Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไข่เค็มจากกลิ่นใบเตยและตะไคร้ร้

ไข่เค็มจากกลิ่นใบเตยและตะไคร้ร้

Published by babybank1019, 2020-11-10 16:53:26

Description: ไข่เค็มจากกลิ่นใบเตยและตะไคร้ร้

Search

Read the Text Version

การศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้เรื่อง...ไข่เค็มจากกลนิ่ ใบเตยและตะไคร้ คณะผจู้ ดั ทำ นำยณฐั ดนยั ไชยโย ช้นั ม.5/3 เลขที่ 9 นำงสำวกลุ นิดำ พลจร ช้นั ม.5/3 เลขที่ 11 นำงสำวชมพูนุท จุย้ กระยำง ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 14 นำงสำวสิริภำดำ นนั ทะวงศ์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 19 นำงสำวกญั ญำภคั นำวลั ย์ ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 20 ครูท่ีปรึกษำ ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสำรฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของกำรศึกษำคน้ ควำ้ และสร้ำงองคค์ วำมรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวดั น่ำน สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำ เขต 37

ภำคเรียนท่ี 1 ปี กำรศึกษำ 2563

กำรศึกษำคน้ ควำ้ องคค์ วำมรู้เรื่อง...ไข่เคม็ จำกกลิ่นใบเตยและตะไคร้ คณะผจู้ ดั ทำ นำยณฐั ดนยั ไชยโย ช้นั ม.5/3 เลขที่ 9 นำงสำวกุลนิดำ พลจร ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 11 นำงสำวชมพูนุท จุย้ กระยำง ช้นั ม.5/3 เลขที่ 14 นำงสำวสิริภำดำ นนั ทะวงศ์ ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 19 นำงสำวกญั ญำภคั นำวลั ย์ ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 20 ครูท่ีปรึกษำ ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสำรฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของกำรศึกษำคน้ ควำ้ และสร้ำงองคค์ วำมรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวดั น่ำน สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำ เขต 37 ภำคเรียนท่ี 1 ปี กำรศึกษำ 2563

ช่ือเรื่อง : ไข่เคม็ จำกกล่ินใบเตยและตะไคร้ ผู้จัดทา : นำยณฐั ดนยั ไชยโย ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 9 นำงสำวกุลนิดำ พลจร ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 11 นำงสำวชมพูนุท จุย้ กระยำง ช้นั ม.5/3 เลขที่ 14 นำงสำวสิริภำดำ นนั ทะวงศ์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 19 นำงสำวกญั ญำภคั นำวลั ย์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 20 ทป่ี รึกษา : ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ ปี การศึกษา : 2563 บทคดั ย่อ เรื่อง ไขเ่ คม็ จำกกลิ่นใบเตยและตะไคร้ มีจุดม่งุ หมำยเพ่ือ ถนอมอำหำรเองโดยกำรนำ ไข่ เป็ดมำทำเป็นไข่เคม็ แต่เน่ืองจำกในชุมชนและทอ้ งตลำดมีรสชำติของไข่เคมแ็ บบธรรมดำ จึงไดม้ ี แนวคิดท่ี จะพฒั นำไข่เคม็ ใหม้ ีกกลิ่นและรสชำติของใบเตยและตะไคร้และสำมำรถเป็นแนวทำงใน กำรประกอบอำชีพได้ ไข่เคม็ จำกกล่ินใบเตยและตะไคร้ โดยหำขอ้ มลู จำกส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์และ อินเทอร์เน็ต เมื่อหำขอ้ มลู ไดเ้ สร็จสรรพก็นำขอ้ มูลมำจดั เรียบเรียงแลว้ ประเมินผล ผลจำกกำร คน้ ควำ้ ที่ได้ เป็นกำรยดื อำยใุ หก้ บั ไขเ่ คม็ เป็นกำรเพ่ิมมูลค่ำของวตั ถุดิบ สำมำรถนำไข่เคม็ มำทำเป็น อำชีพเสริมในครอบครัว,ในชุมชนไดล้ ดปัญหำกำรวำ่ งงำนเพ่มิ รำยไดแ้ ละลดรำยจ่ำยใหกบั คนใน ชุมชน

