กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรยี นกลมุ ที่ 1 สงตัวแทนออกมาอธิบาย ๑. ชนดิ ๒B เปน็ ชนดิ ทอี่ อ่ นปานกลาง ลบงา่ ย ไมด่ า� จนเกนิ ไป เหมาะสา� หรบั การวาดภาพในขน้ั ตอน ความรูเ กยี่ วกบั ดนิ สอและปากกาสาํ หรบั วาดภาพ การรา่ ง ระบายสีตามท่ไี ดศ กึ ษามา หนา ชนั้ เรียน จากน้นั ครู ๒. ชนิด ๔B ๖B เปน็ ชนดิ ทอ่ี อ่ นกวา่ ชนดิ ๒B เหมาะส�าหรบั การแรเงาภาพ หรอื วาดเสน้ เพอ่ื ลง ถามนักเรียนวา น้�าหนกั ภาพ • ดินสอและปากกามีความสําคัญ การใชแ้ ละการเก็บรักษา ตอ การวาดภาพระบายสีอยา งไร ดนิ สอดา� ชนดิ ๒B ใชส้ า� หรบั รา่ งภาพทเ่ี ราตอ้ งการมองเหน็ รปู ลกั ษณะโครงรา่ งของภาพ เพอื่ จะระบายสี (แนวตอบ ดินสอดาํ เปนเคร่ืองมือทใ่ี ชใน หรือวาดเส้นแรเงา ดินสอที่ใช้ส�าหรับร่างภาพต้องเหลาปลายดินสอให้เรียวแหลมสม่�าเสมอ เวลาร่างภาพควร การรา งภาพกอนการลงมอื ระบายสี รา่ งเบาๆ กอ่ น เพราะจะลบออกได้ง่ายและไมเ่ กดิ รอยสกปรก ซึง่ ดนิ สอดําจะมคี วามออน-แกไ มเทากนั ดนิ สอดา� ชนิด ๔B และ ๖B ใช้สา� หรบั แรเงา หรือวาดเส้น เม่อื ภาพนนั้ ไม่ตอ้ งการใชส้ รี ะบาย จะแรเงา สวนปากกา โดยปกติเราจะนยิ มใชปากกา หรอื ลงน้�าหนักอ่อน-แก ่ หรอื มีเงาดา� มากนอ้ ยเพยี งใดก็ไดแ้ ลว้ แต่ความตอ้ งการ ในการเขียนตัวอกั ษรมากกวา การนํามาใช ดินสอแต่ละแท่งเม่ือเลิกใช้งานแล้วควรเหลาใหม่ เพื่อเตรียมไว้ให้พร้อมที่จะใช้งานในคราวต่อไป วาดภาพลายเสน แตทงั้ นี้การใชป ากกา วาดภาพลายเสน ก็จะดแู ปลกตาแตกตา ง ทัง้ น ี้ ควรเก๒บ็ )ใ สปก่ าลก่อกงใาห 1โเ้ ดรยียบปรกอ้ ตยเิ ร โาดจยะนเอยิ ามปใลชาป้ ยาดกนิ กสาอในขกน้ึ าเรพเ่ือขไยี มน่ใตหวั ้ปอลกั าษยรด ินหสรอือทหพี่ัก ดู กนั วา่ ใชเ้ ขยี นหนงั สอื แตเ่ มอื่ นา� ออกไป หรอื เราอาจใชด นิ สอรางภาพใหได เคา โครงและลกั ษณะตามท่ตี องการกอน มาใช้วาดภาพลายเส้น ปากกาก็เป็นเครื่องมือที่สามารถถ่ายทอดความคิด จินตนาการ และรายละเอียดได้ดีไม่แพ้ แลวคอ ยใชป ากกาลงเสนตามแบบรางกไ็ ด) เคร่ืองมือชนิดอื่น การใช้ปากกาวาดภาพลายเส้นจะดูแปลกตาแตกต่างจากการใช้ดินสอด�า นอกจากแตกต่างแล้ว ยงั มคี วามหลากหลายของลายเสน้ ดว้ ย ปากกามีให้เลือกหลายแบบ เช่น ปากกาคอแรง้ ซ่งึ มขี นาดปลายทเ่ี ขียนเปน็ • สงิ่ สาํ คัญหลงั จากการใชดินสอและปากกา เสน้ เลก็ จนถงึ เสน้ หนา ปากกาปลายสกั หลาด จะมปี ลายทเี่ ลก็ แหลมจนกระทงั่ ขนาดปลายเปน็ เสน้ ใหญ ่ มที ง้ั ปลายกลม ในการวาดภาพระบายสคี อื สงิ่ ใด และปลายตดั เป็นตน้ (แนวตอบ สิง่ สาํ คัญหลงั จากใชดนิ สอและ ปากกา คอื การเกบ็ รักษาใหถกู วิธี ปากกาคอแรง้ หลายขนาด ปากกาปลายสักหลาด โดยดนิ สอดาํ แตละแทง เม่อื เลกิ ใชงาน ควรเหลาใหม เพอ่ื เตรียมพรอมไวใ ชง านใน คราวหนา ทงั้ นีค้ วรเก็บใสก ลอ งใหเรียบรอ ย โดยหนั ปลายดนิ สอขนึ้ เพอื่ ไมใ หป ลายดนิ สอหกั สว นปากกาทกุ ชนิดเมื่อใชเสร็จแลว ใหป ดฝา ทุกคร้ัง หวั ปากกาที่ใชงานแลวใหล างดว ย การแชในน้ําอุนหรือน้าํ ยาทําความสะอาด และใชเศษผาเช็ดใหแ หง กอ นเก็บใสก ลอง ใหเรยี บรอย อยา ทง้ิ ไวจนหมึกแหง ตดิ ปากกา นานเกนิ ไป เพราะจะทําใหลา งออกยาก) ภาพวาดลายเส้นจากปากกาคอแรง้ ภาพวาดลายเสน้ จากปากกาปลายสกั หลาด 42 เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั ดินสอท่ใี ชในการรางภาพ ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา การวางตาํ แหนง ของปลายดนิ สอบนพนื้ กระดาษขณะรา งภาพ ดนิ สอทใี่ ชในการรา งภาพไดแ กด ินสอประเภทใด จะสง ผลตอ ขนาดของเสนทร่ี า งออกมา เชน ถา จบั ดินสอวาดในแนวดิง่ จะไดเ สนเล็ก 1. ดินสอ 2B ถา เอยี งมมุ ลง เสน จะโตขนึ้ หรอื ถา ตอ งการใหไ ดพ น้ื ทม่ี ากแบบระบายกต็ อ งจบั ดนิ สอ 2. ดนิ สอ 3B ใหเ อยี งมากขน้ึ เปนตน ทงั้ นี้ผูเ ขยี นภาพสวนมากจะใชวิธพี ลิกเลื่อนมือ หมนุ ดนิ สอ 3. ดินสอ 4B หรือเปลยี่ นมุมไสด ินสอหามมุ ท่ีแหลมทกุ ครั้งท่ตี อ งการใหเสน เลก็ และถา ตอ งการให 4. ดนิ สอ 5B เสน ใหญห รือแรเงาเรียบๆ ก็จะหามมุ ที่ทอื่ กวา อกี ดานหนง่ึ เสมอ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ดนิ สอดาํ ชนิด 2B เปน ดนิ สอชนิดออ น ปานกลาง ลบงาย ไมด าํ จนเกนิ ไป เหมาะสําหรบั การรา งภาพ ซึ่งแมจะ นักเรียนควรรู ไมล บออก แตก จ็ ะไมม ผี ลตอการระบายสี รวมทั้งไมท้ิงรองรอยไวม าก เมอ่ื ผลงานเสรจ็ เรยี บรอ ยแลว 1 ปากกา ปจจบุ ันมผี ใู ชปากกาลกู ลนื่ วาดภาพลายเสน (Drawing) ซง่ึ สามารถ สรางลวดลาย แสงเงา หรอื นาํ้ หนกั ไดอยา งสวยงามเชน กนั โดยใชเทคนคิ ทห่ี ลากหลาย เชน ใชจดุ จํานวนมาก ใชการหมนุ วน ใชขดี เปนเสนตัดกนั เปน ตน 42 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู การใช้และการเก็บรักษา ใหนักเรียนกลุมที่ 2 สงตัวแทนออกมาอธบิ าย ความรเู กี่ยวกับยางลบและเคร่อื งมือชว ยตเี สน เม่ือใช้ดินสอร่างภาพให้ได้เค้าโครงและลักษณะตามท่ีต้องการแล้วก็ใช้ปากกาลงเส้นตามแบบร่าง ตามท่ีไดศ กึ ษามา หนา ชั้นเรยี น จากนัน้ ครูถาม นกั เรยี นวา ถ้าเป็นปากกาคอแร้งตอ้ งจมุ่ หมึกแลว้ เขยี นบนเศษกระดาษกอ่ น เพอื่ ไม่ใหห้ มึกเยม้ิ เกนิ ไป สงั เกตจากเส้นทีข่ ดี เขียน • การเรยี นรูเกีย่ วกับการใชและดูแลรักษา บนเศษกระดาษนนั้ ไม่มีหมึกไหลเยิม้ เลอะเทอะ จากนัน้ จึงน�ามาวาดภาพลงเส้น ลงนา�้ หนกั ตามต้องการ เครื่องมอื และอปุ กรณตเี สนมคี วามสําคญั อยางไร ปากกาทุกชนิดเมื่อใช้เสร็จแล้วให้ปดฝาทุกครั้ง หัวปากกาท่ีใช้งานแล้วให้ล้างด้วยการแช่ในน้�าอุ่น (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ วา การเรยี นรูใ นเร่ือง หรือน้�ายาท�าความสะอาดและใช้เศษผ้าเช็ดให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย อย่าทิ้งไว้จนหมึกแห้งติดปากกา การใชและดแู ลรักษาเครื่องมือและอุปกรณ ทุกชนดิ ท่ีใชใ นการวาดภาพระบายสี นานเกินไป เพราะจะทา� ให้ล้างออกยาก มคี วามจําเปนอยา งยิ่ง เพราะการเรียนรู ๒.๒ ยางลบและเครอื่ งมือชว่ ยตเี ส้น ในดา นการปฏบิ ตั ิงานทางทัศนศิลปจําเปน ๑) ยางลบ ควรใช้ยางลบท่ีใช้ส�าหรับดินสอด�าโดยเฉพาะ ซ่ึงเป็นยางลบชนิดอ่อน มีขนาดและรูปทรง ตอ งมีความรูเ รื่อง การใชและการเกบ็ รกั ษา เคร่อื งมอื และอุปกรณ เพ่ือเปน การถนอม ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไมค่ วรใชย้ างลบชนดิ แขง็ เพราะจะทา� ใหก้ ระดาษเปน็ ขยุ เมอ่ื ระบายสจี ะทา� ใหส้ ซี มึ ตามรอยขยุ กระดาษ เครอื่ งมอื และอปุ กรณใหสามารถใชไดนานๆ และทสี่ าํ คัญคือเปนการฝกความมวี นิ ัย ท่ีเกิดจากการลบ หรอื ขณะแรเงากจ็ ะท�าใหภ้ าพไมเ่ รียบ เกดิ การสะดุด ไมส่ วยงาม ความสะอาด เรยี บรอย ทัง้ ผลงานและ เครอ่ื งมือ) การใชแ้ ละการเก็บรกั ษา กอ่ นใชค้ วรตรวจดวู า่ ยางลบนน้ั สะอาดหรอื ไม ่ เพราะถา้ ยางลบไมส่ ะอาด เวลาลบจะท�าให้ภาพสกปรก เมื่อยางลบสกปรกให้ถูบนกระดาษขาว หรือเศษผ้าที่สะอาดเสียก่อน เพื่อให้คราบสกปรกท่ีติดอยู่หลุดออกไป แล้วจึงน�าไปลบภาพ วิธีการใช้ยางลบให้ถูเพียงเบาๆ ไปในทิศทาง เดียวกัน แต่ถ้าลบไม่ออกจึงค่อยถูแรงขึ้น เมื่อลบเสร็จแล้วให้ใช้เศษผ้าสะอาด หรอื แปรงปด เศษยางลบออก อยา่ เอามือลูบ หรอื ปด เพราะอาจท�าใหภ้ าพสกปรกได ้ หลงั จาก เลิกใชง้ านควรเอาเศษผา้ หรือกระดาษทิชชเู ชด็ ใหส้ ะอาดทัว่ ทกุ ด้าน แลว้ เก็บใส่กลอ่ งใหเ้ รียบร้อย ๒) เครื่องมือช่วยตีเส้น ได้แก่ ไม้บรรทัด และไม้ฉากสามเหล่ียม ส�าหรับ ไม้บรรทัดนั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกัน บางชนดิ แบนราบทั้ง ๒ ด้าน บางชนดิ ด้านหน้าแบน ดา้ นหลงั ลาดลงไปทั้ง ๒ ข้าง มที งั้ ชนดิ ไม ้ พลาสตกิ และเหลก็ ควรเลอื กไมบ้ รรทดั ท่แี บง่ ความยาวเป็นมาตราสว่ นนิว้ และเซนติเมตร อย่างชัดเจน ส่วนไม้ฉาก ไม้สามเหลี่ยม อาจจะเป็น เซลลูลอยด ์ พลาสติก หรือชนิดไม้ก็ได ้ แต่ควรใช้ชนิดใส 1 2ไมบ้ รรทดั ไมฉ้ ากสามเหลี่ยม และเทมเพลตแบบต่างๆ จะช่วยท�าให้ จะดีกวา่ เพราะสะดวกในการวัด ไมแ่ ตก หรอื หักง่าย การตีเสน้ สะดวกข้นึ 43 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู เหตใุ ดจึงไมค วรใชยางลบชนดิ แข็งลบเสน รา งภาพ 1 ไมฉากสามเหล่ยี ม ใชส ําหรบั ขีดเสนตรงในแนวดงิ่ ขดี เสน เอยี ง และ 1. เพราะจะทําใหพ ื้นผิวกระดาษเปน ขุย ทาํ มมุ ตางๆ เวลาเขียนเสน ด่ิงใหล ากดนิ สอข้นึ ไปตามแนวดิง่ จับดนิ สอใหเ อน 2. เพราะจะทําใหล งสีตามเสนรา งไมถ ูก ไปในทศิ ทางของการลากเสน ทํามมุ 60 องศากบั กระดานเขยี นแบบ และใหดินสอ 3. เพราะตอ งการเนน เสนดินสอไว เอนออกจากตัวฉากสามเหล่ยี มเล็กนอ ย 4. เพราะเปนเทคนคิ การระบายสี 2 เทมเพลท เปนเครอ่ื งมอื ชว ยในการเขยี นแบบ ลกั ษณะเปน แผน พลาสตกิ เจาะรูเปน รูปรา งตางๆ กนั ข้นึ อยกู ับลกั ษณะของงานท่ีจําเปนตอ งใช มีทั้งแบบ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. โดยทวั่ ไปจะไมน ิยมใชย างลบชนดิ แขง็ ที่ใชว าดภาพและแบบตวั อกั ษร ลบเสน รางภาพ เพราะจะทําใหกระดาษเปน ขยุ เม่ือระบายสีกจ็ ะทําใหส ีซึม มมุ IT ตามรอยขุยกระดาษทีเ่ กิดจากการลบ หรือขณะแรเงากจ็ ะทาํ ใหภ าพไมเรยี บ เกิดการสะดุด ไมสวยงาม นักเรียนสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั เครือ่ งมือชวยตีเสน ไดที่ http://app.eng.ubu.ac.th/~edocs/f20100607enpraysm0.pdf 43 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรียนกลมุ ท่ี 3 สง ตัวแทนออกมาอธบิ าย การใชแ้ ละการเกบ็ รกั ษา ความรูเกี่ยวกับกระดาษและแผนรองเขียนตามทไ่ี ด การใช้ไม้บรรทัดถ้าเป็นไม้บรรทัดชนิดแบนราบทั้ง ๒ ด้านควรใช้กับดินสอธรรมดา ถ้าจะขีดด้วย ศกึ ษามา หนาชน้ั เรยี น จากนั้นครูถามนักเรียนวา หมึกดา� หรือปากกาสีน�้ากบั ไม้บรรทัดที่มีด้านหลังลาดลงไปท้งั ๒ ข้าง ให้หงายดา้ นหนา้ ข้นึ เพ่อื ไม่ใหส้ ี หรือหมกึ ไปเปอ นกระดาษ หรือจะใช้กับไม้บรรทดั ชนดิ ลาดทัง้ ด้านหนา้ และด้านหลังก็ได้ วธิ ขี ดี ควรกดดินสอ หรอื ปากกาให้ • กระดาษชนิดใดเหมาะแกการวาดภาพ สม�่าเสมอและชดิ กับไม้บรรทัด พร้อมกบั กดไมบ้ รรทดั ให้แนบสนิทกบั กระดาษทุกคร้ัง การลากเสน้ ตอ้ งลากจากดา้ น ระบายสี ซ้ายไปด้านขวา และลากจากบนลงล่างเสมอ ส�าหรับไม้ฉากสามเหลี่ยมมีไว้เพ่ือใช้สร้างมุม โดยก�าหนดองศาของ (แนวตอบ กระดาษปอนดห รอื กระดาษวาดเขยี น มมุ ตามตอ้ งการ เมอ่ื ใชไ้ มบ้ รรทดั และไมฉ้ ากสามเหลยี่ มเสรจ็ แลว้ กอ่ นเกบ็ ควรเอาเศษผา้ ชบุ นา้� เชด็ สหี รอื หมกึ ทอ่ี าจ ทม่ี คี วามหนา 100 แกรม เหมาะกบั การ หลงเหลือติดอยตู่ ามดา้ นข้างของเครือ่ งมือออกใหห้ มดเสียกอ่ น วาดภาพระบายสีมากกวา กระดาษปรูฟ เพราะเน้อื กระดาษมคี วามหนากวา และจะ ๒.๓ กระดาษและแผน่ รองเขยี น ทําใหภ าพสวยงามกวา เนอ้ื กระดาษไมโ ปรง ๑) กระดาษวาดภาพ สา� หรบั ผเู้ รม่ิ ตน้ ศกึ ษา หรอื พองงายเม่ือถกู นา้ํ ) กระดาษท่ีเหมาะในการวาดภาพจะม1ีอยู ่ ๒ ชนดิ คือ ๑.๑) กระดาษปรฟู เหมาะสา� หรบั การวาด ภาพดว้ ยดนิ สอ หรอื ถา่ นชาร์โคล เพราะเนื้อกระดาษนุ่ม ท�าให้สามารถเกล่ียน้�าหนักให้นุ่มนวลได้ง่าย และเส้นจะ ด�าชดั เจน สามารถเกลีย่ น้�าหนักออ่ น-แกไ่ ด้ดี ๑.๒) กระดาษปอนด2์ หรือกระดาษวาด เขียน ควรใช้กระดาษที่มีความหนาระหว่าง ๖๐ แกรม ถึง ๑๐๐ แกรม เพราะจะเหมาะส�าหรับการวาดภาพทง้ั ที่ ในการวาดภาพระบายสี ผสู้ รา้ งสรรคค์ วรเลอื กใชก้ ระดาษใหเ้ หมาะสม ใช้ดินสอหรือระบายสี เนื้อกระดาษมีความหนามากกว่า กบั ประเภทของผลงาน กระดาษปรฟู๊ เนอ้ื กระดาษมที ง้ั ชนดิ ผวิ เรยี บและผวิ หยาบ ถา้ ตอ้ งการจะระบายส ี ควรเลอื กใชก้ ระดาษชนดิ ๑๐๐ แกรม จะท�าให้ภาพสวยงามกวา่ เนือ้ กระดาษไม่โปรง่ หรอื พองงา่ ยเมื่อถูกน�า้ การใชแ้ ละการเก็บรกั ษา ก่อนจะร่างภาพบนกระดาษวาดเขียนควรมีความมั่นใจและตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะวาดภาพอะไร ด้วยเทคนิคแบบใด ไม่ควรน�ากระดาษวาดเขียนมาทดลองร่างภาพเล่นๆ หากไม่แน่ใจควรร่างภาพบนกระดาษ ชนิดอนื่ กอ่ น เพื่อจะได้เปน็ การประหยดั ท้งั นี ้ ก่อนจะหยบิ จบั กระดาษควรล้างมือให้สะอาดกอ่ น รอยคราบสกปรก จะได้ไม่ติดไปบนกระดาษ เพราะความสะอาดทปี่ รากฏบนแผ่นภาพถือเปน็ สว่ นหนึ่งในคณุ คา่ ของผลงานด้วย สา� หรับการเก็บรกั ษา พยายามอย่าให้กระดาษพบั หรอื มีรอยยับ เพราะจะท�าให้ไม่สามารถวาดภาพ ตามท่ีต้องการได้ ถ้าเป็นกระดาษชนิดแผ่นไม่ใช่เป็นเล่ม ควรจัดเก็บด้วยการห่อหุ้มให้เรียบร้อยเป็นปึกเดียวกัน อย่าเก็บโดยวธิ ีมว้ นกระดาษ เพราะเวลาคลอี่ อกมาใช้งานกระดาษจะงอเสยี รูปทรง และพ้ืนผวิ กระดาษจะมรี อยยบั ยน่ หรอื โค้งงอ ทา� ให้นา� มาวาดได้ไม่สะดวก 44 เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ในการวาดภาพระบายสี ข้นั ตอนแรกทคี่ วรปฏิบัติคอื อะไร ครูควรสาธิตวธิ ีการขึงกระดาษบนแผนกระดานรองเขียน แลว สรุปถงึ เหตุผลท่ี 1. ใชน ้ําระบายลงบนกระดาษ ตองทาํ การขงึ กระดาษกอนระบายสีนํา้ จากนัน้ ใหนกั เรยี นแตละคนทดลองปฏิบัติ 2. ระบายสอี อนกอ นสเี ขม โดยครูชวยตรวจสอบความเรยี บรอย 3. รางภาพทีจ่ ินตนาการไว 4. ขงึ กระดาษบนแผนกระดานรองเขยี น นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ข้นั ตอนแรกทีต่ อ งปฏิบตั ิหลังจากเตรียม วัสดอุ ปุ กรณแลว กค็ ือการขงึ กระดาษทีว่ าดลงบนแผน กระดาน หลงั แผน รอง 1 กระดาษปรฟู (Newsprint) เปน กระดาษทม่ี สี ว นผสมของเยอ่ื บด ทมี่ เี สน ใยสนั้ เขียน โดยใชกระดาษผนกึ ทัง้ 4 ดาน ซงึ่ จะชว ยปองกนั มิใหกระดาษงอตวั โดยมกั นาํ เย่ือจากกระดาษใชแ ลว มาผสมดว ย กระดาษปรูฟ มีน้ําหนักเพียง เมื่อโดนนาํ้ รวมถึงเมื่อลอกกระดาษกาวออกจะทําใหเกิดเสน กรอบทีต่ รง 40 - 52 กรมั /ตารางเมตร มสี อี มเหลือง ราคาไมแพง แตความแข็งแรงนอย เปนระเบียบ รวมถงึ ชว ยกันสีที่เกนิ ลาํ้ ออกมาตอนระบายดวย 2 กระดาษปอนด (Bond Paper) เปน กระดาษทที่ าํ จากเยื่อเคมที ่ผี า นการฟอก และอาจมีสว นผสมของเยอื่ ท่ีมาจากเศษผา มสี ขี าว ผิวไมเรียบ น้ําหนกั อยูระหวา ง 60 - 100 กรมั /ตารางเมตร ถาเปน กระดาษเน้ือดี จะไมดดู ซับสีมาก ไมพองตวั เม่อื โดนนาํ้ 44 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) แผน่ รองเขียน มีไว้สา� หรับรองรบั กระดาษ มลี ักษณะเปน็ วัสดผุ วิ เรยี บ อาจจะเป็นแผ่นไมอ้ ัดดา้ นบน ใหนักเรยี นกลุมที่ 4 สงตวั แทนออกมาอธิบาย ความรูเกีย่ วกับพกู ันและจานผสมสตี ามท่ีได ตดิ ตวั หนีบ เพื่อใชส้ �าหรบั หนบี กระดาษให้ติดอยู่กับแผน่ รองเขียน ศึกษามา หนาชนั้ เรียน จากน้ันครูถามนักเรยี นวา การใชแ้ ละการเกบ็ รักษา • หากนกั เรียนตอ งการระบายสีในพื้นท่ีแคบๆ เพือ่ เก็บรายละเอยี ด นักเรยี นจะเลือกใช กอ่ นจะใช้งานควรตรวจดูว่ามีคราบสกปรกตดิ อยู่บนแผน่ รองเขียนหรือไม่ ถา้ ไมม่ จี ึงค่อยน�ากระดาษ พกู ันชนิดใด (แนวตอบ พกู ันชนิดกลม เพราะเปน พูกนั มาวางทาบ ไมค่ วรน�าดินสอ ปากกา หรือส ี มาขดี ทบั ลงบนแผ่นรองเขียนและไมค่ วรน�าไปรองรับใบมีดหรือคัตเตอร์ ทมี่ ีทั้งขนาดใหญและขนาดเลก็ โดยพูก ัน ขนาดใหญจ ะใชส าํ หรับระบายสบี นพืน้ ที่ เพราะจะท�าให้เกิดเป็นรอย เวลาวาดภาพจะสะดุด หลังเสร็จการใช้งานควรท�าความสะอาดโดยการใช้เศษผ้า หรือ กวางๆ สว นพูกันขนาดเลก็ จะใชสาํ หรบั ระบายสบี นพ้ืนทีแ่ คบๆ เพอ่ื เกบ็ รายละเอียด กระด๒าษ.๔ทิช พชูเกู่ ชันด็ ใแ1หล้เระียจบารนอ้ ผยสมสี และเนนความสมบูรณ) ๑) พ่กู นั มหี ลายขนาดตง้ั แต่เบอร์เลก็ ถึงเบอร์ใหญ่ และมี ๒ แบบ คือ ๑.๑) ชนดิ กลม มขี นแปรงออ่ น เหมาะสา� หรบั ใชก้ บั สนี า�้ หรอื สโี ปสเตอร์ พูก่ นั ชนดิ แบน ๑.๒) ชนิดแบน มที ั้งขนแปรงออ่ นและขนแปรงแข็ง ชนิดแปรงขนออ่ นใชก้ บั สนี า้� หรอื สโี ปสเตอร ์ ส่วนชนดิ ขนแปรงแขง็ เหมาะสา� หรบั ใช้กบั สนี า้� มนั ในการระบายสีควรจะมีพกู่ นั ทัง้ ๒ ชนดิ คอื ท้งั ชนิดกลม พู่กนั ชนิดกลม และชนิดแบน ใหเ้ ลือกซ้อื เฉพาะเบอร์ท่เี หน็ วา่ จ�าเปน็ ในการใช้เท่านัน้ อยา่ งน้อยควรมเี บอร์ ๓ เบอร์ ๘ และเบอร์ ๑๒ ไว้สา� หรับระบายสีในขนาด พ้ืนทต่ี ่างๆ กนั การใช้และการเกบ็ รกั ษา ถา้ เปน็ พกู่ นั ทซ่ี อ้ื มาใหมจ่ ะตอ้ งลา้ งนา�้ ใหก้ าวทต่ี ดิ อยตู่ รงปลายพกู่ นั ละลายออกให้หมดเสียก่อน จากน้ันควรแต่งปลายพ่กู ันให้เรียว อย่าให้ปลายแตก พู่กันเบอร์เล็กใช้ระบายในเน้ือที่เล็ก พู่กันเบอร์ใหญ่ใช้ระบายในเนื้อท่ีบริเวณกว้าง การระบายสีให้ระบายจากด้านบนลงมาด้านล่าง ระบายจากซ้ายไปขวา เม่ือใช้พู่กัน กับสีหนึ่งแล้ว ก่อนน�าไปใช้กับสีอื่นจะต้องล้างสีเดิมออกให้หมดเสียก่อน เพื่อมิให้สี ผสมกนั กลายเปน็ สที เี่ ราไมต่ อ้ งการ อยา่ แชพ่ กู่ นั ไวใ้ นแกว้ นา้� เพราะจะทา� ใหป้ ลายพกู่ นั งอและแตก หลงั ใชพ้ กู่ นั เสรจ็ แลว้ ควรลา้ งสอี อกจากพกู่ นั ใหห้ มดและสลดั นา�้ ออกจาก พ่กู นั ให้แหง้ เสียก่อน แลว้ จึงเอาผ้าเชด็ หรอื ซบั น�า้ จากปลายพู่กนั อกี ครั้งหนงึ่ ถ้าปลาย พู่กันไม่เรียบร้อยควรเอานิ้วลูบที่ปลายพู่กันให้เรียบเหมือนทรงเดิม ถ้าขนพู่กันยัง แตกปลายให้เอากาวเพยี งเลก็ น้อยลูบปลายใหเ้ ข้ารูปทรงอกี ครัง้ เสร็จแลว้ เกบ็ ใส่กล่อง การเก็บพู่กันควรเก็บใส่ภาชนะ เครือ่ งมอื ท่เี ปน็ รปู ทรงกลม หรอื ทรงกระบอกโดยเอาทางดา้ มลง อย่าเอาปลายพู่กนั ลง กระบอก โดยต้ังให้ปลายพู่กัน เพราะจะทา� ใหป้ ลายพกู่ นั เสยี รปู ทรง และจะทา� ใหใ้ ชง้ านไมส่ ะดวก เมอื่ ระบายสคี ราวตอ่ ไป ช้ีขนึ้ 45 ขอ สอบ O-NET เกรด็ แนะครู ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั จานสี ครคู วรสาธิตวธิ ีการใชจ านผสมสี โดยเนน ย้าํ กับนักเรยี นเก่ยี วกับภาชนะใสน ้ําวา จานผสมสมี หี ลายขนาด สว นมากจานผสมสจี ะมสี อี ะไร ในการวาดภาพระบายสีนา้ํ จาํ เปน ตอ งมีภาชนะใสน ํา้ สาํ หรับลางพกู นั อยเู คยี งขาง 1. สแี ดง เพอื่ ไวชําระลา งพูกันใหส ะอาดกอ นนําไปแตมสีอนื่ รวมถึงเนน ย้าํ เรอื่ งวธิ กี ารเลอื กใช 2. สีเหลือง พกู ันแตละเบอรวา เบอรนั้นๆ เหมาะกับการระบายในพนื้ ที่แบบใด 3. สีขาว 4. สดี าํ นักเรียนควรรู วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. จานผสมสี เปน ภาชนะสาํ หรับใสส แี ละ 1 พกู นั มขี นาดเล็กและใหญตามเบอรทต่ี ิดอยูบนดามพูกัน หากตวั เลขมาก แสดงวา มีขนาดใหญกวา ตวั เลขนอย ซ่ึงปจ จุบนั ในประเทศไทยมกั จะใช ผสมสี จานสีควรเปนสขี าว ทึบแสง เพราะถา ใชจานผสมสีที่เปน สีจะทําให ขนใยสังเคราะหมาทาํ ขนแปรง ซงึ่ ไมค อ ยอมุ น้ําเทาที่ควร หากเปน พูก ันท่ใี ชขนสัตว มองเห็นสีในจานผสมสหี ลอกตา ทาํ ขนแปรงจะไดค ุณภาพทด่ี กี วา ทัง้ นร้ี าคาของพกู ันก็จะแตกตางกนั ไปตามวสั ดุ คมู อื ครู 45
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรียนกลุมที่ 5 สง ตวั แทนออกมาอธบิ าย ๒) จานผสมสี มีหลายขนาด หลายแบบ อาจท�าดว้ ยกระเบื้องหรือ ความรูเกยี่ วกบั สีประเภทตางๆ ตามท่ีไดศ ึกษามา หนา ชน้ั เรยี น จากนนั้ ครถู ามนกั เรยี นวา พลาสติกก็ได้ มีช่องส�าหรับผสมสีหลายช่อง โดยท่ัวไปจานผสมสีจะมีสีขาว เพราะท�าให้มองเหน็ สีทอี่ ยู่ในจานผสมสไี ด้อยา่ งชัดเจน • เพราะเหตใุ ด จงึ ไมค วรระบายสนี าํ้ ซาํ้ หลายๆ ครั้ง การใช้และการเก็บรักษา (แนวตอบ สนี าํ้ เปน สที ใี่ ชน า้ํ ผสมในการระบายสี มีคุณสมบตั โิ ปรงใส การลดน้าํ หนักของสใี ห เราจะใชจ้ านผสมส ี เพ่อื จะผสมสีน้า� สีฝุน หรอื สโี ปสเตอร ์ แตถ่ ้า ใชวธิ ผี สมนา้ํ ใหเ จอื จาง แตไมค วรระบายสีทบั มีกล่องสีจะใช้กล่องสีแทนจานสีก็ได้ หลังการใช้งานเสร็จแล้วควรล้างให้สะอาด กนั หลายๆ ครัง้ จะทําใหสหี มน ไมสดใส) จานผสมสโี ดยทว่ั ไปจะเปน็ สขี าว เพราะเมอื่ และเชด็ ให้แห้งก่อนเก็บในทที่ ีจ่ ดั ไว้ เวลาผสมสีจะได้เห็นสีชดั เจน ๒.๕ สปี ระเภทตา่ งๆ ๑) สีน�้า แบง่ เป็น ๒ ชนิด ดงั นี้ ๑.๑) สีน�า้ ชนิดบรรจุกลอ่ ง ภายในกลอ่ ง จะแบ่งเป็นช่องส่ีเหลี่ยมหลายช่องส�าหรับบรรจุสีแต่ละ ช่องสี เนื้อสีมีลักษณะแข็ง ซ่ึงสีชนิดนี้จะไม่แบ่งขาย ถ้าจะซ้ือต้องซ้ือเป็นกล่องมีท้ังสีที่ผลิตภายในประเทศ สนี า้� ชนดิ บรรจกุ ลอ่ ง ในการใชง้ านตอ้ งระมดั ระวงั อยา่ ใหส้ มี าผสมกนั และนา� เขา้ จากตา่ งประเทศ ๑.๒) สีน�้าบรรจุหลอด ในหนึ่งหลอดจะ บรรจเุ พยี งสีเดียว มีหลายขนาด เนอ้ื สีจะมลี กั ษณะเหลว เหมอื นยาสฟี น สชี นดิ น้ีแบง่ ขายเปน็ หลอดได้ ส่วนมาก จะเลอื กซ้อื เฉพาะแมส่ ี ๓ ส ี เท่านน้ั คือ สแี ดง สีเหลือง และสีน�้าเงิน เพราะทั้ง ๓ สีน้ี สามารถน�าไปผสมกัน เปน็ สีอื่นได้ตามตอ้ งการ สนี �้าชนิดบรรจหุ ลอด เวลาใช้ค่อยๆ บบี ที่ดา้ นล่างของหลอด การใช้และการเก็บรกั ษา ก่อนที่จะลงมือระบายสีน�้านั้นควรใช้พู่กัน ชุบน�้าเปล่าทา หรือลูบบริเวณภาพที่จะระบายแลว้ ทิ้งไว้ให้หมาด เวลาระบายสีสีจะติดดแี ละซึมซับสวยงาม ในการ ใชส้ ถี า้ เปน็ สีชนิดบรรจุกลอ่ งให้ใช้พ่กู นั จุ่มน�้าพอประมาณ จากนั้นจึงละเลงนา้� ลงบนสีทตี่ อ้ งการ สกี จ็ ะละลายออกมา ถ้าเป็นสีหลอดให้บีบสีใส่จานผสมสีเสียก่อน แล้วใช้พู่กันจุ่มน�้ามาละลายสีให้ได้สีเข้ม หรือสีอ่อนตามต้องการ ก่อนจะระบายลงบนภาพจริงควรระบายลงบนกระดาษอื่นกอ่ น เมอื่ ไดส้ เี ขม้ หรอื อ่อนตามตอ้ งการแล้ว จึงใชร้ ะบาย ลงบนภาพจรงิ ทั้งน ี้ ควรระบายสีเพียงครั้งเดียว อยา่ ระบายทบั กันหลายๆ คร้งั จะทา� ให้สีด่างไมส่ ม่�าเสมอ ในการเก็บรักษานั้น ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุกล่องจะต้องท�าความสะอาดบริเวณขอบของช่องสีแต่ละสี และฝากล่องให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงเก็บ แต่ถ้าเป็นสีชนิดบรรจุหลอดควรเช็ดสีที่ติดอยู่ตามหลอดออกให้หมด ปด ฝาให้แนน่ แลว้ จึงเก็บใส่กล่อง 4๖ เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเกี่ยวกับคุณสมบัตขิ องสนี า้ํ ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับเทคนคิ การใชส นี ํ้าวา มีอยดู วยกันหลากหลายเทคนิค ขอใดไมใ ชคณุ สมบัติของสนี า้ํ เชน 1. สีนํา้ เปน สที ี่มคี วามโปรง ใส 2. เนื้อสขี องสีน้ําบางเบาเมอ่ื ระบายสบี นกระดาษจะเห็นความใสของสี • การระบายแบบเปย กบนเปยก (Wet on Wet) คือ สีเปยก (สผี สมนาํ้ แลว) บนผิวกระดาษ ระบายบนกระดาษเปยก เทคนิคน้ีนาํ ไปใชร ะบายทอ งฟา หรอื นา้ํ ทะเลได 3. เวลาระบายตอ งรูจกั คอยจังหวะเวลา เพอื่ กาํ หนดความชุม เปย ก ของกระดาษ • การระบายแบบเปย กบนแหง (Wet on Dry) เปน ลกั ษณะการระบายเรยี บ 4. ใชสขี าวผสมใหออนหรอื สวา งขนึ้ แลว ใชสดี ําผสมสีใหเ ขมหรอื มดื ลง โดยใชสี (ผสมนา้ํ แลว) ระบายบนกระดาษแหง วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะสีนาํ้ มคี วามโปรงใส ดงั นนั้ ในการใชส นี า้ํ จงึ ไมน ยิ มใชสีขาวผสมเพ่อื ใหม นี าํ้ หนกั ออ นลง และไมน ิยมใช • การระบายแบบแหงบนแหง (Dry on Dry) เปน การระบายสีขน ๆ สดี ําผสมใหมีนา้ํ หนักเขมขึ้น เพราะจะทําใหเกดิ นํา้ หนกั มดื เกนิ ไป แตจะใช บนกระดาษแหงในลักษณะตา งๆ เชน แตะ แตม ขีด เขยี น ลากเสน สกี ลางหรอื สตี รงขามผสมแทน อยา งรวดเร็วประกอบกับการใชสว นตางๆ ของพูกนั เชน ปลายพูกัน เพ่ือให เกดิ เปนลักษณะตางๆ เทคนคิ น้ีนาํ ไปใชเ นน เพอื่ เพิม่ รายละเอียดของภาพ • การระบายเคลือบ (Glazing) เปน การระบายทับซํา้ สที ี่แหง สนิทแลวดวยสเี ดมิ ทีเ่ ขม กวา โดยสีทรี่ ะบายเคลอื บควรเปน สโี ปรงแสง เพื่อนําไปใชสรา งรปู ทรง ลดความจัดจานของสีบรรยากาศหรอื ใหเ กดิ เปนเหลย่ี มเปน สนั 46 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ E×pand ๒) สโี ปสเตอร 1 มีหลายขนาด เนอ้ื สีคอ นขา งเหลว มีนํา้ หลอ เล้ียงไว เพื่อปองกัน ครใู หน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เกยี่ วกบั เครอ่ื งมอื และอปุ กรณท ใ่ี ชใ นการวาดภาพระบายสี ระบุ เปนสีที่บรรจไุ วใ นขวด เกีย่ วกบั คุณสมบัติ วธิ กี ารใชแ ละดูแลรักษา พรอมหาภาพประกอบใหส วยงาม โดยทําลง ไมใหสแี หง สโี ปสเตอรใชงาย มคี วามเหนียว และระบายติดกระดาษไดด ี กระดาษรายงาน สงครูผูสอน สามารถระบายทบั ไปมาไดห ลายคร้ัง การใชแ ละการเก็บรักษา ในการใชสีโปสเตอรต องใชไม หรอื ดามพูกันคนสีใหเขาเปน เน้ือเดยี วกันกอน ถาสขี น ตรวจสอบผล Evaluate เกินไปใหใชนํา้ ผสมเพื่อใหส ีจางลง หรือถา ตอ งการ ครูพิจารณาจากการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ เคร่ืองมือและอปุ กรณในการวาดภาพระบายสีของ ใหไดสีออนก็ใหใชสีขาวผสม แตถาตองการสีเขม นักเรยี น ใหใ ชสีดาํ หรือสีคตู รงขา มผสมกจ็ ะไดส เี ขม ตาม ตองการ ถาสียังมีรอยตอผสมไมกลมกลืนกันดี ใหใ ชพ กู นั เปลา ๆ จมุ นา้ํ แลว เกลยี่ รอยตอ ใหก ลมกลนื กนั เม่อื ใชส โี ปสเตอรเ สรจ็ แลว ควรทํา ความสะอาดขวดแลวปด ฝาใหสนิท ถา ขวดใดนาํ้ แหง สโี ปสเตอรบ รรจอุ ยใู นขวด เมอ่ื เปด แลว ควรรบี ปด ฝาขวด เพอื่ ปอ งกนั ใหเ ติมนา้ํ ลงไปเพื่อกันสแี หง ไมใหส ีแหง ๓) สีฝุน มีลกั ษณะเปน ผง มีหลายสดี วยกัน แบง ขายเปน กิโลกรมั หรือมากนอ ยตามความตองการของ ผซู อ้ื ปจ จบุ นั นยิ มใชส ฝี นุ ในการวาดภาพขนาดใหญ เชน ฉากละคร ภาพโฆษณา ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ใชร ะบายพน้ื ที่ ขนาดกวา งๆ เปน ตน การใชและการเกบ็ รกั ษา ในการใชสีฝุนจะตองผสมสีฝุนกับน้ํากับกาวกระถิน หรือกาวอ่ืนๆ เพ่ือใหสีติดแนนกับกระดาษหรือวัสดุที่ ตองการวาด เม่อื ผสมสเี ขา กันดแี ลวสามารถนํา ไปใชงานไดเลย ซ่ึงจะระบายทับกันกี่ครั้งก็ได แตถาตอ งการสหี นกั หรอื เบาก็ใหใชส ดี ํา หรือ สีขาวผสมลงไปเชนเดยี วกับสโี ปสเตอร เมอ่ื ใชสีฝุนเสร็จแลว ควรเก็บใสภ าชนะ หลังใชทุกคร้ังควรปดฝาใหมิดชิด เพื่อไมให สถี ูกความชื้นจากอากาศ จะทําใหสีเกาะตัว กันเปน กอน สฝี ุนมักนิยมใชกบั การเขียนภาพขนาดใหญ ๔๗ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ใหน ักเรียนผสมสีโปสเตอรสตี า งๆ กับสขี าวหรือสดี าํ แลวระบาย 1 สโี ปสเตอร เปนสีชนิดสีฝนุ (Tempera) ที่ผสมกาวนา้ํ บรรจเุ สร็จเปนขวด ลงกระดาษ 100 ปอนด เพื่อทดลองไลนํ้าหนกั สี เสรจ็ แลว นาํ ผลงาน การใชงานเหมอื นกับสนี า้ํ คือ ใชนํา้ เปนตัวผสมใหเ จือจาง สีโปสเตอรเ ปนสที บึ แสง สง ครผู ูสอน มีเนือ้ สีขน สามารถระบายใหมีเน้อื เรยี บได และผสมสขี าวใหม ีนาํ้ หนักออ นลงได เหมอื นกับสนี าํ้ มันหรอื สีอะคริลกิ สามารถระบายสีทบั กนั ได มักใชใ นการวาดภาพ กจิ กรรมทาทาย ภาพประกอบเรอื่ ง ในงานออกแบบตา งๆ ในขวดสีโปสเตอรม ีสวนผสมของ กลีเซอรีนซึ่งเปนสารทช่ี ว ยทาํ ใหส ีแหงเร็ว ใหน ักเรยี นวาดภาพแลวระบายสีโปสเตอร โดยกาํ หนดใหน ักเรยี นใชสีใด มุม IT สหี นึ่งไดเ พยี งสีเดียวผสมกบั สีขาวหรือสดี ํา เพอ่ื พิจารณาเทคนคิ การไลน า้ํ หนักสี ทาํ ลงกระดาษ 100 ปอนด นําสง ครผู ูส อน นกั เรียนสามารถศึกษาเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกบั เทคนคิ การระบายสีโปสเตอร ไดท ี่ http://krookong.net/painting_technigue/postercolor_technique.html คูมือครู 47
