรี่ ฐั บาลกลับปกปดิ และปดิ หู การโนม้ เอยี งสนบั สนนุ ประเทศโลกทสี่ ามเขา้ รว่ มสมาชกิ การเชญิ ชวน ปิดตากรรมกรของจอมพลเสียเอง Pavel Astapenko พลเมอื งโซเวยี ตมาดำ� รงตำ� แหนง่ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำ� นวยการ ตอ่ มาทตี่ ำ� แหนง่ ของผอู้ ำ� นวยการใหญใ่ นปจั จบุ นั มคี วามเปน็ ใหญใ่ นสมยั ท่บี รหิ ารโดย Wilfred Jenks เป็นต้น ธรรมในกระบวนการคดั เลอื ก และใชก้ ารออกเสยี งโดยเหน็ วธิ กี ารเชน่ จนทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ Henry Kissinger กส็ ง่ จดหมายมาถงึ Francis น้ีมาอย่างรูปธรรมตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอาศัยการออก Blanchard เพื่อแสดงเจตจ�ำนงของ US เพื่อถอนตัวจาก ILO เสยี งในคณะประศาสน์การ (Governing Body) แต่ในประวัตศิ าสตร์ ในปี 1975 มีผลในปี 1977 แต่ก็กลับมาเข้าร่วมอีกครั้งในปี 1980 การเมืองของ ILO คอ่ นขา้ งมีความคลมุ เครือ เพราะในเหตกุ ารณ์แรก เม่อื บรรยากาศทางการเมอื งเอ้ืออำ� นวยมากขน้ึ คอื หลงั จากท่ี Meany คอื ตามธรรมชาตขิ อง ILO ใชแ้ ผนการสบื ทอดตำ� แหนง่ (Succession เสียชีวิตลง แต่สาเหตุของการถอนตัวก็เป็นข้อสังเกตว่าเป็นการ Plan) จาก Albert Thomas มาสู่ Harold Butler และคาดว่า กลบเกลอื่ นสถานะทางการเงนิ ของ US หรอื ไม่ เพราะใชใ้ นกจิ การทาง ผู้อ�ำนวยการใหญ่คนท่ี 3 จะเป็น Edward Phelan แต่สถานการณ์ การทหาร โดยเฉพาะสงครามเวียดนาม แต่กลับใช้เหตุผลอ่ืนสร้าง กลับไม่เอื้อให้เป็นเช่นน้ี เพราะหลังจากท่ี US เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ เงอื่ นไข เชน่ ความออ่ นแอของระบบไตรภาคี การไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรฐาน โลกตกตำ่� (Great Depression) ในทศวรรษ 1930 สง่ ผลให้ Frances แรงงานโดยกลมุ่ ประเทศที่ไมป่ กครองระบอบประชาธปิ ไตย เป็นต้น 22 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
นอกจากนม้ี บี คุ คลหนง่ึ ทสี่ ำ� คญั คอื Robert W. Cox สว่ นใหญ่ ท่ีรวมผลงานบทความของ Cox และจัดพิมพ์ในปี 1996 แต่สาเหตุที่ นักศึกษาและนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตอ้ งปกปดิ ชอ่ื เพราะอาจมผี ลกระทบตอ่ การทำ� งานและตำ� แหนง่ หนา้ ท่ี รู้จักเป็นอย่างดีในฐานะผู้บุกเบิกแนวทางการศึกษานีโอกรัมเชี่ยน นอกจากนเ้ี มอ่ื ลาออกมาแลว้ กจ็ ดั ทำ� หนงั สอื รวมบทความทว่ี พิ ากษถ์ งึ (neo-Gramscian Approach) แต่ Cox เคยทำ� งานที่ ILO ระหว่างปี ILO โดยท�ำงานร่วมกบั Harold Jacobson ต่อมาไดพ้ ัฒนางานวิจัย 1948-1972 และด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการสถาบันระหว่างประเทศ ของ IILS ท่เี คยศกึ ษารว่ มกับ Jeffrey Harrod เก่ียวกบั อุตสาหกรรม เพื่อการศึกษาแรงงาน (International Institute for Labour Stud- สัมพันธ์ แต่เม่ือผ่านไป 25 ปี ก็กลับมาพัฒนาจนกลายเป็นหนังสือ ies: IILS) ระหว่างปี 1965-1972 ถา้ อา่ นหนงั สืออตั ชีวประวัติทเ่ี ขยี น ส�ำคัญของ Cox และ Harrod น่าเสียดายว่าท่ี Cox หยุดหายใจไป ไว้ จะเห็นได้ว่า Cox เคยมีแนวโน้มที่ได้รับโอกาสให้เป็นผู้สมัครร่วม แลว้ เม่ือเดือนตุลาคม 2018 คดั เลอื กในต�ำแหน่งผอู้ �ำนวยการใหญ่ ขณะเดยี วกนั Morse ให้ดทู ที า่ ภายหลังท่ีสงครามเย็นยุติลง ILO ก็เผชิญต่อการแข่งขัน และไมต่ อ้ งเรง่ รบี ทา้ ยทส่ี ดุ กลบั กลายเปน็ การแขง่ ขนั ของผสู้ มคั รเพยี ง ทางการค้าในเศรษฐกิจโลก แต่ก่อนหน้าน้ีก็ถูกหยิบข้ึนมาใช้กีดกัน 2 คน ระหวา่ ง Jenks และ Blanchard ในที่สุดชยั ชนะครงั้ น้ี ตกเปน็ และสรา้ งเงือ่ นไขมาโดยตลอด ยกตวั อยา่ งของมาตรฐานแรงงาน เชน่ ของ Jenks ภายหลงั จากปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ดไ้ มน่ านกเ็ สยี ชวี ติ จากหวั ใจลม้ (1) ในชว่ งทศวรรษ 1930 ILO ขยายความรว่ มมอื มาท่ภี มู ิภาคเอเชีย เหลว จนต่อมา Blanchard ก็ได้รับด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการใหญ่ และเหน็ วา่ อนิ เดยี ควรยกเลกิ การใชแ้ รงงานบงั คบั โดยอา้ งถงึ อนสุ ญั ญา ต่อมาจากนั้น ขณะที่ Cox ก็เลือกลาออกจาก ILO มาเป็นอาจารย์ ฉบับท่ี 29 ว่าดว้ ยแรงงานบังคบั แต่ความเปน็ จริงแลว้ การใชแ้ รงงาน ในมหาวทิ ยาลยั เพราะ Jenks ไมส่ นบั สนนุ ภารกจิ ของ IILS และเหตผุ ล บังคับอย่างหนักหน่วงเกิดข้ึนจากอุตสาหกรรมที่อังกฤษเข้ามาลงทุน ส่วนตวั อน่ื ที่ไมอ่ าจทำ� งานร่วมกบั Jenks ได้ (2) ในช่วงทศวรรษ 1950-1960 US ก็สร้างเง่ือนไขโดยใช้อนุสัญญา ถึงอย่างไร Cox กลับเป็นคนในที่วิพากษ์ต่อ ILO ภายหลัง ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 มากดดันประเทศเกิดใหม่จากการ ในฐานะคนนอก แมแ้ ตน่ กั วิชาการท่ที ำ� งานใหแ้ ก่ ILO ก็เคยกล่าวอ้าง ปลดปลอ่ ยอาณานคิ ม และประเทศทป่ี กครองโดยระบอบคอมมวิ นสิ ต์ ถงึ บทความ Labor and Hegemony ท่ี Cox พยายามพัฒนาทฤษฎี ท้ังท่ีการรวมกลุ่มและเจรจาต่อรองของแรงงานเป็นสิทธิพ้ืนฐาน เชิงวิพากษ์ทาง IR เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง US และ ILO ที่ทุกคนต่างต้องได้รับเช่นเดียวการเป็นพลเมืองหนึ่งคน แต่ล่าช้าไป ครนั้ กอ่ นท่ี Cox ลาออกจาก ILO กเ็ ขยี นบทความไวช้ นิ้ หนงึ่ ลงเผยแพร่ สท่ี ศวรรษกวา่ จะจดั ทำ� อนสุ ญั ญาสองฉบบั นี้ (3) ในชว่ งทศวรรษ 1960 ในนติ ยสาร Foreign Affairs แตป่ กปดิ ชอื่ โดยใชว้ า่ N. M. สง่ ผลใหเ้ กดิ ประเทศในโลกคอมมวิ นสิ ตแ์ ละกำ� ลงั พฒั นากใ็ ชอ้ นสุ ญั ญาฉบบั ท่ี 111 ความสงสยั ใน ILO วา่ ใครทเ่ี ขยี นเรอื่ งราวเชน่ น้ี เพราะทราบดวี า่ ผเู้ ขยี น สรา้ งเงอื่ นไขโดยสาธารณรฐั แอฟรกิ า แตก่ ารแบง่ แยก กดี กนั และเลอื ก ไดเ้ ช่นนีต้ ้องรจู้ ัก ILO เปน็ อยา่ งดี แตก่ ารเปดิ เผยว่า N. M. คือใครนนั้ ปฏบิ ตั กิ ลายเปน็ ประเดน็ สำ� คญั โดยเฉพาะเชอื้ ชาตแิ ละสผี วิ ทา้ ยทส่ี ดุ กเ็ ห็นไดอ้ ยา่ งประจักษ์ชัดในหนังสือ Approaches to World Order ประเทศในภูมภิ าคยุโรปก็มีปัญหาเชน่ นีอ้ ยู่ นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 23
สู่คขวอางมอทกง้า้าคทว์กตาายอ่ รตไแปอ่รสกงู่ศงาาตรนบวรรระริหหษาวรท่าแี่สงรปองรงงะาเทนศไทย จากประเด็นท่ีอภิปรายเป็นรายกรณี จะเห็นได้ว่าตลอดปี เพอื่ มอี สิ ระทำ� งานในดจิ ทิ ลั แพลตฟอรม์ แตข่ าดความมน่ั คงทางรายได้ 1919-1991 ILO กลับตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองโลก แบกรบั ความเสยี่ งทางสขุ ภาพและการท�ำงาน เป็นตน้ และเป็นหนึ่งในตัวแสดงท่ีไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจัดสรรปันส่วนบน ต่อมาการศึกษาแรงงานนอกระบบได้รับความส�ำคัญ ผลประโยชนท์ างการเมอื งนไี้ ป ทสี่ ำ� คญั ยง่ิ ยวดกวา่ น้ี ความสมั พนั ธแ์ บบ จาก ILO เปน็ ครง้ั แรกในปี 1972 โดยมกี รณศี กึ ษาในเคนยา แตแ่ ทจ้ รงิ ไตรภาคีแม้จะเป็นกลไกการจัดการความขัดแย้งได้ดีในรูปแบบหนึ่ง แล้วธรรมชาติของงานเช่นน้ีมีมาตลอดระยะเวลาทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ดีที่สุดในระบบอุตสาหกรรมสัมพันธ์ (Industrial Relations) และถือเป็นงานเก่าแก่ที่ยืนนานที่สุด แต่กลับได้รับความส�ำคัญน้อย เพราะยงั มรี ปู แบบการทำ� งานอน่ื ทถ่ี กู เพกิ เฉยตอ่ การแกไ้ ขปญั หาอยา่ ง กว่างานในโรงงานระบบอุตสาหกรรม จึงไม่ใช่ความแปลกประหลาด จริงจัง โดยไม่เพียงแต่ผลักดันให้ยั่งยืนตามเป้าหมายของการพัฒนา เพราะการก่อตัง้ ILO กม็ ปี มปัญหามาจากการขดู รดี เอารัดเอาเปรียบ ที่ย่งั ยนื (SDGs) เท่าน้ัน ทง้ั การกำ� หนดชว่ั โมงการทำ� งาน วนั หยดุ ประจำ� สปั ดาห์ ความปลอดภยั เพราะในเวลานี้การบริหารแรงงานไทย พบว่าตั้งแต่หลัง ในการทำ� งาน และการจา่ ยคา่ จา้ งทเี่ ปน็ ธรรม สง่ ผลใหแ้ รงงานสว่ นนไี้ ด้ ทศวรรษ 1990 ก็ไมเ่ ห็นถงึ ความก้าวหนา้ และจดั ภารกิจหลกั ใหเ้ นน้ รับความสำ� คัญมากกวา่ โดยเฉพาะโรงงานเปน็ พืน้ ทแี่ หง่ การรวมกลุม่ มาครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบ (Informal Workers) ทั้งที่เป็น ชนั้ ดี และไมเ่ พยี งแตส่ รา้ งความหวาดกลวั ตอ่ เจา้ ของทนุ แตผ่ ปู้ กครอง ภาคสว่ นทม่ี กี ำ� ลงั แรงงานอยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก มขี นาดใหญก่ วา่ ในสถาน รฐั กเ็ ชน่ กนั เนอื่ งจากชว่ งเวลานนั้ อทิ ธพิ ลทางความคดิ ของ Marxism ประกอบการ และเปน็ กลมุ่ คนทอ่ี อ่ นแอ เพราะไมส่ ามารถรวมกลมุ่ จดั เรมิ่ แผข่ ยายออกท่วั ภาคพ้นื ยุโรป ตั้งเป็นสมาคมเพื่อเจรจาเรียกร้องต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่อุปทาน แต่ ILO ก็มีความพยายามอย่างย่ิงในการจัดท�ำมาตรฐาน จงึ ไมเ่ พยี งเนน้ เฉพาะกลมุ่ คนอยา่ งแรงงานประมง แรงงานรบั งานไปทำ� แรงงานสากลให้ครอบคลุมงานท่ีไม่มีมาตรฐาน (Non-Standard ท่ีบ้าน แรงงานรับใช้ในบ้าน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่รัฐบาลไทย Employment) เช่น อนุสัญญาฉบับที่ 175 ว่าด้วยงานบางเวลา และกระทรวงแรงงานควรเนน้ ท่ปี รากฎการณร์ ว่ มสมัยว่าเกดิ อะไรขึ้น และอนสุ ญั ญาฉบบั ท่ี 177 วา่ ดว้ ยการรบั งานไปทำ� ทบี่ า้ น นอกจากนยี้ งั มี ในเศรษฐกิจการเมืองโลกเพื่อหาแนวทางจัดการความเสี่ยงและ อนุสัญญาที่ตระหนักถึงสิทธิสตรี คือ อนุสัญญาฉบับที่ 189 ว่าด้วย ภยนั ตรายทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ แรงงานและสงั คม เชน่ จะรบั มอื อยา่ งไรตอ่ กลมุ่ คน งานรับใช้ในบ้าน และยังมีอนุสัญญาฉบับท่ี 188 ว่าด้วยการท�ำงาน Generation Y และ Z ในอนาคตทีจ่ ะหลดุ ออกจากระบบการท�ำงาน ในภาคประมง แต่มีความเส่ียงและอย่างในไทยมีการจ้างงานแรงงาน ทเี่ ปน็ ทางการเพอ่ื เปลย่ี นมาสกู่ ารจา้ งงานตนเอง (Self-Employment) ต่างสัญชาติเพ่ือใช้ในกิจการค่อนข้างมาก ซึ่งตอกย้�ำให้เห็น ILO 24 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน
