33 3. ขั้นตอนพัฒนาและการสร้างสรรคผ์ ลงาน (Development and Production Stage ) 3.1 เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการสร้างสรรคผ์ ลงาน เป็นการเตรยี มอปุ กรณแ์ ละวสั ดุ ในการทาตาม สมมติ ฐานท่ีวางไวซ้ ่ึงอุปกรณแ์ ต่ละอย่างมี ขอ้ มลู และมีประโยชนเ์ พ่ือความสะดวกต่อการผลิตในตัว ชิน้ งานดงั ตอ่ ไปนี้ 3.2 ขน้ั ตอนการออกแบบลวดลายสร้างสรรคผ์ ลงานตามแบบร่างและสมมตฐิ านทไ่ี ดว้ างไว้ ในการดาเนินงานชิน้ นีท้ ุกขนั้ ตอนนกั ศกึ ษาดาเนินการเองโดยผวู้ ิจยั ไดค้ วบคมุ งานเองโดย ตลอดและจะ กลา่ วถึงการปฏิบตั งิ านทงั้ หมดดงั ต่อไปนี้ ภาพที่ 4.19 ศกึ ษางานภาพพิมพข์ องศิลปิน ช่ือผลงาน : การละเลน่ แบบไทย ศลิ ปิ น : ประพนั ธ์ ศรสี ตุ า ทม่ี า : ( http://t2.gstatic.com/images?q=tbn 06/04/2566 )
34 3.2.2 เริม่ ทาแบบร่างจากเหตกุ ารณท์ เี่ กิดขึน้ ในชีวติ ประจาวนั ลงในสมุด sketch ภาพท่ี 4.20 Idea sketch ท่8ี ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) 3.2.3 เตรียมแผ่นไม้ในการแกะลงหมึกจีนให้ท่ัวแผ่นกระดานไม้และร่างรูปแบบภาพลงบน แผ่นไม้ ภาพท่ี 4.21 รา่ งแบบลงบนแผ่นไม้ ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
35 3.2.4 เริ่มขั้นตอนแกะไม้ โดยใชเ้ คร่ืองมอื แกะ ทเ่ี ป็ นตวั U และตัว V เป็ นตน้ ภาพท่ี 4.22 แกะไม้ ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) 3.2.5 ขน้ั ตอนการตีสีหมึกพิมพ์ กอ่ นกลนิ้ สีลงบนแผน่ ไมก้ ระดาน ทผ่ี า่ นขน้ั ตอนการแกะไมแ้ ล้ว ภาพที่ 4.23 ตีสเี พ่อื ใหส้ หี มึกพมิ พเ์ ขา้ ท่ี 1 ภาพที่ 4.24 ตีสเี พ่อื ใหส้ ีหมกึ พมิ พเ์ ขา้ ท่ี 2 ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
36 3.2.6 ข้นั ตอนการกลิง้ หมึกสีพมิ พล์ งบนแผน่ ไม้ทไ่ี ด้แกะลวดลายทตี่ ้องการแล้ว ภาพที่ 4.25 กลงึ้ สลี งบนแผ่นกระดาน ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
37 3.3 การสร้างชนิ้ งานทส่ี าเร็จโดยออกแบบตามแนวความคิดทวี่ างไว้ (Concept Sketch) การสรา้ งสรรคช์ ิน้ งาน ตามแนวความคดิ ท่วี างไวโ้ ดยมีทงั้ หมด 11 ชิน้ งาน ดงั นี้ ภาพที่ 4.26 ผลงานชิน้ ท่ี 1 ชอ่ื ผลงาน : กาลงั เดือด แนวความคิด : เกดิ จากวนั ท่ผี มกาลงั ตม้ ปลาอย่แู ลว้ นา้ ในหมอ้ กาลงั เดือด ราวกบั อารมณท์ ่ผี มหวิ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพท่ี 4.27 ผลงานชนิ้ ท่ี 2 ชื่อผลงาน : ตวั ตน แนวความคิด : เกิดจากความผิดพลาดในการสกั ลายถ่มดาบนแขนนของผม ผลมจริงอยากเก็บความ ผดิ พลาดนไี้ วใ้ นกลอ่ งสดี า และดาเนินชีวติ ต่ออยา่ งดี โดยท่ไี มต่ อ้ งเอาความผิดพลาดท่แี กไ้ ขไ้ มไ่ ดม้ าคิดอีก ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
38 ภาพท่ี 4.28 ผลงานชนิ้ ท่ี 3 ชื่อผลงาน : ในความโกรธ แนวความคิด : เกินจากอารมณใ์ นขณะท่ีมีความความโกรธเกิดขึน้ ในจิตใจ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพที่ 4.29 ผลงานชนิ้ ท่ี 4 ชอ่ื ผลงาน : ภาพถา่ ย แนวความคดิ : ภาพความทรงจาท่ไี ดไ้ ปสถานท่ตี า่ งๆ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