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครนู าํ ตวั อยา งภาพวาดสนี าํ้ มนั “วฏั จกั รแหง ชวี ติ ” ๔) สีเทียน มีลักษณะเป็นแท่ง เน้ือสีผสมน้�ามันเหมือน ผลงานของพิชยั นิรันต มาใหน กั เรียนดู (ท้ังนีค้ รู อาจนําภาพวาดระบายสขี องศิลปน ทา นอนื่ ๆ มาใช เทยี นไข มหี ลายส ี บรรจไุ วเ้ ปน็ กลอ่ งๆ หลายขนาด และปรมิ าณใชร้ ะบาย เปนตวั อยางกไ็ ด) จากน้ันครถู ามนกั เรยี นวา หรือขีดเขียนบนกระดาษ ซ่ึงถ้าเป็นกระดาษท่ีมีเนื้อหยาบจะระบาย • เพราะเหตใุ ด ศิลปน จงึ วาดภาพสีนํ้ามัน ออกมาไดสวยงาม ติดได้ดี ในการระบายอย่าระบายทบั ไปมาหลายครั้งมากเกินไป เพราะ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยางอิสระ) สีจะหนาไม่เทา่ กนั ดแู ลว้ ไม่สวย • นกั เรียนคดิ วา ส่ิงสําคัญของการวาดภาพ ระบายสีคอื อะไร การใช้และการเก็บรักษา (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ) สีเทียนมีลกั ษณะเป็นแท่งใช้งานไดส้ ะดวก ในการใช้สีเทียนให้จับสีเทียนเหมือนกับจับดินสอแรเงา จากนั้นครเู ชือ่ มโยงเขาสูแนวทางพ้นื ฐานใน การวาดภาพระบายสี โดยคว�่ามือให้สีเทยี นอยู่ในอุ้งมือ แล้วใชน้ ิว้ ชี้แตะดา้ นบนของแทง่ สี เพอ่ื กดสีให้สมั ผสั กระดาษหนกั -เบาตามต้องการ จะวาด หรอื ระบายทับกนั กค่ี รั้งก็ได้ หรอื ถ้าจะหักออกมาแล้วระบายตามแนวนอนก็ได้ เมื่อใช้สีเทียนเสร็จแล้ว ควรส�ารวจว่ามีครบตามจ�านวนหรือไม่ จากน้ันน�าสีเทียนแต่ละแท่งมา ท�าความสะอาดเสียก่อน เพราะอาจจะมีเศษสีของแท่งอ่ืนมาติดอยู่ จึงต้องเอาใบมีด หรือคัตเตอร์ขูดเอาสีอ่ืนออก แล้วใช้ทิชชูเช็ดอีกครั้ง แล้วจึงเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ระวังอย่าให้สีตกหล่นลงบนพ้ืนท่ีแข็ง หรือถูกส่ิงอ่ืนวางทับ สาํ รวจคน หา Explore เพราะจะทา� ให้สหี กั ได ้ ๕) ถ่านชาร์โคล เป็นถ่านสีด�าแท่งกลม ใหน ักเรยี นศกึ ษา คน ควา เก่ียวกบั องคประกอบ และขัน้ ตอนในการวาดภาพ จากแหลง เรียนรูตา งๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๔ มิลลิเมตร ยาว เชน หนงั สอื เรยี น หองสมุด อนิ เทอรเ น็ต เปน ตน ประมาณ ๑๐ เซนติเมตร นิยมใช้วาดรูปบนกระดาษปรู๊ฟ ถา่ นชาร์โคลมลี กั ษณะคลา้ ยกบั ไสด้ นิ สอดา� แตไ่ มม่ ไี มห้ อ่ หมุ้ ภายนอก ลักษณะเดน่ ของถ่านชาร์โคล คอื วาดตดิ ง่าย และลบออกงา่ ย สามารถปาด หรอื เกลยี่ ใหเ้ นอ้ื ถา่ นกระจาย ออกได้ด ี ท�าใหภ้ าพดมู ีความนุ่มนวลขึ้น การใช้และการเก็บรกั ษา แรเงาตอ้ งใชน้ ิ้วใมชอืว้ จาดับรสปู มั ผหัสรอืกรับะถบา่ านยโสด ี เยวตลรางข 1ดีแเลขว้ ยี รนะ บหารยอื ลงนา้� ถห่านนชักาตรโ์ าคมลจตะ้อมงีสกีดา�ารเห มนาอะกกับจภาากพนขา ้ี วยดังา� สทาี่เนมน้ ากราถรแสสรด้างงแนสง�า้ -หเงนากั ใหก้ ลมกลนื โดยใช้นิ้วมือหรอื สา� ลีถ ู หลังใช้งานเสร็จควรเกบ็ ใสก่ ลอ่ งใหเ้ รยี บรอ้ ย ระวงั อยา่ ให้ถา่ นแตกหัก ๓. แนวทางพนื้ ฐานในการวาดภาพระบายสี การสร้างสรรค์งานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพและระบายสี ประกอบไปด้วยเทคนิควิธีการท่ีหลากหลาย เชน่ การขดี ขูด เขียน ลาก หยด แต้ม เท สลัด ระบาย เปน็ ตน้ โดยใช้วสั ดตุ ่างๆ ในการทา� งาน คอื หมึก ปากกา พูก่ นั แปรง แล้วแต่ความถนดั และความสนใจของแตล่ ะบคุ คล รวมท้งั ความเหมาะสมในการเลือกใชว้ ิธีใดกับผลงาน ชนิ้ นน้ั ดงั นน้ั การวาดภาพระบายสจี งึ เปน็ กจิ กรรมทแ่ี ตล่ ะบคุ คลสามารถแสดงออกไดอ้ ยา่ งเสร ี สงิ่ ทตี่ อ้ งศกึ ษาเรยี นรู้ กอ่ นการลงมอื วาดภาพน้ัน ควรเรียนรเู้ กี่ยวกับองคป์ ระกอบในการวาดภาพและข้ันตอนต่างๆ ในการวาดภาพกอ่ น 48 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ทุกขอเปนขน้ั ตอนในการดูแลรกั ษาสีหลงั จากใชงานยกเวน ขอ ใด ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับสีท่ใี ชในการวาดภาพระบายสี โดยสีมอี ยหู ลายชนดิ ท่ี 1. นําหลอดสใี สกลองภาชนะ นาํ มาใชไ ดทนั ที เชน สเี ทยี น ดนิ สอสี สีชอลก และชนดิ ผสมน้ํา เชน สนี าํ้ สโี ปสเตอร 2. สํารวจตรวจสอบสีใหค รบ นอกจากน้ี ยังมถี า นเกรยองซึง่ มลี ักษณะเปนแทงเหลีย่ ม มใี หเ ลือกหลายสี เชน สดี าํ 3. เปดฝาทิ้งไวข า มคืน แดง ขาว มคี วามเขมมากและไมลบเลอื นงา ย การเลอื กใชส ีนักเรยี นควรศึกษาไว 4. เช็ดทําความสะอาดหลอดสี เพ่ือเปน พ้ืนฐานและแนวทางในการศึกษาข้ันที่สงู กวา ในโอกาสตอไป วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การเปด ฝาท้ิงไวจ ะทําใหน า้ํ หรือสารผสมสี ระเหยออกไป จะทาํ ใหส ีแหงแข็งตัว ถา ทง้ิ ไวน านจะตดิ แข็งในหลอด นกั เรียนควรรู หรือขวด ไมสามารถจะนํามาใชง านไดหรอื ใชไ มส ะดวก ดังนน้ั เม่ือบบี สี หรอื ตักสีขึน้ มาจากภาชนะแลว ใหรีบปดฝาภาชนะที่บรรจสุ ที ุกครงั้ 1 ใชน วิ้ มอื จบั สมั ผสั กบั ถา นโดยตรง ในการแรเงาหรอื ระบายสโี ดยใชถ า นชารโ คล เพอื่ ปอ งกันสีแหง พงึ ระมดั ระวงั บรเิ วณสนั มอื ซงึ่ มกั จะไปโดนเนอื้ สถี า นจากบรเิ วณทเี่ คยระบายไปแลว โดยไมต งั้ ใจ จะมีผลทําใหภาพเปรอะเปอน วิธแี กใหใ ชไ มบรรทดั ขนาดใหญวางลง บนภาพเปนที่รองรบั สันมือกอ น 48 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๑ องค์ประกอบในการวาดภาพ ครใู หนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั องคประกอบในการวาดภาพตามที่ไดศกึ ษามา ผู้ท่จี ะวาดภาพได้ดีจา� เป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรอื่ งองคป์ ระกอบของการวาดภาพเสยี กอ่ น เพื่อท่ี แลวใหนักเรยี นสรปุ องคประกอบในการวาดภาพ ลงสมุดบนั ทึก จากนั้นครถู ามนกั เรยี นวา จะได้วาดภาพให้มีความสัมพันธ์กัน เป็นการท�าให้ภาพที่วาดน้ันมีคุณค่า มีความสวยงาม และเกิดความน่าสนใจ • เพราะเหตใุ ด ผูทจ่ี ะวาดภาพระบายสตี อง มากยิง่ ข้ึน องค์ประกอบสา� คัญในการวาดภาพ มีอยู่ ๒ ลักษณะ ดังนี้ เรยี นรเู กีย่ วกับองคป ระกอบในการ ๑) องค์ประกอบของภาพ การวาดภาพประกอบ วาดภาพกอน (แนวตอบ ผูท ี่วาดภาพไดด จี ําเปนตอง ต้องใช้ส่วนประกอบท่ีเป็นทัศนธาตุหลายชนิดด้วยกัน คือ จุด มคี วามรู ความเขาใจในเรือ่ งองคป ระกอบ ของการวาดภาพเสยี กอน เพ่อื ท่ีจะได เสน้ รูปรา่ ง รปู ทรง น�้าหนกั ออ่ น-แก ่ พ้ืนท่วี ่าง พื้นผวิ และส ี วาดภาพใหม คี วามสัมพันธก ัน เปน การทําให ภาพวาดนัน้ มีคุณคา มีความสวยงาม และ ซ่ึงได้กล่าวไว้แล้วในเร่ืองทัศนธาตุ ในที่นี้จะเน้นเฉพาะเรื่อง นาสนใจมากยิง่ ขน้ึ ) รปู รา่ ง รปู ทรง และขนาด เนอ่ื งจากเปน็ สว่ นทปี่ รากฏแกส่ ายตา • การวาดภาพที่เปนรปู รางและรูปทรง มีกีล่ ักษณะ แลวแตล ะลกั ษณะเปน แบบใด และรบั รู้ได้ในลา� ดับแรกเมือ่ มองดูภาพนั้น (แนวตอบ รปู รา งและรูปทรงมี 3 ลกั ษณะ ไดแก รปู รา ง รูปทรงเรขาคณติ เชน ๑.๑) รปู รา่ ง (Shape) หมายถงึ รูปนอก หรือ รูปทรงกลม รปู สามเหลีย่ ม เปนตน รูปรา ง รปู ทรงธรรมชาติ เชน คน สัตว พืช เสน้ ทเี่ ปน็ เสน้ โครงของวตั ถสุ งิ่ ของทเี่ หน็ เปน็ ๒ มติ ิ คอื มคี วาม กอ นหิน เปนตน และรปู ราง รูปทรงอสิ ระ ไดแก รปู รา ง รปู ทรงที่เปนไปตามอทิ ธิพล กว้างและความยาว ภาพจะมีลกั ษณะแบน ไมม่ คี วามหนา ของส่ิงแวดลอ ม เชน หยดน้ํา กอนเมฆ ควัน เปนตน) ๑.๒) รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้าง “วฏั จกั รแหง่ ชีวติ ” ภาพวาดสีน้า� มนั ผลงานของ พชิ ัย นิรันต์ แสดงให้เห็นถึงการจัดองค์ประกอบภาพท้ังสีและเส้นที่วางได้ ของวัตถุส่ิงของทีป่ รากฏในลักษณะ ๓ มิติ คือ มคี วามกวา้ ง ความยาว และความลึก จะเห็นภาพดูมีน�้าหนัก มีปริมาตร อย่างลงตัว ในการวาดภาพทเ่ี ป็นรปู ทรง การใชแ้ สงและเงามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก เกร็ดศิลป การวาดภาพท่ีเป็นรูปรา่ ง รปู ทรง การวาดภาพทีเ่ ปน็ รูปร่าง รูปทรงมี ๓ ลักษณะ ดังน้ี ๑. รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ รูปร่าง รูปทรงที่มีลักษณะเป็นแบบ เรขาคณติ เชน่ รปู ทรงกลม รูปสามเหลยี่ ม รปู ส่เี หลี่ยม รปู ทรงกระบอก เปน็ ตน้ รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต มีโครงสร้างท่ีเป็นพ้ืนฐานของรูปร่าง รูปทรงอ่ืนๆ เรา สามารถวเิ คราะหร์ ปู รา่ ง รปู ทรงในธรรมชาตอิ อกมาเปน็ รปู รา่ ง รปู ทรงเรขาคณติ ได้ ๒. รูปร่าง รูปทรงธรรมชาติ ได้แก ่ รูปรา่ ง รปู ทรงธรรมชาติ เช่น คน สตั ว ์ พืช กอ้ นหนิ เปน็ ตน้ ๓. รปู ร่าง รปู ทรงอสิ ระ เปน็ รปู รา่ ง รปู ทรงที่ไม่ไดจ้ า� กัดอยู่ในแบบเรขาคณติ หรือแบบธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นอย่างอิสระ ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนของตัวเอง เป็นไปตามอทิ ธพิ ลของส่งิ แวดลอ้ ม เช่น หยดน�า้ เมฆ ควนั เป็นตน้ มลี กั ษณะ เลื่อนไหล หรอื เคลอ่ื นไหว หรอื เป็นรูปร่าง รูปทรงท่ีถูกเปลี่ยนแปลง เพ่มิ เตมิ หรอื ตดั ทอนใหด้ ูงา่ ยขึน้ ไม่เหมือนจริง หรอื เหนอื ความจริงของคนในยุคสมัยนนั้ แลว้ 49 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู ความงามของรูปรา งเกดิ จากสิง่ ใด ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมวา ในการวาดภาพใหอ อกมามคี ุณภาพนั้น ตองอาศยั 1. มีความหนาดูแลว สมจรงิ ประสบการณและจินตนาการ แตก ารวาดภาพตามประสบการณและการวาดภาพ 2. มคี วามลึกไดสดั สวนกับความยาว ตามจนิ ตนาการจะมขี ้นั ตอนการวาดภาพท่ีแตกตางกนั เล็กนอย ดังนี้ 3. มแี สงเงาเกดิ เปนภาพ 3 มติ ิ 4. มีความกวางและความยาวไดส ดั สวนกนั 1. การวาดภาพตามประสบการณ ซึ่งเปน ภาพท่มี ีเนอ้ื หาและสาระอยใู นภาพ ดงั น้นั จึงเร่ิมจากการเลือกประสบการณท ่ีไดพบมาในชวี ิตที่ตอ งการจะ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. รปู รางเปนรูปนอกหรอื เสนท่เี ปนโครง ถา ยทอดเปน หวั ขอเร่อื งหรอื ชอื่ ภาพน่นั เอง จากนนั้ จงึ คอยๆ รางภาพ แลวลงนํ้าหนักแสงเงา หรือลงสี ทง้ั นผ้ี วู าดจาํ เปน ตอ งคํานึงถึงเรื่องการจัดวาง ของวตั ถสุ ิ่งของทีเ่ หน็ เปน 2 มิติ ดังนั้น ความงามของรปู รา งจงึ พจิ ารณาได องคประกอบศิลปดวย จากความกวา งและความยาวทไ่ี ดส ัดสว นกนั 2. การวาดภาพตามจินตนาการ สว นใหญจ ะเกดิ จากแรงบันดาลใจของศิลปน จนนําไปสูการสรา งสรรคผลงาน เปน การแสดงออกจากภาพภายในจิตใจสู ภายนอก ดังน้นั ข้ันตอนการวาดภาพจึงเปน ไปอยางอิสระ ไมต อ งยึดติดกับ ส่ิงใดๆ บางครั้งภาพทวี่ าดออกมาไมจ ําเปนจะตองสมจริงกไ็ ด คมู ือครู 49
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน กั เรยี นรวมกนั อธบิ ายเก่ียวกับขนั้ ตอน ๒) องค์ประกอบทางเนอ้ื หา (Content) หรือ ในการวาดภาพตามท่ีไดศ กึ ษามา จากนั้นครูถาม นกั เรยี นวา องค์ประกอบของเร่ืองราวในภาพวาด องค์ประกอบด้านน้ีมี • ขน้ั ตอนใดสาํ คญั ทสี่ ดุ ของขน้ั ตอนการวาดภาพ ความส�าคัญมากกว่าองค์ประกอบของภาพด้านรูปร่าง รูปทรง เพราะเหตุใด (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบคาํ ถามได และขนาด เพราะเมื่อมนุษย์ค้นพบศิลปะแต่ละอย่างก็จะท�าให้ อยา งอิสระ ครอู ธิบายเพม่ิ เติมวา ขั้นตอนการ รา งภาพเปนข้ันตอนท่สี าํ คัญในการวาดภาพ ทราบเรือ่ งราวชวี ติ ความเปน็ อยู่ของมนุษย ์ และเรือ่ งอืน่ ๆ ทม่ี ี ระบายสี เพราะการรา งภาพเปนการเร่มิ ตน โครงรา งของภาพ เปน การถา ยทอดความคดิ ความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ เสมอ เช่น เรื่องราว หรือจินตนาการออกมา กอนการวาดภาพ ทุกครง้ั จาํ เปนตอ งมีการรางภาพ เพอ่ื จดั ลําดับ เกี่ยวกบั ความเชอื่ ทางสังคม เร่ืองราวเกย่ี วกบั ศาสนา เรอ่ื งราว เนอ้ื หา จัดองคประกอบของทัศนธาตใุ หไ ด ตามหลกั การจัดองคประกอบศลิ ปท สี่ มบรู ณ เกย่ี วกบั บคุ คลและประวัตศิ าสตร ์ เรอ่ื งราวเกีย่ วกบั นิยาย หรอื แลว จงึ ลงนํ้าหนักของเสน แสง เงา และสี ตามภาพรา งท่ีกาํ หนดไว จึงจะไดผลงาน นิทานพน้ื บ้าน เรือ่ งราวเกี่ยวกับตัวมนษุ ย ์ เปน็ ตน้ ทม่ี ีคณุ ภาพ) ๓.๒ ขัน้ ตอนในการวาดภาพ • ส่งิ ท่คี วรคาํ นึงถึงมากที่สดุ ในขน้ั ตอน การแรเงา คือสิง่ ใด “พระอรชุน รําเพลงกลม” ภาพวาดสีน้�ามัน ผลงานของ การวาดภาพโดยทวั่ ๆ ไปจา� เปน็ จะตอ้ งรา่ งเสน้ ครา่ วๆ (แนวตอบ ในการแรเงาผวู าดตอ งสงั เกต จกั รพันธุ์ โปษยกฤต เป็นการถา่ ยทอดภาพวาดจากวรรณคดี หรือร่างเสน้ โครงนอก เพอ่ื ใหเ้ ห็นองคป์ ระกอบต่างๆ ของภาพ แสงเงาของตนแบบใหละเอยี ด ถาเปนภาพ ไทย ที่ให้ท้งั ความงามและองคป์ ระกอบทางดา้ นเนื้อหา จากนั้นจึงวาดต่อเติมจนได้รูปลักษณะที่แน่นอน การเร่ิมต้น วาดจากของจริง ส่ิงสําคญั คือการกําหนด ทิศทางเกี่ยวกบั แสงสวางทส่ี อ งมากระทบวตั ถุ วาดภาพ ท้งั ภาพเหมือนจรงิ ของคน สัตว์ สิง่ ของ หรือภาพแสดงรปู ร่าง รปู ทรง สีสัน ตอ้ งเร่ิมท่ีการร่างภาพก่อน ใหถูกตอ ง เพ่ือที่ผลงานออกมาจะไดด ูมีมติ ิ) เพอ่ื กา� หนดเค้าโครง แสงเงา และสี แล้วจึงลงมอื แรเงา หรือระบายสีตามท่อี อกแบบไว้ ๑) ขั้นเตรียมการ การเตรยี มตวั ที่จะวาดภาพปฏบิ ัติได้ ดงั น้ี ๑.๑) การเตรียมอุปกรณ์ ก่อนท่ีจะปฏิบัติการวาดภาพจะต้องเตรียมอุปกรณ์และเคร่ืองมือให้พร้อม ทง้ั น้เี พ่ือความสะดวกท่ีจะนา� อปุ กรณ์เหล่านัน้ มาใช้ ๑.๒) การเตรียมความพร้อม ในการวาดภาพผู้วาดจะต้องวางกรอบแนวคิดไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะ วาดภาพอะไร จากนนั้ สรา้ งความรสู้ กึ ใหเ้ กดิ ความอยากวาดภาพ ทา� จติ ใจใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย จนเกดิ สมาธิในการทา� งาน จงึ จะท�าใหภ้ ๒า)พ ทข่วีั้นารด่าองอภกามพา นกั้นารมรคี า่ วงาภมาปพรเ1ะปณน็ ีตสส่วนวยสงา� าคมัญในการวาดภาพ เพราะเป็นการเร่มิ ต้นวาดโครงร่างของภาพ ท้งั หมด การรา่ งภาพต้องใหเ้ หมาะสมกับหนา้ กระดาษ โดยคา� นึงถึงโครงสร้างของรปู ร่าง รปู ทรง ขนาด และสัดสว่ น การรา่ งภาพของแต่ละคนจะมวี ิธกี ารแตกตา่ งกนั บางคนเรมิ่ จากรายละเอียดไปหาสว่ นใหญ่ บางคน กเ็ ริ่มจากส่วนใหญ่ไปหาส่วนละเอียด แตก่ ารร่างภาพท่ีได้ผลดีและใชเ้ วลาไม่มากนัก คือ การร่างภาพจากส่วนใหญ่ ก่อนแลว้ จึงวาดรายละเอียดภายหลัง เม่ือรา่ งภาพได้เหมาะสมดแี ล้ว การลงน�า้ หนกั หรือแรเงากจ็ ะทา� ได้ง่ายขึน้ ๓) ข้ันลงน�า้ หนัก การลงน้า� หนกั ของภาพจะม ี ๒ ลักษณะ คอื ๓.๑) วาดเสน้ หรอื แรเงา หมายถงึ การลงนา�้ หนกั เพอ่ื ใหเ้ กดิ แสงเงา เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ “การแรเงา” ผวู้ าดตอ้ งสงั เกตแสงเงาของตน้ แบบใหล้ ะเอยี ด ถา้ เปน็ ภาพวาดจากของจรงิ สงิ่ สา� คญั คอื การกา� หนดทศิ ทางเกยี่ วกบั แสงสว่างที่ส่องมากระทบวัตถใุ หถ้ ูกตอ้ ง ดูแลว้ มีมติ ิ 50 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การเขยี นภาพระบายสี ส่ิงแรกท่ีผวู าดจะตองปฏิบัติคืออะไร ครูควรแนะนาํ เพ่มิ เตมิ เก่ยี วกับเรอื่ งแสงและเงาทต่ี กกระทบวตั ถุ โดยอธิบาย 1. รางภาพ เพ่ิมเติมกบั นักเรยี นวา เงาตกทอดและเงาดานมืดของวัตถุจะอยตู รงกนั ขามกับ 2. กําหนดเรื่อง ดา นทแี่ สงตกกระทบเสมอ และถา แสงทต่ี กกระทบทาํ มุมทบั เสนระนาบแคบ คอื 3. ตดั เสน ประมาณ 30 องศา เงาตกทอดจะมคี วามยาวกวา เงาตกทอดของวตั ถทุ แ่ี สงตกกระทบ 4. แตงกรอบ ทํามมุ กบั เสนระนาบกวา ง หรือมากกวา 30 องศา หรอื ถา แสงตกกระทบสวนบน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ในการวาดภาพ ผวู าดจะตองวางกรอบหรอื ของวตั ถุ หรือตั้งฉากกบั พ้ืนระนาบ เงาท่ีตกทอดจะสั้นหรอื อยูใตวตั ถุ โดยครูอาจพา กาํ หนดเรอ่ื งทจี่ ะวาดไวกอนลวงหนา จากนั้นคอยสรา งความรสู ึกใหเกดิ นกั เรยี นออกไปสงั เกตเงาตกทอดของตนไม หรอื เสาไฟทถี่ กู แสงอาทติ ยสอ งในเวลา ความอยากวาด ทาํ จติ ใจใหร สู กึ ผอ นคลาย ซงึ่ จะทาํ ใหเ กดิ สมาธใิ นการทาํ งาน ทตี่ างกันกไ็ ด และจะทาํ ใหภาพที่วาดออกมามคี วามสวยงามประณตี ตอ จากนั้นจึงคอย เขา สขู ัน้ ตอนการรางภาพ การลงน้ําหนกั และการระบายสีตอไป นักเรยี นควรรู 1 การรางภาพ สาํ หรบั นักเรยี นทยี่ งั ไมชาํ นาญและขาดทักษะทางดานนี้ เพือ่ ปอ งกนั การวาดแลวลบ ซึ่งจะทาํ ใหกระดาษเปน ขยุ ควรใชวธิ ีรา งภาพบนกระดาษ อน่ื ๆ กอ น เม่อื ไดเคา โครงแลว จึงคอ ยรางลงบนกระดาษท่จี ะใชว าดจรงิ 50 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand E×pand ขยายความเขา ใจ 1. ครูใหน กั เรียนสรุปสาระสาํ คญั เกี่ยวกับ แนวทางพ้ืนฐานในการวาดภาพระบายสี ดา นองคป ระกอบในการวาดภาพและขั้นตอน ในการวาดภาพลงสมุดบันทกึ สง ครผู ูสอน 2. ครูใหนกั เรยี นวาดภาพทวิ ทศั นโ ดยใชส นี ํา้ หรือ สีโปสเตอร มาคนละ 1 ภาพ โดยทําลง กระดาษ 100 ปอนด พรอ มตัง้ ช่ือภาพและ เขียนอธิบายแนวคิดของภาพมาพอสงั เขป นาํ ผลงานสง ครูผูสอน “ศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรชี” ผลงานของ สมพงษ์ แสงครามรุ่งโรจน์ ภาพวาดสีไม้บนผ้าใบ ศิลปินใช้สีไม้สเกตช์เป็นภาพ และแรเงา วางน�้าหนักอ่อน-แก่ สรา้ งเป็นผลงานทศั นศลิ ปท์ ี่น่าชมข้ึนมา ๓.๒) ระบายสี การระบายสีเป็นกระบวนการสืบเน่ืองจากการวาดภาพแรเงา โดยเปล่ียนจากการใช้ ดนิ สอระบายน�า้ หนกั ลงบนรูปทรงที่วาดมาเป็นการใชส้ รี ะบายแทน เพอ่ื ให้ภาพนน้ั ดเู หมือนของจริง หรอื ใหภ้ าพนน้ั มีสีต่างๆ ตามแบบท่ีร่างไว้ หากเป็นการวาดภาพของจริง สิ่งส�าคัญก็เช่นเดียวกันกับภาพแรเงา คือ การก�าหนด ทิศทางของแสงสว่างที่ส่องมากระทบวัตถุ เช่น ด้านสว่างของวัตถุให้ระบายสีอ่อน ส่วนด้านตรงข้าม คือ ด้านท่ี แสงสว่างตรงข้ามกบั แสง หรือดา้ นทีแ่ สงตกไมถ่ ึงให้ระบายสีเขม้ เปน็ ตน้ หากเปน็ สโี ปสเตอร์ เม่ือต้องการสีอ่อนให้ ผสมด้วยสีขาว เมือ่ ต้องการสีเขม้ ให้ผสมด้วยสีดา� หรอื สตี รงข้าม กจิ กรรม ศลิ ป์ปฏิบัติ ๔.๑ กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติวาดภาพแรเงาจากวัตถุส่ิงของที่มีอยู่รอบตัว โดยเลือกตามมุมมองของ แตล่ ะคน กิจกรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนฝกึ ปฏบิ ตั วิ าดภาพระบายสี ภาพผกั ผลไม้ ภาพดอกไม้ หรือภาพทวิ ทัศน์ โดยใช้ สนี �้าและสีโปสเตอร์ กิจกรรมท ่ี ๓ จ งตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ ๓.๑ นกั เรียนเห็นด้วยหรอื ไมว่ า่ การวาดภาพระบายสี มีความแตกต่างอยา่ งมากกบั การวาดภาพแรเงา ๓.๒ รปู รา่ งและรูปทรงมีลกั ษณะแตกตา่ งกันอยา่ งไร ๓.๓ การจะวาดภาพระบายสีใหม้ ีผลงานดคี วรปฏิบตั ิอยา่ งไร 51 แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏบิ ัติ 4.1 กจิ กรรมท่ี 3 1. นักเรียนสามารถตอบคําถามไดอยา งอิสระ ท้ังนี้ครูควรอธบิ ายเพิ่มเติมวา การระบายสีเปนกระบวนการสบื เนอื่ งจากการวาดภาพแรเงา โดยเปลีย่ นจากการใชดนิ สอ ระบายนาํ้ หนกั ลงบนรูปทรงที่วาดมาเปนการใชส ีระบายแทน 2. รปู รา ง หมายถงึ รปู นอกหรอื เสน ทเ่ี ปน เสน โครงของวตั ถสุ ง่ิ ของทเ่ี หน็ เปน 2 มติ ิ คอื มคี วามกวา งและความยาว ภาพทม่ี ลี กั ษณะแบน ไมม คี วามหนา สว นรปู ทรง หมายถงึ โครงสรางของวตั ถุส่ิงของที่ปรากฏในลักษณะ 3 มติ ิ คือมคี วามกวาง ความยาว ความลึก จะเห็นภาพดเู หมือนมีน้าํ หนัก มปี รมิ าตร ในการวาดภาพท่ีเปน รปู ทรง การใชแ สงและเงามสี ว นเก่ยี วขอ งอยา งมาก 3. นักเรียนสามารถตอบคาํ ถามไดอยา งอสิ ระ ทงั้ นค้ี รคู วรอธิบายเพม่ิ เตมิ วา การวาดภาพระบายสใี หไ ดผลงานที่ดี มีคณุ ภาพนัน้ ผูวาดจําเปน ตองมคี วามรพู น้ื ฐานเกยี่ วกบั การวาดภาพระบายสี ท้ังในเรอ่ื งเคร่ืองมอื และอปุ กรณทใ่ี ชใ นการวาดภาพระบายสี แนวทางพ้นื ฐานในการวาดภาพ รวมทง้ั ตองฝกปฏบิ ตั บิ อยๆ จนชาํ นาญ คมู อื ครู 51
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครพู ิจารณาจากผลงานภาพวาดระบายสขี อง เกร็ดศลิ ป การเลือกกระดาษวาดภาพ นักเรยี น โดยพจิ ารณาดา นความสวยงามและ ความคดิ สรา งสรรค กระดาษทเ่ี หมาะกบั การใชว้ าดภาพจะเปน็ กระดาษ ๑๐๐ ปอนด ์(หนา ๒๐๐ แกรม) กระดาษสนี า้� ทด่ี จี ะมสี ว่ นผสมของใยฝา้ ยมากปราศจากกรดและคลอรนี เนอ้ื กระดาษ หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู เปลี่ยนแปลงน้อย แม้เก็บไว้เป็นเวลานานๆ เหตุท่ีต้องเลือกใช้กระดาษที่มี ความหนามาก เพราะจะไดไ้ ม่บดิ งอเสยี รูปเมอ่ื ระบายด้วยสีน�้า และทนตอ่ ความชนื้ 1. การสรุปสาระสําคญั เกยี่ วกบั ความเปนมา หรอื การเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู ิ กระดาษทดี่ จี ะไมช่ า้� เมอื่ แกไ้ ขงาน และไมด่ ดู ซบั แนวทางปฏิบตั ใิ นการวาดภาพระบายสี สมี ากเกินไป รวมทัง้ เครื่องมือและอุปกรณใ นการวาดภาพ นอกจากความหนาแล้ว ยงั ตอ้ งดูทว่ี า่ จะเลอื กใช้กระดาษทมี่ พี ื้นผวิ หยาบ หรอื ระบายสี ผวิ เรียบดว้ ย พ้นื ผิวท่หี ยาบ หรอื ขรขุ ระจะสามารถรบั น้�า ดูดซบั สีได้ดี สีจะไม่ไหล โดยท่ัวไปมักจะใช้แบบหยาบ แต่หากภาพมีขนาดเล็กและรายละเอียดมากก็ควร 2. ผลงานภาพวาดระบายสี เลือกใช้แบบที่มีผิวค่อนข้างเรียบ เพราะจะท�าให้สามารถใช้พู่กันเบอร์เล็กมากๆ เขียนเส้นได้คมชัดกว่าแบบผิวหยาบ กระดาษวาดภาพสีน้�าท่ีขายในท้องตลาด มที งั้ ชนดิ แผน่ ขนาด ๕๖ × ๗๖ เซนตเิ มตร และชนดิ เลม่ ขนาด ๑๘ × ๒๔ เซนตเิ มตร ๒๔ × ๓๒ เซนตเิ มตร ๒๖ × ๓๖ เซนตเิ มตร หลากหลายยห่ี อ้ และหลายราคาใหเ้ ลอื ก การเลอื กใชพ้ ู่กัน ปจ จบุ นั มพี กู่ นั ทท่ี า� จากวสั ดตุ า่ งๆ ใหเ้ ลอื กมากมาย ทงั้ ทที่ า� จากเสน้ ใยสงั เคราะห์ และขนสัตว์ ในการเลือกซื้อพู่กันส�าหรับระดับช้ันนี้ควรเลือกพู่กันที่ท�าจากขนสัตว ์ จะเป็นขนกระรอก ขนกระตา่ ย หรือขนวัวก็ได ้ แมค้ ณุ ภาพจะไมด่ ีมากนัก แตก่ ็มี ราคาถูกและสามารถใช้งานได้ ส่วนพู่กันท่ีมีคุณภาพดีจะเป็นพู่กันเซเบิล (Sable Brush) ซึ่งท�าจากขนสัตว์ในเขตอากาศหนาวเย็น ขนแปรงเก็บเนื้อสีได้ดี มีอายุ การใช้งานยาวนาน แตม่ รี าคาแพง สรุป การวาดภาพระบายสีเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะท่ีมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา นับตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยภาพวาดระยะแรกๆ จะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความประทับใจของ มนุษย์ที่มีต่อสิ่งต่างๆ ในวิถีของการดำารงชีวิต เป็นภาพวาดง่ายๆ ตามผนังถำ้า ซึ่งความรู้ และวิธีการ วาดภาพกค็ อ่ ยๆ ถ่ายทอดต่อเนื่องกนั มา จนมีลกั ษณะทีแ่ ตกตา่ งกนั ออกไป การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมด้วยการวาดภาพระบายสี นอกจากจะอาศัยทักษะฝมือและ ความชำานาญของผู้สร้างสรรค์แล้ว ความรู้เก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ก็มีความสำาคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะ เปน็ วธิ ใี ชต้ ลอดจนการเกบ็ รกั ษา ทงั้ นี้ เพอ่ื ชว่ ยอาำ นวยความสะดวกในการทาำ งาน ประหยดั เวลา คา่ ใชจ้ า่ ย รวมทง้ั ยังช่วยทำาให้สร้างสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างมคี ุณภาพด้วย 52 เกรด็ แนะครู บูรณาการเช่อื มสาระ การศกึ ษาความรเู บื้องตน เกย่ี วกับการวาดภาพระบายสสี ามารถเช่ือมโยง ครอู ธิบายเสรมิ วา กระดาษวาดภาพระบายสปี จจุบนั นี้มใี หเลอื กหลายแบบ กบั การเรียนการสอนของกลุม สาระการเรยี นรูสงั คมศกึ ษา ศาสนา และ ซึ่งนกั เรียนในชว งเริ่มฝก ปฏบิ ัติไมควรใชกระดาษราคาแพงมากอยางท่ีศลิ ปนใช วัฒนธรรม วิชาหนาทีพ่ ลเมือง ในเรือ่ งวัฒนธรรม เพราะการทน่ี ักเรียนมีความรู โดยมีจําหนา ยทงั้ ท่ีเปน แผน ขนาดใหญตองนํามาตดั เองและแบบตัดแผน มาเปน เลม ความเขาใจเรือ่ งวัฒนธรรมประเพณแี ละวิถีชวี ติ ของชาวไทย นักเรียนกส็ ามารถ นําความรดู ังกลา วมาเปนแนวคดิ ในการวาดภาพระบายสีได บรู ณาการอาเซยี น ใหนกั เรียนหาตัวอยา งภาพและเทคนิคการวาดภาพระบายสีของศิลปน ใน ประเทศสมาชิกอาเซียนมาคนละ 1 ภาพ โดยเนน ถึงวิธีการเลือกใชว ัสดอุ ุปกรณและ เทคนิคในการสรา งสรรคผลงาน จากน้ันนาํ ผลงานสง ครผู ูสอน เพื่อคัดเลอื กตัวอยา ง ผลงานทีใ่ หสาระความรูท่ีดจี าํ นวนหนึง่ นําไปตดิ ทปี่ ายนิเทศ 52 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู วาดภาพทัศนียภาพแสดงใหเ ห็นระยะไกล ใกลเ ปน 3 มิติ สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต คุณลกั ษณะอันพึงประสงค 1. มีวินยั 2. ใฝเ รยี นรู 3. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน ๕หนว่ ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage หลักการวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ครใู หนักเรยี นดูภาพวาดทิวทัศนทีแ่ สดงระยะ ในโลกแห่งความเป็นจริง เราสามารถมองเห็นส่ิงต่างๆ ไกลใกล ไดแ ก ภาพวาดทวิ ทศั นท างบก และ ตวั ช้วี ดั ภาพวาดทวิ ทัศนทางทะเล แลวใหนกั เรยี นรวมกัน ศ ๑.๑ ม.๑/๓ เปน็ ภาพ ๓ มติ ิ แตเ่ มอ่ื เรานำาภาพทม่ี องเหน็ นน้ั มาถา่ ยทอด แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั ภาพทงั้ 2 ภาพ เป็นภาพวาดบนพื้นผิวระนาบ ๒ มิติ เช่น แผ่นกระดาษ ■ วาดภาพทัศนียภาพแสดงใหเ้ หน็ ระยะไกลใกลเ้ ปน็ ๓ มิติ • ภาพวาดทงั้ 2 ภาพ แตกตา งกันอยางไร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) ผนื ผา้ ใบ ฝาผนงั เป็นต้น เพ่ือใหไ้ ดภ้ าพวาดทีด่ ูสมจริง เราจะ • ภาพวาดทงั้ 2 ภาพ ภาพใดที่แสดงระยะ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งสรา้ งความลกึ ในลกั ษณะเทยี ม หรอื ลวงตาขน้ึ เปน็ มติ ทิ ส่ี าม ไกลใกลไ ดช ัดเจน บนพ้นื ผวิ ระนาบ รวมถึงการกำาหนดความแตกตา่ งของตาำ แหนง่ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยางอิสระ) ■ หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ และระยะของวตั ถุตา่ งๆ จากผู้ชม ในมมุ ของการมองเห็นท่แี ท้จรงิ ครูอธิบายเพิม่ เติมเก่ียวกับการวาดภาพที่ เกย่ี วกบั สง่ิ แวดลอม ภูมปิ ระเทศทพี่ บเหน็ การสรา้ ง “ความลกึ ลวงตา” สาำ หรบั ภาพ ๒ มติ ิ บนพนื้ ผวิ ระนาบ โดยทั่วไป หรอื ท่เี รยี กกนั วา “ภาพทวิ ทศั น” ซง่ึ การวาดภาพทิวทัศนผ ูวาดจะตอ งมคี วามรู ให้เกิดเป็นรูปทรงท่ีมีปริมาตร มีความกว้าง ความยาว ความสูง ความเขาใจในหลกั ของทัศนยี ภาพใหดเี สียกอ น จงึ จะถา ยทอดผลงานออกมาไดอยา งถูกตอง ความลึก รวมถึงรอยนูน รอยยุบตามท่ีเห็นจริงจะทำาให้ภาพที่ ถกู ถา่ ยทอดออกมามองดสู มจรงิ คลา้ ยคลงึ กบั ภาพทเี่ หน็ จรงิ ดว้ ยสายตา 53 เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนว ยการเรยี นรูน ้ี ครูควรอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกีย่ วกบั หลักการ วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ (Perspective) วา การวาดภาพตามหลักการวาดภาพ แสดงทัศนียภาพ (Perspective) เปนสว นประกอบอยางหนึง่ ที่ทาํ ใหภ าพมมี ิติ ในเรื่องของความลกึ ระยะไกลใกลของภาพ หลกั ในการวาด คอื สง่ิ ทอ่ี ยใู กลต า จะมขี นาดใหญ ส่ิงทีอ่ ยไู กลตาจะมขี นาดเล็ก โดยอาศยั เทคนิควธิ กี ารทางศลิ ปะ ในการสรา งมิติของภาพ ไดแก เทคนิคการสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ เพื่อนาํ ไปใชเปน แนวทางในการวาดภาพแสดงทศั นียภาพตอ ไป คูมือครู 53
