การออกแบบหน่วยการเรยี นรทู้ กั ษะศตวรรษที 21 กลม่ ุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ น. ผอ.สพม.หนองคาย มอบ วนั ท่ี 19 พฤษภาคม 2564 ณ หองประชมุ Conference สพม.หนองคาย ลงทะเบียนเขา รบั การอบรม
กิจกรรมหลงั อบรม นเิ ทศตดิ ตามและประเมนิ ผล ระยะเวลา 1 ภาคเรยี น
หลกั การ/แนวคดิ การจดั การเรียนรทู ักษะแหงศตวรรษท่ี 21 1.ภาษา 2. ศลิ ปะ 3. คณติ ศาสตร 4. การปกครองและหนา ทีพ่ ลเมือง 5. เศรษฐศาสตร 6. วทิ ยาศาสตร 7. ภมู ศิ าสตร 8. ประวตั ศิ าสตร
ทกั ษะการเรยี นรแู ละนวตั กรรม
ทกั ษะดา นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี
ทกั ษะดา นชวี ิตและการทาํ งาน
แนวคิดทกั ษะและคณุ ลักษณะในศตวรรษท่ี 21
หลกั การจัดการเรยี นรใู นศตวรรษท่ี 21
หลกั การจัดการเรยี นรใู นศตวรรษท่ี 21
ส่งิ ที่ตอ งเปลี่ยนแปลงในการจดั การเรยี นรู
ส่งิ ท่ตี อ งเปลี่ยนแปลงในการจดั การเรยี นรู
การจดั การเรยี นรใู นศตวรรษท่ี 21 (QSCCS) 12
14
โครงสร้างตามหลักสูตรแกนกลางฯ พ.ศ. 2551
กลมุ่ สาระการเรียนรู/้ กิจกรรม ระดบั ประถมศกึ ษา เวลาเรียน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย * ประวตั ิศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น - ป.1 – กล่มุ สาระการเรยี นรู้ จดั สรร ภาษาไทย จดั สรร จดั สรร เวลาได้ ม.3 จํานวน40 คณิตศาสตร์ เวลาได้ เวลาได้ ตาม ชวั โมงต่อปี วทิ ยาศาสตร์ ตาม ตาม ความ *สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ความ ความ เหมาะสม - ม.4-6 เหมาะสม เหมาะสม รวม 3 ปี สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา รวม 3 ปี 1,640 ชวั โมง ศลิ ปะ 840 ชวั โมง/ปี 880 ชวั โมง/ปี รวม 3 ปี 360 ชวั โมง *ป*.จช1ําวภั นโ-ามว3ษงนามอ8ี งั0กฤษ การงานอาชพี และเทคโนโลยี 120 ชวั โมงต่อปี 120 ชวั โมงต่อปี สถานศกึ ษากาํ หนด ทางเลือกตาม * *ภาษาต่างประเทศ สถานศกึ ษากาํ หนด สถานศกึ ษากาํ หนด ประกาศ รวมเวลาเรียน (พนื ฐาน) สถานศกึ ษากําหนด กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น สถานศึกษากาํ หนด สถานศกึ ษากําหนด *** การ รายวชิ า/กจิ กรรมทสี ถานศกึ ษาจดั เพิมเตมิ ตามความพร้อมและจุดเน้นกล่มุ กาํ หนดเวลาเรียน สาระการเรียนรู้ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เกณฑก์ ารจบ รวมเวลาเรียนทงั หมด
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หลักสตู รแกนกลางฯ พ.ศ. 2551 หลกั สตู รแกนกลางฯ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ สาระที 1 จํานวนและพชี คณิต สาระที 2 การวดั และเรขาคณิต ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดง จาํ นวน การดาํ เนินการของจาํ นวน ผลทเี กดิ ขึน ค 2.1 เข้าใจพืนฐานเกยี วกบั การวัด วัดและ จากการดาํ เนินการ สมบัตขิ องการดาํ เนินการ คาดคะเนขนาดของสงิ ทตี ้องการวดั และ และการนาํ ไปใช้ นคาํ 2ไป.2ใชเ้ข้าใจและวิเคราะห์รปู เรขาคณิต สมบัติ ของรปู เรขาคณติ ความสมั พันธร์ ะหว่างรู ค 1.2 เข้าใจและวเิ คราะห์แบบรูป ความสมั พันธ์ ฟังกช์ ัน ลาํ ดบั และอนุกรม และ ค 3ส.า1รเะข้ทาใีจ3กรสะบถวติ นิแกาลระทคางวนเสราาํขถไมาติปคนิใแณช่าล้ ติจะแใะลชเ้คะปท็วนาฤมษรฎ้ทู ีบาทงสทถาิตงเใิรนขกาคารณติ และ นาํ ไปใช้ ค 1.3 ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธบิ าย แก้ปัญหา ความสมั พันธห์ รือช่วยแก้ปัญหาทกี าํ หนด ค 3.2 เข้าใจหลักการนบั เบอื งต้น ความน่าจะเป็น และ นาํ ไปใช้ สาระเพิมเตมิ : แคลคูลัส