39 ภาพท่ี 4.30 ผลงานชนิ้ ท่ี 5 ชอื่ ผลงาน : คิดจกุ จิก แนวความคดิ : เกดิ จากอารมณข์ ณะท่ีผลนน่งั คิดงานชิน้ นวี้ ่าจะสรา้ งสรรคอ์ อกมายงั ไงดี ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพที่ 4.31 ผลงานชนิ้ ท่ี 6 ช่ือผลงาน : คยุ แนวความคดิ : เกิดจากการท่ไี ดพ้ บปะพดู คยุ กบั เพ่ือนในขณะท่ีดโู ทรทศั น์ ทม่ี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
40 ภาพท่ี 4.32 ผลงานชนิ้ ท่ี 7 ชอ่ื ผลงาน : วนั วาเลนไทน์ แนวความคดิ : ไปซอื้ ดอกไมแ้ ลว้ แมค่ า้ พดู เยอะไม่สนใจลกู คา้ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพท่ี 4.33 ผลงานชนิ้ ท่ี 8 ชือ่ ผลงาน : ดนตรีในยามค่าคืน แนวความคิด : เกิดจากไปเดนิ เลน่ ในยามค่าคนื แลว้ เห็นคนเปิดหมวกเลน่ กีตา้ ร์ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
41 ภาพท่ี 4.34 ผลงานชนิ้ ท่ี 9 ชอ่ื ผลงาน : หนา้ ตวั เอง แนวความคิด : คดิ มาก คิดเยอะ จนคิดงานไมอ่ อก ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพที่ 4.35 ผลงานชนิ้ ท่ี 10 ช่ือผลงาน : อยากกนิ ปลา แนวความคิด : เกดิ จากในขณะน่งั ทางานแลว้ เกิดหิวอยากกินปลา ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
42 ภาพท่ี 4.36 ผลงานชนิ้ ท่ี 11 ชือ่ ผลงาน : สดุ สปั ดาห์ แนวความคดิ : เป็นความรูส้ กึ อารมณท์ ่รี ูส้ กึ ทงั้ ในระหว่างสปั ดาห์ ทมี่ า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
43 4.ขนั้ ตอนหลังการผลิตผลงาน (Post Production Stage) 4.1 นาเสนอผลงานศิลปะนิพนธส์ ่สู าธารณชน ทาการตดิ ต่งั ผลงานในสถานท่ไี ดก้ าหนด นาผลงานท่เี สรจ็ แลว้ ไปติดตงั้ สถานท่ีผใู้ ชง้ านตอ้ งการจะติดตงั้ ซ่งึ ผลงานท่ไี ดน้ นั้ ตรงตาม (Concept) ดงั นี้ ภาพที่ 4.38 นาเสนอผลงานศลิ ปะนพิ นธ์ คณบดีและอาจารยท์ ่เี ย่ยี มชมผลงาน ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ภาพที่ 4.39 นาเสนอผลงานศิลปะนิพนธส์ นู่ กั ศกึ ษาท่สี นใจผลงาน ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
44 4.2 การตรวจสอบ ทดสอบและสารวจความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ผลงาน แบบประเมินผลเพ่อื สอบถามความพงึ พอใจจากประชากรท่เี ป็นบรโิ ภค เป็นแบบสอบถามแบบ ประมาณค่าโดยกาหนดใหผ้ ตู้ อบเลือกตอบตามระดบั แตกตา่ งกนั ตามความพงึ พอใจงาน แบบสอบถามความพง่ึ พอใจชนิ้ งาน โครงการวิจยั เร่อื ง การออกแบบลวดลายภาพพมิ พแ์ กะไม้ ชดุ บนั ทกึ ประจาวนั สว่ นตวั ของผม ระดบั ความพงึ พอใจ รายละเอียดการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง มีความคิดสรา้ งสรรค์ในการสรา้ งผลงาน คิดไดแ้ ปลก ใหม่ ไมซ่ า้ ใคร เนอื้ หาเร่ืองราวของผลงานมคี วามเป็นเหตุ เป็นผล สามารถคิดและสรา้ งสรรค์ สามารถใชอ้ งคค์ วามรูท้ ่ีไดร้ บั ในชัน้ เรียนมาสรา้ งสรรค์ ผลงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม สามารถสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างสวยงาม เรียบรอ้ ย มี ความประณีตในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน มีความม่นั ใจในการทางาน กลา้ แสดงออกในส่ิงท่ีตนเอง คิด ใชอ้ ปุ กรณใ์ นการทางานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวมคะแนน ตารางท่ี 4.40 ตารางแสดงการประเมนิ ผลแบบสอบถามความพงึ พอใจชนิ้ งาน ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) ขอ้ เสนอแนะ . . . .
