กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรยี นรวมกันแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับ ท้ังน้กี ารออกแบบปกให้สวยงาม สะดุดตา นอกจากจะทา� ใหห้ นังสือมีลกั ษณะเดน่ แลว้ ยงั เปน็ การส่งเสรมิ การเลือกแบบตัวอักษรและขนาดทจี่ ะใชก บั คุณคา่ ทางความงามและความน่าเชอ่ื ถือใหแ้ กผ่ จู้ ัดพมิ พด์ ้วย สอ่ื สิ่งพมิ พ จากนนั้ ใหนกั เรียนจดสาระสาํ คัญลง สมุดบนั ทึก ๑.๓) สรา้ งสรรค์งานออกแบบ การออกแบบปกหนังสอื น้นั มีหลักส�าคัญอยู่ ๓ ประการ คือ หลกั การ จดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ เพอื่ สร้างคณุ ค่าทางความงาม หลักการก�าหนดลักษณะของภาพบนปก และหลักการก�าหนด ตัวอกั ษร ซ่ึงท้งั ๓ ประการตอ้ งนา� มาใช้ใหส้ อดคลอ้ ง กลมกลนื และท่ีสา� คญั ตอ้ งเหมาะสมกับประเภทของหนังสอื ทงั้ น้ีในการออกแบบปกหนงั สอื บางเลม่ จะมกี ารออกแบบทงั้ ปกนอกและปกหลงั พรอ้ มกนั ไปดว้ ย ซง่ึ ขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะ และวตั ถปุ ระสงค์ของหนังสอื เล่มดังกล่าว เกรด็ ศิลป์ 1 การเลือกแบบตวั อกั ษรและขนาด การเลือกแบบตัวอักษรและขนาดตัวอักษรที่จะใช้กับสื่อส่ิงพิมพ์ มีหลักใน การเลือกงา่ ยๆ ดงั นี้ ๑. เหมาะสมกับประเภทงาน โดยให้พิจารณาดูลักษณะงานว่าเป็นงาน ประเภทใด หากเป็นเอกสารของหน่วยงานราชการ หรือเป็นงานวิชาการก็ใช้ ตัวอกั ษรที่เรียบงา่ ย ดแู ลว้ นา่ เชอ่ื ถือ ไมแ่ ปลกแหวกแนว มีความเรียบรอ้ ย ๒. เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ขนาดของตัวอักษรจะมีผลโดยตรงกับผลงาน ดังนั้น จึงต้องค�านึงว่า ส่ือสิ่งพิมพ์น้ันกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นหลักคือใคร ถ้าเป็น วยั ร่นุ อาจจะใชต้ ัวอักษรทม่ี ีขนาดเล็กได้ แต่ถา้ กลุ่มเป้าหมายเป็นผ้ใู หญ่วยั ท�างาน กค็ วรใช้ตัวอกั ษรทม่ี ขี นาดใหญ่ ๓. ใช้แบบตัวอักษรที่อ่านง่าย แบบตัวอักษรในเครื่องคอมพิวเตอร์จะมี หลายลักษณะ ทั้งชนิดตัวมีหัว ไม่มีหัว ตัวหนา ตัวบาง หรือบางแบบก็เป็น ลักษณะลายมือเขียน ในการเลือกใช้ต้องพิจารณาให้เหมาะสม ค�านึงถึงความรู้ ความเรียบร้อยดว้ ย ถา้ ไม่แน่ใจใหใ้ ช้แบบอักษรทอี่ ่านงา่ ยและมีหัว ๔. ไมค่ วรใชแ้ บบอกั ษรมากชดุ เพราะการใชแ้ บบตวั อกั ษรมากชดุ มาผสมผสาน จะรบกวนการอ่าน อาจท�าให้ผลงานดูไม่น่าเชื่อถือ ดูแล้วไม่เป็นระเบียบ แม้จะ ดงึ ดดู ความสนใจไดบ้ ้าง แต่กจ็ ะมีเพยี งชว่ งสนั้ ๆ นอกจากนี้ ในการก�าหนดกจ็ ะตอ้ งพจิ ารณาการเรยี งลา� ดบั ใหเ้ หมาะสม โดยใช้ ตวั อกั ษรขนาดใหญ่ในสว่ นทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ ใหญส่ ดุ แลว้ ลดหลน่ั ขนาดลงมา สว่ นเนอื้ หา ก็ใช้แบบอกั ษรท่ีเป็นตัวพ้ืน 92 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตใุ ด จึงตองใหความสาํ คญั กับการออกแบบปกหนังสือ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมเกย่ี วกับแบบและขนาดของตวั อกั ษร ปกติแลว ตวั อักษรท่ีใช แนวตอบ เพือ่ เปน การดึงดูดความสนใจของผพู บเห็นใหอ ยากอา นหนงั สอื ในหนังสือหน่ึงเลม จะไมมคี วามหลากหลายมากมายนกั แตอาจแตกตางกนั เลมนน้ั ในขณะเดยี วกนั ยงั เปน การสื่อใหเห็นถึงลักษณะของเนอ้ื เรอ่ื งภายใน ระหวางตัวทเ่ี ปนหัวเรอ่ื งหรือพาดหวั กับตัวทเ่ี ปนเน้อื เร่ืองเทานน้ั อยา งไรกต็ าม หนังสอื น้ันดวย ปกหนาคือสว นหนงึ่ ของหนังสือ ซึง่ ผูดูจะเหน็ เปนสงิ่ แรก ขนาดของตัวอักษรในเน้อื หาตองพิจารณาใหเ หมาะสมกบั กลุมเปาหมาย หากเปน ดงั นนั้ นกั ออกแบบจะตอ งตระหนกั วา ความหวงั ของผทู เ่ี กยี่ วขอ งกบั การจดั ทาํ เด็กหรอื ผสู งู อายตุ องเลอื กตัวอักษรท่ีมขี นาดใหญก วาตัวอกั ษรท่ีใชก ับวัยรุน หนงั สือขึ้นอยูก บั ปกหนา โดยปกหนาจะตองทาํ หนาท่รี ะบเุ อกลกั ษณของ หนังสอื ใหโดดเดน กวา หนังสอื อ่นื ๆ ปกหนาของหนังสือจะตองสามารถดึงดดู นักเรียนควรรู ความสนใจจากผทู ่พี บเห็นไดในทันที นอกจากน้ี ยงั ตองทาํ หนา ท่ีกระตนุ หรอื เรา อารมณท เ่ี หมาะสมกับหนงั สือเลม น้นั ใหผูอา นรูสึกได 1 แบบตวั อักษร หรอื ทีเ่ รยี กกันติดปากวา “ฟอนต” (Font) มีพฒั นาการมาอยา ง ตอเนอ่ื ง จากการจัดทาํ ดวยไม โลหะ จนเปน ระบบดิจติ อลอยางที่ใชก ันอยูใน เครื่องคอมพวิ เตอร ปจ จบุ ันความกา วหนาของเทคโนโลยที ําใหการประดษิ ฐฟอนต ทําไดงายและมีรปู แบบใหเ ลือกใชมากมาย แตไ มวา ฟอนตจะมมี ากแคไหน แตหลกั ในการเลือกใชฟ อนตก็ยงั ตองใหด ูอา นงาย สบายตา เปน หลักอยเู หมอื นเดมิ 92 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู 1 1. ครสู ุมตวั อยา งนักเรยี น 2-3 คน ใหออกมา ๒) การออกแบบโปสเตอร์ ภาพโปสเตอร์ หมายถึง ภาพศิลปะท่ีสามารถสื่อสารบอกรายละเอียดให้ อธิบายเกีย่ วกบั การออกแบบโปสเตอร ใน ประเดน็ ลักษณะของโปสเตอรท่มี ีคณุ ภาพ ผู้พบเห็นเข้าใจความหมายได้ในระยะเวลาส้ันๆ เปรียบเทียบได้กับภาพโฆษณาชนิดหนึ่งท่ีมีอิทธิพลต่อผู้พบเห็นได้ และสว นประกอบสําคญั ของภาพโปสเตอร บริโภคความรู้ ความหมาย และความสวยงามของโปสเตอร์ได้ครบ โดยภาพโปสเตอร์ที่พบเห็นอยู่ทั่วไป เช่น หนา ชั้นเรียน โปสเตอร์โฆษณาสนิ ค้า โปสเตอร์โฆษณาภาพยนตร์ โปสเตอรร์ ณรงคต์ ่อต้าน หรือเชิญชวน โปสเตอร์ประชาสัมพนั ธ์ ในเร่ืองต่างๆ เป็นต้น เรามักจะพบเห็นโปสเตอร์ได้จากสถานท่ีท่วั ๆ ไป เช่น ตามปา้ ยโฆษณา ป้ายรถเมล์ ตามผนงั 2. ใหนักเรียนแตล ะคนหาภาพโปสเตอรท่ตี นเอง อาคารต่างๆ ตามบอร์ด หรือสถานทท่ี ่ีมีผู้คนชุมนมุ พลกุ พลา่ น เป็นต้น ชนื่ ชอบ มาคนละ 1 ภาพ จากนั้นใหน กั เรยี น นําภาพโปสเตอรไปตดิ บนกระดานดาํ แลว ๒.๑) ลกั ษณะของโปสเตอร์ท่ีมีคุณภาพ โปสเตอร์ท่ีจัดได้วา่ มีคุณภาพ ควรมีลักษณะดังน้ี รวมกนั พิจารณาวา ภาพโปสเตอรแ ตล ะภาพ ๑. คุณภาพของการออกแบบ งานออกแบบท่ีดีจะแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ ใช้หลักการ มีการออกแบบแตกตางกันอยา งไร จดั องค์ประกอบศลิ ป์ มีขนาดของภาพท่เี หมาะสม ๒. ตวั อกั ษรท่ีออกแบบจดั วาง มีข้อความที่ถูกต้อง อา่ นชัดเจน และเข้าใจง่าย มคี วามหมายดี ใชถ้ ้อยค�ากระชบั นา่ สนใจ สามารถส่อื ความหมายไดส้ มบรู ณ์ ๓. การออกแบบสี มีสีสันที่สะดุดตาและมีหลักจิตวิทยาทางด้านอิทธิพลของสีและทฤษฎีสี ซ่งึ สร้างความน่าสนใจใหผ้ ้พู บเห็น นอกจากนี้ การนา� เสนอข้อความ หรอื รูปภาพในโปสเตอร์ควรนา� เสนอในทางท่ีสรา้ งสรรค์ ไม่ควรน�าเสนอ ในสิ่งที่ท�าให้เกิดความรู้สึกในทางลบหรือไม่ดี เพราะผู้ดูโปสเตอร์เป็นบุคคลทุกเพศทุกวัย ต้ังแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ จึงต้องระมัดระวังในการออกแบบภาพ ไม่ใช้ภาพที่สร้างความรู้สึกที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือปลูกฝังความรู้สึก ในทางเลวร้าย เช่น ภาพหวาดเสยี ว สยองขวญั ภาพอนาจารทางเพศ เป็นต้น ดังน้ัน แงม่ มุ ตา่ งๆ ของการออกแบบ จึงเปน็ สิง่ ทผ่ี ้อู อกแบบจะตอ้ งตระหนกั ถงึ ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมดว้ ย ๒.๒) สว่ นประกอบสา� คัญของภาพโปสเตอร์ ๑. ช่อื เรอ่ื งหรือหวั ข้อเร่อื ง ๒. ส่วนขยายช่ือเรื่อง เพราะบางครั้งช่ือเรื่อง หรือหัวข้อเรื่องอาจไม่ชัดเจนพอในการสื่อความหมาย ส่วนขยายน้ี จะช่วยเสริมเร่อื งราวใหเ้ ขา้ ใจย่ิงขนึ้ ว่าใคร ท�าอะไร ท่ีไหน และเมอ่ื ไร ๓. การออกแบบภาพจะชว่ ยใหโ้ ปสเตอรม์ คี วาม ชดั เจนและสวยงามยง่ิ ขนึ้ อาจจะไมต่ อ้ งอา่ นคา� บรรยายภาพกส็ ามารถ เข้าใจได้ ๔. สมี สี ว่ นชว่ ยดงึ ดดู ความสนใจไดม้ าก เพราะสี จะกระทบสายตาเป็นอนั ดับแรก ท�าให้ไปกระตุ้นหรอื เรา้ ใจสงิ่ ทอ่ี า่ น ๕. บอกชือ่ หนว่ ยงานท่ีเป็นผจู้ ดั ทา� โปสเตอร์ ตวั อย่างการออกแบบโปสเตอรช์ นดิ ตา่ งๆ 9๓ บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกร็ดแนะครู การศกึ ษาเก่ียวกบั เรอื่ งการออกแบบโปสเตอร สามารถบรู ณาการ ครคู วรอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา ผูคนจะใชเวลาอา นโปสเตอรไ มน านและยืนอยหู า งๆ กับการเรยี นการสอนของกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย วิชาหลักภาษา ดงั นนั้ ในการออกแบบจะตอ งหลีกเลีย่ งไมใหม ีรายละเอียดมาก ไมใชขอ ความยาว และการใชภาษา เรื่องการเขียนคําขวัญหรือคาํ คมได โดยครใู หนกั เรยี น ตวั อกั ษรเล็ก หรอื ขอ ความกาํ กวม อยา งนอ ยตองทําใหผคู นสะดุดตาเม่อื แรกเหน็ ออกแบบโปสเตอรร ณรงคในโอกาสตางๆ และใหน ักเรยี นแตง คาํ ขวญั หรือ แลว รูข อมูลโดยทนั ทีวาตองการสื่อสารเกยี่ วกับอะไร หรือมวี ตั ถุประสงคอยากจะ คําคมประกอบการออกแบบโปสเตอรน น้ั ๆ เพื่อใหนักเรียนไดใ ชค วามคิด บอกอะไร สรางสรรคใ นการออกแบบ นําความรูแ ละทกั ษะในการใชภาษาไทย เพือ่ การเชญิ ชวนและรณรงคมาปรับใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ได นกั เรยี นควรรู 1 การออกแบบโปสเตอร ในปจ จบุ นั ดว ยความกาวหนา ทางเทคโนโลยี การออกแบบโปสเตอรก าวหนาไปถึงเทคนคิ ทเ่ี รียกวา “อิงคเ จ็ท” ซ่ึงสามารถ นํางานทอี่ อกแบบไปทําใหมีขนาดใหญข ้นึ ได วสั ดุทีร่ องรบั อาจจะเปนแผนไม แผน พลาสติก หรอื ท่นี ยิ มมากที่สุดคอื แผน ไวนลิ คูม ือครู 93
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหน กั เรยี นชว ยกันรวบรวมแผน พบั เสริมสาระ ประชาสมั พันธส ถานทท่ี องเท่ยี วหรือแผน พบั โฆษณาสินคาใหไดม ากที่สดุ จากนนั้ นาํ การออกแบบโบรชัวร แผน พบั ตา งๆ เหลา นนั้ มาเปน ตวั อยา งประกอบ การอภิปรายเกี่ยวกบั หลักการออกแบบโบชัวร โบรชวั ร์ หรือแผ่นพับนบั เปนสง่ิ พิมพ์ทส่ี ามารถ ใชเ้ ปนสอ่ื ในการโฆษณาประชาสมั พนั ธไ์ ดโ้ ดยตรงกับผอู้ า่ น 2. ใหนักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 5-6 คน โดยให หรอื ผพู้ บเห็น สามารถออกแบบจดั ท�าผา่ นระบบคอมพิวเตอร ์ แตล ะกลุมออกแบบโบชัวรประชาสัมพันธ สถานท่ีทองเทย่ี วภายในทองถนิ่ ของตนเอง แลว้ พิมพ์ (Print) ออกมาเปนจา� นวนมาก 1 มากลุม ละ 1 แผน พับ เสรจ็ แลวนําผลงาน สงครผู ูสอน ลักษณะท่ีน่าสนใจของแผ่นพับ คือ เปน สื่อสิ่งพิมพ์ที่เข้าถึงกลุ่มเปาหมายได้ตามต้องการ เนื่องจากเปนส่ิงพิมพ์ท่ีมีขนาดเล็ก น�้าหนักเบา พกพาสะดวก เสียค่าใช้จ่ายในการจัดท�าน้อย และ การออกแบบโบรชวั ร ์ ตอ้ งระมดั ระวงั มใิ หต้ วั หนงั สอื อยตู่ รงกบั แนวทพี่ บั สามารถบรรจุขอ้ มูลรายละเอยี ดได้มากพอสมควร ในการออกแบบแผ่นพับน้ันต้องพิจารณาลักษณะการพับท่ีจะต้องไม่ท�าให้ข้อมูล และภาพเกิดรอยทับ จนอ่านข้อความ หรือภาพไม่ชัดเจน แผ่นพับท่ีพบเห็นโดยท่ัวไป เช่น แผ่นพับประชาสัมพันธ์สถานท่ี แหล่งท่องเท่ียว แผ่นพบั โฆษณาสนิ คา้ แผ่นพับแนะนา� ตัวบคุ คล เปน ตน้ หลักการออกแบบโบรชัวร ๑. ออกแบบลักษณะการพับเปนหลัก โดยยึดหลักการวางแผน การใส่เน้ือหาและรูปภาพในต�าแหน่งที่ ไม่ถูกพับ จะท�าให้เนื้อหาและภาพครบสมบูรณ์ การพับน้อยที่สุด คือ ๔ พับ (ด้านหน้า ๒ หน้า ด้านหลัง ๒ หน้า รวม ๔ หน้า) แผน่ พบั โดยทวั่ ไปไมน่ ยิ มใสเ่ ลขหน้า ๒. การออกแบบหน้าปกแผ่นพับ ซึ่งเปนส่วนส�าคัญของแผ่นพับ ควรเน้นให้มีจุดเด่นด้วยอักษรข้ึน ข้อความชัดเจน หรือใช้ภาพประกอบท่ีค่อนข้างใหญ่ และชัดเจน มีสีสันสะดุดตา สดใส น่าสนใจ สร้างความแตกต่างจากหน้าอื่นๆ ท่ีส�าคัญจะต้องสื่อถึงหน่วยงาน ตัวบุคคลที่จัดท�าขึ้นมา เช่น แผ่นพับโฆษณารีสอร์ต ควรมีรูปแบบท่ีเปนเอกลักษณ์ของรีสอร์ต ชื่อรีสอร์ตและสถานที่ ติดต่อที่ชัดเจน ท�าให้ผู้อ่านเพียงดูแผ่นพับหน้าแรกก็สามารถจะรับรู้ได้ว่า ใครเปนผจู้ ัดทา� และตอ้ งการบง่ บอกอะไร เปน ตน้ ๓. การใส่เน้ือหาและรูปภาพในหน้าพับต่อๆ ไป จา� นวนข้อมลู ตอ้ งชัดเจน เพอ่ื การจัดวางในพน้ื ท่ที ่ถี กู ก�าหนด ดว้ ยการพับ ๔. แต่ละหน้าควรแสดงลักษณะเฉพาะ เพื่อ ปองกนั การสับสนในการอา่ น โบรชวั รบ์ างประเภทใหค้ วามรู้แกผ่ ู้อ่านอยา่ งมาก 9๔ นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดเปน องคประกอบของการออกแบบสรา งสรรคโ ปสเตอรท่มี ีคณุ ภาพ 1 แผนพบั มลี กั ษณะคลายใบปลวิ แตมขี นาดใหญก วา และมีข้ันตอนการทาํ 1. ใสขอ มลู ลงไปใหม าก ที่ซับซอนกวา เนื่องจากถูกออกแบบใหบรรจรุ ายละเอียดไดม ากกวาใบปลวิ 2. ไมควรใชสมี ากกวา 2 สี มีไดต งั้ แต 2-5 ทบ หรอื มากกวานน้ั 3. ภาพสะดุดตา ขอ ความกระชับ 4. ใชต วั อักษรเลก็ และหลากหลาย มมุ IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดวยเหตุทีผ่ ูชมจะใชเ วลาดูโปสเตอรไมนาน และอยูหา งจากโปสเตอร ดังน้นั การออกแบบโปสเตอรท ่ดี จี งึ ตองทาํ ให นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับการออกแบบโบชัวร ไดท่ี โปสเตอรดูสะดุดตา ไมกลมกลนื ไปกบั สภาพแวดลอมทต่ี ดิ ภาพจึงตอ งใช http://www2.udru.ac.th/~samaw_t/Folders1.pdf ภาพขนาดใหญ คมชัด สะดดุ ตา รวมทง้ั ขอ ความตอ งกระชบั เปนขอ ความ สัน้ ๆ หรือใชค ํานอ ยแตไ ดใจความ 94 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๓) วธิ สี รา้ งสรรคโ์ ปสเตอร์ ครูสมุ ตวั อยางนกั เรียน 2-3 คน ใหออกมา อธบิ ายเกยี่ วกบั หลักการออกแบบปกรายงานและ ๑. ศึกษาหัวข้อของภาพโปสเตอร์ท่ีก�าหนด และวิเคราะห์เนื้อหาท่ีเก่ียวข้องกับหัวข้อ เพื่อ ภาพประกอบ หนา ชัน้ เรียน จากน้นั ครถู าม นักเรียนวา จับประเด็นส�าคัญของเรื่องและนา� ไปวาดภาพประกอบ เช่น โปสเตอร์ต่อต้านโรคเอดส์ โปสเตอร์ต่อต้านยาเสพติด • เพราะเหตใุ ด การออกแบบปกรายงานกบั โปสเตอร์เชญิ ชวนการเลิกอบายมขุ โปสเตอร์โฆษณาสนิ คา้ ต่างๆ เป็นตน้ ปกหนงั สอื จงึ ใชหลกั การเดียวกัน (แนวตอบ เพราะปกรายงานและปกหนงั สือ ๒. คิดคา� หรือข้อความประกอบภาพโปสเตอรน์ น้ั ๆ เพือ่ ส่ือสารใหช้ ดั เจนตามจุดประสงค์ของ เปนสว นหนา ทด่ี ึงดูดความสนใจตอ การ หยิบจบั มาอา น ดังนนั้ หลักการออกแบบ โปสเตอร์ โดยใช้ข้อความส้ันๆ กระชบั และกระตนุ้ ความคดิ หนา ปกรายงานจึงคลายคลึงกบั การ ออกแบบหนาปกหนงั สอื โดยใชหลักการ ๓. ออกแบบต�าแหน่งการจดั วางภาพตามเน้ือหา โดยอาจจดั องค์ประกอบของภาพเปน็ แนวตัง้ จัดองคประกอบศิลป เพอื่ สรางคณุ คา ความงามดา นการจดั วางตวั อักษรและ หรอื แนวนอนขึน้ อยกู่ ับผู้ออกแบบ ท้ังน้ตี ้องค�านงึ ถงึ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดลุ ภาพประกอบ) ๔. ร่างภาพตามหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ โดยมีจุดเด่นท่ีมีท้ังภาพประกอบ มีสัญลักษณ์ และตัวอักษรแสดงข้อความประกอบตวั อักษรทเ่ี ป็นหัวข้อของภาพ ๕. เตรยี มสีให้พรอ้ ม ใชส้ ีตามความถนดั ระบายสี ตกแตง่ ภาพใหด้ สู วยงาม มสี สี นั สะดุดตา ๖. เมอื่ ระบายสเี สรจ็ และสแี หง้ แลว้ ใหใ้ ชส้ เปรยเ์ คลอื บเงาพน่ เคลอื บบนภาพบางๆ เพอ่ื ใหภ้ าพ ดสู ดใส และมคี วามทนทานมากขึ้น ๓) การออกแบบปกรายงานและภาพประกอบ ในการเรียนการสอนแต่ละวิชามักจะต้องมีการท�า รายงานเปน็ ชน้ิ งานในการนา� เสนอเพอ่ื เปน็ หลกั ฐานของการแสดงถงึ ความรคู้ วามเขา้ ใจในการเรยี นตามรายวชิ านน้ั ๆ ขยายความเขา ใจ E×pand การทา� รายงานในหลายรปู แบบมคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใชก้ ารออกแบบ โดยใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาชว่ ย สง่ิ สา� คญั 1. ใหน ักเรียนสรปุ หลกั การออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ และงานกราฟก เปนแผนผัง ของรายงานท่ีจะทา� ใหร้ ายงานนนั้ สมบูรณ์ น่าสนใจ และตรงตามจดุ มงุ่ หมายของการจัดท�า นอกจากเน้ือหาภายใน ความคดิ (mind mapping) ทําลงกระดาษ รายงาน สงครูผสู อน เลม่ แลว้ หน้าปกของรายงานและภาพประกอบภายในเลม่ ก็มีสว่ นส�าคญั เชน่ กัน 2. ใหน ักเรียนทํากจิ กรรมศลิ ปปฏิบตั ิ 7.2 ๓.๑) หลักการออกแบบปกรายงานและ กจิ กรรมที่ 1 หนา 96 จากน้นั นาํ ผลงาน สง ครูผูสอน ภาพประกอบ ๑. ปกรายงานเป็นส่วนหน้าของ รายงานที่ดึงดดู ความสนใจต่อการหยิบจบั ดงั นน้ั จงึ ควร เลือกใช้กระดาษ หรือวัสดุท�าปกที่แข็งแรงกว่าส่วนของ เนอื้ ใน ๒. การออกแบบปกรายงานควร สื่อความหมายให้สอดคล้องกับเน้ือหาภายในเล่ม เช่น ถ้าเป็นรายงานวิชาการ ก็ควรมีความเป็นมาตรฐาน ดเู รยี บงา่ ยชดั เจน ใชส้ สี นั ไดบ้ า้ ง แตไ่ มจ่ �าเปน็ ตอ้ งฉดู ฉาด และสะดุดตามากจนเกินไป อาจมีภาพประกอบของ หนา้ ปก หรอื มเี พยี งขอ้ ความเปน็ ตวั อกั ษรอยา่ งเดยี วก็ได้ โปรแกรมทอ่ี ยใู่ นคอมพวิ เตอรแ์ ละภาพประกอบในเวบ็ ไซตส์ ามารถนา� มาใชส้ รา้ งสรรคป์ กรายงานใหส้ วยงามได้ ตามความเหมาะสม เปน็ ตน้ 95 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ บเศรู ณรากษารฐกจิ พอเพียง การทาํ ปกรายงานดว ยการวาดภาพจากฝม อื ตนเอง มกี ารจดั วางตวั อักษร งานกราฟก เปน สอ่ื ทน่ี ยิ มอยา งมากในการประชาสมั พนั ธป ระเภทตา งๆ และเปน และภาพตามหลกั การจดั องคป ระกอบศลิ ป นกั เรยี นคดิ วา เปน งานกราฟก หรอื ไม สื่อท่ีไดรับความสนใจจากผูบริโภคอยางกวางขวาง ดวยมีรูปแบบท่ีสะดุดตา ดังนั้น แนวตอบ เปน งานกราฟก เพราะคําวา “กราฟก” มคี วามหมายรวมถงึ ผูท่ีจะทําการออกแบบงานกราฟกไดดี จึงตองเปนผูที่มีความคิดสรางสรรคและมี การวาด การเขยี นตัวอักษร หรือการหาภาพประกอบตางๆ มาจัดวาง ความรเู รอื่ งการออกแบบงานกราฟก เพอ่ื เปน การฝก ทกั ษะในการออกแบบงานกราฟก เพอื่ สอ่ื ความหมายในเรือ่ งทต่ี องการนาํ เสนอ ไมว าจะเปนงานตน แบบ ครใู หนักเรียนออกแบบและสรางงานกราฟกข้นึ มาคนละ 1 ช้นิ ภายใตหัวขอ “การใช หรืองานผา นกระบวนการพมิ พดวยเครือ่ งมือ หรอื เครอื่ งพมิ พใ ดๆ กต็ าม ชวี ติ อยา งพอเพยี ง” พรอ มทงั้ ตง้ั ชอื่ ผลงาน จากนน้ั รวบรวมผลงานทง้ั หมดจดั แสดงไว ในมุมศิลปะภายในชน้ั เรยี น คมู ือครู 95
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครูพิจารณาจากแผนผังความคิด (Mind ๓. หลักการจัดวางการออกแบบหน้าปกรายงานจะคล้ายคลึงกับการออกแบบปกหนังสือ Mapping) สรุปหลกั การออกแบบรูปภาพ โดยใช้หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ เพื่อสร้างคุณค่าความงามด้านการจัดวางตัวอักษรและภาพประกอบ และ สัญลกั ษณ และงานกราฟก ของนักเรยี น ก�าหนดตวั อักษรให้สอดคล้องกลมกลนื กบั ชอ่ื รายงานและเนื้อหาภายในเล่ม 2. ครพู จิ ารณาจากการออกแบบผลงานโดยใช ๔. การสรา้ งภาพประกอบของหนา้ ปกรายงาน รวมทง้ั ภาพประกอบภายในเลม่ สามารถทา� ได้ คอมพิวเตอรข องนกั เรียน หลายวิธี เช่น ใชภ้ าพวาดจากฝีมือของตนเอง ภาพวาดผลงานของศลิ ปินไทย หรือของศลิ ปนิ ต่างประเทศ ภาพถ่าย โปสการด์ ภาพท่ถี ่ายโอนข้อมลู (Download) มาจากอนิ เทอรเ์ นต็ หรือภาพ Clip Art จากแผน่ ซอฟต์แวร์ เปน็ ตน้ หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรม ศิลป์ปฏิบตั ิ ๗.๒ 1. ผลงานการออกแบบรปู ภาพโดยใชความรู เกี่ยวกับการออกแบบรูปภาพดวยจดุ และ กิจกรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๕ คน เลอื กออกแบบผลงานดังต่อไปนเี้ พียง ๑ ชิ้น โดยใช้ การออกแบบรปู ภาพดวยเสน เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 2. แผนผังความคดิ (mind mapping) สรุป • โปสเตอร์รณรงค์ตอ่ ต้านยาเสพติด หลักการออกแบบรูปภาพ สญั ลักษณ • ปกรายงานวชิ าทัศนศิลป์ และงานกราฟก กจิ กรรมที่ ๒ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ 3. ผลงานการออกแบบโดยใชค อมพวิ เตอร ๒.๑ การออกแบบมีความสา� คญั อยา่ งไรกบั สังคมปัจจบุ นั จงอธิบาย ๒.๒ การออกแบบรปู ภาพ สญั ลักษณ์ หรอื งานกราฟิก ต้องค�านงึ ถึงหลักการอะไรบา้ ง สรปุ การออกแบบเปน็ งานสรา้ งสรรค์ทีต่ อ้ งใชค้ วามคดิ และจินตนาการ เพอื่ ใหเ้ กดิ ส่งิ ทแี่ ปลกใหม่ หรอื ปรับปรงุ ดัดแปลงสงิ่ ที่มีอยเู่ ดิมใหด้ ียง่ิ ขึ้น ดว้ ยเทคนคิ วธิ กี ารท่หี ลากหลาย การออกแบบท่ดี ตี อ้ งนำา ความรดู้ า้ นการจดั องคป์ ระกอบศลิ ปเ์ ขา้ มาใชใ้ นงานดว้ ย เพอื่ ใหผ้ ลงานมคี ณุ ภาพสมบรู ณ์ ทง้ั ดา้ นประโยชน์ ใช้สอยตามวตั ถุประสงค์และความงามทางศิลปะ การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ และงานกราฟิก (ส่ิงพิมพ์) เป็นงานศิลปะท่ีมีความเชื่อมโยงกัน หรืออาจประกอบอยู่ร่วมกันในช้ินงาน โดยหลักพ้ืนฐานทั้งหมดจะใช้หลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ การจัดวางทางศิลปะ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุล มาเป็นส่วนสำาคัญในการ สร้างสรรค์ผลงาน ซ่ึงการท่ีจะก้าวสู่ความเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ ที่มีคุณภาพนั้น ผู้ศึกษาจะต้องหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อจะได้เกิดทักษะและ ความชาำ นาญมากย่งิ ข้ึน 96 แนวตอบ กิจกรรมศิลปปฏบิ ัติ 7.2 กิจกรรมที่ 2 1. การออกแบบมบี ทบาทมากในสังคมปจ จบุ นั เพราะวถิ ชี ีวติ มนษุ ยม คี วามเก่ียวของกับการส่อื สารเพ่อื การรบั รขู อ มูลตางๆ ซง่ึ การสอ่ื สารดว ยสิง่ พมิ พท แี่ สดงออก เปน รูปภาพ สัญลักษณ และงานกราฟก กน็ ับเปนวิธที ่ีแพรหลายและเขาถงึ ผคู นไดง า ย ทง้ั นกี้ ารสอื่ ความหมายดงั กลา วตองผานกระบวนการในการออกแบบ โดยอาศยั หลักการจัดองคประกอบศิลปใหเ หมาะสม 2. การออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ และงานกราฟก เปน งานศลิ ปะท่มี คี วามเช่อื มโยงกัน หรอื อาจประกอบอยรู ว มกนั ในชนิ้ งาน โดยใชหลักของการจัดองคประกอบศลิ ป การจดั วางทางศลิ ปะ ความเปน เอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดลุ มาเปน สว นสาํ คัญในการสรา งสรรคผ ลงาน 96 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู ประเมนิ งานทัศนศลิ ป และบรรยายถงึ วธิ กี าร ปรบั ปรงุ งานของตนเอง และผอู นื่ โดยใชเ กณฑที่ กาํ หนดให สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1. มวี ินยั 2. ใฝเ รียนรู 3. มุงมน่ั ในการทํางาน øหนวยที่ กระตนุ ความสนใจ Engage หลกั การประเมนิ งานทัศนศิลป ครูพานักเรียนไปชมนิทรรศการแสดงผลงาน ก ารเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะน้ัน ทัศนศิลปท จี่ ัดแสดงตามสถานทใี่ นทอ งถ่ิน เชน ตวั ชว้ี ดั หอศลิ ปส มเดจ็ พระนางเจา สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ศ ๑.๑ ม.๑/๖ นอกจากให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติด้านการเขียนภาพ การปน กรงุ เทพมหานคร หอศลิ ปริมนา น จงั หวดั นาน การออกแบบ หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ แล้ว ยังต้องได้ เปนตน ครูใหน ักเรยี นแสดงความรูส ึกหลงั จาก ■ ประเมนิ งานทศั นศลิ ป และบรรยายถึงวิธกี ารปรบั ปรงุ งาน เรียนรู้เก่ียวกับการประเมินผลงาน เพื่อเป็นการฝึกให้ผู้เรียน การเดนิ ชมผลงานทศั นศิลป แลวถามนกั เรยี นวา ของตนเองและผอู ่ืนโดยใชเกณฑท่ีกําหนดให สามารถแสดงความคิดเห็น และมีสมรรถนะทางการส่ือสาร โดยสามารถวิจารณ์ผลงานที่พบเห็นได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ • การทมี่ ีผลงานทัศนศลิ ปจ าํ นวนมาก สาระการเรียนรูแกนกลาง ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิดและวิธีการใหม่ๆ มีทักษะในการคิด หลากหลายรูปแบบมาจัดแสดงในพ้ืนที่ วิเคราะห์ และรู้จักปรับปรุงผลงานของตนให้เหมาะสมในทางที่ เดยี วกนั นักเรยี นเลือกชมผลงานจากสิ่งใด ■ การประเมินงานทัศนศลิ ป ถูกตอ้ งดีงามตามเกณฑท์ ่กี าำ หนด (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น ไดอยางอิสระ) ๙๗ เกรด็ แนะครู การเรยี นการสอนในหนว ยการเรียนรูน้ี ครคู วรอธิบายใหนกั เรียนเขา ใจวา การเรยี นรูศิลปะนอกจากการเรยี นรเู กี่ยวกบั เนอ้ื หาสาระควบคูกับการฝก ปฏบิ ัติ สรางสรรคง านศิลปะแลว นกั เรยี นควรมีพนื้ ฐานความรูความเขา ใจเกย่ี วกับหลักการ ประเมนิ งานทศั นศลิ ป เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถประเมนิ งานทัศนศิลป และบรรยายถงึ วิธกี ารปรบั ปรงุ งานทัง้ ของตนเองและผอู นื่ ไดต ามเกณฑท ก่ี ําหนด เพราะการประเมินงานทศั นศิลปเปน ข้นั ตอนสาํ คัญที่ผูเรียนควรฝกปฏบิ ตั ิและเปน ข้นั ตอนของการสรุปรวบยอดทางความคิดและรปู แบบของผลงานหลังจากที่ไดผ าน กระบวนการออกแบบและสรา งสรรคผ ลงานมาแลว คูมือครู 97
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 2-3 คน ใหออกมา ñ. ¤ÇÒÁࢌÒã¨à¡ÕèÂÇ¡ºÑ ¡ÒÃÇ¨Ô Òó¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРวาดรปู เสน รอบนอกของวัตถุ เชน แกวนา้ํ โตะ เกาอี้ หรือวาดภาพจากจินตนาการของตนเองก็ได การวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป หมายถงึ การต ิ การชม การวเิ คราะห ์ หรอื การแสดงความคดิ เหน็ บนพนื้ ฐาน คนละ 1 ภาพ ภายในเวลาทีก่ ําหนด โดยครูกาํ หนด ของการใชเ้ กณฑท์ ่ีก�าหนดมาพจิ ารณาผลงานในแขนงต่างๆ เช่น ภาพเขียน งานปน งานสร้างสรรค์ต่างๆ เปน็ ต้น หมายเลขผลงานเปน 1 2 และ 3 จากนั้นให การวจิ ารณเ์ พอ่ื ประเมนิ งานทศั นศลิ ป ์ จะตอ้ งมหี ลกั เกณฑแ์ ละเหตผุ ล ทง้ั น ้ี เพราะการปฏบิ ตั งิ านศลิ ปะ แมจ้ ะกา� หนด นกั เรยี นชวยกันสงั เกตวา ใหท้ า� ในส่งิ เดยี วกนั แตผ่ ลงานท่ีได้กแ็ ตกต่างกันตามประสบการณ์ ฝม อื และแนวคิดของผ้สู รา้ งสรรค์ การปฏิบัติงานศิลปะท�าให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบและวิธีการต่างๆ ผลงานบางชิ้นอาจมีรูป • ภาพท้ัง 3 ภาพมคี วามแตกตา งกนั อยา งไร แบบที่แปลกไปจากธรรมชาติ มลี กั ษณะที่ไม่คุน้ เคย หรือไม่เคยพบเหน็ ในชีวิตประจ�าวัน ถ้าผปู้ ระเมินงานไมเ่ ขา้ ใจ • นักเรยี นชน่ื ชอบภาพของหมายเลขใด ก็จะวิจารณ์ไปตามความรู้สึกของตนที่มีต่อผลงานน้ัน บางคร้ังก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าที่เป็นเช่นน้ันเพราะอะไร เช่น ท�าไมจึงชอบ หรือไม่ชอบผลงานชิ้นนี้ เป็นต้น การวิจารณ์งานศิลปะท่ีดี ผู้วิจารณ์จะต้องพิจารณาอย่างมีเหตุผล เพราะเหตุใด มคี วามยตุ ธิ รรม ไมล่ า� เอยี ง การวิจารณฝ์ กใหผ้ ถู้ กู วจิ ารณ์เป็นผรู้ ับฟงความคิดเหน็ ของผู้อน่ื และฝก ความมีเหตผุ ล ให้กับผู้ถูกวิจารณ์ไปพร้อมๆ กนั สาํ รวจคน หา Explore ใหน กั เรยี นศึกษา คน ควาเกี่ยวกับความหมาย ของการวิจารณผลงานทัศนศลิ ปและคุณสมบัตขิ อง ผูวิจารณผ ลงานทัศนศลิ ป จากแหลงเรยี นรูตางๆ เชน หนังสอื เรียน หองสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน การพนิ จิ พิจารณาผลงานอยางละเอียดถถี่ ว น จะชว ยทําใหมีขอ มลู ทีส่ ามารถนํามาวจิ ารณผลงานทศั นศิลปทีช่ มไดอ ยา งสรา งสรรค ๙๘ เกร็ดแนะครู บูรณาการเช่ือมสาระ การศกึ ษาเก่ียวกับการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ปส ามารถเชือ่ มโยงกับ ครเู นน ยาํ้ กบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การวจิ ารณว า การวจิ ารณส ง่ิ ใดกต็ ามตอ งใชค วามรู การเรยี นการสอนกลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย วชิ าหลกั ภาษาและการใช ความมีเหตมุ ีผล มหี ลกั เกณฑ และมคี วามรอบคอบดว ย โดยปกตแิ ลวเม่ือจะวจิ ารณ ภาษา เรือ่ งคุณสมบัติของนกั วิจารณวรรณคดี เพราะในการวิจารณผ ลงาน ส่ิงใดจะตอ งผานข้ันตอนและกระบวนการของการวเิ คราะห วนิ ิจฉยั และประเมนิ ไมว า จะเปน ดา นใด สาขาใด ผูวจิ ารณจะตอ งมคี วามรูใ นสาขาวิชาน้นั ๆ คุณคา ของสง่ิ ท่ีจะวิจารณใ หช ดั เจนเสียกอน แลวจงึ คอ ยวจิ ารณแ สดงความคดิ เหน็ อยางกวางขวาง ปราศจากอคติ และตองเปนผทู ่ีหมน่ั ศกึ ษาหาความรใู หมๆ ออกมาอยา งมีเหตมุ ีผล ใหน า คดิ นาฟง และเปน คาํ วิจารณท ี่เช่ือถือได อยเู สมอ จึงจะทาํ ใหก ารวจิ ารณม ีคุณคา นาเชือ่ ถือ นอกจากน้ี ครคู วรเสริมวา ในกรณที ่ีเปนการวจิ ารณโดยใชคาํ พดู การแสดงออก ดวยกิริยาทา ทาง ทาที คาํ พดู ที่สุภาพ ดอู บอุน เปน มติ ร จะชวยใหผูสรางสรรค ผลงาน ผูช มผลงานมีความรูส กึ วา ผวู จิ ารณท่ีมีใจเปน กลางชวยชีแ้ นะขอมูล ใหเห็นจรงิ ๆ ไมมอี คติ 98 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เสริมสาระ ครสู ุมตวั อยางนกั เรียน 2-3 คน ใหออกมา อธบิ ายความหมายของการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป คณุ สมบตั ขิ องผูวิจารณผลงานทศั นศิลป หนา ช้นั เรยี น จากนน้ั ครูถามนักเรียนวา คุณสมบัติของผูวิจารณผลงานทัศนศิลปที่ดีนั้นจะตองมีพ้ืนฐานความรูในงานศิลปะแตละประเภทจาก • การวจิ ารณผลงานทศั นศลิ ปหมายถึงอะไร การศึกษาและการพบเห็นมา หรือไดรับฟงคําวิจารณมามาก และตองตระหนักอยูอยางหนึ่งวา การวิจารณน้ันเพ่ือ และการวิจารณงานศิลปะทดี่ เี ปนอยางไร ปรับปรุง แกไข และช้ใี หเ หน็ ถึงความบกพรอ งตา งๆ อยางยตุ ธิ รรม นอกจากนน้ั ยงั เปน การเชิดชผู ลงานทัศนศลิ ปท ี่ดี (แนวตอบ การวจิ ารณผลงานทัศนศิลป มีคณุ คา อกี ดว ย ซึ่งคุณสมบตั ิของผูวิจารณทดี่ ี มดี ังตอไปนี้ หมายถึง การตชิ ม การวเิ คราะห หรอื การ แสดงความคดิ เหน็ ตอผลงานทศั นศิลป ๑. ตอ งรหู ลักการวิจารณต ามหลักสากล 1มีพื้นฐานในวิชาศิลปะท่ัวไปและรูจักผลงานประเภทใด บนพ้ืนฐานของการใชเกณฑท กี่ าํ หนดมา ๒. เปนผูที่มีความรูในวิชาศิลปะอยางกวางขวาง พจิ ารณาผลงานในแขนงตา งๆ เชน ภาพเขียน งานปน งานสรา งสรรคต า งๆ ประเภทหนง่ึ เพอ่ื ทจ่ี ะไดว จิ ารณเ ฉพาะในแตล ะสาขา สามารถเสนอแนะและแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื ปรบั ปรงุ ผลงานนน้ั ๆ เปนตน การวิจารณงานศลิ ปะท่ีดี ผวู จิ ารณ จะตองพจิ ารณาอยางมีเหตผุ ล มคี วาม ใหด ีขึน้ ได ยุตธิ รรม ไมล าํ เอยี ง ) ๓. เปนผูท่ีมีความรอบรูที่สามารถเชื่อมโยงวิชาความรูอ่ืนๆ กับทัศนศิลปไดเปนอยางดี เพื่อจะไดชวย • คณุ สมบัติทส่ี ําคัญของผวู ิจารณผ ลงาน ทศั นศิลปท ี่ดีเปน อยา งไร ใหผ สู นใจชื่นชมไดตามระดับความรูความสามารถ (แนวตอบ ผูว จิ ารณผ ลงานทัศนศิลปที่ดี จะตอ งมีพ้นื ฐานความรูในงานศิลปะแตล ะ ๔. เปนผูที่มีความใจกวาง ยอมรับความคิดเห็นของผูอ่ืน แบงปนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะ ประเภท จากการศึกษา จากประสบการณ ทั้งการปฏบิ ัติและพบเห็นงานศลิ ปะมา ความคดิ เห็นจากผูถูกวจิ ารณ หรอื อาจไดร บั ฟงคาํ วจิ ารณมามาก แตทั้งนี้ผูวจิ ารณท่ีดตี องตระหนกั เสมอวา ๕. เปนผทู ่มี ีความจรงิ ใจ มคี วามยุตธิ รรม ไมม ีความโนม เอียงเขา ขางตนเอง การวิจารณน้ันเพ่อื ปรบั ปรุง แกไ ข และชใ้ี ห เห็นความบกพรองตางๆ อยา งยุตธิ รรม ๖. เปนผูที่มีความซาบซึ้งและรักในศิลปะอยางแทจริง สนใจตอการเคลื่อนไหวในวงการศิลปะ ตลอดจน และยังเปน การเชดิ ชูผลงานทัศนศลิ ปที่ดี และมีคุณคา ดวย) แนวคดิ ใหมๆ ทางศิลปะ ๗. เปนนักคดิ คนควา สนใจในสง่ิ ใหมๆ และศึกษาหาความรอู ยเู สมอๆ ๙๙ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู การวจิ ารณเพือ่ ประเมินงานทัศนศลิ ป ควรคํานงึ ถงึ เรือ่ งใดเปน สาํ คญั ครูเนนยา้ํ กับนักเรยี นวา การวจิ ารณงานศลิ ปะเปน การแสดงความคดิ เห็น 1. หลักเกณฑและแบบประเมิน เกยี่ วกับศิลปะที่มองเหน็ หรือทศั นศลิ ปโ ดยตรง การวจิ ารณผลงานทศั นศลิ ป 2. หลกั เกณฑและเหตุผล บางครั้งสามารถชว ยใหผ ูดูรูจกั เลือกดูและเห็นบางสิง่ บางอยา งทอ่ี าจหลงตาไป 3. การวเิ คราะหแ ละเหตุผล เพราะยังขาดความรูและประสบการณ สว นผูส รางผลงานก็จะเกดิ แนวความคิด 4. การแสดงความคิดเห็น กวา งขนึ้ สามารถนําไปปรับปรงุ แกไ ขผลงานของตนเองใหเ กิดคณุ คามากขึน้ ได วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การวจิ ารณเ พื่อประเมนิ งานทัศนศิลปต อง นกั เรียนควรรู คาํ นึงถึงการคิดวิเคราะหผลงานอยา งมีเหตุผล ทัง้ นก้ี ารวจิ ารณอ ยาง 1 มคี วามรูใ นวชิ าศิลปะอยางกวา งขวาง เปนสงิ่ สาํ คัญและจําเปนทผ่ี ูวิจารณ มเี หตุผลจะทาํ ไดก ต็ องอาศยั ความรู ความเขาใจ ตามประสบการณข อง ผลงานทศั นศลิ ปจะตองมี ซงึ่ จะทาํ ใหเกดิ ความนาเชื่อถอื ในศักยภาพทางศลิ ปะ แตล ะบุคคล หากขาดคุณสมบตั ิท่แี สดงถึงความรอบรูทางดา นศลิ ปะแลวมาเปน ผูวิจารณก อ็ าจ จะทําใหข าดความนา เช่ือถอื ไป ดงั คาํ คมท่วี า “นักวิจารณคอื คนทีไ่ มม ีขา แตส อน ใหค นอนื่ เขาวงิ่ ” คูมือครู 99