กกรระตะตนุ Eุน nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หนกั เรยี นดูภาพ “อนิ ทนลิ ” ซึ่งเปนภาพวาด ๑. ความลึกลวงตาแ1 บบ ๓ มิติ สีอะครลิ กิ บนผา ใบ ผลงานของสมพล ยารงั ษี จากน้นั ใหน กั เรยี นชวยกันพจิ ารณาวา การสร้างความลึกลวงตาแบบ ๓ มิติ มีวธิ ีการ • ภาพดงั กลา วใชวิธกี ารใดในการวาดภาพ ดงั น ี้ (แนวตอบ ผูวาดใชวธิ กี ารวาดใหส ่งิ ท่ีอยไู กล ๑.๑ การศึกษาจากภาพบรรยากาศ (Atmo- ซึ่งเปน ภเู ขามีสีจาง ดูไมชัดเจน และวาด spheric Perspective) ดอกไมซ ึง่ เปนส่ิงทอ่ี ยูใกลเ ขา มาใหมสี เี ขม ขึ้น 2 ดชู ดั เจน สามารถเห็นรายละเอียดไดม ากกวา ภาพบรรยากาศ หรือภาพทิวทัศน์ ก็คือ เพ่อื แสดงระยะไกลใกล และเพอ่ื ใหภาพ ท่วี าดออกมาดคู ลายของจริงมากขนึ้ ) ทัศนียภาพที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นสิ่งท่ีอยู่ไกลออกไป • นักเรยี นรูสึกอยา งไรตอภาพวาดดังกลา ว เชน่ ภเู ขา ตน้ ไม ้ เปน็ ตน้ ซงึ่ อาจดคู ลมุ เครอื และไมช่ ดั เจน “อนิ ทนิล” ภาพวาดสีอะคริลิกบนผา้ ใบ ผลงานของ สมพล ยารงั ษี (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ) ท่ีให้บรรยากาศฉากหลังซึ่งเป็นภูเขามีสีจางไม่ชัด เพื่อแสดงระยะท่ี เนอื่ งจากมตี วั กลาง เช่น เขม่า ควัน หมอก ฝนุ่ ละออง ละอองไอนา้� ในอากาศ เปน็ ตน้ ซง่ึ สิ่งเหล่านี้จะกน้ั ขวาง อยูไ่ กลออกไป แสงสะท้อนจากวัตถ ุ ทา� ใหแ้ สงสะท้อนถงึ นยั น์ตาเราได้นอ้ ย ส่งผลใหม้ องเห็นวตั ถไุ มช่ ัดเจน สาํ รวจคน หา Explore ในการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ ผวู้ าดจะตอ้ ง วาดให้สิง่ ทอี่ ย่ไู กลออกไปมีสจี างลง ดูไมช่ ดั เจน และตอ้ ง ใหนักเรียนศึกษา คน ควา เก่ยี วกับเทคนคิ วาดให้สิ่งท่ีอยู่ใกล้เข้ามามีสีเข้มขึ้น ดูชัดเจน สามารถ การสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ จากแหลง เรียนรูตา งๆ เชน หนังสอื เรียน หองสมุด เห็นรายละเอยี ดไดม้ ากกวา่ เพอ่ื ให้ภาพทวี่ าดดคู ลา้ ยกบั อินเทอรเน็ต เปนตน ของจริงมากขึ้น 3(Overlapping) ๑.๒ ใชก้ ารซอ้ นทับ วิธีการน้ีเป็นวิธีการพื้นฐานในการสร้างความ ลึกลวงตา สามารถท�าได้โดยน�าวัตถุชิ้นหน่ึงไปวางไว้ ด้านหน้าวัตถุท่ีต้องการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง โดยจัดวางใน ลกั ษณะการซอ้ นทบั หรอื วางเหลอื่ มกนั จะทา� ใหม้ องเหน็ ภาพรูปทรงเรขาคณิตท่ีมีการซ้อนทับกัน ท�าให้รู้ว่าอะไรอยู่ด้านหน้า ว่ามีวัตถุช้ินหนึ่งวางอยู่ด้านหน้าและบังวัตถุที่ดูเหมือน ดา้ นหลงั ชว่ ยสรา้ งความลึกลวงตาข้นึ อยูข่ ้างหลังบางส่วน ๑.๓ เน้นรายละเอยี ดและเสน้ ขอบ (Details & Edges) เราสามารถสร้างความรู้สึกถึงความลึกของ วัตถ ุ หรือระยะหา่ งของตา� แหนง่ วตั ถใุ นภาพ โดยการเน้น รายละเอียดของวัตถทุ อ่ี ยูไ่ กลกว่าใหม้ ีนอ้ ยลง และท�าให้ เส้นขอบเบา หรือมีความชัดน้อยลง ส่วนวัตถุท่ีอยู่ใกล้ กเ็ พ่ิมรายละเอยี ดและความชดั ของเสน้ ขอบให้มากข้นึ ภาพระยะใกลจ้ ะมีความชดั เจนของรายละเอียดมาก 54 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET วตั ถุประสงคในการสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มิติลงในภาพเพอ่ื อะไร 1 ความลกึ ลวงตา หมายถึง ระยะไกลใกลของวัตถุในส่ิงแวดลอมทเ่ี รามองเหน็ 1. ทาํ ใหเ กดิ บรรยากาศ แตเนื่องจากการเขยี นภาพแสดงระยะไกลใกลน ้ันเขยี นอยบู นพ้นื ระนาบ 2 มิติ 2. ใหม องดูแลวสมจรงิ จงึ ไมใชความลกึ จริง เปน ความลึกจากการสรางสรรคภ าพขนึ้ มาใหเปรยี บเสมอื น 3. เกิดสสี นั สวยงามมากข้นึ จริงท่ีเรามองเหน็ ดวยตา จงึ ใชคาํ วา “ความลึกลวงตา” 4. ชว ยเนนทัศนธาตใุ หโ ดดเดน 2 ภาพทวิ ทัศน เปนการเขยี นภาพเกย่ี วกับสิ่งแวดลอมรอบตัวเรา ท้ังท่ีมนุษย วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การเขียนภาพระบายสีโดยใชเ ทคนิค สรางขนึ้ และเกดิ เองตามธรรมชาติ ซ่ึงการเขยี นภาพทวิ ทัศน คือ การบนั ทึก การสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ จะชวยทําใหภาพดแู ลวมีความสมจริง ความงามจากธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ มทมี่ นุษยสรา งข้นึ มาเปน ภาพเขียน ไมห ลอกตา ภาพดแู ลว สอดคลองกับสิง่ ท่พี บเห็นไดจ ริงในธรรมชาติ ตามหลกั วิชาศิลปะ และส่ิงแวดลอมท่แี สดงออกมา ชว ยทําใหผ ลงานดแู ลวนาประทบั ใจ 3 การซอ นทบั เมอ่ื มองวตั ถตุ า งๆ ทท่ี บั ซอ นกนั วตั ถทุ ถ่ี กู บงั จะเหน็ เพยี งบางสว น โดยมบี างสวนหายไป โดยเราจะไมร ูส กึ วา วัตถทุ ่ถี กู บังนนั้ ขาดความสมบูรณตามที่ มองเห็น แตเรากลบั รูส ึกวา วตั ถุทีถ่ ูกบงั นนั้ อยไู กลกวา หรือมตี ําแหนง ในพืน้ ทวี่ าง อยูหลงั วตั ถทุ ่อี ยูขางหนา ซ่ึงวิธีการซอนทบั กันของวตั ถุนท้ี ําใหเ กดิ การลวงตา ในระนาบ 2 มิติ ดูมีระยะ มพี ้ืนทว่ี า ง และมอี ากาศลอมรอบระหวางวัตถุเหลา น้ัน 54 คูม อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑.๔ สังเกตขนาดและชอ่ งวา่ ง (Size & Space) ใหนักเรยี นนาํ ความรูเ ก่ียวกบั การสรา ง ความลึกลวงตาแบบ 3 มิติตามทไี่ ดศ ึกษามา เราสามารถสังเกตได้วา่ วตั ถุ ๒ ชน้ิ ที่มีขนาด มาพดู คุยแลกเปลีย่ นกนั ในชัน้ เรยี น โดยใหนักเรียน สรปุ สาระสําคญั ของการสรางความลกึ ลวงตา และรปู ทรงแบบเดยี วกันจะมขี นาดเทา่ กัน เม่ือต้ังอย่หู ่าง แบบ 3 มติ ิ ลงสมดุ บันทกึ สง ครผู สู อน จากนั้นครู ถามนักเรียนวา จากเราเท่ากัน แต่เม่ือเลื่อนช้ินใดชิ้นหนึ่งให้ไกลออกไป • การสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ ทําได เรากจ็ ะพบวา่ วตั ถชุ น้ิ นนั้ มขี นาดเลก็ ลง ดงั นนั้ เมอ่ื เราเหน็ อยา งไร (แนวตอบ การสรางความลึกลวงตาแบบ วตั ถ ุ ๓ ชนิ้ ทีม่ ีรูปทรงเหมือนกนั แตม่ ขี นาดแตกต่างกนั 3 มติ ิ มหี ลากหลายวิธี เชน การกําหนด ขนาดและตาํ แหนง ในแนวดิ่ง (size and ช้ินที่ใหญ่กว่าจะดูเหมือนวางอยู่ใกล้กว่าชิ้นที่เล็ก ซึ่งอยู่ vertical location) การทับซอนกัน (overlapping) การสรางรายละเอยี ดและ หา่ งออกไป วตั ถ ุ ๒ ชน้ิ ทมี่ ขี นาดและรปู ทรงแบบเดยี วกนั จะมขี นาดเทา่ กนั เมอ่ื ตง้ั บรรยากาศ (detail and atmosphere) อยหู่ า่ งจากเราเทา่ กัน แต่เมอ่ื เล่ือนชิ้นใดช้นิ หนึง่ ใหไ้ กลออกไป วตั ถุ การใชท ัศนยี ภาพ (perspective) การใช นัน้ จะมีขนาดเล็กลง สีและน้ําหนกั ออ นแก (color and value) เปนตน) ๑.๕ เล่นกับโครงสรา้ ง (Modeling) • เพราะเหตุใด รปู ทรงท่ีอยใู กลเมอ่ื มองใน การเล่นกับแสงเงาผ่านทางหุ่นจ�าลอง หรือ แนวด่ิงจะดใู หญก วารูปทรงทอ่ี ยไู กลออกไป (แนวตอบ เพราะผูวาดใชวิธีการกําหนด โครงสร้าง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นรูปทรง ขนาดและตําแหนงในแนวด่งิ ในการจดั องคป ระกอบของภาพ เพราะไมว าจะเปน ของวัตถุนน้ั ๆ ได้ชดั เจนข้ึน โดยจะสังเกตได้จากเงาท่ที อด ภาพเหมือนหรือรปู ทรงตางๆ การลดหรือ เพมิ่ ขนาดและวางตาํ แหนงในแนวด่งิ ผ่านโครงสร้างหรือหุ่นจ�าลอง ซ่ึงเงาจะทอดผ่านไปบน จะทําใหร สู ึกวา วตั ถทุ อี่ ยูใกลมขี นาดใหญ สว นวัตถทุ อี่ ยไู กลจะมีขนาดเลก็ ) พ้ืนผิวของวัตถุตามความลึก ความนูน ท่ีปรากฏให้เห็น แสงเงาท่ีทอดผา่ นทางหนุ่ จา� ลองช่วยทา� ใหเ้ กดิ มิติต่างๆ ในการมอง ด้วยสายตา เช่น เงาที่ทาบลงบนกล่องท่ีวางซ้อนกันจะ ท�าให้จินตนาการถึงรูปทรง ความลึกต้ืน และความลาด เอียงของกลอ่ งน้นั ๆ ได้ ๑.๖ ใชก้ ารมองตาํ แหนง่ ในแนวดงิ่ (Vertical Locations) เมอ่ื เราจนิ ตนาการวา่ กา� ลงั ยนื อยบู่ นพนื้ ทร่ี าบและ มองไปตามพื้นเบื้องหน้าในระยะท่ีไกลสุดขอบฟ้า เราจะ พบว่าวัตถุที่วางอยู่บนพื้นที่ท่ีอยู่ห่างออกไป จะดูเหมือนค่อยๆ เล่ือนขึ้นสู่เส้นขอบฟ้า ดังน้ัน ถ้าเราต้องการให้วัตถุท่ีมีขนาดเท่ากัน ดูเหมือนกับว่าอยู่ห่างออกไป เราท�าได้โดยจัดวางให้วัตถุเล่ือนขึ้นไป ให้อยู่สูงจากระดับพื้นระนาบตามสัดส่วน ย่ิงภาพวัตถุอยู่สูงข้ึนไป จากแนวระนาบมาก วัตถุน้ันก็จะดูห่างออกไปมาก ทั้งน้ีภาพที่สร้างข้ึนให้เห็นระยะใกล้-ไกล ด้วยวิธีการนี้ส่วนใหญ่ก็จะเห็นการซ้อนทับ ลักษณะต�าแหน่งของวตั ถเุ ม่ือเรามองลงไปในแนวด่งิ กับตา� แหน่งในแนวดง่ิ อยูร่ ว่ มกนั ด้วย 55 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ด การวาดภาพแสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ จงึ เนน ครูอธบิ ายเพิม่ เติมเก่ียวกับชองวาง (space) ในทางทัศนศิลปวา งานทัศนศลิ ป รายละเอยี ดของวตั ถทุ อี่ ยูใ กล โดยใชเสนขอบท่ีเขม คมชัด สวนวตั ถทุ ี่อยูไกล แตละประเภท จะใชท่ีวา งแตกตา งกนั ไป เชน ประตมิ ากรรมและสถาปตยกรรม จะไมเ นนรายละเอยี ด และใชเ สน ขอบใหบ างเบา จะใชท ว่ี างแบบ 3 มติ ิ สว นจิตรกรรมจะใชทว่ี า งแบบ 2 มติ ิ คอื เปนทว่ี า งท่กี ําหนด แนวตอบ เทคนคิ การวาดภาพแสดงความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ ผูวาด ดวยความกวางและความยาวเทา นั้น แตบ างคร้ังจิตรกรรมกส็ ามารถสรา งมติ ทิ ี่ 3 ตองอาศัยการสงั เกตจากการมองวัตถตุ ามความเปน จรงิ ในธรรมชาติ ใหเกดิ ขึน้ บนพืน้ ผิวระนาบ 2 มิตไิ ด บริเวณวา งท่ีเกิดข้นึ ลักษณะน้ี เรยี กวา บริเวณ หรอื สิง่ แวดลอ ม เพราะโดยปกตเิ ราจะเหน็ รายละเอยี ดและเสนขอบตางๆ วา งลวงตา (Illusion Space) หรอื บริเวณวา ง 2 มิติ (Two Dimension Space) ของวตั ถุท่ีอยูใกลช ดั เจนกวา วัตถทุ ี่อยไู กล ยิง่ วตั ถอุ ยไู กลย่ิงเลอื นราง ซ่ึงจะชว ยทาํ ใหเมอ่ื มองดภู าพ เกิดความสมจริง ไมข ัดแยง กัน มุม IT นักเรยี นสามารถศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับแนวทางการสรา งที่วาง 2 มิติ ใหด ูแลว เปนท่วี า ง 3 มิติ ไดจาก http://watkadarin.com/ คูมือครู 55
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครูเชิญวทิ ยากรท่มี คี วามชํานาญดานการ ò. Ëลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ วาดภาพแสดงทัศนียภาพมาพดู คยุ แลกเปล่ยี น ความคิดเห็นกับนกั เรียนเกยี่ วกับหลกั การวาดภาพ การวาดภาพแสดงทัศนียภาพมีหลักการส�าคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน แสดงทศั นียภาพ โดยใหวทิ ยากรสาธติ การรางภาพ แสดงความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิใหนกั เรียนดู คอื การใชเ้ ทคนคิ การวาดภาพที่มคี วามลกึ ลวงตา เพอ่ื สรา้ งภาพแบบ จากนัน้ ใหนกั เรยี นรวมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับภาพดงั กลาว ๓ มติ ิ บนพนื้ ผิวระนาบ ๒ มติ ิ เช่น แผ่นกระดาษ ผนื ผา้ ใบ ฝาผนัง เป็นตน้ เพ่ือใหภ้ าพทถี่ ่ายทอดออกมาจาก มุมมองของเราดูสมจริงคล้ายคลึงกับภาพที่เห็นจริง สาํ รวจคน หา Explore ดว้ ยสายตา ใหนกั เรียนศึกษา คน ควา เกี่ยวกับหลกั การ การวาดภาพท่ีแสด1งทัศนียภาพเป็นเรื่อง วาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ จากแหลงเรยี นรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน ของการเลียนแบบความจริง เมื่อเรามองออกไปใน โลกแหง่ ความเปน็ จรงิ เราจะพบวา่ วตั ถมุ ขี นาดเลก็ ลง เมอื่ อยหู่ า่ งไกลออกไป และมรี ะยะหา่ งสมา่� เสมอ เชน่ เสารว้ั จะสงั เกตไดว้ า่ เสาแตล่ ะตน้ จะอย่ใู กลก้ นั มากขน้ึ เม่ือแนวรว้ั อยู่หา่ งออกไป เปน็ ตน้ ขนาด ความชัด สีของวัตถุ และต�าแหน่งในการวาง จะช่วยท�าให้เกิด ในการวาดภาพระบายสีแสดงทัศนียภาพ ความลกึ ลวงตาขนึ้ แบบบรรยากาศ การพัฒนารูปแบบจะมีมากขึ้น ถ้าหากได้สังเกตสภาพจริงของอากาศและธรรมชาติ โดยเฉพาะ แสงสวา่ งและสี กลา่ วคอื บรรยากาศและสจี ะมผี ลตอ่ การมองเหน็ วตั ถ ุ โดยวตั ถทุ ่ีอยู่ใกลจ้ ะมกี ารตัดกันของสีและคา่ ของความเขม้ มากกวา่ วัตถุที่อยู่ไกลออกไป ซ่ึงสง่ิ ท่อี ยู่ไกลสายตาส่วนใหญ่จะเหน็ เปน็ สีขาวอมน้�าเงิน ขณะเดียวกนั วตั ถุท่อี ยู่ใกล้กว่าจะเหน็ รายละเอียดของเสน้ ขอบ รปู รา่ ง รปู ทรงของวตั ถทุ ีช่ ัดเจน นอกจากน ี้ วัตถุสเี ดียวกันเม่ือ อยหู่ ่างกัน วตั ถุทอ่ี ยไู่ กลสายตาจะมีสเี ยน็ และใหค้ วามรู้สกึ ทีเ่ บาลง สว่ นวตั ถทุ ่อี ยู่ใกลเ้ ขา้ มาจะดอู ุน่ และแนน่ ขึ้น ภาพแบนราบเป็น ๒ มติ ิ มีความลกึ ลวงตาเปน็ ๓ มิติ 56 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปนหลกั การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพที่ถูกตอ ง ครูควรสรุปทบทวนเกย่ี วกบั แนวทางการสรา งบริเวณวาง 2 มติ ิ ใหดูเปน 1. วัตถทุ กุ ระยะมีขนาดเทา กัน บริเวณวา ง 3 มติ ิ หรอื บริเวณวางลวงตา มีแนวทางท่ีสาํ คญั ดงั นี้ 2. ส่ิงทอี่ ยูไ กลใหม รี ายละเอยี ดทชี่ ัดเจน 1. การกาํ หนดขนาดและตําแหนง ในแนวด่งิ 4. การเหล่อื มซอนกัน 3. วัตถทุ ี่อยใู กลต อ งใหเบาบางลง 2. การใชทฤษฎีทศั นียภาพเชิงเสน 5. การใชสกี ับบริเวณวาง 4. วัตถุที่อยูใ กลช ัดกวา วตั ถุทอ่ี ยูไกล 3. การสรา งรายละเอยี ดและบรรยากาศ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ เพ่ือให เกิดความสมจรงิ ตองวาดใหวัตถหุ รือสง่ิ ของทีอ่ ยใู กลมคี วามคมชัด นักเรียนควรรู มีขนาดใหญกวา และมสี ีสนั ทเี่ ห็นไดชดั เจนกวาวัตถุ หรอื สิง่ ของทอี่ ยไู กล โดยส่งิ ทีอ่ ยูไ กลสดุ จะมีลกั ษณะเปน เพยี งแคจดุ รวมสายตาเทา นนั้ 1 การเลยี นแบบความจรงิ เปรยี บไดก บั การทน่ี กั เรยี นนงั่ รถยนตแ ลว มองไปขา งหนา นกั เรยี นจะเหน็ ถนนทอดยาวสดุ สายตา ดังนั้น หากนกั เรียนจะวาดภาพถนน ก็ใหใชว ิธวี าดเสน ถนนทอดยาวขึน้ สูงและปลายคอยๆ แคบลงจนตบี สุดลูกหูลูกตา ก็จะทําใหภาพวาดถนนท่อี อกมาดูสมจรงิ มากย่งิ ข้นึ 56 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู การวาดภาพที่แสดงทัศนียภาพ คือ การวาดภาพทส่ี ร้างความลึกลวงตาท่ีมที ัง้ ระยะใกล้และไกลบนพื้นผิว ใหนกั เรียนรว มกนั อธบิ ายเก่ียวกบั หลักการ วาดภาพแสดงทศั นียภาพตามทีไ่ ดศกึ ษามา ระนาบ ๒ มิติ โดยสามารถเรียนร้จู ากการสังเกต เพอื่ ทา� ความเขา้ ใจในหลักการได้ 1 โดยครูใหนกั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเกี่ยวกบั หลักการ วาดภาพแสดงทัศนียภาพ ลงสมุดบนั ทกึ ครถู าม วัตถุท่ีเราต้องการวาดให้มีความลึกลวงตาแบบ ๓ มิติ จะต้องอาศัยจินตนาการมองให้เป็นรูปทรงที่มี นักเรียนวา ความโปร่งใส สามารถเหน็ สดั ส่วนทอี่ ยู่ภายในวัตถไุ ด ้ แลว้ ถา่ ยทอดออกมาเปน็ รูปทรงทมี่ ีความสมบูรณ์ เช่น กล่อง • หลักการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ มีความสาํ คัญอยา งไร รปู ทรงกรวย รูปทรงกระบอก เปน็ ตน้ ซ่ึงถ้าเราจินตนาการว่ารปู ทรงนน้ั โปร่งใส เราก็สามารถจะถ่ายภาพออกมาได้ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั การ วาดภาพแสดงทศั นยี ภาพจะทาํ ใหภ าพวาด อย่างสมจรงิ ท้งั ขนาด รูปรา่ ง และทว่ี า่ งภายใน ทวิ ทศั นดูสมจริง และคลายคลงึ กบั ภาพท่ี เหน็ จริงดว ยสายตา ทงั้ ดานรูปรา ง รปู ทรง ส่ิงที่ควรค�านึงถึงในการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ คือ ไม่ต้องเคร่งครัดในเร่ืองของการใช้จินตนาการใน ตําแหนง ระยะ ความลึก สดั สว นของพืน้ ที่ ตลอดจนความสัมพันธกับสว นตางๆ การถา่ ยทอดผลงาน และหลักการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพให้มากจนเกนิ ไป เพราะจะท�าให้ภาพที่ไดแ้ ม้ว่าจะดูสวย ภายในภาพ) แตอ่ าจดูแขง็ ทอื่ และไมม่ ีชีวติ ชีวาได้ • การวาดภาพแสดงทศั นียภาพแบบ บรรยากาศ หมายถงึ การวาดภาพรูปแบบใด การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั หลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ จะทา� ใหก้ ารวาดภาพ หรอื ระบายสวี ตั ถ ุ หรอื ทวิ ทศั น์ (แนวตอบ การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ แบบบรรยากาศ หมายถึง การวาดภาพ ดสู มจริง และคล้ายคลึงกบั ภาพทเ่ี ห็นจริงด้วยสายตา ท้งั ดา้ นรปู รา่ ง รูปทรง ต�าแหนง่ ระยะ ความลกึ สดั ส่วนของ แสดงสง่ิ ของท่ีเหน็ อยูใ นระยะไกลใกล ตามทปี่ รากฏจากบรรยากาศ กลาวคอื พ้นื ท่ี ตลอดจนความสมั พันธก์ บั ส่วนตา่ งๆ ภายในภาพ โดยธรรมชาติเราจะเหน็ สิ่งของท่อี ยใู กล ชัดเจนกวาสิ่งของทอี่ ยูไ กล เชน หากเรา “เรือ่ งราวของตลาด ๕ (ปากคลองตลาด)” ภาพเขยี นสนี ้�า ผลงานของ สมโภชน สิงหท อง ทถี่ า่ ยทอดทศั นยี ภาพออกมาได้อยา่ งมีชีวติ ชวี า มองดภู เู ขาท่ีสลับซบั ซอนออกไปขา งหลัง ภูเขาทอี่ ยใู กลก็จะเห็นไดชัด สวนภเู ขา 5๗ ลกู ทีอ่ ยหู า งออกไปก็จะเห็นลางเลอื นกวา เปน ตน ซึ่งความชัดเจนหรอื ความลางเลอื น ของส่ิงของในระยะตางๆ เหลา นี้ เกิดจาก บรรยากาศทาํ ใหแสงทส่ี ะทอนมาจาก ระยะไกลหกั เหไปทางอื่น สวนจะหกั เห มากหรือนอยนนั้ แลวแตร ะยะทางไกลใกล นกั เรียนสามารถนําความรนู ้มี าใชในการ แสดงแบบสถาปตยกรรมไดโดยใชส ีออน-แก ระบายลงบนรปู ดา นท่ีเขียนขึน้ ก็อาจทาํ ให เหน็ ระยะไกลใกลไดต ามสมควร) กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน กั เรียนฝกวาดภาพลายเสน เกาอแ้ี บบ 1 จดุ รวมสายตา โดยทาํ ลง ครคู วรแนะนําใหนักเรยี นดภู าพเขียนแสดงทศั นียภาพ ซ่งึ หลายภาพไมจ าํ เปน กระดาษวาดเขยี น สงครูผสู อน ตอ งลงรายละเอยี ดมาก หรอื ไมจ ําเปน ตองคาํ นงึ ถงึ หลกั การสรา งภาพลวงตา แบบ 3 มติ ิ มากนกั ภาพกย็ งั ดูมีความสมจรงิ มีบรรยากาศ และอารมณข องภาพ กจิ กรรมทาทาย ที่นาประทับใจ นกั เรยี นควรรู ใหน กั เรียนฝก วาดหองตางๆ ภายในบา น เชน หอ งนอน หองครวั 1 จนิ ตนาการ การเขียนภาพตามจนิ ตนาการจะทาํ ไดดี กต็ อ เมอื่ ผเู ขยี นภาพ หองน่ังเลน แบบ 1 จดุ รวมสายตา ทง้ั น้นี ักเรียนจะวาดเปนภาพลายเสน เปน คนชา งสงั เกต รจู กั คดิ วเิ คราะห แยกแยะสง่ิ ตา งๆ ทต่ี อ งการนาํ เสนอ โดยนาํ มา หรือภาพวาดระบายสกี ไ็ ด โดยทําลงกระดาษวาดเขยี น สงครผู สู อน เชือ่ มโยงกบั ประสบการณทางศิลปะซึง่ หมายถึงประสบการณดา นการฝก ปฏิบัติและ ประสบการณจ ากการศึกษาผลงานศิลปะทวั่ ๆ ไป จึงจะสามารถสรางผลงานศลิ ปะ ใหแปลกแตกตางไปจากทเี่ คยพบเห็นได ดงั นนั้ การสรางสรรคผลงานศลิ ปะท่ีเกดิ จากพื้นฐานประสบการณเ มอื่ นําไปเช่ือมโยงกบั ความนึกคดิ และจนิ ตนาการก็จะ เกดิ เปน ผลงานในรูปแบบใหมๆ ทน่ี าสนใจ คูมอื ครู 57
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครถู ามนักเรียนวา ๓. วธิ ีวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพ • นกั เรยี นคนใดเคยมปี ระสบการณวาดภาพ การวาดภาพทแี่ สดงทศั นยี ภาพมวี ธิ กี ารวาดหลายแบบ สา� หรบั ในระดบั ชน้ั นเ้ี ปน็ การเรยี นรวู้ ธิ กี ารเบอ้ื งตน้ แสดงทศั นียภาพบา ง • นักเรียนคดิ วา ทศั นธาตใุ ดมีความสําคญั เพื่อจะได้น�าไปใชป้ ระโยชน์ในการวาดภาพระบายสภี าพวัตถ ุ หรอื ภาพทวิ ทัศน์ตอ่ ไป ดงั น้ี ๓.๑ กวธิ านี ร้ีใวชา้วดิธภีกาารพมทองัศแนบยีบภจุดารพวแมบสาบยจตุดาเ ห1ดรียอื วจดุ ลบั ตาเพยี งจดุ เดียวในการวาดภาพ โดยมขี นั้ ตอนในการวาด ตอ การวาดภาพแสดงทัศนียภาพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยา งอิสระ ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา ทศั นธาตทุ ุกชนดิ มี ความสําคัญตอ การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ ดงั ต่อไปน้ี ทงั้ เสน จดุ นา้ํ หนกั ออ น-แกข องแสงเงา และส)ี ถามีครูอาจใหน ักเรยี นท่มี ีประสบการณ ในการวาดภาพออกมาสาธติ การรางภาพใหเ พ่อื นๆ ในช้นั เรียนดู สาํ รวจคน หา Explore ใหนกั เรียนศึกษา คน ควา เกี่ยวกับวิธวี าดภาพ ขัน้ ที่ ๑ ขน้ั ท่ี ๒ แสดงทศั นยี ภาพ จากแหลงเรยี นรูตางๆ เชน ลากเสน้ ตรงจากมมุ บนทง้ั ๒ ของภาพให้ทา� มุมกบั หนังสอื เรียน หองสมดุ อินเทอรเ นต็ เปนตน ล ูกรบ่าาศงรกูป์ 2ทรงทั่วไปของด้านหน้ากล่องสี่เหล่ียม เส้นขอบบน โดยให้เส้นตรงท้ัง ๒ ไปตัดกันจนเกิด จดุ ตดั เหนอื บรเิ วณภาพ ขน้ั ท่ี ๓ ข้ันที่ ๔ ลากเส้นขนานกบั ขอบบนผ่านจุดตัดนนั้ โดยสมมติ ลากเส้นขนานระหว่างเส้นระดับสายตาและขอบ ให้เป็นเสน้ ระดับสายตาและจดุ ตัด คอื จุดรวมสายตา ดา้ นบนของลูกบาศก์ จะเหน็ พน้ื ผวิ ด้านบนของกลอ่ ง ถ้าตัดเส้นขอบทุกเส้นของกล่องให้ชัดเจน เราจะได้ ภาพแสดงทศั นียภาพแบบจุดเดียวทส่ี มบูรณ์ 58 นกั เรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ภาพทิวทศั นท ีแ่ สดงความลึกของภาพควรเขยี นเสน ทศั นยี ภาพใหมี 1 จดุ รวมสายตา การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพแบบกาํ หนดจุดรวมสายตา จดุ รวมสายตากจี่ ดุ เปน พืน้ ฐานของการศกึ ษางานออกแบบตกแตง ภายใน และเปนพืน้ ฐานของ 1. 1 จุด การเขียนแบบสถาปต ยกรรมดว ย เชน ลักษณะของหองในอาคาร เครือ่ งเรอื น 2. 2 จดุ ตู โตะ เกาอ้ี เตียง เปนตน 3. 3 จุด 2 ส่ีเหล่ยี มลกู บาศก ทรงลกู บาศกส ามารถเรียกไดในช่ืออื่นๆ เชน ทรงสี่เหลย่ี ม 4. 4 จดุ จัตุรัส ปริซึมสเ่ี หลีย่ มจตั ุรสั เปน ตน โดยลกู บาศกจ ะเปน ทรงส่ีเหลย่ี มมุมฉาก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพทวิ ทศั นท แ่ี สดงความลกึ ของภาพ ทสี่ ามารถคํานวณหาปรมิ าตรได ดงั นี้ ลูกบาศกทม่ี คี วามกวา ง 1 เซนตเิ มตร ควรเขียนเสน ทัศนยี ภาพใหม จี ุดรวมสายตาเพยี ง 1 จดุ เพราะการวาดภาพ ความยาว 1 เซนติเมตร และความสูง (หนา) 1 เซนติเมตร จะมปี รมิ าตรเทา กับ ทัศนียภาพแบบ 1 จดุ รวมสายตา จะแสดงภาพทีม่ องเห็นดา นหนา วตั ถุ 1 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร วางขนานกบั เสน ระดับตาหรือเสน ขอบฟา โดยวัตถุทไี่ กลออกไปจะคอยๆ เล็กและลกึ ลงไปรวมกนั ท่จี ดุ รวมสายตา เชน ภาพถนนและตน ไม ภาพถนน และตึกรามบา นชอ ง เปนตน 58 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ขัน้ ตอนการวาดภาพภายในกล่องทา� ต่อเนอื่ งจากข้ันท ี่ ๓ ดังนี้ ครูสมุ ตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหอ อกมา อธิบายวิธีวาดภาพแสดงทศั นียภาพตามท่ีไดศ ึกษา ขั้นที่ ๑ ข้นั ที่ ๒ ข้นั ที่ ๓ มา หนา ชนั้ เรียน จากน้นั ครูถามนกั เรยี นวา ให้ลากเส้นร่างจากมุมล่าง ลากเส้นด่ิงจากมุมบนทั้ง ๒ ลากเส้นนอนเชื่อมมุมด้านล่าง ทงั้ ๒ ของภาพไปยงั จดุ รวมสายตา ด ้ า น ห ลั ง ใ ห ้ ตั ด กั บ เ ส ้ น ท่ี ล า ก ทางซ้ายและขวาของพื้นท่ีด้าน • การวาดภาพตามหลักทศั นียภาพมีกแี่ บบ ด้านบน ในข้ันที่ ๑ จะเห็นภาพด้านกว้าง หลงั จะได้พื้นของผนังกล่องด้าน อะไรบา ง ของผนังกล่องดา้ นหลัง ล่าง และได้ภาพทัศนียภาพแบบ (แนวตอบ การวาดภาพตามหลกั ทศั นยี ภาพ จุดเดียวภายในกล่องทสี่ มบูรณ์ (Perspective) มี 3 แบบ คอื • แบบจดุ เดยี ว (One Point Perspective) ๓.๒ การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพแบบ ๒ จุด หรอื แบบจุดรวมสายตา ภาพแสดง ทัศนยี ภาพท่ีมแี นวเสน ระดบั ดา นหนา ในการวาดภาพทัศนียภาพแบบจุดเดียว ความสูงและความกว้างของวัตถุที่วาดจะขนานไปกับระนาบ ขนานกับเสน ระดบั ตา สวนดานลกึ จะไป รวมกันที่จดุ รวมสายตา ซงึ่ ตงั้ อยูบนเสน ของภาพ สว่ นการวาดภาพทศั นยี ภาพแบบ ๒ จดุ จะมเี ฉพาะความสงู เทา่ นนั้ ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ ส1ว่ นบรเิ วณ ระดับตา ด้านข้างของภาพจะมองเห2็นลึกเข้าไปในภาพ ซึ่งในการวาดภาพจะต้องเพ่ิมเส้นต่อ และจุดรวมสายตาอีกชุดหน่ึง • แบบ 2 จุด (Two Point Perspective) คอื ภาพแสดงทัศนียภาพท่ีมีเสน แนว ให้อยู่บนเส้นระดับสายตาเดียวกัน การเล่ือนให้ใกล้กันหรือห่างออกของจุดรวมสายตาท้ัง ๒ จะส่งผลให้มองเห็น ระดบั ท้ังดานหนา และดานขางไปรวมตรง ด้านขา้ งนอ้ ยลง หรือมากขน้ึ ตามลา� ดับ ซ่ึงบรเิ วณดา้ นขา้ งทง้ั ๒ อาจไม่จา� เป็นตอ้ งมองเหน็ องคป์ ระกอบของภาพ จดุ รวมสายตา ซึ่งอยดู านซา ยและขวา เทา่ กนั ก็ได้ ทัง้ นี้ ก่อนจะลงมือวาดภาพจรงิ ต้องใชว้ ธิ ีทดลองรา่ งภาพ เพ่อื สงั เกตวา่ ด้านข้างตา� แหน่งใดท่เี รามองเห็น • แบบ 3 จดุ (Three Point Perspective) องคป์ ระกอบของภาพไดด้ ีที่สุด คอื ภาพแสดงทัศนียภาพทค่ี ลายกบั แบบ ในกรณีทมี่ กี ารก�าหนดให้เส้นระดับสายตาอยสู่ ูงกวา่ กล่อง ก็จะได้ทัศนียภาพของกล่องอีกแบบหนึ่ง จดุ รวมสายตา 2 จดุ แตเพม่ิ การมอง จดุ รวมสายตาจากจดุ ท่ี 3 ตรงตามแนวดง่ิ ● เสน้ ระดบั สายตา ● จุดรวมสายตาท่ี 3 ดภู าพไดเ มอ่ื อยูท้ัง ดา นบนและดา นลางของเสน ระดบั ตา จุดรวมสายตา จุดรวมสายตา ทั้งน้ีในระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 นี้ นักเรียนจะไดเรียนรเู ก่ยี วกบั วธิ วี าดภาพ 5๙ แสดงทศั นียภาพเพยี ง 2 แบบ คือ แบบจุดเดยี วและแบบสองจุด) • วิธีวาดภาพแบบจดุ เดยี วกับแบบสองจุด แตกตางกนั อยางไร (แนวตอบ การวาดภาพทัศนียภาพแบบ จุดเดียว ความสงู และความกวา งของวัตถุที่ วาดจะขนานไปกบั ระนาบของภาพ สว นการ วาดภาพทศั นยี ภาพแบบสองจดุ จะมเี ฉพาะ ความสงู เทา นน้ั ทข่ี นานไปกบั ระนาบของภาพ) แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู การวาดแบบ 2 จุดรวมสายตา คอื การมองวัตถอุ ยางไร ครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั “วิวตานก” (bird’s eye view) เปน การสรางภาพลวง 1. มองวัตถุทม่ี มุ ใดมุมหนึง่ ทีอ่ ยใู กลทสี่ ุด ใหร ูสึกหนาหรือลึกดวยวิธีทศั นมติ ิเชงิ เสนจากมุมมองดานบนลงสดู านลา ง ภาพท่ี 2. มองวตั ถุที่ดานหนา ของวัตถทุ ี่อยใู กลทส่ี ดุ ปรากฏประหน่ึงวา ผดู กู ม มองจากทส่ี งู ในลักษณะที่เห็นกวางไกล และ “วิวตาหนอน” 3. มองวัตถจุ ากดา นบนของวตั ถุ (worm’s eye view) เปน การสรางภาพลวงใหร สู ึกหนาหรือลกึ โดยใชว ิธีทศั นมิติ 4. มองวตั ถทุ ่ดี า นขา งดานใดก็ได เชงิ เสน จากมุมมองดา นลา งขนึ้ สูดา นบน ภาพที่ปรากฏประหนง่ึ วาผดู แู หงนมอง อาคารหรอื รปู ทรงตา งๆ จากพื้นข้ึนสูเบ้ืองบน วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการวาดภาพแสดงทศั นียภาพแบบ นักเรยี นควรรู 2 จุด เปนการมองเห็นวัตถุทีม่ ุมของวัตถุเพียงดานใดดานหนงึ่ ซึ่งดานทีอ่ ยู ใกลส ายตา วตั ถุจะมขี นาดใหญกวา แลวคอ ยๆ เรยี วแคบลงไปทางดานขาง 1 จุดรวมสายตา คอื จุดท่ีเสนขนานบนระนาบเดียวกัน ขนานกนั ตอ ออกไปทาง ทง้ั 2 ดา น ทาํ ใหเ ม่ือมองแลว วัตถจุ ะมมี ิตทิ ใ่ี กลเคยี งกับความเปนจริงตาม ดานหนึง่ แลวไปบรรจบกันเปน จุดแหงใดแหงหน่งึ บนเสน ระดบั สายตา ธรรมชาติ 2 เสน ระดบั สายตา คอื เสนนอนท่ีขนานไปกบั พนื้ ดนิ และตงั้ ฉากกบั แผน ภาพ เสน ระดับสายตาน้จี ะสงู ตาํ่ จากระดบั พน้ื เทาใดขนึ้ อยูก ับระดับสายตาของผดู วู า ตง้ั อยู ณ ตําแหนงใด คูมือครู 59
