1 รายงานผลการปฏบิ ตั ิงาน (Self report) ครูผสู้ อนยอดเยยี่ มมีผลงานดีเด่นทปี่ ระสบผลสำเรจ็ เพ่อื รบั รางวัลทรงคณุ คา่ สพฐ. (OBEC Awards) ประจำปกี ารศึกษา 2563 แบบประวัตคิ รผู ูส้ อนยอดเย่ียมท่เี สนอเพอ่ื รับการคัดเลอื ก 1. ช่ือ-สกลุ นายภาณุวฒั น์ ไร่นากิจ 2. วนั เดือน ปี เกิด วันท่ี 18 เดือนกนั ยายน พ.ศ. 2533 อายุ 30 ปี 3. สถานศึกษา โรงเรียนวิไลเกยี รติอุปถัมภ์ สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาแพร่ 4. ทอี่ ยู่ปัจจุบนั 91/4 หมู่3 ต.บ้านถ่นิ อ.เมอื งแพร่ จ.แพร่ 54000 5. ตำแหนง่ ปจั จุบนั ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย (ตำแหนง่ เลขที่ 1345) โรงเรียนวิไลเกียรติอปุ ถัมภ์ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ 6. โทรศพั ท์เคลือ่ นท่ี 0817244765 E – mail : [email protected] 7. ประวัตกิ ารศกึ ษา ตารางที่ 1 แสดงประวัติการศึกษา วฒุ ิการศึกษา วชิ าเอก/โทสาขา ปีทส่ี ำเร็จการศึกษา สถาบนั การศกึ ษา ศษ.บ. เกษตรกรรม/ พ.ศ.2558 คณะศกึ ษาศาสตร์ การสือ่ สารมวลชน สาขาวชิ าเกษตรกรรม มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
2 8. ประวัตกิ ารรับราชการ
3 ตารางที่ 2 แสดงประวัติการรับราชการ วนั -เดอื น-ปี ตำแหนง่ สอนช้ัน/ระดับ สถานทท่ี ำงาน 4 ม.ค. 2560 ครูผู้ชว่ ย ป.1-6 โรงเรยี นวัดชนิ วราราม (เจริญผลวิทยาเวศม์) 4 ม.ค. 2562 ครู คศ.1 สพป.ปทุมธานี เขต1 30 ต.ค. 2563 ครผู ูช้ ่วย ป.1-6 โรงเรยี นวดั ชินวราราม (เจริญผลวิทยาเวศม์) สพป.ปทุมธานี เขต1 ม.2-6 โรงเรียนโรงเรียนวไิ ลเกียรตอิ ุปถัมภ์ สพม.แพร่
4 9. ความรูค้ วามสามารถพเิ ศษ ข้าพเจา้ ได้รบั มอบหมายจากผบู้ รหิ ารโรงเรยี นให้สอนในระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1-6 ตั้งแตบ่ รรจุเข้า รับราชการ ปัจจุบันได้ย้ายและแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วย โรงเรียนโรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์ ได้รับการ ฝึกอบรมทักษะการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางด้านการงานอาชีพสำหรับนักเรียนประถมศึกษา จึงความ เช่ียวชาญในการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ สามารถถา่ ยทอดความร้เู ด็กไดผ้ ลเป็นอยา่ งดี และมคี วามสามารถ พเิ ศษในด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในกิจกรรมการเตรียมความพร้อมนักเรยี นสู่ศตวรรษท่ี 21 ของโรงเรียน มี การนำความรู้ไปใช้และอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน สอดแทรกปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง
5 1. คณุ สมบตั ิเบ้ืองตน้ เชิงประจกั ษ์ ข้าพเจ้านายภาณุวัฒน์ ไร่นากิจ ขอรับการประเมิน ครูผู้สอนยอดเยี่ยม ของสำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน (OBEC AWARDS) มคี ุณสมบตั เิ บื้องตน้ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ครูผู้ช่วย โรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศึกษาแพร่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 1.2 ปฏิบัตหิ นา้ ท่ใี นการจัดการเรยี นการสอน ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย (ตำแหนง่ เลขท่ี 1345) ตงั้ แต่ วนั ท่ี 4 มกราคม 2560 จนถึงปจั จบุ ัน เป็นเวลา 4 ปี 3 เดือน 1.3 ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย ตั้งแต่รับราชการมาแม้แต่คำว่ากล่าวตักเตือน ในการปฏิบัติ หน้าที่ครูได้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ด้วยความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ผเู้ รียน ให้เป็นคนดี คนเก่ง และมคี วามสขุ 1.4 มีความประพฤติในการครองตน ครองคน ครองงาน เป็นแบบอยา่ งทดี่ ีและยอมรบั ของบุคคลในวิขาชีพ และสงั คม 1.4.1 การครองตน (มีคุณธรรม) จรยิ ธรรมท่ีพึงประสงค์ 2.4.1.1 ในส่วนการครองตน ขา้ พเจา้ ข้าพเจ้าสำนึกอยู่เสมอวา่ ตนเองเปน็ ครูตอ้ งเป็นตัวอย่างท่ีดี ให้กับลูกศิษย์โดยยึดถือแนวปฏิบัติในจรรยาบรรณครู รักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหนา้ อบรม สั่งสอน ฝึกฝนสร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนสิ ยั ทถี่ ูกตอ้ งดีงามให้แกศ่ ษิ ย์อยา่ งเต็มความสามารถด้วยความบรสิ ทุ ธิใ์ จ สรา้ งขวัญและกำลังใจในโอกาส สำคัญต่าง ๆ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจาและจิตใจ ไม่กระทำตนให้เป็น ปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์ ไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็น อามสิ สินจ้างจากศษิ ยใ์ นการปฏิบตั ิหน้าทต่ี ามปกติ และไม่ใช้ให้ศิษย์กระทำการใดๆอันเปน็ การหาผลประโยชน์ ให้แก่ตนโดยชอบพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ใหท้ ันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู ช่วยเหลือ เกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์ ประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนา ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยได้นำมาเป็นแนวทางในการทำหน้าที่ครู โดยอบรมสั่งสอนลู กศิษย์ด้วยความ รบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี สอนเนือ้ หาความรูค้ วบค่ไู ปกบั คุณธรรม จรยิ ธรรมและทักษะชีวิตในดา้ นตา่ งๆ 1.4.2 การครองคน ( ทำงานรว่ มกับผูอ้ ่ืนได้ดี เป็นที่ยอมรับ รกั ใคร่ของศษิ ย์ ผรู้ ่วมงาน ) ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามหลักธรรมพรหมวิหาร 4 ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ข้าพเจา้ มคี ุณลักษณะประจำตวั ทแ่ี สดงถงึ การครองคน ดงั น้ี 1) มบี ุคลกิ ภาพดี (1) บุคลิกภาพเหมาะสมกับการเป็นครู แต่งกายสะอาดถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ กำหนด การวางตนถูกต้องตามกาลเทศะ ทำใหผ้ คู้ บหาสมาคมสบายใจไม่เห็นแก่ตวั เป็นคนมีเหตุผลมองโลกใน แงด่ ี ไม่ใช้อารมณ์ในแก้ไขปญั หา (2) อปุ นสิ ยั รา่ เริง แจ่มใส อ่อนน้อมถอ่ มตน (3) ไม่เคยเอาเปรียบผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมาปรับปรุงตนเองและในการ ปฏิบตั ิงานให้ดีย่ิงข้ึน (4) สร้างความคุ้นเคยกับผู้อื่นได้ง่าย เพราะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรืองานให้ หน้าที่จะประสบผลสำเร็จหรอื ไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตดิ ต่อประสานงานกับบุคคลอื่นอยู่เสมอ ตามปกติข้าพเจ้ามี มนุษย์สัมพันธ์อยู่แล้ว จึงสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทั้งในวงราชการ เพื่อนร่วมงาน ผู้ปกครองเด็ก ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผมู้ าตดิ ตอ่ ราชการ จงึ ทำใหง้ านส่วนตวั และงานราชการสำเร็จดว้ ยดี
6 2) มีมนุษยสมั พนั ธด์ ี (1) สร้างความคุ้นเคยกับผู้อื่นได้ง่าย เพราะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หรืองานในหน้าที่ จะสำเรจ็ หรือไม่นน้ั ขน้ึ อยู่กบั การติดต่อประสานงานกับบุคคลอ่นื เสมอ ตามปกตขิ า้ พเจา้ มมี นุษย์สัมพันธ์ จึงสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ท้งั ในวงราชการ เพื่อนร่วมงาน ผูป้ กครองเด็ก ผนู้ ำองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และผู้มาตดิ ตอ่ ราชการ จึงทำให้งานสว่ นตวั และงานราชการสำเรจ็ ด้วยดี (2) การใช้เหตุผลในการตดั สินใจ เมื่อมีปัญหาข้าพเจา้ จะปรึกษาผู้บังคับบญั ชาและเพ่อื น ร่วมงาน เป็นการตัดสินใจจากมติที่ประชุมเป็นหลักการปฏิบัติงาน ในขณะเดียวกันเพื่อนร่วมงานเมื่อมีปัญหา หรือผิดพลาดในการปฏิบัติงาน ข้าพเจ้าจะไม่ตำหนิ ในทางตรงกันข้าม ข้าพเจ้าได้ให้กำลังใจและช่วยเหลือ แก้ปญั หาด้วยเหตุผล ทำใหก้ ารปฏิบัตงิ านสำเร็จไปได้ด้วยดี (3) การยกย่องชมเชยผู้อื่น เมื่อบุคคลนั้นประพฤติตนได้ถูกต้องและประสบผลสำเร็จ ร้จู ักยกย่องชมเชยเพื่อนข้าราชการครูท่ีสง่ ผลงานเข้าประกวดเป็นครูดเี ด่นคุรุสภา เดก็ มีความประพฤติดี เรียน ดี เด็กทีแ่ ต่งกายสะอาดเรียบร้อย การครองเรอื นของคนในชุมชนทีป่ ระสบผลสำเรจ็ ข้าพเจา้ จงึ ได้รับคำยกย่อง ชมเชยกลับมา (4) การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสำเร็จ จากการปฏิบัติงานของข้าพเจ้าในบางครั้ง มีปัญหา เฉพาะหน้าต้องทำการแก้ไข โดยอาศัยความเช่ือมั่นในตนเอง ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ปัญหานั้นผ่านไปและทำความ เสียหายให้กับส่วนรวมโดยเด็ดขาด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนครูและ บคุ คลในชมุ ชนใหม้ สี ่วนร่วมในการปฏิบัตงิ านต่าง ๆ มากมาย 3) มีสัมพันธภาพในการทำงาน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ข้าพเจ้าใช้หลักกัลยาณมิตร และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ทุกกลุ่ม ทุกเพศ และทุกวัย จึงได้รับการยอมรับจากผู้บริหารโรงเรียน ผู้ร่วมงาน เด็ก ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป อีกทั้งมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีบุคลิกภาพที่ดี มีความสามารถประสานงาน มีเหตุผลสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ มีเทคนิคการพูด ชักชวน เสนอแนะ ให้กำลังใจ ทำงานร่วมกับผู้อื่นโดย สามารถวางตวั ในการเปน็ ผู้นำ ผู้ตาม และเปน็ ผ้ใู ห้ ผู้รบั ทด่ี ี มหี ลกั ในการทำงาน มีความบริสุทธย์ิ ตุ ิธรรมและ ทำงานอย่างโปร่งใส ปราศจากอคติ ยึดประโยชน์ของเดก็ และส่วนรวมเปน็ ที่ตั้ง จึงประสบความสำเร็จในการ ทำงานเป็นทีมได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สามารถเป็นแบบอย่าง ที่ดีได้และมีผลในการครองคน ดงั นี้ 1.4.2.1 ร่วมกิจกรรมกับผูร้ ว่ มงานในโรงเรียน 1) กิจกรรมสง่ เสริมคุณธรรมและจรยิ ธรรม ดว้ ยการสวดมนต์ไหว้พระ การทำบุญ ไหวพ้ ระ รบั ศีล ฟงั เทศนท์ ว่ี ัด การน่งั สมาธิ การทำสมดุ บนั ทึกความดี 2) กจิ กรรมสง่ เสริมระเบียบวนิ ัย ได้แก่ การเดินแถวเข้าชน้ั เรียน การลกุ การนั่ง 3) กจิ กรรมการปฐมนิเทศนักเรยี นใหม่ 4) กจิ กรรมวันไหว้ครู วนั ครู 5) กจิ กรรมวันภาษาไทยและวันสนุ ทรภู่ 6) กจิ กรรมรณรงคแ์ ละตอ่ ตา้ นยาเสพติดในสถานศึกษา 7) กิจกรรมการแขง่ ขันกฬี าสีในโรงเรียน กฬี ากลมุ่ ส่งเสริมประสิทธภิ าพ 8) กจิ กรรมวันสำคัญ เช่น วันเขา้ พรรษา วนั ลอยกระทง บญุ กฐิน 9) กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 10) กจิ กรรมทศั นศึกษาของนกั เรียน 11) กจิ กรรมวันวิทยาศาสตรแ์ ห่งชาติ