คณติ ศาสตรพ้ืนฐาน จํานวนตัวชว้ี ัดแตละระดับ/แตละสาระ รวม มาตรฐานการเรียนรู ม.ปลาย จาํ นวน ชื่อสาระ จํานวน รหัส ประถมศึกษา ม.ตน ม.4 ม.5 ม.6 ตัวชี้วัด มาตรฐาน มาตรฐาน 1 1 - 68 ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1 ม.2 ม.3 - 2- 9 1. จาํ นวนและพชี คณติ 3 ค 1.1 5 8 11 16 9 12 3 2 - - 1- 7 1 - 1- - 1- 2 2 - - - 35 ค 1.2 - - - - - - 3- 3 - - - 23 2 6 13 3 4 3 - 2 2 - - 1 12 ค 1.3 1 1 1244253 2- - 3 1 12121111 3 4 1 157 2. การวัดและเรขาคณิต 2 ค 2.1 - ------- 1 10 16 28 22 19 21 9 12 12 8 ค 2.2 116 33 3. สถิติและความนาจะเปน 2 ค 3.1 ค 3.2 7- รวมตัวชีว้ ัด
เวลาเรยี นคณติ ศาสตรพ์ นื ฐาน พ.ศ. 2551 ป. 1-3 ป. 4-6 ม. 1-3 ม. 4-6 พ.ศ. 2560 200 ชม./ปี 160 ชม./ปี 120 ชม./ปี 240 ชม./3ปี 200 ชม./ปี 160 ชม./ปี 120 ชม./ปี 240 ชม./3ปี ควรได้ฝึกปฏบิ ัติเพิมเตมิ 120 + 80
พนื ฐาน เพิมเติม สาระที 1 จํานวนและพชี คณติ สาระจํานวนและพีชคณิต ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจาํ นวน การดาํ เนินการของจาํ นวน ผลทเี กดิ ขึนจากการดาํ เนินการ สมบัติ 1. เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจาํ นวน การดาํ เนินการของจาํ นวน ผลทเี กดิ ขึนจาก ของการดาํ เนินการ และการนาํ ไปใช้ การดาํ เนินการ สมบตั ิของการดาํ เนินการ และการนาํ ไปใช้ ค 1.2 เข้าใจและวเิ คราะห์แบบรูป ความสมั พันธ์ ฟังกช์ ัน ลาํ ดบั และอนุกรม และนาํ ไปใช้ 2. เข้าใจและวเิ คราะห์แบบรปู ความสมั พันธ์ ฟังกช์ ัน ลาํ ดบั และอนุกรม และนาํ ไปใช้ ค 1.3 ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือช่วยแก้ปัญหาทกี าํ หนด 3. ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ เมทริกซ์ และอธบิ ายความสมั พันธห์ รือช่วยแก้ปัญหาทกี าํ หนด สาระที 2 การวดั และเรขาคณิต สาระการวดั และเรขาคณิต ค 2.1 เข้าใจพืนฐานเกยี วกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสงิ ทตี ้องการวัด และนาํ ไปใช้ - ค 2.2 เข้าใจและวเิ คราะห์รปู เรขาคณิต สมบัตขิ องรูปเรขาคณิต ความสมั พันธร์ ะหว่างรูป - เรขาคณติ และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาํ ไปใช้ 1. เข้าใจเรขาคณิตวเิ คราะห์ และนาํ ไปใช้ 2. เข้าใจเวกเตอร์ การดาํ เนินการของเวกเตอร์ และนาํ ไปใช้ สาระที 3 สถติ ิและความน่าจะเป็ น สาระสถิติและความนา่ จะเป็ น ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความร้ทู างสถติ ิในการแก้ปัญหา - ค 3.2 เข้าใจหลักการนับเบอื งต้น ความน่าจะเป็น และนาํ ไปใช้ 1. เข้าใจหลักการนับเบอื งต้น ความน่าจะเป็น และนาํ ไปใช้ สาระแคลคูลสั 1. เข้าใจลิมิตและความต่อเนืองของฟังกช์ ัน อนุพันธข์ องฟังกช์ ัน