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงำนน้ีสำเร็จลุลว่ งไดด้ ว้ ยควำมกรุณำจำกคณุ ครู ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ คณุ ครูที่ปรึกษำ โครงงำนท่ีไดใ้ หค้ ำเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตำ่ ง ๆ มำโดยตลอด จนโครงงำน เล่มน้ีเสร็จสมบูรณ์ จึงขอกรำบขอบพระคณุ เป็นอยำ่ งสูงไว้ ณ โอกำสน้ี สุดทำ้ ยขอขอบคุณ เพื่อนๆ ที่ใหข้ อ้ มูลอยำ่ งเตม็ ที่ทำใหก้ ำรศึกษำคร้ังน้ีสำเร็จในเวลำ อนั รวดเร็วและขอขอบคุณผใู้ หค้ วำมช่วยเหลืออีกหลำยท่ำน ซ่ึงไม่สำมำรถกล่ำวในนำมในท่ีน้ีได้ หมด คณะผจู้ ดั ทำ

สารบญั หนำ้ ก เรื่อง ข บทคดั ยอ่ ค กิตติกรรมประกำศ สำรบญั บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมเป็นมำ 1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.3 ขอบเขต 1.4 ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ บทท่ี 2 ทฤษฎีที่เกี่ยวขอ้ ง บทที่ 3 วิธีกำรศึกษำ คน้ ควำ้ 3.1 วสั ดุอปุ กรณ์ 3.2 วิธีกำรดำเนินกำร บทท่ี 4 ผลกำรศึกษำคน้ ควำ้ บทที่ 5 สรุปผล อภิปรำยผลและขอ้ เสนอแนะ 5.1 สรุปผล 5.2 ประโยชน์ 5.3 ขอ้ เสนอแนะแล บรรณำนุกรม ประวตั ิผศู้ ึกษำ

บทท่ี 1 บทนา 1.ควำมเป็ นมำ เน่ืองจำกในชุมชนมีกำรเล้ียงเป็ดไขก่ นั มำก เพรำะช่วงน้ีก็เป็นช่วงฤดูร้อนซ่ึงร้อนกวำ่ ปกติ จะทำใหไ้ ขเ่ ป็ดเน่ำเสียเร็วผจู้ ดั ทำโครงงำนไดศ้ ึกษำเก่ียวกบั วิธีกำรถนอมอำหำรเอง โดยกำรนำไข่ เป็ดมำทำเป็นไข่เคม็ แต่เนื่องจำกในชุมชนและทอ้ งตลำดมีรสชำติของไข่เคม็ แบบธรรมดำ จึงไดม้ ี แนวคดิ ท่ีจะพฒั นำไข่เคม็ ให้มีกลิ่นและรสชำติของใบเตยและตะไคร้ ในกำรทำโครงงำนไขเ่ คม็ จำก กลิ่นใบเตยและตระไคร้จึงมีแนวคดิ ใหมใ่ นกำรพฒั นำใหม้ ีไขเ่ คม็ โดยกำรมีกล่ินและรสชำติของ ใบเตยและตระไคร้ 2.วตั ถปุ ระสงค์ 1.พฒั นำรสชำติและกลิ่นของไข่เคม็ ใหม้ ีคุณภำพมำกข้ึน 2.เพม่ิ คณุ ค่ำของไข่เคม็ และสมุนไพรในทอ้ งถ่ิน 3. ศึกษำกล่ินที่นำมำทำไขเ่ คม็ 3.ขอบเขต 3.1 สถำนที่ โรงเรียนปัว 3.2 ระยะเวลำ วนั ที่ 18 เดือน สิงหำคม พ.ศ.2563 ถึง วนั ที่ 7 เดือน กนั ยำยน พ.ศ. 2563 3.3 ตวั แปรหรือประชำกรและกลุ่มตวั อยำ่ ง(เลือกตำมวิธีกำรศึกษำคน้ ควำ้ )

