Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานวิจัย : การศึกษาปัจจัยเสี่ยงด้านการยศาสตร์กับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

งานวิจัย : การศึกษาปัจจัยเสี่ยงด้านการยศาสตร์กับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

Published by e-Book สสปท., 2020-07-08 01:16:15

Description: เกี่ยวข้องกับด้าน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมในการทำงาน Occupational Safety Health

Keywords: ปลอดภัย,safety,Occupational,Health

Search

Read the Text Version

สถาบนั สง เสร�มความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ มในการทำงาน (องคก ารมหาชน) การศกึ ษาป˜จจยั เสี่ยงดาŒ นการยศาสตร กับอาการไมส‹ บายทางระบบกระดูกและกลŒามเนอ้ื กรณีศกึ ษา กลุ‹มผทูŒ ำเคร�อ่ งเบญจรงคบ Œานดอนไก‹ดี จ.สมทุ รสาคร สถาบันสงเสร�มความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ มในการทำงาน (องคก ารมหาชน) Thailand Institute of Occupational Safety and Health (Public Organization) 0 2448 9111 [email protected] https://www.tosh.or.th

การศกึ ษาปัจจยั เสีย่ งด้านการยศาสตร์กบั อาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกลา้ มเนอื้ กรณีศกึ ษา กลมุ่ ผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์บา้ นดอนไกด่ ี จ.สมุทรสาคร จดั ทาโดย สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

การศกึ ษาปัจจยั เสี่ยงดา้ นการยศาสตรก์ ับอาการไม่สบายทางระบบกระดกู และกลา้ มเนื้อ กรณีศกึ ษา กล่มุ ผ้ทู าเครอื่ งเบญจรงค์บ้านดอนไกด่ ี จ.สมทุ รสาคร ที่ปรึกษา นายวรานนท์ ปตี วิ รรณ ผู้อานวยการสถาบนั สง่ เสริมความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน) นางจุฑาพนิต บุญดีกุล รองผอู้ านวยการสถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน) คณะอนกุ รรมการวิชาการ สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน) ผจู้ ดั ทา นายธนกฤต ธนวงศ์โภคิน นกั วิจยั ชานาญการ นางสาวณัฐจิต อ้นเมฆ นกั วิจัยปฏิบตั กิ าร นางสาวปานฤทยั ไชยสทิ ธิ์ นกั วิจยั ปฏิบตั กิ าร นางสาวสภุ ารตั น์ คะตา นักความปลอดภัยและอาชีวอนามยั ปฏิบตั ิการ นายพฤทธิพงศ์ สามสังข์ นกั ความปลอดภยั และอาชวี อนามยั ปฏิบัตกิ าร ผ้ปู ระสานงานโครงการ นางสาวอภสิ รา พระสมงิ เจา้ หนา้ ท่ีประสานงานโครงการ นางสาวพัชพร ศรีสงวน เจ้าหน้าทปี่ ระสานงานโครงการ เผยแพร่โดย สานกั วิจยั และพฒั นา สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 0 2448 9111 โทรสาร 0 2448 9098 Website http://www.tosh.or.th ปีทจี่ ัดทา กันยายน 2562

การศกึ ษาปจั จยั เส่ียงด้านการยศาสตรก์ บั อาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกล้ามเนอื้ กรณศี ึกษา กลมุ่ ผทู้ าเครื่อง เบญจรงคบ์ า้ นดอนไก่ดี จ.สมทุ รสาคร พฤทธิพงศ์ สามสังข์, สุภารัตน์ คะตา, ธนกฤต ธนวงศ์โภคิน, ณัฐจิต อ้นเมฆ, ปานฤทัย ไชยสิทธิ์, พัชพร ศรีสงวน, อภิสรา พระสมิง สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน) วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยเส่ียงด้านการยศาสตร์ท่ีก่อให้เกิด WMSDs และหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยง ของการเกิด WMSDs กับอาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกล้ามเนอ้ื ในสว่ นต่าง ๆ วสั ดุและวิธีวจิ ยั : ทาการศกึ ษาในกลุม่ ผูท้ าเครือ่ งเบญจรงค์งานลงสี และเขียนลาย จานวน 27 คน สมั ภาษณ์ถึงอาการ ไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือในส่วนต่าง ๆ ใน 7 วันและ 12 เดือนที่ผ่านมา และศึกษาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ของการเกิด WMSDs ไดแ้ ก่ ปจั จยั เส่ยี งสว่ นบคุ คล ปัจจยั เสย่ี งทางจิตสังคม ทาการทดสอบโดยการสมั ภาษณ์ผูเ้ ขา้ ร่วม วิจัย และปัจจัยเสี่ยงทางกายภาพ โดยจะได้รับการทดสอบในสถานีงานของตนเอง โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ ทดสอบสัมประสิทธิ์สหสัมพนั ธ์ของสเปยี ร์แมน ผลการศึกษา: จากการศึกษาพบว่าอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 7 วัน 3 ลาดับแรก ได้แก่ ไหล่ ซ้าย (48.15%) หลังส่วนล่าง (44.44%) และข้อมือขวา (40.74%) และภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา 3 ลาดับแรก ไดแ้ ก่ หลงั สว่ นลา่ ง (40.74%) ไหล่ซา้ ย (33.33%) เขา่ ขวา (25.93%) ปัจจยั เส่ียงของการเกิด WMSDs 3 ดา้ น ได้แก่ ปัจจัย เสี่ยงส่วนบคุ คล ได้แก่ สัดส่วนร่างกาย แรงบีบมือของมอื ข้างถนัดเพศชาย 21.47 ± 4.85 Kg/BW เพศหญิง 34.19 ± 3.95 Kg/BW และท่าทางในการทางานของระยางค์ส่วนบนพบความเสยี่ งระดบั ปานกลาง (4.85 ± 9.07) ปัจจัยเสย่ี ง ทางกายภาพ ไดแ้ ก่ ขนาดของโต๊ะและเกา้ อี้ และปัจจยั เส่ยี งดา้ นจติ สังคม ได้แก่ ระยะเวลาทางานตอ่ วัน 8.32 ± 1.40 ระยะเวลาพกั 1.46 ± 0.72 ระยะเวลานั่งทางานตอ่ วัน 5.82 ± 2.79 และระดับความเครียด (6.82 ± 5.53) และพบ ความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างแรงบีบมือของแขนข้างถนัดกับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อของไหล่ (r=-0.422) มือและขอ้ มือ (r=-0.343) พบความสัมพันธ์เชงิ ลบระหวา่ งความลึกของเบาะนง่ั (Seat depth) กับอาการ ไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณเข่า (r=-0.640) พบความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของโต๊ะ (Table height) กบั อาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกลา้ มเนือ้ บรเิ วณหลงั สว่ นลา่ ง (r=0.477) สรุปผลการศึกษา: จากผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือในกลุ่มผู้ทาเคร่ือง เบญจรงค์ หมบู่ า้ นดอนไก่ดี จ.สมทุ รสาคร พบมากในบริเวณไหล่ หลงั ส่วนลา่ ง มือและขอ้ มือ และเข่า ปจั จัยเสยี่ งด้าน การยศาสตร์ที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ ได้แก่ ปัจจัยเส่ียงส่วนบุคคล ด้านกายภาพ และดา้ นจติ สงั คม โดยพบว่าแรงบีบมือของแขนข้างถนดั และขนาดของสถานงี านมีแนวโนม้ เป็นปัจจัยเส่ยี งทีก่ อ่ ให้เกิด อาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกล้ามเนอื้ คาสาคัญ: กลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ อาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือที่มีสาเหตุจากการทางาน ความ เสยี่ งทางการยศาสตร์

สารบญั หนา้ 1 บทท่ี 1 บทนา 3 1.1 คาถามงานวจิ ยั 3 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 4 1.3 สมมตฐิ านการศกึ ษา 4 1.4 ตวั แปรการศกึ ษา 5 1.5 ขอบเขตการศึกษา 5 1.6 ประโยชน์ของการศึกษา 6 1.7 กรอบแนวคดิ 7 7 บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรม 7 2.1 พระราชบญั ญัติค้มุ ครองผูร้ ับงานไปทาท่บี ้าน พ.ศ.2553 8 2.2 แรงงานนอกระบบ 9 2.3 การทาเครอื่ งเบญจรงค์ 10 2.4 การยศาสตร์ กับความปลอดภัยในแรงงานผรู้ บั งานกลับไปทาท่บี ้าน 13 2.5 โรคท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การทางาน 14 2.6 การวัดสัดสว่ นรา่ งกาย (Anthropometric measurement) 15 2.7 แบบประเมินทา่ ทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) 17 2.8 การวดั แรงบีบมือ (Hand grip strength) 23 35 บทท่ี 3 วสั ดแุ ละวธิ ีการวจิ ยั 42 บทที่ 4 ผลการศกึ ษา 43 บทท่ี 5 อภิปรายผลการศกึ ษา 45 บทที่ 6 สรุปผลการศกึ ษา บรรณานุกรม ภาคผนวก 1 แบบเก็บข้อมลู ผเู้ ข้ารว่ มวิจยั