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครนู ําภาพวาดทวิ ทัศนแ สดงทัศนียภาพ เชน ๔. การวาดภาพทิวทัศนแ์ ละภาพคนทแี่ สดงทศั นยี ภาพ ภาพวาดตน ไมร มิ ทาง ภาพวาดทอ งถนนทม่ี เี สาไฟฟา โยงไปมา ภาพวาดคนที่แสดงทศั นยี ภาพ เปนตน ๔.๑ การวาดภาพทิวทศั นท์ ่ีแสดงทัศนียภาพ มาใหน ักเรียนดู จากน้ันครถู ามนักเรยี นวา การวาดภาพทวิ ทศั น์ของส่ิงท่ีมีขนาดเท่ากนั และมรี ะยะห่างเทา่ ๆ กัน เช่น เสาไฟฟ้า เสารวั้ ตน้ ไมร้ ิมทาง • ภาพวาดท้ังสองแบบมีหลักการวาดที่เหมอื น หมอนรองรางรถไฟ เปน็ ต้น จะใชห้ ลักในการวาด ดงั นี้ หรือแตกตา งกนั (แนวตอบ นักเรียนตอบไดอ ยา งอิสระ ขั้นที่ ๑ ให้เริ่มจากการลากเส้นนอนเป็นเส้น เส้นระดบั สายตา ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมเกย่ี วกับวธิ กี ารวาดภาพ ระดับสายตา ก�าหนดจุดรวมสายตาบนเส้นนั้น จุดรวมสายตา ทิวทศั นท่ีแสดงทศั นยี ภาพและวธิ กี าร ทางขวามือ ซึ่งมองดูแล้วบรรดาเสาท้ังหมดจะ วาดภาพคนทีแ่ สดงทัศนียภาพ) ว่ิงไปหา จากนั้นลากเส้นด่ิงโดยสมมติให้เป็น เสาตน้ แรกไว้ในตา� แหนง่ ทต่ี อ้ งการ สาํ รวจคน หา Explore ข้นั ที่ ๒ ลากเส้นร่างจากโคนเสาและยอดเสา ต้นแรกไปยังจุดรวมสายตา โดยใช้เส้นร่างท้ัง ๒ ใหนักเรียนศึกษา คนควาเก่ยี วกบั การวาด เป็นแนวความสูงของเสาทุกต้นที่จะวาดต่อไป เสน้ ระดับสายตา ภาพทวิ ทัศนและภาพคนทแี่ สดงทศั นยี ภาพ ใช้การวัดด้วยสายตา คาดคะเนระยะห่างของ จุดรวมสายตา จากแหลงเรียนรตู างๆ เชน หนงั สอื เรยี น หอ งสมดุ เสาต้นท่ี ๒ กบั เสาต้นแรก แล้วลากเสน้ ด่งิ แทน อนิ เทอรเน็ต เปนตน เสาต้นท่ ี ๒ ณ ตา� แหน่ง ท่ีคาดคะเนไว้ เส้นระดับสายตา ขน้ั ที่ ๓ หาจดุ ก่งึ กลางของเสาตน้ แรก ลากเส้น จุดรวมสายตา ร่างจากจุดน้ันไปยังจุดรวมสายตา ซ่ึงเส้นน้ี จะตัดเสาต้นที ่ ๒ ที่จุดกงึ่ กลางเสา เชน่ เดยี วกัน ขน้ั ท่ี ๔ ลากเส้นร่างจากยอดเสาต้นแรกผ่าน เส้นระดับสายตา จดุ กงึ่ กลางของเสาตน้ ท ี่ ๒ มาตดั เสน้ ฐานดา้ นลา่ ง จดุ รวมสายตา ซ่ึงจุดตัดนี้จะเป็นต�าแหน่งของโคนเสาต้นถัดไป ลากเส้นด่ิงจากฐานเสานั้นข้ึนไปตัดเส้นยอดเสา เสน้ ระดบั สายตา จะไดเ้ ป็นเสาตน้ ที่ ๓ จุดรวมสายตา ข้นั ที่ ๕ ใช้วิธีการเดียวกันนี้ซ้�าๆ จนกว่าจะได้ เสาทเ่ี หลือทง้ั หมด 60 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET วตั ถุท่ีอยูใกลจ ุดรวมสายตาควรมีลักษณะอยา งไร ครเู นน ยา้ํ เกย่ี วกบั ขั้นตอนของการวาดภาพทิวทศั นวา มขี น้ั ตอน ดังน้ี แนวตอบ จดุ รวมสายตาถือเปนจดุ ทอี่ ยูหา งจากมุมมองทีเ่ รากําหนด 1. สรางความประทบั ใจในธรรมชาติ กอ นวาดภาพทวิ ทัศนค วรเลือกทศั นยี ภาพ มากทสี่ ดุ หรือไกลสดุ ดงั นั้น วัตถุ คน ส่งิ ของทีอ่ ยูใกลจุดรวมสายตา จงึ มีขนาดเลก็ มรี ายละเอียดไมช ัดเจน หรอื ถา เขียนบรรยากาศก็จะมสี ภาพ ที่เราชอบ เพราะความชอบจะสรางแรงบนั ดาลใจเปนพลังท่ีทาํ ใหเรา เบาบาง ไมช ัด มัวๆ ตวั อยางเชน รถยนตท ีอ่ ยูใกลจุดรวมสายตา เราอาจจะ สรางสรรคง านไดด ีกวาการวาดภาพทไ่ี มช อบ รูเ พียงวาเปน รถยนต แตค งไมร วู าเปนรถแบบใด มสี อี ะไร หรอื มีลักษณะ 2. วิเคราะหภาพทวิ ทศั น โดยใชส ายตามอง คิด และวิเคราะหรายละเอียด อยางไร ซึ่งในการวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ ส่ิงที่อยูใกลสายตาของเรา ของภาพทิวทศั นทจ่ี ะวาด วา มรี ปู ราง สดั สวน ลกั ษณะผวิ แสง สี จะมขี นาดใหญ คมชัด เห็นรายละเอยี ดมาก ซ่งึ จะมลี กั ษณะตรงกันขา มกบั และชองวา งเชนไร ซง่ึ ภาพทเ่ี หมาะแกการวาดควรจะมรี ายละเอียดที่ชัดเจน สิง่ ทอ่ี ยใู กลจดุ รวมสายตา เมอ่ื วิเคราะหแลวก็ฝก วาดแบบรา งกอนหลายๆ คร้งั 3. เลือกมุมมองและจดั ภาพ การเลือกมุมมองของภาพสําคญั มาก ซึ่งเรา สามารถหามุมทดี่ ีได โดยการสรา งกรอบสนามภาพดวยกระดาษแขง็ ตัดเปน ชอ งส่ีเหลีย่ มตรงกลาง กวา ง 2 นิ้ว x ยาว 3 นิ้ว หรอื ปรับขนาด ตามความเหมาะสม เพือ่ กําหนดกรอบบรเิ วณท่จี ะเขียนภาพ จะไดไมเขียนภาพท่กี วางใหญเกนิ ไป 60 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เกร็ดศิลป การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมอื นจรงิ ครใู หน ักเรยี นเขยี นสรุปวธิ ีวาดภาพทวิ ทัศน ทแ่ี สดงทศั นียภาพและวธิ วี าดภาพคนทแี่ สดง การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจรงิ หมายถึง การวาดภาพจากสงิ่ ต่างๆ ทม่ี ี ทัศนยี ภาพ ลงสมุดบนั ทึก สงครผู ูส อน จากนน้ั ครู อยู่ในธรรมชาติรอบตวั เรา ตามทสี่ ายตามองเหน็ น�ามาเปน็ แบบหรอื หนุ่ สิง่ ต่างๆ ถามนักเรียนวา ที่มองเห็นน้นั จะประกอบไปดว้ ยรูปรา่ ง รปู ทรง ขนาด สัดส่วน แสงเงา และสพี ้นื ส่วนประกอบดังกล่าวมีความส�าคัญในการวาดภาพให้เหมือนจริง เพราะภาพที่ • การวาดภาพทิวทศั นแ บบเหมือนจรงิ วาดจะแสดงขนาด ปรมิ าตร และแสดงระยะใกล้-ไกลได ้ ภาพจะดมู คี วามลึก เชน่ สงิ่ สําคัญทีค่ วรคํานงึ ถึงคอื ส่ิงใด การวาดภาพตน้ ไมใ้ นระยะใกลย้ อ่ มมขี นาดใหญก่ วา่ มนี า้� หนกั ส ี หรอื แสงเงาเขม้ กวา่ (แนวตอบ การวาดภาพทวิ ทศั นแ บบเหมอื นจรงิ มรี ายละเอยี ดชัดเจนกว่าภาพต้นไมใ้ นระยะไกลออกไป เปน็ ตน้ ตามส่งิ ท่มี อี ยูในธรรมชาติรอบตวั เราตามที่ การวาดภาพตามแบบ หรอื เหมือนจริง นอกจากส่ิงท่ีต้องคา� นึงถึงด้านรปู รา่ ง สายตามองเห็น จะตอ งคาํ นงึ ถงึ องคป ระกอบ รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสันตามท่ีสังเกตเห็นแล้ว สิ่งส�าคัญอีกประการหน่ึงคือ ดา นรปู ราง รูปทรง ขนาด สัดสวน แสงเงา ต้องวาดภาพแสดงน�้าหนักของแสงเงาให้ถูกต้องด้วย น้�าหนักของแสงเงาบนวัตถุ และสพี น้ื ซงึ่ มคี วามสําคญั อยางมาก เกดิ จากการทแี่ สงเงามาตกกระทบ แสงอาจสอ่ งมาจากดา้ นใดดา้ นหนงึ่ หรอื พรอ้ มกนั ในการวาดภาพใหเ หมือนจรงิ เพราะภาพ หลายด้านก็ได้ ถ้าแสงที่ตกกระทบวัตถุมีความสว่างมากก็จะเกิดเงามืดเข้มมาก ท่ีวาดออกมาจะเห็นขนาด ปรมิ าตร และ จะเห็นวัตถุเด่นชัด ถ้าแสงที่ตกกระทบวัตถุมีความสว่างน้อย เงาของวัตถุก็จะ แสดงระยะไกลใกลไ ด ภาพจะดูมคี วามลึก ไม่เขม้ วตั ถจุ ะไมเ่ ดน่ ชดั นัก แสงและเงาในภาพจะแสดงให้เหน็ ความลึก ความนนู และมีรายละเอยี ดที่ชดั เจน) และลกั ษณะของวตั ถชุ ่วยท�าใหด้ ูคลา้ ยของจรงิ “ล่นั ทมบนเขาวัง” ภาพวาดทวิ ทัศนธรรมชาตแิ บบเหมือนจริง เทคนิคการวาดภาพด้วยสอี ะคริลิกบนผ้าใบ ผลงานของ ไพรวลั ย ดาเกลย้ี ง 6๑ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด บูรณาการอาเซียน ขอใดเปนสงิ่ ท่พี งึ ปฏิบัตใิ นการวาดภาพเหมือนจรงิ จากการศกึ ษาเกยี่ วกับการวาดภาพทวิ ทศั นท แ่ี สดงทศั นียภาพและการวาดภาพ 1. กําหนดสดั สว นวตั ถขุ นึ้ ใหม คนท่แี สดงทัศนยี ภาพสามารถบรู ณาการความรกู ับเรือ่ งราวของอาเซยี นได โดยครู 2. ระบายสใี หสดใสเทาของจริง นําภาพสถานท่ีสาํ คัญๆ ของประเทศกลมุ สมาชิกอาเซียนมาเปน แบบใหน ักเรียน 3. แสดงแสงเงาใหถ กู ตอ งตามจริง วาดภาพตามแบบ เชน นครวัดของกมั พชู า เจดียชะเวดากองของเมียนมา 4. ใสรายละเอยี ดทกุ อยางลงในภาพ สถปู บุโรพทุ โธของอินโดนีเซยี เปน ตน นอกจากจะเปน การฝก ฝมือของนักเรียนแลว ยังทําใหน ักเรียนไดเรยี นรูโ บราณสถาน หรือสถานทีส่ าํ คญั ๆ ของประเทศเพื่อนบา น วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การวาดภาพตามแบบหรอื เหมือนจริง อกี ดวย ผวู าดตอ งคาํ นงึ ถงึ แสงเงาและแสดงใหถ กู ตอ งตามจริง เพ่ือใหว ตั ถมุ ีมิติ มุม IT ความตืน้ ความลึก ความนูน ทําใหภาพดูแลว เกดิ ความนาประทับใจ นักเรียนสามารถดูตัวอยา งการวาดภาพทวิ ทัศน ไดจ าก www.youtube.com โดยคนหาจากคาํ วา การระบายสนี า้ํ มนั ภาพทิวทศั น หรอื สาธิตการเขียนภาพ ทวิ ทศั น คมู อื ครู 61
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ครูสาธติ การวาดภาพทวิ ทัศนที่แสดงทศั นยี ภาพ ๔.๒ การวาดภาพคนที่แสดงทศั นียภาพ และภาพคนทแ่ี สดงทศั นียภาพใหนกั เรียนดู แลวให นักเรียนปฏิบตั ิตาม โดยทําลงกระดาษ 100 ปอนด ภาพของคนเมื่ออยู่ในระยะที่ห่างออกมาจะมีขนาดเล็กลงไปเร่ือยๆ แต่ถ้าภาพน้ันมีคนหลายคนยืนอยู่ จากน้ันนาํ ผลงานสง ครูผูสอน ในพื้นระนาบของภาพตามต�าแหนง่ ตา่ งๆ ผ้วู าดจะต้องจดั สดั สว่ นให้ถกู ต้องเม่อื เทยี บกับจ�านวนคนในภาพ เพื่อใหด้ ู สอดคลอ้ งกัน ซึ่งมีวธิ ีในการวาด ดังน้ี ขน้ั ที่ ๑ ล ากเส้นนอนเป็นเส้นระดับสายตา ก�าหนดจุดรวมสายตาให้อยู่ทางด้านซ้ายมือ ใช้เส้นดิ่งเป็น ตัวกา� หนดความสงู ของคนภาพแรก จากนนั้ ร่างภาพคนเบาๆ จุดรวมสายตา เส้นระดบั สายตา ● ขัน้ ที่ ๒ ลากเสน้ จากสว่ นบนสดุ และล่างสุดของเสน้ แทนความสูงของคนกลบั ไปยังจุดรวมสายตา จดุ รวมสายตา เสน้ ระดบั สายตา ● ขัน้ ที่ ๓ ใ ช้ภาพของคนแรกและเส้นระดับสายตาเป็นแนวทางในการวาดภาพคนอ่ืนๆ ที่ยืนอยู่ในต�าแหน่ง ต่างๆ กัน โดยมีระยะห่างระหว่างเส้นแนวบนและล่างเป็นตัวก�าหนดความสูงของภาพคนอ่ืนๆ ที่เหลอื จดุ รวมสายตา เสน้ ระดับสายตา ● 6๒ เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดบอกหลักการวาดภาพคนท่ีแสดงทศั นยี ภาพไดถ กู ตอ ง ครสู รุปเกย่ี วกบั ลกั ษณะของภาพวาดแสดงทศั นียภาพวา มีลกั ษณะท่สี ําคัญ ดงั นี้ 1. คนท่ีอยูใ กลต อ งวาดใหช ดั 1. วตั ถุ หรือสง่ิ ของที่มขี นาดเทากันเม่ืออยูไกลตัวออกไปจะมขี นาดเล็กลง 2. ใหมีจุดนาํ สายตาหลายจดุ 2. ระยะทีเ่ ทากันเม่ืออยไู กลตวั ออกไปจะมีระยะทถ่ี ข่ี น้ึ เร่อื ยๆ จนรวมเปน 3. บรรยากาศท่ีอยูไกลใหมสี ีสดใส 4. สัดสว นไมจาํ เปนตอ งเหมือนจรงิ จุดเดยี วกนั วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การวาดภาพคนทแี่ สดงทศั นยี ภาพ ไมว า 3. เสน หรือส่งิ ของทค่ี ูข นานกันเมอื่ ไกลออกไปจะพงุ เขาหากัน คน วตั ถุ ระยะ แสงเงา รูปรา ง รูปทรง จะตอ งใหใกลเคยี ง มีขนาดสัดสว น 4. วัตถุ หรอื สงิ่ ของตางๆ เมอ่ื อยูไกลตัวออกไป จะมรี ายละเอยี ดและ ถกู ตอ งตามความเปน จรงิ เชน คนท่อี ยใู กลตองมขี นาดใหญกวาคนท่ีอยูไ กล และลดหลัน่ กนั ลงไป จนถึงจุดรวมสายตาที่มีขนาดเลก็ จนมองเห็นเปนจุด ความชัดเจนลดลงไปตามลําดบั 62 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Engage Explore Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ õ. การกÓËนดàงา¢Íงวัต¶Ø 1 ครูใหนกั เรยี นดูภาพ “แสงสุวรรณภมู ิ (วดั ระฆังโฆษติ าราม) และแสงสวุ รรณภูมิ เมอ่ื มแี หลง่ กา� เนดิ แสง กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ เงาของวตั ถทุ เี่ กดิ จากจดุ รวมสายตาเดยี วกนั โดยจดุ รวมสายตาจะอยู่ (วัดพระศรรี ัตนศาสดาราม)” ผลงานภาพพมิ พของ ปรีชา เถาทอง หรอื ภาพงานทศั นศิลปท ีเ่ นน ใต้แหล่งก�าเนดิ แสงในแนวดง่ิ บนพื้นผวิ ที่วัตถวุ างอยพู่ อดี โดยแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงไปกระทบกบั วัตถุทขี่ วางกน้ั ความสาํ คัญของแสงเงาของวัตถุ จากนนั้ ให นักเรยี นรว มกันแสดงความรูสกึ ท่มี ตี อ ผลงาน อยู่ วตั ถุจะขวางแสงไม่ให้เดินทางต่อไปได้ ทา� ใหเ้ กิดเงาขน้ึ ซึ่งเงาแต่ละเงาจะมีรูปรา่ งตามวัตถุน้นั ๆ โดยความยาว ท้ังสองอยางอสิ ระ โดยครเู นน ยาํ้ เกยี่ วกบั การใช แสงเงาของศิลปน ของเงา วัตถุที่ตกทอดบนพื้นผิวจะแตกต่างกันไปข้ึนอยู่กับต�าแหน่งของแหล่งก�าเนิดแสง ถ้าแหล่งก�าเนิดแสงอยู่ เหนอื วตั ถมุ าก เงาก็จะยง่ิ หดส้นั มาก แหลง่ กา� เนิดแสง สาํ รวจคน หา Explore ใหน ักเรียนศกึ ษา คน ควาเกยี่ วกับการกําหนด เงาของวัตถุ จากแหลง เรียนรูต างๆ เชน หนังสอื เรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปน ตน อธบิ ายความรู Explain เส้นระดบั สายตา ใหน ักเรยี นรวมกันอภิปรายเกี่ยวกบั การกําหนดเงาของวตั ถุ แลว สรปุ ผลการอภปิ ราย ลงสมดุ บันทึก จากนัน้ ครูถามนักเรียนวา • เงาในทางศิลปะมีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ เงาเปนสว นหนงึ่ ทท่ี ําใหภ าพวาด มคี วามสมบูรณ ทําใหภ าพคลายของจรงิ คือ มคี วามหนา ความลึกในระดบั ตา งๆ) 63 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู คาน้าํ หนกั ของเงา มีความสําคัญอยา งไร ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมเกี่ยวกบั แสงและเงา โดยครูอธบิ ายวา เมือ่ แสงสอ งกระทบกับ แนวตอบ คา นํา้ หนกั ของเงา มคี วามสําคญั ดงั น้ี วตั ถจุ ะทําใหเกิดเงา แสงและเงาเปนตวั กาํ หนดระดับของคา น้ําหนกั ความเขม ของเงาจะขน้ึ อยูก บั ความเขม ของแสง ในทท่ี ม่ี ีแสงสวา งมากเงาจะเขม ข้นึ และ 1. ใหความแตกตา งระหวา งรูปและพ้นื หรอื รูปทรงกับทวี่ าง ในท่ีทมี่ ีแสงสวางนอย เงาจะไมชัดเจน และในทีท่ ีไ่ มม แี สงสวางจะไมมีเงา โดยเงา 2. ใหค วามรสู ึกเคล่อื นไหว จะอยใู นทางตรงขามกับแสงเสมอ การศึกษาเกยี่ วกบั เงาของวตั ถุ ครอู าจพานกั เรียน 3. ใหค วามรูสึกเปน 2 มิติ แกร ปู รา ง และความเปน 3 มติ ิ ไปดเู งาของเสาธงหรอื วัตถุอ่นื ๆ ทส่ี ังเกตเงาไดง าย แลว ใหน ักเรียนเปรียบเทียบเงา ทเ่ี กิดขนึ้ ชวงเชากับตอนเที่ยงวนั วา แตกตา งกนั อยางไร แกรปู ทรง 4. ทําใหเ กิดระยะความตน้ื - ลกึ และระยะไกล-ใกลของภาพ นักเรยี นควรรู 5. ทําใหเ กดิ ความกลมกลนื ประสานกนั ของภาพ 1 เงาของวัตถุ บรเิ วณทเี่ งาของวัตถุนั้นๆ ทอดไปตามพ้ืนหรอื วัตถุอน่ื ทรี่ องรบั ซึ่งจะมนี ํา้ หนักแกก วาบริเวณแสงสะทอน เงาตกทอดท่ีจดั วา สวยงามในแงข องศิลปะ คอื เงาตกทอดทีเ่ กดิ จากตนกาํ เนิดของแสง ทาํ มุมกับพืน้ ราบประมาณ 45 องศา คมู อื ครู 63
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Engage E×pand Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ 1. ใหน กั เรยี นจับคกู นั วาดภาพแสดงทศั นียภาพ กจิ กรรม ศลิ ป์ปฏบิ ตั ิ ๕.๑ โดยอาจเปนภาพทวิ ทัศน หรือภาพคนกไ็ ด จากนั้นนาํ ผลงานสง ครูผูสอน กจิ กรรมท่ี ๑ ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการวาดภาพแสดงทัศนียภาพจากส่ิงแวดล้อมที่มีอยู่รอบตัว โดยเลือก ตามมุมมองของแตล่ ะคน 2. ใหนักเรียนนําขอมูลเก่ยี วกับหลักการวาดภาพ แสดงทัศนียภาพมารวมกนั จัดปายนิเทศ กจิ กรรมท่ี ๒ ให้นักเรียนทดลองหาเศษวัสดุท่ีมีในโรงเรียน เช่น ท่อนไม้ ก้อนหิน กะลามะพร้าว เป็นต้น โดยครูนาํ ผลงานภาพวาดแสดงทศั นยี ภาพของ มาวางกลางแดดแล้วสังเกตเงาที่เกิดบนตัววัตถุ และลักษณะของแสงเงาท่ีตกทอดบนพื้น นกั เรียนแตล ะคูม าจัดแสดงทีป่ า ยนเิ ทศดว ย จากนั้นทดลองรา่ งภาพลงน�้าหนักแสงเงาตามทมี่ องเหน็ ตรวจสอบผล Evaluate กจิ กรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปน้ี ๓.๑ เ พราะเหตุใดเราจงึ ต้องสร้างความลกึ ลวงตาขึ้นในภาพทีเ่ ราวาด และใหบ้ อกเทคนคิ ที่ใช้ 1. ครูพจิ ารณาจากผลงานภาพวาดแสดง ทัศนียภาพของนกั เรียน ในการสรา้ งความลึกลวงตามา ๒ วธิ ี ๓.๒ จงอธิบายหลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพมาพอสังเขป 2. ครูพิจารณาจากการจัดปายนิเทศเกยี่ วกบั ๓.๓ การจะวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพใหม้ ีผลงานดี ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร หลักการวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพของนักเรยี น โดยพิจารณาจากความถูกตองและ สรปุ การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพ เป็นวิธกี ารสรา้ งภาพให้มีระยะใกล้-ไกลเปน็ ๓ มติ ิ ให้ได้ภาพ ความสวยงาม ออกมาคล้ายคลึงกบั สงิ่ ท่ีตามองเห็น ทป่ี รากฏจรงิ ในโลก ๓ มิตทิ ี่เราอาศยั อยู่ การนำาหลักการวาดภาพ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู แสดงทัศนียภาพด้วยวิธีกำาหนดจุดรวมสายตา หรือใช้วิธีการทางศิลปะสร้างความลึกลวงตา มาใช้กับ การวาดภาพระบายสีวัตถุ หรือทิวทัศน์ จะทำาให้ภาพมีบรรยากาศของความใกล้-ไกล ต้ืนลึก เป็นมิติ 1. ผลงานภาพวาดทวิ ทัศนแ ละคนแสดงทัศนยี ภาพ ที่ให้ความรู้สึกและอารมณ์ทางสุนทรียะได้ดี โดยเฉพาะการวาดภาพเหมือนจริงด้วยแล้ว หลักการของ 2. ผลงานการจดั ปายนเิ ทศเกีย่ วกับหลกั การวาด การวาดภาพแบบทศั นียภาพนับว่ามคี วามเกย่ี วข้องและจำาเป็นอยา่ งมาก ภาพแสดงทัศนียภาพ 64 แนวตอบ กจิ กรรมศิลปป ฏบิ ัติ 5.1 กิจกรรมที่ 3 1. การสรางความลึกลวงตาแบบ 3 มติ ิ คือการทาํ ใหภาพวาดแสดงทศั นยี ภาพท่ีไดออกมามีความคลา ยคลึงกับส่ิงท่ตี ามองเห็น ท่ีปรากฏจรงิ ตามธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม มากท่ีสุด โดยใชท ศั นธาตแุ ละลกั ษณะทัศนธาตเุ ขาชวย เชน เสน ระนาบ นํ้าหนัก สี ขนาด ทศิ ทาง จังหวะ เปน ตน สวนเทคนิคของการสรา งความลกึ ลวงตาแบบ 3 มิติ มีอยูดวยกันหลากหลายเทคนคิ เชน การกําหนดขนาดและตําแหนงในแนวด่ิง การทับซอ นกัน เปนตน 2. หลกั การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ คือ การใชเ ทคนคิ การวาดภาพที่มีความลึกลวงตา เพือ่ สรางภาพแบบ 3 มิติ บนพื้นผวิ ระนาบ 2 มติ ิ เชน แผน กระดาษ ผนื ผาใบ ฝาผนัง เปนตน เพื่อใหภ าพที่ถา ยทอดออกมาจากมุมมองของเราดสู มจรงิ คลา ยคลึงกบั ภาพที่เหน็ จรงิ ดว ยสายตา 3. การวาดภาพแสดงทศั นียภาพใหไดผ ลงานท่ดี ี ผูวาดควรมคี วามรเู ก่ยี วกับเทคนิคตา งๆ ทใ่ี ชในการวาดภาพ โดยเฉพาะวิธกี ารสรางความลกึ ลวงตาแบบ 3 มติ ิ คือ การสรางภาพใหม ีระยะไกลใกลเ ปน 3 มิติ ซึ่งจะทาํ ใหภาพออกมาคลา ยคลึงกับทตี่ ามองเหน็ 64 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู รวบรวมงานปนหรือส่ือผสมมาสรางเปน เร่อื งราว 3 มิติ โดยเนน ความเปน เอกภาพ ความกลมกลืน และการสื่อถึงเร่อื งราวของงาน สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ รียนรู 3. มงุ มัน่ ในการทํางาน ๖หนว่ ยที่ กระตนุ ความสนใจ Engage งานปัน้ และงานสอื่ ผสม ครูใหนักเรียนดูตวั อยา งผลงานปน และงาน ผลงานปั้นและงานส่ือผสม เป็นผลงานทัศนศิลป์ที่มี ส่ือผสม แลว ใหนกั เรยี นรวมกนั แสดงความคิดเหน็ ตัวชีว้ ัด เกย่ี วกับลักษณะของงานปน และงานสอ่ื ผสมวา ศ ๑.๑ ม.๑/๔ รปู รา่ ง หรอื รปู ทรงแตกตา่ งไปจากผลงานประเภทจติ รกรรม การวาดภาพระบายสี และงานภาพพิมพ์ เน่ืองจากผลงาน • ผลงานทัศนศลิ ปท ัง้ สองแบบมลี กั ษณะ ■ รวบรวมงานปนั้ หรอื ส่อื ผสมมาสร้างเป็นเร่อื งราว ๓ มติ ิ ทง้ั ๒ ประเภทนีจ้ ะมีลกั ษณะของรปู ทรงเปน็ แบบ ๓ มติ ิ คือ แตกตางกนั อยางไร โดยเนน้ ความเปน็ เอกภาพ ความกลมกลืน และการสื่อ มีความกวา้ ง ความยาว และความสูง (หนา) ซง่ึ ผูช้ มสามารถ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น ถึงเรอื่ งราวของงาน จบั ตอ้ งและสมั ผสั ได้ มกี ารใชส้ อื่ วสั ดุ รวมทง้ั เทคนคิ วธิ กี ารตา่ งๆ ไดอ ยา งอสิ ระ ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมวา งานปน มาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานอีกด้วย จากลักษณะ หมายถงึ การนาํ เอาวสั ดทุ ม่ี เี นอ้ื ออ นทส่ี ามารถ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ดังกล่าวทำาให้ผลงานปั้นและงานส่ือผสมมีรูปแบบเฉพาะตัวท่ี รวมกันได หรือแบงแยกออกจากกนั ได แตกตา่ งจากผลงานทศั นศลิ ปป์ ระเภทอน่ื ๆ เชน ดนิ เหนยี ว ดินนํา้ มนั ข้ีผ้ึง มาตกแตง ■ เอกภาพ ความกลมกลืนของเร่ืองราวในงานปั้น หรือ ทําเปน รปู ทรงตางๆ ตามตองการ โดยใช งานสอ่ื ผสม วิธขี ยาํ บีบ นวด ตัด ขัด ขดู ปะ เปนตน สวนงานสือ่ ผสม หมายถงึ ศิลปะทม่ี ี 65 การผสมผสานสื่อทางศิลปะทม่ี ลี ักษณะ แตกตางกนั เชน การผสมกนั ระหวาง งานจติ รกรรม งานประตมิ ากรรม และงานภาพพมิ พ เปน ตน) เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนว ยการเรียนรูน้ี ครูควรนําผลงานประตมิ ากรรมและ ผลงานส่อื ผสมมาใหน ักเรียนดเู ปนตวั อยา ง แลวใหน กั เรยี นรว มกนั อภิปรายเก่ยี วกบั ลกั ษณะของผลงาน ความแตกตา งของผลงานทง้ั สองประเภท และการสอ่ื ถงึ เรอื่ งราว ของผลงานแตล ะชน้ิ เพือ่ ใหน กั เรยี นสามารถจาํ แนกผลงานทัศนศลิ ปประเภท งานปนและงานส่อื ผสมไดแ ละทาํ ใหเกดิ การรับรูท ด่ี ีมากย่ิงขนึ้ คูมอื ครู 65
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหนกั เรยี นดูภาพงานประตมิ ากรรม ñ. Å¡Ñ É³Ð¢Í§¼Å§Ò¹»œ¹˜ á1 ÅЧҹÊÍè× ¼ÊÁ แบบนนู ต่าํ “สมเด็จพระพนั วสาอัยยิกาเจา” ผลงาน ของศาสตราจารยศ ลิ ป พรี ะศรี และภาพผลงานสือ่ ผลงานป้นั และงานสอื่ ผสมมลี กั ษณะทสี่ า� คัญ ดงั ตอ่ ไปนี้ ผสมจากวสั ดุเหลือใช จากนน้ั ครูถามนักเรยี นวา ๑.๑ ลกั ษณะของผลงานปนั้ • นกั เรยี นชน่ื ชอบหรอื สนใจผลงานลกั ษณะใด มากกวา กัน เพราะเหตใุ ด ผลงานปั้น หมายถึง ผลงานทัศนศิลปท่ีเกิดขึ้นจาก (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยางอิสระ) การนา� เอาวสั ดทุ ีม่ ีเนอื้ ออ่ น เชน่ ขี้ผ้ึง ดินเหนยี ว ดนิ นา้� มนั เป็นต้น ท้งั นคี้ รสู ามารถนาํ ภาพตวั อยา งงาน ทส่ี ามารถเปลย่ี นรปู ไดม้ าผา่ นกระบวนการเพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ รปู ทรง ประตมิ ากรรมและงานส่ือผสมอนื่ ๆ มาใชเปน สือ่ ชนิดตา่ งๆ ตามต้องการ ไดแ้ ก่ รูปลอยตวั (Round Sculpture) ประกอบการเรียนการสอนไดต ามความเหมาะสม รูปนูนสงู (High Relief) และรูปนูนต�่า (Base Relief) สาํ รวจคน หา Explore ผลงานปนั้ ทง้ั ๓ ชนิด จะมีมิติ คือ ความกวา้ ง ความยาว และความหนาทีแ่ ตกต่างกัน อนั ที่จะท�าใหผ้ ลงานปั้นมลี กั ษณะ ใหน กั เรียนศึกษา คนควาเกย่ี วกับลกั ษณะของ ท่ีงดงาม นา่ สนใจ และมีความหลากหลาย โดยลักษณะดังกลา่ ว งานปน และงานสอื่ ผสม จากแหลงเรียนรูต างๆ เชน หนังสอื เรียน หองสมดุ อินเทอรเ นต็ เปน ตน ล้วนเป็นผลมาจากโครงสร้าง สัดส่วน พ้ืนผิว รวมท้ัง แสงเงาทตี่ กกระทบบนงานป้นั นั้นดว้ ย อธบิ ายความรู Explain 1. ใหนักเรยี นสรปุ ลกั ษณะของงานปนและ งานสือ่ ผสม ลงสมดุ บนั ทกึ สง ครผู สู อน 2. ใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยา งงาน ประตมิ ากรรมแบบนนู ตาํ่ แบบนูนสงู แบบลอยตัว ทนี่ ักเรยี นพบเห็นอยใู น ชีวติ ประจําวันมา 2-3 ผลงาน จากนน้ั ให นักเรียนรวมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั ลักษณะของ ผลงานท่ยี กตัวอยางมา “อนุสาวรยี แม่มา่ ยเมืองลับแล” ผลงานประติมากรรมลอยตัว ตงั้ อยบู่ ริเวณประตเู มอื งลับแล อาำ เภอลบั แล จงั หวัดอตุ รดิตถ์ 66 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอใดคือลกั ษณะสาํ คญั ของงานปน 1 ผลงานปน เปนงานท่ีศิลปนสามารถควบคมุ ไดท ้ังผิวนอกและผวิ ใน 1. การใชด ินเหนียวทําใหเ กดิ รูปทรง ของผลงาน ซ่ึงถาศลิ ปนไมพอใจก็สามารถปรบั แกแลว เรม่ิ กรรมวิธีใหมไดอ กี 2. การใชด นิ นํา้ มนั กดในแมพ ิมพ โดยงา ย จึงเปน งานที่อสิ ระจากขอ จํากัดตางๆ มากกวางานแกะสลกั และเม่ือได 3. การเทของเหลวลงในแมพมิ พ รปู ทรงทพ่ี อใจแลวก็อาจนาํ ไปหลอใหแ ข็งแรงตามกรรมวิธขี องงานหลอ ตอไปไดอีก 4. การเปลีย่ นรปู ทรงใหม ีลักษณะลอยตัว วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. งานปน เปน ผลงานทศั นศลิ ปท ี่เกดิ ขึ้น มมุ IT จากการนาํ วสั ดทุ ี่มเี นอ้ื ออ นอยา งดินเหนียวมาผา นกระบวนตางๆ เชน บบี นวด พอก ตัด ขูด ปะ จนทําใหเ กิดรูปทรงตา งๆ ซงึ่ ผลงานปน จะทาํ ให นกั เรยี นสามารถชมวิธกี ารสรางสรรคง านปน แนวตางๆ ไดจ าก เราเห็นผลงานมีลกั ษณะเปน 3 มติ ิ www.youtube.com โดยคนหาจากคาํ วา งานปน 66 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑.๒ ลกั ษณะของงานสอ่ื ผสม(1MixedMedia) ครูเชิญวทิ ยากรในทองถ่นิ ทีม่ ีความเชย่ี วชาญ ดา นงานปน หรอื งานสือ่ ผสมมาสาธิตการปน งานสอื่ ผสม หมายถึง ผลงานทศั นศิลปท ่ีเกดิ แบบตา งๆ หรอื งานสอ่ื ผสมใหนักเรียนดู เชน งานปนแบบลอยตัว งานปน แบบนูนสูง จากการน�าผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ งานภาพพิมพ เปนตน โดยครูเปดโอกาสให นกั เรยี นพดู คยุ ซกั ถามวทิ ยากรเกย่ี วกบั แรงบนั ดาลใจ หรอื จากการวาดเสน้ โดยใชว้ สั ดหุ ลายๆ แบบ เชน่ กระดาษ ในการสรางสรรคผลงานของวิทยากรอยางอสิ ระ ใหนักเรยี นทดลองสรางสรรคง านศิลปะตาม ไม้โลหะวสั ดตุ า่ งๆเปน็ ตน้ มาสรา้ งความผสมกลมกลนื ดว้ ย กระบวนการและคาํ แนะนําของวิทยากร จากนัน้ ครูถามนกั เรียนวา การสร้างสรรค์ จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นงานอย่างใด • นักเรยี นคดิ วา งานปน กับงานส่ือผสม อย่างหน่ึงโดยเฉพาะได้ หรือหมายถึงผลงานทัศนศิลป แตกตา งกันอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอสิ ระ ที่มีการผสมผสานกับส่ือท่ีเกี่ยวกับดนตรี ลีลาในการ ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ วา งานปน เปน ผลงาน ทัศนศลิ ปท่ีเกดิ ขึ้นจากการนําวสั ดุท่มี ี เคล่ือนไหว และส่ิงแวดล้อมต่างๆ โดยสามารถรับรู้ เนอื้ ออน เชน ดินเหนยี ว ดินนาํ้ มนั มาผาน กระบวนการตา งๆ จนเกิดเปน รูปทรง ความงามได้จากประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ของมนษุ ย์ ตามทีต่ องการ สว นงานส่ือผสม เปน ผลงาน ทศั นศิลปท ี่เกิดขึ้นจากการนาํ วัสดุ ผลงานปั้นและงานส่ือผสมเป็นผลงานทัศน- หลากหลายแบบ เชน กระดาษ ไม โลหะ ตางๆ มาผสมผสานดวยความคดิ สรา งสรรค ศิลปท่ีเราสามารถน�าเอาคุณสมบัติที่เป็นลักษณะเฉพาะ จนไมสามารถระบไุ ดวาเปน ผลงานทศั นศลิ ป อยางใดอยางหน่งึ โดยเฉพาะ) ของผลงานมาใช้ในการสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นรูปทรงใหม่ เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ทมี่ คี วามหลากหลายมากขน้ึ ประการ ส�าคัญคือ ผู้ท่ีสร้างสรรค์ผลงานต้องรู้จักใช้ความคิด สร้างสรรค์ และกล้าแสดงออกในการสร้างสรรค์ผลงาน งานส่ือผสมจากวัสดุเหลือใช้ ผลงานของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา จงั หวัดชลบรุ ี อย่างม่นั ใจในฝม อื และความสามารถของตนเอง ò. ËÅ¡Ñ ¡Òè´Ñ ·íҼŧҹ»˜œ¹ áÅЧҹÊÍ×è ¼ÊÁ ในระดับชั้นนี้นักเรียนควรจะได้ศึกษาตัวอย่าง ของการสรา้ งสรรค์ผลงานปัน้ และงานสื่อผสม เพอ่ื สร้าง ความเขา้ ใจเปน็ เบื้องตน้ ดงั นี้ ๒.๑ ผลงานป้นั สาํ รวจคน หา Explore วิธีการปั้น คือ การน�าเอาส่วนย่อยเพมิ่ เข้าไป เพ่ือให้ได้รูปทรงที่มีความละเอียดมากข้ึน โดยใช้วัสดุที่ ใหนกั เรยี นศึกษา คนควาเก่ยี วกับหลักการ จดั ทาํ ผลงานปน และงานสอ่ื ผสม จากแหลง เรียนรู มีคุณสมบัติเปลี่ยนสภาพได้ เช่น ดินเหนียว ดินน�้ามัน ตางๆ เชน หนังสอื เรียน หอ งสมดุ อินเทอรเ นต็ เปนตน ข้ีผึง้ เปน็ ต้น วัสดุบางชนดิ เมือ่ ปั้นเสรจ็ แลว้ มกั จะนา� ไป หล่อ หรอื เผาตามคุณสมบตั ขิ องวัสดนุ ้นั ๆ ดังนน้ั ผ้ปู ้ัน งานส่ือผสมแบบลอยตัว โดยใช้โลหะ ตะปู ประกอบลงบนรูปทรง จะต้องมีความรเู้ กี่ยวกบั วัสดแุ ละกรรมวธิ ีปฏบิ ตั ิงานจงึ จะ ผลงานของนสิ ติ มหาวทิ ยาลัยบูรพา จังหวดั ชลบรุ ี สามารถลงมอื ปฏิบตั ไิ ด้ ซง่ึ มขี นั้ ตอนทีส่ า� คญั ดงั น้ี 67 แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรียนควรรู ลักษณะเดนของผลงานสอ่ื ผสมคือขอใด 1 งานสอ่ื ผสม เปน ผลงานทที่ าํ ขนึ้ ดวยการใชว ัสดตุ า งๆ หลายอยางมา 1. ใชเฉพาะวสั ดทุ ี่หาไดง าย ผสมผสานกนั ในการสรางงาน เชน ภาพปะตดิ จะใชวสั ดพุ วกกระดาษ ผา 2. เสนอแนวคิดทแ่ี ปลกใหม เศษวสั ดธุ รรมชาติ ปะตดิ บนแผน ภาพดว ยกาว หรอื แปง เปย ก โครงสรา งเคลอื่ นไหว 3. ใชวสั ดหุ ลายอยา งผสมกัน เปน งานประตมิ ากรรมทมี่ โี ครงสรา งบอบบาง จัดสมดลุ ดว ยเสนลวดแข็งบางๆ 4. มีสีสันสดใสสะดดุ ตา ทีม่ วี ตั ถุรปู ราง รปู ทรงตางๆ ท่ีออกแบบเชอ่ื มติดกบั เสน ลวด เปน เครอื่ งแขวน ทเี่ คลอื่ นไหวไดด ว ยกระแสลมเพียงเบาๆ เปนตน วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การสรางสรรคผ ลงานสื่อผสม มมุ IT (Mixed Media) เปนการนาํ วัสดหุ ลากหลายชนิดมาผสมผสานกนั โดยใช จินตนาการ การออกแบบ สรา งสรรคเปนผลงานศิลปะรปู แบบใหมข้นึ มา นักเรียนสามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมเก่ียวกับงานสอ่ื ผสม ไดจ าก ซึ่งวสั ดุทน่ี าํ มาใชไมม ีขอจํากดั แนน อนตายตัววา ตองใชอ ะไรบา ง http://www.finearts.cmu.ac.th/อันเนอื่ งมาจาก-mixed-media หรอื ไมมขี อ จาํ กดั วาผลงานจะตอ งมีรูปลักษณแ บบใด รวมถึงขนาดดว ย ทั้งนี้ผลงานส่ือผสมมงุ นาํ เสนอแนวคดิ ของศิลปน มากกวาจะมุงเนน ท่ี ความสวยงาม คูมือครู 67
