(๑) ใช้หรอื แสดงต�ำแหนง่ หนา้ ท่ใี หป้ รากฏในการด�ำเนินการเร่ียไรไมว่ า่ จะเป็นการโฆษณา ดว้ ยส่งิ พมิ พต์ ามกฎหมายว่าด้วยการพิมพห์ รือสื่ออยา่ งอนื่ หรอื ดว้ ยวธิ ีการอน่ื ใด (๒) ใช้ สงั่ ขอรอ้ ง หรอื บงั คบั ใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา หรอื บคุ คลใดชว่ ยท�ำการเรยี่ ไรให้ หรอื กระท�ำในลักษณะที่ท�ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลอ่ืนน้ันต้องตกอยู่ในภาวะจ�ำยอมไม่สามารถปฏิเสธ หรอื หลกี เลย่ี งท่ีจะไมช่ ว่ ยท�ำการเรี่ยไรให้ได้ ไมว่ ่าโดยทางตรงหรือทางออ้ ม ๔. วิธีคดิ แบบฐาน ๑๐ (Analog thinking)/ฐาน ๒ (Digital thinking) แนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มต้นแก้ไขที่ตัวบุคคล โดยการปรับเปลี่ยน ระบบการคดิ ของคนในสังคมแยกแยะให้ได้ว่า… “เรอ่ื งใดเป็นประโยชนส์ ่วนตน...เร่อื งใดเปน็ ประโยชน์สว่ นรวม” ต้องแยกออกจากกันให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่น�ำมาปะปนกัน ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็น ประโยชน์ส่วนตน ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาทดแทนบุญคุณส่วนตน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้องเหนือกว่าประโยชน์ส่วนรวม กรณีเกิดผลประโยชน์ขัดกันต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือ กว่าประโยชน์สว่ นตน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกลุ่ม “เจ้าหน้าท่ีของรัฐ” ซึ่งมีอ�ำนาจหน้าท่ีที่จะต้องกระท�ำการหรือใช้ ดุลพินิจในการตัดสินใจท่ีเก่ียวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม หากปล่อยให้มีผลประโยชน์ส่วนตน หรือความสัมพันธ์ส่วนตนเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจแล้ว ย่อมต้องเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน ์ ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of interests) ข้ึนแน่นอน และ ความเสียหายก็จะตกอยูก่ บั ประชาชนและประเทศชาตนิ น่ั เอง 44 ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
ระบบคดิ ทจ่ี ะกลา่ วต่อไปน้…ี เปน็ การน�ำมาประยกุ ต์ใช้และเปรยี บเทยี บ เพอื่ ใหเ้ จา้ หน้าที่ของรัฐ น�ำไปเป็น “หลักคดิ ” ในการปฏบิ ัติงานให้สามารถแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมได้อย่าง เดด็ ขาด คอื “ระบบคดิ ฐฐาานนกบัสสอิบง(A(Dniagiltoagl))”” “ระบบคดิ ท�ำ ไม จึงใชร้ ะบบเลขาฐานสบิ (Analog) และระบบเลขฐาน (Digital) มาใชแ้ ยกแยะการแก้ทจุ ริต เรามาทำ�ความเขา้ ใจในระบบ… ฐานสิบ (Analog), ฐานสอง (Digital) กนั เถอะ ระบบเลข “ฐานสิบ” (decimal number system) หมายถึง ระบบเลขท่มี ีตัวเลข 10 ตัว คือ 0 , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 เป็นระบบคดิ เลขท่ีเราใชใ้ นชีวิต ประจำ�วนั กันมา ตง้ั แตจ่ �ำ ความกนั ได้ ไมว่ ่าจะเปน็ การใชบ้ อกปรมิ าณหรอื บอกขนาด ชว่ ยใหเ้ กดิ ความเข้าใจท่ี ตรงกนั ในการสอื่ ความหมาย สอดคลอ้ งกบั ระบบ “Analog” ทใี่ ชค้ า่ ตอ่ เนอื่ งหรอื สญั ญาณซงึ่ เปน็ ค่าตอ่ เนือ่ ง หรอื แทนความหมายของขอ้ มูลโดยการใชฟ้ ังชนั่ ท่ตี อ่ เนือ่ ง (Continuous) ระบบเลข “ฐานสอง” (binary number system) หมายถึง ระบบเลขทีม่ ีสัญลกั ษณ์ เพยี งสองตัว คือ 0 (ศูนย)์ กบั 1 (หนึ่ง) สอดคล้องกับการทำ�งานระบบ Digital ทีม่ ีลักษณะ การท�ำ งานภายในเพยี ง 2 จังหวะ คือ 0 กบั 1 หรอื ON กับ OFF (Discrete) ตัดเด็ดขาด จากทกี่ ลา่ วมา... เมอ่ื น�ำระบบเลข “ฐานสบิ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรบั ใชเ้ ปน็ แนวคดิ คอื ระบบคิด “ฐานสบิ Analog” และ ระบบคิด “ฐานสอง Digital” จะเหน็ ไดว้ ่า... ระบบคดิ “ฐานสบิ Analog” เปน็ ระบบการคดิ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ทมี่ ตี วั เลขหลายตวั และอาจหมาย ถงึ โอกาสทจี่ ะเลอื กไดห้ ลายทาง เกดิ ความคดิ ทห่ี ลากหลาย ซบั ซอ้ น หากน�ำมาเปรยี บเทยี บกบั การปฏบิ ตั ิ งานของเจ้าหน้าทขี่ องรฐั จะท�ำใหเ้ จ้าหน้าทขี่ องรฐั ตอ้ งคดิ เยอะ ตอ้ งใชด้ ลุ พนิ จิ เยอะ อาจจะน�ำประโยชน ์ สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวมมาปะปนกันได้ แยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมออกจากกัน ไมไ่ ด้ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” เป็นระบบการคดิ วเิ คราะห์ข้อมูลท่ีสามารถเลอื กไดเ้ พียง ๒ ทาง เทา่ นน้ั คอื ๐ (ศนู ย)์ กบั ๑ (หนงึ่ ) และอาจหมายถงึ โอกาสทจี่ ะเลอื กไดเ้ พยี ง ๒ ทาง เชน่ ใช่ กบั ไมใ่ ช,่ เทจ็ กับ จริง, ท�ำได้ กบั ท�ำไม่ได้, ประโยชนส์ ่วนตน กับ ประโยชนส์ ่วนรวม เป็นต้น จึงเหมาะกบั การน�ำมา เปรยี บเทยี บกบั การปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทต่ี อ้ งสามารถแยกเรอื่ งต�ำแหนง่ หนา้ ทก่ี บั เรอื่ งสว่ นตวั ออกจากกันได้อย่างเดด็ ขาด และไม่กระท�ำการที่เป็นการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวม หลักสตู รรายวิชาเพม่ิ เติม “การปอ้ งกันการทุจริต” 45
“ระบบคดิ ฐานสบิ (Analog)” Vs “ระบบคดิ ฐานสอง (Digital)” “การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐานสิบ (Analog)” คือ การที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐยังมีระบบ การคดิ ทย่ี งั แยกเรอื่ งต�ำแหนง่ หนา้ ทกี่ บั เรอ่ื งสว่ นตนออกจากกนั ไมไ่ ด้ น�ำประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ สว่ นรวมมาปะปนกนั ไปหมด แยกแยะไมอ่ อกว่าสง่ิ ไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นตนสง่ิ ไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นรวม น�ำบุคลากรหรือทรัพย์สินของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ สว่ นตน เครือญาติ หรือพวกพ้อง เหนอื กว่าประโยชนข์ องสว่ นรวมหรอื ของหน่วยงาน จะคอยแสวงหา ประโยชน์จากต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ กรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วน รวม จะยดึ ประโยชนส์ ว่ นตนเป็นหลัก “การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสอง (Digital)” คอื การทเ่ี จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มรี ะบบการคดิ ทสี่ ามารถแยกเรอื่ งต�ำแหนง่ หนา้ ทกี่ บั เรอ่ื งสว่ นตนออกจากกนั แยกออกอยา่ งชดั เจนวา่ สงิ่ ไหนถกู สง่ิ ไหนผดิ สง่ิ ไหนท�ำไดส้ ิ่งไหนท�ำไมไ่ ด้ สง่ิ ไหนคือประโยชนส์ ว่ นตนสิ่งไหนคอื ประโยชน์ส่วนรวม ไม่น�ำมาปะปนกนั ไมน่ �ำบคุ ลากรหรอื ทรพั ยส์ นิ ของราชการมาใชเ้ พอื่ ประโยชนส์ ว่ นตน ไมเ่ บยี ดบงั ราชการ เหน็ แกป่ ระโยชน์ สว่ นรวมหรอื ของหนว่ ยงานเหนอื กวา่ ประโยชนข์ องสว่ นตน เครอื ญาติ และพวกพอ้ ง ไมแ่ สวงหาประโยชน์ จากต�ำแหนง่ หน้าทรี่ าชการ ไมร่ บั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใดจากการปฏบิ ตั หิ น้าที่ กรณเี กดิ การขดั กนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม ก็จะยึดประโยชนส์ ่วนรวมเป็นหลัก ๕. บทบาทของรฐั / เจา้ หน้าทีข่ องรัฐ หลักคิดการแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมอย่างเด็ดขาด ดังกล่าวน้ี สอดคล้อง กับแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ข้อ ๕ ท่ีก�ำหนดให้เจ้า หนา้ ทข่ี องรฐั ตอ้ งแยกเรอื่ งสว่ นตวั ออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ที่ และยดึ ถอื ประโยชนส์ ว่ นรวมของประเทศชาต ิ เหนอื กว่าประโยชน์สว่ นตน โดยอย่างนอ้ ยต้องวางตน ดังนี้ (๑) ไม่น�ำความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ตนมีต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง พรรคพวก เพ่ือน ฝงู หรือผู้มีบุญคณุ ส่วนตัว มาประกอบการใช้ดลุ พินิจใหเ้ ปน็ คณุ หรอื เป็นโทษแก่บุคคลนน้ั หรอื ปฏิบตั ติ ่อ บุคคลนน้ั ตา่ งจากบคุ คลอื่นเพราะชอบหรือชงั (๒) ไม่ใช้เวลาราชการ เงิน ทรัพย์สิน บุคลากร บริการ หรือส่ิงอ�ำนวยความสะดวกของทาง ราชการไปเพ่ือประโยชนส์ ว่ นตัวของตนเองหรือผูอ้ น่ื เวน้ แตไ่ ดร้ ับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย 46 ชดุ หลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
(๓) ไมก่ ระท�ำการใด หรือด�ำรงต�ำแหนง่ หรือปฏิบตั กิ ารใดในฐานะส่วนตวั ซึง่ ก่อใหเ้ กิดความ เคลือบแคลงหรือสงสยั ว่าจะขดั กับประโยชนส์ ว่ นรวมทอี่ ยูใ่ นความรับผิดชอบของหน้าท่ี ในกรณมี ีความ เคลอื บแคลงหรอื สงสยั ใหข้ า้ ราชการผนู้ นั้ ยตุ กิ ารกระท�ำดงั กลา่ วไวก้ อ่ นแลว้ แจง้ ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชา หวั หนา้ สว่ นราชการ และคณะกรรมการจรยิ ธรรมพจิ ารณา เมื่อคณะกรรมการจริยธรรมวินิจฉัยเปน็ ประการใด แลว้ จงึ ปฏบิ ตั ิตามน้ัน (๔) ในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีทร่ี บั ผดิ ชอบในหน่วยงานโดยตรงหรอื หน้าท่อี น่ื ในราชการรฐั วิสาหกิจ องคก์ ารมหาชน หรอื หนว่ ยงานของรฐั ขา้ ราชการตอ้ งยดึ ถอื ประโยชนข์ องทางราชการเปน็ หลกั ในกรณที มี่ ี ความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ของทางราชการหรือประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตนหรือ สว่ นกลมุ่ อนั จ�ำเปน็ ตอ้ งวนิ จิ ฉยั หรอื ชข้ี าด ตอ้ งยดึ ประโยชนข์ องทางราชการและประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ ส�ำคญั นอกจากน้ี ยงั สอดคลอ้ งกบั แนวปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในระดบั สากล ซง่ึ องคก์ รในระดบั สากล ตา่ งกใ็ หค้ วามส�ำคญั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากจรรยาบรรณสากลส�ำหรบั เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ตามประกาศขององคก์ าร สหประชาชาติ และอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ (United Nations Convention Against Corruption - UNCAC) ค.ศ. ๒๐๐๓ ท่กี �ำหนดใหก้ ารแยกเร่อื งส่วนตวั ออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ที่ เปน็ มาตรฐานความประพฤตสิ �ำหรับเจา้ หน้าที่ของรฐั ในการปฏิบัตงิ านของรฐั แต่ละรฐั และระหว่างรัฐ จรรยาบรรณระหว่างประเทศส�ำหรับเจ้าหนา้ ที่ของรัฐ จรรยาบรรณระหวา่ งประเทศส�ำหรบั เจ้าหนา้ ที่ของรัฐ ท่รี ะบุในภาคผนวกของมตสิ หประชาชาติ ครงั้ ที่ ๕๑/๕๙ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๑๙๙๖ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ผลประโยชน์ขดั กนั และการขาดคณุ สมบัติ ๔. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหน้าท่ีของตนในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วน ตนหรอื ผลประโยชนท์ างการเงนิ อันไม่สมควรส�ำหรับตนหรือสมาชิกในครอบครวั ไม่พึงประกอบธุรกรรม เขา้ รบั ต�ำแหนง่ หรอื หนา้ ทห่ี รอื มผี ลประโยชนท์ างการเงนิ การคา้ หรอื ผลประโยชนอ์ นื่ ใดในท�ำนองเดยี วกนั ซ่ึงขดั กบั ต�ำแหนง่ บทบาทหนา้ ที่ หรอื การปฏิบตั ใิ นต�ำแหนง่ หรอื บทบาทหน้าทน่ี ้ัน ๕. เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามขอบเขตท่ีก�ำหนดโดยต�ำแหน่งหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมายหรือ นโยบายในการบรหิ าร พงึ แจ้งเกี่ยวกบั ผลประโยชนท์ างธุรกจิ การค้า และการเงนิ หรือกจิ การอนั ท�ำเพ่ือ ผลตอบแทนทางการเงิน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ขัดกันได้ในสถานการณ์ที่มีโอกาสจะเกิดหรือท่ีดู เหมือนวา่ ไดเ้ กดิ กรณผี ลประโยชน์ขดั กนั ขึน้ ระหว่างหนา้ ทีแ่ ละผลประโยชนส์ ่วนตนของเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ ผใู้ ด เจา้ หน้าทข่ี องรัฐผู้นั้นพึงปฏิบตั ิตามมาตรการทก่ี �ำหนดไวเ้ พอื่ ลดหรือขจัดซงึ่ ผลประโยชน์ขัดกนั นน้ั ๖. เจ้าหน้าที่ของรัฐไมพ่ ึงใชเ้ งิน ทรพั ยส์ นิ บรกิ าร หรือขอ้ มลู ซ่งึ ไดม้ าจากการปฏบิ ตั ิงาน หรอื เป็นผลมาจากการปฏิบัติงาน เพื่อกิจการอ่ืนใดโดยไม่เกี่ยวข้องกับงานในต�ำแหน่งหน้าท่ีโดยไม่สมควร อยา่ งเดด็ ขาด ๗. เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั พงึ ปฏบิ ตั มิ าตรการซง่ึ ก�ำหนดโดยกฎหมายหรอื นโยบายในการบรหิ าร เพอื่ มิใหผ้ ลประโยชน์จากต�ำแหนง่ หน้าทเ่ี ดิมของตนโดยไมส่ มควรเม่อื พ้นจากต�ำแหนง่ หนา้ ทีไ่ ปแลว้ หลกั สูตรรายวิชาเพิม่ เตมิ “การป้องกนั การทุจริต” 47
การรับของขวญั หรอื ของก�ำนัล ๙. เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไมพ่ งึ เรยี กรอ้ ง หรอื รบั ของขวญั หรอื ของก�ำนลั อน่ื ไมว่ า่ ทางตรงหรอื ทางออ้ ม ซ่ึงอาจมีอิทธิพลตอ่ การปฏิบตั ิงานตามบทบาท การด�ำเนินงานตามหน้าทห่ี รอื การวินิจฉยั ของตน ๖. กรณตี วั อยา่ งระบบคดิ เพอื่ แยกแยะระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม 48 ชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
หลกั สูตรรายวชิ าเพิ่มเติม “การป้องกนั การทจุ รติ ” 49
คิดแบบไหน ? ...ไม่ทจุ ริต คดิ ได้ - คดิ กอ่ นท�ำ (กอ่ นกระท�ำการทจุ ริต) - คดิ ถึงผลเสยี ผลกระทบตอ่ ประเทศชาติ (ความเสยี หายทีเ่ กิดขน้ึ กับ ประเทศในทุกๆ ดา้ น) - คิดถึงผไู้ ด้รบั บทลงโทษจากการทุจริต (เอามาเปน็ บทเรียน) - คดิ ถึงผลเสยี ผลกระทบท่จี ะเกดิ ขน้ึ กับตนเอง (จะตอ้ งอยู่กบั ความเสย่ี งท่ีจะถกู รอ้ งเรียน ถูกลงโทษไลอ่ อกและตดิ คกุ ) - คิดถึงคนรอบข้าง (เสื่อมเสยี ตอ่ ครอบครัวและวงศต์ ระกลู ) - คิดอยา่ งมีสติสมั ปชญั ญะ - คดิ แบบพอเพยี ง ไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง ไม่เบยี ดเบียนผูอ้ ่ืน และ คิดดี ไม่เบยี ดเบียนประเทศชาติ - คิดอยา่ งรับผดิ ชอบตามบทบาทหนา้ ท่ี กฎระเบียบ - คดิ ตามคุณธรรม ว่า “ท�ำดไี ด้ดี ท�ำชั่วไดช้ ว่ั ” คดิ เป็น - คดิ แยกเรอื่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวมออกจากกัน อย่างชัดเจน - คิดแยกเรอื่ งต�ำแหนง่ หนา้ ที่ กบั เรือ่ งส่วนตัวออกจากกนั - คดิ ทจี่ ะไมน่ �ำประโยชน์สว่ นตนกับประโยชนส์ ่วนรวมมาปะปน กัน มากา้ วก่ายกนั - คดิ ทจ่ี ะไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเปน็ ประโยชนส์ ว่ นตน - คิดที่จะไมเ่ อาผลประโยชนส์ ว่ นรวมมาตอบแทนบุญคุณส่วนตน - คดิ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติ และพวกพ้อง - คดิ ฐานสองและทิง้ ฐานสบิ 50 ชดุ หลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา (Anti - Corruption Education)
บรรณานกุ รม ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ คู่มอื การปอ้ งกนั ผลประโยชนท์ ับซอ้ น ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ คู่มือปอ้ งกันผลประโยชนท์ บั ซอ้ น ส�ำนักงานปลดั ส�ำนักนายกรัฐมนตรี คู่มอื การปอ้ งกนั ผลประโยชน์ทับซ้อน ส�ำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ค่มู ือการปอ้ งกันผลประโยชน์ทบั ซอ้ น ส�ำนักงานปลดั กระทรวงพาณชิ ย์ คมู่ อื การป้องกนั ผลประโยชนท์ ับซอ้ น กรมสรรพากร หนังสอื ชดุ ความร้กู ารเฝ้าระวงั การทุจริตของหน่วยงานภาครัฐ ชดุ ที่ ๓ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ก�ำชัย จงจักรพันธ์. “การขัดกันแห่งผลประโยชน์และมาตรา ๑๐๐ พ.ร.บ. ป.ป.ช.”. จัดพิมพ์ และเผยแพร่โดยส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ สุทธินันท์ สาริมาน. การก�ำหนดต�ำแหน่งเจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ต้องห้ามด�ำเนินกิจการอันเป็นการขัดกัน ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ตามบทบัญญัตมิ าตรา ๑๐๐ พระราชบัญญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบณั ฑิต, ภาควชิ านิตศิ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๒. สุวรรณา ตุลยวศินพงศ์ และคณะ. (๒๕๔๖). รายงานผลการวิจัยเรื่องความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม. กรงุ เทพฯ : ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. เว็บไซตส์ �ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ (www.nacc.go.th) หลกั สตู รรายวชิ าเพิม่ เตมิ “การปอ้ งกันการทจุ รติ ” 51
ชุดวชิ าที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ๒.๑ การทจุ รติ ปัญหาการทุจริต เป็นปัญหาท่ีส�ำคัญท้ังของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ท่ัวโลก ปัญหา การทจุ รติ จะท�ำใหเ้ กิดความเส่อื มในด้านตา่ งๆ เกิดขึน้ ท้ังสังคม เศรษฐกิจ การเมอื ง และนับวนั ปัญหา ดังกล่าวก็จะรุนแรงมากข้ึน และมีรูปแบบการทุจริตท่ีซับซ้อน ยากแก่การตรวจสอบมากข้ึน จากเดิมท่ี กระท�ำเพยี งสองฝา่ ยปจั จบุ นั การทจุ รติ จะกระท�ำกนั หลายฝา่ ย ทง้ั ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง เจา้ หนา้ ท่ี ของรฐั และเอกชน โดยประกอบดว้ ยสองสว่ นใหญๆ่ คอื ผใู้ หผ้ ลประโยชนก์ บั ผรู้ บั ผลประโยชน์ ซงึ่ ทง้ั สอง ฝา่ ยนจ้ี ะมผี ลประโยชนร์ ว่ มกนั ตราบใดทผี่ ลประโยชนส์ มเหตสุ มผลตอ่ กนั กจ็ ะน�ำไปสปู่ ญั หาการทจุ รติ ได้ บางครั้งผู้ทร่ี บั ผลประโยชน์ก็เปน็ ผ้ใู ห้ประโยชนไ์ ด้เช่นกัน โดยผรู้ ับผลประโยชนแ์ ละผู้ให้ผลประโยชน์ คอื ๑. ผู้รับผลประโยชน์ จะเป็นเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ซ่ึงมอี �ำนาจ หน้าท่ใี นการกระท�ำ การด�ำเนินการ ต่างๆ และรับประโยชนจ์ ะเป็นไปในรูปแบบต่างๆ เชน่ การจัดซือ้ จดั จา้ ง การเรยี กรับประโยชน์โดยตรง การก�ำหนดระเบียบหรอื คุณสมบตั ทิ เ่ี อ้อื ตอ่ ตนเองและพวกพ้อง ๒. ผูใ้ ห้ผลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เช่น เงนิ สทิ ธิ พิเศษอ่ืนๆ เพ่ือจูงใจให้นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรฐั กระท�ำการหรือไมก่ ระท�ำการอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ใน ต�ำแหน่งหนา้ ที่ซง่ึ การกระท�ำดงั กลา่ วเป็นการกระท�ำทีฝ่ ่าฝนื ตอ่ ระเบยี บหรือผดิ กฎหมาย เป็นต้น ๒.๑.๑ ทุจริต คอื อะไร ค�ำว่าทุจริต มีการให้ความหมายได้มากมาย หลากหลาย ข้ึนอยู่กับว่าจะมีการให้ความหมาย ดังกล่าวไว้ว่าอย่างไร โดยที่ค�ำว่าทุจริตนั้น จะมีการให้ความหมายโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการให้ ความหมาย โดยกฎหมายซ่ึงไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายจากแหล่งใด เน้ือหาส�ำคัญของค�ำว่าทุจริต ก็ยังคงมคี วามหมายทส่ี อดคล้องกันอยู่ น่นั คอื การทจุ ริตเปน็ ส่งิ ทไ่ี มด่ ี มีการแสวหาหรอื เอาผลประโยชน์ ของสว่ นรวม มาเปน็ ของสว่ นตวั ท้ังๆ ทีต่ นเองไม่ไดม้ ีสิทธิในสิง่ ๆ นั้น การยึดถอื เอามาดงั กลา่ วจึงถอื เปน็ ส่งิ ทผี่ ิด ทง้ั ในแงข่ องกฎหมายและศลี ธรรม ในแง่ของกฎหมายนั้น ประเทศไทยได้มีการก�ำหนดถึงความหมายของการทุจริตไว้หลักๆ ในกฎหมาย ๒ ฉบบั คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑) “โดยทจุ รติ ” หมายถงึ “เพอ่ื แสวงหาประโยชนท์ มี่ คิ วรได ้ โดยชอบด้วยกฎหมายส�ำหรบั ตนเองหรอื ผอู้ ืน่ ” พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔ ค�ำวา่ “ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท”่ี หมายถงึ “ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั อิ ย่างใดในต�ำแหนง่ หรอื หน้าท่ี หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ที่อาจท�ำให้ผู้อ่ืนเช่ือว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีทั้ง 52 ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