7 12) กจิ กรรมปจั ฉมิ นิเทศนักเรียน 13) กจิ กรรมเขา้ คา่ ยลกู เสือ-ยวุ กาชาด นอกจากการร่วมกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว ข้าพเจ้ายังมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมนอกโรงเรียน อาทิ เช่น การอบรม ศึกษาดูงาน การนำเสนอผลงาน การให้คำปรึกษาในการทำผลงานทางวิชาการของเพื่อนครู เช่น การเป็นครูพ่ีเลี้ยง เปน็ ผ้เู ชีย่ วชาญให้คำปรกึ ษาการทำผลงานทางวิชาการของเพือ่ นครู เปน็ ตน้ 1.4.2.2 จดั / ร่วมกิจกรรมตามระบบดูแลชว่ ยเหลอื เดก็ 1) การแก้ไขข้อบกพร่องของเด็ก ข้าพเจ้าศึกษาสาเหตุของปัญหาและจัดการ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะเด็กมีความแตกต่างระหว่างบุคคล บางคนมาจากครองครัวยากจนขาดแคลน ข้าพเจ้าแก้ปัญหา โดยร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาของโรงเรียนให้ หรือขอความ ร่วมมือจากชุมชนในการสนบั สนุนในการจดั หาทนุ การศึกษาใหก้ บั นักเรียนทเี่ รยี นดีแต่ยากจน 2) กจิ กรรมออกเย่ยี มบ้านเดก็ 3) จดั ทำเอกสารระบบดูแลช่วยเหลือเด็ก 4) การคดั เลือกเดก็ เข้ารับทนุ การศึกษาของโรงเรียน ภาคเรียนละ 1 คร้ัง 1.4.2.3 รว่ มกิจกรรมกับชุมชน 1) การตดิ ต่อประสานงานกบั ผู้ปกครอง 1.1) การประชุมพบผ้ปู กครองในวันปฐมนิเทศของนกั เรยี น ชแ้ี จงระเบียบ วนิ ยั ของโรงเรียน หลกั สูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล หลักเกณฑก์ ารเล่ือนชนั้ เรียน และการจบ การศึกษา ทำให้ผู้ปกครองพอใจและเข้าใจ ออกเยี่ยมเด็กและผู้ปกครองที่บ้านเด็กในชั้นที่สอนเพื่อทราบ ความเปน็ อยู่ทางบ้านเดก็ เปน็ รายบุคคล สร้างสมั พันธ์กันดีระหวา่ งผู้สอนกบั ผปู้ กครองเดก็ 1.2) การเชิญผู้นำชุมชนและบุคคลในชุมชนเปน็ วิทยากรให้ความร้แู กเ่ ดก็ 2) รว่ มกับคณะครูชว่ ยเหลอื งานศพ คารวะศพ สวดอภิธรรมและเผาศพ 3) เชิญผูป้ กครองพฒั นาและรว่ มงานกจิ กรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน 4) ผู้ปกครองร่วมมือแก้ไขความประพฤติของเด็ก ติดตามเด็กที่ขาดเรียนโดยไม่ ทราบสาเหตุ โดยตามไปสอบถามทีบ่ ้าน โทรศพั ทพ์ ดู คุยถงึ ปัญหา และรว่ มกนั หาทางแกไ้ ขตอ่ ไป 1.4.3 การครองงาน (รับผิดชอบ มุ่งมั่น ตั้งใจทำงานตามภารกิจ/ที่ได้รับมอบหมายอย่าง สร้างสรรค์ จนเกิดความสำเรจ็ ) ข้าพเจ้าเป็นผู้ใฝ่ศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ มีความตั้งใจ ปฏิบัติงานให้ได้รับความสำเร็จ สนใจและเอาใจใส่งานที่รับผิดชอบโดยการกำหนดนโยบาย การบริหารแบบ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ สนับสนุนช่วยเหลือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมี ประสิทธิภาพ ความรู้ ความสามารถ และความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน เป็นผู้มีความรู้และเข้าใจในหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ กฎ ข้อบังคับ มติ กฎหมาย และ นโยบายอยา่ งถ่องแท้ และมที กั ษะ ความสามารถในการนำความรู้ท่ี มีอยู่ไปใช้ในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี สามารถแก้ปัญหา ด้วยมีปฏิภาณ ไหวพริบ เป็นอย่างดี รักและชอบ งานทที่ ำอย่างเตม็ ใจ จริงใจและทุ่มเท 1.4.3.1 ไมเ่ คยขาดงาน ข้าพเจ้าปฏบิ ัติหน้าที่ราชการตามบทบาทและหน้าท่ีของครู อยา่ งเตม็ กำลงั ความสามารถมีศรัทธาและ ยดึ มัน่ ในอุดมการณ์แหง่ วิชาชพี ครูอุทศิ เวลาให้กับการอบรมสง่ั สอนเด็ก และไม่เคยขาดงานเลย
8 การประเมนิ ตัวช้ีวัดเฉพาะ ด้านนวตั กรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการเรยี นการสอนยอดเยยี่ ม การประเมินดา้ นนวัตกรรมและเทคโนโลยเี พื่อการเรยี นการสอนยอดเยยี่ มมี 2 ลักษณะ ดังนี้ ตวั ชีว้ ดั เฉพาะดา้ นนวตั กรรมและเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนการสอนยอดเยี่ยม จำนวน ๓ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบท่ี 1 คุณภาพ 1. คุณลักษณะของนวัตกรรม ข้าพเจ้าใช้การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-Learningเป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet)เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองผู้เรียนจะได้เรียนตาม ความสามารถและความสนใจของตนโดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความรูปภาพเสียงวิดีโอและ มัลติมีเดียอื่น ๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browserโดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติโดยอาศัย เครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย (e-mail, web-board, chat)จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน,เรียนได้ทุก เวลาและทกุ สถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime) คุณลักษณะของนวัตกรรมทางการศึกษา ข้าพเจ้านำแนวคิดวิธีการมาใช้ในการจัดการศึกษาเพ่ือ ส่งเสริมกจิ กรรมการเรียนการสอนให้มปี ระสิทธภิ าพยงิ่ ขึ้น มลี กั ษณะสำคัญ คือ 1. เป็นแนวความคิดที่ไม่ยังไม่มีการนำมาปฏิบัติในวงการศึกษาและอาจเป็นสิง่ ใหม่บางสว่ น หรือเปน็ สิง่ ใหม่ทั้งหมดซ่ึงใช้ได้ไม่ไดผ้ ลในอดีตซึ่งได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขนึ้ เชน่ การนำคอมพิวเตอร์มา ใช้ในการจดั การเรยี นรู้ 2. เป็นแนวความคิดหรือแนวทางปฏิบัติในลักษณะใหม่ซึ่งดัดแปลงจากแนวความคิดหรือ แนวทางปฏิบัติเดิมที่ปฏิบัติไม่ประสบความสำเร็จให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันแล ะ ก่อใหเ้ กดิ ความสำเรจ็ ได้ และมกี ารจัดระบบขั้นตอนการดำเนนิ งาน (System Approach) โดยการพิจารณา ขอ้ มูล กระบวนการ และผลลพั ธ์ ใหเ้ หมาะสมกอ่ นทำการเปล่ยี นแปลงนน้ั ๆ 3. เป็นแนวความคิดหรือแนวทางปฏิบัติซึ่งมีมาแต่เดิมและได้รับการปรับปรุงให้มีลักษณะ ทันสมยั และไดร้ บั การพสิ ูจนป์ ระสทิ ธภิ าพด้วยวธิ ีทางวทิ ยาศาสตรห์ รืออยรู่ ะหว่างการวจิ ยั 4. เป็นแนวความคดิ หรือแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับการเปลีย่ นแปลงของสภาพแวดลอ้ ม ซ่งึ เอื้ออำนวยใหเ้ กิดความสำเรจ็ ยิ่งขึน้ เชน่ การศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง
9 2. คณุ ภาพขององค์ประกอบในนวัตกรรม การเรยี นการสอนโดยผ่านระบบ e-learning น้นั ข้าพเจา้ คิดว่าเป็นทางเลือกทางการศึกษาอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตนสนใจได้ อีกทั้งยังมีอิสระในการเรียนโดยที่ผู้เรียนไม่จำเปน็ ต้องอยู่ แต่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้นผู้เรียนสามารถเรียนได้ในทุกสถานที่ตามที่ตนต้องการ เพราะในยุคปัจจุบันนั้น เทคโนโลยตี ่างๆมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ระบบเครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ นต็ สามารถเข้าถงึ ไดท้ วั่ ทุกมมุ โลก ดังน้ัน ไม่ว่าเราจะตรงสว่ นใดของโลก เราน้นั กส็ ามารถเขา้ ถึงการศกึ ษาได้ การตรวจสอบคณุ ภาพนวตั กรรม มกี ารหาความตรงเชงิ เนอ้ื หา (Content validity) ว่านวัตกรรมนั้น มีความเหมาะสม ถูกต้อง หรือสอดคล้องกับปัญหา เนื้อหา จุดประสงค์ วัยของนักเรียน หรือไม่ วิธีการ ตรวจสอบสามารถกระทำได้โดย ใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญ (Expert) หรือผู้ทรงคณุ วุฒิ หรอื ผมู้ ีประสบการณ์ในเรื่องน้ัน ๆ อย่างน้อยที่สุด 3 คน ได้อ่าน หรือตรวจสอบว่า สื่อ/นวัตกรรมนั้น ดี เหมาะสม ใช้ได้หรือไม่ สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์หรือตามเจตนาของผู้สร้างหรือไม่ขั้นตอนในการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งตัวชี้วัดคุณค่าของสื่อหรือ นวัตกรรม อยู่ที่เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นหลักว่ามีคุณภาพหรือไม่ ถ้าหากเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไม่มี คุณภาพ ผลสรุปที่ไดก้ ็เชื่อถือไม่ได้ ดงั น้นั ผวู้ ิจัยจะต้องคำนึงถึงการหาคุณภาพหรือการตรวจสอบคุณภาพของ ส่อื หรือนวตั กรรมซงึ่ สำหรับการหาคุณภาพของนวัตกรรมสามารถหาได้หลายวิธี แต่ในทน่ี จ้ี ะขอกล่าววิธีการหา ประสิทธิภาพ นำสื่อ/นวัตกรรมที่สร้างขึ้น พร้อมวัตถุประสงค์การวิจัย/ศึกษา พร้อมนิยามศัพท์และแบบ แสดงความคิดเห็น นำเสนอผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 คน ให้ท่านผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็น โดยใส่ เครื่องหมาย / ลงในช่องทางขวามือของรายการที่กำหนดว่ามีความเหมาะสม สอดคล้อง กับแนวทางการ แก้ปัญหาที่กำหนดไว้ในวตั ถุประสงค์การวจิ ยั หรือไม่ พร้อมกับเขียนข้อเสนอแนะขอ้ คิดเห็นที่เป็นประโยชน์ใน การวิจัยดว้ ย นำรายการที่ผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็นมาให้ค่าน้ำหนักคะแนน ถ้าเหมาะสม ได้ค่า น้ำหนัก +1 ถ้าไม่แน่ใจ ได้ค่าน้ำหนัก 0 และถ้าไม่เหมาะสม ได้ค่าน้ำหนัก –1 บันทึกค่าน้ำหนักคะแนนแต่ละ คน และทำการวเิ คราะหห์ าค่า IOC ค่า IOC ต้งั แต่ 0.5 ขนึ้ ไป ถอื ว่าใชไ้ ด้ การตรวจสอบคุณภาพสื่อ/นวัตกรรมบางอย่าง เมื่อผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะต้อง นำไปทดลองใช้ (Try-out) หรือนำไปให้นักเรียนที่เป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มที่ศึกษา ทำการตรวจสอบ เช่น ชุด การสอน บทเรียนสำเร็จรปู บทเรียนโปรแกรม ศูนย์การเรียน หนังสืออ่านประกอบ เป็นต้น ที่เรียกว่า เกณฑ์ ประสิทธภิ าพ (E1 /E2 ) E1 หมายถึง ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (ขณะทำงาน) E2 หมายถงึ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ เกณฑ์ประสิทธิภาพเป็นการกำหนดอัตราส่วนร้อยละระหว่าง E1 /E2 โดยกำหนด 75/75 หรือ 80/80 หรือ 90/90 การกำหนดเกณฑ์เทา่ ไร จะข้นึ อยกู่ บั ลักษณะหรือธรรมชาตขิ องเนื้อหาวิชา เช่น ถ้าเนื้อหา ประเภทความรู้ ความจำ กำหนดเกณฑ์ประสิทธภิ าพ 80/80 หรือ 90/90 ถ้าเนื้อหาประเภททกั ษะหรือเจตคติ กำหนดเกณฑ์ประสทิ ธภิ าพ 75/75
10 ขั้นตอนการตรวจสอบเกณฑป์ ระสิทธิภาพ 1.ทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่เรียกว่า แบบเดี่ยว (หนึ่งคน) หรือ 1:1 หมายถึง ทดลองใช้นวัตกรรมกับ นักเรียน 3 คน ที่ประกอบด้วย เก่ง ปานกลางและออ่ น อย่างละ 1 คน แล้วคำนวณหา E1 /E2 (ตามนัยที่ 1 หรอื 2) แลว้ นำมาปรบั ปรุง 2. ทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่เรียกว่าแบบกลุ่ม หรือ 1:10 หมายถึง ทดลองใช้นวัตกรรมกับนักเรียน ประมาณ 5-10 คน ที่ประกอบด้วย เก่ง ปานกลางและอ่อนคละกันไปในจำนวนเท่า ๆ กัน แล้วคำนวณหา E1/E2 (ตามนยั ที่ 1 หรอื 2) แล้วนำมาปรบั ปรงุ 3. ทดลองกับกลุม่ ใหญ่ท่ีเรียกว่าภาคสนาม หรอื 1 ห้องเรียน หมายถงึ ทดลองใช้นวัตกรรมกับนักเรียน 1 หอ้ งเรยี น แล้วคำนวณหาE1/E2 (ตามนัยที่ 1 หรือ 2) แลว้ นำผลการวเิ คราะห์เทียบกบั เกณฑ์ ถา้ ตำ่ กว่า เกณฑไ์ ม่เกินร้อยละ 2.5 ก็ยอมรบั ได้ การผลิตและของในการให้สื่อในการจัดการเรียนการสอนจะต้องมีขั้นตอนประเมินและจำเป็นในการ ตรวจสอบคุณภาพของสื่อซง่ึ กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (2545 : 21 ) ได้อธิบายหลกั การและเหตุผล ไว้ว่า การประเมนิ คุณภาพของสอ่ื น้ันบัญญตั ไิ วต้ ามมาตรา 64 แห่งพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ 2542 ดังนี้ “วิธีจะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรียน ตำราเรียน หนังสือทางวิชาการ สื่อ สิง่ พิมพ์อื่น ๆ วสั ดุ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีการศึกษา ประกอบกบั ตามความในมาตรา 65 กล่าวว่า “ให้ มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีการศกึ ษา การศึกษาเพื่อให้มีความรู้ความสามารถและ ทกั ษะในการผลิต รวมท้ังเทคโนโลยที ี่เหมาะสมมีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งประโยชนข์ องการเรียนการสอนผ่านระบบ e-learning มดี ังน้ี 1. ยดื หยุน่ ในการปรบั เปล่ียนเน้อื หา และ สะดวกในการเรียน การเรียนการสอนผา่ นระบบ e-Learning น้ันง่ายตอ่ การแก้ไขเนอื้ หา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะ สามารถกระทำได้ตามใจของผู้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนผี้ ูเ้ รียนก็สามารถเรียนโดยไม่จำกัดเวลา และสถานท่ี 2. เขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรยี น อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรยี นการ สอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่าย อินเตอร์เนต็ กระทำได้ง่ายข้ึนมาก และยงั มีคา่ เชอื่ มตอ่ อินเตอรเ์ น็ตทีม่ รี าคาตำ่ ลงมากวา่ แต่ก่อนอีกดว้ ย 3.ปรับปรงุ ให้ทนั สมยั ได้ง่าย เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การ แกไ้ ขข้อมลู และการปรบั ปรุงขอ้ มลู จงึ ทำได้ทนั เวลาด้วยความรวดเรว็ 4 .มีอสิ ระในการเลือกเรียน การเรียนโดยผ่านระบบ E-learning นั้นเราสามารถ เลือกเรียนในสิ่งที่ตนสนใจ และยังสามารถเลือก อาจารยผ์ ู้สอนไดห้ ลายท่านอีกดว้ ย ดังน้ันการเรยี นนี้ จงึ มีความอิสระต่อผู้เรียนแต่ก็มีข้อจำกดั ในบางเรื่อง เช่น เร่ืองของเวลา เป็นต้น