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนกั เรียนสรปุ หลกั การจดั ทํางานปน และงาน ข้ันที่ ๑ ก่อนที่จะด�าเนินการปั้นให้เกิดเป็น ส่ือผสม เปนแผนผังความคดิ (mind mapping) ลงกระดาษรายงาน สงครูผสู อน จากน้นั ครูให รปู ทรง ในเบ้อื งตน้ ควรออกแบบเปน็ ภาพรา่ งง่ายๆ โดย นกั เรียนศกึ ษาขนั้ ตอนการสรางสรรคง านปน ในหนงั สือเรียน หนา 68-69 จากนน้ั ถามนักเรียนวา พยายามออกแบบภาพหลายๆ แบบ เพอื่ นา� มาคดั เลอื กวา่ • วสั ดทุ ี่สามารถนํามาใชในงานปน มอี ะไรบา ง แบบร่างใดท่ีเราชอบมากท่ีสุด หลังจากนั้นจึงค่อยน�าไป ยกตวั อยา งมา 2-3 ชนดิ (แนวตอบ วสั ดุท่สี ามารถนํามาใชใ นงานปนได สร้างสรรค์เปน็ ผลงานจริงตอ่ ไป เชน ดินเหนียว ดินนํ้ามัน ขผี้ ้ึง เปน ตน ) ขั้นท1ี่ ๒ จะต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ • หากนักเรยี นตองการใหดนิ เหนียวคงสภาพ ออ นนมุ ไวไ ดนาน นกั เรียนควรทําอยา งไร ส�าหรับการปั้น และต้องเตรียมให้สอดคล้องกับภาพร่าง (แนวตอบ นักเรียนควรใชนาํ้ พนลงบนผลงาน ปน และใชผาหมาดๆ คลุมไวอ ีกช้นั เพื่อให ท่ีออกแบบไว้ โดยในข้ันที่หน่ึงเมื่อออกแบบภาพร่าง เน้ือดินคงสภาพความออ นนมุ เปน วิธหี นึ่งท่ี ปอ งกันไมใหเ น้อื ดินแขง็ ตวั เรว็ ) จะตอ้ งรู้ว่าในการปน้ั จะใชว้ ิธีการใด เชน่ ป้ันแบบธรรมดา • เพราะเหตใุ ด จงึ ตองแยกวสั ดทุ แี่ ปลกปลอม ออกแบบภาพร่างงานปั้นบนกระดาษ และกำาหนดรูปทรงสำาหรับ หรอื ปัน้ ด้วยการใชเ้ ทคนิคอยา่ งใดอย่างหนึ่ง เปน็ ต้น ออกจากดนิ กอ นทาํ การปน ข้ึนรปู ดนิ ดังนั้น วสั ดุ อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมอื ตอ้ งเตรยี ม (แนวตอบ หากใชด ินเหนยี วเปน วัสดใุ นงานปน เราจะตอ งนําดินเหนียวมานวดใหเ ขา กัน ไว้ให้สอดคล้องกับผลงานปั้น เช่น ในข้ันตอนการปั้น ดังน้นั เราตองเลือกเศษวสั ดุแปลกปลอม ทีป่ ะปนมากับดนิ ออกเสียกอน เชน หนิ กรวด รูปทรงเหล่ียมโดยการข้ึนรูปทรงด้วยแผ่นดินแบนๆ ไม โลหะ เพราะเศษวสั ดุเหลานี้อาจทําให เกิดอนั ตรายในระหวา งการปน ได ทีส่ าํ คัญคือ ต่อและประกอบเข้าด้วยกัน วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้จะต้องมี 2 เศษวัสดทุ ห่ี ลงเหลืออยูจะทาํ ใหพ น้ื ผวิ ของ ผลงานขรขุ ระ ดูไมส วยงาม และทําใหท าํ งาน ดินเหนียว หรือดินน้�ามัน (อย่างใดอย่างหน่ึง) ลูกกล้ิง ไดไ มส ะดวก) หรือวัสดุทรงกระบอกส�าหรับคลึงดินให้เป็นเนื้อเดียวกัน ชุดเคร่ืองมือปั้น กระดานรองปั้น กรณีที่ใช้ดินเหนียว เมื่อเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เสร็จแล้ว ให้น�าดินท่ีจะใช้ใน วัสดุ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือสาำ หรับการสร้างสรรคผ์ ลงานปนั้ การปั้นมานวดให้เข้ากัน โดยเลือกเศษวัสดุแปลกปลอม ท่ีปะปนมากับดิน เช่น หิน กรวด ไม้ โลหะ เป็นต้น ออกเสียก่อน เพราะเศษวัสดุเหล่านี้อาจท�าให้เกิดอันตรายในระหว่างการปั้นได้ ที่ส�าคัญคือเศษวัสดุที่หลงเหลืออยู่ จะท�าใหพ้ ื้นผิวขรุขระดูไมส่ วยงาม และท�าให้ทา� งานไดไ้ ม่สะดวก ในการปัน้ ดนิ เหนยี ว ถา้ ตอ้ งใชเ้ วลานานข้ามคนื ควรใชน้ า้� พน่ ลงบนผลงานป้ันและใชผ้ า้ หมาดๆ คลุมไว้ อีกชน้ั เพอ่ื ใหเ้ น้อื ดนิ คงสภาพความออ่ นนมุ่ ดงั เดมิ และเป็นวธิ กี ารหนงึ่ ท่ปี องกันไม่ให้เนอ้ื ดินแขง็ ตัวเร็วอกี ด้วย ขัน้ ที่ ๓ น�าดินที่คลึงและนวดจนเข้าเป็นเน้ือเดียวกันดีแล้วมาวางลงบนแผ่นไม้กระดานท่ีเตรียมไว้ ส�าหรับเป็นพื้นรองรับตามขนาดท่ีต้องการ โดยปกติขนาดของพื้นกระดานรองรับควรมีขนาดใหญ่กว่ารูปที่จะท�า การปั้น แล้วใช้ไม้กลมหน้าเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓-๔ เซนติเมตร กล้ิงไปมาบนก้อนดิน เวลากล้ิง ต้องกดน้�าหนักมือลงบนไม้กลมให้สม่�าเสมอกัน เพื่อให้ผิวหน้าดินมีความเรียบเท่ากัน ต่อจากนี้จึงน�ากระดาษท่ีตัด เป็นแบบไว้มาวางทาบลงบนแผ่นของดินให้พอดี แล้วใช้คัตเตอร์ หรือเครื่องมือในการปั้นชนิดหน้าเหล่ียมตัดตาม เส้นขอบนอกของแบบที่เป็นแผ่นกระดาษ พึงระวังไว้เสมอว่า อย่าตัดเกินเข้าไปภายในเน้ือกระดาษ เพราะอาจ ท�าใหผ้ ลงานเสยี รปู ทรงได้ 6๘ นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ชางปน นิยมใชด ินเหนยี วในการปน ดวยเหตผุ ลใด 1 อปุ กรณท ่ใี ชส าํ หรับการปน การปนวัสดตุ า งๆ ใหเ ปน รปู ตามความตอ งการ 1. จัดหาไดงาย ราคาถกู เพอื่ ใหไ ดงานท่ดี ี ประณตี และสวยงามนัน้ เราตอ งรจู กั เลอื กใชอ ปุ กรณส ําหรบั ใช 2. ชว ยอนรุ กั ษส่ิงแวดลอ ม ในงานปน ดังนี้ 3. นํามาสรางผลงานไดป ระณีต 4. เหมาะสมกับอากาศเมอื งไทย 1. แผนกระดาษรองปน มไี วสาํ หรบั รองเวลาปน และเวลานวดดนิ ใหเขา กนั วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ในการสรางสรรคง านประติมากรรม หรือ 2. ถุงพลาสติก มไี วสาํ หรบั ใสดนิ หรอื คลมุ ดนิ ที่นวดแลว หรือคลมุ งานปนที่ งานปน วัสดพุ ืน้ ฐานท่ปี ระติมากรนํามาใช คือ ดินเหนยี ว เนื่องจากจดั หา ไดงาย เพราะมีอยูใ นทุกพ้ืนท่ี ราคาถกู ไมต องกังวลเรื่องการขาดแคลนวสั ดุ ยงั ไมเสรจ็ เพ่ือไมใ หดนิ แหง สวนขออื่นๆ เชน ชว ยอนรุ กั ษสิง่ แวดลอ ม ถอื เปน ผลพลอยได แตไ มใช 3. ปากกา มไี วสําหรับกดใหเปน รอยหรือลวดลาย เหตุผลหลกั 4. มีดคตั เตอร หรอื กรรไกร มไี วส ําหรบั กดใหเปนรอย หรือลวดลาย 5. เกลยี วนอต มไี วสําหรับกดใหเ ปนรอย หรือลวดลาย 2 ลกู กลิง้ หากวางลกู กลงิ้ ไมท งิ้ ไวบ นพนื้ ผวิ ใดๆ นานเกนิ ไป ผวิ โคง ของลกู กลงิ้ ไม กจ็ ะผดิ รปู เดมิ ไดงา ย ดงั นนั้ วิธีทด่ี ีที่สุดในการระวงั รกั ษาผิวโคง ของลูกกลิ้งไม ก็คือเม่ือเลิกใชล กู กล้ิงแลวควรแขวนไว 68 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คลงึ ดนิ ให้เป็นแผ่นเรยี บเสมอกันด้วยลกู กลง้ิ ตดั กระดาษเป็นรปู ร่างสาำ หรับใช้เปน็ แบบ ครสู มุ ตัวอยางนกั เรยี น 2-3 คน ใหต อบคําถาม ตอไปน้ี ขัน้ ที่ ๔ เม่ือตัดดินตามแบบจนได้รูปทรงตามท่ีต้องการแล้วให้น�าไม้บรรทัด หรือแผ่นโลหะขนาดยาว มาสอดใต้แผ่นของดินแล้วค่อยๆ งัดแผ่นของดินที่ตัดไว้ออกจากแผ่นกระดาน ท�าเช่นน้ีไปจนครบตามแบบทุกด้าน • นักเรยี นคดิ วา ขั้นตอนใดสาํ คัญทส่ี ุด หลังจากน้ันจึงน�าแผ่นของดินที่ตัดไว้มาติดเข้าด้วยกันตามรูปทรงอย่างช้าๆ โดยใช้เคร่ืองมือปั้นตกแต่งรายละเอียด ในการทํางานปน เพราะเหตใุ ด ตามสว่ นของรูปทรง จนเกิดความเรยี บรอ้ ย สวยงาม (แนวตอบ ขน้ั ตอนการออกแบบ เพราะเปน ขั้นตอนแรกกอนท่จี ะดําเนินการปนใหเ ปน ขนั้ ที่ ๕ เม่อื ประกอบแผ่นของดนิ ตามรูปทรงท่ีออกแบบไว้แลว้ จงึ น�าดนิ ท่ีเหลือมาพอกเพม่ิ บนรปู ทรง รปู ทรง หากเราออกแบบเปน ภาพรา งงา ยๆ ตามที่ได้ออกแบบไว้ เพื่อให้เกิดความหนาและนูน เช่น ส่วนของจมูก ปาก คิ้ว ตา เป็นต้น หรือบางส่วนใช้ ไวกอ น หลงั จากนั้นจึงคอ ยหาวสั ดอุ ุปกรณ เครือ่ งมือป้นั ตัดเจาะเขา้ ไปในรูปทรง เพือ่ ใหเ้ กดิ เปน็ ช่องวา่ งภายใน เช่น ดวงตา ริมฝปาก เป็นตน้ ซึ่งข้นั ตอนน้ี ใหต รงตามแบบ แลวคอ ยสรา งสรรคผ ลงาน ตอ้ งอาศยั ความละเอียดรอบคอบ ท�างานอย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป จนผลงานสา� เรจ็ ใหไดรปู ทรงตามแบบทีร่ างไว ก็จะทาํ ให ผลงานปน ท่ีออกมาไดตามจินตนาการหรือ ความปรารถนาของเรา) • ขน้ั ตอนการตกแตง มคี วามสาํ คัญอยางไร (แนวตอบ ข้นั ตอนตกแตง เปนขัน้ ตอนในการ ตกแตงและเพม่ิ รายละเอียดผลงาน เพื่อให ผลงานเกดิ ความสวยงามและนา สนใจ โดยใชวธิ กี ารตา งๆ เชน การตดั การขดู ขดี การปมใหเ กดิ รอ งรอย ทงั้ นีค้ วรพิจารณา กอ นวา ส่งิ ทีป่ น มีสว นสงู -ต่าํ อยางไร สวนใด ควรเพม่ิ สวนใดควรลด แลว คอยตกแตง จนผลงานมีความเรยี บรอยสมบูรณ) นาำ แบบกระดาษมาทาบลงบนแผน่ ของดนิ แซะดินท่ีตดั เรียบรอ้ ยแล้วข้นึ มาจากกระดาน 1 ข้ันท่ี ๖ เป็นข้ันตอนในการตกแต่งและเพิ่มเติมรายละเอียด เพื่อให้เกิดความสวยงามและน่าสนใจ โดยใชว้ ิธตี ่างๆ เชน่ การตดั การแปะ การขูด ขดี เปน็ ต้น การปมั ใหเ้ กดิ รอ่ งรอย และการสรา้ งพ้นื ผวิ ในผลงานปนั้ ท�าได้โดยน�าดินไปทาบและกดลงบนผิววัตถุน้ันๆ ก็จะได้พ้ืนผิวแปลกตาที่สามารถน�าไปใช้ในการสร้างสรรค์ งานทศั นศลิ ปอย่างมากมาย ทั้งน้ี ควรพจิ ารณาดูกอ่ นวา่ สิง่ ท่ปี ้ันมีส่วนสูง-ต�า่ เป็นอย่างไร ส่วนใดควรเพ่ิม ส่วนใด ควรลด แล้วค่อยๆ เสริมแตง่ จนผลงานมีความเรยี บร้อยสมบรู ณ์ 6๙ แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ นกั เรียนควรรู รปู ปน ดินเหนยี วถา ตองการเกบ็ ไวขา มคืน ควรปฏบิ ตั ิอยางไร 1 ขัน้ ตอนในการตกแตง และเพิ่มเตมิ รายละเอยี ด การเก็บรายละเอียด 1. ใชผา ชบุ นํ้าคลมุ ไว เปน กระบวนการปนขน้ั สดุ ทาย โดยจะทาํ การปน ตกแตง สวนทีล่ ะเอียดใหช ดั เจน 2. ใชผา หมาดๆ คลุมไว เนนหรือเพมิ่ เติมสวนทต่ี องการใหเ ดน หรอื ทาํ ใหผ ลงานดูเรียบรอย ประณีต ซ่ึงใน 3. ใชนํา้ พน ลงบนงานปน ขนั้ ตอนนี้จะตองใชค วามพถิ พี ิถัน ใจเย็น หลังจากน้บี างชน้ิ อาจนําไปทาํ ตนแบบ 4. พน นา้ํ ลงบนงานปน คลุมผาหมาดๆ ไว ในการหลอหรือนําไปต้งั แสดง แลว แตความเหมาะสม ซ่งึ อาจมีการเขยี นสี ระบายสีกไ็ ด วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ในการปน ดินเหนยี วถา ตองใชเวลานาน มุม IT ขา มคนื ควรใชน ํา้ พนลงบนผลงานปน และใชผ า หมาดๆ คลุมไวอีกชัน้ หนึ่ง เพ่ือใหด ินคงสภาพความชุม ช้ืนเอาไว จะไดม คี วามออ นนมุ ไมแหง แตก นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ประวตั ศิ าสตรง านประตมิ ากรรมของไทย จนทาํ ใหผลงานเกดิ ความเสียหาย ไดจาก http://www.prc.ac.th/newart/webart/history08.html คมู ือครู 69
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู • เตรียมอุปกรณ์ ใหนกั เรียนดภู าพตัวอยา งข้นั ตอนการปน ตัวอยางแสดงขน้ั ตอนการปน้ั ในหนงั สือเรยี น หนา 70 จากน้นั ใหน กั เรียน สรางสรรคผลงานปน มาคนละ 1 ผลงาน • คลึงดินให้เรียบเปน็ แผ่น • ตดั กระดาษเปน็ รปู รา่ ง เพอื่ ใชเ้ ปน็ แบบ โดยครูเตรียมวสั ดอุ ุปกรณสําหรับใชใ นงานปน ไวให นกั เรยี นอยา งครบถวน ท้ังน้ีครูอาจตั้งหวั ขอ ใหน กั เรยี นดว ยก็ได เชน ปนหนา คน ปน รปู สัตว เปนตน จากน้ันใหนกั เรยี น นําผลงานปนที่เสรจ็ สมบรู ณแลว สง ครผู สู อน • ทาบกระดาษวางบนแผน่ ดนิ แลว้ ตดั ดนิ • แซะแบบดินที่ตัดออกจากกระดาน • ประกอบแบบดนิ แต่ละชนิ้ เข้าหากนั ตามขอบของแบบ • ปรับแตง่ แบบดนิ แตล่ ะดา้ น • เจาะลกู นยั น์ตาตามภาพร่าง • เจาะปากตามภาพร่าง • ทำาชิ้นส่วนเพ่อื ตกแตง่ เพ่ิมเตมิ • ผ ลงานทเี่ สรจ็ สมบรู ณ์ 7๐ เบศูรณรากษารฐกจิ พอเพียง ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปนวธิ ีการเกบ็ รักษาดนิ นํ้ามนั ท่จี ะใชกบั งานปน ผลงานปน เปน ผลงานทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการนาํ วสั ดเุ นอื้ ออ น เชน ดนิ เหนยี ว ดนิ นาํ้ มนั 1. พรมนํา้ ใหช มุ แลว เกบ็ ขผ้ี ง้ึ เปน ตน มาสรา งสรรคใ หเ กดิ รปู ทรงชนดิ ตา งๆ เชน รปู ลอยตวั รปู นนู สงู รปู นนู ตาํ่ 2. แยกสเี กบ็ ในถงุ พลาสติก เปนตน ปจจุบันงานปนไดรับความนิยมเปนอยางมาก เพราะมีความสวยงามและมี 3. ใชผ าเปย กหมาดๆ คลมุ ไว ความหลากหลายของรูปทรง เพ่ือเปนการฝกทักษะใหนักเรียนไดเรียนรูขั้นตอนและ 4. ใสกลอ งแลวนาํ ไปตากแดด วิธกี ารปน ครใู หนกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 3 - 4 คน ใหน กั เรยี นแตล ะกลุมออกแบบ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ดนิ น้ํามนั ถอื เปน วัสดสุ งั เคราะห ออนนมุ และปน รปู ปนขนึ้ มา 1 ช้ิน ทง้ั นี้ ครูใหนกั เรยี นใชดินเหนยี วในการปน เพื่อไมใ หสง งา ยเมอ่ื โดนความรอ น หลงั จากใชงานเสรจ็ ใหแยกสดี นิ น้ํามนั เปน สๆี ผลกระทบตอส่ิงแวดลอมและเพื่อประหยัดคาใชจายของนักเรียนตามหลักปรัชญา แลวทาํ เปน แผน สเ่ี หล่ยี มใหมีขนาดพอเหมาะ จากน้ันใหแยกใสถ งุ พลาสตกิ เศรษฐกิจพอเพียง พรอมทั้งตั้งช่ือผลงาน และออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชม เปนสีๆ ทัง้ นีก้ ารเกบ็ รวบรวมอยา ใหดนิ น้ํามันแตล ะสมี าผสมรวมกัน หนาชัน้ เรียน เพราะจะทาํ ใหสีผดิ เพ้ียนไปจากสเี ดมิ 70 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เสริมสาระ ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั วสั ดอุ ปุ กรณ ที่ใชใ นงานปน และยกตวั อยางผลงานท่ใี ชวสั ดุ วัสดแุ ละอปุ กรณท์ ่ใี ช้ในงานปน้ั อุปกรณดงั กลา วในการสรางสรรคผ ลงานมา คนละ 1-2 ตัวอยา ง จากนั้นครถู ามนักเรยี นวา ๑. วัสดุท่ีใช้กับงานป้ัน งานป้ันเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ต้องใช้วัสดุที่มีความเหนียวและนิ่ม วัสดุ ท่ีนำามาป้ันจะต้องสามารถยึดจับกันเป็นก้อนหรือเกาะตัวเป็นแท่ง และทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลาท่ีป้ัน รวมทั้งต้อง • วสั ดุทจ่ี ะนํามาใชในงานปนควรมคี ณุ สมบัติ ท่สี ําคญั อยางไร มีความคงทน ไม่แตกสลายได้ง1่ายทั้งในขณะป้ันและเมื่อป้ันเสร็จแล้ว สื่อ หรือวัสดุท่ีใช้ในการป้ันม2ีหลายชนิด เช่น (แนวตอบ งานปน เปน การสรา งสรรคง านศลิ ปะ ทตี่ องใชว สั ดทุ ่มี ีความเหนียวและนิม่ ดนิ เหนยี ว ดนิ น้าำ มัน ดินญีป่ นุ่ ขผ้ี ึง้ ขเี้ ลือ่ ยผสมกาว กระดาษแช่น้ำาจนเปือ่ ยยุ่ยผสมกาว แป้งขนมปัง เปน็ ตน้ แต่วัสดุ วสั ดทุ นี่ ํามาปน จะตองสามารถยดึ จับกนั เปน ที่หาง่ายและราคาถูกเหมาะสมกับนกั เรียน มีดังตอ่ ไปน้ี กอนหรือเกาะตวั เปนแทง และทรงตวั อยไู ด ตลอดเวลาท่ีปน รวมทงั้ ตองมคี วามคงทน • ดินเหนียว เป็นวัตถุดิบตามธรรมชาติมีอยู่แทบ ไมแ ตกสลายงาย ทั้งในขณะปน และเม่อื ปน จะทุกท้องถ่ินและมนุษย์ก็เร่ิมรู้จักนำาดินเหนียวมาใช้ทำาผลิตภัณฑ์ เสร็จแลว ) ต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ ท้ังน้ี เพราะดินเหนียวมีคุณสมบัติ เหมาะสมกับการนำามาปั้นให้เกิดรูปทรงใหม่ๆ ได้ตามต้องการ ดินเหนยี วเปน็ วสั ดุทเ่ี หมาะกับงานปั้น เพราะหาได้งา่ ยจาก มีความเหนียว มีการอ่อนตัวเม่ือถูกน้ำาและมีความแข็งเม่ือแห้ง ท้องถิ่น ซึ่งการจะนำาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปน้ันจะต้องมีการเตรียมดิน ดินนาำ้ มันต้องระวังอยา่ ใหถ้ กู ความร้อน โดยเร่ิมจากการคัดสิ่งท่ีปะปนมากับดินออกให้หมดเสียก่อน ถ้าดินแห้งเป็นก้อนแข็งก็ต้องนำาไปแช่น้ำาให้ชุ่มแล้วนวด แต่ต้อง ระวังอย่าผสมน้ำาให้มากจนเหลว ดินเหนียวที่ใช้ป้ันรูปได้ดีต้อง มเี นื้อดินทหี่ มาดและนิม่ • ดนิ นา้ำ มนั หรอื ขผี้ ง้ึ การนาำ วสั ดปุ ระเภทดนิ นาำ้ มนั หรือขี้ผึ้งมาใช้กับงานป้ัน ไม่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้า เพราะ วัสดุท้ัง ๒ นี้ได้ผ่านการผสมและการเตรียมมาดีแล้ว แต่หาก ดินนำ้ามัน หรือข้ีผึ้งอยู่ในสภาพแข็งเกินไปก็ให้นำาไปตากแดด หรือนวดสักเล็กนอ้ ยจะมีความนมิ่ พอดี ๒. อปุ กรณ์ทใ่ี ช้กบั งานปัน้ อุปกรณท์ ่ใี ช้เป็นเครือ่ งมอื ในการปนั้ โดยท่วั ไปจะมลี กั ษณะ ดังนี้ • แบบลวดเหล็กหรือทองเหลือง จะมีลักษณะ เป็นห่วงกลมๆ หรือโค้งมนอยู่ท่ีปลายด้ามไม้ท้ัง ๒ ข้าง มีหลายขนาด เคร่ืองมือชนิดน้ีใช้สำาหรับการข้ึนรูป ขูด เกลา ควัก และตกแต่งรายละเอียดต่างๆ บางชนิดมีลวดเหล็ก หรือ ลวดทองเหลอื งอยทู่ ป่ี ลายไมเ้ พยี งขา้ งเดยี ว สว่ นอกี ขา้ งหนง่ึ เปน็ ไม้ หนา้ แบนตัดเฉียงประมาณ ๔๕ องศา หรือหนา้ ตดั กวา้ ง ๓๐ องศา แบบทำาด้วยไม้ทั้งด้าม มีหลายลักษณะและมีหลายขนาด 71 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ นักเรยี นควรรู วสั ดุท่นี ิยมนํามาใชในงานปน ควรมีคุณสมบตั ิสาํ คญั ตามขอใด 1 ดินญ่ีปุน หมายถึง ดินสงั เคราะห มีขายเปน กอ นเหมือนดินนํา้ มัน ดินญปี่ นุ 1. เหนยี วและออ นตัวสูง จะมสี ขี าว เมอื่ ขน้ึ รปู และปลอ ยใหแ หง จะแขง็ ตวั โดยไมต อ งอบ จากนน้ั สามารถลงสี 2. แข็งตัวเมือ่ ถูกความรอน และเคลือบเงาไดเลย 3. สลายตัวเมอ่ื โดนนํา้ 2 แปง ขนมปง หรอื แปง สาลี สาเหตุท่ีเลอื กนําเอาแปงขนมปงมาใชใ นงานปน 4. รวมตวั กับวตั ถุอื่นได เพราะแปงขนมปง สามารถแผท ําใหบางไดโดยไมแตกรา ว หากผสมกบั วัสดอุ ื่น ใหไ ดส ัดสวนแลว กส็ ามารถนาํ มาประดษิ ฐเ ปนสิ่งของ วสั ดุตกแตง เครอื่ งประดบั วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. วสั ดทุ นี่ ยิ มนาํ มาใชใ นงานปน ไมว า จะเปน ดอกไม ของชาํ รว ย ของขวญั ของฝากได ทั้งนก้ี อนการปน ควรนวดแปงกอน เพ่ือ ใหแ ปงขนมปง มคี วามสวยงาม แข็งแรงและทนทาน อยูไดน าน เคล็ดลับสาํ คญั ใน ดินเหนยี ว ดินน้าํ มนั ดินญป่ี นุ แปง ขนมปง ข้ีผง้ึ หรือวสั ดุอืน่ ๆ กค็ อื การนวด คือ นวดดวยมือท้ังสองประมาณ 20 นาที ใสค รมี ถนอมผวิ แลว นวดตอ มคี วามเหนยี วแตอ อ นตวั จงึ นาํ มาพอก แปะ ตดิ ขนึ้ รปู เคา โครงเปน รปู ทรง ไปอกี 5 นาที ขณะท่นี วดถาแขง็ ไปใหเตมิ ครีมหรอื โลชั่นถนอมผิว ถาเหลวไปให ตา งๆ ไดงา ย รวมทั้งมีคุณสมบัติที่มคี วามแข็งแรงในตวั กลา วคือ สามารถ เตมิ แปงขาวโพด นวดจนแปงแหง ไมตดิ มอื เนอ้ื แปง จะเนียนเปนเนอ้ื เดียวกนั รักษารูปทรงอยไู ด ไมห ลอมละลายงา ย จับตวั เกาะตวั กันอยไู ดน าน คมู ือครู 71
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู จากการศึกษาเกี่ยวกบั วสั ดอุ ุปกรณท ่ใี ชใน ซ่ึงจะมีปลายดานหนึ่งเปนไมหนาแบนตัดเฉียง งานปน ใหน กั เรยี นรวมกนั อธบิ ายวิธกี ารเก็บรักษา อุปกรณท ใี่ ชใ นงานปน จากนั้นสรุปสาระสาํ คญั ประมาณ ๔๕ องศา หรอื หนาตัดตรง ๙๐ องศา เกยี่ วกบั วัสดอุ ุปกรณทใี่ ชใ นงานปน และวธิ กี ารเก็บ รักษาอปุ กรณ ลงสมุดบนั ทึก ครูถามนักเรยี นวา สว นอกี ดา นหนง่ึ จะมปี ลายขนาดเลก็ กวา มลี กั ษณะ • นักเรียนมีวธิ ีการเก็บรกั ษาเคร่ืองมือทีใ่ ช กลมมน เคร่ืองมือชนดิ นใ้ี ชสาํ หรับตัด เฉอื น ปาด ในงานปน อยางไร (แนวตอบ นักเรียนตอบไดอ ยางอิสระ ผิวดินใหเรียบ หรือทําใหเกิดเปนลักษณะพ้ืนผิว ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมวา เคร่ืองมือท่ใี ชส ําหรบั งานปนมีรปู รางหลากหลายลกั ษณะและ ตางๆ ตลอดจนใชตกแตงรายละเอียดในตัวผลงาน แบบลวดเหล็ก หรือทองเหลือง แบบท่ที าํ ดว ยไมทั้งดา ม มีวิธีการนําไปใชแ ตกตางกนั เครื่องมือ ๓. การเกบ็ รักษาเคร่อื งมือ บางชนดิ ทาํ ดวยโลหะ เคร่อื งมอื บางชนดิ ทําดวยไม แตท้ังนห้ี ลงั จากการใชงาน เครอ่ื งมอื ปน จะมขี นาด รปู รา งหลายๆ ลกั ษณะ และมวี ธิ กี ารนาํ ไปใชต า งกนั เครอื่ งมอื บางชนดิ ทาํ ดว ยไม บางชนดิ ทาํ ดว ย ควรลา งทําความสะอาด เอาเศษดนิ และ ส่งิ สกปรกท่ตี ดิ อยอู อก ถาเปนเคร่ืองมือแบบ โลหะผสมกัน บางคร้ังจะมีความเปราะบางไมแข็งแรง ดังน้ัน การเก็บรักษาหลังจากใชงานเสร็จแลว สามารถทําได ลวดเหล็กหรือทองเหลอื งจะตองดแู ลรกั ษา อยาใหข นึ้ สนมิ ดว ยการใชน้ํามนั ทากอ นเก็บ โดยการนําเครื่องมือมาลางทําความสะอาด เอาเศษดินและสิ่งสกปรกที่ติดอยูออก ถาเปนเครื่องมือแบบลวดเหล็ก จากน้ันควรเก็บใสก ลองใหเ รยี บรอย) หรอื ทองเหลืองจะตอ งดแู ลรักษา อยาใหข นึ้ สนมิ ดว ยการใชน าํ้ มนั ทากอ นเกบ็ เคร่ืองมือหลังจากปฏิบัติงานแลวควรเก็บใสกลองใหเรียบรอยหรือจะแขวนไวขางฝาใหเปนระเบียบก็ได ท่ีสาํ คญั ไมค วรนําเครอื่ งมือปน ไปใชกบั งานทีผ่ ดิ ประเภทเพราะจะทาํ ใหเ ครอ่ื งมือเกดิ ความชํารุดเสยี หายได ผลงานปน ฝพ ระหตั ถใ นสมเดจ็ พระเจา อยหู วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ขณะดาํ รงพระยศสมเดจ็ พระเจา ลกู ยาเธอ เจา ฟา วชริ าลงกรณ ๗๒ เกรด็ แนะครู บรู ณาการเชื่อมสาระ จากการศกึ ษาเกย่ี วกบั วัสดุ อปุ กรณและการเกบ็ รักษาเคร่อื งมือทีใ่ ชใน จากการศึกษาเก่ยี วกับงานปน ครูควรเสรมิ ความรูเกย่ี วกับงานปูนปน ของไทย งานปน สามารถบูรณาการเชื่อมโยงกับการเรยี นการสอนของกลุม สาระ โดยปนู ปน เปน กรรมวธิ ีการสรา งสรรคง านศิลปะอยา งหน่งึ ท่มี ีมาแตโบราณ โดยใช การเรยี นรูการงานอาชพี และเทคโนโลยี วิชางานชา ง เรื่องการดูแลรกั ษา ปูนทีท่ ํามาจากเปลอื กหอยเผาไฟผสมนา้ํ ออย หรอื สงิ่ อื่นๆ ซึ่งปนู เม่ือผสมกับนํา้ ออย อุปกรณเ ครื่องมอื เคร่ืองใช เพราะวสั ดอุ ุปกรณแตละชนิดท่ใี ชในงานปน ก็จะมีความเหนยี ว สามารถปนเปน รปู ตางๆ ได และเม่อื แหง แลว จะแข็งตัว ทนแดด ทําจากวัสดุที่แตกตา งกัน ดังนน้ั นักเรียนจึงควรเรยี นรเู กย่ี วกับวิธกี ารเก็บ ทนฝนไดดี ปนู ปนนส้ี วนมากใชป นเปน เคร่อื งตกแตง ประดบั อาคารสงิ่ กอ สรา งทาง รกั ษาเครอื่ งมอื แตล ะชนิดใหถกู วธิ ดี ว ย สถาปต ยกรรม ซง่ึ มที งั้ เปน ลวดลาย รปู คน รปู สตั วต า งๆ ไปจนถงึ พระพทุ ธรปู ดงั ปรากฏอยูตามโบราณวตั ถุ โบราณสถานของไทยมากมายหลายแหง งานศิลปะ ปูนปน สว นใหญท ีพ่ บจะเปน งานทีเ่ กยี่ วกับพระพุทธศาสนา จึงทาํ ใหเกิดกลุม ชา งปนู ปน ขน้ึ ตามวัดตางๆ เชน กลุม ชา งวัดใหญสุวรรณาราม กลุม ชางวัดเกาะ (วัดเกาะแกวสุทธาราม) กลมุ ชา งวัดพระทรง กลุม ชา งวดั ยาง ในจงั หวัดเพชรบรุ ี เปน ตน 72 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒.๒ งานสื่อผสม ครูสมุ ตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหต อบคําถาม ตอไปนี้ งานสอื่ ผสม เปน็ ผลงานทีเ่ กดิ จากการน�าผลงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ์ การวาดเส้น หรือ • ส่ิงสําคัญของการสรา งสรรคงานสอ่ื ผสม มีการใช้วิธีต่างๆ ไปผสม จนเกิดเป็นผลงานสร้างสรรค์แบบใหม่ข้ึนมา ในระดับช้ันน้ีมีจุดประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียน คอื อะไร (แนวตอบ แนวคิดเปน ส่ิงสาํ คญั ในการ ได้เรียนรู้เพ่ือน�าไปสู่การน�าเสนอผลงาน ดังน้ัน ผู้เรียนจะต้องมีความเข้าใจเก่ียวกับการเตรียมวัสดุและกรรมวิธี สรา งสรรคง านสือ่ ผสม เพราะงานสอ่ื ผสม เปนการสรางสรรคผลงานรปู แบบใหม ปฏิบัตงิ าน จงึ จะสามารถลงมอื ปฏบิ ัติได้อยา่ งถูกตอ้ ง ซึง่ ข้นั ตอนท่ีส�าคญั มดี ังนี้ ดังนั้น กอ นลงมอื ปฏบิ ัตผิ ูเรยี นจะตองมี แนวคดิ ในการทาํ งานวาจะทาํ งานสอ่ื ผสม ขัน้ ท่ี ๑ ก่อนลงมือปฏิบัติ ผู้เรียนจะต้องมี ในลักษณะใด จะใชว ัสดุอุปกรณและ เครอื่ งมืออะไรบางในการสรางสรรคง าน) แนวคิดในการจะท�างานก่อนว่าจะท�าเป็นงานส่ือผสมใน • นักเรยี นคดิ วา ปจ จุบันงานสื่อผสมเกดิ ข้นึ ลกั ษณะใด จะใชว้ สั ดอุ ปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมอื อะไรบา้ ง จากนน้ั จากวสั ดุชนดิ ใดมากทสี่ ุด (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดอยา งอสิ ระ ควรจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมเพื่อสะดวกในการน�าไป ครอู ธิบายเพ่ิมเติมวา จากการแสดง ศิลปกรรมแหง ชาติ ศิลปนผูท ไี่ ดรบั รางวลั ใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่น อาจจัดเตรียมวัสดุเหลือใช้ สวนใหญนําเสนอผลงานโดยใชว ัสดุ สงั เคราะหมากกวาวัสดุธรรมชาติ ทัง้ น้ี ท่ีเห็นว่ามีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการใช้งาน เช่น เน่อื งจากวสั ดสุ ังเคราะหส ามารถหาได โดยทว่ั ไป ทั้งท่ีเปนขา วของเครื่องใชใ น เศษกระดาษทมี่ ลี วดลายสสี นั แปลกตา เปลอื กไมท้ ม่ี ลี วดลาย ชวี ติ ประจําวนั รวมทงั้ วสั ดใุ นการผลิตจาก ระบบอตุ สาหกรรม ซ่งึ สมั พนั ธกบั สภาพชีวติ และพน้ื ผวิ แปลกๆ แผน่ พลาสตกิ ใสเหลอื ใช้ เปน็ ตน้ ทง้ั นี้ ของคนในปจ จบุ ัน) ตอ้ งระมดั ระวังไมน่ �าเศษวสั ดุทม่ี อี นั ตรายต่อตนเอง ผูช้ ม หรอื วสั ดทุ ท่ี า� ลายสงิ่ แวดลอ้ ม วสั ดทุ ่ีไมเ่ หมาะสมกบั จารตี การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ชนดิ ต่างๆ เพือ่ นำามาใชใ้ นการทาำ งานสื่อผสม ขนบธรรมเนยี ม วัฒนธรรมของสังคมมาใช้ ส่ิงท่ีสา� คัญในการจัดเตรยี มวัสดจุ ะตอ้ งพจิ ารณาว่า วสั ดุนนั้ มคี วามหมาย หรือคณุ ค่าอย่างไร และสามารถ น�าไปใช้แสดงออกเก่ียวกับผลงานได้อย่างไร เพราะเป็นการช่วยท�าให้วัสดุที่หามาได้มีคุณค่า สอดคล้องกับการ น�าเสนอผลงานมากข้ึน ขน้ั ท่ี ๒ ทดลองนา� วสั ดทุ ไี่ ดจ้ ากการจดั เตรยี ม มาวางประกอบบนกระดาษ หรือแผ่นกระดานในวิธีการ ตา่ งๆ เชน่ วางซอ้ นกนั วางตอ่ กนั วางเหลอ่ื มกนั เปน็ ตน้ โดยใชว้ สั ดแุ บบเดียวกนั หรือตา่ งชนิดกัน แล้วพจิ ารณา ว่าในการทดลองน้ัน วิธีการใดจะสื่อถึงเรื่องราวภายใน ตัวผลงานได้บ้าง เช่น มีกระดาษ หรือกล่องบางชนิด เมื่อลอกผิวหน้าออกไปแล้ว ภายในจะมีพ้ืนผิวเป็น นำากระดาษกลอ่ งลอกฝาออกมาตัดเปน็ รปู ทรงโขดหนิ เส้นลอน มคี วามหนาเพยี งพอท่จี ะน�ามาตัดให้เปน็ รปู ทรงต่างๆ ได้ ก็ให้น�ากระดาษ หรอื กล่องที่ลอกผิวหนา้ ออกแลว้ มาทาบลงบนพ้นื ทเี่ ตรยี มไว้ ตัดกระดาษใหไ้ ด้รูปทรงตามต้องการ เช่น หากตั้งชื่องานส่ือผสมทีส่ รา้ งสรรค์ในคร้ังนว้ี ่า “ท้องทะเลกว้าง” มีภเู ขา โขดหนิ เรือใบ เป็นต้น ก็ให้เริ่มจากการน�าสว่ นท่เี ป็นโขดหนิ ติดไวด้ ้านหนา้ ให้เห็นเสน้ ลอน ของผิวกล่องเป็นเส้นแนวยาวไปตามแนวนอนของท้องทะเลท่ีดูกลมกลืนกัน หลังจากนั้นจึงติดกระดาษ หรือกล่อง ลงบนพน้ื ทเ่ี ตรียมไว้ แล้วจึงระบายสว่ นพ้ืนทะเลด้านหน้าโขดหนิ ทม่ี ลี วดลายเปน็ เส้นนอนไปตามพ้นื ผวิ กล่อง 73 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู ขอ ใดแสดงใหเ ห็นถงึ ลักษณะของงานสื่อผสม ครูควรนําผลงานสือ่ ผสมที่มีความสรา งสรรค ใชวัสดแุ ละองคป ระกอบ 1. การนาํ ผลงานจติ รกรรมและประตมิ ากรรมมาสรา งสรรคใ หม ท่หี ลากหลายในการสรา งสรรคผ ลงาน โดยเฉพาะผลงานของศิลปน แหงชาติทไ่ี ดรบั 2. การนําผลงานจิตรกรรมและภาพพมิ พมาสรา งสรรคใ หม รางวลั ดา นผลงานส่ือผสมมาใหนักเรยี นดู เพื่อใหนกั เรยี นไดเกิดมุมมองแปลกใหม 3. การนาํ ผลงานจติ รกรรมและการวาดเสนมาสรา งสรรคใหม และนําไปสกู ารคิดสรา งสรรคผ ลงานดว ยตนเองตอ ไปได ตวั อยางเชน ผลงาน 4. การนําผลงานทัศนศิลปท กุ ประเภทและวธิ ีการตางๆ มาสรางสรรคใหม “พระพุทธบาท” ของนายกมล ทัศนาญชลี ซึง่ ใชเ ทคนิคจติ รกรรมสอ่ื ผสมบนผาใบ และไม แผนทองคําเปลว แผน เงิน หนิ และไม แนวคดิ ในการสรางสรรคผ ลงาน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. งานสอ่ื ผสมเปนผลงานทัศนศิลปท ีเ่ กดิ ข้ึน คอื จากจดุ เรม่ิ ตน พระพทุ ธเจา ประสตู เิ ดินยา ง 7 กาวบนดอกบวั และกา วยา งเดิน เชือ่ มโลกตะวนั ออกและตะวันตก กระจายออกไปทวั่ ทศิ ทวั่ โลก จากจดุ เรม่ิ ตน จากการนาํ ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ หรอื การวาดเสน ถงึ ปจ จบุ นั เปน เวลาผา นพน ไป 2554 ป “พระพุทธเจา” ยังคงเปนสญั ลกั ษณข อง มาผสมกลมกลนื ดวยการสรา งสรรคจ นเกดิ เปน ผลงานรูปแบบใหม โดยมงุ กาลเวลา และการเชอื่ มโยงโลกตะวันออกเขาไวก ับโลกตะวันตก เปน ตน เนนการนาํ เสนอแนวคิดของศิลปน เปน หลักมากกวาความงามในตวั ผลงาน คูมือครู 73