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูนาํ ภาพผลงานทศั นศิลปต ดิ บนกระดานดํา ò. ¨´Ø »ÃÐʧ¤¢ ͧ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Š หนา ช้ันเรยี น จํานวน 3 ภาพ แลว ใหน ักเรียนสังเกต ภาพผลงานทศั นศิลปท้งั 3 ภาพ ครถู ามนักเรียนวา การประเมนิ งานทศั นศิลป์มีจุดประสงค ์ ดงั นี้ • ภาพแตละภาพมีความแตกตางกัน ๑) การประเมินเพ่ือความช่ืนชม เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อผลงานศิลปะนั้นๆ โดยข้ันตอนของ ในประเดน็ ใดบาง การวิจารณ์จะเป็นขั้นตอนท่ีเกิดขึ้นก่อนการประเมิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดความคิดเห็นและความรู้สึก • นกั เรียนชืน่ ชอบภาพใดมากทสี่ ดุ ให้ผู้อื่นไดร้ บั รู้ หรือแลกเปลีย่ นทศั นะซ่งึ กันและกัน ช่วยใหเ้ กิดความเข้าใจทีด่ ีตอ่ กัน เพราะเหตุใด ๒) การประเมนิ เพื่อปรบั ปรงุ และพัฒนาผลงานทัศนศลิ ป เป็นการประเมนิ ผลงานจากการพิจารณา จากน้นั ครูเชือ่ มโยงเขาสหู ลักการประเมิน งานทศั นศิลป และวจิ ารณง์ านในกจิ กรรมการเรยี นการสอนศลิ ปะ โดยใชเ้ กณฑห์ รอื หลกั การในการประเมนิ งาน พรอ้ มทงั้ การวจิ ารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล เช่น ครูวิจารณ์ผลงานของนักเรียน หรือนักเรียนวิจารณ์แสดงความคิดเห็น สาํ รวจคน หา Explore ผลงานของตนเองหรอื ของเพอ่ื น เปน็ ต้น ซึง่ ถอื เปน็ กระบวนการในระหว่างปฏบิ ัติงาน เพ่อื นา� ข้อคิดเห็นมาปรบั ปรุง ใหน กั เรยี นศกึ ษา คน ควา เกยี่ วกบั จดุ ประสงคข อง และพัฒนาผ๓ล)ง ากนาใรหป้ดรยี ะ่งิเมข้ึนนิ ใเนพกอื่ าใรหสเรขา้ างใสจรเรรคอ่ื ผ์ งลรงาาวนขคอรงัง้ ผตล่องไาปนทศั นศลิ ป การวจิ ารณเ์ พอื่ ประเมนิ ผลเ1ปน็ การวจิ ารณ์ การประเมนิ งานทัศนศิลป หลักเกณฑการพจิ ารณา เพื่อประเมินผลงานทัศนศลิ ป และประโยชนของ และรวบรวมขอ้ มลู ในทกุ ๆ ดา้ น ทเี่ กย่ี วกบั ผลงานทศั นศลิ ป ์ เพอื่ นา� ขอ้ มลู มาใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจใหค้ ะแนนในการ การประเมินงานทัศนศิลป จากแหลงเรยี นรูตา งๆ วัดและประเมนิ ผล จึงต้องมหี ลักเกณฑ์และเครอ่ื งมอื ในการประเมนิ หรอื มกี ติกาทกี่ �าหนดไว้อยา่ งชัดเจน เชน หนงั สอื เรยี น หองสมุด อินเทอรเน็ต เปน ตน ท้ังน้ี ผู้ประเมินผลงานจะต้องพิจารณาและ วิเคราะห์จากตัวผลงาน โดยใช้องค์ความรู้ทางศิลปะ มาประกอบการแสดงความคดิ เหน็ ทง้ั ดา้ นรปู ทรงของงาน และเรื่องราวทีถ่ กู ถา่ ยทอดออกมาจากตวั ผลงาน การฝก ใหร้ จู้ กั วจิ ารณแ์ ละประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ปท์ กุ ครง้ั จะชว่ ย ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั รเู้ รอื่ งราวตา่ งๆ ครอบคลมุ ทกุ ดา้ น ชว่ ยพฒั นา สติปญญาและทักษะการคิดวเิ คราะห์ นอกจากนี้ การวิจารณ์เพ่ือการประเมินผล ยังมีความส�าคญั ในการตัดสนิ ผลงานการประกวด ซงึ่ การ ประกวดผลงานทางศลิ ปะทว่ั ไป คณะกรรมการจะร่วมกนั คัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพจ�านวนหน่ึง เพื่อส่งเข้ารอบ และร่วมกันวิจารณ์ผลงานอย่างกว้างขวาง โดยยึดตาม หลักเกณฑ์ในการประกวดที่วางไว้ก่อนที่จะลงมติชี้ขาด หากผลงานกลุ่มใดมีคุณภาพใกล้เคียงกัน จะต้องน�า ผลงานกลมุ่ นน้ั มาวพิ ากษว์ จิ ารณ์โดยละเอยี ดอกี ครง้ั หนงึ่ การวิจารณงานทัศนศลิ ป ผวู ิจารณจะตอ งมคี วามรู ความเขาใจศลิ ปะ แลว้ จึงทา� การตัดสิน ดา นที่จะวิจารณ จงึ จะทาํ ใหก ารวจิ ารณมีนํ้าหนกั นา เชื่อถอื 100 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ความในขอ ใดถือวา เปนการวิจารณง านศิลปะท่ีไมถ ูกตอ ง ครูควรอธบิ ายเสริมวา การไดอ า น หรือฟง การประเมนิ หรอื วจิ ารณงานทัศนศลิ ป 1. ผลงานนี้แสดงถงึ อตั ชีวประวัติบคุ คล สําหรบั ผูสรางสรรคผลงานเสมอื นวา มีกระจกสะทอนมมุ มองของผอู ่นื ออกมา จะชว ย 2. ผลงานน้ไี มมีคุณคาเลยแมแตนิดเดียว ทําใหเรามีขอมูลนําไปปรับปรุงแกไขผลงาน โดยใหนักเรียนระลึกไวเสมอวา กอนที่ 3. ผลงานนี้มกี ารจัดองคป ระกอบไดอ ยา งเหมาะสม ศลิ ปน แตล ะทา นจะเดนิ มาอยแู ถวหนา ของวงการศลิ ปะ ผลงานของทา นเปน ทยี่ อมรบั 4. ผลงานน้ีสามารถกระตนุ อารมณความรูสกึ ของผชู มได ชื่นชมในทุกวนั นี้นั้น ทุกทานลวนผานการขัดเกลา บม เพาะ ไดร บั คําช้ีแนะตชิ ม และ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. แนวทางสรา งสรรคตัวบุคคลและสังคม ถูกประเมิน ถูกวจิ ารณมาแลวท้งั ส้นิ ในลักษณะของการใหข อเสนอแนะ สงเสรมิ ใหกาํ ลงั ใจ สาํ หรับตวั ผูวจิ ารณ หรอื ผปู ระเมนิ ผลงานศิลปะ จําเปน ตองมคี วามเขาใจในเรือ่ งของสุนทรยี ภาพ นักเรียนควรรู และทัศนศิลปเฉพาะแขนงเปนอยางดี ไมใ ชวจิ ารณดว ยการตําหนติ เิ ตยี น 1 การวจิ ารณเพือ่ ประเมนิ ผล มไิ ดหมายความวาเปน การตัดสินผลงาน ทัศนศลิ ปว าถูกหรอื ผดิ เพราะในทางทัศนศลิ ปเปนการสรปุ การตดั สนิ วา ผลงาน ชนิ้ นนั้ มีคณุ คา มคี วามงามอยางไร หรอื ควรปรบั ปรุงแกไ ข โดยใชหลกั วชิ าศลิ ปะ ทปี่ ราศจากอคติและอารมณค วามรสู ึกสว นตวั 100 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ó. ËÅ¡Ñ à¡³±¡ Òþ¨Ô ÒóÒà¾èÍ× »ÃÐàÁÔ¹¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔŻРใหน กั เรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั จดุ ประสงค ของการประเมินผลงานทศั นศลิ ปและหลกั เกณฑ ผลงานทางทศั นศิลป์ทกุ ชิน้ งานมอี งคป์ ระกอบท่ีแตกตา่ งกัน ซงึ่ สามารถประเมนิ ค่าได้ ดงั นี้ การพิจารณาเพื่อประเมินผลงานทัศนศลิ ปตามที่ ๑) การสอ่ื ความหมาย ผลงานทศั นศลิ ปจ์ ะตอ้ งมกี ารสอ่ื ความหมาย หรอื สอ่ื ความคดิ และขอ้ มลู ไดช้ ดั เจน ไดศ กึ ษามา จากนน้ั ใหสรุปผลการอภิปรายลงสมดุ บันทกึ ครูถามนักเรยี นวา สอดคลอ้ งกบั หัวเรื่องทก่ี า� หนด • นกั เรยี นสามารถประเมินคา ผลงาน ๒) ความคดิ รเิ รมิ่ สรา งสรรค พจิ ารณาการใช้ ทศั นศิลปทมี่ อี งคป ระกอบแตกตางกัน ไดอ ยางไร จงอธบิ าย ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในผลงานทัศนศิลป์ที่แสดงถึง (แนวตอบ ผลงานทัศนศลิ ปท ่ีมอี งคป ระกอบ แตกตา งกนั แตส ามารถประเมนิ คา ได ความก้าวหนา้ ความแปลกใหม่ของลกั ษณะรูปแบบ และ ตามหลักเกณฑพ ้นื ฐานในการพิจารณา เพื่อประเมนิ ผลงานทัศนศลิ ป คอื การสือ่ เนื้อหาสาระใหม่ท่ีดีกว่าของเดิมท่ีมีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็น ความหมาย ความคดิ รเิ ริ่มสรางสรรค การแสดงออก วิธกี ารและเทคนิค การจัด ผลงานที่คัดลอกเลียนแบบจากผู้อน่ื องคป ระกอบ และความประณีต) ๓) การแสดงออก วิธีการแสดงออกที่ช่วย ท�าให้ผลงานมีคุณค่า และมีลักษณะเฉพาะของตนเอง โดยไม่ลอกเลียนแบบผลงานของผู้อ่ืน รู้จักใช้ทักษะ การจะประเมินผลงานทัศนศิลปไดอยางมีคุณภาพ จะตองพิจารณา ในการนา� วสั ดุตา่ งๆมาสรา้ งสรรค์ผลงาน องคประกอบของผลงานใหครอบคลุมทกุ ดา น ๔) วิธีการและเทคนิค วิธีการและเทคนิค ในการสร้างสรรคผ์ ลงานทางทัศนศลิ ป ์ มคี วามเปน็ อิสระ มไี หวพรบิ ในการดดั แปลง สามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ขผลงาน จนได้รปู แบบใหมๆ่ หรือได้เทคนิคใหม่ ๕) การจดั องคป ระกอบ มหี ลกั การจดั ภาพ ท่เี หมาะสม สวยงาม ทง้ั น ้ี ผลงานทศั นศิลป์ที่สรา้ งสรรค์ ออกมาจะต้องมีองค์ประกอบที่มีความเป็นเอกภาพ กลมกลนื และสมดุล ๖) ความประณตี ความสมบรู ณข์ องผลงาน ทศั นศลิ ป์นน้ั นอกจากพจิ ารณาในด้านมิตทิ างความงาม และความคิดสร้างสรรค์แล้ว ในด้านความประณีตและ ความเรียบร้อยของผลงานก็เป็นส่ิงส�าคัญที่ต้องค�านึงถึง งานศิลปะท่ีดีและสมบูรณ์แบบจะต้องแสดงออกถึง ความสะอาด เรียบร้อย มีความประณีต เพราะเป็น การสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งม่ัน ตลอดจน วิธีการและเทคนิคในการสรางสรรคงาน เปนเกณฑประการหนึ่ง ความมีสุนทรยี ภาพของผู้สรา้ งงาน ที่จะนาํ มาใชในการประเมินงานทศั นศิลป 101 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกร็ดแนะครู คณุ สมบัตขิ อใดไมมีความจําเปนสําหรับประเมนิ หรือวจิ ารณงานทัศนศิลป ครเู พ่ิมเติมเกีย่ วกับเทคนิคการพิจารณาผลงานทศั นศลิ ป เพือ่ ใหผชู มเขาใจใน 1. มีความรอบรใู นงานศิลปะ ผลงานทัศนศิลปเ บื้องตน โดยเฉพาะงานจติ รกรรมและประติมากรรมควรสังเกต 2. มีประสบการณส รา งงานศลิ ปะ ดงั นี้ 3. เคยทําการคาเกี่ยวกับงานศิลปะ 4. มีทศั นคติทดี่ แี ละรกั งานศิลปะ 1. ดกู ารด ท่ีตดิ บนผลงาน (ถา ม)ี เพราะบนการดจะบอกช่ือผูสรา งผลงาน ช่ือผลงาน เทคนิคผลงาน วา ทาํ จากอะไร แบบใด อยา งไร เพ่ือใหเ ขา ใจ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ทกุ ขอ ท่ีกลา วมาลว นมคี วามจาํ เปน สําหรบั เน้ือหาเร่อื งราวของผลงานเปน อันดบั แรก ผูที่จะทาํ การประเมิน หรือวจิ ารณงานศิลปะ สว นการทําการคา เก่ียวกบั 2. ดูวาเปนศิลปะสาขาอะไร ทศั นศลิ ปแขนงใด ลักษณะใด และประเภทใด เชน งานศลิ ปะ แมจะชว ยทาํ ใหทราบวาสว นใหญผซู ้ือผลงานศลิ ปะไปเก็บสะสม สาขาวิจิตรศิลป แขนงจิตรกรรม มักจะชอบผลงานแนวไหน แตกไ็ มใชคุณสมบตั ทิ จ่ี ําเปน เนื่องจากมผี ูร ู ศลิ ปน นกั วิชาการ ครอู าจารยจ ํานวนมาก สามารถจะประเมนิ และวิจารณ 3. ดสู ่งิ ที่ทําใหเ กิดมติ ใิ นผลงานทัศนศลิ ป ไดแก มติ ใิ นดานรปู ภาพและรูปทรง งานศลิ ปะไดด ี และไดแ งค ดิ ทม่ี ีประโยชนมากมาย โดยมไิ ดท ําการคา ขาย 4. ดูสว นประกอบของความงาม จุด (ถามี) เสน 2 ประเภท รปู ราง 3 ประเภท เกี่ยวกบั งานศิลปะแตอ ยางใด (ถาม)ี รูปทรง 3 ประเภท ความรูสกึ ของสแี ละสตี รงขา ม แสงเงา พนื้ ผวิ จงั หวะ ความกลมกลืนของเสน สี รปู ทรง และหลกั ของการจดั ภาพ 5. ดูเกี่ยวกบั การจัดภาพวา เปน ลกั ษณะใด คมู อื ครู 101
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหนกั เรยี นศึกษาตัวอยางการประเมนิ ผลงาน ô. µÑÇÍ‹ҧ¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРทัศนศิลป ในหนงั สือเรียนหนา 102 แลว รวมกนั แสดงความคิดเห็นวา นกั เรียนประเมินผลงาน การสื่อความหมาย เหมอื นหรอื แตกตา งจากหนังสือเรียนอยางไร ภาพนี้มีชื่อภาพวา “สมเด็จพระเทพฯ ที่เรารัก” ผูวาดส่ือความหมายในภาพตรงตามชื่อภาพ 2. ใหน กั เรยี นแบง ออกเปน 3 กลมุ โดยใหแ ตล ะกลมุ และมเี นอ้ื หาตรงตามวตั ถปุ ระสงคทีต่ อ งการ คัดเลอื กผลงานทศั นศลิ ป มากลุม ละ 1 ผลงาน ความคิดริเรม่ิ สรา งสรรค จากนน้ั ติดภาพผลงานทัศนศิลปลงบน แผน พลาสติกลูกฟกู อเนกประสงค หรือแผน ภาพน้ีไมแสดงถึงความคิดสรางสรรคมากนัก เน่ืองจากมีเนื้อหาและรูปแบบที่ส่ือถึงเหตุการณจริง ฟว เจอรบ อรด แลว ประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ป เปน ความประทับใจทเี่ กดิ ขน้ึ ไมใ ชภาพตามจนิ ตนาการ แตก ็สามารถใหร ายละเอยี ดไดด ี ดังกลาวโดยใชหลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเพ่อื การแสดงออก ประเมินผลงานทัศนศลิ ปตามท่ไี ดศกึ ษามา ตกแตง ผลงานใหสวยงาม นาํ สงครผู ูสอน วิธีการแสดงออกท่ีทําใหผลงานมีคุณคาตามความตองการท่ีจะสื่อความหมาย โดยเนนที่อากัปกิริยา ของผูคนท่ีมีจุดรวมความสนใจเปนหนึ่งเดียว นอกจากน้ี ยังใหเห็นพฤติกรรมของคนบางสวนท่ีเปนวิถีชีวิต เชน คนข่คี วาย คนนั่งอยบู นบันไดบา น เด็กปนปา ยอยบู นร้วั มีพระสงฆอยรู วมกับผคู นภายในชุมชน เปน ตน วธิ ีการและเทคนคิ ภาพน้ีไมแสดงวิธีการหรือเทคนิคของการใชวัสดุสรางสรรคผลงาน แตเลือกมุมมองจากท่ีคอนขางสูง จึงเห็นภาพในมุมกวาง ซ่ึงสามารถเก็บรายละเอียดไดมาก มีการเลือกใชสีที่อยูในวรรณะสีเย็นจนเกือบเปน สเี ดียวกัน ชว ยทําใหภาพดเู ย็นตา การจัดองคป ระกอบ มีการจัดองคประกอบของภาพแบบกลมกลืนดวยสี รูปทรงท่ีเปนคนหลายๆ คนนั้นก็เกาะกลุมกันอยู สรางความรูสึกเปนอันหน่ึงอันเดียวกัน โดยสะทอนถึงความเปนเอกภาพทางรูปทรงและเน้ือหาสาระ ภาพมี ระยะใกล-ไกล มีสวนตางๆ ที่เลาเรื่องสื่อความหมายอยูในพื้นท่ีเต็มภาพ เกิดความสมดุล ไมมีน้ําหนักถวง มากไปทางขา งใดขางหน่งึ ความประณตี ความประณีตของภาพจะปรากฏชัดเจนบนหลังคาบาน บันได เสา ปาย ตัวอักษรบนปายที่เก็บ รายละเอียดไวอยางคมชัด ใบหนา รูปรางของผูคน ตลอดจนเสื้อผา มีความชัดเจน มีการระบายสีเต็มพื้นท่ี แลดูสะอาด เรียบรอย แสดงใหเห็นวาผูสรางผลงานมีสมาธิ มีความต้ังใจ และมุงมั่น ตลอดจนมีสุนทรียภาพ ในการสรา งสรรคผลงานทางศิลปะ 10๒ เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา การวจิ ารณผ ลงานศลิ ปะมอี งคป ระกอบทสี่ มั พนั ธก นั 3 ประการ ใหน ักเรียนสรปุ หลักเกณฑการพิจารณาเพ่ือประเมินผลงานทัศนศลิ ป ดงั น้ี ลงกระดาษรายงาน สง ครูผสู อน 1. ผสู รา งสรรคผลงานศิลปะ หรือศิลปนที่สรางสรรคง านศิลปะ กิจกรรมทาทาย 2. ผลงานศลิ ปะ คอื ผลงานศิลปะทีเ่ กดิ ขึ้นจากการสรา งสรรคของศลิ ปน ใหน กั เรียนหาภาพงานศลิ ปะทต่ี นเองชนื่ ชอบมาคนละ 1 ภาพ จากนนั้ โดยผานกระบวนการของความคิดสรา งสรรคแ ละจินตนาการ ศลิ ปน สามารถ ตดิ ภาพลงบนกระดาษรายงาน แลว เขียนประเมินผลงานทัศนศลิ ป สรางสรรคไดท้งั งานดา นวจิ ิตรศิลปและประยุกตศ ลิ ป โดยประเมนิ ตามหัวขอทค่ี รกู าํ หนดให ดงั น้ี 3. ผชู มผลงานศลิ ปะ คอื ผชู มทไี่ มใ ชผ สู รา งสรรคผ ลงานศลิ ปะนน้ั ๆ แตเ ปน ผรู บั รู 1. การสือ่ ความหมาย 2. ความคดิ รเิ รม่ิ สรา งสรรค ถึงการแสดงออกของศลิ ปน ท่ีสรางสรรคผ ลงานศิลปะ ผูชมผลงานศิลปะจึงมี 3. การแสดงออก 4. วิธีการและเทคนคิ ความสําคญั ทีท่ ําใหว งจรการแลกเปล่ียนเรยี นรูในงานศิลปะสมบรู ณขึ้น 5. การจัดองคป ระกอบ 6. ความประณีต 102 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู õ. »ÃÐ⪹¢Í§¡ÒûÃÐàÁ¹Ô §Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š ใหน ักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ประโยชน ของการประเมนิ งานทศั นศิลป โดยสรุปผลการ การประเมินงานทัศนศิลป์ เป็นการเรียนรู้ อภิปราย ลงสมดุ บนั ทกึ จากนนั้ ครูถามนกั เรียนวา ท่ีส�าคัญ เน่ืองจากข้ันตอนก่อนการประเมินคุณค่าของ ผลงาน หรือก่อนการประเมนิ เพอ่ื ตดั สินผลงานจะตอ้ งให้ • การประเมินงานทศั นศิลปมปี ระโยชน ผเู้ รยี นไดฝ้ ก การวจิ ารณผ์ ลงานกอ่ น ซงึ่ การวจิ ารณผ์ ลงาน ตอ การศกึ ษาวิชาศลิ ปะอยา งไร ทางทัศนศิลป์เพ่ือการประเมินน้ัน จะท�าให้ผู้เรียนรู้จัก (แนวตอบ เน่อื งจากผลงานทัศนศลิ ปใ น การคิดและวิเคราะห์ผลงานอย่างมีเหตุผล ซ่ึงจะท�าให้ ปจจบุ ันมรี ปู แบบทีแ่ ปลกใหม หรอื เปน เกิดความรู ้ ความเข้าใจ ตามประสบการณ์ของแตล่ ะคน การสัมผัสรับรูผลงานศิลปะจากตนแบบจริง มีสวนชวยใหเขาใจ นามธรรมมากข้นึ ซ่ึงดูไดย าก การศกึ ษา ขณะเดียวกันก็มีผลงานทัศนศิลป์อีกหลากหลายประเภท รปู แบบ เนือ้ หา และเทคนิคในการสรางสรรคง านของศลิ ปน ไดดีขึน้ เกี่ยวกบั การวจิ ารณง านทศั นศลิ ปจงึ เปน ท่ีสามารถน�ามาเป็นตัวอย่างในการฝกหัดวิจารณ์เพ่ือการประเมินได้ดี และง่ายต่อการท�าความเข้าใจ โดยเฉพาะ ข้นั ตอนแรกท่ีจะนาํ ไปสคู วามเขาใจในการ ผลงานทศั นศลิ ป์ในปจ จบุ นั จะมรี ปู แบบทแ่ี ปลกใหม ่ หรอื เปน็ นามธรรม ซง่ึ อาจดยู ากเนอื่ งจากไม่ใชร่ ปู แบบทส่ี ามารถ ชมผลงานทัศนศลิ ปในระดบั ทส่ี ูงข้นึ ไป) ส่ือความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายน่ันเอง ดังน้ัน การได้ฝกวิจารณ์งานทัศนศิลป์ จึงเป็นข้ันตอนแรกท่ีจะน�าไปสู่ ความเข้าใจในการชมผลงานทัศนศิลป์ในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ ต่อไป ขยายความเขา ใจ E×pand เกร็ดศลิ ป แงค ิดในการวิจารณ 1. ใหนกั เรยี นรวมกนั เพ่ิมเตมิ หลักเกณฑการ การวจิ ารณ ์ เปน็ การแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ สง่ิ หนงึ่ สง่ิ ใดตามความร ู้ ความเขา้ ใจ ประเมนิ งานทัศนศิลปนอกเหนอื จากทมี่ ใี น ตลอดจนจากประสบการณ์ของผู้วิจารณ์ พร้อมท้ังให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมต่อส่ิงที่ หนงั สือเรยี น พรอ มอธบิ ายวธิ กี ารพจิ ารณา พบเห็น ไมว่ ่าจะเป็นการชนื่ ชม หรือกลา่ วช้ีแนะตอ่ ผลงานน้ัน ทง้ั น้ี การวิจารณจ์ ะ ผลงานตามหลักเกณฑที่เพิ่มเติมขนึ้ มา ต้องมีเหตผุ ล เป็นการชว่ ยชแ้ี นะเพอ่ื ปรบั ปรุงผลงานท่เี กิดจากการสรา้ งสรรคน์ ั้นๆ ประกอบดว ย แลวสรุปลงสมดุ บันทึก ให้สมบูรณ์ยง่ิ ขน้ึ ดว้ ยความสจุ รติ ใจ สงครูผูสอน ศาสตราจารยศ์ ิลป์ พีระศรี กลา่ ววา่ “การวจิ ารณ์ท่ีถกู ต้องถ่องแทเ้ รื่องศลิ ปะ เปน็ สง่ิ ทยี่ ากทส่ี ดุ ถา้ จะกลา่ วโดยทว่ั ไปในการวจิ ารณ์ไมค่ วรดว่ นวนิ จิ ฉยั เมอื่ ไดเ้ หน็ 2. ใหนักเรียนแบงกลุม กลมุ ละ 5-6 คน เปน็ ครัง้ แรก” ทํารายงานเกีย่ วกับการประเมนิ งานทศั นศิลป ตามประเดน็ ทค่ี รูกําหนดให ดงั นี้ • ความหมายและจดุ ประสงคข องการวิจารณ ผลงานทศั นศลิ ป • คุณสมบตั ขิ องผูวิจารณผ ลงานทศั นศิลป • หลกั เกณฑก ารพจิ ารณาเพ่อื ประเมนิ ผลงาน ทศั นศิลป • ประโยชนข องการประเมนิ งานทศั นศลิ ป ทัง้ นใี้ หแ ตล ะกลมุ หาภาพประกอบ และ ตกแตง รูปเลม รายงานใหสวยงาม สงครผู สู อน 10๓ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู การประเมินงานทัศนศิลปม ปี ระโยชนอ ยา งไร ครูแนะนาํ ใหน ักเรยี นศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกบั ศพั ทท างศลิ ปะและศพั ทท ใี่ ชสาํ หรับ แนวตอบ การประเมนิ งานทัศนศิลปม ีประโยชนท ั้งตอผูสรา งสรรค วิจารณงานศิลปะจากแหลง เรียนรูต างๆ เชน หนังสือพจนานุกรมศัพทศ ิลปะ ผลงานศลิ ปะ ผูช มผลงาน และตอแวดวงศิลปะ กลาวคือผสู รางสรรค ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน หรอื จากเวบ็ ไซตทางอนิ เทอรเ น็ต ซ่งึ รวบรวมขอมลู เกี่ยวกับ จะไดท ราบขอดี จุดท่คี วรแกไ ขปรบั ปรงุ เสมือนมีกระจกมาชวยสะทอน ศพั ทเ ฉพาะทางศลิ ปะไว เปน ตน เพอ่ื ประโยชนใ นการสรา งความเขา ใจและ งานของตนวาเปน อยางไร ไดรแู นวคิด เทคนคิ วิธกี ารท่ีจะนาํ ไปใชใ น การวจิ ารณงานศลิ ปะตอ ไป การพัฒนาผลงาน ผูชมก็จะไดค วามรู ชมผลงานดว ยความเขาใจ ไดเ หน็ มมุ มองใหมๆ มโี อกาสเขา ถึงและเกิดความซาบซงึ้ ในผลงานศิลปะได บูรณาการอาเซยี น มากข้นึ สําหรับแวดวงศิลปะจะทําใหมีการเคลือ่ นไหว ยกระดบั ผลงาน ศลิ ปะไดดยี ิ่งๆ ขึน้ มกี ารพัฒนาข้ึน รวมทงั้ ยังชว ยกระตุนใหผ ูคนในสังคม การศึกษาเก่ียวกับหลักการประเมินงานทัศนศลิ ปส ามารถบูรณาการอาเซยี นได หนั มาชนื่ ชมผลงานศิลปะมากข้นึ โดยครนู ําผลงานทศั นศลิ ปของศลิ ปนที่มีชื่อเสยี งในอาเซยี นมาใหน กั เรียนดู แลวฝก ประเมินผลงานตามหลกั เกณฑการประเมินงานทัศนศิลปท่ีไดศ กึ ษามา ซ่งึ นอกจาก นักเรียนจะไดฝ กการประเมนิ ผลงานทัศนศิลปแลว นักเรยี นยงั ไดมีโอกาสศึกษา ผลงานศลิ ปะของศลิ ปน ชาตติ า งๆ ในกลมุ ประเทศสมาชกิ อาเซยี นประกอบกนั ไปดว ย คมู ือครู 103
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูพจิ ารณาจากรายงานการประเมินผลงาน กิจกรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๘.๑ ทศั นศลิ ปข องนกั เรยี น โดยพจิ ารณาดา นความถกู ตอ ง และความสวยงาม กจิ กรรมท่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นหาตวั อยา่ งการวจิ ารณง์ านทศั นศลิ ป์ ๑ เรอ่ื ง ของนกั วจิ ารณท์ ม่ี ชี อื่ เสยี งเปน็ ทยี่ อมรบั แล้วนา� มาวเิ คราะห ์ ประเมินงาน และสรุป น�าส่งครผู ู้สอน โดยให้ตวั อยา่ งแหลง่ ทีม่ าของข้อมูล หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ไว้ด้วย รายงานการประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ป กจิ กรรมท่ ี ๒ ให้นักเรียนทดลองน�าภาพของศิลปินต่างๆ มาวิจารณ์และประเมินภายในชั้นเรียน โดยอาศัย หลกั วชิ าทางศลิ ปะที่ได้เรยี นมา กิจกรรมท ่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี การประเมนิ งานทัศนศิลป์มีความสา� คัญต่อการสรา้ งสรรค์ผลงานทางศลิ ปะอยา่ งไร สรุป การฝึกหัดวิจารณ์และประเมินผลงานทัศนศิลป์ โดยใช้หลักการสำาคัญ คือ การมี ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อความหมายของภาพและข้อมูล โดยอาศัยหลักการออกแบบงานทัศนศิลป์ ที่มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล และเจตคติในการปฏิบัติงานเป็นแนวทางสำาคัญ ซ่ึงหลักการน้ีสามารถนำาไปใช้ประเมินงานทัศนศิลป์ท้ังของตนเองและของผู้อื่นได้ ซ่ึงจะสามารถทำาให้ ทราบวา่ ผลงานทศั นศลิ ปน์ น้ั มสี งิ่ ใดทที่ าำ ไดด้ แี ละมสี ง่ิ ใดทคี่ วรแกไ้ ขปรบั ปรงุ บา้ ง หลกั การดงั กลา่ วจะชว่ ย ให้สามารถพัฒนาส่ิงท่ีดีให้ดีย่ิงข้ึน รวมถึงแก้ไขปรับปรุงส่ิงท่ีบกพร่องให้ดีข้ึนด้วย และเป็นการพัฒนา ผลงานทศั นศิลปใ์ ห้มีคุณภาพดขี น้ึ เร่ือยๆ นอกจากนี้ ประสบการณท์ ีไ่ ด้จากการวิจารณ์และประเมินงานจะเปน็ ประโยชน์อยา่ งมาก เมือ่ ผเู้ รยี น ได้มีโอกาสไปชมนิทรรศการทางศิลปะที่จัดแสดงตามสถานท่ีต่างๆ จะช่วยทำาให้เกิดความเข้าใจ และ เกดิ ความรู้สึกชน่ื ชมในคุณคา่ ของผลงานศิลปะเหลา่ น้นั มากย่งิ ข้นึ 104 แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏบิ ัติ 8.1 กิจกรรมท่ี 3 การประเมนิ งานทศั นศิลปมีความสําคญั อยา งมากตอ การสรางสรรคผ ลงานทางศิลปะ เพราะผูสรางสรรคงานศลิ ปะจะได มีโอกาสแสดงแนวความคิดใหมๆ ของตนเอง และรับทราบแนวความคดิ ของผูอน่ื เพื่อนาํ ไปปรบั ปรุง แกไข พฒั นาผลงาน ของตนเองใหด ยี ง่ิ ขน้ึ เกดิ พลงั การสรา งสรรคผ ลงานศลิ ปะชน้ิ ตอ ไป จนนาํ ไปสผู ลงานทางศลิ ปะทม่ี ปี ระโยชนต อ สว นรวมมากยงิ่ ขน้ึ 104 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. ระบแุ ละบรรยายเก่ียวกบั ลักษณะรปู แบบ งานทัศนศลิ ปของชาตแิ ละของทองถิน่ ตนเอง จากอดตี จนถงึ ปจจบุ ัน 2. ระบแุ ละเปรียบเทียบงานทัศนศิลปของ ภาคตา งๆ ในประเทศไทย สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท ักษะชีวิต ๙หนว่ ยท่ี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ทัศนศิลปข์ องชาติและท้องถ่ิน 1. มวี ินยั 2. ใฝเรยี นรู 3. มงุ ม่นั ในการทํางาน 4. รกั ความเปน ไทย กระตนุ ความสนใจ Engage ตัวช้วี ัด สังคมไทยมีพัฒนาการที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อน ครูใหนกั เรียนดูภาพวาดประเพณีวัฒนธรรม ศ ๑.๒ ม.๑/๑-๒ ของภาคตางๆ ในประเทศไทย แลวใหนักเรียน ประวัตศิ าสตร์จนถึงสมัยปัจจุบนั เห็นไดจ้ ากหลกั ฐานทาง ชว ยกนั แสดงความคิดเห็นวา ภาพวาดประเพณี ■ ระบุและบรรยายเกย่ี วกบั ลักษณะรูปแบบงานทัศนศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดที ปี่ รากฏตามแหลง่ อารยธรรม ของแตละภาค มีความเหมือนหรอื แตกตา งกัน ของชาตแิ ละของทอ้ งถ่ินตนเองจากอดีตจนถึงปจั จุบัน ในภูมิภาคต่างๆ ที่มีการค้นพบทรัพยากรทางวัฒนธรรม อยางไร หรอื “ผลงานทศั นศลิ ป”์ เปน็ จำานวนมากท่ีกระจายอยู่ ■ ระบแุ ละเปรยี บเทียบงานทัศนศิลปข์ องภาคต่างๆ ปัจจัยท่ีทำาให้งานทัศนศิลป์ของไทยมีความแตกต่างกัน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ในประเทศไทย ไดแ้ ก่ สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ ศาสนา ความเชอื่ และ ไดอ ยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา สภาพภมู ศิ าสตร สังคมวัฒนธรรมในแต่ละพื้นท่ี ซ่ึงล้วนแล้วแต่ทำาให้เกิดรูปแบบ ประวัตศิ าสตร ศาสนา ความเช่อื ประเพณี สังคม สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ผลงานที่เป็นลักษณะเฉพาะของชาติและท้องถิ่นตามลำาดับ ซ่ึงเป็น และวัฒนธรรม ลวนเปนปจจัยที่ทาํ ใหงานทัศนศลิ ป สงิ่ ท่ีคนในท้องถ่นิ และคนในชาตคิ วรภาคภูมใิ จเปน็ อย่างย่งิ ภาคตา งๆ ของไทยมีความแตกตางกัน) ■ ลกั ษณะ รปู แบบงานทัศนศิลปข์ องชาติและท้องถิ่น ■ งานทศั นศลิ ป์ภาคต่างๆ ในประเทศไทย 105 เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรยี นรนู ี้ ครผู สู อนควรใหนกั เรียนไดศกึ ษางาน ทัศนศลิ ปของชาติและของทองถ่ินจากผลงานจริง หรือศึกษาจากภาพตวั อยา ง ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทตา งๆ ของไทย ทงั้ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปต ยกรรม เพอื่ ใหนักเรยี นไดรูจ กั สงั เกต เปรียบเทียบ และอธิบายลกั ษณะความแตกตา งของ งานทศั นศลิ ปของชาตแิ ละของทอ งถ่ินของตนไดอยา งถูกตองตามหลกั เกณฑ คูมอื ครู 105