ท่ตี นมิไดม้ ตี �ำแหนง่ หรือหนา้ ทน่ี ัน้ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหนง่ หรือหน้าท่ี ทั้งนี้ เพือ่ แสวงหาประโยชนท์ ี่มิ ควรได้โดยชอบส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืนหรือกระท�ำการอันเป็นความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการหรือ ความผิดต่อต�ำแหน่งหนา้ ท่ใี นการยุตธิ รรมตามประมวลกฎหมายอาญาหรอื ตามกฎหมายอื่น” นอกจากน้ี ค�ำว่าทุจริต ยังได้มีการบัญญัติให้ความหมายเอาไว้ในพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยระบุไวว้ ่าทจุ รติ หมายถงึ “ความประพฤตชิ ั่ว คดโกง ฉ้อโกง” ในค�ำภาษาอังกฤษ ค�ำว่าทุจริตจะตรงกับค�ำว่า Corruption (คอร์รัปชัน) โดยในประเทศไทย มกั มกี ารกลา่ วถงึ ค�ำวา่ คอรร์ ปั ชนั มากกวา่ การใชค้ �ำวา่ ทจุ รติ โดยการทจุ รติ นส้ี ามารถใชไ้ ดก้ บั ทกุ ทไี่ มว่ า่ จะ เปน็ หนว่ ยงานราชการ หนว่ ยงานของเอกชน หากเกดิ กรณกี ารยดึ เอา ถอื เอาซงึ่ ประโยชนส์ ว่ นตนมากกวา่ ส่วนรวม ไม่ค�ำนึง ถึงว่าส่ิงๆ นั้นเป็นของของตนเอง หรือเป็นสิทธิที่ตนเองควรจะได้มาหรือไม่แล้วน้ัน กจ็ ะเรียกได้ว่าเปน็ การทจุ ริต เช่น การทจุ รติ ในการเบิกจ่ายเงิน ไม่ว่าจะเกดิ ขน้ึ ในหน่วยงานของรฐั หรอื ของเอกชน การกระท�ำเช่นนีก้ ็ถือเปน็ การทจุ รติ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคอร์รัปชันมิได้เกิดเฉพาะในวงราชการเท่าน้ัน ดังนั้น ในอีกมุมหนึ่ง คอร์รัปชันจึงต้องหมายรวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของภาคธุรกิจเอกชน ในรูปของการให้สินบน หรือส่ิงตอบแทนแก่นักการเมืองหรือข้าราชการเพื่อให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์ที่ตนเองอยากได้ในรูปแบบ ของการประมลู การสัมปทาน เปน็ ต้น รปู แบบเหลา่ นจี้ ะสามารถสรา้ งก�ำไรให้แก่ภาคเอกชนเป็นจ�ำนวน มากหากภาคเอกชนสามารถเขา้ มาด�ำเนนิ งานได้ รวมถงึ การที่เจ้าหน้าทข่ี องรัฐมีความตอ้ งการทรพั ย์สนิ ประโยชนอ์ ืน่ นอกเหนอื จากสิ่งท่ไี ดร้ บั ตามปกติ เมอ่ื เหตุผลของทัง้ สองฝ่ายสามารถบรรจบหากนั ได้ การ ทจุ รติ ก็เกิดขึ้นได้ จากนยิ ามของการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ไมเ่ พยี งแตจ่ ะกนิ ความถงึ การทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในระบบราชการ เทา่ นน้ั แตย่ งั ครอบคลมุ ไปถงึ เรอื่ งกจิ กรรมทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมในภาคเอกชนอกี ดว้ ย ซง่ึ อาจ กลา่ วได้วา่ การทุจรติ คอร์รปั ชนั คือ การทุจริต และการประพฤติมชิ อบของขา้ ราชการ ดังนัน้ การทุจรติ คอื การคดโกง ไม่ซ่อื สัตย์สจุ ริต การกระท�ำทผ่ี ิดกฎหมาย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความได้ เปรยี บในการแขง่ ขนั การใชอ้ �ำนาจหนา้ ทใ่ี นทางทผ่ี ดิ เพอ่ื แสวงหาประโยชนห์ รอื ใหไ้ ดร้ บั สง่ิ ตอบแทน การ ใหห้ รอื การรบั สนิ บน การก�ำหนดนโยบายทเี่ ออ้ื ประโยชนแ์ กต่ นหรอื พวกพอ้ งรวมถงึ การทจุ รติ เชงิ นโยบาย ๒.๑.๒ รูปแบบการทจุ รติ รูปแบบการทุจริตท่ีเกิดข้ึนสามารถแบ่งได้ ๓ ลักษณะ คือ แบ่งตามผู้ท่ีเกี่ยวข้อง แบ่งตาม กระบวนการที่ใชแ้ ละแบง่ ตามลกั ษณะรูปธรรม ดังนค้ี อื ๑) แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเร่ืองของอ�ำนาจและความสัมพันธ์แบบ อุปถัมภ์ระหว่างผู้ที่ให้การอุปถัมภ์ (ผู้ให้การช่วยเหลือ) กับผู้ถูกอุปถัมภ์ (ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ) โดย ในกระบวนการการทุจริตจะมี ๒ ประเภทคอื (๑) การทจุ รติ โดยขา้ ราชการ หมายถงึ การกระท�ำทม่ี กี ารใชห้ นว่ ยงานราชการเพอื่ มงุ่ แสวงหา ผลประโยชน์จากการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้นๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมหรือประเทศ โดยลักษณะของการทจุ ริตโดยขา้ ราชการสามารถแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทยอ่ ย ดงั นี้ หลักสตู รรายวชิ าเพ่มิ เตมิ “การป้องกันการทจุ ริต” 53
ก) การคอร์รปั ชันตามนำ�้ (corruption without theft) จะปรากฏขึ้นเม่ือเจา้ หนา้ ที่ ของรัฐต้องการสินบนโดยให้มีการจ่ายตามช่องทางปกติของทางราชการ แต่ให้เพ่ิมสินบนรวมเขา้ ไว้กับ การจ่ายค่าบริการของหน่วยงานนั้นๆ โดยที่เงินค่าบริการปกติท่ีหน่วยงานน้ันจะต้องได้รับก็ยังคงได้รับ ต่อไป เช่น การจา่ ยเงนิ พเิ ศษใหแ้ กเ่ จ้าหนา้ ทใ่ี นการออกเอกสารตา่ งๆ นอกเหนือจากคา่ ธรรมเนียมปกติ ท่ตี อ้ งจา่ ยอยแู่ ล้ว เปน็ ตน้ ข) การคอร์รัปชันทวนน�้ำ (corruption with theft) เป็นการคอร์รัปชันในลักษณะ ทีเ่ จา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะเรียกรอ้ งเงนิ จากผขู้ อรับบริการโดยตรง โดยที่หน่วยงานน้ันไมไ่ ดม้ ีการเรียกเกบ็ เงนิ คา่ บรกิ ารแตอ่ ยา่ งใดเชน่ ในการออกเอกสารของหนว่ ยงานราชการไมไ่ ดม้ กี ารก�ำหนดใหต้ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ย ในการด�ำเนินการ แต่กรณนี ้ีมีการเรียกเกบ็ คา่ ใชจ้ ่ายจากผูท้ มี่ าใชบ้ รกิ ารของหนว่ ยงานของรัฐ (๒) การทจุ รติ โดยนกั การเมอื ง (political corruption) เปน็ การใชห้ นว่ ยงานของทางราชการ โดยบรรดานักการเมืองเพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเงินมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคม หรอื ประเทศเชน่ เดยี วกนั โดยรปู แบบหรอื วธิ กี ารทว่ั ไปจะมลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั การทจุ รติ โดยข้าราชการ แตจ่ ะเป็นในระดบั ท่สี งู กวา่ เชน่ การทุจรติ ในการประมลู โครงการกอ่ สร้างขนาดใหญ่ และมีการเรียกรับ หรอื ยอมจะรับทรัพยส์ ินหรือประโยชนต์ ่างๆ จากภาคเอกชน เปน็ ต้น ๒) แบง่ ตามกระบวนการทใ่ี ชม้ ี ๒ ประเภทคอื (๑) เกดิ จากการใชอ้ �ำนาจในการก�ำหนด กฎ กตกิ า พน้ื ฐาน เชน่ การออกกฎหมาย และกฎระเบยี บตา่ งๆ เพอ่ื อ�ำนวยประโยชนต์ อ่ กลมุ่ ธรุ กจิ ของตนหรอื พวก พอ้ งและ (๒) เกดิ จากการใชอ้ �ำนาจหนา้ ทเ่ี พอื่ แสวงหาผลประโยชนจ์ ากกฎ และระเบยี บทดี่ �ำรงอยู่ ซงึ่ มกั เกิดจากความไม่ชัดเจนของกฎและระเบียบเหลา่ น้ันที่ท�ำให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ความคิดเห็นของตนได้ และการใช้ความคิดเหน็ นัน้ อาจไมถ่ ูกตอ้ งหากมกี ารใช้ไปในทางทผ่ี ิดหรือไมย่ ุตธิ รรมได้ ๓) แบ่งตามลกั ษณะรปู ธรรม มที ั้งหมด ๔ รูปแบบคือ (๑) คอรร์ ัปชนั จากการจัดซ้ือจัดหา (Procurement Corruption) เช่น การจัดซอื้ ส่งิ ของ ในหน่วยงาน โดยมกี ารคิดราคาเพ่ิมหรอื ลดคุณสมบัติแต่ก�ำหนดราคาซอ้ื ไวเ้ ทา่ เดิม (๒) คอร์รัปชันจากการให้สัมปทานและสิทธิพิเศษ (Concessionaire Corruption) เช่น การใหเ้ อกชนรายใดรายหนึ่งเขา้ มามีสทิ ธิในการจัดท�ำสมั ปทานเป็นกรณีพเิ ศษตา่ งกบั เอกชนรายอ่ืน (๓) คอรร์ ปั ชนั จากการขายสาธารณสมบตั ิ (Privatization Corruption) เชน่ การขายกจิ การ ของรัฐวิสาหกจิ หรอื การยกเอาทดี่ ิน ทรพั ยส์ ินไปเปน็ สิทธิการครอบครองของต่างชาติ เป็นตน้ (๔) คอรร์ ปั ชนั จากการก�ำกบั ดแู ล (Regulatory Corruption) เชน่ การก�ำกบั ดแู ลในหนว่ ยงาน แลว้ ท�ำการทจุ ริตต่างๆ เป็นตน้ นักวิชาการทไ่ี ด้ศึกษาเกยี่ วกับปญั หาการทจุ รติ ไดม้ ีการก�ำหนดหรอื แบ่งประเภทของการทจุ ริต เป็นรูปแบบต่างๆ ไว้ เช่น การวิจัยของรองศาสตราจารย์ ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ และคณะ ได้แบ่งการ ทุจรติ คอร์รปั ชนั ออกเป็น ๓ รปู แบบ ไดแ้ ก่ ๑) การใชอ้ �ำนาจในการอนญุ าตใหล้ ะเว้นจากการปฏบิ ัตติ าม กฎระเบยี บของรฐั เพอื่ ลดตน้ ทนุ การท�ำธรุ กจิ ๒) การใชอ้ �ำนาจในการจดั สรรผลประโยชนใ์ นรปู ของสงิ่ ของ 54 ชดุ หลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษา (Anti - Corruption Education)
และบริการ หรือสิทธิให้แก่เอกชน และ ๓) การใช้อ�ำนาจในการสร้างอุปสรรคในการให้บริการแก่ภาค ประชาชนและภาคธรุ กิจ เนือ่ งจากเงินเดือนและผลตอบแทนในระบบราชการต่�ำเกนิ ไปจนขาดแรงจงู ใจ ในการท�ำงาน นอกจากนี้ จากผลการสอบสวนและศึกษาเรื่องการทุจริต ของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา สอบสวนและศึกษาเรื่องเก่ียวกับการทุจริตของวุฒิสภา (วิชา มหาคุณ) มีการแบ่งรูปแบบการทุจริต คอรร์ ัปชนั่ ออกเปน็ ๕ ประเภท ได้แก่ ๑) การทจุ ริตเชงิ นโยบาย เป็นรูปแบบใหม่ของการทุจริตที่แยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมายหรือมติของ คณะรัฐมนตรี หรือมติของคณะกรรมการเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ท�ำให้ประชาชน สว่ นใหญเ่ ข้าใจผดิ วา่ เปน็ การกระท�ำท่ีถกู ตอ้ งชอบธรรม ๒) การทจุ รติ ตอ่ ต�ำแหน่งหน้าท่รี าชการ เป็นการใช้อ�ำนาจและหน้าท่ีในความรับผิดชอบของตนในฐานะของเจ้าหน้าท่ีของรัฐเอ้ือ ประโยชนใ์ หแ้ กต่ นเองหรือบุคคลใดบคุ คลหนง่ึ หรือกลุม่ ใดกลุม่ หนึง่ ปัจจบุ นั มกั เกดิ จากความร่วมมอื กนั ระหวา่ งนกั การเมือง พ่อค้าและข้าราชการประจ�ำ ๓) การทุจริตในการจดั ซ้ือจดั จ้าง การทุจริตประเภทน้ีจะพบได้ท้ังรูปแบบของการสมยอมราคา ต้ังแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก�ำหนดรายละเอยี ดหรอื สเปก็ งาน ก�ำหนดเงื่อนไข ค�ำนวณราคากลาง ออกประกาศประกวดราคา การ ขายแบบ การรับและเปิดซอง การประกาศผล การอนุมัติ การท�ำสัญญาทุกข้ันตอนของกระบวนการ จัดซ้ือจัดจ้างล้วนมีช่องโหว่ให้มีการทุจริตกันได้อย่างง่ายๆ นอกจากน้ี ยังมีการทุจริตที่มาเหนือเมฆคือ การอาศัยความเปน็ หน่วยงานราชการดว้ ยกัน จึงได้รบั การยกเวน้ และการไม่ถกู เพง่ เล็ง แต่ความจรงิ ผล ประโยชน์จากการรับงานและเงินท่ีได้จากการรับงานไม่ได้น�ำส่งกระทรวงการคลัง แต่เป็นผลประโยชน์ ของกลมุ่ บคุ คล ซ่งึ ไม่แตกตา่ งอะไรกบั การจา้ งบรษิ ทั เอกชน ๔) การทจุ ริตในการให้สัมปทาน เปน็ การแสวงหาหรอื เออ้ื ประโยชนโ์ ดยมชิ อบจากโครงการหรอื กจิ การของรฐั ซงึ่ รฐั ไดอ้ นญุ าต หรอื มอบใหเ้ อกชนด�ำเนนิ การแทนใหล้ กั ษณะสมั ปทานผกู ขาดในกจิ การใดกจิ การหนง่ึ เชน่ การท�ำสญั ญา สมั ปทานโรงงานสรุ า การท�ำสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม เปน็ ต้น ๕) การทจุ รติ โดยการท�ำลายระบบตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรฐั เปน็ การพยายามด�ำเนนิ การใหไ้ ดบ้ คุ คลซงึ่ มสี ายสมั พนั ธก์ บั ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื งในอนั ทจี่ ะเขา้ ไปด�ำรงต�ำแหนง่ ในองคก์ รอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู ซง่ึ มอี �ำนาจหนา้ ทใ่ี นการตรวจสอบการใชอ้ �ำนาจ รัฐ เช่น คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ท�ำใหอ้ งคก์ รเหล่านี้มีความออ่ นแอ ไมส่ ามารถตรวจสอบการให้อ�ำนาจรัฐไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ หลักสตู รรายวิชาเพ่ิมเตมิ “การปอ้ งกันการทจุ ริต” 55
๒.๑.๓ สาเหตทุ ี่ท�ำใหเ้ กดิ การทุจรติ จากการศึกษาวิจัยโครงการประเมินสถานการณ์ด้านการทุจริตในประเทศไทยของเสาวนีย์ ไทยรุง่ โรจน์ ได้ระบุ เงื่อนไข/สาเหตทุ ่ีท�ำให้เกิดการทุจรติ คอรร์ ปั ชั่นอาจมาจากสาเหตุภายในหรือสาเหตุ ภายนอกดังน้ี (๑) ปจั จยั สว่ นบคุ คล ไดแ้ ก่ พฤตกิ รรมสว่ นตวั ของขา้ ราชการบางคนทเ่ี ปน็ คนโลภมาก เหน็ แก่ ได้ไม่รจู้ ักพอ ความเคยชนิ ของข้าราชการท่ีคุ้นเคยกบั การท่ีจะได้ “คา่ นำ้� ร้อนนำ้� ชา” หรอื “เงนิ ใตโ้ ต๊ะ” จากผู้มาตดิ ตอ่ ราชการ ขาดจิตส�ำนึกเพ่อื ส่วนรวม (๒) ปจั จยั ภายนอก ประกอบด้วย ๑) ดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ รายไดข้ องขา้ ราชการนอ้ ยหรอื ตำ่� มากไมไ่ ดส้ ดั สว่ นกบั การครอง ชีพทส่ี งู ขน้ึ การเตบิ โตของระบบทนุ นยิ มทเ่ี นน้ การบริโภค สรา้ งนสิ ัยการอยากได้ อยากมี เมอ่ื รายได้ไม่ เพียงพอกต็ ้องหาทางใชอ้ �ำนาจไปทุจริต ๒) ดา้ นสงั คม ไดแ้ ก่ คา่ นยิ มของสงั คมทยี่ กยอ่ งคนมเี งนิ คนรำ่� รวย และไมส่ นใจวา่ เงนิ นน้ั ได้มาอยา่ งไร เกดิ ลัทธเิ อาอยา่ ง อยากได้ส่งิ ทคี่ นรวยมี เม่ือเงินเดือนของตนไมเ่ พยี งพอ กห็ าโดยวิธีมิชอบ ๓) ดา้ นวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ การนยิ มจา่ ยเงนิ ของนกั ธรุ กจิ ใหก้ บั ขา้ ราชการทต่ี อ้ งการความ สะดวกรวดเร็ว หรอื การบริการทดี่ ีกว่าด้วยการลดตน้ ทุนทีจ่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ ๔) ดา้ นการเมอื ง ไดแ้ ก่ การทจุ รติ ของขา้ ราชการแยกไมอ่ อกจากนกั การเมอื ง การรว่ มมอื ของคนสองกลมุ่ นเี้ กดิ ขนึ้ ไดใ้ นประเดน็ การใชจ้ า่ ยเงนิ การหารายไดแ้ ละการตดั สนิ พจิ ารณาโครงการของรฐั ๕) ดา้ นระบบราชการ ไดแ้ ก่ - ความบกพรอ่ งในการบริหารงานเปิดโอกาสใหเ้ กิดการทจุ ริต - การใชด้ ลุ พนิ จิ มากและการผกู ขาดอ�ำนาจจะท�ำใหอ้ ตั ราการทจุ รติ ในหนว่ ยงานสงู - การทขี่ น้ั ตอนของระเบยี บราชการมมี ากเกนิ ไป ท�ำใหผ้ ทู้ ไี่ ปตดิ ตอ่ ตอ้ งเสยี เวลามาก จึงเกดิ การสมยอมกนั ระหวา่ งผใู้ หก้ บั ผรู้ บั - การตกอยใู่ ตภ้ าวะแวดลอ้ มและอทิ ธพิ ลของผทู้ จุ รติ มที างเปน็ ไปไดท้ ผ่ี นู้ น้ั จะท�ำการ ทุจริตดว้ ย - การรวมอ�ำนาจ ระบบราชการมีลักษณะท่ีรวมศูนย์ ท�ำให้ไม่มีระบบตรวจสอบท่ี เปน็ จริงและมปี ระสิทธิภาพ - ต�ำแหนง่ หนา้ ทใี่ นลกั ษณะอ�ำนวยตอ่ การกระท�ำผดิ เชน่ อ�ำนาจในการอนญุ าต การ อนุมัติจัดซ้ือจัดจา้ ง ผู้ประกอบการเอกชนมักจะยอมเสียเงินติดสินบนเจา้ หน้าท่ีเพ่ือให้เกิดความสะดวก และรวดเร็ว - การที่ข้าราชการผู้ใหญ่ทุจริตให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วไม่ถูกลงโทษข้าราชการช้ัน ผู้น้อยจึงเลียนแบบกลายเป็นความเคยชิน และมองไม่เห็นว่าการกระท�ำเหล่านั้นจะเป็นการคอร์รัปช่ัน หรือมีความสับสนระหวา่ งสินน�ำ้ ใจกับคอรร์ ัปช่ันแยกออกจากกนั 56 ชดุ หลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา (Anti - Corruption Education)
๖) กฎหมายและระเบยี บ ไดแ้ ก่ - กฎหมายหลายฉบบั ทีใ่ ชอ้ ยูย่ งั มี “ช่องโหว่” ท่ีท�ำใหเ้ กดิ การทจุ รติ ท่ีด�ำรงอยูไ่ ด้ - การทจุ รติ ไมไ่ ดเ้ ปน็ อาชญากรรมใหค้ กู่ รณที งั้ สองฝ่าย หาพยานหลกั ฐานไดย้ ากยง่ิ กวา่ นนั้ คกู่ รณที งั้ สองฝา่ ยมกั ไมค่ อ่ ยมฝี า่ ยใดยอมเปดิ เผยออกมา และถา้ หากมฝี า่ ยใดตอ้ งการทจ่ี ะเปดิ เผย ความจริงในเร่ืองน้ี กฎหมายหมน่ิ ประมาทก็ยบั ยั้งเอาไว้ อกี ทัง้ กฎหมายของทกุ ประเทศเอาผิดกบั บคุ คล ผู้ใหส้ นิ บนเทา่ ๆ กบั ผรู้ บั สินบน จึงไมค่ ่อยมีผใู้ หส้ นิ บนรายใดกล้าด�ำเนนิ คดกี ับผู้รับสินบน - ราษฎรที่รู้เห็นการทุจริตก็เป็นโจทก์ฟ้องร้องมิได้เนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหาย ยิ่งกว่า นัน้ กระบวนการพิจารณาพพิ ากษายงั ย่งุ ยากซบั ซอ้ นจนกลายเป็นผลดีแกผ่ ้ทู จุ รติ - ข้ันตอนทางกฎหมายหรอื ระเบยี บปฏบิ ัตยิ งุ่ ยาก ซับซอ้ น มีขน้ั ตอนมาก ท�ำใหเ้ กดิ ชอ่ งทางใหข้ า้ ราชการหาประโยชน์ได้ ๗) การตรวจสอบ ไดแ้ ก่ - ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็ง ท�ำให้กระบวนการต่อต้านการทุจริตจากฝ่าย ประชาชนไมเ่ ข้มแข็งเทา่ ท่คี วร - การขาดการควบคมุ ตรวจสอบ ของหน่วยงานทีม่ ีหน้าทตี่ รวจสอบหรือก�ำกับดูแล อย่างจริงจงั ๘) สาเหตุอนื่ ๆ - อิทธพิ ลของภรรยาหรอื ผู้หญงิ เนอ่ื งจากเป็นผูใ้ กล้ชดิ สามอี ันเปน็ ตัวการส�ำคญั ทส่ี นับสนนุ และสง่ เสริมให้สามขี องตนท�ำการทจุ ริตเพ่อื ความเป็นอย่ขู องครอบครวั - การพนนั ท�ำให้ข้าราชการทเี่ สียพนันมีแนวโนม้ จะทุจรติ มากขนึ้ ๒.๑.๔ ระดบั การทุจริตในประเทศไทย ๑) การทจุ รติ ระดบั ชาติ เปน็ รปู แบบการทจุ รติ ของนกั การเมอื งทใ่ี ชอ้ �ำนาจในการบรหิ ารราชการ รวมถึงอ�ำนาจนิติบัญญัติ เป็นเครื่องมือในการออกกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย การออกนโยบายต่างๆ โดยการอาศัยช่องวา่ งทางกฎหมาย ๒) การทุจริตในระดับท้องถิ่น การบริหารราชการในรูปแบบท้องถิ่นเป็นการกระจายอ�ำนาจ เพ่ือให้บริการต่างๆ ของรัฐสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น แต่การด�ำเนิน การในรปู แบบของทอ้ งถนิ่ กก็ อ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาการทจุ รติ เปน็ จ�ำนวนมาก ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ จะเปน็ นกั การเมอื ง ที่อยู่ในท้องถิ่นน้ัน หรือนักธุรกิจที่ปรับบทบาทตนเองมาเป็นนักการเมือง และเมื่อเป็นนักการเมือง เป็นผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินแล้วกเ็ ป็นโอกาสในการแสวงหาผลประโยชนส์ �ำหรบั ตนเองและพวกพ้องได้ ระดับการทุจริตในประเทศไทยท่ีแบ่งออกเป็นระดับชาติและระดับท้องถิ่นส่วนใหญ่มักจะม ี รปู แบบการทจุ รติ ทคี่ ล้ายกัน เชน่ การจดั ซ้ือจัดจ้าง การประมลู การซ้อื ขายต�ำแหนง่ โดยเฉพาะในระดบั ทอ้ งถน่ิ ทมี่ ขี ่าวจ�ำนวนมากเกย่ี วกบั ผบู้ รหิ ารทอ้ งถน่ิ เรยี กรบั ผลประโยชนใ์ นการปรบั เปลย่ี นต�ำแหนง่ หรอื เล่ือนต�ำแหน่งเป็นต้น โดยการทุจริตท่ีเกิดข้ึนอาจจะไม่ใช่การทุจริตท่ีเป็นตัวเงินให้เห็นได้ชัดเจนเทา่ ใด หลักสตู รรายวชิ าเพม่ิ เติม “การป้องกันการทุจรติ ” 57