11 3. การออกแบบนวัตกรรม การออกแบบนวตั กรรมของข้าพเจ้า มแี นวคิดทฤษฎีรองรับอยา่ งสมเหตุสมผล สามารถอ้างองิ ได้ ดังน้ี กิดานันท์ มลิทอง (2543 : 245) ได้กล่าวไว้ว่า นวัตกรรม เป็นแนวความคิด การปฏิบัติหรือ สิง่ ประดษิ ฐ์ใหม่ ๆ ทย่ี งั ไม่เคยมีใช้มาก่อนหรือเปน็ การพัฒนาดดั แปลงจากของเดิมท่ีมอี ยู่แล้วให้ทันสมัยและใช้ ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำนวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นไดผ้ ลดีมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทง้ั ยงั ชว่ ยประหยดั เวลาและแรงงานได้ด้วย เคนเนท (Kencth,1955 : 128 ) กล่าวว่า เทคโนโลยีทางการศึกษา หมายถึง การนำความรู้ทาง วิทยาศาสตร์มาใช้สำหรับการเรียนการสอน เพื่อช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้หลักการทาง วิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาผลิตอุปกรณ์ เครื่องมือ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ นำมาใช้เป็นอุปกรณ์การเรยี นการสอน ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพมากยง่ิ ขึ้น หลักการ/ทฤษฎี/วธิ กี าร/แนวคิดทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับนวตั กรรมและเทคโนโลยกี ารศกึ ษา ประกอบดว้ ย 1.หลกั การและทฤษฎที างจิตวทิ ยาการศึกษา 1.1 ทฤษฎีการเรียนรู้ ได้มาจาก 2 กลุม่ ใหญ่ คือ กล่มุ พฤติกรรมและกลมุ่ ความรู้ 1.2 ทฤษฎีความแตกต่างระหว่างบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพสังคมและวัฒนธรรม ทำให้มีพฤติกรรมท่ี ออกมาแตกต่างกนั 1.3 ทฤษฎกี ารพฒั นาการ ประกอบด้วย ทฤษฎขี องเปียเจท์ บรนู เนอร์ อิริคสัน กีเซล 2. ทฤษฎีการสื่อสาร รศ.ดร.สาโรช โศภี ได้กล่าวว่า การสื่อสาร (communication ) คือกระบวนการ แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารระหว่างบุคคลต่อบุคลหรือบุคคลต่อกลุ่ม โดยใช้สัญญลักษณ์ สัญญาน หรือ พฤติกรรมทีเ่ ขา้ ใจกัน ซ่งึ ประกอบด้วย ผู้ส่งสาร ข้อมูล ข่าวสาร สื่อ และผูร้ บั สอื่ 3. ทฤษฎีระบบ จัดเป็นสาขาวิชาเกิดขึ้นช่วงปลายทศวรรษที่ 20 ทฤษฎีระบบเป็นสาขาวิชาที่พัฒนาขึ้นโดย อาศัยแนวความคิดหลายสาขา โดยทำแนวคิดจากหลายสาขาวิชามาประยกุ ต์ผสมผสานสร้างเป็นทฤษฎีระบบ ขึ้นมา 4. ทฤษฎีการเผยแพร่ กฤษมันท์ วัฒนาณรงค์(2550: หน้า 32-41) กล่าวว่า ทฤษฎีการเผยแพร่นั้น เกิดจาก การผสมผสานทฤษฎหี ลักการและความรคู้ วามจริงจากหลายสาขาวชิ าทม่ี ีศาสตร์เก่ยี วข้องกบั การเผยแพร่ แต่ละศาสตร์ก็จะมีส่วนประกอบเฉพาะในส่วนที่เป็นนวัตกรรมของศาสตร์นั้นๆ ผลจากการรวบรวม กระบวนการวิธีการและทฤษกี ารเผยแพรข่ องศาสตรต์ ่างๆนำไปสกู่ ารสร้างทฤษฎกี ารเผยแพร่ขนึ้ ข้าพเจา้ มแี นวคิดทฤษฎที ่ีระบุความเป็นไปไดใ้ นการพฒั นานวตั กรรมใหส้ ัมฤทธิ์ผล คือ ทฤษฎกี ารจัดการนวัตกรรม(P1/W4) ทฤษฎีนวตั กรรมการพฒั นาทฤษฎเี ก่ียวกับการจดั การนวตั กรรมสามารถอธบิ ายได้จากการเพ่ิมขน้ึ ของ ความสำคญั ในเร่ืององค์ประกอบทางสังคมในการอธบิ ายกระบวนการนวตั กรรม ซ่ึงแตเ่ ดิมนวตั กรรมมักจะถูก จดั ใหเ้ ป็นเร่ืองทสี่ ัมพันธ์กับรปู แบบทจ่ี ับตอ้ งได้
12 1. ความต้องการของตลาด 2. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. เครือข่ายทางสังคม ทฤษฎีเชงิ เสน้ …TRIZ (Theory of Inventive Problem Solving) ทฤษฎีการแก้ปัญหาเชิงประดษิ ฐ์คิดค้น TRIZ เป็นหลักการในการคิดค้น และออกแบบประดิษฐกรรมสำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบในทาง อุตสาหกรรม ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานสูงสุด หรือเพิ่มความเป็นอุดมคติ (Ideality) และลดทรัพยากรที่ต้อง ใช้ (Resources) ซึ่งจะมีข้อจำกัดของความขัดแย้งกัน (Contradiction) ของตัวแปรต่าง ๆ กล่าวคือ ของสิ่ง หน่ึงน้นั เม่ือเราพยายามท่ีจะเพิ่มคุณสมบัตหิ น่ึง ก็มักมผี ลในทางตรงกนั ขา้ มกับอีกคณุ สมบตั หิ นึ่ง เช่น ต้องการ ฝาขวดที่เปิดได้สะดวก แต่ไม่ต้องการให้มันเปิดได้เองง่ายเกินไป ต้องการระบบที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย แต่ให้มี
13 ความปลอดภัยต่อการโจรกรรมข้อมูล ต้องการความแข็งแรง แต่ต้องการความเบา ใช้วัสดุน้อยที่สุด หรือ ตอ้ งการออกแบบกลอ่ งท่ที ำใหพ้ ซิ ซ่ารอ้ นสำหรับลูกคา้ แต่เย็นสำหรับเดก็ สง่ พิซซ่า เป็นต้น ทฤษฎี Schumpeter (ทำลายลา้ งอย่างสรา้ งสรรค์) เป็นค้นคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ก็คือ การทำลายสิ่งที่สร้างสรรค์ ซึ่งมีการคิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อที่จะ ทำลายสิ่งท่ีมีอยู่เดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อสรา้ งกำไรเพิม่ ขึ้นให้กับองค์กร การสร้างความได้เปรียบในการแขง่ ขนั ดว้ ยกลยุทธ์นวตั กรรม ทฤษฎี Clayton Chistensen (ผ่าเหลา่ ผา่ กอ) ทฤษฎแี บบผา่ เหล่าผ่ากอ เปน็ นวตั กรรมเทคโนโลยสี ินคา้ หรือบริการ ท่ีสามารถทจี่ ะล้มล้างเทคโนโลยี สินค้าหรือบริการที่มีอยู่เดิมในตลาด แนวคิดของ Disruptive Innovation แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื – Lower-end Disruption Innovation และ- New-market Disruption Innovation 1. “Low-end Disruption” เป็นการเปลี่ยนแปลงตลาดที่มีอยู่แล้ว โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทีใช้งานง่าย กว่าเดิม (Simpler) ราคาที่ถูกลงกว่าเดิม (Cheaper) แต่อาจจะมีความสามารถหรือคุณภาพที่ลดลง (Inferior Quality) Low-end Disruption จะเกิดขึ้นได้ เมื่อผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีอยู่ในตลาด ต่างก็มี ความสามารถและ คุณลักษณะ เกินกว่าความต้องการของผู้ใช้บางกลุ่ม บริษัทอาจจะลดความสามารถของสินค้าที่เกินความ ต้องการออกไปและทำราคาให้ถูกลงหรืออาจจะสรุปสั้นๆได้ว่า ลด value บางอย่าง เพิ่ม value บางอย่าง ใหก้ ับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ 2. “New-market Disruption” เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าที่มีอยู่ใน ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการทยี่ ังไมม่ คี ู่แข่งรายใดตอบมาสนอง ทฤษฏี Roger (การแพร่กระจาย) ทฤษฎีนี้เน้นความเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงสังคมและวัฒนธรรมเกิดขึ้นจากการแพร่กระจายของสิ่ง ใหม่ๆ จากสังคมหนึ่งไปยังอีกสังคมหนึ่งและสังคมนั้นรับเข้าไปใช้สิ่งใหม่ๆ นี้ คือ นวัตกรรม ซึ่งเป็นทั้งความรู้ ความคดิ เทคนิควิธกี าร และเทคโนโลยีใหมๆ่
14 แนวความคิดทฤษฏขี อง Roger ไดแ้ บง่ กลมุ่ คนในสังคมที่จะยอมรบั การแพร่กระจายทางเทคโนโลยีไว้ ดงั น้ี 1. นวัตกร นักนวัตกรรม หรือนักบุกเบิก (innovator) คนเหล่านี้จะชอบการผจญภัย รักและ เสาะแสวงหาความคิด หรือสิ่งใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ชอบสุ่มเสี่ยง ชอบแสวงหา ข้อมูล และส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีอันจะกิน ที่จะสามารถนำสิ่งที่เป็นนวัตกรรมไปสู่สาธารณะ และสามารถ ยอมรับการขาดทุนหรือสูญเสยี ได้ ยอมรบั ความไม่แน่นอนไดส้ ูง เม่อื มีการนำเอสนวัตกรรมมาใช้ พวกเขาจะ มีความคิดไมเ่ หมือนสมาชกิ ส่วนใหญ่ของสังคมที่อาศยั อยู่ ไมต่ ดิ อยใู่ นเฉพาะกลุ่มเพือ่ นๆในท้องถ่นิ เท่านั้น แต่ จะขยายเครือข่ายไปในหลายๆทิศทางเกินขอบเขตชุมชนของตนเอง คนในชุมชนจะมองเขาเหล่านี้ว่าไม่ปกติ ธรรมดา บางทีจะมองว่าเป็นคนแปลกๆด้วยซ้ำ ดังนั้นคนเหล่านี้มักจะไม่เป็นแบบอย่างสำหรับคนอื่นๆใน ชุมชน คนจำพวกนจ้ี ะเป็นคนสว่ นน้อยในสงั คม ซึง่ จะมปี ระมาณ 2.5% เทา่ นนั้ 2. คนที่ปรับใช้นวัตกรรมกลุ่มแรกๆ (early adopters) คนกลุ่มนี้จะมีความคิดที่ทันสมัยและมี ความกระตือรือร้นที่จะนำเอาสิ่งใหม่ๆเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน คนกลุ่มนี้มักจะมีรากฐานที่มั่นคง และเป็น คนท่ีนบั ถอื สำหรับคนในชมุ ชน จะเป็นบุคคลกลุ่มแนวหน้าในการเปลยี่ นแปลงหรอื ยอมรับส่ิงใหมๆ่ แต่กจ็ ะไม่ รวดเร็วเหมือนกลุ่มนักบุกเบิก(innovator) คนกลุ่มนี้มักได้รับการเรียกขานว่าเป็น “ผู้นำทางความคิด (opinion leader)” โดยปกติแล้วกลุ่มผู้นำทางความคิดจะเป็นแบบอย่างและเปน็ ที่นับถือแก่คนในสังคม คน อ่ืนๆในสังคมมักจะมาหาข้อมลู จากคนกลุ่มนี้ก่อนท่จี ะยอมรับและนำสิ่งใหม่ๆมาใช้ คนท่ปี รับใชน้ วตั กรรมกลุ่ม แรกๆ(early adopters) จะลดความเสีย่ งโดยการนำเอาสิ่งใหม่ๆ ใชด้ ว้ ยตนเอง และพดู คุยให้คนอื่นๆฟังว่า เขาคิดอย่างไรกับสิ่งนั้น คนกลุ่มนี้มักจะมีเครือข่ายของคนรู้จักมาก ซึ่งจะทำฐานะของการเป็นแบบอย่างแก่ คนอื่นของเขา แผ่ไปได้กว้างขวาง เครือข่ายทางสังคมของคนเหล่านี้ก็ขยายไปกว้างกว่าขอบเขตท้อง ถนิ่ ท่ีอาศยั อยู่ เปน็ ท่ีสังเกตวา่ คนกล่มุ น้ีมักจะมีการศึกษา มีฐานะดี มีหน้าทก่ี ารงานดี และฐานะทางสังคม ทด่ี ีขนึ้ มากกวา่ พวกท่มี ักจะมีการยอมรบั สง่ิ ใหม่ๆ พวกหลงั ๆ คนกลมุ่ นจ้ี ะมีประมาณ 13.5% ในสงั คม 3. คนส่วนใหญ่ที่ยอมรับและใช้สิ่งใหม่ๆ ในระยะต้นๆ (early majority) คนกลุ่มนี้จะยอมรับ และใช้ส่ิงใหมๆ่ กอ่ นคนอืน่ ๆของสังคมเพยี งเล็กน้อย พวกเขาจะใชเ้ วลาคิดเก่ียวกับส่งิ ใหมๆ่ นก้ี ่อนที่จะตัดสินใจ นำมาใช้ พวกเขาไม่ต้องการเป็นกลุ่มสุดท้าย และในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเป็นกลุ่มแรกที่นำสิ่งใหม่ๆมา ใช้ ส่วนมากพวกเขาจะตามความคิดของคนที่ปรับใช้นวัตกรรมกลุ่มแรกๆ(early adopters) พวกเขาจะมี ปฏิสัมพันธ์กบั สมาชิกในสังคมบ่อย แต่ก็จะไม่แสดงว่าเป็นผู้นำทางความคิด คนพวกนี้จะมีมากในสงั คม คือ ประมาณ 34% 4. คนส่วนใหญ่ที่ยอมรับและใช้สิ่งใหม่ๆในระยะหลังๆ (late majority) พวกเขาจะเป็นกลุ่มคน ท่มี ีความไม่แน่ใจหรือสงสัยในส่ิงใหม่ๆและนำมาใช้หลังจากท่ีคนโดยเฉลยี่ ในสังคมได้นำสิ่งใหม่น้มี าใช้แล้ว คน กลมุ่ น้ีมกั ไดร้ ับการชกั จงู จากเพ่ือนฝูง คนใกลช้ ดิ หรอื ความจำเปน็ ทางด้านเศรษฐกิจ จะเป็นตัวการสำคัญใน การชักจูงให้เขาทำสิ่งใหม่ๆไปใช้ คนกลุ่มนี้จะรอจนกว่าสิ่งใหม่ๆนั้นได้กลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม เสียก่อน เขาจึงได้ตดั สนิ ใจนำไปใช้ คนกลุม่ นม้ี ักจะเปน็ กลุ่มคนท่ีไม่ค่อยมฐี านะ และจะไม่นำเอาส่ิงใหม่มาใช้