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหนักเรยี นดภู าพจิตรกรรมฝาผนัง ñ. ลกั ษณะรูปแบบงานทศั นศลิ ป์¢องªาµิ เรอื่ งรามเกียรต์ิ บนระเบยี งพระอโุ บสถ วดั พระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร งานทัศนศิลป์ของชาติ หมายถึง ศิลปะที่ถูกถ่ายทอดและสร้างข้ึนโดยช่างจากราชส�านักหรือช่างหลวง ในหนังสอื เรยี น หนา 106 แลว ใหนกั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ลักษณะรูปแบบของ โดยมีรูปแบบทีแ่ ตกต่างกนั ไปตามลักษณะของการใช้สื่อ วัสดุ กรรมวิธี ช่วงเวลา และพัฒนาการทางศลิ ปะในแตล่ ะ ผลงานดังกลาวอยา งอสิ ระ ยคุ สมัย ท่มี ลี ักษณะและรปู แบบในอดุ มคติ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณข์ องความเปน็ ไทย ซงึ่ สามารถวเิ คราะห์ ได้จากผลงานทศั นศิลป์ในแตล่ ะประเภท ดงั นี้ ๑.๑ จิตรกรรม สาํ รวจคน หา Explore 1 จิตรกรรม คือ การแสดงออกดว้ ยการใช้สี โดยท่วั ไปมลี ักษณะทางกายภาพเปน็ ๒ มติ ิ การแสดงออก ใหนักเรยี นศึกษา คน ควา เก่ยี วกับงานทัศนศิลป ของผลงานจะใช้สีหรือท�าด้วยกรรมวิธีอื่นๆ ให้เกิดภาพบนแผ่นวัสดุหรือบนพ้ืนผิวของวัสดุ อาคารสถานที่ มิติลึก ของชาติ ในประเดน็ ดา นความหมายและประเภท ของผลงานทศั นศิลป จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หรือระยะของภาพที่ปรากฏในงานจติ รกรรมมักจะเป็นมติ ิลวง หนงั สอื เรียน หองสมุด อนิ เทอรเน็ต เปนตน ๑) ลักษณะของจิตรกรรมไทย ในสมัย โบราณงานจิตรกรรมหรือภาพเขียนสีของไทยจะนิยม เขยี นข้นึ เพอื่ เป็นพุทธบชู าตามผนงั โบสถ์ วหิ าร ศาลา- การเปรยี ญ ในคหู าองค์พระปรางค์ พระสถปู เจดยี ์ และ ที่ผนังถ�้า มีจุดประสงค์เพ่ือต้องการเล่าเรื่องพุทธประวัติ หรือเรอื่ งราวทางศาสนาด้วยภาพ ๒) ประเภทของจติ รกรรม ไทย แสดงภาพดว้ ยการวาดเสน้ 2จิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรต์ิ บนระเบียงรอบพระอุโบสถ และระบายสลี งบนแผน่ ผวิ เรยี บ วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม กรงุ เทพมหานคร รปู ทรงทปี่ ระกอบจากเสน้ สีบนแผ่นผิวเรียบ ซึ่งมีเน้ือท่ีเพียงความกว้างและความยาว เช่น เขียนไว้บนผนัง เรียกว่า “จิตรกรรมฝาผนัง” เขียนบนผืนผ้า เรียกว่า “พระบฏ” เขียนบนกระดาษ ทับซ้อน เรียกว่า “จติ รกรรมสมดุ ภาพ” เปน็ ต้น ๑.๒ ประตมิ ากรรม ประติมากรรม คือ งานทัศนศิลป์ที่แสดงด้วยรูปทรงท่ีมีลักษณะ ทางความงาม มีคุณสมบัติในการสะเทือนอารมณ์ หรือกระตุ้นความคิด โดยท่ัวไปเป็นภาพแบบ ๓ มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และ ความหนา อาจผลิตดว้ ยวธิ ีการป้ัน การหล่อ การแกะสลกั ซ่ึงรจู้ ักกัน ในชื่อของรูปปัน้ รูปหล่อ และรปู แกะสลกั พระพทุ ธชินราช เป็นพทุ ธศิลป์ทีม่ คี วามงดงามมาก ปฏมิ ากรผ้สู ร้าง ย่อมมคี วามศรทั ธาในพระพุทธศาสนาอย่างเปยมลน้ 10๖ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดเปน การสรปุ ลักษณะผลงานทัศนศลิ ปของชาตไิ ทยไดถ กู ตองทส่ี ุด 1 ลกั ษณะทางกายภาพ หมายถงึ ลักษณะของสง่ิ แวดลอมทางธรรมชาตทิ ่มี อี ยู 1. แตล ะสมัยมรี ูปแบบเปนเอกลักษณเฉพาะ รอบตัว ไดแ ก พน้ื ดิน แหลง น้ํา อากาศ ตนไม และสง่ิ มชี ีวิตตา งๆ 2. ทกุ สมัยมรี ูปแบบท่ีไมแตกตา งกนั มาก 2 จิตรกรรมฝาผนัง เปนการวาดบนฝาผนงั ของวดั หรือวงั เพ่อื ชวยทําใหฝ าผนงั 3. เทคนคิ และวัสดทุ ใ่ี ชทุกสมยั จะเหมอื นกนั ท่โี ลงวา งเปลาดสู วยงามมีชวี ติ ชีวามากขนึ้ ซ่งึ ภาพท่ีนาํ มาวาดบนฝาผนังสว นใหญ 3. บางสมัยจะไมนิยมสรา งงานทศั นศิลป จะเกย่ี วของกับพุทธประวัติ ชาดก เหตุการณสําคัญทางพระพทุ ธศาสนา ไตรภูมิ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ผลงานทศั นศิลปของไทยในแตละสมัย รองลงมาก็จะเปนเรื่องราวในวรรณคดี เหตุการณสาํ คญั ของบา นเมอื ง จะมคี วามแตกตา งกนั ไมวาจะเปนรูปแบบ เทคนิค วัสดุอปุ กรณท่ใี ช การดําเนนิ ชวี ติ ของผูคนในทองถิ่น ลกั ษณะภาพทีว่ าดโดยมากกจ็ ะใชภาพลายเสน แนวคดิ เชน สมยั สโุ ขทยั กบั สมัยรัตนโกสนิ ทรจะมคี วามแตกตา งกัน ลกั ษณะภาพแบน ไมเนน ภาพเหมอื นจรงิ ใชสีเอกรงค มงุ สือ่ ความหมาย อยางเหน็ ไดช ัด ซงึ่ ความแตกตางนี้เอง เราไดน ํามาใชเ ปน หลกั ฐาน และเปน หรอื บอกเลาเรือ่ งราวเปน หลัก เกณฑในการจัดหมวดหมแู ละแบง แยกยุคสมัย เพื่อใหเห็นพฒั นาการ ของงานทัศนศิลปข องชาติ และเพ่อื สะดวกแกการศกึ ษาทาํ ความเขา ใจ 106 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เกรด็ ศลิ ป ประตมิ ากรรมและปฏมิ ากรรม 1 ใหน ักเรยี นรวมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั รูปแบบ งานทศั นศลิ ปของชาตติ ามทไี่ ดศ ึกษามา จากนั้น ค�าท่ีใช้เรยี กผลงานทัศนศลิ ป์ด้วยวธิ กี ารป้ัน การหลอ่ หรือการแกะสลกั จนเกดิ ใหน ักเรียนสรุปความหมายและลักษณะรูปแบบ เป็นรูปทรง ๓ มิติ มีใช้อยู่ ๒ ค�า ได้แก่ “ประติมากรรม” และ “ปฏิมากรรม” งานทัศนศลิ ปข องชาติ ลงสมดุ บนั ทึก ค�าทั้ง ๒ คา� มีความหมายและการนา� ไปใชท้ ี่ต่างกัน กล่าวคอื คา� แรกใช้เรยี กผลงาน แลวถามนกั เรยี นวา ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการปน้ั หรอื การแกะสลักโดยทวั่ ไป สว่ นคา� หลงั ใช้เรียกผลงานที่เป็น พระพุทธรปู เทา่ น้นั • งานทศั นศลิ ปข องชาตหิ มายถึงงาน ทศั นศิลปประเภทใดบาง จงอธิบาย ๑) ลกั ษณะของประตมิ ากรรมไทย เปน็ ทศั นศลิ ปแ์ ขนงหนง่ึ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งทง้ั ทางตรงและทางออ้ มกบั งาน (แนวตอบ งานทศั นศลิ ปของชาติ เปน งาน ศลิ ปะท่ีถกู ถายทอดและสรางข้นึ โดยชา ง สถาปตั ยกรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งโดยตรง ไดแ้ ก่ ประตมิ ากรรมทสี่ รา้ งขน้ึ เพอ่ื การตกแตง่ สถาปตั ยกรรม เชน่ ลวดลายประดบั จากราชสาํ นักหรอื ชา งหลวง โดยรปู แบบจะ แตกตา งกนั ไปตามลกั ษณะของการใชส่ือ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางอ้อม ได้แก่ ประติมากรรมที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ท้ังด้านเน้ือหา วัสดุ กรรมวธิ ี และพัฒนาการทางศลิ ปะใน แตล ะยคุ สมัย ตลอดจนอดุ มคติของ รปู ทรง และการแสดงออก เชน่ พระพุทธรูปท่ีประดิษฐานอยภู่ ายในพระอุโบสถ วหิ าร เป็นตน้ ผสู รางสรรคผ ลงาน แตงานศลิ ปะทุกชิน้ ๒) ประเภทของประติมากรรมไทย เป็นผลงานศลิ ปกรรมแขนงหนงึ่ ทีเ่ กดิ ขึน้ จากฝมอื ความคิด และ ลว นสะทอนใหเหน็ ถงึ เอกลักษณข อง ความเปน ชาตไิ ทย ซึง่ งานทศั นศิลปข องไทย ขควนาบมธสรารมมาเนปรถยีระขมตอิมปงคารกะนเรไพรทณมยแี สตบรล่งา้ อองดอขจก้ึนนเดปสว้ ็นรยา้ วง๓ตั ขถ้นึ ปุชตรนาะิดมสคงตคตาต์ินมา่ิยมงมๆ2ิตขิสกอัมันงชผเุมัสชชน่3นคคือหวราอืรมูปทศท้อรงรัทถงธน่นิ าูนตเข่อปึ้นศน็ จาตสา้นกนแาผค่นวหามลังเชเล่อื ็กทนา้องไยสยเศรียาสกตวร่า์ แบงออกไปไดเปน 3 ประเภทหลกั ๆ คือ งานจิตรกรรม งานประติมากรรม และ “ประติมากรรมนูนตํา่ ” หากรูปทรงนนู ขึน้ จากแผ่นหลังมาก แตย่ ังตดิ อยูบ่ นแผ่นหลงั เรยี กวา่ “ประตมิ ากรรมนนู สงู ” งานสถาปตยกรรม) ชนิดสุดท้าย คือ ประติมากรรมท่ีไม่ติดอยู่กับแผ่นหลัง สามารถดูประติมากรรมชนิดน้ีได้โดยรอบ เรียกว่า • นักเรียนชนื่ ชอบหรือสนใจงานทัศนศิลป ของไทยลักษณะใดมากท่ีสุด เพราะเหตุใด “ประตมิ ากรรมแบบลอยตัว” (แนวตอบ นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นได ๑.๓ สถาปัตยกรรม อยางอสิ ระ) สถาปตั ยกรรม คอื งานทัศนศลิ ป์การก่อสรา้ ง ซึ่งความงามเกิดจากลักษณะรูปทรง การจัดท่ีว่างท้ัง ภายนอกและภายในเป็นงานประเภท ๓ มติ ิ เชน่ เดยี วกับ ประติมากรรม แต่ต่างกันตรงที่สถาปัตยกรรมเป็นส่ิงท่ี สร้างข้ึนด้วยวิธีการก่อสร้าง และไม่นิยมสร้างรูปทรง เลยี นแบบสง่ิ มชี วี ติ จดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งเพอ่ื การใชส้ อย เป็นหลัก สถาปัตยกรรมที่ถึงพร้อมด้วยคุณลักษณะทาง 4พระท่ีน่ังจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง จัดเป็น ทัศนศิลป์จะเป็นงานศิลปะแท้ท่ีสร้างความประทับใจแก่ ผู้ชมได้ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระท่ีนั่งจักรี- สถาปัตยกรรมท่ีรับอิทธิพลของศิลปะตะวันตก ท่ีเข้ามาในสมัย มหาปราสาท เปน็ ต้น รัชกาลท่ ี ๕ 107 ขอสอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั ลักษณะเดน ของจติ รกรรมไทย 1 ปฏมิ ากรรม หมายถึง รปู เปรียบเทียบหรือรปู แทนองคพ ระพทุ ธเจาหรอื ขอ ใดไมใชลกั ษณะเดนของจิตรกรรมไทย พระพุทธรูป เรยี กวา พระพทุ ธปฏมิ า หรือพระพุทธปฏมิ ากร เชน พระพุทธมหา- 1. เปน ภาพเขยี นแบบสองมิติ มณีรัตนปฏมิ ากร เปนตน 2. แสดงความรูส กึ ของภาพดว ยเสนและทา ทาง 2 คตนิ ยิ ม คอื แบบอยางความคิดเหน็ ความเช่ือ หรือวิธกี ารคดิ เปนลกั ษณะ 3. แสดงความแตกตา งระหวา งบคุ คลดว ยสี กลุมชน เชน คตินิยมของกลุม อาชีพ คตินยิ มทางศาสนา คตนิ ยิ มทางการเมือง 4. แสดงจุดสนใจโดยคํานึงถึงสัดสวน 3 มิตสิ มั ผัส สง่ิ ทบ่ี อกคุณสมบัตขิ องวัตถุ ในเรื่องความกวาง ความยาว และ ความสูง วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. จิตรกรรมไทยมลี ักษณะเดน คือ 4 พระทน่ี งั่ จกั รีมหาปราสาท รูปแบบของสถาปต ยกรรมจะผสมผสาน ระหวา งศลิ ปะไทยกับศิลปะตะวันตก โดยตัวอาคารจะสรา งแบบตะวันตก เปนภาพเขยี นแบบสองมิติ แสดงความรสู กึ ของภาพดวยเสน และทา ทาง แตบ รเิ วณหลงั คาจะมกี ารประดบั ยอดมณฑปไวเบื้องบนตามแบบศิลปะไทย แสดงความแตกตางระหวา งบคุ คลดวยสี แสดงจดุ สนใจโดยไมค าํ นึงถึง จงึ มผี เู ปรียบเทียบพระที่นง่ั องคนว้ี า เปรยี บเสมอื น “ฝรงั่ สวมชฎา” สัดสว น ดังน้นั ขอ 4. จึงไมใ ชล ักษณะเดนของจิตรกรรมไทย คมู อื ครู 107
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหน กั เรยี นดูภาพสมยั กอ นประวัติศาสตร ๑) ลักษณะของสถาปัตยกรรมไทย ไทยเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมในการสร้างอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ และสมยั ประวัตศิ าสตรข องทอ งถ่ินในภูมิภาคตางๆ ของประเทศไทย เชน ภาพเขยี นสีเลาเรอ่ื งขบวน เฉพาะมาแตโ่ บราณ ดงั จะเหน็ ได้จากสงิ่ กอ่ สรา้ งต่างๆ เชน่ ปราสาท สถูป เจดีย์ พระปรางค์ โบสถ์ วหิ าร บา้ นเรือน แหผะเหวดทีส่ มิ วดั สนวนวารพี ัฒนาราม จังหวัด เปน็ ตน้ ซงึ่ อทิ ธพิ ลทท่ี า� ใหเ้ กดิ ลกั ษณะเฉพาะทางสถาปตั ยกรรมไทยนน้ั ไดแ้ ก่ อทิ ธพิ ลทางดา้ นศาสนาและวฒั นธรรม ขอนแกน ภาพบานเรือนของคนไทยภาคตา งๆ ตลอดจนอิทธิพลทางดา้ นสภาพดนิ ฟ้าอากาศ และวสั ดทุ ีใ่ ช้ในการกอ่ สร้าง นอกจากนี้ จะเห็นไดว้ ่าลักษณะรูปแบบ เปนตน แลวใหนกั เรยี นรว มกันแสดงความคดิ เห็น ของสถาปตั ยกรรมไทยประเภททีไ่ ด้รับอทิ ธพิ ลศาสนา และวฒั นธรรม เชน่ สถูป เจดยี ์ พระปรางค์ เปน็ ตน้ รูปแบบ เกี่ยวกบั ลกั ษณะรูปแบบงานทศั นศลิ ปท อ งถนิ่ จะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสถาปัตยกรรมที่สร้างให้สอดคล้องกับสภาพดินฟ้าอากาศ เช่น อาคาร บ้านเรือน เป็นต้น ท้ังน้ี เนอ่ื งจากอทิ ธิพลทางศาสนาและวัฒนธรรม ประเทศไทยได้รับอิทธพิ ลจากหลายแหล่งจึงท�าใหร้ ปู แบบ สาํ รวจคน หา Explore สถาปตั ยกรรมทางศาสนา มีลักษณะหลากหลายตามแหลง่ ทีม่ าดว้ ย ใหนกั เรียนศึกษา คน ควาเกย่ี วกับความหมาย ๒) ประเภทของสถาปตั ยกรรมไทย สามารถจา� แนกไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท ตามลกั ษณะการใชพ้ น้ื ท่ี ไดแ้ ก่ และลกั ษณะรูปแบบงานทศั นศิลปทองถิ่น จาก แหลง เรียนรูต า งๆ เชน หนงั สอื เรียน หอ งสมดุ • สถาปัตยกรรมแบบเปิด ซ่งึ หมายถงึ สง่ิ ก่อสร้างทีใ่ ช้ประโยชนจ์ ากพืน้ ท่ีภายใน สามารถเข้าไปอยู่ อินเทอรเนต็ เปน ตน อาศัยในตวั อาคารนัน้ ๆ ได้ เชน่ โบสถ์ วิหาร บา้ นเรอื น เปน็ ต้น • สถาปัตยกรรมแบบปิด เป็นส่ิงก่อสร้างท่ีไม่ได้เว้นที่ว่างภายในตัวอาคารส�าหรับเข้าไปอยู่อาศัย ส่วนใหญ่จะมีรปู ทรงเป็นแท่ง เป็นก้อนทึบตัน เช่น เจดยี ์ พระปรางค์ อนสุ าวรีย์ เปน็ ตน้ ๒. ลกั ษณะรูปแบบงา1นทัศนศิลปท์ ้องถ่นิ งานทัศนศิลป์ท้องถิ่น หมายถึง ศิลปกรรมในสาขาภูมิปัญญาไทยทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ท่ีเป็นผลงานสร้างสรรค์ของท้องถิ่นที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ได้คิดประดิษฐ์ข้ึนมาเป็น เอกลกั ษณข์ องตนเอง ซงึ่ สามารถวิเคราะหไ์ ดจ้ ากผลงานทัศนศลิ ปใ์ นแต่ละประเภทได้ ดงั น้ี ๒.๑ จิตรกรรมท้องถนิ่ จิตรกรรมท้องถิ่น คือ ผลงาน การวาดภาพ ระบายสีลงบนพ้นื ที่ตา่ งๆ ตาม ความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้าน ที่มีลักษณะ เรยี บงา่ ย ไมแ่ สดงรายละเอยี ด แตแ่ สดงออก ถึงความทรงจ�า ตลอดจนแรงบนั ดาลใจจาก สงิ่ ทเ่ี คยพบเหน็ ในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ผ่านทางภาพวาดจิตรกรรมในลักษณะต่างๆ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมประกอบ เครอ่ื งใช้ จติ รกรรมประเภทเคร่ืองเล่นต่างๆ และจิตรกรรมที่เกิดจากความศรัทธาทาง ศาสนา เป็นตน้ ภาพเขยี นส ี (ฮูปแตม้ ) เลา่ เรื่องราวขบวนแหผ่ ะเหวด แทรกอยู่ในชาดกเร่ืองเวสสนั ดร ท่สี ิมวดั สนวนวารพี ัฒนาราม จงั หวดั ขอนแก่น 108 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดไมใ ชลักษณะของการสรา งสรรคง านทศั นศิลปท อ งถ่ิน ครอู าจอธิบายเสริมวา ทศั นคตคิ วามงามของผคู นในแตล ะทอ งถ่นิ รวมถึงผูคน 1. ใชว ัสดุทหี่ าไดงายในทองถิน่ ในทอ งถิน่ เดียวกัน แตตา งยุคสมัยกนั ทัศนคตเิ กย่ี วกับความงามก็อาจจะตางกัน 2. รปู แบบทาํ ตามที่นยิ มในทองถ่ิน ดงั นัน้ เราจึงไมค วรสรปุ วา ผลงานของทอ งถิน่ ใดงามกวาทอ งถนิ่ ใด แตควรศกึ ษาวา 3. สว นใหญเกยี่ วของกบั ศาสนา ผลงานของแตละทองถนิ่ เปน แบบใด หรือมลี กั ษณะเดนอยา งไร 4. มกั ใชชางหลวงในการจดั สรา ง วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. งานทศั นศิลปทองถิ่น ในการจดั สรางจะใช นกั เรยี นควรรู ชางทอ งถ่นิ ทัง้ นเ้ี พอ่ื ตอ งการถายทอดรปู แบบ วธิ ีการ เทคนิคท่ที อ งถ่นิ น้ัน ยึดถือเปน แบบปฏิบัตเิ อาไว และเพือ่ ใหเปนเอกลกั ษณของทองถนิ่ สําหรบั 1 งานทัศนศิลปท อ งถน่ิ ปจจยั สาํ คัญที่มผี ลตอ ลักษณะรปู แบบของ ชา งหลวงจะใชส รา งงานทศั นศิลปส าํ หรับราชธานีหรอื ราชสํานัก ซ่งึ จะมี ทศั นศิลปท อ งถ่นิ กค็ อื สภาพแวดลอมทางธรรมชาติ ขนบธรรมเนยี มประเพณี ความประณตี และรูปแบบในการสรา งสรรคผลงานจะเปนอกี แบบหนงึ่ วฒั นธรรม วิถกี ารดํารงชวี ติ ของผคู น ศาสนา ลัทธคิ วามเช่อื อิทธิพลจากภายนอก 108 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๒ ประติมากรรมทอ้ งถิ่น 1. ใหน กั เรยี นรวมกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั รูปแบบ งานทศั นศิลปท องถน่ิ ตามทไ่ี ดศ กึ ษามา ประติมากรรมทอ้ งถิ่น คือ ผลงานที่เกดิ จากการปัน้ การแกะสลัก การหลอ่ โดยครใู หน ักเรยี นสรปุ ความหมายและลักษณะ การกลงึ การดนุ การทุบตี การเคาะ ซึง่ ผลงานจากการสร้างสรรค์ในแตล่ ะท้องถิ่น รปู แบบงานทศั นศลิ ปข องทอ งถนิ่ ลงสมดุ บนั ทกึ จะมคี วามแตกตา่ งกนั ดว้ ยกรรมวธิ ใี นการผลติ ซง่ึ การผลติ ผลงานสว่ นใหญจ่ ะมงุ่ ผลติ จากนน้ั ครูถามนักเรียนวา เพอื่ ประโยชนใ์ นการใชส้ อยเปน็ สา� คญั การจา� แนกลกั ษณะของประตมิ ากรรมทอ้ งถน่ิ • งานทัศนศลิ ปของทองถนิ่ มลี กั ษณะเดน สามารถจา� แนกได้ตามประเภทของวัตถุและวธิ ีการสรา้ งสรรค์ ไดแ้ ก่ งานแกะสลัก อยา งไร งานป้ัน งานกระดาษ และงานโลหะ หรอื จา� แนกตามประเภทของการใช้สอย ไดแ้ ก่ (แนวตอบ งานทศั นศลิ ปท อ งถ่นิ เปน ผลงาน ผลงานท่ีใช้ประดับบ้านเรือน ผลงานท่ีใช้ประกอบในเรื่องความเชื่อและพิธีกรรม สรางสรรคข องทอ งถิน่ ท่ีเกิดจากภูมปิ ญ ญา ต่างๆ ผลงานที่ใชป้ ระกอบการละเล่น รวมถงึ เครอื่ งประดบั ตา่ งๆ ของชาวบานท่ไี ดค ิดประดษิ ฐขึ้นมา เปน เอกลักษณของตนเอง ท้งั งานจติ รกรรม พระพุทธรูปแบบท้องถิ่น สมัยทวารวดี พบท่ีเมืองศรีมโหสถ ทองถิน่ ประตมิ ากรรมทอ งถนิ่ และ จังหวัดปราจนี บุรี สถาปตยกรรมทองถ่นิ ) ๒.๓ สถาปตั ยกรรมท้องถิน่ 2. ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุมละ 5-6 คน ใหแ ตล ะกลมุ ยกตวั อยางงานทัศนศลิ ป สถาปัตยกรรมท้องถ่ิน คือ สิ่งปลูกสร้าง ในทองถิ่นของตนเองมา 1 ผลงาน แลว เขยี น ประเภทอาคารบ้านเรือนท่ีมีลักษณะและรูปแบบตาม บรรยายถงึ ประวัตคิ วามเปน มา ลกั ษณะ ความนิยมในท้องถ่ินมีลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละภูมิภาค รปู แบบของผลงาน และความงาม มาพอสงั เขป โดยมีความสอดคล้องกับประเพณีและวัฒนธรรมของ พรอมหาภาพประกอบ โดยทําลงกระดาษ กลมุ่ คนเหลา่ นนั้ ซงึ่ สามารถจา� แนกรปู แบบสถาปตั ยกรรม รายงาน สง ครูผูสอน ท้องถ่ินได้ ๒ รูปแบบ คือ สถาปัตยกรรมทางศาสนา และสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและท่ีอยู่อาศัย เช่น สิมวัดปา แสงอรณุ อ�าเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแกน่ ภายในมคี วามวจิ ิตร บา้ นเรอื นในทอ้ งถนิ่ ประเภทเครอื่ งผกู ทใี่ ชว้ สั ดไุ มค่ งทนใน งดงามของภาพเขียนลายผ้าไหมมัดหม่ี สะท้อนให้เห็นถึงความเป็น การสรา้ ง มวี ธิ ใี นการปลกู สรา้ งงา่ ยๆ โดยการนา� วสั ดตุ า่ งๆ เอกลกั ษณข์ องท้องถิ่น มาผูกยึดเข้าด้วยกัน ประเภทเคร่ืองสับท่ีใช้วัสดุคงทน โดยน�ามาประกอบกันดว้ ยวธิ กี ารเขา้ ไม้ เปน็ ตน้ กิจกรรม ศลิ ป์ปฏิบัติ ๙.๑ กจิ กรรมที่ ๑ ให้นักเรียนแต่ละคนหาภาพผลงานทัศนศิลป์ทางด้านจิตรกรรมไทย ประติมากรรมไทย และ สถาปัตยกรรมไทยมาประเภทละ ๑ ภาพ พร้อมทั้งเขียนค�าอธิบายใต้ภาพด้วยว่า ผลงาน ดงั กล่าวเป็นงานทัศนศิลป์แบบใด และมีความน่าสนใจอยา่ งไร กจิ กรรมที่ ๒ ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ๕ คน ไปท�าการสา� รวจผลงานทัศนศลิ ปท์ สี่ �าคญั ในทอ้ งถ่นิ มา ๓ ผลงาน โดยให้บอกประวัตคิ วามเปน็ มา ลกั ษณะของผลงาน ความงาม ความโดดเดน่ พรอ้ มถา่ ยภาพ ประกอบแลว้ จดั ทา� เป็นรายงานส่งครูผู้สอน 109 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ บูรณาการอาเซยี น การศกึ ษาผลงานทศั นศลิ ปข องทองถนิ่ มคี วามสาํ คัญอยา งไร ครใู หนักเรยี นรวมกนั หาภาพผลงานทศั นศลิ ปประเภทจิตรกรรม ประตมิ ากรรม แนวตอบ จะชวยทําใหเรามคี วามรูความเขา ใจเก่ียวกับลักษณะงาน สถาปต ยกรรม ทเี่ ปนเอกลกั ษณหรือสะทอ นลกั ษณะเดน ทางศิลปะของประเทศ ทศั นศิลปท ่เี ปน ของทอ งถิน่ สามารถนําความรูไปใชในการอธิบายรปู แบบ สมาชกิ อาเซียนในแตล ะประเทศ โดยนาํ ภาพและขอมูลมาอภิปรายรวมกนั จากนน้ั งานทัศนศิลปข องทอ งถน่ิ ตนเองได รวมทั้งเปรียบเทียบงานทัศนศลิ ป ใหทาํ การเปรียบเทยี บความแตกตางและอัตลักษณข องแตล ะประเทศ ตวั อยา งเชน ของทองถน่ิ หรือในแตล ะภูมิภาคอยา งสงั เขปได ขณะเดยี วกันกจ็ ะชวยทําให ผลงานศิลปะของไทย ลาว เมยี นมา แมจ ะมีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา เรามีความรอบรแู ละภาคภมู ิใจในทองถน่ิ ของตนเองมากขนึ้ เหมอื นกัน แตก็จะมีรูปแบบทแี่ ตกตา งกนั เม่ือเห็นแลว สามารถจะระบุไดทนั ทีวา เปน ของประเทศใด บรู ณาการเชื่อมสาระ การศึกษาเกยี่ วกับรปู แบบงานทัศนศลิ ปข องชาติสามารถบรู ณาการ กบั กลมุ สาระการเรียนรสู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม วชิ าประวตั ิศาสตร ที่เนน เนอื้ หาเก่ียวกบั ประวัตศิ าสตรไทย ศลิ ปวัฒนธรรมไทยในแตละยุคสมยั คูมอื ครู 109
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หนักเรยี นดภู าพจติ รกรรมฝาผนังแบบไทย ó. §Ò¹·ÑȹÈÅÔ »Šã¹áµÅ‹ ÐÀÁÙ ÀÔ Ò¤ แนวประเพณี ซ่งึ เปนจิตรกรรมฝาผนงั ทว่ี ัดภูมินทร จงั หวัดนาน ในหนังสือเรียน หนา 110 หรอื ภาพ ประเทศไทยในแต่ละภูมิภาคมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมา และลักษณะทางสังคม อน่ื ๆ ทีเ่ ปน จติ รกรรมทอ งถน่ิ ภาคเหนอื จากน้ันให วัฒนธรรมท่ีแตกต่างกัน ปัจจัยดังกล่าวล้วนมีผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเพ่ือ นักเรียนชวยกนั หาจุดเดน ในภาพทแ่ี สดงถงึ ประโยชน์ใชส้ อย หรอื ตอบสนองความเชอ่ื ทางศาสนา และความพงึ พอใจของตนก็ตาม ซ่ึงงานทศั นศิลป์ภาคตา่ งๆ ความเปน ภาพจติ รกรรมทอ งถน่ิ ภาคเหนอื เชน ของไทย มีดงั น้ี การแตง กาย ประเพณี วฒั นธรรม การประกอบอาชพี เปนตน ๓.๑ ภาคเหนอื ภาคเหนือขทอัศงนปศริละเปท์ใศนไภทายคเ1หอนยือู่ในชห่วรงือเทวัศลนารศะิลหปว์ใ่านงสพมุทัยธเชศียตงวแรสรษนทหี่ ๑รือ๘ล-้า๒น๓นานับมเีศปูน็นยย์กุคลสามงขัยอขงอองาศณิลปาจะักไทรอยยอู่ทยา่างง สาํ รวจคน หา Explore แท้จริง ซึ่งปรากฏหลักฐานซากเมืองโบราณอยู่ริมฝังแม่น�้าโขงท่ีอ�าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อ�าเภอเมือง ใหน กั เรียนแบง กลมุ ออกเปน 4 กลุม ใหแตล ะ จงั หวดั เชยี งใหม่ และในพน้ื ท่ีบรเิ วณจังหวดั ล�าพนู โดยมีผลงานส่งิ ปลกู สร้างต่างๆ ทสี่ ะทอ้ นให้เหน็ ถงึ ความศรทั ธา กลมุ ศึกษา คนควาเกย่ี วกับงานทศั นศลิ ปในแตละ ในพระพุทธศาสนา ส่วนประติมากรรมที่พบมากจะเป็นพระพุทธรูป ซ่ึงมีความร่วมสมัยกับสมัยสุโขทัยในยุคต่อมา ภมู ภิ าค จากแหลงเรียนรูต างๆ หนังสือเรียน นอกจากนี้ ก็มีภาพเขียนบนฝาผนังท่ีมีการสร้างสรรค์กันมายาวนานแล้ว โดยเฉพาะพ้ืนท่ีของจังหวัดเชียงใหม่ใน หอ งสมดุ อนิ เทอรเน็ต เปน ตน ตามหัวขอ ทค่ี รู ปัจจุบันมีผลงานทัศนศิลป์เป็นจ�านวนมาก ทั้งท่ีได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่าและอิทธิพลจากส่วนกลาง ซึ่งผลงาน กาํ หนดให ดังน้ี ทัศนศิลป์ที่ส�าคัญของภาคเหนือ มีดังนี้ กลมุ ที่ 1 งานทัศนศลิ ปภาคเหนือ ๑) จิตรกรรม เปน็ ผลงานทีเ่ กิดขน้ึ จากการเขียนภาพระบายสีที่สะท้อนถึงเรอ่ื งราวของสังคม ประเพณี กลมุ ท่ี 2 งานทศั นศิลปภาคกลาง กลมุ ที่ 3 งานทศั นศิลปภาคตะวันออก- วัฒนธรรม และสภาพแวดลอ้ มในชว่ งสมัยทช่ี ่างกา� ลงั เขียนภาพอยู่ โดยมีเรื่องราวสะท้อนถึงเหตุการณ์ เฉยี งเหนือ ตา่ งๆ เชน่ การแตง่ กายของผคู้ น ประเพณีวฒั นธรรม กลุม ที่ 4 งานทศั นศลิ ปภาคใต การประกอบอาชีพ การใช้ชีวิตของชาวบ้านในช่วง เวลานน้ั เปน็ ตน้ ตัวอย่างจิตรกรรมแบบล้านนาท่ีโดดเด่น เช่น จิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง จังหวัด เชียงใหม่ วัดป่าแดด จังหวัดเชียงใหม่ วัดหนองบัว และวัดภูมินทร์ จงั หวดั นา่ น เป็นต้น ๒) ประติมากรรม เป็นผลงานท่ีเกิดขึ้น จากการปั้น การหล่อ และการแกะสลัก ส่วนมาก พบในบริเวณภาคเหนือตอนบน ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ พระพุทธรูปแบบล้านนามี ๒ ลักษณะ คือ “แบบลา นนารุนตน” และ “แบบลา นนารุนหลัง” จิตรกรรมฝาผนังแบบไทยแนวประเพณี (จากภาพ) จิตรกรรมฝาผนัง ที่วัดภมู ินทร ์ จงั หวัดน่าน 110 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET สวนใดของภาพท่ที ําใหผ ูชมสามารถจะ 1 ภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบดวยพน้ื ที่ 9 จงั หวดั ไดแ ก เชียงราย ประเมินไดว า ภาพนีเ้ ปนผลงานจติ รกรรมทองถน่ิ เชยี งใหม แมฮองสอน พะเยา ลําพูน ลําปาง แพร นา น และอตุ รดิตถ ลกั ษณะ ภาคเหนอื ภมู ิประเทศเปน ภเู ขาสลบั ซบั ซอ นตอเนือ่ งกันเปนทวิ เขาแนวยาว ระหวา งทิวเขา 1. ลักษณะอาคารบา นเรือน จะมีหุบเขา แองทีร่ าบที่เปนท่ตี ้ังของชมุ ชน มแี มนํ้าหลายสาย แมน ้ําสาํ คัญ เชน 2. การแตง กายของผูคน แมน้ําปง แมนํา้ นาน แมน้ํายม เปน ตน สภาพภมู อิ ากาศโดยทว่ั ไปรอ นแหง แลง 3. การจดั องคป ระกอบของภาพ ในฤดรู อน ฤดฝู นมีฝนตกชุก และหนาวเยน็ ในชว งฤดหู นาว อณุ หภูมิเฉลย่ี ประมาณ 4. การใชสีเอกรงคเ ปน หลัก 26.5 องศาเซสเซยี ส ซ่ึงสภาพแวดลอ มทางธรรมชาตเิ หลา น้ีเปนอิทธิพลสาํ คัญ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ภาพนนี้ ําเสนอเร่ืองราวทีเ่ ปนวถิ กี ารดํารง อยางหน่ึงตอการสรา งสรรคงานทศั นศลิ ป ชวี ิตของผูคน ลกั ษณะเดนทดี่ แู ลวสะดุดตา ทาํ ใหสามารถจะประเมนิ ไดว า เปน เร่ืองราวของผคู นในทองถนิ่ ภาคเหนอื ก็คอื รปู แบบของเคร่อื งแตงกาย ทรงผม ใบหนา ของผูคน ทเ่ี ปน อัตลักษณทแี่ ตกตางจากทองถิน่ ภาคอืน่ 110 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ประตมิ ากรรมแบบลา้ นนารนุ่ ตน้ จะมพี ทุ ธลกั ษณะทสี่ า� คญั คอื พระพทุ ธรปู ประทบั ใหนกั เรียนกลมุ ที่ 1 สงตัวแทน 2-3 คน ออก มาอธิบายเกย่ี วกบั งานทัศนศิลปภาคเหนอื ตามที่ ปางขดั สมาธเิ พชร และพระหตั ถแ์ สดงปางมารวชิ ยั มชี ายสงั ฆาฏทิ ส่ี นั้ อยเู่ หนอื พระถนั ไดศ ึกษามาหนาชน้ั เรยี น พรอ มทงั้ ยกตวั อยางงาน ทศั นศิลปท่สี าํ คญั ของภาคเหนอื มาประกอบการ และทปี่ ลายสงั ฆาฏิจบี เป็นริ้ว พระอรุ ะมขี นาดค่อนข้างอว้ นกลม ทีพ่ ระเกตุมาลาเป็น อธบิ ายความรู โดยครูใหนักเรยี นสรุปสาระสาํ คัญ เกย่ี วกับงานทศั นศิลปภ าคเหนอื ลงสมุดบันทึก ทรงดอกบัวตูม ส่วนประติมากรรมล้านนารุ่นหลังจะคาบเกี่ยวกับสมัยสุโขทัย จะมี จากนนั้ ครถู ามนกั เรียนวา พุทธลักษณะที่ส�าคัญ คือ มีพระวรกายสะโอดสะอง พระพักตร์กลมรีเป็นรูปไข่ • ผลงานทศั นศลิ ปภ าคเหนอื สว นใหญสะทอ น ใหเ หน็ ถงึ ส่งิ ใด ชายสงั ฆาฏิยาวลงมาจรดพระนาภี มีปลายตดั เปน็ รอยเขย้ี วตะขาบ และประทับ (แนวตอบ ผลงานทศั นศิลปภ าคเหนอื ทัง้ งาน จติ รกรรม ประติมากรรม และสถาปต ยกรรม ปางขัดสมาธิราบเป็นส�าคัญ เช่นเดียวกับพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย โดยสวนใหญสะทอนถึงเรือ่ งราวประเพณี ความเชอ่ื และวฒั นธรรมในทองถน่ิ ลา นนา ซง่ึ สมยั สุโขทยั ยคุ แรกได้รับอิทธิพลจากลังกา แตก่ ็ได้แสดงความงดงามตาม นอกจากน้ี ยังมผี ลงานทัศนศลิ ปอ กี เปน จาํ นวนมากท่ไี ดร บั อทิ ธพิ ลจากศลิ ปะพุกาม) อดุ มคตแิ บบไทยใหป้ รากฏไวอ้ ยา่ งชดั เจน แบบมอี ดุ มคตสิ งู สดุ (Classic Art) แบบอย่างของประติมากรรมที่เห็นได้ชัด คือ พระพุทธชินราช ท่ีวัดพระ- ศรรี ตั นมหาธาตุวรมหาวิหาร จงั หวดั พษิ ณุโลก ๓) สถาปัตยกรรม เป็นส่ิงก่อสร้างท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เห็นได้จากโบสถ์ วิหาร ที่สะท้อนถึงความโดดเด่นของทัศนศิลป์ประเภทนี้ มกั นยิ มสรา้ งเปน็ วหิ ารขนาดใหญ่ มเี สาเรียงรายภายใน และมีหลังคาซอ้ น สามช้ันเปน็ ส่วนมาก ตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่โดดเด่น ได้แก่ โบสถ์ วดั พระสงิ หว์ รวหิ าร จงั หวดั เชยี งใหม่ ซงึ่ เปน็ โบสถโ์ บราณกอ่ ดว้ ยอฐิ ผสมไม้ “พระอัฏฐารส” เป็นพระพุทธรูปยืนปาง และวหิ ารโบราณ ไดแ้ ก่ วหิ ารลายคา� วดั พระสงิ หว์ รวหิ าร ภายในประดษิ ฐาน ห้ามญาติ ประดิษฐานอยู่บริเวณเนินวิหาร เก้าห้อง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธสิหิงค์ วิหารน้�าแต้ม วัดพระธาตุล�าปางหลวง อ�าเภอเกาะคา จงั หวดั พิษณโุ ลก จังหวัดล�าปาง นอกจากน้ี ยังมีเจดีย์รูปทรงต่างๆ อีกมาก เช่น เจดีย์ ทรงเหล่ียม เจดีย์ทรงกลมหรือทรงระฆังคว่�า เป็นต้น ในระยะแรกการสร้างสถาปัตยกรรมจะได้ รับอิทธิพลจาก ประเทศเพ่ือนบ้าน ต่อมาได้มีการพัฒนารูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะล้านนามากข้ึน เเปชน็่นตน้เจดสว่ียน์วัดสถสาวปนตัดยอกกรรเมจแดบียบ์วสัดโุเขชทียยังมท่ันม่ี ลี กัจษังหณวะัดเดเชน่ ียเปงใน็ หเอมก่ ลเจกั ดษียณ์วค์ ัดอื พร“เะจธดายี ตท์ ุหรรงิภพุญมุ ขชาัยวบจณิ ังหฑว”์ ัด1ล�าพูน นอกจากนี้ ส่ิงปลูกสร้างแบบล้านนายังมีกลุ่มเรือนท้องถิ่นในเขตจังหวัดทาง ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จงั หวดั ล�าพนู ล�าปาง แพร่ น่าน เชียงราย เชยี งใหม่ และ 2 แมฮ่ อ่ งสอน ตามแบบวฒั นธรรมดง้ั เดมิ คอื การปลกู เรอื นเครอ่ื งผกู การสรา้ ง “รา นนา้ํ ” ไว้ท่ีหัวบนั ได สา� หรับตอ้ นรบั แขก หรือคนทีส่ ัญจรผา่ นไปมา วสั ดทุ ่ใี ชท้ า� ฝาบา้ นจะใช้ ฝาขดั แตะจากไมไ้ ผ่ หลงั คามงุ ดว้ ยใบตองตงึ สว่ นเรอื นเครอ่ื งสบั แบบลา้ นนาจะเปน็ เรอื นชนิดท่ีมจี ่ัวสูงทางดา้ นหน้า ส่วนบนของจั่วมีไม้ที่แกะสลักเปน็ ลวดลาย ตา่ งๆ ไขวก้ นั แบบเรยี บงา่ ยเรยี กวา่ “เรอื นกาแล” เจดีย์วัดเชียงม่ัน จังหวัดเชียงใหม่ สถาปัตยกรรมท่ีได้รับอิทธิพลจาก ศลิ ปะพกุ าม แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู จากภาพนักเรยี นคดิ วา เปนพระพทุ ธรปู สัมฤทธิ์ 1 เจดียทรงพมุ ขา วบิณฑ หรือเจดยี ท รงดอกบวั ตูม เปน ศลิ ปะทเี่ ปนเอกลกั ษณ ท่ีไดรับอทิ ธิพลจากศิลปะรปู แบบใด เฉพาะของสโุ ขทัย โดยชา งสโุ ขทยั ไดนาํ เอาองคประกอบทางดานสถาปตยกรรม มาออกแบบใหเปนเจดียท รงใหม ฐานทาํ เปนสเี่ หลี่ยม องคเ จดยี ม ลี ักษณะ 1. ศลิ ปะลานนาตอนตน เปนทรงปรางคส ูงขึ้นไป เพอ่ื รองรับเรอื นยอดท่ีเปน รปู ดอกบัวตมู ลกั ษณะเจดยี 2. ศลิ ปะลา นนารุน หลงั ทรงพุมขา วบณิ ฑน ้นี ิยมสรา งข้ึนในสมัยสโุ ขทยั เทานน้ั ไมปรากฎในสมยั อ่ืน 3. ศลิ ปะหรภิ ญุ ชัย 2 รานนํ้า เปน หงิ้ สําหรบั วางหมอ น้าํ ด่ืม พรอ มทแี่ ขวนกระบวยหิ้งนํ้า 4. ศิลปะสุโขทยั หากหิ้งน้าํ อยทู ีช่ านโลง แจง เจา ของบานจะทําหลงั คาคลุมลกั ษณะคลา ยเรือนเลก็ ๆ เพ่อื มใิ หแสงแดดสองลงมาท่ีหมอน้ํา หมอ น้ํานีย้ ิง่ เกายงิ่ ดีเพราะมกั จะมีตะไครน ้ํา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ศิลปะไทยแบบลานนาตอนตน ชว งตน เกาะภายนอกชว ยใหน าํ้ ในหมอเยน็ กวาเดิม ขา งๆ หมอ นํ้าจะวางกระบวยทใี่ สน ํ้า ทําจากไมร ะแนง เปน รปู สามเหลีย่ มตัว V ใสกระบวยทท่ี าํ จากกะลามะพราว พุทธศตวรรษท่ี 19 พระพทุ ธรูปจะมลี กั ษณะพระพักตรกลม พระโอษฐอ มยมิ้ ตอ ดามไมสัก บางทีสลักเสลาปลายดา มเปนรูปสตั วต า งๆ พระหนุเปนปม ขมวดพระเกศาใหญเหนือพระเกตมุ าลา ปรากฏพระรศั มี เปน รปู ดอกบวั ตมู พระศอเปน ปลอ ง พระองคอ วบอว น พระอรุ ะนนู ครองจวี ร คูมอื ครู 111 หมเฉยี ง ชายจีวรเหนือพระองั สาซายส้ัน ปลายเปน ลายเข้ยี วตะขาบ ประทบั นง่ั ขดั สมาธิเพชรแสดงปางมารวิชัยโดยวางพระหัตถขวาอยเู หนอื พระชานุขวา พระหตั ถซา ยวางอยูเหนอื พระเพลา น้ิวพระหัตถไมเ สมอกนั