มองภาพการท�ำงานตั้งอยู่บนห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply ของแรงงานนอกระบบและแรงงานทไ่ี มม่ มี าตรฐาน หรอื กลา่ วถงึ แรงงาน Chains) ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยและกระทรวงแรงงาน พร้อมหรือ กลมุ่ เสย่ี งไมเ่ พยี งเฉพาะแรงงานตา่ งสญั ชาติ แตร่ วมถงึ แรงงานผสู้ งู อายุ อยา่ งไรทจี่ ะเปลยี่ นแปลงกลไกเชงิ สถาบนั โครงสรา้ ง ระเบยี บกฎเกณฑ์ เยาวชน และสตรี โดยในรา่ ง DWCP ของไทย ไดร้ ะบเุ ปน็ กลมุ่ แรงงาน บทบาท และภารกจิ ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระแสการพฒั นาระหวา่ งประเทศ เปราะบาง แต่ตอ้ งตระหนักถึงแนวโนม้ ในอนาคตอยา่ งแรงงานดจิ ิทัล ทั้งอุตสาหกรรม 4.0 SDG ข้อท่ี 8 และวาระคนเป็นศูนย์กลาง มิเช่นนั้นถ้าก�ำหนดให้ DWCP ครอบคลุมสามมิติ คือ การมีงานท�ำ เพื่ออนาคตในโลกของการท�ำงาน การคมุ้ ครองทางสงั คม และเวทเี สวนาทางสงั คม ยอ่ มไมม่ ปี ระโยชนอ์ นั ใด บ่อยครั้งที่ ILO กล่าวถึง “งานท่ีมีคุณค่า” แต่ทางปฏิบัติ ในระยะยาว แต่มีประเด็นที่ไม่เห็นด้วย เช่น การแปลค�ำว่า ‘Social เมื่อถามเจ้าของทุนในภาคธุรกิจและกิจการขนาดย่อมก็น้อยนักท่ีจะ Dialogue’ เปน็ ‘การเจรจาทางสังคม’ ท้งั ทคี่ �ำน้ีควรใช้ Collective มีคนรู้จัก แม้แต่นักศึกษาด้านสังคมศาสตร์ท่ีผู้เขียนได้บรรยายสอน Bargaining มากกว่าหรือไม่ เพราะ Dialogue เน้นเปิดพ้ืนท่ีให้เกิด หนังสือ ก็ไม่รู้จักมาก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนด้านการบริหารแรงงาน การเสวนาแลกเปล่ยี นมากกว่าเนน้ ยำ้� ไปทก่ี ารตอ่ รอง และสวัสดกิ าร ดังนน้ั ไมต่ อ้ งถามถงึ เป้าหมายขอ้ 8 ว่าดว้ ยความเจริญ การมีส่วนร่วมต้องได้รองรับทางสิทธิก่อน ไม่เพียงแต่กล่าว เติบโตทางเศรษฐกิจและงานที่มีคุณค่าใน SDGs เพราะห่างไกลเกิน อ้างถึงการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือ กล่าวคือ บทบาทของ ILO กว่าท่ีแนวทางการพฒั นาระหว่างประเทศจะรับร้ใู นสาธารณชนสังคม แรกเร่ิมมีผู้แทนจากสามฝ่ายตามไตรภาคี แต่ปัจจุบันกลับส่งเสริม ไทย หลังจากน้ีผู้เขียนจึงปฏิเสธต่อการส่งเสริมความร่วมมือแบบหุ้น ใหต้ วั แสดงภาคประชาสงั คมอน่ื นอกเหนอื จากสหภาพแรงงานเขา้ มามี ส่วน (Social Partnership) ซ่ึงไม่อาจเกิดขึ้นได้แท้จริง เนื่องจาก สว่ นรว่ ม จนทำ� ใหเ้ กดิ การตคี วามเลอ่ื นไหลออกไปวา่ ไมม่ คี วามจำ� เปน็ ผลประโยชนข์ องแรงงานตรงขา้ มกบั เจา้ ของทนุ โดยฝา่ ยหนง่ึ ตอ้ งการ ต้องมีสหภาพแรงงาน แต่ให้องค์การภาคประชาสังคมอ่ืนที่ท�ำหน้าท่ี คา่ จ้าง อกี ฝา่ ยตอ้ งการก�ำไร ขณะเดียวกนั แรงงานในฐานะคนท�ำงาน ดแู ลและคมุ้ ครองแรงงานกลมุ่ เปราะบาง แทนทบ่ี ทบาทของกลมุ่ แรงงาน ก็ยังไม่รอู้ ย่างแจม่ แจง้ วา่ “งานท่ีมคี ณุ ค่าคอื อะไร” ท่ีรวมตัวกันเพื่อสร้างอ�ำนาจการต่อรองกับรัฐและเจ้าของทุน จึงต้อง แม้ว่า ILO พยายามมาอย่างย่งิ ยวดให้เกิดความร่วมมือแบบ แยกให้ออกถึงกรณีที่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่สนับสนุนให้มีการก่อต้ัง พหภุ าคี และให้ ILO กลายเปน็ ตัวแสดงสำ� คัญตอ่ การอภบิ าลแรงงาน ในรปู แบบของคณะกรรมการแรงงานหรอื รว่ มมอื กบั ภาคประชาสงั คมอนื่ และสังคมโลก ซึ่งปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่ท่ี Michel Hansenne แตย่ งั ไมใ่ ชเ่ จตจำ� นงที่ ILO เคยแถลงไวป้ ฏญิ ญาฟลิ าเดลเฟยี ในปี 1944 สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การจดั หมวดหมมู่ าตรฐานแรงงานหลกั จนตอ่ มาหลกั ดว้ ยเหตนุ ก้ี ารใหส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั ท่ี 87 และฉบบั ที่ 98 การกไ็ ดบ้ รรจใุ นวตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธข์ อ้ ที่ 1 ของงานทม่ี คี ณุ คา่ ทน่ี ำ� จึงมีความส�ำคัญท่ีรัฐบาลไทยและกระทรวงแรงงานควรน�ำมาเปิดเวที เสนอขนึ้ โดย Juan Somavia เพอ่ื ผลกั ดนั ใหม้ กี ารนำ� ไปปฏบิ ตั ใิ นระดบั เสวนารับฟงั ความคิดเห็นใหก้ ว้างมากข้นึ โดยขยายออกให้ถึงแรงงาน ระหวา่ งประเทศ คอื แผนงานระดบั ชาตวิ า่ ดว้ ยงานทม่ี คี ณุ คา่ (Decent นอกระบบ จึงไม่ควรเน้นเฉพาะผู้แทนแรงงานจากการเชิญเท่านั้น Work Country Programme: DWCP) แต่กลับพบว่ามีจ�ำนวนรัฐ บางครง้ั ไมท่ ราบแนช่ ดั วา่ ผแู้ ทนเปน็ อภสิ ทิ ธช์ิ นในคราบกรรมกรหรอื ไม่ สมาชิกเพียงนอ้ ยนิดทจี่ ัดท�ำเพือ่ นำ� ไปปฏบิ ัตใิ นระดับประเทศ แมแ้ ตผ่ เู้ ขยี นกต็ อ้ งการแสดงทศั นะเชงิ นโยบายตอ่ อนสุ ญั ญาสองฉบบั น้ี ขณะทปี่ ระเทศไทยมคี วามรเิ รม่ิ ทจ่ี ะจดั ทำ� DWCP มาแลว้ เมอื่ ทศวรรษ เช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ควรขยายหลักการ Collaborative กอ่ น แตก่ ลบั ไมป่ ระสบความสำ� เรจ็ จนกระทงั่ ในปนี ้ี วนั ที่ 11 เมษายน Governance มาใชใ้ นกระบวนการของการมสี ว่ นรว่ มของผแู้ ทนไตรภาคี ผแู้ ท นจากไตรภาคจี ะรว่ มลงนามและแถลง DWCP แตน่ อ้ ยคนนกั และภาคประชาสังคมอ่ืน อย่างไรก็ดีช่วงการหาเสียงก่อนเลือกตั้ง ที่จะทราบว่าแผนงานฉบับน้ีมีความส�ำคัญอย่างไรต่อแรงงานในฐานะ มสี ง่ิ หนงึ่ ทน่ี า่ ชนื่ ชมคอื พรรคอนาคตใหมน่ ำ� เสนอเรอ่ื งการใหส้ ตั ยาบนั คนทำ� งาน และเมอ่ื ลงนามไปแลว้ จะมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรตอ่ คนทำ� งาน อนสุ ญั ญาสองฉบบั นี้ โดยบรรจเุ ปน็ นโยบายแรงงานของพรรคการเมอื ง สำ� หรบั ผเู้ ขยี นคาดหวงั แผนงานฉบบั นจ้ี ะรองรบั สทิ ธพิ นื้ ฐานการทำ� งาน จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีของบทบาทพรรคการเมืองท่ีตระหนักถึงสิทธิ ครอบคลุมถึงการรวมกลุ่มเป็นสมาคมและมีอ�ำนาจเจรจาต่อรอง แรงงาน แต่อาจประสบข้อจ�ำกัด เพราะอนุสัญญาสองฉบับนี้ ก่อให้ นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน 25
เกิดผลกระทบกับหลายตัวแสดง แมแ้ ตใ่ นร่าง DWCP ของไทยก็ระบุ ไม่อาจกา้ วขา้ มไปกวา่ การถกเถียงถึงการประกันสังคม และช่วยเหลือ ว่าต้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ กระบวนการ และความท้าทาย ตามกลุ่มคนเปราะบาง แทนท่ีกล่าวถึงความจ�ำเป็นของการให้รายได้ รวมถงึ บทเรยี นจากต่างประเทศ พน้ื ฐานถว้ นหน้า (Universal Basic Income) เปน็ ตน้ ในเมื่อ ILO จะก้าวเขา้ สศู่ ตวรรษที่สอง กต็ ้องพจิ ารณากลบั ในกระแสปัจจุบัน ถ้าไม่กล่าวถึงปัญหาของการย้ายถ่ิน มาท่ีข้อเสนอท่ีเกิดขึ้นจากคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยอนาคตของ และแรงงานตา่ งสญั ชาตกิ เ็ หมอื นขาดอะไรไปหนง่ึ อยา่ ง กลา่ วคอื ตงั้ แต่ งาน (Global Commission on the Future of Work) ท่ีด�ำเนิน ทศวรรษแรกหลงั จากการกอ่ ตงั้ ทปี่ ระเทศในภมู ภิ าคยโุ รปมคี วามกงั วล การประชุมระหว่างปี 2017-2018 ท้ายสุดเพื่อให้ได้รายงานเร่ือง และยกให้เป็นหน่ึงในปัญหาส�ำคัญที่ต้องจัดการ เพราะได้รับผลกระ “Work for a Brighter Future” โดยเสนอวาระคนเป็นศูนย์กลาง ทบจากสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 และหลังจากสงครามโลกครง้ั ที่ 2 ยุตลิ ง (Human-Centred Agenda) ขึ้นมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ก็เกิดการแบ่งภารกิจใหม่ โดยประเทศในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ของงานในอนาคต ซึ่งมีผลกระทบต่อแรงงานโดยภาพรวมท่ัวโลก ให้ก่อต้ังองค์การในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกันก็มีการก่อตั้งองค์การ สะท้อนให้เห็น ILO ตระหนักถึงการเปลี่ยนรูปของอุตสาหกรรม ในระดับโลกท่ีรับผิดชอบปัญหาการย้ายถิ่นและอพยพล้ีภัยเป็น สง่ ผลใหท้ กั ษะการทำ� งานและการปรบั ตวั คอ่ นขา้ งเปน็ ประเดน็ สำ� คญั การเฉพาะ คือ องค์การระหว่างประเทศเพ่ือการโยกย้ายถิ่น (IOM) ในลำ� ดบั แรก และการคมุ้ ครองทางสงั คมกม็ คี วามจำ� เปน็ ฉะนนั้ ผเู้ ขยี น และขา้ หลวงใหญผ่ ลู้ ภี้ ยั แหง่ สหประชาชาติ (UNHCR) เพอื่ แบง่ ภารกจิ ถอื ใหก้ ารสง่ เสรมิ พฒั นาทกั ษะเพอื่ สรา้ งงานอาชพี เปน็ มาตรการเชงิ รกุ ออกจาก ILO เพราะไมเ่ หมาะสมนกั สำ� หรบั การมอบหมายใหอ้ งคก์ าร ขณะทก่ี ารคุ้มครองทางสงั คมเป็นมาตรการเชิงรับ ช�ำนาญการด้านเศรษฐกิจและสังคมมารับผิดชอบในหน้าท่ีด้าน นอกจากการส่งเสริมทักษะและให้ความรู้แล้ว การเรียน การเมืองและความม่ันคง แตกต่างหลังทศวรรษ 1990 ท่ีโลกาภิวัตน์ รู้ตลอดช่วงวัย (Lifelong Learning) ก็ได้รับการกล่าวถึงมากขึ้น แผ่ขยายไปทั่วโลก ท�ำให้แรงงานตัดสินใจย้ายถิ่นเพ่ือแสวงหาโอกาส ขณะท่ีการคุ้มครองทางสังคมก็เสนอให้จัดเตรียมไว้อย่างถ้วนหน้า ทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า มีรายได้ หลุดพ้นจากความยากจน ส่งผลให้ และครอบคลุมตลอดทุกช่วงวัยของวงจรชีวิต คล้ายคลึงกับแนวคิด การย้ายถิ่นไมเ่ กยี่ วข้องกบั เหตุผลทางการเมอื งอกี ต่อไป “จากครรภ์มารดาถงึ เชิงตะกอน” ทีเ่ สนอโดย ป๋วย องึ๊ ภากรณ์ แต่ใน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยพยายามแก้ไขปัญหาการย้ายถิ่น ศตวรรษ 21 กลบั ผลักภาระใหป้ ัจเจกบุคคลและครอบครัวท่ตี อ้ งแบก ทผี่ ดิ กฎหมาย และใชแ้ รงงานอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรมในประเภทอตุ สาหกรรม รับผิดชอบ ขณะท่ีรัฐบาลไทย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการ ประมง แต่ภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นถือเป็นปัจจัยภายนอกท่ีกดดัน พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ต้องค�ำนึงถึงสวัสดิภาพ และเรียกร้องให้แก้ไขเรื่องน้ีอย่างจริงจัง ท้ังน้ีรัฐบาลไทยจัดท�ำ และการดูแลทุกข์สุขประชาชนอย่างท่ัวถึง และไม่เพียงแต่ท�ำหน้าท่ี พระราชก�ำหนดการบริหารจัดการการท�ำงานของคนต่างด้าว เพ่ือให้ จากการส่งมอบบริการแบบบนลงล่าง แต่ต้องเปล่ียนจากล่างขึ้นบน มีการน�ำเข้าแรงงานอย่างถูกต้อง ในระยะแรกก่อนที่แก้ไขประกาศ โดยเปดิ เวทกี ารมสี ว่ นรว่ มทกี่ า้ วขา้ มใหไ้ กลกวา่ การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ฉบบั ที่ 2 กม็ บี ทลงโทษคอ่ นขา้ งรนุ แรงโดยเฉพาะเงนิ คา่ ปรบั นอกจากน้ี นอกจากน้ีควรบูรณาการความร่วมมือในประเด็นแรงงาน ยงั ขจดั ตวั แสดงทน่ี ำ� เขา้ แรงงานเพอื่ สง่ ใหเ้ จา้ ของทนุ ทตี่ อ้ งการแรงงาน ท่ีเก่ียวข้องกันอย่างแนบชิด เช่น การจ้างงานคนพิการต้องอาศัย ใช้ในกิจการ แต่บัดน้ีต้องใช้การน�ำเข้าผ่านกระบวนการของ MoU ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมพัฒนา แต่ทางปฏิบัติยังอาศัยบริการจากบริษัทตัวแทน แทนท่ีด�ำเนินการ ฝีมือแรงงาน และส�ำนักงานประกันสังคม ทั้งน้ีให้พึงร�ำลึกไว้เสมอว่า ด้วยตนเอง เพราะจากประสบการณ์ที่ร่วมวิจัยเกี่ยวกับเร่ืองนี้ และ “คุณค่าของชวี ิตอย่งู านท่ที �ำ” เพราะหากพจิ ารณาตามวงจรชีวติ แล้ว เคยติดต่อเพ่ือใช้บริการที่ส�ำนักงานจัดหาแรงงานส�ำหรับการน�ำเข้า จะพบวา่ มนษุ ย์อยูใ่ นชว่ งวัยกำ� ลังแรงงานท่ียาวนานทส่ี ุด ถ้าไมม่ ีงาน แรงงาน แต่กลับพบว่าเป็นไปได้ยาก เพราะโดยข้ันตอนจ�ำเป็นใช้ ท�ำก็ย่อมมีความเสี่ยงท่ีเผชิญปัญหาสังคมตามมา รวมทั้งรายจ่าย บริการจากบริษัทผู้แทนน�ำเข้าอย่างเล่ียงได้ยาก จึงมีข้อสังเกตว่า ของภาครฐั กจ็ ะผนั แปรตามสวสั ดกิ ารชว่ ยเหลอื เปน็ ครงั้ คราว แตก่ ลบั กระบวนการนเ้ี อือ้ อำ� นวยใหแ้ กแ่ รงงานตา่ งสญั ชาตแิ ละผตู้ อ้ งการจา้ ง ไปไม่ถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคม ส่งผลให้สวัสดิการแรงงาน แรงงานจรงิ แลว้ หรือไม่ 26 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