แต่จะแฝงตัวอยู่ในรูปแบบต่างๆ หากไม่พิจารณาให้ดีแล้วอาจมองได้ว่าการกระท�ำดังกล่าวไม่ใช่การ ทุจริต แตแ่ ทจ้ รงิ แล้วการกระท�ำนน้ั เป็นการทจุ ริตอยา่ งหนงึ่ และร้ายแรงมากพอท่จี ะส่งผลกระทบ และ กอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ สงั คม ประเทศชาตไิ ด้เชน่ กนั ตัวอยา่ งเช่น การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานซ่ึงผู้ บงั คบั บญั ชาใหค้ ะแนนประเมนิ พเิ ศษแกล่ กู นอ้ งทตี่ นเองชอบ ท�ำใหไ้ ดร้ บั เงนิ เดอื นในอตั ราทส่ี งู กวา่ ความ เปน็ จรงิ ทบ่ี คุ คลนน้ั ควรจะไดร้ บั เปน็ ตน้ การกระท�ำดงั กลา่ วถอื เปน็ ความผดิ ทางวนิ ยั ซงึ่ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั จะมีบทบัญญัติเกีย่ วกับประมวลจรยิ ธรรมข้าราชการพลเรือนใหย้ ดึ ถือปฏิบัติอยแู่ ล้ว ซึง่ หากเกิดกรณีดัง กลา่ วข้นึ เทา่ กบั วา่ เปน็ การกระท�ำทท่ี จุ รติ และประพฤติผดิ ประมวลจริยธรรมอกี ด้วย ๒.๑.๕ สถานการณ์การทุจรติ ของประเทศไทย การทจุ รติ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ยอ่ มสง่ ผลตอ่ ภาพลกั ษณข์ องประเทศ หากประเทศใดมกี ารทจุ รติ นอ้ ยจะสง่ ผล ให้ประเทศน้ันมีความเปน็ อยทู่ ด่ี ี นักลงทุนมีความต้องการทจ่ี ะมาลงทุนในประเทศ ซง่ึ หมายถึงเศรษฐกจิ ของประเทศจะสามารถพฒั นาไปไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง แตห่ ากมกี ารทจุ รติ เปน็ จ�ำนวนมากนกั ธรุ กจิ ยอ่ มไมก่ ลา้ ที่จะลงทุนในประเทศนั้นๆ เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการท�ำธุรกิจท่ีมากกว่าปกติ แต่หากสามารถ ด�ำเนินธุรกิจดังกล่าวได้ผลที่เกิดขึ้นย่อมตกแก่ผู้บริโภคท่ีจะต้องซื้อสินค้าและบริการท่ีมีราคาสูง หรือ อีกกรณหี นึง่ คอื การใช้สนิ ค้าและบรกิ ารทีไ่ มม่ คี ุณภาพ ดังนั้น จงึ ได้มกี ารวดั และจดั อันดบั ประเทศตา่ งๆ เพ่อื บง่ บอกถงึ สถานการณ์การทจุ ริต ซ่ึงการทุจรติ ทผ่ี ่านมานอกจากจะพบเหน็ ข่าวการทจุ ริตดว้ ยตนเอง และผา่ นสอ่ื ตา่ งๆ แลว้ ยงั มตี วั ชวี้ ดั ทสี่ �ำคญั อกี ตวั หนง่ึ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั คอื ตวั ชว้ี ดั ขององคก์ รเพอ่ื ความ โปรง่ ใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ไดจ้ ดั อนั ดบั ดชั นชี ว้ี ดั ภาพลกั ษณค์ อรร์ ปั ชนั ประจ�ำ ปี ๒๕๖๐ พบวา่ ประเทศไทยได้ ๓๗ คะแนน จากคะแนนเต็ม๑๐๐ คะแนน อย่อู ันดับท่ี ๙๖ จากการ จัดอนั ดับทง้ั หมด ๑๘๐ ประเทศทัว่ โลก หากเทยี บกบั ปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยได้คะแนน ๓๕ คะแนน อยู่ ล�ำดับท่ี ๑๐๑ เทา่ กับว่าประเทศไทย มีคะแนนความโปร่งใสดขี นึ้ แตย่ งั แสดงใหเ้ หน็ วา่ ประเทศไทยยัง มีการทจุ รติ คอร์รัปชนั อย่ใู นระดับสงู ซ่ึงสมควรไดร้ บั การแก้ไขอยา่ งเรง่ ดว่ น โดยคะแนนท่ปี ระเทศไทยได้ รบั ตั้งแต่อดีต - ปจั จบุ นั ไดค้ ะแนนและล�ำดบั ดงั น้ี ตารางที่ ๑ แสดงภาพดชั นีการรับร้กู ารทุจริตของประเทศไทย ระหว่างปี ๒๕๔๗ - ๒๕๖๐ ปี พ.ศ. คะแนน อนั ดบั จ�ำนวนประเทศ ๒๕๔๗ ๓.๖๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๖๔ ๑๔๖ ๒๕๔๘ ๓.๘๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๕๙ ๑๕๙ ๒๕๔๙ ๓.๖๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๖๓ ๑๖๓ ๒๕๕๐ ๓.๓๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๔ ๑๗๙ ๒๕๕๑ ๓.๕๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๐ ๑๘๐ ๒๕๕๒ ๓.๔๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๘๔ ๑๘๐ ๒๕๕๓ ๓.๕๐ (คะแนนเต็ม ๑๐) ๗๘ ๑๗๘ ๒๕๕๔ ๓.๔๐ (คะแนนเตม็ ๑๐) ๘๐ ๑๘๓ 58 ชุดหลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
ปี พ.ศ. คะแนน อนั ดบั จ�ำนวนประเทศ ๒๕๕๕ ๓๗ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๘๘ ๑๗๖ ๒๕๕๖ ๓๕ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๑๐๒ ๑๗๗ ๒๕๕๗ ๓๘ (คะแนนเต็ม ๑๐๐) ๘๕ ๑๗๕ ๒๕๕๘ ๓๘ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๗๖ ๑๖๘ ๒๕๕๙ ๓๕ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๑๐๑ ๑๗๖ ๒๕๖๐ ๓๗ (คะแนนเตม็ ๑๐๐) ๙๖ ๑๘๐ และเม่ือจดั อนั ดับประเทศในกลุ่มอาเซยี น จ�ำนวน ๑๐ ประเทศ เพือ่ เปรยี บเทียบดัชนีการรับรกู้ ารทุจรติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศสิงคโปรย์ ังคงอนั ดบั หน่ึงในกลมุ่ อาเซียนเช่นเดยี วกับปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามตารางด้าน ลา่ งนี้ ตารางท่ี ๒ แสดงภาพดัชนกี ารรบั ร้กู ารทุจริต ประจำ�ปี ๒๕๕๘ - ๒๕๖๐ ในภูมิภาคอาเซยี น ล�ำดบั ประเทศในอาเซียน ประเทศ คะแนนปี ๒๕๖๐ คะแนนปี ๒๕๕๙ คะแนนปี ๒๕๕๘ ๑ สิงคโปร์ ๘๔ ๘๔ ๘๕ ๒ บรูไน ๖๒ ๕๘ - ๓ มาเลเซีย ๔๗ ๔๙ ๕๐ ๔ อินโดนเี ซยี ๓๗ ๓๗ ๓๖ ๕ ๓๗ ๓๕ ๓๘ ๖ ไทย ๓๕ ๓๓ ๓๑ ๗ เวียดนาม ๓๔ ๓๕ ๓๕ ๘ ฟลิ ปิ ปินส์ ๓๐ ๒๘ ๒๒ ๙ ๒๙ ๓๐ ๒๖ ๑๐ พมา่ ๒๑ ๒๑ ๒๑ ลาว กมั พูชา ในการประเมนิ ดชั นกี ารรบั รกู้ ารทจุ รติ ทผี่ า่ นมา จะถกู ประเมนิ จากแหลง่ ขอ้ มลู ๙ แหลง่ ครอบคลมุ ด้านต่างๆ ท้งั ดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง การจัดการของรัฐบาล ความสามารถในการแขง่ ขันระดับประเทศ ความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั การรบั รกู้ ารทุจรติ ประสทิ ธิภาพของภาครฐั และภาคเอกชนในการด�ำเนนิ งานและ การวัดด้านความเป็นประชาธปิ ไตยของประเทศ โดยวัดจากความคิดเห็นของประชาชนวา่ ประเทศนน้ั มี ความเปน็ ประชาธปิ ไตยมากนอ้ ยแค่ไหน เชน่ การมีสว่ นร่วม ความเป็นเอกฉันท์ การเลอื กต้งั ความเทา่ เทยี ม ความเปน็ เสรโี ดยทง้ั หมดนจ้ี ะใชร้ ปู แบบของการสอบถามจากนกั ลงทนุ ชาวตา่ งชาตทิ เี่ ขา้ มาท�ำธรุ กจิ ในประเทศ หลกั สูตรรายวิชาเพม่ิ เติม “การป้องกันการทจุ รติ ” 59
๒.๑.๖ ผลกระทบของการทุจรติ ตอ่ การพัฒนาประเทศ การทจุ รติ มผี ลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศในทกุ ๆดา้ น เปน็ พนื้ ฐานทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ของ คนในชาติ จากการเหน็ ประโยชนส์ ว่ นตนมากกวา่ ประโยชนข์ องประเทศ ประชาชนไดร้ บั บรกิ ารสาธารณะ หรือสิ่งอ�ำนวยความสะดวกไม่เต็มท่ีอย่างที่ควรจะเป็น เงินภาษีของประชาชนตกไปอยู่ในกระเป๋าของ ผูท้ ุจริต และผลกระทบอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากน้แี ล้ว หากพิจารณาในแงก่ ารลงทนุ จากต่างประเทศ เพื่อประกอบกิจการตา่ งๆ ภายในประเทศ พบว่า นกั ลงทนุ ต่างประเทศจะมองว่าการทจุ รติ ถอื วา่ เปน็ ต้น ทุนอย่างหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนจากต่างประเทศจะใช้ประกอบการพิจารณาการลงทุนประกอบกับปัจจัย ดา้ นอ่ืนๆ ทั้งน้ี หากต้นทนุ ที่ต้องเสยี จากการทุจริตมีต้นทนุ ที่สงู นกั ลงทนุ จากต่างประเทศอาจพจิ ารณา ตัดสินใจการลงทุนไปยังประเทศอ่ืน ส่งผลให้การจ้างงาน การสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนลดลง เมื่อประชาชนมีรายได้ลดลงก็จะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีอากรซึ่งเป็นรายได้ของรัฐลดลง จึงส่งผลต่อ การจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ส�ำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยจากกลุ่มตัวอย่าง ๒,๔๐๐ ตัวอย่างจากประชาชนท่ัวไป ผู้ประกอบการภาคเอกชน และข้าราชการ/ภาครัฐ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ พบวา่ หากเปรยี บเทยี บความรนุ แรงของปญั หาการทจุ รติ ในปจั จบุ นั กบั ปที ผ่ี า่ นมา พบวา่ ผทู้ ตี่ อบ วา่ รุนแรงเพม่ิ ขน้ึ มี ๓๘% รุนแรงเท่าเดมิ ๓๐% สว่ นสาเหตุการทุจรติ อันดับหนึง่ คือ กฎหมายเปิดโอกาส ให้เจ้าหนา้ ที่ใชด้ ุลพนิ ิจท่เี ออื้ ต่อการทุจริต อนั ดบั สอง ความไมเ่ ข้มงวดของการบงั คับใช้กฎหมาย อนั ดบั สาม กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใส ตรวจสอบไดย้ าก สว่ นรูปแบบการทุจริตท่เี กิดข้นึ บ่อย ทีส่ ดุ อันดบั หนงึ่ คอื การให้สินบน ของก�ำนลั หรอื รางวลั อันดบั สอง การใช้ช่องโหวท่ างกฎหมายเพ่ือ แสวงหาประโยชนส์ ว่ นตัว อนั ดบั สาม การใชต้ �ำแหนง่ ทางการเมอื งเพ่อื เอ้อื ประโยชนแ์ ก่พรรคพวก ส�ำหรบั ความเสยี หายจากการทจุ รติ โดยการประเมนิ จากงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๕๙ ท่ี ๒.๗๒ ลา้ นลา้ นบาทวา่ แมจ้ ะมกี ารจา่ ยเงนิ ใตโ้ ตะ๊ แตอ่ ตั ราการจา่ ยอยทู่ เี่ ฉลยี่ ๑-๑๕% โดยหากจา่ ยที่ ๕% ความ เสียหายจะอยู่ที่ ๕๙,๖๑๐ ลา้ นบาท หรอื ๒.๑๙% ของงบประมาณ และมผี ลท�ำให้อตั ราการเตบิ โตทาง เศรษฐกิจลดลง ๐.๔๒%แตห่ ากจา่ ยที่ ๑๕% คิดเปน็ ความเสยี หาย ๑๗๘,๘๓๐ ล้านบาท หรอื ๖.๕๗% ของเงนิ งบประมาณ และมผี ลท�ำให้เศรษฐกิจลดลง ๑.๒๗% โดยการลดการเรียกเงินสินบนลงทกุ ๆ ๑% จะท�ำใหม้ ลู คา่ ความเสียหายจากการทุจรติ ลดลง ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ของประเทศไทยจะมหี นว่ ยงานหลกั ทดี่ �ำเนนิ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต คือ ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) นอกจากนย้ี งั มหี นว่ ยงานอนื่ ทม่ี ภี ารกจิ ในลกั ษณะเดยี วกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกบั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. เชน่ ส�ำนกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ส�ำนกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ในภาครฐั นอกจากนยี้ งั มหี นว่ ยงานภาคเอกชนทใี่ หค้ วามรว่ มมอื ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตอีกหลายหน่วยงาน และส�ำหรับหน่วยงานภาครัฐในปัจจุบันประเทศไทยได้มี การประกาศใชย้ ทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) เพอ่ื เป็นมาตรการ แนวทางการด�ำเนนิ งานทั้งของภาครฐั และภาคเอกชน 60 ชุดหลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
๒.๑.๗ ทศิ ทางการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ประเทศไทยได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัย ความร่วมมือทั้งหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของเอกชน และภาคประชาชนในการร่วมมือป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต รวมถึงได้มีการออกกฎหมายลงโทษผู้ท่ีกระท�ำความผิด มีการจัดต้ังศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพ่ือท�ำหน้าที่ในการด�ำเนินคดีกับบุคคลท่ีท�ำการทุจริต นอกจากนี้ยังได้มี การก�ำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซ่ึงฉบับปัจจุบันเป็นฉบับท่ี ๓ มกี �ำหนดใชต้ งั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ โดยมวี สิ ยั ทศั นว์ า่ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาตติ า้ นทจุ รติ (Zero Tolerance & Clean Thailand) และมีพันธกจิ คอื สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทจุ ริต ยกระดบั ธรรมาภบิ าลในการบริหารจัดการทกุ ภาคสว่ นแบบบรู ณาการ และปฏิรปู กระบวนการปอ้ งกนั และปราบ ปรามการทจุ รติ ทั้งระบบให้มีมาตรฐานสากล โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตรช์ าตฯิ ระยะที่ ๓ ประกอบดว้ ยยทุ ธศาสตร์ จ�ำนวน ๖ ยทุ ธศาสตร์ เปน็ การด�ำเนนิ การ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ทง้ั ระบบ ตงั้ แตก่ ารปอ้ งกนั การทจุ รติ โดยใชป้ ระบวนการปลกู ฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม ผา่ นกิจกรรมและการเรียนการสอน รวมถึงการปอ้ งกนั การทุจริตเชงิ ระบบ นอกจากนี้รวมไป ถงึ การด�ำเนนิ การในสว่ นการตรวจสอบทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ปน็ การตรวจสอบบญั ชแี สดงรายการทรพั ยส์ นิ และหน้ี สนิ ของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั วา่ จะมแี นวทางในการด�ำเนนิ งานอยา่ งไร และดา้ นการปราบปรามการทจุ รติ เพอื่ ใหก้ ารด�ำเนนิ การด้านปราบปรามการทจุ รติ มีประสิทธภิ าพมากขนึ้ ทง้ั น้ี เพื่อเปน็ การยกระดับค่า CPI ให้ ไดค้ ะแนน ๕๐ คะแนน ตามทตี่ ง้ั เปา้ หมายไว้ โดยมีรายละเอียดแต่ละยุทธศาสตร์ ดังน้ี ยทุ ธศาสตร์ที่ ๑ : สรา้ งสังคมท่ีไมท่ นตอ่ การทุจริต มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการปรบั ฐานความคดิ ทกุ ชว่ งวยั ใหม้ คี า่ นยิ มรว่ มตา้ นทจุ รติ มจี ติ ส�ำนกึ สาธารณะ และสามารถแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และสรา้ งกระบวนการกลอ่ ม เกลาทางสังคมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเป็นระบบ รวมถึงการบูรณาการและเสริม พลงั การมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ นในการผลักดันให้เกิดสงั คมท่ีไมท่ นตอ่ การทจุ ริต ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : ยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมอื งในการต่อตา้ นการทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เจตจ�ำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของประชาชนได้รับการ ปฏบิ ัตใิ ห้เกิดผลอยา่ งเปน็ รปู ธรรม และเพือ่ รักษาเจตจ�ำนงทางการเมอื งในการแกไ้ ขปญั หาการทุจรติ ให้ เป็นสว่ นหนึ่งของนโยบายรัฐบาลในแต่ละช่วง ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ : สกัดกัน้ การทจุ ริตเชงิ นโยบาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระบวนการนโยบายเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล สามารถกระจายผล ประโยชน์สู่ประชาชนอย่างเป็นธรรม และไม่มีลักษณะของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเพ่ือแก้ไข ปญั หาการทจุ รติ เชงิ นโยบายทุกระดับ หลักสตู รรายวชิ าเพมิ่ เตมิ “การป้องกนั การทุจริต” 61
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔ : พัฒนาระบบปอ้ งกันการทุจรติ เชิงรกุ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลไกการป้องกันการทุจริตให้เท่าทันต่อสถานการณ์การทุจริต พัฒนากระบวนการท�ำงานด้านการป้องกันการทุจริต ให้สามารถป้องกันการทุจริตให้มีประสิทธิภาพ เพ่ือให้เกิดความเข้มแข็งในการบูรณาการการท�ำงานระหว่างองค์กรท่ีเก่ียวข้องกับการป้องกันการทุจริต และเปน็ การปอ้ งกนั ไม่ใหม้ ีการทจุ ริตเกิดข้นึ ในอนาคต ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๕ : ปฏิรูปกลไกและกระบวนการปราบปรามการทจุ รติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือปรับปรุงและพัฒนากลไกและกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความ รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเท่าทันต่อพลวัตของการทุจริต การตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมาย ให้กระบวนการปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพบูรณาการกระบวนการปราบปรามการทุจริตของ หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องท้ังระบบ และเพ่ือให้ผู้กระท�ำความผิดถูกด�ำเนินคดีและลงโทษอยา่ งเป็นรูปธรรม และเท่าทนั ต่อสถานการณ ์ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ : ยกระดับคะแนนดชั นีการรบั รู้การทุจรติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยให้มีระดับร้อยละ ๕๐ ขน้ึ ไปเปน็ เป้าหมายท่ตี อ้ งการยกระดับคะแนนให้มีค่าสูงข้ึน หากได้รับคะแนนมากจะหมายถึงการท่ี ประเทศน้นั มกี ารทจุ ริตน้อย ดังนั้น ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ น้ี จึงถือเป็นเป้าหมายส�ำคัญในการทจ่ี ะตอ้ งม่งุ มน่ั ในการด�ำเนนิ การปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ๒.๑.๘ กรณีตัวอยา่ งผลที่เกดิ จากการทจุ ริต คดีทุจริตจดั ซ้อื รถและเรือดับเพลงิ ของกรุงเทพมหานคร แตเ่ ดิมภารกิจด้านการดับเพลงิ เปน็ ภารกิจของต�ำรวจดับเพลิง มฐี านะเปน็ กองบงั คับการต�ำรวจ ดับเพลิงปฏิบัติงานทางด้านป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัยจนกระท้ังได้มีแนวคิดท่ีจะ ปรับปรุงโครงสรา้ งของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ซ่ึงเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ กองบังคับการต�ำรวจ ดบั เพลงิ ใหม้ ขี นาดเลก็ ลง โดยมแี นวคดิ ทจ่ี ะโอนภารกจิ ทไี่ มใ่ ชห่ น้าทขี่ องต�ำรวจโดยตรงใหไ้ ปอยใู่ นความ รับผิดชอบของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง งานด้านดับเพลิงและกู้ภัย ถือเป็นภารกิจหน่ึงที่ มิใชห่ นา้ ที่โดยตรงของส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จงึ เห็นควรท่จี ะโอนภารกจิ ดงั กลา่ วให้กรงุ เทพมหานคร รับไปด�ำเนินการ โดยเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติถ่ายโอน ภารกจิ ปอ้ งกนั และระงบั อคั คภี ยั ใหก้ รงุ เทพมหานคร มสี ถานะเปน็ ส�ำนกั ชอื่ วา่ ส�ำนกั ปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั คดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร มีผู้เกี่ยวข้องท้ังเจา้ หน้าที่ของรัฐ และ เอกชนโดยเอกชนท่ีเขา้ มาท�ำธุรกิจการขายรถและเรือดับเพลิงคือบริษัท ส. โดยเม่ือเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บรษิ ทั สไตเออร์เดมเลอร์พคุ สเปเชยี ลฟาห์รซอยกจ์ �ำกดั ถูกบริษทั General Dynamics World- wide Holdings, Inc.ของสหรัฐอเมริกาซอ้ื กิจการท้ังหมด แตย่ ังคงเป็นบริษัทถูกตอ้ งตามกฎหมายของ ประเทศออสเตรยี บรษิ ทั สไตเออรเ์ ดมเลอรพ์ คุ สเปเชยี ลฟาหร์ ซอยก์ จ�ำกดั วา่ จา้ งบรษิ ทั Somati Vehicle N.V. ของประเทศเบลเย่ียมเป็นผู้รับจ้างจัดหา ผลิตและประกอบรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทา 62 ชดุ หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
สาธารณภัย (ยกเว้นเรือดับเพลิง) ให้กับกรุงเทพมหานครโดยได้รับค่าจ้างผลิตราว ๒๘ ล้านยูโร หรือ ราว ๑,๔๐๐ ลา้ นบาท บรษิ ัท สไตเออรฯ์ จงึ ไมใ่ ชผ่ ้ผู ลิตและประกอบสนิ ค้าเพื่อเสนอขายโดยตรง แต่เป็น เพยี งนายหนา้ และบริหารจัดการในการจดั หาสินคา้ ให้กบั กรุงเทพมหานครเท่าน้นั ในชว่ งเดอื นมถิ นุ ายน ๒๕๔๖ เอกอคั รราชทตู ออสเตรยี ประจ�ำประเทศไทยไดม้ หี นงั สอื ถงึ รฐั มนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการขายรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ บริษัท สไตเออร์เดมเลอร์พุคสเปเชียลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด โดยเป็นข้อเสนอให้ด�ำเนินการในลักษณะรัฐต่อรัฐ และบริษัท สไตเออร์ฯ ได้เชิญนาย ป. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยดูงานโรงงานผลิตของ บรษิ ทั MAN ซงึ่ ผลิตตวั รถดบั เพลิงให้ บริษัท สไตเออร์ฯ ทปี่ ระเทศออสเตรยี และเบลเยยี่ ม และนาย ส. ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ไดอ้ นมุ ตั โิ ครงการจดั ซอื้ ครภุ ณั ฑเ์ พอื่ ใชใ้ นกจิ การดบั เพลงิ ตามท่ี พล.ต.ต. อ. ผู้อ�ำนวยการส�ำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครเสนอ ได้แก่ รถดับเพลิงชนิดต่างๆ และรถบรรทกุ น�ำ้ รวม ๓๑๕ คนั และเรือดับเพลงิ ๓๐ ล�ำตลอดจนอปุ กรณส์ าธารณภัยอ่ืนๆ ซง่ึ ตรงกนั กับรายการในใบเสนอราคาของบริษัท สไตเออร์ฯ ผ่านเอกอัครราชทูตออสเตรีย จากนั้นคณะรัฐมนตรี มมี ติอนมุ ัตใิ นหลกั การโดยมีการจดั ท�ำ A.O.U. (Agreement of Understanding) และข้อตกลงซื้อขาย (Purchase/Sale Agreement) โดยทตู พาณชิ ยแ์ หง่ สาธารณรฐั ออสเตรยี ยนื่ รา่ ง A.O.U.ใหแ้ กพ่ ล.ต.ต. อ. ซึ่งน�ำเสนอต่อนาย ส. โดยตรงโดยไม่ผ่านปลัดกรุงเทพมหานคร นาย ส.ลงนามรับทราบบันทึกและ เสนอต่อนาย ภ. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทย และหลงั จากท่ีได้มกี ารลงนามรว่ มกันคณุ หญิง ณ. ปลดั กรงุ เทพมหานคร ไดส้ ง่ รา่ งขอ้ ตกลงซอื้ ขายยานพาหนะและอปุ กรณด์ บั เพลงิ ระหวา่ งกรงุ เทพมหานคร กับ บรษิ ัท สไตเออรฯ์ ให้ส�ำนกั งานอยั การสูงสุดตรวจพิจารณาตามข้อบญั ญัตกิ รุงเทพมหานคร เร่อื งการ พสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๘ และคณะรฐั มนตรีไดม้ ีมติอนุมัตใิ หก้ ระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ด�ำเนนิ การ กอ่ หนผ้ี กู พนั ขา้ มปงี บประมาณโครงการจดั ซอ้ื รถและเรอื ดบั เพลงิ ในวงเงนิ ๖,๖๘๗,๔๘๙,๐๐๐ บาท และ อนมุ ตั วิ งเงนิ เพม่ิ เตมิ เพอ่ื เปน็ คา่ ธรรมเนยี มในการเปดิ Letter of Credit (L/C) อกี จ�ำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรอื ตามจ�ำนวนทจี่ า่ ยจรงิ รวมทง้ั ใหก้ ระทรวงพาณชิ ยเ์ รง่ รดั ด�ำเนนิ การเกยี่ วกบั การคา้ ตา่ งตอบแทน ตามมตคิ ณะรฐั มนตรเี มื่อ ๒๐ ก.ค. ๒๕๔๗ โดยให้เนน้ ไก่ต้มสุกเป็นสนิ คา้ ท่ีจะด�ำเนนิ การเป็นล�ำดับแรก ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้มกี ารเปลยี่ นแปลงผู้วา่ ราชการกรุงเทพมหานครเป็นนาย อ. และกอ่ นมอบ หมายงานในหนา้ ทใ่ี หก้ บั ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานครคนใหม่ นาย ส. ซง่ึ เปน็ ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร คนเดิม ไดม้ หี นงั สอื ถึงผู้จัดการธนาคารกรงุ ไทย ขอเปิด L/C วงเงิน ๑๓๓,๗๔๙,๗๘๐ ยูโรให้กบั บรษิ ทั สไตเออร์ฯ โดยกรุงเทพมหานครช�ำระค่าธรรมเนียม เป็นเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐บาท และมอบอ�ำนาจให ้ พล.ต.ต.อ. ผู้อ�ำนวยการส�ำนักปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั กรุงเทพมหานครเป็นผดู้ �ำเนินการและลงนาม ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการไต่สวนการด�ำเนินการดังกล่าวของ กรุงเทพมหานคร และยื่นฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง จากการ กระท�ำดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดผลกระทบท่ีเสียหายและรุนแรง โดยราคาของรถและเรือดับเพลิง ที่กรุงเทพมหานครซ้ือมานั้นมีราคาท่ีสูงมาก ส่งผลให้รัฐสูญเสียงบประมาณไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งความเสียหายทเี่ กดิ ขึน้ มดี งั นี้ หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเตมิ “การปอ้ งกนั การทจุ ริต” 63