หนา้ 1 บทท่ี 1 บทนา พระราชบัญญัติคุ้มครองผ้รู ับงานไปทาท่ีบ้าน พ.ศ.2553 เป็นพระราชบัญญัติท่ีบัญญัติขึ้นเพื่อให้ความ คุ้มครองแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลซึ่งตกลงกับผู้จ้างงานเพ่ือรับทางานอันเป็นงานท่ีรับไปทาท่ีบ้าน โดยมี วัตถุประสงค์ให้ความคุ้มครองผู้รับงานไปทาท่ีบ้านท้ังในด้านสิทธิ หน้าที่ ค่าตอบแทน และความปลอดภัยใน การทางาน เพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ให้ผู้รบั งานไปทาท่ีบา้ นมีอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภยั ที่มสี าเหตมุ าจากการ ทางาน และสง่ เสริมนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานในกลุม่ แรงงาน ผูร้ บั งานกลับไปทาทบ่ี ้าน (1) แรงงานนอกระบบ หมายถึง ผู้มีงานทาท่ีไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจาก การทางาน จากข้อมูลผลการสารวจแรงงานนอกระบบของสานักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2560 พบว่า มี แรงงานนอกระบบ คิดเป็นร้อยละ 55.2 หรือ 20.8 ล้านคน ประกอบด้วยหลายกลุ่ม จาแนกตามกลุ่มทาง เศรษฐกิจพบว่า แรงงานนอกระบบครึ่งหน่ึงทางานอยู่ในภาคเกษตรกรรมมากถึง 11.5 ล้านคน หรือร้อยละ 55.5 รองลงมาเป็นภาคการค้า และบริการร้อยละ 33.4 และภาคการผลิต ร้อยละ 11.1 แรงงานผู้รับงาน กลับไปทาท่ีบ้าน เป็นส่วนหน่ึงในแรงงานนอกระบบ มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ หรือมีอันตรายจากการทางานได้ โดยพบว่า พบวา่ แรงงานนอกระบบทไ่ี ดร้ ับบาดเจบ็ หรอื อุบัติเหตุจากการทางานท่ีสาคัญ แบ่งเปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ ปญั หาความไมป่ ลอดภยั ปัญหาสภาพแวดล้อม และปัญหาจากการทางาน จากรายงานอุบัติการณ์ของแรงงาน นอกระบบ ปัญหาความไม่ปลอดภัย ได้แก่ การได้รับสารเคมีอันตรายร้อยละ 62.4 ได้รับอันตรายจาก เครื่องจักร เครื่องมือท่ีเป็นอันตราย ร้อยละ 17.3 และความไม่ปลอดภัยทางหู ทางตา ร้อยละ 4.5 ปัญหา สภาพแวดล้อม ได้แก่ ปัญหาอิริยาบถในการทางาน ร้อยละ 43.3 ปัญหาฝุ่นลละออง ควัน กลิ่น ร้อยละ 26.6 และแสงสว่างไมเ่ พียงพอ ร้อยละ 13.5 และปญั หาจากการทางานมากทสี่ ุด คือปัญหาดา้ นค่าตอบแทน ร้อยละ 56 (2) ปญั หาอิรยิ าบถในการทางานเปน็ ปัญหาท่ีเกิดจากความไม่เหมาะสมด้านความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ด้านการยศาสตร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคทางระบบกระดูกและ กลา้ มเน้ือทม่ี ีสาเหตุมาจากการทางาน หรือ Work-related musculoskeletal disorders (WMSDs) Work-related musculoskeletal disorders (WMSDs) คือ อาการบาดเจ็บ และอาการไม่สบาย ทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือซ่ึงเกิดช้ึนท่ีบริเวณกล้ามเนื้อ เส้นประสาท เอ็นกล้ามเน้ือ เอ็นกระดูก ข้อต่อ กระดูกอ่อน และหมอนรองกระดูกโดยมีสาเหตุมาจากขั้นตอนการทางาน โดยมีปัจจัยเส่ียง 3 ด้านหลัก ได้แก่ สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 2 ปัจจยั เส่ียงด้านกายภาพ ปัจจยั เสีย่ งส่วนบุคคล และปัจจยั เส่ียงดา้ นจิตสังคม (3) จากการศึกษาก่อนหน้าพบว่า ความชุกของอาการผิดปกติทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ใน 12 เดือนท่ีผ่านมาในกลุ่มคนงานรับจ้างฉีดพ่น สารเคมีกาจัดศัตรูพืชแบบสะพายหลัง พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ ไหล่/แขนส่วนบน (ร้อยละ 67.3) หลัง สว่ นล่าง (รอ้ ยละ 64.7) และสะโพก/ต้นขา (รอ้ ยละ 30.4) (4) ปัญหาอิริยาบถในการทางานเป็นปัญหาด้านสภาพแวดล้อมท่ีพบมากท่ีสุดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ ซ่ึงเกิดจากการทางานซ้า ๆ เป็นระยะเวลานาน (Repetitive movement) และอยู่ในท่าทางการทางานที่ไม่ เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์ (Awkward posture) ส่งผลต่อการเกิดการเปล่ียนแปลงทางชวี กลศาสตรข์ อง กล้ามเน้ือ และเน้ือเย่ือข้อต่อ ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ (Inflammatory response) ของเนื้อเยื่อ และ เขา้ สรู่ ะยะของการซ่อมแซมเพื่อให้เกิดการทางานอยา่ งปกติ แต่เม่อื แรงงานทางานในลักษณะเดิมอย่างต่อเน่ือง จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บซ้านาไปสู่การบาดเจ็บแบบเรื้อรังจากวงจรอุบาท (Vicious cycle) ของการบาดเจ็บ น้ัน ๆ (5) อุตสาหกรรมเคร่ืองปั้นดินเผาเป็นงานท่ีถือได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างงานอุตสาหกรรม และ หัตถกรรม โดยมีการพัฒนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อจุดประสงค์ท่ีแตกต่างกัน ในอดีตเพื่อตอบสนองการใช้ งานในชีวิตประจาวัน และในพิธีกรรมต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพ่ือส่งออก ของประเทศ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยกลุ่มแรงงานผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์นั้นต้องเผชิญความเส่ียงด้าน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตในการทางานด้านความ เสี่ยงต่อแสง เสียง การสั่นสะเทือน และท่าทางในการทางาน โดยมีขั้นตอนการผลิต ได้แก่ การเตรียมดิน เตรียมแม่พิมพ์หรือน้ายาเคลือบ การข้ึนรูป การอบหรือเผา การเคลือบหรือตกแต่ง และการตรวจสอบและ บรรจุ จากการศึกษาก่อนหน้าพบว่า ปัจจัยเสี่ยงด้านการยศาสตร์มีผลต่ออาการบาดเจบ็ ทางระบบกระดูกและ กล้ามเนื้อโดยจะก่อให้เกิดความผิดปกติในระบบโครงสร้างของกล้ามเนื้อ จากการศึกษาของวันเพ็ญ, 2557 และคณะ (6) รายงานว่า ร้อยละ 66.12 มีปัญหาด้านท่าทางการทางานซ้าๆ ร้อยละ 61.88 พบปัญหาการบิด หรือเอี้ยวตัวขณะทางาน ร้อยละ 43.32 มีปัญหาการยกของหนักหรือออกแรงเกินกาลัง และร้อยละ 16.94 พบปัญหาทางานกับเคร่ืองมืออันตราย จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง จ.สมุทรสาครพบวา่ ขั้นตอนการผลิตเคร่ืองเบญจรงค์น้ัน โดยส่วนใหญ่ จะอยใู่ นขั้นตอนของการเคลือบหรือตกแตง่ โดยพบว่าจะอย่ใู นทา่ ทางเดิม ๆ เป็นระยะเวลานาน ร่วมกับการใช้ งานมือซ้า ๆ ซ่ึงอาจส่งผลต่อคาวมเส่ียงต่อการเกิดโรค Cumulative trauma disorders (CTS) ในบริเวณมือ อาจส่งผลต่อการบาดเจ็บของเส้นประสาท Median, Radial และ Ulnar ได้ และพัฒนาเป็นอาการปวด หรือ อาการชาบริเวณมอื ได้ (7) สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 3 จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องพบว่า งานวิจัยด้านการยศาสตร์ที่เก่ียวกับแรงงานนอกระบบ ในกลุ่มผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ยงั มีหลักฐานเชงิ ประจักษ์นอ้ ย และยังไม่มีตัวชี้วัดเชงิ ปริมาณมากนัก ดังน้ันในการ วจิ ยั ครง้ั น้จี งึ มีวตั ถุประสงค์เพ่อื ศึกษาอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือในสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ปัจจัยเส่ียงด้านการยศาสตร์ท่ีทาให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือจากการทางาน (WMSDs) ท้ัง 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ปัจจัยเสี่ยงด้านกายภาพ ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล และปัจจัยเส่ียงด้านจิต สังคม และตัวช้ีวัดในด้านสมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness) และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยง ของการเกิด WMSDs และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อของกลุ่มผทู้ าเคร่ืองเบญจรงค์ งานลง สี และเขยี นลาย 1.1 คาถามงานวิจัย 1. ในกลุ่มแรงงานนอกระบบ กรณีศึกษาในกลุ่มผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ งานลงสีและเขียนลาย มีอาการ ไมส่ บายทางระบบกระดูกและกลา้ มเนื้อสว่ นไหนบา้ ง 2. ในกลุ่มแรงงานนอกระบบ กรณีศึกษาในกลุ่มผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ งานลงสีและเขียนลาย มีปัจจัย เสี่ยงด้านการยศาสตร์ที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือจากการทางาน (WMSDs) อะไรบา้ ง 3. ปัจจัยเสี่ยงด้านการยศาสตร์ที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการ ทางาน (WMSDs) มีความสมั พนั ธ์อย่างไรกับอาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกลา้ มเน้ือในส่วนต่าง ๆ 1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1. ศึกษาอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ คอ ไหล่ หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง แขนส่วนบน ข้อศอก แขนส่วนล่าง มือ/ข้อมือ สะโพก/ต้นขา หัวเข่า น่อง และเท้า ในกลุ่มผู้ทา เคร่อื งเบญจรงค์ กล่มุ ลงสี และเขยี นลาย ภายในหมู่บา้ นเบญจรงคบ์ า้ นดอนไก่ดี จ.สมทุ รสาคร 2. ศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs ส่วนบุคคล คือ สัดส่วนร่างกาย แรงบีบมือ และท่าทางในการ ทางาน ด้านกายภาพ คอื ขนาดของสถานีงาน ไดแ้ ก่ โต๊ะ และเกา้ อี้ และระดบั ความเข้มแสง และด้านจิตสังคม คอื ระยะเวลาการทางานตอ่ วนั ระยะเวลาพักตอ่ วนั ระยะเวลาน่ังทางานต่อวนั และระดับความเครยี ด 3. หาความสมั พนั ธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและ กลา้ มเน้ือ สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 4 1.3 สมมติฐานการศึกษา 1. พบอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 7 วัน และ 12 เดือนที่ผ่านมาในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ คอ ไหล่ หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง แขนส่วนบน ข้อศอก แขนส่วนล่าง มือ/ข้อมือ สะโพก/ ตน้ ขา หวั เขา่ นอ่ ง และเท้า 2. พบปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล ปัจจัยเสี่ยงด้าน กายภาพ แลพปัจจยั เสี่ยงด้านจิตสังคม 3. พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติระหว่างปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคลและอาการไม่สบายทาง ระบบกระดูกและกลา้ มเนื้อ 4. พบความสมั พนั ธ์อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติระหว่างปจั จัยเสี่ยงสว่ นด้านกายภาพและอาการไม่สบาย ทางระบบกระดกู และกลา้ มเนอ้ื 5. พบความสมั พนั ธ์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติระหวา่ งปัจจัยเส่ียงส่วนด้านจิตสังคมและอาการไม่สบาย ทางระบบกระดกู และกล้ามเนื้อ 1.4 ตัวแปรการศกึ ษา 1.4.1 ตัวแปรต้น 1) ปัจจัยสี่ยงส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ น้าหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย สัดส่วนร่างกาย ท่าทางในการทางาน 2) ปัจจยั เสยี่ งด้านกายภาพ ได้แก่ ประสบการณ์การทางาน สถานีงาน (โต๊ะ และเก้าอ้)ี ระดับ ความเข้มแสงของสถานงี าน 3) ปัจจยั เส่ยี งด้านจติ สงั คม ได้แก่ ระยะเวลาการทางานต่อวนั ระยะเวลาพักตอ่ วนั ระยะเวลา น่ังทางานตอ่ วัน และระดับความเครยี ด 1.4.2 ตวั แปรตาม อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ 12 ส่วน (คอ ไหล่ หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง แขนสว่ นบน ข้อศอก แขนส่วนล่าง มอื /ข้อมอื สะโพก/ตน้ ขา หวั เขา่ นอ่ ง และเทา้ ) สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 5 1.5 ขอบเขตการศึกษา งานวิจัยนี้จัดทาข้ึนเพื่อศึกษาอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในกลุ่มผู้ทาเครื่อง เบญจรงค์ และปัจจัยเส่ียงด้านการยศาสตร์ที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการ ทางาน (WMSDs) งานลงสี และเขียนลาย ณ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ. สมทุ รสาคร 1.6 ประโยชน์ของการศกึ ษา จากผลการศึกษาคร้ังนี้พบความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจาก การทางาน (WMSDs) และอาการไม่สบายทางระบบกระดูก และกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในกลุ่ม ผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ จังหวัดสมุทรสาคร เพ่ือใช้เป็นการวางแผนแนวทางการป้องกันอันตราย และปัญหาทาง สุขภาพท่จี ะเกดิ ข้นึ โดยมีสาเหตุจากการทางาน สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