45 4.3 วเิ คราะหแ์ ละสรุปผลงาน ผลการวิจัยพบว่า 1.มีความคิดสรา้ งสรรคใ์ นการสรา้ งผลงาน คิดไดแ้ ปลกใหม่ ไม่ซา้ ใคร เนือ้ หาเรื่องราวของผลงานมีความ เป็นเหตเุ ป็นผล สามารถคิดและสรา้ งสรรค์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ ดมี าก คิดไดร้ อ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดี คดิ ไดร้ อ้ ยละ 16 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ พอใช้ คดิ ไดร้ อ้ ยละ 4 เปอรเ์ ซ็นต์ ภาพที่ 4.41 แบบสรุปประเมนิ 1 ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) 2. สามารถใชอ้ งคค์ วามรูท้ ่ไี ดร้ บั ในชนั้ เรยี นมาสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดีมาก คดิ ไดร้ อ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ ดี คิดไดร้ อ้ ยละ 12 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซ็นต์
46 ภาพท่ี 4.42 แบบสรุปประเมิน 2 ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) 3.สามารถสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างสวยงาม เรยี บรอ้ ย มคี วามประณีตในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดีมาก คดิ ไดร้ อ้ ยละ 84 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ ดี คิดไดร้ อ้ ยละ 12 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 4 เปอรเ์ ซ็นต์ ภาพท่ี 4.43 แบบสรุปประเมิน 3 ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566) 4.มีความม่นั ใจในการทางาน กลา้ แสดงออกในสิ่งท่ีตนเองคดิ ใชอ้ ปุ กรณใ์ นการทางานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดีมาก คิดไดร้ อ้ ยละ 84 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพง่ึ พอใจ ดี คดิ ไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซน็ ต์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซ็นต์ ภาพท่ี 4.44 แบบสรุปประเมิน 4 ท่มี า : (สมบตั ิ สถาผล 06/04/2566)
47 บทที่ 5 สรุป อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการวจิ ยั การศึกษาคน้ ควา้ นีท้ าใหท้ ราบถึงการศึกษาวิเคราะห์ สรา้ งสรรคผ์ ลงานแกะไม้ ชุด บนั ทกึ ประจาวัน สว่ นตวั ของผม จาววน 11 ชิน้ งาน วิธีการดาเนินการศึกษาคน้ คว้า จากการศกึ ษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ท่เี กี่ยวขอ้ งทาใหผ้ วู้ จิ ยั พบว่ากระบวนการออกแบบและ การผลิตตน้ แบบเหมือนจริงของวิจยั ในครงั้ นีจ้ าเป็นตอ้ งดาเนินงานตามวัตถุประสงคภ์ ายใตส้ มมตุ ิฐานท่ี กาหนดไว้ ซง่ึ กาหนดตามแผนของระบบงานวิจยั เป็น 4 ขนั้ ตอนหลกั คือ ขนั้ ตอนการวางแผนก่อนการผลิต ขนั้ ตอนการกาหนดแบบรา่ งทางความคิด ขนั้ ตอนการพฒั นาและการผลติ รวมไปถึงขนั้ ตอน ดงั นี้ 1.