ทั้งนี้รัฐบาลไทยให้สัตยาบันพิธีสารฉบับท่ี 29 ว่าด้วย เป็นหลัก เพราะถ้าพิจารณาจากบทบาทของ ILO ในศตวรรษ 21 แรงงานบังคับ ในปี 2018 โดยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย พบว่าระบบไตรภาคีค่อนข้างลดบทบาทลง ตัวอย่างท่ีการจัดประชุม และประเทศท่ี 24 ของโลก ขณะเดยี วกนั กใ็ หส้ ตั ยาบนั อนสุ ญั ญาฉบบั ท่ี เฉพาะกิจโดยคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยมิติทางสังคมของโลกาภิ 111 ไปก่อนหน้าน้ี ในปี 2017 โดยจัดเป็นอนุสัญญา 1 ใน 8 ฉบับ วตั น์ (World Commission on the Social Dimension of Glo- ของมาตรฐานแรงงานหลัก และตามมาด้วยให้สัตยาบันอนุสัญญา balization) ระหวา่ งปี 2002-2003 อาศัยความร่วมมอื จากตวั แสดง ฉบบั ที่ 188 จนทำ� ให้ ILO ชน่ื ชมความมงุ่ มน่ั ของไทยเปน็ ประเทศแรก นอกเหนอื ไตรภาคที ี่เป็นฝ่ายแรงงาน เจ้าของทุนและรัฐบาล โดยเปิด ในภูมิภาคเอเชีย บัดนี้ประเทศไทยเหลืออนุสัญญาตามมาตรฐาน โอกาสให้นักวิชาการ ผู้แทนองค์การประชมสังคม และปัจเจกบุคคล แรงงานหลกั อีก 2 ฉบับทยี่ ังไมใ่ ห้สัตยาบัน ไดแ้ ก่ ฉบบั ที่ 87 และ 98 ท่ีมีอิทธิพลโลกเข้ามาร่วมมือ คล้ายกับการประชุมไม่นานมาน้ี ที่ส�ำคัญกว่าน้ีผู้เขียนเห็นว่าไทยไม่สามารถหลีกเล่ียงการให้สัตยาบัน ของคณะกรรมาธกิ ารโลกว่าด้วยอนาคตของงานทดี่ ำ� เนินการไปเมอ่ื ปี อนุสัญญาสองฉบับนี้ แม้ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม ฉะนั้นทางออก 2017-2018 แต่ขอบเขตของภารกิจกลับกว้างมากขึ้น ดังท่ี ILO ที่ดีควรเตรียมความพร้อมแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ เสนอไปถึงผลกระทบของการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศในรูปของ พ.ศ. 2518 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแรงงานภายใต้ความ งานสีเขียว (Green Jobs) เพราะก่อให้เกิดต่อแรงงานภาคเกษตร สมานฉนั ท์ ดกี วา่ สรา้ งเงอื่ นไขใหอ้ งคก์ ารภาคประชาสงั คมมามบี ทบาท และผลผลิต ท�ำให้เกิดการย้ายถิ่นไปสู่สภาพแวดล้อมท่ีมีทรัพยากร เหนอื นำ� ขบวนการแรงงาน ฉะนน้ั ตอ้ งสรา้ งพลงั อำ� นาจโดยตงั้ คำ� ถามถงึ รองรับ แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ ILO ควรด�ำเนินการ ทั้งที่ทราบ ความจรงิ ใจของรฐั บาล รวมทงั้ ประโยชนท์ แ่ี ทจ้ รงิ จากการใหส้ ตั ยาบนั ดีว่ามูลเหตุรากฐานล้วนแล้วเกิดข้ึนมาจากระบบทุนนิยมขูดรีด อนุสัญญาฉบับท่ี 111 และ 188 รวมถึงพิธีสารฉบับที่ 29 ที่เป็น และเสรนี ยิ มใหมท่ แ่ี ผข่ ยายทวั่ โลก จงึ ไมเ่ หมาะสมทภ่ี าคธรุ กจิ บางแหง่ สว่ นขยาย ถอื ว่ามีจดุ ประสงคอ์ ื่นใดทีแ่ รงงานไม่ทราบหรือไม่ เลอื กรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม โดยผลกั ภาระใหแ้ กผ่ บู้ รโิ ภคแทน ในสว่ นทา้ ยน้ี ถึงอย่างไรก็ไม่แน่ชัดว่ามีใครทราบหรือไม่ว่า Guy Ryder ผเู้ ขยี นและผอู้ า่ นตอ้ งตง้ั คำ� ถามพรอ้ มกนั วา่ “บทบาทของ ILO มหี นา้ ท่ี เชิญพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เข้าร่วมที่ประชุมใหญ่แรงงาน ทำ� อะไรในปัจจบุ ัน” และ “กา้ วต่อไปส่ศู ตวรรษทส่ี องควรดำ� เนนิ การ ระหว่างประเทศ ในเดือนมิถุนายน 2019 หมายความว่า รัฐบาล อะไร” เพราะแรงงานไม่มีสิทธิการท�ำงาน ขาดโอกาสความก้าวหน้า ในปัจจุบันยังคงสถานะของการบริหารปกครองประเทศหรือเปลี่ยน ไมม่ รี ะบบการคมุ้ ครองทางสงั คม และการมสี ว่ นรว่ มกบั เจา้ ของทนุ และ ผ่านสรู่ ฐั บาลใหมท่ ่ีมาจากการเลือกต้งั แต่คงใหเ้ กยี รติตอ่ ILO โดยส่ง รฐั บาลจะเกดิ การทำ� งานทม่ี คี ณุ คา่ ไดห้ รอื ไม่ จงึ มคี วามทา้ ทายตอ่ การ ผู้แทนคนเดมิ ท่เี คยร้องขอไว้ ก่อนหน้านีเ้ คยได้สนทนากบั ผู้เชยี่ วชาญ บริหารแรงงานในไทย กลา่ วคือ “จะท�ำอยา่ งไรให้ DWCP ท่มี สี ถานะ ประวตั ศิ าสตร์แรงงานทา่ นหนงึ่ และให้ข้อสงั เกตไว้น่าสนใจวา่ ท�ำไม เป็นเพียงแผนงาน (Programme) คล้ายคลึงกับแบบแผน (Norm) อนุสัญญาของ ILO ส่วนใหญ่แล้วถึงให้สัตยาบันในรัฐบาลที่มาจาก แตก่ ลบั มอี ำ� นาจทมี่ สี ภาพบงั คบั ใชไ้ ดจ้ รงิ ” เพราะตลอดเวลาทผ่ี า่ นมา การรัฐประหาร (?) จงึ สำ� รวจในฐานขอ้ มลู NORMLEX กพ็ บวา่ ไทยให้ ภาคธุรกิจเลือกไม่ปฏิบัติตามก็สามารถท�ำได้ ย่ิงเป็นกฎหมายอ่อน สตั ยาบันอนุสัญญาในชว่ งเวลาระหวา่ งปี ค.ศ. 1962-1969 ไวจ้ �ำนวน (Soft Law) แลว้ จงึ ถูกใชด้ ำ� เนนิ การเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลตอบรบั กลบั มาในแง่ 10 ฉบับ (นับรวมฉบับท่ีปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว) แต่สมมติฐานเช่นน้ี สทิ ธิประโยชน์อืน่ เชน่ CSR เปน็ ตน้ ขณะเดียวกนั ภาครฐั ก็เลือกท่จี ะ อาจไม่จริงเสมอไป เพราะช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลไทยรับความช่วย โอนอ่อนหลักการได้เช่นกัน ทั้งที่งานท่ีมีคุณค่าก�ำหนดให้มีเรื่องสิทธิ เหลอื โครงการเฉพาะทางของ ILO และมคี วามแขง็ ขนั ตอ่ การวางระบบ การรวมกลุ่มและเจรจาต่อรอง แต่ประเทศไทยกลับไม่ให้สัตยาบัน บรหิ ารแรงงานเสยี มากกวา่ และในเวลานน้ั ไมจ่ ำ� เปน็ แตอ่ ยา่ งใดทไี่ ทย ฉบับที่ 87 และ 98 แม้ว่าอ้างถึงใช้การร่วมมือของแรงงานใน จะต้องให้สัตยาบัน เพราะไม่สามารถกดดันหรือใช้เป็นเหตุผลกีดกัน สถานประกอบการให้มีคณะกรรมการแรงงานแทนท่ีนั้น ก็ย่อม ทางการค้าได้เหมือนกับมาตรฐานแรงงานหลักในปัจจุบัน อย่างมาก ไม่ถูกต้องตามหลักทางวิชาการท่ีระบุในเน้ือหาสาระของอนุสัญญา กเ็ ปน็ การสรา้ งความชอบธรรมให้แก่รฐั บาลเท่าน้ัน และเจตจำ� นงทางการเมอื งของ ILO ตงั้ แตแ่ รกเรม่ิ จงึ ไมค่ วรใหเ้ กดิ ขนึ้ ท้ายที่สุดแล้วก็ปรากฎข้อสังเกตว่า ILO สนับสนุนความ เชน่ น้ีอีกในศตวรรษตอ่ ไปของแรงงานโลกและแรงงานไทย สัมพันธ์แบบไตรภาคีอยู่หรือไม่ หรือเน้นสนับสนุนที่ระบบพหุภาคี นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน 27
วจัยปท. นี นายกนกศกั ดิ์ อพุ ันทา ผ้สู มั ภาษณ์/เรียบเรยี ง พรทพิ า เจรญิ ผล (ครีม) อายุ : 23 ปี ตำ� แหนง่ งานปจั จบุ นั : นกั ศึกษาสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภยั คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ ป4ี สถานประกอบการต้นสงั กัดที่ทำ� งานปจั จบุ นั : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ประสบการณท์ �ำงาน จป. วชิ าชพี : • ปี 2561 นักศกึ ษาฝกึ งานสาขาอาชวี อนามัยและความปลอดภยั หนว่ ยงานสำ� นักงานกลาง ส�ำนักงานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ • ปี 2562 นักศึกษาฝึกงานสาขาอาชวี อนามยั และความปลอดภยั หนว่ ยงานความปลอดภัย และสงิ่ แวดล้อม ฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทย จำ� กัด(มหาชน) สนามบินสุวรรณภมู ิ นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 29
แนะนำ� ไลฟสไตลต์ นเองคร่าวๆ อปุ นสิ ยั ส่วนตวั ทบี่ ง่ บอกความเป็นตวั เอง: ครีมเปน็ คนพูดเกง่ โดยเฉพาะการพดู น�ำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น จะถนดั การพูดเชิงวชิ าการมากกวา่ พิธกี ร เปน็ คนสบายๆ ไมค่ อ่ ยยงุ่ ยาก เขา้ กบั คนอน่ื ไดด้ คี ะ่ ครมี ไมค่ อ่ ยโกรธใครเรยี กวา่ ในชวี ติ นบั คนทเ่ี คยโกรธจรงิ ๆ ไดเ้ ลย แอบมีความขี้เกรงใจ ถ้าอะไรที่ไม่เกินความสามารถของตัวเองครีมจะท�ำเองท้ังหมด ไม่ค่อยอยากรบกวนใคร ครมี เปน็ คนคดิ เยอะคะ่ ยง่ิ เรอ่ื งการทำ� งานจะคดิ เยอะมาก ครมี อยากใหง้ านทอ่ี อกมาดที สี่ ดุ และจะไมเ่ กดิ ปญั หา ตามมา ครีมจะคดิ ถงึ ปญั หาตา่ งๆ ท่ีจะเกดิ ในงานแล้วจะหาทางแก้ทัง้ หมดไวใ้ นทันที ครีมชอบเรียนรู้ ชอบการ ลงมอื ท�ำจริง และก็ชอบงานศิลปะมากๆ ด้วยค่ะ เหตใุ ดถงึ เลอื กเรียนอาชีวอนามัยและความปลอดภัยฯ : ครมี รู้จกั สาขาน้ีครงั้ แรกจากพี่สาวคะ่ พคี่ รมี เรยี นคณะสาธารณสขุ ท่ีมหาลยั ธรรมศาสตร์มาก่อนก็ได้ พอศกึ ษาเกยี่ วกบั สาขามาครา่ วๆ หลงั จากสอบ Admission เขา้ มาได้ คณะครมี สามารถเลอื กสาขาไดต้ อนทจี่ ะ ขน้ึ ปี 3 ตอนนนั้ ระหวา่ งเรยี นครมี ไดล้ องเรียนวชิ าพ้นื ฐานของแต่ละสาขาในคณะ ประกอบกับเน้อื หาและการ แนะแนวจากพี่ๆ ที่มาแนะแนวให้กับน้องๆ จึงตัดสินใจเลือกสาขานี้ค่ะ ครีมคิดแล้วว่าสาขานี้มีความเป็นครีม ท่ีสดุ ทง้ั นสิ ยั การท�ำงาน หรือเนอ้ื หาการเรยี นตา่ งๆ ค่ะ 30 นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
ตอนทเี่ รียน ยากไหม? (ต้องมกี ารทบทวนเน้ือหาทีเ่ รียนไหม หรือเลา่ ถงึ วา่ ตอนเรยี นได้ไปฝึกงาน ได้ศกึ ษาอะไรเป็นพเิ ศษบา้ งไหม): ตอนท่ีเรียนก็ยากพอสมควรค่ะ แต่ครีมก็ไม่ได้กดดันตัวเองขนาดน้ัน ครีมอยากเรียนอย่างมีความสุขก็จะแอบแบ่งเวลา มาทำ� กจิ กรรมอยู่เรือ่ ยๆ ให้ชวี ิตบาลานซ์ค่ะ ตอนทีไ่ ดฝ้ ึกงานคร้งั แรกตอนปี 3 ถอื วา่ กดดันพอสมควรคะ่ พๆ่ี ทุกคนทนี่ ัน่ เก่งๆ กัน ทกุ คน สว่ นตวั เรานนั้ กย็ งั ไมแ่ มน่ เรอื่ งเนอื้ หา หรอื กฎหมายเลย และชว่ งปี 61 กม็ กี ฎหมายบางตวั ออกใหมก่ ค็ อ่ นขา้ งตอ้ งทำ� การบา้ นเยอะ ต้องพยายามอัพเดตข้อมูลอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ท่ีดีมากค่ะได้พัฒนาตัวเองดีมากๆ เลย การฝึกงานปี 4 ก็ได้เห็น การทำ� งานเกย่ี วสาขามากขน้ึ ไดล้ งมอื ทำ� รว่ มกบั พๆ่ี แตไ่ มว่ า่ จะฝกึ งานครง้ั ไหน เมอ่ื เจอปญั หาจะมอี าจารยค์ อยเปน็ ทปี่ รกึ ษาใหเ้ สมอคะ่ กจ็ ะรู้สึกอ่นุ ใจมากขึ้นเยอะเลยคะ่ เตรียมตัวอยา่ งไรบ้าง ในบทบาทของ จป.วัยทีน : ครมี พยายามทบทวนเนอื้ ทเี่ รยี นมาและพยายามดงึ มาใชจ้ รงิ เพอื่ ใหเ้ ราเขา้ ใจมากยงิ่ ขนึ้ ตอ้ งพยายามบาลานซช์ วี ติ คะ่ อยา่ งท่ี บอกสำ� หรบั ครมี การเรยี นสำ� คญั คะ่ แตค่ รมี กช็ อบการทำ� กจิ กรรมเชน่ กนั ครมี รสู้ กึ วา่ กจิ กรรมทำ� ใหเ้ ราไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งไมจ่ ำ� กดั ไดส้ งั คม ใหม่ๆ ได้พัฒนาตัวเองในหลายๆด้าน ครีมคิดว่าส่ิงหนึ่งท่ีส�ำคัญไม่แพ้กันในอนาคตถ้าจบไปท�ำงาน คือทักษะการพูด การเข้าสังคม ครมี พยายามพฒั นาตวั เองในเรอ่ื งของการพดู เสมอ ตอนนค้ี รมี อาจจะตดิ พดู เชงิ วอิ ชาการหรอื การนำ� เสนอ ครมี เลยพยายามปรบั และ ศึกษาการพูดแบบพิธีกร มากข้ึนค่ะ ก็พยายามลดข้อจ�ำกัดของตนเอง อีกอย่างก็พยายามเรียนรู้เร่ืองภาษาให้มีความช�ำนาญ เพราะยังไงภาษาก็เป็นสิ่งส�ำคัญอีกเร่ืองหนึ่ง รวมถึงการพยายามศึกษาและอัพเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆอยู่เสมอ ท้ังในด้าน ความปลอดภยั และอนื่ ๆ เราอาจไมไ่ ดเ้ จอเหตกุ ารณเ์ หลา่ นน้ั ในชวี ติ จรงิ แตก่ ส็ ามารถเรยี นรจู้ ากประสบการณท์ ค่ี นอนื่ นำ� มาถา่ ยทอด ได้ เพอื่ ที่จะนำ� มาปรับใช้กับงานของตนเอง เมือ่ ท�ำงานในฐานะ จป. วชิ าชพี มีการบริหารจดั การองค์กรอย่างไรบา้ งเพ่อื ใหเ้ กิดความปลอดภัย: จากประสบการณฝ์ ึกงานทผี่ า่ นมาท้งั 2 คร้งั ครมี ได้เรยี นร้วู า่ การมมี นษุ ย์สัมพนั ธท์ ่ดี ีเปน็ สิ่งส�ำคัญ และเป็นใบเบิกทางให้เราเข้าถึงตัวพนักงานได้ อีกทั้งเราจะได้รับความร่วมมือมากกว่า ด้วยค่ะ อีกทั้งการท�ำงานไม่ควรตึงหรือหย่อนจนเกินไป ครีมเรียนรู้ว่าการท�ำงานการคิดมาตรการ ใดๆออกมา เราควรพจิ ารณาจากมุมมองท้งั 2 ดา้ น นน่ั คือดา้ นคนทำ� งาน และดา้ นกฎระเบียบค่ะ แล้วพยายามหาจดุ ตรงกลางใหไ้ ด้มากทส่ี ดุ นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 31