15 จนกว่าจะแน่ใจว่าหากนำมาใช้แล้วจะคุ้มค่า กลุ่มนี้จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมเช่นกัน คือจะมีประมาณ 34% 5. พวกล้าหลัง (laggards) คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มหัวโบราณในสังคม พวกเขาจะยอมรับการ เปลี่ยนแปลงได้ช้า และจะนำสิ่งใหม่ๆไปใช้เป็นกลุ่มสุดท้าย เขาจะให้ความสนใจต่อความคิดคนอื่นน้อย มาก คนกลุ่มนี้มักจะเป็นกลมุ่ คนทีย่ ากจน และมกั จะมคี วามรสู้ ึกวา่ เขาไม่สามารถที่จะเสยี่ งต่อการใช้สิ่งใหม่ๆ ได้ เขาจะใชส้ งิ่ เก่าๆที่เคยใช้ได้ผลเป็นบรรทัดฐานและลังเลท่จี ะเปล่ียนแปลง ส่วนใหญค่ นเหล่าน้ีจะติดต่อคบ หากับคนที่อยู่ในฐานะหรือสภาวะเดียวกันเท่านั้น เขาจะมีความสงสัยในคนที่ส่งเสริมสิ่งใหม่ๆหรือความคิด ใหม่ๆ พวกล้าหลังนจี้ ะมปี ระมาณ 16% ในสังคม ทฤษฎี (Moore Chasm) หุบเหวของนวัตกรรม ทฤษฎี the chasm หรือ “ทฤษฎีหุบเหวแหง่ การดับของนวัตกรรม” เป็นทฤษฎีของ Roger และ เกิดเป็นทฤษฏีต่อยอดโดย G.A. Moor เป็นทฤษฎี The Chasm อันโด่งดังของ G.A. Moore (1995, P 19,) หรอื ทฤษฎี “หุบเหวแห่งการดบั ของนวัตกรรม” ทฤษฎีหุบเหวแห่งการดบั ของนวัตกรรม มีรายละเอียดดังนี้คือ -ทฤษฎีของ โรเจอร์ นน้ั การเริ่มยอมรับนวตั กรรมจะเกดิ ขน้ึ (Birth) -เม่อื หลังจากผ่านสถานะแรกหรือผา่ นคนกลุ่มแรก (Innovators) หรอื คอื การไดร้ บั การยอมรับจากนัก ประดิษฐ์นวัตกรรมหรือผู้ชอบติดตามเทคโนโลยีใหม่จำนวนหนึ่ง ทดสอบทดลองจนสิ้นสงสัยและยอมรับ เทคโนโลยีนั้นแล้ว ถดั ไปก็จะเกิดการยอมรับของกลุ่ม Early Adopters และ Early Majority ไดง้ ่ายขน้ึ -แต่ มัวร์ ได้ให้ความสำคัญตอ่ การยอมรบั นวตั กรรมในกลมุ่ Early Adopters อยา่ งมากที่สุด และกลุ่ม นม้ี ีความสำคญั อยา่ งยิ่งว่านวตั กรรมน้นั จะมีอยู่หรือดับไปในสังคม มวั ร์ จึงเปรยี บวา่ ในคนกลมุ่ น้จี ะมี “หบุ เหว” ซึ่งคอยดักนวัตกรรมใดๆ ว่าจะอยู่หรือดับไป และนวัตกรรมใดๆ จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง Early Adopter กับ ผ้ผู ลิตจนกว่านวตั กรรมน้ันๆ จะตรงกับอุปสงค์ในสังคมจนเกิดการยอมรับในทสี่ ดุ หากนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี โทรคมนาคมใดผา่ นหุบเหวน้ไี ปได้
16 กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้โครงงานเปน็ ฐาน (Project-Based Learning ) แนวคิดที่ 1 ข้นั การจัดการเรยี นรู้ ตาม รปู แบบจกั รยานแหง่ การเรยี นรู้ แนวคิดนี้ มีความเชื่อว่า หากต้องการให้การเรียนรู้มีพลังและฝังในตัวผู้เรียนได้ ต้องเป็นการ เรียนรูท้ ่ีเรยี นโดยการลงมือทำเปน็ โครงงาน มีการรว่ มมือกนั ทำเปน็ ทีม และทำกบั ปญั หาที่มอี ยใู่ นชวี ติ ดงั รปู โมเดล จกั รยานแหง่ การเรยี นรแู้ บบ PBL 1. Define คือ ขั้นตอนการระบุปัญหา ขอบข่าย ประเด็นที่จะทำโครงงาน เป็นการสร้างความ เข้าใจระหว่างสมาชิกของทีมงานร่วมกับครู เกี่ยวกับ คำถาม ปัญหา ประเด็น ความท้าทายของโครงงานคือ อะไร และเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรียนรูอ้ ะไร 2. Plan คือ การวางแผนการทำโครงงาน ครูกต็ ้องวางแผนในการทำหน้าที่โค้ช รวมทง้ั เตรียม เครื่องอำนวยความสะดวกในการทำโครงงานของผู้เรียน เตรียมคำถามเพื่อกระตุ้นให้คิดถึงประเด็นสำคัญ บางประเด็นที่ผู้เรียนอาจมองข้าม โดยถือหลักว่า ครูต้องไม่เข้าไปช่วยเหลือจนทีมงานขาดโอกาสคิดเอง แก้ปัญหาเอง ผู้เรียนที่เป็นทีมงานก็ต้องวางแผนงานของตน แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ การประชุมพบปะ ระหว่างทีมงาน การแลกเปลี่ยนข้อค้นพบแลกเปลี่ยนคำถาม แลกเปลี่ยนวิธีการ ยิ่งทำความเข้าใจร่วมกันไว้ ชัดเจนเพียงใด งานในขัน้ ตอ่ ไป (Do) กจ็ ะสะดวกเลอ่ื นไหลดีเพยี งน้ัน 3. Do คือ การลงมือทำ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ทักษะในการแก้ปัญหา การประสานงาน การทำงาน รว่ มกนั เปน็ ทมี การจัดการความขดั แย้ง ทักษะในการทำงานภายใต้ทรัพยากรจำกัด ทักษะในการค้นหาความรู้ เพิ่มเติม ทักษะในการทำงานในสภาพที่ทีมงานมีความแตกต่างหลากหลาย ทักษะการทำงานในสภาพกดดัน ทกั ษะในการบนั ทกึ ผลงาน ทกั ษะในการวเิ คราะห์ผล และแลกเปลยี่ นข้อวเิ คราะห์กบั เพื่อนร่วมทีม เป็นตน้ ในขั้นตอน Do นี้ ครูจะได้มีโอกาสสงั เกตทำความรู้จักและเข้าใจผู้เรียนป็นรายคน และเรียนรู้หรือฝกึ ทำหนา้ ท่ีเปน็ ผ้ดู ูแล สนบั สนนุ กำกับ และโค้ชดว้ ย 4. Review คือ ผู้เรียนเรียนจะทบทวนการเรียนรู้ ว่าโครงงานได้ผลตามความมุ่งหมายหรือไม่รวมถึง ทบทวนว่างานหรือกิจกรรม หรือพฤติกรรมแต่ละขั้นตอนได้ให้บทเรียนอะไรบ้าง ทั้งขั้นตอนที่เป็นความสำเร็จ และความลม้ เหลว เพ่อื นำมาทำความเข้าใจ และกำหนดวิธที ำงานใหม่ที่ถกู ต้องเหมาะสมรวมท้ังเอาเหตุการณ์
17 ระทึกใจ หรือเหตุการณ์ท่ีภาคภมู ิใจ ประทับใจ มาแลกเปลีย่ นเรียนรู้กนั ขั้นตอนนี้เป็นการเรียนรูแ้ บบทบทวน ไตรต่ รอง (reflection) หรอื เรยี กว่า AAR (After Action Review) 5. Presentation ผู้เรียนนำเสนอโครงงานต่อชั้นเรียน เป็นขั้นตอนที่ให้การเรียนรู้ทักษะอีกชุดหนึ่ง ต่อเนื่องกับข้ันตอน Review เป็นขั้นตอนทีท่ ำให้เกิดการทบทวนข้ันตอนของงานและการเรียนรูท้ ีเ่ กดิ ขึ้นอย่าง เข้มข้น แล้วเอามานำเสนอในรูปแบบที่เร้าใจ ให้อารมณ์และให้ความรู้ ทีมงานอาจสร้างนวัตกรรมในการ นำเสนอกไ็ ด้ โดยอาจเขยี นเปน็ รายงาน และนำเสนอเป็นการรายงานหน้าชนั้ มสี ่ือประกอบ หรือจัดทำวีดิทัศน์ นำเสนอ หรอื นำเสนอเปน็ ละคร เปน็ ตน้ 4. ประสิทธภิ าพของนวตั กรรม 1. e-Learning ช่วยให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการถ่ายทอดเนื้อหา ผ่านมัลติมีเดียที่ได้รับการออกแบบและผลิตอย่างมีระบบจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพมากกวา่ การเรียนจากสอ่ื ขอ้ ความเพยี งอย่างเดยี ว 2. e-Learning ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนได้อย่าง ละเอยี ดและตลอดเวลา 3. e-Learning ช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้ โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลใด ก่อนหรือหลังก็ได้ ตามพ้นื ฐานความรู้ ความถนดั และความสนใจของตน ทำใหไ้ ดร้ บั ความรู้และมีการ จดจำที่ดขี ึ้น 4. e-Learning ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน และกับเพื่อน ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย 5. e-Learning เปน็ การเรยี นท่ีผูเ้ รียนแต่ละคน จะได้รบั เนอื้ หาของบทเรยี นเหมอื นเดมิ ทุกครงั้ 6. e-Learning ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ รวมทั้งเนื้อหามีความทันสมัย และ ตอบสนองตอ่ เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ในปัจจุบนั ได้อย่างทนั ที 7. e-Learning ทำให้เกิดการเรยี นการสอนแก่ผู้เรยี นในวงกว้างขึ้น เปน็ การสนบั สนุนการเรียนรู้ ตลอดชีวิต
18 องค์ประกอบท่ี 2 คณุ ประโยชน์ 1. ความสามารถในการแกป้ ัญหาหรือพฒั นา การเรยี นการสอนโดยผ่านระบบ e-learning นัน้ ขา้ พเจา้ คิดว่าเป็นทางเลือกทางการศึกษาอีกวิธีหน่ึง ที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตนสนใจได้ อีกทั้งยังมีอิสระในการเรียนโดยที่ผู้เรียนไม่จำเปน็ ต้องอยู่ แต่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้นผู้เรียนสามารถเรียนได้ในทุกสถานที่ตามที่ตนต้องการ เพราะในยุคปัจจุบันน้ัน เทคโนโลยตี ่างๆมกี ารพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ระบบเครือขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ สามารถเข้าถึงไดท้ ่วั ทุกมมุ โลก ดังน้ัน ไม่วา่ เราจะตรงส่วนใดของโลก เราน้ันกส็ ามารถเขา้ ถึงการศึกษาได้ 2. ประโยชน์ต่อบคุ คล มคี วามยดื หย่นุ ในการปรับเปลย่ี นเนอ้ื หา และ สะดวกในการเรยี น การเรียนการสอนผา่ นระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เปน็ องคป์ ระกอบหลัก นอกจากนผ้ี เู้ รียนก็สามารถเรยี นโดยไม่จำกัด เวลา และสถานท่ี เข้าถงึ ไดง้ า่ ย ผู้เรียน และผู้สอนสามารถเข้าถึง e-learning ได้ง่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรยี น อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรียนการ สอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้าถึงเครือข่าย อินเตอรเ์ น็ตกระทำไดง้ ่ายขนึ้ มาก และยงั มคี ่าเชอ่ื มต่ออนิ เตอร์เน็ตทีม่ รี าคาตำ่ ลงมากว่าแต่ก่อนอีกด้วย ปรับปรุงขอ้ มูลให้ทันสมัยกระทำไดง้ า่ ย เนอ่ื งจากผสู้ อน หรือผู้สรา้ งสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ไดจ้ ากทีใ่ ดก็ได้ การ แก้ไขข้อมลู และการปรบั ปรงุ ขอ้ มลู จงึ ทำได้ทันเวลาด้วยความรวดเร็ว ประหยัดเวลา และคา่ เดนิ ทาง ผู้เรยี นสามารถเรียนโดยใชเ้ คร่อื งคอมพิวเตอรเ์ คร่ืองใดก็ได้ โดยจำเปน็ ตอ้ งไปโรงเรียน หรอื ที่ทำงาน รวมท้งั ไมจ่ ำเป็นตอ้ งใชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอรเ์ ครื่องประจำกไ็ ด้ ซงึ่ เป็นการประหยัดเวลามาก การเรยี น การสอน หรอื การฝกึ อบรมดว้ ยระบบ e-Learning นี้ จะสามารถประหยดั เวลาถึง 50% ของเวลาทใ่ี ชค้ รูสอน หรืออบรม 1. ยดื หยุ่นในการปรับเปลย่ี นเนอ้ื หา และ สะดวกในการเรยี น การเรียนการสอนผ่านระบบ e-Learning นั้นง่ายต่อการแก้ไขเนื้อหา และกระทำได้ตลอดเวลา เพราะสามารถกระทำได้ตามใจของผู้สอน เนื่องจากระบบการผลิตจะใช้ คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากน้ีผ้เู รยี นกส็ ามารถเรียนโดยไมจ่ ำกดั เวลา และสถานที่ 2. เข้าถงึ ไดง้ า่ ย ผู้เรียน และผสู้ อนสามารถเขา้ ถึง e-learning ไดง้ ่าย โดยมากจะใช้ web browser ของค่ายใดก็ได้ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตบทเรียน อาจจะแนะนำให้ใช้ web browser แบบใดที่เหมาะกับสื่อการเรยี นการ สอนนั้นๆ) ผู้เรียนสามารถเรียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใดก็ได้ และในปัจจุบันนี้ การเข้ าถึงเครือข่าย อินเตอร์เนต็ กระทำไดง้ ่ายขึ้นมาก และยงั มคี ่าเช่อื มตอ่ อินเตอร์เน็ตทม่ี ีราคาตำ่ ลงมากว่าแต่กอ่ นอีกดว้ ย