หลกั การผลิต 1.1 กาหนดสมมตุ ฐิ าน 1.2 ศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู จากเอกสาร 1.3 การศกึ ษาจากกรณีศกึ ษา 2. การกาาหนดแบบร่างทางความคดิ การพฒั นาแบบตามวัตถุประสงคแ์ ละสมมุติฐาน 2.1 การออกแบบโครงสรา้ งโดยออกแบบแนวความคิด 2.2. ภาพแบบรา่ งทางความคิด โดยออกแบบตามแนวความคดิ ท่ีวางไว้ 2.3 การปรบั ปรุงแกไ้ ขแบบจนไดร้ ูปแบบท่ถี ูกตอ้ งและเหมาะสม 3.ขั้นตอนการพัฒนาการผลติ งาน 3.1 วสั ดแุ ละปกรณ์ 3.2 ขนั้ ตอนของวธิ ีผลิตตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละสมมติฐานท่กี าหนด 4 ข้ันตอนหลังการผลติ งาน 4.1 นาเสนอผลงานศิลปะนิพนธส์ สาธารณชน 4.2 การวิเคราะหแ์ ละสรุปผลงาน 5. ประชาการในการวิจยั 5.1 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั เกษม ตกึ 28
48 5.2 จดั ทาเอกสารรูปเลน่ รวมงานสรุปผลการวิจยั 6. เครอื่ งมอื ในการวจิ ยั 6.1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครื่องมือในการรา่ งภาพ 6.2 อปุ กรณแ์ กะไม้ 6.3 แบบสอบถามความพง่ึ พอใจ 7. ระยะเวลาในการเกบ็ ขอ้ มลู 7.1 มกราคม-มนี าคม 2566 สรุปผลการวิจยั การวิจัยในครง้ั นีเ้ ป็นไปตามวัตถุประสงค์ และสมมติฐานท่ีตั้งเอาไว้ โดยการนาเอาเหตุการณ์ท่ี เกิดขนึ้ ในชวี ิตประจาวนั มาสรา้ งสรรคผ์ ลงานแกะไม้ ชดุ บนั ทกึ ประจาวนั ส่วนตวั ของผม การสรา้ งสรรคผ์ ล ซ่ึงมีเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ของผวู้ ิจยั จึงสามารถทาไดไ้ ม่ยาก ผูว้ ิจัยไดน้ าเอาเทคนิคต่างท่ีไดศ้ ึกษามาเป็น แนวทางตอ่ ยอดทางความคิด จนสามารถนามาสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดต้ รงตามสมมติฐานท่ไี ดต้ งั้ ไว้ ผลงานท่ีผู้วิจัยได้สร้างสรรค์ ออกมาในรูปแบบภาพพิมพ์แกะไม้ (WOOD-CUT) แม่พิมพ์นูน (RELIEF PROCESS) ใหผ้ ลออกมาในรูปแบบวิจติ รศิลป์ ศิลปะแบบนามธรรม (Abstract) มจี นิ ตนาการให้ เป็นภาพหรือรูปทรงท่ีประหลาด ท่ีคนท่ัวไปคาดไม่ถึง เป็นความคิดเพอ้ ฝัน รูปแบบของงานออกมามี เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตัวของผจู้ ัดทา มีความเรียบง่ายหรือบางครง้ั ดสู บั สนจนยากท่ีจะเขา้ ใจโดยมีการนาเอา องคป์ ระก่อบของศิลป์ อย่าง รูปร่าง รูปทรง เสน้ แสง สี เขา้ มาใชใ้ นผลงาน โดยเพราะ เสน้ แสงเงาน สี ท่ี ผจู้ ดั ทาวิจยั ไดส้ รา้ งสรรคข์ ึน้ มา สรา้ งความรูส้ ึกไดห้ ลายรูปแบบ เช่น ความหนาว ความรอ้ น ความสดช่ืน ความน่ากลวั ไม่จาเป็นจะตอ้ งแสดงออกเป็นภาพเหมือนจริง
49 อภปิ รายผลงาน จากการท่ีไดด้ าเนินการวิจยั สรา้ งสรรค์ผลงาน ชุด บนั ทึกประจาวนั สว่ นตัวของผม จานวน 11 ชิน้ ทาใหผ้ วู้ ิจยั ไดเ้ รียนรูเ้ ทคนิคต่างๆ ท่ีใชใ้ นการแกะไมม้ ากขึน้ ไดเ้ รียนรูจ้ ากขอ้ ผิด และนามาปรบั ปรุงพฒั นา ชิน้ งาน มีการศึกษาขอ้ มลู ความรูเ้ พ่ิมเติม เกี่ยวกบั 1.ภาพพิมพ์ ( Print)ความหมายของภาพพมิ พ,์ ประเภท ของภาพพิมพ,์ ประเภทของแม่พิมพ์ 2. องคป์ ระกอบศิลป์ ในงานศิลป์ เสน้ ,สี,ค่านา้ หนกั ,พืน้ ผิว 3.