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Engage E×pand Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ ครใู หน ักเรยี นสรางสรรคผลงานทศั นศลิ ปมา ขั้นท่ี ๓ ระบายสีตกแต่งในบริเวณส่วนอ่ืนๆ ของผลงาน เช่น ท้องทะเล ท้องฟา ภูเขา เป็นต้น 1 ผลงาน โดยเลอื กทําระหวางงานปน หรอื ข้ันตอนน้ีการระบายสีควรพิจารณาน�้าหนักอ่อน-แก่ของสี และลักษณะของสีว่าควรใช้สีอะไร โดยก่อนระบายสี งานสื่อผสม จากน้นั ใหน ําผลงานทีเ่ สรจ็ สมบูรณ จะต้องผสมสีให้เรียบร้อยก่อนระบายลงไปบนพ้ืน และเพ่ือความสะดวกขณะท�างานควรวางอุปกรณ์และเครื่องมือ สง ครผู ูสอน ในการท�างานไวใ้ กล้ๆ ตัว เพื่อใหส้ ามารถหยิบใชไ้ ดง้ า่ ย ตรวจสอบผล Evaluate ครพู จิ ารณาจากการสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ประเภทงานปน และงานสือ่ ผสมของนกั เรียน โดย พิจารณาจากความคิดสรางสรรคและความสวยงาม นำากระดาษกล่องที่ตัดเป็นรูปทรงเรียบร้อยแล้ว ทากาวลาเท็กซ์ ระบายสีไปตามแนวนอน ขนานกับเส้นผิวลายของโขดหินให้เป็น ด้านหลังแลว้ ติดลงบนพื้น ทอ้ งทะเลด้านหน้า ขนั้ ท่ี ๔ นา� วสั ดอุ ืน่ ๆ มาตกแต่งและประกอบ เชน่ น�าแผ่นพลาสติกใสสีฟา มาตดั ให้เป็นรปู ร่างกอ้ นเมฆ บนท้องฟา ตดั เปน็ รูปเส้นนอนเหมือนแนวคลน่ื ในท้องทะเล และนา� ไปติดยังบรเิ วณทีต่ อ้ งการ จากความโปรง่ ใสของ แผ่นพลาสติกจะท�าให้เกิดน�้าหนกั ของสีใหมข่ ึ้นตรงบริเวณท่ีติด ดูแล้วท�าใหเ้ กิดความสวยงามเพิ่มมากข้ึน เปน็ ตน้ ขั้นที่ ๕ ตกแตง่ เพมิ่ เตมิ โดยนา� วสั ดแุ ละสว่ นประกอบอน่ื ๆ ไปวางลงบนทอ้ งทะเลและทอ้ งฟา เชน่ เรอื ใบ พระอาทิตย์ นก เป็นต้น รวมถึงการเลือกใช้รูปทรงส�าเร็จรูปมาท�าเป็นรูปสัตว์ รูปสิ่งของอ่ืนๆ ที่ลอยบนผิวน้�ามา ตดิ ประกอบ เพอ่ื ให้ไดง้ านสือ่ ผสมทม่ี คี วามสมจรงิ มากข้ึน โดยทดลองวางตามจดุ ต่างๆ ว่า มคี วามเหมาะสมหรือไม่ โดยเน้นความเปน็ เอกภาพ ความกลมกลนื ไมค่ วรติดลงไปทันที เพราะถา้ จะแก้ไขอาจจะท�าให้แกไ้ ขงานได้ยาก ขน้ั ท่ี ๖ ตกแตง่ รายละเอยี ดในสิ่งที่ตอ้ งการจะเพม่ิ ลด หรอื แกไ้ ข จนผลงานมคี วามสวยงาม และลงตวั มีเอกภาพกลมกลนื กันตลอดทง้ั ช้ิน จากน้ันนา� ไปติดตงั้ หรอื จัดแสดง ระบายสีในสว่ นของท้องฟา้ พ้ืนทะเลด้านบนและในสว่ นของภูเขา นาำ พลาสติกใสสีฟา้ มาตัดเป็นกอ้ นเมฆและเส้นคลนื่ 7๔ เกรด็ แนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขอ ใดเปนศลิ ปะส่อื ผสม (Mixed Media Art) ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั งานสอ่ื ผสมทม่ี คี วามสมจรงิ วา หมายถงึ ผลงานทมี่ นษุ ย 1. สมชาย นาํ โทรทัศนไปต้ังซอ นกนั 3 เครื่อง แสดงภาพของสมหมาย สรางสรรคข ้นึ โดยใชเทคนคิ และวธิ กี ารของศิลปะทางดา นทัศนศิลปห ลายๆ แขนง สมหญิง และสมควรกําลังทาํ งานศลิ ปะ มาผสมผสานทาํ ใหเกดิ ผลงานทอี่ ยใู นชนิ้ เดยี วกัน เนน หลักการจดั องคประกอบศิลป 2. สุนิตยใชสอี ะคริลิก สีนํา้ มนั สีน้ํา และสเี ทียน ระบายลงบนแผนไมอ ัด แสดงออกถงึ อารมณส ะเทือนใจของผูสราง ซ่งึ วัสดทุ ใี่ ชในการสรา งผลงานสอ่ื ผสม 3. รตานาํ เอาภาพถา ย หนังสอื พิมพ นิตยสาร มาปะตดิ บนกระดาษ สามารถหาไดจ ากวสั ดธุ รรมชาติ เชน วัสดจุ ากพืช สตั ว แร เปน ตน และ 4. ววิ ัฒนทาหนาตนเองสีขาว เพอ่ื ไปรว มแสดงละครใบ วสั ดุสงั เคราะห เชน กระดาษ โลหะ เปนตน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. งานส่อื ผสมเปน งานศิลปะท่เี กดิ ข้นึ จาก การนาํ วัสดุหลายๆ แบบ มาสรางผสมกลมกลนื ดว ยการสรางสรรค มุม IT จนไมส ามารถระบไุ ดว า เปน งานอยา งใดอยางหนง่ึ โดยเฉพาะได ซง่ึ การทีร่ ตา นําวสั ดตุ างๆ ที่เปนกระดาษมาปะติดลงบนกระดาษก็ถือเปนงานศิลปะ นักเรียนสามารถศึกษา คน ควา เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับงานสอ่ื ผสม ไดจ าก แบบส่อื ผสมไดอยางหน่ึง http://www.culture.go.th/art_auction/index.php? 74 คูม อื ครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ นาำ แผ่นพลาสติกท่ีตัดตามแบบไปติดเป็นท้องฟ้าและท้องทะเล ครูถามนกั เรยี นวา • นักเรยี นคนใดเคยชมนทิ รรศการทจี่ ัดแสดง งานปน และงานส่อื ผสมมาแลว บา ง ถา เคย นกั เรียนเคยชมทใ่ี ด (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ) • นักเรียนคดิ วา การจดั แสดงงานปน และงาน สือ่ ผสมมขี นั้ ตอนอยางไร (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยา งอสิ ระ) ครเู ชอ่ื มโยงเขา สหู วั ขอ การแสดงผลงานการปน หรือสอื่ ผสมเปน เรอื่ งราว 3 มติ ิ สาํ รวจคน หา Explore นาำ แผ่นพลาสติกใสสฟี ้ามาตัดเปน็ รปู นกและติดลงบนท้องฟา้ ผลงานสอ่ื ผสมเรอ่ื ง “ทอ งทะเลกวาง” เม่ือทำาเสรจ็ สมบรู ณ์แลว้ ใหน ักเรยี นศึกษา คน ควาเก่ียวกับแนวทาง การจดั แสดงผลงานการปนหรืองานสอ่ื ผสมเปน การแสดงผลงานปั้นและงานสื่อผสมท่ีนักเรียนจะท�าการศึกษาในช้ันน้ีเป็นการแสดงผลงานเป็นเรื่องราว เร่อื งราว 3 มิติ จากแหลง เรยี นรูตางๆ เชน หนังสอื เรยี น หอ งสมุด อินเทอรเ น็ต เปนตน ๓ มิติ ทั้ง ๒ แบบ ไดแ้ ก่ ผลงานป้นั แบบลอยตวั (Round Sculpture) และงานสื่อผสมแบบนนู สงู (High Relief) ผลงานทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ มีการแสดงให้เห็นถงึ รูปทรง ปริมาตร และความกลมกลนื กนั ของทัศนธาตุทีเ่ ลอื กใช้ อย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะผลงานปั้นท่ีแสดงเร่ืองราวเกี่ยวกับรูปทรงใบหน้าของมนุษย์ หรืองานสื่อผสมที่แสดง เรื่องราวเก่ียวกับบรรยากาศของท้องทะเลกว้าง ซึ่งสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนแรงบันดาลใจใน การสรา้ งสรรค์ได้อยา่ งนา่ สนใจ ËÃÍ× Ê×èͼÊÁ1໚¹àÃÍè× §ÃÒÇ ó ÁÔµÔ ó. ¡ÒÃáÊ´§¼Å§Ò¹¡Òû¹œ˜ ผลงานสร้างสรรค์ท่ีเสร็จเรียบร้อยแล้วของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นผลงานปั้น หรืองานสื่อผสมในลักษณะ ตา่ งๆ ท่ีไดจ้ ดั ท�ามาตงั้ แตต่ น้ สามารถน�ามาจดั แสดงเป็นเรอื่ งราวตา่ งๆ ได้ ซึ่งจะชว่ ยทา� ให้ผลงานมีคุณค่ามากขน้ึ เน่ืองจากผลงานช้ินหน่ึงๆ สามารถน�าไปผูกเป็นเรื่องราวแสดงออกมาได้อีกมาก ย่ิงถ้ามีผลงานมากชิ้นก็จะย่ิงมี ความหลากหลายในการน�ามาจัดแสดงได้หลายเร่ือง ซ่ึงผลงานที่จะน�ามาแสดงเป็นเร่ืองราวต่างๆ นั้น สามารถใช้ ผลงานปั้นเพียงอย่างเดยี ว หรอื นา� ไปจัดแสดงรวมกบั ผลงานสอื่ ผสมก็ได้ เร่อื งราวทน่ี �ามาจดั แสดงให้เปน็ เรือ่ งราว ๓ มิติ หมายความว่า เมื่อสรา้ งสรรคผ์ ลงานเสร็จแล้ว สามารถ มองเห็นได้รอบด้าน มีมิติความกว้าง ความยาว ความหนา (สูง) อย่างท่ีนักเรียนเคยชมแบบจ�าลอง หรือโมเดล ของหมู่บ้านจัดสรร การสร้างสรรค์เป็นเร่ืองราวที่ท�าได้โดยไม่มีขีดจ�ากัด ข้ึนอยู่กับจินตนาการและการออกแบบ 75 แนวขอ สNอบTเนนOก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู สนุ ทรยี ะของผลงานศลิ ปะประเภทส่อื ผสม ผชู มควรเนน พิจารณาในเร่ืองใด ใหนักเรียนชว ยกันหาภาพตวั อยางผลงานศลิ ปะแบบส่ือผสมของศิลปนไทย 1. ลกั ษณะวัสดทุ นี่ ํามาใช โดยใหร ะบุชอ่ื ผลงาน แนวคิด แลว นําไปจดั นทิ รรศการ ท้งั นี้ครูควรคดั เลอื กนกั เรียน 2. แนวคิดของผสู รางสรรค 2-3 คนทช่ี อบ หรือรักในการสรา งสรรคผลงานสื่อผสมมารวมกนั แสดงทศั นะวา 3. ความประณีตของผลงาน ชอบผลงานศลิ ปะประเภทนี้เพราะอะไร 4. ความหลากหลายของวัสดุ นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ผลงานส่อื ผสมตอ งการจะส่ือความหมาย 1 การแสดงผลงานการปน หรอื สอื่ ผสม การแสดงผลงานปนและงานสอ่ื ผสม หรอื เรอ่ื งราวเปน หลัก ดังนนั้ ในการพจิ ารณาผลงาน สิง่ ที่ผูช มควรจะตอ ง เปนการรวบรวมผลงานที่สรา งสรรคตามความชอบ และจนิ ตนาการของตนเอง พจิ ารณาเปน หลกั ก็คือผสู รา งสรรคผลงานตอ งการจะสอื่ ความหมายอะไร นาํ มาจัดแสดงเปนเรอื่ งราว 3 มิติ มีความเปน เอกภาพ ความกลมกลืน ไดอ ยา ง หรอื บอกความหมายอะไร จะชวยทาํ ใหเ ขา ใจวิธกี ารนําเสนอและเรอ่ื งราว สมบรู ณ นอกจากนี้ การจดั แสดงผลงานการปนหรอื งานส่ือผสมควรคาํ นึงถงึ พน้ื ที่ ของผลงานไดด ีขน้ึ เนือ่ งจากผลงานสือ่ ผสมจาํ นวนมากจะมนี ยั ซอ นอยู ในการจัดแสดงดว ย เชน จัดแสดงทีห่ องประชุมโรงเรยี น หอศิลปป ระจําจงั หวดั อาจมไิ ดสื่อออกมาตรงๆ เม่ือพิจารณาอยา งละเอยี ดจงึ จะเห็นและเขาใจได เปนตน คูม ือครู 75
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนักเรยี นชวยกนั อธบิ ายแนวทางการจัดแสดง ของผู้ออกแบบ รวมทั้งข้ึนอยู่จ�านวนช้ินของผลงานท่ีมีอยู่ในมือ เร่ืองราวที่น�ามาแสดงอาจจะเป็นเรื่องท่ีผู้เรียน ผลงานการปน หรืองานส่ือผสมเปนเรอื่ งราว 3 มิติ ครคู อยชว ยเสริมเพิ่มเติมขอมูล จากนนั้ ครถู าม คนุ้ เคยกนั ดี เชน่ หมาปา่ กบั ลูกแกะ ไกไ่ ดพ้ ลอย ชาวนากับงเู ห่า เปน็ ต้น เร่ืองราวท่เี ปน็ ชีวติ จริง เช่น การละเลน่ นกั เรียนวา ของเด็กไทย การท�านาของชาวนา การจราจรในเมือง ฟาร์มของฉัน เปน็ ต้น หรอื เร่อื งทผ่ี ูเ้ รยี นจนิ ตนาการข้ึน เชน่ • การจัดแสดงเรือ่ งราว 3 มิติ หมายถึงอะไร (แนวตอบ การจดั แสดงเรือ่ งราว 3 มติ ิ ฝงู ไดโนเสาร์ในป่าใหญ่ การส�ารวจอวกาศ เป็นตน้ หมายถงึ ผลงานทสี่ รางสรรคเ สรจ็ แลว สามารถมองเหน็ ไดรอบดาน มมี ิตกิ วา ง ยาว ผลงานการปั้นหรือส่ือผสมที่จะน�ามาแสดงเป็นเรื่องราว ๓ มิติ ได้อย่างสมบูรณ์ สร้างความประทับใจ หนา (สูง) อยางท่ีเราชมแบบจาํ ลองหรอื โมเดลหมบู า นจดั สรร เรอ่ื งราวทน่ี ํามา ให้กับผู้ชม สามารถสื่อเป็นเรื่องราวได้ตรงตามจินตนาการน้ัน มีแนวทางปฏิบัติท่ีผู้เรียนสามารถน�าไปประยุกต์ จดั แสดงอาจเปนเรือ่ งท่ีเราคุนเคยกนั ดี เชน การจราจรในเมอื ง การละเลนของเด็กไทย ใชไ้ ด้ ดงั น้ี ๑) ก�าหนดกรอบแนวคิด เป็นการวางแนวคิดว่าจะน�าเสนอ หรือแสดงเรื่องราวอะไรท่ีตนสนใจ หรือ ชาวนากบั การทํานา เปน ตน ) น่าสนใจ หรือจะน�าเสนออย่างไรให้น่าชม โดยพิจารณาจากช้ินงานที่มีอยู่ท้ังงานปั้นและงานส่ือผสม โดยรวมแล้ว • ผลงานการปน หรืองานสอื่ ผสมท่ีจะนาํ มา จัดแสดงควรเปนอยางไร เป็นงานทมี่ ลี กั ษณะรปู แบบใด จา� เป็นตอ้ งสร้างสรรคเ์ พ่มิ เติมอีกหรอื ไม่ มากน้อยเพียงใด หรอื เมือ่ มาจัดรวมกันแล้ว (แนวตอบ ผลงานการปน หรืองานสอ่ื ผสม ท่ีจะนาํ มาจัดแสดงเปน เรอื่ งราว 3 มติ ิ มีความกลมกลืน มีเอกภาพหรือไม่ หรือสามารถจะส่ือออกมาได้อย่างที่คิดไว้หรือไม่ เป็นต้นว่า ถ้ามีผลงานปั้น ไดอยา งสมบูรณนน้ั ผลงานดังกลาวตอ งสรา ง ความประทับใจใหกบั ผูชม สามารถสือ่ เปน เปน็ รปู สัตวต์ า่ งๆ หลายชนิด กอ็ าจกา� หนดกรอบแนวคิดวา่ จะผูกเรื่องราวเปน็ ชีวิตสัตว์ในป่าใหญ่ หรือสวนสัตว์ หรือ เรอ่ื งราวไดตรงตามจินตนาการ) ผจญภัยป่าดงดิบ ท้ังน้ี กรอบแนวคิดควรมีแนวคิดเดียว ไม่ควรก�าหนดซ้�าซ้อนหลายแนวคิด เพราะจะส่ือออกมา • นกั เรยี นเคยเหน็ ผลงานการปน หรอื งานสอ่ื ผสม ทแ่ี สดงเปนเร่ืองราว 3 มิติ หรอื ไม หากเคย ได้ยาก อาจท�าให้ผลงานที่เสรจ็ แล้วดูไม่น่าสนใจ รวมท้ังจะต้องเปน็ เรื่องท่ีเปน็ รปู ธรรม ดแู ล้วสามารถเขา้ ใจเรอ่ื งราว นกั เรียนรูสกึ อยางไรตอ ผลงานดังกลาว (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบไดอยา งอสิ ระ) ไดท้ นั ที ไม่ต้องอาศยั การตีความ ๒) ออกแบบภาพร่าง ใหน้ �าแนวคดิ มาทา� เปน็ ภาพรา่ งบนกระดาษกอ่ น เพือ่ สื่อความคิดให้ออกมาเป็น รปู ธรรม โดยกา� หนดขนาดพนื้ ที่ จดุ ทจี่ ะวางรปู ปน้ั แตล่ ะชน้ิ การเสรมิ ตกแตง่ ดว้ ยสอ่ื ผสม หรอื การใชอ้ งคป์ ระกอบอนื่ ๆ เช่น สี เส้น เข้ามาช่วยตกแตง่ ให้เรอ่ื งราวมีความสมบูรณ์และสอดคลอ้ งกนั เป็นต้น การออกแบบภาพร่างไวก้ อ่ นจะ ชว่ ยท�าให้การสร้างสรรค์งานด�าเนนิ งานได้อยา่ งเปน็ ระบบ และเม่อื ลงมอื ปฏิบตั ิจะท�างานไดเ้ ร็ว ขณะเดียวกันแนวคิดที่ผู้เรียนจินตนาการไว้ เมื่อส่ือออกมาเป็นภาพร่างแล้ว ยังอาจไม่ลงตัว ต้องมี การปรับเปลี่ยนอีก ถ้าไปปรับแก้ท่ีผลงานจริงอาจแก้ไข ล�าบาก ผลงานบางส่วนอาจบอบช�้า หรือช�ารุดเสียหาย จากการแก้ไขได้ อกี ทั้งแบบภาพรา่ งยงั ช่วยทา� ให้ผู้เรียน สามารถพิจารณาสัดส่วนโดยรวมว่า มีความสมดุลกัน หรือไม่ เพราะผลงานเม่ือพิจารณาโดยรวมแล้วจะต้อง กลมกลืนกนั ดี สอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จริงตามธรรมชาติ เชน่ ช้างตอ้ งใหญ่กว่าสุนขั บา้ นต้องใหญ่กวา่ คน เป็นตน้ นอกจากน้ี ภาพร่างยงั จะช่วยท�าให้เข้าใจถงึ วัสดุอุปกรณ์ “พลังสามัคคี...ความดีแห่งแผ่นดิน” จิตรกรรมส่ือผสม ผลงานของ ตลอดจนจ�านวนผลงานท่ีจะต้องรวบรวมน�ามาใช้ พริ าวรรณ เกิดจร เพือ่ น�าเสนอเปน็ เรอื่ งราวด้วย 76 บรู ณาการอาเซียน ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ขน้ั ตอนแรกสุดในการสรา งสรรคง านศลิ ปะแบบสอ่ื ผสมคอื ข้นั ตอนใด การประชมุ ปฏบิ ัตกิ ารประตมิ ากรรมอาเซยี น (ASEAN Sculpture Symposium) 1. ออกแบบภาพรา ง เปนโครงการในความเหน็ ชอบของคณะกรรมการอาเซยี นวา ดว ยวัฒนธรรมและสาร- 2. ลงมือปฏิบัติงาน สนเทศ (ASEAN Committee on Culture and Information หรอื ASEAN-COCI) 3. เสาะหาวสั ดทุ ีจ่ ะใช จดั ขน้ึ ครง้ั แรกใน พ.ศ. 2524 ณ ประเทศสงิ คโปร ในการจดั แตล ะครงั้ ใหแ ตล ะประเทศ 4. กําหนดกรอบแนวคดิ หมนุ เวยี นกนั เปน เจา ภาพ โดยแตล ะประเทศจะคดั เลอื กประตมิ ากรในประเทศของตน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. การกําหนดกรอบแนวคดิ จะชว ยทาํ ให จากศิลปน แหง ชาติหรอื ศิลปน ท่ไี ดรบั รางวัลในระดับสูงสุด ซึง่ ประตมิ ากรจะตอ ง วางกรอบผลงานใหแคบลง วามีวตั ถุประสงคจะนาํ เสนอเรือ่ งราวอะไร เตรียมแบบรางตามหัวขอ ทีก่ าํ หนดในแตล ะครั้งแลวนําไปสรางเปน ประติมากรรม หรืออยากบอกเลา เร่ืองราวอะไร เมื่อกรอบแนวคดิ ตกผลึกแลว จึงออกแบบ ขนาดใหญด วยการปฏบิ ตั ิงานรว มกนั เพื่อใหเ กิดความใกลชิดและการแลกเปลีย่ น ภาพรา งตามกรอบแนวคิด หลังจากน้นั จงึ คอยจัดหาวสั ดทุ จี่ ะนาํ มาใช ความคดิ ประสบการณ อนั จะกอ ใหเ กดิ เครอื ขา ยประตมิ ากรในกลมุ ประเทศอาเซยี น ในการสรางสรรคผ ลงาน ซงึ่ อาจจะเปน เศษวสั ดุ ผลงานการประดษิ ฐ ประตมิ ากรรมทสี่ รา งขน้ึ จะถกู นาํ ไปติดตงั้ ไวใ นชมุ ชนท่เี ปนสาธารณะ เพือ่ เปน หรอื ผลงานทศั นศิลปประเภทตา งๆ นํามาผสมผสานกันก็ได สัญลกั ษณแ หงความสามคั คีของอาเซียน ประเทศไทยเคยเปนเจาภาพจดั งาน เมอ่ื พ.ศ. 2526 โดยใชอาคารปฏิบตั กิ ารของคณะศลิ ปกรรมศาสตร จฬุ าลงกรณ- มหาวิทยาลยั เปน สถานทส่ี รา งสรรคผ ลงาน จากนั้นนําผลงานมาตดิ ตั้งในพน้ื ท่ี สวนจตจุ ักร กรุงเทพมหานคร 76 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนแบง กลมุ กลุม ละ 5-6 คน ใหแ ตละกลุมชว ยกนั เขียนแผนการสรา งสรรคและ การจัดแสดงผลงานปนและงานสือ่ ผสม ตามหวั ขอ ที่ครกู ําหนดให ดังนี้ • การสรางสรรคผ ลงานปน และงานสอ่ื ผสม • การรวบรวมผลงานปนและงานส่อื ผสม • การจัดแสดงผลงานปน และงานสือ่ ผสม โดยใหแตล ะกลมุ จัดทาํ เปน รายงาน พรอมหา ภาพประกอบ ตกแตงใหสวยงาม สงครูผูสอน ขยายความเขา ใจ E×pand หอ้ งแสดงผลงานประตมิ ากรรมแกะสลกั หินของอิซามุ โนกชู ิ ศิลปน ชาวญีป่ ุน่ ท่เี มืองไอรแ์ ลนด์ รัฐนวิ ยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ใหนกั เรยี นแตละกลมุ สงตัวแทนออกมา นําเสนอแผนการสรางสรรคแ ละการจดั แสดง ๓) เตรียมผลงานท่ีจะใช้น�าเสนอ ทั้งน้ี การเตรียมผลงานในบางอย่างอาจจ�าเป็นต้องให้มีลักษณะ ผลงานปน และงานสื่อผสม หนา ชนั้ เรยี น ครูคอย ช้ีแนะขอ บกพรอ ง เพอื่ ใหน กั เรียนนําไปปรับปรุง ใกล้เคียง หรือมีความเหมือนจริงตามธรรมชาติ จะช่วยเสริมท�าให้เรื่องราวท่ีผู้เรียนน�าเสนอมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น แกไ ข เช่น การแสดงผลงานวิถีชีวิตชาวนา นอกจากใช้ผลงานปั้นเป็นรูปชาวนา รูปควาย และอ่ืนๆ แล้ว ถ้าใช้สื่อผสม เข้ามาช่วย ด้วยการน�าเศษฟางข้าวตัดเป็นช้ินเล็กๆ โปรยปูพ้ืน หรือท�าเป็นลอมฟาง ก็จะย่ิงช่วยสื่อความเข้าใจ ท�าใหผ้ ลงานดูแลว้ มีลักษณะใกล้เคียงความจรงิ น่าดู นา่ ชมมากข้ึน เป็นตน้ โดยผลงานท่ีจดั เตรียมไวน้ ้ันตอ้ งค�านงึ ถึงสดั ส่วน สี องคป์ ระกอบอื่นๆ ท่เี มื่อนา� จดั แสดงเป็นเรอื่ งราวแลว้ ต้องมคี วามเปน็ เอกภาพ กลมกลนื กัน สามารถชว่ ยสอื่ เรือ่ งราวท่ตี อ้ งการจะน�าเสนอได้ ๔) สรา้ งสรรคผลงาน ตามแบบท่ีรา่ งเอาไว้ ทง้ั น้ีในการปฏิบัติงานสรา้ งสรรคค์ วรจะตอ้ งวางแผนเรยี ง ล�าดบั ขนั้ ตอนไว้ดว้ ยว่าจะต้องทา� อะไรกอ่ น-หลัง จะช่วยทา� ใหเ้ พ่มิ ประสิทธิภาพในการท�างานไดร้ วดเร็ว และไมต่ ้อง เสยี เวลามาแกไ้ ขงาน ในระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ านผเู้ รยี นอาจเกดิ ความคดิ ตอ้ งการแกไ้ ข ตดั ทอน หรอื เพมิ่ เตมิ จากแบบ ท่ีร่างเอาไว้ก็สามารถกระท�าได้ แต่พึงระมัดระวังควรแก้ไขเฉพาะในส่วนปลีกย่อยท่ีไม่ส�าคัญเท่าน้ัน อย่าไปแก้ไข ให้กระทบกับโครงสร้างใหญ่ หรือเปล่ียนแนวคิดไปจากเดิม เพราะอาจจะท�าให้ผลงานไม่มีเอกภาพ ไม่สามารถส่ือ เรอื่ งราวอยา่ งที่ตอ้ งการได้ ไม่ควรปฏบิ ัติงานแบบแก้ไข หลงั จากที่จดั ท�าโครงสรา้ งใหญ่ องคป์ ระกอบหลกั ๆ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว ขนั้ ตอนสุดทา้ ยจึงคอ่ ยมาตกแต่งเกบ็ รายละเอียดให้ผลงานมีความเป็นเอกภาพ กลมกลืนกนั ส�าหรับการแสดงผลงานการปั้น หรือสื่อผสมเปน็ เร่อื งราว ๓ มติ ิ นน้ั ในการแสดงถ้าเพ่มิ มติ ดิ ้านอนื่ ๆ เข้าไปด้วย ได้แก่ แสงไฟ (ถ้าใช้ไฟสปอร์ตไลท์ที่มีความร้อนมากต้องระมัดระวังในการใช้ อย่าส่องไปที่ช้ินงาน โดยตรง เพราะอาจท�าให้ชิ้นงานที่อ่อนนุ่ม เช่น ดินน้�ามันเกิดความเสียหายได้ เป็นต้น) ระบบเสียงที่สอดคล้อง กบั ผลงาน เช่น เรอ่ื งราวทเ่ี ก่ียวกบั ทอ้ งทะเล หากมีเสยี งคล่ืน เสยี งนกทะเลประกอบก็จะช่วยสร้างบรรยากาศ ทา� ให้ การแสดงผลงานมคี วามนา่ ประทบั ใจมากย่ิงขนึ้ เปน็ ตน้ 77 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู การเพม่ิ มิติในขอ ใดทีจ่ ะชว ยทําใหผ ลงานสอื่ ผสมดเู สมอื นจริงมากขน้ึ ครูอธิบายเพิม่ เติมวา การสรา งสรรคงานสื่อผสมสามารถนํามาประยกุ ตใ ช 1. วาดภาพจิตรกรรมเขา ไปเสริม ประกอบการเลาเรื่องตา งๆ ไดอยางเปน รปู ธรรม สมจริงไปกับเน้อื หา ซ่ึงใช 2. ใชค นจรงิ แสดงรวมกบั ผลงาน บูรณาการกับสาระการเรียนรูอื่นๆ ไดอยางดี และยังสามารถนํามาประยุกตใชใน 3. เลือกสรรวสั ดุท่ีเปนธรรมชาติ ชวี ติ ประจาํ วันไดดว ย เชน การนําวสั ดุเหลอื ใชมาทําเปน ของตกแตงบา น เปนตน 4. ใสแ สงไฟและเสยี งประกอบ มมุ IT วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การใสแ สงไฟเพือ่ เพ่ิมบรรยากาศ นกั เรยี นสามารถติดตามขาวการจัดแสดงผลงานทศั นศลิ ป ไดจ าก และมีเสยี งประกอบทีส่ อดคลอ งกบั เรื่องราวของผลงานทน่ี ําเสนอ จะชว ย http://www.icidea.com/box/portfolios_web/ocac/event_fastart.html สรางความรูส กึ และบรรยากาศโดยรวม ทาํ ใหผลงานดูเสมอื นจริงมากขึน้ คูมือครู 77
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Explain Expand Engage Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครูพจิ ารณาจากแผนการสรางสรรคและ เกร็ดศลิ ป การปัน้ ผลงานทีเ่ ปนประตมิ ากรรมลอยตวั การจัดแสดงผลงานปนและงานสอื่ ผสมของนกั เรยี น ในการปั้นผลงานท่ีเป็นประติมากรรมลอยตัวนิยมใช้ โดยพจิ ารณาดานความถกู ตอง เนือ้ หาสาระ และ ความสวยงาม วัสดุที่อ่อนนุ่มน�ามาปั้น เช่น ดินเหนียว ดินน�้ามัน ข้ีผ้ึง เป็นต้น จึงจ�าเป็นจะต้องมีแกนสอดใส่ไว้ด้านใน เพ่ือท�า หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู หน้าท่ีเป็นโครงสร้างหลักช่วยพยุงให้ผลงานสามารถต้ังอยู่ได้ ซ่ึงแกนในมักจะมีรูปร่างตามลักษณะของงาน แกนในของ 1. ผลงานทศั นศิลปป ระเภทงานปน และ ผลงานประติมากรรมส่วนใหญ่นิยมใช้โลหะ เพราะดัดโค้งงอ งานส่ือผสม ไปตามแบบได้ง่าย ส่วนมากมักจะใช้ลวดขนาดใหญ่ เพราะ มีความแข็งแรงพอประมาณ ไม่นิยมใช้ไม้มาท�าเป็นแกนใน เพราะไม้จะขยายตัว 2. แผนการสรางสรรคและการจดั แสดงผลงานปน เม่ือโดนความชื้น อาจท�าให้รูปร่างของงานปั้นผิดเพ้ียนไปได้และเพ่ือให้เนื้อวัสดุ และงานส่อื ผสม กับแกนยึดติดกนั ไดด้ ี จึงมักเพิ่มความขรขุ ระใหก้ บั แกนใน ดว้ ยการน�าขดลวดเลก็ มาพนั รอบๆ แกน อีกชนั้ หน่ึงด้วย กิจกรรม ศิลปปฏบิ ตั ิ ๖.๑ กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนแต่ละคนเลือกสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลปที่เป็นงานปั้น หรืองานส่ือผสมตาม จินตนาการของผูเ้ รียนมาคนละ ๑ ช้นิ กจิ กรรมที่ ๒ ใหผ้ เู้ รยี นจดั กลมุ่ ๕ คน นา� ผลงานปน้ั และสอ่ื ผสมทส่ี มาชกิ ในกลมุ่ สรา้ งสรรคข์ นึ้ รวบรวม แลว้ นา� มาแสดงเปน็ เร่ืองราว ๓ มิติ โดยเน้นถึงความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน สามารถจะสอ่ื เร่อื งราวทีต่ อ้ งการจะนา� เสนอได้ กิจกรรมท่ี ๓ จงตอบคา� ถามตอ่ ไปนี้ ๓.๑ ผลงานที่เปน็ การปัน้ กบั ผลงานที่เปน็ สือ่ ผสม มีความเหมือนหรอื แตกต่างกันอย่างไร ๓.๒ จงอธิบายแนวทางในการน�าผลงานภาพปัน้ หรอื สื่อผสมไปแสดงเป็นเรอื่ งราว ๓ มติ ิ ว่าควรปฏิบตั อิ ย่างไร สรุป การสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประติมากรรม คือ งานป้ันและงานส่ือผสม เป็นการแสดงออก อย่างหน่ึงทางด้านศิลปะ สาขาทัศนศิลป์ ที่ผเู้ รยี นสามารถจะสรา้ งสรรค์ผลงานออกมาได้ตามความชอบ และจินตนาการของตน ซึง่ ผลงานประเภทน้จี ะมคี วามงาม ความนา่ ประทบั ใจ สร้างสนุ ทรียะทางอารมณ์ ช่วยพัฒนาผู้เรียนได้เช่นเดียวกับผลงานศิลปะในแขนงอ่ืนๆ และผลงานทั้งหมดท่ีสร้างสรรค์ขึ้นมาน้ัน หากได้รวบรวมนาำ มาจดั แสดงเป็นเรื่องราว ๓ มติ ิ ตามจนิ ตนาการก็สามารถจะนำาไปแสดงได้หลากหลาย เร่อื งราว ยิ่งช่วยเพ่ิมคณุ คา่ และพัฒนาความคดิ ใหม้ ีความหลากหลายมากยง่ิ ขน้ึ ไปอีก 7๘ แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป ฏบิ ตั ิ 6.1 กจิ กรรมท่ี 3 1. งานปน และงานส่อื ผสมเปนผลงานทัศนศลิ ปเหมอื นกัน เพยี งแตแ ตกตา งกนั ทล่ี ักษณะของผลงาน โดยงานปน จะเปน การนาํ เอาวสั ดทุ ่มี ีเนือ้ ออ นทส่ี ามารถรวมกันได หรอื แบงแยกออกจากกนั ได เชน ดินเหนยี ว ดินนํา้ มัน ขผี้ งึ้ มาตกแตง ทําเปน รูปทรงตา งๆ เรยี กวา “งานประติมากรรม” สวนงานสอ่ื ผสมเปน ผลงานศิลปะทีเ่ กิดจาก การผสมผสานสือ่ ทางศิลปะทม่ี ีลกั ษณะแตกตา งกัน เชน การผสมกนั ระหวา งงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพมิ พ เปนตน แลวนํามาจดั วางผสมผสานกัน จนกลายเปนผลงานศลิ ปะชนิ้ ใหม 2. แนวทางในการนําผลงานการปน หรืองานส่ือผสมไปจัดแสดงเร่ืองราวเปน 3 มิติ มีดงั น้ี 1. กาํ หนดกรอบแนวคิดของผลงาน 2. ออกแบบหรอื รา งแบบ 3. เตรยี มผลงานทีจ่ ะใชนาํ เสนอ 4. สรางสรรคผ ลงาน ทั้งนีผ้ ลงานท่เี ตรียมไวจดั แสดงตอ งคํานงึ ถึงสัดสว น สี องคประกอบอ่ืนๆ ท่ีเม่ือนํามาจัดแสดงเปน เรอ่ื งราวแลว ตองมคี วามเปน เอกภาพ กลมกลืนกนั สามารถชวยสอ่ื ถงึ เร่ืองราวท่ตี องการจะนาํ เสนอได 78 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู ออกแบบรปู ภาพ สญั ลักษณ หรอื กราฟกอน่ื ๆ ในการนําเสนอความคดิ และขอ มูล สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค 1. มวี ินยั 2. ใฝเรียนรู 3. มุง มัน่ ในการทํางาน ๗หนว่ ยท่ี กระตนุ ความสนใจ Engage การออกแบบรปู ภาพ สัญลกั ษณ์ และงานกราฟกิ ครูใหนกั เรียนดูภาพหนา หนวย ในหนังสอื เรยี น การออกแบบ คือ การสร้างสรรคส์ ง่ิ ใหม่ หรอื ปรับปรุง หนา 79 แลว ใหนกั เรยี นชวยกนั พจิ ารณาวา ตัวชี้วัด ศ ๑.๑ ม.๑/๕ เปล่ียนแปลงส่ิงท่ีมีอยู่เดิมให้ดียิ่งข้ึน ในทางทัศนศิลป์ • ภาพดังกลา วใชเ ทคนิคใดในการออกแบบ การออกแบบ คอื การนาำ เอาองคป์ ระกอบศลิ ป์ หรอื ทศั นธาตุ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ■ ออกแบบรปู ภาพ สญั ลกั ษณ ์ หรอื กราฟกิ อน่ื ๆ ในการนา� เสนอ ไดอ ยางอิสระ) ความคดิ และขอ้ มลู จากน้นั ใหนกั เรียนชว ยกันยกตัวอยา งของใช มาจัดเป็นภาพตามหลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ ในชีวติ ประจําวนั ทีน่ ักเรียนเห็นวา มีการออกแบบ ไวอยางสวยงาม มาประมาณ 2-3 ช้นิ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง โดยสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ตามจินตนาการของ ผู้ออกแบบ การออกแบบมีบทบาทมากในสังคมปัจจุบนั เพราะ ■ การออกแบบรปู ภาพ สัญลกั ษณ ์ หรืองานกราฟิก ชวี ติ มนษุ ยม์ คี วามเกยี่ วขอ้ งกบั การสอ่ื สาร เพอ่ื การรบั รขู้ อ้ มลู ตา่ งๆ ซ่ึงการส่ือสารด้วยสิ่งพิมพ์ท่ีแสดงออกเป็นรูปภาพ สัญลักษณ์ และงานกราฟิก นับเปน็ วธิ ที ีแ่ พร่หลายและเขา้ ถงึ ผู้คนไดง้ ่าย 79 เกรด็ แนะครู การเรยี นการสอนในหนวยการเรยี นรนู ี้ ครูควรอธิบายเกี่ยวกบั การแสดงออก ทางดานการออกแบบวา เปนการสรา งสรรคง านศลิ ปะในรูปแบบใหมๆ ข้นึ มา ซึ่งจะมีความแตกตางกันตามกระบวนการคดิ และสติปญญาของแตละบคุ คล ทั้งนี้ ขน้ึ อยกู บั ความประทับใจท่จี ะชวยสรา งแรงบนั ดาลใจตอ ผอู อกแบบ โดยคาํ นงึ ถึง ความตอ งการ ความสวยงาม ความกลมกลืนของรูปทรง สี รวมท้งั สะทอ นใหเ ห็น ถึงรสนยิ มอนั ทันสมัยและความกาวหนา ซ่ึงการศกึ ษาในระดับชน้ั นีจ้ ะกลา วถึงการ ออกแบบในชีวติ ประจาํ วัน โดยอาศยั หลกั การจัดองคป ระกอบศลิ ปมาประยกุ ตใ ช ใหเ หมาะสมกบั งานออกแบบรูปภาพ สญั ลักษณ และงานกราฟกอ่นื ๆ คมู ือครู 79