ผลงานดีเดน่ /เกยี รตปิ ระวตั ิ /รางวัลทเี่ คยได้รบั ในการทำ� งาน : 1. คณะกรรมการนักศกึ ษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ปี 2559 2. รองประธานคณะกรรมการนกั ศกึ ษาคณะสาธารณสขุ ศาสตร์ปี 2560 3. ประธานคา่ ยอาสาพัฒนาชนบทคณะสาธารณสุขศาสตร์ ปี 2560 4. ชนะเลิศ Safety Youth Brand Ambassador 2018 ฝ่ายหญิง 5. ชนะเลิศโครงการวิชาการปี 2559 ในงานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาสาธารณสุขศาสตร์ และวิทยาศาสตรส์ ุขภาพแหง่ ประเทศไทย 6. รองชนะเลิศอันดับหนึ่งโครงการวิชาการปี 2560 ในงานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาสาธารณสุข ศาสตร์และวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพแห่งประเทศไทย 7. รองชนะเลศิ อนั ดบั สอง โครงการService Learning จัดโดยกองกจิ การนักศึกษามหาวทิ ยาลัย ธรรมศาสตร์ ปี 2560 8. รองชนะเลิศอันดับหนึ่งการกล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ 100ปี การสาธารณสุขไทย ปี 2561 ในงานสมาพนั ธ์นสิ ิตนกั ศึกษาสาธารณสุขศาสตร์และวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพแหง่ ประเทศไทย ประวัติการเข้ารว่ มโครงการ อบรม/สัมนาตา่ งๆที่ผา่ นมา: • ผู้ช่วยจัดประชุมวิชาการทางการยศาสตร์ของภูมิภาคคร้ังท่ี 5 (The 5th International Conference of Southeast Asian Network of Ergonomics Societies; SEANES2018) พ.ศ. 2561 • ส�ำเรจ็ หลกั สตู ร Work at height program • สำ� เรจ็ หลกั สตู รConfined Space Safety Training • สำ� เร็จหลกั สตู รBasic Fire Fighting Training ความภาคภูมิใจสงู ในการท�ำงาน หรือ ความภูมใิ จในบทบาท จป วิชาชีพ : การได้รับต�ำแหน่งชนะเลิศ Safety Youth Brand Ambassador 2018 ฝ่ายหญิงค่ะ ถือเป็น เกียรติและมีความหมายกับชีวิตมาก ที่ครั้งนึงเลยเคยได้มายืนตรงจุดน้ี ได้ถ่ายทอดเร่ืองราวเก่ียวกับความ ปลอดภัยออกไป เป็นกระบอกเสียงตัวแทนเด็กรุ่นใหม่ค่ะ อีกทั้งระหว่างการแข่งขันยังได้รับมิตรภาพ และประสบการณม์ ากมายด้วยคะ่ สุดท้ายอยากใหฝ้ ากถึงน้องๆ นิสติ นกั ศกึ ษาท่ีก�ำลังศกึ ษาในสาขาวิชา ท่เี กีย่ วขอ้ ง ก่อนจะเปน็ (วา่ ที่) จป. ในอนาคต : อยากจะให้น้องๆ ทุกคนคอยหมัน่ อพั เดตข้อมลู ขา่ วสารต่างๆอยู่เสมอค่ะ เพราะสิง่ นัน้ ส�ำคัญมาก จริงๆ อีกทั้งในเรื่องของกฎหมายอยากให้น้องๆ ศึกษาให้ดี เพราะเป็นอีกเร่ืองที่ส�ำคัญมากๆ ได้ใช้เสมอ และตลอดไปเลยค่ะ หากน้องๆ ได้ฝึกงานแล้วหรือก�ำลังจะไปฝึกงานอยากให้น้องๆ ต้ังใจและเก็บเกี่ยว ความรู้มาให้ได้มากท่ีสุดนะคะ น้องๆ สามารถน�ำประสบการณ์ต่างๆมาใช้ได้อย่างดีเลย หากส่ิงไหน ยงั ไมท่ ราบก็ไม่ต้องทอ้ นะคะ คอ่ ยๆ เรยี นรูจ้ ะท�ำใหน้ อ้ งพัฒนาทักษะต่างๆ ขนึ้ มาได้ค่ะ 32 นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน
จมปือ.โปร คุณภูวสทิ ธ์ิ สงิ หภมู ิ ผูจ้ ัดการฝา่ ยอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดลอ้ ม บริษทั ไทรอมั พ์ สตรคั เจอร์ (ไทยแลนด์) จำ� กัด ประวตั กิ ารศกึ ษา ประวัติการอบรม • ปริญญาโท : วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวอนามัย • 2553 : เครอ่ื งมอื ในการจดั การดา้ นความปลอดภยั และสง่ิ แวดลอ้ ม และความปลอดภยั คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา สำ� หรับอตุ สาหกรรมหลอมโลหะ • ปริญญาตรี : วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม • 2554 : การรีไซเคลิ ขยะอตุ สาหกรรมสผู่ ลติ ภณั ฑช์ ุมชน ส�ำนักวชิ าสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารี • 2558 : การประเมินความเสี่ยง และการจัดการความปลอดภัย กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมเคมี และปโิ ตรเคมี ประวัตกิ ารทำ� งาน • 2561 : เครอ่ื งมอื ในการสรา้ งวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร • 2550 - 2551 : บรษิ ัท เอกรัฐโซล่าร์ จ�ำกดั ต�ำแหน่ง เจ้าหน้าที่ เใหนตหใุลดกั ถสงึ ตู ไดรเ้อลาือชกวี เอรนียนามัยและความปลอดภยั มาตรฐานระบบงาน (ระบบมาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม) จริงๆ แล้ว ถ้าดูจากประวัติการศึกษาจะเห็นว่า ผมไม่ได้เร่ิม • 2551 - 2556 : บรษิ ัท ไอชนิ ทากาโอกะ เอเชยี จำ� กัด ตำ� แหน่ง ศึกษาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี หวั หนา้ แผนกสง่ิ แวดลอ้ ม เนอ่ื งจากเปน็ คนทสี่ นใจกจิ กรรมดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มมาตงั้ แตส่ มยั เรยี นมธั ยม • 2556 - 2558 : บริษทั เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซพี ี จำ� กัด ต�ำแหนง่ และท่ีบ้านเองอยากให้เรียนในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพซ่ึงตัวเราเอง วิศวกรความปลอดภัย ก็มีความชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเลือกเรียนด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม • 2558 - 2561 : บรษิ ทั เซกซิ ยุ สเปเชยี ลต้ี เคมคิ อลส์ (ประเทศไทย) ในระดับปริญญาตรี แต่เม่ือจบการศึกษาออกมาสู่โลกแห่งการท�ำงาน จ�ำกัด ต�ำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายผลิต และผู้จัดการฝ่ายอาชีวอนามัย เราพบกบั ความเปน็ จรงิ อยา่ งหนงึ่ คอื การทำ� งานทางดา้ นอนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม ความปลอดภยั และส่งิ แวดลอ้ ม และด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็นการปฏิบัติงานร่วมกัน • 2561 - ปัจจุบนั : บรษิ ัท ไทรอัมพ์ สตรคั เจอร์ (ไทยแลนด์) จ�ำกดั ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ถึงแม้ว่าจะแยกหน่วยงานกันก็ตาม ตำ� แหนง่ ผู้จดั การฝ่ายอาชวี อนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 33
แต่พ้ืนฐานการท�ำงานต้องปฏิบัติงานร่วมกันเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์แห่งการ ปัองกันปัญหาสุขภาพของพนักงาน หรือประชาชนท่ีอาศัยอยู่รอบๆ โรงงานท่ีดีที่สุด จึงได้ตัดสินใจเรียนเพ่ิมเติมทางด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย เพ่ือจะได้น�ำความรู้ท่ีแท้จริงในศาสตร์ด้านนั้นมา พฒั นางานในโรงงานทเี่ ราปฏบิ ตั งิ านอยู่ และปฏเิ สธไมไ่ ดว้ า่ การเลอื กเรยี น เพม่ิ เตมิ ในดา้ นน้ี กเ็ พอ่ื เปน็ การเปดิ ประสบการณแ์ ละโอกาสในการปฏบิ ตั งิ าน ที่หลากหลาย และความก้าวหนา้ ในการปฏบิ ัติงานของตนเองมากยง่ิ ขน้ึ อในะกไราครอืปคระวกาอมบภอมู าิใจชมพี าดกา้ทนส่ี คดุ วามปลอดภัย ปัญหาด้านความปลอดภัยในการท�ำงานของโรงงานอุตสาหกรรม ในประเทศไทยมีหลากหลาย ส่วนหน่ึงที่ผมสนใจคือการสร้างระบบด้าน ความปลอดภัย เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือพนักงานที่ปฏิบัติงานในโรงงาน จะต้องปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ และโรคจากการท�ำงาน ประกอบ กับโอกาสในการท�ำงานท่ีเข้ามาในชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่เพิ่งเร่ิม ประกอบกิจการ หรือเป็นบริษัทท่ียังไม่มีระบบการจัดการด้านความ ปลอดภยั จงึ ทำ� ใหม้ โี อกาสไดป้ ระยกุ ตใ์ ชค้ วามรทู้ มี่ อี ยใู่ นการวางนโยบาย แผนงาน กิจกรรมต่างๆ ให้กับบริษัทนั้นๆ และรู้สึกภูมิใจทุกคร้ังท่ีมอง เหน็ ถงึ ความกา้ วหนา้ ในการดำ� เนนิ กจิ กรรมดา้ นความปลอดภยั ของบรษิ ทั น้ันๆ เป็นล�ำดับ อีกหนึ่งกิจกรรมท่ีน�ำมาประยุกต์ใช้จนประสบความ 1. คนปลอดภยั ในทนี่ หี้ มายถงึ การสรา้ งคนใหม้ พี น้ื ฐานความเขา้ ใจ ส�ำเร็จในการท�ำงานคือการแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมเส่ียงในการท�ำงาน ทด่ี ใี นเรอ่ื งของความปลอดภยั ในการทำ� งาน ซงึ่ เปน็ เสาหลกั ทมี่ คี วามสำ� คญั ของพนักงานเมื่อครั้งร่วมงานกับบริษัท เซกิซุย สเปเชียลตี้ เคมิคอลส์ ท่ีสุด เน่ืองจากได้กล่าวไปแล้วในช่วงต้นของการสัมภาษณ์ว่าถึงแม้พ้ืนที่ (ประเทศไทย) จ�ำกัด เนื่องจากเราทราบกันดีว่า ถึงแม้พ้ืนท่ีปฏิบัติงาน ปฏิบัติงาน ระบบ หรือเครื่องจักรจะปลอดภัยมากเพียงใด แต่หากคน หรือเครื่องจักรจะปลอดภัยเพียงใด แต่หากพนักงานมีพฤติกรรมเสี่ยง ยังไม่มีพื้นฐานความเข้าใจท่ีดีพอในเร่ืองความปลอดภัยในการท�ำงาน แล้ว ก็จะยังสามารถท�ำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคจากการท�ำงานได้ ก็จะไม่สามารถหยุดอุบัติการณ์ต่างๆ ได้ การสร้างคนนั้นโดยทั่วไปก็คือ ดังน้ันจึงได้น�ำโครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านความปลอดภัย การอบรม ให้ความรู้ สร้างจิตส�ำนึก การสื่อสาร การปรับพฤติกรรม มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของบริษัทในขณะนั้น จนท�ำให้ หลายคนอาจจะถอดใจ ว่าต้องใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีน้ี ประสบความสำ� เรจ็ เปน็ อยา่ งสงู ในการควบคมุ อบุ ตั เิ หตจุ ากการทำ� งานได้ แตถ่ า้ เราทมุ่ เทและไมย่ อมแพใ้ นเสาหลกั นี้ เราจะพบกบั ความสำ� เรจ็ ทยี่ ง่ั ยนื อยา่ งที่ จป.หลายๆ คนคาดหวงั ไวอ้ ยา่ งแนน่ อน ดงั นนั้ สว่ นหนง่ึ ในการทำ� งาน ด้านความปลอดภัยของผม คือการสร้างเครือข่ายการพูดคุยกับพนักงาน เดทพ่าา้ อื่นนทมคุกแีวนคามวนทปจาละไงอดในดก้ กภลายัับรอบบย้ารน่าิหงอาไยรรใา่จหงัด้มปกีรลาะอรบดอบงภทคยั่ียก์ใ่ังนรยทืนกุ ๆ วัน ร่วมกับทีมงานอยู่เสมอๆ ด้วยวัตถุประสงค์หลักคือการมุ่งม่ันในการปรับ พฤติกรรมของพนักงานเพื่อสร้างคนให้ปลอดภัยน่ันเอง เพราะนอกจาก การที่เราจะสร้างคนให้ปลอดภัยแล้ว ในด้านการบริหารงานจะถือว่า ความยั่งยืนในมมุ มองของผม คือความเข้าใจในดา้ นความปลอดภัย เรามีทีมงานด้านความปลอดภัยในการท�ำงานเพิ่มข้ึนเพื่อสนับสนุน อยา่ งแทจ้ รงิ ของทกุ คนในองคก์ ร พนกั งานในองคก์ รทกุ คนตอ้ งรว่ มมอื กนั การท�ำงานของเราในอนาคตอีกดว้ ย ในการสรา้ งบรรยากาศแหง่ การทำ� งานทป่ี ลอดภยั ดว้ ยใจ ไมใ่ ชเ่ พยี งเพราะ 2. อุปกรณ์ต้องปลอดภัยต่อผู้ใช้ หมายถึงเน้นการปรับปรุงแก้ไข หนา้ ท่ี เราพดู กันมายาวนานว่า “ความปลอดภัยเป็นหน้าทข่ี องพนกั งาน ปัญหาของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ท่ีจะน�ำมาให้พนักงานใช้งานต้ังแต่ข้ัน ทุกคนในองค์กร” แต่ส�ำหรับผมแล้ว เราเห็นถึงผลการรณรงค์ดังกล่าว ตอนของการออกแบบ และมกี ารตรวจสอบเครอื่ งจกั ร หรอื อปุ กรณต์ า่ งๆ ว่าการน�ำเอาเรื่องของความปลอดภัยมาเป็นส่วนหนึ่งในหน้าท่ีของการ อย่างจริงจัง เพื่อให้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ปลอดภัยต่อการใช้งานอยู่ ท�ำงานยังไม่เพียงพอ หากแต่พนักงานต้องปฏิบัติหรือให้ความร่วมมือ ตลอดเวลา ในเสาหลกั นยี้ งั รวมถงึ การควบคมุ ความเสยี่ งจากงานกอ่ สรา้ ง ในดา้ นความปลอดภยั เพราะเหน็ ถงึ คณุ ประโยชนข์ องงานดา้ นความปลอดภยั ต่างๆ ภายในพ้ืนทป่ี ฏบิ ตั งิ านอกี ด้วย ต่อตัวของพนักงานเองอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของพนักงาน 3. สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานจะตอ้ งปลอดภยั นอกจากจะตอ้ ง ทเ่ี ขา้ ใจดา้ นความปลอดภยั อยา่ งแทจ้ รงิ จะตอ้ งอยบู่ นพน้ื ฐานของนโยบาย ปลอดภยั แลว้ ยงั จะตอ้ งสะดวกสบายและเปน็ สถานทท่ี พี่ นกั งานรสู้ กึ อยาก หรือแนวทางในการบริหารงานด้านความปลอดภัยที่ดีด้วย ผมมักจะวาง กลับมาทำ� งานด้วยความสขุ ในทุกๆ วนั อีกด้วย ระบบด้านความปลอดภัยให้กับองค์กรท่ีผมมีโอกาสได้ร่วมงานด้วย ใน 3 เสาหลักประกอบไปด้วย 34 นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