1.7 กรอบแนวคิด หน้า 6 ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม 1) ปัจจัยส่ียงส่วนบุคคล อาการไมส่ บายทางระบบกระดูก - เพศ และกลา้ มเนื้อ 12 ส่วน - อายุ - นา้ หนกั - คอ - สว่ นสูง - ไหล่ - ดชั นมี วลกาย - หลงั สว่ นบน - สัดส่วนร่างกาย - หลงั สว่ นล่าง - ท่าทางในการทางาน - แขนสว่ นบน - แรงบีบมอื - ข้อศอก - แขนสว่ นล่าง 2) ปจั จัยเสีย่ งดา้ นกายภาพ - มอื /ข้อมือ - ประสบการณ์การทางาน - สะโพก/ต้นขา - สถานีงาน (โตะ๊ และเก้าอี)้ - หวั เข่า - น่อง 3) ปัจจยั เสี่ยงดา้ นจิตสงั คม - เท้า - ระยะเวลาการทางานตอ่ วัน - ระยะเวลาพกั ตอ่ วัน - ระยะเวลานง่ั ทางานต่อวนั - ระดับความเครยี ด สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 7 บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรม 2.1 พระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองผูร้ บั งานไปทาทีบ่ า้ น พ.ศ.2553 พระราชบัญญัติคุ้มครองผรู้ ับงานไปทาที่บ้าน พ.ศ.2553 เป็นพระราชบัญญัตทิ ี่บัญญตั ิขึ้นเพ่ือให้ความ คุ้มครองแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลซ่ึงตกลงกับผู้จ้างงานเพ่ือรับทางานอันเป็นงานที่รับไปทาท่ีบ้าน โดยมี วัตถุประสงค์ให้ความคุ้มครองผู้รับงานไปทาที่บ้านท้ังในด้านสิทธิ หน้าท่ี ค่าตอบแทน และความปลอดภัยใน การทางาน เพ่อื ปอ้ งกันไม่ให้ผู้รับงานไปทาท่บี ้านมีอนั ตรายต่อสุขภาพและความปลอดภยั ท่ีมีสาเหตมุ าจากการ ทางาน และสง่ เสรมิ นโยบายด้านความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานในกลุ่มแรงงาน ผ้รู บั งานกลับไปทาท่บี ้าน (1) 2.2 แรงงานนอกระบบ แรงงานนอกระบบ หมายถึง ผู้มีงานทาที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจาก การทางาน จากข้อมูลผลการสารวจแรงงานนอกระบบของสานักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2560 พบว่า มี แรงงานนอกระบบ คิดเป็นร้อยละ 55.2 หรือ 20.8 ล้านคน ประกอบด้วยหลายกลุ่ม จาแนกตามกลุ่มทาง เศรษฐกิจพบว่า แรงงานนอกระบบคร่ึงหน่ึงทางานอยู่ในภาคเกษตรกรรมมากถึง 11.5 ล้านคน หรือร้อยละ 55.5 รองลงมาเป็นภาคการค้า และบริการร้อยละ 33.4 และภาคการผลิต ร้อยละ 11.1 แรงงานผู้รับงาน กลบั ไปทาที่บ้าน เป็นส่วนหนึง่ ในแรงงานนอกระบบ รูปที่ 2-1 จานวนแรงงานนอกระบบ สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 8 อบุ ตั ิการณ์ของความไมป่ ลอดภัยในแรงงานนอกระบบ แรงงานนอกระบบมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ หรือมีอันตรายจากการทางานได้ โดยพบว่า พบว่าแรงงาน นอกระบบทีไ่ ด้รับบาดเจ็บหรอื อบุ ัตเิ หตจุ ากการทางานท่สี าคญั แบง่ เปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ ปญั หาความไม่ปลอดภัย ปัญหาสภาพแวดล้อม และปัญหาจากการทางาน จากรายงานอุบัติการณ์ของแรงงานนอกระบบ ปัญหาความ ไม่ปลอดภัย ได้แก่ การได้รับสารเคมีอันตรายร้อยละ 62.4 ได้รับอันตรายจากเคร่ืองจักร เคร่ืองมือท่ีเป็น อันตราย ร้อยละ 17.3 และความไม่ปลอดภัยทางหู ทางตา ร้อยละ 4.5 ปัญหาสภาพแวดล้อม ได้แก่ ปัญหา อริ ิยาบถในการทางาน รอ้ ยละ 43.3 ปญั หาฝนุ่ ลละออง ควนั กลน่ิ ร้อยละ 26.6 และแสงสวา่ งไม่เพยี งพอ ร้อย ละ 13.5 และปญั หาจากการทางานมากท่ีสุด คือปญั หาด้านค่าตอบแทน ร้อยละ 56 (2) รูปท่ี 2-2 ปัญหาความไม่ปลอดภัยในแรงงานนอกระบบ 2.3 การทาเครือ่ งเบญจรงค์ เครอื่ งเบญจรงคเ์ ป็นเครื่องถ้วยหรือสงิ่ ของท่ีมตี น้ กาเนิดการใชง้ านมาตั้งแตส่ มัยอยุธยาตอนปลาย โดย ประกอบดว้ ยสีหา้ สี ไดแ้ ก่ สีดา แดง ขาว เหลือง และเขยี ว ไดร้ บั อิทธิพลมาจากจนี ในแบบราชวงศเ์ หมง็ ซ่งึ เปน็ ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในราชสานัก ในวังเจ้านายบ้านขุนนางชั้นสูง ในปัจจุบันแหล่งผลิตเคร่ืองเบญจรงค์มีอยู่ในจังหวัดตา่ ง ๆ ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชัยนาท จังหวัดพิจิตร จังหวัดนครปฐม กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร จากการศึกษาของ พฤทธิ์ ศุภเศรษฐศิริ, 2014 (8) ได้ทาการศึกษาเปรียบเทียบผลิตภณั ฑ์เครื่องเบญจรงค์ไทย ในกลุ่มหนึง่ ตาบลหนึง่ ผลิตภัณฑ์ในเขตจังหวดั สมุทราสาคร ในดา้ นกระบวนการผลิต พบวา่ แหล่งผลิต 5 แหล่ง สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 9 ในจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ กลุ่มสตรีสหกรณ์นาเกลือ ต.บางโทรัด อ.เมือง กลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ต. ดอนไกด่ ี อ.กระทุม่ แบน กลุ่มเครอ่ื งเบญจรงคค์ ลองมะเดอื่ ต.คลองมะเดอ่ื อ.กระท่มุ แบน กลุ่มเบญจรงค์ท่าเสา ต.ท่าเสา อ.กระทุ่มแบน และกลุ่มรุ้งทองเบญจรงค์ ต.นาดี อ.เมือง พบว่าทั้ง 5 กลุ่มมีกระบวนการผลิตท่ี คล้ายกันโดยส่วนใหญ่จะสั่งซื้อของขาวหรือเซรามิกเคลือบขาวมาเป็นวัสดุหลัก หลังจากน้ันจะดาเนินการเพ่ิม มูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยการเขียนลาย และตกแต่งให้เคร่ืองเคลือบขาวเป็นเครื่องเบญจรงค์ โดยอาศับ ประสบการณ์ประสบการณ์ในการผลิต และเขียนลายซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติโดยตรง ฝึกฝนจากที่ผ่าน ประสบการณ์การเปน็ ลกู จา้ งในแหลง่ ผลติ เคร่ืองเบญจรงคม์ ากอ่ นท้งั ส้นิ จากการศึกษาด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานของ Songkham W, 2014 (6) พบว่า กลุ่มผู้ผลิตเครื่องเบญจรงค์ต้องประสบกับความเส่ียงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ปริมาณฝุ่น แสง เสียง ด้านจิตสังคม และด้านการย ศาสตร์ โดยพบปัญหาด้านการยศาสตร์ท่ีเกย่ี วข้องกบั ทท่ างในการทางานซา้ ๆมากท่ีสดุ และพบภาวะสุขภาพใน ระดับปานกลาง และสูงมีจานวนมาก 2.4 การยศาสตร์ กบั ความปลอดภัยในแรงงานผูร้ ับงานกลับไปทาทบี่ า้ น การยศาสตร์ (Ergonomics) เปน็ คาผสมของคาภาษากรีก 2 คา คือ Ergon (คือ งาน) และ Nomos (คอื กฎตามธรรมชาต)ิ หมายถงึ สหวิทยาการที่ศึกษาเกี่ยวกบั ระบบงานซ่งึ มีองคป์ ระกอบสาคัญ คอื มนษุ ย์ อปุ กรณ์และเครื่องมอื สภาพแวดล้อม และงานทตี่ ้องปฏิบัติ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะชว่ ยออกแบบ ดัดแปลง และ ปรบั ปรงุ ระบบงานให้เกิดความเหมาะสมสาหรบั มนุษย์ เพือ่ ให้สามารถปฏิบตั ิงานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพสูงสดุ และไดร้ บั ผลกระทบจากองค์ประกอบอนื่ ๆ น้อยที่สุด ในระบบงานการยศาสตร์มีองคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ มนุษย์ (พนักงาน) อุปกรณ์และเคร่ืองมอื ท่ีพนกั งานใชเ้ พ่ือปฏิบตั งิ านที่ได้รับมอบหมาย สภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณงานท่ี พนักงานจะต้องอย่ปู ฏบิ ัตงิ าน และงานท่ีพนกั งานกาลงั ปฏิบัตจิ ะมปี ฏสิ ัมพันธก์ ันตลอดเวลา นกั การยศาสตร์ ตอ้ งพิจารณามนุษยเ์ ปน็ องค์ประกอบที่สาคัญทีส่ ุด (หรอื เป็นศูนย์กลาง) ของระบบงาน และต้องออกแบบ ดดั แปลง และปรบั ปรุงองค์ประกอบอืน่ ๆ ใหส้ อดคล้องกบั และส่งเสริมองค์ประกอบมนษุ ย์ จากการศกึ ษาของ Phuaphonthep, 2019 (4) และ Songkham, 2008 (6) รายงานวา่ แรงงานนอก ระบบมปี ัญหาอริ ยิ าบถในการทางานมากถึง ร้อยละ ๔๓.๓ และในแรงงานกลมุ่ ผู้ทาเคร่ืองปัน้ ดินเผา พบวา่ ร้อย ละ 66.12 มีปัญหาด้านท่าทางการทางานซ้า ๆ ร้อยละ 61.88 พบปัญหาการบิดหรือเอ้ียวตวั ขณะทางาน ร้อย ละ 43.32 มีปัญหาการยกของหนักหรือออกแรงเกินกาลัง และร้อยละ 16.94 พบปัญหาทางานกับเครื่องมือ สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 10 อันตราย จะเห็นได้ว่าอาการปวด หรือไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมี สาเหตสุ ว่ นหนึง่ มากจากการทางาน 2.5 โรคท่เี กย่ี วขอ้ งกับการทางาน 2.5.1 Work-related musculoskeletal disorders (WMSDs) กลุม่ อาการ Work-related musculoskeletal disorders หรอื WMSDs คอื กลุม่ โรค หรอื อาการไม่ สบายทางระบบกระดกู และกล้ามเน้ือ ทเ่ี ก่ยี วข้องหรอื มีสาเหตุมาจากการทางาน และสง่ิ แวดลอ้ มบรเิ วณงานใน บรเิ วณ คอ ระยางคส์ ว่ นบน หลัง และระยางคส์ ว่ นล่าง ซงึ่ เกิดจากความผดิ ปกตขิ องโครงสรา้ ง ได้แก่ กล้ามเนื้อ ข้อตอ่ เอ็นกลา้ มเนื้อ เอ็นขอ้ ตอ่ เสน้ ประสาท กระดกู และระบบไหลเวียนโลหติ โดยกลุ่มอาการ WMSDs มึผล ต่อมลู คา่ ทางเศรษฐกิจของระบบทางการแพทย์ของประเทศ (9) ปัจจัยเสย่ี งของการเกิด WMSDs ประกอบด้วย 3 ปจั จยั เสี่ยง หลกั ไดแ้ ก่ 1. ปัจจัยเส่ียงทางกายภาพ (Physical factors) ได้แก่ ท่าทางการทางาน การเคลื่อนไหวซ้า ๆ (Repetitive movement) การใชแ้ รงมากเกนิ ไป การส่นั สะเทือนของแขน มอื และทั่วร่างกาย แรง กด สถานีงาน และความเยน็ 2. ปัจจัยเสี่ยงทางจิตสังคม (Psychosocial factors) ได้แก่ ความมุ่งหมายในการทางาน ระยะเวลาทางาน ระยะเวลาการพกั ความเครียด 3. ปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล (Individual factors) ได้แก่ อายุ เพศ สัดส่วนร่างกาย กิจกรรม ต่างๆในชีวิตประจาวัน การสูบบุหร่ี การดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ และอาการไม่สบายทางระบบ กระดกู และกล้ามเนอื้ กอ่ นหน้า ปญั หาอาการบาดเจบ็ ทางระบบกระดกู และกล้ามเนื้อ (Musculoskeletal disorders) มคี วามสมั พันธ์ กับปัจจัยต่าง ๆ ในการทางาน เช่น มุมองศาของข้อต่อขณะเคลื่อนไหวในการทางานในขั้นตอนต่าง ๆ แรง กระทา และแรงท่ถี กู กระทาตอ่ วัตถุ และการทางานแบบเดมิ ซา้ ๆ เป็นระยะเวลานาน เปน็ ต้น สง่ ผลใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงต่อแรงท่ีตกบนกล้ามเน้ือ หรือเน้ือเย่ือต่าง ๆ ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทางาน ของกลา้ มเนื้อ ส่งผลให้เพ่มิ ความเส่ียงต่อการเกิดการบาดเจ็บมากขึน้ และอาจเกิดวงจรการบาดเจ็บซ้า นาไปสู่ อาการบาดเจบ็ เรือ้ รงั ตอ่ ไป ปัญหาอิริยาบถในการทางานเป็นปัญหาด้านสภาพแวดล้อมท่ีพบมากท่ีสุดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ ซ่ึงเกิดจากการทางานซ้า ๆ เป็นระยะเวลานาน (Repetitive movement) และอยู่ในท่าทางการทางานท่ีไม่ เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์ (Awkward posture) ส่งผลต่อการเกิดการเปล่ียนแปลงทางชีวกลศาสตร์ของ สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 11 กล้ามเน้ือ และเน้ือเยื่อข้อต่อ ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ (Inflammatory response) ของเน้ือเย่ือ และ เขา้ สู่ระยะของการซ่อมแซมเพือ่ ให้เกิดการทางานอยา่ งปกติ แตเ่ ม่ือแรงงานทางานในลักษณะเดิมอย่างต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บซ้านาไปสู่การบาดเจ็บแบบเร้ือรังจากวงจรอุบาท (Vicious cycle) ของการบาดเจ็บ น้นั ๆ (5) รูปท่ี 2-3 ความเชื่อมโยงระหว่างปจั จยั เสี่ยงต่างๆของการเกดิ WMSDs รูปท่ี 2-4 วงจรการเกดิ การบาดเจ็บสะสม สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 12 2.5.2 Cumulative trauma disorders (CTD) อาการปวดจากการบาดเจบ็ สะสมในการทางานเปน็ ปัญหาท่เี กิดข้ึนกับระบบกระดูก กล้ามเนอ้ื เสน้ เอ็น กระดูกอ่อน เส้นประสาท ซ่ึงเป็นอาการท่ีไม่ได้เกิดข้ึนอย่างเฉียบพลันเหมือนอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แต่ เกิดข้ึนอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเร้ือรัง ส่งผลทาให้ต้องมาพบแพทย์ ส่วนใหญ่จะมีตั้งแต่อาการปวด ที่พบมาก คือการปวดหลัง รองลงมาคือ อาการปวดคอ ไหล่ และศีรษะตามลาดับ ส่วนอาการทางกายอ่ืน ๆ ซึ่งสามารถ พบได้คือ การอักเสบของเส้นเอ็น อาการชาบริเวณน้ิวและข้อมือ ซึ่งจะเกิดขึ้นในกลุ่มแรงงานท่ีใช้ข้อมือในการ ทางานเยอะ ๆ เช่น กลุ่มพนักงานสานักงาน และกลุ่มท่ีใช้ข้อมือ และมือในการทางาน เรียกว่า Carpal Tunnel Syndrome หรือทาให้มีอาการนิ้วล็อคเรียกว่า Trigger Finger ที่เกิดจากปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (tenovaginitis) ซ่ึงเกิดจากการมีพังผืดหนา รัดเส้นประสาท รวมทั้งอาจมีอาการปวดกล้ามเน้ือ แขนขาเร้ือรัง การนอนหลบั ไม่ดีจากัดกจิ กรรมที่ทาได้ จนถงึ พกิ ารหรือทพุ พลภาพได้ (10, 11) อาการบาดเจ็บสะสม สามารถแบ่งระยะออกไดเ้ ป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 - ปวดและลา้ ในช่วงเวลาทางาน - อาการหายไปในเวลากลางคนื หรือชว่ งพกั - ความสามารถในการทางานปกติ - มอี าการเป็นสัปดาหห์ รือเปน็ เดอื น - อาการเปน็ ๆหายๆ - สามารถรกั ษาใหห้ ายเปน็ ปกติได้ ระยะท่ี 2 - อาการจะเรม่ิ เป็นที่ชว่ งแรกของการทางาน และไม่หายไปในเวลาพักหรือเวลากลางคนื - อาจมีอาการกดเจ็บ ปวด บวม ชา อ่อนแรง - มีการรบกวนการนอน - ความสามารถในการทางานลดลง - อาการคงค้างอยเู่ ปน็ เดือน ระยะที่ 3 - มีอาการในขณะพัก เวลากลางคนื หรือตนื่ เช้า - มีอาการปวดแมว้ า่ จะทางานเบา - มีการรบกวนการนอน สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 13 - ไม่สามารถทางานแมจ้ ะเปน็ งานทเี่ บาได้ - อาการอาจพบไดน้ านเป็นเดือนหรือเปน็ ปี ดังนั้นการป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวข้อง หรือมีสาเหตุ ปัจจัยเส่ียงมาจากการทางานจึงจาเป็นต้อง ศึกษาหาปัจจัยเสี่ยง และความสัมพันธ์ของปัจจัยเส่ียงด้านด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย เพ่ือให้ สามารถออกแบบวธิ ีการป้องกนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และลดอุบตั ิการการเกดิ โรคได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2.6 การวดั สัดสว่ นรา่ งกาย (Anthropometric measurement) การวัดสัดส่วนร่างกาย (Anthropometric measurement) หมายถึง การวัดสัดส่วน ในมิติต่าง ๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นขนาดของร่างกาย รูปร่าง ความแข็งแรง หรือความสามารถในการทางาน (12, 13) จากการศึกษาก่อนหน้า ได้ทาการวัดสัดส่วนร่างกายในเด็กนักเรียนเพื่อนาไปพิจารณาเป็นสัดส่วนในการ ออกแบบเฟอร์นิเจอร์สาหรับนักเรียน ผลจากการพิจารณาสัดส่วนร่างกายนี้ทาให้สามารถเพ่ิมความ สะดวกสบาย ลดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนของ นักเรียนได้อย่างมีนัยสาคัญสถิติ (13) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการวัดสัดส่วนร่างกายเพ่ือนาไปปรับใช้กับสถานีงาน (Work station) จะช่วยลดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกกล้ามเน้ือท่ีมีสาเหตุจากการทางาน (Work- related musculoskeletal disorders) ได้ โดยจุดที่วัดสัดส่วนร่างกาย จะทาการวัดในตาแหน่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ รูปท่ี 2-5 ตาแหน่งต่าง ๆ ในการวัดสัดสว่ นรา่ งกาย สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 14 ตารางท่ี 2-1 ตาแหนง่ ต่าง ๆ ในการวดั สัดสว่ นรา่ งกาย No. Type Reference point 1 Stature (body height) Vertical distance from the floor to the highest point of the head (vertex) 2 Sitting height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the highest point of the head (vertex) 3 Shoulder height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the acromion 4 Lower leg length ( popliteal Vertical distance from the foot- rest surface to the height) lower surface of the thigh immediately behind the knee, bent at right angle 5 Hip breadth Breadth of the body measured across the widest portion of the hips 6 Elbow height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the lowest bony point of the elbow bent at a right 7 Buttock-popliteal length Horizontal distance from the hollow of the knee to the rearmost point of the buttock 8 Buttock-knee length Horizontal distance from the foremost point of the knee-cap to the rearmost point of the buttock 9 Thigh clearance Vertical distance from the sitting surface to the highest point on the thigh 10 Eye height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the outer corner of the eye 11 Shoulder (bideltoid) breadth Distance across the maximum lateral protrusions of the right and left deltoid muscles 12 Knee height Vertical distance from the floor to the highest point of the superior body of the patella 2.7 แบบประเมินทา่ ทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) แบบประเมินท่าทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) ถูกพัฒนาขึ้นเพ่ือเป็น แบบประเมินท่าทางของระยางคส์ ่วนบนโดยการสังเกต และมีความจาเพาะต่อทา่ ทางในการทางานต่าง ๆ โดย RULA เป็นวิธีการประเมินท่ีง่ายและรวดเร็วสาหรับการประเมินท่าทางในการทางานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 15 โรค WMSDs (Work-related musculoskeletal disorders) โดยจะแบ่งการประเมินเป็นส่วนต่าง ๆ จาก ระนาบของการเคลอ่ื นไหว (Movement planes) และการทางานของกล้ามเนื้อ (Muscle activity) จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า แบบแบบประเมินท่าทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) มีความน่าเช่ือถือระหว่างผู้วัด (Inter-observer reliability) ในระดับปานกลางถึงดี และมีความเที่ยงตรงเชิงปรากฏ (Face validity) ความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ (Predictive Validity) และ ความเที่ยงตรงตามสภาพ (Concurrent Validity) (14) รปู ที่ 2-6 แบบประเมินทา่ ทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) 2.8 การวัดแรงบบี มือ (Hand grip strength) การวัดแรงบีบมือเป็นการวัดที่เป็นมาตรฐานสาหรับการประเมินสมรรถภาพทางกาย (Physical fitness) การทดสอบนี้จะทาการทดสอบโดยบุคลากรทางการแพทย์ท้ังก่อน และหลังเพื่อประเมินสมรรถภาพ ทางกายของผู้ป่วย จากการศึกษาของ Mathiowetz และคณะในปี ค.