19 3.ปรับปรงุ ใหท้ ันสมัยได้ง่าย เนื่องจากผู้สอน หรือผู้สร้างสรรค์งาน e-Learning จะสามารถเข้าถึง server ได้จากที่ใดก็ได้ การ แก้ไขขอ้ มูล และการปรับปรุงข้อมลู จงึ ทำได้ทันเวลาดว้ ยความรวดเรว็ 3. ประโยชนต์ ่อหน่วยงาน เป็นที่ทราบกันดีว่าในยุคเทคโนโลยีปัจจุบัน เราต่างเริ่มตระหนักถึงปัญหาของเด็กไทยกับพิษภัยจาก อินเตอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนดาบสองคมที่มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ในเวลาเดียวกัน การใช้ อินเตอร์เน็ต น้ันก่อประโยชนม์ หาศาล แต่ก็แอบแฝงไปด้วยอันตรายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรอ่ื งการเข้าถึง ข้อมูลทีไ่ ม่เหมาะสมของเด็ก คา่ นยิ มผดิ ๆ ในเรอ่ื งเพศ การล่อลวงในวงสนทนา นอกจากนีย้ ังมีเว็บไซต์ที่เต็มไป ด้วย เรื่องลามก และเรื่องความรุนแรงต่างๆ มากมาย สื่อสีดำและสีเทามมี ากมายในเกมส์โทรศัพท์มือถือที่อยู่ ใกล้บุตรหลานเราเสียยิ่งกว่าพ่อแม่ ซึ่งยากต่อการควบคุมตรวจสอบได้ อาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตเหล่าน้ี เป็นภัย ที่อันตรายมากพอที่จะกำหนดเส้นทางอนาคตของเด็กได้เลยทีเดียวจากการได้ใช้หลักสูตร Internet Awesome ช่วยสอนให้นักเรียน ได้รู้จักกับพื้นฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองยุคดิจิทัลและความปลอดภัย เพื่อให้พวกเขาออกไปท่องโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ส่งผลให้โรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์ เป็นสถานศึกษา ส่งเสริมการใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์และปลอดภยั
20 องค์ประกอบท่ี 3 ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ 1. ความแปลกใหม่ของนวัตกรรม การใช้เทคนิคเกม (Gamification) ในการเรียนออนไลน์ คือ การใช้เทคนิคสนุกๆ ที่มักอยู่ในเกมมา เพิ่มระดับการมีส่วนร่วมในการเรียนของผู้เรยี นและช่วยให้ผู้เรียนเข้าเรียนอย่างตอ่ เนื่องไม่ล้มเลิกกลางคัน ซ่ึง ได้รับการพิสูจน์ว่าให้ผลที่ดีจริง จนมีการใช้ในหลักสูตรต่างๆ ของ E-Learning มากขึ้น รวมถึงพัฒนารูปแบบ ของเกมให้หลากหลายมากขน้ึ Gamification ที่นอกเหนือจากความสนุกคือ ผลตอบแทน ที่ผู้จัดทำระบบเรียนออนไลน์ที่ใช้ Gamification อาจใชส้ ะสมคะแนนเพอื่ แลกรางวัลเปน็ แรงจูงใจเพิ่มได้อีก ให้รางวัลตามคะแนนทผี่ ู้เรียนได้จาก การเล่นเกมต่างๆ ในหลักสูตร ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับท้ังนักเรียนนกั ศึกษาและผู้ฝึกอบรมขององค์กรต่างๆ ขึ้นอยู่ กบั การจัดหาเกมให้เหมาะสมกบั ผเู้ ล่นดว้ ย การจัดการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในวงการคอมพิวเตอร์ใน ปัจจุบันที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของชาวโลกคือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ซึ่งเกิดจากการ เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในโลกเข้าด้วยกัน ภายใต้กฎเกณฑ์การต่อเชื่อม (Protocol) อย่าง เดียวกันที่เรียกว่า TCP/IP อินเทอร์เน็ตเป็นปรากฏการณ์ของคำว่า \"โลกาภิวัฒน์\" (Globalization) ที่เป็น รปู ธรรม โลกท้ังโลกสามารถตดิ ตอ่ ส่ือสารกันได้ ไมว่ า่ จะเพ่อื วตั ถุประสงค์ใด ในทางการศกึ ษา อนิ เทอร์เน็ตเป็น การเปิดกว้างของการให้โอกาสในการศึกษาหาความรู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน และเป็นการเปิดโอกาสที่ให้เกิด ความเทา่ เทียมสำหรับทุกคน ทีส่ ามารถจะเขา้ ถงึ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ลองนึกถงึ ความจริงทว่ี ่าเด็กไทยท่ีอยู่ บนดอยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็สามารถหาความรู้จากอินเทอร์เน็ตได้เท่าเทียมกันกับเด็กอเมริกันที่นิวยอร์ค และเท่ากับเด็กญี่ปุ่นที่โตเกียว อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งสะสมความรู้หรือที่บางคนเรียกว่า \"ขุมทรัพย์ความรู้\" เพราะในบรรดาคอมพิวเตอร์ท่ีต่อเช่ือมอยู่กบั อินเทอรเ์ น็ตนัน้ ต่างก็มีข้อมูลสะสมไว้มากมาย และวิธีให้บรกิ าร บนอนิ เทอรเ์ นต็ ก็ทำใหผ้ ้ใู ช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่าน้ันได้อย่างงา่ ยดาย ถ้าเจ้าของข้อมูลยอมเปิดใหเ้ ป็นข้อมูล สาธารณะ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมากเป็นข้อมูลที่ไม่มีการกลั่นกรอง ไม่มีการ รับรองความถูกต้อง ผ้ทู ต่ี อ้ งการใชข้ อ้ มลู จะต้องใชว้ ิจารณญาณในการเลือกแหล่งข้อมลู ท่ีเชื่อถือได้และนำมาใช้ เฉพาะข้อมูลท่เี ปน็ ประโยชน์เทา่ น้ัน อาจกลา่ วได้วา่ การศกึ ษาในยุคอนิ เทอรเ์ น็ตน้ันคือ การเรียนรทู้ ี่จะแยกแยะ และกลั่นกรองข้อมูลเพื่อนำข้อมูลมาเรียบเรียงและจัดระบบขึ้นเป็นความรู้ ขณะนี้มีงานวิจัยซึ่งพยายามสร้าง
21 กระบวนการอัตโนมัติ (โดยใช้คอมพิวเตอร์) ของการค้นหาข้อมูล (จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต) และนำมาเรียบ เรียงขึ้นเป็นความรู้ตามกฎเกณฑ์ที่ผู้ใช้สามารถระบุได้ ศาสตร์ใหม่แขนงนี้มีชื่อเรียกว่า วิศวกรรมความรู้ (Knowledge Engineering) ซึ่งมีการบริการ World Wide Web (WWW.) เป็นวิธีการให้บริการข้อมูลแบบ หนึ่งบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นวิธีการที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อความสะดวกต่อผู้ใช้ โดยอาศัยสมรรถนะที่สูงขึ้น มากของคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ WWW . ใช้กฎเกณฑ์การรับส่งข้อมูลแบบ Hypertext Transfer Protocol (http) ซ่งึ มจี ดุ เดน่ ที่สำคัญอยู่ 2 ประการคือ 1. สามารถทำการเชื่อมโยงและเรยี กขอ้ มลู ท่ีเกีย่ วข้องใหเ้ ข้ามาปรากฏได้ โดยวธิ กี ารที่เรยี กว่า Hyperlink 2. สามารถจดั การขอ้ มลู ไดห้ ลายรปู แบบไมว่ ่าจะเป็น ขอ้ ความ ภาพนิ่ง ภาพเคลอื่ นไหวเสยี ง และวดี ิทศั น์เป็ อนิ เทอร์เน็ตคือ โลกเสมือนจรงิ (Cyber Space) อินเทอร์เนต็ เป็นสิง่ ทป่ี ฏวิ ัติวิถีชีวติ ในโลกนอี้ ยา่ งกวา้ งขวาง การเปลีย่ นแปลงทีเ่ กดิ ข้นึ นนั้ มากยง่ิ กวา่ คร้ังใดๆ ใน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพราะกิจกรรมของมนุษย์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำมาหากิน การศึกษาหา ความรู้ การพักผ่อนหย่อนใจล้วนเปลี่ยนไปเพราะมีเทคโนโลยีอินเทอร์เนต็ การซื้อขายสินค้าและบริการเกือบ ทุกอย่างจะกระทำผ่าน อินเทอร์เน็ตในสัดส่วนที่มากขึ้นทุกวันด้วยอัตราการเจริญเติบโตแบบทวีคูณ สื่อ ข่าวสารและสื่อบันเทิงต่างๆ มีอยู่มากมายบนอินเทอร์เน็ต การศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตกำลังจะกลายเป็น รูปแบบปกติของการศึกษาในอนาคตอันใกล้ โลกของอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงโลกเสมือนจริงไม่มีตัวตนให้เรา สัมผัสได้ แต่ก็เป็นโลกที่สามารถบันดาลความจริงให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเราสั่งซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตกับ ร้านค้าที่ไม่มีอาคาร มีแต่หน้าร้านจำลองบนเว็ปไซต์ สินค้าก็ยังส่งมาถึงเราได้ เราฝากเงินกับธนาคารบน อินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้เงินที่ฝากไว้นั้นไปซื้อสินค้าได้ เราลงทะเบียนเรียนกับ \"Virtual University\" บน อินเทอรเ์ นต็ เรียนจบเราก็ไดร้ ับปริญญาซ่ึงเป็นท่ียอมรบั เชน่ เดียวกับปริญญาจากมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตจริง กิจกรรมเสมือนจริง (Virtual Activities) ต่างๆ เหล่านี้นับวันจะมีความแพร่หลายมากขึ้น และนับวันความ แตกต่างระหว่าง Virtual กับ Real และระหว่าง Cyber Space กับ Physical Space จะน้อยลงทุกทีแต่ Virtual กับ Cyber จะมีข้อได้เปรียบกว่าอย่างน้อยก็ในเรื่องความประหยัดค่าใช้จ่ายและในเรื่องความไร้ พรมแดนจะเห็นได้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเสมือน(Virtual) ทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตให้ผลที่เป็นจริงได้ก็คือ เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นการรวมเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมเข้าด้วยกัน ส่ิง เสมอื นต่างๆ บนอนิ เทอร์เน็ต
22 2. จดุ เด่นของนวัตกรรม E-Learning และ E-Training เป็นวิธีการเรียนการสอนที่มีข้อดีหลายอย่างชัดเจนที่ผู้อยู่ในแวดวง การศึกษาทั้งครูอาจารย์และนักเรีย*นนักศึกษาทราบกันอยู่แล้ว เช่น ความยืดหยุ่นเรื่องเวลาการเรียน คา่ ใชจ้ า่ ย ความสะดวกเรอ่ื งการเดนิ ทางและเวลา ในปี 2021 น้ีเป็นปีทม่ี คี วามทา้ ทายเพิ่มเข้ามาอีกหลายอย่าง เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) หรือสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเข้าถงึ ความรมู้ ากข้นึ เด็กเล็กเรียนรู้การพูดหรือการใช้ภาษาจากพ่อแม่และคนรอบข้าง การเข้าแถวผ่านเพื่อนร่วมชั้น อนุบาล สิง่ เหล่าน้ีเรียกว่าการเรยี นรู้ผ่านสังคม (Social Learning) โดยท่ีผ่านมา การเรยี นรู้ผ่านสังคมเป็นการ เรียนรู้ที่มาจากการเจอหน้ากัน ทว่าเวลาผ่านไป การปฏิสัมพันธ์ของคนในสังคมสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือ ออนไลน์มากขึ้นและหลากหลายรูปแบบ เช่น การตั้งกระทู้ถามตอบบนพื้นที่โซเชียลมีเดีย การอภิปรายด้วย การวิดีโอคอล ซึ่งทั้งหมดสามารถทำผ่านระบบการเรียนออนไลน์ได้เช่นกัน จึงไม่แปลกที่ในอนาคต นักเรียน ภาษาจะสามารถเรียนภาษาใหม่ได้ถึงระดับ intermediate หรือ near-native โดยไม่ต้องเจอหน้าเจอตัว ครผู ้สู อนเลยแม้แต่ครงั้ เดยี วมากขนึ้ ในอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลมากมายให้เลือกเรียนรู้ แต่จำนวนที่มากมายนี้ในบางมุมเป็นอุปสรรคต่อการ เข้าถึงชดุ ความรทู้ ่เี หมาะสมกบั ผเู้ รียน โดยผลสำรวจของ International Data Corporation ผู้ให้บริการข้อมูล การตลาดและธุรกิจ ชี้ว่าพนกั งานท่ีเรียนคอร์สออนไลน์ใชเ้ วลาต่อคนเฉลี่ย 9.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับการหา และพจิ ารณาข้อมูลความรกู้ ่อนจะตัดสินใจเรียน การจัดหมวดหมู่เนื้อหาความรู้ (Content Curation) จะเป็นสิ่งสำคัญต่อมาที่ระบบ E-Learning ต้องการและจำเป็นที่จะตอ้ งใหค้ วามสำคัญ โดยเฉพาะระบบที่มีแผนขยายกลุ่มผูเ้ รียนและธุรกิจการศึกษาของ ตัวเองให้กว้างขึ้นมากๆ ในอนาคต เพราะระบบการเรียนรู้ที่ดีควรเป็นระบบที่เอื้อต่อผู้เรียนทั้งเนื้อหา ความ สะดวกของการเรียน และช่วยจัดสรรวิชาที่ตรงตามความต้องการให้ผู้เรียนด้วยที่ผ่านมา อุปกรณ์ที่ใช้ เทคโนโลยีเสมือนจริงมีผลต่อการเรียนรู้ต่อผู้ใช้งานอยู่แล้ว แต่หากในอนาคตที่การเรียนผ่านระบบออนไลน์ ได้รับความนิยมมากขึน้ การใช้เทคโนโลยีเสมือนจรงิ ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย อาจจะเรียกว่า เทคโนโลยีเสมือน จริงและระบบ E- Learning
23 การประเมนิ ตัวช้ีวัดรว่ ม องคป์ ระกอบท่ี1 คณุ ภาพ ตัวช้วี ัด 1 ผลทเ่ี กิดกบั ผ้เู รียน 1.1 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนผา่ นการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ครบทั้ง 8 ขอ้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 นักเรียนประพฤติปฏิบัติตนตามคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ที่เปน็ จุดเน้นของสถานศึกษา ไดค้ รบทุกข้อ คิดเปน็ ร้อยละ 100