ตารางท่ี ๓ เปรยี บเทยี บราคาจากการจดั ซอื้ ของกรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เมอื่ พ.ศ. ๒๕๔๗ กบั กรุงเทพมหานคร รถดบั เพลิง ๔x๔ + สูบน�ำ้ แบกหาม รายละเอียด ความแตกตา่ ง โครงประธานรถเครอื่ งยนตย์ ห่ี อ้ มติ ซบู ชิ ิ ๒,๕๐๐ ซซี ี ๔x๔ กรุงเทพมหานครซอื้ แพงกวา่ คันละ ๒,๑๕๔,๐๕๐ บาท ประกอบโดย บรษิ ทั กาญจนาอคิ วิปเม้นท์ จ�ำกัด รวม ๗๒ คัน เปน็ เงินแพงกวา่ ๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท เคร่อื งดบั เพลิงชนดิ หาบหามจากญ่ีปุน่ รถดับเพลงิ + บันได ๑๓ เมตร รายละเอียด ความแตกต่าง โครงประธานรถผลติ ภัณฑ์ฟนิ แลนด์ ซื้อจาก บริษัท เชส กรงุ เทพมหานครซื้อแพงกว่า คันละ ๑๗,๑๔๓,๒๐๐ บาท เอน็ เตอรไ์ พรส์ (สยาม) จ�ำกดั มาตรฐานใกลเ้ คยี งกนั เครอ่ื ง รวม ๙ คนั เป็นเงนิ แพงกวา่ ๑๕๔,๘๗๕,๖๐๐ บาท สบู น�ำ้ สมรรถนะสูงกว่า รถดบั เพลิง ๒,๐๐๐ ลิตร รายละเอียด ความแตกตา่ ง ซอ้ื จาก บรษิ ัท ตรเี พชรอีซซู ุเซลส์ กรงุ เทพมหานครซือ้ แพงกว่า คนั ละ ๑๕,๔๕๕,๓๗๐ บาท รวม ๑๔๔ คัน เป็นเงนิ แพงกว่า ๒,๒๒๕,๕๗๓,๒๘๐ บาท รถถังน�้ำ ๒๐,๐๐๐ ลิตร รายละเอียด ความแตกตา่ ง ขนาด ๑๐,๐๐๐ ลิตรซอื้ จาก บริษัท มติ ซบู ชิ ิ มอเตอรส์ กรงุ เทพมหานครซื้อแพงกวา่ คันละ ๑๕,๑๘๙,๑๐๐ บาท (ประเทศไทย) จ�ำกดั รวม ๗๒ คัน เปน็ เงิน แพงกวา่ ๑,๐๙๓,๖๑๕,๒๐๐ บาท รถไฟฟ้าสอ่ งสว่าง ๓๐ KVA รายละเอยี ด ความแตกต่าง ซือ้ จาก บริษัท มติ ซบู ชิ ิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จ�ำกัด กรงุ เทพมหานครซอื้ แพงกวา่ คันละ ๕๖,๕๗๗,๒๕๐ บาท รวม ๗ คนั เป็นเงนิ แพงกว่า๓๙๖,๐๔๐,๗๕๐ บาท ตารางท่ี ๔ เปรียบเทียบข้อมลู และราคาเรอื ดับเพลงิ ข้อมูลเรอื ดับเพลงิ บริษทั สไตเออร์เดมเลอรพ์ คุ สเปเชยี ลฟาหร์ ซอยก์ จ�ำกดั บรษิ ัท สไตเออร์เดมเลอรพ์ คุ สเปเชยี ลฟาห์รซอยก์ จ�ำกัด ซ้ือเรือดับเพลิงจาก บริษัท ซีทโบ๊ต จ�ำกัด ผลิตและ ขายให้ กรงุ เทพมหานคร ราคาล�ำละ ๒๕,๔๖๒,๑๐๐ บาท ประกอบที่เมืองพัทยา ราคาล�ำละ ๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท จากตารางข้างต้น แสดงให้เห็นถึงความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากการทุจริต ความเสียหายท่ีเกิดข้ึน นอกจากจะสามารถแสดงเปน็ ตวั เลขใหไ้ ดเ้ หน็ วา่ สญู เสยี งบประมาณจ�ำนวนเทา่ ไร แตก่ ารสญู เสยี ดงั กลา่ ว แทนที่รัฐ และประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์จากรถและเรือดับเพลิง ซึ่งถือเป็นสิ่งจ�ำเป็นท่ีช่วยในการ ป้องกันและบรรณเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี แต่เม่ือมีการทุจริตแล้วยังส่งผลให ้ ไมส่ ามารถน�ำรถและเรอื ดบั เพลงิ มาใชง้ านได้ เทา่ กบั วา่ สญู เสยี งบประมาณแลว้ ยงั ไมส่ ามารถน�ำสง่ิ เหลา่ น้ ี 64 ชดุ หลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
มาใช้ประโยชน์ได้อีก ซึ่งหากเกิดอัคคีภัยเกิดข้ึนอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สง่ ผลใหเ้ กิดความเสียหายอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจากเหตนุ นั้ ๆ อีก ๒.๒ ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพสังคมให้เกิดภาวะ “ท่ีไม่ทนต่อ การทุจริต” โดยเริ่มต้ังแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกช่วงวัย เพ่ือสร้างวัฒนธรรมต่อต้าน การทจุ รติ และปลูกฝังความพอเพยี ง มีวินัย ซ่อื สัตยส์ จุ ริต ความเป็นพลเมอื งดี มจี ิตสาธารณะ ผ่านทาง สถาบนั หรอื กลมุ่ ตวั แทนทที่ �ำหนา้ ทใ่ี นการกลอ่ มเกลาทางสงั คม เพอื่ ใหเ้ ดก็ เยาวชน ผใู้ หญ่ เกดิ พฤตกิ รรม ที่ละอายต่อการกระท�ำความผดิ การไมย่ อมรบั และต่อตา้ นการทจุ รติ ทุกรูปแบบ ๒.๒.๑ ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต คืออะไร ค�ำว่า “ความละอาย” และ “ความไม่ทน” ได้มกี ารใหค้ วามหมายไว้ ดังน้ี พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของค�ำว่าละอาย หมายถึง การรู้สึกอายท่ีจะท�ำ ในสิ่งทไ่ี มถ่ กู ไมค่ วร เช่น ละอายทจ่ี ะท�ำผดิ ละอายใจ ความละอาย เป็นความละอายและความเกรงกลัวต่อส่ิงที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เพราะ เห็นถึงโทษหรือผลกระทบท่ีจะได้รับจากการกระท�ำน้ัน จึงไม่กล้าที่จะกระท�ำ ท�ำให้ตนเองไม่หลง ท�ำในส่งิ ท่ีผดิ นน่ั คือ มคี วามละอายใจ ละอายตอ่ การท�ำผิด พจนานุกรมราชบณั ฑิตยสถาน ให้ความหมายของค�ำว่า ทน หมายถงึ การอดกลนั้ ได้ ทานอยู่ได้ เชน่ ทนด่า ทนทุกข์ ทนหนาว ไมแ่ ตกหกั หรอื บบุ สลายง่าย ความอดทน คือ การรู้จักรอคอยและคาดหวัง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคง แน่วแน่ต่อ สิง่ ท่รี อคอยหรอื สงิ่ ที่จูงใจให้กระท�ำในสง่ิ ท่ไี มด่ ีไม่ทน หมายถึง ไม่อดกลน้ั ไม่อดทน ไม่ยอม ดังน้นั ความไม่ทน หมายถงึ การแสดงออกตอ่ การกระท�ำทเี่ กดิ ข้ึนกบั ตนเอง บคุ คลที่เกย่ี วข้อง หรอื สงั คมในลกั ษณะทไ่ี มย่ นิ ยอม ไมย่ อมรบั ในสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ความไมท่ นสามารถแสดงออกไดห้ ลายลกั ษณะ ทั้งในรปู แบบของกริยาท่าทางหรอื ค�ำพูด ความไม่ทนต่อการทุจริตหรือการกระท�ำท่ีไม่ถูกต้อง ต้องมีการแสดงออกอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งเกิด ขึ้น เช่น การแซงคิวเพอื่ ซ้ือของ การแซงคิวเปน็ การกระท�ำท่ไี ม่ถกู ต้อง ผู้ถกู แซงคิวจงึ ต้องแสดงออกให้ผู้ ท่ีแซงคิวรบั รู้วา่ ตนเองไม่พอใจ โดยแสดงกริ ยิ าหรอื บอกกล่าวใหท้ ราบ เพื่อใหผ้ ทู้ ่แี ซงควิ ยอมท่ีจะต่อทา้ ย แถว กรณีนี้แสดงให้เห็นวา่ ผูท้ ถ่ี กู แซงควิ ไมท่ นตอ่ การกระท�ำท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง และหากผทู้ ี่แซงคิวไปตอ่ แถวก็ จะแสดงให้เหน็ วา่ บุคคลน้ันมีความละอายต่อการกระท�ำท่ไี ม่ถกู ตอ้ ง เปน็ ต้น ความไม่ทนต่อการทุจริต บุคคลจะมีความไม่ทนต่อการทุจริตมาก - น้อย เพียงใด ขึ้นอยู่กับ จติ ส�ำนกึ ของแตล่ ะบคุ คลและผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการกระท�ำนนั้ ๆ แลว้ มพี ฤตกิ รรมทแี่ สดงออกมา ซงึ่ การแสดงกรยิ าหรอื การกระท�ำจะมหี ลายระดบั เชน่ การวา่ กลา่ วตกั เตอื น การประกาศใหส้ าธารณชนรบั รู้ การแจง้ เบาะแส การรอ้ งทกุ ขก์ ล่าวโทษ การชมุ นมุ ประทว้ งซง่ึ เปน็ ขน้ั ตอนสดุ ท้ายทรี่ นุ แรงทส่ี ดุ เนอ่ื งจาก มีการรวมตวั ของคนจ�ำนวนมาก และสรา้ งความเสยี หายอยา่ งมากเช่นกัน หลักสตู รรายวชิ าเพิม่ เตมิ “การป้องกันการทุจรติ ” 65
ความไมท่ นของบคุ คลตอ่ สงิ่ ต่างๆ รอบตวั ทส่ี ง่ ผลในทางไมด่ ตี อ่ ตนเองโดยตรง สามารถพบเหน็ ได้ งา่ ย ซง่ึ ปกตแิ ลว้ ทกุ คนมกั จะไมท่ นตอ่ สภาวะ สภาพแวดลอ้ มทไี่ มด่ แี ละสง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองแลว้ มกั จะ แสดงปฏกิ ริ ยิ าออกมา แตก่ ารทบ่ี คุ คลจะไมท่ นตอ่ การทจุ รติ และแสดงปฏกิ ริ ยิ าออกมานน้ั อาจเปน็ เรอื่ งยาก เนอื่ งจากปจั จบุ นั สงั คมไทยมแี นวโนม้ ยอมรบั การทจุ รติ เพอ่ื ใหต้ นเองไดร้ บั ประโยชนห์ รอื ใหง้ านสามารถ ด�ำเนนิ ตอ่ ไปสคู่ วามส�ำเรจ็ ซง่ึ การยอมรบั การทจุ รติ ในสงั คมไมเ่ วน้ แมแ้ ตเ่ ดก็ และเยาวชน และมองว่าการ ทุจริตเปน็ เรื่องไกลตัวและไม่มผี ลกระทบกบั ตนเองโดยตรง ๒.๒.๒ ลักษณะของความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต ลักษณะของความละอายสามารถแบ่งได้ ๒ ระดับ คือ ความละอายระดับต้น หมายถึง ความละอาย ไม่กล้าท่จี ะท�ำในส่ิงทผี่ ดิ เนอื่ งจากกลัวว่าเมือ่ ตนเองไดท้ �ำลงไปแลว้ จะมีคนรับรู้ หากถกู จับ ไดจ้ ะได้รบั การลงโทษหรือไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นจากส่ิงทีต่ นเองได้ท�ำลงไป จึงไมก่ ล้าทจี่ ะกระท�ำผิด และ ในระดับทส่ี องเปน็ ระดบั ท่ีสงู คอื แมว้ ่าจะไม่มใี ครรบั รู้หรือเห็นในสงิ่ ที่ตนเองได้ท�ำลงไป ก็ไมก่ ล้าที่จะท�ำ ผดิ เพราะนอกจากตนเองจะไดร้ บั ผลกระทบแลว้ ครอบครวั สงั คมกจ็ ะไดร้ บั ผลกระทบตามไปดว้ ย ทง้ั ชอ่ื เสยี งของตนเองและครอบครวั กจ็ ะเสอื่ มเสยี บางครงั้ การทจุ รติ บางเรอ่ื งเปน็ สง่ิ เลก็ ๆ นอ้ ยๆ เชน่ การลอก ขอ้ สอบ อาจจะไมม่ ใี ครใสใ่ จหรือสงั เกตเหน็ แตห่ ากเป็นความละอายขัน้ สงู แล้ว บคุ คลนน้ั กจ็ ะไมก่ ลา้ ท�ำ ส�ำหรบั ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ จากความหมายทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ คอื เปน็ การแสดงออกอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เกดิ ขนึ้ เพอ่ื ใหร้ บั รวู้ า่ จะไมท่ นตอ่ บคุ คลหรอื การกระท�ำใดๆ ทท่ี �ำใหเ้ กดิ การทจุ รติ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ สามารถแบง่ ระดบั ตา่ งๆ ได้มากกวา่ ความละอาย ใช้เกณฑค์ วามรนุ แรงในการแบ่งแยก เชน่ หากเพ่อื น ลอกขอ้ สอบเรา และเราเหน็ ซง่ึ เราจะไมย่ นิ ยอมใหเ้ พอื่ นทจุ รติ ในการลอกขอ้ สอบ เรากใ็ ชม้ อื หรอื กระดาษ มาบังส่วนท่ีเป็นค�ำตอบไว้ เช่นนี้ก็เป็นการแสดงออกถึงการไม่ทนต่อการทุจริต นอกจากการแสดงออก ด้วยวธิ ีดงั กลา่ วทถี่ อื เป็นการแสดงออกทางกายแลว้ การว่ากลา่ วตักเตอื นต่อบคุ คลทที่ ุจรติ การประณาม การประจาน การชมุ นมุ ประทว้ ง ถอื วา่ เปน็ การแสดงออกซงึ่ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทงั้ สนิ้ แตจ่ ะแตกตา่ งกนั ไปตามระดบั ของการทจุ รติ ความต่ืนตัวของประชาชน และผลกระทบทเี่ กิดขึ้นจากการทุจรติ โดยทา้ ย บทนีไ้ ด้ยกตวั อย่างกรณศี กึ ษาที่มสี าเหตุมาจากการทุจรติ ท�ำใหป้ ระชาชนไม่พอใจและรวมตัวตอ่ ตา้ น ความจ�ำเป็นของการท่ีไม่ทนต่อการทุจริตถือเป็นส่ิงส�ำคัญ เพราะการทุจริตไม่ว่าระดับเล็ก หรือใหญ่ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม ประเทศชาติ ดังเช่นตัวอย่างคดีรถและเรือดับเพลิงของ กรงุ เทพมหานคร ผลของการทจุ รติ สรา้ งความเสยี หายไวอ้ ยา่ งมาก รถและเรอื ดบั เพลงิ กไ็ มส่ ามารถน�ำมา ใช้ได้ รฐั ต้องสญู เสยี งบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ และประชาชนเองกไ็ ม่ได้ใชป้ ระโยชน์ดว้ ยเชน่ กัน หากเกดิ เพลงิ ไหมพ้ รอ้ มกันหลายแหง่ รถ เรือและอุปกรณ์ดับเพลงิ จะไมม่ ีเพียงพอท่จี ะดับไฟได้ทนั เวลา เพยี งแคค่ ดิ จากมลู คา่ ความเสยี หายทร่ี ฐั สญู เสยี งบประมาณไปยงั ไมไ่ ดค้ ดิ ถงึ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากความ เดือดร้อนหากเกิดเพลงไม้แล้วถือเป็นความเสียหายท่ีสูงมาก ดังน้ัน หากยังมีการปล่อยให้มีการทุจริต ยนิ ยอมใหม้ กี ารทจุ รติ โดยเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื งของคนอน่ื เปน็ เรอ่ื งของเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ตนเองแลว้ สดุ ทา้ ยความสญู เสยี ท่ีจะได้รับตนเองก็ยังคงทีจ่ ะไดร้ บั ผลนนั้ อยูแ่ มไ้ ม่ใช่ทางตรงกเ็ ป็นทางออ้ ม 66 ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
ดงั น้นั การทีบ่ คุ คลจะเกดิ ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ ได้ จ�ำเป็นอย่างยิง่ ทีจ่ ะตอ้ ง สรา้ งให้เกดิ ความตระหนักและรับรู้ถึงผลกระทบทเ่ี กิดขน้ึ จากการทจุ รติ ในทกุ รปู แบบ ทุกระดับ ซึ่งหาก สังคมเปน็ สงั คมที่มคี วามละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ แล้ว จะท�ำให้เกิดสังคมที่น่าอยู่ และมกี าร พัฒนาในทกุ ๆ ดา้ น ๒.๒.๓ การลงโทษทางสังคม (Social Sanctions) ค�ำวา่ “การลงโทษโดยสงั คม” หรือเรียกว่า “การลงโทษทางสังคม” ซงึ่ ตรงกับภาษาองั กฤษค�ำ ว่า “Social Sanction” พจนานกุ รมศพั ทส์ ังคมวิทยาฉบับราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๓๒ : ๓๖๑ - ๓๖๒) ไดใ้ หค้ วามหมาย ของ ค�ำว่า “Social Sanctions” เปน็ ภาษาไทยวา่ สทิ ธานุมตั ิทางสังคม หมายถึง การขวู่ า่ จะลงโทษหรอื การสญั ญาวา่ จะใหร้ างวลั ตามทกี่ ลมุ่ ก�ำหนดไวส้ �ำหรบั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องสมาชกิ เพอ่ื ชกั น�ำใหส้ มาชกิ กระท�ำตามขอ้ บังคับและกฎเกณฑ์ Radcliffe-Brown (๑๙๕๒ : ๒๐๕) อธิบายการลงโทษโดยสังคมว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง ทางสังคมอย่างหน่ึงและเป็นการแสดงออกถึงพฤติกรรมท่ีเป็นด้านตรงกันข้ามระหว่างการเห็นชอบกับ การไม่เห็นชอบพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการลงโทษโดยสังคมน้ันมีคุณลักษณะวิภาษ (Dialectic) คือมีทั้ง ด้านบวกและด้านลบอยู่ภายในความหมายของตัวเองส�ำหรับการลงโทษโดยสังคมเชิงบวก (Positive Social Sanctions) จะอยใู่ นรปู ของการให้การสนบั สนุนหรือการสรา้ งแรงจูงใจฯลฯ ให้แกป่ ัจเจกบคุ คล และสงั คมใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ หส้ อดคลอ้ งกบั ปทสั ถานของชมุ ชนหรอื ของสงั คม จากการศกึ ษายงั พบดว้ ย วา่ การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวกนนั้ อาจเปน็ การสรา้ งแรงจงู ใจใหแ้ กส่ งั คม เพอ่ื ยกระดบั ปทสั ถานของสงั คม ในระดับทอ้ งถ่ินให้ไปสอดคล้องกบั ปทัสถานใหมใ่ นระดบั ระหวา่ งประเทศ Whitmeyer (๒๐๐๒ : ๖๓๐-๖๓๒) กลา่ ววา่ การลงโทษโดยสงั คม มที ง้ั เชงิ บวกและเชงิ ลบ เปน็ การ ท�ำงานตามกลไกของสังคม การลงโทษโดยสังคมเป็นมาตรการควบคุมทางสังคมที่ต้องการให้สมาชิก ในสังคมประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ท่ีสังคมยอมรับร่วมกัน เมื่อสมาชิกปฏิบัติตาม ก็จะมีการให้รางวัลเป็นแรงจูงใจ และลงโทษเมื่อสมาชิกไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคมและจะแสดง การไมย่ อมรบั สมาชิกคนหนึง่ หรือกลมุ่ คนกลุ่มหนงึ่ โดยสรุปแล้ว การลงโทษโดยสังคม (Social Sanction) หมายถึง ปฏิกิริยาปฏิบัติทางสังคม เปน็ มาตรการควบคมุ ทางสงั คมทต่ี อ้ งการใหส้ มาชกิ ในสงั คมประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานหรอื กฎเกณฑ ์ ท่ีสังคมก�ำหนด โดยมีท้ังด้านลบและด้านบวก การลงโทษโดยสังคมเชิงลบ (Negative Social Sanctions) เป็นการลงโทษ โดยการกดดันและแสดงปฏิกิริยาต่อต้านพฤติกรรมของบุคคลท่ีไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ ์ ของสังคม ท�ำให้บุคคลนั้นเกิดความอับอายขายหน้า ส�ำหรับการลงโทษโดยสังคมเชิงบวกหรือ การกระตนุ้ สงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanctions) เปน็ การแสดงออกในเชงิ สนบั สนนุ หรอื ใหร้ างวลั เปน็ แรงจูงใจ เพ่ือให้บคุ คลในสังคมประพฤตปิ ฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม หลักสูตรรายวชิ าเพ่ิมเตมิ “การป้องกันการทุจริต” 67
การลงโทษทางสังคม เป็นการลงโทษกับบุคลที่ปฏิบัติตนฝ่าฝืนกับธรรมเนียม ประเพณี หรือ แบบแผนที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาในชุมชน มักใช้ในลักษณะการลงโทษทางสังคมเชิงลบมากกว่าเชิงบวก การฝา่ ฝืนดงั กล่าวอาจจะไมผ่ ิดกฎหมาย แตด่ ว้ ยธรรมเนียมท่ปี ฏบิ ตั ิสืบต่อกันมานัน้ ถกู ละเมดิ ถูกฝ่าฝนื หรือถูกดูหมิ่นเกี่ยวกับความเช่ือของชุมชน ก็จะน�ำไปสู่การต่อต้านจากคนในชุมชน แม้ว่าการฝ่าฝืน ดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม และที่ส�ำคัญไปกว่าน้ัน หากการกระท�ำดังกล่าวผิดกฎหมายด้วยแล้ว อาจสรา้ งใหเ้ กดิ ความไมพ่ อใจขน้ึ ได้ ไมเ่ พยี งแต่ ในชมุ ชนนนั้ แตอ่ าจเกยี่ วเนอ่ื งไปกบั ชมุ ชนอนื่ รอบขา้ ง หรอื เปน็ ชมุ ชนทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ นนั่ คอื ประชาชนทงั้ ประเทศซงึ่ การลงโทษทางสงั คมมที ง้ั ดา้ นบวกและดา้ นลบ ดงั น้ี การลงโทษโดยสงั คมเชงิ บวก (Positive Social Sanctions) จะอยใู่ นรปู ของการใหก้ ารสนบั สนนุ หรอื การสร้างแรงจูงใจ หรือการใหร้ างวลั ฯลฯ แกบ่ คุ คลและสงั คม เพือ่ ใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ัตสิ อดคล้องกับ ปทัสถาน (Norm) ของสังคมในระดับชุมชนหรือในระดับสงั คม การลงโทษโดยสงั คมเชงิ ลบ (Negative Social Sanctions) จะอยใู่ นรปู แบบของการใชม้ าตรการ ตา่ งๆ ในการจดั ระเบยี บสงั คม เชน่ การวา่ กลา่ วตกั เตอื น ซงึ่ เปน็ มาตรการขนั้ ตำ่� สดุ เรอ่ื ยไปจนถงึ การกดดนั และบีบคนั้ ทางจติ ใจ (Moral Coercion) การต่อต้าน (Resistance) และการประท้วง (Protest) ในรูป แบบต่างๆ ไมว่ ่าจะโดยปัจเจกบุคคลหรือการชมุ นมุ ของมวลชน การลงโทษทางสงั คมทางลบ จะสรา้ งใหเ้ กดิ การลงโทษตอ่ บคุ คลทถ่ี กู กระท�ำ การลงโทษประเภทน้ี เป็นลงโทษเพ่ือใหห้ ยดุ กระท�ำในส่งิ ทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง และบุคคลทีถ่ กู ลงโทษจะเกดิ การเขด็ หลาบ ไม่กลา้ ทีจ่ ะ ท�ำในสง่ิ นั้นอกี การลงโทษประเภทน้มี ีความรนุ แรงแตกต่างกนั ตงั้ แต่ การว่ากลา่ วตักเตือน การนินทา การประจาน การชมุ นุมขับไล่ ซ่ึงเปน็ การแสดงออกถงึ การไม่ทน ไมย่ อมรบั ตอ่ ส่งิ ที่บคุ คลอ่ืนไดก้ ระท�ำไป ดงั นน้ั เม่ือมใี ครท่ที �ำพฤตกิ รรม เหลา่ น้ันขึน้ จงึ เปน็ การสร้างให้เกิดความไมพ่ อใจแก่บุคคลรอบขา้ ง หรอื สังคม จนน�ำไปสู่การต่อต้านดังกล่าว การลงโทษทางสงั คมจะมีความรนุ แรงมากหรือน้อย ก็ข้ึนอยู่กับการกระท�ำของบุคคลน้นั ว่ารา้ ย แรงขนาดไหน หากเป็นเรื่องเล็กน้อยจะถูกต่อตา้ นน้อย แต่หากเร่ืองน้ันเป็นเรื่องรา้ ยแรง เร่ืองท่ีเกิดข้ึน ประจ�ำ หรอื มีผลกระทบต่อสงั คม การลงโทษกจ็ ะมีความรนุ แรงมากข้นึ ดว้ ย เชน่ หากมกี ารทุจรติ เกดิ ข้ึน กอ็ าจน�ำไปเปน็ ประเดน็ ทางสงั คมจนน�ำไปสกู่ ารตอ่ ตา้ นจากสงั คมได้ เพราะการทจุ รติ ถอื วา่ เปน็ สง่ิ ทไี่ มถ่ กู ต้อง ผิดกฎหมาย และผิดต่อศลี ธรรม บอ่ ยครั้งทมี่ ีการทจุ รติ เกิดข้นึ จนเปน็ สาเหตุของการชมุ นุมประท้วง เพอื่ กดดนั ขบั ไลใ่ หบ้ คุ คลนน้ั หยดุ การกระท�ำดงั กลา่ ว หรอื การออกจากต�ำแหนง่ นนั้ ๆ หรอื การน�ำไปสกู่ าร ตรวจสอบและลงโทษโดยกฎหมาย โดยในหวั ข้อสุดทา้ ยของชุดวชิ านี้ ได้น�ำเสนอตวั อยา่ งท่ไี ดแ้ สดงออก ถึงความไม่ทนต่อการทุจริตท่ีมีการชุมนุมประท้วง บางเหตุการณ์ผู้ที่ถูกกลา่ วหาได้ลาออกจากต�ำแหน่ง ซึ่งการลาออกจากต�ำแหน่งนั้นถือเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งและเป็นการแสดงออกถึงความละอาย ในสิ่งทต่ี นเองได้กระท�ำ 68 ชดุ หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