ความสอดคล้องของตัวชีวัดในพนื ฐาน และผลการเรยี นร้ใู นเพมิ เติม พืนฐาน เพิมเติม สาระที 1 จาํ นวนและพีชคณิต สาระจาํ นวนและพีชคณติ ค 3.2 เข้าใจหลักการนบั เบอื งต้น 2. เข้าใจหลักการนับเบอื งต้น ตวั ชีวัด (ม. 4) ผลการเรียนรู้ (ม. 5) เข้าใจและใช้หลกั การบวกและการคูณ การเรียงสับเปลียน และ เข้าใจและใช้หลกั การบวกและการคูณ การเรยี งสบั เปลียน และการจดั หมู่ ในการ การจดั หมู่ ในการแก้ปัญหา แก้ปัญหา สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้เู พิมเติม •หลักการบวกและการคูณ •หลักการบวกและการคูณ •การเรียงสับเปลียนเชิงเส้นกรณที สี งิ ของแตกต่างกนั ทงั หมด •การเรยี งสับเปลียนเชิงเส้นกรณที สี งิ ของแตกต่างกนั ทงั หมด และกรณที สี งิ ของ •การจัดหมู่กรณีทสี งิ ของแตกต่างกนั ทงั หมด ไม่แตกต่างกันทงั หมด •การเรยี งสบั เปลียนเชิงวงกลมกรณีทสี งิ ของแตกต่างกันทงั หมด •การจัดหมู่กรณีทสี งิ ของแตกต่างกันทงั หมด •ทฤษฎบี ททวินาม
องคป์ ระกอบของโครงสร้างรายวิชา ที ชือหน่วย มฐ./ สาระสาํ คญั /ความคิด เวลาเรยี น นําหนักคะแนน การเรียนรู้ ตวั ชีวดั รวบยอด 1. 2. 3. . รวมตลอดปี /ภาคเรียน
28
๑วิธีการวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีวดั ก๒ารกาํ หนดประเด็นหรือหวั เรืองจากสภาพ ปัญหาหรือสิงทีผูเ้ รียนสนใจ
ขันตอนการออกแบบ การเรยี นรู้ ขันที ๑ กาํ หนดเป้ าหมายการเรียนรู้ ขันที ๒ กาํ หนดหลักฐานร่องรอย ขันที ๓ ออกแบบกจิ กรรม
ประกอบด้วย
แบบบันทกึ หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี ๑ เรอื ง ............................................ รหสั -ชอื รายวชิ า ........................ กลุม่ สาระการเรียนรู้ .............. ชนั ........................ ภาคเรียนที ........... เวลา ........... ชวั โมง ผ•ูส้ มอนาต...ร...ฐ...า..น...ก...า..ร...เ.ร. ยีโรนงเรรียู้ /น .ต...ั.ว..ช...วี..ั.ด............................ มาตรฐาน ต ๑.๑ ......................................................................................................... ตัวชวี ัด ม ๔-๖ / ๑. ................................................................................................................... ม ๔-๖ / ๒. ................................................................................................................... มาตรฐาน ต ๒. ๑........................................................................................................ ตัวชวี ัด ม ๔-๖ / ๑. .................................................................................................................. ม ๔-๖ / ๒. ...................................................................................................................
• สาระสกาํ ครเัญรียนรู้ …………………….…… - ความรู้ ๑. ................................ ๒. ............................... - สมรรถนะสาํ คัญ ๑. ............................... ๒. ............................... - คุณลักษณะทีพงึ ประสงค์ ๑. ........................