24 1.2 ผลงาน ช้ินงาน นกั เรียนไดร้ ับรางวลั /การยกย่องเชิดชูเกียรติ/ประกาศชมเชย จากหน่วยงานระดับเขต ระดับชาติ 1. นกั เรยี นทุกคนมผี ลงาน/ชิ้นงาน/ภาระงาน/ผลการปฏิบัตงิ านครบถ้วนตามทค่ี รูกำหนด 2. ผลงาน/ช้นิ งาน/ภาระงาน/ผลการปฏบิ ัติงานของนักเรยี นมีคณุ ภาพตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด ในระดบั ดีข้ึนไปคิดเปน็ ร้อยละ 80 3. ผลงาน/ชน้ิ งาน/ภาระงาน/ผลการปฏบิ ตั งิ านเกิดจากการปฏิบตั งิ านของนักเรียนตามหลักสตู รอยา่ ง แท้จริงและไดร้ บั การรบั รองจากผบู้ รหิ ารโรงเรยี น
25 1.3 การเผยแพรผ่ ลงานนกั เรยี น 1. นักเรียนได้นำเสนอ/จดั แสดง/แลกเปลี่ยนเรยี นร/ู้ ผลงาน/ชนิ้ งาน/ภาระงาน/ผลการปฏบิ ัตงิ าน ทีม่ ีคณุ ภาพใน รูป แบบตา่ ง ๆ ตามวาระและโอกาสในระดบั สถานศกึ ษาไมจ่ ำกดั จำนวนครง้ั 2. นักเรียนได้นำเสนอ/จดั แสดง/แลกเปลีย่ นเรยี นรู้/ผลงาน/ช้นิ งาน/ภาระงาน/ผลการปฏิบตั งิ าน ทม่ี ีคุณภาพในรูปแบบตา่ งๆ ตามวาระและโอกาสต่อสาธารณะในระดับเขต/จังหวัด อยา่ งน้อย 2 คร้งั ปี 3. นกั เรยี นไดน้ ำเสนอ/จัดแสดง/แลกเปลีย่ นเรียนร/ู้ ผลงาน/ชน้ิ งาน/ภาระงาน/ผลการปฏบิ ัตงิ าน ทมี่ ีคุณภาพในรูปแบบตา่ ง ๆ ตามวาระและโอกาสตอ่ สาธารณะในระดับภาค
26 1.4 การได้รบั รางวลั ยกย่องเชดิ ชู รางวัลระดบั เหรยี ญทอง ชนะเลิศ การประกวดโครงงานอาชพี
27
28 องค์ประกอบที่2 ผลการพัฒนาตนเอง ตวั ชว้ี ดั 2.1 เป็นแบบอย่างและเป็นท่ียอมรับจากบุคคลอื่นๆ พฒั นาตนเองในด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม การพัฒนาจติ อยา่ งนอ้ ยปีละ 1 คร้งั ขา้ พเจ้าพัฒนาตนเองในด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม การพัฒนาจติ เป็นประจำ สมำ่ เสมอ การขดั เกลาทางสงั คมเป็นกระบวนการท่สี ำคญั ตลอดชว่ งชีวิตของมนุษยท์ จ่ี ะเกิดข้ึนอย่างต่อเนื่อง ตัง้ แตว่ ัยเด็กจนถึงวยั ชรา (Bloom & Selznick, 1968) บุคคลทีม่ ีบทบาทสำคญั ในการขัดเกลาทางสังคมใหก้ ับ บุคคล ไดแ้ ก่ พ่อแม่ ครู เพื่อน พระ และส่ือมวลชน สำหรบั การพฒั นาคุณธรรมจริยธรรมตามแนวคดิ สังคม วทิ ยาสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี ดังสรปุ ได้ต่อไปน้ี (งามตา วนินทานนท์, 2534 : 122)
29 คณุ ธรรมพนื้ ฐานของผนู้ ำ “....ในฐานที่เปน็ ครอู าจารย์ หัวหน้างาน จำเป็นต้องมีความสจุ รติ ยตุ ธิ รรม ทำตวั ใหเ้ ป็นตัวอย่าง เปน็ ทพ่ี ึ่ง ของผู้อยใู่ ต้บังคับบญั ชา ไม่ยอมแพ้พา่ ยตอ่ ความโลภ ความลืมตวั ความรษิ ยา ความแตกรา้ ว ต้องม่งุ ม่ันในประโยชนอ์ ันรุง่ เรืองไพศาล ของสว่ นรวมเป็นเป้าหมาย จงึ จะได้ช่ือวา่ ประสบความสำเรจ็ และมชี ่อื เสียงเกียรติคุณทุกประการ ดังท่ีปรารถนา.........” พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช
30 การเขา้ ถึงชมุ ชนและการมจี ิตสาธารณะ ข้าพเจ้าเปน็ ผู้มีจิตสาธารณะ มคี ณุ ลกั ษณะท่ีแสดงออกถงึ การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมหรอื สถานการณ์ที่ ก่อให้เกิดประโยชน์แกผ่ ู้อ่นื ชมุ ชน และสังคม ดว้ ยความเตม็ ใจ กระตอื รือร้น โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นผู้ที่มี จิตสาธารณะ คือ ผู้ที่มีลักษณะเป็นผู้ให้และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตนเพื่อทำประโยชน์ แก่ ส่วนรวม เข้าใจ เห็นใจผทู้ ีม่ คี วามเดือดร้อน อาสาช่วยเหลอื สงั คม อนรุ ักษส์ ิง่ แวดล้อม ด้วยแรงกายสติ ปัญญา ลงมอื ปฏบิ ตั ิเพอ่ื แก้ปัญหา หรือรว่ มสรา้ งสรรค์สิง่ ทด่ี งี ามให้เกิดในชุมชน โดยไมห่ วงั สงิ่ ตอบแทน
31 ขา้ พเจ้าปฏิบัตติ นเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ท้ังในหนา้ ทร่ี าชการ และส่วนตน “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานมานาน กว่า ๓๐ ปี เป็นแนวคิดที่ต้ังอยู่บนรากฐานของวฒั นธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทาง สายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชวี ิต ที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึง่ จะนำไปสู่ “ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอยา่ งแท้จรงิ ขา้ พเจ้ามีหลกั ในปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่างท่ีดี ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เง่อื นไข ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ห่วง 1 ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเอง และ ผอู้ ืน่ เชน่ การผลิตและการบริโภคทอ่ี ยู่ในระดับพอประมาณ ห่วง 2 ความมีเหตผุ ล หมายถงึ การตัดสนิ ใจเกีย่ วกับระดบั ของความพอเพยี งน้ันจะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมเี หตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่าง รอบคอบ ห่วง 3 การมีภูมิคุ้มกันที่ดใี นตัว หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ทจ่ี ะเกิดข้นึ โดยคำนงึ ถึงความเปน็ ไปไดข้ องสถานการณ์ต่าง ๆ ท่คี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตท้ังใกลแ้ ละไกล ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เง่อื นไข 1. เงอ่ื นไข ความรู้ ประกอบด้วย ความรอบร้เู กย่ี วกับวิชาการต่าง ทเ่ี กย่ี วขอ้ งอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่ จะนำความรเู้ หล่านน้ั มาพจิ ารณาให้เช่อื มโยงกัน เพ่อื ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในขั้นปฏบิ ตั ิ 2. เงือ่ นไข คุณธรรม ท่จี ะตอ้ งเสรมิ สร้างประกอบดว้ ย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชอ่ื สตั ยส์ ุจริต และ มคี วามอดทน มีความพากเพยี ร ใชส้ ติปญั ญาในการดำเนินชีวิต
32 การทำสวนเกษตรอนิ ทรีย์ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ข้าพเจ้าทำการเกษตรที่บ้าน โดยการทำการเกษตรด้วยกรรมวิธีทางธรรมชาติ โดยที่พื้นที่ที่ทำเกษตร นั้น ไม่มีสารพิษ หรือสารเคมีตกค้างและหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทั้งทางดิน ทางน้ำ และทาง อากาศ เพื่อความสมบูรณ์ทางชวี ภาพในระบบนเิ วศนแ์ ละฟื้นฟสู ่ิงแวดล้อมใหเ้ ปน็ ไปตามสมดลุ ของธรรมชาติให้ มากท่ีสุด ไม่ใชส้ ารเคมีสงั เคราะห์ หรอื สิง่ ที่ได้มาจากการตัดต่อพันธุกรรม และมุ่งเน้นการใช้ปัจจัยการผลิตท่ีมี แผนการจัดการอย่างเป็นระบบในการผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ให้ได้ผลผลิตสูง อุดมด้วย คณุ คา่ ทางอาหารและปลอดสารพิษ ทั้งยังช่วยลดตน้ ทนุ การผลิต และสามารถประยกุ ตใ์ ชว้ ตั ถุดิบจากธรรมชาติ เพอ่ื คณุ ภาพชีวิต และสนับสนนุ แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สวนเกษตรอนิ ทรีย์ ทตี่ ้งั : หมู่3 ต.บา้ นถนิ่ อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ โทร 081-7244765
33 น้อมนำแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ข้าพเจ้าสอนได้ใช้แนวปรัชญาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy) ซึ่งเป็นปรัชญาท่ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดย ตลอดรวมถงึ การพัฒนาและบรหิ ารประเทศ ทต่ี ง้ั อยู่บนพื้นฐานของ ทางสายกลาง คำนงึ ถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการ วางแผน การตัดสนิ ใจ และการกระทำ โดยมหี ลกั สำคญั คือ 1.กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมี พื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิ ง ระบบทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงอยูต่ ลอดเวลา ม่งุ เน้นการรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤตเพือ่ ความม่ันคง และความย่ังยืน ของการพฒั นา 2.คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น การปฏิบตั บิ นทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขนั้ ตอน
34 ส่ือการสอน“เศรษฐกจิ พอเพียง” (Sufficiency Economy)
35 ตัวชว้ี ดั 2.2 พัฒนาตนเองอย่างต่อเนือ่ ง ((การได้รบั การพฒั นา/พฒั นาตนเองในรอบ2ปี) ข้าพเจ้ามีกระบวนการพัฒนาสมรรถนะของครูรายบุคคล โดยมีแผนการพัฒนาตนเองและดำเนินการ ตามแผนอยา่ งเป็นระบบและตอ่ เน่ือง สอดคล้องกบั สภาพการปฏบิ ัติงาน ความตอ้ งการจำเป็น องค์ความรู้ใหม่ หรือตามนโยบาย หรือแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานการศึกษาหรือส่วนราชการต้นสังกัด โดยนำความรู้ ความสามารถ ทักษะ ที่ได้จาก การพัฒนาตนเองมาพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพ ผู้เรียน 1. จัดทำแผนพฒั นาตนเอง ท่ีสอดคลอ้ งกับสภาพการปฏิบัติงานความต้องการจำเป็นหรือตามแผนกล ยุทธข์ องหนว่ ยงานการศึกษา หรือสว่ นราชการตน้ สงั กดั 2. พัฒนาตนเองตามแผน 3. นำความรู้ ความสามารถ และทักษะทไ่ี ด้จากการพัฒนาตนเองมาพฒั นานวัตกรรมการจัดการ เรยี นรทู้ ่ีส่งผลตอ่ คณุ ภาพผ้เู รียน 4. สรา้ งองคค์ วามรู้ใหมท่ ี่ไดจ้ ากการพฒั นาตนเอง 5. เป็นแบบอย่างทดี่ ี และเป็นผนู้ ำ
36 วนั เดอื น ปี รายการ หนว่ ยงานท่ีจัด คุรสุ ภาร่วมกับมหาวทิ ยาลัย 9 ต.ค. 63 เขา้ ร่วมงานเสวนา “ครยู ุคใหม่ เรียนรู้ใช้ ไอทีใกล้ตัว” สวนดสุ ติ 18 พ.ย. 63 การอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร เร่อื ง แนวทางการดำเนนิ งานของ โรงเรยี นวิไลเกียรติอุปถัมภ์ โรงเรยี นสุจริต งานมหกรรมทางการศกึ ษา 25-26 เข้าร่วมประชมุ เชิงปฏิบัติการ เพ่ือพัฒนาวชิ าชพี ครู ครั้งที่ 13 พ.ย. 63 เรื่อง การสตัฟฟ์ก้งุ เพอื่ ส่ือการสอน 25-26 เข้ารว่ มประชุมเชงิ ปฏิบัติการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง A day in a life กับการสอนดว้ ย iPad เพื่อพฒั นาวชิ าชีพครู ครง้ั ที่ 13 25-26 เขา้ รว่ มประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ พ.ย. 63 เรอื่ งAnti-Bully in School ลดการกลัน่ แกล้งในโรงเรียน งานมหกรรมทางการศกึ ษา 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ เพอ่ื พฒั นาวชิ าชพี ครู ครง้ั ท่ี 13 พ.ย. 63 เรื่อง Creating a New Normal English Lesson Plan งานมหกรรมทางการศึกษา for Kindergarten เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครงั้ ที่ 13 25-26 เข้ารว่ มประชุมเชงิ ปฏิบัติการ พ.ย. 63 เร่ือง KIDS CAN CODE: สื่อการเรยี นรู้ Unplugged งานมหกรรมทางการศกึ ษา เพอ่ื พัฒนาวชิ าชพี ครู ครัง้ ท่ี 13 Coding นอกห้องเรียน by NSM 25-26 เขา้ ร่วมประชมุ เชิงปฏิบัติการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง Psychology for Positive Learning Classroom เพื่อพฒั นาวิชาชพี ครู ครั้งท่ี 13 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ พ.ย. 63 เร่อื ง School leadership preparation in uncertain งานมหกรรมทางการศกึ ษา เพอื่ พฒั นาวชิ าชีพครู คร้งั ท่ี 13 times: A New Zealand perspective 25-26 เขา้ รว่ มประชุมเชิงปฏิบัติการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง Thematic approach and place-based เพอ่ื พัฒนาวิชาชีพครู ครง้ั ท่ี 13 learning in museum education งานมหกรรมทางการศึกษา 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ เพือ่ พัฒนาวชิ าชพี ครู ครั้งท่ี 13 พ.ย. 63 เรื่อง กงลอ้ สี่ทิศ: การเรียนรเู้ พือ่ เคารพในความแตกต่าง 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง กระบวนการสรา้ งนวตั กรรมSTEAM4INNOVATOR เพื่อพัฒนาวชิ าชพี ครู ครง้ั ท่ี 13 (1) งานมหกรรมทางการศกึ ษา 25-26 เขา้ รว่ มประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ เพื่อพัฒนาวชิ าชพี ครู คร้ังท่ี 13 พ.ย. 63