ศ.1984 (15) พบว่าการทดสอบแรงบีบ มือมีค่าความน่าเชื่อถือระหว่างผู้วัด (Inter-rater reliability) และความน่าเช่ือถือของการทดสอบซ้า (Test- retest reliability) อยู่ในระดับสูง และสูงมาก ตามลาดับ American Society of hand Therapist (ASHT) สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 16 แนะนาวิธีการและท่าทางมาตรฐานในการประเมิน คือ ท่านั่งบนเก้าอี้ แขนอยู่ในท่า neutral position ข้อศอกงอ 90 องศา แขนท่อนล่างและข้อมืออยู่ในท่า neutral position ผู้ทดสอบจะออกคาส่ังให้ผู้เข้าร่วม บบี มอื ใหไ้ ด้มากทสี่ ดุ เทา่ ท่จี ะทาได้ ทาการทดสอบทั้งหมด 3 คร้งั และได้คา่ ออกมาในหน่วย Kg/Body weight สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 17 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินการวจิ ัย การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงด้าน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานด้านการยศาสตร์ มีกลุ่มประชากร คือ กลุ่ม แรงงานนอกระบบ กลุ่มผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ งานลงสี และเขียนลาย หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระทมุ่ แบน จ.สมุทรสาคร 3.1 ประชากร และกล่มุ ตวั อยา่ ง กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ หมู่บ้าน เบญจรงคด์ อนไกด่ ี ต.ดอนไกด่ ี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จานวน 29 คน 3.1.1 เกณฑ์การคัดเข้า 1. เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านทาเครือ่ งเบญจรงค์ทท่ี างานลงสี หรอื เขยี นลาย 2. มปี ระสบการณ์การทางานอย่างน้อย 1 ปี 3. มีสถานีงานทป่ี ระกอบด้วย โต๊ะ และเกา้ อี้ 3.1.2 เกณฑก์ ารคดั ออก 1. มีความพิการ หรือการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับอาการทางระบบกระดูกและ กล้ามเนือ้ ท่ีไมเ่ ก่ียวข้องกบั การทางาน 2. ไมส่ ามารถเข้ารว่ มการทดสอบไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ 3.2 เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั 3.2.1 แบบประเมินอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ โดยใช้ Nordic musculoskeletal questionnaire ประเมินอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 10 ส่วน ได้แก่ คอ ไหล่ หลังสว่ นบน หลงั สว่ นลา่ ง แขนสว่ นบน ขอ้ ศอก แขนส่วนล่าง มือ/ขอ้ มอื สะโพก/ ตน้ ขา หวั เข่า นอ่ ง และเท้า ภายใน 7 วันทีผ่ า่ นมา และ 12 เดอื นที่ผา่ นมาท้ังขา้ งซ้ายและขวา สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 18 3.2.2 ตัวชวี้ ัดปัจจัยเสีย่ งดา้ นกายภาพ (Physical factors) 1) การประเมนิ สัดสว่ นของสถานงี าน (13) ประกอบด้วย - Seat surface height - Seat depth - Seat width - Back rest width - Back rest height - Backrest angle - Arm rest height - Table height - Table width - Table angle 3.2.3 ตัวชีว้ ัดปจั จยั เสย่ี งส่วนบุคคล (Individual factors) 1) สดั สว่ นรา่ งกาย (Anthropometric data) วัดโดยใช้ Vernia caliper, ไมบ้ รรทดั และสายวดั (13) ประกอบดว้ ย . สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 19 No. Type Reference point 1 Stature (body height) Vertical distance from the floor to the highest point of the head (vertex) 2 Sitting height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the highest point of the head (vertex) 3 Shoulder height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the acromion 4 Lower leg length ( popliteal Vertical distance from the foot- rest surface to the height) lower surface of the thigh immediately behind the knee, bent at right angle 5 Hip breadth Breadth of the body measured across the widest portion of the hips 6 Elbow height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the lowest bony point of the elbow bent at a right 7 Buttock-popliteal length Horizontal distance from the hollow of the knee to the rearmost point of the buttock 8 Buttock-knee length Horizontal distance from the foremost point of the knee-cap to the rearmost point of the buttock 9 Thigh clearance Vertical distance from the sitting surface to the highest point on the thigh 10 Eye height Vertical distance from a horizontal sitting surface to the outer corner of the eye 11 Shoulder (bideltoid) breadth Distance across the maximum lateral protrusions of the right and left deltoid muscles 12 Knee height Vertical distance from the floor to the highest point of the superior body of the patella 2) นา้ หนัก (Kg.) 3) สว่ นสงู (Cm.) 4) ดัชนมี วลกาย (Kg/m2) สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 20 5) แรงบีบมือ (Kg/BW) วัดโดยใช้ เคร่ืองวัดแรงบีบมือ (Hand grip dynamometer) โดยวดั ในท่าน่งั สะโพก และเข่างอ 90 องศา ขอ้ ศอกงอ 90 องศา วดั ในข้าง ซ้ายและขวา ข้างละ 3 ครง้ั แล้วนามาหาค่าเฉลยี่ 6) ท่าทางในการทางาน ประเมินโดยใช้แบบประเมินท่าทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) เพ่ือประเมินท่าทางในการทางานของ รยางคส์ ว่ นบน โดยแบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนที่ 1 การประเมินทา่ ทางของแขน และข้อมือ ประกอบด้วย แขนท่อนบน แขนท่อนล่าง ข้อมือ การบิดหมุนของข้อมือ การเคลื่อนไหวแขนและมือ และการใช้แรงของแขนและมือ และส่วนที่ 2 การ ประเมินท่าทางของคอ ลาตัว และขา ประกอบด้วย คอ ลาตัว ขา การเคลื่อนไหว ของร่างกาย และการใช้แรงของร่างกาย โดยแบ่งระดับคะแนนตามความเส่ียงของ การเกดิ โรค WMSDs ไดเ้ ป็น 4 ระดบั ดงั นี้ คะแนน การแปลผล 1-2 ยอมรับได้ แต่อาจจะมีปัญหาทางการยศาสตร์ได้ถ้ามีการ ทางานดงั กลา่ วซา้ ๆตอ่ เนื่องเป็นเวลานานกวา่ เดมิ 3-4 ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมและติดตามวัดผลอย่างต่อเน่ือง อาจจะจาเป็นทจ่ี ะต้องมกี ารออกแบบงานใหม่ 5-6 งานน้ันเริ่มเป็นปัญหา ควรทาการศึกษาเพิ่มเติม และควรรีบ ปรบั ปรุง 7 งานนน้ั มีปญั หาทางการยศาสตร์ และตอ้ งมีการปรับปรงุ ทนั ที 3.2.4 ตัวชวี้ ัดปจั จัยเส่ียงดา้ นจิตสงั คม (Psychosocial factors) 4.1 ระยะเวลาในการทางานตอ่ วนั (ชัว่ โมง) 4.2 สดั ส่วนอตั ราการทางานต่อการพัก (ช่ัวโมง) 4.3 ระยะเวลาในการนั่งทางาน (ช่วั โมง) 4.4 ความเครยี ดที่เกดิ จากการทางาน 3.2.5 กล้องถ่ายรูป เพื่อบันทึกรูปถ่ายและวิดีโอขณะทางานของผู้ปฏิบัติงาน และนามา วเิ คราะหท์ ่าทางการทางานโดยใช้แบบประเมนิ RULA สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 21 3.3 วธิ ีการเก็บขอ้ มูล คณะผู้วิจัยดาเนินการเก็บข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ งานลงสี หรือเขียนลาย ในหมบู่ ้านเบญจรงคด์ อนไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระท่มุ แบน จ.สมทุ รสาคร จานวน 29 คน เกบ็ ขอ้ มูลโดยเจา้ หน้าที่ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน) ที่ผ่านการ ทดสอบความน่าเช่ือถือระหว่างผู้วัด (Inter-rater reliability) และในตัวผู้วัด (Intra-rater reliability) โดยมี ข้ันตอนดังต่อไปน้ี 1) คณะผู้วิจัย ดาเนินการส่งรายละเอียด และขออนุญาตเข้าเก็บข้อมูลวิจัยแก่ประธานกลุ่ม หมูบ่ า้ นเบญจรงค์บ้านดอนไก่ดี เพอื่ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ทีเ่ ก่ยี วข้องทราบ 2) ผู้เข้าร่วมวิจัยทุกคนได้รับการอธิบายถึงวัตถุประสงค์ ขั้นตอน และประโยชน์ในการเข้าร่วม วิจัยโดยจะเข้ารว่ มการวิจัยครงั้ น้โี ดยวิธสี มัครใจ 3) คณะผู้วิจัยสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมการวิจัยเชิงลึก โดยใช้แบบสอบถาม ใช้ระยะเวลา 10 นาทีต่อ คนผูเ้ ข้าร่วมวิจัยจะไดร้ บั การประเมินตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้ ตวั ชี้วัดปัจจัยเสี่ยงดา้ นกายภาพ (Physical factors) ก) การประเมินสถานีงาน ตัวชว้ี ัดปจั จัยเสี่ยงส่วนบคุ คล (Individual factors) ก) สัดสว่ นรา่ งกาย (Anthropometric data) ข) นา้ หนัก (Kg.) ค) ส่วนสูง (Cm.) ง) ดัชนีมวลกาย (Kg/m2) จ) แรงบีบมือ (Kg/BW) วัดโดยใช้ เครื่องวัดแรงบีบมือ (Hand grip dynamometer) โดยวัด ในท่าน่ัง สะโพก และเข่างอ 90 องศา ข้อศอกงอ 90 องศา วัดในข้างซ้ายและขวา ข้างละ 3 ครั้ง แล้ว นามาหาคา่ เฉลีย่ ฉ) ท่าทางในการทางาน ประเมินโดยใช้แบบประเมินท่าทางในการทางาน Rapid upper limb assessment (RULA) ของแขนข้างถนัด โดยถ่ายรปู และวดิ ีโอขณะทางาน อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกลา้ มเนอื้ ประเมินโดยใช้ Nordic musculoskeletal questionnaire 4. ผู้วจิ ัยนารปู และวิดีโอท่าทางการทางานมาวเิ คราะหแ์ ละประเมินท่าทางการทางาน โดยใช้ แบบ ประเมนิ ทา่ ทาง RULA หลังจากนั้นแปลผลระดบั ความเสี่ยง สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 22 3.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติจะใช้โปรแกรมสาเร็จรูป โดยกาหนดระดับการมีนัยสาคัญทาง สถิติไว้ทน่ี ้อยกวา่ 0.05 โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 3.4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย ได้แก่ ตัวช้ีวัดปัจจัยเส่ียงด้านกายภาพ ได้แก่ ความเสี่ยงด้านท่าทางในการทางานขณะทางานในข้ันตอนต่าง ๆ ของการทาเครื่องเบญจรงค์ สถานีงาน และ ระดับแสงสว่าง (Lux) ตัวชี้วัดปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล ได้แก่ สัดส่วนร่างกาย ท่าทางการทางาน ส่วนสูง (cm.) น้าหนัก (Kg.) ดัชนีมวลกาย (Kg/m2) แรงบีบมือ (Kg/BW) อาการไม่สบายทางระบบกระดูก และกล้ามเน้ือ และตัวช้ีวัดปัจจัยเสี่ยงด้านจิตสังคม ได้แก่ระยะเวลาในการทางานต่อวัน สัดส่วนอัตราการทางานต่อการพัก ระยะเวลาในการนั่งทางาน และความเครียดท่ีเกิดจากการทางาน วิเคาะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistic) โดยแสดงผลเปน็ จานวน ค่าเฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และเปอร์เซ็นไทล์ 3.4.2 การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย ได้แก่ ตัวช้ีวัดปัจจัยเสี่ยงด้านกายภาพ ได้แก่ ความเสี่ยงด้านท่าทางในการทางานขณะทางานในข้ันตอนต่าง ๆ ของการทาเครื่องเบญจรงค์ สถานีงาน และ ระดับแสงสว่าง (Lux) ตัวช้ีวัดปัจจัยเส่ียงส่วนบุคคล ได้แก่ สัดส่วนร่างกาย ท่าทางการทางาน ส่วนสูง (cm.) น้าหนัก (Kg.) ดัชนีมวลกาย (Kg/m2) แรงบีบมือ (Kg/BW) อาการไม่สบายทางระบบกระดูก และกล้ามเนื้อ และตัวช้ีวัดปัจจัยเสี่ยงด้านจิตสังคม ได้แก่ ระยะเวลาในการทางานต่อวัน สัดส่วนอัตราการทางานต่อการพัก ระยะเวลาในการน่ังทางาน และความเครียดท่ีเกิดจากการทางาน จะนามาหาความสัมพันธ์ วิเคาะหโ์ ดยใช้การ ทดสอบสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson’s correlation) สาหรับข้อมูลที่มีการกระจายตัวแบบ ปกติ และการทดสอบสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน (Spearman’s rho correlation) สาหรับข้อมูล ท่ีมีการกระจายตัวแบบไม่ปกติ 3.5 ระยะเวลาดาเนนิ การวิจัย เดือนมถิ ุนายน - กันยายน พ.ศ.2562 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 23 บทที่ 4 ผลการศกึ ษา 4.1 ข้อมูลพน้ื ฐาน ผู้เข้าร่วมงานวิจัยเป็นกลุ่มผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์ งานลงสีและเขียนลาย มีจานวนท้ังหมด 29 คน ไม่ผ่านเกณฑ์คัดเข้า 2 คน เนื่องจากไม่มีสถานีงานท่ีประกอบด้วยโต๊ะและเก้าอ้ี ในหมู่บ้านเบญจรงค์บ้านดอน ไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ประกอบด้วย เพศชาย จานวน 5 คน (25.93%) เพศหญิง จานวน 22 คน (81.48%) ช่วงอายุ 11-20 ปี จานวน 2 คน (7.41%) ช่วงอายุ 21-30 ปี จานวน 2 คน (7.41%) ชว่ งอายุ 31-40 ปี จานวน 4 คน (14.81%) ชว่ งอายุ 41-50 ปี จานวน 5 คน (18.52%) ชว่ งอายุ 51- 60 ปี จานวน 12 คน (44.44%) และช่วงอายุ 61-70 ปี จานวน 2 คน (7.41%) โดยกลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 45.79 ± 12.68 ปี น้าหนักเฉล่ีย 66.02 ± 13.38 กิโลกรัม ส่วนสูงเฉล่ีย 162.62 ± 8.9 เซนติเมตร ดัชนีมวล กายเฉล่ีย 24.96 ± 4.66 kg/m2 ประสบการณ์การทางานเฉลยี่ 21.07 ± 12.61 ปี ตารางท่ี 4.1 ขอ้ มลู พ้นื ฐานของผ้เู ขา้ ร่วมวิจยั (n=27) ตัวแปร จานวน (รอ้ ยละ) คา่ เฉลยี่ เพศ (คน) 5 (25.93%) 45.79 ± 12.68 - ชาย 22 (81.48%) - หญงิ 66.02 ± 13.38 2 (7.41%) 162.62 ± 8.9 อายุ (ปี) 2 (7.41%) 24.96 ± 4.66 - ช่วงอายุ 11-20 ปี 4 (14.81%) 21.07 ± 12.61 - ช่วงอายุ 21-30 ปี 5 (18.52%) - ชว่ งอายุ 31-40 ปี 12 (44.44%) - ชว่ งอายุ 41-50 ปี 2 (7.41%) - ชว่ งอายุ 51-60 ปี - ช่วงอายุ 61-70 ปี นา้ หนัก (กิโลกรมั ) สว่ นสงู (เซนตเิ มตร) ดัชนีมวลกาย (kg/m2) ประสบการณก์ ารทางาน (ป)ี สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 24 ตารางท่ี 4.1 ขอ้ มูลพ้นื ฐานของผูเ้ ขา้ รว่ มวิจัย (n=27) (ตอ่ ) จานวน (รอ้ ยละ) ตวั แปร 22 (81.48%) ลกั ษณะงาน 5 (18.52%) - ลงสี - เขยี นลาย 4.2 อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนอื้ จากการศกึ ษาพบว่าความชุกของอาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกลา้ มเน้ือในส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย 12 ส่วนในเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา และ วัน ที่ผ่านมา พบว่า อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา 3 ลาดับแรก ด้านซ้าย ได้แก่ หลังส่วนล่าง (40.74%) ไหล่ซ้าย (33.33%) และเข่าซ้าย (22.22%) ด้านขวา ได้แก่ หลังส่วนล่าง (37.04%) เข่าขวา (25.93%) ไหล่ขวา (18.53%) แขนท่อน ล่างด้านขวา (18.53%) และขอ้ มอื ขวา (18.53%) ในสว่ นของอาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือภายใน 7 วันทีผ่ ่านมา 3 ลาดับแรก ดา้ นซ้าย ได้แก่ ไหล่ซา้ ย (48.15%) หลงั สว่ นลา่ ง (44.44%) ข้อมอื ซา้ ย (37.04%) ดา้ นขวา ไดแ้ ก่ ขอ้ มือ ขวา (40.74%) หลังสว่ นล่าง (37.04%) และไหล่ขวา (33.33%) ตารางที่ 4.2 อาการไม่สบายทางระบบกระดกู และกล้ามเนื้อในสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย 12 สว่ น ภายใน 12 เดือนทผ่ี า่ นมา 12 เดือน ส่วนของร่างกาย ซ้าย ขวา ความชุก ค่าเฉล่ีย ความชุก คา่ เฉล่ยี คอ 11.11% 0.54 ± 1.97 11.11% 0.5 ± 1.84 ไหล่ 37.04% 1.71 ± 2.77 18.52% 1.14 ± 2.31 หลงั สว่ นบน 11.11% 0.14 ± 0.59 11.11% 0.32 ± 1.09 หลงั สว่ นล่าง 44.44% 2.21 ± 2.95 37.04% 2.04 ± 2.93 แขนสว่ นบน 18.52% 0.79 ± 2.08 11.11% 0.39 ± 1.2 ข้อศอก 11.11% 0.46 ± 1.75 7.41% 0.36 ± 1.55 แขนส่วนล่าง 18.52% 0.86 ± 2.29 14.81% 0.71 ± 1.84 มอื /ข้อมือ 18.52% 0.86 ± 2.26 18.52% 1.14 ± 2.63 สะโพก/ต้นขา 11.11% 0.29 ± 1.08 7.41% 0.46 ± 1.4 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 25 ตารางที่ 4.2 อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 12 ส่วน ภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา (ตอ่ ) 12 เดือน สว่ นของรา่ งกาย ซา้ ย ขวา ความชกุ ค่าเฉลย่ี ความชกุ คา่ เฉลย่ี หวั เข่า 25.93% 1.29 ± 2.67 25.93% 1.54 ± 2.91 นอ่ ง 18.52% 0.82 ± 2.18 11.11% 0.54 ± 1.67 เท้า 7.41% 0.25 ± 1.32 3.70% 0.25 ± 1.32 ตารางที่ 4.3 อาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกลา้ มเน้ือในสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย 12 สว่ น ภายใน 7 วันท่ผี า่ นมา ส่วนของร่างกาย 7 วัน ซา้ ย ขวา ความชกุ ค่าเฉล่ีย ความชุก ค่าเฉล่ยี คอ 22.22% 0.89 ± 1.97 29.63% 1±2 ไหล่ 48.15% 1.64 ± 2.15 33.33% 1.36 ± 2.11 หลงั ส่วนบน 22.22% 0.46 ± 0.96 22.22% 0.5 ± 1.23 หลังสว่ นล่าง 44.44% 2.18 ± 2.75 37.04% 1.64 ± 2.63 แขนสว่ นบน 25.93% 1.11 ± 2.06 33.33% 1.32 ± 2.34 ข้อศอก 7.41% 0.36 ± 1.31 11.11% 0.25 ± 1.01 แขนสว่ นลา่ ง 18.52% 0.75 ±1.94 18.52% 0.61 ± 1.66 มอื /ข้อมือ 37.04% 1.29 ± 2.04 40.74% 1.68 ± 2.74 สะโพก/ต้นขา 18.52% 0.75 ± 1.92 14.81% 0.75 ± 1.92 หวั เขา่ 18.52% 1 ± 2.55 22.22% 1.18 ± 2.71 น่อง 29.63% 1.11 ± 2.30 25.93% 1.11 ± 2.38 เท้า 14.81% 0.64 ± 2.02 11.11% 0.46 ± 1.84 สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 26 3. ปัจจัยเสี่ยงของการเกดิ WMSDs 3.1 ปจั จัยเสีย่ งสว่ นบุคคล 1) สัดส่วนร่างกาย จากผลการศึกษาพบว่าสัดส่วนร่างกายของกลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ของเพศชายและหญิง พบค่าสัมประสิทธ์ิความสัมพันธ์ของเพศหญิงมากที่สุด คือ ความสัมพันธ์ในระดับปานกลางระหว่างความยาว ระหว่างก้นถึงข้อพับเข่า (Buttock-popliteal length) และความยาวระหว่างก้นถึงเข่า (Buttock-knee length) (r = 0.697, p-value < 0.001) และความสัมพันธ์ในระดับปานกลางระหว่างความกวา้ งของสะโพก (Hip breadth) และความกว้างของไหล่ (Shoulder (bideltoid) breadth) (r = 0.559, p-value = 0.007) และในส่วนของ กล่มุ ผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ของเพศชาย พบคา่ สมั ประสิทธค์ิ วามสัมพนั ธ์ของเพศหญงิ มากทสี่ ุด คือ ความสัมพันธ์ ระดับสูงมากระหว่างความสูงของท่านัง่ (Sitting height) และความกว้างของสะโพก (Hip breadth) ความสูง ของข้อศอก (Elbow height) และความกว้างของสะโพก (Hip breadth) ความยาวระหวา่ งกน้ ถึงเข่า (Buttock-knee length) (r = 0.559, p-value = 0.037) ตารางที่ 4.4 สดั สว่ นรา่ งกายของเพศหญิง (n=22) หนว่ ยเปน็ เซนตเิ มตร สัดส่วนร่างกาย ค่าต่าสดุ คา่ สูงสดุ เปอเซน็ ไทล์ของเพศหญิง ค่าเฉลี่ย 5 50 95 158.5 ± 4.36 78.94 ± 6.53 1 Stature (body 150 166 150.30 158 165.85 51.70 ± 7.77 height) 44.58 ± 6.61 2 Sitting height 53.5 87 56.91 79 87 32.77 ± 5.40 3 Shoulder 43 82 43.45 50.3 78.60 height 4 Lower leg length 32 55 32.80 44.75 54.7 (popliteal height) 5 Hip breadth 25 45 25.3 32.75 44.91 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 27 ตารางท่ี 4.4 สดั สว่ นร่างกายของเพศหญิง (n=22) หน่วยเป็นเซนติเมตร (ต่อ) สดั สว่ นรา่ งกาย ค่าต่าสุด คา่ สงู สุด เปอเซน็ ไทล์ของเพศหญงิ ค่าเฉลย่ี 5 50 95 23 ± 4.16 31.43 ± 5.07 6 Elbow height 16 31 16.42 21.85 30.90 38.21 ± 8.29 7 Buttock- 14 ± 13.34 61.74 ± 17.21 popliteal 24.5 46 24.58 30 45.1 45.55 ± 7.9 44.39 ± 3.94 length 8 Buttock-knee 11.3 56.2 14.11 39.15 55.12 length 9 Thigh 9.5 73.5 9.5 11.2 64.53 clearance 10 Eye height 11 84 11.75 66.2 82.38 11 Shoulder (bideltoid) 37.4 74 37.55 43.15 71.27 breadth 12 Knee height 35.3 52.8 35.75 44 52.31 สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