๒.๒.๔ ตวั อยา่ งความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต การทุจริตมีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ท�ำให้เกิดความเสียหายอย่างมากในด้านต่างๆ หากน�ำเอาเงินที่ทุจริตไปมาพัฒนาในส่วนอ่ืน ความเจริญหรือการได้รับโอกาสของผู้ที่ด้อยโอกาสก็จะมี มากขนึ้ ความเหลอ่ื มลำ้� ทางดา้ นโอกาส ทางดา้ นสงั คม ทางดา้ นการศกึ ษา ฯลฯ ของประชาชนในประเทศ ก็จะลดนอ้ ยลง ดงั ทเี่ ห็น ในปัจจุบันว่าความเจริญต่างๆ มักอยู่กับคนในเมืองมากกว่าชนบท ทั้งๆ ที่คนชนบทก็คือ ประชาชนส่วนหน่ึงของประเทศ แต่เพราะอะไรท�ำไมประชาชนเหล่านั้นถึงไม่ได้รับโอกาสให้ทัดเทียม หรือใกลเ้ คยี งกบั คนในเมอื งปัจจัยหนง่ึ คอื การทุจริต สาเหตกุ ารเกดิ ทุจริตมีหลายประการตามทกี่ ลา่ วมา แลว้ ขา้ งตน้ แตท่ �ำอย่างไรถึงท�ำใหม้ ีการทจุ ริตไดม้ าก อยา่ งหนง่ึ คือการลงทุน เมอ่ื มีการลงทุนก็ยอ่ มมงี บ ประมาณ เมอื่ มงี บประมาณกเ็ ปน็ สาเหตใุ หบ้ คุ คลทค่ี ดิ จะทจุ รติ สามารถหาชอ่ งทางดงั กลา่ วในทางทจุ รติ ได้ แม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายหลายฉบับเพ่ือป้องกันการทุจริต ปราบปรามการทุจริต แต่นั่นก็คือตัว หนังสือท่ีได้เขียนเอาไว้ แต่การบังคับใช้ยังไม่จริงจังเทา่ ท่ีควร และย่ิงไปกว่านั้น หากประชาชนเห็นว่า เรอื่ งดงั กลา่ วไม่เก่ียวขอ้ งกับตนเองก็มักจะไปอยากเขา้ ไปเก่ยี วขอ้ ง เนื่องจากตนเองก็ไม่ได้รบั ผลกระทบ ทเี่ กิดขึน้ แต่การคิดดงั กล่าวเป็นสง่ิ ท่ีผิด เน่ืองจากว่าตนเองอาจจะไม่ไดร้ บั ผลกระทบโดยตรงตอ่ การที่มี คนทจุ ริต แต่โดยออ้ มแล้วถอื วา่ ใช่ เชน่ เมอ่ื มีการทุจริตมาก งบประมาณของประเทศที่จะใช้พฒั นาหรือ ลงทนุ ก็น้อย อาจส่งผลใหป้ ระเทศไมส่ ามารถจา้ งแรงงานหรือลงทุนได้ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากการทจุ รติ หากเปน็ การทจุ รติ ในโครงการใหญๆ่ แลว้ ปรมิ าณเงนิ ทที่ จุ รติ ย่อมมีมาก ความเสยี หายกย็ อ่ มมีมากตามไปดว้ ย โดยในบทนไ้ี ด้ยกกรณตี ัวอยา่ งที่เกิดขึ้นจากการทจุ ริต ไว้ในท้ายบท ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเสียหายท่ีเกิดข้ึนนั้นมีมูลค่ามากมาย และนี้เป็นเพียงโครงการเดียว เท่าน้ัน หากรวมเอาการทจุ ริตหลายๆ โครงการ หลายๆ กรณเี ข้าดว้ ยกัน จะพบว่าความเสยี หายที่เกดิ ข้นึ มานัน้ มากมายมหาศาล ดงั นนั้ เมอ่ื เป็นเช่นน้แี ลว้ ประชาชนจะต้องมีความตนื่ ตัวในการทจี่ ะรว่ มมือ ในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ การร่วมมอื กันในการเฝา้ ระวังเหตกุ ารณ์ สถานการณ์ทอ่ี าจเกดิ การทจุ รติ ได้ เมอื่ ประชาชนรวมถงึ ภาคเอกชน ภาคธรุ กจิ มคี วามตน่ื ตวั ทจี่ ะรว่ มมอื กนั ในการแกไ้ ขปญั หา ดังกล่าว ปัญหาการทุจรติ จะถือเป็นปัญหาเพยี งเล็กนอ้ ยของประเทศไทย เพราะไม่วา่ จะท�ำอย่างไรก็จะ มีการสอดส่อง ติดตาม เฝา้ ระวังเรอ่ื งการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ดังนน้ั แล้วส่งิ ส�ำคัญส่งิ แรกทีจ่ ะตอ้ งสรา้ งให้ เกิดขน้ึ คอื ความตระหนักร้ถู งึ ผลเสียทเ่ี กดิ ขึน้ จากการทุจรติ สร้างใหเ้ กดิ ความต่นื ตวั ต่อการปราบปราบ การทจุ ริต การไมท่ นต่อการทุจรติ ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในสงั คมไทย เมื่อประชาชนในประเทศมีความต่ืนตัวที่ว่า “ไม่ทนต่อการทุจริต” แล้ว จะท�ำให้เกิดกระแส การต่อต้านต่อการกระท�ำทจุ รติ และคนท่ีท�ำทจุ รติ ก็จะเกิดความละอายไม่กล้าทจ่ี ะท�ำทจุ รติ ต่อไป เชน่ หากพบเห็นว่ามีการทุจริตเกิดข้ึนอาจมีการบันทึกเหตุการณ์หรือลักษณะการกระท�ำ แล้วแจ้งข้อมูล เหล่านั้นไปยังหน่วยงานหรือสื่อมวลชนเพื่อร่วมกันตรวจสอบการกระท�ำที่เกิดข้ึน และย่ิงในปัจจุบัน เป็นสังคมสมัยใหม่ และก�ำลังเดินหน้าประเทศไทยก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ ๔.๐ แต่การจะเป็น ๔.๐ หลกั สูตรรายวิชาเพมิ่ เตมิ “การปอ้ งกนั การทจุ รติ ” 69
ให้สมบรู ณ์แบบได้นน้ั ปญั หาการทุจรติ จะต้องลดนอ้ ยลงไปดว้ ย เม่อื ประชาชนมีความตนื่ ตัวตอ่ การท่ีไม่ ทนต่อการทจุ ริตแล้ว ผลที่เกิดข้ึนจะเป็นอยา่ งไร ตัวอย่างทจ่ี ะน�ำมากลา่ วถงึ ต่อไปน้เี ปน็ กรณีทเ่ี กิดข้นึ ใน ตา่ งประเทศ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทป่ี ระชาชนไดล้ กุ ขน้ึ มาตอ่ สู้ ตอ่ ตา้ นตอ่ นกั การเมอื ง ทท่ี �ำทจุ รติ จนน�ำในที่สุดนักการเมอื งเหล่านั้นหมดอ�ำนาจทางการเมอื งและไดร้ ับบทลงโทษทงั้ ทางสังคม และทางกฎหมาย ดังนี้ ๑. ประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้ถือเป็น ประเทศหนึ่งที่ประสบความส�ำเร็จในด้านของการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่ก็ยังคงมีปัญหา การทจุ รติ เกิดข้นึ อยู่บ้าง เชน่ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีข่าวกรณีของ ประธานาธิบดีถูกปลดออกจากต�ำแหน่งเพราะเข้าไป มีส่วนเกี่ยวข้องในการเอ้ือประโยชน์ให้พวกพ้อง โดย การถูกกล่าวหาว่าให้เพื่อนสนิทของครอบครัวเข้ามา แทรกแซงการบรหิ ารประเทศ รวมถงึ ใชค้ วามสมั พนั ธท์ ใี่ กลช้ ดิ กบั ประธานาธบิ ดแี สวงหาประโยชนส์ ว่ นตวั ผลทเี่ กดิ ขนึ้ คอื ถกู ด�ำเนนิ คดแี ละตง้ั ขอ้ หาวา่ พวั พนั การทจุ รติ และใชอ้ �ำนาจหนา้ ทใี่ นทางมชิ อบเพอ่ื เออื้ ผล ประโยชนใ์ ห้แกพ่ วกพอ้ ง กรณีที่เกดิ ขึ้นนีป้ ระชาชนเกาหลีใต้ไดม้ ีการรวมตัวกันประทว้ งกวา่ พันคนเรยี ก รอ้ งใหป้ ระธานาธบิ ดีคนดังกลา่ วลาออกจากต�ำแหน่งหลงั มเี หตุอ้ือฉาวทางการเมอื ง อกี กรณที ี่จะกลา่ วถึงเพ่ือเปน็ ตัวอยา่ งการตอ่ ต้านการกระท�ำท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง คือ การทน่ี ักศึกษาคน หนึ่งได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยท้ังท่ีผลคะแนนท่ีเรียนมานั้นไม่ได้สูง และการที่คุณสมบัติของนักศึกษา ดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ตรงกับการคัดเลือกโควต้านักกีฬา ที่ก�ำหนดไว้ว่าจะต้องผ่านการแข่งขันประเภทเด่ียว แต่ นักศึกษาคนดังกล่าวผ่านการแข่งขันประเภททีม เท่ากับ ว่าคุณสมบัติไม่ถูกต้องแต่ได้รับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ดังกล่าว การกระท�ำเช่นนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการน�ำ ไปสู่การประท้วง ต่อต้านจากนักศึกษาและอาจารย์ของ มหาวทิ ยาลยั ดงั กล่าว ซ่งึ ทางมหาวิทยาลยั กไ็ มส่ ามารถ ใหค้ �ำตอบทชี่ ดั เจนแกก่ ลมุ่ ผปู้ ระทว้ งได้ จนในทสี่ ดุ ประธาน ของมหาวทิ ยาลัยดังกล่าวจงึ ลาออกจากต�ำแหน่ง 70 ชุดหลกั สูตรต้านทจุ ริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
๒. ประเทศบราซิล ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประชาชนในประเทศบราซิลได้มีการชุมนุม ประท้วงการทจุ ริตที่เกดิ ข้ึน เปน็ การแสดงออกถึงความไม่พอใจตอ่ วัฒนธรรม การโกงของระบบราชการ ของประเทศ โดยมีประชาชนจ�ำนวนหลายหม่ืนคนเข้าร่วมการชุมนุมในคร้ังนี้ และมีการแสดงภาพหนู เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการประณามต่อนักการเมืองท่ี ทุจริต การประท้วงดังกล่าวยังถือว่ามีขนาดเล็กกว่า คร้ังก่อน เพราะที่ผ่านมาได้มีการทุจริตเกิดข้ึนและ มกี ารประทว้ ง จนในทสี่ ดุ ประธานาธบิ ดไี ดถ้ กู ปลดจาก ต�ำแหนง่ เนอ่ื งจากการกระท�ำที่ละเมิดตอ่ กฎระเบียบ เรอื่ งงบประมาณ จากตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความต่ืนตัว ของประชาชนท่อี อกมาต่อตา้ นต่อการทจุ ริต ไมว่ ่าจะ เปน็ การทจุ รติ ในระดบั หนว่ ยเลก็ ๆ หรอื ระดบั ประเทศ เปน็ การแสดงออกซง่ึ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ การไมท่ น ตอ่ การทจุ รติ สามารถแสดงออกมาไดห้ ลายระดบั ตง้ั แตก่ ารเหน็ คนทที่ �ำทจุ รติ แลว้ ตนเองรสู้ กึ ไมพ่ อใจ มกี าร สง่ เรอื่ งตรวจสอบ รอ้ งเรยี น และในทส่ี ดุ คอื การชมุ นมุ ประทว้ ง ตามตวั อยา่ งทไี่ ดน้ �ำมาแสดงใหเ้ หน็ ข้างตน้ ตราบใดที่สามารถสรา้ งใหส้ ังคมไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ได้ เมือ่ น้นั ปัญหาการทจุ รติ ก็จะลดนอ้ ยลง แตห่ ากจะ ใหเ้ กดิ ผลดยี ง่ิ ขน้ึ จะตอ้ งสรา้ งใหเ้ กดิ ความละอายตอ่ การทจุ รติ ไมก่ ลา้ ทจี่ ะท�ำทจุ รติ โดยน�ำเอาหลกั ธรรม ทางศาสนามาเป็นเครอื่ งมือในการสงั่ สอน อบรม ในขณะเดียวกันหากมีการทุจริตเกิดข้นึ กระบวนการใน การแสดงออกตอ่ การไมท่ นตอ่ การทจุ รติ จะตอ้ งเกดิ ขนึ้ และมกี ารเปดิ เผยชอื่ บคุ คลทที่ จุ รติ ใหก้ บั สาธารณะ ชนไดร้ บั ทราบอยา่ งทว่ั ถงึ เมอื่ สงั คมมที งั้ กระบวนการในการปอ้ งกนั การทจุ รติ การปราบปรามการทจุ รติ ทด่ี ี รวมถึงการสร้างให้สังคมเปน็ สังคมท่ีไม่ทนตอ่ การทจุ ริต มคี วามละอายตอ่ การท�ำทจุ ริตแล้ว ปญั หา การทจุ ริตจะลดน้อยลง ประเทศชาตจิ ะสามารถพฒั นาได้มากข้ึน ส�ำหรับระดับการทุจริตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในระดับใดล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสังคมและ ประเทศชาตทิ งั้ ส้นิ บางครงั้ การทจุ รติ เพยี งนดิ เดียวอาจน�ำไปสกู่ ารทุจรติ อย่างอน่ื ท่มี ากกว่าเดิมได้ การมี วัฒนธรรม คา่ นิยม หรือความเชือ่ ทีไ่ มถ่ ูกต้องก็สง่ ผลให้เกดิ การทุจริตได้เช่นกัน เชน่ การมอบเงินอุดหนนุ แก่สถานศึกษาเพ่ือให้บุตรของตนได้เข้าศึกษาในสถานท่ีแห่งน้ัน หากพิจารณาแล้วอาจพบว่าเป็นการ ช่วยเหลือสถานศึกษาเพ่ือที่สถานศึกษาแห่งน้ันจะได้น�ำเงินที่ได้ไปพัฒนาสภาพแวดล้อม การเรียนการ สอนของทางสถานศึกษาตอ่ ไป แต่การกระท�ำดังกล่าวน้ไี มถ่ กู ต้อง เป็นการปลกู ฝังส่งิ ท่ไี มด่ ใี หเ้ กดิ ขนึ้ ใน สงั คม และต่อไปหากกระท�ำเชน่ น้เี ร่ือยๆ จะมองว่าเปน็ เร่ืองปกติทท่ี กุ คนท�ำกัน ไม่มีความผิดแตอ่ ย่างใด จนท�ำใหแ้ บบแผนหรอื พฤตกิ รรมทางสงั คมทด่ี ถี กู กลนื หายไปกบั การกระท�ำทไ่ี มเ่ หมาะสมเหลา่ น้ี ตวั อยา่ ง หลกั สูตรรายวิชาเพม่ิ เติม “การป้องกันการทจุ ริต” 71
การมอบเงินอุดหนุนแก่สถานศึกษายังคงเกิดข้ึนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานศึกษา ท่ีมีช่อื เสียงซงึ่ หลายคนอยากให้บตุ รของตนเขา้ ศึกษาในสถานทแี่ ห่งนนั้ แตด่ ้วยข้อจ�ำกดั ท่ีไมส่ ามารถรบั นกั เรียน นกั ศึกษาไดท้ ั้งหมด จึงท�ำใหผ้ ้ปู กครองบางคนต้องใหเ้ งนิ กบั สถานศกึ ษา เพื่อให้บุตรของตนเอง ไดเ้ ขา้ เรยี น 72 ชดุ หลักสูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
บรรณานกุ รม ดัชนี้ชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน. (๒๕๖๐). เข้าถึงได้จาก http://thaipublica.org/๒๐๑๗/๐๑/ corruption-perceptions-index-๒๐๑๖-thailand/ (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มลู : ๑๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐). ประวตั ิหนว่ ยดบั เพลิงในประเทศไทย. (ม.ป.ป.). เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.firefara.org/firebrigade. html (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มลู : ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐). พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๖๑ สงั ศิต พริ ยิ ะรังสรรค์ และคณะ. (๒๕๕๙). โครงการส่งเสรมิ และสนับสนนุ มาตรการลงโทษทางสงั คม. ทุนสนบั สนุนการวจิ ัยจากส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ. (๒๕๕๓). โครงการประเมินด้านสถานการณ์ด้านการทุจริตใน ประเทศไทย. กรงุ เทพมหานคร : คณะอนกุ รรมการฝ่ายวจิ ยั ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ. (๒๕๕๘). เปิดแฟ้ม ๑๐ คดีทุจริต บทเรยี นราคาแพงของคนไทย. กรุงเทพมหานคร : อมรินพรน้ิ ติ้งแอนด์พบั ลิชชงิ่ . (๒๕๖๐). ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ . https://www.nacc. go.th/ more_news.php?cid=๓๖ (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มลู : ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐). หอการค้าไทย. (ม.ป.ป.). ผลกระทบจากการทุจริต. เข้าถึงได้จากhttp://www.thairath.co.th/ content/๖๖๑๙๙๒ (วนั ที่ค้นข้อมลู : ๑๕ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๐). Radcliffe-Brown, A.R. (๑๙๕๒). Structure and function in primitive society. Illinois. The free Press. หลักสูตรรายวชิ าเพิ่มเตมิ “การป้องกันการทุจรติ ” 73
ชดุ วชิ าที่ ๓ STRONG : จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทุจรติ เมอื่ วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชไดเ้ สดจ็ ขน้ึ เถลิงถวลั ยราชสมบตั ิ และเมอื่ วันท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ พระทน่ี ัง่ ไพศาลทักษิณ พระราชพธิ ี บรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นเวลา ๗๐ ปี ที่พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ ทรงมีพระราชปณิธาณที่จะให้ประชาชน ชาวไทยได้ประโยชนแ์ ละความสขุ ของอยา่ งท่ัวถึงกนั ทงั้ ประเทศ โดย “คน” เปน็ ศนู ยก์ ลางในการพัฒนา และทรงพระวริ ิยะอตุ สาหะที่จะขจัดปญั หาตา่ งๆ ท้ัง อาทิ ปญั หาด้านเศรษฐกจิ เกษตรกรรม สังคม การ ศึกษา เป็นต้น เพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยสามารถพึ่งพาตนเองอย่างม่ันคงและ ยงั่ ยนื ตอ่ ไป พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงพระราชทานแนวพระราชด�ำรหิ ลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียงจากพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ์ วันพฤหัสบดที ่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โดยมใี จความตอนหน่ึงวา่ “...การพัฒนาประเทศจ�ำเป็นต้องท�ำ ตามล�ำดับขั้นต้องสร้างพ้ืนฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานม่ันคงพร้อมพอควรและ ปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งคอ่ ยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขน้ั ทส่ี งู ขนึ้ โดยล�ำดบั ตอ่ ไป หากมงุ่ แต่ จะท่มุ เทสรา้ งความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ข้ึนใหร้ วดเร็วแต่ประการเดียว โดยไมใ่ หแ้ ผนปฏิบตั กิ ารสัมพนั ธก์ ับ สภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งดว้ ย กจ็ ะเกดิ ความไมส่ มดลุ ในเรอื่ งตา่ งๆ ขน้ึ ซงึ่ อาจ กลายเปน็ ความยงุ่ ยากลม้ เหลวไดใ้ นทส่ี ดุ ดงั เหน็ ไดท้ อี่ ารยประเทศหลายประเทศก�ำลงั ประสบปญั หาทาง เศรษฐกจิ อย่างรนุ แรงอยใู่ นเวลาน.ี้ ..” ซงึ่ เปน็ แนวพระราชด�ำรทิ พี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดชพระราชทานแกร่ าษฎรมานานกวา่ ๔๐ ปี เพอ่ื ใหร้ าษฎรสามารถด�ำรงชวี ติ ดว้ ยการพงึ่ พาตนเอง มสี ตอิ ยูอ่ ย่างประมาณตนสามารถด�ำรงชพี ปกติสุขอย่างมนั่ คงและยั่งยืน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ องค์การสหประชาชาติ (United Nations :UN) โดย นายโคฟอี นั นนั เลขาธกิ ารองค์การสหประชาชาตไิ ด้ทลู เกล้าทูลกระหม่อม ถวายรางวลั ความส�ำเรจ็ สูงสุด ด้านการพัฒนามนุษยข์ องโครงการพัฒนาแหง่ สหประชาชาติ(The Human Development Lifetime Achievement Award) เพ่ือเทิดพระเกียรติเป็นกรณีพิเศษ ในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี โดยนายโคฟีอันนนั ได้กลา่ วสุดดีพระเกยี รติคณุ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช และกล่าวถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งว่าเปน็ หลกั การทมี่ งุ่ เนน้ การกลน่ั กรองในการบรโิ ภคเนน้ ความพอ ประมาณและการมีภูมิคุ้มกันในตัวสามารถต้านทานผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ “ทางสายกลาง” จึงเป็นการตอกย้�ำแนวทางท่ีสหประชาชาติที่มุ่งเน้นคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตท่ีดี 74 ชุดหลักสตู รต้านทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