รูปแบบ ของงานวิจิตรศิลป์ ,ศิลปะแบบเหมือนจริง(Realistic),ศิลปะก่ึงนามธรรม (Semi Abstract)ศิลปะแบบ นามธรรม (Abstract) สรุปข้อมูลความรูเ้ พิ่มเติมท่ีศึกษาไดด้ ังนี้ ภาพพิมพ์ ( Print) ภาพพิมพ์ หมายถึงเคร่ืองมือหรือ ร่องรอยท่ีทาใหเ้ กิดขึน้ โดยวิธีการพิมพ์ ประทับรอย เสน้ รูปคน สตั ว์ และลักษณะรูปร่างต่าง ๆ จะตอ้ ง กระทาบนวตั ถุอนั หนึ่งก่อน แลว้ จึงกดใหไ้ ปติดประทบั รอยบนวสั ดหุ รือพืน้ รองรบั อีกอนั หน่ึง ประเภทของ ภาพพิมพ์ การพิมพแ์ บ่งออกไดห้ ลายประเภทตามลกั ษณะต่าง ดงั นี้ แบ่งตามจุดม่งุ หมายในการพมิ พ์ คือ 1.ศิลปะภาพพิมพ์ (GRAPHIC ART) เป็นงานพมิ พภ์ าพเพ่อื ใหเ้ กิดความสวยงามเป็นงานวจิ ติ รศิลป์ 2. ออกแบบภาพพิมพ์ ( GRAPHIC DESIGN ) เป็นงานพิมพภ์ าพประโยชนใ์ ชส้ อยนอกเหนือไปจากความ สวยงาม กรรมวธิ ีในการพมิ พม์ ี 2 ประเภท คอื 1.ภาพพิมพต์ น้ แบบ ( ORIGINAL PRINT) เป็นผลงานพิมพ์ ท่สี รา้ งจากแม่พมิ พแ์ ละวิธีการพิมพท์ ่ีถูก สรา้ งสรรคแ์ ละกาาหนดขนึ้ โดยศิลปินเจา้ ของผลงาน และเจา้ ของ ผลงาน จะตอ้ งลงนามรบั รอง ผลงานทุกชิน้ 2.ภาพพิมพจ์ ่าลองแบบ (REPRODUCTIVE PRINT) เป็น ผลงานพมิ พท์ ่สี รา้ งจากแมพ่ ิมพ์ ประเภทของแมพ่ มิ พ์ ได้ 4 ประเภทคือ1.แม่พิมพน์ นู (RELIEF PROCESS) 2.แม่พิมพร์ ่องลึก (INTAGLIO PROCESS) 3.แม่พิมพพ์ ืน้ ราบ ( PLANER PROCESS ) 4.แม่พิมพ์ฉลุ (STENCIL PROCESS) องคป์ ระกอบศิลป์ ในงานศิลป์ เสน้ สี ค่านา้ หนกั พืน้ ผิว มีความดงั ต่อไปนี้ เสน้ คือ รอ่ งรอยท่ีเกิดจาก เคล่ือนท่ีของจดุ หรือถา้ เรานาจุดมาวางเรียงต่อ ๆ กนั ไปก็จะเกิดเป็นเสน้ ขึน้ ลกั ษณะของเสน้ เสน้ ตงั้ หรือ เสน้ ด่ิง ใหค้ วามรูส้ ึกทางความสงู สง่า ม่นั คง แข็งแรง หนกั แน่น เป็นสญั ลกั ษณข์ องความช่ือตรง เสน้ นอน ให้ความรูส้ ึกทางความกวา้ ง สงบราบเรียบ น่ิง ผ่อนคลาย เสน้ เฉียง หรือ เส้นทแยงมุม ให้ความรูส้ ึก เคล่ือนไหว รวดเร็ว ไม่ม่นั คง เสน้ หยกั หรือ เส้นซิกแซก แบบฟันปลา ใหค้ วามรูส้ ึก คล่ือนไหว อย่างเป็น จงั หวะ มีระเบียบ ไม่ราบเรียบน่ากลวั อันตราย ขดั แยง้ ความรุนแรง 4. เสน้ โคง้ แบบคล่ืน ใหค้ วามรูส้ ึก เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ลื่นไหล ต่อเน่ือง สุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล เส้นโค้งแบบก้นหอย ให้ความรูส้ ึก
50 เคล่ือนไหว คลี่คลาย หรอื เตบิ โตในทิศทางท่ีหมนุ วนออกมา ถา้ มองเขา้ ไป จะเห็นพลงั ความเคลอ่ื นไหวท่ีไม่ สิน้ สดุ เสน้ โคง้ วงแคบใหค้ วามรูส้ ึกถึงพลงั ความเคล่ือนไหวท่รี ุนแรง การเปลี่ยนทิศทางท่ีรวดเร็ว ไม่หยดุ น่งิ เสน้ ประ ใหค้ วามรูส้ กึ ท่ไี ม่ตอ่ เน่ือง ขาดหาย ไม่ชดั เจน ทาใหเ้ กดิ ความเครียด สี คอื ลกั ษณะของแสงท่ีปรากฏแก่สายตาใหเ้ ห็นเป็นสี สคี ือ ทศั นธาตอุ ย่างหน่งึ ท่เี ป็นองคป์ ระกอบ สาคัญของงานศิลปะ และใช้ในการสร้างงานศิลปะโดยจะทา ให้ผลงานมีความสวยงาม ช่วยสร้าง บรรยากาศ มีความสมจริง เด่นชดั