ตารางท่ี 4.5 สดั สว่ นรา่ งกายของเพศชาย (n=5) หน่วยเป็นเซนตเิ มตร หนา้ 28 สัดสว่ นรา่ งกาย คา่ ต่าสดุ ค่าสงู สดุ เปอเซ็นไทล์ของเพศชาย ค่าเฉลี่ย 5 50 95 175.6 ± 8.17 89.7 ± 2.95 Stature (body 170 190 170 172 186.8 61.4 ± 3.03 height) 47.92 ± 5.60 Sitting height 86 94 86 90 93.26 34.16 ± 1.58 Shoulder 59 66 59 59.5 65.4 28.44 ± 5.43 height 33.76 ± 4.29 Lower leg 41.26 ± 6.980 11.14 ± 2.17 length 39.7 52.3 39.7 51 52.26 76.54 ± 3.81 (popliteal 45.4 ± 2.16 45.56 ± 4.76 height) Hip breadth 32.3 36 32.3 34 35.9 Elbow height 23 35.2 23 27 34.76 Buttock- popliteal 28 40 28 33.3 38.9 length Buttock-knee 29 46.5 29 43.8 46 length Thigh 9 13.9 9 11 13.66 clearance Eye height 74 83 74 74.5 81.8 Shoulder (bideltoid) 42 47 42 46.5 47 breadth Knee height 41.6 53.3 41.6 45.5 51.78 สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 29 ตารางท่ี 4.6 สมั ประสทิ ธิค์ วามสัมพนั ธจ์ ของสัดส่วนร่างกายเพศหญิง (n=22) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 0.433* 0.022 0.109 0.176 -0.034 0.052 0.243 -0.153 0.230 0.029 0.144 2 0.433* 0.342 0.143 0.330 0.219 -0.041 0.113 -0.046 0.217 0.164 0.226 3 0.022 0.342 0.035 0.145 0.340 0.249 -0.053 0.456* 0.127 0.223 0.330 4 0.109 0.143 0.035 0.011 -0.079 -0.358 0.015 0.011 -0.141 0.011 0.275 5 0.176 0.330 0.145 0.011 -0.255 0.140 0.366 -0.192 -0.019 0.559* 0.204 6 -0.034 0.219 0.340 -0.079 -0.255 -0.176 -0.593* 0.105 0.440* 0.036 0.045 7 0.052 -0.041 0.249 0.358 0.140 -0.176 0.697* 0.266 -0.043 0.129 0.357 8 0.243 0.113 -0.053 0.015 0.366 -0.593* 0.697* 0.063 -0.291 -0.043 0.261 9 -0.153 -0.046 0.456* 0.011 -0.192 0.105 0.266 0.063 -0.278 -0.129 0.187 10 0.230 0.217 0.127 -0.141 -0.019 0.440* -0.043 -0.291 -0.278 0.464* 0.097 11 0.029 0.164 0.223 0.011 0.559* 0.036 0.129 -0.043 -0.129 0.464* 0.476* 12 0.144 0.226 0.330 0.275 0.204 0.045 0.357 0.261 0.187 0.097 0.476* * กาหนดระดบั นยั สาคัญทางสถติ ิ p-value < 0.05 ตารางที่ 4.7 สมั ประสิทธ์ิความสมั พันธ์จของสัดส่วนร่างกายเพศชาย (n=5) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 0.359 0.763 -0.359 0.667 -0.051 0.821 0.821 0.410 0.462 0.711 0.051 2 0.359 0.667 0.6 0.9* 0.8 0.7 0.7 0.5 0.3 -0.103 0.5 3 0.763 0.667 -0.051 0.821 0.564 0.667 0.667 0.872 0.616 0.553 0.205 4 -0.359 0.6 -0.051 0.2 0.6 <0.01 <0.01 -0.1 -0.5 -0.410 0.8 5 0.667 0.9* 0.821 0.2 0.6 0.9* 0.9* 0.6 0.6 0.103 0.2 6 -0.051 0.8 0.564 0.6 0.6 0.2 0.2 0.7 0.3 -0.205 0.4 7 0.821 0.7 0.667 <0.01 0.9* 0.2 1 0.3 0.5 0.205 0.1 8 0.821 0.7 0.667 <0.01 0.9* 0.2 1 0.3 0.5 0.205 0.1 9 0.410 0.5 0.872 -0.1 0.6 0.7 0.3 0.3 0.7 0.359 <0.01 10 0.462 0.3 0.616 -0.5 0.6 0.3 0.5 0.5 0.7 0.051 -0.6 11 0.711 -0.103 0.553 -0.41 0.103 -0.205 0.205 0.205 0.359 0.051 0.205 12 0.051 0.5 0.205 0.8 0.2 0.4 0.1 0.1 <0.01 -0.6 0.205 * กาหนดระดับนยั สาคญั ทางสถิติ p-value < 0.05 สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 30 2) แรงบีบมือ จากการศึกษาพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างถนัดขวา 26 คน ถนัดซ้าย 1 คน เพศหญิงมีแรงบีบมือเฉลี่ยข้าง ซา้ ย 19.62 ± 4.24 กโิ ลกรมั ตอ่ นา้ หนักตวั ขา้ งขวา 21.47 ± 4.85 กโิ ลกรมั ตอ่ นา้ หนักตัว ส่วนเพศชายพบว่ามี แรงบบี มือเฉลีย่ ข้างซ้าย 34.19 ± 3.74 กโิ ลกรมั ตอ่ น้าหนักตัว ขา้ งขวา 34.19 ± 3.95 กโิ ลกรมั ต่อน้าหนกั ตวั จากการศึกษาพบว่าแรงบีบมือของแขนข้างท่ีถนัดมีค่าสัมประสิทธิ์ความสัม พันธ์เชิงลบในระดับต่า ระหว่างแรงบบี มือของแขนข้างท่ถี นัดและอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบรเิ วณไหลใ่ น 7 วันท่ี ผ่านมาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (r=-0.422, p-value = 0.032) และยังพบความสัมพันธ์เชิงลบในระดับต่า ระหว่างแรงบีบมือข้างถนัดและอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณมือและข้อมืออีกด้วย (r=-0.343, p-value = 0.086) 3) ทา่ ทางในการทางาน จากการศึกษาพบว่า ท่าทางในการทางานของกลุ่มตัวอย่างผู้ทาเบญจรงค์ งานลงสี พบว่า มีค่าเฉล่ีย ของท่าทางในการทางาน ประเมินโดยใช้แบบประเมิน RULA พบว่า มีค่าเฉล่ียของระดับคะแนนอยู่ในระดับมี ความเสีย่ งต่า อาจต้องการการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้ทา่ ทางการทางานดีขึ้น (4.77 ± 0.81) และในกลุ่ม งานเขียนลาย พบค่าเฉลี่ยของระดับคะแนนอยู่ในระดับมีความเส่ียงปานกลางและควรได้รับการปรับปรุง ท่าทางในการทางานในเร็วๆนี้ (5.20 ± 1.30) โดยไมพ่ บความสมั พันธ์อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ริ ะหวา่ งคะแนน ท่าทางในการทางานและอาการไม่สบายททางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 3 ลาดับ แรก ได้แก่ ไหล่ หลังสว่ นลา่ ง แขนท่อนบน มอื และขจ้อมือ และเข่า ภายใน 7 วันและ 12 เดอื น โดยจากการศึกษาพบว่า ท่าทางในการทางานของรยางค์ส่วนบนขอกลุ่มผู้ทาเบญจรงค์กลุ่มลงสี พบความ เส่ียงต่าอาจต้องการปรับเปล่ียน จานวน 9 คน ความเส่ียงปานกลาง ควรได้รับการปรับเปลี่ยนเร็ว ๆ น้ี จานวน 11 คน และความเสี่ยงสูงซึ่งควรไดร้ ับการปรับเปลี่ยนสถานีงานทนั ที จานวน 1 คน และในกลุ่มทาเครื่องเบญจรงค์ งาน เขยี นลาย ความเส่ยี งต่าอาจต้องการปรับเปล่ียน จานวน 2 คน ความเสยี่ งปานกลาง ควรได้รับการปรับเปลี่ยนเร็ว ๆ น้ี จานวน 2 คน และความเสี่ยงสูงซ่ึงควรไดร้ ับการปรับเปลยี่ นสถานีงานทนั ที จานวน 1 คน ดังแสดงในตารางที่ 4.9 ตารางที่ 4.8 คะแนน RULA Final score ตามลกั ษณะกลุ่มงาน ลกั ษณะงาน คา่ ตา่ สดุ คา่ สงู สดุ คา่ เฉล่ยี RULA Final score 4.77 ± 0.81 ลงสี (n=22) 47 5.20 ± 1.30 4.85 ± 9.07 เขยี นลาย (n=5) 47 รวม (n=27) 47 สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 31 ตารางท่ี 4.9 คะแนน RULA Final score รายบคุ คล หมายเลข ลักษณะงาน RULA Final score ระดับความเสี่ยง ตา่ 01 ลงสี 4 ปานกลาง 02 ลงสี 5 ตา่ 03 ลงสี 4 ปานกลาง ปานกลาง 04 ลงสี 5 ปานกลาง 05 ลงสี 5 สงู สูง 06 เขยี นลาย 5 ปานกลาง ปานกลาง 07 ลงสี 7 ตา่ ตา่ 08 เขียนลาย 7 ตา่ ตา่ 09 เขยี นลาย 6 ปานกลาง ปานกลาง 10 ลงสี 5 ปานกลาง ตา่ 11 ลงสี 4 ปานกลาง ปานกลาง 12 เขียนลาย 4 ปานกลาง ตา่ 13 ลงสี 4 ตา่ ปานกลาง 14 ลงสี 4 ตา่ ตา่ 15 ลงสี 6 ปานกลาง 16 ลงสี 5 17 ลงสี 5 18 ลงสี 4 19 ลงสี 5 20 ลงสี 5 21 ลงสี 5 22 ลงสี 4 23 ลงสี 4 24 ลงสี 5 25 ลงสี 4 26 เขียนลาย 4 27 ลงสี 5 สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 32 ภาพท่ี 4-1 ท่าทางการทางานกลุ่มงานลงสี ภาพท่ี 4-2 ท่าทางการทางานกล่มุ งานเขียนลาย 3.2 ปัจจยั ทางกายภาพ 1) ขนาดของสถานงี าน จากผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉล่ียของส่วนประกอบต่าง ๆ ของเก้าอี้ ประกอบด้วย Seat surface height 42.56 ± 2.77 เซนติเมตร , Seat depth 35.09 ± 9.25 เซนติเมตร , Seat width 38.47 ± 2.99 เซนติเมตร , Back rest width 37.51 ± 4.80 เซนติเมตร , Back rest height 45.78 ± 7.14 เซนติเมตร, Back rest angle 92.64 ± 22.42 เซนติเมตร และมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 3 คนที่มีเก้าอี้ชนิดมีที่พักแขน (Arm rest) โดยมคี ่าเฉล่ยี ของ Arm rest height 67.93 ± 5.88 เซนตเิ มตร สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 33 จากผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยของส่วนประกอบต่าง ๆ ของโต๊ะทางาน ประกอบด้วย Table height 69.47 ± 14.02 เซนติเมตร , Table width 98.74 ± 38.25 เซนติเมตร และ Table angle 0 องศา ดังแสดงในตารางที่ 4.9 จากผลการศึกษาพบความสัมพันธ์เชิงลบระดับปานกลางระหว่างความลึกของเบาะน่ัง (Seat depth) กับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณเข่า ใน 12 เดือนท่ีผ่านมาอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติ (r=-0.640, p-value=0.001) และพบความสัมพันธ์ระดับต่าระหว่างความกว้างของพนักพิงหลัง (Backrest width) กับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณไหล่ มือและข้อมือ และเข่า ใน 12 เดือนท่ีผ่านมาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (r=0.478, 0.461 และ0.423, p-value=0.025, 0.031 และ0.05 ตามลาดับ) ในส่วนของโต๊ะพบความสัมพันธ์ระดับปานกลาง และต่าระหว่างความสูงของโต๊ะ (Table height) กับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณเข่าใน 7 วันที่ผ่านมา (r=0.564, p-value=0.006) และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณหลังส่วนล่างใน 12 เดือนที่ผ่านมา (r=0.477, p- value=0.025) ตามลาดับ และยงั พบความสัมพันธใ์ นระดับปานกลางระหวา่ งความลึกของโต๊ะ (Table width) และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือยริเวณไหล่ใน 7 วันท่ีผ่านมาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (r= 0.582, p-value=0.005) ตารางท่ี 4.9 ปัจจยั ทางกายภาพ ตวั แปร คา่ ต่าสดุ ค่าสงู สุด ค่าเฉล่ีย เกา้ อี้ (เซนติเมตร) (n=27) - Seat surface height 34 46 42.56 ± 2.77 - Seat depth 3 43 35.09 ± 9.25 - Seat width 32 44 38.47 ± 2.99 - Back rest width 29 47.4 37.51 ± 4.80 - Back rest height 35.60 72.6 45.78 ± 7.14 - Back rest angle 90 115 92.64 ± 22.42 - Arm rest height (n=3) 63.5 74.6 67.93 ± 5.88 โต๊ะ (เซนติเมตร) (n=27) - Table height 64.8 74.7 69.47 ± 14.02 - Table width 81 180 98.74 ± 38.25 - Table angle 00 0 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 34 3.3 ปจั จัยด้านจิตสงั คม จากการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอยา่ งผู้ทาเครื่องเบญจรงค์มีระยะเวลาในการทางานต่อวันเฉลย่ี 8.32 ± 1.40 ช่วั โมง ระยะเวลาพกั เฉลี่ย 1.46 ± 0.72 ชว่ั โมง และระยะเวลาน่งั ทางานเฉลย่ี นาน 6.82 ± 5.53 ชั่วโมง โดยมีระดับความเครียดในการทางานเฉล่ยี อยูใ่ นระดับไม่มีอาการเครยี ด (6.82 ± 5.53) ดงั แสดงในตารางที่ 4.10 จากผลการศึกษาไม่พบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งระยะเวลาทางานตอ่ วนั ระยะเวลาพักตอ่ วัน ระยะเวลา นั่งทางานต่อวัน และความเครยี ดจากการทางานต่อวนั กบั อาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 7 วนั และ12 เดอื นทผ่ี ่านมา ตารางท่ี 4.10 ปัจจัยด้านจติ สังคม คา่ ต่าสดุ ค่าสูงสดุ คา่ เฉล่ยี ตวั แปร 5 12 8.32 ± 1.40 0.5 3 1.46 ± 0.72 ระยะเวลาการทางานต่อวัน (ชั่วโมง) 1 12 5.82 ± 2.79 ระยะเวลาพักต่อวนั (ช่วั โมง) 0 21 6.82 ± 5.53 ระยะเวลาน่งั ทางานต่อวนั (ชว่ั โมง) ระดับความเครียดจากการทางาน สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 35 บทท่ี 5 อภิปรายผลการศึกษา จากผลการศึกษาพบว่าอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือภายใน 7 วันที่ผ่านมา 3 อันดับแรก ได้แก่ มือและข้อมือ หลังส่วนล่าง ไหล่และแขนส่วนบน ตามลาดับ และในส่วนของอาการไม่ สบายทางระบบกระดูกและกลา้ มเนื้อภายใน 12 เดอื นที่ผ่านมา 3 ลาดับแรก ไดแ้ ก่ หลงั ส่วนล่าง เขา่ ไหลแ่ ละ มือ/ข้อมือ ตามลาดับ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการศึกษาของ Songkham W.,2018 (16) พบอาการ ไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในกลุ่มผู้ทาเคร่ืองเซรามิค 4 ลาดับแรก ได้แก่ หลังส่วนล่าง เข่า ไหล่ มือและข้อมือ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าในกลุ่มผู้ทาเครื่องเผา กลุ่มแรงงานนอกระบบ หรือผู้รับงานไปทาท่ีบ้านจะมี การใช้กาลังและความทนทานของกล้ามเน้ือแขน ข้อมือ และกล้ามเนื้อมัดเล็กภายในมือมาก ซึ่งอาจทาให้เกิด การล้าของกล้ามเนื้อได้เร็วกว่าปกติ และการทางานลงสีหรือเขียนลายเป็นการเกร็งกล้ามเนื้อ (Isometric contraction) ซงึ่ จะทาให้เกดิ อาการลา้ ของกล้ามเน้ือมือได้เร็วยงิ่ ข้นึ แสดงใหเ้ หน็ จากค่า median frequency ท่ีต่าลง (17) ซ่ึงเกิดจากการเปล่ียนแปลงของสมดุลโพแทสเซียม (Potassium homeostasis) ภายใน กล้ามเน้ือ (18) ส่งผลให้เพ่ิมโอกาสในการเกิดอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณแขน มือ และข้อมือได้มากขึ้น และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในหลังส่วนล่างที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิด จากความไม่เหมาะสมของความสงู ของโต๊ะซึ่งต่ากว่าสัดส่วนร่างกายของท้ังเพศชายและหญิง ทาให้เกิดการกม้ มากกวา่ ปกติ และเกดิ อาการไมส่ บายทางระบบกระดกู และกล้ามเนื้อของหลังส่วนลา่ ง จากผลการศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs ส่วนบุคคล พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงลบ ระหว่างแรงบีบมือของแขนข้างถนัดกับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือของไหล่ และมือและ ข้อมือ แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างท่าทางการทางานของรยางค์ส่วนบนขณะทางานกับอาการไม่สบายทาง ระบบกระดกู และกล้ามเนื้อ เน่อื งจาก ท่าทางในการทางานมีความเส่ียงตา่ จากผลการศึกษาปัจจัยเส่ียงของการเกิด WMSDs ทางกายภาพ พบว่า ขนาดของสถานีงาน ประกอบด้วย ความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างความลึกของเบาะน่ัง (Seat depth) กับอาการไม่สบายทางระบบ กระดกู และกลล้ามเนื้อบรเิ วณเข่า ซ่ึงอาจเกิดจากความไม่เหมาะสมของความลึกของเบาะนั่งท่ีอาจะเล็กเกินไป ทาให้อาจเกิดการงอของเข่าท่ีน้อยเกินไปส่งผลต่อการเกิดอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ บริเวณเข่า และยังพบความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของโต๊ะ (Table height) กับอาการไม่สบายทางระบบ กระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณหลังส่วนล่างทาให้เกิดความไม่เหมาะสมของท่าทางในการทางาน และพบ ความสัมพันธข์ องแสงสว่างกบั อาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบรเิ วณไหล่ สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 36 จากผลการศึกษาปัจจัยเส่ียงของการเกิด WMSDs ทางจิตสังคม พบว่าระยะเวลาในการทางาน ระยะเวลาพักต่อวัน ระยะเวลาในการน่ังทางานต่อวัน และความเครียดไม่มีความสัมพันธ์กับอาการไม่สบาย ทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อท้ัง 7 วัน และ 12 เดือนท่าผ่านมา ซึ่งผลการศึกษาครั้งน้ีแสดงให้เห็นว่ากลุ่ม ตัวอย่างผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์น้ีมีระยะเวลาทางาน และความเครียดต่อการทางาน ไม่มีผลต่ออาการไม่สบาย ทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ซ่ึงจากการเก็บข้อมูลครั้งน้ีพบว่าการทางานของกลุ่มแรงงานผู้รับงานไปทาท่ี บ้านน้ีมีความกดดัน และความเครียดจากการทางานน้อย มีความสุขค่อนข้างมาก แต่ถึงแม้รายได้จะน้อย แต่ กลุ่มผู้แรงงานทางานในบริเวณบา้ นของตน จึงไม่ตอ้ งมคี วามกังวลในการทางาน จากผลการศึกษาพบว่าผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ท่ีมีความเสี่ยงของท่าทางการทางานในระดับปาน กลาง และสูง จะต้องมีการปรับปรุงสถานีงานและท่าทางในการทางาน ตามส่วนท่ีมีคะแนน RULA มากท่ีสุด โดยผู้ที่มีระดับความเส่ียงสูงจะมีคะแนน RULA มากที่สุดท้ังในส่วนของแขน/ข้อมือ และคอ/ลาตัว/ขา โดยมี รายละเอียดตามรายบุคคลดงั ต่อไปน้ี ดังแสดงในตารางที่ 5.1 หมายเลข 02 ทา่ ทางทีค่ วรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผูป้ ฏบิ ตั งิ านมีการกระดกขอ้ มือมากขณะทางาน - นง่ั ทางานเปน็ ระยะเวลานาน หมายเลข 04 ท่าทางทคี่ วรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผู้ปฏิบตั ิงานมีการกระดกขอ้ มอื มากขณะทางาน - ผู้ปฏิบัติงานก้มหลงั และศรี ษะเพ่ือจ้องช้นิ งานมากขณะทางาน - น่งั ทางานตอ่ เน่อื งเป็นระยะเวลานาน หมายเลข 05 ท่าทางทค่ี วรปรับปรุง - ในการทางาน ผู้ปฏบิ ัติงานมกี ารกระดกขอ้ มอื มากขณะทางาน - ไมม่ เี กา้ อ้สี าหรบั พักเทา้ - นั่งทางานเปน็ ระยะเวลานาน สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หน้า 37 หมายเลข 06 ทา่ ทางที่ควรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผปู้ ฏบิ ตั ิงานมกี ารกระดกขอ้ มอื มากขณะทางาน - ไมม่ ีเก้าอี้สาหรบั พกั เทา้ หมายเลข 07 ทา่ ทางท่คี วรปรบั ปรงุ - ในการทางาน ผปู้ ฏิบัติงานมีการกระดกข้อมอื มากขณะทางาน - ผูป้ ฏิบตั งิ านก้มหลังและศรี ษะเพอื่ จ้องชิน้ งานมากขณะทางาน - เก้าอเี้ ปน็ เก้าอพ้ี ลาสติก ไมร่ อบรบั ความโค้งของหลังสว่ นลา่ ง - ไม่มีเกา้ อี้สาหรับพักเทา้ - นัง่ ทางานเปน็ ระยะเวลานาน หมายเลข 08 ท่าทางทคี่ วรปรบั ปรงุ - ในการทางาน ผปู้ ฏบิ ัตงิ านมกี ารกระดกข้อมือมากขณะทางาน - ผปู้ ฏบิ ตั ิงานกม้ หลงั และศีรษะเพือ่ จอ้ งชิน้ งานมากขณะทางาน - เกา้ อ้เี ป็นเก้าอพี้ ลาสติก ไมร่ อบรบั ความโค้งของหลังสว่ นลา่ ง - ไม่มีเก้าอีส้ าหรบั พกั เทา้ - นั่งทางานเปน็ ระยะเวลานาน หมายเลข 09 ท่าทางท่คี วรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผู้ปฏบิ ัตงิ านมกี ารกระดกข้อมอื มากขณะทางาน หมายเลข 10 ท่าทางทค่ี วรปรับปรุง - ในการทางาน ผู้ปฏิบตั ิงานมีการกระดกข้อมือมากขณะทางาน - ผู้ปฏิบตั ิงานก้มหลงั และศรี ษะเพื่อจอ้ งช้ินงานมากขณะทางาน สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 38 หมายเลข 15 และ 16 ท่าทางทค่ี วรปรบั ปรงุ - ในการทางาน ผ้ปู ฏิบัติงานมกี ารกระดกขอ้ มือมากขณะทางาน - ผูป้ ฏบิ ตั ิงานกม้ หลงั และศีรษะเพื่อจ้องชน้ิ งานมากขณะทางาน หมายเลข 17 ท่าทางทีค่ วรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผ้ปู ฏิบตั งิ านมกี ารกระดกข้อมือมากขณะทางาน - ไม่มีเก้าอ้สี าหรบั พกั เทา้ หมายเลข 19, 20 และ 21 ท่าทางที่ควรปรับปรงุ - ในการทางาน ผ้ปู ฏิบตั งิ านมีการกระดกข้อมอื มากขณะทางาน - ขอบโตะ๊ มคี วามแหลม สามารถกดทบั บริเวณแขนทอ่ นลา่ งและข้อมือได้ หมายเลข 24 ท่าทางท่ีควรปรบั ปรุง - ในการทางาน ผู้ปฏิบัติงานมีการกระดกข้อมอื มากขณะทางาน - ผู้ปฏิบตั งิ านกม้ หลังและศรี ษะเพื่อจ้องชน้ิ งานมากขณะทางาน - เก้าอ้เี ปน็ เก้าอ้พี ลาสตกิ ไมร่ อบรบั ความโคง้ ของหลงั ส่วนล่าง หมายเลข 27 ทา่ ทางที่ควรปรับปรงุ - ในการทางาน ผู้ปฏบิ ัติงานมกี ารกระดกข้อมือมากขณะทางาน สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 39 ตารางที่ 5.1 สรุปความเส่ียงของผูท้ ี่มีความเส่ยี งระดบั ปานกลาง และสงู หมายเลข ลักษณะ RULA Final ระดับ สว่ นทมี่ คี ะแนน สว่ นทม่ี ี Work Hand Grip งาน score ความ RULA มาก อาการปวด time strength แขน เสีย่ ง ที่สุด มากท่ีสดุ ข้างถนดั 02 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ ขอ้ มือ 9 23.10 04 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ คอ,ไหล่ 8 20.20 05 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ เขา่ ,นอ่ ง,เทา้ 9 35.47 06 เขยี นลาย 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ นอ่ ง 8 17.17 07 7 สงู แขน/ข้อมือ หลงั ส่วนลา่ ง 8 39.05 ลงสี คอ/ลาตวั /ขา 08 สงู แขน/ข้อมือ เข่า,นอ่ ง,เท้า 10 10.80 เขยี นลาย 7 คอ/ลาตวั /ขา 09 เขยี นลาย 6 ปานกลาง แขน/ข้อมือ ข้อมือ 8 18.83 10 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ หลังส่วนล่าง 8 16.37 15 ลงสี 6 ปานกลาง แขน/ข้อมือ หลงั สว่ นล่าง 8 20.23 16 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ หลังสว่ นลา่ ง 8 28.20 17 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ น่อง,เท้า 9 25.67 19 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ แขนท่อนบน 10 25.13 20 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ ขอ้ มือ 9 25.77 21 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ แขนท่อนลา่ ง 5 21.10 24 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ หลังส่วนล่าง 12 29.73 27 ลงสี 5 ปานกลาง แขน/ข้อมือ - 6 28.93 จากผลการศึกษาพบว่าสถานีงานที่เหมาะสมกับกล่มุ ผู้ทาเคร่ืองเบญจรงค์หมู่บ้านเบญจรงค์ดอน ไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรปราการ ควรออกแบบเพื่อปรับเปลี่ยนสถานีงานบางส่วนให้มีความ เหมาะสมกับสัดส่วนร่างกาย เพื่ออาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อที่อาจเกิดข้ึน โดยมี รายละเอยี ดการออกแบบสถานงี าน (12, 13) ดงั แสดงในตารางที่ 5.2 สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 40 ตารางที่ 5.2 ข้อมลู การออกแบบสถานงี านที่เหมาะสม สถานีงาน สัดส่วนร่างกาย ขนาด (Cm.) ขอ้ มูลสดั ส่วน รา่ งกาย เกา้ อ้ี Popliteal height 54.7 - Seat surface height Buttock-popliteal length 33.3 95th female - Seat depth Hip breath 44.91 50th male - Seat width Shoulder breath 71.27 95th female - Back rest width Shoulder height 78.60 95th female - Back rest height 90o – 110o 95th female - Back rest ankle Elbow height – popliteal height 23.8 - Arm rest height 95th female โตะ๊ popliteal height 52.26 - Table height Buttock knee length + 5 cm. 60.12 95th male - Table depth (Allowance) 95th female 0 - Table angle ขอ้ จากัดการศกึ ษา 1. กล่มุ ตัวอย่างมจี านวนน้อย ทาให้อาจไมส่ ามารถสรปุ ผลการศกึ ษาและพบความสัมพันธร์ ะหว่างตวั แปร ตา่ ง ๆ ได้ 2. กล่มุ ตวั อยา่ งเป็นกลมุ่ ผทู้ าเบญจรงค์งานลงสี และเขยี นลายเทา่ นั้นทาให้อาจไม่สามารถสรปุ ผลของทงั้ ประชากรผูท้ าเครื่องเบญจรงคไ์ ด้ 3. กล่มุ ตัวอย่างผู้ทาเครื่องเบญจรงค์มีเฉพาะในจงั หวัดสมทุ รสาครเท่านน้ั ขอ้ เสนอแนะการศึกษาวจิ ัยครัง้ ถัดไป 1. ในการศึกษาวิจัยคร้ังถัดไปควรเพิ่มจานวนกลุ่มตัวอย่างเพ่ือให้สามารถเห็นแนวโน้มของความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ของกลุ่มตวั อย่างได้ และการวดั สัดสว่ นรา่ งกายจาเป็นต้องมีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 41 2. ในการศึกษาวิจัยคร้ังน้ีศึกษาเฉพาะกลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์งานลงสี และเขียนลายเท่านั้น จึงควร ศึกษาในกลุ่มผู้ทาเครอื่ งเบญจรงค์ทม่ี ีหนา้ ท่อี ่นื ๆ เพอ่ื ใหเ้ ห็นอันตราย และปจั จยั เสยี่ งอน่ื ๆ เพิ่มเตมิ 3. ในการศึกษาวิจัยครั้งน้ีศึกษาเฉพาะกลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ในจังหวัดสมุทรสาคร ถ้าต้องการให้ ผลการวจิ ยั สามารถนาไปใช้ได้กวา้ งขวางยิ่งขึ้นควรทาการศึกษากับกลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ในจังหวัด อ่นื ๆ ร่วมดว้ ย 4. ควรศึกษาถึงตัวแปรอ่ืน ๆ ท่ีมีผลต่อการรับรู้การจัดการความปลอดภัย เช่น รายได้ บุคลิกภาพ ความคาดหวัง เป็นต้น สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หน้า 42 บทท่ี 6 สรุปผลการศึกษา การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือ ปัจจัยเส่ียง ด้านการยศาสตร์ที่ทาให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือจากการทางาน (WMSDs) ในกลุ่ม ผู้รับงานไปทาท่ีบ้าน และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเส่ียงท่ีก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและ กล้ามเน้ือจากการทางาน (WMSDs) และอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ กลุ่มผู้ทาเครื่อง เบญจรงค์ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด อาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือจากการทางาน (WMSDs) ได้แก่ ปัจจัยเส่ียงส่วนบุคคล ได้แก่ สัดส่วนร่างกาย ท่าทางในการทางาน และแรงบีบมือของแขนข้างถนัด ปัจจัยด้านกายภาพ ได้แก่ สถานีงาน และปัจจัยเสี่ยงด้านจิตสังคม ได้แก่ ระยะเวลาทางานต่อวัน ระยะเวลาพักต่อวัน ระยะเวลาน่ังทางานต่อวัน และระดับความเครียด นอกจากนี้ พบว่า กลุ่มผู้ทาเครื่องเบญจรงค์ หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี มีอาการไม่ สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือใน 7 วันท่ีผ่านมา 3 ลาดับแรก ได้แก่ มือและข้อมือ หลังส่วนล่าง ไหล่ และแขนสว่ นบน ตามลาดับ และในสว่ นของอาการไมส่ บายทางระบบกระดูกและกลา้ มเนื้อภายใน 12 เดือนที่ ผ่านมา 3 ลาดบั แรก ได้แก่ หลังส่วนล่าง เข่า ไหล่และมอื /ข้อมือ จากผลการศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs ส่วนบุคคล พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงลบ ระหว่างแรงบีบมือของแขนข้างถนัดกับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือของไหล่ และมือและ ข้อมือ แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างท่าทางการทางานของรยางค์ส่วนบนขณะทางานกับอาการไม่สบายทาง ระบบกระดูกและกล้ามเนอื้ จากผลการศึกษาปัจจัยเส่ียงของการเกิด WMSDs ทางกายภาพ พบว่า ขนาดของสถานีงาน ประกอบด้วย ความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างความลึกของเบาะน่ัง (Seat depth) กับอาการไม่สบายทางระบบ กระดูกและกลล้ามเน้ือบรเิ วณเข่า ซ่งึ อาจเกิดจากความไม่เหมาะสมของความลึกของเบาะนั่งท่ีอาจะเล็กเกินไป ทาให้อาจเกิดการงอของเข่าท่ีน้อยเกินไปส่งผลต่อการเกิดอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ บริเวณเข่า และยังพบความสัมพันธ์ระหว่างความสูงของโต๊ะ (Table height) กับอาการไม่สบายทางระบบ กระดูกและกล้ามเน้ือบริเวณหลังส่วนล่างทาให้เกิดความไม่เหมาะสมของท่าทางในการทางาน และพบ ความสมั พนั ธ์ของแสงสวา่ งกับอาการไม่สบายทางระบบกระดูกและกล้ามเน้ือบรเิ วณไหล่ จากผลการศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการเกิด WMSDs ทางจิตสังคม พบว่าระยะเวลาในการทางาน ระยะเวลาพักต่อวัน ระยะเวลาในการนั่งทางานต่อวัน และความเครียดไม่มีความสัมพันธ์กับอาการไม่สบาย ทางระบบกระดกู และกลา้ มเน้อื ท้ัง 7 วัน และ 12 เดือนที่ผ่านมา สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การมหาชน)