5. PPE คือการเลอื กใช้อปุ กรณค์ ุ้มครองความปลอดภัยสว่ นบุคคล ทเ่ี หมาะสม แตค่ วรจะพจิ ารณาเปน็ ทางเลอื กสดุ ทา้ ยในการควบคมุ ความเสยี่ ง เม่ือกล่าวถึงเร่ืองข้างต้น หลายคนมองว่าเป็นเพียงทฤษฎีท่ียาก จะปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ แตห่ ากผนู้ ำ� ในการแกไ้ ขปญั หามงุ่ มนั่ แลว้ กค็ งไมใ่ ชเ่ รอื่ งยาก ตัวอย่างท่ีอยากจะหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังส�ำหรับการปฏิบัติงานในบริษัท ปจั จบุ นั คอื ผมเลอื กทจ่ี ะแกไ้ ขปญั หาโดยเจาะลกึ ไปยงั พน้ื ทที่ เ่ี กดิ อบุ ตั เิ หตุ เยอะท่ีสุด เพราะนั่นหมายถึงพ้ืนที่น้ันมีความเสี่ยงที่ยังไม่ถูกจัดการ โดยจัดท�ำโครงการปรับปรุงเฉพาะพื้นท่ีในทุกมิติทางด้านความปลอดภัย ทเี่ ราใชช้ อ่ื เรยี กงา่ ยๆ วา่ “SafetyModelLine”แลว้ รวบรวมทมี งานโดยเนน้ ไปทพี่ นกั งานในระดบั ปฏบิ ตั กิ ารในพนื้ ทน่ี นั้ ๆ จะตอ้ งเขา้ มาเปน็ สว่ นหนงึ่ ในทมี ปรบั ปรงุ ดว้ ย ใหท้ มี งานเสนอความตอ้ งการอยา่ งหลากหลาย เพอื่ ใหไ้ ด้ การปรับปรุงท่ีประกอบไปด้วยความส�ำเร็จในการแก้ไขปัญหาทางด้าน ความปลอดภยั และพนกั งานเองกจ็ ะตอ้ งปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งสะดวกสบาย ดว้ ย ทงั้ นแ้ี นวคดิ ทพ่ี นกั งานเสนอมาจะถกู นำ� มาประมวลผลและออกแบบ การแก้ไขด้วยทีมวิศวกรซ่ึงท�ำงานร่วมกับหน่วยงานความปลอดภัย เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ แนวทางทด่ี ที สี่ ดุ ในการแกไ้ ขปญั หา ทส่ี ำ� คญั คอื หนว่ ยงาน ความปลอดภัยเองก็จะเป็นผู้น�ำเสนอแนวความคิดหรือต้ังค�ำถาม เพอ่ื โคช้ ทมี งานใหเ้ ขา้ สหู่ ลกั การควบคมุ ความเสยี่ งใน 5 ระดบั ขา้ งตน้ ใหไ้ ด้ เพ่ือน�ำแนวคิดในการแก้ไขปัญหาที่ทีมงานอยากให้เป็น มาปรับทิศทาง ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางการควบคมุ ปญั หาในดา้ นความปลอดภยั นั่นเอง ททซจางึ่น่าี่ กรน่าวกจเหมะาน็จถรดัวทงึ ่ากมำ� วงาผี ิธารลีกนกลาไับดัพรพอ้หธฤยรท์ ตือา่่นี งแิกา่ นเรหจวระมทอมาาอเะพงสกไือ่มหมในาหด้หีทยีส่ ุดดุ อ บุ ตั เิ หตุ ใทน่ากนามรีแลนดวอทบุาตังอเิ หยตา่ ุจงาไรกการท�ำงานให้ได้ผล เม่ือเราพูดถึงพฤติกรรม มันคือสิ่งที่มนุษย์เราท�ำซ้�ำๆ จนชิน และเปน็ นสิ ยั ไปในทส่ี ดุ และการเปลยี่ นนสิ ยั หรอื สง่ิ ทเี่ ราทำ� ซำ�้ ๆ ยอ่ มทำ� ไดย้ าก เช่นเดียวกันกับพฤติกรรมเสี่ยงของพนักงานในการท�ำงาน หากไม่มีใคร แนวทางในการลดอุบัติเหตุท่ีผมน�ำมาประยุกต์ใช้ ก็เป็นหลักสากล แนะน�ำให้แก้ไขก็จะเป็นการกระท�ำซ�้ำๆ ที่ติดจนเป็นนิสัย และท้ายที่สุด ทว่ั ๆ ไป ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยการควบคมุ ความเสย่ี งใน 5 ระดบั ประกอบไปดว้ ย กจ็ ะส่งผลเสยี ในด้านความปลอดภัยในการท�ำงานน่ันเอง ดังนัน้ การปรับ 1. Elimination คอื การกำ� จดั หรอื ดงึ เอาความเสยี่ งทไ่ี ดม้ าจากการ เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความปลอดภัยของพนักงานเป็นส่ิงท่ีผมเชื่อมั่นมา ประเมนิ ความเสยี่ งนนั้ ๆ ออกไปจากพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านของพนกั งาน อาจจะ ตลอดว่าเป็นแนวทางที่ดีท่ีสุดในการแก้ไขปัญหาทางด้านความปลอดภัย ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงขนั้ ตอนการทำ� งาน หรอื วธิ กี ารนน้ั ๆ ไปอยา่ งสน้ิ เชงิ ในช่วง 7 ปีหลังของการท�ำงานในสายงานนี้ ผมสนใจที่จะน�ำหลักการ 2. Substitution คอื การลดความเสย่ี งดว้ ยการแทนทดี่ ว้ ยอปุ กรณ์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพ่ือความปลอดภัยมาใช้ในบริษัทที่ผมมีโอกาส เคร่ืองมือ สารเคมี หรือสิ่งอ่ืนใด ท่ีท�ำให้ความเส่ียงน้ันๆ ลดลงมาอยู่ใน ไดร้ ว่ มงานดว้ ยทกุ ครงั้ และมกั จะนำ� เสนอใหเ้ ปน็ วาระสำ� คญั หรอื นโยบาย ระดบั ทยี่ อมรบั ได้ ส�ำคัญของบริษัทน้ันๆ โครงการน้ันคือโครงการท่ีหลายคนรู้จักกันดี 3. Engineering คอื การใชห้ ลกั การปรบั ปรงุ ในเชงิ วศิ วกรรมเขา้ มา ในนาม Behavior-Based Safety หรอื การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมเพอ่ื ความ ทำ� การปรบั ปรงุ เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ ใ่ี ชอ้ ยเู่ ดมิ ใหม้ คี วามปลอดภยั มากยง่ิ ขน้ึ ปลอดภยั ในการทำ� งาน ผมรจู้ กั แนวคดิ การแกไ้ ขปญั หานค้ี รง้ั แรกเมอื่ ครงั้ 4. Administration คือการใช้ระบบในการควบคุมความเส่ียง ท�ำงานอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตช้ินส่วนรถยนต์ในเครือบริษัทโตโยต้า ทีป่ ระเมนิ ได้ และไดท้ ำ� ความเขา้ ใจถงึ แกน่ แทข้ องโครงการนจ้ี รงิ ๆ เมอื่ ครงั้ ศกึ ษาตอ่ ทาง ดา้ นอาชวี อนามยั และความปลอดภยั จงึ นำ� ทง้ั ประสบการณ์ และหลกั การ ที่ได้เรียนรู้ มาประยุกต์ใช้ในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมของพนักงาน การเร่ิมต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านความปลอดภัยท่ีเก่ียวข้อง กับการท�ำงานโดยตรงอาจจะดูยากไปส�ำหรับพนักงาน ผมจึงเร่ิมต้นด้วย นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 35
การเริ่มปรับพฤติกรรมของพนักงานท่ีเป็นเร่ืองง่ายๆ ในชีวิตประจ�ำวัน พนักงานของบริษัทก็คือบุคคลที่อาศัยอยู่ในชุมชน หรือสังคมที่อยู่รอบๆ ของพวกเขา ซ่ึงก็มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเรื่องความปลอดภัย โรงงานของเรา ดังน้ันด้วยจิตส�ำนึกหรือจรรยาบรรณของการท�ำงาน ในการทำ� งานได้ นน่ั กค็ อื เรอื่ งการใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื แลว้ เดนิ ไปดว้ ยในเวลา ในสายงานด้วยอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และส่ิงแวดล้อมนั้น เดียวกัน เราจึงเร่ิมจากการให้ความรู้พื้นฐานในด้านการปรับเปลี่ยน ยอ่ มตอ้ งมกี ารวางแผน นโยบายเพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ พฤติกรรมด้านความปลอดภัยแก่พนักงานทุกท่าน หลังจากน้ันจึงเร่ิม อนามัยของผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ภายในบริษัท และผลกระทบต่อสังคม รณรงค์ “โทรและแชทต้องไม่เดิน” ในพ้ืนที่บริษัท แน่นอนว่ามีท้ัง รอบข้างโรงงาน เช่นการป้องกันไม่ให้พนักงานซึ่งมาจากชุมชนรอบๆ พนกั งานทใ่ี หค้ วามสำ� คญั จงึ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม โรงงานไดร้ บั อนั ตรายหรอื ความไมป่ ลอดภยั ในการทำ� งาน หรอื การบำ� บดั และมที งั้ พนกั งานทไ่ี มเ่ หน็ ถงึ ความสำ� คญั จงึ ไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื ในการปรบั มลพษิ ตา่ งๆ ทเี่ กดิ จากการประกอบกจิ การโรงงานใหเ้ ปน็ ไปตามคา่ มาตรฐาน เปลี่ยนพฤติกรรม จป.ไม่ควรถอดใจกับปัญหานี้ เนื่องจากเป็นปัญหา ทจ่ี ะสง่ ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มหรอื สงั คมใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ เทา่ ทจี่ ะเปน็ ไปได้ ที่เรียกได้ว่าคลาสสิคมากในการท�ำงานในสายงานนี้ วิธีการคือต้องเข้า เหลา่ นถี้ อื เป็นการแสดงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมได้อยา่ งดีเย่ยี ม หยุดพฤติกรรมน้ันในทันที และช้ีบ่งให้พนักงานท่ีไม่ให้ความร่วมมือ ในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมเห็นว่ากิจกรรมน้ีมีประโยชน์อย่างไร และมี นหคอ้วรือรงจๆปะรมจะปีแสน.บรวคุ่นทวใาหางมมอ่สถยำ� ่าา้ เรงอ็จไยรใาบนกา้วจงชิ ะาเปชีพ็นนจี้ป.มือโปร ผลกระทบอะไรบ้างในเชิงความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ตัวพนักงานเอง การเข้าหยุดพฤติกรรมเสี่ยงและการให้ข้อเสนอแนะนั้น มหี ลายคนชอบพดู วา่ “จะเรยี นทำ� ไมวชิ าน้ี ไมเ่ หน็ ไดน้ ำ� มาใชเ้ ลย” ต้องท�ำด้วยความจริงใจ เป็นห่วง และปรารถนาดีต่อพนักงานเท่าน้ัน แต่ผมกลับมองว่าไม่ใช่ส�ำหรับสายงานทางด้านความปลอดภัยในการ และอยบู่ นพนื้ ฐานของการทำ� ซำ้� ๆ จนพนกั งานเกดิ ความเคยชนิ จนตดิ เปน็ ทำ� งาน เพราะเราทำ� งานสายสขุ ภาพ จงึ ตอ้ งนำ� หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ นสิ ยั ไปในทสี่ ดุ สงิ่ หนงึ่ ทสี่ ำ� คญั มากในการดำ� เนนิ โครงการนคี้ อื การชนื่ ชม มาประยุกต์ใช้ด้วยความแม่นย�ำอยู่เสมอ หากพลาดก็เท่ากับเปิดโอกาส กับความส�ำเร็จของกลุ่มพนักงานที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ให้มีความเสี่ยงท่ีจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือ ด้วยการให้รางวัล ประกาศนียบัตร ประชาสัมพันธ์ความร่วมมือน้ันๆ โรคจากการท�ำงานของผู้ปฏิบัติงานได้ ดังน้ันไม่ว่าจะเป็น จป.รุ่นใหม่ ไปยังพนักงานทุกกลุ่มขององค์กร เป็นส่ิงหนึ่งท่ีจะช่วยปรับพฤติกรรม หรอื จป.มอื โปร กค็ วรทจ่ี ะทบทวนความรใู้ นศาสตรท์ างดา้ นความปลอดภยั ของผทู้ ไ่ี มเ่ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ไปอยา่ งชา้ ๆ เขา้ กบั ภาษติ ทว่ี า่ “เขา้ เมอื งตาหลวิ่ ในการทำ� งานอยเู่ สมอ และตอ้ งทนั สมยั ตอ่ สถานการณแ์ ละพฤตกิ รรมของ ต้องหลิ่วตาตาม” ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งท่ีท�ำให้การปรับพฤติกรรมของคน ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน อกี สว่ นหนงึ่ ทมี่ คี วามสำ� คญั มากคอื เมอื่ มคี วามรทู้ แี่ มน่ ยำ� แลว้ ในองค์กรนั้นส�ำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ท้ังนี้ต้องระวังอย่าให้รางวัลที่ต้ังไว้ จะต้องสามารถน�ำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนางานได้อย่างดีด้วย มาเป็นเง่ือนไขในการปกปิดพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดข้ึนจนท�ำให้ไม่เกิด เรอื่ งนยี้ งั หมายรวมถงึ การสอื่ สารสงิ่ ทเี่ ปน็ ศาสตรท์ ยี่ ากตอ่ ความเขา้ ใจของ การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เมื่อผมประสบความส�ำเร็จในขั้นต้นกับ บุคคลท่ัวไป ให้สามารถเข้าใจและเห็นถึงความส�ำคัญของงานทางด้าน การปรับเปล่ียนพฤติกรรมของพนักงานในองค์กรด้วยเรื่องง่ายๆ ในชีวิต ความปลอดภัย เราจึงจะสามารถประสบความส�ำเร็จในวิชาชีพนีไ้ ด้ ประจำ� วนั ของพวกเขาแลว้ จงึ คอ่ ยๆ ขยบั หวั ขอ้ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม เนื่องจากวิชาชีพนี้เป็นการท�ำงานร่วมกับคน จึงมักพบกับปัญหา ให้มีความจ�ำเพาะเจาะจงกับเร่ืองการท�ำงานมากขึ้น เช่นการสวมใส่ หลากหลายด้านในการท�ำงาน จนท�ำให้เกิดการท้อใจได้ เรื่องหน่ึงที่ผม อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล เป็นตน้ มักจะสอน และบอกทมี งานเสมอในการทำ� งานสายวิชาชพี นคี้ อื “ควรจ�ำ เมื่อด�ำเนินโครงการไปได้สักระยะหนึ่ง มีพนักงานหลายคนเข้ามา และศรทั ธาในคำ� สอนของพระบดิ าแหง่ การสาธารณสขุ ไทยใหไ้ ด”้ นน่ั คอื พูดคยุ กับผมว่า “ทกุ วันนอ้ี ยู่ทบี่ า้ น หรือเดนิ ในหา้ งสรรพสินค้า จะตอ้ ง “ขอให้ถอื ประโยชนส์ ่วนตนเปน็ ท่สี อง ประโยชน์ของเพ่อื นมนษุ ย์เป็นกิจ หยดุ ทกุ ครงั้ โดยอตั โนมตั เิ มอ่ื ใชโ้ ทรศพั ท”์ หรอื “ทกุ วนั นเี้ มอื่ มโี ทรศพั ท์ ท่หี นงึ่ ลาภ ทรพั ย์และเกยี รตยิ ศจะตกมาแก่ทา่ นเอง ถ้าทา่ นทรงธรรมะ ดังจะหยุดเพื่อคุยโดยอัตโนมัติและจะคิดถึงหน้า จป.