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรียนกลมุ ที่ 2 สง ตัวแทน 2-3 คน ออก 1จิตรกรรมฝาผนังรอบระเบียง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เรื่องรามเกียรต์ิ ตอนทศกัณฐ์ออกศึกกับพระรามครั้งแรก มีเทคนิคการเขียนภาพ มาอธิบายเกีย่ วกบั งานทศั นศิลปภ าคกลางตามที่ ไดศึกษามา หนา ชน้ั เรียน พรอมทง้ั ยกตัวอยางงาน แบบ ๒ มิต ิ โดยเน้นความงามและเน้ือหาเป็นสา� คญั ทัศนศิลปท่สี าํ คัญของภาคกลางมาประกอบการ อธิบายความรู โดยครูใหนกั เรียนสรปุ สาระสําคัญ ๓.๒ ภาคกลาง เกยี่ วกับงานทศั นศิลปภาคกลาง ลงสมุดบนั ทึก จากนั้นครูถามนักเรยี นวา ทศั นศลิ ปใ์ นภาคกลางเป็นผลงานทถ่ี อื ก�าเนดิ ข้ึนบรเิ วณตอนกลางของประเทศไทย ท่ีมภี มู หิ ลังทางศิลป- วัฒนธรรมท่ียาวนาน ต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นต้นมาจนถึงสมัยการสร้างบ้านแปลงเมืองและการสถาปนา • ผลงานทศั นศิลปภาคกลางสว นใหญไดร ับ อาณาจกั รตา่ งๆ ผลงานทศั นศลิ ปส์ ว่ นมากจะสรา้ งขนึ้ ตามคตคิ วามเชอื่ ทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู อิทธิพลจากสงิ่ ใด และการรบั อทิ ธพิ ลทางศลิ ปวฒั นธรรมจากชาตอิ น่ื ๆ เชน่ วฒั นธรรมอนิ เดยี วฒั นธรรมเขมร เปน็ ตน้ เขา้ มาผสมผสาน (แนวตอบ ผลงานทศั นศลิ ปภาคกลาง กับผลงานทัศนศิลป์ของตน จนกลายเป็นรูปแบบท่ีเป็นลักษณะเฉพาะของช่างราชส�านักและแพร่หลายไปยัง สว นใหญจ ะสรางขนึ้ ตามคตคิ วามเชื่อทาง ภูมิภาคอ่ืนตามการแผอ่ ทิ ธพิ ลทางการเมอื งการปกครอง พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และรับอทิ ธิพลทางศลิ ปวัฒนธรรมจาก ผลงานทศั นศลิ ป์ท่สี �าคัญของภาคกลาง มดี ังนี้ ชาตอิ นื่ ๆ เชน วฒั นธรรมอนิ เดยี วฒั นธรรม เขมร เขามาผสมผสานกับผลงานทศั นศิลป ๑) จติ รกรรม ผลงานจติ รกรรมที่พบในภาคกลาง เป็นภาพเขยี นท่สี รา้ งสรรค์ขนึ้ จากความศรัทธาทาง ของตนเอง จนกลายเปน รปู แบบทเ่ี ปน ลักษณะ เฉพาะของชางราชสาํ นกั ของภาคกลาง) ศาสนาเปน็ ส่วนใหญม่ ีลกั ษณะเดน่ คอื เป็นภาพเลา่ เร่อื งต่างๆ เชน่ ภาพบคุ คล สตั ว์ ต้นไม้ เป็นตน้ ท่ีมีวิธีการ แสดงออกท่ีชัดเจน ต่อมาเม่ือได้รับอิทธิพลจากตะวันตก จิตรกรรมไทยเร่ิมมีรูปแบบและเน้ือหาที่เปลี่ยนแปลงไป โดยรบั เอาแบบอยา่ งเขา้ มา จนมีผลใหจ้ ิตรกรรมไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงในดา้ นรปู แบบ เน้อื หา และวธิ กี ารน�าเสนอ มากขึน้ จิตรกรรมไทยท่ีพบในภาคกลาง นิยมส่ือความหมายด้วยการเล่าเรอ่ื งภาพพทุ ธประวตั ิ นทิ านชาดก และ เรื่องราวในไตรภูมิพระร่วง โดยเป็นการเล่าเร่ืองผ่านภาพเขียนบนฝาผนังของพระปรางค์ พระอุโบสถ พระวิหาร หอสวดมนต์ ซ่ึงมีวิธีการเขียนภาพด้วยลายเส้น โดยใช้สีแบบสีเดียว เรียกว่า “จิตรกรรมสีเอกรงค์” ที่นิยมมา ต้ังแต่สมยั โบราณ และรูปแบบระบายสีหลายสี เรียกว่า “จิตรกรรมสีพหรุ งค์” เปน็ วิธีระบายสที ่ีใชส้ หี ลายสี มสี ีสนั 112 นกั เรียนควรรู บูรณาการเชื่อมสาระ การศึกษาเกี่ยวกบั ภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบระเบียง วดั พระศรรี ตั น- 1 จติ รกรรมฝาผนังรอบระเบียง วดั พระศรีรตั นศาสดาราม เร่ืองรามเกยี รติ์ ศาสดาราม เรือ่ งรามเกียรต์ิ สามารถบรู ณาการเชื่อมโยงกับการเรยี นการ เขยี นข้นึ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ตอมาชํารดุ เนื่องจากความชนื้ จงึ เขียนซอมเมอ่ื มี สอนของกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย วชิ าวรรณคดีและวรรณกรรม เรอ่ื ง การฉลองพระนครในสมยั รัชกาลท่ี 3 รัชกาลที่ 5 รัชกาลท่ี 7 และรัชกาลท่ี 9 รามเกยี รต์ิ เพราะถา นกั เรยี นมคี วามรเู กยี่ วกบั วรรณคดไี ทย เรอื่ งรามเกยี รต์ิ ภาพชดุ รามเกยี รตเ์ิ ริ่มตง้ั แตภาพนารายณอ วตารปางตางๆ กอ นทีจ่ ะอวตารเปน มาพอสมควร จะเปนการเพิ่มอรรถรสในการเดนิ ดภู าพมากยง่ิ ขน้ึ ทงั้ นี้ใน พระราม ปรากฏอยตู ามซมุ ประตแู ละมขุ ระเบยี ง ประมาณ 80 ภาพ แลว ตอ ดว ย หนึง่ ภาพอาจมตี วั ละครตัวเดียวกันอยูห ลายจดุ หากนักเรียนมคี วามรู เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ ตง้ั แตห อ งท่ี 1-178 มีคําบรรยายใตภาพและคาํ บรรยายเปน โคลง เร่ืองรามเกียรต์ิกจ็ ะสามารถลําดบั ภาพและเขาใจเนอ้ื เร่ืองได สลักบนแผนหินออนตดิ อยทู ่เี สารอบระเบยี ง มมุ IT นกั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั จติ รกรรมเรอื่ งรามเกยี รต์ิ ทวี่ ดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ไดท ี่ www.youtube.com โดยคน หาจากคาํ วา จติ รกรรมฝาผนงั วดั พระศรรี ตั น- ศาสดาราม เปน ตน แลว เลอื กชมคลปิ วดิ โี อเฉพาะเรอื่ งทเ่ี กยี่ วกบั ภาพจติ รกรรม 112 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู สดใส เขียนด้วยสีฝุ่น และปิดทองค�าเปลวในบางส่วนที่ส�าคัญ ผลงานจิตรกรรมช้ินส�าคัญ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง ครูสุมตวั อยา งนกั เรียน 2-3 คน ใหยกตัวอยา ง ภาพพระอดีตพุทธภายในพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดใหญ่- ผลงานทศั นศิลปภ าคกลางที่โดดเดนประเภท สุวรรณาราม จงั หวดั เพชรบรุ ี จิตรกรรมฝาผนงั โบสถ์วดั ใหญ่อนิ ทาราม จงั หวดั ชลบุรี เปน็ ต้น จติ รกรรมและประตมิ ากรรม มาประเภทละ 1 ผลงาน พรอมอธบิ ายลกั ษณะของผลงาน ผลงานจิตรกรรมไทยที่พบในภาคกลาง นอกจากจะสะท้อนถึงเรื่องราวและเนื้อหาทางพระพุทธศาสนา ดังกลาว ครคู อยเสรมิ เพมิ่ เติมเกยี่ วกับขอมูลของ แล้ว ยังสะท้อนเรอ่ื งราวเก่ียวกับประเพณี ความเช่ือ วถิ ีชวี ติ และสภาพแวดลอ้ มต่างๆ ในช่วงสมยั ท่มี กี ารเขยี นภาพ ผลงานท่นี กั เรยี นยกตัวอยา งมา จากน้นั ครถู าม อีกด้วย เช่น แม่น้�าล�าคลอง พืชพันธุ์ไม้ต่างๆ สัตว์ ชุมชนบ้านเรือนท่ีปลูกสร้างอยู่ริมน้�าและบนบกให้เห็นอย่าง นกั เรียนวา ชัดเจน เป็นต้น การเรียนรู้เรื่องราวบนจิตรกรรมฝาผนังผ่านภาษาภาพ โดยใช้องค์ประกอบท่ีเก่ียวข้องข้างต้น อย่างพินิจพิจารณาจะช่วยให้ผู้ชมมีความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์สังคมของท้องถิ่นที่ถูกถ่ายทอดเป็นเรื่องราว • งานจติ รกรรมทพ่ี บในภาคกลางสว นใหญ แทรกอยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนงั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี มีลักษณะเปนอยางไร (แนวตอบ งานจิตรกรรมสวนใหญท ีพ่ บ ๒) ประติมากรรม ประติมากรรมที่พบในภาคกลางเป็นผลงานทัศนศิลป์ท่ีแสดงถึงรูปทรง ๓ มิติ ที่ ในภาคกลางจะเปน ภาพเขยี นทส่ี รา งสรรค ขน้ึ จากความศรทั ธาทางศาสนา นยิ มส่ือ ประกอบดว้ ยความสงู ความกวา้ ง ความนนู (ลกึ ) โดยตอบสนองความเชอื่ ทางดา้ นศาสนา และตอ่ มาประตมิ ากรรมได้ ความหมายดวยการเลาเรอื่ งพทุ ธประวตั ิ พฒั นารูปแบบการสร้างสรรคเ์ ปน็ ผลงานทเี่ หมอื นจริงมากขน้ึ ผลงานในระยะแรกมีความเก่ยี วข้องกบั สถาปัตยกรรม นิทานชาดก และเร่ืองราวในไตรภูมพิ ระรว ง ทง้ั ทางตรงและทางออ้ มทเ่ี กยี่ วขอ้ งโดยตรง ไดแ้ ก่ การปน้ั และการแกะสลกั เพอ่ื ประดบั ตกแตง่ อาคารและศาสนสถาน ผานภาพเขยี นบนฝาผนงั ของพระอโุ บสถ เช่น ลวดลายประดบั ตา่ งๆ ส่วนท่เี กีย่ วขอ้ งทางออ้ ม ไดแ้ ก่ พระพุทธรปู ทปี่ ระดษิ ฐานอยใู่ นวิหาร เปน็ ต้น พระวหิ าร หรอื หอสวดมนต ซ่ึงมีวิธีการ เขียนภาพดว ยลายเสน แลวลงสที ั้งแบบ ประติมากรรมที่พบในภาคกลาง สามารถแบ่งออกได้เป็น ประติมากรรมรูปเคารพ สีเดียว หรือท่ีเรยี กวา “จติ รกรรมสเี อกรงค” ประติมากรรมเร่ืองเล่า และประติมากรรมตกแต่ง กรณีการสร้างรูปเคารพนั้นมีการสร้าง และแบบระบายสีหลายสี หรอื ทเี่ รียกวา ตามคติความเช่ือของศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู เช่น เทวรูปพระศิวะ พระนารายณ์ เปน็ ต้น หรือ “จิตรกรรมสีพหุรงค”) การสรา้ งรูปเคารพในพระพทุ ธศาสนา นิกายมหายาน ได้แก่ รูปพระโพธสิ ตั ว์ แล1ะรปู เคารพใน พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทที่เป็นรปู พระพทุ ธเจ้าปางต่างๆ เชน่ ปางมารวิชยั ซงึ่ เป็นปางที่ แสดงเหตกุ ารณต์ อนใกลจ้ ะตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ ซงึ่ พระพทุ ธรปู ปางนจ้ี ะนยิ มสรา้ งประดษิ ฐาน ไวเ้ ปน็ พระประธานในพระอโุ บสถของวดั ต่างๆ ท่วั ประเทศไทย เปน็ ต้น นอกจากนี้ ประติมากรรมตกแต่งภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัด พระแก้ว) และพระบรมมหาราชวัง ท่ีทา� เปน็ รูปเทวดา รปู สตั วห์ ิมพานต์ หรอื ลวดลาย ประดับต่างๆ ยังสามารถสื่อถึงความหมาย ความงาม และความเกี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั กษัตริย์ของไทย เนื่องจากพระบรมมหาราชวังเป็นท่ีประทับ ที่เสด็จออกว่าราชการ และที่ทรงงานของพระมหากษัตริย์ ดังน้ัน ประติมากรรมการตกแต่งใน บริเวณต่างๆ จึงได้รับการออกแบบการแต่งอย่างพิถีพิถันและวิจิตรงดงาม มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั เพอื่ ใหพ้ ระบรมมหาราชวงั มคี วามงดงามสมกบั เปน็ ทป่ี ระทบั ของสมมตเิ ทพตามความเช่อื ในศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เทพกินนร เป็นประติมากรรมที่เกิดจาก จินตนาการของผูส้ ร้าง แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ผลงานประตมิ ากรรมของไทยสว นใหญจ ะเกย่ี วของกบั อะไร การจดั การเรียนการสอนเกยี่ วกับงานจิตรกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตยกรรม 1. พทุ ธประวตั ิ ของภาคตางๆ เพื่อใหนักเรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจมากขึน้ ครคู วรใหนักเรยี นเลือก 2. บคุ คลสําคญั ดภู าพประกอบผลงานดงั กลาวจากหนังสือตา งๆ เว็บไซต โดยใหน กั เรียนจดจาํ 3. ส่งิ ตา งๆ ในธรรมชาติ และทําความเขาใจลกั ษณะเดน ของผลงานในแตละประเภทของแตล ะภาค 4. ตัวละครในวรรณคดี นักเรยี นควรรู วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ผลงานประตมิ ากรรมของไทยสวนใหญ 1 ปางมารวชิ ยั คําวา มารวชิ ยั แปลวา ชนะมาร ลักษณะของพระพทุ ธรปู จะอยู จะเปน การสรา งพระพทุ ธรปู ไวเคารพบชู า หรือเพื่อแสดงออกถึงความศรัทธา ในอิริยาบถประทับนัง่ ขัดสมาธิ พระหัตถซา ยหงายลงบนพระเพลา (ตกั ) ในพระพทุ ธศาสนา ทัง้ นใ้ี นแตละสมัยจะมีลักษณะของพทุ ธศิลปแตกตา งกัน พระหัตถขวาวางคว่ําลงทพ่ี ระชานุ (เขา ) นิ้วพระหัตถชลี้ งทพ่ี ื้น ออกไป เปน การแสดงออกถงึ ความงามในเชงิ อดุ มคติ คมู อื ครู 113
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครสู มุ ตัวอยา งนกั เรยี น 2-3 คน ใหย กตัวอยา ง ๓) สถาปัตยกรรม เป็นผลงานทัศนศิลป์ สถาปตยกรรมภาคกลางทมี่ คี วามโดดเดน มาคนละ 1 ผลงาน พรอ มอธิบายลกั ษณะของสถาปต ยกรรม ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน โบสถ์ วิหาร ท่ียกมาเปนตัวอยา ง ครูคอยเสรมิ เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ปราสาทราชวัง ผลงานส่วนมากพัฒนาการมาตั้งแต่ ขอมลู ของผลงานทน่ี กั เรียนยกตวั อยางมา จากน้นั สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ หลักฐานส�าคัญที่ ครูถามนกั เรียนวา ปรากฏ ได้แก่ อาคาร เช่น โบสถ์ วิหาร และมณฑป มีการปลูกสร้างให้มีขนาดท่ีใหญ่โต มีการออกแบบ • เรือนไทยภาคกลางมีลกั ษณะโดดเดน อยางไร ลวดลายตกแต่งบนสถาปัตยกรรมอย่างวิจิตร เช่น (แนวตอบ สถาปตยกรรมเรือนไทยภาคกลาง เครอ่ื งบนของอาคารมชี อ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ เปน็ ตน้ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เปน็ สถานทีซ่ ่งึ ประกอบดว้ ยงานจิตรกรรม สามารถแบงออกไดเปน 3 ลกั ษณะ คือ เหน็ ไดจ้ ากสถาปตั ยกรรมภายในวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ประติมากรรม และสถาปตั ยกรรม อนั ทรงคณุ คา่ หลายอยา่ ง เรอื นเคร่อื งผกู เรือนเครื่องสับ และเรือนแพ หรอื เรือนริมน้าํ ตวั เรือนไทยภาคกลาง ที่เป็นจดุ รวมของสถาปัตยกรรมเดน่ ๆ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ไวเ้ กือบท้ังหมด สว นใหญจะทําดว ยไมสกั เชน โครงหลังคา นอกจากนี้ สถูป เจดีย์ และพระปรางค์ นบั ไดว้ า่ เปน็ ธาตเุ จดยี ์ หรืออเุ ทสิกะเจดีย์ (เจดยี ส์ า� หรบั บรรจอุ ฐั ิ) ฝา พ้ืนหอ งนอน พน้ื ระเบียง สว นเสาและ พืน้ ชานใชไมเ นือ้ แขง็ เชน ไมเ ตง็ ไมแดง ที่นิยมสร้างกันอย่างแพร่หลาย และมีรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะของงานทัศนศิลป์ประเภทนี้ เช่น พระปรางค์ 1 เปนตน) วัดพระราม เจดีย์ทรงกลม หรือทรงระฆังคว่�า วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระปรางค์ วัดอรุณราชสว่วรนารบา้ามนกไทรงุยเทหพรมือหเราือนนครไทเยปภน็2าตคน้ กลาง จะมีลักษณะเฉพาะของการปลูกสร้างเป็นแบบแผนท่ีเห็นได้ เชน่ เรือนครอบครัวเด่ียว เรือนครอบครัวขยาย เรอื นแพ เปน็ ตน้ เมอื่ พจิ ารณาถงึ รูปแบบเรือนไทยในภาคกลาง ลกั ษณะเด่นจะมีหลังคาทรงสงู ใต้ถุนสูง ชานกว้าง และไม่มีฝ้าเพดาน เกรด็ ศลิ ป เรอื นไทย สถาปัตยกรรมเรือนไทย หรือบ้านไทยภาคกลาง แบง่ ออกได้เปน็ ๓ ลกั ษณะ ดงั น้ี 11๔ ๑. เรือนเคร่ืองผูก หมายถึง เรือนท่ีใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างหลักในการสร้าง มีส่วนประกอบของเคร่ืองมุงหลังคาท�าด้วยจากหญ้าคา หรือทางมะพร้าว โดยมี กรรมวธิ ี และขน้ั ตอนในการปลกู สรา้ งอยา่ งงา่ ยๆ โดยประกอบโครงสรา้ งเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยการใชต้ อก และหวายเป็นวัสดุในการผูกมดั ๒. เรือนเครื่องสับ หมายถึง เรือนที่มีโครงสร้าง และส่วนประกอบท�าด้วย ไม้จริงทั้งหลัง มักพบทั่วไปในภาคกลาง และภาคตะวันออก ข้ันตอนในการปลูก สร้างเรอื นจะมีการใชเ้ ครือ่ งมอื หลายชนดิ เชน่ มีด ขวาน เปน็ ต้น นา� มาถาก เจาะ สับ หรือฟันไม้ แล้วน�ามาประกอบตามโครงสร้างท่ีต้องการ ส่วนประกอบส�าคัญ ของเรอื นเครอ่ื งสบั คือ ฝาเรือนท่มี กี ารเขา้ ไม้อย่างประณตี เรียกวา่ “ฝาปะกน” ๓. เรือนแพ หรือเรือนริมนํ้า เป็นรูปแบบทางสถาปัตยกรรมลักษณะหน่ึงที่ ปรากฏตามบริเวณริมแม่น้�าต่างๆ ลักษณะทว่ั ไปของเรอื นแพ มกั จะท�าเปน็ รูปแบบ ของเรือนทรงไทย มีหลังคาปั้นลม ตัวเรือนทั่วไปเป็นเรือนฝากระดาน ด้านหน้า ของเรือนแพเปิดโลง่ ตลอด ส่วนพนื้ ของเรือนแพจะรองรบั ดว้ ย “ลกู บวบ” เรียกวา่ “แพลูกบวบ” นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET 1 พระปรางค เปนงานสถาปตยกรรมที่ไทยรับเอาอทิ ธพิ ลการสรา งองคปราสาท จากภาพเปนสถาปตยกรรมทีอ่ ยใู นจังหวดั ใด และมีลกั ษณะรปู แบบ ของขอมมาปรบั เปล่ยี นใหเรียวเปนทรงสูง ถอื เปน หลักประธานของวดั รวมถงึ ส่อื ถงึ เปนอยางไร คตคิ วามเชื่อวาเปนสญั ลกั ษณของเขาพระสเุ มรุ ตามคติของศาสนาพราหมณ-ฮินดู แนวตอบ พระปรางคส ามยอด เปนศลิ ปะแบบบายน ซึ่งมีอายรุ าว ทง้ั นพี้ ระปรางคแ บง ออกเปน 4 แบบ ไดแ ก ทรงศิขร มีรูปแบบดง้ั เดมิ ตามแบบขอม พทุ ธศตวรรษที่ 18 กอ ดว ยศลิ าแลงขน้ึ ไปเปน สามยอด สงู ประมาณ 15 เมตร ทรงงาเนียม ลกั ษณะใหญแตส ้ัน ตอนปลายโคงเรียว ทรงฝกขา วโพด มลี กั ษณะ โดยกอ ทบั ขนึ้ ไปแลว โบกดว ยปนู ขาว พรอ มพมิ พเ ปน ลวดลายอยา งงดงาม ผอมบางและตรงคลา ยฝก ขาวโพด และทรงจอมแห มลี กั ษณะคลา ยแหท่ีถูกยกข้นึ ทงั้ สามองคภ ายในเดนิ ตดิ ตอ กนั ไดต ลอด การประดบั ดา นนอกของพระปรางค 2 เรือนไทย เปน ตวั อยา งของงานสถาปต ยกรรมท่ีสรา งขนึ้ ใหส อดรบั กับ จัดทําอยางประณตี ปจ จบุ ันพระปรางคส ามยอดถือเปน สัญลกั ษณของ สภาพแวดลอมทางธรรมชาติ ตวั อยางเชน หลงั คาสงู ลาดเอียงเพื่อใหระบายน้าํ ฝน จังหวดั ลพบรุ ี ทตี่ กชุกไดด ี ใตถนุ สงู เพื่อปอ งกันปญ หาอุทกภัยในฤดูน้ําหลาก มีหนา ตา งโดยรอบ เพ่อื ชว ยระบายความรอน ตัวบานเปนชานเรอื นกวางเพื่อสะดวกแกการทํากจิ กรรม เนอื่ งจากในอดตี ครอบครวั ไทยเปน ครอบครวั ใหญม สี มาชกิ อาศยั อยรู วมกนั หลายคน เปนตน 114 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เสริมสาระ ใหน ักเรียนศึกษางานทศั นศลิ ปใ นสมัย รตั นโกสนิ ทร ในหนงั สือเรียน หนา 115 จากนัน้ ครู งานทัศนศิลปในสมยั รตั นโกสนิ ทร ถามนักเรยี นวา แบบอยา่ งของงานทศั นศลิ ปใ์ นสมยั รตั นโกสนิ ทรเ์ รมิ่ ตน้ ตง้ั แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช ทรงสถาปนา • งานทศั นศลิ ปข องไทยในสมัยรัตนโกสินทร กรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี ต้ังแต ่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ลงมาจนถงึ สมยั ปัจจุบนั พอสรุปได้ ดังนี้ เปลี่ยนแปลงไปอยางไร (แนวตอบ งานทัศนศิลปของไทยในสมยั ๑. จิตรกรรม สมัยรัตนโกสินทร์จิตรกรรมที่เขียนขึ้น ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ลงมาจนถึง รัตนโกสนิ ทรม กี ารเปล่ยี นแปลงไปตาม ปัจจุบัน มีรูปแบบการเขียนตามแบบไทยแนวประเพณีและแบบร่วมสมัย โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ยุคสมัย โดยงานจิตรกรรมจะมลี กั ษณะ ทเี่ ขยี นขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท ี่ ๓) จดั เปน็ จติ รกรรมไทยทมี่ คี ณุ คา่ เปน สากลมากขนึ้ มีความรว มสมยั กับ ทางความงามมาก เช่น ท่ีวดั สวุ รรณาราม คลองบางกอกน้อย เปน็ ตน้ แตห่ ลงั จากรบั อทิ ธพิ ลตะวนั ตก ศลิ ปะนานาชาติอยา งชัดเจน สว นงาน ท�าให้รูปแบบจิตรกรรมไทยมีรูปลักษณะเป็นสากลเพิ่มมากข้ึน จนถึงปัจจุบันรูปแบบจิตรกรรมไทย ประตมิ ากรรมมีการเปลยี่ นแปลงอยาง มีความร่วมสมัยกับศิลปะนานาชาตอิ ย่างชัดเจน ชัดเจนหลงั พ.ศ. 2475 เพราะไดเกิดการ ๒. ประตมิ ากรรม สมยั รตั นโกสนิ ทรป์ ระตมิ ากรรมในชว่ งระยะแรกมหี ลกั ฐานการสรา้ งนอ้ ย สรา งศลิ ปะสมัยใหมแ ละรวมสมัยข้ึน และ ส่วนใหญ่มักอัญเชิญพระพุทธรูปท่ีมีอยู่แต่เดิมมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ หรือไม่ก็อัญเชิญมาเป็น งานสถาปต ยกรรมก็ไดปรบั ตัวตามกระแส พระประธานอยใู่ นวดั สา� คญั ๆ ในเขตกรงุ เทพมหานคร สว่ นใหญเ่ ปน็ แบบสโุ ขทยั สา� หรบั ประตมิ ากรรม ตะวนั ตก มรี ูปลักษณะของการผสมผสาน แบบรัตนโกสินทร ์ พอจะประมวลได ้ ดังนี้ หรอื รับแบบอยา งสถาปตยกรรมตะวนั ตก ๑) พระพุทธรูปท�าตามแบบอย่างของเดิม เป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นคล้ายกับพระพุทธรูป เขามาใชใ นสถาปตยกรรมไทย สงั เกตได สมัยอยธุ ยาปนอูท่ อง แต่ลกั ษณะความมชี ีวิตจติ ใจไมเ่ ดน่ เทา่ ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ ง ชดั เจนในสมัยรัชกาลท่ี 5 ไดแก การสรา ง พระพทุ ธรปู เพม่ิ เตมิ ขน้ึ นบั รวมกบั แบบเดมิ เปน็ ๔๐ ปาง แลว้ อญั เชญิ ไปประดษิ ฐานยงั วดั วาอารามตา่ งๆ พระทน่ี ั่งจักรีมหาปราสาท ๒) พระพุทธรูปผสมผสานกับตะวันตก ในรัชกาลที่ ๔ มีการแก้ไขพุทธลักษณะให้ พระพทุ ธรปู ปางขอฝน พระทีน่ ง่ั อนันตสมาคม เปนตน) คมลีก้าายรมตนิดุษต่อยกส์ ัาบมตญั ่างยป่ิงขรึ้นะเ ทคศือม ไามกม่ ขพี ้ึนร ะจเกึงเตกมุ ิดามลีกาา หรสรอืรข้ามงพวดรพะพระุทเธมราูปลี ใมหีจ้เหีวรมเืปอน็นมริ้วน ุษเชยน่ ์ต พามระแนบิรบนั พตรระาพยุท เธปรน็ ูปตค้นัน ธพาอรถรงึ าสฐมข1ยัอรงัชอกินาเลดทีย ่ี ๕เช-่น๖ พระพุทธรูปปางขอฝน พระไสยาสน์ ท่ีวดั ราชาธิวาส กรุงเทพมหานคร เป็นตน้ ๓) ประติมากรรมสมัยใหม ่ ภายหลัง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลย่ี นแปลงในประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะของเมอื งไทย โดยมีการก่อต้ังมหาวิทยาลัยศิลปากรขึ้นภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ท�าให้เกิดการสร้างศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย ขนึ้ มากมาย ๓. สถาปตยกรรม ในสมัยรัตนโกสินทร์ระยะแรกเป็นการสืบทอดแบบอยุธยาตอนปลายและต่อมามีวิวัฒนาการ ตามลา� ดับ คือ ๑) สถาปัตยกรรมแบบแผนอยุธยา เป็นอาคารสร้างเลียนแบบอยุธยาโดยเฉพาะอาคารประเภทเครื่องก่อ เช่น โบสถ์ วหิ าร ปราสาทราชมณเฑียร ลว้ นแต่ท�าฐานแอน่ โคง้ รบั หลังคา และเชิงชายกม็ แี นวเส้นอ่อนกลางปลายเชดิ สัมพนั ธก์ บั ฐาน เป็นต้น ๒) สถาปตั ยกรรมแบบสมยั รชั กาลท ่ี ๓ สมยั นม้ี แี บบสถาปตั ยกรรมทเี่ รยี กวา่ “อยา งใน” และ “อยา งนอก” คอื แบบลายไทย กบั แบบลายจนี แบบลายไทยนน้ั ไมน่ ิยมรูปเทพเปน็ ลายประธานและไมน่ ิยมลายกระหนก มกั ใชล้ ายใบเทศเปน็ หลัก อาคารไม่มตี ัวหวั เสา ไมต่ ิดคนั ทวย ๓) สถาปัตยกรรมยุคปรับตัวตามกระแสตะวันตก มีรูปลักษณะ ผสมผสาน หรอื รบั แบบอยา่ งสถาปตั ยกรรมตะวนั ตกเขา้ มาใชใ้ นสถาปตั ยกรรมไทย สังเกตไดอ้ ย่างชัดเจนในสมัยรัชกาลท ี่ ๕ เช่น การสร้างพระที่นงั่ จกั รีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวงั พระทน่ี ่งั อนนั ตสมาคม เป็นตน้ นอกจากน ้ี ยงั มกี ารปรบั ปรุงแนวคดิ ให้เหมาะสมโดยการน�า วสั ดุใหมๆ่ เข้ามาประกอบในงานสถาปัตยกรรม พระทนี่ ง่ั อนนั ตสมาคม สถาปัตยกรรมทส่ี ร้าง ตามแบบตะวนั ตก แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู ขอใดกลาวถึงผลงานทศั นศิลปใ นสมัยรัตนโกสนิ ทรไดถกู ตอ ง ครคู วรนาํ ภาพงานทัศนศลิ ปในสมัยรัตนโกสินทรมาใหน กั เรียนดปู ระกอบ 1. ทาํ ตามแบบอยา งศลิ ปะสมัยอยุธยา การอธบิ าย เพอื่ ใหนักเรยี นไดเห็นความเปลี่ยนแปลงของผลงานทศั นศลิ ปจ ากอดตี 2. นิยมสรา งสรรคง านแบบอตั ลกั ษณไทย จนถึงปจ จุบัน ทัง้ นี้ครูอาจเชญิ วิทยากรในทองถิน่ ท่ีมคี วามรูเรอ่ื งงานทัศนศลิ ป 3. ไดร ับอิทธพิ ลอยา งมากจากศลิ ปะตะวนั ตก ในยุคสมยั ตางๆ ของไทย มาอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน กั เรยี นฟงแลว เปด โอกาสให 4. นําศลิ ปะอินเดยี และจีนมาผนวกรวมกนั นักเรียนซักถามขอสงสยั เพือ่ ใหนักเรยี นเกิดความสนใจและภาคภมู ใิ จในศิลปะของ ชาติไทย วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบ 3. ในสมัยรตั นโกสินทรน ับต้งั แตร ชั กาลที่ 3 นกั เรยี นควรรู เปน ตนมา อิทธพิ ลจากศิลปะตะวันตกไดแ พรหลายเขาสูสังคมไทย และเขา มามีบทบาทตอศิลปะไทยในการสรา งสรรคผ ลงานทุกประเภท ไมว าจะเปน 1 พระพทุ ธรูปคนั ธารราฐ เปนสมยั แรกทีม่ กี ารสรา งพระพทุ ธรูปขึน้ โดยไดร ับ จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม ตามแบบอยา งศิลปะตะวันตก อิทธพิ ลจากศิลปะกรกี เกิดขึ้นเมือ่ ราว พ.ศ. 370 ลกั ษณะเดนของพระพทุ ธรูป คือ อยา งแพรห ลาย มีพระพักตรต ามอยา งเทพเจากรีก เสน พระเกศาหยกิ สลวย มแี ผน รศั มีอยูหลัง พระเศียร หม ผาคลุมมีร้วิ แบบธรรมชาติ มีอณุ าโลมระหวางค้ิว พระกรรณยาว คูมือครู 115