ตวั แปรตน้ สำรสกดั จำกใบเตยและตระไคร้ ตวั แปรตำม กลิ่นและรสชำติที่เกิดข้ึน ตวั แปรควบคุม ระยะเวลำในกำรดองไข่ สถำนที่ อุณหภมู ิ ขวด น้ำ 4. ประโยชน์ที่ไดร้ ับ 1.ยดื อำยใุ หก้ บั ไขเ่ คม็ 2.เป็นกำรเพมิ่ มลู คำ่ ของวตั ถุดิบ 3.สำมำรถนำไขเ่ คม็ มำทำเป็นอำชีพเสริมในครอบครัว,ในชุมชนไดล้ ดปัญหำกำรวำ่ งงำน เพิ่ม รำยไดแ้ ละลดรำยจ่ำยใหกบั คนในชุมชน

บทท่ี 2 ทฤษฎีที่เกีย่ วข้อง กำรถนอมอำหำร คือ กำรรักษำอำยธุ รรมชำติและสีสันของอำหำรซ่ึงเกิดจำกกำรปรุงอำหำร กำรถนอมอำหำรโดยกำรดองเป็นกำรถนอมอำหำรแบบหน่ึงในควำมเขม้ ขน้ ของเกลือ น้ำตำล ควบคุมกำรเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยกำรจดั สิ่งแวดลอ้ มใหเ้ หมำะสม เพ่อื กำรเจริญเติบโตของ จุลินทรียท์ ่ีผลิตกรดหลิกติคและป้องกนั ไม่ใหจ้ ุลินทรียท์ ่ีทำใหอ้ ำหำรบูดเน่ำ กำรถนอมอำหำรน้ีใช้ กบั ผกั ผลไมแ้ ละไข่ ไขเ่ คม็ เป็นกำรถนอมอำหำรอยำ่ งหน่ึง โดยมกั จะใชไ้ ข่เป็ดแลน้ ำไปแช่ในน้ำเกลือเพ่ือให้ เกลือซึมเขำ้ ไปในเน้ือของไข่ เพือ่ สำมำรถเก็บไวไ้ ดน้ ำนข้ึน โดยกำรทำไข่เคม็ ก็สำมำรถใส่กลิ่นต่ำง ลงไปได้ โดยกำรนำสมนุ ไพรท่ีมีกลิ่นมำบดใหล้ ะเอียดและก็ตม้ ในน้ำเกลือแช่ไข่เป็ดลงในน้ำเกลือ น้นั เม่ือเยน็ แลว้ เรำจะไดค้ ุณประโยชน์จำกไข่เป็ดเป็นแหล่งโปรตีนและเป็นอำหำรจำเป็นต่อร่ำงกำย ประกอบดว้ ยกรดอะมิโนจำเป็น ธำติเหลก็ ช่วยเสริมสร้ำงเมด็ เลือดแดง ฟอสฟอรัสและแคลเซียม วติ ำมินเอ ช่วยบำรุงสำยตำช่วยในกำรมองเห็น ช่วยใหส้ ภำพอำกำรมองเห็นไดด้ ีในท่ีมืดและสวำ่ ง วิตำมิน บี 2 ช่วยบำรุงผวิ แลว้ กย็ งั มีคำร์โบไฮเดรต ไขม่ นั และน้ำเป็นอำหำรท่ีมีคุณคำ่ สูงมำก และ รำคำกถ็ ูก สารอาหารของไข่ตามหลกั โภชนาการ ไข่ท่ีนำมำเป็นอำหำรมีหลำยชนิด ท้งั ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไขน่ กกระทำ ไขป่ ลำ แตท่ ่ีนิยมกินกนั แทบทกุ ครัวเรือนคอื ไขไ่ ก่ เพรำะซ้ือหำงำ่ ยรำคำไมแ่ พง และสำมำรถนำไปประกอบอำหำรได้ สำรพดั เมนู ท่ีสำคญั คอื ไข่ไก่มีคณุ คำ่ ทำงโภชนำกำรสูง ไขไ่ ก่ 1 ฟอง มีน้ำหนกั ประมำณ 40-60 กรัม เป็นไข่ขำวประมำณ 30-35 กรัม ไข่แดง ประมำณ 13-20 กรัม ไข่เป็นแหลง่ โปรตีนสมบรู ณ์ (Complete Protein) คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids) อยคู่ รบถว้ นในปริมำณท่ีพอเหมำะ มีกรดอะมิโนพวกซลั เฟอร์อยคู่ ่อนขำ้ ง สูงท้งั ในไขข่ ำวและไขแ่ ดง เพ่อื ประโยชน์ในกำรสร้ำงเซลลผ์ วิ หนงั เลบ็ และผม ในไขแ่ ดงมีวิตำมิน