และยั่งยืน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ส�ำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจ�ำประเทศไทย (United Nations Development Programme : UNDP) ไดก้ ล่าวถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง โดย จัดพิมพ์ในรายงานประจ�ำปี ๒๐๐๗ เพื่อเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปยังประเทศสมาชิกกว่า ๑๕๐ ประเทศทว่ั โลก ๓.๑ จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ไดม้ ีการวเิ คราะห์ภาพอนาคตของประชาชนและสังคมไทยในระยะ ๕ ปขี า้ งหน้าไวว้ ่า หากยทุ ธศาสตรช์ าติฯ ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในการน�ำไปปฏิบัติจริง ประชาชนไทย จะมีความต่ืนตัวต่อการทุจริตมากขึ้น มีการให้ความสนใจต่อข่าวสารและตระหนักถึงผลกระทบของ การทุจริตที่มีต่อประเทศมากข้ึน มีการแสดงออกซ่ึงการต่อต้านการทุจริตทั้งในชีวิตประจ�ำวันและการ แสดงออกผ่านสื่อสาธารณะและส่ือสังคมออนไลน์ต่างๆ ประชาชนในแต่ละช่วงวัยได้รับกระบวนการ กลอ่ มเกลาทางสงั คมวา่ การทจุ รติ ถอื เปน็ พฤตกิ รรมทน่ี อกจากจะผดิ กฎหมายและท�ำใหเ้ กดิ ความเสยี หาย ต่อประเทศแลว้ ยงั เปน็ พฤตกิ รรมท่ีผิดจริยธรรม ไม่ได้รับการยอมรบั จากสังคม ประชาชนจะเร่ิมเรียนรู ้ การปรับเปล่ียนฐานความคิดท่ีท�ำให้สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวมได้ วัฒนธรรมทางสังคมที่มีฐานอยู่บนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะหล่อหลอมให้ ประชาชนไมก่ ระท�ำการทจุ รติ เนอื่ งจากมพี น้ื ฐานจติ ทพ่ี อเพยี งมคี วามละอายตอ่ การทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบ และไม่ยอมใหผ้ ้อู ื่นกระท�ำการทุจรติ อันสง่ ผลใหเ้ กดิ ความเสียหายตอ่ สังคมสว่ นรวม เพื่อให้ภาพอนาคตดังกล่าวสามารถบรรลุผลได้จริง หน่วยงานทุกภาคส่วนต้องให้ความส�ำคัญ อย่างแท้จริงกับการปรับประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประกอบกับหลักการต่อต้าน การทุจริตอื่นๆเพ่ือสร้างฐานคิดจิตพอเพียงต่อต้านการทุจริตให้เกิดข้ึนเป็นพ้ืนฐานความคิดของ ปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลกั “STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ ริต” ซง่ึ คิดคน้ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานวุ ฒั ศิริ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มาเป็นแนวทางในการพัฒนาวฒั นธรรมหนว่ ยงาน ค�ำอธบิ ายความหมายของ “STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจรติ ” ๑) S (sufficient) : ความพอเพียง ผู้น�ำ ผ้บู รหิ าร บุคคลทุกระดับ องคก์ รและชุมชนนอ้ มน�ำ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการท�ำงาน การด�ำรงชีวิต การพฒั นาตนเองและส่วนรวม รวมถึงการปอ้ งกนั การทจุ ริตอยา่ งย่ังยืน ความพอเพยี งตอ่ สงิ่ ใดสง่ิ หนงึ่ ของมนษุ ยแ์ มว้ า่ จะแตกตา่ งกนั ตามพน้ื ฐาน แตก่ ารตดั สนิ ใจวา่ ความพอเพยี งของตนเองตอ้ งตง้ั อยบู่ นความมเี หตมุ ผี ลรวมทง้ั ตอ้ งไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง ผอู้ นื่ และสว่ นรวม ความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลนั้นไม่กระท�ำการทุจริต ซึ่งต้องให้ความรู้ ความเขา้ ใจ(knowledge) และปลกุ ให้ตนื่ รู้ (realise) หลกั สตู รรายวชิ าเพ่ิมเตมิ “การปอ้ งกนั การทจุ รติ ” 75
๒) T (transparent) : ความโปรง่ ใส ผนู้ �ำ ผบู้ รหิ าร บคุ คลทกุ ระดบั องคก์ รและชมุ ชนตอ้ งปฏบิ ตั ิ งานบนฐานของความโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมแี ละปฏบิ ตั ติ ามหลกั ปฏบิ ตั ิ ระเบยี บ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ กฎหมาย ด้านความโปร่งใส ซ่ึงต้องให้ความรคู้ วามเข้าใจ(knowledge) และปลกุ ให้ตื่นรู้ (realise) ๓) R (realise) : ความตืน่ รู้ ผ้นู �ำ ผูบ้ รหิ าร บุคคลทกุ ระดับ องคก์ รและชมุ ชน มีความรู้ความ เขา้ ใจและตระหนกั รถู้ งึ รากเหงา้ ของปญั หาและภยั รา้ ยแรงของการทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบภายในชมุ ชนและ ประเทศ ความต่ืนรู้จะบังเกิดเม่ือได้พบเห็นสถานการณ์ท่ีเส่ียงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวัง และไมย่ นิ ยอมตอ่ การทจุ รติ ในทสี่ ดุ ซงึ่ ตอ้ งใหค้ วามรคู้ วามเข้าใจ (knowledge) เกยี่ วกบั สถานการณก์ าร ทจุ รติ ที่เกดิ ข้นึ ความร้ายแรงและผลกระทบตอ่ ระดบั บุคคลและสว่ นรวม ๔) O (onward) : มุ่งไปขา้ งหน้า ผู้น�ำ ผบู้ รหิ าร บุคคลทกุ ระดับ องคก์ รและชุมชน มงุ่ พัฒนา และปรับเปลย่ี นตนเองและส่วนรวมใหม้ คี วามเจริญก้าวหน้าอย่างย่ังยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอ เพียงและร่วมสร้างวัฒนธรรมสุจริตให้เกิดขึ้นอย่างไม่ย่อท้อ ซ่ึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ(knowledge) ในประเดน็ ดังกล่าว ๕) N (knowledge) : ความรู้ ผูน้ �ำ ผ้บู ริหาร บุคคลทกุ ระดบั องคก์ รและชมุ ชน ตอ้ งมีความร ู้ ความเข้าใจสามารถน�ำความรู้ไปใช้ สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินได้อย่างถ่องแท้ ในเร่ือง สถานการณ์การทุจริต ผลกระทบที่มีต่อตนเองและส่วนรวม ความพอเพียงต้านทุจริต การแยกแยะผล ประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมที่มีความส�ำคัญยิ่งต่อการลดการทุจริตในระยะยาว รวมทั้ง ความอายไม่กล้าท�ำทจุ ริตและความไม่ทนเมอ่ื พบเหน็ วา่ มีการทุจรติ เกดิ ขึ้น เพื่อสร้างสังคมไมท่ นตอ่ การทุจริต ๖) G (generosity) : ความเอ้ืออาทร คนไทยมคี วามเอ้ืออาทร มเี มตตา น�ำ้ ใจ ต่อกันบนฐาน ของจิตพอเพียงต้านทุจริต ไมเ่ อือ้ ตอ่ การรับหรอื การให้ผลประโยชนห์ รอื ต่อพวกพ้อง 76 ชดุ หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
S (sufficient) ความพอเพียง พระราชด�ำรสั พระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ท่ีเขา้ เฝา้ ฯ ถวายชยั มงคลเนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันศุกรท์ ่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑ “...ค�ำว่าพอเพียง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอส�ำหรับใช้ของตัวเอง มีความหมายวา่ พอมี พอกนิ พอมีพอกนิ น้ี ถา้ ใครได้มาอยู่ทีน่ ี่ ในศาลาน้เี ม่ือ ๒๔ ปี ๒๕๑๗ ถงึ ๒๕๔๑ ก็ ๒๔ ปใี ชไ่ หม วนั นนั้ ไดพ้ ดู ถงึ วา่ เราควรจะปฏบิ ตั ใิ หพ้ อมพี อกนิ พอมี พอกนิ นก้ี แ็ ปลวา่ เศรษฐกจิ พอเพยี ง นั่นเองถ้าแต่ละคนพอมี พอกินก็ใช้ได้ ย่ิงถ้าทั้งประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดีและประเทศไทยก็เวลาน้ัน ก็เร่ิมจะเป็นไม่พอมี พอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มีเลย สมัยก่อนนี้พอมี พอกิน มาสมัยนี้ชักจะ ไมพ่ อมีพอกิน จึงตอ้ งมีนโยบายท่ีจะท�ำเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ ท่จี ะใหท้ กุ คนมีพอเพียงได้...” “...ค�ำว่าพอก็เพียง พอเพียงนี้ก็พอดังน้ันเอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมอ่ื มคี วามโลภนอ้ ย กเ็ บยี ดเบยี นคนอน่ื นอ้ ย ถา้ ทกุ ประเทศใดมคี วามคดิ อนั นไี้ มใ่ ชเ่ ศรษฐกจิ มคี วามคดิ วา่ ท�ำอะไร ต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพยี งนอ้ี าจจะมมี าก อาจจะมขี องหรหู รากไ็ ด้ แตว่ า่ ตอ้ งไมไ่ ปเบยี ดเบยี นคนอนื่ ตอ้ งใหพ้ อประมาณ พดู จา ก็พอเพยี งท�ำอะไรกพ็ อเพียง ปฏบิ ตั ติ นก็พอเพียง…” “...อยา่ งเคยพดู เหมอื นกนั วา่ ทา่ นทงั้ หลายทนี่ งั่ อยตู่ รงน้ี ถา้ ไมพ่ อเพยี งคอื อยากจะไปนง่ั บนเกา้ อ้ี ของผู้ท่ีอยู่ข้างๆ อันน้ันไม่พอเพียงและท�ำไม่ได้ ถ้าอยากน่ังอย่างน้ันก็เดือดร้อนกันแน่เพราะว่าอึดอัด จะท�ำใหท้ ะเลาะกนั และเมอ่ื มกี ารทะเลาะกนั กไ็ มม่ ปี ระโยชนเ์ ลย ฉะนน้ั ควรทจี่ ะคดิ วา่ ท�ำอะไรพอเพยี ง...” “...ถ้าใครมีความคิดอย่างหน่ึงและต้องการให้คนอ่ืนมีความคิดอย่างเดียวกับตัวซึ่งอาจจะไม่ถูก อนั นก้ี ไ็ มพ่ อเพยี ง การพอเพยี งในความคดิ กค็ อื แสดงความคดิ ความเหน็ ของตวั และปลอ่ ยใหอ้ กี คนพดู บา้ ง และมาพิจารณาว่าท่ีเขาพูดกับที่เราพูด อันไหนพอเพียงอันไหนเข้าเร่ือง ถ้าไม่เข้าเร่ืองก็แก้ไขเพราะว่า ถ้าพดู กนั โดยทไี่ ม่รู้เรอื่ งกนั ก็จะกลายเป็นการทะเลาะ จากการทะเลาะดว้ ยวาจาก็กลายเป็นการทะเลาะ ด้วยกาย ซ่ึงในที่สุดก็น�ำมาสู่ความเสียหาย เสียหายแก่คนสองคนที่เป็นตัวการ เป็นตัวละครท้ังสองคน ถ้าเป็นหมู่ก็เลยเป็นการตีกันอย่างรุนแรง ซึ่งจะท�ำให้คนอ่ืนอีกมากเดือดร้อน ฉะนั้น ความพอเพียงน้ี ก็แปลวา่ ความพอประมาณและความมีเหตุผล...” ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประมวลและกลั่นกรอง จากพระราชด�ำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เรอื่ งเศรษฐกจิ พอเพยี ง และขอ พระราชทาน พระบรมราชานญุ าตน�ำไปเผยแพร่ ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรม ราชานุญาตตามท่ขี อพระมหากรณุ าโดยมใี จความว่า “เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการด�ำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ด�ำเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หลักสตู รรายวชิ าเพ่ิมเติม “การปอ้ งกันการทุจรติ ” 77
หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจ�ำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอ สมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปลย่ี นแปลงทัง้ ภายนอกและภายใน ทัง้ นี้ จะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการน�ำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผน และการด�ำเนนิ การทกุ ขน้ั ตอน และขณะเดยี วกนั จะตอ้ งเสรมิ สร้างพนื้ ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ของรฐั นักทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทกุ ระดับ ให้มสี �ำนึกในคณุ ธรรมความซื่อสตั ย์สจุ ริต และให้มี ความรอบรู้ทเี่ หมาะสม ด�ำเนนิ ชวี ติ ดว้ ยความอดทน ความเพียร มสี ติ ปญั ญา และความรอบคอบ เพื่อให้ สมดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทง้ั ดา้ นวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ปน็ อย่างด”ี คณุ ลกั ษณะทสี่ �ำคญั ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งประกอบดว้ ย ๓ หว่ ง ๒ เงอื่ นไข คอื แนวทาง การด�ำเนนิ ชวี ติ ใหอ้ ยบู่ นทางสายกลางตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอ่ื พน้ จากภยั และวกิ ฤตกิ ารณ์ ต่างท่เี กิดขนึ้ กอ่ ใหเ้ กิดคุณภาพชวี ติ ท่ีดีอย่างมนั่ คงและย่งั ยนื ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดตี อ่ ความจ�ำเปน็ ไมม่ ากเกนิ ไป ไมน่ อ้ ยเกนิ ไปและตอ้ ง ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อืน่ ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสนิ ใจด�ำเนนิ การเร่อื งตา่ งๆ อย่างมเี หตุผลตามหลกั วชิ าการ หลกั กฎหมาย หลกั ศลี ธรรม จรยิ ธรรมและวฒั นธรรมทด่ี งี าม คดิ ถงึ ปจั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยา่ งถถ่ี ว้ น โดยค�ำนงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกดิ ขน้ึ จากการกระท�ำน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ มภี มู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นตวั เอง หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลง ด้านเศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดลอ้ มทจี่ ะเกดข้นึ เพ่ือให้สามารถปรบั ตวั และรับมอื ไดอ้ ย่างทันทว่ งที เง่อื นไขในการตดั สินใจในการด�ำเนนิ กจิ กรรมต่างๆ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ๑. เงือ่ นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบร้เู ก่ียวกบั วชิ าการต่างๆ ที่เกยี่ วข้องรอบด้านความ รอบคอบทจ่ี ะน�ำความรเู้ หลา่ นน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ ๒. เง่อื นไขคุณธรรม ทีจ่ ะต้องเสริมสรา้ ง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ ซ่อื สตั ย์สุจรติ และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการด�ำเนินชวี ติ 78 ชุดหลกั สูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
ทีม่ า : ส�ำนักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ แนวทางด�ำเนินชีวติ ทางสายกลาง การพ่ึงตนเอง รูจ้ กั ประมาณตน อย่างมีเหตุผล อยู่บนพ้ืนฐานความรู้และคุณธรรมในการพิจารณา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด�ำเนินการ ไมไ่ ดเ้ ฉพาะเจาะจงในเรอื่ งของเศรษฐกจิ แตเ่ พยี งอย่างเดยี วแตย่ งั ครอบคลมุ ไปถงึ การด�ำเนนิ ชวี ติ ดา้ นอนื่ ๆ ของมนษุ ยใ์ หอ้ ยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ย่างปกตสิ ขุ อยา่ งเชน่ หากเรามคี วามพอเพยี ง เราจะไมท่ จุ รติ คดโกง ไมล่ ักขโมยของ เบยี ดเบยี นผู้อ่นื ก็จะสง่ ผลใหผ้ ู้อน่ื ไมเ่ ดอื ดรอ้ น สังคมกอ็ ยู่ไดอ้ ยา่ งปกติสขุ ๓.๒ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชแบบอยา่ งในเรือ่ งของความพอเพียง เรอ่ื ง ฉลองพระองค์ บนความ “พอเพียง”: หนงั สือพมิ พค์ ม ชดั ลกึ ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๙ นายสนุ ทร ชนะศรโี ยธิน เจ้าของร้านสทู “วนิ สนั เทเลอร์” ได้บอกเล่าพระราชจรยิ วตั รในด้าน “ความพอเพียง”ที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ว่า “นายต�ำรวจน�ำมาให้ผมซ่อม เป็นผ้า รัดอกส�ำหรับเล่นเรือใบสภาพเก่ามากแล้ว นายต�ำรวจท่านน้ันบอกว่าไม่มีร้านไหนยอมซ่อมให้เลย ผมเหน็ ว่ายงั แก้ไขได้กร็ ับมาซ่อมแซมใหไ้ ม่คิดเงนิ เพราะแค่นกึ อยากบริการแก้ไขใหด้ ใี หล้ กู ค้าประทบั ใจ แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ในพระราชส�ำนักตอนนั้นผมบอกไม่คิดค่าตัดบอกเขาว่าไม่รับเงิน แก้ไขแค่นี้ ผมมีน้�ำใจ ผมเปิดร้านเส้ือเพราะต้องการให้มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและบริการลูกค้ามากกว่า แกไ้ ขนดิ เดียวก็อยากท�ำให้เขาดๆี ไมต่ อ้ งเสยี เงิน ตอนน้นั เขาถามผมอีกว่า แล้วจะเอามาใหท้ �ำอกี ได้ไหม หลักสตู รรายวชิ าเพิม่ เติม “การปอ้ งกนั การทจุ รติ ” 79
เรากบ็ อกไดเ้ ลยผมบรกิ ารให้ จากนนั้ เรากร็ บั แกช้ ดุ ใหใ้ หน้ ายต�ำรวจทา่ นนเี้ รอ่ื ยๆ เขาขอใหค้ ดิ เงนิ กไ็ มค่ ดิ ให ้ พอคร้ังท่ี ๕ นี่สิ ทา่ นเอาผ้ามา ๔-๕ ผืน จะให้ตดั ถามผมว่า เท่าไหรๆ่ แลว้ ก็รบี ควกั นามบัตรมาใหผ้ ม ท่านช่อื พล.ต.ต.จรัส สุดเสถียร ต�ำแหนง่ เขยี นวา่ เป็นนายต�ำรวจประจ�ำราชส�ำนัก ทา่ นบอกวา่ “สิง่ ที่ เถา้ แกท่ �ำใหเ้ ปน็ ของพระเจา้ อยหู่ วั นะ” ผมอง้ึ มากรบี ยกมอื ทว่ มหวั ดใี จทไ่ี ดร้ บั ใชเ้ บอ้ื งพระยคุ ลบาทแลว้ ” นายสนุ ทรเลา่ ดว้ ยนำ้� เสยี งตนื้ ตนั ใจแตล่ ะฉลองพระองคท์ ไี่ ดร้ บั มาใหซ้ อ่ มแซม ถา้ เปน็ คนอนื่ ผา้ เกา่ ขนาดนน้ั เขาไมซ่ อ่ มกนั แลว้ เอาไปทงิ้ หรอื ใหค้ นอนื่ ๆ ไดแ้ ลว้ แตพ่ ระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๙ ทรงมคี วามมธั ยสั ถแ์ ตล่ ะ องคท์ เ่ี อามาเกา่ มาก เชน่ เสอื้ สทู สฟี า้ ชยั พฒั นา ผา้ เกา่ สซี ดี มากแลว้ ตรงตราชยั พฒั นามวั หมอง ตรงดน้ิ ทอง ก็หลุดเกือบหมด ผมเอามาแกะหมดเลยให้โรงงานปักใหม่ให้เหมือนแบบเดิม เพราะเข้าใจว่าท่านอยาก ไดฉ้ ลองพระองค์องคเ์ ดิม แตเ่ ปล่ยี นตราใหด้ ูใหม่ ถ้าสมมุติวนั นี้มีเจ้าหน้าทม่ี าสง่ ซอ่ ม พรุ่งนเี้ ยน็ ๆ ผมก็ ท�ำเสร็จสง่ คนื เข้าไป เจ้าหนา้ ที่ทมี่ ารับฉลองพระองค์ชอบถามวา่ ท�ำไมท�ำไว ผมตอบเลยวา่ เพราะตง้ั ใจ ถวายงานครับ ผมอยผู่ ืนแผน่ ดนิ ไทย ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ ผมก็อยากไดร้ ับใชเ้ บ้อื งพระยุคลบาท สกั เรอ่ื ง ผมเป็นแค่ชา่ งตัดเส้ือ ไดร้ บั ใชข้ นาดนี้ผมก็ปล้มื ปีติทีส่ ุดแล้ว “ผมถือโอกาสน�ำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาใช้ตลอด เสื้อผ้าเก่าๆ ที่ได้รับมา วนั แรกท�ำใหร้ วู้ า่ พระองคท์ รงอยอู่ ยา่ งประหยดั มธั ยสั ถ์ ทรงเปน็ แบบอยา่ งความพอเพยี งใหแ้ กป่ ระชาชน และ เมอ่ื ไดถ้ วายงานบอ่ ยครงั้ ท�ำใหผ้ มตระหนกั วา่ คนเราวนั หนงึ่ ตอ้ งคดิ พจิ ารณาตวั เองวา่ สงิ่ ไหนบกพรอ่ ง กต็ อ้ งแกไ้ ขสงิ่ นนั้ ทกุ คนตอ้ งแกไ้ ขสง่ิ ทบี่ กพรอ่ งกอ่ น งานถงึ จะบรรลเุ ปา้ หมาย และเมอื่ ประสบความส�ำเรจ็ แล้วอย่าลืมตั้งใจท�ำสิ่งดีๆ ให้ประเทศชาติตลอดไป” ข้อคิดและข้อปฏิบัติดีๆ ท่ีได้จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอย่หู วั ของช่างสนุ ทร ฉลองพระบาท ก.เปรมศิลป์ ช่างซ่อมฉลองพระบาท รอยเท้าในหลวง ร. ๙ รอยเท้าของ ความพอเพียง นายศรไกร แน่นศรีนิลหรือชา่ งไก่ ช่างนอกราชส�ำนักผู้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาท ในหลวง รัชกาลท่ี ๙ มานานกว่า ๑๐ ปี ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของร้านซ่อมรองเท้า ก.เปรมศิลป์ บริเวณส่ีแยก พชิ ยั เขตดุสติ กรุงเทพฯ ประมาณปี ๒๕๔๖ มลี ูกค้าสวมชดุ พระราชส�ำนักมา ๒ คน เดินประคองถุง ผา้ ลายสกอ๊ ต ดา้ นในเปน็ รองเท้าเขา้ มาในรา้ น พอวางรองเท้าลงก็กม้ ลงกราบ เลยถามวา่ เอาอะไรมาให้ ลูกคา้ รายนนั้ ตอบว่า ฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ได้ยนิ เทา่ นั้น ท�ำตวั ไมถ่ กู ขนลุก พดู อะไรไมถ่ กู ในใจคดิ แตเ่ พยี งวา่ โชคดแี ลว้ ไมน่ กึ ไมฝ่ นั วา่ จะมโี อกาสไดซ้ อ่ มรองเทา้ ของเจา้ ฟา้ เจา้ แผน่ ดนิ ช่างไก่ เล่าวา่ รองเท้าคแู่ รกทใ่ี นหลวง ร. ๙ ทรงน�ำมาซ่อม เปน็ รองเท้าหนังสีด�ำ ทรงคทั ชู แบรนด์ไทย เป็นฉลองพระบาทคู่โปรดของพระองค์ เบอร์ ๔๓ เท่าที่สังเกตสภาพช�ำรุดทรุดโทรม ราวกับใส่ใช้งาน มาแลว้ หลายสิบปี ภายในรองเท้าผกุ ร่อนหลดุ ลอกหลายแห่ง ถา้ เป็นคนท่วั ไปจะแนะน�ำใหท้ ้งิ แล้วซ้อื ใหม่ “จรงิ ๆ ผมใชเ้ วลาซอ่ มรองเทา้ คนู่ น้ั ไมถ่ งึ ๑ ชวั่ โมงกเ็ สรจ็ แตด่ ว้ ยความทอี่ ยากใหร้ องเทา้ คนู่ นั้ อยู่ ในบา้ นให้นาน เลยบอกเจา้ หน้าที่ว่า ใช้เวลาซ่อม ๑ เดือน ซึ่งฉลองพระบาทคู่น้ี ทรงโปรดใช้ทรงดนตรี” 80 ชดุ หลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
นับจากนน้ั เปน็ ต้นมาชา่ งไกย่ งั มีโอกาสไดถ้ วายงานซอ่ มฉลองพระบาทอกี หลายคู่ ซึง่ คทู่ ี่ ๒ และ คทู่ ี่ ๓ เป็นรองเท้าหนังสีด�ำ ทรงคทั ชู คู่ที่ ๔ ฉลองพระบาทหนงั ววั ทรงฮาฟมกั ใสใ่ นงานราชพิธี ซ่ึงฉลอง พระบาทคนู่ ี้ มีรอยพระบาทตดิ มากบั แผ่นรองเท้า ชา่ งไกเ่ ก็บแผน่ รองเทา้ ไว้ท่รี ้านเพือ่ ความเปน็ สริ ิมงคล สว่ นฉลองพระบาทคู่ท่ี ๕ ทรงน�ำมาเปล่ยี นพน้ื ฉลองพระบาทคู่ท่ี ๖ เปน็ รองเทา้ เปดิ สน้ ซึ่งคุณทองแดง สุนขั ทรงเล้ยี งกัด รวมแล้วทัง้ หมด ๖ คู่ “ผมซ่อมฉลองพระบาททุกคู่อย่างสุดความสามารถ ซ่ึงรองเท้าของพระองค์จะน�ำไปวางปนกับ ของลกู คา้ คนอนื่ ไมไ่ ด้ เลยซอื้ พานมาใสพ่ รอ้ มกบั ผา้ สเี หลอื งมารอง แลว้ น�ำไปวางไวท้ สี่ งู ทสี่ ดุ ในรา้ น เพราะ ท่านคงทรงโปรดมาก สภาพรองเท้าช�ำรดุ มาก ซับในรองเทา้ หลดุ ออกมาหมด ถ้าเป็นเศรษฐที ว่ั ไปคงจะ ไม่น�ำมาใชแ้ ลว้ แตน่ ่พี ระองคย์ งั ทรงใช้คูเ่ ดิมอย”ู่ ประการส�ำคญั ทท่ี �ำใหช้ ายผนู้ ไ้ี ดเ้ รยี นรจู้ ากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช คอื “ความพอเพียง” ขนาดฉลองพระบาทขาดและเก่ายังส่งมาซ่อม หากคนไทยเดินตามรอยของพระองค์ ท่าน ชีวติ ไม่ฟงุ้ เฟ้อจะเปน็ สขุ กันมากกวา่ น้ี “ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกุล” เขียนไว้ในหนังสือ “ใต้เบือ้ งพระยคุ ลบาท” “...พระองคท์ า่ น ทรงเปน็ ผนู้ �ำอยา่ งแทจ้ รงิ ดแู คฉ่ ลองพระบาทเปน็ ตน้ พวกตามเสดจ็ ฯ ทงั้ หลาย ใส่รองเท้านอก และยิ่งมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าท่ีผลิตในเมืองไทย คู่ละร้อยกว่าบาทสีด�ำเหมือนอย่างท่ีนักเรียนใส่กัน แม้กระท่ังพวกเรายังไม่ซื้อใส่เลย...”“ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขียนไว้ในหนงั สือ “ใตเ้ บือ้ งพระยคุ ลบาท” นาฬิกาบนขอ้ พระกร วันงานเปิดตัวรายการทีวี “ธรรมดที ่พี ่อท�ำ” และงานสัมมนา “ถอดรหสั ”ธรรมดีทพ่ี ่อท�ำพอเร่ิม บรรยาย ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ ถามผฟู้ งั วา่ พวกเรามเี สอื้ ผา้ คนละกชี่ ดุ ใสน่ าฬกิ าเรอื นละเทา่ ไหร่ หลายคน แยง่ กนั ตอบและพากันอึง้ เมื่อ ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ เล่าวา่ “ครั้งหน่งึ ผมพยายามจะแอบดูว่า พระองค์ ทา่ นใสน่ าฬิกาย่หี อ้ อะไร จนพระองค์ท่านรู้สึกได้วา่ ผมพยายามอยากจะดยู ่หี ้อ ทา่ นจงึ ยืน่ ขอ้ พระหัตถ์มา ใหด้ ตู รงหนา้ จงึ ทราบวา่ พระองคท์ า่ นใสน่ าฬกิ าราคาเพยี งเรอื นละ ๗๕๐ บาทเทา่ นนั้ ซง่ึ กเ็ ดนิ ตรงเหมอื น กันกบั นาฬกิ าเรอื นแพง แมก้ ระทง่ั ฉลองพระองคก์ ็ทรงมีไม่กี่ชุด ทรงใชจ้ นเป่อื ยซดี แตพ่ วกเรามกั คิดวา่ การมีแบบเหลอื กนิ เหลอื ใชจ้ ึงจะดี เพราะคนสมยั นเ้ี รม่ิ ไมเ่ อาเกษตรกรรม แตเ่ ลอื กทจี่ ะท�ำอตุ สา่ หากรรม (เปน็ ศัพท์ที่บญั ญัติข้ึนเอง สดุ ทา้ ยอนาคตก็จะอดกนิ ” ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ ถามอกี วา่ คนในหอ้ งนม้ี รี องเทา้ คนละกคี่ ู่ กม็ นี กั ธรุ กจิ สตรตี อบวา่ รอ้ ยกวา่ ค่ ู ดร.สุเมธ จึงถามต่อว่า วันนี้ใส่มาก่ีคู่ ถ้าจะใช้ให้คุ้ม ท�ำไมไม่เอามาแขวนคอด้วย (ท�ำเอาบรรยากาศ ในหอ้ งเงยี บสงดั เพราะโดนใจกนั เตม็ ๆ) กอ่ นจะบอกวา่ พระองคท์ รงฉลองพระบาทคลู่ ะ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ขณะท่ขี า้ ราชบริพาร ใส่รองเทา้ ค่ลู ะ ๓-๔ พัน แต่เวลาทีพ่ ระองคท์ รงออกเย่ยี มราษฎรในพื้นทห่ี ่างไกล ที่สุดแล้วข้าราชบริพารก็เดินตามพระองค์ไม่ทันอยู่ดี เวลาเดินคนเราใส่รองเท้าได้คู่เดียว อีกท้ังฉลอง พระบาทของพระองค์ยงั ถกู น�ำส่งไปซอ่ มแล้วซ่อมอีก หลักสูตรรายวชิ าเพ่ิมเติม “การป้องกันการทจุ รติ ” 81