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรียนกลมุ ท่ี 3 สงตวั แทน 2-3 คน ออกมา ๓.๓ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (ภาคอีสาน) อธบิ ายเกย่ี วกบั งานทัศนศลิ ปภ าคตะวนั ออกเฉยี ง- เหนือ (ภาคอสี าน) ตามทไ่ี ดศ กึ ษามา หนา ชัน้ เรยี น ผลงานทัศนศิลป์มีพัฒนาการมาต้ังแต่สมัยโบราณจากหลักฐานท่ีปรากฏ นักวิชาการได้สันนิษฐานว่า พรอ มทั้งยกตัวอยางงานทัศนศิลปท ส่ี ําคญั ของ เมอื่ ประมาณ ๒,๕๐๐ ปม าแลว้ จนถงึ หลงั พ.ศ. ๕๐๐ พระพทุ ธศาสนาและศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดจู ากอนิ เดยี ไดถ้ กู นา� ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มาประกอบการอธิบาย มาเผยแผ่บริเวณดินแดนสองฝังโขงและภาคอีสาน ท�าให้ศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองรุ่นแรกๆ ในบริเวณน้ีจึงเริ่ม ครูคอยเสริมเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับขอ มลู ของผลงานท่ี ปรากฏข้ึน และพัฒนาต่อมาจนมีรูปแบบเฉพาะตัว พร้อมกับมีการรับแบบอย่างของงานทัศนศิลป์จากดินแดนอ่ืน นักเรยี นยกตวั อยา งมา เชน่ ทวารวดี เขมร ลาว เปน็ ตน้ เขา้ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นวถิ ชี วี ติ ของตนเอง จนทา� ใหเ้ กดิ สถาปตั ยกรรมตา่ งๆ ทสี่ วยงาม เชน่ ปราสาทหนิ เจดยี ์ โบราณสถาน โบราณวตั ถอุ น่ื ๆ ทปี่ รากฏในภาคอสี านอกี มากมาย เปน็ ตน้ ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ๑) จิตรกรรม ภาพเขยี นสีของภาคอสี านมักปรากฏบน ผนังของสมิ เรียกวา่ “ฮูปแตม ” มีเรอ่ื งราวทีเ่ ขยี นบนผนังด้านในของ สิมท่เี ก่ียวกบั เร่อื งราวในพทุ ธประวัติ นิทานพ้ืนบ้านเร่อื งสงั ขศ์ ิลป์ชัย (สินไซ) และมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งรูปแบบการเขียนจะมีลักษณะ ของการจัดภาพ การใช้สีสัน รูปร่างหน้าตาของภาพ ที่มีการผสมผสานระหว่างงานทัศนศิลป์ภาคกลางและ ภาคอสี านไดอ้ ยา่ งลงตวั อกี ทง้ั ชา่ งเขยี นยงั ไดส้ อดแทรก เร่ืองราวของวัฒนธรรมในภาคกลางและภาคอีสาน สะท้อนออกมาในฮูปแต้มอีกด้วย โดยเฉพาะวิธีการ เขียนภาพจะมีการใช้เทคนิคในการระบายสี ที่มี การเน้นเส้นที่หนักแน่น ไม่ประณีตแบบงาน ภาพฮปู แต้มผนงั สิม จังหวดั มหาสารคาม บ่งบอก จขติ อรงกกรารมรเไขทียยนในภภาาพคแกลบาบงฮสูปง่ิ แทตเ่ี ป้มน็ ล1คกั ือษณกะาเดรน่เขียนเภรื่อางพราทวส่ีผักลนาังยขดา้าขอนงใชนายแชาลวะอผีสานนังด้านนอกของ ศาสนสถาน ซึง่ แตกต่างจากงานจติ รกรรมในภาคอื่นๆ ที่มีการเขยี นรปู เฉพาะผนงั ดา้ นในของ ศาสนสถานเทา่ นน้ั ๒) ประตมิ ากรรม การสรา้ งสรรคผ์ ลงานประตมิ ากรรมจะนยิ มสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ในรปู แบบตา่ งๆ ทค่ี ลา้ ยกบั ภาคกลางและภาคเหนอื อาจจะมสี ว่ นของลกั ษณะและลวดลาย ในการตกแต่งที่แตกต่างกัน เช่น นิยมท�า2หัวบันไดเป็นรูปพญานาคบริเวณทางขึ้น ทางเขา้ ของศาสนสถาน ศาลาการเปรยี ญ สิม เป็นต้น นิยมป้นั ลวดลายตกแตง่ ตาม ฐานพระธาตุ หรอื ตกแตง่ แบบรงั ผง้ึ ในบรเิ วณหนา้ บนั ของสมิ เปน็ ตน้ ความโดดเดน่ ของประตมิ ากรรมอีสานอีกลักษณะหนง่ึ ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรปู จะมกี ารออกแบบ ส่วนของฐานให้มีความสูงมาก และลักษณะของใบหน้าทรวดทรงก็มีความ เป็นทอ้ งถิน่ คือ ดูเรยี บง่าย แต่ในการปน้ั หลอ่ หรือแกะสลกั จะไม่ประณตี เรยี บร้อยเหมอื นผลงานของช่างภาคกลาง หรือช่างหลวง นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ผลงานจติ รกรรมพน้ื บา นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราจะพบวา 1 ฮูบแตม เปนคําทค่ี นอสี านใชเรียกรูปรอยบนผนงั ถ้าํ ทเ่ี ปนรูปวาด นยิ มเขยี น มกี ารสอดแทรกเรอ่ื งราวในขอ ใดมากท่ีสดุ ท้ังผนังดานในและดา นนอกของสิม (โบสถ) โดยนิยมเขียนเรอ่ื งราวเกี่ยวกับ 1. การผจญภัยกลางมหาสมทุ ร พทุ ธประวตั ิ ทศชาตชิ าดก เวสสันดรชาดก พระมาลัย นทิ านพ้ืนบา นตา งๆ 2. วิถีการดํารงชีวิตของชาวบา น 2 ศาลาการเปรยี ญ ในสมยั โบราณเรยี กวา “การบุเรยี น” หมายถึง 3. การทําสงครามระหวางยักษ- ลิง โรงท่ีพระสงฆใชแ สดงธรรมหรือศึกษาธรรมะ 4. การเผยแผศาสนาของสมณทตู วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เรอื่ งราวทีส่ อดแทรกลงไปในภาพเขียน ตางๆ ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ศิลปนจะนยิ มวาดเร่ืองราว วิถกี ารดาํ เนนิ ชีวติ ของชาวบานในทองถิ่นในดา นตางๆ ไมวาจะเปน ขนบธรรมเนียมประเพณี การประกอบอาชพี การแตง กาย ความเช่อื และเรื่องราวอนื่ ๆ สอดแทรกลงไปในผลงานดว ย 116 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓) สถาปตั ยกรรม เปน็ ศาสนสถานทใี่ ชส้ า� หรบั ประกอบพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนา มชี อื่ เรยี กเฉพาะวา่ ครสู มุ ตวั อยา งนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมาอธบิ าย เกยี่ วกบั สถาปตยกรรมภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื “สมิ ” ไดร้ บั อทิ ธพิ ลการกอ่ สรา้ งจากรปู แบบของศลิ ปะลาว (ลา้ นชา้ ง) ทไี่ ดแ้ พรห่ ลายเขา้ มาสภู่ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื พรอมทง้ั ยกตวั อยางประกอบการอธิบาย ครคู อย เสริมเพิม่ เตมิ ขอมลู จากนัน้ ครูถามนกั เรยี นวา เมื่อประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๒๔-๒๕ โดยมีการผสมผสานกบั ศิลปะดั้งเดิมและศิลปะสมัยรัตนโก1สินทรจ์ นกลายเป็น • สถาปต ยกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เอกลกั ษณข์ องสถาปัตยกรรมแบบอีสาน เชน่ สิม (โบสถ)์ หอแจก (ศาลาการเปรียญ) หอไตร เปน็ ต้น ที่มีรูปแบบ มีความโดดเดน ในดา นใด ทแ่ี ตกตา่ งไปจากภมู ภิ าคอืน่ (แนวตอบ สถาปต ยกรรมของภาคตะวนั ออก- เฉยี งเหนอื สวนใหญจะเปนศาสนสถานทีใ่ ช สิม เป็นสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนา มีความหมายอย่างเดียวกับโบสถ์ หรืออุโบสถของทาง สาํ หรบั ประกอบพธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนา ภาคกลาง ซ่ึงกร่อนมาจากค�าว่า “สีมา” ในภาษากลาง หมายถึง ขอบเขตท่ีก�าหนดขึ้นส�าหรับสงฆ์ แบ่งได้เป็น ไดร บั อทิ ธพิ ลการกอสรา งจากรูปแบบของ ๓ ประเภท คือ สิมในบา้ นในเมือง สิมในป่า และสมิ กลางน�้า มีลกั ษณะสา� คญั คอื มรี ูปทรงเต้ีย มีขนาดเลก็ ในอดีต ศิลปะลาว (ลานชา ง) ท่ีแพรห ลายเขามาสู มีการสร้างท้ังสิมนา้� และสมิ บก ถา้ เป็นสมิ นา้� กจ็ ะใชน้ ้า� เป็นขอบเขตของพทั ธสีมา (สถานท่ปี ระกอบพธิ กี รรม) ถา้ เปน็ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เมอื่ ประมาณ สมิ บกจะใช้ใบเสมาปกั แสดงขอบเขตของสถานทีท่ ่ีใช้ในการประกอบพธิ กี รรมต่างๆ พุทธศตวรรษที่ 24-25 โดยมกี ารผสมผสาน กับศิลปะด้ังเดิมจนกลายเปนเอกลักษณของ หอแจก (ศาลาการเปรียญ) หรอื บางท้องถนิ่ อสี านเรยี กวา่ “บัวแจก” หรือ “โรงธรรม” เปน็ สถาปตั ยกรรม สถาปต ยกรรมแบบอสี าน เชน สมิ (โบสถ) อีกลักษณะหนึ่งที่ใช้เป็นสถานท่ีในการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ มีลักษณะคล้ายศาลาการเปรียญของภาคกลาง หอแจก (ศาลาการเปรยี ญ) หอไตร เปนตน) นอกจากน้ี ยังมี “หอไตร” เป็นอาคารที่เก็บรกั ษาพระไตรปฎิ กและคมั ภรี เ์ กี่ยวกับศาสนา รวมถงึ พระธาตุ หรือ “ธาต”ุ ซ่ึงมีความหมายเดียวกับเจดีย์ทางภาคกลาง ส�าหรับบรรจุอัฐิของบุคคลสา� คัญ ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมประเภท “อนสุ าวรีย”์ ทสี่ รา้ งขน้ึ เพอ่ื ร�าลกึ ถงึ คุณงามความดขี องผู้ทลี่ ่วงลบั ไปแลว้ หอไตรกลางน้�า วัดท่งุ ศรีเมือง จงั หวดั อุบลราชธาน ี เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บหนงั สอื ผกู คัมภรี ใ์ บลาน หรือพระไตรปิฎก 117 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรยี นควรรู ใหน ักเรียนรวบรวมภาพผลงานทัศนศิลปภ าคใตทโ่ี ดดเดนและแสดง 1 หอไตร คอื อาคารทใ่ี ชเ ปน ทเ่ี กบ็ หนงั สอื คมั ภรี ใ บลาน หรอื หนงั สอื พระไตรปฎ ก เอกลกั ษณของชาวใตไ ดอยางชัดเจน มาจัดทาํ เปนสมดุ ภาพ “ผลงาน นยิ มสรางขน้ึ ในสวนของสงั ฆาวาส ตวั อาคารจะปลกู อยกู ลางนา้ํ เพอื่ ปอ งกนั มด ทัศนศลิ ปภาคใต” โดยตกแตง ใหส วยงาม สง ครูผสู อน ปลวก และแมลง มากัดกินหนงั สือหรอื ใบลาน กจิ กรรมทาทาย มมุ IT ใหน กั เรียนหาภาพเรอื นไทยภาคใตท่มี หี ลงั คาเรือนแตกตา งกันท้ัง นักเรยี นสามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เก่ียวกับสถาปตยกรรมทองถน่ิ ภาคใต ไดท่ี 4 แบบ ไดแ ก หลังคาทรงจั่ว หลังคาทรงปนหยา หลังคาทรงบราเนอร http://suebpong.rmutl.ac.th/Vernweb/southarch.pdf และหลังคาทรงมนิลา จากนัน้ ตดิ ลงกระดาษรายงาน แลวเขยี นบรรยาย ความแตกตา งของเรอื นไทยภาคใตท งั้ 4 แบบ วาแตละแบบมีลกั ษณะ คมู อื ครู 117 อยางไรและไดรบั อทิ ธิพลมาจากส่งิ ใด นําผลงานสงครูผสู อน
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรยี นกลมุ ท่ี 4 สง ตัวแทนออกมาอธบิ าย ๓.๔ ภาคใต้ เกีย่ วกับงานทศั นศิลปภ าคใตตามที่ไดศ ึกษามา หนาช้นั เรียน พรอมทงั้ ยกตวั อยา งงานทศั นศลิ ป ภาคใต้มีผืนแผ่นดินย่ืนออกไปในทะเลขนาบด้วยอ่าวไทยและทะเลอันดามันโดยรอบ ท�าให้จังหวัดต่างๆ ทีส่ าํ คัญของภาคใตม าประกอบการอธิบาย ครคู อย เสรมิ เพิม่ เติมเกี่ยวกบั ขอ มูลของผลงานที่นักเรยี น ในภาคใต้มีสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนกับภูมิภาคอื่นๆ คือ มีเพียงฤดูร้อนและฤดูฝน นอกจากนี้ ภาคใต้ยังมี ยกตวั อยางมา จากนั้นครูถามนกั เรยี นวา ทรพั ยากรธรรมชาติท่ีอุดมสมบรู ณ์มาตงั้ แต่สมยั โบราณ ช่วยดงึ ดดู ความสนใจของผคู้ นจากที่ต่างๆ ใหอ้ พยพเข้ามา • สถาปต ยกรรมภาคใตไ ดร บั อทิ ธิพลมาจาก ส่ิงใดเปน สาํ คญั ตงั้ หลักแหล่งอยู่อย่างตอ่ เนื่อง พรอ้ มกับการเผยแผเ่ ขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู และศาสนา (แนวตอบ สถาปตยกรรมในภาคใต สวนใหญเ กิดขึ้นพรอ มกบั การเขา มาของ อสิ ลาม ทา� ใหอ้ ทิ ธพิ ลทางศลิ ปวฒั นธรรมจากภายนอกไดเ้ ผยแผเ่ ขา้ มาและชว่ ยพฒั นาใหเ้ กดิ เปน็ อาณาจกั รสา� คญั ใน พระพุทธศาสนา นิกายมหายาน หลักฐานทส่ี าํ คญั ไดแก พระบรมธาตุ บรเิ วณดนิ แดนคาบสมทุ รภาคใต้ เช่น อาณาจักรลังกาสุกะ อาณาจักรตามพรลงิ ค์ อาณาจักรศรวี ชิ ยั เป็นตน้ เหน็ ได้ เมืองนครศรีธรรมราช (องคเดิม) และ พระบรมธาตุไชยา) จากหลักฐานทีป่ รากฏ โดยเฉพาะโบราณสถาน โบราณวตั ถจุ า� นวนมากทพี่ บตามชุมชน และวัดวาอารามต่างๆ ๑) จิตรกรรม การเขียนภาพบนฝาผนัง หรือเขียนลงบนวัตถุอื่นๆ จะมีรูปแบบที่คล้ายกับ ภาคกลาง คือ นยิ มน�าเรอื่ งราวทางพุทธประวตั ิ ไตรภมู ิ หรอื นทิ านชาดกมาถา่ ยทอดเปน็ เรอ่ื งราวลงในภาพเขยี น โดยเขียนลงบนผนังตามส่วนต่างๆ ของอุโบสถ วิหาร หอไตร ภาพเขยี นบางแหง่ จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลตามแบบอยา่ ง ของสกุลช่างหลวงโดยตรง เช่น วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา เป็นต้น บางวัดเขียนข้ึนจาก ฝมือของช่างในท้องถ่ินเอง ภาพชูชกพบทหารแห่งนครสีพี เป็นจิตรกรรมฝาผนังวัดคูเต่า โดยมีการเลียนแบบ หรือรับ จงั หวดั สงขลา อิทธิพลจากจิตรกรรมของช่างหลวงมาปรับใช้ในการท�างานของตน ในระยะหลัง การเขียนภาพลงบนฝาผนังฝมือจะไม่ประณีตเท่าเดิม อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีการ แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของช่างในท้องถิ่นอยู่มาก เช่น ความจริงใจ ความกล้า แสดงออกในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน เปน็ ตน้ ๒) ประติมากรรม ผลงานท่เี กิดจากการปน้ั การหล่อ และการแกะสลักของ ปาภงาตคา่ ใงตๆ้ในกายรุคทแา� รพกรไะดพ้รับมิ อพิทด์ ธนิ ิพดลบิ ม1จานจถางึกสศมิลยัปพะรอะินบเาดทียสมมเีกดาจ็ รพสรระ้าจงลุเปจอ็นมรูปเกพลรา้ ะเโจพา้ อธิยสหู่ัตววั ์ รชั กาลที่ ๕ เปน็ ตน้ มา สกลุ ชา่ งประตมิ ากรรมทางภาคใตเ้ รม่ิ เสอ่ื มลงตามลา� ดบั การสรา้ ง ผลงานทศั นศลิ ปม์ กั นิยมน�าแบบอยา่ งจากชา่ งหลวงมาเป็นแนวทางทา� ใหแ้ บบอย่างของ ความเป็นท้องถ่ินค่อยๆ มีนอ้ ยลง อยา่ งไรกต็ ามวัดวาอารามท่อี ยูน่ อกเมอื งออกไป 2พระโพธสิ ตั ว์อวโลกเิ ตศวร ปฏิมากรรมสมยั ศรีวชิ ยั กย็ งั สามารถพบเหน็ ประตมิ ากรรมทอ้ งถนิ่ แบบภาคใตท้ ยี่ งั คงอนรุ กั ษ์ สืบสานรูปแบบของวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ไวอ้ ยู่บา้ งในบางพืน้ ที่ 118 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET แนวคดิ ในการสรา งผลงานจติ รกรรมไทยในสมยั โบราณมาจากเรอ่ื งใดมากทส่ี ดุ 1 พระพิมพดินดบิ เหตทุ ท่ี าํ เปน พระพิมพด นิ ดิบ เน่ืองจากมวลสารที่นํามาสราง 1. บคุ คลสําคญั เชื่อวา นาจะเอาเถาอฐั ขิ องพระเถระ หรอื บคุ คลสาํ คญั มาผสมกบั ดนิ พมิ พเ ปน 2. พทุ ธประวัติ พระพทุ ธรปู และดว ยเหตทุ เ่ี ถา อฐั นิ น้ั ไดผ า นการเผามาแลว จงึ ไมน าํ เอาไปเผาซา้ํ อกี 3. นิทานพื้นบาน 2 ประติมากรรมสมัยศรีวชิ ัย ศาสนาทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอชาวศรีวชิ ัยอยางมาก คอื 4. เหตุการณในยุคนัน้ ๆ พระพทุ ธศาสนานิกายมหายานและศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู โดยประติมากรรมท่ี วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ผลงานจติ รกรรมไทยในอดีตนิยมเขียน เกย่ี วเน่อื งกับพระพุทธศาสนาที่เดน ชัดทีส่ ุดก็คอื รูปพระโพธสิ ัตวอวโลกิเตศวร เกยี่ วกบั พุทธประวัตจิ ากพระปฐมสมโพธิกถา และเรอ่ื งราวทางศาสนา ซ่ึงจะมหี ลายอิรยิ าบถ โดยไดรับอทิ ธิพลจากศิลปะชวาภาคกลางและศลิ ปะ โดยจะนิยมเขียนข้ึนเพอ่ื เปนพุทธบูชาตามผนงั โบสถ วหิ าร ศาลาการเปรียญ สมยั คุปตะของอนิ เดยี สวนประติมากรรมในศาสนาพราหมณ- ฮินดูจะเปน และผนังถา้ํ ทั้งนีเ้ พื่อประดบั ตกแตง สถานท่ีแลว ยงั ถอื เปนการเผยแผศาสนา รปู เทพเจา องคส าํ คัญๆ เชน พระนารายณ พระศวิ ะ พระพิฆเนศวร เปนตน ในอกี ทางหนึง่ ดว ย 118 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ E×pand ๓) สถาปตั ยกรรม สถาปตั ยกรรมในพน้ื ทภ่ี าคใตส้ ว่ นมากเกดิ ขน้ึ พรอ้ มกบั การเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา 1 ใหน กั เรยี นรวบรวมขอ มลู เกยี่ วกบั งานทศั นศลิ ป ในแตล ะภมู ิภาคมารวมกันจดั นทิ รรศการในหวั ขอ นกิ ายมหายาน หลกั ฐานทสี่ า� คญั ไดแ้ ก่ โบราณสถานและโบราณวตั ถทุ สี่ า� คญั ทางศาสนาหลายแหง่ เชน่ พระบรมธาตุ “ความงามของงานศลิ ปะบนผืนแผนดินไทย” โดยหาภาพประกอบและตกแตง ใหส วยงาม เมืองนครศรีธรรมราช (องค์เดิม) พระบรมธาตุไชยา เป็นต้น รวมท้ังมีการสร้างบ้านเรือนตามแบบอย่างของ ช่างหลวงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับท้องถ่ิน เช่น ตรวจสอบผล เจดยี ์วัดราษฎรบ์ รู ณะ (วดั ช้างให)้ วัดชลธาราสิงเห วัดถ้�าขวญั เมือง เป็นต้น Evaluate กรณบี า้ นเรอื นในภาคใตจ้ ะมคี วามสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มทางภมู ศิ าสตรแ์ ละสภาพสงั คม วฒั นธรรม ครูพิจารณาจากการจดั นิทรรศการในหัวขอ “ความงามของงานศลิ ปะบนผนื แผนดินไทย” เปน็ อยา่ งยงิ่ โดยมกี ารสรา้ งทพ่ี กั แยกออกเปน็ หลงั เมอื่ มกี ารขยายของครอบครวั และแยกครอบครวั ออกจากเรอื นนอน ของนกั เรียน โดยพจิ ารณาในดานความถกู ตอง ความสวยงาม และความมุง มน่ั ในการทาํ งานของ โดยมนี อกชานเปน็ ตวั เชอื่ ม สว่ นลกั ษณะของหลงั คาเรอื นจะนยิ มสรา้ งเปน็ สแ่ี บบ คอื หลงั คาทรงจว่ั หลงั คาทรงปน้ั หยา นักเรียน หลังคาทรงบราเนอร์ และหลงั คาทรงมนลิ า ลกั ษณ2 ะเด่นของเรือนในภาคใต้จะนิยมวางเสาไวบ้ นตีนเสา (ตอม่อ) ท่ี กอ่ อิฐและฉาบปูน เมื่อในกรณีท่ีตอ้ งการย้ายบา้ นสามารถจะหามและยา้ ยไปท่ตี ง้ั ใหม่ได้สะดวก พระบรมธาตุไชยา จังหวดั สรุ าษฎร์ธาน ี สถาปัตยกรรมทม่ี ลี กั ษณะเด่นเป็นเอกลักษณ ์ และแสดงถงึ ความงดงามของอาณาจกั รศรีวิชยั 119 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรียนควรรู ผลงานทศั นศิลปภ าคตางๆ ของไทย มรี ูปแบบการสรางสรรคท่ีแตกตา ง 1 พระบรมธาตุ หมายถงึ สถปู เจดยี หรอื พระปรางคท บ่ี รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ กันไปตามอิทธิพลของส่งิ ตา งๆ ทแี่ วดลอมในภมู ิภาคนนั้ แตห ากวิเคราะหแลว ในวดั ที่สรา งขนึ้ เปนหลักของเมือง ท้งั น้ีพระบรมธาตุมีช่ือเรียกอกี วา พระศรรี ตั น- จะมสี ่ิงทเี่ หมอื นกนั ทุกภูมิภาคคือสิง่ ใด มหาธาตุ พระมหาธาตุ เปนตน แนวตอบ ผลงานดานจิตรกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปต ยกรรม 2 ยา ยบา น การออกแบบบา นเรอื นท่ีวางเสาไวบ นตอมอ ตนี เสา ซง่ึ จะกออฐิ ในภาคตางๆ ของไทย มีความเหมือนกนั ในเรือ่ งของเนอ้ื หาเรื่องราวของ ฉาบปนู ไว ถือเปนภูมปิ ญญาทอ งถนิ่ ของภาคใต เหตุที่ออกแบบเชนน้ี เพ่อื ให ผลงานทีส่ วนใหญจ ะสะทอนถึงการนับถือพระพทุ ธศาสนา โดยสะทอนเปน สอดรบั กับสภาพภมู ิอากาศทีม่ ฝี นตกชุก หากมีนํ้าหลากจะไดเ คลื่อนยา ยไดง า ย ภาพเขยี นสเี รือ่ งราวพุทธประวตั ิ การปน และหลอองคพระพุทธรูปปางตา งๆ รวมถงึ ปอ งกนั เสาผจุ ากความชื้นและการกัดกนิ ของปลวก การกอ สรางเจดยี พระธาตุ สถูป พระปรางคตา งๆ หรือกลาวอยางสรปุ ได วา ผลงานทศั นศลิ ปท ่สี รา งขนึ้ สว นใหญไดร ับอิทธิพลจากพระพทุ ธศาสนา ท้ังสน้ิ คูมือครู 119
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหนกั เรยี นดภู าพจติ รกรรมในหนังสอื เรยี น ô. à»ÃÕºà·Õº§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »ÀŠ Ò¤µÒ‹ §æ ¢Í§ä·Â ภาคเหนือ หนา 120 แลว ครถู ามนักเรียนวา ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ทัศนศิลป์ของไทยและท้องถิ่นถือก�าเนิดขึ้น ภาคกลาง • หากนกั เรียนไมมีความรเู รื่องลกั ษณะผลงาน ตามภมู ภิ าคตา่ งๆ ของประเทศ ทมี่ ลี กั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ ทัศนศลิ ปใ นแตล ะภูมิภาคของประเทศไทย ประวัติความเป็นมา สังคมและวัฒนธรรมท่ีเป็นลักษณะ ภาคใต นักเรยี นจะสามารถระบุไดไ หมวา ผลงาน เฉพาะ ซ่ึงปัจจัยดังกล่าวล้วนมีอิทธิพลต่อรูปแบบและ ชิ้นใดเปน ของภาคใด ลักษณะของงานทัศนศิลป์เป็นอย่างมาก การที่จะเข้าใจ (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดอยา งอิสระ) ถึงงานทัศนศิลป์ในภาคต่างๆ ของไทยเพื่อให้เห็นภาพ อยา่ งชดั เจน ผเู้ รยี นจะตอ้ งมองผลงานทศั นศลิ ปใ์ หเ้ ปน็ ไป • นักเรียนมีวธิ ีการจาํ แนกผลงานทัศนศลิ ปข อง ตามปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งดว้ ย ซง่ึ อาจจะมที ง้ั สว่ นทเ่ี หมอื นกนั แตล ะภูมภิ าคอยางไร หรอื สว่ นท่แี ตกต่างกนั ตามรายละเอยี ด ดังนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยา งอิสระ) สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรยี นศึกษา คน ควาตวั อยา งการ ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาคกลาง ภาคใต เปรยี บเทยี บงานทศั นศลิ ปป ระเภทจิตรกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปต ยกรรมภาคตา งๆ ของไทย จากหนงั สอื เรยี น หนา 120-121 พรอ มท้งั สบื คน ตัวอยางภาพงานทัศนศลิ ปภาคตา งๆ ของไทย ท่ีนอกเหนือจากหนังสอื เรียน จากแหลง เรยี นรตู างๆ เชน หองสมุด อนิ เทอรเ น็ต เปน ตน อธบิ ายความรู Explain จติ รกรรมในภาคเหนอื นยิ ม จิตรกรรมในภาคตะวนั ออก- จิตรกรรมในภาคกลาง นิยม จติ รกรรมในภาคใต นิยมเขียน เขียนโดยชางพื้นบา น มีเนอื้ เรอ่ื ง เฉียงเหนือ นยิ มเขียนโดยชา ง เขยี นโดยชางหลวง มีเนือ้ เรอ่ื ง โดยชา งพ้ืนบาน มเี นอื้ เรอ่ื ง 1. ใหนักเรียนรว มกันอภปิ รายเก่ียวกบั ความ 1เกี่ยวกบั พุทธประวัติจาก พน้ื บา น มเี นอ้ื เรอื่ งเกย่ี วกบั พทุ ธ- เกีย่ วกบั พทุ ธประวตั ิจาก เก่ียวกบั พทุ ธประวัตจิ าก แตกตา งของผลงานดานจิตรกรรมภาคตางๆ ประวตั ิจากพระปฐมสมโพธกิ ถา พระปฐมสมโพธิกถา ไดแ ก พระปฐมสมโพธิกถา และ ของไทย แลว สรปุ สาระสาํ คัญ ลงสมดุ บนั ทึก พระปฐมสมโพธิกถา และ ตาํ นานพื้นบา นตา งๆ การเขียน และวรรณกรรมพื้นบา น เชน ทศชาติชาดก มารผจญ หรอื เร่อื งราวทองถ่ินสอดแทรก 2. ครใู หนักเรียนนาํ ตัวอยา งผลงานจิตรกรรม ภาพจะปรากฏในพระวหิ าร หอคาํ พระศรมี โหสถ เปนตน ภาพพระอดตี พทุ ธ และเรอ่ื งราว โดยเฉพาะเรื่องราวในศาสนา ภาคตางๆ ของไทย ที่นักเรยี นสืบคนมานัน้ และศาสนสถานอ่ืนๆ การเขียน การเขียนภาพจะมีปรากฏภายใน ทางประวตั ศิ าสตร วรรณคดตี า งๆ พราหมณ-ฮินดู ศาสนาอิสลาม นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน ภาพระบายสนี ิยมใชสีเหลือง โบสถท่ีเรียกวา “สมิ ” และ การเขียนภาพทป่ี รากฏบน ท่ปี รากฏผานการตกแตงดว ย ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สีทอง และสีแดงเปน หลกั ศาลาการเปรยี ญทเ่ี รยี กวา ผนังอาคาร ไดแ ก โบสถ วหิ าร รูปแบบ และลวดลายตางๆ และภาคใต ตามลาํ ดับ จากนัน้ ใหนกั เรียน สาํ หรบั การตกแตง ลวดลายและ “หอแจก” เทคนคิ ในการเขยี นภาพ ศาลาการเปรยี ญ รวมถงึ ใน อยางนา สนใจ รว มกนั วิเคราะหว า ลกั ษณะของผลงาน การใชสหี ลายสใี นการเขยี นเปน จะใชส ีฝุนผสมกาวจากธรรมชาติ สมุดขอย เทคนคิ การเขยี นจะใช จติ รกรรมแตละภาคมีสวนใดทีเ่ หมอื นกนั ภาพ และเรอ่ื งราวในพทุ ธประวตั ิ ระบายแบบเรียบงา ย ดูหยาบ สีฝุนผสมกาวจากธรรมชาติ เปน หรือมสี วนใดทแ่ี ตกตา งกัน วรรณคดีจะมรี ายละเอียดท่ี แตด ูมีความอสิ ระ และจริงใจ วตั ถดุ บิ ในการสรางสรรคผ ลงาน งดงามมาก 120 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ผลงานจิตรกรรมไทยของแตละภาคมีความคลายคลงึ กันมากทส่ี ุดในเรอ่ื งใด ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมเก่ียวกับผลงานทศั นศิลปภาคตา งๆ ของไทยวา โดยทว่ั ไปแลว 1. รปู แบบการเขียน ปจ จัยที่เปนเคร่อื งกําหนดลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปป ระกอบดว ยดนิ ฟา อากาศ 2. เรื่องราวทน่ี ําเสนอ เทคนคิ วัสดุอุปกรณ การคมนาคม การปกครอง เศรษฐกจิ ระบบสังคม วัฒนธรรม 3. การจดั องคประกอบ ความเชือ่ และรสนิยม ซึ่งปจจยั ทเ่ี ปลย่ี นแปลงงา ยท่ีสดุ เชน ปจ จัยดานรสนิยม 4. สภาพของชมุ ชน เทคนิค สวนปจ จยั ทเ่ี ปลี่ยนแปลงไดย ากหรอื เปลย่ี นแปลงชา เชน ปจจัยดานดนิ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. จติ รกรรมไทยถงึ แมในแตล ะภาคจะมี ฟา อากาศ วฒั นธรรม และความเช่ือ วิธกี ารเขียน รปู แบบที่ใช คตนิ ิยมในการสรางท่ีแตกตางกันไป ทําใหผ ลงาน ทีแ่ ลว เสร็จออกมามีความแตกตางกัน ดแู ลว สามารถจะบอกไดวาเปน นักเรยี นควรรู ของภาคใด แตเรือ่ งราวทนี่ ยิ มนาํ มาวาดสว นใหญจะเปนเรอื่ งราวพทุ ธประวตั ิ หรือแสดงเรื่องราวทเ่ี กยี่ วของกบั พระพุทธศาสนา 1 พระปฐมสมโพธกิ ถา ช่อื คัมภีรแสดงเร่ืองราวของพระพทุ ธเจา ตงั้ แตประทบั อยบู นสวรรคช น้ั ดุสติ เทวดาอัญเชิญใหมาอบุ ัติในมนุษยโลก แลว ออกบวช ตรัสรู ประกาศพระศาสนา ปรนิ ิพพาน จนถึงการแจกพระธาตุ ตอ ทา ยดวยเรื่อง พระเจา อโศกมหาราชยกยอ งพระศาสนา และการอันตรธานแหงศาสนาในทีส่ ดุ 120 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาคกลาง ภาคใต 1. ใหน กั เรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั ความแตกตางของผลงานประตมิ ากรรม ปฏิมากรรมพระพุทธรูปใน ปฏิมากรรมพระพทุ ธรปู ใน ปฏิมากรรมภาคกลาง ได ปฏิมากรรมภาคใต ไดร ับ และสถาปต ยกรรมภาคตา งๆ ของไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื นิยม รบั อิทธิพลมาจากศิลปะลังกา แลวสรุปสาระสาํ คญั ลงสมุดบนั ทกึ ภาคเหนอื ไดร บั อิทธพิ ลจาก ทําเปน ปางตา งๆ เชน เขมร และตะวันตก นิยมทําเปน อทิ ธิพลจากศิลปะอินเดยี อินเดีย พมา และลังกา นิยม ปางมารวชิ ยั ปางขดั สมาธิ (ตรสั ร)ู พระพทุ ธรูปในปางตางๆ กนั ชวา และจามปา นิยมทาํ เปน 2. ครใู หน กั เรยี นนาํ ตวั อยางผลงานประตมิ ากรรม ทาํ เปน พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ัย ปางประทบั ยืน ปางนาคปรก เชน ปางสมาธิ ปางมารวชิ ัย พระพทุ ธรปู และพระโพธิสตั ว ภาคตา งๆ ของไทย ทีน่ ักเรียนสืบคน มานั้น เชน แบบเชียงแสน แบบสุโขทยั เปนตน มีวสั ดุทใี่ ช คือ โลหะ เปน ตน การปน พระพทุ ธรปู องคท ม่ี ชี อ่ื เสยี ง และมรี ปู ลกั ษณะ นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน เปนตน โดยเฉพาะพระพุทธรปู และไม โดยเฉพาะพระพทุ ธรูป ในระยะหลงั จะนิยมทาํ ทง่ี ดงามมาก ไดแ ก พระโพธสิ ตั ว ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สมัยสโุ ขทัยในหมวดแรกจะมี ท่แี กะสลักจากไม มพี ทุ ธลักษณะ พระพทุ ธรูปแบบ อวโลกเิ ตศวร หลอดวยสํารดิ และภาคใต ตามลาํ ดบั จากนัน้ ใหน ักเรยี น พุทธลกั ษณะทงี่ ดงามมาก เชน โดดเดน เปนแบบพ้ืนบาน เหมือนจริงตาม พบทอี่ ําเภอไชยา รว มกันวิเคราะหว า ลักษณะของผลงาน พระพทุ ธชินราช มพี ระพกั ตรแ บบกลม แบบอยา ง จังหวดั สุราษฎรธานี ประติมากรรมแตละภาคมสี วนใดท่ีเหมอื นกัน ทป่ี ระดิษฐาน แบบเหลีย่ ม ของตะวันตก ปจจบุ ันจดั แสดงอยทู ี่ หรอื มสี ว นใดท่แี ตกตา งกนั อยทู ี่วดั พระศรี- และพระพกั ตรร ี หองศรวี ิชัย รัตนมหาธาตุ เปนรูปไข ประทบั พพิ ิธภณั ฑสถาน- 3. ครูใหน กั เรยี นนําตัวอยางผลงานสถาปต ยกรรม จังหวัด น่งั อยูบนฐาน แหง ชาติ พระนคร ภาคตางๆ ของไทย ทน่ี กั เรียนสืบคน มานั้น พิษณุโลก นาํ มาแปะบนกระดานดาํ โดยเรยี งลาํ ดบั ผลงาน เปนตน ทสี่ ูงมาก ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคใต ตามลําดับ จากน้นั ใหนักเรียน รวมกนั วเิ คราะหวา ลกั ษณะของผลงาน สถาปต ยกรรมแตล ะภาคมสี ว นใดทเ่ี หมอื นกัน หรอื มสี วนใดท่ีแตกตา งกัน สถาปต ยกรรมในภาคเหนือ สถาปต ยกรรมในภาค สถาปตยกรรมในภาคกลาง สถาปตยกรรมในภาคใต มีลักษณะศลิ ปะแบบลา นนาท่ไี ด ตะวันออกเฉยี งเหนือ มลี กั ษณะ รบั อทิ ธพิ ลจากพมา และศิลปะ การกอ สรางสถูป หรอื เรยี ก มลี กั ษณะการกอสรา ง สิง่ ปลูกสรางเปน อาคารใน สมยั ทวารวดี มรดกทางทศั นศลิ ป วา “พระธาตุ” โบสถ หรอื เรียก สถาปตยกรรมในหลายรปู แบบ พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน ทส่ี าํ คญั เชน เจดยี วัดเจด็ ยอด วา “สมิ ” กบั ปราสาทหนิ ใน เชน พระอโุ บสถ พระวหิ าร ลกั ษณะเดน ไดแก พระบรม- (วดั โพธาราม) วดั พระสิงห- ชวงสมัยตา งๆ กนั โดยเฉพาะ พระปรางค พระสถปู เจดีย ธาตุไชยา จงั หวัดสุราษฎรธานี วรวิหาร วดั พระธาตดุ อยสเุ ทพ ปราสาทหินท่มี กี ารกอ สรางมาก เปน ตน การปลูกสราง มีการ มรี ปู แบบคลา ยกบั สถาปต ยกรรม วัดกกู ุด (วดั จามเทว)ี เปน ตน ในบรเิ วณอีสานใต แถบจังหวดั ออกแบบตกแตงอยางวิจติ ร บนเกาะชวา สถาปต ยกรรม สว นบานเรอื นนิยมทําแบบ บุรรี ัมย สุรนิ ทร ศรีสะเกษ บรรจง มกี ารจดั วางแผนผงั ของ อกี ลกั ษณะหน่ึง คือ สถูปเจดยี เรือนทรงกาแล สง่ิ กอ สรา งอยางสมบูรณแ บบ ที่ไดร ับอทิ ธิพลจากลังกา คอื เชน วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม พระบรมธาตเุ จดยี วัดพระ- วัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม มหาธาตวุ รมหาวิหาร จังหวัด เปนตน นครศรธี รรมราช ดัดแปลงมา จากสถาปต ยกรรมแบบศรีวิชยั 121 บูรณาการเช่ือมสาระ เกรด็ แนะครู การศึกษาเก่ียวกับงานทัศนศิลปใ นแตละภูมิภาคสามารถบูรณาการ ครูใหนักเรียนชวยกนั หาผลงานเดนๆ ทงั้ ทางดา นจิตรกรรม ประตมิ ากรรม กับการเรียนการสอนของกลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนา และ และสถาปต ยกรรมของแตล ะภาค พรอ มท้ังขอ มลู จากนน้ั นําภาพและขอ มลู วัฒนธรรม วิชาภมู ศิ าสตร เรอื่ งการแบงเขตหรือภาคในทางภูมศิ าสตร มาอภิปรายเพื่อเปรยี บเทียบใหเห็นความแตกตา ง โดยเฉพาะดานรูปแบบ เพราะหากนกั เรยี นมคี วามรคู วามเขา ใจและศกึ ษาขอ เทจ็ จรงิ ของแตล ะภมู ภิ าค และองคป ระกอบทางดา นเรือ่ งราวทส่ี อดแทรกอยู ซึง่ จะชวยทําใหนกั เรยี นมีความรู ไดช ดั เจน รจู กั สภาพแวดลอ มของแตล ะภาค รวมทง้ั ปญ หาของแตล ะทอ งถน่ิ ความเขาใจเกย่ี วกบั ผลงานทัศนศิลปข องแตละภาความีจดุ ใดทีค่ ลา ยคลึง จะทาํ ใหนักเรยี นเขาใจลกั ษณะรูปแบบสถาปตยกรรมของภูมิภาคตางๆ หรือแตกตา งกนั บา ง ทง้ั นีค้ รคู วรเปนผูส รุปสาระสาํ คัญ แลว ใหนกั เรยี นจดบันทึก ของไทยไดดยี งิ่ ข้นึ สาระสาํ คัญลงสมุด คูมือครู 121