และน่าสนใจมากขึน้ สีเป็นองคป์ ระกอบ สาคญั อย่างหนึ่งของงานศิลปะ และเป็นองคป์ ระกอบท่มี อี ิทธิพลตอ่ ความรูส้ กึ อารมณ์ และจติ ใจ ไดม้ าก การใชใ้ นเชงิ สญั ลกั ษณ์ ค่านา้ หนกั คือ คา่ ความอ่อนแก่ของบรเิ วณท่ีถูกแสงสว่าง และบรเิ วณท่เี ป็นเงาของวตั ถุหรือ ความ อ่อน ความเขม้ ของสีหนึ่ง ๆ หรือหลายสี เชน่ สีแดง มีความเขม้ กว่าสีชมพู หรือ สแี ดงออ่ นกวา่ สีนา้ เงนิ เป็น ตน้ นอกจากนยี้ งั หมายถงึ ระดบั ความเขม้ ของแสงและระดบั ความมืดของเงา ซ่งึ ไอเรยี งจากมืดท่สี ดุ (สีดา) ไปจนถึง สว่างท่ีสดุ (สีขาว)นา้ หนักท่ีอยู่ระหว่างกลางจะเป็นสีเทา ซ่ึงมีตงั้ แต่เทาแก่ท่ีสดุ จนถึงเทาอ่อน ท่ีสดุ การใชค้ ่า นา้ หนกั จะทาใหภ้ าพดเู หมือนจริง และมีความกลมกลืน ถา้ ใชค้ ่านา้ หนกั หลาย ๆ ระดบั จะ ทาใหม้ ีความกลมกลืน มากย่ิงขึน้ และถา้ ใชค้ ่านา้ หนกั จานวนนอ้ ยท่ีแตกต่างกันมากจะทาใหเ้ กิด ความ แตกต่าง ความขดั แยง้ แสงและ เงา (Light & Shade) เป็นองคป์ ระกอบของศิลป์ ท่ีอย่คู ่กู ันแสง เม่อื สอ่ งกระ ทบ กบั วตั ถุ จะทาใหเ้ กิดเงา แสงและ เงา เป็นตวั กาหนดระดับของค่านา้ หนกั ความเขม้ ของเราจะขึน้ อยู่ กบั ความเขม้ ของแสง ในท่ที ่มี ีแสงสว่างมาก เงาจะเขม้ ขึน้ และในท่ที ่มี แี สงสวา่ งนอ้ ย เราจะไม่ชดั เจน ในท่ที ่ี ไมม่ แี สงสวา่ ง จะไมม่ ีเงา และเงาจะอย่ใู นทางตรง ขา้ มกบั แสงเสมอ ค่านา้ หนกั ของแสงและเงานท่เี กิดบน วตั ถุ สามารถจาแนกเป็นลกั ษณะท่ี ต่าง ๆ พืน้ ผิว หมายถึง ลักษณะของบริเวณผิวหนา้ ของสิ่งต่าง ๆ ท่ีเม่ือสมั ผัสแลว้ สามารถรบั รูไ้ ดว้ ่ามี ลกั ษณะ อย่างไร คือรูว้ ่า หยาบ ขรุขระ เรียบ มนั ดา้ น เนียน สาก เป็นตน้ ลกั ษณะท่ีสมั ผสั ไดข้ องพืน้ ผิว มี 2 ประเภท คือพืน้ ผิวท่ีสมั ผสั ไดด้ ว้ ยมือ หรือกายสมั ผสั เป็นลกั ษณะพืน้ ผิวท่ีเป็นอย่จู ริง ๆ ของ ผิวหนา้ ของ วสั ดุนนั้ ๆ ซ่ึงสามารถสมั ผัสไดจ้ ากงานประติมากรรม งานสถาปัตยกรรมและส่ิงประดิษฐ์อ่ืน ๆ พืน้ ผิวท่ี สมั ผสั ไดด้ ว้ ยสายตา จากการมองเหน็ แตไ่ ม่ใช่ลกั ษณะท่ีแทจ้ รงิ ของผวิ วสั ดนุ นั้ ๆ เชน่ การวาด ภาพกอ้ นหิน บนกระดาษ จะใหค้ วามรูส้ กึ เป็นกอ้ นหินแค่ มือสมั ผสั เป็นกระดาษ พืน้ ผิวลกั ษณะต่าง ๆ จะใหค้ วามรูส้ ึก ต่องานศิลปะท่ีแตกต่างกนั พืน้ ผิวหยาบจะ ใหค้ วามรูส้ ึกกระตนุ้ ประสาท หนกั แน่น ม่นั คง แข็งแรง ถาวร ในขณะท่ีผิวเรยี บ จะใหค้ วามรูส้ กึ เบา สบาย การใชล้ กั ษณะของพืน้ ผิวท่ี แตกต่างกนั เห็นไดช้ ดั เจนจากงาน