หนา้ 43 บรรณานุกรม 1. กระทรวงแรงงาน. พระราชบัญญตั ิคุ้มครองผู้รับงานไปทาที่บ้าน. 2553. 2. 2552. สกรพศกส. 3. da Costa BR, Vieira ER. Risk factors for work-related musculoskeletal disorders: A systematic review of recent longitudinal studies. Am J Ind Med. 2010;53(3):285-323. 4. Phuaphonthep S, Kongtawelert A, Sujirarat D, Bhuanantanondh P. Musculoskeletal disorders among backpack pesticide sprayers in less than 10 years experience wokers. Journal of Health Education. 2019;42(1):106-18. 5. Barbe MF, Barr AE. Inflammation and the pathophysiology of work-related musculoskeletal disorders. Brain Behav Immun. 2006;20(5):423-9. 6. Songkham W, Chanpraist TK, Kaewtammanukul T, editors. Occupational hazards and health status among pottery workers in chiang mai province, Thailand. 3rd international scientific conference on occupational and environmental health, Organized by Vietnam association of occupational health national institute of occupational and environmental health in collaboration with the university of washington, USA; 2008. 7. Silverstein BA, Fine LJ, Armstrong TJ. Hand wrist cumulative trauma disorders in industry. Occupational and Environmental Medicine. 1986;43(11):779-84. 8. เศรษฐศริ ิ พศ. เครือ่ ง เบญจรงค์ ไทย ปัจจุบนั : กรณี ศึกษา เครื่อง เบญจรงค์ หนึ่ง ดาบล หนงึ่ ผลติ ภัณฑ์ ใน เขต จังหวัด สมุทรสาคร. Humanities Journal. 2014;21(1):13-34. 9. Nunes I, Bush P. Work-Related Musculoskeletal Disorders Assessment and Prevention. 2012. 10. Iqbal ZA, Alghadir AH. Cumulative trauma disorders: A review. Journal of back and musculoskeletal rehabilitation. 2017;30(4):663-6. 11. Dawongsa P. อาการ บาดเจ็บ สะสม. EAU Heritage Journal Science and Technology. 2015;9(1):33-8. 12. Masson AE, Hignett S, Gyi DE. Anthropometric Study to Understand Body Size and Shape for Plus Size People at Work. Procedia Manufacturing. 2015;3:5647-54. 13. Taifa IW, Desai DA. Anthropometric measurements for ergonomic design of students’ furniture in India. Engineering science and technology, an international journal. 2017;20(1):232-9. สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 44 14. McAtamney L, Corlett EN. RULA: a survey method for the investigation of work-related upper limb disorders. Applied ergonomics. 1993;24(2):91-9. 15. Mathiowetz V, Weber K, Volland G, Kashman N. Reliability and validity of grip and pinch strength evaluations. The Journal of hand surgery. 1984;9(2):222-6. 16. คา วท, ประสิทธ์ิ ชวพพจ, สกุล วรธณจร, Journal ธแธรมนกJN. สถานการณ์ ดา้ น อาชีว อนามัย และ สงิ่ แวดลอ้ ม ของ กลุ่ม แรงงาน เซรา มิ ก: การ วเิ คราะห์ ใน วิสาหกจิ ชมุ ชน และ สถาน ประกอบ การ ขนาด เล็ก. 2018;45(4):97-110. 17. Mannion AF, Dolan PJS. Electromyographic median frequency changes during isometric contraction of the back extensors to fatigue. 1994;19(11):1223-9. 18. Sjøgaard G, Savard G, Juel CJEjoap, physiology o. Muscle blood flow during isometric activity and its relation to muscle fatigue. 1988;57(3):327-35. สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