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore กระตนุ ความสนใจ Engage ครใู หนักเรียนดภู าพผลงานการออกแบบ เชน ñ. ¡ÒÃÍ͡Ẻû٠ÀÒ¾ ผลงานการออกแบบโฆษณา ผลงานการออกแบบ สญั ลกั ษณ ผลงานการออกแบบปกนิตยสาร ผลงาน การออกแบบรูปภาพ เป็นกระบวนการฝกให้รู้จักสังเกต รู้จักการแก้ปัญหาและการวางแผน เพื่อเลือก การออกแบบปกหนังสอื เรียน แลว ใหน กั เรียน รวมกันแสดงความคิดเห็นเรอื่ งความแตกตา งของ ทศั นธาตุมาใชใ้ นการออกแบบ เช่น จา� นวนจดุ ลักษณะของเสน้ ขนาดของแบบ และสีท่ีใช้ เป็นตน้ ซ่ึงธรรมชาตทิ ่ี ผลงานทัง้ 4 ภาพวา เทคนคิ การออกแบบแตกตา ง กนั อยา งไร อยรู่ อบตวั จะเป็นแหล่งความรทู้ ีก่ วา้ งใหญ่อนั จะเปน็ ท่มี าของแนวคดิ รปู แบบ สา� หรับนา� มาดดั แปลง ตัดทอน ให้เกดิ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็นได รูปแบบใหม่ๆ ตามที่ต้องการบนพืน้ ฐานเดมิ ท่ตี ้องการจะส่ือความหมาย อยา งอิสระ) ผู้สร้างงานควรศึกษาองค์ประกอบในการออกแบบรูปภาพให้เข้าใจ เพ่ือจะได้น�ามาประยุกต์ใช้ใน จากน้ันครเู กร่นิ นาํ เขา สูหวั ขอ การออกแบบ รูปภาพ การสร้างผลงานให้มีความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดลุ 1 ๑.๑ การออกแบบรูปภาพดว้ ยจุด จุด เป็นองค์ประกอบหน่ึงของทัศนธาตุที่ สาํ รวจคน หา Explore สามารถน�ามาสร้างภาพได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ภาพคน สิ่งของ ทวิ ทัศน์ หรือเป็นภาพจากจนิ ตนาการ ใหน ักเรยี นศึกษา คน ควาเก่ียวกบั การออกแบบ วธิ ีการสร้างภาพด้วยจุดแบบง่ายๆ คอื รปู ภาพ จากแหลง เรียนรูตางๆ เชน หนงั สอื เรยี น หอ งสมดุ อนิ เทอรเน็ต เปน ตน ตามหวั ขอ ท่ีครู ๑. ออกแบบช้ินงานที่ต้องการจะสร้าง โดย กําหนดให คือ การออกแบบรูปภาพดว ยจดุ และ การออกแบบรปู ภาพดว ยเสน การรา่ งภาพก่อน ๒. ก�าหนดแสงเงา 2 มนุษย์ได้มีพัฒนาการออกแบบรูปภาพ โดยใช้จุดมาสร้างสรรค์เปน ภาพโมเสก ซึ่งจิตรกรรมในสมัยโรมันนิยมน�ากระเบ้ืองโมเสกมา ๓. ใช้ปากกาปลายสักหลาด หรือปากกา ประดบั ตกแตง่ ใหเ้ กดิ ความสวยงามเปน เรอื่ งราวต่างๆ เขยี นแบบจดุ ลงบนภาพทร่ี า่ งไว้ สว่ นใดมดื หรอื มนี า�้ หนกั ความเข้มมากก็จุดทับซ้อนกันหลายคร้ัง ถ้าต้องการให้ มีแสงมากก็จุดห่างๆ ถ้าแสงสว่างจัดๆ ให้ปล่อยขาวได้ ส่วนท่ีเป็นน�้าหนักขนาดกลางให้จุดพอประมาณ เพ่ือให้ เกดิ ความลกึ ตนื้ หรอื มดื สว่างตามท่ีตอ้ งการ การสร้างภาพด้วยจุดสามารถท่ีจะน�าไปสร้าง ผลงานไดห้ ลายรปู แบบไมว่ ่าจะเป็นภาพคน สัตว์ สง่ิ ของ หรอื ภาพจากจนิ ตนาการ ๑.๒ การออกแบบรูปภาพดว้ ยเส้น เส้น มีหลายลักษณะและท�าให้เกิดความรู้สึก ที่หลากหลายต่อผู้พบเห็น การขีดเขียนเส้นออกมาใน ลกั ษณะตา่ งๆ เมอ่ื นา� ไปสรา้ งอยใู่ นองคป์ ระกอบทเี่ หมาะสม เสน้ ในลักษณะต่างๆ ที่สามารถน�ามาใช้ออกแบบเปน รูปภาพได้ แลว้ จะก่อเกิดจนิ ตนาการได้ไม่มีทส่ี ้นิ สดุ 80 นักเรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET การออกแบบมคี วามสาํ คัญอยางไรตอ การสรา งสรรคผลงานทัศนศิลป 1 จดุ ในทางทศั นศลิ ปเ ปน ส่ิงที่ปรากฏบนพื้นระนาบทมี่ ีขนาดเลก็ ท่ีสุด แนวตอบ การออกแบบถอื เปนการถายทอดความคดิ จนิ ตนาการของ ไมม คี วามกวาง ความยาว ความสูง ความหนา หรือความลึก แตบ างครงั้ การจดุ ผูสรางสรรคออกมาเปน ภาพท่ีเปนรูปธรรม ซึ่งจะชว ยทาํ ใหเ ห็นภาพรวม ดว ยอุปกรณทมี่ ีขนาดของหวั สมั ผัสใหญ เชน สเี มจกิ พกู นั ก็จะทาํ ใหจดุ มีขนาด ของผลงานข้ันสุดทาย ซง่ึ สามารถจะปรบั ปรุง เพ่ิมเติม แกไขไดกอ นลงมือ ใหญและเกิดความกวาง ความยาวขน้ึ ได ปฏิบตั ิจริง ขณะเดยี วกันกจ็ ะชว ยสอื่ สารกบั ผอู น่ื ใหเขา ใจไดตรงกนั เพราะ 2 ปากกาปลายสกั หลาด นยิ มเรยี กวา ปากกาเมจิก ปากทาํ ดวยสักหลาดแข็ง เหน็ เปน ภาพเดียวกนั นอกจากน้ี การออกแบบจะชว ยใหสามารถกาํ หนด มีท้งั ชนดิ ปากกลมและปากตัด ปากกาชนดิ น้ใี ชประโยชนใ นงานหลายๆ อยา ง ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงานไดอยา งถูกตอ ง เหมาะสม และมีประสทิ ธภิ าพ เชน ปากกาปากตัดใชเ ขยี นตวั อกั ษรหวั ตดั หรอื ตวั ริบบิ้น ปากกลมเหมาะสาํ หรบั ดงั นั้น การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท ด่ี จี งึ ตองมกี ารออกแบบไวก อน เขยี นตัวอกั ษรประดษิ ฐหรอื ระบายสี มที ้งั ชนิดลบไดแ ละลบไมได บางชนดิ มีลักษณะโปรง ใส สามารถเขียนบนแผนใสได และบางชนิดท่มี ีสีสะทอนแสง เหมาะสําหรับขดี ทบั ตัวอกั ษรเพื่อใชเนนคาํ 80 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เส้นมีความส�าคัญอย่างมากในการสร้างภาพ ในการลากเส้นผู้สร้างจะต้องใช้สมาธิในการสร้างงาน 1. ใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเก่ียวกบั อยา่ งมาก จึงจะท�าใหง้ านน้นั มีคณุ ค่าทางสนุ ทรียภาพ และความหมายทตี่ ้องการสอ่ื ออกมา การออกแบบรปู ภาพ ในประเดน็ การออกแบบ รูปภาพดว ยจุดและการออกแบบรูปภาพดว ย การเร่ิมต้นงานออกแบบรูปภาพด้วยเส้นลักษณะต่างๆ ควรมีการฝกฝน เพ่ือให้เกิดความเคยชินของ เสน ครคู อยเสริมเพมิ่ เตมิ ขอ มลู จากนนั้ กล้ามเน้อื โดยการฝก ทักษะในการเคลื่อนไหวนว้ิ มอื และสว่ นของขอ้ มอื เมือ่ สามารถร่างเสน้ จนช�านาญแล้วจะพบวา่ ครูถามนกั เรยี นวา การรา่ งเส้นเพียงเสน้ เดียวกส็ ามารถสอื่ ความหมายต่างๆ ไดม้ ากมาย • การออกแบบรูปภาพหมายถงึ การออกแบบ ลักษณะใด และมคี วามสําคญั อยางไร การสร้างภาพด้วยเส้นควรเลือกใช้เส้นตรงแนวต้ังและแนวนอน น�ามาจัดวางให้มีช่องว่างถี่และห่างท่ีดู (แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพเปน กระบวนการ เหมาะสม ก็จะท�าให้เกิดมิติของการเคล่ือนไหว โดยอาจใช้การระบายสีแบบตาหมากรุก คือ ระบายช่องเว้นช่อง ฝกใหรูจ ักการสังเกต รจู ักการแกป ญหา และการวางแผน เพอ่ื เลือกทศั นธาตุมาใชใน ใสหล้เับกกดิ ันภดาพ้วยลสวงีขตา1าวไกดับ้ สดีดังต�าัวอหยรา่ืองเลือกสีคู่ตรงข้ามคู่ใดคู่หนึ่งก็ได้ ซ่ึงการระบายสีลงในช่องดังกล่าวจะเป็นตัวเสริม การออกแบบ เชน จุด เสน ขนาด สี เปน ตน การออกแบบรปู ภาพเปน องคป ระกอบหลัก ขัน้ ที่ ๑ ลากเสนตั้ง จัดระยะ ขน้ั ท่ี ๒ ลากเสน นอน จัดระยะ ขนั้ ท่ี ๓ ระบายสสี ลบั ขาวและดาํ ของงานออกแบบโฆษณา เชน การออกแบบ ของเสนใหมีความถี่และหางตาม ของเสนใหม คี วามถ่ี และหางตาม (คูสีตรงขามอ่ืนๆ) จนผลงาน สอื่ สิ่งพิมพ ปายโฆษณา โปสเตอร เปน ตน) ความเหมาะสม ความเหมาะสม สําเร็จ • การออกแบบรูปภาพดว ยจดุ และการ ออกแบบรปู ภาพดวยเสนมีลักษณะเดน นอกจากการใช้เสน้ แนวตัง้ และแนวนอนแล้ว ยังสามารถใช้เส้นลักษณะอ่ืนๆ มาสรา้ งภาพได้ด้วยเทคนคิ อยางไร ท่หี ลากหลาย ดงั ภาพ (แนวตอบ การออกแบบรปู ภาพดว ยจดุ สามารถทจี่ ะนาํ ไปสรางผลงานไดหลาย เส้นแต่ละแบบจะให้ความรู้สึกท่ีแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของผู้ออกแบบว่าจะน�าเส้นแต่ละแบบ รูปแบบ ไมว าจะเปนภาพคน สตั ว สง่ิ ของ มาประกอบกันเป็นองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกลักษณะใด เป็นต้นว่าให้ความรู้สึกที่อ่อนไหว เศร้า แข็งกร้าว หรือภาพจากจนิ ตนาการ สว นการออกแบบ สนุกสนาน หรือตื่นเต้น ซ่ึงจะขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้สร้างภาพ นอกจากนั้นเส้นยังสามารถน�ามาประกอบกัน รปู ภาพดว ยเสนจะใหความรสู กึ แตกตางกัน เปน็ รปู ร่าง รูปทรง ประเภททรงกลม สามเหลยี่ ม ส่ีเหลยี่ ม หรอื รูปรา่ ง รปู ทรงอิสระ และเสริมภาพที่สรา้ งขนึ้ ด้วย ออกไปตามจินตนาการของผูออกแบบวา การใชท้ ัศนธาตุ เช่น จุด เส้น สี แสง เงา เป็นต้น ใหม้ คี วามสมบรู ณม์ ากยิ่งขึน้ จะนาํ เสนแบบใดมาประกอบกัน เพราะเสน แตละแบบจะใหค วามรสู กึ แตกตา งกนั ) 8๑ 2. ใหนักเรียนฝก ออกแบบรปู ภาพดวยเสน ตามตวั อยางขั้นตอนการสรางภาพดว ยเสน ในหนงั สือเรียนหนา 81 โดยทําลงกระดาษ วาดเขยี น นําผลงานสง ครผู ูส อน แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู กระบวนการออกแบบรปู ภาพคอื ขอ ใด การศกึ ษาเก่ยี วกบั การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ และเสน ครอู าจใหน ักเรยี นใช 1. จาํ นวนจดุ ลักษณะของเสน ดนิ สอดาํ ลากเสน ใหเปน ภาพหลายๆ ลกั ษณะ ตามจินตนาการ แลวนําเสนอให 2. ขนาดของแบบ สที ีใ่ ช เพ่อื นๆ ฟงถงึ แนวคิดและจินตนาการของตนเอง เพอื่ ใหนกั เรียนไดฝกการออกแบบ 3. การสงั เกต การแกปญหา การวางแผน รูปภาพและฝกใชค วามคิดสรา งสรรค 4. ศกึ ษาคน ควา ลงมอื ปฏบิ ัติ นกั เรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบรูปภาพเปน กระบวนการ 1 ภาพลวงตา (optical illusion) คอื ภาพที่หลอกประสาทตาของเราใหม องเห็น ฝก ใหรูจักสงั เกต รจู กั แกป ญ หา และวางแผน เพ่อื จะไดเ ลอื กทศั นธาตุมาใช และรบั รภู าพนน้ั ๆ คลาดเคล่ือนไปจากความจรงิ หรอื ทําใหม องเหน็ เปนอกี แบบหนึง่ ในการออกแบบไดถ กู ตองและมีประสิทธภิ าพมากท่ีสุด คูมอื ครู 81
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหน ักเรียนศกึ ษาข้นั ตอนการออกแบบภาพ ส�าหรับการออกแบบรูปภาพน้ัน เป็นองค์ประกอบหลัก1ของงานออกแบบโฆษณา เช่น การโฆษณาทาง ตน ไม ในหนงั สอื เรียนหนา 82 จากน้ันใหน กั เรยี น ฝก ออกแบบภาพตนไมต ามตวั อยางขนั้ ตอนใน หนงั สือพิมพ์ ป้ายประกาศ โปสเตอร์ และงานออกแบบส่ือสิง่ พิมพ์ โดยเฉพาะรูปแบบของปกหนงั สอื รูปภาพธนบตั ร หนงั สอื เรียน โดยทําลงกระดาษวาดเขยี นเสร็จแลว จึงใสร ายละเอยี ดตามความตอ งการ นําผลงานสง ชนิดต่างๆ ตลอดจนงานออกแบบสัญลักษณ์ที่สื่อ2ความหมาย เช่น เคร่ืองหมายจราจร เครื่องหมายของสมาคม ครผู ูสอน เครือ่ งหมายบรษิ ัท เครื่องหมายสินค้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นตน้ งานออกแบบประเภทตา่ งๆ สว่ นหน่ึงต้องประกอบ ไปด้วยรูปภาพที่เป็นส่วนหนึ่งท่ีนักออกแบบจะต้องคิดให้มีความสร้างสรรค์ลงในตัวผลงาน เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาฝีมือขั้นพ้ืนฐานของการออกแบบ ในระดับช้ันน้ีจะน�าเสนอตัวอย่างการออกแบบรูปภาพต้นไม้ ส่ิงของ คน และสตั วอ์ ย่างงา่ ยๆ ดงั นี้ การออกแบบภาพต้นไม้ ในล�าดับแรกต้องวาดรูปร่างพ้ืนฐานและเส้นประกอบขึ้นเป็นเค้าโครงง่ายๆ ก่อน เพ่ือเป็นการก�าหนด รูปแบบเบอื้ งตน้ เสรจ็ แลว้ จงึ ใสร่ ายละเอยี ดท่ตี อ้ งการ ข้ันที่ ๑ ใชว้ งกลมเป็นตัวก�าหนดภาพต้นไม้ ขั้นท่ี ๒ จากวงกลมเรียบๆ ธรรมดา กเ็ พม่ิ ในส่วนท่ตี อ้ งการ เช่น • ใชเ้ สน้ โคง้ มาเปน็ ตวั กา� หนดลกั ษณะพมุ่ ของตน้ ไม้ • สรา้ งทรงพมุ่ ใหม้ ีใบละเอยี ดซบั ซอ้ น โดยใชร้ ปู ใบทม่ี ลี กั ษณะเปน็ รปู หอกมาจดั วางทบั ซอ้ นกนั • สรา้ งทรงพมุ่ ดว้ ยวงกลมขนาดเลก็ และใหญพ่ อประมาณมาวางทับซ้อนกนั • สร้างลักษณะพุ่มเป็นรูปทรงอิสระ ตกแต่งเสริมด้วยจุดและองค์ประกอบศิลป์อื่นๆ เพ่ือ ความสวยงาม 3 วธิ กี ารขา้ งตน้ เปน็ การออกแบบชนดิ เลยี นแบบธรรมชาติ คอื การนา� เอารปู ทวิ ทศั นแ์ ละรปู ทรงของธรรมชาติ เป็นต้นแบบ แล้ววาดออกมาเป็นภาพด้วยการใช้เส้นลักษณะต่างๆ โดยตัดรายละเอียดออกเหลือไว้แต่ลักษณะเด่น ของโครงสร้าง 82 นกั เรยี นควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET การออกแบบภาพที่ดคี วรคํานงึ ถึงหลักการขอ ใด 1 งานออกแบบสื่อส่งิ พิมพ เปน การออกแบบเพือ่ ผลติ งานสงิ่ พิมพชนดิ ตา งๆ 1. มีลวดลายซับซอน ไดแก หนังสอื หนงั สอื พิมพ โปสเตอร นามบตั ร บตั รตา งๆ งานพิมพล วดลายผา 2. สอ่ื ความหมายงา ย งานพมิ พภาพลงบนสิ่งของเคร่อื งใชต า งๆ งานออกแบบรปู สญั ลักษณ 3. มองเหน็ ไดแตไกล เคร่ืองหมายการคา 4. เปนภาพในจนิ ตนาการ 2 ผลติ ภัณฑ (Product) หมายถึง สิง่ ใดๆ ที่สามารถนาํ เสนอขายใหแกต ลาด วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การออกแบบภาพทีด่ ีจะตอ งดงู าย ชัดเจน เพือ่ ใหเกิดความพอใจ ความตอ งการเปน ของเจา ของ เรียกใหม กี ารซอื้ การใช หรือ สามารถสอ่ื ความหมายไดงายวา เปน ภาพอะไร หรอื ตอ งการจะสื่อ การบรโิ ภค ซึง่ เปนสิ่งทตี่ อบสนองความตอ งการและความจาํ เปนของผูซอ้ื ใหไ ดรบั ความหมายเกี่ยวกบั อะไร ดงั นนั้ ภาพที่สรางสรรคข ึน้ มาจะตอ ง ความพอใจ ไมมีความซบั ซอนมาก หรอื เนนรายละเอียดมาก จนองคป ระกอบสว นยอยๆ 3 ทิวทัศน คอื ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีปรากฏใหเ หน็ ตามธรรมชาติ เชน ทวิ ทศั น ของภาพไปดงึ ความสนใจจากภาพหลกั ทต่ี อ งการจะสอื่ ทุงนา ทิวทัศนป า เขา ทวิ ทัศนท างทะเล เราจะเรยี กภาพเขยี น หรือภาพถายจาก ทวิ ทศั นวา “ภาพทวิ ทัศน” 82 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู การออกแบบภาพคน 1 ใหนักเรยี นศกึ ษาข้ันตอนการออกแบบภาพคน และการออกแบบภาพสตั ว ในหนงั สอื เรยี นหนา การออกแบบภาพคนใหเ้ ปน็ ลกั ษณะงานออกแบบนน้ั สามารถใชห้ ลกั การเดยี วกนั ได้ คอื สงั เกตจากลกั ษณะ 83 จากนั้นใหน ักเรยี นฝก ออกแบบภาพคนและ จรงิ ตามธรรมชาตแิ ล้วน�ามาตัดทอนรายละเอียดต่างๆ ตกแตง่ เพม่ิ เตมิ และจดั องคป์ ระกอบใหเ้ กดิ ความงาม ออกแบบภาพสัตวต ามตวั อยางข้ันตอนท่ีระบุไว ในหนังสือเรยี น โดยทําลงกระดาษวาดเขียน การวาดภาพและออกแบบภาพคน โดยใช้วิธีตัดทอนน้ัน คือ การน�าส่วนที่ไม่จ�าเป็นต้องใช้ออกให้หมด เสรจ็ แลวจงึ ใสรายละเอียดตามความตอ งการ เหลือไว้แตส่ ว่ นท่ีต้องการส่ือความหมายเท่าน้นั เช่น การสอ่ื ความหมายเร่อื งการแตง่ กายของแตล่ ะเพศ ดงั ภาพ นาํ ผลงานสงครผู ูสอน การออกแบบภาพสัตว์ ตวั อยา่ งขั้นตอนการออกแบบภาพนก มีดังน้ี ขน้ั ที่ ๑ ใช้เส้นโค้งเป็นเส้นหลกั ขัน้ ที่ ๒ ใช้เส้นโค้งรูปวงกลมเป็นหัวนก ใช้รูปร่างสามเหล่ียมเป็นปีกและใช้รูปร่างสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า เป็นหาง ข้ันที่ ๓ ตกแต่งรายละเอยี ดดว้ ยเสน้ ลักษณะต่างๆ และจดุ ข้นั ท่ี ๑ ข้ันที่ ๒ ขน้ั ท่ี ๓ ในกรณีเดียวกันการออกแบบรูปภาพสัตว์ชนิดอ่ืนๆ ก็สามารถใช้วิธีการดัดแปลง ตัดทอนรายละเอียด ที่เหมือนจริงตามธรรมชาติออก และพัฒนาให้ได้รูปร่าง รูปทรงท่ีสวยงาม และสามารถส่ือให้รู้ได้ว่าเป็นภาพอะไร ดงั ภาพ 8๓ แนวขอสNอบTเนน Oก-าNรคETิด เกร็ดแนะครู การออกแบบภาพวาดคนอยางงายๆ ควรปฏบิ ัติตามขอใด การสรางบรรยากาศการเรยี นการสอนเกย่ี วกบั การออกแบบรูปภาพ ครูอาจให 1. ตีเสนแบงเปนตารางกรดิ นกั เรยี นแตละคนออกแบบภาพปลา พรอ มเขียนขัน้ ตอนการออกแบบเปน ขอๆ ให 2. ใชเ สนโคงวาดรูปทรงหลัก ชดั เจน ซง่ึ ภาพปลาทีไ่ ดของแตล ะคนอาจจะเหมอื นกัน หรือแตกตา งกนั เลก็ นอ ย 3. กําหนดรูปรา งใหเปนสีเ่ หลย่ี ม จากนนั้ ใหน กั เรียนนาํ ผลงานมาแสดงและรว มกันแสดงความคดิ เหน็ 4. ไมมกี ฎเกณฑแ ลวแตความถนดั นักเรียนควรรู วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. การวาดเสน โคง ทําเปนวงกลมซอ นกัน 1 การออกแบบภาพคน หากตอ งการใหภ าพท่อี อกแบบมีความสวยงามยงิ่ ขึ้น เพอื่ กําหนดสัดสว น รูปรางและทาทางของคน คือ การเนนการรา งเคาโครง ผอู อกแบบควรศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั สดั สว นและโครงสรา งของมนษุ ย เพอ่ื เปน แนวทาง อยา งงายๆ ซง่ึ ถาไมสอดคลอ งกบั แนวคิดทต่ี องการนําเสนอจะไดแ กไข ในการออกแบบ ซึ่งจะทาํ ใหไดภาพทถ่ี กู ตอง เพราะถา ไมถ ูกตอ ง หรอื ผิดสัดสว น ไดง าย หลงั จากนั้นจงึ เพิ่มเติมรายละเอยี ดเขาไป ก็จะไดภาพคน กจ็ ะมองหรือรไู ดท ันทเี พราะเปนสงิ่ ใกลต วั อยแู ลว การออกแบบภาพคนมสี ง่ิ ตองคํานงึ อยา งงายๆ ตามวตั ถปุ ระสงค ถึงคอ นขา งมาก เพราะมนุษยม ีทั้งเพศหญิง เพศชาย และมีอริ ิยาบถตางๆ ซ่งึ ในแตล ะทา ทางของการเคล่ือนไหวจะใหความรูสึกและความสวยงามตา งกนั คมู อื ครู 83
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล Explore Engage Explain Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู ใหนักเรียนศกึ ษาขน้ั ตอนการออกแบบภาพ การออกแบบภาพสิง่ ของ ส่งิ ของ ในหนังสือเรยี นหนา 84 จากนั้นใหน กั เรยี น ฝก ออกแบบภาพสิ่งของตามตวั อยางขนั้ ตอนใน การออกแบบภาพส่ิงของต่างๆ คือ การน�าเส้น จุด รูปร่าง รูปทรงต่างๆ มาใช้อย่างเหมาะสม หนงั สอื เรียน โดยทาํ ลงกระดาษวาดเขยี น เสรจ็ แลว โดยสังเกตจากรูปร่าง รูปทรงที่น�ามาใช้ว่ามีความสอดคล้องและใกล้เคียงกับส่ิงท่ีต้องการจะวาดหรือไม่ เช่น จงึ ใสร ายละเอียดตามความตองการ นาํ ผลงาน การออกแบบวัตถุสิ่งของท่ีเริ่มจากการน�ารูปร่างแบบเรขาคณิตมาวางทับซ้อนกัน โดยให้สังเกตว่ารูปทรงของวัตถุ สง ครผู ูสอน ส่ิงของทต่ี นจะวาดนน้ั มรี ูปทรงอย่างไร แล้วจึงน�ารูปร่างรูปทรงทีเ่ หมอื นกนั มาทา� เปน็ โครงสร้างข้างตน้ และตอ่ เตมิ รายละเอียดตามความต้องการ เป็นตน้ ขยายความเขา ใจ E×pand ตัวอยา่ งขัน้ ตอนการออกแบบภาพรถยนต์ มีดังน้ี ใหน กั เรยี นออกแบบรปู ภาพ มาคนละ 1 รปู ภาพ ขัน้ ท่ี ๑ เริ่มจากใช้รปู รา่ งเรขาคณิต จดั วางให้ไดร้ ูปแบบที่ตอ้ งการ โดยใชค วามรูเกย่ี วกบั การออกแบบรูปภาพดวยจุด ขัน้ ที่ ๒ ใส่รายละเอยี ดตา่ งๆ ของรถใหช้ ัดเจน และการออกแบบรปู ภาพดว ยเสน ตามทไ่ี ดศ กึ ษามา หรืออาจจะใชวธิ ีเลียนแบบจากส่งิ ของทเ่ี ปน จริง ในท�านองเดียวกัน เราสามารถใช้วิธีเลียนแบบจากสิ่งของท่ีเป็นจริง แล้วน�ามาตัดทอนรายละเอียด แลว นาํ มาตดั ทอนรายละเอยี ดใหเ หลอื แตโครงสราง ใหเ้ หลอื แต่โครงสรา้ งโดยรวมก็ได้ กน็ ับเปน็ การออกแบบอกี วธิ ีหนง่ึ ดงั ภาพ โดยรวมกไ็ ด โดยใหน กั เรียนทําลงกระดาษวาดเขียน นาํ ผลงานสงครูผูสอน ตรวจสอบผล Evaluate ครพู จิ ารณาจากผลงานการออกแบบรปู ภาพ โดยใชค วามรเู กยี่ วกบั การออกแบบรปู ภาพดวยจดุ และการออกแบบรูปภาพดวยเสน ของนกั เรยี น 8๔ เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูเนน ยํ้าเก่ียวกบั การออกแบบภาพสญั ลักษณวา ภาพสญั ลักษณสามารถ ใหน กั เรยี นออกแบบภาพสตั วทนี่ กั เรียนช่นื ชอบ มาคนละ 1 ภาพ ออกแบบไดจ ากองคป ระกอบพน้ื ฐาน คอื จดุ เสน ระนาบ แลว นาํ องคป ระกอบเหลา น้ี ตามจินตนาการ โดยไมด ขู ้นั ตอนในหนงั สอื เรียน จากนัน้ ใหน ักเรียน มาจัดวางตามหลกั การจัดองคประกอบศลิ ปใ หม คี วามสัมพันธกนั อยางเรียบงา ย ออกมานาํ เสนอผลงานของตนเอง หนา ชัน้ เรยี น และสอื่ ความหมายชัดเจน โดยไมตองมคี าํ อธิบายเปนภาษาเขยี นหรือภาษาพดู กิจกรรมทา ทาย บรู ณาการอาเซียน ใหน กั เรียนออกแบบภาพคน สัตว หรอื สิง่ ของ ประกอบกนั เปน ใหนักเรียนชวยกนั คน หาการออกแบบภาพท่สี ือ่ ความหมายถึงประเทศสมาชกิ เรื่องราว คนละ 1 เรื่อง จากน้นั ใหน กั เรยี นออกมาเลา เรือ่ งประกอบภาพ อาเซยี น โดยอาจจัดแยกเปน ชุด หรอื หมวดหมู เชน ชดุ ดอกไมประจําชาติอาเซยี น ของตนเอง หนา ชัน้ เรยี น ชดุ สถานท่สี ําคญั ของอาเซียน ชดุ ประชากรของประเทศสมาชกิ อาเซียน เปน ตน โดยเนนถึงการส่อื ความหมายวา ภาพการออกแบบนนั้ ๆ สามารถจะบอกไดว า เปน ของประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศใด โดยใหรวบรวมใหหลากหลาย แลว นํา ไปจดั นทิ รรศการ 84 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ò. การออกแบบÊÑÞÅกÑ É³ ครูนําภาพสัญลกั ษณที่นกั เรยี นสามารถ พบเหน็ ไดใ นชีวิตประจาํ วันมาใหน กั เรียนดู เชน ในสมัยก่อนมนุษย์สร้างสัญลักษณ์ด้วยการใช้เส้นลาก ขีด และเขียน เป็นเคร่ืองหมายโดยใช้เส้นตรง ภาพเครอื่ งหมายจราจร เครื่องหมายสนิ คา หรือ เส้นโค้งแสดงรูปทรงต่างๆ ต่อมาเมื่อมนุษย์ได้พัฒนาเครื่องหมายให้มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับส่ิงท่ีมนุษย์พบเห็น ผลติ ภณั ฑตางๆ เครอ่ื งหมายสถานท่ี เปนตน ในชวี ิตและเข้าใจงา่ ยขึน้ จึงกลายเปน็ สัญลกั ษณท์ ี่สรา้ งความเข้าใจโดยทัว่ กนั จากน้ันใหนักเรียนแบง ออกเปน 2 กลมุ แขงกัน บอกวา แตละภาพเปนสัญลักษณป ระเภทใด การพัฒนาในเรื่องภาพสัญลักษณ์น้ัน นอกจากพัฒนาทางด้านรูปแบบแล้วยังมีการพัฒนาในด้าน กระบวนการสรา้ งสรรค์ทีม่ ีเทคโนโลยสี มัยใหมเ่ ขา้ มาเก่ยี วข้อง ทา� ใหม้ ีวิธีการออกแบบที่ซับซอ้ นหลากหลายข้ึน สาํ รวจคน หา Explore ๒.๑ ความหมายของสัญลักษณ์ ใหนกั เรียนศึกษา คน ควา เกยี่ วกบั การออกแบบ สัญลกั ษณ จากแหลง เรยี นรตู างๆ เชน สัญลักษณ์ หมายถึง ส่ิงที่นักออกแบบได้ออกแบบข้ึนมา เพื่อสื่อความหมายให้มนุษย์เข้าใจร่วมกัน หนังสือเรียน หองสมุด อนิ เทอรเนต็ เปนตน ในสังคม เพ่ือการปฏิบัติร่วมกัน เพ่ือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการท�า ตามหัวขอที่ครกู ําหนดให ดงั น้ี ความเขา้ ใจ การออกแบบจะถกู สร้างขนึ้ ในลักษณะตา่ งๆ ซง่ึ รปู แบบอาจจะได้มาจากธรรมชาติ หรอื รูปแบบของสิ่งที่ มนษุ ย์สรา้ งข้ึนมาใหม่ ประการส�าคญั คอื สามารถท�าใหผ้ ูท้ ่ีพบเหน็ ไดเ้ ขา้ ใจตรงกัน โดยไมจ่ า� เปน็ ต้องมีค�าบรรยาย • ความหมายของสัญลกั ษณ ประกอบ • ประเภทของสญั ลกั ษณ • แนวทางการออกแบบสญั ลกั ษณ สญั ลกั ษณ์ไดม้ ีบทบาทเกยี่ วขอ้ งกับวิถีชีวติ มนษุ ย์ เชน่ เครือ่ งหมายการจราจร เครอ่ื งหมายของสถาบัน • แนวทางปฏิบตั ิอยางงา ยในการออกแบบ สมาคม เครอื่ งหมายบริษทั เคร่ืองหมายสนิ ค้าผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ เคร่ืองหมายหอ้ งนา้� หญงิ -ชาย และเคร่อื งหมายสัญลกั ษณอ์ ืน่ ๆ เปน็ ต้น ซ่งึ เราจะพบเห็นอยทู่ ั่วไป สญั ลักษณ • วธิ ีการออกแบบสัญลักษณ ๒.๒ ประเภทของสัญลักษณ์ สญั ลักษณ์ แบง่ ออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ ดังนี้ ๑) เคร่ืองหมายจราจร เป็นสัญลักษณ์ที่ออกแบบขึ้นมาเพ่ือเป็นกฎ หรือกติกาในสังคมท่ีเป็นสากล ซ่ึงเป็นสิ่งท่ีใช้ร่วมกันท่ัวโลก เพ่ือความสะดวกและ ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ๒) เครอ่ื งหมายของสถาบนั สมาคม มูลนธิ ิ หรือกล่มุ กจิ กรรม เครื่องหมายของสถาบนั สมาคม มูลนิธิ และกลุ่มกิจกรรมต่างๆ ในสังคม เป็นการสื่อความหมายเพื่อให้รับรู้ว่ากิจกรรมหรือสิ่งที่ปรากฏน้ันเป็น ของหน่วยงานหรือองค์กรใด โดยใช้สัญลักษณ์ที่มีรูปแบบชัดเจนและมีการออกแบบให้ง่ายต่อการจดจ�าและท�า ความเข้าใจไดง้ ่าย 85 แนวขอ สNอบTเนน Oก-าNรคETดิ เกรด็ แนะครู ขอใดไมใ ชหลักการในการออกแบบสญั ลกั ษณท ถ่ี ูกตอง การเรยี นการสอนเกย่ี วกับการออกแบบสัญลกั ษณ ครูอาจใหนกั เรียนหาภาพ 1. สอื่ สารเขาใจงา ย สัญลักษณป ระเภทตางๆ จากวารสาร นติ ยสาร หนงั สอื พิมพ โบชวั ร หรือแผนพับ 2. สามารถจดจาํ ไดง าย โฆษณาสินคา ตา งๆ มารว มกันอภิปรายถงึ หลกั การออกแบบและจดุ ประสงคของ 3. ผูอื่นนําไปใชไ ดงาย การสอ่ื ความหมายของสญั ลกั ษณนั้นๆ จากนั้นครอู ธบิ ายสรปุ เกีย่ วกบั การออกแบบ 4. เปนสญั ลกั ษณท ่ดี ูงาย สัญลักษณว า นกั ออกแบบสญั ลกั ษณตองออกแบบสญั ลักษณข นึ้ มาใหคนในสังคม ทกุ คนสือ่ ความหมายเขา ใจรว มกันได ปฏิบัติรว มกนั ได สรา งความเปนระเบียบ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การออกแบบสญั ลักษณมจี ดุ มงุ หมาย เรยี บรอ ยในสังคม และสรา งความเปน อันหนง่ึ อนั เดียวกัน หรอื สื่อความหมายอื่นๆ ตามวัตถุประสงค โดยไมจ ําเปนตอ งมคี าํ บรรยายประกอบ เพือ่ ตอ งการสอื่ สารใหผ อู น่ื ไดเ ขา ใจ ดงั นั้น จึงตองมีรูปแบบงา ยๆ เปน สากล ผอู น่ื ดูแลวสามารถเขาใจความหมายไดทนั ที จึงไมเ ก่ียวขอ งกบั การทีจ่ ะทําใหผ อู ่ืนนาํ ไปทาํ ซํ้าหรือเอาไปใชไดงายๆ คูมอื ครู 85