เอ ดี อี เค มำกกวำ่ ในไขข่ ำว แร่ธำตุท่ีพบมำกในไข่แดงคือ กำมะถนั โซเดียม โพแทสเซียม ส่วนแร่ ธำตทุ ี่พบไดบ้ ำ้ งคือ แคลเซียม แมกนีเซียม และเหลก็ ในไข่ขำวมีโปรตีนที่สำคญั เช่น อะวิดิน (Avidin) ในไขด่ ิบ อะวิดินจะจบั กบั ไบโอทิน (Biotin) ซ่ึงเป็นวิตำมินที่ช่วยในกำรทำงำนของเอม ไซนต์ ำ่ ง ๆ ในร่ำงกำย เมื่อจบั กนั จะเกิดเป็นสำรประกอบท่ีน้ำยอ่ ยไมส่ ำมำรถยอ่ ยได้ ไบโอทินดูด ซึมไม่ได้ เรำจึงไมค่ วรกินไข่ดิบหรือไข่ลวกสุก ๆ ดิบ ๆ ถึงแมว้ ำ่ ไขจ่ ะอุดมไปดว้ ยสำรอำหำร แต่ผบู่ ริโภคก็ยงั กงั วลถึงคอเลสเตอรอลที่มีอยใู่ น ปริมำณสูง เส่ียงต่อโรคหลอดเลือดหวั ใจ แมภ้ ำยหลงั จะมีกำรวจิ ยั พบวำ่ คอเลสเตอรอลในไขม่ ีผล ทำใหค้ อเลสเตอรอลในเลือดสูงเพยี งเลก็ นอ้ ยกต็ ำม แต่เพ่อื ควำมอนุ่ ใจของผบู้ ริโภค จึงมีคำแนะนำ ใหเ้ ด็กซ่ึงเป็นวยั ที่กำลงั เจริญเติบโต สตรีมีครรภแ์ ละผใู้ หญ่วยั ทำงำนสุขภำพดี สำมำรถกินไขไ่ ดว้ นั ละ 1 ฟอง ส่วนผทู้ ่ีอยใู่ นกลุม่ เส่ียง เช่นผทู้ ่ีมีน้ำหนกั เกิน ผูป้ ่ วยเบำหวำน ควำมดนั โลหิตสูง คอเลสเตอรอลในเลือดสูง กลมุ่ ผทู้ ี่มีพนั ธุกรรมท่ีร่ำงกำยไวตอ่ กำรดูดซึมคอเลสเตอรอล และ ผสู้ ูงอำยุ ไมค่ วรกินไข่เกิน 3 ฟอง ตอ่ สัปดำห์ หรือกินเฉพำะไข่ขำว ประ โ ยช น์ ขอ ง ไ ข่ 1. ไข่อุดมไปดว้ ยโปรตีน โดย 1 ฟองจะมีโปรตีนคุณภำพดี 6 กรัม และกรดอะมิโนสำคญั อีก9 ชนิด 2. ผลจำกกำรทำวจิ ยั โดยมหำวทิ ยำลยั แพทยฮ์ ำร์วำร์ดพบว่ำ ไม่มีควำมเชื่อมโยงท่ีสำคญั ระหวำ่ งกำรบริโภคไขก่ บั กำรเกิดโรคหวั ใจ แถมยงั มีผลกำรวจิ ยั อีกชิ้นหน่ึงที่พบวำ่ กำรบริโภคไขเ่ ป็นประจำยงั ช่วยป้องกนั เลือดจบั ตวั เป็นกอ้ นเส้นเลือดอุดตนั ในสมอง และภำวะกลำ้ มเน้ือหวั ใจตำยเฉียบพลนั 3. ไขเ่ ป็นแหลง่ โคลีนท่ีดี โดยโคลีนอยใู่ นกลมุ่ ของวิตำมินบีจดั เป็นสำรอำหำรสำคัญท่ี ช่วยในกำรควบคมุ กำรทำงำนของสมอง ระบบประสำท และระบบไหลเวียนของเลือด โดยไข่ 1 ฟองจะมีโคลีนมำกถึง 300 ไมโครกรัม 4. ไข่อำจจะช่วยป้องกนั มะเร็งเตำ้ นม โดยผลกำรศึกษำชิ้นหน่ึงพบวำ่ ผหู้ ญิงที่ รับประทำนไข่ 6 ฟองต่อสปั ดำห์ช่วยลดควำมเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเตำ้ นมลงร้อยละ 44 5. ไข่ทำใหเ้ สน้ ผมและเลบ็ มีสุขภำพดี เพรำะวำ่ ไขม่ ีซลั เฟอร์สูงรวมถึงยงั มีวิตำมินและ แร่ธำตุอีกหลำยชนิด หลำยคนจึงพบวำ่ ผมยำวเร็วข้นึ หลงั จำกที่เพ่ิมไข่เขำ้ ไปในอำหำร ท่ีรับประทำน โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ ในคนที่เคยขำดอำหำรที่มีซลั เฟอร์หรือวิตำมินบี12 มำ ก่อน