51 ประตมิ ากรรม และมากท่สี ดุ ในงานสถาปัตยกรรมซง่ึ มีการรวมเอาลกั ษณะ ตา่ ง ๆ กนั ของพนื้ ผวิ วสั ดหุ ลาย ๆ อย่าง เช่น อฐิ ไม้ โลหะ กระจก คอนกรีต หิน ซ่งึ มคี วามขดั แยง้ กนั แต่สถาปนิก ไดน้ ามาผสมกลมกลืนได้ อย่างเหมาะสม ลงตวั จนเกิดความสวยงาน รูปแบบของงานวิจิตรศิลป์ 1. ศิลปะแบบเหมือนจริง (Realistic) เป็นศิลปะท่ีไม่ตอ้ งใชค้ วามคิดท่ี สลบั ซบั ซอ้ นในการดภู าพ เน่ืองจากมีเนือ้ หาสาระท่ีปรากฏชัดเจน แต่ศิลปินและผชู้ มตอ้ งมีความรูใ้ นเรื่อง นนั้ ๆ ดว้ ยการพิจารณาก็ดูท่ีความงามท่ีเหมือนจริง ความถูกตอ้ งตามหลกั การเหมือนจริง เนือ้ หาสาระท่ี เป็นความจริง มีอารมณแ์ ละใหค้ วามรูส้ ึก 2ศิลปะก่ึงนามธรรม (Semi Abstract)เป็นศิลปะท่ีเร่ิมบิดเบือน ไปจากศิลปะแบบเหมือนจริง ดว้ ยการตดั ทอนรูปทรงของจริงใหอ้ ย่ใู นรูปแบบ เรียบง่าย แต่ยงั มีเคา้ โครงท่ี เหมือนจริงหลงเหลืออยู่ใหร้ ูว้ ่าเป็นรูปอะไร 3. ศิลปะแบบนามธรรม (Abstract)เป็นศิลปะทีไม่มีรูปของ ความจรงิ เหลืออยู่ เพราะถกู ตดั ทอนใหเ้ หลือแต่เสน้ -แสงท่กี อ่ ใหเ้ กิดความงามอารมณแ์ ละความรูส้ กึ ศิลปิน ตอ้ งใชจ้ ินตนาการสูง 4.ศิลปะแบบ (Cubism) นัน้ เกิดจากการท่ี ศิลปินไปเปล่ียนแปลงโครงสรา้ ง ทาง ศิลปะท่ีต่างออกไป จากแบบเก่าโดยสิน้ เชิง Cubism นนั้ ยากแก่การให้ คาจากดั ความ มนั ไม่ใช่ทฤษฎี ระบบ หรือแมแ้ ต่ รูปแบบอะไรเพียงแบบเดียว หากแต่ว่า ศิลปิน คิวบิสตไ์ ดพ้ ยายามคน้ ควา้ จากแนวทาง ในการ สรา้ งสรรค์ งานศิลปะ ท่ีแสดงใหเ้ ห็นวตั ถุธาตุโดยใหร้ ูส้ กึ ดว้ ยว่าภาพนนั้ ๆ ถกู สรา้ งขึน้ ดว้ ยสีบนผืน ผา้ ใบ ไม่ใชแ่ ค่เพียงทาเลยี นแบบวตั ถุ ใหต้ าเห็นเป็นจรงิ อย่างธรรมชาติ ผูว้ ิจยั ไดน้ าเอาแนวทางท่ไี ดศ้ กึ ษาตามขา้ งตน้ รวมไปถึงขอ้ เสนอแนะจากอาจารยท์ ่ีปรกึ ษามาปรบั ใช้ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานอย่างสมบรู ณแ์ บบตามวตั ถปุ ระสงค์ และสมมตฐิ านท่ีตงั้ เอาไว้ และสามารถนาไป แสดงผลงาน ชุด บนั ทึกประจาวนั สว่ นตวั ของผม จานวน 15 ชิน้ มีผสู้ นใจและประเมินผลงาน สรุปไดด้ งั นี้ 1.มีความคิดสรา้ งสรรคใ์ นการสรา้ งผลงาน คิดไดแ้ ปลกใหม่ ไม่ซา้ ใคร เนือ้ หาเร่ืองราวของผลงานมีความ เป็นเหตเุ ป็นผล สามารถคิดและสรา้ งสรรค์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดีมากคิดไดร้ อ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพ่ึงพอใจ ดี คิดไดร้ อ้ ยละ 16 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดับความพ่ึงพอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 4 เปอรเ์ ซ็นต์ 2. สามารถใชอ้ งคค์ วามรูท้ ่ีไดร้ บั ในชนั้ เรียนมาสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม ระดับความพ่ึง พอใจ ดีมาก คิดไดร้ อ้ ยละ 80 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดี คิดไดร้ อ้ ยละ 12 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความ พ่งึ พอใจ พอใช้ คดิ ไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซน็ ต์ 3.สามารถสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดอ้ ย่างสวยงาม เรียบรอ้ ย มคี วาม ประณีตในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานระดับความพ่ึงพอใจ ดีมาก คิดไดร้ อ้ ยละ 84 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดับความพ่ึง พอใจ ดี คดิ ไดร้ อ้ ยละ 12 เปอรเ์ ซ็นตร์ ะดบั ความพ่งึ พอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 4 เปอรเ์ ซ็นต์ 4.มีความม่นั ใจ