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. ใหน ักเรยี นรวมกันอภปิ รายเก่ียวกับการ ๓) เคร่ืองหมายบริษัท เคร่ืองหมายสินค้า ออกแบบสญั ลักษณต ามท่ไี ดศ กึ ษามา ครคู อย อธิบายเสริมเพม่ิ เติมขอมูล จากนัน้ ใหนักเรียน หรอื ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ ในดา้ นธรุ กจิ ทเ่ี ปน็ บรษิ ทั ผลติ ภณั ฑ์ สรุปสาระสําคัญเก่ียวกับการออกแบบสัญลกั ษณ ลงสมุดบันทกึ เพื่อการอุปโภคบริโภคต่างๆ จ�าเป็นต้องมีสัญลักษณ์ 2. ใหน ักเรียนหาสญั ลักษณป ระเภทตา งๆ จาก เพื่อให้ผู้บริโภคจดจ�าและเกิดความม่ันใจในส่ิงของน้ันๆ สือ่ ตางๆ เชน วารสาร นิตยสาร หนงั สอื พมิ พ โบชัวรสินคา แผน พับ เปนตน แลวมารวมกัน ว่ามีหลักประกันคุณภาพตรงกับความต้องการของตน อภิปรายถงึ การออกแบบและจุดประสงคข อง การสื่อความหมายของสญั ลักษณนนั้ ไมป่ ลอมแปลง มีตราเครอ่ื งหมายยนื ยัน มีผู้รับผิดชอบ ท่ีชดั เจนตามกฎหมาย ๔) เคร่ืองหมายสถานท่ี เป็นสัญลักษณ์ แสดงสถานทตี่ า่ งๆ เชน่ โรงเรยี น โรงพยาบาล หอ้ งอาหาร สุขา เป็นต้น ใช้ในการส่ือความหมายแทนให้ผู้พบเห็น เกิดความเข้าใจร่วมกัน เพ่ือให้ผูพ้ บเห็นภาพสญั ลกั ษณร์ ู้ และเขา้ ใจไดท้ นั ที โดยไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งเขยี นขอ้ ความอธบิ าย ๕) เครื่องหมายแสดงกิจกรรม เป็น สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าขณะที่เราก�าลังอยู่หรือก�าลัง เดินทางผ่านมีกิจกรรมอะไร ซ่ึงอาจจะต้องระมัดระวัง อนั ตราย หรือเข้ารว่ มเขา้ ชมกจิ กรรมน้ันๆ เช่น การเลน่ กีฬา การก่อสร้าง ก�าลังประชุม เป็นต้น ให้ผู้พบเห็น ได้เข้าใจร่วมกันและปฏิบัติตน หรือด�าเนินการใดๆ ได้อย่างเหมาะสม เช่น เห็นสัญลักษณ์ก�าลังมีการปรับปรุง ทางบนริมถนน จะไดห้ ลกี เล่ียงไม่ใชท้ างนนั้ หรอื ใช้ทางนั้นด้วยความระมัดระวงั เพม่ิ ขึ้น เปน็ ตน้ ๒.๓ แนวทางการออกแบบสัญลกั ษณ์ การออกแบบสญั ลกั ษณ์ เรม่ิ ตน้ จากการทา� ความเขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ทต่ี อ้ งการสอื่ ความหมายใหเ้ ขา้ ใจ ร่วมกัน แล้วแปรออกมาเปน็ แบบสัญลกั ษณ์ท่ีสมบูรณ์ เม่อื ทกุ คนดแู ลว้ เกดิ ความเข้าใจไดต้ รงกนั รูปร่าง รูปทรงท่ีแสดงเนื้อหาในสัญลักษณ์ส่วนมากจะใช้เค้าโครงจากสิ่งที่ต้องการส่ือความหมาย เช่น เคร่ืองหมายการกีฬาต่างๆ ก็ใช้อุปกรณ์การเล่นกีฬาน้ัน สญั ลักษณ์ใหร้ ะวังอันตรายก็ใช้รูปหัวกะโหลก สัญลักษณ์ ให้ระวงั การเปียกน�า้ ก็ใช้รปู รม่ กางกนั ฝน เป็นต้น การออกแบบสัญลักษณ์ นิยมใช้รูปทรงท่ีดู เรยี บงา่ ย ใชส้ ที เี่ หน็ เดน่ ชดั สอ่ื ความหมายไดท้ นั ที รปู แบบ พื้นฐานที่มักจะน�ามาใช้ในการออกแบบสัญลักษณ์มี ๓ รปู แบบ คือ 86 บรู ณาการอาเซยี น ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET การออกแบบสัญลักษณ ผูออกแบบควรคาํ นงึ ถงึ สิ่งใดมากท่สี ุด การศึกษาเกีย่ วกับการออกแบบสญั ลักษณส ามารถบรู ณาการอาเซยี นในเร่ือง 1. ความสวยงามของสญั ลกั ษณ การออกแบบธงชาติอาเซียน โดยครูควรนาํ ตัวอยางภาพธงชาติอาเซยี นมาให 2. ความโดดเดนและนา สนใจ นักเรียนดู แลว ใหน กั เรียนรวมกันพิจารณาถึงภาพสญั ลักษณท ่ีนํามาใชออกแบบวา 3. เหมาะสมกบั ยุคสมยั มคี วามหมายและสามารถสือ่ สารใหท กุ คนเกดิ ความเขา ใจรวมกนั ไดอยางไร 4. การสอ่ื ความหมาย โดยธงชาติอาเซยี นจะใชภ าพสญั ลักษณ คือ ตนขาวสเี หลอื ง 10 ตน มดั รวมกนั ไว วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เนอื่ งจากเปาหมายหลกั ของการสราง หมายถงึ การรวมกนั ของประเทศสมาชกิ เพอ่ื มติ รภาพและความเปน นาํ้ หนง่ึ ใจเดยี วกนั สญั ลักษณต างๆ น้ัน เพอื่ การส่ือสารความหมายใหมนุษยเ ขา ใจรว มกนั ปฏบิ ัติรว มกันไดอ ยางถูกตอง ดังนน้ั ในการออกแบบสัญลักษณผอู อกแบบ • สนี ํ้าเงนิ หมายถงึ สนั ติภาพและความมัน่ คง ควรคาํ นงึ ถึงการส่ือความหมายของสัญลกั ษณม ากท่ีสดุ โดยสัญลกั ษณน ้นั • สีแดง หมายถึง ความกลาหาญและความกาวหนา ตองสามารถส่ือความหมายไดอยางชดั เจนใหผทู พี่ บเหน็ ไดเขาใจตรงกนั • สีขาว หมายถงึ ความบริสทุ ธิ์ • สเี หลือง หมายถงึ ความเจรญิ รุงเรือง 86 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๑) รปู แบบจากธรรมชาติ เชน่ คน สัตว์ พืช สงิ่ ของ ครสู ุมตวั อยางนักเรียน 2-3 คน ใหต อบคําถาม ตอ ไปน้ี ต่างๆ เปน็ ตน้ ทนี่ �ามาดัดแปลงให้เปน็ รปู แบบทด่ี งู า่ ยข้ึน • สญั ลกั ษณม ีก่ีประเภท อะไรบา ง ๒) รปู แบบเรขาคณติ เชน่ วงกลม สามเหลยี่ ม สเ่ี หลย่ี ม (แนวตอบ สัญลกั ษณมี 5 ประเภท ไดแก • เครอ่ื งหมายจราจร เป็นต้น ที่ผู้ออกแบบน�ามาดัดแปลง หรือจัดองค์ประกอบให้เป็น • เครื่องหมายของสถาบัน สมาคม มูลนธิ ิ สญั ลักษณท์ ี่สื่อความหมายตามที่ตอ้ งการ หรือกลมุ กจิ กรรมตา งๆ ในสงั คม • เคร่ืองหมายบริษทั ๓) รูปแบบตัวอักษรและตัวเลข สัญลักษณ์จ�านวน • เครื่องหมายสถานที่ • เครอื่ งหมายแสดงกจิ กรรมตา งๆ) ไม่น้อยที่ใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขมาออกแบบให้เกิดเป็นรูปทรงใหม่ โดยไม่มีรูปแบบจากธรรมชาติ หรือรูปแบบเรขาคณิตที่เก่ียวข้อง • รูปแบบพ้นื ฐานท่ีนยิ มนาํ มาใชใ นการ กส็ ามารถท�าไดอ้ ย่างสวยงามและสือ่ ความหมายได้สมบูรณ์เช่นกัน ออกแบบสัญลกั ษณมีกี่รูปแบบ อะไรบา ง (แนวตอบ มี 3 รูปแบบ คอื รูปแบบจาก ๒.๔ แนวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งงา่ ยในการออกแบบสญั ลกั ษณ์ ธรรมชาติ เชน คน สัตว พืช เปนตน รปู แบบเรขาคณติ เชน วงกลม สามเหลี่ยม ๑. น�าสิ่งท่ีเป็นต้นแบบมาดัดแปลงและตัดทอนรายละเอียดสร้างรูปแบบใหม่ให้ดูเรียบง่าย สามารถส่ือ สีเ่ หล่ยี ม เปนตน และรูปแบบตัวอกั ษร ความหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ทต่ี ้องการ และตวั เลข) ๒. การดัดแปลงรปู แบบใหเ้ รียบงา่ ยนนั้ ต้องคงไว้ซ่ึงโครงสร้างของตน้ แบบในส่วนท่ีสา� คญั • สงิ่ สาํ คญั ของการออกแบบสญั ลกั ษณค อื อะไร ๓. การใช้สีในสัญลกั ษณ์ไม่ควรใช้เกิน ๓ สี (แนวตอบ การกาํ หนดแนวคดิ ในการออกแบบ สญั ลกั ษณเปน สงิ่ สําคัญอนั ดับแรก ๒.๕ วธิ ีการออกแบบสญั ลกั ษณ์ โดยควรคาํ นึงถงึ จดุ มุงหมายในการออกแบบ ๑) เลือกแนวคิด การก�าหนดแนวคิดในการออกแบบสัญลักษณ์เป็นสิ่งส�าคัญอนั ดบั แรก โดยมปี ระเดน็ สัญลักษณ ประเภทของสัญลักษณ และรปู แบบการนาํ เสนอ) ค�าถามเพื่อหาค�าตอบให้ได้ ดังนี้ ๑. จดุ ม่งุ หมายในการออกแบบสัญลกั ษณ์ ๒. ประเภทของสญั ลกั ษณ์ ๓. จะน�าเสนอสงิ่ ใด ๒) รา่ งรูปแบบ ๑. คดิ รปู ร่างทจี่ ะน�ามาใชใ้ นการออกแบบ ๒. รา่ งภาพลงในรปู ร่างทเี่ ลอื ก เชน่ ออกแบบตวั อักษร ตัว “V” และ “Z” ๓. ลงสี กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๗.๑ กิจกรรมที่ ๑ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนออกแบบรูปภาพเปน็ สงิ่ ใดก็ได้ ๑ ช้ิน ครูผูส้ อนคัดเลือกผลงานท่ีจดั ทา� ไดด้ ี ๑๐ ช้นิ นา� ไปติดแสดงท่ปี ้ายนิเทศ กจิ กรรมท่ี ๒ นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ ๓ คน ให้ออกแบบสัญลกั ษณ์ตามท่คี รผู สู้ อนกา� หนด ๑ ช้นิ โดยให้ อธบิ ายแนวคิดและความหมายทป่ี รากฏอยู่ในสัญลกั ษณด์ ้วย 87 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tดิ เกรด็ แนะครู สญั ลกั ษณม ีความเกี่ยวขอ งกับกตกิ าของสังคมในเรื่องใด ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกับประโยชนข องสัญลกั ษณวามปี ระโยชน ดงั ตอไปน้ี 1. ทําใหผ พู บเห็นเขาใจไดต รงกนั 1. สามารถใชสอ่ื สารขอมลู ขาวสารในชว งเวลาที่สน้ั ท้ังนเี้ นือ่ งจากมคี วามชดั เจน 2. มกี ารออกแบบซับซอนเขาใจยาก 3. รปู แบบแตกตางจากธรรมชาติ มากกวาใชขอ ความ 4. มคี ําบรรยายประกอบภาพ 2. ใชพ ื้นทนี่ อ ยกวา การใชขอความหรอื วลี ขนาดของสญั ลักษณส ามารถยอ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. สัญลกั ษณทีน่ กั ออกแบบไดอ อกแบบขน้ึ มา หรอื ขยายไดตามขนาดท่ีตองการ 3. สัญลกั ษณมีการนาํ ไปใชอยา งสากล ทง้ั น้ีเน่ืองจากสามารถท่ีจะส่ือความหมาย มจี ุดหมายเพ่อื ใหคนในสังคมเขาใจรว มกัน เพ่ือการปฏบิ ัตริ วมกัน สราง ความเปนระเบียบเรียบรอ ย และสรางความเปน อันเปนอันหน่งึ อนั เดียวกนั ใหผูมาเยอื นทีไ่ มเขา ใจภาษาทอ งถิน่ เขาใจได ในสังคม เชน เคร่อื งหมายการจราจร ทดี่ แู ลว ผูคนโดยทั่วไปในสังคม 4. สัญลักษณสามารถถา ยทอดวตั ถปุ ระสงคไ ดส องทาง ท้ังทางอนุญาต ไมว าจะเปน เพศ วยั เชอื้ ชาติใด สามารถเขาใจไดตรงกันวาหมายถงึ อะไร และไมอ นุญาต เชน ถา คาดพ้ืนเปนเสนตรงจากมุมซา ยบนไปยังมุมขวาลา ง สญั ลักษณนั้นกจ็ ะหมายถึงหา มทาํ กิจกรรมนน้ั ๆ คูม ือครู 87
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหน ักเรียนดูหนา ปกหนังสอื เรียน ทัศนศลิ ป ๓. การออกแบบงานกราฟกิ ม.1 แลว ถามนกั เรียนวา การด�าเนนิ ชวี ติ ในแต่ละวนั เราจะตอ้ งสมั ผัสและพบเห็นสิ่งต่างๆ ผา่ นเข้ามามากมาย ศิลปะทางสงิ่ พมิ พ์ • นกั เรยี นรสู กึ อยา งไรกับภาพหนา ปก • นกั เรยี นคดิ วา ภาพหนา ปกตอ งการสอื่ ถงึ สงิ่ ใด (Graphic Art) เป็นอีกส่ิงหนึ่งท่ีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก เมื่อเรามองเห็นสิ่งพิมพ์ชิ้นใด • นกั เรยี นคิดวา ภาพหนาปกเปน การออกแบบ ช้ินหนงึ่ เปน็ คร้งั แรก แลว้ เกิดความประทบั ใจ หรอื เกดิ ความสนใจนัน้ กเ็ กดิ จากความงามทางศลิ ปะของสิ่งพมิ พท์ ่ีได้ กราฟก ใชหรอื ไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยางอสิ ระ) รับการออกแบบมาแล้ว ผลงานทางศิลปะเก่ียวกับส่ิงพิมพ์ที่มีความสมบูรณ์น้ันจะต้องเร่ิมจากการสร้างแนวคิดและ ร่างแนวคิดออกมาเป็นภาพ หรือเป็นตัวอักษรต่างๆ พร้อมท้ังออกแบบการจัดวางให้ถูกต้องตามหลักการออกแบบ สาํ รวจคน หา Explore ทางศิลปะ เพอื่ ให้เกดิ การลงตัวอยา่ งสรา้ งสรรค์ สามารถนา� ไปใช้ประโยชน์ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ๓.๑ ความหมายของกราฟิก ครูขออาสาสมคั รนกั เรียน 4 กลุม กลุมละ 3 คน คา� วา่ กราฟกิ (Graphic) ตรงกบั คา� วา่ “สงิ่ พมิ พ”์ ใหแตล ะกลมุ ไปศึกษาคนควาเกี่ยวกับการออกแบบ งานกราฟก จากแหลง เรยี นรตู า งๆ เชน หนงั สอื เรยี น หมายถึง งานที่รวบรวมกระบวนการพิมพ์ทุกแขนง หองสมดุ อนิ เทอรเ น็ต เปนตน ตามหวั ขอ ทคี่ รู กาํ หนดให ดงั น้ี ทงั้ ทเ่ี ปน็ การพมิ พข์ องสอื่ สง่ิ พมิ พท์ ี่ใชใ้ นดา้ นการพาณชิ ย์ กลุม ท่ี 1 ความหมายของกราฟก และยงั รวมถงึ การพิมพท์ างดา้ นวจิ ติ รศิลป์ และการพมิ พ์ กลุม ท่ี 2 ความสําคัญของการออกแบบกราฟก ที่ใช้ในการผลติ หนงั สอื และผลงานศิลปะตา่ งๆ เบอ้ื งตน กลุมที่ 3 สว นประกอบการออกแบบกราฟก การออกแบบงานกราฟิก เป็นการออกแบบ เบอ้ื งตน เพื่อการเผยแพร่ ชักชวน เรียกร้อง หรือเสนอแนวคิด กลมุ ท่ี 4 การออกแบบกราฟก ดว ยคอมพวิ เตอร ต่างๆ เป็นการออกแบบในลักษณะของหนังสือ สื่อ ตัวอย่างการออกแบบงานกราฟิกโฆษณาของการบนิ ไทย โฆษณา เครอ่ื งหมาย สญั ลักษณ์ บรรจภุ ัณฑ์ ซ่ึงเป็นงาน ออกแบบเกย่ี วกบั การพิมพต์ า่ งๆ ในลกั ษณะของส่ิงพมิ พ์ และในปจั จบุ ันวิทยาการทางด้านเทคโนโลยี มคี วามก้าวหนา้ ไปถึงการออกแบบดว้ ยคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ อธบิ ายความรู กราฟิกดว้ ย Explain จากความหมายของการออกแบบกราฟิก หรือการออกแบบสิ่งพิมพ์ จึงรวมถึงการออกแบบตัวอักษร ใหนกั เรียนกลุม ที่ 1 สง ตัวแทนออกมาอธบิ าย เครอื่ งหมาย สญั ลกั ษณ์ รปู ภาพ และสงิ่ พมิ พต์ า่ งๆ อกี หลายประเภท เมอ่ื ผลงานการออกแบบผา่ นกระบวนการพมิ พ์ ความหมายของกราฟก หนา ชั้นเรยี น ครคู อยเสรมิ เพ่มิ เตมิ ขอ มูล จากน้ันครูถามนักเรียนวา เกดิ เป็นส่ิงพิมพ์ เรียกวา่ “การออกแบบงานกราฟิก” สิ่งทีค่ วรค�านงึ ส�าหรับผอู้ อกแบบ คอื ผูอ้ อกแบบจะต้องมที กั ษะ • การออกแบบงานกราฟก เปนการออกแบบ ในการท�างาน มแี นวคิดท่ที ันสมยั และกา้ วหนา้ มคี วามรู้ ประสบการณ์ รวมท้งั เทคนิคตา่ งๆ ในการท�างาน ลกั ษณะใด ๓.๒ ความส�าคัญของการออกแบบกราฟิกเบือ้ งตน้ (แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก เปน การ ออกแบบเพ่ือการเผยแพร ชกั ชวน เรยี กรอง การออกแบบกราฟิกเพื่อการผลิตสื่อท่ีเป็นส่ิงพิมพ์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการรับรู้ การสื่อสาร หรอื เสนอแนวคิดตางๆ เปน การออกแบบใน ลกั ษณะของหนังสือ สื่อโฆษณา เครือ่ งหมาย ของมนุษย์ ในการส่ือความหมาย การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้สึกนึกคิดด้วยลายเส้น สี ภาพวาด และตัวอักษร สญั ลักษณ สง่ิ สาํ คญั ของการออกแบบงาน กราฟก คอื ผอู อกแบบจะตอ งมที ักษะในการ มีความส�าคญั ท่พี อจะสรุปได้ ดังน้ี ทาํ งาน มแี นวคิดทท่ี ันสมัยและกาวหนา) ๑) เปน็ สัญลักษณข์ องข้อตกลงในสงั คม เชน่ เครอื่ งหมายจราจร รปู สญั ลักษณแ์ สดงขอ้ หา้ มตา่ งๆ เป็นต้น เพื่อให้ผ้พู บเหน็ สามารถรบั รู้เข้าใจและปฏบิ ตั ิได้ถูกตอ้ งตามกติกาของสงั คมน้นั ๆ 88 เกร็ดแนะครู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNิดET ครอู าจตดิ ตอเชญิ วิทยากร หรอื นกั เรียนทีม่ ีทักษะและประสบการณใ นเรื่อง การออกแบบงานกราฟกมีวตั ถุประสงคห ลกั เพ่ืออะไร การใชคอมพวิ เตอรใ นการออกแบบผลงานกราฟก มาสาธิตวธิ กี ารสรา งสรรค แนวตอบ การออกแบบงานกราฟกมีวตั ถุประสงคหลกั เพอื่ ใหผ ลงาน ผลงานกราฟก ในรปู แบบตา งๆ หรอื ครอู าจใหน กั เรียนหาผลงานท่สี รา งสรรคข ึ้นจาก มคี วามสวยงาม สะดดุ ตา มีความแปลกใหม ชว ยดึงดดู ความสนใจ คอมพิวเตอรก ราฟก จากเวบ็ ไซตตางๆ รวมถึงงานโบชวั ร แผนพับโฆษณา จากนนั้ ทางสายตาของผพู บเหน็ ขณะเดียวกนั กย็ ังมงุ หวงั ทจ่ี ะชว ยสง เสริมในเรอ่ื ง นําภาพและขอ มลู มาอภปิ รายรว มกนั วา การออกแบบงานกราฟกมคี วามสําคัญ การรับรู คือ สามารถทําความเขาใจในเรอื่ งราวท่จี ะบอก หรือสือ่ สารได ตอ สังคมในยคุ ปจ จุบนั อยา งไร อยางงา ยๆ หรอื ทาํ เรือ่ งยากใหส ามารถเขา ใจไดง าย 88 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๒) ช่วยเสริมสร้างจุดเด่น จุดสนใจของ ใหนักเรียนกลมุ ที่ 1 และกลุมท่ี 2 สงตัวแทน ออกมาอธิบายเกยี่ วกับความสาํ คญั ของการ ขา่ วสารข้อมูล เช่น การพาดหัวข่าวในหนังสือพมิ พ์ ด้วย ออกแบบกราฟกและสวนประกอบของการ ออกแบบกราฟก เบอื้ งตน หนา ชัน้ เรียน ครูคอย ตวั หนงั สือท่มี ีขนาดใหญ่ หรือในหนังสอื ประเภทตา่ งๆ ที่ เสริมเพิม่ เติมขอ มูล จากนั้นครูถามนกั เรยี นวา มกี ารจดั รปู แบบตวั อกั ษรประกอบรปู ภาพอยา่ งเหมาะสม • งานกราฟกมคี วามสัมพนั ธกบั สงั คมปจจุบนั อยางไร มสี ีสันสะดุดตา สร้างความน่าสนใจใหแ้ ก่ผู้พบเหน็ ชว่ ย (แนวตอบ ในปจ จุบันโลกไดว ิวฒั นาการไป อยางรวดเร็ว มีการใชร ะบบการติดตอ ส่อื สาร ท�าให้การส่ือสารเกิดความชัดเจนมากข้ึน ท�าให้ผู้อ่าน ที่มีประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ มีการกระจาย ขอมูลไปอยางรวดเรว็ โดยอาจจะเปน การ เกิดความสนใจทจี่ ะอ่านเน้ือหาขา้ งใน เปน็ ตน้ กระจายขอมลู จากท่หี นง่ึ ไปยงั อกี ทหี่ นง่ึ ซงึ่ การเขา ใจความหมายรวมกันเปนเรื่องทไี่ ม ๓) ช่วยท�าให้ธุรกิจส่ือส่ิงพิมพ์ขยายตัว งายนัก เนื่องจากความแตกตา งกัน ทั้งทางดา นสงั คม วฒั นธรรม ความเชอื่ ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงาน บรษิ ทั เอกชน บคุ คลทมี่ อี าชพี รบั จา้ ง ดังน้นั การใชง านกราฟก ทีด่ ี สามารถสอื่ ความหมายไดช ดั เจนถูกตอง จะชวยให สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบกราฟิกในลักษณะต่างๆ มนุษยส ามารถส่ือสารและเขา ใจกนั ได ทาํ ใหเกดิ จนิ ตนาการรวมกัน) เช่น การออกแบบผลิตภณั ฑ์ การออกแบบโฆษณาทาง • นักเรียนคดิ วา งานกราฟก ที่ดคี วรเปน โทรทัศน์ นิตยสาร โปสเตอร์ ตลอดจนในส่ิงพิมพ์อ่ืนๆ อยา งไร (แนวตอบ งานกราฟก ท่ดี ีจะทาํ ใหเ หน็ ถงึ ทา� ใหเ้ กิดธรุ กจิ ทีเ่ ก่ียวเนือ่ งตดิ ตามมาอกี มาก เป็นตน้ การออกแบบงานกราฟกิ ช่วยทา� ให้สง่ิ พมิ พ์มีความสวยงาม นา่ สนใจ ความคิดในการออกแบบท่ีเปน เลศิ มอี ทิ ธพิ ล มากขึน้ โดยตรงทีจ่ ะโนมนา วผรู ับขอมลู ใหเกิด ๓.๓ ส่วนประกอบการออกแบบกราฟกิ ความสนใจ เกดิ การยอมรับ ในขณะเดียวกนั เบอ้ื งตน้ ยังเปนสือ่ กลางในการสื่อความหมายให เกิดการเขา ใจตรงกนั สามารถทาํ หนา ทเี่ ปน สว่ นประกอบส�าคญั ในงานออกแบบงานกราฟิก หรอื สื่อสงิ่ พมิ พ์เบือ้ งต้นทีจ่ า� เปน็ ประกอบดว้ ยตวั อกั ษร สื่อ เพื่อใหเกิดการเรียนรู เกดิ การศกึ ษา กับกลมุ เปา หมายได ชว ยใหงานเกิด และภาพทน่ี า� มาประกอบ ซึง่ เป็นสว่ นทตี่ ้องใชใ้ นการออกแบบจดั วางใหม้ ีความสมบรู ณ์ลงตัวในดา้ นความงาม และ ความนา สนใจ ประทบั ใจแกผูพบเห็น ชวยใหเกดิ การกระตนุ ทางความคดิ และ สามารถสร้างความเขา้ ใจใหก้ บั ผู้พบเห็นได้ชัดเจนมากยงิ่ ขึน้ การตัดสนิ ใจไดอยา งรวดเร็ว) ๑) ตวั อกั ษร ตวั อกั ษรหรอื ตวั พมิ พต์ อ้ งเลอื ก หรือออกแบบให้ดึงดูดสายตา ในส่วนท่ีต้องการให้เด่น ควรใช้ขนาด (Font) ท่ีใหญ่ มีสีสันสะดุดตา และใช้ ตัวขนาดใหญท่ ร่ี องลงมาในสว่ นหวั ขอ้ ย่อย และใช้ขนาด เลก็ ในสว่ นทต่ี อ้ งการบรรยายเน้อื หา หรือรายละเอียด ๒) ภาพประกอบ ควรเป็นภาพที่ชัดเจน สวยงามและสะดุดตา เพ่ือช่วยอธิบายเนื้อหาให้มี ความครบถ้วนสมบูรณ์มากย่ิงข้ึน นอกจากน้ันภาพ ประกอบที่ดียังช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อีกด้วย โดยภาพประกอบอาจเปน็ ภาพถา่ ย หรอื ภาพวาด รวมทง้ั ภาพที่ได้จากการสบื ค้นทางอินเทอร์เนต็ คอมพิวเตอร์ช่วยท�าให้การออกแบบจัดหน้าเอกสารมีความสะดวก รวดเร็ว และสวยงาม 89 แนวขอสNอบTเนนOก-าNรคE Tิด เกรด็ แนะครู เพราะเหตุใด ผคู นทั่วไปจงึ มักเขาใจวา งานออกแบบกราฟก คืองาน ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั ขอดขี องการใชคอมพวิ เตอรช ว ยออกแบบ มดี งั นี้ ที่สรางสรรคดวยเครอื่ งคอมพิวเตอร 1. การออกแบบทาํ ไดอยา งรวดเร็ว เนือ่ งจากการปอ นขอมูลทาํ ไดง าย แนวตอบ คาํ วา “กราฟก ” ในทางศิลปะหมายถงึ การนาํ เสนอตวั อกั ษร 2. ผูใ ชสามารถมองเหน็ งานทอ่ี อกแบบไดโดยไมต อ งสรา งตน แบบจรงิ ทําให ขอ ความตางๆ เพ่ือสอื่ ความหมายใหเ ขาใจ อาจมีการผา นกระบวนการพิมพ เปน สงิ่ พมิ พ ไมไ ดห มายความวา ตองสรา งงานดว ยคอมพิวเตอร ประหยัดเวลาและคาใชจ าย สวนการสรา งงานโดยใชคอมพวิ เตอรเปนเครื่องมอื ในการสรางงานกราฟก 3. ลดจํานวนการสรางตนแบบเพือ่ การทดสอบลง เนอื่ งจากผูใ ชส ามารถจาํ ลอง เปรียบเสมือนปากกา ดินสอ พกู นั จะเรยี กงานลกั ษณะนั้นวา “คอมพิวเตอร กราฟก ” สภาวะการทาํ งานตางๆ เพ่อื การทดสอบช้ินงานได 4. ชวยใหส ามารถออกแบบงานที่มคี วามซับซอ นสงู มาก ซึง่ มนุษยไมสามารถ เหตผุ ลที่ทาํ ใหผคู นสวนใหญมกั เขา ใจวา การออกแบบกราฟก คอื การออกแบบโดยใชเ ครื่องคอมพิวเตอร เน่ืองจากการใชคอมพวิ เตอร ทาํ ไดโดยปราศจากคอมพวิ เตอร เขามาชวยจะทําใหออกแบบไดร วดเรว็ มคี วามแปลกตา สามารถปรับเปลยี่ น การออกแบบไดงายๆ รวมท้งั ผลงานท่ีเสร็จเรียบรอ ยยังดูนาสนใจ ทําให คมู ือครู 89 การออกแบบท่ไี มใ ชเทคโนโลยสี มยั ใหมแ ทบจะไมม ีใหเ ห็น
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู ใหนกั เรยี นกลมุ ท่ี 3 สง ตวั แทนออกมาอธิบาย ๓.๔ การออกแบบกราฟกิ ด้วยคอมพวิ เตอร์ เกีย่ วกับการออกแบบกราฟก ดวยคอมพิวเตอร หนา ชัน้ เรียน ครูคอยเสรมิ เพ่มิ เตมิ ขอ มูล จากน้นั ในปัจจุบันบทบาทของการออกแบบกราฟิกตามวัตถุประสงค์ต่างๆ มีความก้าวหน้าและพัฒนาไปได้ไกล ครถู ามนกั เรียนวา มาก มรี ะบบการพมิ พ์โดยใชเ้ ทคนคิ ทมี่ ศี กั ยภาพสงู ซง่ึ จะทา� ใหผ้ ลงานออกมามคี วามประณตี และสามารถสรา้ งสรรค์ รปู แบบอย่างไรข้ ดี จ�ากดั เช่น การพิมพร์ ะบบออฟเซท โดยใช้เครือ่ งจักร การพิมพซ์ ิลก์สกรนี การพมิ พ์แบบองิ ค์เจ็ต • คอมพวิ เตอรมีความสําคญั ตอการออกแบบ เปน็ ตน้ ซง่ึ ลว้ นเปน็ เทคนคิ ทมี่ ขี นั้ ตอนสลบั ซบั ซอ้ น แต่ในระดบั ชน้ั นผ้ี เู้ รยี นควรไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั การใช้ “คอมพวิ เตอร”์ งานกราฟกอยา งไร เป็นพื้นฐานในการออกแบบกราฟิก เน่ืองจากคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีท่ีสามารถพบเห็นได้ (แนวตอบ การสรา งงานดานศลิ ปะนับเปน ในชวี ติ ประจา� วนั และเปน็ เครอ่ื งมือซงึ่ บุคคลทกุ เพศทกุ วยั สามารถเรยี นรอู้ ยา่ งงา่ ยๆ ได้ดว้ ยตนเอง สิ่งสําคัญ ศลิ ปนสามารถใชส่อื ตา งๆ ในการ ถายทอดจนิ ตนาการ อารมณ ความรสู กึ ตัวอย่างโปรแกรม Photoshop ท่ีใชใ้ นการสร้างภาพ ตัวอย่างโปรแกรมลายเส้น สา� หรับใช้ในการออกแบบ สูผชู มงานศลิ ปะ ซึ่งคอมพวิ เตอรนับเปน อุปกรณท ม่ี ีประสิทธภิ าพในการสรา งภาพ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือส�าคัญของการท�างานประเภทต่างๆ ในโลกปัจจุบัน รวมทั้งการ กราฟก เพอ่ื สื่อความหมาย เน่อื งจากมี ออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ด้วย การน�าคอมพิวเตอร์มาใช้น้ันต้องรู้จักการเลือกโปรแกรมท่ีเหมาะสมกับประเภทของงาน ความยืดหยุนในการนาํ เสนอไดม าก การสราง มาติดตั้งใส่ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะงานออกแบบกราฟิก นักออกแบบจะต้องเลือกโปรแกรมการท�างาน งานศลิ ปะดว ยคอมพวิ เตอรอ าจทําไดตั้งแต ท่ีช่วยให้งานด�าเนินไปได้รวดเร็ว สวยงาม ประณีต และสามารถเก็บข้อมูลเดิม เพื่อเรียกกลับมาแก้ไข ปรับปรุง การวาดภาพโดยใชโ ปรแกรมวาดภาพทีม่ ี หรือเพ่ิมเติมได้ทุกครั้งที่ต้องการ นอกจากนี้ ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักของการออกแบบมาประยุกต์ใช้ให้เกิด เครอ่ื งมือใหสามารถใชเ มาสแทนการใชพูกัน ความสวยงามทางศลิ ปะ และนา� ไปสผู่ ลงานการออกแบบท่สี ามารถสื่อสารไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ การน�าคอมพวิ เตอร์ และสี ในบางโปรแกรมสามารถปรบั ความ มาใช้ในการออกแบบกราฟิกต้องคา� นึงถึงส่วนสา� คญั ดังนี้ หนกั -เบาของเสน มาชวยทาํ ใหการวาดภาพ เปน ธรรมชาติข้นึ บางโปรแกรมสามารถปรับ Photoshop๑โ)ปรโแปกรรแมกรIlมluสstรrา้aงtoกrรโาปฟรกิแกหรมมาPยถaiงึntโป1เรปแน็ กตร้นม หรอื ซอฟตแ์ วรส์ �าเรจ็ รปู ทม่ี หี ลายประเภท เชน่ โปรแกรม แตงภาพถา ยมาเปน ภาพวาดสนี ํ้า สีนํา้ มัน ๒) วิธีสร้างภาพ เป็นวิธีท่ีผู้ออกแบบน�าภาพจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพสไลด์ หรอื แบบอื่นๆ ได และยงั รวมความสามารถ ในการเลือกพน้ื ผิวสําหรับวาดภาพดว ย) ภาพจากกล้องถ่ายภาพดิจิทัล ภาพที่มีการถ่ายโอนข้อมูล (Download) จากเว็บไซต์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว มาปรบั ใช้ หรอื ประกอบกนั เกดิ เปน็ รปู แบบใหม่ หรอื ใชโ้ ปรแกรมสรา้ งและตกแตง่ ภาพทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ผลงานใหม่ เปน็ ตน้ • การทีจ่ ะออกแบบงานกราฟกดวย คอมพวิ เตอรไดดีนัน้ ตองมีความรูความ ๓) แบบตัวอกั ษร ในคอมพิวเตอรจ์ ะมโี ปรแกรมเก่ียวกับตวั อกั ษรตดิ ต้ังไวอ้ ย่แู ล้ว ซง่ึ จะมแี บบตัวอกั ษร เขา ใจในเร่อื งใดบา ง (แนวตอบ การออกแบบงานกราฟก ดว ย หลายรูปแบบ ตลอดจนปรับเลอื กขนาดได้ตามตอ้ งการ ดังน้นั ผอู้ อกแบบจะต้องเลอื กใชล้ กั ษณะตัวอักษร และขนาด คอมพิวเตอรใ หไ ดด นี ้นั ผอู อกแบบตอ งสราง ตวั อกั ษรใหเ้ หมาะสมกับงานท่สี ร้างสรรค์ และจดั การกบั ภาพกราฟก โดยใชคอมพิวเตอร ซึ่งในปจ จบุ นั มีการใชภ าพกราฟกกับงาน 90 สอื่ สิ่งพิมพหลายๆ ประเภท ซ่ึงสิ่งสาํ คญั ท่ีจะทําใหการออกแบบงานกราฟกดว ย คอมพวิ เตอรเ ปน ไปอยา งมีประสิทธภิ าพคือ ผอู อกแบบจะตอ งมีความเขา ใจกับชนิดของ ภาพในงานคอมพิวเตอรก ราฟกและรูปแบบ ของไฟลก ราฟก ที่ใชก ับงานออกแบบส่ิงพิมพ) นักเรียนควรรู ขแอนสวอบNเนTน กาOร-คNดิ ET ขอ ใดเปน จดุ เดนทท่ี าํ ใหก ารออกแบบงานกราฟกดวยคอมพิวเตอร 1 โปรแกรม Paint เปน โปรแกรมท่จี ดั อยใู นกลุม ของโปรแกรมวาดภาพ ซึง่ เปน ไดร ับความนิยมท่วั ไป โปรแกรมทีส่ นบั สนนุ เพิ่มเตมิ ของระบบปฏิบัติการวนิ โดวสทุกรนุ เปน โปรแกรม แนวตอบ ปจ จุบันผูคนสว นใหญนําคอมพวิ เตอรม าใชใ นการออกแบบ สําหรบั วาดภาพที่ทําใหผใู ชสามารถวาดภาพงายๆ หรอื นาํ ภาพทีม่ อี ยแู ลว สรา งสรรคง านกราฟก เนื่องจากมีความสะดวก รวดเรว็ ใชง านงาย มาตกแตง ใหมใหสวยงาม โดยใชเ ครอ่ื งมอื วาดและการระบายสตี างๆ ที่โปรแกรม แกไขงานตามท่ีตอ งการไดง าย มีความหลากหลายในการสรางสรรคผลงาน เตรยี มไวใ ห รวมทงั้ การวาดรปู ทรงเรขาคณติ ตา งๆ ภาพทว่ี าดหรอื ตกแตง เสรจ็ แลว รวมทัง้ ผลงานท่ีเสร็จเรียบรอยก็มีความประณีต กลมกลืนกับสภาพแวดลอม สามารถนาํ ไปประกอบเอกสารอ่ืนๆ ได เชน Word Excel Power Point และยงั และมีตน ทนุ ตาํ่ กวาเมอื่ ใชใ นเชิงพาณชิ ย นอกจากน้ี ผทู ม่ี ีทักษะทางดา น สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ ชก บั การสรา งงานศลิ ปะอนื่ ๆ ถอื ไดว า เปน โปรแกรมพนื้ ฐาน วาดเขียนรปู นอ ยก็สามารถสรางสรรคผ ลงานใหม ีความสวยงามได สําหรบั การวาดภาพ หรอื การออกแบบงานกราฟกบนคอมพวิ เตอรท่ีผูเ ร่มิ ใช คอมพวิ เตอรควรจะศึกษาทําความเขาใจและฝก ใชง านใหเ ปน เบื้องตน 90 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ๓.๕ ประเภทของงานออกแบบกราฟกิ ใหน กั เรียนกลุมท่ี 4 สง ตวั แทนออกมาอธิบาย เกี่ยวกบั ประเภทของการออกแบบงานกราฟก งานออกแบบกราฟิก หรือออกแบบส่ิงพิมพ์ หนาชน้ั เรยี น ครูคอยเสรมิ เพิ่มเติมขอมลู จากน้ัน ครถู ามนักเรียนวา ที่ต้องผ่านกระบวนการพิมพ์หลังจากการออกแบบ เป็น • การออกแบบปกหนังสอื มีความสําคัญ ผลงานทเ่ี ราสามารถพบเห็นได้มากมายในชีวติ ประจ�าวนั อยา งไร (แนวตอบ ปกหนา ของหนงั สอื เปน สว นทส่ี าํ คญั ดงั นี้ ๑) การออกแบบปกหนังสอื 1 เชนเดียวกันกับหนาแรกของหนงั สอื พิมพ และปกหนาของนิตยสาร โดยปกหนา จะตอง หนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นเคร่ืองมือ ทําหนา ท่ีดึงดดู ความสนใจของผูพ บเหน็ ในขณะเดยี วกนั ปกหนาของหนังสือตอ งสอ่ื ส่ือสารชนิดหนึ่งที่มีรูปแบบหลากหลาย ท้ังเน้ือหาและ ใหเ ห็นถึงเน้อื เรอื่ งของหนังสอื ดว ย) การออกแบบปกหนังสอื ทดี่ ีจะตอ้ งทา� ให้ผู้อา่ นเขา้ ใจวา่ หนังสือเล่มน้ี รูปเล่ม เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสือที่ให้ความรู้ • การออกแบบปกหนังสือตอ งคํานึงถงึ มีเนอื้ เรอื่ งเกย่ี วกับอะไร หลกั การใดบา ง ความบนั เทิง นวนิยาย นิตยสาร วารสารต่างๆ เป็นต้น (แนวตอบ การออกแบบปกหนงั สือตองคาํ นึง ถึงความสอดคลองกับประเภทของหนงั สอื ปกหนังสือเป็นส่วนส�าคัญของสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีผลต่อการดึงดูดความสนใจเม่ือแรกเห็น ชวนให้หยิบจับ เสริมสรา งลักษณะเดนของหนงั สือ และตอ ง สรางสรรค) หนังสือ เพื่อมาพิจารณาเนื้อหาภายในและตัดสินใจเลือกซื้อหรือไม่ซ้ือ สิ่งท่ีปรากฏบนปกหนังสือนอกเหนือจาก ช่ือหนังสือ ชื่อผแู้ ตง่ ผเู้ รียบเรียง และผแู้ ปลแลว้ รูปภาพทีน่ า� มาประกอบจะต้องเก่ยี วขอ้ งกับเนื้อหาภายในเลม่ ดว้ ย โดยหลกั การเบอื้ งตน้ ในการออกแบบปกหนงั สอื มดี งั นี้ ๑.๑) สอดคล้องกับประเภทของหนังสือ หนังสือที่เราได้พบเห็นในปัจจุบันมีหลายประเภท แต่ละ ประเภทมีลักษณะและวัตถุประสงค์เฉพาะท่ีแตกต่างกัน เช่น หนังสือแบบเรียน หนังสืออ้างอิง หนังสือวิชาการ หนงั สอื อา่ นเสรมิ ทกั ษะดา้ นตา่ งๆของนกั เรยี นหนงั สอื นทิ านสา� หรบั เดก็ หนงั สอื ภาพหนงั สอื กฬี าหนงั สอื นวนยิ ายหนงั สอื บนั เทงิ ตา่ งๆ เปน็ ตน้ การทหี่ นงั สอื มหี ลากหลายประเภท ทา� ใหแ้ นวทางในการออกแบบปกหนงั สอื จงึ ตอ้ งแตกตา่ งกนั ไป เชน่ หนงั สอื วชิ าการ จะใชต้ วั อกั ษรและรปู ภาพทด่ี เู ปน็ ทางการ ไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งแปลกตา การจดั วางองคป์ ระกอบจะตอ้ ง จัดวางอย่างเป็นระเบยี บ รวมทง้ั การใช้สจี ะไม่เน้นสฉี ูดฉาด เพอ่ื ดงึ ดูดความสนใจ ในขณะท่ีหนงั สือประเภทบันเทิง หรอื นวนยิ ายจะใชแ้ นวทางในการออกแบบทมี่ อี สิ ระมากขนึ้ โดยเนน้ ความสวยงาม ความแปลก ความสะดดุ ตา เปน็ ตน้ ๑.๒) เสริมสร้างลักษณะเด่นของหนังสือ ในปจั จบุ นั ผลติ ภณั ฑเ์ ครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภค หรอื การบรกิ าร ประเภทต่างๆ มีการแข่งขันสงู เพ่อื เอาชนะค่แู ขง่ ในทาง การค้า ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นต้องท�าให้สินค้าของตน มีลักษณะเดน่ ใหม้ ากที่สุด หนังสือก็เช่นเดียวกัน เพราะในปัจจุบันมี หนงั สือที่มเี น้อื หาประเภทเดยี วกนั จา� นวนมาก การสรา้ ง ในการออกแบบปกหนงั สือ จะตอ้ งค�านึงถึงความเหมาะสม โดยการ ลกั ษณะเดน่ ของหนงั สอื จงึ เปน็ เรอื่ งสา� คญั ซง่ึ การออกแบบ เลือกใช้สีที่ไม่ฉูดฉาดมากนัก และการวางตัวหนังสือ ชื่อเรื่องก็ต้อง ปกหนงั สอื เปน็ อกี วธิ กี ารหนง่ึ ทจี่ ะทา� ใหห้ นงั สอื เปน็ ทสี่ นใจ โดดเด่น สะดุดตา 9๑ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู ใหนักเรยี นนําหนังสอื ท่ตี นเองช่นื ชอบ มาคนละ 1 เลม จากนน้ั ให 1 สือ่ ส่ิงพิมพตา งๆ เชน หนังสอื ปกหนงั สือ ปกรายงาน หนงั สอื พิมพ นกั เรียนเขยี นอธิบายความประทับใจและจดุ เดนของแบบปกดังกลาว โปสเตอร นามบตั ร การดอวยพร หัวกระดาษจดหมาย แผนพับ แผนปลวิ แลว นําสงครูผสู อน ใบโฆษณา เปน ตน กิจกรรมทา ทาย มุม IT ใหนกั เรียนจัดทาํ หนังสือคนละ 1 เลม โดยใหนักเรยี นออกแบบปก นกั เรยี นสามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมเกย่ี วกบั ส่ิงพิมพแ ละการออกแบบส่ือส่ิงพิมพ จดั ทาํ รปู เลม ใหมคี วามสวยงามและนา สนใจ ตามหลักการทีน่ กั เรยี นได ไดท่ี http://www.dra.go.th/download/Org_dra/Person_dra/CM260-54- ศึกษามา Book2.pdf คูม ือครู 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150