หนา้ 45 ภาคผนวก 1 แบบสอบถาม และแบบเกบ็ ข้อมูลผู้เขา้ รว่ มวิจัย สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ าร มหาชน) สานกั วิจัยและพฒั นา งานวจิ ัยความปลอดภัยและอาชวี อนามยั แรงงานนอกระบบ (กลุ่มผู้รับงานไปทาที่บา้ น) กรณีศึกษา หม่บู ้านเบญจรงค์ดอนไกด่ ี จ.สมุทรสาคร รหัส ........................... สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบคุ คล 1. เพศ  ชาย □ หญิง 2. อายุ .................................ปีเต็ม 3. ประสบการณก์ ารทางานปัจจบุ ัน .................. ปี 4. นา้ หนกั ................. กิโลกรัม สว่ นสงู ..................เซนตเิ มตร ดชั นมี วลกาย ...................... กก./ม 2 5. ระยะเวลาในการทางานต่อวนั …………………… ชัว่ โมง/วนั ระยะเวลาพักตอ่ วัน …………………………………… ชวั่ โมง/วนั ระยะเวลาในการนง่ั ทางาน .............................. ช่วั โมง/วนั 6. ทา่ นมอี าการบาดเจ็บสะสมจากงานการทางานหรอื ไม่  ไม่มอี าการ  มอี าการขณะทางาน อาการหายไปเมอื่ พกั  มีอาการท้งั ในขณะทางานและขณะพัก และยงั มีอาการคงค้างเมอ่ื ต่ืนนอนตอนเช้า  ไมส่ ามารถทางานไดแ้ ม้จะเป็นงานเบาๆ มอี าการขณะพกั และอาการรบกวนการนอน สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องค์การมหาชน)