ทุกคร้ัง” ผมและ แห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” เราเป็นฟันเฟืองหน่ึงในการท�ำงานด้าน พนักงานหัวเราะด้วยความสนุก และยิ้มทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องน้ี เพราะ วิทยาศาสตร์สุขภาพ ซ่ึงการช่วยคนไม่ให้ประสบอุบัติเหตุอันเน่ือง นั่นคือความส�ำเร็จสูงสุดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนๆ หนึ่งให้มี มาจากการทำ� งาน หรอื โรคจากการทำ� งานเปน็ งานบญุ ในความคดิ ของผม ความปลอดภัยมากย่งิ ขึน้ ไมใ่ ช่แคใ่ นพื้นทีบ่ ริษัท แต่รวมไปถึงการใชช้ ีวิต เราจะรู้สึกอ่ิมใจทุกครั้งที่สามารถช่วยหรือปกป้องพนักงานของเราจาก ประจำ� วนั ด้วย ความเสี่ยงตา่ งๆ ได้ ดังน้ันหากเรามีความศรทั ธาในวิชาชพี นี้ เราก็จะไมม่ ี วันยอมแพ้ในการที่จะคิดหาแนวทางเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและโรคจาก ดคมีสว้านาว่ มนครสวับา�ำผมคปิดญั ลชใออนดบกตภารยั่อบสอรง่ิ ยหิแ่าวางรดไจลรัดบอ้ ก้ามางแรละสังคม การท�ำงาน เม่ือเราไม่ยอมแพ้ ผมเช่ือว่าเราก็จะประสบความส�ำเร็จ ในการทำ� งานในสายวิชาชีพนีไ้ ดอ้ ย่างง่ายดาย การประกอบกิจการของบริษัท หรือโรงงานทุกโรงงาน มักส่งผล กระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มและสงั คมไมม่ ากกน็ อ้ ย อกี ทงั้ ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั งิ านในฐานะ 36 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน
GLOBAL WIND ORGANISATION BASIC SAFETY TRAINING (GWO – BST) หลกั สตู รการฝกึ อบรม เม่ือกังหันลมได้มีการติดตั้งเพ่ิมข้ึนเป็นจ�ำนวนมากจึง ทางด้านความปลอดภยั ท�ำให้เกิดอุตสาหกรรมการท�ำงานท่ีเก่ียวข้องกับกังหันลมนี้เกิดข้ึน สำ� หรบั ผปู้ ฏบิ ัติงานบนกังหันลม ในหลากหลายรูปแบบ ดงั นั้น องคก์ รกังหันลมโลก (Global Wind Organization) ได้ก�ำหนดมาตรฐานของการฝึกอบรมด้านความ บทความโดย สภุ กณิ ห์ แสงชนนิ ทร์ ปลอดภัย (Basic Safety Training) เพื่อเป็นแนวทางในการ วศิ วกรผ้เู ช่ียวชาญด้านเทคนคิ /วทิ ยากร ท�ำงานอย่างปลอดภัย ส�ำหรับผู้ปฏิบัติงานบนกังหันลม ท้ังการ แผนกผลิตภณั ฑเ์ พือ่ ความปลอดภยั ส่วนบุคคล ติดต้ังและการบ�ำรุงรักษา หรือลักษณะงานอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ศนู ย์ฝกึ อบรมความปลอดภยั เนื่องจาก การปฏิบัติงานบนกังหันลมมีความเสี่ยงหลายด้าน บริษทั 3เอ็ม ประเทศไทย จำ� กดั เชน่ ตกจากทส่ี งู วสั ดสุ ง่ิ ของตกจากทส่ี งู กระแสไฟฟา้ ทา่ ทางการทำ� งาน ที่ไมถ่ ูกวธิ ี สภาพแวดลอ้ มในบริเวณที่ปฏิบัตงิ าน และสภาพอากาศ พลังงานลม เป็นพลังงานจากธรรมชาติที่สามารถน�ำมาใช้ ดังนั้นความปลอดภัยขณะปฏิบัติงานบนกังหันลมจึงมีความส�ำคัญ ประโยชน์ได้ มนุษย์เราได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานลมมานานหลาย สูงย่ิง ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ความช�ำนาญในการเข้าถึงพ้ืนท่ี พันปี ในการอำ� นวยความสะดวกสบายแกช่ วี ิต ในยุคปจั จุบนั พลงั งาน ท�ำงานที่มีความสูงไม่น้อยกว่า 80 เมตร ซึ่งต้องสามารถสวมใส่ ลมได้ถูกยกระดับความส�ำคัญน�ำมาใช้ประโยชน์มากข้ึน ด้วยการผลิต และใชง้ านอปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตรายสว่ นบคุ คลในการทำ� งานอยา่ งถกู ตอ้ ง เป็นกระแสไฟฟ้า เนื่องจากพลังงานลมมีอยู่โดยทั่วไป ไม่ต้องซ้ือ มีความรู้ในเร่ืองการกู้ภัยหรือช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท่ีสูง เป็นพลังงานที่สะอาด ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม รวมไปถึงวิธีการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและการยกเคลื่อนย้ายวัสดุ และสามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น “กังหันลม” อยา่ งถกู วธิ ี เพอื่ ใหก้ ารทำ� งานมปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ความปลอดภยั เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ถูกน�ำมาใช้สกัดพลังงานจลน์ของกระแสลม สงู สดุ และเปลย่ี นใหเ้ ปน็ พลงั งานกล จากนน้ั จงึ นำ� พลงั งานกลมาใชป้ ระโยชน์ โดยข้อก�ำหนดพื้นฐานส�ำหรับการฝึกอบรมเกี่ยวกับ กล่าวคือ เม่ือกระแสลมพัดผ่านใบกังหัน จะเกิดการถ่ายทอด กงั หนั ลมนี้ ตอ้ งไดร้ บั การยอมรบั ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง พลงั งานจลนไ์ ปสใู่ บกงั หนั ทำ� ใหก้ งั หนั หมนุ รอบแกน สามารถนำ� พลงั งาน กับการท�ำงานบนกังหันลมท่ัวโลก ดังนั้นหน่วยงานท่ีจะสามารถ จากการหมนุ นี้ไปใช้งานได้ ด�ำเนินการฝึกอบรมตามข้อก�ำหนดนี้จะต้องได้รับการรับรองจาก จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนี้ ในประเทศไทยของเราจึงได้มี “องค์กรกังหันลมโลก (Global Wind Organization)” การพัฒนาการใช้พลังงานทดแทน โดยใช้พลังงานลมเพ่ือผลิตกระแส จึงจะสามารถด�ำเนินการจัดการฝึกอบรมและออกใบรับรองการ ไฟฟ้า ดังน้ันทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีการลงทุนเพื่อด�ำเนินการติดต้ัง ฝึกอบรมตามข้อก�ำหนดนี้ได้ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อและ “กังหนั ลม“ ในหลายพืน้ ท่ขี องประเทศไทย ใบรบั รองของหนว่ ยงาน ทผี่ า่ นการรบั รองการฝกึ อบรบไดจ้ ากเวปไซต์ ของ Global Wind Organization (รปู ท่ี 1 แสดงตวั อย่างหนว่ ยงาน ฝึกอบรมที่ไดร้ ับการรับรองจากองคก์ รกงั หันลมโลก) นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน 37
รปู ที่ 1 แสดงตัวอย่างหน่วยงานฝึกอบรมที่ได้รับการรับรอง 2. GWO-BST: First Aid (GWO-BST: FA) คอื หลกั สตู รการ จากองคก์ รกังหนั ลมโลก ฝึกอบรมท่ีเก่ียวข้องกับวิธีการปฐมพยาบาลเบ่ืองต้นและการช่วยฟื้น คืนชพี 3. GWO-BST: Fire Awareness (GWO-BST: FAW) คอื หลักสูตรการฝึกอบรมท่เี กี่ยวขอ้ งกับวธิ ีการดับเพลิงเบอื่ งตน้ 4. GWO-BST: Manual Handling (GWO-BST: MH) คอื หลกั สตู รการฝกึ อบรมทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วธิ กี ารยกเคลอื่ นยา้ ยวสั ดอุ ยา่ งถกู วธิ ี 5. GWO-BST: 4 Modules (GWO-BST: FA, FAW, MH, WAH&R) คือหลักสูตรการฝึกอบรมรวมท้ัง 4 หัวข้อ ตามข้อมูล เบื่องตน้ นี้ ขอ้ ดขี องขอ้ กำ� หนดมาตรฐานดา้ นการฝกึ อบรมของ GWO-BST ตารางท่ี 1 เค้าโครงเนอื้ หาหลกั สตู รการฝกึ อบรมหัวขอ้ ต่างๆ สำ� หรับ สำ� หรบั ผูป้ ฏบิ ัตงิ านบนกงั หันลมคอื ผูป้ ฏบิ ตั งิ านกับกังหันลม • ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงทท่ี ว่ั โลกยอมรับและปฏิบัติตาม ดงั นน้ั หลายหนว่ ยงานในอตุ สาหกรรมการทำ� งานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง • ชว่ ยใหห้ นว่ ยงานจดั การฝกึ อบรมทวั่ โลกสามารถดำ� เนนิ การ กบั กงั หนั ลมทวั่ โลก จงึ ใหก้ ารยอมรบั หลกั สตู รการฝกึ อบรมและหนว่ ย ฝึกอบรมไปในทิศทางเดียวกนั งานฝึกอบรมท่ีได้รับการรับรองจาก องค์กรกังหันลมโลก (Global • ชว่ ยเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการทำ� งานใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ยง่ิ ขนึ้ Wind Organization) ในการดำ� เนนิ การฝกึ อบรมส�ำหรบั ผปู้ ฏิบตั งิ าน หลักสูตร การฝึกอบรมพื้นฐานด้านความปลอดภัยตามข้อ ภายในองค์ของตนเอง และผลักดันส่งเสริมให้เกิดการอบรมส�ำหรับ กำ� หนดของ องคก์ รกงั หนั ลมโลก (GWO-BST) ซงึ่ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านบนกงั หนั บริษัทที่เป็นคู่ธุรกิจด้วยเช่นกัน เพื่อการท�ำงานท่ีมีประสิทธิภาพ ลมหรอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กงั หนั ลมในประเทศไทยควรจะผา่ น และความปลอดภยั อย่างสูงสุดกับพนักงาน การฝกึ อบรมคือ (เค้าโครงเนื้อหาดังตารางที่ 1) 1. GWO-BST: Working at Height & Rescue (GWO-BST: WAH&R) คือหลักสูตรการฝึกอบรมท่ีเกี่ยวข้องกับวิธีการปฏิบัติงาน บนท่ีสูงหรือการท�ำปฏิบัติงานบนกังหันลมและการช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงการอพยพหลบหนจี ากกงั หนั ลม เม่ือเกดิ เหตุการณ์ฉุกเฉิน 38 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน
KEYS สำ� หรับการเขยี นโครงการความปลอดภัย เพือ่ ลดอุบตั ิเหตแุ ละส่งเสรมิ พฤติกรรม การท�ำงานทป่ี ลอดภัย Step 1 มองภาพรวมโครงการ ดว้ ย 6W 1H W1 = WHO (ใครเปน็ ผู้ดำ� เนนิ โครงการ) W2 = WHAT (จะทำ� อะไรบา้ ง) W3 = WHEN (จะทำ� เมื่อไร) W4 = WHERE (สถานท่ที ไ่ี หน) W5 = WHY (จะทำ� ไปทำ� ไม) W6 = TO WHOM (ใครได้รบั ประโยชน)์ H1 = HOW (ดำ� เนินการอย่างไร) 40 นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน
Step 2 ร้รู ูปแบบการเขยี นโครงการ ผ่าน 10 หัวขอ้ ที่จ�ำเป็น 1. ชื่อโครงการ (ชัดเจน เขา้ ใจง่าย) 2. หลกั การและเหตุผล (ข้อมลู ตา่ งๆ เกี่ยวกับสภาพการท�ำงาน ปญั หา เหตุผลท่จี ะตอ้ งมกี ารปรับปรงุ แก้ไข ฯลฯ) 3. วัตถุประสงค์ เป้าหมาย (สง่ิ ท่ตี อ้ งการคอื อะไร เพื่ออะไร ต้ังเปา้ หมายแบบ SMART GOAL สามารถวัดผลได)้ 4. กล่มุ เป้าหมาย (ผูไ้ ดร้ ับผลจากโครงการนี้) 5. สถานท่ี พน้ื ที่ดำ� เนินการ (ทง้ั หมดขององคก์ ร ตามสว่ นงาน ตามแผนก) 6. แผนการด�ำเนินงาน (กรอบและทิศทางของงาน วธิ ีการดำ� เนนิ งาน รูปแบบของงาน ข้นั ตอนการดำ� เนนิ การและระยะเวลาการดำ� เนินงาน) 7. งบประมาณทต่ี อ้ งใช้ (ระบุเปน็ ตัวเลขทชี่ ัดเจนส�ำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละขั้นตอน) 8. ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ (สิ่งท่ไี ด้หลงั จากด�ำเนนิ โครงการไปแลว้ สกั ระยะและเมือ่ ส้นิ สุดโครงการ) 9. ผรู้ ับผิดชอบโครงการ หน่วยงานทร่ี บั ผิดชอบโครงการ (ผูร้ บั ผดิ ชอบหลัก ผรู้ บั ผดิ ชอบรองและทีมงาน ) 10. ผ้อู นมุ ตั โิ ครงการ (นายจา้ ง ฝ่ายบรหิ าร ลงช่อื รบั ทราบ และอนุมตั ิสนบั สนนุ โครงการ) Step 3 ค้นหาขอ้ มูลพื้นฐาน Step 4 ของสภาพปัญหาและวเิ คราะห์ปญั หา เสนอโครงการเพอื่ นุมตั ิ ศกึ ษาคน้ หาขอ้ มลู พน้ื ฐานและวเิ คราะหป์ ญั หา เอกสารโครงการท่ีเขียนครบถ้วนส�ำหรับ ณ ปัจจุบันท่ีเก่ียวข้องกับการเสนอโครงการ รวบรวม เป็นข้อมูลการพิจารณา และใช้การพูดน�ำเสนออธิบาย ขอ้ มลู และขอ้ เทจ็ จรงิ สำ� หรบั ประกอบการเขยี นโครงการ โครงการให้เข้าใจง่ายๆ และเห็นภาพ(พูดโน้มน้าวใจ (สภาพแวดล้อมในการท�ำงานที่ไม่ปลอดภัย และการ ใช้เวลาให้น้อย ใช้สอยให้คุ้มค่า เตรียมตัวล่วงหน้า กระท�ำที่ไม่ปลอดภัย) เพื่อใช้ในการก�ำหนดแนวทางแก้ เกี่ยวกับโครงการให้พร้อมอธิบายโดยมีการใช้ภาพหรือ ปญั หา ส่ืออ่ืนๆ ท่ีช่วยให้เข้าใจง่ายและเล่าเรื่องราวจนทุกคน เขา้ ใจโครงการในทศิ ทางเดียวกนั ) นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 41