ความหมายของใบเตย ใบเตย หรืออีกหน่ึง สมนุ ไพรใบเตย ที่คนไทยรู้จกั กนั ดีเพรำะนอกจำกเรำจะใช้ ใบเตย ใน กำรประกอบอำหำรหลำย ๆ อยำ่ ง อีกท้งั ยงั ใหก้ ล่ิงหอม สรรพคุณ และ ประโยชน์ ใบเตย กำรศึกษำฤทธ์ิทำงเภสัชวทิ ยำพบวำ่ เตยหอมมีฤทธ์ิลดน้ำตำลในเลือด ลดควำมดนั โลหิต ลดอตั รำกำรเตน้ ของหวั ใจ ขบั ปัสสำวะ ซ่ึงฤทธ์ิทำงเภสัชวิทยำท่ีกล่ำวไปท้งั หมดน้นั ซ่ึงมำจำกกำร ทดลองในหอ้ งทดลอง นอกจำกน้ีไดม้ ีกำรทำศึกษำวจิ ยั โดยนำน้ำตม้ รำกเตยหอมไปทดลองในสัตว์ ทด ลองเพ่ือดูฤทธ์ิลดน้ำตำลในเลือดปรำกฏวำ่ สำมำรถลดน้ำตำลในเลือดของสัตวท์ ดลองได้ จึงนบั ไดว้ ำ่ สมนุ ไพรเตยหอมเป็นสมุนไพรท่ีมีคณุ คำ่ อีกชนิดหน่ึงสำมำรถนำมำทำเป็นเครื่องดื่ม รับประทำนเองได้ ความหมายและประโยชน์ของตะไคร้ ตะไคร้บำ้ น ตะไคร้แกง คำหอม จะไคร้ เชิดเกรย และไคร้ ตะไคร้แดง ตะไคร้มะขดู จะไคร้มะขดู ช่ือสำมญั LemonGrass, Lapine ชื่อวทิ ยำศำสตร์ Citronella citrates ช่ือวงศ์ Gramineae ตน้ : เป็นไมล้ ม้ ลกุ จะข้นึ เป็นกอใหญ่ สูงประมำณ 1 เมตร ลกั ษณะของลำตน้ ต้งั ตรง แข็ง เกล้ียง และตำมปลอ้ ง (กำบของโคนตน้ ) มกั มีไขปกคลุมอยู่ ควำมสูงวดั จำกโคนถึงกำบใบ ประมำณ30 เซนติเมตร เป็นไมล้ ม้ ลกุ ลำตน้ จะต้งั ตรง แตแ่ ตกออกมำ เป็นกอ สูงประมำณ 2 เมตร ท่ีโคน จะเป็น กำบช้นั ๆ เหมือนตะไคร้บำ้ น แตไ่ ม่มีไขปกคลมุ เหมือนตะไคร้บำ้ น ควำมสูงวดั จำกโคนตน้ ถึง กำบใบประมำณ60-75 เซนติเมตร ใบ : ใบเดี่ยว แตกออกเป็นกอ รูปขอบขนำน ปลำยใบแหลม ยำว 30-60 เซนติเมตร กวำ้ งประมำณ 1-2 เซนติเมตร ผิวใบดำ้ นบนระคำยมือเลก็ นอ้ ย ส่วนดำ้ นล่ำงจะเรียบ ขอบใบเรียบ มีใบยำวและ