37 25-26 เรื่อง กลยุทธ์การปรับแผนการจัดการเรียนรู้เน้นครูเปน็ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 ศูนย์กลาง มาเปน็ เน้นการเรียนรูเ้ ชิงรุกแบบรวมพลงั บน เพ่อื พัฒนาวิชาชีพครู ครั้งที่ 13 ฐานสมรรถนะผา่ น PLC 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรื่อง การจดั การเรียนรบู้ นฐานสมรรถนะผา่ นกิจกรรม เพ่ือพฒั นาวชิ าชพี ครู ครง้ั ท่ี 13 25-26 เชิงรุกโดย iPad พ.ย. 63 เขา้ ร่วมประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ งานมหกรรมทางการศึกษา 25-26 เรื่อง การดูแลใจตนเองเพื่อการทำงานในวชิ าชพี ครู เพอ่ื พัฒนาวชิ าชีพครู ครง้ั ที่ 13 พ.ย. 63 เข้าร่วมประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ เรอ่ื ง การนิเทศเชิงรุกตามแนวคิด MC - LS - PLC งานมหกรรมทางการศึกษา 25-26 เข้าร่วมประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครง้ั ที่ 13 พ.ย. 63 เรอ่ื ง การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรยี น 25-26 ในศตวรรษที่ 21 โดยใชแ้ นวคิด STEAM Education งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เขา้ รว่ มประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ เพื่อพัฒนาวชิ าชพี ครู ครั้งท่ี 13 เร่อื ง การสตัฟฟ์ก้งุ เพ่ือส่อื การสอน 25-26 เข้ารว่ มประชมุ เชิงปฏบิ ัติการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง การสังเคราะหแ์ นวโนม้ และทศิ ทางการวิจยั ด้าน เพอ่ื พฒั นาวชิ าชีพครู ครง้ั ท่ี 13 สะเต็มศึกษา 25-26 เข้าร่วมประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรื่อง การออกแบบแผนการจัดการเรียนร้ทู เ่ี นน้ บูรณาการ เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครั้งท่ี 13 โดยใช้ “Kyozai Kenkyu (เคียวไซ เคงควิ )” 25-26 เข้ารว่ มประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง การเรยี นรู้ของนักศกึ ษาครผู ่าน PLC: ชว่ ยครู เพอ่ื พัฒนาวิชาชพี ครู ครั้งท่ี 13 25-26 มอื ใหม่กลา้ เปลย่ี นช้นั เรยี น พ.ย. 63 เขา้ ร่วมประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศึกษา เรอ่ื ง จิตวทิ ยาครูสูก่ ารสื่อสารเชงิ บวก เพื่อพฒั นาวชิ าชพี ครู ครั้งท่ี 13 25-26 เขา้ รว่ มประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ พ.ย. 63 เร่ือง สรา้ งสรรค์ผลงาน การจดั การเรียนรูด้ ้วย AR งานมหกรรมทางการศกึ ษา 25-26 และ Keynote เพอ่ื พฒั นาวชิ าชีพครู ครั้งที่ 13 พ.ย. 63 เขา้ ร่วมประชุมเชิงปฏิบตั ิการ เร่อื ง สรา้ งสรรค์หนังสอื ดจิ ิทัลดว้ ย iPad งานมหกรรมทางการศึกษา เขา้ ร่วมประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ เพอ่ื พัฒนาวิชาชพี ครู ครง้ั ที่ 13 งานมหกรรมทางการศกึ ษา เพื่อพัฒนาวชิ าชพี ครู ครั้งที่ 13
38 เรือ่ ง สอนโครงงานออนไลน์อยา่ งไร: เพ่ือเสริมสร้างชีวิต วิถใี หมข่ องพลเมอื งไทย 4.0 25-26 เขา้ รว่ มประชมุ เชิงปฏบิ ัติการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรือ่ ง สอ่ื online สำหรับเดก็ ในยคุ COVID-19 แค่ไหน เพอื่ พฒั นาวิชาชพี ครู ครงั้ ท่ี 13 ถึงจะดี 25-26 เขา้ รว่ มประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เร่ือง หลักสูตรฐานสมรรถนะและการเปน็ ครสู อนใหไ้ ดส้ มรรถนะ เพ่อื พฒั นาวชิ าชพี ครู ครัง้ ท่ี 13 25-26 เขา้ รว่ มประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เร่ือง ห้องเรียนแห่งความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละแรงบันดาลใจ เพ่อื พัฒนาวชิ าชีพครู คร้งั ท่ี 13 2 Technology around us 25-26 เข้ารว่ มประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรื่อง เตมิ เตม็ ศักยภาพนักเรียนดว้ ยกระบวนการ เพอ่ื พฒั นาวิชาชีพครู ครั้งท่ี 13 แก้ปญั หาอนาคต (Future Problem Solving; FPS) 25-26 เขา้ ร่วมประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศึกษา พ.ย. 63 เรอ่ื ง เทคนิคการสอนออนไลน์ดว้ ยเครื่องมือดจิ ิทลั 2020 เพื่อพัฒนาวิชาชพี ครู ครั้งท่ี 13 25-26 เข้าร่วมประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ งานมหกรรมทางการศกึ ษา พ.ย. 63 เรื่อง โครงงานวทิ ย์แบบคิดนอกห้อง เพ่ือพฒั นาวชิ าชพี ครู ครั้งที่ 13 16 ม.ค. 64 การเขา้ รว่ มกจิ กรรมและชมนิทรรศการ ครุ ุสภา เนือ่ งในโอกาสงานวนั ครแู ห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๔ “พลังครูไทยวิถีใหม่ ฉลาดร้เู ท่าทันดิจิทัล” 17 ม.ค. 64 โครงการหลักสูตรความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน กระทรวงศกึ ษาธิการ รว่ มกบั มลู นิธิ หลักสูตรการลดความเสย่ี งภัยพบิ ัติธรรมชาตแิ ละ ศุภนิมติ แห่งประเทศไทย และ กรม การปรับตัวรบั การเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 17 ม.ค. 64 การจัดการเรียนรวู้ ิทยาการคำนวณสำหรบั ครูขัน้ สงู สถาบนั ส่งเสริมการสอน วิทยาการข้อมลู (Coding Online for Teacher Plus: วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี C4T Plus-Data Science) หลักสูตรปญั ญาประดษิ ฐ์ (สสวท.) สำหรับโรงเรียน หลักสตู ร ๓ (AI for Schools Level 3) 23 ม.ค. 64 หลกั สตู รการจัดการเรียนรวู้ ทิ ยาการคำนวณ สำหรบั ครู สถาบันสง่ เสรมิ การสอน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) 24 ม.ค. 64 หลักสูตรการจดั การเรยี นรวู้ ิทยาการคำนวณ สำหรับครู สถาบนั สง่ เสรมิ การสอน มัธยมศึกษาปที ี่ 1-3 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
39 24 ม.ค. 64 ไดป้ ระกาศเกียรตคิ ุณ เปน็ ผสู้ ง่ เสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง มูลนธิ คิ รูดีของแผ่นดิน 29 ม.ค. 64 สร้างสรรคแ์ ละปลอดภัย ผ่านหลักสูตร Be Internet 29 ม.ค. 64 Awesome โดย Google สำนกั งานรับรองมาตรฐานและ 31 ม.ค. 64 เข้ารว่ มโครงการสง่ เสริมสถานศึกษาและประสานความ ประเมนิ คุณภาพการศึกษา 31 ม.ค. 64 รว่ มร่วมมอื กบั หนว่ ยงานตน้ สังกัดเพ่ือสรา้ งความรู้ ความ (องค์การมหาชน) 4 ก.พ. 64 เขา้ ใจเกีย่ วกับแนวทางการประเมนิ ภายนอก กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ร่วมกบั 6 ก.พ. 64 การเรียนรูก้ ัญชา และกญั ชงอย่างชาญฉลาดสำหรับ สำนกั งาน กศน. ประชาชน 9 ก.พ. 64 การพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนดว้ ย Active Learning ผา่ น สถาบันพฒั นาคุณภาพวิชาการ 10 ก.พ. 64 กระบวนการ GPAS 5 Steps ส่กู ารสรา้ งนวัตกรรมของ (พว.) 23 ก.พ. 64 กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ ระดับประถมศกึ ษา การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียนดว้ ย Active Learning ผา่ น สถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ กระบวนการ GPAS 5 Steps สู่การสร้างนวัตกรรมของ (พว.) กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี ระดบั มัธยมศกึ ษา รว่ มการประชุมทางวชิ าการสภาการศกึ ษาเสวนา สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา (OEC Forum) คร้ังที่ 1 หลักสูตรการเสรมิ สร้างความเข้มแข็งในการจัดเก็บข้อมลู กลุ่มทะเบียนและสารสนเทศ สารสนเทศดา้ น ทางการศึกษา สำนักทดสอบทาง การจบการศึกษาและการใหบ้ ริการขอ้ มลู ทางการศึกษา การศกึ ษาสำนกั งานคณะกรรมการ สำหรับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและสถานศึกษาผ่านระบบ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-learning)” การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน หลักสตู รการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อคัดกรองนักเรยี นทนุ เสมอภาค กองทุนเพื่อความเสมอภาคทาง หลักสตู ร การเขยี นโปรแกรม Scratch การศึกษา (กสศ.) (Coding Online for Teacher Plus: C4T Plus- Scratch) รนุ่ ท่ี 2 สถาบนั ส่งเสริมการสอน เขา้ ร่วมเสวนาออนไลน์ หัวขอ้ “แนวทางการประเมิน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี คุณภาพภายนอก ภายใตส้ ถานการณ์ COVID-19 และการ ดำเนนิ งานของหน่วยงานต้นสังกัด” (สสวท.) สำนกั งานรบั รองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)
40 รายงานผลการอบรม เอกสารหลักฐานทแี่ สดงถงึ การอบรม เอกสารหลักฐานทแ่ี สดงถงึ การอบรม
41
42 ขา้ พเจา้ ได้พฒั นาตนเองตามสมรรถนะหลกั และประจำสายงานโดยสรุป ดังนี้ สมรรถนะหลกั 1. การมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ ประกอบด้วย 1)ความสามารถในการวางแผนการปฏิบัติงาน 2) ความสามารถในการปฏบิ ัติงาน 3) ผลการปฏบิ ตั งิ าน ขา้ พเจ้าไดว้ างแผนการปฏิบตั ิงานทเ่ี น้นผูเ้ รียนเป็นสำคัญได้ปฏบิ ตั ิงานจรงิ จาก ส่ือของจรงิ สอ่ื รอบตวั ในชีวิตประจำวัน นวัตกรรมใช้ที่มปี ระสิทธภิ าพ มผี ลทำให้ผ้เู รยี นสนใจ ตง้ั ใจ มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีดีขึ้น มีทักษะในการปฏิบัติกิจกรรมตาม ศักยภาพของแต่ละบุคคล 2. การบริการท่ีดี ประกอบด้วย 1) ความสามารถในการสร้างระบบการให้บรกิ าร 2) ความสามารถในการให้บริการ ข้าพเจ้าได้ให้บริการผลงานทางวิชาการ ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ เพื่อนครู ผปู้ กครองและชุมชน เปน็ การเผยแพร่นวัตกรรมไปดว้ ย มผี ลทำใหข้ ้าราชการครแู นวทางใน การจัดการความร้ใู หแ้ กต่ นเองและผู้เรยี น ชุมชนได้รับการพัฒนาในส่งิ ทถี่ กู ต้อง 3. การพฒั นาตนเอง ประกอบดว้ ย 1) ความสามารถในการวางแผนเพ่ือการปฏิบัติ 2) ความสามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร 3) ความสามารถในการติดตามความเคลอ่ื นไหวทางวิชาการและวิชาชีพ 4) ความสามารถในการประมวลความรู้และการนำความรู้มาใช้ ข้าพเจ้าได้เข้ารับการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน ศึกษาจากเอกสาร สืบค้นข้อมูลจาก web site ต่าง ๆ ตลอดทั้งแลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลอน่ื ทำให้ข้าพเจา้ มีความร้มู าพฒั นางานในหน้าที่ เกดิ ประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา 4. การทำงานเปน็ ทีม ประกอบดว้ ย 1) ความสามารถในการวางแผนการปฏิบัติงาน และ 2) ความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกัน ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าทำงานหลายคนดีกว่าทำงานคน เดียว ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ มีความสุขในการทำงานและ สามารถทำงานไดส้ ำเรจ็
43 สมรรถนะประจำสายงาน การจัดการเรยี นรู้ ประกอบด้วย 1) ความสามารถในการสร้างและการพฒั นาหลักสูตร 1) ความสามารถในเน้ือหาสาระทส่ี อน 3) ความสามารถในการจดั กระบวนการเรยี นรู้ที่เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ 4) ความสามารถในการใชแ้ ละพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือจัดการเรยี นรู้ และ 5) ความสามารถในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้วางแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญโดยยึดแนวคิด ทฤษฎีการเรียนรู้มาประยุกต์ใช้ในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ปรับปรงุ ขอ้ บกพร่องแล้วนำมาประยกุ ต์ใช้ใหเ้ กดิ ผลดตี ่อการจัดการเรียนรู้ 6. การพฒั นาผู้เรยี น ประกอบด้วย 1) การปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม แก่ผู้เรยี น 2) ส่งเสริมกจิ กรรมความคิดวิเคราะห์ให้แกผ่ เู้ รยี น 3) ส่งเสริมทักษะและกระบวนการเรยี นรู้ ข้าพเจ้าได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมใน แผนการจัดการเรยี นรู้ทกุ แผนทำใหผ้ เู้ รยี นมีคุณลกั ษณะอันพึงประสงคห์ ลายประการ 7. การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน ประกอบดว้ ย 1) ความสามารถในการจดั บรรยากาศในการเรยี นรู้ 2) ความสามารถในการจดั ทำขอ้ มลู สารสนเทศ 3) ความสามารถในการกำกับดแู ลชั้นเรยี นข้าพเจา้ ได้จัดบรรยากาศในชั้นเรียนเสมือนบ้านจัด ปา้ ยนิเทศทำเอกสารเดก็ รายบคุ คล จดั ระบบดูแลช่วยเหลอื เด็กเพื่อนำข้อมลู ไปพัฒนาผู้เรียน ทำใหผ้ ูเ้ รียนมีความสุขในการเรยี น ครูเป็นแบบอยา่ งท่ดี ี ในการรวบรวมข้อมูลอย่างเปน็ ระบบ 8. การวิเคราะห์ สังเคราะห์และการวิจยั ในช้นั เรยี น ประกอบด้วย 1) ความสามารถในการวิเคราะห์ 2) ความสามารถในการสงั เคราะห์ 3) ความสามารถในการเขียนผลงานทางวชิ าการ และ 4) ความสามารถในการวิจัย ข้าพเจ้ามีความสามารถในการวิจัยและเขียนผลงานทาง วิชาการ ทำให้แก้ปัญหาในชั้นเรียน อย่างถูกต้องถูกวิธี ต่อเนื่อง และเป็นระบบส่งผลให้ ขา้ พเจา้ ได้มผี ลงานทางวิชาการเพ่อื ขอให้มหี รือเล่ือนวทิ ยฐานะท่ีสูงข้นึ ตอ่ ไป 9. การสร้างความร่วมมอื กับชุมชน ประกอบด้วย1) ความสามารถในการวางแผนนำชมุ ชนุ มีส่วนร่วม ในกจิ กรรมของสถานศึกษาและ 1)ความสามารถในการเข้ารว่ มกจิ กรรมของชุมชน ข้าพเจ้าได้ประสานความร่วมมือกับชุมชน เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรยี นเชิญเป็นวิทยากรภายนอก ให้ความรู้แก่นักเรียน นักเรียนไปศึกษาจากแหลง่ เรยี นรูใ้ นชมุ ชน เช่น สวนพืชผกั ไรน่ าสวนผสม รา้ นคา้ ชุมชน วัด งานบญุ ประเพณีในชุมชน จากผล การติดต่อกับผู้ปกครองเด็ก ทำให้ผู้ปกครองเข้าใจการจัดการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศึกษา ภาคภูมิใจที่ครูเอาใจใส่ต่อบุตรหลานของตนเอง เห็นความสำคัญการจัดการศึกษา เข้าร่วมพัฒนา โรงเรียน สนับสนนุ อุทิศแรงกาย และทุนทรพั ยช์ ว่ ยเหลอื กจิ การของโรงเรียน
44 10. วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี ประกอบด้วย 1) การมีวินัย 2) การประพฤติปฏบิ ัติตนเป็นแบบอย่างทดี่ ี 3) การดำรงชวี ติ อย่างเหมาะสม 4) ความรกั และศรัทธาในวชิ าชีพ 5) ความรับผิดชอบในวิชาชีพ ข้าพเจ้ามีวินัยในตนเอง ไม่เคยกระทำผิดแม้แต่คำว่ากล่าว ตักเตือน ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กและชุมชน ดำรงชีวิต อย่างเหมาะสม โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงข้าพเจ้าสมัครเป็นสมาชิกคุรุสภา ตั้งแต่เริม่ บรรจุจนถึงปจั จุบนั ข้าพเจ้ารักและศรทั ธาในวชิ าชีพครู เพราะครูเป็นปูชนียบุคคล หน้าทีค่ รูนน้ั ย่ิงใหญ่ เป็นผูส้ ร้างคนให้เปน็ คนเม่อื ประเทศชาติมีแต่คนดีชาตนิ ้ันก็เจรญิ รุ่งเรือง จากการปฏิบัติหน้าที่ครู มีส่วนร่วมด้านวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เป็น สมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่น ชื่นชม ภูมิใจในความเป็นครูและ องค์กรวิชาชพี ครูวา่ มีความสำคญั จำเปน็ ตอ่ สงั คม
45 องคป์ ระกอบที่3 การดำเนินงาน /ผลงานทีเ่ ปน็ เลศิ ตวั ชว้ี ัด 1 การนำองค์ความรู้จากการไดร้ บั การพัฒนาหรอื การพฒั นาตนเองไปใชป้ ระโยชน์ 1.1 นำไปพฒั นานกั เรยี นแบบองคร์ วมได้ ความรู้ ทักษะ กระบวนการ และเจตคติ จากการจัดกิจกรรมของข้าพเจ้า ที่ใช้การเรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการ เรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกวา่ เนื้อหาวชิ า เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่าน สื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ขึน้ โดยกระบวนการคิดข้ันสูง กล่าวคือ ผู้เรียนมกี ารวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่าจากสิง่ ท่ี ไดร้ ับจากกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทำให้การเรยี นรู้เปน็ ไปอย่างมีความหมายและนำไปใชใ้ นสถานการณ์อื่นๆได้อย่าง มีประสิทธภิ าพ จึงทำให้เกิดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ท้าทายครู (Teaching as a Challenge) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ครูไม่ใช่ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน แต่เป็นผู้คอย กระตุ้น ชี้แนะ และให้ความสะดวกใน การเรียนรู้ของผู้เรียน โครงงานบางโครงงานครูเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับ ผเู้ รียน ครูรว่ มกนั คิดหาวธิ แี กป้ ญั หา ลงมอื ปฏิบตั ิไปด้วยกัน ถือเปน็ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั กจิ กรรมท่เี ปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ โดยอาศัย กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอื่นไปใช้ในการศึกษาหาคําตอบ โดยมีครูผู้สอนคอยกระตุ้น แนะนําและให้คําปรึกษาแก่ผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกหัวข้อที่จะศึกษาค้นคว้า ดําเนินการวางแผน กําหนดขน้ั ตอนการดําเนนิ งาน และการนาํ เสนอผลงาน
46 นำไปพฒั นานักเรยี นแบบองค์รวมได้ ความรู้ ทักษะ กระบวนการ และเจตคติ สรา้ งบรรยากาศของการมสี ่วนรว่ ม และการเจรจาโตต้ อบทส่ี ง่ เสริมให้ผู้เรยี นมปี ฏิสัมพนั ธ์ที่ดี กับผสู้ อนและเพื่อนในช้นั เรียน
47 นำไปใชบ้ รู ณาการ กบั หนว่ ย/เรอ่ื งอื่นๆได้ มีการบูรณาการการเรียนการสอนให้เด็กและเยาวชนเห็นถึงความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ ทั้งด้าน สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งความเป็นองค์รวมนี้จะเกิดขึ้นได้ ครูต้องโดยใช้ความรู้และ คณุ ธรรมเป็นปัจจยั ในการขับเคลอ่ื น นอกจากน้ี ในการส่งเสรมิ มกี ารนำหลักปรชั ญาฯไปใชใ้ นสถานศกึ ษาใช้วธิ ี “เขา้ ใจ เขา้ ถึง และพัฒนา” ตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เข้าใจเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงก่อน โดยเข้าใจว่า แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นแนวคิดที่สามารถเริ่ม ต้น และปลูกฝังได้ผ่านการทำกิจกรรม ตา่ งๆ ในโรงเรียน เชน่ กิจกรรมการรักษาส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรียน กิจกรรมยวุ เกษตรกร ฯลฯ
48 การนำไปใชเ้ ปน็ ตน้ แบบเผยแพร่ขยายผลได้ ข้าพเจ้ามีแนวปฏิบัติทีด่ ีเรื่องสมุนไพรพื้นบ้านน้ำมันเขยี วด้วยกระบวนการ ADDIE Model จัดทำขึ้น โดยเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพของเด็กและเยาวชนทางการงานอาชีพ ที่มุ่งเน้นจัดกระบวนการเรียนรู้อาชีพ การเกษตรอย่างครบวงจร และเป็นระบบตั้งแต่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนถึงการนำผลผลิตไปใช้ ประโยชน์ โดยมวี ัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพือ่ ทำสมนุ ไพรพืน้ บ้านน้ำมนั เขียว 2) เพ่ือนำสมนุ ไพรไทยในท้องถิ่นมา ทำเปน็ ผลติ ภณั ฑ์น้ำมันเขียว 3) เพือ่ ให้นกั เรยี นมีทักษะชีวิตและการแก้ปญั หาเพ่ือใช้ในการประกอบอาชีพได้ 1. ได้นำผลิตภัณฑ์นำ้ มนั เขยี วไปจัดจำหน่ายทุกๆวันพระ ณ วัดชนิ วรารามวรวิหาร 2. มสี ือ่ และการเผยแพร่ โดยจัดทำแผน่ พับเผยแพรผ่ ลงานการศึกษาสมนุ ไพรไทยในท้องถ่ิน Facebook Fanpage น้ำมนั เขยี วฤทธเ์ิ ยน็ วชร. Line@wom5124h ใชเ้ ปน็ ช่องทางในการใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับการส่งเสรมิ อาชพี 3. ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันการประกวดโครงงานอาชีพ ป.4-ป.6 เรื่องสมุนไพรพื้นบ้านน้ำมัน เขยี ว ในงานมหกรรมความสามารถทางศลิ ปหตั ถกรรม วชิ าการ และเทคโนโลยีของนกั เรยี น ปีการศกึ ษา 2562 สังกัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ณ จังหวัดปทมุ ธานี ระหวา่ ง วนั ที่ 30 กนั ยายน – 4 ตลุ าคม 2562 4. ได้รับรางวัลเหรียญทอง การแข่งขันการประกวดโครงงานอาชีพ ป.4-ป.6 เรื่องสมุนไพรพื้นบ้าน น้ำมันเขียว ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 69 ปีการศึกษา 2562 ระดับชาติ ภาคกลางและภาค ตะวนั ออก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ระหว่าง วันที่ 7 - 9 เดือนธนั วาคม พ.ศ. 2562 5. เข้าร่วมแสดงงาน และจำหน่ายสินค้า สมุนไพรพื้นบ้านน้ำมันเขียว ในกิจกรรมส่งเสริมการ ทอ่ งเทย่ี ววถิ ชี ีวิตสายนำ้ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัดชนิ วรารามวรวหิ าร จังหวดั ปทุมธานี ระหวา่ งวนั ท่ี 25-29 ธนั วาคม 2562 6. จดั นิทรรศการแสดงผลงานสมนุ ไพรพ้นื บ้านน้ำมันเขียว งานมหกรรมวชิ าการ “การพฒั นาเด็กและ เยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” (กลุ่มโรงเรยี น กพด.) และ “Open House วชร.” ในวนั ที่ 24 มกราคม 2563 ณ โรงเรยี นวดั ชนิ วราราม (เจรญิ ผลวทิ ยาเวศม)์
49 เชื่อมโยงนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั นักเรยี น • นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจในการทาํ นํ้ามนั เขียว • นักเรยี นสามารถพฒั นาต่อยอดและสรา้ งอาชพี ได้ โรงเรยี น • โรงเรียนไดห้ ลักสตู รในการจดั กิจกรรมการทําน้าํ มันเขียว • โรงเรยี นสามารถสรา้ งอาชีพใหค้ นในชมุ ชนได้ ชุมชน • ชุมชนได้ตระหนกั ถงึ คุณคา่ ของสมุนไพรในท้องถิ่น • ชมุ ชนสามารถนาํ ความร้ไู ปพัฒนาต่อยอดได้
50 บทความวชิ าการ 1.2 การแก้ปัญหา/การพัฒนาผู้เรยี น การแกป้ ัญหา/พัฒนาผูเ้ รียนโดยใชก้ ระบวนการวิจยั ในชั้นเรยี น ข้าพเจ้ามีการทำวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาและพัฒนางานที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนใน ชั้นเรยี นโดยอาศยั กระบวนการวิจยั ในการดำเนินงานทง้ั นี้มีเปา้ หมายสำคัญทอี่ ยู่ทก่ี ารเรียนรู้ทีส่ ำคัญของผู้เรียน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงคท์ ่ีกำหนดไว้ในหลักสตู รการศึกษาในแต่ละระดบั
Search