Step 5 ยดึ หลัก PDCA Plan : การวางแผนการด�ำเนนิ งาน ดำ� เนิน Do : การลงมอื ปฏิบตั ิ โครงการ Check : การตรวจสอบและทบทวนการปฏิบตั ิ Act : การด�ำเนนิ การแกไ้ ขปรับปรงุ ให้การดำ� เนินโครงการมีประสทิ ธภิ าพมากข้นึ Step 6 เอกสารหลกั ฐานที่มกี ารบนั ทึกขอ้ มลู ตลอดท้ังโครงการ (วิเคราะหข์ อ้ มลู เชงิ สถติ ิ, ประเมินจดุ ดี จดุ ดอ้ ย, สรุปประเมนิ สรุปงบประมาณและความคมุ้ ค่าของการท�ำโครงการ) โครงการ Step 7 • โครงการท�ำแลว้ Success ทำ� ต่อเนือ่ งต่อไป • น�ำไปปรบั ใหเ้ ข้ากบั มาตรฐานความปลอดภยั ในการ ต่อยอด ทำ� งาน วธิ ี ข้ันตอน กฎ (Safety Rule) ขององคก์ รเพอ่ื ไปสู่การปฏิบัติรว่ มกันในรปู แบบต่างๆ ตามความ ขยายผล เหมาะสม เช่น แทรกในการปฏิบัติงานเพ่ือความปลอดภัย ประจ�ำวัน, ประจ�ำสัปดาห์หรือประจ�ำเดือน เปน็ ตน้ เพ่ือใหเ้ กิดการมสี ่วนรว่ มของทกุ คนทุกระดับ ท�ำซ้ำ� ในสง่ิ ใหมๆ่ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่เพม่ิ เติม ใหก้ ับองคก์ ร ผู้เสนอโครงการจ�ำเป็นต้องท�ำโครงการที่สมเหตุสมผล มีความชัดเจน มีข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ และเปน็ ผลดี มีประโยชน์ มีผลตอบกลับที่คุ้มคา่ หลังจบโครงการ ทราบภาพรวมทงั้ 7 Keys ส�ำหรับการเขยี นโครงการความปลอดภยั เพ่อื ลดอบุ ัตเิ หตุและสง่ เสริมพฤติกรรมการท�ำงานท่ปี ลอดภัย กนั แลว้ จุดทนี่ า่ จะเป็นช่วงหัวเล้ียวหวั ต่อของการทำ� โครงการ นา่ จะไปอย่ทู ีช่ ว่ งกง่ึ กลาง 7 Keys คอื Step 4 การเสนอโครงการเพอ่ื น 42 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
หลายๆ โครงการท่ีมีการเสนอเพ่ือให้มีการอนุมัติจากผู้ท่ีมีอ�ำนาจ/ฝ่ายบริหาร/เจ้าของกิจการ/นายจ้าง อาจถูกพับเก็บใส่กระเป๋า ดว้ ยคำ� พดู ประมาณน้ีอยบู่ อ่ ยๆ เชน่ “ตอ้ งใช้งบประมาณเยอะ ตอนนีน้ า่ จะไม่มีงบ” , “จ�ำเปน็ ต้องใช้วิธีน้เี หรอ มวี ธิ ีอ่นื อกี ไหม ไปหาวธิ ีอนื่ ๆ มาก่อน” , “เวลาท�ำงานจะไม่พออยู่แล้ว งานกเ็ รง่ วันหยดุ ก็เยอะ จะเอาเวลาไหนไปท�ำโครงการ” , “โครงการที่ผ่านมาเป็นยังไง งานน้ีจะรอดไหม ทำ� ได้แน่เหรอ” เปน็ ต้น ปัญหาที่เจอ คือ เสนอโครงการความปลอดภัยไปแล้ว ไม่ได้รับการอนุมัติ แบบน้ีคงถึงเวลาแล้ว ที่ต่อจากนี้ ใครท่ีต้องเขียนโครงการ เพื่อเสนออนุมัติ ต้องกระชากตัวเอง ลุกข้ึนมาสวมวิญญาณการเป็นเจ้าของโครงการแบบเต็มพลัง ลุยเต็มที่ เทหมดหน้าตัก สวมพลังแบบ เดียวกับการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องน�ำเสนอขายงาน เพื่อหาทุนมาต่อยอดความคิด ขยายธุรกิจของตัวเอง ใช้พลังความรู้สึกแบบสู้ไม่ถอยแบบ ชาว Start up นัน่ เอง การพูดขายงานเพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเกิดความสนใจและร่วมลงทุนทางธุรกิจ นิยมใช้การ Pitching (พิทชิง) เน้นการให้ข้อมูลส�ำคัญ ของธุรกิจ ในเวลาที่จ�ำกัดส�ำหรับการพูดน�ำเสนอโครงการเพื่อโน้มน้าวใจให้เกิดความสนใจและอนุมัติโครงการเกี่ยวกับความปลอดภัย สามารถ ประยกุ ตก์ ารนำ� เสนอขายงานแบบ Pitching มาปรับใช้เป็น หวั ใจ 5 ขอ้ สำ� หรบั การพูดนำ� เสนอโครงการได้ ดังนี้ 1. เตรียมความพร้อม ท�ำการบ้านเกี่ยวกับโครงการที่จะเสนอเป็นอย่างดี Step 1 - 3 พร้อม ภาพStep 5 - 7 ชัด ในวันน�ำเสนอ เน้นโฟกัสไปที่ภาพผลลัพธ์หลังจบการเสนอโครงการ คือ โครงการ “ผ่านการอนุมัติ” และผู้เสนอโครงการ ควรมีผลในใจที่ยอมรับได้ไว้ด้วย หากผลอนมุ ตั อิ อกมามเี งือ่ นไขตอ่ รอง เชน่ อนมุ ตั ิโครงการแตใ่ ห้มีการแบง่ โครงการเป็นเฟสย่อยๆ เป็นตน้ 2. แตง่ กายสภุ าพเหมาะสมกบั การนำ� เสนอโครงการ และพดู นำ� เสนอดว้ ยความมน่ั ใจ นำ้� เสยี งชดั เจน เสยี งดงั ฟงั ชดั สรา้ งและนำ� เสนอ จุดเดน่ ของโครงการ ดว้ ยความเป็นธรรมชาติของผนู้ �ำเสนอ ควรสรา้ งภาพความประทับใจให้ได้ต้ังแต่เร่ิมต้น 3. ให้ความสำ� คญั กบั เรือ่ งเวลา ใชเ้ วลาใหน้ ้อย ใชส้ อยใหค้ มุ้ คา่ (ประมาณ 10-20 นาที) 3.1 ใชเ้ วลาในการน�ำเสนอขอ้ มูลจาก 7 Keys ใน Step 1 - 3 เพียง 1 ใน 3 ของเวลาท้งั หมด ดว้ ยประเด็นเบ้อื งต้นเหลา่ นี้ - ใช้ Step 1 เพื่อเปิดการพดู คุยและเลา่ เรื่องราวของโครงการ ส�ำหรบั ใหเ้ หน็ ภาพรวมทีช่ ดั เจน ตรงกัน - ใช้ Step 3 บอกปัญหา บอกวิธีการแก้ปัญหา ปัญหาท่ีจะแก้ส�ำคัญอย่างไร และโครงการท่ีน�ำเสนอนี้มีความแตกต่าง และมปี ระโยชน์อยา่ งไร - ใช้ Step 2 บอกแผนงาน ภาพส�ำเรจ็ สิง่ ทจ่ี ะไดเ้ มอ่ื จบโครงการ ห้ามลืม!!! เรอ่ื งน้ตี ้องพูด ต้องอธิบายเร่ืองงบประมาณทั้งหมดที่ต้องใช้ในโครงการให้สมเหตุสมผล ใช้งบประมาณไปท�ำ อะไร ใช้ในส่วนไหนเท่าไหร่ อย่างไร และปิดจบเรอ่ื งงบประมาณกับความค้มุ คา่ ทจี่ ะไดก้ ลบั คนื มาเม่อื ปดิ จบโครงการ งบประมาณที่ทำ� โครงการไดแ้ ปรเปลี่ยนเป็นการการเตบิ โตใหก้ บั องคก์ รอยา่ งไรบ้าง 3.2 ใช้เวลา 2 ใน 3 ที่เหลือ ในการพูดคุย ถาม-ตอบข้อสงสยั - ตอบคำ� ถามทีละคำ� ถามจนครบทุกค�ำถาม ตอบใหส้ ้นั กระชบั ตรงประเดน็ 4. สรา้ งการเช่ือมโยงกับผูฟ้ งั /ผู้อนมุ ตั โิ ครงการ 4.1 ตรวจสอบความร้คู วามเขา้ ใจเดมิ ของผฟู้ งั เพือ่ ใหก้ ารตีความของผ้ฟู งั ตรงกบั สง่ิ ทีต่ อ้ งการสื่อสาร - ผู้ฟังมีความรู้เรื่องไหนบ้าง และเคยผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง (ถ้าไม่มีพ้ืนความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะฟัง ควรช่วยปูพ้ืนความรู้ เบอ้ื งตน้ ให้กอ่ น หากมีพื้นความร้แู ล้ว ไม่ต้องพูดเยอะ เจบ็ คอ ข้ามประเดน็ นี้ไปเลย) นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน 43
4.2 ย้ำ� สิ่งทผี่ ู้ฟงั จะไดร้ ับจากโครงการนี้ - ผลตอบกลบั ท่ีคุ้มคา่ ทไี่ ดค้ ืนมาหลงั จากเริม่ ดำ� เนินโครงการไปสักระยะและเมอื่ สิ้นสดุ โครงการ 4.3 สรา้ งอารมณ์รว่ มของผ้ฟู งั กับโครงการท่ีน�ำเสนอ - สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม ผ่านการน�ำเสนอด้วยภาพ ค�ำพูดหรือส่ืออ่ืนๆ ท่ีช่วยให้เข้าถึงประสาทสัมผัสท้ัง 5 (ตา, หู, จมูก, ลิ้น และการสัมผสั ด้วยกาย) ของผู้ฟงั 5. สรปุ และยืนยนั ผลการพูดคุยเกย่ี วกับการเสนอโครงการ โครงการผา่ นการอนุมัติกล็ ุยตอ่ ใช้ Step 5 - 7 ตามล�ำดับต่อไป ขอให้ทุกๆ คนสนุกไปกับการเขียนโครงการความปลอดภัย ด้วย 7 Keys ส�ำหรับการเขียนโครงการความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุ และส่งเสริมพฤติกรรมการท�ำงานท่ีปลอดภัยและใช้หัวใจ 5 ข้อ ส�ำหรับการพูดน�ำเสนอโครงการ เพื่อโน้มน้าวใจให้เกิดความสนใจและอนุมัติ โครงการกันนะคะ.... ฮั่นแน!่ !! น�ำเสนอกโ่ี ครงการก็ผ่านหมด อนมุ ตั ิหมดทกุ โครงการกนั เลยนะ ดใี จดว้ ยจรงิ ๆ คะ่ จะไดม้ โี ครงการดๆี มาชว่ ยลดอบุ ตั เิ หตแุ ละสง่ เสรมิ พฤตกิ รรมการทำ� งานทป่ี ลอดภยั กนั เยอะๆ ทกุ ๆ คนจะไดป้ ลอดภยั ดว้ ยรกั และหว่ งใย จากใจผู้เขยี น...โคช้ ออนซ_์ สุชาดา อวยจินดา วทิ ยากรความปลอดภัยในการท�ำงาน (หลกั สูตรจติ ส�ำนึกความปลอดภยั ,หลกั สูตรพฤตกิ รรมความปลอดภัย) 44 นติ ยสารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน
โรคพษิ สนุ ัขบ้า RHAYDBIREOS,PHOBIA โดย พว พนมกรณ์ แสงอรณุ (ครเู สือ) โรคพิษสุนขั บ้าคืออะไร โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน�้ำเป็นโรคติดเชื้อในระบบประสาทจากสัตว์สู่คน มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ผู้ท่ีเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะเสียชีวิตเกือบทุกราย เนื่องจากปัจจุบัน ยงั ไมม่ ยี าทใี่ ชใ้ นการรกั ษา แตท่ งั้ นโ้ี รคพษิ สนุ ขั บา้ เปน็ โรคทสี่ ามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดยการฉดี วคั ซนี คนตดิ โรคพษิ สนุ ขั บ้าจากสัตว์ชนิดใดบ้าง โรคพิษสุนขั บ้าพบได้ในสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยนมหลายชนดิ เช่น แมว คา้ งคาว ววั ลงิ ชะนี กระรอก กระต่าย รวมถงึ หนู เป็นตน้ แต่พบวา่ สนุ ัขและแมวเปน็ สัตวท์ นี่ �ำโรคพษิ สนุ ขั บา้ มาสูค่ น ได้บ่อยท่ีสุด โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อโดยการสัมผัสกับน�้ำลายจากการถูกกัด ข่วนหรือเลียบริเวณ ท่ีมีบาดแผลรอยถลอกหรือรอยขีดข่วนบาดแผล หรือถูกเลียบริเวณเย่ือบุตา หรือปาก เป็นต้น นอกจากนี้ การช�ำแหละซากสัตว์หรือรับประทานผลิตภัณฑ์ดิบจากสัตว์ท่ีเป็นโรคพิษสุนัขบ้า กส็ ามารถติดโรคได้ อาการของโรคพษิ สนุ ัขบา้ ในคนเป็นอย่างไร หลังได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าผู้ป่วยจะแสดงอาการป่วยโดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน ในบางรายอาจใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีอาการก็ได้ ท้ังน้ีข้ึนกับต�ำแหน่งที่ถูกกัด ขนาด จ�ำนวนและความลึกของบาดแผลรวมถึงภูมิต้านทานของคนท่ีถูกสัตว์กัด อาการของ โรคพษิ สนุ ขั บา้ แบง่ เป็น 3 ระยะ ดงั นี้ นิตยสารความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการท�ำงาน 45