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Engage E×pand Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ ครูใหนักเรียนแบง กลมุ ออกเปน 3 กลุม ให กจิ กรรม ศลิ ปป์ ฏบิ ตั ิ ๙.๒ แตล ะกลุม สืบคนผลงานทัศนศลิ ปภาคตางๆ ของไทย จากแหลงเรยี นรูต า งๆ เชน หนงั สือเรียน กจิ กรรมท่ี ๑ ครูเชิญวิทยากรมาบรรยายในหัวข้อ ผลงานทัศนศิลป์ท่ีส�าคัญของชาติและผลงานทัศนศิลป์ท่ี หอ งสมุด อนิ เทอรเน็ต เปน ตน ตามหัวขอ ท่คี รู สา� คญั ในทอ้ งถน่ิ จากนน้ั นา� ขอ้ มลู ท่ีไดม้ าสรปุ สง่ ครผู สู้ อน และนา� ขอ้ มลู ไปจดั แสดงทปี่ า้ ยนเิ ทศ กาํ หนดให ดงั น้ี เปน็ เวลา ๑ สัปดาห์ กลุมที่ 1 ผลงานดานจติ รกรรม กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนแต่ละคนน�าผลงานทัศนศิลป์ในประเภทจิตรกรรม หรือประติมากรรม หรือ กลุมท่ี 2 ผลงานดา นประติมากรรม สถาปัตยกรรมของภูมภิ าคตา่ งๆ มาเปรียบเทยี บกัน เลอื กทา� เพียง ๑ ประเภท เชน่ ลักษณะ กลมุ ที่ 3 ผลงานดานสถาปตยกรรม อาคารบา้ นเรอื นของแตล่ ะภาค เป็นต้น โดยให้น�าเสนอข้อมลู สังเขปพรอ้ มภาพประกอบ แลวใหแ ตละกลมุ นาํ ผลงานทศั นศิลปภาคตา งๆ ของไทยมาเปรยี บเทียบกัน โดยจดั ทาํ เปน รายงาน กิจกรรมที่ ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี พรอ มหาภาพประกอบ นําผลงานสงครูผูส อน ๓.๑ ผลงานทศั นศิลปข์ องชาติกบั ทอ้ งถนิ่ มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร ๓.๒ ปจั จัยอะไรบ้างทีท่ า� ใหผ้ ลงานทัศนศิลป์ในแต่ละภูมิภาคมีความเหมือน หรือแตกต่างกนั ตรวจสอบผล Evaluate ครูพิจารณาจากรายงานการเปรียบเทียบผลงาน สรปุ งานทศั นศลิ ป์ นบั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทางภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ และภมู ปิ ญั ญาไทยทส่ี ำาคญั ทศั นศลิ ปภ าคตางๆ ของไทยของนกั เรียน โดย พิจารณาดานความถูกตองของเนอ้ื หาสาระและ ของชาติ ซ่งึ งานทัศนศิลป์ของชาติและของท้องถนิ่ มีรูปแบบที่แตกต่างกนั ไปตามภูมิภาค ด้วยปัจจยั ทาง ความสวยงาม ภมู ศิ าสตร์ สงั คมและวฒั นธรรมในแตล่ ะพน้ื ท่ี ตอ่ มาเมอื่ ความเจรญิ ทางสงั คมมมี ากขน้ึ ทำาใหร้ ปู แบบงาน ทัศนศิลป์ของชาติได้แพร่หลายออกไปยังท้องถิ่นต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ทำาให้ผลงานทัศนศิลป์ประเภท หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ต่างๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมในท้องถ่ิน เริ่มรับเอาแบบอย่างและรูปแบบ วิธีการของส่วนกลางมากข้ึนตามลำาดับ ท้ังน้ี งานทัศนศิลป์ในแต่ละภูมิภาคต่างก็มีรูปแบบของผลงาน 1. การจัดนิทรรศการในหัวขอ “ความงามของ ทั้งทมี่ คี วามเหมอื นกนั และแตกตา่ งกนั ขึ้นอยกู่ ับปัจจยั ต่างๆ กัน ดว้ ยเหตนุ กี้ ารศึกษาเก่ียวกบั ทศั นศิลป์ งานศลิ ปะบนผนื แผน ดนิ ไทย” ของชาติและของท้องถิ่น จึงมีจุดประสงค์ท่ีจะให้คนไทยได้มีความรู้ ความเข้าใจ และภาคภูมิใจใน ความเป็นไทยทบ่ี รรพบุรุษได้ส่ังสม จนเป็นมรดกสบื ทอดมาจนถึงปจั จุบัน 2. รายงานการเปรียบเทียบผลงานทัศนศลิ ป ภาคตา งๆ ของไทย 122 แนวตอบ กิจกรรมศลิ ปปฏิบัติ 9.2 กิจกรรมที่ 3 1. งานทัศนศลิ ปข องชาติ หมายถึง ศลิ ปะที่ถูกถายทอดและสรา งขนึ้ โดยชา งจากราชสํานัก หรอื ชางหลวง โดยมีรูปแบบทแ่ี ตกตา งกนั ไปตามลกั ษณะของการใชส่อื วสั ดุ กรรมวธิ ี ชว งเวลา และพฒั นาการทางศิลปะในแตล ะยคุ สมัย สะทอ นใหเ หน็ ถึงเอกลักษณข องความเปนไทย สวนงานทัศนศิลปทองถ่นิ เปน ศาสตรท างศลิ ปกรรม ในดานจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปตยกรรม ท่ีสรา งสรรคจ ากภูมิปญ ญาของชาวบา นท่ีไดคดิ ประดษิ ฐข น้ึ มาเปนเอกลกั ษณข องทอ งถิน่ ท่ีตนอาศัยอยู 2. ปจจัยท่ีมีผลตอ งานทัศนศิลปของแตละภูมภิ าค คอื ลักษณะทางภูมิศาสตร ประวัตคิ วามเปน มา สงั คมและวฒั นธรรมที่แตกตางกัน ลวนมีผลตอ การสรางสรรคผ ลงาน ทศั นศิลปในภมู ภิ าคตางๆ ของไทย 122 คูม ือครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู เปรียบเทียบความแตกตา งของจดุ ประสงคใน การสรา งสรรคงานทัศนศิลปข องวฒั นธรรมไทย และสากล สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค 1. มวี ินยั 2. ใฝเ รียนรู 3. มุงม่ันในการทาํ งาน 4. รักความเปนไทย ๑๐หนว่ ยที่ กระตนุ้ ความสนใจ Engage ทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทยและสากล ครูใหน กั เรยี นดูภาพหนา หนวย แลว ถาม ผลงานทัศนศิลป์ล้วนมีปรากฏอยู่ในแต่ละวัฒนธรรม นักเรียนวา ตัวชี้วัด ศ ๑.๒ ม.๑/๓ ซ่ึงการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ขึ้นมาล้วนแต่ต้องการ • ภาพดังกลา วเปน งานทัศนศลิ ปท่มี ชี อ่ื วา ตอบสนองความตอ้ งการของสงั คมทง้ั สนิ้ สาำ หรบั สงั คมไทย อะไร และมลี ักษณะรปู แบบเปน อยา งไร ■ เปรียบเทียบความแตกต่างของจุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ (แนวตอบ โคลอสเซียม (Colosseum) เปน งานทศั นศลิ ป์ของวฒั นธรรมไทยและสากล งานสถาปตยกรรมสมยั โรมนั เปน อาคาร ประเภทอฒั จนั ทร สรางขึ้นดว ยการกอ อิฐ ผลงานทางด้านทัศนศิลป์มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีรปู แบบโรมันโบราณผสมผสานกับแบบ คลาสสิก) สาระการเรียนรแู้ กนกลาง จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์งานมีอยู่หลายปัจจัยเช่นเดียวกับ ทัศนศิลป์สากลจะมีรูปแบบแตกต่างไปจากของไทย และมี • ผลงานทศั นศลิ ปใ นภาพปรากฏอยูทใี่ ด และ มคี วามโดดเดน อยา งไร ■ ค วามแตกต่างของงานทัศนศิลปใ์ นวัฒนธรรมไทย จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ท่ีมีบางด้านทั้งเหมือนและแตกต่าง (แนวตอบ โคลอสเซยี มตั้งอยูท่ีกรงุ โรม และสากล จากทศั นศลิ ปไ์ ทย การเรยี นรทู้ ำาความเขา้ ใจทศั นศลิ ปไ์ ทยและสากล ประเทศอติ าลี ถือเปนอฒั จนั ทรถ าวร คร้ังแรกทีส่ รา งขึ้นในกรุงโรมและยังเปน จะช่วยทำาให้เราสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของจุดประสงค์ อนุสาวรียทส่ี งางาม) ในการสร้างสรรค์ทศั นศลิ ป์ระหวา่ งสองวัฒนธรรมได้ 123 เกร็ดแนะครู การเรยี นการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูผสู อนควรใหนักเรียนไดศ กึ ษางาน ทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทยและสากลจากผลงานจริง หรอื ศกึ ษาจากภาพตวั อยาง ผลงานทัศนศลิ ปป ระเภทตางๆ ท้งั ของไทยและสากล ซง่ึ จะเปนการชวยให นกั เรียนสามารถเปรียบเทียบความแตกตา งของจุดประสงคในการสรา งสรรค ผลงานทศั นศลิ ปทั้งสองวฒั นธรรมได คมู่ อื ครู 123
กกรระตะตนุ้ Eุน้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครใู หน ักเรียนดภู าพผลงานทศั นศิลปในอดีต ๑. ผลงานทศั นศลิ ป์ในวัฒนธรรมไทย เชน ภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยธุ ยา วดั เกาะแกว สทุ ธาราม จังหวัดเพชรบรุ ี ภาพลวดลายปูนปน งานทัศนศิลป์ของไทยเป็นการสร้างสรรค์ทางศิลปะ ท่ีเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้น และการแสดงออก รูปกินรี สมยั สุโขทัย เปน ตน จากน้ันใหนักเรียน ของช่างศิลป์ หรือศิลปินไทยผ่านผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบประเภทต่างๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และ รวมกันวเิ คราะหวา ภาพแตล ะภาพมีประเด็นใด สถาปัตยกรรม การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อาจจะเป็นไปเพ่ือตอบสนองความต้องการทางจิตใจ โดยเน้นคณุ คา่ ท่สี มั พันธก นั ทางความคดิ ความงาม หรอื เพอ่ื ตอบสนองในเรอื่ งของประโยชน์ใชส้ อย เพอ่ื อา� นวยความสะดวกในชวี ติ ประจา� วนั สา� รวจคน้ หา Explore ผ1ลงานทัศนศิลป์ที่สร้างข้ึนเพื่อตอบสนองความต้องการทางจิตใจ และความงาม จัดอยู่ในประเภท ใหนกั เรยี นศึกษา คนควาเกีย่ วกบั ผลงาน “วจิ ติ รศลิ ป”์ (Fine Arts) หรอื “ศลิ ปะแท”้ ไดแ้ ก ่ ผลงานจติ รกรรม ประติมากรรม และสถาปตั ยกรรม สว่ นผลงาน ทศั นศิลปใ นวฒั นธรรมไทย ดา นปจ จยั ทมี่ อี ิทธิพล ท่ีสรา้ งข้นึ เพอ่ื เน้นประโยชน์ใชส้ อยเป็นหลกั มคี วามงามรองลงมาจัดอยู่ในประเภท “ประยุกตศ์ ลิ ป”์ (Applied Arts) ตอ การสรางสรรคผ ลงาน จากแหลงเรียนรูตา งๆ ได้แก่ การออกแบบตกแตง่ การออกแบบเสอื้ ผา้ เปน็ ตน้ เชน หนังสือเรยี น หองสมดุ อนิ เทอรเน็ต เปนตน ปัจจยั ทม่ี ีอทิ ธิพลตอ่ การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศลิ ปท์ ง้ั ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑.๑ แนวความคดิ และปรัชญาความเชอ่ื การแสดงออกทางความคดิ ของบคุ คล หรอื คา่ นยิ มตา่ งๆ รวมถงึ ปรชั ญาและความเชอื่ ยอ่ มมผี ลกระทบตอ่ การสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ เชน่ แนวความคิดเกยี่ วกับศิลปะเพ่ือศิลปะ หรือแนวความคิดเก่ยี วกบั ศลิ ปะเพือ่ ชีวติ ไดส้ รา้ งแรงบันดาลใจใหก้ ับผู้สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ใหเ้ ห็นคลอ้ ยตามแนวความคดิ นัน้ เปน็ ตน้ จิตรกรรมฝาผนังสมัยอยธุ ยา วดั เกาะแกว้ สุทธาราม จังหวดั เพชรบรุ ี และลวดลายปนู ป้นั รูปกินรี สมยั สุโขทัย ตวั อยา่ งผลงานทศั นศิลปท์ ส่ี ะทอ้ น ถึงคติความเชื่อของคนสมัยโบราณเกยี่ วกับศาสนา 124 นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน ปจ จยั ทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอการสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป 1 วิจติ รศิลป ผลงานศิลปะท่มี นุษยสรา งขึน้ ถึงขัน้ งามบริสทุ ธิ์ มกี ารแสดงออก ในวัฒนธรรมไทยมากที่สุด ถึงอารมณส ะเทือนใจท่ีผชู มรับรูได เปน ผลงานสรา งสรรค มคี วามคดิ ริเริ่ม และ 1. การทาํ มาหากิน แสดงเอกลักษณ ปรากฏจดุ มงุ หมายในดา นความรสู ึกและจินตนาการทางจติ ใจ 2. ศาสนาและความเชอื่ มากกวาประโยชนใชส อย 3. สภาพลมฟา อากาศ 4. การตอสูทาํ ศกึ สงคราม มุม IT วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ศาสนาและความเชื่อเปนปจจยั สําคัญ ที่ทาํ ใหเ กิดการสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปป ระเภทตา งๆ โดยเฉพาะผลงาน นกั เรียนศึกษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกบั จิตรกรรมไทยและภาพวาดจติ รกรรมไทย ไดท่ี ที่มคี วามย่ิงใหญแ ละมคี วามประณตี สวยงาม ศิลปนและผรู วมสรางสรรค http://www.jitdrathanee.com ผลงานจะตอ งมคี วามเชื่อถอื และความศรัทธาเปน หลกั จึงจะมีพลงั กาย และพลงั ใจท่ีจะสรางสรรคผลงานดังกลา วไวเปนมรดกของแผน ดนิ สบื ตอ ไป 124 คูม่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ วัสดแุ ละสง่ิ แวดล้อม ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายเกยี่ วกับผลงาน ทศั นศลิ ปในวัฒนธรรมไทย ดานปจจัยทม่ี ีอทิ ธพิ ล การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์เพ่ือให้เกิดรูปทรง โครงสร้าง หรือเกิดเป็นภาพได้น้ัน การพิจารณาใน ตอการสรางสรรคผ ลงาน โดยใหน กั เรยี นสรุป ลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทย เรื่องของวัสดุที่ใช้ประกอบการสร้าง และเทคนิคในการออกแบบมีความจ�าเป็นอย่างย่ิง เพราะคุณสมบัติของวัสดุ และปจจัยท่มี อี ิทธิพลตอการสรา งสรรคผลงาน เปนแผนผังความคิด (Mind Mapping) ทแ่ี ตกตา่ งกนั จะทา� ใหเ้ กดิ คณุ คา่ ความงามและมเี นอ้ื หาสาระทแี่ ตกตา่ งกนั ทง้ั น ้ี หากผสู้ รา้ งมคี วามร ู้ และความเขา้ ใจ สง ครูผูสอน จากนั้นครถู ามนกั เรียนวา เกยี่ วกับวัสดเุ ปน็ อย่างดี จะท�าให้การสรา้ งสรรค์ผลงานเมอื่ ส�าเรจ็ ออกมาก็จะไดผ้ ลเป็นท่นี ่าพอใจ • จุดประสงคหลักของการสรางสรรคผลงาน ทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมไทยคืออะไร ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยส�าคัญต่อแนวความคิดและแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างสรรค์ การศึกษา (แนวตอบ หลกั การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ในวัฒนธรรมไทย สามารถสรปุ ไดเ ปน ธรรมชาติกระท�าได้ทั้งมุมแคบและมุมกว้าง ซ่ึงแต่ละคนจะเห็นแง่มุมท่ีจะใช้ส�าหรับการสร้างสรรค์แตกต่างกันไป 6 ประการท่สี าํ คญั คอื ประการที่ 1 ทัศนศลิ ปไทยสรางสรรคข น้ึ เพ่อื ถา ยทอด เรื่องของศิลปะไม่มีผดิ ไมม่ ีถกู ขึ้นอย่กู บั วา่ ใครจะสามารถสรา้ งสรรค์ หรอื ถา่ ยทอดความงามออกมาได้มากกว่ากนั ประสบการณแ ละความรสู ึกนึกคิดตอ การรับรูเ ร่ืองราวในสงั คมและวัฒนธรรมไทย เทา่ นนั้ และก็ไมม่ เี ครือ่ งมือใดๆ จะมาวัดผลการแสดงออกดงั กล่าวไดด้ ว้ ย ประการท่ี 2 ทศั นศลิ ปไ ทยสรา งสรรคข้ึน เพื่อความภาคภมู ิใจของคนไทย ประการที่ 3 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งธรรมชาตแิ ละการสรา้ งสรรคท์ ศั นศลิ ปจ์ งึ เปน็ ไปในลกั ษณะทเ่ี ออื้ ตอ่ กนั โดยธรรมชาติ ทศั นศลิ ปไทยสรา งขึ้นเพอ่ื จุดประสงค อยา งใดอยา งหนึ่งบนพ้ืนฐานสังคมและ จะให้บทเรยี นแกม่ นษุ ย์ในดา้ นความรสู้ กึ ใหมๆ่ เช่น ท้องทะเลทีม่ ีพ้ืนน�้าใสเรยี บราวกบั กระจก ดอกไมท้ ีม่ ีกลบี ดอก วฒั นธรรมไทย ประการที่ 4 ทัศนศลิ ปไทย สรา งสรรคข นึ้ เพอื่ เปน แนวทางในการออกแบบ สสี นั สวยงาม เป็นต้น ตกแตงเครอื่ งใชสอยและสภาพแวดลอ ม ประการที่ 5 ทศั นศิลปไ ทยสรา งสรรคขน้ึ ด้วยเหตนุ ้ี บรรดาศลิ ปนิ จงึ ไดอ้ าศยั ธรรมชาติเป็นครูส�าหรับการสรา้ งสรรค์ทัศนศิลป์แบบใหม่ๆ อยเู่ สมอ เพ่ือความสะดวกในการดาํ รงชวี ิต และ ประการที่ 6 ทศั นศิลปไ ทยสรางสรรคขึ้น ขณะเดยี วกนั ผลงานทศั นศิลปก์ ถ็ ือเปน็ แบบจา� ลองความงามทางธรรมชาตไิ ด้อยา่ งหน่ึง เพอื่ รบั ใชหรอื แสดงออกดา นความเช่อื ๑.๓ การรบั อทิ ธิพลทางศิลปะ ความศรทั ธาตอศาสนาและสถาบนั พระมหากษตั รยิ ) มนุษยส์ ามารถด�ารงชีวิตอยู่ในสังคมได ้ ตอ้ งอาศยั ปจั จัยเก้อื หนุนในหลายด้าน ไดแ้ ก ่ ปัจจัยส่ที ป่ี ระกอบ ด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ท่ีอยู่อาศัย และยารักษาโรค เป็นความต้องการพ้ืนฐานท่ัวไป แต่มนุษย์มีความต้องการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนให้ดีข้ึนใน ทกุ ดา้ น ดังนั้น จงึ ได้มกี ารประดิษฐ์คดิ ค้น และสร้างสรรค์ส่ิงอ�านวยความสะดวกต่างๆ มากมายมาอยา่ งต่อเน่อื ง การคิดค้น และการสร้างสรรค์ผลงาน ทศั นศิลป์ นอกจากการศึกษาเรยี นรู้จากวัฒนธรรมไทย แลว้ ยงั มกี ารเรยี นรจู้ ากวธิ กี ารจากภายนอกเพอ่ื นา� มาปรบั ปรงุ และพัฒนาผลงานของตนให้มีความเจริญก้าวหน้าอีกด้วย เช่น การรบั แบบอยา่ งทางศลิ ปะจากตะวันออก เชน่ อินเดีย จนี เปอร์เซยี เปน็ ต้น มาใช้ในการสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป ์ หรือการศึกษา แหลง่ เรยี นรศู้ ลิ ปะตามแนวทางตะวนั ตก เปน็ ตน้ ซง่ึ อทิ ธพิ ล ของศลิ ปะจากวฒั นธรรมภายนอกไดม้ สี ว่ นชว่ ยใหผ้ ลงาน 1“อิสรภาพ” ประติมากรรมปั้นหล่อไฟเบอร์กลาสส์ทําสี ผลงานของ ทัศนศิลป์ของไทยมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงทั้งใน ดา้ นรปู แบบ เนอ้ื หา และการนา� เสนอมาโดยตลอด จารุพงษ์ พลชยั เปน็ การสร้างสรรคผ์ ลงานตามแนวศิลปะตะวันตก 12๕ กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู ใหน กั เรยี นสรปุ ลกั ษณะของงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทยมาพอสงั เขป ครอู ธิบายเพ่ิมเติมเกยี่ วกบั อิทธิพลของศลิ ปะตะวันตกท่ีมีตอ พฒั นาการ โดยทําลงกระดาษรายงาน สงครผู ูสอน ศิลปะไทย ผลงานศิลปะสมัยใหมของไทยนบั ตง้ั แต พ.ศ. 2300 เปนตน มา รปู แบบ ของผลงานจะมลี ักษณะเปน สากลและสะทอนอตั ลักษณเ ฉพาะของศลิ ปนมากข้ึน กิจกรรมทา ทาย มีการใชวสั ดุและเทคนคิ ใหมๆ รวมทัง้ การเปลี่ยนแปลงโลกทัศนอ ยางรวดเร็ว ทาํ ให รปู แบบของศลิ ปะมคี วามหลากหลายมากยง่ิ ขนึ้ รวมถงึ ผลงานจาํ นวนมากกเ็ นน หนกั ทค่ี วามคดิ ริเร่มิ เปน สาํ คัญมากกวาจะเนน เพื่อความสวยงาม ใหน ักเรยี นยกตัวอยา งงานทัศนศลิ ปท แี่ สดงถึงวัฒนธรรมไทยอยาง นักเรยี นควรรู ชดั เจนมา 1 ผลงาน จากน้ันเขยี นอธบิ ายลักษณะของผลงานมาพอสังเขป โดยทาํ ลงกระดาษรายงาน สงครูผสู อน 1 ไฟเบอรก ลาส เสน ใยแกว ท่ีถูกนาํ ไปใชเปนวสั ดเุ สรมิ แรงใหกบั พลาสตกิ เรซนิ่ และขน้ึ รปู เปนผลติ ภณั ฑตางๆ เชน หลงั คารถ ชิ้นสว นเครื่องบนิ ขนาดเลก็ ช้ินสวน รถแขง ผลิตภณั ฑคอนกรตี เสริมใยแกว เปน ตน คมู่ ือครู 125
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Engage E×pand Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ ใหน ักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 6 คน นาํ ตวั อยาง ๑.๔ หนา้ ที่ใชส้ อย ผลงานทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมไทย มากลมุ ละ 1 ผลงาน พรอ มวเิ คราะหในประเด็นตอ ไปนี้ ทศั นศลิ ปเ์ ปน็ กจิ กรรมประเภทหนง่ึ ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ นึ้ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการ ในด้านต่างๆ โดยการแสดงออกผ่านผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ซ่ึง • แนวคิดในการสรา งสรรคผลงาน การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปเ์ หลา่ นน้ั ไดม้ สี ว่ นชว่ ยใหก้ ารดา� รงชวี ติ อยขู่ องมนษุ ย์ในสงั คม • วสั ดทุ ใ่ี ชในการสรางสรรคผลงาน ปจั จุบันให้มคี ณุ ภาพท่ดี มี ากข้ึน ดังน้ี • คุณคาความงามที่ไดร บั จากผลงาน ๑. เป็นเคร่อื งยกระดบั อารมณแ์ ละความรสู้ กึ ในเร่อื งความงาม โดยใหน ักเรียนทาํ ลงกระดาษรายงาน นาํ สง ๒. ช่วยในการออกแบบการปรงุ แตง่ สิง่ แวดลอ้ มให้มีสภาพทีเ่ หมาะสม สวยงาม ครูผสู อน ๓. ช่วยปรับปรุงเทคนิคในการตกแต่งเคร่ืองอุปโภคบริโภคให้มีความน่าสนใจ มากขึน้ ตรวจสอบผล Evaluate จงึ อาจสรปุ ไดว้ า่ จดุ ประสงคข์ องการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทย เมื่อพจิ ารณาจากหลักฐานทางโบราณสถาน โบราณวัตถุและศลิ ปวัตถุท่ปี รากฏตาม 1. ครูพจิ ารณาจากแผนผงั ความคิดสรปุ ลักษณะ ภูมิภาคต่างๆ ส่วนใหญ่จะพบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ในเรื่องของความเชื่อ ของผลงานทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมไทย และ ความศรัทธาทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่ินเป็นปัจจัยหลัก ซึ่ง ปจ จยั ท่ีมีอทิ ธพิ ลตอการสรางสรรคผ ลงาน จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์ผลงานโดยรวม มดี ังนี้ ทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมไทยของนักเรียน ประการที่ ๑ ทศั นศิลป์ไทยสรา้ งสรรคข์ น้ึ เพอ่ื ถ่ายทอดประสบการณ์และความ รสู้ กึ นึกคิดตอ่ การรับรเู้ รื่องราวในสงั คมวฒั นธรรมไทย 2. ครูพจิ ารณาจากการวเิ คราะหผลงานทัศนศิลป ประการที่ ๒ ทศั นศลิ ป์ไทยสร้างสรรค์ขึ้น เพอ่ื ความภาคภูมิใจของตนเองและหมู่คณะ หรือ ในวฒั นธรรมไทยในประเดน็ ตา งๆ ของนักเรียน เป็นผลงานท่แี สดงถงึ อนสุ รณแ์ ห่งคณุ งามความดีตา่ งๆ ที่เกดิ ข้นึ ในอดตี หรอื ปจั จบุ นั 1 ประการท่ี ๓ ทศั นศิลป์ไทยสร้างสรรค์ขน้ึ เพอ่ื ดึงดดู ความสนใจของ โขนเรอื พระทนี่ ั่งนารายณ์ทรงสบุ รรณ ผพู้ บเหน็ ทจี่ ะนา� ไปสจู่ ดุ ประสงคอ์ ยา่ งใด อยา่ งหนง่ึ บนพื้นฐานสงั คมวัฒนธรรมไทย ประการท่ี ๔ ทัศนศิลป์ไทยสร้างสรรค์ขึ้น เพ่ือเป็นแนวทาง ในการออกแบบ และตกแต่งเครื่องใช้สอยและสภาพแวดล้อมให้มี ความงามทีน่ า่ พงึ พอใจ ประการท่ี ๕ ทศั นศลิ ป์ไทยสรา้ งสรรคข์ น้ึ เพอื่ ความสะดวก ในการดา� รงชวี ิตของผสู้ ร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์และผู้อน่ื ประการที่ ๖ ทัศนศลิ ป์ไทยสร้างสรรค์ข้ึน เพ่อื รบั ใช้ หรอื แสดงออกด้านความเชื่อ ความศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์ และสถาบัน ศาสนา ซง่ึ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ ผลงานทางดา้ นพระพุทธศาสนา ตัวหนังใหญแ่ กะเป็นรปู พาลีข่สี งิ ห์ 12๖ นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET งานศิลปะประเภทใดทเี่ หมาะแกการนาํ ไปใชต กแตง สวนสาธารณะนอยที่สุด 1 เรอื พระทน่ี ง่ั นารายณท รงสบุ รรณ เรอื นารายณท รงสบุ รรณเปน เรอื พระทน่ี ง่ั กง่ิ 1. สถาปตยกรรม ประเภทเรอื รปู สตั ว กลาวคอื เปนเรอื ที่แกะสลกั หัวเรอื เปน รูปสัตวตา งๆ ทง้ั สตั วจ รงิ 2. เทคนคิ ผสม และสตั วใ นเทพนยิ าย โขนเรอื แตเ ดมิ จาํ หลกั ไมร ปู พญาสบุ รรณหรอื พญาครฑุ ยดุ นาค 3. จติ รกรรม เทานั้น มชี องกลมสาํ หรับตดิ ตงั้ ปนใหญอ ยูทหี่ ัวเรือใตตัวครุฑ จนรชั สมยั พระบาท- 4. ประติมากรรม สมเดจ็ พระจอมเกลาเจาอยหู ัว (รชั กาลท่ี 4) มพี ระราชดาํ ริใหเสรมิ รปู พระนารายณ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เนอ่ื งจากงานจติ รกรรมเปน การเขียนภาพ ประทบั ยืนบนหลงั พญาสุบรรณ เพือ่ ความสงา งามของลําเรือและเพ่อื ใหถ ูกตอง ระบายสี ซึ่งผลงานอาจจะชาํ รดุ เสยี หายได ถานาํ ไปตั้งไวไ มถ กู ที่ เชน ตามคตใิ นเทพปกรณมั ของศาสนาพราหมณว า พญาสุบรรณน้ันเปนเทพพาหนะ โดนน้ําฝนหรือโดนแดด ดังน้นั ผลงานจติ รกรรมทุกประเภทจงึ ไมเหมาะกับ ของพระนารายณ การนําไปใชตกแตง สวนสาธารณะ 126 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ò. ผลงานทศั นศิลป์ในวฒั นธรรมÊา¡ล ครใู หน กั เรยี นดภู าพวาดสมยั กอ นประวตั ศิ าสตร และสมัยประวตั ิศาสตร รปู ปน พระเศยี รของ ศิลปะสากล เป็นศิลปะท่ีมีพื้นฐานมาจากศิลปะตะวันตก มีวิวัฒนาการ พระนางเนเฟอรต ิติ ภาพพระราชวงั แวรซายส มาหลายยุคหลายสมัย และแพร่หลายไปยังชาติต่างๆ ซ่งึ ผลงานทศั นศิลปท์ ีส่ ร้าง สถาปต ยกรรมที่ไดรับอิทธพิ ลจากวฒั นธรรมกรกี กันข้ึนมาในสมัยหลังๆ ส่วนใหญ่จะใชแ้ บบแผนตามแบบอย่างของศิลปะสากล และโรมัน ประเทศฝร่ังเศส ในหนงั สอื เรียน ศิลปะสากลเป็นศิลปะที่ผสมผสานแนวคิด ตลอดจนรูปแบบต่างๆ หนา 127 จากนนั้ ใหน ักเรียนรว มกันวิเคราะหวา อย่างเป็นกลางและกว้างขวาง การใช้วัสดุอุปกรณ์และวิธีการสร้างสรรค์กระท�า ผลงานทศั นศิลปแ ตล ะผลงานเกยี่ วขอ ง ได้อย่างอิสระไม่จ�ากัดขอบเขตตายตัว ผลงานที่ส�าเร็จออกมาไม่นับว่าเป็น และสมั พนั ธกันอยา งไร รูปแบบของชาติใดชาติหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งคนทุกชาติทุกภาษามองแล้วเข้าใจ ผลงานนนั้ ๆ ได้ เพราะมีความเปน็ นานาชาติ สา� รวจคน้ หา Explore การสรา้ งสรรค์ทัศนศลิ ป์ในวัฒนธรรมสากล การสรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์ ในระยะแรกๆ ส่วนใหญเ่ กิดจากความเชอ่ื และความศรทั ธาของอ�านาจล้ีลับต่างๆ ใหน ักเรยี นศกึ ษา คนควาเกีย่ วกบั ผลงาน ท่มี องไมเ่ หน็ และมีรูปแบบในการแสดงออกของผลงานเปน็ การเลียนแบบ ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากล ดานปจ จยั ทีม่ ี ธรรมชาตแิ ละสงิ่ ทอ่ี ยใู่ กลต้ วั รวมทง้ั มกี ารพฒั นารปู แบบตามความคดิ สรา้ งสรรค์ อิทธิพลตอ การสรา งสรรคผลงานทัศนศิลปใน ของมนษุ ย ์ จนในที่สดุ รูปแบบเหล่านั้นกค็ อ่ ยคลีค่ ลายเป็นรปู แบบทางศิลปะทเ่ี ป็น รูปปั้นพระเศยี รของพระนางเนเฟอร์ติติ วัฒนธรรมสากล จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ในสมยั อียปิ ต์ กรกี โรมนั หนังสอื เรยี น หอ งสมดุ อินเทอรเ น็ต เปนตน งานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมกรีกและโรมัน 1ถือได้ว่ามีบทบาทต่องานทัศนศิลป์ในระยะหลัง จนพัฒนามา เปน็ งานทัศนศิลป์รปู แบบต่างๆ ในยุคศิลปะสมยั ใหม่ (Modern Art) และยคุ ศลิ ปะหลงั สมัยใหม่ (Postmodern Art) ประเทศทีม่ ีบทบาทส�าคัญในการพฒั นางานทศั นศลิ ป ์ ไดแ้ ก่ ประเทศฝรง่ั เศส โดยเฉพาะในช่วงปลายครสิ ต์ศตวรรษ ที่ ๑๙ ลงมา แ2บบอย่างงานทัศน3ศิลป์ในวัฒนธรรมสากลจะมีแนวโน้มของการแสดงออกใน ๒ แบบ คือ แนวนโี อคลาสสิกและแนวโรแมนติก เปน็ การคน้ หาความงามสงู สุดบนพืน้ ฐานของความสมบูรณ์แบบตามธรรมชาติ พระราชวังแวรซ์ ายส์ สถาปตั ยกรรมที่ไดร้ ับอทิ ธิพลจากวฒั นธรรมกรีกและโรมนั สรา้ งขนึ้ ในสมัยพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ แหง่ ฝรั่งเศส เป็นสถานที่ ท่ไี ด้รับการตกแต่งให้มีความวิจิตรตระการตา หรหู รา และอลงั การมาก แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู ขอ ใดเปนลกั ษณะของศิลปะสากล 1 ศลิ ปะสมัยใหม เปนรูปแบบเฉพาะของศิลปนแตล ะกลุม เนน ความ 1. เปน รูปแบบศิลปะตะวนั ตก เปนตัวของตัวเอง มีเทคนคิ วธิ ีการท่หี ลากหลาย มักจะเรยี กวา “ศลิ ปะรว มสมยั ” 2. มลี กั ษณะเหมือนศลิ ปะยุโรป 2 แนวนีโอคลาสสกิ หมายถงึ การนาํ รปู แบบคลาสสกิ เดมิ มาถา ยทอดเปน 3. คลายคลึงกับศลิ ปะของอเมรกิ า รปู แบบใหมท ี่สมั พันธก ับสภาพสังคม 4. เปนนานาชาตไิ มส ื่อวาเปนของชาติใด 3 แนวโรแมนตกิ เปน ศลิ ปะทย่ี ดึ มนั่ ในอารมณและจติ ใจมากกวาเหตุผล และกฎเกณฑ การแสดงออกของศลิ ปะรูปแบบนีม้ กั เปนการตัดกนั ของแสงเงา วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ศลิ ปะสากลเปนศลิ ปะทีผ่ สมผสานแนวคดิ มเี ร่อื งราวและรูปแบบทเี่ กนิ ความจรงิ มรี อยแปรงท่แี สดงถงึ การเคลอื่ นไหว เปน เรอื่ งราวของการผจญภัย เน้ือเร่ืองนา ตน่ื เตน ประทับใจ รปู แบบหรือสไตลจ ากศิลปะสกลุ ตา งๆ จนออกมาเปนศลิ ปะสากลที่มี ความเปนนานาชาติ ไมส ื่อวาเปนของชาตใิ ดหรือศลิ ปะสกุลใดโดยเฉพาะ แมจ ะมรี ากฐานมาจากศิลปะตะวันตกกต็ าม ทาํ ใหผ ูค นจากทุกวัฒนธรรม ดแู ลวมคี วามเขาใจตรงกนั ได คมู่ ือครู 127
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนักเรียนรว มกันอภปิ รายเก่ียวกับผลงาน เสริมสาระ ทศั นศลิ ปในวัฒนธรรมสากล จากน้นั ให นักเรียนสรปุ ลกั ษณะและปจ จัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ ปจจัยทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศิลป การสรา งสรรคผลงานทศั นศลิ ปในวัฒนธรรม สากลเปน แผนผงั ความคิด (Mind Mapping) ๑. อิทธิพลทางดานภูมิศาสตร สภาพส่ิงแวดล้อมเป็นปัจจัยสําคัญอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงาน สงครผู สู อน ซ่ึงผู้สร้างสรรค์จะเลือกพิจารณาภูมิประเทศ ทําเลท่ีตั้งท่ีเหมาะสมต่อการสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้กับถ่ินท่ีอยู่ของตน เช่น อาคาร ที่พักอาศัยบริเวณชายทะเลจะมีความแตกต่างจากอาคารบ้านเรือนท่ีอยู่ในทะเลทราย ผู้คนที่อยู่ชายทะเลก็นิยมวาดภาพทิวทัศน์ 2. ครูใหนกั เรียนศกึ ษาปจจัยทมี่ ีอทิ ธิพลตอ การ ทางทะเลมากกวา่ วาดภาพอน่ื ๆ ผู้ที่อาศยั อยูใ่ นปากน็ ิยมนาํ ไมม้ าแกะสลักมากกวา่ การใชว้ ัสดอุ ่นื ๆ เป็นตน้ สรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ในหนงั สอื เรียน หนา 128 จากนัน้ ครถู ามนกั เรียนวา ฤดกู าลถือได้ว่ามอี ทิ ธิพลตอ่ การสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศลิ ปเ์ ช่นกัน ความแตกตา่ งของฤดกู าลจะมอี ทิ ธพิ ล • ผลงานเทวรปู สาํ ริด สถปู เจดีย วัดวาอาราม ต่อการสรา้ งสรรค์งานทศั นศลิ ป ์ เช่น เรอื นไทยภาคกลางกจ็ ะมลี ักษณะยกพืน้ เรือนสูงใหพ้ ้นจากระดบั นํา้ ทว่ มถึง เปน ผลงานสถาปต ยกรรมที่ไดร ับอทิ ธพิ ลมา มีหลงั คาทรงสูง เพอื่ ให้เกิดการถา่ ยเทความรอ้ นและระบายนาํ้ ฝนไดด้ ี ในขณะท่เี รือนไทยภาคเหนอื จะมหี น้าตา่ ง จากส่ิงใด น้อยกว่า เพื่อปอ งกนั อากาศหนาวเยน็ ในช่วงฤดูหนาว เปน็ ต้น (แนวตอบ ผลงานสถาปตยกรรมที่เปน ทางด้านจิตรกรรม ฤดูกาลมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ในเรื่องของการใช้สีที่สว่างสดใสตาม เทวรปู สําริด สถูป เจดยี และวดั วาอาราม แบบประเทศทางแถบร้อน ซึ่งจะตา่ งไปจากประเทศทางแถบอากาศเยน็ จะใชส้ ีหมน่ ทึบ สอดคลอ้ งไปตาม เปนสถาปต ยกรรมทีไ่ ดรับอิทธิพลจากการ สภาพบรรยากาศจรงิ นบั ถอื ศาสนา เพราะศาสนาแตละศาสนา ยอ มมีคตธิ รรม พิธีกรรม ระเบยี บวิธปี ฏิบัติ ๒. อิทธิพลทางดานศาสนา ศาสนาแต่ละศาสนาย่อมมีคติธรรม พิธีกรรม ระเบียบวิธีการ ทางศาสนาทแี่ ตกตา งกนั ซึง่ สิง่ เหลาน้ีเปน ปฏิบัติทางศาสนาแตกต่างกัน ซ่ึงสิ่งเหล่าน้ีเป็นเหตุผลและมีอิทธิพลสําคัญต่อการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ เหตุผลและมีอทิ ธพิ ลตอ การสรางสรรคผลงาน ทง้ั ด้านรปู แบบ ขนาด สัดสว่ น และการตกแต่ง อิทธิพลนี้ทําให้มีเรอื่ งราวเน้ือหาสําหรับใช้ในทางสถาปัตยกรรม ทัศนศิลปท้ังดานรปู แบบ ขนาด และสดั สว น ประติมากรรม และจิตรกรรม ให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละศาสนา เช่น การสร้างรูปเคารพ รูปแบบของ รวมท้ังการตกแตง) ศาสนสถานในพระพุทธศาสนากจ็ ะแตกต่างจากศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ด ู เปน็ ต้น ๓. อิทธิพลทางดานสังคม คนในสังคม หรือผู้คนของประเทศแต่ละแห่งย่อมมีนิสัย คติความเชื่อ ตลอดจนการทาํ มาหาเลย้ี งชพี ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปตามสภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศ การดาํ รงชวี ติ ในแตล่ ะสงั คม ท่ีแตกต่างกันออกไปเช่นน้ี ได้กลายเป็นอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมทางทัศนศิลป์ เช่น คนไทย มีวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรม จะมีลักษณะนิสัยเป็นคนรักถิ่นฐาน มีความเป็นอยู่เรียบง่าย ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ การสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ปท์ างด้านสถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม และจิตรกรรม กส็ ะท้อนวิถีชีวิตการทําเกษตร แทรกลงไปในเน้ือหาของงานด้วย เปน็ ต้น ๔. อิทธิพลทางดานเศรษฐกิจ จะสะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในตัวเนื้องาน ถ้าบ้านเมืองมีฐานะ เทวรปู สําริด ทางเศรษฐกิจดี ผลงานที่สร้างออกมาก็จะมีขนาดใหญ่โต มีความหรูหรา ฟุมเฟอย เพราะมีกําลังทรัพย์ในการสร้าง แต่ถ้าบ้านเมือง มสี ภาพแรน้ แคน้ ศิลปกรรมในบา้ นเมอื งนน้ั ก็จะเสื่อมโทรม มีขนาดเล็ก หรือมีปริมาณน้อย สถูปทส่ี าญจ ี จะมลี กั ษณะแบบโอคว่ําหรอื ขันควํ่า ซงึ่ เปน็ แมแ่ บบของ ความงดงามและอลงั การของนครวดั เมอื งเสยี มเรยี บ ประเทศกมั พชู า การสรา้ งสถูปในสมยั ต่อมา แสดงใหเ้ ห็นถึงอทิ ธพิ ลของศาสนาทม่ี ีตอ่ งานทัศนศิลป์ 12๘ เกร็ดแนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครอู ธิบายเสริมใหน ักเรียนเขา ใจเก่ยี วกบั อิทธิพลของศาสนาทมี่ ตี อรูปแบบ ใหน ักเรียนสรปุ ลกั ษณะของงานทัศนศิลปใ นวัฒนธรรมสากล การสรางสรรคผลงานทศั นศลิ ป ซึง่ การสรางสรรคผ ลงานทัศนศิลปก็คือแนวคดิ มาพอสงั เขป โดยทําลงกระดาษรายงาน สง ครผู สู อน ในการสราง ตัวอยางทเ่ี ห็นไดเดนชดั ไดแ ก คติความเช่อื ของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู ที่วา ศาสนสถานนอกจากจะเปนสถานที่ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาแลว กจิ กรรมทา ทาย ยังถือเปนท่ปี ระทบั ของเทพองคตา งๆ หรอื เปน เทวาลยั ดงั นัน้ การออกแบบ ศาสนสถานจึงมลี กั ษณะยิง่ ใหญ สรา งดวยหนิ มยี อดท่ีสื่อถึงเขาพระสุเมรุ อันเปน ใหน กั