กวำ้ งกวำ่ ตะไคร้บำ้ นยำวประมำณ 1 เมตร กวำ้ ง 2-2.5 เซนติเมตร เสน้ กลำงใบแขง็ ขอบใบจะมีขน ข้ึนเลก็ นอ้ ย เมื่อส่องดูในที่มีแสงสวำ่ งจะเห็นวำ่ ขอบใบไมเ่ รียบ และผวิ ใบจะสำกมือท้งั สองดำ้ น สรรพคุณ : ท้งั ตน้ ใชเ้ ป็นยำรักษำโรคหืด แกป้ วดทอ้ ง ขบั ปัสสำวะ และแกอ้ หิวำตกโรค และยงั ใช้ ร่วมกบั สมนุ ไพรอ่ืน รักษำโรคได้ เช่น บำรุงธำตุ เจริญอำหำร และขบั เหงื่อ 1.ใบ ใบสด ๆ ช่วยลดควำมดนั โลหิตสูง แกไ้ ข้ 2.รำก ใชเ้ ป็นยำแกไ้ ขปวดทอ้ งและทอ้ งเสีย 3.ตน้ ใชเ้ ป็นยำขบั ลม แกเ้ บ่ืออำหำร แกโ้ รคทำงเดินปัสสำวะ นิ่ว เป็นยำบำรุงธำตไุ ฟให้ เจริญ 4.น้ำมนั มีฤทธ์ิตำ้ นเช้ือรำ และมีกล่ินไล่สนุขและแมว 5.ท้งั ตน้ ใชเ้ ป็นยำแกป้ ำกแตกระแหง แกร้ ิดสีดวงในปำก ขบั ลมในลำไส้ แกแ้ น่น ขบั โลหิต ระดู

บทที่ 3 วธิ ีการศึกษา ค้นคว้า วสั ดุและอุปกรณ์ 1.ไขเ่ ป็ด 10 ฟอง 2.ใบเตย 1 กรัม 3.ตะไคร้ 1 กรัม 4. เกลือ 2 ถุง 5.น้ำสะอำด 5 ลิตร 6.ขวดโหล 2 ใบ 7.หมอ้ ตม้ 1 ใบ 8.เตำไฟ 1 ใบ 9.กะละมงั 1 ใบ 10.เคร่ืองปั่น 1 เคร่ือง 11.ตรอง 1 ชิ้น 12. มีด 1 ดำ้ ม 13.เขยี ง 1 อนั วธิ ีการทดลอง 1. ลำ้ งไข่เป็ดใหส้ ะอำดวำงเรียงในภำชนะไวใ้ หแ้ หง้