ดนิ สอทรงงาน สารคดีเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ หมวด พระบารมีบันดาลตอน ดนิ สอของพระเจ้าอยู่หวั ดนิ สอธรรมดาซง่ึ คนทว่ั ไปอาจหาซอ้ื ไดด้ ว้ ยราคาเพยี งไมก่ บ่ี าทนเ้ี ปน็ ดนิ สอชนดิ เดยี วทปี่ รากฏอยู่ บนพระหตั ถข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ขณะทรงงานอันเน่อื งมาจากพระราชด�ำรติ ่างๆ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงดินสอไม้ธรรมดาๆ โดยมีบันทึกว่าในปี หนึ่งๆ ทรงเบิกดนิ สอใชเ้ พียง ๑๒ แท่ง โดยทรงใช้ดินสอเดือนละ ๑ แท่งเท่านนั้ เมอื่ ดินสอสัน้ จะทรงใช้ กระดาษมามว้ นตอ่ ปลายดนิ สอใหย้ าวเพอ่ื ใหเ้ ขยี นไดถ้ นดั มอื จนกระทง่ั ดนิ สอนน้ั กดุ ใชไ้ มไ่ ดแ้ ลว้ เนอื่ งจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีแนวพระราชด�ำริท่ีเป็นเหตุ เป็นผล ดินสอ ๑ แท่ง ทา่ นไม่ได้มองวา่ เราต้องประหยดั เงนิ ในกระเป๋าแต่ทา่ นมองว่าดนิ สอ ๑ แท่ง ต้องใชท้ รัพยากร หรือพลงั งานเทา่ ไหร่ ต้องใช้ทรัพยากร ธรรมชาติคือไม้ แรธ่ าตทุ ีท่ �ำไส้ดนิ สอ การน�ำเข้าวัตถดุ ิบที่น�ำเข้า ต่างประเทศ พลังงานในกระบวนการผลิตและขนส่ง ดังนั้น การผลิตดินสอทุกแท่งมีผลต่อการรายรับ รายจ่ายของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งมูลค่าสินค้าน�ำเข้าด้านวัตถุดิบและเป็นการน�ำทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีจ�ำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความประหยัดไม่ใช่หมายถึงการไม่ใช้ แต่ยังรวมถึงการใช้สิ่งตา่ งๆ อยา่ งมีสตแิ ละมเี หตผุ ล อนั เป็นส�ำคญั ของเศรษฐกจิ พอเพียง “ดร.สุเมธ ตนั ตเิ วชกุล” เขยี นไวใ้ นหนงั สอื “ใตเ้ บ้อื งพระยุคลบาท” “ท่านผหู้ ญิงบุตรี” บอกผมมาว่า ปหี นง่ึ ท่านทรงเบิกดินสอ ๑๒ แทง่ เดือนละแทง่ ใช้จนกระทง่ั กดุ ใครอยา่ ไดไ้ ปทง้ิ ของพระองคท์ า่ นนะ จะทรงกรว้ิ ทรงประหยดั ทกุ อยา่ ง ทรงเปน็ ตน้ แบบทกุ อยา่ ง ของ ทุกอย่างมีค่าส�ำหรับพระองค์ทา่ นทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์ จะทรงใช้อย่างระมัดระวัง ทรงส่ังให้เรา ปฏบิ ตั ิงานดว้ ยความรอบคอบ... หลอดยาสพี ระทนต์ หลอดยาสีพระทนต์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีลักษณะแบน ราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอ หลอด สาเหตุท่ีเป็นเช่นนี้เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์ อดีต คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ไดเ้ ขยี นเล่าในวา่ “คร้ังหนึง่ ทนั ตแพทยป์ ระจ�ำ พระองค์ กราบถวายบังคมทูลเร่ืองศิษย์ทันตแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บางคนมีค่านิยมในการใช้ ของตา่ งประเทศ และมรี าคาแพง รายทไี่ มม่ ที รพั ยพ์ อซอ้ื หากย็ งั ขวนขวาย เชา่ มาใชเ้ ปน็ การชว่ั ครงั้ ชว่ั คราว ซ่ึงเท่าทีท่ ราบมา มีความแตกต่างจากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ท่ที รงนิยมใช้กระเปา๋ ทผี่ ลติ ภายใน ประเทศเช่นสามัญชนทัว่ ไป ทรงใช้ดนิ สอส้ันจนต้องตอ่ ดา้ ม แมย้ าสีพระทนตข์ องพระองค์ท่าน ก็ทรงใช้ ดา้ มแปรงพระทนตร์ ดี หลอดยาจนแบนจนแนใ่ จว่าไมม่ ยี าสีพระทนต์หลงเหลอื อยู่ในหลอดจรงิ ๆ” 82 ชดุ หลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
“เมอ่ื กราบบงั คมทลู เสรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงรบั สง่ั วา่ ของพระองคท์ า่ นกเ็ หมอื นกนั และยงั ทรงรบั สงั่ ตอ่ ไปอกี ดว้ ยว่า เมอ่ื ไมน่ านมานเี้ องมหาดเลก็ หอ้ งสรง เหน็ วา่ ยาสพี ระทนตข์ องพระองค์ คงใชห้ มดแลว้ จงึ ไดน้ �ำหลอดใหมม่ าเปลยี่ นใหแ้ ทน เมอื่ พระองคไ์ ดท้ รงทราบ กไ็ ดข้ อใหเ้ ขาน�ำยาสพี ระทนต์ หลอดเก่ามาคืนและพระองค์ท่านยงั ทรงสามารถใชต้ อ่ ไปได้อีกถงึ ๕ วนั จะเห็นไดว้ ่าในส่วนของพระองค์ ท่านเองน้นั ทรงประหยดั อยา่ งยงิ่ ซึ่งตรงกันขา้ มกบั พระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคท์ ี่ทรงพระราชทานเพอ่ื ราษฎรผู้ยากไร้อยู่เป็นนจิ ” “พระจริยวัตรของพระองค์ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดถึงพระวิริยะ อุตสาหะ ตลอดจนความ ประหยัดในการใช้ของอย่างคุ้มค่า หลังจากนั้นทันตแพทย์ประจ�ำพระองค์ได้กราบพระบาททูลขอ พระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้น เพ่ือน�ำไปให้ศิษย์ได้เห็นและรับใส่เกล้าเป็นตัวอย่างเพ่ือ ประพฤติปฏบิ ตั ใิ นโอกาสต่อๆ ไป” “ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานส่งหลอดยาสี พระทนต์เปลา่ หลอดน้นั มาให้ถงึ บ้าน ทนั ตแพทย์ประจ�ำพระองคร์ ูส้ ึกซาบซ้งึ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณเปน็ ลน้ เกลา้ ยงิ่ เมอื่ ไดพ้ จิ ารณาถงึ ลกั ษณะของหลอดยาสพี ระทนตเ์ ปลา่ หลอดนนั้ แลว้ ท�ำใหเ้ กดิ ความสงสยั วา่ เหตใุ ดหลอดยาสีพระทนตห์ ลอดนีจ้ งึ แบนราบเรยี บโดยตลอด คลา้ ยแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอ หลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปเกือบถึงเกลียวคอหลอด เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อีกคร้ังในเวลาต่อมา จึงได้รับค�ำอธิบายจากพระองค์ว่า หลอดยาสีพระทนต์ที่เห็นแบนเรียบน้ันเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสี พระทนตช์ ว่ ยรดี และกดจนเปน็ รอยบมุ๋ ทเี่ หน็ นนั่ เอง และเพอื่ ทจี่ ะขอน�ำไปแสดงใหศ้ ษิ ยท์ นั ตแพทยไ์ ดเ้ หน็ เปน็ อทุ าหรณ์ จงึ ไดข้ อพระราชานญุ าต ซง่ึ พระองคท์ า่ นกไ็ ดท้ รงพระเมตตาดว้ ยความเตม็ พระราชหฤทยั ” ภาพหลอดยาสพี ระทนตข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มที ม่ี าจากทนั ตแพทยป์ ระจ�ำพระองค์ (ทา่ นผูห้ ญงิ เพช็ รา เตชะกมั พชุ ) ได้กราบถวายบังคมทลู พระองคท์ า่ นเรอ่ื งลกู ศษิ ย์บางคนมคี ่านยิ มใช้ของ ตา่ งประเทศ และของมรี าคาแพง แมบ้ างรายไมม่ เี งนิ พอทจ่ี ะซอ้ื หากย็ งั ขวนขวายไปเช่ามาชว่ั ครง้ั ชว่ั คราว ซ่ึงเทา่ ท่ีทราบมาแตกต่างจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงนิยมใช้กระเปา๋ ท่ีผลิตภายในประเทศ เช่นสามัญชนท่ัวไป ทรงใช้ดินสอส้ันจนต้องต่อด้าม แม้จนยาสีฟันพระทันต์ของพระองค์ท่านก็ใช้ด้าม แปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบน จนแน่ใจว่าไม่มียาสีพระทนต์หลงเหลืออยู่ในหลอดจริงๆ เม่ือกราบ บังคมทูลเสร็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า “...ของเราก็มี วันก่อนยังใช้ไม่หมด มหาดเล็กมาท�ำความ สะอาดหอ้ งสรง คดิ วา่ หมดแล้วมาเอาไป แลว้ เปลยี่ นหลอดใหม่มาให้ เราบอกให้ไปตามกลบั มา เรายงั ใช้ ตอ่ ไดอ้ กี ๕ วนั ...” จงึ ไดก้ ราบพระบาทของทลู ขอพระราชทานหลอดยาสพี ระทนตห์ ลอดน้ัน หลอดยา สพี ระทนตข์ องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ทรงใช้จนแบนราบเรยี บโดยตลอด คลา้ ยแผน่ กระดาษ โดย เฉพาะบรเิ วณคอหลอดยงั ปรากฏรอยบมุ๋ ลกึ ลงไปเกอื บถงึ เกลยี วคอหลอด ซงึ่ ไดร้ บั ค�ำอธบิ ายจากพระองค์ ภายหลงั วา่ หลอดยาสพี ระทนตท์ เ่ี หน็ แบนเรยี บนน้ั เปน็ ผลจากการใชด้ า้ มแปรงสพี ระทนตช์ ว่ ยรดี และกด จนเป็นรอยบ๋มุ อย่างทเ่ี หน็ นน่ั เอง หลักสูตรรายวชิ าเพิม่ เตมิ “การป้องกันการทุจรติ ” 83
รถยนตพ์ ระท่ีนงั่ นายอนันต์ ร่มร่ืนวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง ได้ให้สัมภาษณ์รายการตีสิบ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ โดยมใี จความวา่ “ครงั้ หนง่ึ ผมตอ้ งซอ่ มรถตเู้ ชฟโรเลต ซงึ่ เปน็ รถทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ สมัยท่านเรียนจบที่จุฬาฯ และเป็นคันโปรดของ ท่านด้วยก่อนซ่อมข้างประตูด้านที่ท่านประทับเวลาฝนตกจะมีน�้ำหยด แต่หลังจากที่ซ่อมแล้ว วันหนึ่ง ท่านก็รับส่ังกับสารถีว่า วันนี้รถดูแปลกไป น�้ำไม่หยด อย่างนี้ก็ไม่เย็นน่ะสิ แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเอา กระป๋องมารอง” นายอนนั ตเ์ ปดิ เผยวา่ ภายในรถยนตพ์ ระที่นง่ั ของแตล่ ะพระองคน์ น้ั เรยี บงา่ ยมากไม่มีอะไรเลย ที่เป็นส่ิงอ�ำนวยความสะดวก มีแต่ถังขยะเล็กๆ กับท่ีทรงงานเท่าน้ัน ส่วนการได้มีโอกาสดูแลรถยนต์ พระทนี่ ่ัง ท�ำให้ไดเ้ ห็นถึงพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวด้วยน้นั นายอนนั ต์กลา่ ววา่ คร้ังหนงึ่ มีรถยนตพ์ ระที่นั่งที่เพงิ่ ทรงใช้ในพระราชกรณยี กจิ มาท�ำความสะอาด เหน็ วา่ พรมใต้รถมีนำ้� แฉะ ขงั อยู่ และมกี ลน่ิ เหมน็ ดว้ ย แสดงวา่ พระองคท์ า่ นทรงน�ำรถไปทรงพระราชกรณยี กจิ ในทนี่ ำ้� ทว่ ม แถมนำ้� ยงั ซึมเข้าไปในรถพระท่ีน่ังด้วย แสดงว่าน้�ำก็ต้องเปียกพระบาทมาตลอดทาง จึงถามสารถีว่า ท�ำไมไม่รีบ เอารถมาซ่อม ก็ได้ค�ำตอบว่าต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกิจก่อน เมื่อพิธีกรถามว่า จากการท่ีได้มี โอกาสรบั ใชเ้ บอื้ งพระยคุ ลบาท ไดเ้ หน็ ถงึ ความพอเพยี งของพระองคอ์ ยา่ งไร นายอนนั ต์ ตอบวา่ “ปกตถิ า้ ทรงงานส่วนพระองค์ ท่านก็ใชร้ ถคันเลก็ เพ่อื ประหยดั น�ำ้ มนั และเมือ่ เราสงั เกตสรี ถพระที่นั่ง จะเหน็ วา่ มีรอยสีถลอกรอบคันรถ กว่าท่ีท่านจะน�ำมาท�ำสีใหม่ก็รอบคันแล้วแต่คนใช้รถอย่างเราแค่รอยนิดเดียว ก็รีบเอามาท�ำสีแล้ว และครั้งหนึ่งระหวา่ งท่ีผมก�ำลังประสานงานไปรับรถพระที่น่ังของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก็มวี ิทยุของขา้ ราชบรพิ ารบอกกันว่ารถติดมาก สมเด็จพระเทพรัตนฯ์ เสด็จฯ ขนึ้ รถไฟฟา้ ไปแลว้ ” ห้องทรงงาน ห้องทรงงานพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐานไม่ได้หรูหราประดับด้วยของแพงแต่อย่างใด เวลา ทรงงานจะประทับบนพื้นพระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน มิได้ประทับพระเก้าอ้ีเวลาทรงงาน เพราะทรง วางส่ิงของต่างๆได้สะดวก หอ้ งทรงงานเป็นหอ้ งเล็กๆ ขนาด ๓ x ๔ เมตร ภายในห้องทรงงานจะมวี ทิ ยุ โทรทศั น์ โทรสาร โทรศพั ทค์ อมพวิ เตอร์ เทเลก็ ซเ์ ครอ่ื งบนั ทกึ เสยี ง เครอื่ งพยากรณ์ อากาศ เพอื่ จะไดท้ รง สามารถแกป้ ญั หาตา่ งๆ ไดท้ นั ทว่ งทโี ดยผนงั หอ้ งทรงงานโดยรอบมแี ผนทที่ างอากาศแสดงถงึ พน้ื ทป่ี ระเทศ ห้องทรงงานของพระองค์ก็เป็นอีกส่ิงหนึ่ง ที่เตือนสติคนไทยได้อยา่ งมาก โต๊ะทรงงานหรือเก้าอี้โยกรูป ทรงหรูหราไม่เคยมีปรากฏในห้องนี้ ดังพระราชด�ำรัสของพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนหนงึ่ ทวี่ ่า “...ส�ำนักงานของท่าน คือหอ้ งกว้างๆ ไม่มีเก้าอ้ี มพี ื้น และทา่ นกก็ ้มทรงงานอย่กู บั พืน้ ...” น่นั เองนบั เปน็ แบบอย่างของความพอดี ไม่ฟุ้งเฟ้อโดยแท้ “ห้องทรงงาน” เปน็ เพยี งหอ้ งขนาดธรรมดา กว้างยาวรวม ๕ คูณ ๑๐ เมตร โปรง่ ๆ โล่งๆ พื้นท่ี เปน็ ไมป้ าร์เกต์ ผมกราบบังคมทูลและถวายต�ำรา จากนน้ั ไดท้ รงสอบถามรายละเอียดของต�ำราพร้อมทง้ั เรือ่ งราวความคบื หน้างานอ่ืนที่ก�ำลังด�ำเนนิ เป็นเวลากวา่ หนง่ึ ช่ัวโมง 84 ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา (Anti - Corruption Education)
เคร่อื งประดับ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ฉลองพระองคธ์ รรมดา หอ้ ยกลอ้ งถ่ายภาพไว้ ทพ่ี ระศอ มทิ รงโปรดการสวมใสเ่ ครอ่ื งประดบั อน่ื เชน่ แหวน สรอ้ ยคอหรอื ของมคี า่ ตา่ งๆ เวน้ แตน่ าฬกิ าบน ข้อพระกรเทา่ นัน้ ซ่ึงก็ไม่ได้มีราคาแพงแตอ่ ย่างใด “...เครื่องประดับ พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะสวมใส่สักช้ิน นอกเสียจากว่าจะทรงแต่งองค ์ เพือ่ เสดจ็ ฯไปงานพระราชพิธีตา่ งๆ หรือตอ้ นรับแขกบา้ นแขกเมืองเทา่ นน้ั ...” ดร.สุเมธ ตนั ติเวชกุลเขยี นไวใ้ นหนังสือ “ใตเ้ บอ้ื งพระยุคลบาท” “...เม่ือปี ๒๕๒๔ ที่ได้รับแต่งต้ังจากรัฐบาลให้ไปถวายงาน ผมต่ืนเต้นมาก สังเกตรายละเอียด รอบๆ ตวั ไปเสยี ทกุ อยา่ ง มองไปทข่ี อ้ พระหตั ถว์ า่ ทรงใชน้ าฬกิ าอะไร มองจนพระองคท์ รงยน่ื ขอ้ พระหตั ถ์ มาใหด้ ู ทรงตรสั อยา่ งมพี ระอารมณข์ นั วา่ “ยห่ี อ้ ใสแ่ ลว้ โก”้ ผมจ�ำแบบไว้ เพราะอยากรวู้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงใชน้ าฬกิ าเรอื นละเทา่ ไร พอวนั หยดุ กร็ บี ไปทร่ี า้ น กท็ ราบวา่ มรี าคาเพยี งแค่ ๗๕๐ บาท...” “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เขียนเล่าไว้ใน “ประสบการณ์สนองพระราชด�ำริเรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว” พระตำ�หนกั จิตรลดา พระต�ำหนักจิตรลดา “...ไม่มีพระราชวังไหนในโลกเหมือนพระต�ำหนักจิตรลดา และบริเวณ สวนจิตรลดาที่เต็มไปด้วยบ่อเลี้ยงปลา และไร่นาทดลอง อีกท้ังผองโคนม ผสมด้วยโรงสีและโรงงาน หลากหลายจึงพูดได้เต็มปากว่า ในประเทศไทยไม่มีช่องว่างระหว่างเกษตรกรกับพระมหากษัตริย์ ผ้ทู รงท�ำงานอยา่ ง “หลงั สูฟ้ ้าหนา้ สดู่ นิ ” ด้วยพระองค์เอง” กราบบังคมทูลถวายพระพรชยั มงคลของ พลอากาศเอก หะริน หงสกลุ ประธานรัฐสภาใน พระราชพธิ ีเฉลมิ พระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๓ “โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา” เกิดจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภายหลังจากเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเย่ียมพสกนิกรในพื้นที่ต่างๆ ด้วยทรงปรารถนา จะได้เห็นประชาชนอยู่ดีมีสุขตามสมควรแก่อัตภาพ โดยเฉพาะอาชีพด้านเกษตรกรรม ซ่ึงถือเป็น อาชีพหลักของประเทศ จึงท�ำให้เกิด โครงการส่วนพระองค์เก่ียวกับการเกษตร สวนจิตรลดา ภายใน บริเวณพระต�ำหนักสวนจิตรลดารโหฐาน อันเป็นพระราชฐานที่ประทับ ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ โดยเร่ิมต้น จาก “นาขา้ วทดลอง” และ “ป่าไม้สาธิต” ต่อมากจิ กรรมการเกษตรอ่นื ๆ จึงคอ่ ยๆ ทยอยหยั่งรากฝงั ลึก ภายใตร้ ม่ เงาวงั สวนจติ รลดา กระทง่ั โครงการตา่ งๆ เรม่ิ ประสบความส�ำเรจ็ จงึ จดั ท�ำโครงการตวั อยา่ ง เพอ่ื ใหป้ ระชาชนท่ีสนใจสามารถเข้ามาศึกษา และน�ำกลบั ไปด�ำเนนิ การเองได้ โดยโครงการตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ภายในสวนจิตรลดา เป็นโครงการที่ไม่หวังผลตอบแทน (เชิงธุรกิจ) ท�ำให้วันนี้ โครงการส่วนพระองค ์ สวนจิตรลดา กลายเป็นแหล่งรวมนวัตกรรมด้านการเกษตรของแผ่นดินที่เปิดพร้อมส�ำหรับประชาชน ทส่ี นใจศกึ ษาเรยี นรู้กจิ กรรมการเกษตรตามพระราชดด�ำริ หลักสูตรรายวิชาเพิม่ เตมิ “การป้องกนั การทจุ รติ ” 85
ซองเอกสารต่างๆ ท่ีจะสง่ ขนึ้ ทูลเกลา้ “... แต่หากเป็นเร่ือง “งานในราชการ” แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน พระบรมราโชวาทมายังข้าราชบริพารในพระองค์ว่า “เอกสารต่างๆ ที่จะส่งขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย หากเปน็ ซองแลว้ กข็ อใหต้ ิดกาวเฉพาะตรงหวั มมุ หรือหากเป็นต้องใช้เทปกาวตดิ ก็ให้ตดิ แค่สองน้วิ ก็พอ ไม่ใช่ปิดทั้งหมด เพราะเป็นการเปลืองเทปและเปิดยาก” พระองค์จะไม่พอพระราชหฤทัย เพราะ ไม่เป็นการประหยัด ซ่ึงตรงนี้เป็นสิ่งส�ำคัญ นอกจากนี้ กระดาษและซองจดหมายภายใน หากไม่ใช ่ เอกสารส�ำคญั กค็ วรใชก้ ระดาษรไี ซเคลิ แต่หากเป็นจดหมายลับหรอื ส�ำคัญกส็ ามารถใช้ของใหม่ได”้ 86 ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา (Anti - Corruption Education)
บรรณานุกรม พระราชด�ำรสั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว. วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑. สืบคน้ เมอื่ วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐. จาก https://www.youtube.com/watch?v=buvNmqtbz_g .พระราชด�ำรสั ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๐ สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐. จาก http://www. amarin.com/royalspeech/speech๔.๐.htm มูลนิธิม่ันพัฒนา (๒๐๑๖). ประมวลพระราชด�ำรสั . สืบค้นเมอื่ วนั ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ จาก http:// www.tsdf.or.th/th/kingspeech.aspx หลักสตู รรายวชิ าเพ่มิ เติม “การปอ้ งกนั การทจุ รติ ” 87