เรียนยกตัวอยา งงานทศั นศลิ ปท ีแ่ สดงถึงวัฒนธรรมสากลอยา ง ท่ีประทบั ของทวยเทพและเปนศูนยกลางของจักรวาล ซึ่งแตกตา งจากการสรา งวดั ชัดเจนมา 1 ผลงาน จากนั้นเขยี นอธบิ ายลักษณะของผลงานมาพอสังเขป สรางโบสถ สรา งวหิ ารของพระพทุ ธศาสนาท่สี รา งขนึ้ เพอ่ื เนน สาํ หรบั การปฏิบัติ โดยทาํ ลงกระดาษรายงาน สง ครูผสู อน ศาสนกิจ เปน ทพ่ี กั อาศัยของพระสงฆ เพ่อื ศึกษาพระธรรมคําสงั่ สอน และเผยแผ หลกั ธรรม รูปแบบจงึ เรียบงายกวาและมขี นาดยอ มกวา สามารถใชวัสดุท่ีหาได ในแตละทอ งถน่ิ เปนหลกั 128 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา้ ใา้ จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ E×pand เมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้นในยุโรป วิทยาการ ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 6 คน นาํ ตวั อยา ง ผลงานทัศนศิลปในวฒั นธรรมสากล มากลมุ ละ สมยั ใหมเ่ รมิ่ มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ มากขน้ึ ตามลา� ดบั มกี ารประดษิ ฐ์ 1 ผลงาน พรอ มวิเคราะหในประเด็นตอไปน้ี กล้องบันทึกภาพและมีการค้นพบแสงสีในธรรมชาติ มีการพัฒนา • แนวคิดในการสรา งสรรคผลงาน • วัสดทุ ใ่ี ชในการสรา งสรรคผลงาน ทางเทคโนโลยีและการใช้เคร่ืองมือต่างๆ ที่ทันสมัย ตลอดจน • คณุ คาความงามทีไ่ ดร บั จากผลงาน โดยใหนกั เรียนทําลงกระดาษรายงาน นําสง รับรู้ถึงความเป็นจริงของสีตามธรรมชาติ ซึ่งมีบทบาทส�าคัญต่อ ครูผูส อน ความเจริญก้าวหน้าของงานทัศนศิลป์สากลเป็นอย่างมาก มีการ แสนร้าวปงสระรทรคับ์ผใจลนงิยามน 1ท(ัIศmนpศreิลsปs์ตioาnมisแmน)ว ค แิดนหวรเืหอนลัทือคธวิตา่ามงเๆป ็นเจชร่นิง 2 (Surrealism) แนวบาศกนิยม (Cubism) และศิลปะนามธรรม ตรวจสอบผล Evaluate (Abstract Art) เป็นตน้ 1. ครูพจิ ารณาจากแผนผงั ความคิด สรุปลักษณะ ของผลงานทัศนศลิ ปใ นวฒั นธรรมสากลและ จดุ ประสงค์ในการสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ในวัฒนธรรม ปจจัยท่มี อี ิทธิพลตอการสรา งสรรคผ ลงาน ทัศนศิลปใ นวัฒนธรรมสากลของนกั เรยี น สากลมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ 2. ครพู จิ ารณาจากการวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ป เชน่ เดยี วกบั ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทย จดุ ประสงค์ในการสรา้ งสรรค์ “ผหู้ ญงิ รอ้ งไห”้ ผลงานของ ปาโบล รยุ ซ ์ ปกิ สั โซ (Pablo ในวัฒนธรรมสากลในประเด็นตางๆ ของ งานทัศนศลิ ป์ในวฒั นธรรมสากลจะมีลักษณะ ดังน้ี Ruiz Picasso) เปน็ จติ รกรรมบาศกนยิ มแบบสงั เคราะห์ นกั เรียน ประการท่ี ๑ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ข้ึน สเพ่ิงอ่ืแกวาดรลค้อน้ มคบวนา้ ทพด้ืนลฐอางนแขลอะงกหารลแักสววิชงาหศาิลคปวะา ม3(จAรcงิ aตdาeมmธรicร มAชrาt)ต แิ ทล่ีมะี การถา่ ยทอดผลงานโดยใชท้ กั ษะฝมี อื และมแี บบแผนในการทา� งาน อย่างเปน็ ขนั้ ตอน ประการท่ี ๒ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ข้ึน เพื่อผสมผสานแนวความคิดและรูปแบบของศิลปะในลัทธิต่างๆ หรือคตคิ วามเชือ่ ในชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ ทีส่ ะท้อนถงึ การแสดงออก ทีม่ เี อกลักษณข์ องศลิ ปิน ประการที่ ๓ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อการค้นหาข้อเท็จจริงเก่ียวกับแนวคิด ความหมาย ความงาม “Houses at L’ Estaque” ผลงานของ จอร์จ บราก ในมุมมองใหม่ และอาศัยวัตถุดิบรวมท้ังวิธีในการสร้างสรรค์อย่าง (George Braque) เปน็ จติ รกรรมบาศกนยิ มแบบหนา้ ตดั มากมาย เพื่อให้ผลงานทศั นศลิ ปม์ ีความสมบูรณ์แบบและลงตัวตามความต้องการมากที่สดุ ประการท่ี ๔ งานทัศนศิลป์สากลถูกสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อการแสดงออกทางรูปแบบศิลปะอย่างเป็นกลาง โดยไมเ่ นน้ รปู แบบของความเปน็ ชาติใดชาตหิ นงึ่ โดยเฉพาะ เพอื่ ใหผ้ ลงานทสี่ รา้ งสรรคส์ า� เรจ็ มคี วามเปน็ สากลทมี่ นษุ ย์ ทกุ คนในโลกสามารถรับรู้ได้จากคณุ ค่าท่เี กดิ ข้ึนในตัวของผลงาน ความหมาย และความงามไดอ้ ย่างเปน็ อิสระ 129 บรู ณาการเชอื่ มสาระ นักเรียนควรรู การศกึ ษาเก่ยี วกับลักษณะของงานทัศนศิลปในวฒั นธรรมสากล 1 แนวประทับใจนิยม ศลิ ปะลทั ธิหน่งึ ทนี่ าํ เอาความรทู างวทิ ยาศาสตรใ นเร่อื ง สามารถบรู ณาการกับการเรยี นการสอนกลมุ สาระการเรยี นรูสังคมศกึ ษา แสงและสีมาใช เพ่ือแสดงบรรยากาศธรรมชาตติ ามเวลาและฤดูกาลตา งๆ เกิดขนึ้ ศาสนา และวัฒนธรรม วชิ าสงั คมศกึ ษา เรอ่ื งสงั คมอตุ สาหกรรม เพราะ ในชว งคริสตศ ตวรรษที่ 19 อนั เปน ระยะแรกของกระบวนการศลิ ปะสมัยใหม สังคมอุตสาหกรรมไดนาํ มาซ่งึ วิทยาการสมัยใหม มีการประดษิ ฐคิดคน 2 แนวเหนอื ความเปน จริง หรอื ลัทธิเหนอื จรงิ หมายถึงคตนิ ิยมทางศลิ ปะ กลอ งบนั ทกึ ภาพและมกี ารคนพบแสงสีในธรรมชาติ มีการพัฒนาเทคโนโลยี ซงึ่ พฒั นามาจากอุดมคติบางประการของคตดิ าดา โดยนําทฤษฎจี ติ วทิ ยาในเรอื่ ง และเคร่อื งมอื เครือ่ งใชต างๆ ซึง่ มบี ทบาทสําคญั ตอความเจรญิ กาวหนาของ จติ ใตสํานกึ มาผสมผสานเปน มูลเหตุ งานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมสากลอยา งมาก 3 หลกั วชิ าศลิ ปะ งานศลิ ปกรรมทสี่ รางสรรคขึน้ ตามทฤษฎี โดยมมี าตรฐาน และหลักเกณฑต ามหลกั วิชาท่ีสถาบนั หรอื สกุลศิลปะนั้นๆ ไดกาํ หนดไวว า ดีงาม ถกู ตอ ง เปนทีน่ ยิ ม และถือเปน หลักปฏบิ ัตสิ บื ทอดกันมา คู่มือครู 129
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครใู หนักเรียนดภู าพผลงานประติมากรรม กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๑๐.๑ “โลกตุ ตระ” ของชลูด นม่ิ เสมอ ในหนังสือเรยี น หนา 130 จากน้นั ครถู ามนกั เรียนวา กจิ กรรมที่ ๑ ใหน้ ักเรยี นจัดท�าตารางแสดงจดุ ประสงค์ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลปข์ องวฒั นธรรมไทย และสากล คดั เลือกผลงานทีจ่ ัดท�าได้ดีนา� ไปแสดงท่ีปา ยนิเทศ • ผลงานทศั นศิลปในวฒั นธรรมไทยมคี วาม แตกตา งกันอยางไร กจิ กรรมท่ี ๒ หาภาพผลงานทัศนศิลป์ในวฒั นธรรมไทย ๑ ภาพ และวฒั นธรรมสากล ๑ ภาพ แล้วเขียน อธบิ ายวา่ ภาพดงั กล่าวสะท้อนให้เห็นถงึ จุดประสงค์ในการสร้างสรรคผ์ ลงานอย่างไร • เพราะเหตใุ ด ผลงานทศั นศลิ ปในวัฒนธรรม ไทยจึงมคี วามแตกตา งกนั ó. à»ÃÕºà·ÂÕ º¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¢Í§·ÑȹÈÅÔ »Šã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁä·ÂáÅÐÊÒ¡Å (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ) สา� รวจคน้ หา Explore ทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากล มีจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ท่ีมี ใหนักเรยี นแบง ออกเปน 4 กลุม ศกึ ษาคนควา ความเป็นมาท่ีคล้ายคลึงกัน จากปัจจัยพ้ืนฐานในการด�ารงชีวิตของมนุษย์สะท้อนถึง เก่ยี วกับลกั ษณะรปู แบบงานทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรม ไทย ตั้งแตส มยั กอนสุโขทยั จนถึงสมยั รัตนโกสินทร ความเชือ่ และความศรัทธาทางศาสนา รวมถึงลทั ธิ ปรัชญาตา่ งๆ ซ่งึ สรุปได ้ ดงั น้ี จากแหลง เรยี นรูตางๆ เชน หนังสอื เรยี น หอ งสมุด ๓.๑ ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทย อนิ เทอรเนต็ เปนตน ตามหวั ขอ ทีค่ รกู ําหนดให ดังนี้ ศลิ ปะทางดา้ นทศั นศลิ ปข์ องไทยทค่ี งไวใ้ นรปู ของขนบธรรมเนยี ม ประเพณี กลมุ ที่ 1 ทัศนศลิ ปในวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรม เปน็ ศิลปะประจ�าชาติท่ีเราควรภาคภูมิใจ เห็นคณุ ค่า และหวงแหน สมยั กอ นสโุ ขทยั รกั ษาไวเ้ ป็นสง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งให้ความส�าคญั และใส่ใจศึกษา เพราะเป็นสภาพแวดลอ้ ม กลุมที่ 2 ทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรมไทย สมัยสโุ ขทยั ทอ่ี ยรู่ อบตวั เรา ซง่ึ ศลิ ปะไดจ้ ะแบง่ ชว่ งเวลาในการศกึ ษา กลมุ ที่ 3 ทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย ออกเปน็ สมยั ตา่ งๆ ได้แก ่ สมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร ์ สมัยอยธุ ยา สมยั ประวตั ิศาสตร์ (ยคุ กอ่ นสมยั สโุ ขทัย : กลมุ ท่ี 4 ทัศนศิลปใ นวฒั นธรรมไทย สมัยรัตนโกสินทร ศลิ ปะทวารวดี ศรวี ิชัย ลพบุรี เชยี งแสน) สมยั สโุ ขทัย สมยั อยุธยา สมยั รตั นโกสินทร์ และ 1“โลกุตตระ” ผลงานของ ชลูด งานทศั นศลิ ปส์ มยั ใหม่ในยคุ หลงั ) ซง่ึ ในแตล่ ะสมยั น่ิมเสมอ จะมกี ารสรา้ งสรรคผ์ ลงานทงั้ ทางจติ รกรรม เป็นประติมากรรมที่มีการจัดองค์ประกอบ ท่ีแสดงความเป็นเอกภาพ และเป็น ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ท่ีมี ประติมากรรมลอยตัวแบบร่วมสมยั ความงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกตา่ งกนั ออกไป ทง้ั นหี้ ากพจิ ารณาถงึ รปู แบบและเนอ้ื หาของงานทศั นศลิ ป์ ในวัฒนธรรมไทยจะพบว่า งานทัศนศิลป์ท่ีเกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัยจะมี เรอ่ื งราวเก่ียวกบั ความศรทั ธาทางศาสนา ความเชอื่ และวิถชี ีวติ ความเปน็ อย ู่ ท�าให้เกิดความงาม และคณุ ค่าท่แี ตกตา่ งกนั ไปในแต่ละ ช่วงเวลา เนื่องจากผลงานทัศนศิลป์เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นโดย ศิลปิน มีปัจจัยต่างๆ เป็นองค์ประกอบส�าคัญที่ท�าให้เกิดรูปแบบที่เป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะทวารวดี ปัจจุบัน จดั แสดงที่พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาต ิ พระนคร 13๐ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET เพราะเหตใุ ด งานทศั นศลิ ปท่ีเกีย่ วของกบั ศาสนาจึงมีความงดงาม ประณีต ครอู ธิบายวา ผลงานทศั นศิลปใ นแตล ะสมยั จะมีรปู แบบ คตินิยม และการไดรับ และสรา งขนึ้ อยา งยง่ิ ใหญ อทิ ธิพลจากศลิ ปะสกุลตางๆ ท่ีแตกตางกนั ออกไป ทําใหศ ลิ ปะแตละสมัยมอี ัตลักษณ แนวตอบ ความเชอ่ื ความศรทั ธาทีม่ ีตอ ศาสนา ถอื เปน แรงผลักดนั เฉพาะ แมจะมีลักษณะรว มกันบางประการ หรอื มีความคลายคลึงกัน ซง่ึ เราสามารถ ท่ที ําใหศ ลิ ปน ผูส รา งสรรคพ ยายามจะสรา งผลงานทศั นศลิ ปใหสดุ ฝม ือ จดั แบงผลงานแตล ะสมยั เพ่ือสะดวกแกการศกึ ษาทําความเขาใจและเปรียบเทยี บได ของตน เพราะนอกจากจะตอ งการใหผ ลงานมีความงดงามแลว ยังถือเปน การไดท าํ บุญอยา งสงู อีกดวย ขณะเดยี วกันการรวบรวมปจ จยั ทุนทรพั ย นกั เรียนควรรู ทจี่ ะนาํ มาสราง กส็ ามารถขอรบั บริจาคไดงายกวา เนือ่ งจากผูบรจิ าค ก็มคี ติวาเปนการทําบญุ ทําใหตนไดร วมผลบญุ ดวย เม่ือไดฝ ม อื ชา งทด่ี ี 1 โลกุตตระ เปนผลงานทีม่ คี วามงดงามและมีช่ือเสียงมากท่สี ดุ ผลงานหนึง่ และมีทุนทรพั ยมากพอท่ีจะสรา ง จึงสงผลใหผ ลงานทัศนศลิ ปท่ีเกีย่ วเนือ่ ง ของ ชลดู นม่ิ เสมอ เปนประติมากรรมกลางแจงรูปเปลวรศั มขี องพระพทุ ธรปู กับศาสนามคี วามยิ่งใหญและมคี วามประณตี งดงามมากเปนพิเศษ หรืออาจจะวาเปน รปู ดอกบัว หรอื เปนรปู พนมมือก็ได สรางขน้ึ เมือ่ พ.ศ. 2534 ทาํ ดวยไฟเบอรกลาส ตัง้ แสดงอยู ณ บริเวณศนู ยการประชมุ แหง ชาติสริ กิ ิต 130 คูม่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ลักษณะเฉพาะของงานทัศนศิลป์ในแต่ละยุคสมัย ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการประดิษฐ์ 1. ใหน ักเรยี นกลมุ ที่ 1 และกลุม ที่ 2 สง ตวั แทน กลมุ กลุมละ 2-3 คน ออกมานาํ เสนอความรู อักษร แต่มนุษย์รวมตัวอยู่เป็นชุมชน รู้จักท�าการเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ ทอผ้า ท�าเคร่ืองปันดินเผาท่ีมีลวดลาย เกย่ี วกบั ทศั นศิลปใ นวัฒนธรรมไทยสมยั กอน สุโขทยั และสมัยสโุ ขทยั ตามทไ่ี ดศึกษามา เคร่ืองมือเครือ่ งใชใ้ นชว่ งแรกๆ มักท�าขน้ึ จากหนิ ต่อมาร้จู ักน�าเอาโลหะมาสร้างเป็นเครือ่ งมอื เคร่อื งใช้แทนหินและ หนาชัน้ เรยี น รู้จักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยการขีดเขียนภาพตามผนังถ�้า เช่น ภาพการล่าสัตว์ชนิดต่างๆ ท่ีผาแต้ม จังหวัด 2. ครยู กตวั อยา งผลงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย สมยั กอนสุโขทยั และสมยั สุโขทยั มาสมัยละ อุบลราชธานี เป็นต้น ส่วนสมัยประวัติศาสตร์เป็นสมัยท่ีมนุษย์รู้จักคิดประดิษฐ์ตัวอักษร บันทึกเร่ืองราวต่างๆ ท่ี 1 ผลงาน จากน้นั ใหน กั เรียนรวมกันอภิปราย เก่ียวกับลกั ษณะของผลงานทศั นศิลปท ค่ี รู เกี่ยวกับความเชื่อ กิจกรรมต่างๆ จึงท�าให้เรารู้เร่ืองราวที่ละเอียดชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการศึกษาเรื่องราวของงาน ยกตัวอยางมา พรอ มแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ความแตกตางของผลงานทัศนศลิ ป ทัศนศลิ ป์ในสมัยประวตั ิศาสตร์สามารถแบ่งออกเปน็ ๔ ชว่ งใหญๆ่ ดังนี้ ในวฒั นธรรมไทยสมัยกอนสโุ ขทัยและสมยั ๑) สมยั กอ่ นสโุ ขทยั เปน็ ชว่ งเวลาท่ีในอาณาบรเิ วณแผน่ ดนิ ไทยมชี นชาตติ า่ งๆ สุโขทยั เสคมยยั ตท้ังวถา่ินรวฐดาน ี 1ศมลิ าปกะ่อในนส มแยั ลทะวไดาร้ทด้ิงสี รว่่อนงใรหอญยอจ่ ะาเรกยย่ี ธวรขรอ้มงทกาบั งพดร้าะนพศทุ ิลธปศะาไสวน้มาานกกิมาายยเ ถไรดวา้แทก ่ ซง่ึ รบั อิทธพิ ลมาจากอินเดียตอ่ มาก็น�ามาประยุกตจ์ นมีเอกลกั ษณ์เปน็ ของตนเอง เช่น พระพุทธรูปปางลีลา พบท่ีวดั เขาสมอคอน สถาปัตยกรรมสมยั ทวารวดี เช่น พระปฐมเจดยี ์องคเ์ ดมิ หรอื จุลประโทณเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม เปน็ ตน้ สมยั ศรีวชิ ัย ศลิ ปะสมยั น้มี ีการคน้ พบรูปเคารพและ พระพิมพด์ ินดิบเปน็ รูปพระโพธิสตั วอ์ วโลกิเตศวร ทางดา้ นสถาปตั ยกรรมท่เี หน็ ชดั เจน ได้แก่ พระบรมธาตไุ ชยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ าน ี สมยั ลพบรุ ี หรือละโว้ในประเทศไทย มีวัฒนธรรม พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอู่ทอง ที่หลากหลายอันเกิดจากการผสมผสาน ซ่ึงได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอมและลพบุรี ช่วง พุทธศตวรรษท่ี ๑๘-๑๙ นับเป็นพระพุทธรูป ระหว่างวัฒนธรรมเดิมท่ีเป็นทวารดีกับ ขนาดใหญ่ทงี่ ดงามมาก วัฒนธรรมขอม จะเห็นได้ว่ามีหลักฐานทางสถาปัตยกรรมท่ีเรียกว่า “ปราสาทหิน” กระจายอยู่ท่ัวไปในบริเวณต่างๆ เช่น พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาท เมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี สมัยเชียงแสนหรือล้านนา ประติมากรรมท่ีพบจะเป็น พระพทุ ธรปู เปน็ ต้น ๒) สมัยสุโขทัย มีความเจริญบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ศิลปะแบบสุโขทัย จัดได้ว่าเป็นศิลปะไทยท่ีงดงามท่ีสุดและมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองมากท่ีสุด โดยเฉพาะ ในด้านการสร้างพระพุทธรูป ในสมัยสุโขทัยได้รับพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิ ลังกาวงศ์มาจากลังกา ดังน้ัน อิทธิพลของศิลปะแบบลังกาจึงเข้ามามีอิทธิพลต่อศิลปะ สุโขทัยด้วย แต่ช่างสุโขทัยก็ได้ประดิษฐ์คิดค้นและสร้างสรรค์รูปแบบงานท่ีเป็น พระพทุ ธรปู ปางลลี า สมยั สโุ ขทยั ประดษิ ฐาน เอกลักษณ์เฉพาะของตน เช่น เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือดอกบัวตูม อยู่ที่ระเบียงพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร- ทีพ่ ระเจดียป์ ระธานวัดมหาธาตุ จงั หวัดสโุ ขทยั เปน็ ตน้ ดสุ ิตวนารามราชวรวหิ าร กรุงเทพมหานคร 131 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ผลงานทโ่ี ดดเดนของสถาปต ยกรรมแบบศิลปะขอมคอื อะไร ครคู วรใหน กั เรยี นหาภาพผลงานทศั นศลิ ปท โ่ี ดดเดน ในแตล ะประเภท แตล ะสมยั 1. ปราสาทหนิ โดยนํามาดูประกอบการศึกษา เพอ่ื ใหนักเรียนไดเ หน็ ลกั ษณะและรปู แบบวา 2. เจดยี ท รงโอควํ่า มคี วามคลา ยคลึงหรือแตกตางกนั อยา งไร โดยครูชวยอธิบายเสรมิ ความรู 3. ศาลาจตรุ มขุ 4. ปรางคกลีบมะเฟอ ง นกั เรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ผลงานทางดานสถาปต ยกรรมของขอม 1 ทวารวดี (พุทธศตวรรษท่ี 11-16) เปนชื่อของอาณาจกั รและสกลุ ศลิ ปะ ถอื เปน อาณาจกั รแรกในดินแดนไทยทไี่ ดรับอทิ ธพิ ลจากพระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท ทโ่ี ดดเดน คอื การสรา งเทวาลยั ในลกั ษณะทเ่ี ปน ปราสาทหนิ เพอ่ื ประดษิ ฐาน ซ่ึงมกี ารสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ปหลายประเภท โดยเฉพาะสถาปตยกรรม รปู เทพองคส าํ คญั ของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และใชเ ปน ทปี่ ระกอบพธิ กี รรม และประตมิ ากรรมทสี่ ะทอนถงึ ความเชือ่ ความศรัทธาที่มีตอ พระพทุ ธศาสนา ทางศาสนา รปู แบบผลงานทัศนศลิ ปข องทวารวดไี ดเ ปน แบบอยา งใหอ าณาจกั รตา งๆ ท่ัวดนิ แดนไทยนาํ ไปพฒั นาเปน สกุลศิลปะของตนเอง คู่มือครู 131
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน ักเรียนกลุมท่ี 3 และกลุมท่ี 4 สงตัวแทน ๓) สมัยอยุธยา ศูนย์กลางความเจริญอยู่ กลุม กลมุ ละ 2-3 คน ออกมานําเสนอความรู เกย่ี วกบั ทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทยสมยั อยธุ ยา บริเวณตอนกลางของไทย เน่ืองด้วยในสมัยอยุธยามี และสมัยรตั นโกสนิ ทรตามท่ีไดศกึ ษามา ความเจริญรุ่งเรืองต่อเน่ืองยาวนานถึง ๔๑๗ ปี จึงมี หนาช้นั เรยี น ความเจรญิ ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมมาก สว่ นใหญผ่ ลงาน ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมมกั จะเกยี่ วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา 2. ครยู กตวั อยา งผลงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ผลงานด้าน สมัยอยุธยาและสมยั รัตนโกสินทร มาสมัยละ ศิลปวัฒนธรรมเด่นๆ ของอยธุ ยา เชน่ เจดียว์ ดั พระศรี- 1 ผลงาน จากนนั้ ใหนักเรยี นรวมกนั อภปิ ราย สรรเพชญ์ เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล เจดีย์วัดภูเขาทอง เกยี่ วกับลกั ษณะของผลงานทัศนศิลปท ่คี รู เป็นต้น ยกตวั อยา งมา พรอ มแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ความแตกตางของผลงานทัศนศลิ ปใน ๔) สมยั รตั นโกสนิ ทร ภายหลงั การสถาปนา วฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยาและสมยั รตั นโกสนิ ทร กรงุ รตั นโกสนิ ทรข์ น้ึ เปน็ ราชธานแี หง่ ใหมข่ องไทย ผลงาน พระประธานวัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น ทศั นศลิ ปด์ า้ นจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และสถาปตั ยกรรม พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่มีลักษณะงดงาม ได้ถูกสร้างสรรค์ข้ึนอย่างมากมาย ผลงานทัศนศิลป์ท่ี มากท่ีสุดองค์หน่ึง สา� คญั เชน่ จติ รกรรมฝาผนงั ภายในพระทนี่ งั่ พทุ ไธสวรรย ์ “ความสงบสขุ ในจิตใจ” ผลงานของ เฉลมิ ชัย โฆษติ พิพัฒน์ ผลงาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร จิตรกรรมฝาผนังไทย มกี ารผสมผสานกบั คตินิยมใหมจ่ ากตะวนั ตก และจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม- ราชวรวิหาร กรงุ เทพมหานคร เป็นต้น ตอ่ มาเมื่อได้รบั อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตก จิตรกรรมไทยได้รับการผสมผสาน ใหเ้ กิดเป็นรูปแบบใหม่เพ่ิมขึ้น กล่าวคอื มีการนา� เทคนิค การเขียนภาพให้มีมิติตามแบบอย่างตะวันตก เช่น จติ รกรรมของขรัวอนิ โขง่ ภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศ ราชวรวหิ าร เป็นต้น ปัจจบุ ันจติ รกรรมฝาผนงั ไทยมีการ ผสมผสานกับคตินิยมจากตะวันตก ท�าให้มีลักษณะร่วม สมัยกับนานาชาติมากขึ้น เช่น ผลงานจิตรกรรมของ เฉลมิ ชยั โฆษติ พพิ ฒั น ์ ผลงานขององั คาร กลั ยาณพงศ ์ เป็นต้น ภายหลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครองใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยมกี ารเปลยี่ นแปลงและ พฒั นารปู แบบไปตามอทิ ธพิ ลจากปจั จยั ภายนอกและตาม แบบอยา่ งวฒั นธรรมตะวนั ตกอยา่ งชดั เจน โดยเฉพาะดา้ น ประตมิ ากรรมและสถาปตั ยกรรม 132 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดไมใ ชผลงานทัศนศลิ ปท่ีมชี อื่ เสยี งสมัยอยธุ ยา ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เกี่ยวกบั ผลงานศลิ ปกรรมไทยสมยั อยธุ ยาวา ทศั นศลิ ปส มัย 1. พระพทุ ธรปู ทรงเคร่ือง อยธุ ยาถอื ตามชวงเวลาทีก่ รงุ ศรอี ยุธยาเปน ราชธานีของไทย คอื พ.ศ. 1893 - 2310 2. เครอ่ื งเบญจรงค อนั เปน ชวงเวลาท่ยี าวนานถงึ ประมาณ 4 ศตวรรษ สภาพบานเมอื งกม็ ที ง้ั ความเจริญ 3. เจดยี ย อ มมุ ไมสบิ สอง รุงเรอื ง เสอื่ มโทรม สงบสุข สงคราม โดยตลอดระยะเวลา 4 ศตวรรษนน้ั ทศั นศิลป 4. เคร่ืองสงั คโลก ทกุ สาขาไดพ ฒั นาไปอยางกวางขวาง จนกลายเปนแบบแผนศิลปกรรมเกือบทกุ สาขา วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เคร่อื งสังคโลกเปนผลงานที่มีชื่อเสียงและ สืบตอ กนั มาถงึ สมัยกรุงธนบรุ ีและรัตนโกสนิ ทร เชน จิตรกรรม สถาปต ยกรรม โดดเดน ของสมัยสุโขทัย ซึ่งไดรับแบบอยางมาจากการทาํ เครือ่ งปน ดนิ เผา ประติมากรรมตกแตง ประณตี ศิลป เปน ตน โดยเฉพาะผลงานจิตรกรรมและ ของจีน ผลงานดงั กลาวจงึ ไมใชศิลปะสมัยอยุธยา จติ รกรรมตกแตงในสมัยอยุธยาไดมวี ิวัฒนาการไปสคู วามงามสูงสดุ พ้ืนท่ีท่ผี ลงาน จติ รกรรมสมยั อยธุ ยาปรากฏอยา งงดงามและโดดเดน คอื อยธุ ยา ราชบรุ ี และเพชรบรุ ี นอกจากน้ี ผลงานจติ รกรรมสมยั อยธุ ยาจะปรากฏอยตู ามผนังโบสถแลว ยังปรากฏ ตามผนงั ดานในองคพ ระปรางค สมดุ ภาพเรือ่ งไตรภมู ิ และตเู กบ็ พระไตรปฎก ซ่ึงเปนการสรา งจิตรกรรมลายรดน้าํ ทจี่ ดั วา วจิ ิตรทสี่ ดุ สมัยหน่งึ 132 คู่มอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eนุ้ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๓.๒ ทศั นศลิ ป์ในวัฒนธรรมสากล ครูใหนกั เรียนดูภาพพีระมดิ แหงกเิ ซห ประเทศ อยี ปิ ตแ ละภาพวหิ ารพารเ ธนอน ประเทศกรซี ศลิ ปะสากลมพี น้ื ฐานมาจากศลิ ปะตะวนั ตกและมวี วิ ฒั นาการมาหลายยคุ หลายสมยั จนอทิ ธพิ ลขยายไปยงั จากนน้ั ครูถามนกั เรยี นวา ชาตติ ่างๆ ในโลกอยา่ งกวา้ งขวาง ค�าว่า “สากล” ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ หมายถึง ทั้งหมด ทั้งสิ้น ท่ัวไป และระหว่างประเทศ ศิลปะสากลจึงเป็นศิลปะท่ีมีการผสมผสานแนวความคิด • ผลงานทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลทั้งสอง ตลอดจนรปู แบบตา่ งๆ ไว้อย่างกวา้ งขวาง มกี ารใชว้ ัสด ุ อุปกรณ ์ และวธิ ีการสร้างสรรคผ์ ลงานได้โดยอสิ ระ ดงั นัน้ ผลงานแตกตา งกนั อยา งไร ศิลปะสากลจึงจ�าแนกไดต้ ามช่วงเวลาและยคุ สมยั ได้อยา่ งกว้างๆ ดังน้ี ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นยุคแรกเร่ิมของมนุษย์ท่ีมีสภาพความเป็นอยู่เร่ร่อน ยังมิได้ต้ังบ้านเรือน • เพราะเหตใุ ด ผลงานทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรม อยู่เป็นหลักแหล่ง ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ มีอาวุธและเคร่ืองมือที่ท�าจากหิน กระดูก และเขาสัตว์อย่างหยาบๆ สากลจึงมีความแตกตางกนั ผลงานด้านจิตรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นจิตรกรรมฝาผนังในถ้�า ซึ่งเป็นภาพเขียนเก่ียวกับฝูงสัตว์หรือการล่าสัตว์ เช่น (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ) ภาพเขยี นในถา้� ลาส์โกซ ์ (Lascaux Cave) ประเทศฝรัง่ เศส และถ�า้ อัลตามรี า (Altamira Cave) ประเทศสเปน เปน็ ต้น ต่อการมีพัฒนาการในด้านการผลิตโลหะข้ึนใช้เอง รู้จักประดิษฐ์เครื่องประดับตกแต่งให้มีความสวยงามมากขึ้น สา� รวจคน้ หา Explore ผลงานของยคุ โลหะท่เี ดน่ และนา่ สนใจคอื อนุสาวรียห์ ิน ซ่งึ ปรากฏอยทู่ ่ัวไปในยุโรป ในสมัยประวตั ศิ าสตร ์ แบง่ ออก ไดเ้ ป็น ๓ สมัยใหญ่ๆ ดงั นี้ ใหน กั เรยี นแบง ออกเปน 3 กลมุ ศกึ ษาคนควา เกี่ยวกบั ลกั ษณะรปู แบบงานทัศนศลิ ปในวัฒนธรรม ๑) สมัยโบราณ เปน็ สมยั แหง่ ความเจริญรุ่งเรอื งทางศิลปวฒั นธรรมดา้ นตา่ งๆ มากมาย งานทศั นศิลป์ สากล ต้งั แตส มัยโบราณจนถงึ สมยั ใหม จาก แหลงเรียนรตู า งๆ เชน หนังสอื เรยี น หอ งสมุด ในยุคแรกๆ เช่น อารยธรรมอียิปต์บริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ เป็นชุมชนท่ีมีความเจริญมาก มีการสร้างสรรค์ผลงานใน อินเทอรเ น็ต เปนตน ตามหัวขอ ทคี่ รูกาํ หนดให ดังนี้ หลายๆ ด้าน เช่น ด้านจติ รกรรม ศลิ ปนิ อียปิ ตม์ ีความเข้าใจใน1การถา่ ยทอดรปู แบบได้ดี มคี วามมุง่ หมายส่งเสริม กลมุ ท่ี 1 ทัศนศิลปในวฒั นธรรมสากล ความเชือ่ ความศรัทธาของฟาโรห์ เช่น พีระมิดแห่งเมืองกเิ ซห ์ สฟิงซ์ เปน็ ต้น ซงึ่ การสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ สมัยโบราณ ของอียิปต์ไดส้ ง่ อทิ ธิพลตอ่ งานทศั นศิลป์ในยคุ คลาสสกิ สมัยกรกี และโรมนั ดว้ ย กลมุ ท่ี 2 ทศั นศิลปในวัฒนธรรมสากล พรี ะมดิ แหง่ กเิ ซห ์ เปน็ พรี ะมดิ ทใี่ หญท่ ส่ี ดุ และมชี อ่ื เสยี งทส่ี ดุ ของอยี ปิ ต์ สมยั กลาง กลมุ ที่ 3 ทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมสากล สมัยใหม แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด นกั เรยี นควรรู ภาพวาดสมยั กอนประวตั ิศาสตรในถาํ้ ท่ียุโรปสว นใหญบ อกเลา เรอื่ งราวใด 1 พรี ะมดิ แหง เมืองกเิ ซห สรางข้นึ โดยฟาโรหค ฟู แู หงอยี ปิ ตโบราณ เมอื่ ประมาณ 1. การถือกาํ เนิดของศาสดา 4,600 ปม าแลว ไดรับการยกยองวาเปน 1 ใน 7 สิ่งมหศั จรรยของโลกยคุ โบราณ 2. สิง่ แวดลอ มใกลตวั พีระมดิ แหง นมี้ ีความสงู 147 เมตร (เทยี บไดก ับอาคารสงู 40 ชน้ั ) ฐานเปน 3. การทาํ เกษตรกรรม รปู ส่ีเหลีย่ มจัตุรสั ยาวดานละ 230 เมตร โดยดา นทั้ง 4 ของพรี ะมดิ จะหันไป 4. สงครามระหวา งชนเผา ในแนวทศิ เหนอื ทิศใต ทิศตะวันออก และทิศตะวนั ตก ไดอ ยา งถูกตองแมนยํา ใชหินในการกอสรางประมาณ 2.3 ลา นกอน วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภาพวาดบนผนงั ถา้ํ หลายแหง ในยุโรป พีระมดิ แหงเมอื งกเิ ซหนมี้ ีประเด็นใหน กั วทิ ยาศาสตรแ ละนักวชิ าการ สว นใหญจ ะวาดเปน สัญลักษณ บางภาพก็จะเปนเร่อื งราวของการลา สตั ว สาขาตางๆ พยายามหาเหตุผลมาอธบิ ายใหไดวา สรา งข้นึ ดว ยวิธีการใด ฝงู สตั ว เนอ้ื หาโดยรวมจะสอื่ เรอื่ งราวทเี่ ปน ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ มใกลต วั ทัง้ ๆ ทเี่ ทคโนโลยีในการกอสรา งยงั ไมเจรญิ ตลอดจนยังเปนสถาปตยกรรมที่มี ความถูกตองแมนยาํ ในการคิดคํานวณมาก รวมท้ังใชแรงงานและระยะเวลา ในการจดั สรางเปน เวลานาน ค่มู ือครู 133