ขันที ๒ กาํ หนดหลักฐานร่องรอย ๒.๑ กาํ หนด ๒.๒ กาํ หนด ชนิ งาน / ประเด็นการประเมนิ ภาระงาน และเกณฑ์การ ประเมนิ
• การประเมนิ ผลรวบยอด ระดับคณุ ภาพ - ชนิ งาน หรอื ภาระงาน ………… ............. - การประเมนิ ผล ประเด็นการประเมิน
อะไรคอื ร่องรอย / หลักฐานทตี อ้ งใช ้ ประเมนิ 1. ภาระงานทถี กู สงั ตามคําสงั 2. งานทเี กดิ ขนึ ตามธรรมชาติ 3. โครงงานรายบคุ คล / กลมุ่ 4. แฟ้มสะสมงาน 5. การแสดง / สาธติ 6. การทดลอง / สบื สวน 7. การนําเสนอผลงาน / ภาระงาน
ผงั ประเมิน เป้าหมายการ เรียนรู้ การเลือกตอบ การตอบคาํ ถามสันๆ การเขยี นแบบอตั นยั การประเมนิ การ การประเมนิ การ การประเมนิ ปฏิบัตใิ นโรงเรียน ปฏิบัตใิ นชีวติ จริง แบบต่อเนือง ความเข้าใจทคี งทน คุณลกั ษณะทพี งึ ประสงค์ ทกั ษะกระบวนการ เฉพาะวิชา
ประเภทของเกณฑก์ ารประเมนิ 1. เกณฑก์ ารประเมนิ ในภาพรวม (Holistic Rubric) 2. เกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งแยกสว่ น (Analytic Rubric)
เกณฑก์ ารประเมนิ แบบแยกสว่ น (Analytic Rubric) กําหนดดา้ น / ประเภทการประเมนิ พจิ ารณาจากเป้าหมายและความคาดหวงั ในการปฏบิ ัตงิ าน สว่ นใหญพ่ จิ ารณาไมเ่ กนิ 4 ดา้ น แตล่ ะดา้ นใหค้ ะแนน 3-5 ระดับ
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบแยกสว่ น : การเขยี นแสดงความคดิ เห็น ประเด็นประเมนิ : การใชภ้ าษา : เนอื หา ประเด็นการ : ความสมเเกหณตฑสุ ก์ มาผรใลหค้ ะแนน ประเมนิ การใชภ้ าษา 43 2 1 ถกู ตอ้ งตาม การวัดตามหลัก ถกู ตอ้ งตาม ถกู ตอ้ งตาม หลกั ภาษาตํา ภาษา 80-100 % หลกั ภาษา หลกั ภาษา กวา่ 40 % 40-60 % 80-100 %
เกณฑก์ ารประเมนิ ในภาพรวม การเขยี น ระดบั 0 ไมม่ ผี ลงาน ระดบั 1 ไมต่ รงประเด็น ไมม่ รี ะบบ อา่ นแลว้ สบั สนแตใ่ ชค้ ําเหมาะสม ระดบั 2 ตรงประเดน็ มรี ะบบ อา่ นแลว้ สบั สน แตใ่ ชค้ ําเหมาะสม ระดบั 3 ตรงประเด็น มรี ะบบ อา่ นแลว้ เขา้ ใจ งา่ ย ใชค้ ําเหมาะสม
• กจิ กรรมการเรียนรู้ ( สพฐ. กาํ หนดแนวทางที ๑) - กิจกรรมนาํ สูก่ ารเรียน ( ขนั สร้างความสนใจ) …………………………………………………………………….. - กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ (ขนั สอนและพฒั นา) …………………………………………………………………………… - กิจกรรมรวบยอด ( ขนั สรุปและประเมนิ ผล) ……………………………………………………………………. • สือการเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้ …………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………
• กิจกรรมการเรยี นรู้ ( แนวทางที ๒) ครังที/เวลา มาตรฐาน / การประเมินผล กิจกรรม สือการเรียนรู้ / ตัวชีวัด (ชนิ งาน / การเรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้ ๑ ภาระงาน) กิจกรรมนาํ ส่กู ารเรียน ( .. ช.ม) กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ ๒ กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ ( .. ช.ม) กิจกรรมรวบยอด ๓ ( .. ช.ม) ๔ ( .. ช.ม) ๕ ( .. ช.ม)
จากนัน .... นาํ กจิ กรรม ทไี ด้ออกแบบไว้ในขันตอน ที ๓ ของหน่วยการเรยี นรู้ ไปเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ อย่างละเอียดเป็ นรายแผน
ตัวอยา งโครงสรา งแผนการจดั การเรยี นรูจากการออกแบบหนวยการเรยี นรู 46
๓. วางแผนการจัดการเรียนรู้ ๑. วเิ คราะห์ ๒. ออกแบบ หน่วยการเรยี นรู้ หลักสูตร’๕๑ ๓. เขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้
ก่อนเขยี นแผนการจัด การเรยี นรู้ ...ควร วเิ คราะห์ตัวชวี ัด ให้เป็ น
แนวการวิเคราะห์ตัวชีวัด เป็ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตัวชีวัด / จดุ ประสงค์ ผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ ( ข้อความ/ประโยค ( ข้อความ/ประโยค ทีมอี งค์ประกอบ ๒ ส่วน) ทีมอี งค์ประกอบ ๓ ส่วน)
ตัวชีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายและ ๑ . อธิบายและเชือมโยง เชือมโยง ความสัมพนั ธ์ระหว่าง ความสัมพนั ธ์ เทคโนโลยีกับศาสตร์ ระหว่างเทคโนโลยี อืน ๆ ได้ กับศาสตรอ์ ืน ๆ
Search