ชดุ วิชาท่ี ๔ พลเมอื งกับความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๔.๑ ความหมายและท่ีมาของคำ�ศัพทท์ ี่เกี่ยวข้องกับพลเมอื ง ค�ำวา่ “พลเมอื ง” มคี วามหมายในหลายแงม่ มุ และมกี ารน�ำไปใชเ้ ทยี บกบั ค�ำอนื่ ๆ อาทิ ประชากร ประชาชน ปวงชน และราษฎร์ ฯลฯ แตห่ ากพจิ ารณาให้ละเอียดจะสามารถท�ำความเข้าใจความหมาย ของค�ำตา่ งๆ ทีค่ ลา้ ยกัน ได้ดงั น้ี ประชาชน หมายความถงึ คนท่ัวไป คนของประเทศ ซง่ึ ไม่ใช่ผู้ปกครอง เปน็ สามัญชนอยู่ภายใต้ รัฐ เชน่ ประชาชนทกุ คนมีหนา้ ที่ต้องรกู้ ฎหมาย ใครจะปฏิเสธว่าไมร่ ไู้ มไ่ ด้ ประชากร หมายถึง คนโดยทัว่ ไป โดยมักใช้ในกรณพี ิจารณาถึงจ�ำนวน ราษฎร ค�ำว่า “ราษฎร” เป็นค�ำเก่าแก่ท่ีมีใช้กันมานาน ในกฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยาและ กฎหมายตราสามดวง กม็ กี ารใชค้ �ำวา่ “ราษฎร” หมายถงึ คนโดยทว่ั ไป แตว่ า่ “ราษฎร” เปน็ ค�ำทใี่ ชใ้ นชว่ ง สมัยรัชกาลที่ ๕ เนอ่ื งจากสงั คมไทยสมัยโบราณ ประชาชนเปน็ ไพรห่ รอื ทาสเกอื บท้งั หมด พอมาถงึ ช่วง รชั กาลท่ี ๕ ไดม้ กี ารเปลยี่ นแปลงการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ครง้ั ใหญแ่ ละไดท้ �ำการเลกิ ทาสเลกิ ไพรท่ �ำให้ ประชาชนเหลา่ นนั้ กลายเปน็ ราษฎรหรอื เสรชี นทไ่ี มต่ อ้ งเปน็ ข้ารบั ใชม้ ลู นายและมสี ถานะทางกฎหมายเทา่ เทยี มกัน จงึ เรียกอดีตไพร่ ทาส ขุนนาง รวมทง้ั ชนช้ันใหม่ๆ วา่ “ราษฎร”ในความหมายของ ผู้ทต่ี อ้ งเสยี ภาษีให้กับรัฐและตอ้ งปฏบิ ัติตามกฎหมายของบา้ นเมืองเชน่ เดียวกนั หมด ปัจจุบนั ค�ำว่าราษฎร และประชาชน มีความหมายเกือบจะเหมือนกัน แตป่ ระชาชน ส่อื ถงึ การ เปน็ เจา้ ของประเทศ และเจ้าของอ�ำนาจอธปิ ไตย มากกว่าราษฎร สว่ นราษฎรมนี ยั ของคนทเี่ สียเปรียบ คนทดี่ อ้ ยกวา่ อยดู่ ว้ ย และมนี ยั ความหมายเปน็ ทางการนอ้ ยกวา่ ค�ำวา่ ประชาชนเชน่ แมเ้ ราจะเปน็ ราษฎร ธรรมดา แต่ถ้าผู้บรหิ ารประเทศคดโกงฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง เราก็ตอ้ งไปคัดคา้ น ที่ผ่านมาขา้ ราชการมกั จะ กดขรี่ าษฎร ด้ังนั้น ราษฎรแปลว่า คนของรัฐ เดิมหมายถึง สามญั ชน คอื คนทไ่ี มใ่ ช่ขนุ นาง โดยท่ัวไปมกั หมายถงึ คนธรรมดา หมู่คนท่มี ิใชข่ ้าราชการ พลเมือง ค�ำวา่ “พลเมอื ง” เกดิ ข้ึนครัง้ แรกเม่ือเกิดการปฏวิ ตั ใิ หญ่ในฝรง่ั เศส เริ่มตน้ เมอื่ ปี ค.ศ. ๑๗๘๙ ชาวฝรั่งเศสลุกฮือกันขึ้นมาล้มล้างระบอบการปกครองของพระเจา้ หลุยส์ท่ี ๑๖ ล้มล้างระบบ ชนชน้ั ต่างๆขณะนัน้ ไดแ้ ก่ พระราชวงศ์ ขนุ นางขา้ ราชการ สมณะ นักพรต นกั บวช และไพร่ ประกาศ ความเสมอภาคของชาวฝรง่ั เศสทุกคน ตอ่ มาค�ำวา่ “Citoyen” จึงแปลเปน็ “Citizen” ในภาษาอังกฤษ ส�ำหรับประเทศไทย ค�ำว่า “พลเมือง” น่าจะถูกน�ำมาใช้สมัยหลังเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕เน่ืองจากผู้น�ำคณะราษฎรบางท่านเคยเรียนท่ีประเทศฝรั่งเศส จึงได้น�ำเอาค�ำน้ีมาใส่ไว้ใน รัฐธรรมนญู ฉบบั ถาวร ซึง่ ประกาศใช้เมอ่ื วันท่ี ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ตอ่ มากลายเปน็ วชิ าบงั คับที่ นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาจะตอ้ งเรยี นควบค่กู ับวชิ าศีลธรรม กลายเป็นวชิ า “หนา้ ที่พลเมอื งและศลี ธรรม” 88 ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education)
ในสว่ นทเี่ ปน็ หน้าทพี่ ลเมอื งกล็ อกมาจากบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู ฉบบั ปี ๒๔๗๕ เรอื่ ยมาจนถงึ รัฐธรรมนูญ ฉบบั ปี ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ พ.ศ.๒๔๙๕ และเลกิ ใช้เมื่อจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ท�ำการ รฐั ประหารเมอื่ วนั ท่ี ๑๖ กนั ยายน ๒๕๐๐ แตว่ ชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมอื งกย็ งั คงเรยี นและสอนกนั ตอ่ มาอกี หลายปี จึงเลิกไปพร้อมๆ กับค�ำว่า “พลเมือง” โดยต่อมาก็ใช้ค�ำว่า “ปวงชน” แทน ค�ำว่าราษฎรคงเป็นการ ใช้แทนค�ำว่า “ประชาชน” หรือค�ำว่า People ในภาษาอังกฤษ อาจจะมาจากอิทธิพลของอเมริกา สืบเน่ืองมาจากสุนทรพจน์เกตทีสเบิร์กของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ท่ีให้ค�ำจ�ำกัดความของ รัฐบาลประชาธิปไตยไว้ว่า เป็น “รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” แต่แทนท่ีเราจะใช้ค�ำว่า “ประชาชน” แทนค�ำว่า “ราษฎร” เรากลบั ใชค้ �ำวา่ “ปวงชน” แทน อย่างไร ก็ตาม ค�ำว่าปวงชนก็ใช้แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ เท่าน้ัน แต่ไม่ติดปากท่ีจะใช้กันท่ัวไปในท่ีอ่ืนๆ ไมว่ ่าในหน้าหนังสอื พมิ พห์ รอื ในสือ่ อ่ืนๆ ยงั นยิ มใชค้ �ำวา่ “ประชาชน” มากกวา่ ค�ำวา่ “ปวงชน” อย่างไรกต็ าม ค�ำวา่ “พลเมอื ง” ได้มาปรากฏอีกคร้ังในรา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบับปัจจุบนั เริ่มตง้ั แต่ หมวดท่ี ๒ ประชาชน ส่วนที่ ๑ ความเป็นพลเมืองและหน้าที่ของพลเมือง มาตรา ๒๖ บัญญัติไว้ว่า “ประชาชนชาวไทยย่อมมีฐานะเป็นพลเมือง” ที่น่าสังเกตก็คือ ในมาตราน้ีใช้ค�ำว่า “ประชาชน” ชาวไทย แทนค�ำว่า “ปวงชน” ชาวไทยที่เขียนไว้ในมาตรา ๓ “อ�ำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ชาวไทย” และมาตรา ๕ “ปวงชนชาวไทยไม่วา่ เหลา่ ก�ำเนิดเพศหรอื ศาสนาใด ยอ่ มอยูใ่ นความค้มุ ครอง แห่งรัฐธรรมนูญเสมอกัน” ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญมีทั้งค�ำว่า “ปวงชน” “ประชาชน” และ “พลเมือง” ในทต่ี ่างๆ แทนค�ำวา่ “ปวงชน” เหมอื นรัฐธรรมนูญฉบับอืน่ ๆ (วีรพงษ์ รามางกูร, ๒๕๕๘) ส�ำหรับค�ำวา่ “พลเมอื ง” มีนักวชิ าการใหค้ วามหมาย สรปุ ไดพ้ อสงั เขป พจนานุกรมนักเรียนฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมาย “พลเมือง” หมายถึง ชาวเมือง ชาวประเทศประชาชน“วถิ ี” หมายถงึ สาย แนว ทาง ถนน และ “ประชาธิปไตย” หมายถงึ แบบการ ปกครองท่ีถอื มตปิ วงชนเป็นใหญ่ ดงั น้นั ค�ำว่า “พลเมืองดใี นวิถชี วี ิตประชาธปิ ไตย” จงึ หมายถงึ พลเมือง ท่ีมีคุณลักษณะที่ส�ำคัญ คือ เป็นผู้ท่ียึดม่ันในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทาง ประชาธิปไตยในการด�ำรงชีวิตปฏิบัติตนตามกฎหมายด�ำรงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วย เหลอื เกอื้ กลู กนั อนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาสงั คมและประเทศชาติ ใหเ้ ปน็ สงั คมและประเทศประชาธปิ ไตย อย่างแทจ้ ริง วราภรณ์ สามโกเศศ อธบิ ายวา่ ความเปน็ พลเมอื ง หมายถงึ การเปน็ คนทรี่ บั ผดิ ชอบไดด้ ว้ ยตนเอง มคี วามส�ำนกึ ในสนั ตวิ ธิ ี มีการยอมรบั ความคิดเห็นของผ้อู ื่น ปริญญา เทวานฤมิตรกุล กล่าวว่า ความเป็นพลเมืองของระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การท่ีสมาชกิ มอี สิ รภาพ ควบคกู่ บั ความรบั ผิดชอบ และมีอิสรเสรภี าพควบค่กู ับ “หน้าท่ี ” จากความหมายของนักวิชาต่างๆ พอสรุปได้ว่า “พลเมือง” หมายถึง ประชาชนที่นอกจาก เสยี ภาษแี ละปฏบิ ัติตามกฏหมายบา้ นเมืองแล้ว ยังตอ้ งมบี ทบาทในทางการเมือง คอื อย่างนอ้ ยมีสิทธไิ ป หลักสตู รรายวชิ าเพม่ิ เติม “การป้องกนั การทุจริต” 89
เลือกตัง้ แตย่ ่ิงไปกว่านน้ั คอื มสี ิทธใิ นการแสดงความคิดเห็นตา่ งๆ ต่อทางการหรอื รฐั ได้ ทัง้ ยังมีสิทธิเข้า ร่วมในกจิ กรรมต่างๆ กบั รัฐและอาจเปน็ ฝ่ายรุกเพื่อเรียกรอ้ งกฏหมาย นโยบายและกจิ กรรมของรัฐตาม ที่เหน็ พ้อง พลเมอื งนนั้ จะเป็นคนท่ีรู้สกึ เป็นเจา้ ของในสง่ิ สาธารณะ มีความกระตอื รือรน้ อยากมสี ว่ นร่วม เอาใจใส่การท�ำงานของรฐั และเปน็ ประชาชนที่สามารถแก้ไขปัญหาส่วนรวมได้ในระดบั หน่ึง โดยไม่ตอ้ ง รอใหร้ ัฐมาแก้ไขให้เทา่ นั้น อย่างไรก็ตาม มกี ารเปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งความเป็นราษฏร และความเป็นพลเมือง ดงั ตาราง(อ้างจาก จดหมายข่าวสถาบนั พระปกเกลา้ ปีท่ี ๑๐ ฉบบั ท่ี ๗ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒) (ความ เปน็ ราษฎร, ม.ป.ป.) ตารางที่ ๓ เปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งความเป็นราษฎร และความเปน็ พลเมือง ความเปน็ ราษฎร ความเป็นพลเมอื ง - ปฏิบัติตนตามหน้าท่ีเท่าน้ัน เช่น เสียภาษี ปฏิบัติตาม - นอกจากเสียภาษีและปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ต้องมี กฎหมาย ส�ำนึกในทางการเมือง อย่างน้อยต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรอื มากกวา่ นนั้ คอื แสดงความคดิ เหน็ ตา่ งๆ ตอ่ บา้ นเมอื ง ใชส้ ทิ ธิเข้ารว่ มการท�ำกิจกรรมตา่ งๆ รว่ มกบั รัฐ - ยอมรับกฎหมาย นโยบาย กิจการ กิจกรรมต่างๆ - มอี สิ รภาพ ศกั ด์ิศรี มคี วามเท่าเทียมกบั ผู้อ่ืน ใหค้ วาม ของรฐั สนใจต่อส่วนรวมมีบทบาทและมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง - ไมก่ ระตอื รอื รน้ ทจี่ ะมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งหรอื กจิ กรรม - เคารพตนเองและเคารพสทิ ธขิ องผู้อน่ื เป็นเจา้ ของชวี ิต สาธารณะ ตนเอง ไมอ่ ยใู่ ตร้ ะบบอปุ ถมั ภ์ หรอื อทิ ธพิ ลอ�ำนาจของใคร - คิดว่าตนเองเป็นผู้น้อย ต้องคอยรับการอุปถัมภ์จาก - ไมต่ กอยูใ่ ต้อทิ ธพิ ลของพรรคการเมือง และนักการเมือง ผใู้ หญ่ ไม่รับเงินหรือความช่วยเหลือ ท่ีได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ ซอ้ื สิทธิ ไม่ขายเสียง - เอาใจใส่ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการท�ำงานของ รฐั บาล ตรวจสอบ ร้องเรียน เมอื่ มีการด�ำเนินนโยบายผิด พลาด รูส้ ึกเดอื ดร้อน เม่ือรัฐบาลท�ำเร่ืองไม่ดี ท�ำงานผิด พลาด หรือด�ำเนนิ นโยบายผิด - เป็นฝ่ายรกุ เพื่อเรียกร้องกฎหมาย นโยบาย หรอื กิจการ ทต่ี นเองเหน็ พอ้ ง - สามารถแก้ปัญหาส่วนรวมเบ้ืองต้นได้ ไม่ต้องรอ แตร่ ฐั บาลมาแก้ไข 90 ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
กล่าวโดยสรุป “พลเมือง” มีความแตกต่างจากค�ำว่า “ประชาชน” และ “ราษฎร” ตรงท่ีว่า พลเมอื งจะแสดงออกถงึ ความกระตอื รอื รน้ ในการรักษาสิทธิต่างๆ ของตน รวมถึงการมีสว่ นรว่ มทางการ เมืองโดยการแสดงออกซึ่งสทิ ธิ เสรีภาพในการแสดงความคดิ เหน็ ความเป็นพลเมอื ง (Citizen) มีความ หมายทสี่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ บทบาท หนา้ ท่ี และความรับผิดชอบของสมาชิกทางสงั คมทีม่ ตี อ่ รัฐ ตา่ งจากค�ำ วา่ ประชาชน ท่กี ลายเป็นผู้รบั ค�ำสงั่ ท�ำตามผอู้ น่ื ดงั นั้น การเปลีย่ นแปลงทส่ี �ำคญั จงึ อยู่ที่การเปล่ียนให้ ประชาชนคนธรรมดา กลายเป็นพลเมอื งท่มี สี ิทธกิ �ำหนดทศิ ทางของประเทศได้ ๔.๒ ความหมายและแนวคดิ เกยี่ วกบั การศกึ ษาเพ่อื สร้างความเปน็ พลเมือง ๔.๒.๑ ความหมายของพลเมอื งศกึ ษา พลเมอื งศกึ ษา (Civic education) หมายถงึ การจดั การศกึ ษาและประสบการณเ์ รยี นรเู้ พอื่ พฒั นา ผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ พลเมอื งดขี องประเทศ มคี วามภาคภมู ใิ จในความเปน็ พลเมอื งตนเอง มสี ทิ ธมิ เี สยี ง สนใจตอ่ ส่วนรวม และมสี ่วนร่วมในกจิ การบา้ นเมอื งตามระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย หรือการเรยี นรู้ เกยี่ วกบั รฐั บาล รฐั ธรรมนญู กฎหมาย ระบบการเมอื งการปกครองสทิ ธแิ ละความรบั ผดิ ชอบของพลเมอื ง ระบบการบรหิ ารจัดการสาธารณะและระบบตุลาการ ๔.๒.๒ คุณลกั ษณะของพลเมือง “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตย ประกอบดว้ ยลกั ษณะ ๖ ประการ (ปริญญา เทวานฤมติ รกุล, ๒๕๕๕) คือ ๑) มอี สิ รภาพและพงึ่ ตนเองได้ หมายความวา่ ประชาธปิ ไตย คอื ระบอบการปกครองทป่ี ระชาชน เปน็ เจ้าของอ�ำนาจสงู สดุ ในประเทศ ประชาชนจงึ มฐี านะเปน็ เจ้าของประเทศ เปน็ เจ้าของชวี ติ และมสี ทิ ธิ เสรีภาพในประเทศของตนเอง ระบอบประชาธิปไตยจึงท�ำให้เกิดหลกั สิทธเิ สรภี าพ และท�ำใหป้ ระชาชน มอี สิ รภาพ คอื เป็นเจา้ ของชวี ติ ตนเอง “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงเปน็ ไท คือ เปน็ อิสระชนท่ี พง่ึ ตนเองและสามารถรบั ผดิ ชอบตนเองได้ และไมย่ อมตกอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลอ�ำนาจ หรอื “ระบบอปุ ถมั ภ”์ ของผใู้ ด ๒) เห็นคนเท่าเทียมกัน หมายความว่า ประชาธิปไตยคือระบอบการปกครองท่ีอ�ำนาจสูงสุด ในประเทศเป็นของประชาชน ดังน้ัน ไม่ว่าประชาชนจะแตกต่างกันอย่างไรทุกคนล้วนแต่เท่าเทียมกัน ในฐานะทเ่ี ปน็ เจา้ ของประเทศ “พลเมอื ง” จงึ ตอ้ งเคารพหลกั ความเสมอภาคและจะตอ้ งเหน็ คนเทา่ เทยี ม กนั คือ เห็นคนเปน็ แนวระนาบ (horizontal) เหน็ ตนเท่าเทยี มกบั คนอ่นื ทกุ คนลว้ นมศี กั ด์ศิ รขี องความ เป็นเจา้ ของประเทศอย่างเสมอกัน ถึงแมจ้ ะมกี ารพง่ึ พาอาศยั แตจ่ ะเป็นไปอย่างเทา่ เทยี ม ๓) ยอมรับความแตกต่าง หมายความว่า ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่ประชาชน เปน็ เจ้าของประเทศ ประชาชนจงึ มเี สรีภาพ ระบอบประชาธปิ ไตยจึงให้เสรภี าพและยอมรบั ความหลากหลาย ของประชาชน ประชาชนจงึ แตกต่างกนั ได้ ไมว่ ่าจะเปน็ เรอื่ งการเลอื กอาชพี วถิ ชี วี ติ ความเชอื่ ทางศาสนา หรอื ความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง ดงั นน้ั เพอ่ื มใิ หค้ วามแตกตา่ งน�ำมาซงึ่ ความแตกแยกในสงั คม “พลเมอื ง” หลักสูตรรายวิชาเพม่ิ เตมิ “การปอ้ งกันการทุจริต” 91
ในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ ตอ้ งยอมรบั และเคารพความแตกตา่ งของกนั และกนั เพอ่ื ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกนั ได้ และจะตอ้ งไม่มีการใช้ความรนุ แรงต่อผู้ที่เหน็ แตกต่างไปจากตนเอง ๔) เคารพสทิ ธผิ อู้ น่ื หมายความวา่ ในระบอบประชาธปิ ไตยทกุ คนเปน็ เจา้ ของประเทศทกุ คนจงึ มี สทิ ธแิ ตถ่ า้ ทกุ คนใชส้ ทิ ธโิ ดยค�ำนงึ ถงึ แตป่ ระโยชนข์ องตนเอง หรอื เอาแตค่ วามคดิ ของตนเองเปน็ ทตี่ ง้ั โดย ไมค่ �ำนงึ ถงึ สทิ ธผิ อู้ นื่ หรอื ไมส่ นใจวา่ จะเกดิ ความเดอื ดรอ้ นแกผ่ ใู้ ดยอ่ มจะท�ำใหเ้ กดิ การใชส้ ทิ ธทิ ก่ี ระทบซงึ่ กันและกนั สิทธใิ นระบอบประชาธปิ ไตยจึงจ�ำเปน็ ตอ้ งมขี อบเขต คอื มีสทิ ธแิ ละใชส้ ิทธิได้เทา่ ทไี่ ม่ละเมดิ สิทธผิ ูอ้ ่นื “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยจึงตอ้ งเคารพสทิ ธิผูอ้ ืน่ และจะตอ้ งไมใ่ ชส้ ิทธิเสรภี าพของ ตนไปละเมดิ สิทธิของผอู้ ื่น ๕) รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม หมายความวา่ ประชาธปิ ไตยมใิ ชร่ ะบอบการปกครองตามอ�ำเภอใจหรอื ใครอยากจะท�ำอะไรกท็ �ำโดยไมค่ �ำนึงถึงสว่ นรวม ดงั นัน้ “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยยังจะตอ้ ง ใชส้ ิทธเิ สรภี าพของตนโดยรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมดว้ ย ด้วยเหตทุ ่ีสังคมหรอื ประเทศชาติมไิ ด้ดขี ึ้นหรือแยล่ ง โดยตัวเอง หากสงั คมจะดีข้นึ ได้กด็ ว้ ยการกระท�ำของคนในสังคม ๖) เข้าใจระบอบประชาธิปไตยและมีส่วนร่วม หมายความว่า ประชาธิปไตยคือการปกครอง โดยประชาชน ใช้กติกาหรือกฎหมายที่มาจากประชาชนหรือผู้แทนประชาชน ระบอบประชาธิปไตย จะประสบความส�ำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมี “พลเมือง” ท่ีเข้าใจหลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยตามสมควร ทั้งในเร่ืองหลักประชาธิปไตยหรือการปกครองโดยประชาชน และหลักนิติ รัฐหรือการปกครองโดยกฎหมาย ถ้ามีความขัดแย้งก็เคารพกติกาและใช้วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ ปญั หาโดยไมใ่ ช้ก�ำลงั หรอื ความรุนแรง ๔.๓ องคป์ ระกอบของการศกึ ษาความเปน็ พลเมอื ง ส�ำหรับนักวิชาการต่างประเทศ ได้เขียนบทความวิชาการเกี่ยวกับการศึกษาเพ่ือสร้างพลเมือง อาทิ John Porter เขียนบทความเร่อื ง “The Challenge of education for active citizenship” โดยอธบิ ายการศกึ ษาความเปน็ พลเมอื งว่ามี ๓ ประเด็นทเี่ ชื่อมกับมิตพิ ลเมอื ง การเมือง และสังคม ท้งั นี้ พลเมอื งประกอบด้วย สิทธจิ �ำเป็นส�ำหรบั ความอสิ ระ เสรีภาพระดบั ปัจเจกบคุ คล การเมอื งประกอบดว้ ย สิทธิในการมีส่วนร่วมในการใช้อ�ำนาจทางการเมือง ส่วนสังคมประกอบด้วยสิทธิที่มีต่อสวัสดิการทาง เศรษฐกจิ และความมงั่ คงทีม่ ีตอ่ สิทธิทีจ่ ะรว่ มมือกัน และเพ่ืออาศยั อยใู่ นชีวิตของความศิวไิ ล ๔.๓.๑ ความรับผดิ ชอบทางสงั คม (Social Responsibility) การเรียนรู้ของเด็กจะเริ่มต้นจากความไว้ใจตนเอง เก่ียวกับสังคม ศีลธรรม พฤติกรรมความ รับผิดชอบท้ังในและอยู่เหนือห้องเรียน การเรียนรู้ของเด็กควรท�ำหรือแสดงบทบาทในกลุ่มหรือ มีส่วนร่วมในกจิ กรรมของชุมชน ๔.๓.๒ ความเกีย่ วพันชุมชน (Community Involvement) การเรยี นรผู้ า่ นชมุ ชนหรอื การบริการในชุมชนมี ๒ สาขาของความเป็นพลเมือง มันไม่จ�ำกัดเวลา ของเด็กท่โี รงเรยี น แตค่ วรรบั รู้ในฐานะเปน็ กล่มุ อาสาสมัครที่ไม่เป็นการเมือง 92 ชดุ หลักสตู รต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education)
๔.๓.๓ ความสามารถในการอา่ นและเขยี นทางการเมอื ง (Political Literacy) การเรยี นของนักเรียนเกยี่ วกับการท�ำให้ ”ชีวิตสาธารณะ” มปี ระสิทธิผล โดยผ่านความรู้ ทักษะ และค่านยิ ม ค�ำวา่ “ชวี ิตสาธารณะ” ถูกใช้ในความรู้สกึ ท่กี วา้ งทีส่ ุดเพ่ือทจ่ี ะล้อมรอบความร้ทู ส่ี มเหตสุ ม ผลของการมีส่วนรว่ มในการแกป้ ัญหาความขัดแยง้ และเกี่ยวข้องกับการตดั สนิ ใจตอ่ เศรษฐกิจหลักและ ปญั หาสงั คมของทุกวัน รวมท้งั แต่ละการคาดหมายของบุคคลและการตระเตรียมส�ำหรับโลกของการจ้างงาน และการอภิปรายของการจัดสรรทรัพยากรภาครฐั และการสมเหตสุ มผลของระบบการจดั เก็บภาษี Joseph KuiFoon และ Chow–Kerry J. Kennedy(๒๐๑๒) เขียนบทความเร่ือง “Citizenship and Governance in the Asian Region : Insights from the International Civic and Citizen- ship Education Study” โดยเขาเสนอวา่ ขอบเขตเนอ้ื หาของการศกึ ษาความเปน็ พลเมอื งประกอบดว้ ย ๔ อยา่ ง คอื ๑) ประชาสงั คมและระบบ ๒) องคป์ ระกอบขอ้ ปฏบิ ตั พิ ลเมอื ง ๓) การมสี ว่ นรว่ มพลเมอื ง และ ๔) อตั ลกั ษณพ์ ลเมอื ง สว่ นขอบเขตกระบวนการความคดิ คอื การรจู้ กั การวเิ คราะหแ์ ละการใหเ้ หตผุ ล และ ขอบเขตพฤตกิ รรมอารมณ์ คอื ความเช่ือ คา่ นิยม ทัศนคติ ความสนใจเกยี่ วกบั พฤติกรรมและพฤติกรรม Jaap Scheerens เขยี นบทความเรอื่ ง “Indicators on Informal learning for Active Citizenship at School” มสี าระวา่ เปา้ หมายของการศกึ ษาส�ำหรบั ความเปน็ พลเมอื งมี ๓ มติ ิ คอื มติ ิ ๑ การรบั รเู้ ข้าใจ กับการนับถือความรูเ้ ก่ียวกับสถาบนั ประชาธปิ ไตย มติ ิ ๒ เนน้ การปฏิบตั ิจริง (pragmatic) ในอารมณ์ ความรู้สกึ ของการกระท�ำและการไดร้ บั ประสบการณ์ และมิติ ๓ เกี่ยวกบั อารมณใ์ นศัพท์ของการผกู ติด กับสังคมและชมุ ชน ซ่งึ อนั หนึ่งเป็นเจา้ ของ สมรรถนะการสอื่ สารและสังคม John Patrick เขียนบทความเรือ่ ง “Defining, Delivering, and Defending a Common Education for Citizenship in a Democracy” ซ่งึ ได้พฒั นากรอบแนวคดิ การศกึ ษาหลักสตู รพลเมอื ง ทีว่ า่ นยิ ามตามองค์ประกอบการศึกษาความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย อันได้แก่ ๑) ความรู้ของความเป็นพลเมืองและรัฐบาลในระบอบประชาธปิ ไตย ๒) ทกั ษะทเ่ี ฉลียวฉลาดของความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย ๓) ทักษะการมีส่วนร่วมของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย (ทักษะความเป็น พลเมอื งแบบมีสว่ นรว่ ม) ๔) แนวโน้มท่ีจะกระท�ำการบางอย่างของความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย (ความ เอนเอยี งของพลเมือง) Joel Westheimerและ Joseph Kahne (๒๐๐๔) ไดเ้ ขยี นบทความเรอ่ื ง “What kind of Citizen ? The Politic of Educating for Democracy” โดยมีสาระว่านักการศึกษาและผู้ก�ำหนดนโยบายได้ ตดิ ตามแผนงานเพม่ิ ขน้ึ ทวี่ ่าไดม้ จี ดุ มงุ่ หมายท�ำใหป้ ระชาธปิ ไตยเขม้ แขง็ ผ่านการศกึ ษาความเปน็ พลเมอื ง การเรียนรกู้ ารบริการ และการสอน ทัง้ น้ี Westheimerและ Kahneได้ให้แนวคดิ ทีส่ �ำคัญ ๓ แนวคิดของ ความเป็นพลเมืองที่ดี คือ การมุ่งเน้นความรับผิดชอบระดับบุคคล การมีส่วนร่วม และความยุติธรรม ท่เี น้นย้ำ� โดยนยั ทางการเมืองของการศกึ ษาประชาธิปไตย อันมีรายละเอียดแสดงเป็นตาราง ดังน้ี หลักสูตรรายวิชาเพม่ิ เตมิ “การปอ้ งกันการทุจรติ ” 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147