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนกั เรยี นกลมุ ท่ี 1 สง ตัวแทนกลุม กลุมละ ในสมัยกรีก มีความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปวิทยาหลายๆ สาขา เช่น ด้านจิตรกรรม พบการเขียนสีบน 2-3 คน ออกมานําเสนอความรเู กย่ี วกับ ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมยั โบราณตามท่ี ภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ด้านประติมากรรม พบรูปแกะสลักหินอ่อนท่ีมี ไดศ ึกษามา หนา ชน้ั เรยี น ชื่อเสียงปรากฏอยู่เป็นจ�านวนมาก โดยเฉพาะรูปปันนักขว้างจักร 2. ครยู กตัวอยางผลงานทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรม สากลสมยั โบราณ มา 1 ผลงาน จากนน้ั ให ฝมี อื ของไมรอน สถาปตั ยกรรมทง่ี ดงามและมชี อ่ื เสยี ง ไดแ้ ก ่ นักเรียนรวมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับลักษณะของ ผลงานทัศนศลิ ปที่ครูยกตวั อยา งมา วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และ วิหารของเทพีอะธีนา และการสร้างอาคารบ้านเรือน ตา่ งๆ ตามแบบวิหาร เชน่ ท่ีประชุมสภา ตลาด ศาล หรืออน่ื ๆ อีกมากมาย เปน็ ตน้ ในสมัยโรมนั ทางดา้ นวฒั นธรรมชนชาติ โรมนั ได้รบั อิทธิพลจากกรกี ในหลายๆ ดา้ น ชาวโรมนั วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ สร้างขึ้นตามแบบ ได้น�าศิลปะกรีกมาปรับปรุงใหม่ให้มีความหรูหรา สถาปัตยกรรมดอริก โออ่ า่ และเสรมิ ความมอี า� นาจแบบชนชาตนิ กั รบ ผลงานดา้ นจติ รกรรมทมี่ คี วามสมบรู ณส์ ว่ นใหญพ่ บทเ่ี มอื งปอมเปอ ี นอกจากนี้ ชาวโรมันยังนิยมน�าโมเสกมาประดับตกแต่งภาพอีกด้วย ด้านประติมากรรมผลงานท่ีมีช่ือเสียงคือ การท�าหนา้ กากขผี้ ึง้ และการปนั ภาพเหมอื น สว่ นดา้ นสถาปตั ยกรรมมกี ารสรา้ งเพดานโค้งและนิยมสร้างโรงมหรสพ ขนาดใหญ่ สนามกีฬา ๒) สมัยกลาง 1 มีรูปแบบทางศิลปะที่ส�าคัญ คือ ศิลปะแบบโรมาเนสก์ (Romanesque) เน้นเร่ืองราวเกี่ยวกบั ศาสนา เชน่ รูปแม่พระ พระเยซ ู นกั บุญตา่ งๆ เป็นตน้ สถาปัตยกรรมโรมาเนสกน์ ยิ มใช้แนวโคง้ แบบประทุนเกวยี น และโดม ซ่ึงถือเป็นหัวใจของการก่อสร้าง ส่วนประติมากรรมและจิตรกรรมจะมี ลกั ษณะเปน็ ภาพแบนราบ ไมม่ มี ติ ิ เนอ่ื งจากสถาปตั ยกรรมแบบโรมาเนสก์ มีส่วนที่เป็นผนังหนาทึบมาก ดังนั้น จึงมักตกแต่งตัวอาคารด้วย ภาพเขียนสีปูนเปียก และศลิ ปะแบบกอทิก (Gothic) เป็นศิลปะ เพื่อคริสต์ศาสนา มีรูปแบบอ่อนช้อยมีชีวิตชีวามากกว่าศิลปะ แบบโรมาเนสก ์ การตกแตง่ โบสถว์ หิ ารทง้ั ภายในและภายนอก ก็ท�าอย่างประณีตงดงาม เครื่องตกแต่งมีทั้งประติมากรรม และการประดบั หน้าตา่ งด้วยกระจกสี โครงสรา้ งของโบสถ์ มีวิวัฒนาการโดยเปลี่ยนจากแนวโค้งธรรมดามาเป็น แนวโค้งยอดแหลม ดังนั้น จะเห็นว่าอาคารต่างๆ จึงมี รปู สลกั หินออ่ น “ปเ อตา” ผลงานประติมากรรมของไมเคิล แองเจโล ลักษณะสูงแหลมเสียดฟา แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ (Michelangelo) ที่อาศัยความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์เข้าช่วย ของศิลปะแบบกอทิก เช่น โบสถ์ซาเครเกอร์ โบสถ์- ทาํ ให้ผลงานมีความสมดุล กลมกลนื และสมจรงิ อยา่ งมาก นอตเตอรด์ าม กรุงปารสี ประเทศฝรงั่ เศส เปน็ ต้น 134 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET สถาปตยกรรมแบบศิลปะกอทกิ (Gothic) มลี ักษณะเปนอยา งไร ครูอธบิ ายใหน ักเรยี นเขาใจวา ศาสนาเปน แรงผลักดนั สําคญั ทีท่ าํ ใหเกดิ แนวตอบ สถาปต ยกรรมแบบศลิ ปะกอทกิ นยิ มสรา งใหม รี ปู ทรงสงู ชะลดู การสรางสรรคผลงานศลิ ปะขึน้ มาหลายประเภท โดยศลิ ปน ผูสรา งสรรคจ ะได มสี วนบนเปนยอดแหลม วศิ วกรตองคาํ นวณนาํ้ หนักโครงสรางตางๆ ใน รบั การอปุ ถมั ภจ ากกษตั รยิ ขนุ นาง และคริสตจกั ร ดว ยเหตุท่ีผคู นสว นใหญ การสราง โดยเฉลย่ี นํ้าหนักของหลังคาลงบนเสาและบนผนงั ตอมา ในทวปี ยโุ รปนับถอื ศาสนาครสิ ต ดังนน้ั จงึ มผี ลงานศลิ ปะชิน้ เดน ๆ ของโลก สถาปตยกรรมแบบน้ไี ดแพรหลายในยุโรป โดยเฉพาะอยา งย่ิงในฝรัง่ เศส ท่เี กย่ี วเนอื่ งกับศาสนาครสิ ตอ ยูมากมายในหลายประเทศของยโุ รป ศลิ ปะแบบกอทกิ นิยมแสดงเร่อื งราวทางศาสนาในแนว เหมือนจริง (Realistic Art) ไมใ ชสัญลักษณเ หมอื นศลิ ปะยคุ กอน ดงั นั้น นักเรียนควรรู ผลงานสถาปต ยกรรมจึงมโี ครงสรา งทรงสูง มียอดหอคอยรปู ทรงแหลมอยู ดา นบน ทําใหตวั อาคารมีรูปรา งสูงระหงข้นึ สูเ พดาน ซมุ ประตู หนา ตาง 1 ศิลปะแบบโรมาเนสก เปนการผสมผสานระหวา งศิลปะโรมนั กับศิลปะ ชอ งลม มสี ว นโคง แปลกกวาศิลปะแบบใดๆ ของอนารยชนเยอรมนั ในชว งครสิ ตศตวรรษท่ี 11-12 โดยงานดานสถาปต ยกรรมจะ มลี ักษณะท่เี ดน คือ การสรางวิหารที่มีหลังคาเปน รปู โคง อาคารหนาทบึ มีหนา ตา ง แบบวงลอ เชน หอเอนปซ าในอิตาลี เปนตน สว นงานประตมิ ากรรมนิยมสลกั หิน เปน รปู คน สตั ว และลายเรขาคณติ เพอ่ื ใชต กแตง เปน สว นประกอบในสถาปต ยกรรม สาํ หรับงานจิตรกรรมท่ีหลงเหลอื อยูจะเปนภาพประกอบในพระคัมภีร 134 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ เ ขา้ ส่ยู ุคสมนัยแบั หตง่งั้ กแาตร ่ ฟคน.ศฟ. ูศ๑ิล๓ป๐ว๐ิท ยเาปก็นาตร น้ 1(Tมhาe เRมe่ือnยaุโรisป- 1. ใหน ักเรียนกลมุ ที่ 2 สง ตวั แทนกลุม กลมุ ละ 2-3 คน ออกมานําเสนอความรเู กี่ยวกบั sance) ได้มีการรื้อฟนศิลปวัฒนธรรมของกรีก โรมัน ทศั นศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมัยกลางตามที่ ไดศกึ ษามา หนา ชัน้ เรียน ข้ึนมาอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะมนุษยนิยม (Humanism) 2. ครยู กตวั อยา งผลงานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรม ท่ีได้รับการถ่ายทอดจากสมัยคลาสสิกและได้พัฒนาให้ สากลสมัยกลาง มา 1 ผลงาน จากน้นั ให นักเรียนรวมกันอภิปรายเกย่ี วกบั ลักษณะของ มีระดับความเจริญถึงขั้นสุดยอด การฟนฟูศิลปวิทยา ผลงานทัศนศลิ ปท คี่ รูยกตัวอยา งมา การเกิดขึ้นในอิตาลีก่อน หลังจากนั้นจึงแพร่หลายไปยัง ประเทศอ่ืนๆ เชน่ อังกฤษ ฝรง่ั เศส เยอรมนี เป็นตน้ ลักษณะของทัศนศิลป์สมัยน้ีมีลักษณะเด่น คือ งานจิตรกรรมหรือการวาดภาพมีการใช้ท้ังสีน�้า สนี า�้ มนั และไมจ่ า� กดั เรอ่ื งราวอยกู่ บั ศาสนาเพยี งอยา่ งเดยี ว แต่น�าเอาภาพบุคคลส�าคัญ หรือการน�าเอาต�านานสมัย กรีกและโรมัน และเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์มาสร้าง เป็นภาพ หรือภาพแสดงชีวิตความเป็นอยู่ภายใน ภาพ “โมนา ลิซา” (Mona Lisa) ผลงานของ เลโอนารโ์ ด ดาวินช ี ครอบครัวมาเป็นแกนของเนื้อเร่ือง ซ่ึงวิธีในการ (Leonardo da Vinci) จิตรกรชาวอิตาลี ท่ีให้แสงและเงานุ่มละมุน เขยี นภาพมกี ารใชส้ ที ส่ี ดใส มคี วามกลมกลนื เหมอื นล่องลอยอยทู่ ่ามกลางธรรมชาติ มแี สงเงา มสี ว่ นลกึ ทา� ใหด้ เู หมอื นของจรงิ ยงิ่ ขน้ึ เชน่ เดียวกับงานประตมิ ากรรม ที่มีเทคนิคการแกะสลักและการปนั ท่แี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความกา้ วหนา้ เป็นอย่างมาก โดยมกี ารแสดงใหเ้ ห็นโครงสร้าง สดั ส่วนของรูปทรงมนษุ ย์ท่สี วยงาม และเปน็ แบบอย่างในการสรา้ งสรรคง์ านประตมิ ากรรมในเวลาตอ่ มา ในทางสถาปตั ยกรรมสมยั ฟน ฟศู ลิ ปวทิ ยาการ มี การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปท์ ี่ไมไ่ ดม้ งุ่ ไปทกี่ าร แสดงออกเพ่ือเทิดทูนศาสนา หรือสิ่งศักด์ิสิทธิ์ เพียงอย่างเดียว หากเป็นการแสดงออกถึง วถิ ชี วี ติ และความตอ้ งการของมนษุ ย์ในแงต่ า่ งๆ ดว้ ย เชน่ การสรา้ งอาคารบา้ นเรอื น ปราสาท ราชวัง หอสมุด หอศิลปะ สวนสาธารณะ แม้แต่ที่ฝังศพก็นิยมสร้างกันอย่างใหญ่โต และวิจิตรพิสดารอยา่ งยิง่ เปน็ ตน้ โบสถ์เซนตป์ เ ตอร์ ศูนย์กลางนครรฐั วาติกนั ในกรงุ โรม ประเทศ อติ าล ี เปน็ สถาปตั ยกรรมทโี่ ดดเด่นในยคุ ฟ้นฟูศลิ ปวิทยาการ แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู ศลิ ปะทม่ี คี วามหรูหรา ฟมุ เฟอ ย คอื ศิลปะในสมยั ใด ครอู ธบิ ายวา ในสมัยฟนฟูศิลปวทิ ยาการ ศลิ ปน ไดหันมาสรา งสรรคผ ลงาน 1. สมัยโรมนั ทีส่ ะทอนความเปน ตัวตนของศิลปน สื่อความคดิ ทเี่ ปน อิสระ ไมไ ดสรา งสรรคข ึ้นมา 2. สมัยกอทิก เพือ่ ตอบสนองหรือเนน เพือ่ คริสตจักรเหมือนทีเ่ คยปฏิบตั ิกันมา 3. สมยั ฟน ฟูศิลปวิทยาการ 4. สมัยโรโกโก นักเรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ศลิ ปะสมัยโรโกโก เปน ศลิ ปะตอนปลาย 1 ฟนฟูศลิ ปวทิ ยาการ อยูในชว งครสิ ตศตวรรษที่ 14-17 ถอื วา เปนยคุ สมัย ท่ียุโรปไดผา นพนยุคกลางหรอื ยุคมดื ออกมา เปน การเกิดใหมเ กีย่ วกบั การศกึ ษา สมัยฟน ฟศู ิลปวิทยาเช่ือมตอกับศลิ ปะยุคใหม มีการจัดองคป ระกอบศลิ ปท ่ี การฟน ฟอู ดุ มคติ ศลิ ปะ วรรณกรรม การแสวงหาสทิ ธเิ สรภี าพและแนวความคดิ เนนรายละเอียดสว นยอยอยางฟุมเฟอย โดยเฉพาะการใชสวนโคง สวนเวา อนั เปน อสิ ระจากกรอบท่เี คยถกู จํากดั โดยกฎเกณฑแ ละขอบงั คบั ของคริสตจ กั ร งานจิตรกรรมและประติมากรรมยังคงเนนรปู รา ง รูปทรงธรรมชาติ การฟน ฟศู ิลปวทิ ยาการไดเริม่ ตน ขึน้ ที่อติ าลี กอ นจะแพรก ระจายไปยงั ดนิ แดนตา งๆ (Realistic) แตใ ชส ีรนุ แรงข้ึน งานสถาปต ยกรรมประกอบดว ยเสนโคง มน ทวั่ ยุโรป ตกแตง โครงสรา งเดิม มีลวดลายออ นชอย งดงาม เชน โบสถเซนตคารโ ล (Church of St. Carlo) ท่ีประเทศอิตาลี พระราชวังแวรซายส (Versailles ค่มู อื ครู 135 palace) ท่ปี ระเทศฝรั่งเศส เปน ตน
กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน กั เรียนกลมุ ท่ี 3 สง ตัวแทนกลุม กลุมละ เกร็ดศิลป ศิลปกรรมของอิตาลสี มัยฟน ฟศู ิลปวิทยาการ 2-3 คน ออกมานาํ เสนอความรเู กีย่ วกบั ศลิ ปกรรมของอติ าลีในสมัยฟน ฟศู ิลปวิทยาการสามารถสรุปได ้ ดงั น้ี ทัศนศลิ ปใ นวัฒนธรรมสากลสมัยใหมตามทไี่ ด ๑. ด้านจิตรกรรม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาท่ีส�าคัญ เช่น ภาพก�าเนิดวีนัส ศึกษามา หนาชั้นเรยี น (Birth of Venus) ผลงานของ ซานโดร บอตติเชลล ี (Sandro Botticlli) ภาพพระกระยาหาร มื้อสุดทา้ ย (The Last Supper) ภาพโมนา ลซิ า (Mona Lisa) ผลงานของ เลโอนาร์โด ดา วินช ี 2. ครยู กตัวอยางผลงานทศั นศลิ ปในวัฒนธรรม (Leonardo da Vinci) ภาพกา� เนิดอดมั (The Creation of Adam) ผลงานของ ไมเคลิ แองเจโล สากลสมัยใหม มา 1 ผลงาน จากน้นั ให (Michelangelo) ภาพโรงเรียนของกรงุ เอเธนส ์ (The School of Athens) ผลงานของ ราฟาเอล นกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายเก่ียวกับลกั ษณะของ เปเรยร์ า ดา ซิลวา (Rafael Pereira da Silva) เป็นต้น ผลงานทัศนศลิ ปทค่ี รยู กตัวอยางมา ๒. ด้านประติมากรรม นิยมปันรูปบุคคลเหมือนจริงได้สัดส่วน เช่น รูปเดวิด (David) ปิเอตา (Pieta) โมเสส (Moses) ผลงานของ ไมเคลิ แองเจโล (Michelangelo) เป็นต้น ๓. ด้านสถาปัตยกรรม นิยมสร้างโบสถ์ให้มีหลังคารูปโดมวงกลม เช่น โดมของโบสถ์ เซนตป์ ีเตอร ์ ในนครวาติกันผลงานของ ไมเคิล แองเจโล (Michelangelo) เปน็ ต้น ๓) สมัยใหม่ ศิลปะสากลยังมีความเจริญรุ่งเรืองมากในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ โดยมีฝรั่งเศสเป็น จุดศูนย์รวม ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได1้เกิดผลงานสร้างสรรค์โดยเฉพาะทางด้านจิตรกรรมข้ึนมาหลายลัทธิหรือ หลายแบบ เช่น ผลงานแนวจินตนิยม (Romanticism) แสดงความรู้สึกออกมาเกินความจริง หรือผลงานแนว ประทับใจท่ีสื่อความประทับใจออกมาให้ได้แสงสีตามบรรยากาศท่ีเป็นจริง หรือเน้นความเป็นจริงตามธรรมชาต ิ แนวบาศกนิยม (Cubism) มกี ารสรา้ งสรรค์โดยการน�ากลวิธภี าพปะตดิ ดว้ ยกระดาษและเศษผ้า หรอื การใชแ้ ผน่ โลหะ และเศษวัสดุต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ตามแนวบาศกนิยมเป็นการบุกเบิกให้ วงการทศั นศลิ ปส์ มยั ใหมก่ ้าวรดุ หนา้ ไปจากแนวทางเดิมอยา่ งสนิ้ เชิง เป็นตน้ หลังจากนั้นความเจริญก้าวหน้าในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ก็ได้เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ จนถึงปัจจุบัน ท2�าให้เกิดลัทธิทางศิลปะแบบใหม่ขึ้นอย่างมากมาย เช่น แนวนามธรรม (Abstract) แนวส�าแดงพลังทางอารมณ์ (Abstract Expressionism) แนวตาชิสม์ (Tachism) แนวปอ ปอาร์ต (Pop art) เปน็ ต้น “นาฬก าเหลว” ผลงานของ ซัลวาดอร ์ ดาล ี (Salvador Dali) เปน็ ดังนั้น การที่จะเปรียบเทียบความแตกต่าง ผลงานจติ รกรรมในลทั ธเิ หนือจริง ของงานทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยและสากลใหเ้ หน็ ภาพ อย่างละเอียดและมีความเด่นชัดอาจเป็นไปได้ยาก เนอ่ื งจากมเี นอื้ หาสาระและรายละเอยี ดมาก ในระดบั ชน้ั น้ี คงตอ้ งอาศยั การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของทศั นศลิ ป์ ท้ัง ๒ เป็นภาพรวม โดยการเปรียบเทียบจากลักษณะทมี่ ี ความโดดเดน่ ชดั เจนในแตล่ ะชว่ งเวลาของไทยและสากล มาเปรยี บเทยี บกนั วา่ มอี ะไรเกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลารว่ มสมยั กนั เพือ่ นา� มาประกอบการศึกษา ซ่งึ นักเรียนสามารถเหน็ ได้ จากตารางเปรยี บเทยี บตอ่ ไปน้ี 13๖ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ภาพจติ รกรรมนเ้ี ปน แนวศลิ ปะแบบใด 1 ผลงานแนวจนิ ตนยิ ม การแสดงออกทางจนิ ตนาการหรอื มโนทศั นท เี่ ตม็ ไปดว ย 1. บาศกนยิ ม (Cubism) ความเพอฝน ความแปลกประหลาด นาพิศวง ความนาทงึ่ ตืน่ เตน เรอ่ื งราว 2. จนิ ตนิยม (Romanticism) อนั เรา ใจอยา งสดุ ขดี ความรนุ แรง ความหวาดเสยี ว นา สยดสยอง หรอื เรอื่ งราว 3. สัจนยิ ม (Realisticism) เกย่ี วกบั อารมณภายในอนั ปนปวน 4. ประชานยิ ม (Pop Art) 2 แนวสาํ แดงพลงั ทางอารมณ มีการแสดงออกผสมผสานกนั ระหวา งรูปทรง วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ผลงานดงั กลา วเปน แนวศิลปะแบบ นามธรรมกับอารมณส ะเทือนใจทพี่ วยพุงออกมา โดยปราศจากการควบคุม บาศกนิยม ทน่ี ําเสนอผลงานใหม ีลักษณะผันแปรไปจากความเปนจริง ของจิตรกร ผลงานจะแสดงใหเ หน็ ถึงความกลา หาญ เดด็ ขาด และเตม็ ไปดว ยพลงั โดยทาํ เปน เหล่ยี มมุมอยา งลูกบาศก หรือเปนอยา งทรงเรขาคณติ เพือ่ เนน ท่ีรุนแรง ใหเ หน็ มิติท้งั ดานความสูง ความกวา ง และความลกึ มที ง้ั ผลงานทเี่ ปน จติ รกรรมและประติมากรรม 136 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ตารางเปรียบเทยี บงานทศั นศลิ ปใ นวฒั นธรรมไทยและสากล ครูใหนักเรยี นศกึ ษาตารางเปรียบเทยี บ งานทัศนศิลปในวัฒนธรรมไทยและสากลใน ทศั นศิลปในวฒั นธรรมไทย ทศั นศิลปในวัฒนธรรมสากล หนังสือเรียน หนา 137-138 จากนนั้ ครอู ธบิ าย เสริมแกนกั เรียนวา พุทธศตวรรษท่ี ๗ ครสิ ตศักราช ๓๐๖-๓๐๗ งานทัศนศิลปอินเดียเร่ิมเขามาเผยแผพรอมกับ งานทัศนศิลปในอาณาจักรออตโตมัน (Ottoman) • ศลิ ปะไทยกับสากลจัดแบง ออกเปน ประเภท จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปต ยกรรม การคาขายในแถบดินแดนสุวรรณภูมิ มีรูปแบบเปน เปน แบบไบแซนไทน (Byzantine) คือ มีการผสมผสาน เหมอื นกนั ศลิ ปะแบบอนิ เดียอยา งชดั เจน แบบโรมันและแบบเอเชียกลาง (มุสลิม) เชน วิหาร ฮาเกยี โซเฟย ที่กรงุ อสิ ตนั บูล ประเทศตุรกี เปนตน • ผลงานศิลปะของไทยและสากลลวนมี พัฒนาการในแตล ะยุคสมัย ซึ่งตา งก็มี ลกั ษณะเฉพาะของตนเอง • ผลงานศิลปะของไทยในชว งสมัยหลงั ไดรบั แบบอยาง หรอื ไดรับอิทธิพลจาก ศลิ ปะตะวันตกอยา งมาก • ศิลปะไทยสะทอนความศรัทธา ความเชื่อ ทางพระพุทธศาสนาเปนหลัก ขณะที่ ศิลปะสากลสะทอนความศรัทธา ความเช่ือ ในศาสนาครสิ ต พทุ ธศตวรรษที่ ๑๒-๑๘ คริสตศ กั ราช ๔๗๖-๑๔๙๒ งานทัศนศิลปในสมัยอาณาจักรโบราณ ไดแก งานทัศนศิลปยุคกลางในยุโรป รูปแบบทัศนศิลป อาณาจักรทวารวดี ศรีวิชัย และละโว มีรูปแบบของ จะเปนการถายทอดผลงานทัศนศิลป โดยเนนเรื่องราว งานทัศนศิลปแบบผสมผสานกับศิลปะอินเดียและ ทางศาสนาเปนหลัก แบบพื้นเมือง ตามคติความเช่ือของพระพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู 13๗ แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู ศลิ ปะอนิ เดยี มคี วามสําคัญตอ งานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทยอยางไร ครเู นนยํา้ เกีย่ วกบั คุณคา ของงานทศั นศิลปท ง้ั ในวัฒนธรรมไทยและสากลวา แนวตอบ ศลิ ปะอนิ เดยี ถือเปน รากฐานของศิลปะไทยนบั ตง้ั แตส มัยโบราณ งานจิตรกรรมเปนศิลปะทีส่ ่ือความงามและความรสู ึกไปสูผดู หู รอื ผูชน่ื ชม กอนทค่ี นไทยจะนาํ มาดดั แปลงประยกุ ตจ นมีลกั ษณะเฉพาะเปน ของตนเอง ไดโ ดยงา ย คุณคา เบ้ืองตน เปน คณุ คาทางดา นจติ ใจในการชมความงาม จนภายหลังไดรบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะสากลซ่ึงเขา มาแทนท่ี เหตผุ ลที่ ความละเอยี ดออ นของเสน สี แสงเงา และองคประกอบศิลปตา งๆ ชว ยผอ นคลาย ศลิ ปะอินเดยี มบี ทบาทมากในชวงเรมิ่ แรก อาจเน่ืองมาจากเปนศลิ ปะท่ีมี อารมณ ใหค ติธรรม แนวคิดในการดาํ รงชีวิต และยงั รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ความเจรญิ มากกวารปู แบบศิลปะของผูคนในทอ งถ่ิน รวมถึงศลิ ปะอนิ เดยี ใน วัฒนธรรม ศาสนา และประวตั ิศาสตร จากจติ รกรรมฝาผนังตา งๆ สมัยนั้นไดผสมผสานอยูในพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ- ฮินดู งานประติมากรรม เปน ศิลปะที่สอื่ ความงามและความรสู กึ ไปสผู ดู ูหรอื ผชู ่ืนชม การยอมรบั จึงเปน ไปโดยงาย ดงั นั้น การแสดงออกตองานทศั นศิลป ไดดว ยรปู ทรงและพน้ื ผวิ โดยมีแสงสวา งมากระทบใหเ กดิ เงาจากมติ คิ วามตนื้ ลึก ในวัฒนธรรมไทย จึงมรี องรอยของศลิ ปะในวัฒนธรรมอนิ เดยี ปรากฏอยู ของรูปทรงนั้นๆ โดยทั่วไป ไมว าจะเปน การสรา งผลงานประติมากรรมเปนรปู เคารพ งานสถาปต ยกรรม เปนศิลปะทเี่ นน ประโยชนใ ชส อยมากกวา เพราะเปน อาคาร รปู แบบผลงานสถาปตยกรรมท่เี ปนศาสนสถาน เปนตน สถานที่และเปนท่ีอยูอาศยั ของมนุษยนนั่ เอง เชน พระราชวัง โบสถ ตําหนกั วดั วหิ าร เจดีย สถูป เปน ตน คู่มอื ครู 137
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage E×pand Expand ขยายความเขา้ ใจ ใหน ักเรยี นแตล ะคนนําภาพงานทศั นศิลปใน ทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทย ทศั นศลิ ปในวฒั นธรรมสากล วฒั นธรรมไทยและสากล มาอยางละ 1 ภาพ จากนั้นนํามาวเิ คราะหจดุ ประสงคในการสรางสรรค พุทธศตวรรษท่ี ๑๘-๒๓ ครสิ ตศักราช ๑๐๙๖-๑๒๙๑ ผลงานของแตละภาพ ตามหวั ขอ ตอไปนี้ งานทัศนศิลปในสมัยอาณาจักรลานนา สุโขทัย ในชวงการทําสงครามศาสนาระหวางชาวคริสเตียน • จุดประสงคใ นการสรางสรรคงานทศั นศิลป มีรูปแบบทางทัศนศิลปที่ไดรับอิทธิพลจากศิลปะลังกา กับชาวมุสลิม เรียกวา สงครามครูเสด ทําใหการ ของวัฒนธรรมไทย และพมา ในยุคแรกๆ ตอมาไดมีการพัฒนารูปแบบ สรา งสรรคผลงานทัศนศิลปใ นยุโรปชะลอตัวลงไป เปน ลักษณะเฉพาะของตนเอง • จุดประสงคใ นการสรางสรรคงานทศั นศิลป ของวัฒนธรรมสากล • เปรยี บเทยี บความแตกตา งของจุดประสงค ในการสรา งสรรคง านทศั นศิลปของ วัฒนธรรมไทยและสากล แลวใหนกั เรียนนําผลงานสงครูผสู อน โดยครู คัดเลือกผลงานของนกั เรียนไปติดปายนิเทศ พทุ ธศักราช ๑๘๙๓-๒๓๙๔ ครสิ ตศกั ราช ๑๓๐๐-๑๔๙๐ งานทศั นศลิ ปใ นสมยั อยธุ ยาจนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร งานทัศนศิลปเร่ิมตนเขาสูยุคฟนฟูศิลปวิทยาการ ตอนตน (สมัยรัชกาลที่ ๓) รูปแบบทางศิลปะไดรับ ในยุโรป มีการสรางสรรคผลงานตามหลักมนุษยนิยม อิทธิพลจากเขมร จีน ตะวันตก ผลงานจิตรกรรม ศิลปวิทยาการมีความกาวหนามากขึ้น มีการเขียน มคี วามเจรญิ รงุ เรอื งในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา - ภเอากพลเกัหษมณือนเ ฉจพราิงะจตนวั พเัฒชน นศาลิมปาเะปบนารโรูปกแ(1บBบarทoาqงuศeิล)ปศะลิ ทปี่มะี เจา อยูหัว แนวคลาสสิกใหม (Neoclassicism) ศลิ ปะแ2นวจินตนยิ ม (แRลoะmศaิลnปtะicแisนmว)สัจศนิลยิปมะแ(นR3วeธaรlisรmม)ชเาปตน ินติยน ม (Naturalism) 13๘ ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ผลงานทศั นศลิ ปข องไทยกบั สากลมคี วามคลายคลงึ กนั ในเรื่องใดมากท่สี ดุ นกั เรียนควรรู 1. หนาทใี่ ชสอย 2. การรบั อทิ ธิพลศลิ ปะ 1 ศิลปะบาโรก กระบวนแบบศิลปะสมัยหนึง่ ของยุโรป เริ่มตั้งแตศตวรรษท่ี 17 3. ประวตั คิ วามเปนมา สบื ตอ มาจากสมัยฟน ฟูศิลปวิทยาการ และสนิ้ สุดลงในปลายคริสตศตวรรษที่ 18 4. การเลอื กใชอุปกรณ ลักษณะของผลงานศิลปะจะมกี ารประดบั ตกแตง อยา งอลงั การ หรูหรา ฟุมเฟอย วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. หนาทใ่ี ชสอย กลาวคอื ผลงานทัศนศลิ ป ลวดลายเนนความออนชอ ย สวยงาม สที นี่ ิยมนาํ มาใชจ ะเปน สที อง เพ่อื ใหตดั กบั ทัง้ ไทยและสากลสรางขึ้นเพอ่ื นาํ ไปใชต อบสนองเกย่ี วกับเรื่องดงั ตอ ไปนี้ สีอื่นๆ และเพอื่ แสดงถงึ ความโออ า หรูหรา มง่ั ค่ัง คอื เพ่อื ชนื่ ชมหรือเพื่อแสดงออกทางความงาม ใชป ระดบั ตกแตง 2 ศิลปะแนวธรรมชาตนิ ยิ ม คตนิ ิยมทางศิลปกรรมทม่ี งุ นาํ เสนอเร่ืองราวตาม เพ่อื เปน ทีเ่ คารพบูชา หรือเพ่อื เผยแผศาสนา ธรรมชาติ เน้อื หาสาระสําคัญ คือ การแสดงความขัดแยงกับความไมคอยเปน ธรรมชาติของอดุ มคตนิ ยิ ม และไมเห็นดว ยกับการใชอารมณ และจินตนาการ อยา งฟุมเฟอ ยจนเกนิ ไป 3 ศิลปะแนวสัจจนยิ ม เริม่ ตนราวศตวรรษที่ 18 โดยท่ัวไปศิลปนแนวน้มี กั จะ สรางสรรคผลงานข้ึนมาเพ่ือสะทอ นความจรงิ ในสงั คม ใชผลงานบอกเลา เร่อื งราว ท่ีเกดิ ขนึ้ ในสมยั น้ัน โดยเฉพาะเรื่องราวของชนช้ันกรรมาชพี ไมไดเ นน เพยี ง เรือ่ งราวของศาสนา สถาบนั กษตั รยิ หรือชนชนั้ สูงเหมือนที่ผา นมา 138 คมู่ อื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate กจิ กรรม ศลิ ปป์ ฏบิ ตั ิ ๑๐.๒ ครพู จิ ารณาจากผลงานการวเิ คราะหจ ดุ ประสงค ในการสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปในวฒั นธรรม กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนคัดเลือกผลงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมสากล ไทยและสากล รวมทงั้ การเปรยี บเทยี บความแตกตา ง มาอย่างละ ๑ ภาพ แล้วน�ามาแสดงความคิดเห็นและรายงานให้เพ่ือนในช้ันได้ร่วมรับรู้ถึง ของจุดประสงคในการสรา งสรรคงานทศั นศลิ ป ความหมาย ความนา่ สนใจ ความงาม พรอ้ มทง้ั วเิ คราะหว์ า่ ผลงานแตล่ ะประเภทมคี วามเหมอื น ของวฒั นธรรมไทยและสากลของนกั เรยี น หรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู กจิ กรรมที่ ๒ ให้นักเรียนหาตัวอย่างท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทย และสากลท่ชี ัดเจน แล้วน�ามาเขยี นอธิบายเปรียบเทยี บ ท�าเป็นรายงานสง่ ครูผูส้ อน 1. แผนผงั ความคิดสรุปลกั ษณะของผลงาน ทัศนศิลปในวฒั นธรรมไทยและสากลและปจ จยั กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี ทม่ี อี ทิ ธิพลตอ การสรางสรรคผ ลงานทศั นศิลปใน ผลงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลมีความแตกต่างกันอย่างไร จงสรุปมา วัฒนธรรมไทยและสากล เป็นข้อๆ 2. ผลงานการวิเคราะหจ ดุ ประสงคใ นการ สรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ปในวฒั นธรรมไทย สรุป ความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากล เม่ือพิจารณาโดยภาพรวมจะ และสากล รวมทงั้ การเปรยี บเทียบความ แตกตางของจดุ ประสงคใ นการสรางสรรค มองเห็นส่วนท่ีคล้ายคลึงกันและส่วนที่แตกต่างกัน เช่น การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในสมัยก่อน ผลงานทัศนศิลปในวฒั นธรรมไทยและสากล ประวัตศิ าสตรแ์ ละสมยั ประวตั ศิ าสตร์ชว่ งแรกๆ ของไทยและสากลจะมีความเกย่ี วข้องกนั โดยมีรากฐาน เก่ียวกับความเชื่อทางศาสนาเป็นหลัก ต่อมาในสมัยฟ้ืนฟูศิลปวิทยาการของยุโรป และการปฏิวัติ อุตสาหกรรมในยุโรป ผลงานทัศนศิลป์ของยุโรปเร่ิมมีการให้ความสำาคัญกับเรื่องราวเก่ียวกับความเชื่อ ทางศาสนาน้อยลง ทำาให้สามารถสร้างสรรค์และพัฒนารูปแบบของผลงาน เพ่ือแสดงเอกลักษณ์ในตัว ผลงานมากยง่ิ ขน้ึ ในขณะทง่ี านทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทยยงั คงดาำ รงรปู แบบและคตคิ วามเชอ่ื อยเู่ ชน่ เดมิ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๕) งานทัศนศิลป์ของไทยจึงเริ่ม มกี ารสรา้ งสรรค์ โดยอาศยั การเลยี นแบบงานทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมตะวนั ตก จนถงึ สมยั การเปลยี่ นแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทาำ ให้งานทัศนศิลป์ไทยมี การเปลยี่ นแปลงแนวทางการสรา้ งสรรคม์ าเปน็ แบบสากลอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เชน่ เดยี วกบั งานทศั นศลิ ปไ์ ทย ในด้านประเพณีและวฒั นธรรมที่มกี ารสืบสาน และพัฒนารปู แบบผลงานจติ รกรรม ประติมากรรม และ สถาปตั ยกรรมให้มรี ปู แบบทีแ่ ปลกใหม่เพ่มิ มากขึน้ ตามไปด้วย 139 แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป ฏบิ ตั ิ 10.2 กิจกรรมที่ 3 ผลงานทัศนศิลปใ นวฒั นธรรมไทยและสากล มคี วามแตกตางที่พอจะสรปุ เปนภาพรวมได ดงั น้ี 1. แนวคดิ และปรัชญาความเชือ่ ผลงานทัศนศิลปไทยจะสะทอ นเรอ่ื งราวเกย่ี วกบั พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ- ฮินดู ผลงานทัศนศิลปต ะวนั ตกจะสะทอ น เรื่องราวเกีย่ วกับศาสนาครสิ ตเปนหลกั 2. วสั ดแุ ละสงิ่ แวดลอ ม การสรางสรรคผ ลงานทัศนศลิ ปข องไทยจะใชว สั ดทุ ห่ี าไดง า ยในทองถน่ิ สงิ่ แวดลอมจะมคี วามเปน ชนบท สว นผลงานทัศนศิลปข องสากล วสั ดทุ ่ใี ชแ ละส่งิ แวดลอ มมีความหลากหลายและสลับซับซอ นกวา 3. การรบั อิทธพิ ลศลิ ปะ ผลงานทัศนศลิ ปไ ทยไดรบั อทิ ธิพลแบบอยางมาจากศิลปะอนิ เดียในชวงเร่ิมตน สว นผลงานทศั นศิลปสากลจะผสมผสานรูปแบบสกลุ ศิลปะ จาํ นวนมาก โดยมีพ้ืนฐานมาจากศิลปะตะวนั ตก จนพฒั นาไปสคู วามเปนนานาชาติ 4. หนาที่ใชส อย มีจดุ มงุ หมายไมแ ตกตา งกัน ทง้ั เพอื่ ชน่ื ชมหรอื แสดงออกทางความงาม หรือนําไปใชในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา ค่มู ือครู 139
กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ºÃóҹءÃÁ กรม ศิลปากร. ๒๕๔๒. นําชม พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ หอศิลป. กรุงเทพมหานคร : ศกั ดโิ สภาการพมิ พ.์ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สา� นกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. ๒๕๕๑. ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระ การเรยี นรู้ศิลปะ. กรงุ เทพมหานคร : ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. จริ ะพัฒน์ พติ รปรีชา. ๒๕๕๒. โลกศลิ ปะศตวรรษท่ี ๒๐. กรงุ เทพมหานคร : เมืองโบราณ. ฉัตร์ชยั อรรถปักษ.์ ๒๕๕๒. องคประกอบศลิ ปะ. กรงุ เทพมหานคร : วทิ ยพฒั น์. ประพันธ์ งามเนตร. ๒๕๔๕. คูม่ ือ Graphic Design ออกแบบส่งิ พิมพ. กรงุ เทพมหานคร : สขุ ภาพใจ. ประเสริฐ ศลี รตั นา. ๒๕๔๒. สนุ ทรยี ะทางทัศนศลิ ป์. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. พยงุ ศกั ด์ ิ ประจศุ ิลป. ๒๕๕๐. การออกแบบสาํ หรับนทิ รรศการ. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ราชบณั ฑติ ยสถาน. ๒๕๔๒. พจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. พมิ พ์คร้งั ที่ ๑. กรงุ เทพมหานคร : นานมบี คุ ส ์ พับลิเคช่นั ส์. ศลิ ป์ พีระศรี. ๒๕๕๐. ประวตั ศิ าสตรและแบบอยา่ งศิลปะโดยสังเขป. นครปฐม : มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ศภุ ชัย สงิ หย์ ะบุศย.์ ๒๕๔๖. ทศั นศลิ ปป์ รทิ ศั น. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร.์ สมชาต ิ มณีโชติ. ๒๕๔๕. จติ รกรรมไทย. กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร.์ สุชาติ เถาทอง. ๒๕๔๕. การเขยี นภาพสีน้าํ . กรงุ เทพมหานคร : แพรพ่ ทิ ยา. ___________. ๒๕๕๐. วาดเส้น. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร.์ ___________. ๒๕๔๔. ศลิ ปะกบั มนุษย. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์. ___________. ๒๕๔๔. ศิลปวัฒนธรรมและภูมปิ ญ ญาพน้ื ถ่ินภาคตะวันออก. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์. ___________. ๒๕๔๔. ศลิ ปวิจารณ. กรุงเทพมหานคร : โอเดยี นสโตร.์ หอศลิ ป์สมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิติ ์ พระบรมราชินีนาถ. ๒๕๔๖. นิทรรศการศลิ ปกรรม ในวโรกาสเสดจ็ พระราชดาํ เนิน ทรงเปนองคประธานในพิธีเปดหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ. กรุงเทพมหานคร: อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลิชช่งิ . ___________. ๒๕๕๒. ศลิ ปะจากศลิ ปนิพนธ. กรงุ เทพมหานคร : อมรินทร์พรนิ้ ตง้ิ แอนด์พับลิชชิง่ . ___________. ๒๕๕๒. หยาดนํ้าใจ จากปลายพู่กัน. กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทร์พริ้นต้ิงแอนด์พบั ลิชชิ่ง. Canady, John. 1999. What is Art. London : Hutchinson Co.Ltd. Crabb, Thomas, 2006. Painting& Drawing. London : Treasure Press. Faulkner, Ray and Edwin Ziegfeld. 2007. Art Today. New York : Holt, Rinehart&Winston. Rainer Metzger, Ingo F. Walt. 2000. Van Gogh. London : Hohen Zollerning Press. 14๐ 140 คมู่ ือครู
สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คู่มือครู บร. ทัศนศิลป์ ม.1 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 8 5 8 6 4 9 1 32 10206 4.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150