52 ในการทางาน กลา้ แสดงออกในสิ่งท่ีตนเองคิด ใชอ้ ุปกรณใ์ นการทางานไดอ้ ย่างเหมาะสมระดบั ความพ่งึ พอใจ ดมี าก คิดไดร้ อ้ ยละ 84 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ ดี คิดไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซ็นต์ ระดบั ความพ่งึ พอใจ พอใช้ คิดไดร้ อ้ ยละ 8 เปอรเ์ ซ็นต์
บรรณานุกรม ชลดู น่มิ เสมอ. (2534), องคป์ ระกอบศลิ ปะ, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์ ทานอง จันทิมา (2532) การออกแบบผลิตภัณฑ,์ พิมพค์ รงั้ ท่ี 1. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์ วฒั นา พานชิ ประเสรฐิ ศิลรตั นา. (2538). การออกแบบลวดลาย, พิมพค์ รง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ เอส. พรนิ้ ติง้ เฮา้ ส์ โอ. ประเสรฐิ ศรรี ตั นา (2525) ความเขา้ ใจในศลิ ปะ, กรุงเทพฯ : OS. PRINTING HOUSE CO.,LTD. สกนธ์ ภงู ามดี. (2545), จิตวิทยากับการออกแบบ, พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1.กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ วาดศิลป์ คู่มอื สอื่ อิเลก็ ทรอนิกส์ (ออนไลน)์ การพมิ พภ์ าพ. (17 กมุ ภาพนั ธ์ 2559). http://www.br.ac.th/CA/benjamasilp/art%206.html ภาพกรณีศึกษา.(04/05/2566). https://thematter.co/thinkers/tears-in-art\\ ภาพพิมพ.์ 10/04/2566 http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art3_1/lesson1/Page17.php องคป์ ระกอบศลิ ป์ ในงานศลิ ป์ .(04/05/2566). https://elfar.ssru.ac.th/nawaporn_sr/pluginfile.php ภาพพิมพ.์ 10/04/2566 http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art3_1/lesson1/Page17.php
ภาพผนวด
ภาพผนวด ภาพวันเปิ ดงานศิลป์ นิพนธ์ ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั จนั เกษม ตกึ 28 ภาพท่ี 1 ภาพนักศึกษาร่วมถ่ายภาพกับคณะอาจารยท์ เ่ี ข้าเย่ยี มชม งานศลิ ปนิพนธ์
ภาพท่ี 2 ภาพถ่ายผู้เข้าเย่ียมชม นศิลปนิพนธ์ ภาพท่ี 3 ภาพพถา่ ยคู่กับชิน้ งาน
ภาพท่ี 9 บตั รเชิญชมนิทรรศกาล ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏจนั เกษม ตกึ 28
ประวตั ิผวู้ จิ ยั ชื่อ นามสกลุ : นาย สมบตั ิ สถาผล วนั เดือนปี เกิด : 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ทอ่ี ยปู่ ัจจบุ นั : 27 ซ.ประชาช่นื นนทบุรี 8 ถ.ประชาช่ืน ต.บางเขน อ.เมืองนนทบรุ ี นนทบรุ ี 11000 E-Mail : [email protected] โทรศพั ทม์ อื ถอื : 0636391990 วุฒกิ ารศกึ ษา : ปรญิ ญาตรี ศลิ ปะศาตรบณั ฑิต คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ สาขาศิลปกรรม แขนงออกแบบประยกุ ตศ์ ลิ ป์ ประสบการณฝ์ ึ กงาน : โรงป้ันโรงป้ันมชั ฌมิ า
Search