1. ระยะเรม่ิ ตน้ ผปู้ ว่ ยจะมอี าการทไ่ี มเ่ ฉพาะเจาะจง เชน่ ไข้ เจบ็ คอ ปวดศรี ษะ เบอื่ อาหาร ปวดเมือ่ ยตามตวั หนาวสนั่ คลนื่ ไสอ้ าเจยี น กระวนกระวายนอนไม่หลับ ในบางรายอาจมอี าการเจ็บ เสยี วแปลบ๊ คล้ายเขม็ ทิม่ หรือคนั อย่างมากบริเวณท่ถี ูกกดั ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะท่จี �ำเพาะของโรคระยะนี้มเี วลาประมาณ 2-10 วนั 2. ระยะท่มี อี าการทางสมอง ผปู้ ว่ ยจะมีอาการสบั สน วนุ่ วาย กระสับกระส่าย อยู่ไมน่ ่งิ กลืนลำ� บาก รวมถงึ กลัวน้�ำ อาการจะมากขึน้ หากมเี สียงดัง หรอื ถูกสัมผสั เนอ้ื ตวั จากนน้ั ผปู้ ่วยอาจมีอาการชักและเปน็ อัมพาต ระยะน้มี อี าการประมาณ 2-7 วนั 3. ระยะท้าย ผปู้ ว่ ยอาจมีภาวะหายใจลม้ เหลว หวั ใจหยดุ เตน้ โคม่า และเสียชวี ิตในเวลาอันสัน้ ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไรเม่ือถกู สัตว์กัด 1. รีบลา้ งแผลให้เรว็ ทส่ี ดุ ด้วยน�ำ้ สบู่และน�้ำสะอาดหลาย ๆ คร้ัง นานอยา่ งน้อย 15 นาที ล้างทุกแผล และล้างให้ลึกถึงก้นแผล แลว้ เช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆา่ เช้ือบริเวณแผล เช่น ยาโพวิโดนไอโอดนี เปน็ ต้น 2. จดจำ� ลกั ษณะและสังเกตอาการสตั ว์ท่กี ดั รวมท้งั สบื หาเจ้าของ เพ่ือสอบถามประวตั ิการฉดี วคั ซนี ป้องกันพิษสนุ ัขบ้าและสงั เกตอาการสัตว์ที่กัดเปน็ เวลา 10 วัน ถา้ สบายดีไม่น่าเป็นโรคพษิ สุนัขบา้ แต่ถา้ สุนัข ตายให้นำ� ซากมาตรวจ 3. ไปพบแพทยท์ นั ทพี รอ้ มนำ� สมดุ วคั ซนี หรอื ประวตั กิ ารฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคพษิ สนุ ขั บา้ และบาดทะยกั ไปด้วย เพ่ือรับการป้องกันรักษาท่ีถูกต้อง ถ้ามีความเส่ียงต่อโรคพิษสุนัขบ้า เช่น ถูกกัดหรือข่วน แพทย์จะ พิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยักและยาฆ่าเช้ือ นอกจากน้ีในกรณีท่ี มีโอกาสติดโรคพิษสุนัขบ้าสูง แพทย์อาจพิจารณาให้อิมมูโนโกลบุลินซ่ึงมีภูมิต้านทานโรคพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย โดยวคั ซนี ปอ้ งกนั โรคพษิ สนุ ขั บา้ จะฉดี ประมาณ 3-5 ครงั้ เปน็ วคั ซนี มคี วามปลอดภยั สงู สามารถฉดี ไดท้ กุ วยั รวมทง้ั ในเดก็ และสตรีมีครรภ์ วคั ซนี ป้องกันโรคพิษสุนขั บา้ มปี ระสิทธิภาพสงู หากไปรบั การฉดี ตามแพทย์นดั ทกุ ครงั้ จะป้ องกนั พิษสนุ ัขบา้ ไดอ้ ย่างไร เนอ่ื งจากโรคพิษสนุ ขั บา้ เป็นโรคท่ไี ม่มียาที่ใชใ้ นการรกั ษา และถ้าตดิ เช้ือจะเสยี ชีวิตเกือบทกุ ราย ดังนนั้ การป้องกันไมใ่ หเ้ กดิ โรคจงึ มีความสำ� คญั เปน็ อยา่ งย่ิง โดยมแี นวทางในการปอ้ งกันดังน้ี 1. ควบคุมไมใ่ ห้เปน็ โรคพิษสนุ ัขบ้า • พาสตั วเ์ ลย้ี งไปฉีดวัคซนี ปอ้ งกันพิษสุนขั บา้ ตามก�ำหนด และฉีดซ�้ำทกุ ปี • ไมป่ ลอ่ ยสัตวเ์ ลย้ี งไปในทีส่ าธารณะ ทุกครงั้ ท่ีจะนำ� สนุ ัขออกนอกบ้านควรอยใู่ นสายจูง • ไม่นำ� สตั วป์ ่ามาเลี้ยง 2. หลีกเลยี่ งไมใ่ ห้ถกู สัตว์กดั โดยไมแ่ หย่หรอื รังแกใหส้ ัตวโ์ มโห รวมทัง้ ไม่ยุ่งหรือเขา้ ใกลส้ ัตว์ทไี่ ม่รจู้ กั หรือไม่มเี จา้ ของ 3. ถ้าถกู สัตวก์ ัดแลว้ ควรปฎบิ ัติตามค�ำแนะนำ� ข้างต้น 4.พิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบป้องกันล่วงหน้าในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบอาชีพที่มี ความเส่ยี งในการสมั ผัสโรคพิษสนุ ัขบา้ ได้แก่ สัตวแพทย์ ผ้ทู มี่ อี าชีพเลี้ยงและขายสตั ว์ เปน็ ตน้ ผู้ทอ่ี ยใู่ นพื้นทหี่ า่ งไกลที่มกี ารระบาดของโรคพิษ สุนัขบ้า ซ่ึงอาจท�ำให้การเข้าถึงวัคซีน การตรวจทางน้�ำเหลือง รวมถึงการมารับวัคซีนกระตุ้นตามนัดท�ำได้ยากล�ำบาก หรืออาศัยอยู่บนพื้นท่ี ทมี่ แี หลง่ รงั ของโรคพษิ สนุ ขั บา้ ในสตั วป์ า่ รวมถงึ เดก็ ทเี่ ลยี้ งสนุ ขั และแมวเปน็ ตน้ ควรปรกึ ษาแพทยเ์ พอ่ื รบั วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคพษิ สนุ ขั บา้ แบบปอ้ งกนั ลว่ งหนา้ และเม่ือถกู สัตว์กดั จะต้องฉดี วัคซนี กระตุ้นซำ�้ อกี 1-2 ครัง้ หยุดเสยี่ ง ดว้ ยคาถา 5ย. ป้ องกนั พิษสุนัขบา้ 1 อยา่ แหย่ ให้สุนัขโมโห 2 อย่าเหยียบสนุ ัขใหต้ กใจ 3 อย่าแยกสัตวท์ ่กี ดั กนั ด้วยมือเปลา่ 4 อยา่ หยิบแย่งจานอาหาร 5 อย่ายุง่ สนุ ขั ท่ีไมไ่ ด้เลยี้ ง 46 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน
อันตราย ปัญหาทมี่ ักพบเจอบอ่ ยๆ ในชว่ งหนา้ ฝน มที ัง้ เร่อื งของสุขภาพ อบุ ตั ิเหตุ จากหไนฟา้ ฝฟน้า ต่างๆ อาทิ จากการเดินทาง การพลัดตกหกล้ม หรือถูกสัตว์ที่มีพิษกัดต่อย และโดยเฉพาะเรอื่ งใกลต้ วั อยา่ ง “ไฟฟา้ ” ทเี่ ราทราบกนั ดวี า่ ไฟฟา้ มที ง้ั คณุ และโทษ (Electrical Shock) แต่มีหลายเหตุการณ์ท่ีไม่น่าเกิดข้ึน และน�ำมาซ่ึงความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไปเพราะอนั ตรายจากไฟฟา้ ที่มา : www.siphhospital.com อะไรคอื “ส่อื นำ� ไฟฟ้า” หรอื “ฉนวนไฟฟ้า” สอื่ นำ� ไฟฟา้ คอื สง่ิ ที่เป็นทางเดินของไฟฟา้ เช่น เสน้ ลวด สายไฟ วัสดุ ที่เป็นโลหะ รวมไปถึงผิวหนังของคนเรา โดยเฉพาะในภาวะที่เปียกชื้นถือเป็นส่ือ นำ� ไฟฟ้าไดด้ ที ีเดยี ว ฉนวนไฟฟ้า คือ วัสดุ หรือวัตถุสิ่งของที่ไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านได้ มกั จะเปน็ วสั ดุแห้ง เช่น แผ่นยาง แผ่นไม้ พลาสติก ผา้ ฯลฯ อุบตั ิเหตทุ ่ีเกดิ จากไฟฟ้า อุบัติเหตุจากไฟฟ้าที่พบบ่อย เกิดจากอุปกรณ์เคร่ืองใช้ท่ีมีไฟรั่ว และบรเิ วณนนั้ มนี ำ้� ทว่ มขงั ทำ� ใหม้ กี ารลดั วงจรไฟฟา้ เกดิ ขน้ึ นอกจากนอี้ าจเกดิ จาก ฟา้ รอ้ ง ฟา้ ผา่ ซง่ึ เปน็ อบุ ตั เิ หตทุ ร่ี นุ แรงทส่ี ดุ การถกู ฟา้ ผา่ กระแสไฟฟา้ จะทำ� อนั ตราย ต่อการท�ำงานของหัวใจและสมอง ท�ำให้คล่ืนหัวใจเต้นผิดปกติ เกิดหัวใจวาย เฉยี บพลันได้ ซ่งึ พบได้ไมบ่ อ่ ย ในกรณีน้ีเม่ือเทียบกับผู้ถูกไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต แม้อุปกรณ์เครื่องใช้ใน บ้านจะมีกระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ ซ่ึงถือเป็นไฟฟ้าแรงต�่ำ แต่ถ้าผู้น้ันถูกไฟฟ้าดูด หรอื ชอ็ ตเปน็ เวลานาน อาจทำ� ใหข้ าดเลอื ดรนุ แรงจนถงึ กบั สญู เสยี อวยั วะหรอื กลาย เป็นผู้พกิ ารในที่สดุ หรือเสียชวี ติ ได้ 48 นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำ� งาน
การปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้นเม่อื ได้รบั อันตรายจากไฟฟ้า 1. ต้องเคลอื่ นย้ายผปู้ ่วยออกจากบริเวณทถี่ กู ไฟดูด ไฟช็อตให้เรว็ ทสี่ ุด และทสี่ �ำคญั ที่สุดคอื ต้องป้องกันอนั ตรายไฟฟ้าดูด จากผูท้ ี่จะเขา้ ไปช่วยเหลือด้วย ซงึ่ บ่อยครัง้ พบว่าผู้ที่เขา้ ไปช่วยเหลือกลับไมไ่ ดร้ ะวงั ตรงจดุ น้จี นถกู กระแสไฟฟ้าดูดเสียชวี ติ ไปด้วย เม่ือพบแหล่งไฟฟา้ รวั่ ควรพยายามหาทางตดั วงจรไฟฟ้าเสยี กอ่ น ซงึ่ ส่วนใหญม่ ักลมื ตัดไฟฟ้าทล่ี ดั วงจร สำ� หรบั ผ้ทู ถ่ี ูกไฟฟ้าแรงสงู ดูด และมีสายไฟพาดผา่ นตวั ต้องหาวสั ดทุ ่ีเป็นฉนวนไม่น�ำกระแสไฟฟ้า เช่น ไมห้ รือผา้ เพือ่ ใช้น�ำสายไฟน้นั ใหพ้ น้ จากตัวผูป้ ่วยกอ่ นทีจ่ ะเข้าไปชว่ ยเหลอื ไมค่ วรใช้มอื เปล่า หรอื สว่ นของร่างกายที่ไมม่ ีฉนวนหุ้มจบั ตอ้ งกบั ตวั ผปู้ ่วยหรือสายไฟ นอกจากนี้ต้องพยายามตรวจดูให้ละเอียดว่าผู้ป่วยท่ีถูกไฟดูดมีบาดแผลอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น อาจพลัดตกจากที่สูง มีบาดเจ็บ ท่ศี ีรษะ หรอื กระดูกส่วนตา่ งๆ หกั เช่น กระดกู คอ กระดูกแขนขา หรือกระดูกสันหลงั เพราะหากไม่ระมัดระวังในจดุ น้แี ละท�ำไมถ่ ูกต้องในการ เคล่อื นย้ายผู้ป่วยออกจากทีเ่ กิดเหตุ อาจทำ� ให้เกิดพิการ หรอื อมั พาตตามมาได ้ 2. ตรวจดูว่าหัวใจยังเต้นอยู่หรือไม่ เพราะกระแสไฟฟ้าแรงสูงท่ีไหลผ่านหัวใจ อาจท�ำให้คลื่นหัวใจหยุดเต้นได้ โดยใช้น้ิวมือคล�ำดู จากการเต้นของชีพจรบรเิ วณคอ ถา้ หวั ใจหยดุ เตน้ ตอ้ งทำ� การนวดหวั ใจไปพรอ้ มๆ กบั การผายปอด 3. หลังจากช่วยเหลอื ผูป้ ว่ ยออกมาได้แลว้ ให้รีบนำ� สง่ โรงพยาบาลโดยเร็วทส่ี ุด ขอ้ หา้ มท่ไี ม่ควรท�ำเม่อื ช่ วยเหลือผูท้ ่ีได้รับอนั ตรายจากไฟฟ้า 1. ห้ามเข้าไปชว่ ยผู้ถกู ไฟฟา้ ชอ๊ ต จนกว่าจะแนใ่ จไดว้ ่าผบู้ าดเจ็บมิได้สมั ผสั กบั สายไฟฟา้ หรือตวั น�ำไฟฟา้ ใดๆ ถา้ จำ� เป็นตอ้ งหาวัสดุ ที่เปน็ ฉนวนไม่นำ� กระแสไฟฟา้ เชน่ ไม้หรอื ผ้ามาเขยี่ สายไฟออกจากผบู้ าดเจ็บก่อน 2. ถ้าผวิ หนังผทู้ จ่ี ะชว่ ยน้ันเปียกชื้น ห้ามเขา้ ไปชว่ ยเพราะอาจเปน็ ตวั น�ำกระแสไฟฟา้ และถูกไฟฟ้าดดู ได้ 3. ถ้าไม่แน่ใจวา่ จะปลอดภยั หรือไม่ในการเขา้ ไปช่วยเหลือ เนื่องจากไมม่ คี วามรใู้ นการตัดกระแสวงจรไฟฟ้าหรือวธิ กี ารชว่ ยเหลอื ที่ถกู ตอ้ ง ให้รบี ตามคนมาชว่ ย การป้ องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด 1. หมั่นตรวจเชค็ อปุ กรณแ์ ละสายไฟอยเู่ สมอ และควรซอ่ มแซมสว่ นทีช่ ำ� รุดใหเ้ รยี บร้อย 2. บริเวณทวี่ างสายไฟ ไมค่ วรวางสง่ิ ของท่ีมีนำ�้ หนกั มากทับลงไป และวางให้พน้ ทางเดนิ 3. ระมดั ระวงั ไมใ่ ห้เครื่องใช้ไฟฟา้ เปยี กน้ำ� 4. หา้ มซอ่ มเคร่ืองใช้ไฟฟา้ เองโดยทีไ่ ม่มีความรู้ 5. ไม่ควรใช้ไฟฟา้ หลายอยา่ งกบั ปลก๊ั ไฟตัวเดียว 6. ตอ่ สายดินเพ่ือใหก้ ระแสไฟลงดินเม่อื เกดิ ไฟฟา้ รั่ว 7. ติดตั้งเคร่ืองตดั ไฟฟา้ ลัดวงจรภายในบ้าน เพอ่ื ความปลอดภยั และเปน็ การปอ้ งกันท่ดี ี นติ ยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�ำงาน 49
SAFETY ASEAN รศ.ดร.พรพรรณ สกลุ คู สาขาอนามยั สิง่ แวดล้อม อาชีวอนามัย และความปลอดภยั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น จากเนื้อหาทเ่ี ข้มข้นในฉบับท่ี 8 ครัง้ ทแ่ี ล้วในดา้ น Safety Asean ในวันนี้ จะมาขอพูดถึงการผนึกก�ำลัง ASEAN-OSHNET ร่วมพัฒนาระบบฐานข้อมูล ดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั ภายใตก้ รอบธรรมนญู ขององคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Organization; ILO) ได้ก�ำหนดหลักการว่า คนท�ำงานทุกคนควรได้รับการคุ้มครอง ปอ้ งกนั มใิ ห้เกดิ การเจ็บปว่ ย โรคและการบาดเจบ็ จากการทำ� งาน โดย ILO ได้ประมาณ การวา่ ความสญู เสยี จากการประสบอนั ตรายจากการทำ� งานในแตล่ ะปขี องแตล่ ะประเทศ คดิ เปน็ มลู คา่ ประมาณรอ้ ยละ 4 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ ขณะทนี่ ายจา้ ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ�ำนวนมากในเร่ืองต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บและโรค จากการทำ� งาน ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทส่ี ามารถปอ้ งกนั ไดด้ ว้ ยการดำ� เนนิ การในเชงิ การปอ้ งกนั ทด่ี ี การจัดท�ำรายงานข้อมูล และการตรวจสอบ ซ่ึงมาตรฐานแรงงานของ ILO เกี่ยวกับ ความปลอดภยั และอาชวี อนามยั ไดก้ ำ� หนดใหม้ เี ครอ่ื งมอื ทจี่ ำ� เปน็ สำ� หรบั ภาครฐั นายจา้ ง และลกู จา้ ง เพอื่ สนบั สนนุ การดำ� เนนิ การใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ในการทำ� งานในปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) ILO ไดป้ ระกาศรบั รองยทุ ธศาสตรโ์ ลกดา้ นความปลอดภยั และอาชวี อนามยั ท่ีรวมถึงการแนะน�ำวัฒนธรรมในเชิงป้องกัน การส่งเสริมและการพัฒนาตราสาร ท่เี ก่ยี วข้องและการสนับสนุนเชิงเทคนคิ วชิ าการ ผู้แทนจากประเทศสมาชิกเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ของอาเซยี น (ASEAN Occupational Safety and Health Network; ASEAN-OSHNET) จ�ำนวน 9 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว สหพันธรัฐมาเลเซีย สหภาพเมียนมา สาธารณรัฐ ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และประเทศไทย รวมทงั้ ผแู้ ทนจาก ILO, KOSHA และกระทรวงกำ� ลงั แรงงานสงิ คโปร์ โดยเกดิ ขนึ้ จากมติ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน (ASEAN-OSHNET Coordinating Board Meeting; CBM) ครัง้ ที่ 16 ใหป้ ระเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นตามวาระในฐานะผู้รับผิดชอบประสานงานด้านข้อมูลสารสนเทศ โดยเป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้แผนปฏิบัติการของเครือข่ายฯ ปี 2559 – 2563 เพื่อยกระดบั การดำ� เนินงาน ด้านความปลอดภัยและอาชวี อนามยั ของภูมภิ าคอาเซยี น 50 นิตยสารความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน
Search