2. ลำ้ งทำควำมสะอำด ใบเตย 1 กรัม และ ตะไคร้ 1 กรัม 3. นำใบเตยและตะไคร้มำหนั่ และมำบดใหล้ ะเอียด 4. ตวงน้ำใบเตยและน้ำตะไคร้และเกลือตำมอตั รำส่วนจำกน้นั นำใส่ในภำชนะที่เตรียมไว้ 5. เทใส่ลงในไขเ่ ป็ดท่ีวำงเรียงอยใู่ นภำชนะบรรจุ(ใส่โดยไม่ตรองเอำกำกสมุนไพรออก) 6. เริ่มทำกำรทดลองไข่เคม็ ของใบเตยและตะไคร้ 7. ดองไขเ่ คม็ ใบเตยและตะไคร้ไดร้ ะยะเวลำ 10วนั แลว้ นำมำทดลองสอบว่ำมีกลิ่นบนของ เปลือกไข่ 8. ดองไขเ่ คม็ ใบเตยและตะไคร้ไดร้ ะยะเวลำ 15วนั แลว้ นำมำทดลองสอบวำ่ มีกลิ่นบนของ เปลือกไข่

9. ดองไขเ่ คม็ ใบเตยและตะไคร้ไดร้ ะยะเวลำ 21วนั แลว้ นำมำทดลองสอบวำ่ มีกล่ินบนของ เปลือกไข่

บทท่ี 4 ผลการศึกษาค้นคว้า ในกำรทำกำรศึกษำคน้ ควำ้ องคค์ วำมรู้เรื่องไข่เคม็ จำกกลิ่นใบเตยและตะไคร้ ผจู้ ดั ทำมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นกำรทำคอื เพือ่ ศึกษำวธิ ีกำรทำไข่เคม็ จำกกล่ินใบเตยและตะไคร้ โดยสมำชิกทุกคนในกลมุ่ ของเรำไดช้ ่วยกนั คิดวธิ ีกำรทำที่ไม่ค่อยมีคนทำแลว้ สงั เกตดูว่ำไข่ เคม็ ที่เรำสำมำรถนำมำทำนไดแ้ บบปลอดภยั รึป่ ำวและจะมีกลิ่นของใบเตยกบั ตะไคร้ หรือไม่ ผลปรำกฏวำ่ ไขเ่ คม็ จำกกลิ่นใบเตยและตะไคร้ของกลุ่มพวกเรำถือวำ่ ประสบ ควำมสำเร็จในกำรทดลองอยู่พอสมควรเลยก็วำ่ ได้ เพรำะไขเ่ คม็ ที่เรำนำมำทดลองทำน้นั มี ผลเป็นไปตำมที่พวกเรำต้งั ไวโ้ ดยไข่เคม็ สำมำรถนำมำทำนไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั

บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ จากผลการทดลองพบว่า ไข่เคม็ ใบเตยและตะไคร้ที่ไดท้ ดลองผลออกมำเมื่อทดสอบแลว้ กล่ินหอม รสชำติเคม็ ไม่ เป็นอนั ตรำยต่อร่ำงกำย มีกล่ินที่หอม เน่ืองมำจำกกล่ินของใบเตยและตะไคร้และไดก้ ล่ินรสชำติท่ี แตกตำ่ งจำกไขเ่ คม็ ธรรมดำ ประโยชน์ 1.สำมำรถแปรรูปสมุนไพรที่มีในทอ้ งถ่ินใหเ้ กิดประโยชน์ 2.มีรำยไดเ้ สริมจำกกำรจำหน่ำยผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรเพื่อสุขภำพ 3.ไดร้ ับควำมรู้จำกกำรทำโครงงำน ท้งั กำรผลิต กำรแปรรูป 4.เพือ่ เพม่ิ มูลค่ำของพืชสมุนไพรใหเ้ พม่ิ ข้นึ ข้อเสนอแนะ 1.1. ผลกำรศึกษำพบวำ่ ควรจะมีกำรใชว้ ตั ถดุ ิบหรือส่วนผสมที่มำกข้นึ มีกำรนำสมนุ ไพร ชนิดอื่นมำใชท้ ำในกำรทดลอง และควรพฒั นำต่อยอดของโครงงำนใหส้ ำมำรถเป็น ผลิตภณั ฑท์ ่ีสมบูรณ์ 1.2.ไขเ่ คม็ ใบเตยและตะไคร้สำมำรถควรที่จะนำออกไปสู่ตลำดไดเ้ หมือนไข่เคม็ อื่นๆ

บรรณานุกรม STU40143SITE.//2559.//ไขเ่ คม็ จำกกลิ่นใบเตยและตะไคร้.//สืบคน้ เม่ือ 22 ตุลำคม พ.ศ. 2563 จาก https://stu40143site.wordpress.com/2016/11/16/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A 3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4 %E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA %E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C- %E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88/?fbclid=IwAR2k8i3Ekke83X3l wtNZLb0eToBj8acXZSA20-yG2p74NS7EphQ7RzQCSo0

ประวตั ผิ ้จู ดั ทา 1.นายณฐั ดัย ไชยโย ประวตั สิ ่วนตัว เกดิ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2546 ท่อี ยู่ปัจจบุ ัน 142 หมู่7 ต.สถาน อ.ปัว จ.น่าน 55120 ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ัน ป.6 โรงเรียนจตุราษฎร์ศึกษา ปี พ.ศ.2561 ช้ัน ม.3 โรงเรียนปัว ปี พ.ศ.2563 ช้ัน ม.5/3 เลขท9่ี โรงเรียนปัว 2.นางสาวกุลนดิ า พลจร เกดิ วนั ท2ี่ 8 เดือน ตลุ าคม พ.ศ.2546 ทอี่ ยู่ปัจจบุ นั 142 ม.8 บ้านปรางค์ ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน 55120 ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ัน ป.6 โรงเรียนบ้านปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 โรงเรียนปัว ปี พ.ศ.2563 ช้ันม.5/3 โรงเรียนปัว เลขท1่ี 1 โรงเรียนปัว

3.นางสาวชมพูนุท จ้ยุ กระยาง เกดิ วนั ท่ี 3 พฤษภาคม พ.ศ.2546 ทอ่ี ย่ปู ัจจุบนั 131 หมู่5 ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน 55120 ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ัน ป.6 โรงเรียนบ้านปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ัน ม.3 โรงเรียนปัว ปี พ.ศ.2563 ช้ัน ม.5/3 เลขท่ี14 โรงเรียนปัว 4.นางสาวสิริภาดา นนั ทะวงศ์ เกดิ วันท่ี 10 เมษายน พ.ศ.2547 ทีอ่ ย่ปู ัจจุบนั 152 หมู่10 ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน 55120 ประวัตกิ ารศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ัน ป.6 โรงเรียนบ้านปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ัน ม.3 โรงเรียนปัว ปี พ.ศ.2563 ช้ัน ม.5/3 เลขที่19 โรงเรียนปัว 5.นางสาวกญั ญาภคั นาวัลย์ เกดิ วันที1่ 4 มถิ ุนายน พ.ศ.2546 ที่อย่ปู ัจจุบัน84 หมู่3 บ.วงั ทอง ต.พระพุทธบาท อ.เชียงกลาง จ.น่าน 55160

ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ป.6 โรงเรียนพระพุทธบาทวทิ ยา ปี พ.ศ.2561 ม.3 โรงเรียนปัว ปี พ.ศ.2563 ม.5 เลขท่ี20 โรงเรียนปัว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook